Reincarnation Of The Strongest Sword God 2597-2598
ตอนที่ 2597 ความเปลี่ยนแปลงของเมืองที่สาบสูญ
เมืองที่สาบสูญ สถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีก :
ไซเร้นวอร์นเดอร์เข้ามาในลานของสถานที่พักกิลด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวล
เธออยู่ในระดับมาตราฐานครึ่งก้าวก่อนขอบเขตอนันต์แล้ว และการจะทะลวงเข้าไปให้ได้นั้นมันก็มีความเป็นไปได้สูงมาก แรงบันดาลใจเพียงแวบเดียวคือสิ่งที่เธอต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานะปัจจุบันของเธอ เธอได้ปรับแต่งการควบคุมของเธอ และผลักดันประสาทสัมผัสทั้งห้าของเธอจนถึงขีดจำกัดแล้ว และตอนนี้มันก็ทำให้การทะลวงเข้าสู่ขอบเขตอนันต์ในการต่อสู้ครั้งเดียวนั้นก็เป็นไปได้ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น เธอต้องการแค่แรงบันดาลใจแวบเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะไปถึงขอบเขตอนันต์ได้ก่อนที่การแข่งขันระหว่างตระกูลจะเริ่มต้นขึ้น แต่มาตราฐานการต่อสู้ของเธอก็จะยังคงเทียบเหล่าเหล่าอัจฉริยะของหอการค้าอาซูไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นเธอจึงพยายามทำความเข้าใจอยู่ว่าทำไมซือเฟิงให้เธอมาฝึกที่เมืองที่สาบสูญ
นี่ไม่ใช่การมาเยือนเมืองนี้ครั้งแรกของเธอ และเธอก็ได้รับรู้ถึงผลกระทบที่น่าประหลาดใจของหอคอยพิเศษแล้ว หอคอยนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอสามารถไปถึงขอบเขตที่แท้จริงได้ แม้ว่าเธอจะยังอยู่ห่างจากขอบเขตที่แท้จริงขั้นสูง และขอบเขตสวรรค์ก็ตาม ในความเป็นจริงการจะเข้าถึงขอบเขตสวรรค์ให้ได้จะยากกว่าการไปให้ถึงขอบเขตอนันต์ซะอีก
“ห้ะ ? สถานที่นี้ ….”
อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะทันได้ออกจากวงเวทย์เทเลพอร์ต ฉากตรงหน้ามันก็ทำให้ไซเร้นวอร์นเดอร์ตกตะลึงมากๆ
สมาชิกของสภาสิบแปดปีกหลายคนกำลังต่อสู้กับผีที่เป็นร่างปลอมของตัวเองอยู่ทั้งในและนอกสถานที่พักกิล ซึ่งการต่อสู้ของพวกเขานั้นก็ดุเดือด และบางคนก็ถึงขั้นตายลง ในขณะเดียวกันสมาชิกสภาสิบแปดปีกที่เฝ้ามองจากด้านข้างนั้นก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความอิจฉาอย่างมาก
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ไซเร้นวอร์นเดอร์ประหลาดใจอย่างแท้จริงก็คือความหนาแน่นของมานาที่ต่ำอย่างไม่น่าเชื่อภายในเมืองที่สาบสูญ เธอไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการไหลเวียนของมานารอบตัว ในทางกลับกัน เธอกับรู้สึกถึงมานาภายในตัวเธอเองชัดเจนมากกว่าปกติ และเธอก็ยังพบว่ามันง่ายกว่าที่จะจัดการมานาภายในตัวเธอเอง ยิ่งไปกว่านั้นจิตใจของเธอก็ยังไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือตีบตันใดๆในเมืองที่สาบสูญ ซึ่งมันไม่เหมือนกับสภาพแวดล้อที่ขาดมานาส่วนใหญ่เลย
ดังนั้นนี้มันจึงทำให้เธอรู้ดีว่าสภาพแวดล้อมแบบนี้นั้นมันมีค่ามากแค่ไหน
ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของมหาอำนาจต่างๆนั้นล้วนยังวุ่นวายและพยายามหาวิธีปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองที่มีประสิทธิภาพอยู่เลย แต่แค่การจะรับรู้มานาภายในร่างกายของตัวเองนั้นมันก็ยากอย่างไม่น่าเชื่อ นับประสาอะไรกับเรื่องอื่น
อย่างไรก็ตามสภาพแวดล้อมของเมืองที่สาบสูญนั้นกับทำให้ผู้เล่นสังเกตเห็นได้ถึงมานาภายในตัวเองได้ง่ายขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วมันจะเป็นประโยชน์อย่างมากในระหว่างที่พวกเขาพยายามทำการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของงตัวเอง
ถึงกระนั้นแม้จะเป็นแบบนี้ ไซเร้นวอร์นเดอร์ก็ยังอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว และคิดวนกลับไปยังความคิดเดิมของเธอ
แม้ว่าสภาพแวดล้อมการฝึกของเมืองที่สาบสูญจะดีขึ้น แต่เธอก็ยังมีเวลาเหลือแค่เพียงหกวันเท่านั้น และเนื่องจากการเดินทางไปยังทวีปด้านตะวันตกนั้นต้องใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม ดังนั้นเธอจึงจะเหลือเวลาการฝึกอยู่เพียงแค่ห้าวันเท่านั้น และแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีประโยชน์เช่นนี้ แต่การพยายามปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเธอให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ในห้าวันนั้นมันก็ยังไม่น่าจะเป็นไปได้อยู่ดี
อย่างไรก็ตามเมื่อไซเร้นวอร์นเดอร์เข้าสู่หอคอยพิเศษ เธอก็ต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง
หากเมืองที่สาบสูญเป็นสนามฝึกซ้อมอันล้ำค่า หอคอยศักสิทธิ์ก็จัดเป็นสนามฝึก
ซ้อมอันศักสิทธิ์เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้เล่นที่พยายามจะเพิ่มการควบคุมมานาของตัวเอง ในหอคอยพิเศษ เธอสามารถสัมผัสได้ถึงองค์ประกอบธาตุทั้งเจ็ดของมานารอบตัวเธอ และรูปแบบการเคลื่อนไหวของพวกมัน ซึ่งมันให้ความรู้สึกไม่เหมือนที่ไหนใน God domain เลย
“เธอคิดยังไง ? เธอคิดว่าจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้ก่อนที่การแข่งขันระหว่างตระกูลจะเริ่มขึ้นรึปล่าว ?” ซือเฟิงถาม ในขณะที่เขาเดินเข้าใกล้ไซเร้นวอร์นเดอร์ด้วยรอยยิ้ม เมื่อเขาได้เห็นสีหน้างุนงงของเธอ
God domain เสนอวิธีการต่างๆในการเพิ่มพลังการต่อสู้มากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ผู้เล่นมาถึงขั้นสามแล้ว ประโยชน์ที่ผู้เล่นขั้นสามจะได้รับจากการปรับปรุงการควบคุมมานาของพวกเขานั้นไม่ได้น้อยไปกว่าสิ่งที่พวกเขาจะได้รับจากการฝึกฝนมาตราฐานการต่อสู้ของพวกเขาเลย
“ฉันสามารถมาฝึกที่นี่เป็นประจำได้ไหม ?” ไซเร้นวอร์นเดอร์ถาม
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้มายืนอยู่ในหอคอยพิเศษ แต่มันก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เธอพบว่ามันยากที่จะเชื่ออย่างแท้จริงว่าเธอสามารถใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกฝนในสถานที่อันศักสิทธิ์นี้ได้ เพราะท้ายที่สุดสภาพแวดล้อมนี้มันน่าตกตะลึงมากจริงๆ และมันน่าจะต้องจ่ายในราคาสูงเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมแบบนี้ไว้
“แน่นอน” ซือเฟิงกล่าวยืนยันพลางพยักหน้า
เขาเข้าใจถึงความกังวลของไซเร้นวอร์นเดอร์ และการดูแลรักษาหอคอยพิเศษนั้นก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากจริงๆ หลังจากปลดล๊อคและเปิดใช้งานชั้นที่สามของหอคอยพิเศษแล้ว เขาจะต้องจ่ายเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สองหมื่นชิ้นต่อวันเพื่อให้รูนศักสิทธิ์ของชั้นสามใช้งานได้ ซึ่งมันจะไม่มีกิลชั้นสูงกิลไหนสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายมากขนาดนี้ได้แน่นอน แต่นั่นมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับสภาสิบแปดปีก สภาสิบแปดปีกเป็นมากกว่านั้นแล้ว และสามารถทำให้หอคอยทำงานได้อย่างเต็มที่ทุกวัน
“แม้ว่าฉันจะไม่สามารถให้คำสัญญาใดๆได้ แต่ฉันคิดว่าฉันก็มีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จก่อนการแข่งขัน” ไซเร้นวอร์นเดอร์กล่าว หลังจากครุ่นคิดถึงเรื่องนี้แล้ว “ว่าแต่หัวหน้ากิลแน่ใจจริงๆหรอว่าจะไปเยี่ยมเยียนไวโอเล็ตซอร์ดน่ะหัวหน้า ? มองแค่พื้นผิวไวโอเล็ตซอร์ดนั้นอาจเป็นเพียงกิลและองค์กรเดียวที่กดดันตระกูลฉัน แต่จริงๆแล้วกิลนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทซีอุสในเรื่องนี้ ซึ่งหากสถานการณ์ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม กิลของเราอาจไม่สามารถอยู่ในทวีปด้านตะวันตกได้อีกต่อไปเลยนะ …”
มันต้องขอบคุณประสบการณ์ของเธอและโพชั่นโบราณที่ซือเฟิงมอบให้เธอ ซึ่งมันทำให้เธอปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเธอไปได้มากกว่าสามสิบเปอเซ็นต์แล้ว และตอนนี้หากเธอมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนในหอคอยพิเศษ การจะเข้าถึงระดับหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ให้ได้ มันก็มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามการแข่งขันระหว่างตระกูลนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย บริษัทซีอุสต่างหากที่เป็นปัญหาที่แท้จริง
กิลและองค์กรในทวีปด้านตะวันตกที่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทซีอุสนั้นไม่ได้มีแค่หอการค้าอาซู และไวโอเล็ตซอร์ด บริษัทนั้นมีหุ้นจำนวนหนึ่งอยู่ในพันธมิตรนักผจญภัยบางกลุ่มด้วยเช่นกัน และแม้จะไม่มีพลังของไวโอเล็ตซอร์ด แต่บริษัทซีอุสก็จะสามารถทำลายมหาอำนาจกลุ่มหนึ่งของทวีปด้านตะวันตกได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ตั้งค่าหัว
ในขณะเดียวกันพลังส่วนใหญ่ของสภาสิบแปดปีกนั้นก็อยู่แค่ในทวีปด้านตะวันออก โดยเฉพาะกับป่าใบไม้ผลิเท่านั้น นอกจากนี้มันยังมีมหาอำนาจในทวีปด้านตะวันออกจำนวนหนึ่งที่ตั้งเป้ามาที่สภาสิบแปดปีก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงถ้าพวกเขาไปก่อเรื่องในทวีปด้านตะวันตก หรือที่ก่อไปแล้วเลย ….
“ตราบใดที่เธอทำเรื่องนี้ในตอนนี้ออกมาได้ดี ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องบริษัทซีอุสหรอก และหากพวกเขาต้องการจะต่อสู้จนถึงจุดจบ ฉันก็ไม่มีปัญหาที่จะต่อสู้กับพวกเขา” ซือเฟิงกล่าวอย่างมั่นใจในกิลของเขา
“ถูกต้อง ถ้าบริษัทซีอุสกล้าที่จะไปไกลเกินไป เราก็จะทำให้พวกเขาเห็นว่าสภาสิบแปดปีกเป็นกิลที่ไม่ควรถูกล้อเล่นด้วยเช่นกัน !!!” อควาโรสกล่างแสดงความคิดเห็น ขณะที่เธอเดินเข้ามา “นั่นคือเหตุผลที่เธอไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลยวอร์นเดอร์ เพียงแค่มุ่งเน้นไปที่การปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองก็พอ อย่าให้ไอ้พวกเวรนั่นดูถูกสภาสิบแปดปีกได้ !!”
ไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นรู้สึกประทับใจกับคำรับรองของพรรคพวกของเธอมาก อย่างไรก็ตามคำพูดของพวกเขาก็ยังทำให้เธอพูดไม่ออกเช่นกัน
แค่มีซือเฟิง ผู้ที่เป็นหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกที่ชอบสร้างปัญหาคนเดียวมันก็ควรจะมากเพียงพอแล้ว แต่ตอนนี้อควาโรสกับได้รับนิสัยของเขาไปแล้ว พวกเขากำลังพูดถึงหนึ่งในสิบบริษัทชั้นนำของโลก ซึ่งมันไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามที่ควรถูกยั่วยุแบบไม่ตั้งใจเลย
หลังจากซือเฟิงบอกเคล็ดลับบางอย่างในการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้กับไซเร้นวอร์นเดอร์ไปแล้ว เขาก็ส่งอควาโรสและสมาชิกกิลคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ไปที่สถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีก จากนั้นเขาก็เริ่มวางแผนการโจมตีถ้ำปีศาจหมาป่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของจุดเทเลพอร์ตขนาดกลาง และเมื่อพวกเขายึดมันได้แล้ว สภาสิบแปดปีกจะมีเส้นทางที่เปิดกว้างมากขึ้นเพื่อใช้เดินทางไปมาระหว่างทวีปหลักสองด้าน
ในเวลาต่อมาผู้เล่นสิบสองคนก็ได้มารวมตัวกันที่ลานในสถานที่พักกิล และแม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนไม่มากนัก แต่มานาโดยรวมที่พวกเขาแผ่ออกมานั้นก็ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมานาภายในลานได้อย่างมาก
“หัวหน้ากิล ทุกคนมาพร้อมกันแล้ว แต่ฉันกลัวว่าการบุกถ้ำปีศาจหมาป่าที่หัวหน้าพูดถึงจะเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับพวกเราสิบสองคน และองครักษ์ส่วนตัวเหล่านั้น …” อควาโรสกล่าว
สำหรับมหาอำนาจต่างๆ การมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนสิบสองคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว และหน่วยองครักษ์ส่วนตัวหลายโหลนั้น มันจัดว่าเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจอย่างแน่นอน และผู้ที่มีอะไรแบบนี้นั้นก็จะจัดว่าแทบเป็นอมตะใน God domain ระยะนี้เลย แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงกับกำลังจะนำพวกเขาบุกเข้าไปในถ้ำปีศาจหมาป่า ซึ่งมันเสี่ยงกว่าหลายๆสิ่งในระยะนี้ของเกมมาก ….
“จากรายงานการสอดแนมของไฟเออร์แดนซ์ ในถ้ำนั่นมีมอนสเตอร์มากกว่าห้าหมื่นตัว โดยที่ระดับลอร์ดบอสเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบนั้นจัดว่าอ่อนแอที่สุดในหมู่พวกมัน ขณะที่มอนสเตอร์ภายในนั้นส่วนใหญ่เป็นแกรนลอร์ดทั่วไป และแกรนลอร์ดสายเลือดพิเศษ นอกจากนี้ถ้ำยังมีสภาพแวดล้อมที่รุนแรงมากๆ และแม้แต่ไฟเออร์แดนซ์ที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วก็ยังเกือบตายในระหว่างการสอดแนม”
“ฉันเองก็เห็นด้วยกับเธอนะ แต่อย่างไรก็ตามเรามีองครักษ์ขั้นสี่อยู่นี่นา ลืมไปแล้วหรอ ?” ซือเฟิงตอบกลับพลางหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขาชี้ไปยังแวร์ซายที่มีอาวุธครบมือด้านหลังเขา
“เขา ? แต่เลเวลของเขา ….” อควาโรสอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเมื่อเธอมองไปยัง NPC ชราผู้นี้ ….
ด้วยเลเวลที่น้อยขนาดนี้ และระดับของเขาที่เป็นเพียงองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงิน เขาจะช่วยพวกเขาได้ยังไงกันในการรับมือกับพวกมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบหรือมากกว่านั้น หรือไม่งั้นก็เอาแค่พวกแกรนลอร์ดสายเลือดพิเศษ เธอก็ยังคิดว่าเขาจะต่อกรด้วยยากเลย
ขณะเดียวกันสมาชิกที่เหลือของทีมก็กังวลเช่นกัน นอกเหนือจากเรื่องความเสี่ยงในการตายของพวกเขาเองแล้ว เรื่องการตายขององครักษ์ส่วนตัวก็ยังเป็นเรื่องที่น่าคิด แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะมีน้ำแห่งชีวิตที่ช่วยชุบชีวิต NPC ที่ตายไปแล้วได้ แต่พวกเขาก็ยังไม่ควรจะใช้มันอย่างสิ้นเปลืองอยู่ดี
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวเธอจะเข้าใจเอง เมื่อถึงเวลา …” ซือเฟิงนั้นไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เขายังคงอยู่หัวเราะเบาๆ จากนั้นเขาก็พาทั้งทีมเดินทางไปที่ถ้ำปีศาจหมาป่า
ในขณะเดียวกันที่ทวีปด้านตะวันตก หลงหวู่ชางก็ได้กลับไปถึงสถานที่พักของหอการค้าอาซู และถ่ายทอดข้อความของซือเฟิงไปยังเหล่าผู้อาวุโสกับผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเขาเรียบร้อยแล้ว
ตอนที่ 2598 การใช้องครักษ์ส่วนตัวที่ชาญฉลาด
จักรวรรดิวินเทอร์ เมืองวินเทอร์ สถานที่พักหอการค้าอาซู :
เหล่าผู้อาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลหลงล้วนนั่งกันอยู่ภายในห้องประชุมที่หรูหราบนชั้นสุดของที่นี่ โดยทุกคนนั้นล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึม หากผู้เล่นขั้นสามเข้ามาในห้อง พวกเขาจะตัวสั่นด้วยความกลัวแน่นอน เมื่อสัมผัสได้ถึงออร่าที่เย็นยะเยือกของบุคคลเหล่านี้
“ช่างหยิ่งผยองอย่างแท้จริง !!! สภาสิบแปดปีกช่างเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัว
เองมากๆ !!!”
“ถูกต้อง !! กิลเพียงแค่รับผิดชอบต่อความสำเร็จบางอย่างในทวีปด้านตะวันออก แต่กับถือว่าตัวเองสามารถยืนอยู่ในระดับเดียวกับไวโอเล็ตซอร์ดในทวีปด้านตะวันตกได้ นี่มันไร้สาระ !!!”
“สภาสิบแปดปีกต้องการจะเจรจากับไวโอเล็ตซอร์ดงั้นหรอ ? นี่กิลคิดว่าตัวเองปกครองทวีปด้านตะวันตกอยู่รึไง ?”
เหล่าผู้อาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดล้วนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวมากๆ เมื่อได้ยินรายงานของหลงหวู่ชาง
พวกเขานั้นพอจะเข้าใจอยู่แล้ว หากสภาสิบแปดปีกทำเพียงแค่ปฎิเสธที่จะปล่อยตัวไซเร้นวอร์นเดอร์ไป เพราะพวกเขาทุกคนรู้ดีว่ากิลต้องใช้ทรัพยากรไปจำนวนมากในการพัฒนาของไซเร้นวอร์นเดอร์ และจากรายงานของหลงหวู่ชาง เธอก็ใกล้จะกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุแล้ว
ความสำคัญของสุดยอดปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเลย สุดยอดปรมาจารย์เพียงแค่คนเดียวก็สามารถจะรับผิดชอบต่อความเจริญรุ่งเรืองทั้งหมดของกิลได้
โพชั่นที่ดีที่สุดที่มีขายในตลาดปัจจุบันนั้นอยู่ในระดับปรมาจารย์ ดังนั้นการได้รับโพชั่นระดับสุดยอดปรมาจารย์มาจึงจะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมากๆในระยะนี้ของเกม เพราะไม่ว่าจะเป็นโพชั่นระดับสุดยอดปรมาจารย์ที่ให้ผลแบบไหน มันก็จะมีประโยชน์อย่างมาก และหากกิลสามารถผลิตโพชั่นระดับนี้จำนวนมากได้ กิลก็จะมีข้อได้เปรียบเหนือจินตนาการ ดังนั้นพวกเขาจึงพอเข้าใจเลยว่าทำไมสภาสิบแปดปีกถึงพยายามสู้เพื่อไซเร้นวอร์นเดอร์
อย่างไรก็ตามสภาสิบแปดปีกกับไม่ได้หยุดแค่การปฎิเสธที่จะปล่อยตัวไซเร้นวอร์นเดอร์ กิลยังประกาศด้วยว่าจะจัดการสถานการณ์นี้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องให้หอการค้าอาซูเข้ามายุ่ง ซึ่งนี่มันไม่ต่างจากการปรามาศว่าหอการค้าอาซูไร้ความสามารถเลย ….
“เนื่องจากสภาสิบแปดปีกได้ประกาศออกมาแบบนี้แล้ว เราก็คงต้องละเรื่องนี้ไปก่อน เมื่อสภาสิบแปดปีกได้รู้ว่าคำพูดของตัวเองไร้สาระแค่ไหน พวกเขาก็จะรู้เองว่าควรถอยเมื่อไหร่ …” ชายวัยกลางคนที่ดูมีไหวพริบ และนั่งในที่นั่งอันทรงเกียรติกล่าว “แต่ว่าวอร์นเดอร์คิดยังไงกับเรื่องนี้ล่ะ ผู้อาวุโสห้า ?”
“วอร์นเดอร์ค่อนข้างจะลังเลพี่ใหญ่ แต่เมื่อสภาสิบแปดปีกได้รู้ว่าคำพูดของตัวเองไร้สาระแค่ไหน ฉันก็เดาว่าเธอจะไม่ยอมนั่งดูกิลและตระกูลของเธอพินาศลงไปแน่นอน และฉันแน่ใจว่าเธอจะยอมมุ่งหน้าไปยังไวโอเล็ตซอร์ดเพื่อพัฒนาต่อ เมื่อเวลานั้นมาถึง ….” หลงหวู่ชางคาดเดาหลังจากครุ่นคิด
“นั่นจะทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้น ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำก็แค่ปล่อยให้สิ่งต่างๆก้าวหน้าไปแบบนี้ แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีพลังมากพอที่จะสร้างคลื่นขนาดใหญ่ในทวีปด้านตะวันออก แต่กิลก็ไม่สามารถทำอะไรในทวีปด้านตะวันตกได้แน่นอน ฉันแน่ใจว่าพวกเราทุกคนก็ไม่มีใครอยากให้รุ่นเยาว์ระดับสูงของตระกูลเราตกไปอยู่ในมือของบริษัทซีอุสทั้งหมดหรอก แถมเอาจริงๆสถานการณ์ในตอนนี้นั้นบริษัทแค่เลือกเราเพื่อใช้เป็นตัวอย่างในการรวมอำนาจภายใต้การบังคับบัญชาของตัวเอง ซึ่งมันทำให้เราไม่มีทางออกจากความยุ่งเหยิงนี้ได้เลย” ชายวัยกลางคนที่ดูมีไหวพริบกล่าวพลางถอนหายใจ
ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เหล่าผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดในห้องเงียบลง
ตระกูลหลงนั้นได้กลายเป็นตระกูลผู้นำและมีอำนาจปกครองหอการค้าอาซูในตอนนี้ และมองดูแค่ที่พื้นผิวนั้น พวกเขาก็ดูเหมือนจะมีความสุขมากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้วตระกูลก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นมากๆ และหากตระกูลหลงไม่สามารถจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปได้ มันก็จะมีเพียงแค่หุบเหวอันไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ เพราะท้ายที่สุดบริษัทซีอุสนั้นสนับสนุนเฉพาะหอการค้าอาซูเท่านั้น พวกเขาไม่ได้สนใจว่าใครเป็นผู้นำและปกครองหอการค้า
แถมทุกอย่างก็เป็นดั่งที่ชายวัยกลางคนที่ดูมีไหวพริบกล่าว สภาสิบแปดปีกจะไม่สามารถทำอะไรในทวีปด้านตะวันตกได้แน่นอน ดังนั้นสิ่งพวกเขาต้องทำก็เพียงแค่นั่งดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น
ในขณะที่เหล่าผู้อาวุโสตระกูลหลงกำลังประชุมกัน ซือเฟิงและพรรคพวกของเขาก็ได้มาถึงหุบเขาที่อันตรายภายในเทือกเขาปีศาจหมาป่าด้านทิศตะวันออก หลังจากที่พวกเขาใช้อะเม้าท์บินได้เดินทางมาพักหนึ่ง ….
หุบเขานี้เต็มไปด้วยปีศาจหมาป่าเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบขึ้นไป และมันมีกระทั่งแกรนลอร์ดกลายพันธุ์ ปีศาจหมาป่าคริมสันอยู่จำนวนหนึ่งด้วย พร้อมกันนั้นมันก็มีปีศาจหมาป่าสามหัวพักอยู่บริเวณหน้าผาที่ใกล้พังทลายของหุบเขา แถมมันยังมีมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายสองตัวที่มีความสูงยี่สิบเมตรอย่างปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามตาเฝ้าอยู่ที่บริเวณทางเข้าถ้ำเป้าหมายของพวกเขา โดยทั้งสองตัวนั้นก็แผ่ออร่าที่ทรงพลังออกมามากๆ
[ปีศาจหมาป่าน้ำแข็ง] (สิ่งมีชีวิตปีศาจ ลอร์ดบอสขั้นสูง)
เลเวล 123
HP 63,000,000/63,000,000
[ปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัว] (สิ่งมีชีวิตปีศาจ แกรนลอร์ด)
เลเวล 124
HP 540,000,000/540,000,000
[ปีศาจหมาป่าคริมสันกลายพันธุ์] (สิ่งมีชีวิตปีศาจ แกรนลอร์ด)
เลเวล 125
HP 1,200,000,000/1,200,000,000
[ปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามตา] (สิ่งมีชีวิตปีศาจ ระดับเทพนิยาย)
เลเวล 127
HP 3,100,000,000/3,100,000,000
เมื่อพวกเขาเห็นมอนสเตอร์นับไม่ถ้วน สมาชิกสภาสิบแปดปีกก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
พวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับปีศาจหมาป่าบริเวณนี้ที่ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อมาจากรายงานของไฟเออร์แดนซ์แล้ว แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เมื่อได้เห็นด้วยตาตัวเอง นี่มันดูเหมือนเมืองปีศาจมากกว่าหุบเขา ….
แม้แต่ทีมผู้เล่นขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบมากกว่าห้าพันคนก็ยังจะต้องดิ้นรนอย่างหนัก หากคิดจะบุกโจมตีและเคลียร์พื้นที่บริเวณนี้ ไม่ต้องพูดถึงทีมของพวกเขาที่มีผู้เล่นแค่สิบสองคนกับองครักษ์ส่วนตัวหลายโหลเลย
เพียงแค่เหลือบมองพวกเขาก็นับปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัว และปีศาจหมาป่าคริมสันกลายพันธุ์ได้มากกว่าสามร้อยตัวแล้ว ซึ่งมีพวกมันเต็มไปหมดยืนเฝ้าอยู่ทุกทางเข้าสู่หุบเขา แถมนอกเหนือจากนี้มันยังปีศาจหมาน้ำแข็งสามตาสองตัวยืนเฝ้าอยู่บริเวณปากถ้ำที่เป็นเป้าหมายของพวกเขาด้วย
ซึ่งมานาประเภทน้ำแข็งที่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายสองตัวแผ่ออกมานั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะเลย และเนื่องจากผู้เล่นในทีมทุกคนของพวกเขานั้นสามารถจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานากันได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนเลยว่ามานาที่มอนสเตอร์ทั้งสองแผ่ออกมานั้นมันมากเพียงใด พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังจ้องมองไปภูเขาขนาดมหึมาสองลูก ไม่ใช่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไป
แถมเมื่อพวกเขาลงไปต่อสู้ข้างล่าง การจะจัดการมานาโดยรอบให้ได้นั้นคงเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมานาประเภทน้ำแข็งที่ทรงพลังมากขนาดนี้ และแม้ว่าพวกเขาจะสามารถใช้มานาของตัวเองต่อสู้ได้ แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้นั้น พวกเขาก็จะไม่สามารถแสดงพลังทั้งหมดของสกิลและเวทย์ของพวกเขาออกมาได้แน่นอน
“หัวหน้ากิล นี่เราต้องกำจัดปีศาจหมาป่าเหล่านี้จริงๆงั้นหรอ ?” โคล่าถาม เขานั้นต้องการที่จะทดสอบอุปกรณ์ของเขา แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายใจเช่นกัน เมื่อเห็นปีศาจหมาป่าที่นี่ “แม้ว่าเราจะพึ่งพาองครักษ์ส่วนตัวในระหว่างการต่อสู้ แต่ฉันก็คิดว่าเราไม่น่าจะมีช่วงเวลาที่ง่ายแน่ ….”
“ปีศาจหมาป่าเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องได้รับการจัดการ แต่เราไม่ได้จะพึ่งพาองครักษ์ส่วนตัว เราจะจัดการเคลียร์ที่นี่ด้วยตัวเราเอง” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว
“เรา ?” แผนการของหัวหน้ากิลทำให้โคล่าประหลาดใจ
แม้จะทำงานร่วมกับองครักษ์ส่วนตัว แต่พวกเขาก็ยังจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่ดีในการเอาชนะปีศาจหมาป่าเหล่านี้ แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับบอกพวกเขาว่าพวกเขาจะต้องกำจัดมอนสเตอร์เหล่านี้ด้วยตัวเอง นี่มันบ้าชัดๆ ….
“อืมม ที่นี่นั้นค่อนข้างพิเศษ ไม่เพียงแต่ปีศาจหมาป่าที่นี่จะมีจำนวนมากเท่านั้น แต่มันยังแข็งแกร่งมาก แถมมีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงมากด้วย ยิ่งไปกว่านั้นด้วยสภาพแวดล้อมที่รุนแรง และการปราบปรามมานาที่ค่อนข้างรุนแรงในพื้นที่นี้ มันยังจะทำให้การใช้สกิลและเวทย์เป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ ที่นี่ผู้เล่นจะต้องพึ่งพาเทคนิคการต่อสู้ของตัวเองเป็นหลัก ซึ่งให้พิจารณาว่าที่นี่เป็นสนามฝึกอีกแห่ง และนับจากนี้เป็นต้นไป เราจะฝึกที่นี่ …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า “เมื่อค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจหมดลงก็ให้กลับไปฝึกที่หอคอยพิเศษและฟื้นฟูที่นั่น และเมื่อฟื้นฟูจนพอแล้วก็ให้กลับมาที่นี่ การเคลียร์พื้นที่นี้จะเป็นภารกิจหลักของเราในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”
เขาต้องการเปิดใช้งานจุดเทเลพอร์ตขนาดกลางเพื่อเพิ่มความเร็วในการพัฒนาของสภาสิบแปดปีกโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามหลังจากการฝึกครั้งล่าสุดบนชั้นสองในหอคอยพิเศษของเขา สิ่งหนึ่งที่มันทำให้ซือเฟิงรู้ชัดเจนขึ้นเลยก็คือ ขอบเขตที่แท้จริงนั้นไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เขาคิดในตอนแรก
เขาคิดว่าตัวเองเข้าใจหลักการของขอบเขตที่แท้จริงได้จำนวนมากแล้ว แต่ในความเป็นจริง เขากับรู้เพียงแค่ส่วนยอดเล็กๆของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น เขาไม่เคยแสดงศักยภาพทั้งหมดของขอบเขตที่แท้จริงออกมาได้เลยในระหว่างการต่อสู้
ในขณะเดียวกันขั้นสามนั้นก็เป็นเพียงช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงของตัวตนที่ทรงพลังใน God domain โดยความแตกต่างระหว่งความแข็งแกร่งและผู้เชี่ยวชาญทั่วไปก็จะเพิ่มขึ้นมาก เมื่อผู้เล่นมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ และเริ่มท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่
ในขณะที่สภาสิบแปดปีกมีผู้เล่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก แต่กิลก็มีผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะเรียกตัวเองว่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด ไม่ต้องพูดถึงจำนวนของผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดที่สามารถเข้าสู่ขอบเขตโดเมนได้ในกิลเลย ….
แม้ว่าอาวุธ อุปกรณ์ และสายเลือดที่ทรงพลังจะมีประโยชน์อย่างมากในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของผู้เล่น แต่มาตราฐานการต่อสู้ของพวกเขาก็เป็นปัจจัยสำคัญในการจะตัดสินว่าพวกเขาจะทำเควสสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน นี่จะเป็นเรื่องจริงอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับผู้เล่นที่เลือกจะท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ในเลเวลต่ำ พวกเขาจะต้องเผชิญกับข้อกำหนดมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงกว่าที่รอพวกเขาอยู่
เนื่องจากบริษัทซีอุสได้เริ่มใช้มาตราการรวมอำนาจแล้ว มันจึงเห็นได้ชัดว่ามหาอำนาจ และบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆได้เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของขั้นสี่แล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเริ่มรวบรวมทรัพยากรของตนเพื่อดูแลบรรดาผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด และผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดให้เตรียมพร้อมสำหรับการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่
ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง มหาอำนาจต่างๆเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของขั้นสี่ก็หลังจากที่มีผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดจำนวนหนึ่งมาถึงขั้นสี่แล้ว อย่างไรก็ตามเนื่องจากการกลับชาติมาเกิดของซือเฟิงทำให้เกิด บัตเตอร์ฟลายเอฟเฟค มหาอำนาจต่างๆจึงมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของตนแทนที่จะพึ่งพากลยุทธ์ด้านปริมาณแบบในชีวิตที่ผ่านมาของเขา
ดังนั้นการปรับปรุงมาตราฐานการต่อสู้ให้กับสมาชิกสภาสิบแปดปีกจึงมีความสำคัญสูงสุด หากมหาอำนาจต่างๆเตรียมผู้เชี่ยวชาญของตัวเองให้พร้อมสำหรับการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้ก่อน สภาสิบแปดปีกก็มีสิทจะถูกครอบงำเอาได้
นอกเหนือจากการฝึกฝนในสถานที่พิเศษตามปกติแล้ว การต่อสู้แบบเสี่ยงชีวิตกับมอนสเตอร์ก็เป็นสิ่งจำเป็น และมันจะยิ่งทำให้ผู้เล่นแข็งแกร่งขึ้น เพราะท้ายที่สุดประสบการณ์การต่อสู้นั้นจะช่วยผู้เล่นในการพัฒนาตัวเองได้อย่างมาก
ซึ่งตอนนี้นั้นสภาสิบแปดปีกก็มีทั้งสองอย่างแล้วในเทือกเขาปีศาจหมาป่า ดังนั้นเขาจึงอยากใช้ประโยชน์จากจุดนี้ให้ได้ดีที่สุด
“ในกรณีนี้หัวหน้ากิล ทำไมเราถึงนำองครักษ์ส่วนตัวมาด้วย ?” อควาโรสถามอย่างสับสน
หากซือเฟิงต้องการทำอย่างที่เขาบอกจริงๆ เธอก็ไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะพาองครักษ์ส่วนตัวมาด้วยทำไม ….
“พวกเขามาที่นี่เพื่อดูเราต่อสู้ และคอยช่วยเหลือเรา หากชีวิตของเราตกอยู่ในอัน
ตรายจริงๆ …” ซือเฟิงอธิบายอย่างจริงจัง
คำพูดของซือเฟิงทำให้ทั้งทีมพูดไม่ออก นี่เป็นวิธีการที่ถูกต้องในการใช้องครักษ์ส่วนตัวแล้วงั้นหรอ ?
ปีศาจหมาป่าเหล่านี้นั้นทรงพลังมากๆ และแม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้ร่วมกับองครักษ์ส่วนตัว มันก็ยังไม่อาจจะรับประกันชัยชะของพวกเขาได้เลย ดังนั้น NPC เหล่านี้จะเข้าปกป้องชีวิตของพวกเขาในช่วงเวลาสำคัญได้ทันได้ยังไงกัน ?
“เมื่อไม่มีใครมีคำถามอะไรอีกแล้ว เราก็มาเริ่มฝึกกันเลย !!!” ซือเฟิงกล่าวก่อนที่เขาจะเฉือนคิลลิงเรย์ไปตรงหน้าของเขา และส่งสายฟ้าเข้าโจมตีปีศาจหมาป่าในบริเวณนี้จำนวนหนึ่งโหลหรือมากกว่านั้นทันที
การโจมตีนี้นั้นได้ดึงดูดความสนใจของเหล่าปีศาจหมาป่าที่อยู่ใกล้ๆนับพันตัวให้หันมาจ้องมองทีมของซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ ซึ่งมันทำให้โคล่าและคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น และก่อนที่ทั้งทีมจะทันได้ตอบสนองใดๆ มอนสเตอร์นับพันตัวก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขา ….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น