Reincarnation Of The Strongest Sword God 2644-2649
ตอนที่ 2644 ดีไวน์วิลที่ค่อนข้างจะน่าสนใจ
รูปปั้นขนาดมหึมาบนกำแพงสูงของเมืองไลท์ฟอร์จนั้นให้ความรู้สึกที่สง่างาม และแผ่แรงกดดันออกมา อย่างที่ไม่อาจจะอธิบายได้ ซึ่งเมื่อซือเฟิงและสมาชิกสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆอยู่ห่างจากรูปปั้นนี้ในระยะหนึ่งร้อยหลา พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ทรงพลังมากๆพุ่งเข้าใส่จิตใจของพวกเขาทันที ครู่หนึ่ง พวกเขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของพวกเขานั้นไม่ได้เป็นของตัวเองอีกต่อไป ในขณะที่สติของพวกเขาเริ่มสั่นคลอน พวกเขานั้นกลายเป็นเหมือนเรือลำเล็กที่กำลังแล่นข้ามมหาสมุทรที่มีพายุ และแม้แต่ความผิดพลาดเพียงแค่เล็กน้อย มันก็อาจจะทำให้พวกเขาตายลงได้เลย
“ช่างเป็นแรงกดดันทางจิตที่รุนแรงมากๆ !!! เพียงแค่โดนการแรงกดดันนี้พุ่งเข้าใส่จิตใจครั้งเดียว ฉันก็รู้สึกราวกับว่าฉันพึ่งใช้เทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงไป หากยังโดนแบบนี้ต่อไป ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของฉันคงจะหมดลงในเวลาไม่นานนัก” เสวี่ยเหวินโหรวกล่าวแสดงความคิดเห็น พลางขมวดคิ้ว เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงแรงกดดันทางจิตที่รูปปั้นแผ่ออกมา
เธอนั้นตระหนักดีว่ารูปปั้นเหล่านี้มีความพิเศษ ตั้งแต่เธอมองมันจากนอกเมืองแล้ว เพราะท้ายที่สุดแม้ว่ารูปปั้นเหล่านี้จะอยู่ในระยะไกล แต่มันก็ส่งผลต่อค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเธออย่างมากแล้ว และเมื่อเธอได้ยืนอยู่ใกล้กับรูปปั้นนี้ เธอก็ได้ตระหนักว่าพวกมันน่ากลัวกว่าที่เธอคิดไว้มาก และแม้ว่าเธอจะไม่ได้มองไปยังรูปปั้นพวกนี้ แต่ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเธอก็ยังคงถูกผลาญไปเรื่อยๆ ภายใต้ออร่าที่มันแผ่ออกมา และมันก็ทำให้จิตใจของเธออ่อนแอลงเรื่อยๆ
“หัวหน้ากิล อย่าบอกนะว่าการฝึกที่หัวหน้าพูดถึงจะเกิดขึ้นที่นี่ ?” อควาโรสกล่าวเชิงคัดค้าน เมื่อเธอมองไปยังซือเฟิง
“ใช่แล้ว เราจะฝึกกันที่นี่ …” ซือเฟิงกล่าว ขณะที่เขายิ้ม และพยักหน้า
“หัวหน้ากิล รูปปั้นเหล่านี้มันส่งผลต่อค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเรามากเกินไป ไม่ต้องพูดถึงการใช้สกิลและเวทย์ แม้แต่การควบคุมมานาขั้นพื้นฐานก็จัดเป็นปัญหามากแล้ว มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่เราจะทำการฝึกที่นี่ …” อควาโรสแย้ง เมื่อเธอได้ลองพยายามจัดการและรวบรวมมานาของเธอก่อนหน้านี้นั้น แรงกดดันของรูปปั้นได้ปราบปรามเธออย่างรุนแรงจนทำให้เธอไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย นี่ไม่ต้องพูดถึงการจะใช้สกิลหรือเวทย์สักสกิลที่นี่เลย
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอควาโรส
มันอาจจะดีกว่านี้ถ้าแรงกดดันทางจิตที่พวกเขาได้รับนั้นไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้แรงกดดันทางจิตที่พวกเขาได้รับนั้นมันทำให้พวกเขาแทบหมดสติ และการจะต่อต้านแรงกดดันทางจิตที่รุนแรงมากขนาดนี้ให้ได้อย่างต่อเนื่องนั้นมันก็ทำได้ยากมากๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วแค่การควบคุมร่างกายทั่วไปของพวกเขาก็ยังทำได้ยากเลยในสภาวะแบบนี้
ดังนั้นแทนที่จะมามัวเสียเวลาที่นี่ มันจะดีกว่าถ้าพวกเขาไปที่หนึ่งในโรงแรมในเมืองเพื่อฝึกฝนการควบคุมมนา ซึ่งประสิทธิภาพในการฝึกนั้นมันจะดีกว่าที่นี่หลายร้อยเท่าเลย
“มันยากมากที่จะฝึกการควบคุมมานาที่นี่ แต่ฉันไม่ได้พาทุกคนมาเพื่อฝึกควบคุมมานานะ เรามาที่นี่เพื่อฝึกความแข็งแกร่งทางจิตใจ” ซือเฟิงอธิบาย
“ฝึกความแข็งแกร่งทางจิตใจ ?! เป็นไปได้ยังไง ?!” อควาโรสเต็มไปด้วยความตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง และเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอย่างสงสัย
ในขณะนี้ไม่เว้นแม้แต่อควาโรส เสวี่ยเหวินโหรว และคนอื่นๆก็ล้วนมองมายังซือเฟิง
อย่างสงสัยเช่นกัน เพราะพวกเขาคิดว่าซือเฟิงกำลังล้อเล่นกับพวกเขา
ใน God domain มันเป็นความรู้โดยทั่วไปที่การเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจนั้มันทำได้ยากกว่าค่าสตามิน่ามากๆ
แน่นอนว่าความอยากในการเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของทุกคนนั้นมีสูงมาก เพราะท้ายที่สุดผลตอบแทนที่จะได้รับจากการที่สามารถเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจได้นั้น มันเหนือกว่าการสามารถเพิ่มค่าสตามิน่าได้ซะอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นนักเวทย์ และบรรดาผู้เชี่ยวชาญ ความช่วยเหลือที่พวกเขาจะได้รับจากการเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจนั้นมันมากกว่าการเพิ่มค่าสถานะพื้นฐาน หรือค่าสถานะลับหลายอย่างซะอีก เพราะท้ายที่สุดค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้เล่นในการใช้เทคนิคการต่อสู้
อย่างไรก็ตามตอนนี้มันมีเพียงสองวิธีเท่านั้นที่รู้กันที่สามารถจะใช้ปรับปรุง และเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจได้ หนึ่งคือการเพิ่มขั้น และเลเวล ส่วนสองคือการเพิ่มคะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิต
ดังนั้นไอเทมใดๆก็ตามที่สามารถจะช่วยเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้เล่นได้ชั่วคราวจึงมีค่าอย่างน่าเหลือเชื่อ และมันก็จะขายได้ในราคาสิบเท่าของไอเทมอื่นๆที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกันหรือเท่ากัน อย่างไรก็ตามแม้ว่าราคาจะเป็นแบบนี้ แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังล้วนแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง เมื่อไอเทมแบบนี้ปรากฎขึ้นในตลาด
อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงกำลังบอกพวกเขาว่ามันเป็นไปได้ที่จะปรับปรุง และเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจโดยตรง ดังนั้นความสงสัยของพวกเขาจึงจัดเป็นเรื่องธรรมดา
“โดยปกติแล้วการปรับปรุงและเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจนั้นมันเป็นงานที่ยากอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตามรูปปั้นที่นี่มันมีความพิเศษ แรงกดดันที่ทุกคนรู้สึกได้นั้นคือดีไวน์วิล ซึ่งหากทุกคนดูดซับเข้าไปได้มันจะช่วยปรับปรุงและเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของทุกคนได้” ซือเฟิงอธิบายพลางหัวเราะเบาๆ “ถ้าให้ฉันชี้ให้ทุกคนเห็นถึงสมบัติที่มีค่าที่สุดในเมืองไลท์ฟอร์จ รูปปั้นเหล่านี้จะเป็นหนึ่งในนั้น อย่างไรก็ตามดีไวน์วิลภายในรูปปั้นเหล่านี้นั้นจัดเป็นของสิ้นเปลือง เมื่อผู้เล่นดูดซับมันเข้าสู่ตัวเอง ปริมาณที่มันมีอยู่ในรูปปั้นก็จะลดลง และแม้ว่ารูปปั้นเหล่านี้จะสามารถฟื้นฟูดีไวน์วิลที่หายไปได้ แต่มันก็ไม่มีใครรู้ว่ารูปปั้นเหล่านี้จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ในการฟื้นฟูดีไวน์วิล และหากเราพลาดโอกาสนี้ไป มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่เราจะเจอโอกาสแบบนี้อีกในอนาคต”
“นั่นคือเหตุที่หัวหน้าให้เราใช้คะแนนสะสมทั้งหมดแลกเปลี่ยนเป็นโพชั่นฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจระดับปรมาจารย์สินะ …” อควาโรสอุทานออกมา เมื่อตระหนักรู้ได้ถึงทุกสิ่ง “ถ้าคนของไวโอเล็ทซอร์ดรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะส่งผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดทั้งหมดมาฝึกที่นี่ โดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายแน่นอน”
เพราะท้ายที่สุดแล้ว พูดกันตรงๆแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะเซ็นสัญญาเป็นหุ้นส่วนกับไวโอเล็ทซอร์ด และตอนนี้ แม้ว่ากิลจะได้รับช่องทางเข้าสู่ดินแดนลับโบราณมาแล้วหนึ่งร้อยช่อง แต่สภาสิบแปดปีกก็ไม่ได้มีฐานปฎิบัติการในเมืองไวโอเล็ทไลท์ ดังนั้นทรัพยากรที่สภาสิบแปดปีกสามารถหาได้จากดินแดนลับโบราณนั้นมันก็จะเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ไวโอเล็ทซอร์ดจะหาได้จากดินแดนลับโบราณ ไวโอเล็ทซอร์ดนั้นจะสามารถหาคะแนนสะสมภายในเมืองไลท์ฟอร์จได้เร็วกว่าที่สภาสิบแปดปีกจะสามารถทำได้แน่นอน และหากไวโอเล็ทซอร์ดพบความลับของรูปปั้นพวกนี้ พวกเขาจะส่งผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเข้ามาเพื่อดูดซับดีไวน์วิลของรูปปั้นให้หมดไปอย่างรวดเร็วจนไม่เหลือไว้ให้สมาชิกสภาสิบแปดปีกแน่นอน
“เอาล่ะทุกคน เริ่มเพ่งสมาธิไปที่การต่อต้านแรงกดดันทางจิตนี้ และยิ่งทุกคนเข้าไปใกล้รูปปั้นมากเท่าไหร่ แรงกดดันที่จะต้องเผชิญก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น ในขณะเดียวกันยิ่งทุกคนสามารถทนและต่อต้านแรงกดดันทางจิตนี้ได้มากเท่าไหร่ ทุกคนก็จะยิ่งได้รับการปรับปรุงและเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามอย่าโลภมากเกินไป ให้ค่อยๆดูดซับดีไวน์วิลอย่างค่อยเป็นค่อยไป และฝึกอย่างเหมาะสม เพราะหากฝืนเกินไป มันจะมีข้อเสียแบบถาวรมากกว่าข้อดี” ซือเฟิงกล่าวขณะที่เขามองไปยังคนอื่นๆ
เมื่อได้ยินคำสั่งของซือเฟิง อควาโรสและคนอื่นๆก็พยักหน้าอย่างตื่นเต้นก่อนจะเริ่มฝึกกันทันที
อย่างไรก็ตามหลังจากเริ่มต้นการฝึกทุกคนก็ต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงความยากในการฝึกของเรื่องนี้ และแม้แต่ซือเฟิงนั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นๆมากนัก แม้ว่าเขาจะสามารถขยับเข้าไปใกล้รูปปั้นได้มากกว่าคนอื่น แต่ในความพยายามครั้งแรกเพียงครั้งเดียว มันก็ลดค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาลงไปถึงหนึ่งในสี่
หลังจากลองฝึกอยู่อีกประมาณสองนาที ซือเฟิงก็แทบจะไม่มีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจเหลืออยู่เลย ซึ่งมันก็ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดื่มโพชั่นฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจระดับปรมาจารย์เพื่อช่วยให้เขาสามารถฝึกต่อไปได้
หลังจากฝึกไปแบบนี้อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ซือเฟิงก็ลืมตาตื่นขึ้น และมองไปที่รูปปั้นที่ใกล้ที่สุดด้วยสีหน้าหดหู่
ในช่วงหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขานั้นดีขึ้นในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเป้าของเขาแล้ว มันก็ยังคงอยู่ห่างไกลมาก และหากเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้เขาใช้โพชั่นโพชั่นฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจไปจนหมด และฝึกอีกยี่สิบชั่วโมง ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาก็จะไม่สามารถขึ้นไปอยู่ที่มาตราฐานขั้นสี่ได้แน่นอน
ในอัตรานี้ ฉันจะไม่สามารถทำให้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของตัวเองไปถึงขั้นสี่ได้ก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆจะเริ่มท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ด้วยซ้ำ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมผู้เชี่ยวชาญในชีวิตที่ผ่านมาของฉันถึงไม่ค่อยพึ่งพาดีไวน์วิลเพื่อช่วยในเรื่องนี้เลย
อย่างไรก็ตามในขณะที่ซือเฟิงกำลังจะตั้งสมาธิและฝึกต่ออีกครั้ง ไวโอเล็ตคลาวด์ซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังเขาก็ลุกขึ้นยืน และเดินไปที่เครื่องหมายแปดสิบหลาที่อยู่ด้านหน้าของซือเฟิง
ตอนที่ 2645 เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงขั้นสูง
เมื่อเห็นไวโอเล็ตคลาวด์เดินไปที่เครื่องหมายแปดสิบหลาที่อยู่ด้านหน้าของซือเฟิงนั้น อควาโรสและคนอื่นๆก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ เพราะท้ายที่สุดวัดจากสีหน้าและท่าทีของไวโอเล็ตคลาวด์นั้น การต่อต้านแรงกดดันทางจิตในระยะแปดสิบหลานั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาสำหรับเธอด้วย ในความเป็นจริงเธออาจจะขยับเข้าใกล้รูปปั้นได้มากกว่านั้นด้วย
นี่เธอสามารถปรับปรุงการควบแน่นทางจิตของตัวเองได้แล้วงั้นหรอ ? ในตอนนี้แม้แต่ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ขณะที่เขามองไปยังไวโอเล็ตคลาวด์
หากผู้เล่นต้องการจะดูดซับดีไวน์วิลให้ได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถพึ่งพาได้แค่การควบแน่นทางจิตเท่านั้น นอกเหนือจากพวกไอเทมที่ช่วยฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจ เพราะท้ายที่สุดยิ่งจิตใจของคนๆหนึ่งมีการควบแน่นมากเท่าไหร่ การจะปะทะกับดีไวน์วิล และดูดซับมันได้มากขึ้นก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาก
มันไม่มีเทคนิคที่เป็นรูปธรรมที่จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถปรับปรุงการควบแน่นทางจิตของตัวเองได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพจิตใจของมนุษย์นั้นไม่มั่นคง ซึ่งบางครั้งผู้เล่นก็จะสามารถสัมผัสมันได้บ้างหรือไม่ก็ไม่ได้เลย ดังนั้นสิ่งเดียวที่ผู้เล่นทำได้คือมุ่งความสนใจและต่อต้านสิ่งรบกวนเท่านั้น
ในขณะนี้เห็นได้ชัดว่าไวโอเล็ตคลาวด์ได้ปรับปรุงการควบแน่นทางจิตของเธอเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้สภาพจิตใจของเธอแข็งแกร่งขึ้นมาก เป็นผลให้เธอสามารถต้านทานแรงกดดันทางจิตได้มากขึ้น ไม่งั้นมันจะไม่มีทางที่เธอจะทนต่อแรงกดดันทางจิตในระยะแปดสิบหลาได้อย่างง่ายดายเลย
ซือเฟิงรู้มานานแล้วว่าไวโอเล็ตคลาวด์นั้นมีความสามารถและพรสวรรค์สูงมาก
เพราะท้ายที่สุดแล้วในชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้น เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่พึ่งพาเพียงแค่ความแข็งแกร่งของตัวเองจนสามารถไปถึงขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าได้ ในขณะที่อัจฉริยะกว่าเก้าสิบเปอเซ็นต์ที่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจต่างๆนั้นลงเอยด้วยการติดอยู่ที่ขั้นห้า และไม่เคยผ่านเข้าสู่ขั้นหกได้เลยตลอดชีวิต ดังนั้นนี้มันก็น่าจะทำให้ใครๆสามารถจินตนาการได้ว่าความสามารถและพรสวรรค์ของไวโอเล็ตคลาวด์นั้นน่ากลัวขนาดไหน เพราะเธอนั้นสามารถจะทำสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จได้โดยที่ไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆเลย
อย่างไรก็ตามความสามารถและพรสวรรค์ของไวโอเล็ตคลาวด์นั้นก็ยังคงไปไกลเกินความคาดหมายของซือเฟิงมากๆ แม้ว่าเขาจะได้ยินชื่อเสียงของเธอมาจากชีวิตที่ผ่านมาแล้วก็ตาม
นี่เป็นครั้งแรกที่ซือเฟิงให้ทุกคนมาฝึกอะไรแบบนี้ ซึ่งแม้แต่ซือเฟิงก็ไม่ได้มีวิธีการหรือเทคนิคใดๆที่จะทำให้ตัวเองปรับปรุงการควบแน่นทางจิตได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามหลังจากฝึกฝนมามากกว่าหนึ่งชั่วโมงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไวโอเล็ตคลาวด์ก็ประสบความสำเร็จในการพัฒนาแล้ว พรสวรรค์ของเธอนั้นมันช่างน่ากลัวมากจริงๆ
ในขณะเดียวกันความก้าวหน้าอย่างกะทันหันของไวโอเล็ตคลาวด์นั้นก็ได้กระตุ้นจิตวิญญาณการต่อสู้ของทุกคน พวกเขารีบลองก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อทดสอบว่าพวกเขาจะสามารถทนต่อแรงกดดันทางจิตได้มากแค่ไหน และพวกเขาจะสามารถทำได้เท่าไวโอเล็ตคลาวด์ไหม ….
ในสถานการณ์นี้แม้แต่ตัวซือเฟิงเองก็ลองดูเช่นกัน อย่างไรก็ตามเขาก็สามารถขยับไปได้ถึงแค่ระยะแปดสิบห้าหลาเท่านั้น
ซึ่งที่ระยะแปดสิบห้าหลานั้นซือเฟิงก็หน้าซีดลงทันทีในความพยายามที่จะต่อต้านแรงกดดันทางจิตที่เขาได้รับ ขณะเดียวกันมันก็ทำให้สติของเขาพร่ามัวไปในบางครั้ง
ฉันก้าวมาข้างหน้าอีกแค่ห้าหลาเท่านั้น แต่ฉันกับเสียค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจไปเกือบสิบเปอเซ็นต์ในการเผชิญหน้ากับแรงกดดันทางจิตแต่ละครั้ง ฉันแทบจะไม่ได้ดูดซับดีไวน์วิลใดๆได้ด้วยซ้ำในเวลานี้ แน่นอนเลยว่าการควบแน่นทางจิตนั้นทำไม่ได้ง่ายๆเลย ซือเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ขณะที่เขามองไปยังไวโอเล็ตคลาวด์ที่สามารถทนและต่อต้านแรงกดดันทางจิตที่แปดสิบหลาได้อย่างสบายๆ
ตอนแรกเขาคิดว่าสภาพจิตของเขาน่าจะแข็งแกร่งขึ้นในระดับหนึ่ง หลังจากที่ทนและต่อต้านแรงกดดันในระยะเก้าสิบหลาได้ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะประเมินตัวเองสูงเกินไป
ดูเหมือนว่าฉันจะทำได้แค่ต้องกลับไปที่ตำแหน่งเดิม และค่อยๆเรียนรู้ไปอย่างช้าๆสินะ ซือเฟิงคิดพลางส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อเดินกลับไปตำแหน่งเดิม
โดยขณะที่เขาลุกขึ้นยืนนั้น รูปปั้นเบื้องหน้าเขาก็แผ่แรงกดดันทางจิตออกมาอีกระลอก ซึ่งในตอนนี้นั้นซือเฟิงไม่ได้พยายามที่จะต่อต้านัน เขาเพียงแค่อดทนกับมันเท่านั้น
หลังจากอดทนต่อแรงกดดันทางจิตระลอกนี้ ซือเฟิงก็รู้สึกว่าจิตใจของเขานั้นพร่ามัวเล็กน้อย และการควบคุมร่างกายทางกายภาพของเขาก็ช้าลง ซึ่งโดยรวมแล้วเขามีอาการดีกว่าตอนที่พยายามจะต่อต้านมันอย่างถึงที่สุดมากๆ
แม้จะเผชิญกับแรงกดดันทางจิตแบบเดียวกัน แต่มันก็มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการอดทนกับการต่อต้านอย่างถึงที่สุด ถ้าอดทนแล้วให้ผลแบบนี้ ฉันน่าจะสามารถค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปในระยะสามสิบหลาจากรูปปั้นได้อย่างรวดเร็ว ซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างมีความสุข เมื่อเขาเริ่มสัมผัสได้ถึงวิธีการที่เขาต้องใช้สำหรับการฝึกนี้
ตอนนี้ซือเฟิงเข้าใจแล้วว่าการพยายามต่อต้านจนถึงที่สุดนั้นไม่ใช่อะไรที่ดีเลย ซึ่งมันตรงกันข้ามกับการอดทน และเลือกจะปล่อยให้ร่างกายไหลไปตามสภาพจิตใจ และสัญชาตญาณที่ได้ผลดีกว่า ซึ่งเมื่อซือเฟิงเริ่มเข้าใจจุดนี้และสามารถควบคุมหลายสิ่งได้มากขึ้น ซือเฟิงจึงจะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นมากในการดูดซับดีไวน์วิล
หลังจากคิดมาถึงจุดนี้ ซือเฟิงก็ทรุดนั่งลงทันที และเริ่มจะทดสอบความคิดทั้งหมดของเขา
ก่อนหน้านี้เขามัวแต่จดจ่ออยู่กับการใช้สภาพจิตใจเพื่อต่อต้านแรงกดดันทางจิตที่เขาได้รับ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาเลือกจะกระจายโฟกัสไปทั่วร่างกายของเขาแทน เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งใดขึ้นมามีอิทธิพลเหนือการควบคุมของเขา
ในเวลาต่อมาแรงกดดันทางจิตอีกระลอกก็มาถึง ซึ่งแม้ว่าแรงกดดันทางจิตระลอกนี้มันจะทำให้หน้าของซือเฟิงซีดลงไปเล็กน้อย แต่รอยยิ้มก็ได้ปรากฎขึ้นบนหน้าเขาแล้ว
ใช่แล้ว !!! แบบนี้แหละ !!! ซือเฟิงตื่นเต้นมากเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงค่าความแข็งแกร่งางจิตใจที่เขาสูญเสียไปในครั้งล่าสุด
ในตอนแรกเขาจะสูญเสียค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจไปประมาณหนึ่งในสี่ เมื่อเขาทำการต่อต้านแรงกดดันทางจิตที่ระยะเก้าสิบหลา อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาสูญเสียค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจไปแค่หนึ่งในห้าสิบเท่านั้น และแม้ว่ามันจะยังนับว่าเป็นการปรับปรุงไม่มากนัก แต่อย่างน้อยที่สุด เขาก็ได้เข้าใจถึงก้าวแรกของการเริ่มต้นฝึกเรื่องนี้แล้ว
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ถอยห่างออกไป และนั่งลงนอกระยะของแรงกดดันทางจิตจากรูปปั้น จากนั้นเขาก็เริ่มคิดพิจารณาถึงวิธีที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการควบคุมร่างกายของเขาเพื่อที่เขาจะสามารถกระจายจุดโฟกัสไปได้มากที่สุด หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ เขาพยายามจะออกแรงกล้ามเนื้อทั้งหมดไปในทิศทางเดียว ซึ่งด้วยวิธีนี้มันจะทำให้เขาสามารถควบคุมร่างกายของเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จ
อย่างไรก็ตามนี่เป้นครั้งแรกที่ซือเฟิงได้ลองทำสิ่งนี้ แม้ว่าเขาจะมาถึงขอบเขตโดเมนแล้วและสามารถควบคุมประสาทสัมผัสทั้งห้ารวมทั้งร่างกายของเขาได้อย่างแม่นยำ แต่เขาก็ไม่เคยพยายามออกแรงกล้ามเนื้อทุกส่วนให้ไปในทิศทางเดียวกันเลย และเมื่อซือเฟิงลองทำจริงๆนั้น เขาก็ได้รู้ว่านี่มันเป็นสิ่งที่ท้าทายมากๆ โดยในตอนนี้เขายังออกแรงกล้ามเนื้อทุกส่วนให้ไปในทิศทางเดียวกันได้แค่สิบเปอเซ็นต์เท่านั้น
แน่นอนเลยว่ามันเป็นเรื่องยากจริงๆ มันจะดีมากถ้าฉันมีเทคนิคการต่อสู้ที่ช่วยปรับทิศทางการออกแรงของกล้ามเนื้อ
ขณะที่ซือเฟิงกำลังพยายามออกแรงกล้ามเนื้อทุกส่วนให้ไปในทิศทางเดียวกัน เขาก็รู้สึกว่าการจะทำมันให้สำเร็จจริงๆนั้นยากกว่าการเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงซะอีก เพราะท้ายที่สุดในตอนที่ใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงนั้น กล้ามเนื้อทุกส่วนไม่ได้จำเป็นที่จะต้องเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันแบบนี้
แต่ก็นั่นแหล่ะนะ !!! เนื่องจากฉันไม่มีเทคนิคการต่อสู้แบบนี้ ฉันก็ทำได้แค่พยายามสร้างมันขึ้นมากเท่านั้น !!! แม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว ฉันจะไม่สามารถใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายได้ตามที่คิด แต่หากใช้มันได้มากขึ้นในทิศทางเดียวกัน มันก็จะยังเป็นประโยชน์ต่อฉันมากแน่นอน !!! ซือเฟิงครุ่นคิด
หลังจากครุ่นคิดแล้ว เขาก็เริ่มการสร้างเทคนิคการต่อสู้ทันที
เมื่อเทียบกับเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงแล้ว เทคนิคการต่อสู้ที่ซือเฟิงคิดไว้เป็นแนวคิดนั้นมันมีความยากและซับซ้อนกว่ามาก หากคิดจะใช้มันจริงๆ อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์ในการต่อสู้ที่โชกโชน และความสามารถในการผสานรวมเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงเข้ากับทุกการเคลื่อนไหว มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับซือเฟิงที่จะทำมันขึ้นมาให้สำเร็จ เพราะท้ายที่สุดนี่มันก็เหมือนกับการจัดการมานาและสร้างวงเวทย์นั่นแหละ ….
เมื่อคิดได้ดังนี้ ซือเฟิงก็เริ่มทดลองในทันที ….
หนึ่งชั่วโมง ….
สามชั่วโมง ….
เก้าชั่วโมง ….
หลังจากผ่านไปสิบชั่วโมงในการลองผิดลองถูก พื้นอันมั่นคงของเมืองไลท์ฟอร์จก็เริ่มกระเพื่อม ในเวลาเดียวกัน เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของซือเฟิง และเนื้อห้าของมันก็ดังก้องอยู่ในใจเขา
….
ระบบ : ยินดีด้วย !!! คุณได้สร้างเทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงขั้นสูงขึ้นมาได้สำเร็จ กรุณาตั้งชื่อเทคนิคการต่อสู้ของคุณ
ตอนที่ 2646 ดีไวน์เช้ง
อะไรกัน ? เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงขั้นสูงงั้นหรอ ?
ซือเฟิงตกตะลึงเมื่อเขาได้เห็นการแจ้งเตือนของระบบ
เทคนิคการต่อสู้ที่เขาตั้งเป้าจะสร้างขึ้นในครั้งนี้นั้นมีไว้เพื่อทำให้เขาควบคุมร่างกายได้ดีขึ้นเพื่อที่เขาจะได้สามารถปรับปรุงการควบแน่นทางจิตของตัวเองให้ดีขึ้น และสามารถดูดซับดีไวน์วิลได้มากขึ้น ซึ่งในความคิดของเขา มันก็จะจัดว่าโชคดีมากแล้ว ถ้าเทคนิคการต่อสู้ดังกล่าวนั้นถือเป็นเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูง อย่างไรก็ตามตอนนี้ปรา
กฎว่า เขาได้สร้างเทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงขั้นสูงขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องราวของเทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงขั้นสูงมาก่อน และเท่าที่เขารู้จากในชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้น ต่อจากเทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดง มันก็น่าจะเป็นระดับเงินเลย มันไม่น่าจะมีอะไรคั่นอยู่ระหว่างนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจะซ่อนความประหลาดใจของเขาได้อย่างแท้จริง
ที่สำคัญที่สุดคือเทคนิคการต่อสู้ที่เขาพึ่งจะสร้างขึ้นมานั้นไม่อาจถือได้ว่าเป็นของที่สมบูรณ์ด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดแล้วในสถานะปัจจุบันของมัน เทคนิคการต่อสู้ใหม่นี้ทำให้เขาสามารถออกแรงกล้ามเนื้อส่วนหนึ่งได้มากขึ้นเท่านั้น มันไม่มีอะไรอื่น มันไม่ได้มีอะไรที่จะช่วยเปลี่ยนเทคนิคการรุกหรือรับของเขา และหากให้พูดตรงๆ มันก็เป็นแค่ของกึ่งสมบูรณ์เท่านั้น
เป็นเพราะเทคนิคยังไม่สมบูรณ์รึปล่าว ? ระบบถึงไม่สามารถจะประเมินผลได้อย่างแม่นยำ และด้วยเหตุนี้มันจึงมีชื่อว่าเทคนิคระดับทองแดงขั้นสูง ?
ในขณะที่ซือเฟิงกำลังมีความสุขกับความคิดดังกล่าว เขาก็ได้ลองใช้เทคนิคการต่อสู้ที่เขาสร้างขึ้นมาใหม่ทันที โดยเขาได้ชกไปที่อากาศที่ว่างเปล่าด้านหน้าของเขา และแน่นอนเทคนิคการต่อสู้ใหม่ของเขามันน่ากลัวอย่างแท้จริง ซึ่งด้วยเทคนิคใหม่ของเขานี้ เพียงแค่หมัดของเขาชกไปยังพื้นที่ตรงหน้าที่ว่างเปล่าเพียงอย่างเดียว มันก็ทำให้พื้นที่ไม่เสถียรแล้ว
ผลลัพธ์นี้นั้นเป็นที่น่าประทับใจมาก เนื่องจากในปัจจุบันเขายืนอยู่ในเมืองไลท์ฟอร์จซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งจากเทพโบราณ ดังนั้นพื้นที่ภายในเมือง มันจึงควรจะมีความเสถียรมากๆ ซึ่งพลังทั่วไปก็ไม่น่าจะสามารถทำให้พื้นที่ที่อยู่ในเมืองไลท์ฟอร์จไม่เสถียรได้ อันที่จริง แม้แต่ตัวตนขั้นห้าก็ยังยากจะทำให้พื้นที่ภายในเมืองนี้ไม่เสถียรเลย
อย่างไรก็ตามหมัดที่เขาพึ่งปล่อยออกไปตรงหน้าของเขานั้นกับทำให้พื้นที่ตรงหน้าเขากระเพื่อมเล็กน้อย ซึ่งในฐานะผู้เล่นขั้นสาม เขาไม่ควรจะสามารถแสดงพลังแบบนี้ออกมาได้ แม้ว่าจะใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงก็ตาม และพูดกันตรงๆอย่างน้อยเทคนิคลับที่เป็นเทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงของเขาอย่างไลท์นิ่งแฟลชก็ไม่สามารถที่จะทำได้แน่นอน
ดูเหมือนว่าเทคนิคการต่อสู้ของฉันที่ให้ใช้กล้ามเนื้อไปในทิศทางเดียวกัน มันจะมีศักยภาพอย่างมาก และมันก็เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเพียงของกึ่งสมบูรณ์เท่านั้น แถมฉันยังออกแรงใช้กล้ามเนื้อไปในทิศทางเดียวกันได้แค่สิบห้าเปอเซ็นต์ของกล้ามเนื้อทั้งหมดของร่างกาย แต่ฉันกับสามารถแสดงพลังออกมาได้มากขนาดนี้แล้ว ถ้าฉันสามารถสร้างเทคนิคนี้ขึ้นมาให้สมบูรณ์และออกแรงจากกล้ามเนื้อทั้งหมดของฉันให้ไปในทิศทางเดียวกันได้ มันน่าจะเทียบเท่ากับเทคนิคการต่อสู้ระดับทองเลย เมื่อซือเฟิงเห็นการประเมินของระบบ เขาก็รู้ได้ทันทีถึงความเป็นไปได้ในการสร้างเทคนิคการต่อสู้ที่ทรงพลัง
ปัจจุบันมันมีการค้นพบเทคนิคการต่อสู้มากมายใน God domain แล้ว อย่างไรก็ตามเทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงหรือสูงกว่าขึ้นไปยังคงหายากมากๆ และการจะเรียนรู้เทคนิคเหล่านี้ให้ได้มันก็ยากมากเช่นกัน แม้ว่าผู้เล่นจะมีศิลาจารึกมรดกก็ตาม
หากเขาสามารถสร้างเทคนิคการต่อสู้ระดับเงินหรือระดับทองขึ้นมาได้ และทำการแจกจ่ายมันให้กับแกนหลักของกิลเพื่อฝึกฝนได้อย่างอิสระ มาตราฐานการต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีกก็จะถูกผลักดันให้ขึ้นไปสู่ระดับใหม่ทั้งหมดแน่นอน
ขณะที่ซือเฟิงกำลังหลงอยู่ในความคิดของตัวเอง ระบบก็ส่งการแจ้งเตือนมายังเขาอีกครั้ง
….
ระบบ : โปรดตั้งชื่อเทคนิคการต่อสู้ของคุณ หากคุณไม่ยอมตั้งชื่อ ระบบจะตั้งชื่อให้โดอัตโนมัติหลังจากผ่านไปสิบนาที
….
“ชื่อ ?” หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ซือเฟิงก็กล่าวว่า “เนื่องจากฉันสร้างเทคนิคการต่อสู้นี้ขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ในการใช้ฝึกดีไวน์วิล ดังนั้นฉันจะขอตั้งชื่อมันว่าดีไวน์เช้ง
หลังจากที่ซือเฟิงตั้งชื่อเทคนิคใหม่ของเขาเรียบร้อยแล้ว เขาก็เลื่อนสายตาไปมองรูปปั้นที่อยู่ใกล้ๆ
ปัจจุบันไวโอเล็ตคลาวด์นั้นได้ก้าวไปใกล้ในระยะหกสิบหลาแล้ว ขณะที่คนอื่นๆนั้นก็มีการปรับปรุงอย่างมากในทำนองเดียวกัน ตัวอย่างเช่น อควาโรส Alluring Summer และอี้ลั่วเฟยตอนนี้นั้นอยู่ที่ระยะเจ็ดสิบห้าหลา ขณะที่ผู้เล่นระยะประชิดของกิลอย่างไฟเออร์แดนซ์ เสวี่ยเหวินโหรว หยานเทียนซิงนั้น แม้ว่าพวกเขาจะมีอาการแย่ลงเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ได้มาถึงระยะแปดสิบหลาแล้ว ซึ่งในตอนนี้นั้นสิ่งที่พวกเขาสามารถจะทำได้มันก็ดีกว่าซือเฟิงก่อนหน้านี้มาก
ในขณะเดียวกัน หลังจากซือเฟิงสังเกตทุกคนสักพัก ไวโอเล็ตคลาวด์ก็ยืนขึ้นจากจุดเดิมของเธอ และเดินเข้าไปใกล้ในระยะห้าสิบหลา ความเร็วในการปรับปรุงและพัฒนาของเธอตอนนี้มันช่างน่ากลัวมากจริงๆ
ดูเหมือนว่าฉันจะต้องลองใช้เทคนิคใหม่แล้ว แม้ว่ามันจะเป็นเพียงของกึ่งสมบูรณ์ แต่มันก็น่าจะช่วยฉันปรับปรุงผลลัพธ์ของฉันได้ค่อนข้างมาก ซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา เมื่อเขาเห็นไวโอเล็ตคลาวด์ไปถึงระยะห้าสิบหลาห่างจากรูปปั้นแล้ว
ในฐานะหัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีก เขาอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องเก่งที่สุดในทุกๆเรื่อง แต่เขาก็ไม่สามารถจะเป็นผู้ที่แย่ที่สุดได้แน่นอน ไม่งั้นมันจะเป็นเรื่องน่าอับอาย
หลังจากนั้นซือเฟิงก็เดินผ่านระยะหนึ่งร้อยหลาห่างจากรูปปั้น และค่อยๆเดินเข้าไปที่รูปปั้นใกล้ขึ้น ในขณะเดียวกัน สมาชิกของสภาสิบแปดปีกที่นั่งอยู่ก่อนในแต่ละระยะของรูปปั้นก็สังเกตเห็นการมาถึงของซือเฟิงอย่างรวดเร็ว และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนความสนใจไปที่ซือเฟิง
“ในที่สุดหัวหน้ากิลก็เตรียมพร้อมที่จะเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาแล้วงั้นหรอ ?” อควาโรสอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่เห็นซือเฟิงเดินกลับเข้าสู่ช่วงที่ต้องรับแรงกดดันทางจิตจากเหล่ารูปปั้นเพื่อดูดซับดีไวน์วิล
ก่อนหน้านี้ซือเฟิงได้ถอยห่างออกไปไกลกว่าหนึ่งร้อยหลา และนั่งเงียบๆที่มุมหนึ่ง ซึ่งสถานการณ์นี้มันก็ทำให้เธอและคนอื่นๆสับสน เพราะพวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าหัวหน้ากิลของพวกเขากำลังทำอะไรอยู่
แม้ว่าพวกเขาจะได้รับสถานะพลเมืองถาวรในเมืองไลท์ฟอร์จ และได้รับคุณสมบัติที่จะอยู่ในเมืองนานแค่ไหนก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ แต่ระยะเวลาของวงเวทย์เล่นแร่แปรธาตุที่พวกเขาใช้เพื่อทำให้ตัวเองอยู่ในดินแดนลับโบราณได้เป็นเวลานานนั้นก็กำลังหมดลงไปเรื่อยๆ ซึ่งมันทำให้ทุกวินาทีที่พวกเขาใช้อยู่ที่นี่นั้นมีค่ามากๆ และจำเป็นต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงกับเสียเวลาไปเกือบสิบชั่วโมงโดยไม่ได้ทำอะไรเลย
“ฉันคิดไม่ออกเลยจริงๆว่าทำไมหัวหน้ากิลถึงไปนั่งตรงนั้นนานขนาดนี้ และเขากระทั่งยอมเสียเวลาอันมีค่าของโพชั่นฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจไปที่เหลือเกือบหนึ่งชั่วโมงไปด้วย ….” โคล่าพึมพำ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความสับสน
เดิมทีเวลาของพวกเขาในเมืองไลท์ฟอร์จนั้นก็มีจำกัดอยู่แล้ว และเมื่อเวลาผ่านไปสิบชั่วโมง พวกเขาก็เหลือเวลาไม่ถึงสองวันแล้ว นอกจากนี้พวกเขายังต้องหยุดพักเล็กน้อยทุกๆสองชั่วโมงเพื่อผ่อนคลายจิตใจที่ตึงเครียด พูดง่ายๆคือพวกเขาถูกกดดันด้วยเวลามากๆ
หากซือเฟิงใช้เวลาที่เขาเสียไปสิบชั่วโมงนี้ในการปรับปรุงตัวเองและฝึกไปพร้อมกับคนอื่น เขาก็น่าจะเข้าใกล้ระยะเจ็ดสิบถึงแปดสิบหลาได้แล้ว และเมื่อซือเฟิงใช้โพชั่นฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจระดับปรมาจารย์เพื่อฝึกต่อที่ระยะนี้ เขาก็อาจจะสามารถทะลุไปถึงมาตราฐานขั้นสี่ของค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจได้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
ในขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิดถึงการกระทำของซือเฟิง ซือเฟิงก็ได้เดินมาถึงที่ระยะแปดสิบห้าหลา อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่ได้แสดงเจตนาที่จะหยุดและนั่งลง แต่เขากลับยืนอยู่ที่ระยะนี้อย่างเงียบๆ ในขณะที่เขากำลังอดทนและต่อต้านแรงกดดันทางจิตที่เข้ามา
Peng!
และเมื่อระลอกแรงกดดันทางจิตนี้สัมผัสกับซือเฟิง มันก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“มันแตก ?! เป็นไปได้ยังไง ?!” อควาโรสตกตะลึง เมื่อเธอรู้สึกได้ถึงแรงกดดันทางจิตที่แตกออกไปเมื่อมันเข้าใกล้ซือเฟิง และตอนนี้เธอก็หันไปจ้องมองซือเฟิงอย่างไม่วางตา
พวกเขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าระลอกคลื่นแรงกดดันทางจิตที่พุ่งเข้าใส่ซือเฟิงนั้นมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆในขณะที่เข้ามาใกล้ซือเฟิง ซึ่งมันราวกับว่าพวกมันชนเข้ากับกำแพงที่ไม่สามารถจะผ่านไปได้ ….
“หัวหน้ากิล หัวหน้าทำอะไรกัน ? นี่หัวหน้าสามารถทำลายแรงกดดันทางจิตได้งั้นหรอ ?” โคล่าถามโดยที่เขาไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นของเขาได้
แรงกดดันทางจิตนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะจับต้องได้ และแค่พยายามต่อต้านอย่างแข็งขันมันก็เป็นงานที่ยากแล้ว สำหรับการทำลายมันแบบนี้ ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย
ในตอนนี้ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความสับสน
“ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรพิเศษนะ ฉันแค่ตอบโต้แรงกดดันทางจิตน่ะ ฉันไม่ได้คิดเลยจริงๆว่ามันจะแตกออกแบบนี้ …” ซือเฟิงกล่าวด้วยความงงงวยกับสถานการณ์นี้เช่นกัน
เขาเพียงแค่ลองใช้เทคนิคดีไวน์เช้งกับแรงกดดันทางจิตเพื่อทดสอบผลของเทคนิคเท่านั้น เขาไม่เคยคิดถึงผลลัพธ์เช่นนี้เลย แต่อย่างไรก็ตามมันกลับออกมาเป็นแบบนี้
คำตอบของซือเฟิงและสีหน้าที่สงบของเขา มันทำให้อควาโรสพูดไม่ออก
คำอธิบายนี้มันสั้นเกินไป
เขาหมายถึงอะไร “แค่ตอบโต้ ?”
ในขณะเดียวกัน หลังจากที่ซือเฟิงให้คำอธิบายแล้ว เขาก็ก้าวเข้าไปใกล้ระยะของรูปปั้นมากขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากรู้อยากเห็นมากว่าตอนนี้ดีไวน์เช้งจะช่วยให้เขาไปได้ไกลแค่ไหน
ตอนที่ 2647 โซนต้องห้ามของรูปปั้น
ในแต่ละก้าวที่ซือเฟิงก้าวเข้าไปใกล้รูปปั้นอันสง่างามเบื้องหน้าเขา แรงกดดันทางจิตที่เขาได้รับมันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงก้าวต่อไปโดยไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อยราวกับแรงกดดันทางจิตที่เขาต้องเผชิญนั้นมันไม่มีอยู่จริง
แปดสิบหลา ….
เจ็ดสิบหลา ….
หกสิบหลา ….
หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว ซือเฟิงก็ได้มาถึงระยะห้าสิบหลา และยืนอยู่ข้างไวโอเล็ตคลาวด์ ในขณะนี้การแสดงออกของเขาดูจริงจังเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าแรงกดดันทางจิตของรูปปั้นเริ่มส่งผลกระทบต่อเขาแล้ว อย่างไรก็ตามทุกคนก็เข้าใจได้อย่างชัดเจนว่านี่มันยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเขา
“นี่เขาเป็นสัตว์ประหลาดรึไงกัน ? เขาตามไวโอเล็ตคลาวด์ได้ทันอย่างรวดเร็วมากๆ !!! ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่ถึงขีดจำกัดด้วย !!!” อี้ลั่วเฟยที่นั่งอยู่ใกล้ๆจ้องมองไปที่ซือเฟิงด้วยความตกตะลึง “นี่เขาไปทำอะไรกันในช่วงที่เขาพักไป ทำไมเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วมากๆ ?”
ผู้เล่นที่ไม่เคยสัมผัสได้ถึงการควบแน่นทางจิตมาก่อน อาจไม่รู้ว่าซือเฟิงได้แสดงออกถึงการปรับปรุงมากเพียงใด อย่างไรก็ตามทุกคนในปัจจุบันที่เริ่มฝึก และเริ่มเข้าใจถึงการควบแน่นทางจิตเพื่อใช้ต่อต้านรูปปั้นเหล่านี้มานานกว่าสิบชั่วโมงแล้วรู้ดีว่าซือเฟิงนั้นพัฒนาไปไกลแค่ไหน
แม้ว่าการที่ซือเฟิงก้าวผ่านระยะแปดสิบห้าหลาไปได้อย่างรวดเร็วมันจะจัดว่าน่าทึ่ง แต่แรงกดดันทางจิตที่เขาต้องเผชิญในระยะแปดสิบห้าหลากับห้าสิบหลานั้นมันเทียบกันไม่ได้เลย ในความเป็นจริงอี้ลั่วเฟยสงสัยด้วยซ้ำว่าซือเฟฟิงสามารถต้านทานแรงกดดันทางจิตในระยะห้าสิบหลาได้ยังไง
สำหรับไวโอเล็ตคลาวด์ พรสวรรค์ของเธอนั้นชัดเจนสำหรับทุกคนที่เห็น พรสวรรค์ของไวโอเล็ตคลาวด์นั้นยอดเยี่ยมมากซะจนแม้แต่อี้ลั่วเฟยก็ยังคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อ ดังนั้นเมื่อเธอเห็นมาตราฐานการควบแน่นทางจิตของซือเฟิง และความรวดเร็วในการพัฒนาที่แพ้ไวโอเล็ตคลาวด์ในเรื่องนี้ เธอจึงไม่ได้แปลกใจใดๆเลย ยิ่งไปกว่านั้นไวโอเล็ตคลาวด์ยังเป็นผู้เล่นนักเวทย์ซึ่งทำให้เธอได้เปรียบเหนือผู้เล่นระยะประชิดในเรื่องการควบแน่นทางจิต และประเด็นนี้มันก็ชัดเจนจากผลการฝึกของทุกคนในช่วงที่ผ่านมา
ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติมากที่ซือเฟิงจะด้อยกว่าไวโอเล็ตคลาวด์
อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงได้ก้าวข้ามไวโอเล็ตคลาวด์ไปแล้วด้วยการทำลายแรงกดดันทางจิตในระยะห้าสิบหลา สถานการณ์นี้มันช่างน่าประหลาดใจจริงๆ
เพราะท้ายที่สุดแล้วซือเฟิงได้ออกไปฝึกและพักอยู่ในระยะห่างมากกว่าหนึ่งร้อยหลาจากรูปปั้นเป็นเวลานาน ซึ่งการพยายามฝึกในระยะนั้นมันยากกว่ามาก เขาไม่ควรจะมาได้ไกลขนาดนี้เลย
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น แต่ซือเฟิงก็ยังคงสามารถจะเอาชะไวโอเล็ตคลาวด์ได้ สิ่งที่เขามีนั้นมันไม่น่าเรียกว่าพรสวรรค์แล้ว นี่มันเป็นความเหนือมนุษย์ชัดๆ
ในขณะที่อี้ลั่วเฟยกำลังเต็มไปด้วยความงุนงง ซือเฟิงก็ได้มาถึงระยะสามสิบหลาห่างจากรูปปั้นแล้ว และเมื่อตอบโต้แรงกดดันทางจิตในระยะนี้ เขาก็ถูกบังคับให้ถอยไปหนึ่งก้าว ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะซีดเซียวลงมากๆ
ดูเหมือนว่าการเข้าใกล้กว่านี้จะเป็นเรื่องยาก พลังของแรงกดดันทางจิตในระยะนี้นั้น มันมากกว่าในระยะห้าสิบหลายเท่าเลย ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมในชีวิตที่ผ่านมาของฉัน หลายๆคนถึงไม่สามารถจะเข้าถึงและข้ามระยะสามสิบหลาได้ เมื่อซือเฟิงพยายามตอบโต้แรงกดดันทางจิตในระยะสามสิบหลา เขาก็สูญเสียค่าความแข็งแกร่งทางจิตหนึ่งในสิบห้าของเขาไปทันที ซึ่งนี่มันไม่ใช่อะไรที่เขาจะสามารถทนได้มากนักอีกต่อไป
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขาพื้นที่ภายในระยะสามสิบหลาของรูปปั้นที่แผ่ออร่าดีไวน์วิล
ออกมานั้นถือเป็นโซนต้องห้าม ตามข่าวลือใครก็ตามที่สามารถเข้าไปฝึกในโซนนี้ได้จะได้รู้สึกถึงการก้าวกระโดดเชิงคุณภาพของตัวเองในเรื่องการควบแน่นทางจิต
แม้ว่าการปรับปรุงนี้จะไม่ช่วยให้ผู้เล่นได้รับพลังในการต่อสู้เพิ่มมากขึ้น แต่มันก็จะช่วยเพิ่มการรับรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับมานาไปสู่ระดับที่เหนือมนุษย์อย่างสิ้นเชิง แถมมันยังจะช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้างโดเมนเวทย์มนต์ของผู้เล่น เมื่อพวกเขาไปถึงขั้นสี่ได้ แถมมันยังมีข่าวลือด้วยว่าการสามารถทะลุเข้าไปฝึกในโซนต้องห้ามได้นั้น มันจะสามารถให้ความช่วยเหลือที่สำคัญเมื่อท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นห้าได้
ในขณะเดียวกันเมื่อเห็นซือเฟิงไม่สามารถก้าวต่อไปได้แล้ว อควาโรสและคนอื่นๆก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะท้ายที่สุดถ้าซือเฟิงสามารถเข้าใกล้รูปปั้นได้มากกว่านี้ พวกเขาคงจะเริ่มสงสัยในตัวเองว่าพวกเขาด้อยความสามารถมาก
แม้ว่าฉันจะไม่สามารถฝึกที่ระยะสามสิบหลาได้ แต่การฝึกที่ระยะสามสิบห้าหลาก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่เช่นกัน ด้วยเรื่องนี้ ฉันก็ไม่น่าจะใช้เวลาถึงสองวันในการเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของตัวเองขึ้นไปที่มาตราฐานของขั้นสี่
ซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เมื่อเขามองไปยังโซนต้องห้ามตรงหน้าเขา อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวังมากนัก
ในสถานะปัจจุบันนั้น ดีไวน์เช้งของเขายังไม่สมบูรณ์
เดิมทีเขาคิดว่าเขาจะสามารถฝึกได้แค่ในระยะห้าสิบหลาด้วยซ้ำ เนื่องจากเทคนิคดีไวน์เช้งในตอนนี้นั้นทำให้เขาออกแรงกล้ามเนื้อไปยังทิศทางเดียวกันได้สิบห้าเปอเซ็นต์จากกล้ามเนื้อทั้งหมดเท่านั้น นอกนั้นเขายังไม่สามารถจะเพิ่มเปอเซ็นต์ขึ้นไปได้ ดังนั้นเมื่อเจอกับผลลัพธ์ในปัจจุบันของเขา ซือเฟิงจึงค่อนข้างพอใจ
สำหรับการเข้าสู่โซนต้องห้ามของรูปปั้นที่แผ่ออร่าดีไวน์วิลออกมา เขาจะสามารถทำได้แน่นอน เมื่อเขาทำให้ดีไวน์เช้งสมบูรณ์ได้
หลังจากที่ซือเฟิงกลับไปที่ระยะสามสิบห้าหลา และเริ่มดูดซับดีไวน์วิล มันก็ทำให้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ซึ่งในระหว่างที่ซือเฟิงดูดซับดีไวน์วิลอย่างต่อเนื่องเพื่อเข้ามาเพิ่มความแข็งแกร่งทางจิตใจของตัวเอง มันก็เริ่มมีผู้เล่นที่ฟื้นคืนชีพและเข้าสู่เมืองไลท์ฟอร์จมากขึ้น
เมื่อสมาชิกหลายคนของไวโอเล็ตซอร์ด และของหอการค้าอาซูเห็นซือเฟิงและสมาชิกสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆนั่งอยู่หน้ารูปปั้นบนกำแพงเมือง พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
….
“ฉันล่ะคิดไม่ออกเลยจริงๆว่าผู้เล่นจากสภาสิบแปดปีกกำลังพยายามทำอะไร พวกเขานั้นเอาแต่เสียเวลานั่งอยู่ต่อหน้ารูปปั้นเหล่านั้นจริงๆ นี่พวกเขาไม่ได้รู้เลยรึไงว่าความสงบสุขในโลกภายนอกได้สลายไปหมดแล้ว ?” คริมสันสตาร์นั้นอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เมื่อเธอได้รับรายงานจากลูกน้องของเธอถึงกิจกรรมของสภาสิบแปดปีกในช่วงนี้
สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ด และหอการค้าอาซูต่างพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปรับปรุงพลังการต่อสู้ของตัวเองในเมืองไลท์ฟอร์จ
ในทางกลับกันสมาชิกสภาสิบแปดปีกทั้งหมดกับเสียเวลาไปสองวันโดยไม่ได้ทำอะไรเลย นอกเหนือจากการออกจากตำแหน่งที่พวกเขานั่งหน้ารูปปั้นเพื่อไปรับประทานอาหารในร้านอาหารของเมืองไลท์ฟอร์จเป็นครั้งคราวแล้ว พวกเขาก็ไม่ทำอย่างอื่นเลย และแทนที่จะใช้เวลาที่มาที่นี่เพื่อฝึกฝน สมาชิกของสภาสิบแปดปีกกับดูเหมือนว่าจะมาพักร้อนมากกว่า
“สภาสิบแปดปีกอาจมีข้อที่ต้องคิดและพิจารณาของตัวเอง เพราะท้ายที่สุดแล้ว เมื่อพูดถึงผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด กิลก็มีเหนือกว่ามหาอำนาจทั่วไปแล้ว” ไวน์ไฟเตอร์กล่าว “ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากการร่วมมือกันในครั้งนี้ ฉันได้ยินมาว่าหอการค้าอาซูนั้นมีแผนที่จะกระชับความสัมพันธ์กับสภาสิบแปดปีกในฐานะพันมิตรให้เพิ่มมากขึ้นอีก หลังจากนี้สภาสิบแปดปีกจะมีเส้นทางที่ราบรื่นกว่าเดิมแน่นอน”
“ฉันไม่คิดแบบนั้นนะ ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน แม้แต่ซุเปอร์กิลบางกิลก็ยังไม่สามารถจะรับมือกับสถานการณ์ในปัจจุบันได้ แล้วหอการค้าอาซูจะทำได้ยังไง ? นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะเอาเวลาไหนไปช่วยสภาสิบแปดปีกในสถานการณ์แบบนี้ ?” คริมสันสตาร์กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดยังไม่ได้มีประสิทธิภาพเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป เพราะท้ายที่สุดตอนนี้มหาอำนาจต่างๆได้ทำการวิจัยอาวุธสงคราม และทำการผลิตมันออกมามากมายแล้ว และปัจจุบันกลยุทธ์ที่เน้นปริมาณเข้าว่าก็ได้เข้ามาครองสนามรบอีกครั้ง”
เนื่องจากเมืองกิลต่างๆนั้นไม่ได้รับความคุ้มครองจากทหาร NPC อีกต่อไป หลายกิลจึงสูญเสียความมั่นใจของตัวเองไปมาก เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ผู้เล่นที่คิดจะก่อปัญหาในเมืองนั้นจะไม่ต้องกังวลเรื่องทหาร NPC ที่ทรงพลังมากเกินไปแล้ว นี่ยังไม่นับรวมพวกกองกำลังสายความมืดต่างๆ รวมไปถึงพวก NPC ผู้เล่น และกิลอีกจำนวนมาก ซึ่งพวกเขานั้นจะไม่ถูกจำกัดให้ต้องปฎิบัติการในขอบเขตที่จำกัดอีกต่อไป
ในความเป็นจริงเครือข่ายข่าวกรองของไวโอเล็ตซอร์ดนั้นระบุมาอย่างชัดเจนเลยว่า ตอนนี้มีเมืองกิลมากกว่าสองร้องแห่งแล้วในทวีปด้านตะวันตกที่เปลี่ยนเจ้าของ นับตั้งแต่ที่แพ๊คเสริมใหม่ กลียุคของเทพปีศาจถูกเปิดใช้งาน สำหรับมหาอำนาจต่างๆพวกเขายังคงไม่ได้รับความเสียหายใดๆจากแพ๊คเสริมใหม่นี้ เพราะจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม และผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดที่พวกเขามีอยู่ อย่างไรก็ตามสภาสิบแปดปีกนั้นมีความด้อยกว่ามหาอำนาจต่างๆในเรื่องนี้
“นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เราจะต้องมากังวลอะไรด้วยเลย เราควรห่วงเรื่องของตัวเองมากกว่า ผู้ฝึกสอนทอร์เร้นเพิ่งจะส่งข่าวมาว่า มหาอำนาจที่พัฒนาอย่างลับๆมาตลอดบางส่วนเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องการให้เราส่งกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของกิลสองกองกำลังเข้าไปประจำการในเมืองกิลสองเมืองที่อยู่ใกล้กับแผนที่เป็นกลาง เลเวลหนึ่งร้อย เพื่อเป็นหลักประกัน …” ไวน์ไฟเตอร์กล่าว
“ฉันเข้าใจ เมื่อถึงเวลาที่เราต้องออกจากที่นี่ ฉันจะรีบดำเนินการทันที” คริมสันสตาร์กล่าวพลางพยักหน้า
….
ในขณะที่คริมสันสตาร์และไวน์ไฟเตอร์กำลังนั่งพูดคุยกัน ซือเฟิงซึ่งนั่งอยู่เงียบๆหน้ารูปปั้นที่แผ่ออร่าดีไวน์วิลออกมาก็ได้ลืมตาขึ้น ในเวลาเดียวกันระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นก็ได้แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา ซึ่งมันทำให้ออร่าดีไวน์วิลรอบเขานั้นอ่อนแอลงไปอีก
“สำเร็จ !!!
ตอนที่ 2648 มาตราฐานค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจขั้นสี่
เมื่อระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นแผ่ออกมาจากร่างกายของซือเฟิง อควาโรสและคนอื่นๆซึ่งอยู่ใกล้เคียงในปัจจุบันนั้นก็สังเกตเห็นมันได้ทันที ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันทางจิตที่พวกเขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน แม้ว่าแรงกดดันทางจิตที่ซือเฟิงแผ่ออกมานั้นจะอ่อนแอกว่าออร่าดีไวน์วิลที่รูปปั้นแผ่ออกมา แต่มันก็ลักษณะของออร่ามันก็แทบจะเหมือนกันเลย
“หัวหน้ากิล นี่หัวหน้าทะลวงได้แล้วงั้นหรอ ?” อควาโรสอดไม่ได้ที่จะถาม ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิง แม้ว่าเธอจะแน่ใจว่าซือเฟิงประสบความสำเร็จในการพัฒนาแล้ว แต่เธอก็ยังคงต้องการคำยืนยัน
การเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจนั้นมันทำได้ยากกว่าที่เธอคิดไว้มาก และแม้กระทั่งตอนนี้ เธอก็รู้สึกว่าเธอยังคงห่างไกลจากความก้าวหน้า และแม้แต่ไวโอเล็ตคลาวด์ซึ่งมีมาตราฐานการควบแน่นทางจิตเป็นอันดับสองรองจากซือเฟิงก็ยังคงเหลือหนทางอีกยาวไกล ซึ่งเธอยังเหลืออีกประมาณสามสิบเปอเซ็นต์หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย เธอถึงจะสามารถทะลวงเข้าสู่มาตราฐานขั้นสี่ของค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจได้ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพที่ควบคู่กันไป
“อืม ฉันมาถึงมาตราฐานของขั้นสี่แล้ว …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้าอย่างมีความสุข ขณะที่เขาจดจ่ออยู่กับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการที่ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาเข้าสู่มาตราฐานขั้นสี่
ขั้นสี่ !!
นี่เป็นดินแดนที่เขาไม่เคยสามารถเข้าถึงได้เลยในชีวิตที่ผ่านมาของเขา ไม่ว่าจะเป็นในด้านใดก็ตาม ซึ่งในตอนนี้แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การที่ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขามาถึงขั้นสี่แล้ว แต่มันก็ยังมากพอจะทำให้เขาตื่นเต้นได้
ใน God domain นั้น ขั้นสี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับผู้เล่นมากกว่ายิ่งกว่าตอนที่ผู้เล่นเปลี่ยนจากขั้นสองมาเป็นขั้นสาม และมันก็อาจกล่าวได้ว่ามากกว่าเก้าสิบเก้าเปอเซ็นต์ของผู้เล่นขั้นสามนั้นจะไม่สามารถไปถึงขั้นสี่ได้
เพื่อที่จะไปถึงขั้นสี่นั้น นอกเหนือจากมาตราฐานการต่อสู้ กับมาตราฐานอาวุธ และอุปกรณ์ที่ต้องสูงเพียงพอแล้ว คนๆหนึ่งยังจะต้องพึ่งโชค และโอกาสโดยบังเอิญในระดับหนึ่งด้วย ซึ่งหากผู้เล่นขาดปัจจัยหนึ่งในนี้ไป ความยากในการจะไปถึงขั้นสี่ให้ได้จะเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ
อย่างไรก็ตามตอนนี้เนื่องจากค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของซือเฟิงมาถึงมาตราฐานขั้นสี่แล้ว ดังนั้นเขาจึงจะมีโอกาสมากขึ้นแน่นอนในอนาคต เมื่อเขาทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่
“หัวหน้ากิลรู้สึกอย่างไรกับการมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจอยู่ในมาตราฐานขั้นสี่ ความแตกต่างมันมีขนาดใหญ่ไหม ?” หยานเทียนซิงถามอย่างสงสัย
เมื่อได้ยินคำถามของหยานเทียนซิง ทุกคนก็หันไปมองซือเฟิงด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที
“ใหญ่มาก ใหญ่มากๆเลยแหละ …” ซือเฟิงตอบหลังจากครุ่นคิดแล้ว “ทุกคนสามารถพูดได้ว่าฉันมาถึงระดับที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงแล้ว”
การที่สามารถปรับปรุงและเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจได้ มันช่วยเพิ่มการควบคุมร่างกายทางกายภาพ และมานาของผู้เล่นขึ้นอย่างมาก ซึ่งค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่มาถึงมาตราฐานขั้นสี่แล้วนั้น มันทำให้ผู้เล่นได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพเลยทีเดียว
ยกตัวอย่างเช่นเทคนิคมานา ดาบที่หนึ่ง ไลท์ชาโด้ว หากการใช้มันก่อนหน้านี้ทำให้เขาเสียค่าความเสียแข็งแกร่งทางจิตใจไปสิบแต้ม ตอนนี้หากเขาใช้มัน เขาก็จะเสียค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจไปแค่สามแต้มเท่านั้น สำหรับต้นทุนในการใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดง มันก็จะลดลงไปอีก ตอนนี้เขาสามารถใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงได้ราวกับมันเป็นเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงแล้ว
นอกจากนี้การใช้สกิลและเวทย์ขั้นสามในอัตราความสำเร็จหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้น มันก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และการจะทำให้ทะลุหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้ก็จะเป็นไปได้ง่ายขึ้นมาก
“มันขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” อควาโรสอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย และไม่เชื่อในคำพูดของซือเฟิง
“แม้ว่าฉันไม่อยากจะพูดแบบนี้ แต่มันเหมือนกับความแตกต่างระหว่างสวรรค์และโลกเลยแหละ ตอนนี้ในสถานการณ์ที่ฉันต่อสู้กับตัวเองที่มีค่าสถานะเท่ากันก่อนหน้านี้ ฉันมั่นใจว่าฉันจะสามารถเอาชนะตัวเองก่อนหน้านี้ได้โดยใช้การเคลื่อนไหวไม่ถึงสิบการเคลื่อนไหวเลย ..” ซือเฟิงตอบพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาเห็นท่าทีของอควาโรส
หลังจากค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาได้มาถึงมาตราฐานขั้นสี่แล้ว เขาก็ได้เข้าใจอย่างแท้จริงว่าช่องว่างระหว่างขั้นสามกับขั้นสี่นั้นมันยิ่งใหญ่ขนาดไหน ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ในชีวิตที่ผ่านมาของเขาถึงสามารถเอาชนะกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขั้นสามได้ง่ายๆ ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่บางคนกระทั่งสามารถยึดเมืองกิลทั่วไปได้ด้วยตัวคนเดียวด้วยซ้ำ
เหตุผลนี้มันไม่ใช่เพราะว่าผู้เล่นขั้นสี่มีค่าสถานะที่ทรงพลัง แต่พวกเขามีการควบคุมร่างกายทางกายภาพและมานาที่มาถึงระดับใหม่ทั้งหมด
ในตอนนี้แม้ว่าซือเฟิงจะมีร่างกายทางกายภาพที่เหมือนกันกับก่อนหน้านี้ แต่ซือเฟิงก็มีพลังในการต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า นอกจากนี้สิ่งที่ต้องจ่ายเมื่อใช้เทคนิคดีไวน์เช้งก็ลดลงไปมากในทุกด้าน และกลยุทธ์เน้นปริมาณเข้ากดดันของผู้เล่นก็จะใช้ไม่ได้ผลกับเขาเลย
ในสถานะปัจจุบันเขาจะสามารถทำลายกองทัพผู้เล่นทั้งหมดได้ด้วยตัวเองเลย !!!
“นี่การพัฒนาไปถึงขั้นนั้น มันทำให้ได้รับการปรับปรุงมากขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” อี้ลั่วเฟยรู้สึกประหลาดใจมากๆ เมื่อได้ยินคำพูดจากปากของซือเฟิง
ก่อนหน้านี้หัวหน้ากิลของพวกเขาก็แทบจะถูกพิจารณาว่าเป็นอมตะในหมู่ผู้เล่นขั้นสามด้วยกันแล้ว เพราะท้ายที่สุดเขาสามารถปราบปรามหัวหน้าภูมิภาค ขั้นสี่ของดินแดนลับโบราณได้อย่างสบายๆ อย่างไรก็ตามตอนนี้หลังจากเขามีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจมาถึงมาตราฐานขั้นสี่ เขากับบอกว่าเขาจะสามารถเอาชนะตัวเองก่อนที่จะบรรลุมาตราฐานนี้ได้โดยใช้ไม่ถึงสิบการเคลื่อนไหว ซึ่งนี่มันหมายความว่าแม้แต่ผู้เล่นขั้นสี่ทั่วไปก็อาจเทียบกับเขาไม่ได้เลย ….
“เอาล่ะ เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว รีบดูดซับดีไวน์วิลต่อไปเถอะ เพราะมันคงต้องใช้เวลาอีกมากเลยนะกว่าที่ทุกคนจะเข้ามาที่นี่ได้อีกครั้ง ….” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขามองไปยังการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความหิวโหยของทุกคน
วงเวทย์เล่นแร่แปรธาตุที่พวกเขาใช้นั้นมันมีระยะเวลาเพียงเจ็ดวัน และมันมีคูลดาวน์สิบวัน แม้ว่าทุกคนจะได้รับสิทให้อยู่ในเมืองไลท์ฟอร์จได้นานเท่าที่ต้องการ แต่พวกเขาก็ยังจำเป็นจะต้องออกไปจากเมืองนี้เป็นเวลาอย่างน้อยสามวัน ก่อนที่จะกลับเข้ามาได้อีกครั้ง นอกจากนี้เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเข้าสู่ดินแดนลับโบราณ พวกเขาก็จะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปในการเดินทางมาที่เมืองไลท์ฟอร์จ ดังนั้นพวกเขาจึงจะไม่ได้มีเวลาฝึกฝนมากนัก
เมื่อได้ยินคำเตือนของซือเฟิง ทุกคนก็รีบกลับไปฝึกต่ออย่างรวดเร็ว
แม้ว่าการจะเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขาไปให้ถึงมาตราฐานขั้นสี่มันจะยากมากๆ แต่อย่างไรก็ตามการฝึกและดูดซับออร่าดีไวน์วิล มันก็จะช่วยเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขาไปได้มากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน แม้ว่ามันจะยังไม่ทะลุขั้นสี่ก็ตาม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ควรจะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์เมื่ออยู่ในเมืองไลท์ฟอร์จ
“ว่าแต่ ไวโอเล็ต เธอประสบความสำเร็จไปถึงไหนแล้ว ?” ซือเฟิงถามในขณะที่เขาหันไปมองไวโอเล็ตคลาวด์ที่เตรียมจะฝึกต่อ
เมื่อไม่นานมานี้ไวโอเล็ตคลาวด์ได้ก้าวเข้าสู่ระยะสี่สิบหลาได้ และใกล้จะถึงจุดฝึกจุดเดียวกับเขาแล้ว ดังนั้นอัตราการดูดซับออร่าดีไวน์วิลของเธอจึงน่าจะช้ากว่าเขาแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“ฉันรู้สึกว่าฉันต้องเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจอีกยี่สิบเปอเซ็นต์จึงจะไปถึงขีดจำกัดสูงสุดของขั้นสาม” ไวโอเล็ตตอบหลังจากเช็คสถานะปัจจุบันของเธอ
“ยี่สิบเปอเซ็นต์ ? เร็วขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” คำตอบของไวโอเล็ตคลาวด์ทำให้ซือเฟิงตกตะลึง เขาไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วขนาดนี้ เขาหยิบโพชั่นฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจระดับปรมาจารย์ที่เหลือสองขวดของเขาออกมา และกล่าวว่า “รับไปสิ ฉันยังมีโพชั่นเหลืออีกสองขวดที่ไม่ได้ใช้ …”
“นี่หัวหน้ากิลจะให้มันกับฉันงั้นหรอ ? แล้วคนอื่นล่ะ …” ไวโอเล็ตคลาวด์กล่าวอย่างลังเลโดยอัตโนมัติ เมื่อเธอเห็นโพชั่นสองขวดในมือของซือเฟิง
โพชั่นฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจระดับปรมาจารย์นั้นมันมีค่าอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งหากเธอต้องค่อยๆทำเควสและเก็บรวบรวมคะแนนสะสมเพื่อแลกมันนั้น เธอจะต้องใช้เวลานานมากเลยทีเดียวที่จะมีคะแนนะสมเพียงพอจะแลกโพชั่นนี้สักขวด ซึ่งถ้าเธอให้โพชั่นนี้ของเขาที่เหลือสองขวดกับเธอ มันก็ดูจะไม่แฟร์เลยสำหรับคนอื่นๆ
“เอาไปเถอะ เธอใกล้จะประสบความสำเร็จมากที่สุดตามเป้าในตอนนี้ ซึ่งหากเธอสามารถเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจให้มาถึงมาตราฐานของขั้นสี่ได้เหมือนฉัน มันก็จะนับเป็นเรื่องดีมากสำหรับกิลของเรา ฉันเชื่อว่าอควาโรสและคนอื่นๆก็จะไม่ว่าอะไรแน่นอน” ซือเฟิงกล่าวยืนยันกับไวโอเล็ตคลาวด์
สิ่งที่ไวโอเล็ตคลาวด์กังวลนั้นมันอาจจะเกิดขึ้นได้ ถ้าทุกคนมีความก้าวหน้ามากพอๆกัน อย่างไรก็ตามนี่มันเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป ดังนั้นซือเฟิงจึงเชื่อว่าจะไม่มีใครกล้าบ่นอะไรแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วถ้าไวโอเล็ตคลาวด์มีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจมาถึงขั้นสี่เมื่อไหร่ สภาสิบแปดปีกก็จะได้รับตัวตนที่ทรงพลังเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อกิล
“หัวหน้ากิล ฉันจะไม่ทำให้หัวหน้าและคนอื่นๆผิดหวังแน่นอน !!! ฉันจะทะลวงเข้าสู่มาตราฐานขั้นสี่ของค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจให้ได้ก่อนที่เราจะออกจากเมืองไลท์ฟอร์จ !!!” ไวโอเล็ตคลาวด์กล่าวด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่เธอรับโพชั่นทั้งสองขวดมา
จากนั้นเธอก็รีบกลับไปฝึกต่อทันทีด้วยความมุ่งมั่น สำหรับซือเฟิง เขาเดินไปที่มุมหนึ่งอย่างเงียบๆ ก่อนจะหันเหความสนใจของเขาไปยังพื้นที่เก็บของในกระเป๋าของเขา
ตอนนี้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของฉันก็ได้มาถึงมาตราฐานของขั้นสี่แล้ว ซึ่งมันก็น่าจะเพียงพอให้ฉันยอมรับมรดกนี้ได้ ดวงตาของซือเฟิงเปล่งประกายด้วยความคาดหวัง ขณะที่เขามองไปที่คริสตัลความทรงจำขนาดมหึมาในกระเป๋าของเขา
ตอนที่ 2649 มรดกโบราณที่น่าอัศจรรย์
เมืองไลท์ฟอร์จ โรงแรมคริมสันซิลเวอร์ :
ในฐานะที่เป็นโรงแรมที่ทำหน้าที่รองรับขุนนางในเมืองไลท์ฟอร์จเป็นหลัก โรงแรมคริมสันซิลเวอร์จึงไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะผู้เล่น และ NPC ทั่วไป ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายในการเข้าพักที่โรงแรมนี้มันก็แพงกว่าโรงแรมทั่วไปมาก
ห้องพักทั่วไปทุกห้องภายในโรงแรมนั้นมีราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สามร้อยชิ้น หรือไม่ก็คะแนนสะสมของเมืองสิบแต้มสำหรับราคาค่าเช่าต่อวัน ซึ่งแม้แต่คริมสันสตาร์และคนอื่นๆที่กลายมาเป็นขุนนางของเมืองไลท์ฟอร์จ เนื่องจากมีโทเค่นขุนนางก็ยังไม่เต็มใจจะจ่ายในราคานี้เพื่อพักที่นี่
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ซือเฟิงกับเดินเข้าไปในโรงแรมโดยไม่ลังเล ซึ่งมันทำให้สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ด และหอการค้าอาซูนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ
ไม่ว่าจะเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สามร้อยชิ้น หรือคะแนนสะสมสิบแต้ม มันก็ล้วนไม่ใช่ราคาที่ถูกเลย การที่ยอมจ่ายในราคาแบบนี้เพื่อเข้าพักผ่อน มันออกจะดูฟุ่มเฟือยเกินไปหน่อย และแค่การเช่าห้องพักทั่วไปในโรงที่มีราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ราวสามสิบชิ้นนั้นมันก็น่าจะเพียงพอแล้ว
“ท่านลอร์ด วันนี้มีอะไรให้ฉันรับใช้กัน ?” ผู้ดูแลหญิงเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบกล่าวถามซือเฟิงด้วยความเคารพ ขณะที่เธอเดินเข้าหาซือเฟิง
“ฉันต้องการเช่าห้องพักทั่วไปที่นี่ ….” ซือเฟิงกล่าวขณะที่เขามอบคริสตัลเวทย์มนต์สามร้อยชิ้นให้กับผู้ดูแล
“ยอดเยี่ยม …” ผู้ดูแลหญิงกล่าวหลังจากตรวจสอบจำนวนคริสตัลเวทย์มนต์ที่ซือเฟิงชำระมาแล้ว จากนั้นเธอก็เดินไปหยิบกุญแจคริสตัลจากเค้าเตอร์ต้อนรับออกมา และยื่นให้กับซือเฟิง ก่อนจะพูดว่า “ท่านลอร์ด นี่คือกุญแจห้องของท่าน ท่านสามารถเลือกห้องว่างที่ชั้นบนได้เลย ….”
หลังจากรับกุญแจมาแล้ว ซือเฟิงก็เดินขึ้นไปที่ชั้นสองทันที และเขาก็เลือกไขกุญแจเข้าไปในห้องที่ไม่มีใครอยู่
ซึ่งทันทีที่ซือเฟิงเข้าไปในห้องพักนั้น ความหนาแน่นของมานาภายในห้องพักก็เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเพียงไม่นานความหนาแน่นของมานาโดยรอบก็เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าแล้ว นอกจากนี้มานาที่นี่มันยังทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและสงบมากๆ
“แน่นอนเลยว่าความหนาแน่นของมานาที่นี่นั้นมันสูงกว่าในโรงแรมทั่วไปมาก” ซือเฟิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงสภาพแวดล้อมของห้องพัก
ถ้าเขาแค่ต้องการพักผ่อนบ้าง เขาคงเลือกจะไปที่โรงแรมทั่วไป อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาพักผ่อน แต่เขามาเพื่อรับมรดกโบราณที่ถูกบันทึกไว้ในคริสตัลความทรงจำ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจะประมาทได้
โรงแรมของขุนนางแบบนี้นั้นจะปลอดภัยกว่าโรงแรมทั่วไปในเมืองมากๆ จุดนี้มันชัดเจนอยู่แล้ว เพราะเพียงแค่มองไปที่พนักงานและองครักษ์ NPC ทุกคนที่นี่นั้นก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า พวกเขาล้วนมีเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบและอยู่ในขั้นสามเป็นอย่างน้อย พวกเขาไม่ใช่ตัวตนที่ผู้เล่นในปัจจุบันจะสามารถยั่วยุได้เลย
นอกจากนี้โรงแรมของขุนนางแบบนี้ยังจะได้รับการปกป้องจากวงเวทย์ป้องกันขนาดมหึมาที่มีความซับซ้อนและซ้อนทับกันถึงสี่ชั้น ซึ่งมันทรงพลังอย่างน่ากลัว และภายใต้สถานการณ์ปกติ แม้แต่ตัวตนขั้นห้าก็จะไม่สามารถคุกคามวงเวทย์นี้ได้ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงตัวตนขั้นสามและขั้นสี่เลย
ตอนนี้เมื่อซือเฟิงเข้ามาพักที่นี่นั้น เขาก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลถึงภัยคุกคามจากภายนอกอีกต่อไป และซือเฟิงก็ได้ทำการหยิบคริสตัลความทรงจำออกมาจากกระเป๋าของเขาทันที
คริสตัลความทรงจำที่เขาได้รับมานั้นจะยังคงสามารถรักษารูปลักษณ์ได้อยู่แค่สองวันตามธรรมชาติเท่านั้น ซึ่งเขาก็ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเหลือเวลาอีกไม่ถึงสามชั่วโมงในการจะอ่านมัน
“ตอนนี้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของฉันได้มาถึงมาตราฐานของขั้นสี่แล้ว ฉันน่าจะอ่านมันได้ใช่ไหม ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า ขณะที่เขาแตะนิ้วของเขาบนคริสตัลความทรงจำ
การเดินทางมายังดินแดนลับโบราณในครั้งนี้นั้น การเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาได้รับก็คือคริสตัลความทรงจำ ในความเป็นจริงทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้รับมาในครั้งนี้ มีมูลค่าไม่ถึงครึ่งหนึ่งของคริสตัลความทรงจำในมือเขาด้วย
หากเขายังคงไม่สามารถอ่านข้อมูลในคริสตัลได้ เขาคงจะได้ตายจากความเสียใจ
ในช่วงเวลาต่อมา เสียงการแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของเขา
….
ระบบ : คำเตือน !! คุณได้ค้นพบคริสตัลความทรงจำขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลจำนวนมหาศาล และตามค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของคุณในปัจจุบันนั้น คุณก็จะสามารถอ่านมันได้ทั้งหมด และหากคุณต้องการจะอ่านข้อมูลภายในจริงๆ คุณก็มีโอกาสเล็กน้อยที่จะตกอยู่ในสภาวะโคม่าได้ คุณต้องการจะอ่านมันหรือไม่ ?
….
“นี่ยังมีความเสี่ยงอยู่อีกงั้นหรอ ?” ซือเฟิงตกตะลึง เมื่อเขาได้เห็นการแจ้งเตือนของระบบ “ในนี้มันมีอะไรอยู่กันแน่ ?”
แม้ว่ามาตราฐานของขั้นสี่จะยังไม่นับว่าเป็นจุดสูงสุดใน God domain แต่มันก็นับว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างแน่นอน และแม้แต่กษัตริย์หรือจักรพรรดิก็ยังจะต้องปฎิบัติต่อตัวตนระดับนี้อย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตามในตอนนี้แม้ว่าค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาจะเข้าสู่มาตราฐานของขั้นสี่แล้ว แต่การจะอ่านข้อมูลภายในคริสตัลความทรงจำที่ถูกบันทึกไว้นั้นก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่เล็กน้อย นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลย
“แม้ว่าจะมีความเสี่ยง แต่ฉันก็อยากจะเห็นสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ภายในนี้ !!!” ซือเฟิงเลือกจะอ่านข้อมูลของคริสตัลความทรงจำอย่างเด็ดเดี่ยว
คริสตัลความทรงจำที่เป็นมรดกโบราณแบบนี้นั้นมันหายากมากๆใน God domain และในความเป็นจริง แม้แต่ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา ซือเฟิงก็สามารถนับจำนวนที่มันปรากฎขึ้นได้ด้วยสองมือของเขาเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เนื่องจากมันมีโอกาส “มาก” ที่ซือเฟิงจะตกอยู่ในสภาวะโคม่า เมื่อเขาทำการอ่านข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ภายใน ดังนั้นซือเฟิงจึงไม่กล้าที่จะเสี่ยง อย่างไรก็ตามตอนนี้ความเสี่ยงได้ลดลงเหลือ “เล็กน้อย” แล้ว ดังนั้นโดยธรรมชาติซือเฟิงจึงจะต้องลองดู เพราะท้ายที่สุด เขาจะไม่ได้รับโอกาสเช่นนี้อีกในอนาคต
หลังจากที่ซือเฟิงเลือกจะอ่านเนื้อหาภายในคริสตัลความทรงจำ คริสตัลขนาดใหญ่ในมือของเขาก็เริ่มรวบรวมมานาจากสภาพแวดล้อมอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็ปล่อยแสงระยิบระยับที่ส่องสว่างไปทั่วห้องออกมา
หลังจากนั้นลำแสงสีขาวก็พุ่งออกมาจากคริสตัลความทรงจำเข้าใส่หน้าผากของซือเฟิง
ซือเฟิงรู้สึกได้ถึงภาพและข้อความจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกถ่ายโอนเข้าสมองของเขา ซึ่งจำนวนข้อมูลนั้นมันน่ากลัวมากๆ จนทำให้ซือเฟิงรู้สึกว่าเขากำลังจมดิ่งเข้าไปในทะเลแห่งความรู้
สิบนาที …
ยี่สิบนาที …
หนึ่งชั่วโมง …
ในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก ซือเฟิงยังคงรู้สึกดี หลังจากที่ได้รับข้อมูลมากมายเข้าสู่สมอง อย่างไรก็ตามหลังจากกระบวนการถ่ายโอนดำเนินไปเป็นเวลาสี่สิบนาที เขาก็รู้สึกแสบในหัวราวกับมีใครใช้เข็มจิ้มสมองเขา ในขณะเดียวกันยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ความรู้สึกแสบร้อนมันก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากผ่านไปแปดสิบนาทีของกระบวนการถ่ายโอน ซือเฟิงก็รู้สึกราวกับว่าสมองของเขากำลังจะระเบิด จากนั้นลำแสงที่คริสตัลแห่งความทรงจำปล่อยออกมาก็หายไป ก่อนที่คริสตัลจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และหายไปจากห้อง
สำหรับซือเฟิงตอนนี้เขารู้สึกหัวหมุนเล็กน้อย เนื่องจากจิตใจที่ยุ่งเหยิง และเมื่อเขาลืมตาขึ้น หลังจากได้รับข้อมูลจำนวนมหาศาลเข้าไป เขาก็แทบจะทรุดลงกับพื้น
เกือบไปแล้ว !!! หากกระบวนการถ่ายโอนยังคงดำเนินต่อไปอีกหน่อย ฉันได้เป็นลมแน่ๆ !!!
ในขณะนี้ซือเฟิงรู้สึกราวกับว่าระบบกำลังหลอกเขา แม้ว่าคำเตือนจะระบุว่าเขามีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่จะตกอยู่ในสภาวะโคม่า แต่จากความรู้สึกของเขา นี่มันแทบไม่ได้ลดลงจากโอกาสที่ระบบบอกว่า “มาก” แต่เดิมเลย และหากเขาต้องตกอยู่ในสภาวะโคม่าจริงๆ เขาก็คงจะได้เสียใจมากๆกับการกระทำของตัวเองแน่นอน
อย่างไรก็ตามหลังจากพักสักครู่หนึ่ง ซือเฟิงก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น และความเจ็บปวดในหัวของเขาก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกันเมื่อเขาได้รับรู้ถึงข้อมูลที่เขาได้รับมา เขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ
“นี่ฉัน … ไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม ?!! แบบแปลน … ป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กงั้นหรอ ?!!”
ซือเฟิงนั้นแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง และตอนแรกเขาก็คิดว่าระบบกำลังเล่นตลกกับเขาด้วยซ้ำ
ใน God domain ป้อมปราการนั้นมีค่ามากกว่าเมืองทั่วไปอย่างมาก เพราะท้ายที่สุด นอกเหนือจากที่มันสามารถจะจัดหาสถานที่พักผ่อนให้กับผู้เล่นได้แล้ว มันยังมีความสามารถในการรุกและป้องกันที่มากกว่าเมือง ซึ่งมันนับเป็นที่พักพิงที่มีประโยชน์สำหรับสงครามทุกรูปแบบ
แม้แต่ป้อมปราการขนาดเล็กก็ยังจะสามารถป้องกันการโจมตีของสิ่งมีชีวิตขั้นสี่จำนวนมากได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นป้อมปราการยังมีต้นทุนในการสร้างและการดำเนินงานที่ต่ำกว่ามาก ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่มหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง โดยในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิงที่พักพิงมากกว่าเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ที่พบในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่าล้วนเป็นป้อมปราการ
อย่างไรก็ตามแบบแปลนของป้อมปราการในปัจจุบันที่เขาได้รับมานั้น มันยังเหนือกว่าป้อมปราการทั่วไปด้วย ในความเป็นจริง แม้ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา เขาก็แทบจะไม่เคยเห็นสิ่งก่อสร้างนี้เลย
สิ่งก่อสร้างนี้มันคือ ป้อมปราการเคลื่อนที่ !!!
มันเป็นป้อมปราการชนิดที่สามารถใช้ขับไล่มหาอำนาจต่างๆที่กล้าคิดจะรุกรานพวกเขาได้อย่างง่ายดายเลย และมันก็เป็นป้อมปราการที่มหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของเขาล้วนแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง เมื่อมีการปรากฎขึ้นของมัน ….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น