Reincarnation Of The Strongest Sword God 2650-2652

 ตอนที่ 2650 ป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็ก


ไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ภายในนี้นั้นมีจำนวนมหาศาล และก็โชคดีที่มันเป็นข้อมูลของป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กเท่านั้น ถ้ามันเป็นข้อมูลของป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดกลางหรือเหนือกว่าขึ้นไป แม้จะมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจอยู่ที่สูงสุดของขั้นสี่ก็ยังจะไม่สามารถอ่านมันได้แน่นอน


ซือเฟิงนั้นเริ่มตระหนักได้ถึงหลายสิ่ง เมื่อเขาเห็นรายละเอียดเกี่ยวกับแบบแปลนป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็ก


หากมองแค่พื้นผิว ความแตกต่างระหว่างป้อมปราทั่วไปกับป้อมปราการเคลื่อนที่อาจดูไม่ใหญ่มากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วหนึ่งนั้นอยู่กับที่ ขณะที่อีกหนึ่งนั้นเคลื่อนที่ได้ อย่างไรก็ตามจริงๆแล้วความแตกต่างมันมีมากกว่าเรื่องการเคลื่อนที่เพียงอย่างเดียว


ในการจะสร้างป้อมปราการทั่วไป วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างนั้นมีความสำคัญมากที่สุด ขณะที่เรื่องวงเวทย์เป็นเรื่องรอง สำหรับป้อมปราการเคลื่อนที่นั้นมันตรงกันข้าม วงเวทย์นั้นมีความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างนั้นเป็นเรื่องรอง ป้อมปราการเคลื่อนที่อาจถูกระบุว่าเป็นป้อมปราการเวทย์มนต์ โดยสิ่งก่อสร้างทั้งสองระดับนั้นมีความซับซ้อนที่แตกต่างกันอย่างสิ้งเชิง


จากสิ่งที่ซือเฟิงสามารถจะเห็นได้ มันมีวงเวทย์ที่จำเป็นต่อการใช้สร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กหลายพันวงเลย ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่วงเวทย์ที่อ่อนแอที่สุดมันก็ยังอยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นพื้นฐาน ดังนั้นนี่มันก็น่าจะทำให้หลายคนสามารถจินตนาการได้ว่าการก่อสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนั้นมีความซับซ้อนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


หากแบบแปลนที่ซือเฟิงได้รับมานั้นเป็นแบบแปลนป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดกลาง ความซับซ้อนของมันจะน่ากลัวยิ่งกว่านี้ และมันก็น่าจะต้องประกอบไปด้วยวงเวทย์นับหมื่น และแค่คิดถึงตัวเลขนึ้มันก็ทำให้เขาใจสั่นแล้ว


สำหรับตอนนี้เมื่อซือเฟิงมองไปยังแบบแปลนป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนั้น เขาก็ไม่รู้เขาเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี


ป้อมปราการเคลื่อนที่นั้นเป็นสิ่งที่มหาอำนาจมากมายนับไม่ถ้วนในชีวิตที่ผ่านมาของเขาล้วนปราถนาจะได้รับมัน ในความเป็นจริงมหาอำนาจต่างๆจะยอมแลกเมืองหลักขนาดใหญ่ของตัวเองกับป้อมปราการเคลื่อนที่เลยด้วยซ้ำ


แม้มันจะยากมากๆในการที่จะอัพเกรดเมืองกิลให้เป็นเมืองหลักขนาดใหญ่ได้ เพราะมันต้องใช้ทั้งเวลา ทรัพยากร และความพยายามอย่างมาก อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเสนอเมืองหลักขนาดใหญ่ไป มันก็ไม่เคยมีมหาอำนาจกลุ่มไหนที่มีป้อมปราการเคลื่อนที่จะยอมแลก


เพราะท้ายที่สุดแล้ว ป้อมปราการเคลื่อนที่แบบนี้นั้นถือเป็นเหมือนฐานทัพอากาศ แม้ว่าป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กจะไม่สามารถเทียบได้แม้แต่เมืองขั้นพื้นฐาน แต่ในสถานการณ์ที่อะเม้าท์บินได้ยังคงจัดว่าหายากมากๆแบบนี้ และมันมีเมืองกิลเพียงแค่ไม่กี่แห่งที่ถูกสร้างขึ้นในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่านั้น ป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนี้จะมีค่ามากกว่าเมืองหลักขนาดใหญ่อย่างน้อยสามเมืองเลย


ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง มหาอำนาจใดๆก็ตามที่เป็นเจ้าของป้อมปราการเคลื่อนที่นั้นล้วนตกเป็นเป้าหมายของมหาอำนาจอื่นๆในการเข้ามาขอแบ่งหุ้นของป้อมปราการเสมอ ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญอิสระ และทีมนักผจญภัยชั้นยอดจำนวนนับไม่ถ้วนก็จะยอมทำทุกสิ่งเพื่อให้ตัวเองได้รับสิทในการเข้าสู่ป้อมปราการเคลื่อนที่ ขณะเดียวกันกิลชั้นสูงบางแห่งที่โชคดีพอจะได้รับป้อมปราการเคลื่อนที่แบบนี้มาก็จะกลาบเป็นกึ่งมหาอำนาจได้ในทันที ยิ่งไปกว่านั้นมันก็จะยังไม่มีมหาอำนาจใดๆที่ต้องการจะรุกรานพวกเขา


อย่างไรก็ตามแม้จะไม่ได้รับป้อมปราการเคลื่อนที่มาในตอนนี้ แต่ซือเฟิงก็ได้รับแบบแปลนมาซึ่งจะทำให้เขาสามารถสร้างมันได้หนึ่งป้อม ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นกลางแล้ว เขาก็จะสามารถสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำหากทุกอย่างพร้อม ซึ่งสิ่งนี้มันก็จะช่วยให้ตำแหน่งของสภาสิบแปดปีกใน God domain มั่นคงทันที มันจึงเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง


อย่างไรก็ตามหลังจากศึกษาแบบแปลนนี้ ซือเฟิงก็รู้สึกปวดหัวมากๆ


แม้ว่าเขาจะมีแบบแปลนป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็ก และรวมไปถึงทักษะที่จำเป็นในการสร้างมัน แต่ต้นทุนวัสดุที่จะต้องใช้สร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ มันก็ยังคงคิดเป็นจำนวนมหาศาลอยู่ดี

นอกจากเขาจะต้องจัดเตรียมวัสดุที่จำเป็นต่างๆสำหรับการสร้างวงเวทย์หลายพันวงแล้ว เขายังต้องเตรียมวัสดุที่เป็นส่วนโครงสร้างอีก และเพียงแค่จำนวนของวัสดุที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กต้องการนั้น มันก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้มหาอำนาจต่างๆในปัจจุบันของ God domain หมดตัว


คริสตัลเวทย์มนต์แปดล้านชิ้น …


หินมานาสามหมื่นก้อน …


แร่มานาสองล้านชิ้น ….


แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะมีอยู่ทั่วไปในตลาด แต่จำนวนเงินที่ต้องใช้สำหรับการรวบรวมพวกมันนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่มหาอำนาจทั่วไปจะสามารถจ่ายได้เลย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าการจะสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กยังต้องการวัสดุที่มีค่าอื่นๆอย่างเช่น เหล็กเวทย์มนต์อีก


จากการประมาณการคร่าวๆของซือเฟิง การสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กจะต้องใช้เงินอย่างน้อยห้าสิบล้านเหรียญทอง


นับประสาอะไรกับมหาอำนาจทั่วไป แม้แต่ซุเปอร์กิลที่มีประวัติยาวนาน และมีประสบการณ์โชกโชนก็ยังจะต้องใช้เวลาอย่างมากเลยในการรวบรวมเงินให้ได้ขนาดนี้


มหาอำนาจทั่วไปจะจัดว่าโชคดีมากแล้ว หากพวกเขามีเงินกองทุนสภาพคล่องของกิลเก็บไว้ที่ราวสามถึงสี่ล้านเหรียญทอง ซึ่งพูดกันง่ายๆก็คือ แม้แต่มหาอำนาจทั่วไปสิบกลุ่มรวมกัน พวกเขาก็จะยังไม่สามารถรวบรวมเงินห้าสิบล้านเหรียญทองได้ในทันที เว้นแต่ว่าพวกเขาจะขายทรัพย์สินบางส่วนของตัวเองออกไป อย่างไรก็ตามการทำเช่นนี้มันก็จะคล้ายกับการวางเกวียนไว้หน้าม้า ดังนั้นก่อนที่พวกเขาจะสามารถสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กได้เสร็จ กิลของพวกเขาก็จะล้มละลายไปก่อนแน่นอน


ที่สำคัญที่สุดคือเหรียญก็ไม่ใช่ปัญหาหลักด้วย เพราะท้ายที่สุดเหรียญเป็นรูปแบบสกุลเงินพื้นฐานที่สุดใน God domain อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไปสำหรับ คริสตัลเวทย์มนต์ หินมานา และแร่มานา …. นอกเหนือจากการเป็นสกุลเงินที่หายากแล้ว พวกมันยังเป็นไอเทมที่จำเป็นสำหรับผู้เล่นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือในอนาคต ความจริงข้อนี้ก็จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นความยากลำบากนการจะรวบรวมวัสดุเหล่านี้มาให้ครบนั้น มันยากกว่าการรวบรวมเงินห้าสิบล้านเหรียญทองซะอีก


เนื่องจากต้นทุนวัสดุขั้นต่ำในการสร้างเพียงอย่างเดียวมันก็อยู่ที่ราวห้าสิบล้านเหรียญทองแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่มหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของฉันที่มีป้อมปราการแบบนี้ล้วนปฎิเสธจะแลกป้อมปราการเคลื่อนที่กับเมืองหลักขนาดใหญ่ของกิล ถ้ามันขึ้นอยู่กับฉัน ฉันเองก็จะไม่แลกเช่นกัน ซือเฟิงคิดพลางยิ้มอย่างขมขื่น


มูลค่าของเมืองหลักขนาดใหญ่ของกิลนั้นมันมากกว่าห้าสิบล้านเหรียญทองแน่นอน อย่างไรก็ตามห้าสิบล้านเหรียญทองนี้กับเป็นเพียงค่าวัสุของป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กเท่านั้น นอกจากนี้ หากจะให้ได้ราคานี้ มันก็ยังจะต้องอยู่ภายใต้สภาวะตลาดที่เหมาะสมด้วย


คริสตัลเวทย์มนต์ แร่มานา และหินมานา นั้นล้วนมีอุปทานน้อย แต่มีความต้องการสูงมากใน God domain และเพียงแค่การจะรวบรวมให้ได้จำนวนที่จำเป็นเพื่อใช้ในการสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนั้นมันก็จะทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนในตลาด และทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นแน่นอน เพราะในท้ายที่สุดแล้วจำนวนเงินที่ต้องใช้สำหรับการรวบรวมวัสดุพวกนี้จะมากกว่าห้าสิบล้านเหรียญทองอยู่แล้ว และเผลอๆอาจถึงหนึ่งร้อยล้านเหรียญทองเลย


หลังจากพิจารณาถึงต้นทุน และเวลาโดยรวมทั้งหมดแล้ว ผู้ที่เป็นเจ้าของป้อมปราการเคลื่อนที่นั้นจะจัดว่าขาดทุนแน่นอน หากขายป้อมปราการเคลื่อนที่ของตัวเองได้ในราคาต่ำกว่าสองร้อยล้านเหรียญทอง


และด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีก มันทำให้การจะได้รับคริสตัลเวทย์มนต์ และหินมานาในปริมาณที่ต้องการสำหรับเรื่องนี้นั้นเป็นไปได้ง่ายๆเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามการรวบรวมแร่มานาให้ครบสองล้านชิ้นนั้นต่างหากคือปัญหาหลัก


ด้วยความช่วยเหลือจากมือแห่งปราชญ์ เขาจะสามารถเปลี่ยนคริสตัลเวทย์มนต์ให้กลายเป็นหินมานาได้อย่างง่ายดาย และโดยรวมแล้ว เขาก็จะต้องการคริสตัลเวทย์มนต์สำหรับเรื่องนี้แค่ราวเก้าล้านห้าแสนชิ้นเท่านั้น ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลยสำหรับสภาสิบแปดปีกตอนนี้ เนื่องจากกิลมีรายได้เป็นคริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมากผ่านป้อมปราการแสงดาว เมืองป่าหิน และประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืด


อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปสำหรับแร่มานา


มองดูแบบพื้นผิวนั้น แร่มานาอาจมีราคาถูกกว่าคริสตัลเวทย์มนต์ และโดยปกติผู้เล่นทั่วไปนั้นก็แทบจะไม่ได้ใช้แร่มานาเลย มันมีเพียงแต่มหาอำนาจต่างๆเท่านั้นที่จะใช้แร่นี้เพื่อก่อสร้างบางสิ่งบ้าง


อย่างไรก็ตามอัตราการผลิตแร่มานานั้นก็ยังคงต่ำกว่าคริสตัลเวทย์มนต์มาก เนื่องจากแร่มานาจะเกิดขึ้นมาได้เฉพาะในบริเวณสภาพแวดล้อมที่มีมานาหนาแน่นเท่านั้น นอกจากนี้มหาอำนาจต่างๆก็ยังถือว่าแร่มานานั้นเป็นทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ และก็จะไม่ขายมันเลยเว้นแต่จะจำเป็นจริงๆ โดยความยากในการรวบรวมแร่มานาสองล้านชิ้นให้ครบนั้น มันยากกว่าการรวบรวมคริสตัลเวทย์มนต์ให้ครบเก้าล้านห้าแสนชิ้นซะอีก


แม้ว่าในปัจจุบันสภาสิบแปดปีกจะเป็นพันธมิตรกับหอการค้าอาซู และยังสามารถหาแหล่งบางส่วนได้จากศาลาลับ แต่การซื้อแร่มานาจำนวนมากแบบนี้จะไปดึงดูดความสนใจของมหาอำนาจต่างๆแน่นอน ซึ่งหากมหาอำนาจเหล่านี้เริ่มการแทรกแซง การรวบรวมแร่มานาของพวกเขามันก็จะทำได้ยากขึ้นไปอีกมาก ดูเหมือนว่าฉันจะต้องเข้ายึดเส้นเลือดแร่เกรด 2 ไม่ก็ 3 เพิ่มเติมหน่อยแล้ว


หากเขาพยายามซื้อแร่มานาในจำนวนมหาศาลจนผิดปกติ เพียงแค่ต้องรับกับราคาเงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้น มันก็จะมีปัญหามากแล้ว


ปัจจุบันเนื่องจากจำนวนสมาชิกกิลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกวันของสภาสิบแปดปีกนั้น รายจ่ายประจำวันของกิลจึงเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน นอกจากนี้กิลยังต้องการเงินทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาของกองอัศวิน เมืองภายใต้ปกครองของกิล และสนามบินด้วย


ตอนนี้นับประสาอะไรกับการจัดซื้อแร่มานาสองล้านชิ้น สภาสิบแปดปีกไม่มีเงินทุนที่จำเป็นในการจะจัดซื้อแร่มานาห้าแสนชิ้นด้วยซ้ำ อีกทั้งเมื่อสมาชิกของกิลเริ่มท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ กิลก็จะต้องลงทุนทั้งเงินและทรัพยากรอีกจำนวนมากเพื่อช่วยเหลือพวกเขา โดยรวมแล้วสภาสิบแปดปีกนั้นขาดเงินทุนอย่างมากในตอนนี้


ดังนั้นวิธีเดียวที่ซือเฟิงสามารถจะทำได้ตอนนี้เพื่อจัดหาแร่มานาก็คือการที่เขาจะต้องเข้ายึดเส้นเลือดแร่เกรด 3 หรือสูงกว่าให้ได้ เพราะวิธีนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้เขาได้รับแร่มานาในระยะยาว แต่เขายังจะไม่จำเป็นต้องกังวลถึงการแทกรแซงจากมหาอำนาจต่างๆอีกด้วย


ในขณะที่ซือเฟิงกำลังไตร่ตรองว่าเขาจะไปหาเส้นเลือดแร่ดังกล่าวได้อย่างไร อยู่ๆเขาก็ได้รับคำขอติดต่อสื่อสารจากอควาโรสเข้ามา


“หัวหน้ากิลมีเรื่องเกิดขึ้นที่อาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์น !!!” อควาโรสรายงานอย่างตื่นตระหนก


“มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ ? มันคืออะไรกัน ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย


เนื่องจากแพ๊คเสริมใหม่กลียุคของเทพปีศาจที่ถูกเปิดขึ้นใน God domain นั้น มันจึงทำให้ God domain ทั้งหมดตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย และมันก็มีสงครามกิลที่รุนแรงเกิดขึ้นทุกวัน และอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นก็จัดเป็นอาณาจักรใหญ่ มันคงแปลกถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น


“อาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์น … ไม่มีอีกแล้ว …”


ตอนที่ 2651 อาณาจักรพินาศ


“อาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นไม่มีอีกแล้วงั้นหรอ ? มันหายไปได้ยังไง ?”


ซือเฟิงตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อเขาได้ยินรายงานของอควาโรส


แม้ว่ามันจะมีอาณาจักรอยู่มากมายหลายร้อยแห่งใน God domain แต่ความแข็งแกร่งที่แต่ละอาณาจักรมีนั้นมันก็ไม่เท่ากัน ในกรณีของอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นนั้นมันมีค่าความแข็งแกร่งอยู่กึ่งกลาง คือไม่ได้ดีและไม่ได้แย่ แม้ว่าประเทศของมันจะมีขนาดเล็กกว่าอาณาจักรสตาร์มูน แต่อำนาจของประเทศนั้นก็อ่อนแอกว่าอาณา

จักรสตาร์มูนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นซือเฟิงจึงพบว่ามันยากที่จะจินตนาการมากๆว่าจะมีอะไรที่สามารถทำให้อาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นหายไปได้


ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา อาณาจักรต่างๆได้เริ่มเติบโตและล่มสลายไปก็หลังจากที่ผู้เล่นจำนวนมากเริ่มมาถึงขั้นสี่ และเริ่มเตรียมทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นห้ากันแล้ว


อย่างไรก็ตามใน God domain ในปัจจุบันนั้น นับประสาอะไรกับการเตรียมตัวเพื่อท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นห้า ตอนนี้ในเกมยังไม่มีผู้เล่นขั้นสี่แม้แต่คนเดียว ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้เล่นในปัจจุบันจะสามารถทำลายอาณาจักรทั้งหมดได้


ถ้าไม่ใช่เพราะซือเฟิงรู้ว่าอควาโรสจะไม่ล้มเล่นกับเขาแบบนี้แน่นอนในเรื่องสำคัญเช่นนี้ เขาคงจะคิดว่าเธอล้อเล่นกับเขาจริงๆ


“เรายังไม่รู้รายละเอียดที่แน่นอน สิ่งที่เรารู้คืออาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นทั้งหมดนั้นถูกแยกออกไปจากโลกภายนอก แต่จากข้อมูลของผู้เล่นที่สามารถหลบหนีออกมาจากอาณาจักรได้ก่อนที่มันจะเกิดการแยกออกไป พวกเขาบอกว่าอยู่ๆมันก็มีมอนสเตอร์ที่ทรงพลังจำนวนมากปรากฎตัวขึ้นในอาณาจักร และมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นก็พุ่งเป้ามาที่ผู้เล่นอย่างก้าวร้าว ในขณะเดียวกัน NPC ทั้งหมดที่มีขั้นสามหรือสูงกว่าขึ้นไปภายในเมืองของ NPC ทั้งหมด ไม่สูญหายก็ล้วนอยู่ในสภาพแปลกประหลาดจนพวกเขาไม่สามารถจะทำการรบได้ ด้วยเหตุนี้มอนสเตอร์ที่ทรงพลังที่พึ่งจะปรากฎขึ้นเหล่านี้จึงสามารถเข้ายึดครองเมืองของ NPC และเมืองกิลต่างๆในอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นได้อย่างรวดเร็ว”


“ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นทุกคนที่ถูกมอนสเตอร์เหล่านี้ฆ่ายังจะสูญเสียเลเวลไปถึงสิบเลเวล และวิญญาณของพวกเขาก็จะอ่อนแอจนถูกบังคับไม่ให้เข้าสู่ God domain เป็นเวลาสิบวัน สำหรับศพของผู้เล่น ถ้ามันไม่ได้กลายเป็นมอนสเตอร์ซะเอง มันก็จะกลายเป็นอาหารเสริมพลังให้มอนสเตอร์เหล่านี้”


“เหตุการณ์นี้ได้ส่งผลให้เกิดการสั่นสะเทือนไปทั่วทวีปด้านตะวันออกแล้ว มหาอำนาจทุกกลุ่มล้วนส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ ขณะเดียวกันจักรวรรดิมังกรดำ และอาณาจักรต่างๆที่อยู่ใกล้เคียงกับอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นก็ได้ส่งกองทัพ NPC ของพวกเขาไปตรึงตามแนวชายแดนไว้แล้วเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้นั้นมันก็ยังไม่มีใครได้รับข้อมูลอัพเดทใดๆ ในทางตรงกันข้าม ผู้เล่นที่ถูกส่งไปตรวจสอบกลับถูกมอนสเตอร์ซุ่มโจมตี และถูกฆ่าที่นั่น”


อควาโรสนั้นตกใจเหมือนกันเมื่อเธอได้รับข่าวนี้ เธอไม่เคยคิดเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นใน God domain


มันอาจพอเข้าใจได้ หากเมืองหลักขนาดใหญ่ของ NPC บางเมืองประสบกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่การที่อาณาจักรทั้งอาณาจักรประสบกับเหตุการณ์แบบนี้ มันช่าง ….


ยิ่งไปกว่านั้น แม้กระทั่งตอนนี้มันก็ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์น


สถานการณ์นี้ทำให้ผู้เล่นหลายคนในอาณาจักรและจักรวรรดิใกล้เคียงต่างรู้สึกประหม่าด้วยความหวาดกลัวว่าประเทศของพวกเขาอาจเป็นรายต่อไปที่จะกลายเป็นเหมือนอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์น และหากเป็นเช่นนั้น เวลาและความพยายามทั้งหมดที่พวกเขาใช้ในการวางรากฐานของตัวเองในประเทศต่างๆนั้นจะสูญเปล่าไปเลย เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ มหาอำนาจต่างๆที่พัฒนาตัวเองในอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นนั้นก็แทบจะบ้าแล้ว


มหาอำนาจต่างๆที่เลือกจะพัฒนาในอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นนั้นได้ซื้ออสังหาริมทรัพย์จำนวนมากเอาไว้ แถมพวกเขายังสร้างเมืองกิลของตัวเองกันไว้อีกมากมาย อย่างไรก็ตามเนื่องจากอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นหายไปแบบนี้ การลงทุนของพวกเขาทั้งหมดจึงไร้ค่า และหลายกิลก็ต้องล่มสลายไปเพราะเหตุการณ์นี้


เมื่อคิดมาถึงจุดนี้นั้น มันก็อดไม่ได้ที่จะทำให้อควาโรสเป็นกังวล


ผู้เล่นทุกคนที่ถูกฆ่าจะกลายเป็นมอนสเตอร์ หรือถูกนำไปเป็นอาหารเพื่อเสริมพลังให้กับมอนสเตอร์ ? เมื่อซือเฟิงได้ยินคำพูดของอควาโรส ชื่อของคนๆหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา อย่างไรก็ตามในไม่ช้า เขาก็เลือกจะส่ายหัวและปฎิเสธความคิดนี้ ‘แม้ว่าจักรพรรดิอสูรจะครอบครองมรดกเทพปีศาจ แต่เขาก็ไม่น่าจะมีพลังมากพอที่จะทำให้ NPC ทั้งอาณาจักรตกอยู่ในสภาวะนี้ และทำลายทั้งอาณาจักรได้


ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา วิหารเทพปีศาจนั้นได้สร้างปัญหามากมายให้กับทวีปด้านตะวันออก อย่างไรก็ตามในช่วงที่วิหารเทพปีศาจเริ่มกลายเป็นภัยคุกคามที่แท้จริง มันก็ได้มีผู้เล่นจำนวนมากมาถึงขั้นสี่แล้ว


ยิ่งไปกว่านั้นสัตว์ปีศาจจากวิหารเทพปีศาจนั้นยังต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตัวเอง อันที่จริงนับประสาอะไรกับวิหารเทพปีศาจในปัจจุบัน แม้แต่วิหารเทพปีศาจที่เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดในอดีตก็จะยังไม่สามารถทำลายทั้งอาณาจักรได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้


“หัวหน้ากิล เพราะเรื่องทั้งหมดนี้มันจึงทำให้กิลของเราตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย มันมีกิลมากมายที่แอบหลบซ่อนพัฒนาอย่างลับๆเริ่มจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ขณะเดียวกันผู้เล่นและมหาอำนาจจำนวนมากที่หลบหนีมาจากอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นก็กำลังเริ่มสงครามแย่งชิงแหล่งทรัพยากรต่างๆในอาณาจักรสตาร์มูน โดยตอนนี้มันทำให้อาณาจักรสตาร์มูนทั้งหมดยุ่งเหยิงอย่างมาก” อควาโรสพูดด้วยความหงุดหงิด “ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นหลายคนของอาณาจักรสตาร์มูนก็ได้เริ่มอพยพไปยังประเทศอื่นๆแล้ว ซึ่งมันทำให้จำนวนผู้เล่นในเมืองต่างๆของอาณาจักรนั้นลดลง ซึ่งมันก็ทำให้เศรษฐกิจของอาณาจักรเริ่มจะตกต่ำลง ….”


“ฉันเข้าใจแล้ว บอกไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆให้เตรียมตัวให้พร้อม เราจะกลับไปที่อาณาจักรสตาร์มูนทันที” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า


เดิมทีเขาวางแผนที่จะไปขอความร่วมมือจากหอการค้าอาซูเพื่อไปสำรวจบริเวณพื้นที่ทะเลที่เป็นกลางนอกจักรวรรดิจันทราสีเงินเพื่อหาเกาะใดเกาะหนึ่งที่พวกเขาจะสามารถเข้ายึดครองได้ หากมีเมืองกิลอยู่ในเขตทะเลที่เป็นกลาง นั่นมันก็จะเป็นรากฐานสำหรับสภาสิบแปดปีกในการพัฒนาความแข็งแกร่งทางเรือในทวีปด้านตะวันตกได้


ณ จุดนี้ แหล่งทรัพยากรที่สามารถเข้าถึงได้ในทวีปหลักล้วนถูกครอบครองไปแล้ว และมันแทบจะไม่มีแหล่งทรัพยากรเหลือให้สภาสิบแปดปีกอ้างสิทอีกแล้ว ขณะเดียวกันในการที่จะพัฒนาในทวีปด้านตะวันตกให้ได้ สภาสิบแปดปีกจำเป็นจะต้องเข้าครอบครองหนึ่งในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย หรือไม่ก็เขตทะเลที่มีเลเวลเท่ากันกับที่ว่านี้ อย่างไรก็ตามการจะตั้งหลักในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหีือมากกว่าให้ได้นั้น มันพูดง่ายกว่าทำ เพราะตอนนี้แม้แต่กิลท้องถิ่นส่วนใหญ่ก็ยังทำไม่ได้เลย ดังนั้นซือเฟิงจึงตัดสินใจจะนำสภาสิบแปดปีกไปพัฒนาที่เขตทะเลที่เป็นกลางนอกจักรวรรดิจันทราสีเงินในทวีปด้านตะวันตก


อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงสถานกาณณ์ในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าแผนของเขาจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป


“แล้วไวโอเล็ตล่ะ ? ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเธอใกล้จะไปถึงมาตราฐานขั้นสี่แล้ว ถ้าเราออกไปตอนนี้ …” อควาโรสรีบถาม


“ปล่อยให้เธออยู่ที่นี่ และฝึกฝนต่อไป พวกเราจะกลับไปก่อน ….” ซือเฟิงตัดสินใจ “ยิ่งไปกว่านั้นเรายังต้องการผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังเพื่อปกป้องดินแดนของเราในทวีปด้านตะวันตก


“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะติดต่อไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆทันทีเพื่อบอกให้พวกเขาเตรียมตัวให้พร้อม” อควาโรสพูดก่อนจะวางสายไป และรีบไปทำตามคำสั่งของซือเฟิง


สำหรับซือเฟิงเขาก็ไม่ได้อยู่เฉยๆอีกต่อไป เขารีบติดต่อต้วนฮันซานทันที


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เมื่อคิดว่าคุณติดต่อฉันมาอย่างกระทันหันแบบนี้ ในเวลานี้คุณคงได้รับข่าวเกี่ยวกับอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นแล้วสินะ และคุณก็น่าจะต้องการให้หอการค้าอาซูของเราช่วยคุณและทีมของคุณให้เดินทางกลับไปยังทวีปด้านตะวันออกได้ใช่ไหม ?” ต้วนฮันซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาลูบเคราของตัวเอง


“ผู้อาวุโสฮันซานนี่ช่างน่าทึ่งจริงๆ ถูกต้อง เราวางแผนที่จะกลับไปยังทวีปด้านตะวันออก อย่างไรก็ตามการพยายามจะส่งผู้เล่นกลับไปยังทวีปด้านตะวันออกให้ได้ครบทั้งหมดซึ่งเป็นจำนวนราวหนึ่งร้อยคนหรือมากกว่านิดหน่อยนั้นเป็นเรื่องยากสำหรับเรา ดังนั้นฉันจึงต้องการความช่วยเหลือจากหอการค้าอาซู” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า “แน่นอนเรายินดีจะจ่ายตามราคาที่เหมาะสม”


ปัจจุบันการปฎิสัมพันธ์กันระหว่างสองทวีปหลักนั้นกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมหาอำนาจบางกลุ่มที่สามารถจะเดินทางไปมาระหว่างทวีปหลักสองด้านได้นั้นก็เริ่มให้บริการ การเทเลพอร์ตแล้วด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามตอนนี้สภาสิบแปดปีกและหอการค้าอาซูเป็นพันธมิตรกันแล้ว ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว หอการค้าอาซูจึงจะไม่ปฎิเสธการที่จะส่งสมาชิกสภาสิบแปดปีกตามจำนวนที่ซือเฟิงต้องการกลับไปยังทวีปด้านตะวันออกแน่นอน


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณก็สุภาพเกินไปแล้ว ในเมื่อสองกิลของเราเพิ่งจะกลายเป็นพันธมิตรกัน ดังนั้นเรามาลืมเรื่องค่าใช้จ่ายไปกันเถอะ” ต้วนฮันซานกล่าวพลางโบกมือ “เราหวังเพียงว่าเราจะได้ส่งรุ่นเยาว์บางส่วนของกิลเราไปเพื่อปฎิสัมพันธ์และฝึกฝนกับกิลของคุณให้ได้มากขึ้นเท่านั้น หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมคิดยังไงกับเรื่องนี้ ?”


“แน่นอนเลยว่าเรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา การมีปฎิสัมพันธ์กันของเราทั้งสองฝ่ายก็จะช่วยให้เราแต่ละฝ่ายพัฒนาตัวเองกันไปได้เร็วขึ้นด้วย ฉันจะปฎิเสธได้ยังไง ….” ซือเฟิงตอบอย่างรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับข้อเสนอของต้วนฮันซาน เขาไม่เคยคิดเลยว่าหอการค้าอาซูจะเลือกทำข้อเสนอแบบนี้


ข้อเสนอนี้นับเป็นข่าวดีสำหรับซือเฟิงด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดเขาจะได้รับแรงงานมาใช้งานฟรี ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังสามารถบอกได้เลยว่าหอการค้าอาซูพยายามจะแสดงความปราถนาดีกับสภาสิบแปดปีก ดังนั้นโดยปกติเขาจึงจะไม่ปฎิเสธ


“ขอบคุณมากหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมที่ยอมรับข้อเสนอนี้ …” ต้วนฮันซานกล่าว “หลังจากนี้สิ่งที่คุณต้องทำก็คือการไปที่เมืองเพอเพิ้ลไลท์พร้อมกับทีมของคุณ โซริทารี่

ฟรอสต์และคนของเขาจะพาคุณไปยังจุดเทเลพอร์ตเอง”


“ตามนั้น …” ซือเฟิงพยักหน้าก่อนที่จะตัดสายไป จากนั้นเขาก็ออกจากห้องพักที่เขาเช่า และเดินไปที่ลานเทเลพอร์ตของเมืองไลท์ฟอร์จ


หลังจากสมาชิกของสภาสิบแปดปีกมารวมตัวกันที่ลานเทเลพอร์ตแล้ว พวกเขาก็ออกจากดินแดนลับโบราณทันที จากนั้นทีมของโซริทารี่ฟรอสต์จำนวนรวมสี่สิบคนก็ได้นำสมาชิกสภาสิบแปดปีกไปยังจุดเทเลพอร์ตเพื่อเดินทางกลับไปยังทวีปด้านตะวันออก


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เนื่องด้วยจำนวนคนในครั้งนี้ เราจึงสามารถจะใช้ประโยชน์จากจุดเทเลพอร์จแบบสุ่มนี้ได้เท่านั้น และเมื่อเปิดใช้งาน ทุกคนจะถูกเทเลพอร์ตไปยังสถานที่แบบสุ่มในทวีปด้านตะวันออก ดังนั้นเมื่อไปถึง ทุกคนจำเป็นจะต้องหาหนทางเดินทางไปยังอาณาจักรสตาร์มูนด้วยตัวเอง ..” โซริทารี่ฟรอสต์กล่าวขณะที่เขาชี้ไปที่ซากปรักหักพังโบราณเบื้องหน้าเขา


“นั่นไม่ใช่ปัญหา …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า

ในบรรดาจุดเทเลพอร์ตที่ผู้เล่นสามารถใช้เดินทางไปมาระหว่างทวีปหลักทั้งสองด้านได้ จุดเทเลพอร์ตที่สามารถเทเลพอร์ตผู้เล่นจำนวนมากได้จะไม่สามารถระบุพิกัดตายตัวได้ แม้ว่าคุณสมบัติของมันจะแย่สักเล็กน้อย แต่มันก็ไม่มีอะไรเลยเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ผู้เล่นจะได้รับจากการเทเลพอร์ตเพื่อเดินทางข้ามทวีปหลักทั้งสองด้าน


เมื่อเห็นว่าซือเฟิงไม่ได้คัดค้านใดๆ โซริทารี่ฟรอสต์จึงหยิบกุญแจออกมา และเปิดใช้งานจุดเทเลพอร์ตบริเวณซากปรักหักพังโบราณทันที


ทันใดนั้นหลุมดำขนาดมหึมาก็ปรากฎขึ้นตรงกลางของซากปรักหักพังและดูดซับมานาโดยรอบเข้าไปอย่างรวดเร็ว


“เร็วหน่อย !! ประตูเทเลพอร์ตนี้จะเปิดเพียงสิบห้าวินาทีเท่านั้น !! และเมื่อมันหายไป เราจะสามารถเปิดใช้งานมันได้อีกครั้ง หลังจากผ่านไปสิบวันเท่านั้น !!” โซริทารี่

ฟรอสอต์กล่าวอย่างรีบร้อน


หลังจากได้ยินคำเตือนของโซริทารี่ฟรอสต์ ซือเฟิงและคนอื่นๆก็รีบกระโดดเข้าไปในหลุมดำ และหายตัวออกไปจากซากปรักหักพังโบราณทันที


ตอนที่ 2652 ทวีปด้านตะวันออก


God domain ทวีปด้านตะวันออก :


ในทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ทันใดนั้นมันก็มีหลุมดำรัศมีหกเมตรก็ปรากฎขึ้น โดยมันทำให้มานาทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีห้าสิบหลานั้นพุ่งเข้าหามันราวกับเหล่ามานาถูกเรียก ในพริบตาพื้นที่รอบๆหลุมดำก็กลายเป็นพื้นที่ที่ไร้มานาทันที ซึ่งผู้เล่นทั่วไปจะไม่สามารถอยู่รอดในพื้นที่นี้ได้เลย


ในเวลาเดียวกันกับที่พื้นที่ไร้มานาก่อตัวขึ้น มันก็มีร่างคนโผล่ออกจากหลุมดำ และกระโดดลงไปบนพื้นทราย แม้ว่าบริเวณใกล้เคียงจะปราศจากมานา แต่ร่างของร่างนี้ก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยชั้นมานาที่หนาแน่น และยังคงได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมที่รุนแรงนี้


ในที่สุดฉันก็ออกมาได้ ซือเฟิงจ้องมองไปยังหลุมดำด้วยความรังเกียจก่อนที่มันจะสลายไป จุดเทเลพอร์ตแบบสุ่มของซากปรักหักพังโบราณนั้นมันเป็นเหมือนกับการหลอกลวงเท่านั้น จุดเทเลพอร์ตแบบสุ่มอื่นๆจะส่งผู้เล่นไปยังจุดหมายปลายทางโดยตรง แต่จุดเทเลพอร์ตแบบนี้จะส่งผู้เล่นไปยังเขาวงกตเชิงพื้นที่ก่อน ถ้าฉันบินไม่ได้ ฉันน่าจะติดอยู่ในเขาวงกตนี้ราวห้าถึงหกชั่วโมงเลยทีเดียว


เขาเคยใช้จุดเทเลพอร์ตแบบสุ่มใน God domain มาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอจุดเทเลพอร์ตแบบสุ่มที่แปลกประหลาดเช่นนี้


การเข้าสู่หลุมดำนี้นั้นมันทำให้เขาได้เข้าไปสู่เขาวงกตเชิงพื้นที่ขนาดมหึมา และเขาก็ต้องค้นหาทางออกจากเขาวงกตด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามนั่นยังไม่ใช่ส่วนที่แย่ที่สุด ส่วนที่แย่ที่ในนี้คือมันมีสิ่งมีชีวิตวอยจำนวนมากอยู่ในเขาวงกต โชคดีที่สิ่งมีชีวิตวอยเหล่านี้นั้นมีเลเวลอยู่ที่ราวหนึ่งร้อยยี่สิบเท่านั้น และส่วนใหญ่นั้นก็มีเพียงแค่มอนสเตอร์ระดับลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีเกลโดเมน ซึ่งทำให้เขามีความสามารถในการบิน ดังนั้นเขาจึงสามารถจะสลัดมอนสเตอร์ที่ไล่ตามเขา และค้นหาทางออกได้อย่างรวดเร็ว


หลังจากบ่นพึมพำเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซือเฟิงก็หยิบม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมืองไวท์ริเวอร์ออกมา ตอนนี้เขาต้องการจะรีบกลับไปดูสภาพเมืองไวท์ริเวอร์ก่อนในทันที


อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงคลายม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมือง และเริ่มเปิดใช้งาน เสียงการแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของเขาทันที


….


ระบบ : พบพลังงานประหลาดปิดผนึกพื้นที่นี้ ไม่สามารถใช้งานการเทเลพอร์ตได้ทุกรูปแบบที่นี่


….


ฉันไม่สามารถจะเทเลพอร์ตที่นี่ได้ ? ซือเฟิงขมวดคิ้ว เมื่อได้เห็นการแจ้งเตือนนี้ นี่ฉันโชคไม่ดีและถูกเทเลพอร์ตมายังดินแดนต้องห้ามงั้นหรอ ?


ใน God domain นอกเหนือจากสถานที่พิเศษบางแห่ง ดินแดนต้องห้ามก็เป็นสถานที่เดียวที่ห้ามใช้ม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมือง ในขณะเดียวกันโอกาสที่จุดเทเลพอร์ตแบบสุ่มจะส่งผู้เล่นไปยังสถานที่พิเศษนั้นมันก็เป็นศูนย์ เพราะท้ายที่สุดแล้วการจะเทเลพอร์จไปยังสถานที่เฉพาะแบบนี้ได้มันต้องใช้วิธีการเฉพาะเช่นกัน สำหรับดินแดนต้องห้าม พวกมันจะแค่ป้องกันไม่ให้ผู้เล่นเทเลพอร์ตเข้ามาในนี้ และเทเลพอร์ตออกไปได้อย่างง่ายดาย


ดูเหมือนว่าฉันจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากบินออกไปจากสถานที่แห่งนี้ มันไม่มีทางเลือกที่ดีไปกว่านี้แล้ว ซือเฟิงเก็บม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมือง ขณะที่เขาหยิบขลุ่ยอัญเชิญอินทรีสายฟ้าออกมา


อย่างไรก็ตามหนึ่งวินาทีหลังจากที่เขาพยายามอัญเชิญอินทรีสายฟ้าออกมา เขาก็ต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง


….


ระบบ : พบพลังงานประหลาดปิดผนึกพื้นที่นี้ ไม่สามารถใช้งานอะเม้าท์บินได้ ได้ …


….


“ที่นี่มันอะไรกัน ?! มันกระทั่งห้ามใช้อะเม้าท์บินได้ด้วยงั้นหรอ ?!” ซือเฟิงรู้สึกตกตะลึงอย่างแท้จริง เมื่อเขาได้เห็นการแจ้งเตือนของระบบในครั้งนี้

เท่าที่เขาจำได้ ดินแดนต้องห้ามโดยทั่วไปจะไม่ได้ห้ามการใช้อะเม้าท์บินได้ ที่ๆจะห้ามการใช้อะเม้าท์บินได้มักจะเป็นดินแดนต้องห้ามเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบหรือมากกว่านั้น


แม้กระทั่งกับตัวเองในปัจจุบัน เขาก็ยังไม่กล้าจะก้าวเข้าสู่ดินแดนลับที่มีเลเวลสูงเกินกว่าตัวเขาเองมาก เหตุผลหลักนั้นมันไม่ได้เป็นเพราะเขาขาดเลเวล แต่มันมีความเป็นไปได้ที่บอสโลกขั้นห้าจะปรากฎตัวขึ้นในดินแดนต้องห้ามที่มีเลเวลสูงแบบนี้ และต่อหน้าบอสโลกขั้นห้านั้น ผู้เล่นในปัจจุบันก็ไม่ต่างจากมดปลวก


ในขณะที่ซือเฟิงกำลังปวดหัวกับเรื่องนี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงการกระเพื่อมของมานาที่อ่อนแอมาจากระยะไกล เขารีบหันไปมองที่มาของมันด้วยความประหลาดใจ แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาเห็นคือร่างคล้ายมดจำนวนมากกำลังต่อสู้กันในระยะไกล และจากการประมาณการของเขา ร่างเหล่านี้น่าจะอยู่ห่างจากเขาออกไปราวหนึ่งพันห้าร้อยหลา


นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ซือเฟิงรู้สึกมุนงงกับสถานการณ์นี้


สำหรับผู้เล่นขั้นสามนั้นระยะหนึ่งพันห้าร้อยหลาถือเป็นขีดจำกัดของการมองเห็นแล้ว ในระยะไกลแบบนี้ เว้นแต่ว่าอีกฝ่ายจะใช้สกิล AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลในรัศมีหลายร้อยหลา ผู้เล่นขั้นสามก็จะไม่สามารถรับรู้ถึงความผันผวนของมานาจากตำแหน่งนี้ของพวกเขาได้เลย อย่างไรก็ตามสกิล AOE แบบนี้ มันแทบไม่มีผู้เล่นขั้นสามคนใดในปัจจุบันใช้มันได้ และจากสิ่งที่เขาเห็นร่างเหล่านี้ก็ไม่ได้ใช้สกิลหรือเวทย์ที่มีพลังขนาดนั้นด้วย


นี่เป็นผลของการมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่มาตราฐานขั้นสี่งั้นหรอ ? หลังจากครุ่นคิดถึงสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว ซือเฟิงก็คิดออกเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้เขาสามารถสัมผัสถึงเรื่องนี้ได้ การค้นพบนี้ทำให้เขาประหลาดใจ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมในชีวิตที่ผ่านมาของฉัน ฉันถึงไม่สามารถหนีจากผู้เล่นขั้นสี่ได้เลยเมื่อฉันถูกค้นพบ


ระยะการรับรู้หนึ่งพันห้าร้อยหลา !!


ช่วงการรับรู้นี้มันอยู่ในระดับที่เหนือมนุษย์แล้ว ช่วงการรับรู้ที่ผู้เล่นขั้นสามมีอยู่นั้นไม่สามารถจะเทียบได้เลย


ก่อนหน้านี้มันไม่ได้มีการต่อสู้เกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียงกับเขา เมื่อค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขามาถึงที่มาตราฐานขั้นสี่ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อุดมไปด้วยมานา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงใดๆในการรับรู้มานา อย่างไรก็ตามเมื่อเขามาถึงสถานที่ที่มีมานาเบาบางมาก เขาก็ค่อนข้างจะไวต่อการเปลี่ยนแปลงของมานาเป็นพิเศษ


อย่างไรก็ตามซือเฟิงไม่ได้เสียเวลาคิดเรื่องนี้นานนัก เขารีบเคลื่อนไหวเดินทางไปยังจุดที่เกิดความผันผวนของมานา เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าสาเหตุของความผันผวนของมานานี้คือผู้เล่น


อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่สามารถเข้าถึงแผนที่ระบบได้ เขาจีงไม่สามารถบอกได้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ดังนั้นการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งปัจจุบันของเขาจึงมีความสำคัญสูงสุด ไม่งั้นเขาจะไม่รู้อะไรด้วยซ้ำว่าเขากลับมาที่อาณาจักรสตาร์มูนตรงไหน ในขณะเดียวกันผู้เล่นก็นับเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย


ไม่นานหลังจากนั้น ซือเฟิงก็ได้มาถึงเนินทรายที่อยู่ห่างจากสนามรบไปประมาณสี่ร้อยหลา ซึ่งเมื่อเขายืนอยู่บนเนินทรายนี้ เขาสามารถจะมองเห็นทิวทัศน์ของสนามรบทั้งหมดได้อย่างไร้สิ่งกีดขวาง


แน่นอนเลยว่าพวกเขาคือผู้เล่น


ขณะนี้ทีมผู้เล่นสองร้อยคนกำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์แปลกๆหลายสิบตัว ในขณะที่พวกเขาปกป้องรถม้า และกลุ่ม NPC ที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่งโหล


….


[Faux Saint Saboteur] (สิ่งมีชีวิตสายธาตุ ลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่)

เลเวล 112

HP 120,000,000/120,000,000


[Faux Saint Destroyer] (สิ่งมีชีวิตสายธาตุ แกรนลอร์ด)

เลเวล 114

HP 450,000,000/450,000,000


ร่างของมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นเป็นสีขาวบริสุทธิ์จนทำให้พวกมันดูเหมือนกับรูปปั้นสีขาว และมอนสเตอร์เหล่านี้ทุกตัวนั้นก็ล้วนมีอาวุธกับชุดเกราะ แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้มีเลเวลสูงมากนัก แต่พวกมันทุกตัวก็สามารถใช้เวทย์ในการต่อสู้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังมีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงมาก และแม้แต่ที่อ่อนแอที่สุดของพวกมันก็ยังมีมาตราฐานการต่อสู้อยู่ในชั้นห้าของหอคอยทดสอบ


สำหรับผู้เล่นที่ต่อสู้กับมอนสเตอร์เหล่านี้ พวกเขาทั้งหมดนั้นมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบหรือสูงกว่าขึ้นไปทั้งหมด แม้ว่าผู้เล่นเหล่านี้จะสามารถรับมือและยันมอนสเตอร์เหล่านี้ไว้ได้ แต่มันก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังเสียเปรียบ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้เชี่ยวชาญขั้นสาแปดคนของทีมกำลังช่วยกันตรึง Faux Saint Destroyers สองตัวไว้ ทีมของพวกเขาจะพบกับจุดจบไปนานแล้วแน่นอน


“รองผู้บัญชาการวินด์ เราไม่สามารถจะทนต่อไปแบบนี้ได้อีกนานนัก Faux Saint Destroyers สองตัวนั้นมันมีความสามารถสูงเกินกว่าพวกเราไปแล้ว” ชิลวอริเออร์ขั้นสามชาย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ทำหน้าที่ตรึง Faux Saint Destroyers ไว้ กล่าวขณะที่มองไปยังนักดาบหญิงขั้นสามที่กำลังรับมือกับ Faux Saint Destroyers อีกตัว


ซึ่งนักดาบหญิงผู้นี้นั้นสวมชุดเกราะสีแดงเข้ม และใช้ดาบสองเล่ม และด้วยการอาศัยเทคนิคสเต็ปเท้าของตัวเอง เธอจึงสามารถจะหลบเลี่ยงการโจมตีจากเวทย์ส่วนใหญ่ของ Faux Saint Destroyers ได้ และในบางครั้งเธอก็ยังสามารถโจมตีโต้ตอบแกรนลอร์ด และสร้างความเสียหายกลับไปบางส่วนได้ ซึ่งจากการแสดงของเธอนั้นมันเห็นได้ชัดเลยว่าเธออยู่ในขอบเขตรวดเร็วดังสายน้ำ


หลังจากเว้นระยะห่างระหว่างเธอกับ Faux Saint Destroyers ออกมาได้ นักดาบหญิงก็กล่าวตอบว่า “ฉันรู้ ฉันได้ติดต่อผู้บัญชาการเพื่อขอกำลังเสริมแล้ว แต่ทีมของเขายังคงอยู่ห่างออกไปพอสมควร พวกเขาต้องใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงถึงจะมายังตำแหน่งของเราได้”


“สองชั่วโมง ? เราไม่สามารถจะทนได้นานขนาดนั้นหรอกนะ !!!” ชิลวอริเออร์ขั้นสามอุทานออกมาด้วยความหงุดหงิด


ขณะนี้แม้ว่าพวกเขาจะสามารถตรึง Faux Saint Destroyers ไว้ได้ แต่สมาชิกในทีมที่เหลือของพวกเขาก็จัดว่าตึงมือมากๆที่ต้องรับมือกับพวก Faux Saint Saboteur และโดยรวมแล้วทั้งทีมก็แทบจะไม่สามารถทำความเสียหายใดๆให้กับมอนสเตอร์เหล่านี้ได้เลย ในขณะเดียวกันค่าสตามิน่าของพวกเขาก็เหลือที่จะใช้รับมือกับมอนสเตอร์เหล่านี้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง


ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่นักดาบหญิงเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด


ถ้ามันเป็นไปได้ เธอจะออกคำสั่งให้หลบหนี อย่างไรก็ตามมอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้นั้นมีขอบเขตการรับรู้ที่กว้างมาก และตราบใดที่ผู้เล่นเจอกับพวกมันเข้า มันจะแทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพวกเขาที่จะหลบหนี และแม้ว่าผู้เล่นจะเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงนี้ โดยเลือกจะหลบหนี มันก็จะมีแต่ทำให้สิ่งต่างๆแย่ลงเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วทะเลทรายที่นี่นั้นเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ Faux Saint ซึ่งพวกเขาก็สามารถจะดึงดูดความสนใจของมอนสเตอร์พวกนี้กลุ่มอื่นๆเข้ามาร่วมด้วยได้เช่นกัน ดังนั้นมันจึงไม่มีอะไรที่จะช่วยพวกเขาแก้สถานการณ์นี้ได้เลย


ในขณะที่ทั้งทีมกำลังสิ้นหวัง จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหูของพวกเขา


“ฉันจะตรึงแกรนลอร์ดสองตัวนี้ไว้ให้ !!! พวกคุณที่เหลือมุ่งเน้นไปที่การกำจัดลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ซะ !!!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)