Reincarnation Of The Strongest Sword God 2701-2710

 ตอนที่ 2701 ยุคแห่งอำนาจเริ่มต้นขึ้น


เมืองปีกสีเงิน สถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีก :


พร้อมกับแสงที่สว่างไสวขึ้นในห้องหลักชั้นใต้ดิน ร่างของซือเฟิงก็ค่อยๆปรากฎขึ้น และมันก็ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆที่เขาล๊อคอินเข้าสู่ God domain ตอนนี้ซือเฟิงรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย และอาการนี้ก็คงอยู่กับเขาเป็นเวลาหลายวินาที โดยเมื่อเขาหายจากอาการนี้ เขาก็พบว่าทุกอย่างตรงหน้าของเขามันดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง


หาก God domain ก่อนหน้านี้ดูเหมือนกับภาพที่มีความละเอียดมากในสายตาของซือเฟิง งั้น God domain ในปัจจุบันก็ดูเหมือนของจริงเลย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือความรู้สึกของความเป็นจริงที่เขาได้รับจากเกมนั้นมันอยู่ในระดับที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง


ความสมจริงแบบนี้มันช่างน่าคิดถึงจริงๆ รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของซือเฟิง เมื่อเขารับรู้ถึงสถานการณ์ในปัจจุบันของเขา ผู้เล่นส่วนใหญ่จะไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในความสมจริงของเกมหลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตามสำหรับซือเฟิงที่ต่อสู้อยู่ในเกมเสมือนจริงมานานนับสิบปีในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา การเปลี่ยนแปลงนี้เขาสามารถรับรู้มันได้อย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้เขารู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่ามันเหมือนกับมีอะไรกั้นระหว่างร่างกายและสมองของเขา และมันก็ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายเสมือนของเขาได้อย่างง่ายดายเหมือนกับร่างกายที่แท้จริงของเขาไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อย่างไรก็ตามตอนนี้สิ่งที่กั้นมันได้หายไปแล้ว มันเหมือนกับความแตกต่างระหว่างเก้าสิบเก้าเปอเซ็นต์กับหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์


การเปลี่ยนแปลงแบบนี้อาจไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับผู้เล่นทั่วไป แต่ความแตกต่างนั้นมันก็จัดว่าใหญ่หลวงสำหรับผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญ


ยกตัวอย่างเช่นมนุษย์และกอริลล่า แม้จะมีความแตกต่างทางพันธุกรรมกันแค่หนึ่งเปอเซ็นต์ แต่ทั้งสองก็นับว่าแตกต่างกัน


การต่อสู้ใน God domain นั้นแตกต่างจากการต่อสู้ในโลกแห่งความเป็นจริง เนื่องจากข้อจำกัดทางกายภาพ ดังนั้นมันจึงมีเทคนิคมากมายที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถใช้ได้ในโลกแห่งความจริง ยกตัวอย่างเช่นเด็กยกดาบที่หนักหนึ่งตันในโลกแห่งเกมได้ แต่ไม่สามารถยกในโลกแห่งความจริงได้ เพราะด้วยร่างกายของเด็กการจะทำแบบนี้ในโลกแห่งความจริงนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย


อย่างไรก็ตามมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าร่างกายของเด็กยอมให้แกว่งดาบที่หนักขนาดนี้อย่างง่ายดายในสองโลก ? นี่มันจะทำให้เราสามารถจินตนาการได้เลยว่าพลังทำลายล้างของเด็กคนนี้จะน่ากลัวแค่ไหน …. หลังจากปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงแล้วซือเฟิงก็ออกจากห้องหลักในชั้นใต้ดินมุ่งหน้าไปยังออฟฟิศของเขาเพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอัพเดทครั้งใหญ่


เมื่อซือเฟิงเดินออกมาจากห้องหลัก NPC ขั้นสามที่ประจำการอยู่ที่ทางเข้าก็มีท่าทีตื่นตระหนก และพวกเขาก็เป็นเช่นเดียวกับกระต่ายที่ตื่นตระหนก NPC ขั้นสามที่ประจำการอยู่รีบยืดหลังของเขาให้ตรงและแสดงความเคารพทันที


“อรุณสวัสดิ์ ท่านลอร์ด !!!” NPC ขั้นสามกล่าวทักทายซือเฟิงด้วยความเคารพ


“อรุณสวัสดิ์” ซือเฟิงพยักหน้าและยิ้มให้กับ NPC ที่ชื่อเฟร็ด


ในที่สุดมันก็มาถึงแล้วสินะ ฉันสงสัยจังว่าตอนนี้พวกกองกำลังขนาดใหญ่ของ God domain จะวุ่นวายขนาดไหนกัน ?


ในความเป็นจริงการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกของ God domain นั้นไม่ได้อยู่ที่ความสมจริง แต่เป็น NPC และมอนสเตอร์ต่างหาก


ทั้ง NPC และมอนสเตอร์ทั้งหมดจะล้วนได้รับความคิดเป็นของตัวเอง หลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่


ใช่ ความคิด !! ไม่ใช่สติปัญญา !! สิ่งที่เรียกว่า AI ที่ขับเคลื่อน NPC และมอนสเตอร์ก่อนหน้านี้นั้นเป็นเพียงโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ซึ่งสามารถตอบสนองต่อคำพูดและการกระทำของผู้เล่นได้ในระดับที่สมเหตุสมผล แต่ NPC และมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ในเกมนั้นจะยังไม่สามารถคิดเองได้ โดยทั่วไปมันจะมีแค่เฉพาะ NPC ขั้นห้าหรือสูงกว่าขึ้นไปเท่านั้นที่มีความสามารถนี้


แต่ตอนนี้ไม่ว่ามอนสเตอร์ หรือ NPC จะอ่อนแอแค่ไหน ทั้งสองอย่างก็จะล้วนมีความคิดเป็นของตัวเองทั้งหมด โดยสิ่งนี้นั้นจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน God domain


เพราะท้ายที่สุดตอนนี้หากให้บอกมุมมองที่แน่นอน NPC กับมอนสเตอร์ก็จะไม่ต่างจากมนุษย์จริงๆอีกต่อไป และด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันจะทำให้การต่อสู้กับมอนสเตอร์ และ NPC จะให้ความรู้สึกไม่แตกต่างจากการ PvP เลย


ไม่ !!


หากให้บอกแบบแม่นยำการต่อสู้กับมอสเตอร์ และ NPC จะกลายเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าการต่อสู้แบบ PvP พวกนี้ไม่เหมือนกับผู้เล่น ทั้งมอนสเตอร์ และ NPC นั้นค่อนข้างจะเคยชินกับการต่อสู้ใน God domain มอนสเตอร์บางตัว และ NPC บางคนเริ่มต่อสู้ตั้งแต่แรกเกิดและสั่งสมประสบการณ์มาสิบปี ยี่สิบปี สามสิบปีหรืออาจมากกว่านั้น ประสบการณ์การต่อสู้ของพวกนี้นั้นจะจัดว่าเหนือกว่าผู้เล่นทั่วไปที่เคยอยู่ใน God domain มาเพียงหนึ่งหรือสองปี อย่างไรก็ตามสิ่งนี้มันก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ส่งผลกระทบมากที่สุดต่อผู้เล่นของ God domain


สิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อผู้เล่นอย่างแท้จริงคือการเปลี่ยนของพฤติกรรมของ NPC และมอนสเตอร์ จากนี้ไป NPC จะไม่เพียงแค่ล่ามอนสเตอร์เท่านั้น แต่จะยังแข่งขันกับผู้เล่นเพื่อทำเคสและแย่งชิงทรัพยากรต่างๆที่สมาคมนักผจญภัยด้วย พวกเขาจะแข่งขันกับผู้เล่นสำหรับทุกสิ่งไม่เว้นแม้แต่เรื่องโอกาสที่จำเป็นในการทำเควสเลื่อนขั้น


เมื่อการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกเกิดขึ้นใน God domain ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงนั้น มหาอำนาจต่างๆล้วนปวดหัวอย่างมาก เพราะท้ายที่สุดพวกเขาไม่เพียงแต่จะสูญเสียการผูกขาดทรัพยากรในแผนที่ต่างๆที่พวกเขาครอบครอง แต่ NPC และมอนสเตอร์ยังขโมยทรัพยากรส่วนใหญ่ในแผนที่ต่างๆแบบนี้ไปด้วย


แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันมาพร้อมกับประโยชน์ของมันเช่นกัน


ตัวอย่างเช่นผู้เล่นที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆเลยกับกิลขนาดใหญ่หรือมหาอำนาจต่างๆก็สามารถเลือกที่จะเข้าร่วมทีม NPC เพื่อทำเควสได้ ซึ่งตัวเลือกแบบนี้มันช่วยเพิ่มความสามารถในการอยู่รอดของผู้เล่นอิสระขึ้นทันที นอกจากนี้มันก็ยังทำให้ผู้เล่นอิสระสามารถรับเอาอาวุธ อุปกรณ์ และทรัพยากรที่พวกเขาเคยไม่สามารถเข้าถึงได้มาได้ด้วย


ในขณะเดียวกันหลังจากซือเฟิงออกจากห้องหลักในชั้นใต้ดิน NPC ที่ชื่อเฟร็ดก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก


ท่านลอร์ดดูแปลกๆจังวันนี้ ปกติเขาจะไม่คุยกับพวกเราเหล่าองครักษ์ที่ประจำการ แต่วันนี้เขากับพูดอรุณสวัสดิ์กับฉันจริงๆ เฟร็ดซึ่งสวมชุดเกราะสีเงินคิดด้วยความสับสน ขณะที่เขามองไปที่ซือเฟิงที่กำลังเดินออกไป หรือว่าท่านลอร์ดสังเกตเห็นว่าฉันหย่อนยาน เขาจึงทำการทักทายเพื่อเป็นการเตือน ?


เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ เฟร็ดก็ตัวสั่นอย่างไม่ตั้งใจ นี่มันไม่ได้การแล้ว ฉันจะต้องไม่หย่อนยานอีกต่อไป งานดีๆแบบนี้นั้นหาได้ยากมากในอาณาจักรสตาร์มูน ถ้าฉันเสียมันไป พวกเพื่อนร่วมงานของฉันจะปฎิบัติกับฉันเหมือนเป็นตัวตลกแน่นอน เมื่อคิดได้ดังนี้เฟร็ดก็เริ่มระมัดระวังท่าที พลางปรับท่ายืนให้ตรงมากยิ่งขึ้น


ในขณะเดียวกันเมื่อ NPC คนอื่นๆในห้องหลักในชั้นใต้ดินเห็นซือเฟิง พวกเขาก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับพฤติกรรมที่แปลกๆของซือเฟิงในวันนี้เช่นกัน


ซือเฟิงนั้นเป็นผู้ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่ง ที่ผ่านมาปกติเขาจะไม่พูดอะไรกับพวกเขาด้วยซ้ำ และโดยพื้นฐานแล้วเขาก็เป็นตัวแทนของความเย็นชาและโหดเหี้ยม แต่ตอนนี้ ในวันนี้ซือเฟิงกับให้ความรู้สึกเหมือนกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ


การเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันนี้ทำให้ องครักษ์ที่ประจำการอยู่ในห้องหลักในชั้นใต้ดินไม่สบายใจอยู่พักหนึ่ง ในตอนนี้เหล่า NPC นั้นไม่ใช่แค่กลุ่มเดียวที่รู้สึกสงสัยและไม่ปลอดภัย ผู้เล่นแทบทุกคนใน God domain เองก็รู้สึกสงสัย ประหลาดใจ และสับสนกับการเปลี่ยนแปลงของเกม และตอนนี้ฟอรั่มทางการของ God domain ก็เต็มไปด้วยการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างดุเดือด


“ทำไม NPC เหล่านี้ถึงให้ความรู้สึกราวกับว่าเป็นคนจริงๆที่มีชีวิตเลย ? พวกเขายังคุยกับเราแบบเป็นการส่วนตัวด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”


“คุณคิดว่านั่นแปลกงั้นหรอ ? องครักษ์ส่วนตัวของฉันกระทั่งขอวันหยุดเพื่อไปดูแลภรรยาที่บาดเจ็บของเขา”


“พวกคุณยังไม่ได้ไปที่สมาคมนักผจญภัยกันใช่ไหม ? ตอนนี้ NPC หลายคนกำลังมารับเควสที่ถูกโพสไว้ที่นั่น NPC คนหนึ่งถึงกับล่อลวงสาวงามจากทีมของฉันให้ไปทำเควสกับเขา ….”


ในขณะนี้ผู้เล่นของ God domain รู้สึกงุนงงกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มากๆ ซึ่งนี่มันก็ทำให้บางคนรู้สึกแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่บางคนรู้สึกอ่อนแอลง อย่างไรก็ตามผู้เล่นส่วนใหญ่นั้นก็รู้สึกชื่นชมยินดีกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้


NPC ที่มีความรู้สึกนึกคิดแบบนี้ พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อนเลยในเกมเสมือนจริงก่อนหน้านี้ นี่มันทำให้ผู้เล่นรู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้เข้ามาสู่อีกโลกหนึ่งจริงๆ นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาได้ยิน NPC เหล่านี้พูดคุยกัน NPC บางคนนั้นกระทั่งมีความรู้สึกชื่นชมและคลั่งไคล้ผู้เชี่ยวชาญบางคนในหมู่ผู้เล่นด้วยซ้ำ


ผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงบางคนนั้นมีแฟนคลับอยู่ในหมู่ NPC ด้วยซ้ำ ซึ่งสถานการณ์นี้มันทำให้ผู้เล่นทั่วไปอดไม่ได้ที่จะอิจฉา


อย่างไรก็ตาม แตกต่างจากผู้เล่นทั่วไป มหาอำนาจต่างๆของ God domain นั้นไม่ค่อยจะพอใจกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ในความเป็นจริงการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันนี้มันส่งผลร้ายต่อกิลขนาดเล็กบางส่วนด้วย


นี่เป็นเพราะการอัพเดทครั้งใหญ่นั้นไม่ได้ทำให้แค่ NPC กับมอนสเตอร์มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่มันยังทำให้มอนสเตอร์ที่อยู่ในแผนที่ล่าจัดการได้ยากขึ้นมาก นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะกับมอนสเตอร์ระดับลอร์ดบอสหรือสูงกว่าขึ้นไป ประสบการณ์การต่อสู้มากมายที่พวกมันมีทำให้พวกมันแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญบางส่วนแล้วในแง่ของมาตราฐานการต่อสู้


ตอนนี้มอนสเตอร์ระดับลอร์ดจะสามารถจัดการผู้เชี่ยวชาญขั้นสองในเลเวลเดียวกันได้อย่างง่ายดาย ขณะที่ลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่บางตัวก็สามารถจะต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามได้สบายๆเลย


อย่างไรก็ตามนี่ยังไม่ใช่ส่วนที่แย่ที่สุด การเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวอย่างแท้จริงของการอัพเดทครั้งใหญ่ก็คือ การลบดันเจี้ยนแบบคงที่ออกไป


ดันเจี้ยนนั้นเป็นแหล่งอุปกรณ์และวัสดุที่มั่นคงสำหรับมหาอำนาจต่างๆใน God domain และมันก็มีกิลจำนวนหนึ่งที่เลือกจะโจมตีดันเจี้ยนเลเวลต่ำเพื่อสะสมวัสดุทุกประเภทที่พวกเขาต้องการ แทนที่จะโจมตีดันเจี้ยนเลเวลสูง


และในความเป็นจริง มันก็ไม่ใช่แค่กิลขนาดเล็กด้วยที่ใช้แนวทางแบบนี้เพื่อสะสมวัสดุทุกประเภทที่พวกเขาต้องการ แม้แต่มหาอำนาจต่างก็ยังทำเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดความยากในการโจมตีดันเจี้ยนเลเวลสูงนั้นจะส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายอย่างแน่นอน ซึ่งมันจะทำให้ผู้เล่นในทีมของพวกเขาล้าหลังได้ ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆจึงล้วนใช้วิธีอนุรักษ์นิยมแบบนี้ในการจัดหาและสะสมวัสดุที่ต้องการเช่นกัน พวกเขาจะจัดทีมแนวหน้าเพียงทีมเดียวสำหรับการบุกโจมตีดันเจี้ยนเลเวลสูง ด้วยวิธีนี้มันจะทำให้พวกเขาสามารถมั่นใจได้ว่าพวกเขามีอุปกรณ์และวัสดุที่ดีที่สุดและล่าสุดที่มีอยู่ในเกม ในขณะเดียวกันพวกเขาก็จะมีวัสดุพื้นฐานที่จำเป็นไว้ป้อนให้ทีมแนวหน้าใช้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปด้วยการอัพเดทครั้งใหญ่ของเกม


หลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่นั้น ดันเจี้ยนแบบคงที่ทั้งหมดได้ถูกลบออกไป ตอนนี้มันมีเพียงดันเจี้ยนที่ปรากฎขึ้นแบบสุ่มเท่านั้น ในขณะเดียวกันดันเจี้ยนบางส่วนเหล่านี้ก็มีความท้าทาย ขณะที่บางส่วนมันก็ง่ายมาก ยิ่งไปกว่านั้นดันเจี้ยนแบบนี้ทุกดันเจี้ยนยังสามารถบุกโจมตีได้เพียงครั้งเดียวก่อนที่มันจะหายไป และหากไม่มีบุกเข้าโจมตีดันเจี้ยนเลยเมื่อมันถูกค้นพบ มันก็มีโอกาสสูงที่คนอื่นจะบุกเข้าไปก่อน


การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความประหลาดใจให้กับกิลขนาดเล็กไปจนถึงมหาอำนาจต่างๆเลย


ในสถานการณ์นี้พวกเขาควรจะพัฒนากิลของพวกเขาต่อไปอย่างไร นับจากนี้ ?


ในทำนองเดียวกันทีมนักผจญภัยต่างๆใน God domain ก็เริ่มมีความไม่สบายใจมากขึ้น เพราะหากเป็นแบบนี้นั้นไม่เพียงแต่ทรัพยากรมันจะหายากมากขึ้น แต่ NPC ยังจะกลายเป็นคู่แข่งของพวกเขาด้วย ดังนั้นหลายคนจึงสามารถจะจินตนาการได้เลยว่ามันจะมีการต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรรุนแรงแค่ไหนในอนาคต และสถานการณ์นี้มันก็จะผลักดันให้มหาอำนาจต่างๆเริ่มกระทำการบางอย่างที่ไร้ซึ่งความเกรงใจต่อหลายกลุ่มมากขึ้นด้วย


เมืองปีกสีเงิน สถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีก ออฟฟิศหัวหน้ากิล :


“หัวหน้ากิล ทุกคนมาถึงกันแล้ว” เหลียงจิงรายงาน ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิงที่กำลังจัดเตรียมข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ God domain อยู่


“อควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวอยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถาม


แม้ว่าอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวจะออกจากเขาวงกตเชิงพื้นที่มาแล้ว แต่เนื่องจากพวกเขาได้ถูกส่งตัวไปยังโลกพิเศษต่อเลย มันจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถติดต่อกับผู้อื่นผ่านเกมได้ พวกเขาสามารถติดต่อผู้อื่นผ่านทางโลกแห่งความจริงได้เท่านั้น


“พวกเขาอยู่ที่นี่ แต่ ….” ความลังเลและไม่แน่ใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเหลียงจิง


ซือเฟิงรีบถามต่ออย่างงงงวยว่า “แต่อะไร ?”


ทันใดนั้นเหลียงจิงก็กระซิบบางอย่างที่ไม่คาดคิดกับเขา “ฉันอาจจะเข้าใจผิด แต่เมื่อฉันเห็นพวกเขาเมื่อกี้ พวกเขาให้ความรู้สึกแปลกแยกมากๆ”


ตอนที่ 2702 ความเงียบสงัด


“แปลกแยก ?”


ชั่วขณะหนึ่ง ซือเฟิงล้มเหลวในการที่จะทำเข้าใจคำพูดของเหลียงจิง


ในฐานะผู้ช่วยของเขา เหลียงจิงไม่เพียงแค่จะคอยดูแลกิจการในสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีก แต่โดยปกติเธอยังช่วยอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวทำงานด้านต่างๆใน God domain ด้วย ดังนั้นเธอจึงติดต่อกับรองหัวหน้ากิลทั้งสองอยู่บ่อยครั้ง อันที่จริงเหลียงจิงน่าจะคุ้นเคยกับเสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสมากกว่าพวกเขาด้วย


เสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสนั้นไม่ได้อยู่ที่กิลแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร มันก็ไม่มีเหตุผลเลยที่เหลียงจิงจะบอกว่าทั้งสองให้ความรู้สึกแปลกแยก


“เธอหมายถึงนิสัยใจคอของพวกเขาเปลี่ยนไปใช่ไหม ?” ซือเฟิงถามหลังจากครุ่นคิด นิสัยใจคอของคนๆหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับการพัฒนาความรู้และสภาพจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากพัฒนาขีดจำกัดการทำงานของสมอง ซึ่งซือเฟิงนั้นเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบสำหรับเรื่องนี้


“ไม่ใช่ …” เหลียงจิงส่ายหัว ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างอึดอัด “พวกเขาให้ความรู้สึก … แบบนั้นน่ะ … แบบที่เหมือนกับคนแปลกหน้าสวมหน้ากาก …”


“สวมหน้ากา ?” คำพูดของเหลียงจิงทำให้ซือเฟิงประหลาดใจ “เธอแน่ใจใช่ไหม ?”


“อืม แน่ใจมาก !!!” เหลียงจิงกล่าวอย่างจริงจัง


“โอเค” ซือเฟิงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ให้เรื่องนี้มันจบลงที่นี่ก่อน เธอแค่ปฎิบัติกับพวกเขาเหมือนกับที่เธอเคยทำนั่นแหละ”


“หัวหน้ากิล นี่รองหัวหน้ากิลทั้งสองโอเคไหม ?” เหลียงจิงถามอย่างเป็นห่วง


ไม่ว่าเธอจะมองอย่างไร การเปลี่ยนแปลงนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องปกติ และถ้าเสวี่ยเหวินโหรวกับอควาโรสมีปัญหาจริงๆ สภาสิบแปดปีกก็จะตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก เพราะท้ายที่สุดรองหัวหน้ากิลทั้งสองนั้นต้องรับผิดชอบในกิจกรรมประจำวันส่วนใหญ่

ของกิล ในขณะที่ส่วนใหญ่ซือเฟิงจะคอยควบคุมพวกเขาจากด้านหลังเท่านั้น

“ฉันยังไม่แน่ใจ ….” ซือเฟิงส่ายหัว “แต่ฉันคิดว่าฉันน่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา หลังจากที่ฉันได้พบพวกเขาด้วยตนเอง”


เขาวงกตเชิงพื้นที่นั้นเป็นสิ่งที่พิเศษมากใน God domain มันมีผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีโอกาสจะได้พบกับเขาวงกตเชิงพื้นที่ เมื่อทำการเดินทางผ่านเส้นทางเทเลพอร์ตแบบนี้ และมันก็มีผู้เล่นจำนวนน้อยลงไปอีกมากที่จะได้พบกับพื้นที่ลึกลับ หลังจากออกจากเขาวงกตเชิงพื้นที่


ซึ่งพื้นที่ลึกลับนี้ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา หลายคนพูดว่ามันคือจุดบกพร่องในเกม


ผู้เล่นทุกคนที่จบลงด้วยการเข้าไปในพื้นที่ลึกลับจะถูกส่งไปยังโลกที่พิเศษมาก และมันก็ไม่มีใครรู้ว่าโลกนั้นเป็นแบบไหน แต่ที่แน่ๆคือมันมีเพียงสิ่งเดียวที่อยู่ในโลกนั้น


การฆ่าฟัน !!!


คนๆหนึ่งที่เข้าไปในโลกนั้นจะถูกตามล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด !!!


หรือต้องตามล่าคนอื่นแบบไม่รู้จบ !!!


หรือไม่ก็ต้องต่อสู้ในสนามรบที่ไม่มีที่สิ้นสุด !!!


มันราวกับว่าชิ้นส่วนของความทรงจำนับไม่ถ้วนใน God domain ถูกรวบรวมไว้ในโลกที่พิเศษนี้


แม้ว่าผู้เล่นจะถูกฆ่าในโลกใบนี้ แต่พวกเขาก็จะนังไม่ตายอย่างแท้จริง พวกเขาจะเพียงแค่เปลี่ยนผ่านจากความฝันหนึ่งไปสู่อีกความฝันหนึ่งเท่านั้นหลังจากที่พวกเขาตายไป และวงจรนี้มันก็จะวนซ้ำไม่รู้จบ ยิ่งไปกว่านั้นความเจ็บปวดที่ผู้เล่นรู้สึกได้จากโลกนี้มันก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย


ขณะเดียวกันแนวคิดเรื่องเวลาในโลกนี้ก็ถูกมองว่าเหมือนกับภาพเบลอ


ช่วงเวลาที่ผู้เล่นได้สัมผัสกับโลกนี้เป็นเพียงสิ่งที่จิตใจของพวกเขารับรู้โดยไม่ได้มีผลกระทบต่อร่างกายที่แท้จริงของพวกเขา ดังนั้นแม้ว่าผู้เล่นอาจจะใช้เวลาไปหนึ่งถึงห้าปีในโลกที่พิเศษนี้ แต่มันอาจจะผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วโมง หรือหลายวันในโลกแห่งความจริงเท่านั้น


อย่างไรก็ตามเวลานั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการดำรงอยู่ เพราะท้ายที่สุดกาลเวลาอาจทำให้ทุกอย่างเสื่อมโทรมไปได้ นับประสาอะไรกับมนุษย์


ถ้าเสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสออกจากโลกพิเศษนี้ มันจะต้องมีเวลาที่ผ่านไปแล้วจำนวนมากสำหรับพวกเขาจนแม้แต่ความทรงจำบางอย่างของพวกเขาก็ยังต้องพร่าเลือน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะเปลี่ยนไป


สิ่งเดียวที่ซือเฟิงไม่รู้ก็คือ อควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวใช้เวลาไปกี่ปีกันในโลกนั้น


ในขณะเดียวกันตามสถิติจากชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา ยิ่งใช้เวลาอยู่ในโลกพิเศษนี้นานเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งมีอิทธิพลต่อความคิดของคนๆหนึ่งมากเท่านั้น


สถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีก ห้องประชุมชั้นบนสุด :


ขณะนี้พวกผู้บริหารระดับสูงและหัวหน้าทีมแกนหลักของสภาสิบแปดปีกล้วนมานั่งกันอยู่ครบทั้งหมดแล้วในห้องประชุมที่สวยงามแห่งนี้ ในบรรดาคนเหล่านี้ แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังอยู่ในเลเวลหนึ่งร้อยสิบหก ขั้นสาม ในขณะที่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือไวโอเล็ตคลาวด์ และไฟเออร์แดนซ์ ซึ่งทั้งสองได้มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดแล้ว อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงมีช่องว่างสำคัญระหว่างพวกเขากับซือเฟิงที่มีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบห้า


ไฟเออร์แดนซ์นั้นได้เปลี่ยนชุดเกราะเก่าของเธอ และแทนที่มันด้วยชุดเกราะหนังสีแดงเข้มแล้ว และหากมองตามรูปแบบเวทย์มนต์ที่ถูกแกะสลักไว้บนชุดเกราะของเธอ มันก็จะสามารถบอกได้เลยว่าชุดเกราะที่เธอสวมใส่นั้นเป็นเซ็ท ยิ่งไปกว่านั้นมันยังให้เอฟเฟคเรืองแสงที่เป็นเอกลักษณ์ของไอเทมระดับอีปิค และตอนนี้ไฟเออร์แดนซ์ก็ยังมัดผมด้วยริบบิ้นที่คล้ายกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ริบบินนี้ทำให้เธอให้ความรู้สึกดุร้ายอย่างที่ไม่อาจพรรณนาได้ราวกับว่าเธอเป็นจักรพรรดินีแห่งท้องฟ้ายามค่ำคืน


ดูเหมือนว่าไฟเออร์แดนซ์จะเก็บเกี่ยวได้อย่างมากจริงๆจากเขาวงกตเชิงพื้นที่ ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ขณะที่เขาสังเกตไฟเออร์แดนซ์ทั้งตัว แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากที่สุดจริงๆก็คือ กริชที่ห้อยอยู่ข้างเอวเธอ

กริชนี้ไม่เพียงแต่จะปลดปล่อยความรู้สึกที่เป็นปรปักษ์ออกมาเล็กน้อย แต่มันยังทำให้มานาที่อยู่รอบๆเดือดอีกด้วย หากกริชเล่มนี้ไม่ได้รับความเสียหายมาก่อน เขาก็นึกไม่ออกเลยว่ามันจะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างไร


แม้แต่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานก็ยังจะต้องดูซีดเซียวไปเลย เมื่อเทียบกับกริชเล่มนี้


อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงกวาดตามองไปยังอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวซึ่งนั่งอยู่ทั้งสองด้านของโต๊ะประชุม เขาก็รู้สึกตกตะลึงมากๆ


มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน ? เมื่อเห็นทั้งสองสาว มันทำให้ซือเฟิงพูดไม่ออกเลย


หลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่เหลียงจิงพูด เขาก็เตรียมใจรับสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว


อย่างไรก็ตามตอนนี้พอเขาได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง เขาก็ได้ตระหนักว่าสถานการณ์ของทั้งสองนั้นมันเกินความคาดหมายสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เขาคิดได้ไปไกลมาก


อาวุธและอุปกรณ์ของเสวี่ยเหวินโหรวกับอควาโรสนั้นยังคงเหมือนกับตอนที่พวกเขาออกจากทวีปด้านตะวันตก และแม้แต่เลเวลของพวกเขาก็ยังคงอยู่ที่เลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ด อย่างไรก็ตามตอนนี้ความรู้สึกที่ทั้งสองแผ่ออกมานั้นมันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง


เสวี่ยเหวินโหรวในอดีตนั้น แม้จะดูเป็นคนที่ค่อนข้างเย็นชา แต่เธอก็ยังเข้ากับคนง่าย ในทางกลับกันอควาโรสก็เป็นผู้หญิงที่ร่าเริงและกล้าแสดงออก ในขณะที่ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายไปด้วยสติปัญญาและความทะเยอทะยานเสมอ


อย่างไรก็ตามตอนนี้ทั้งสองคนไม่สามารถถูกมองได้ว่าเป็นมนุษย์อีกต่อไป พวกเขาทั้งสองไม่ได้แสดงออกถึงอารมณ์ที่บ่งบอกถึงความรู้สึกซึ่งมันราวกับว่าพวกเขาเป็นพืช หรือต้นไม้ พวกเขาไม่ได้มีความสุขหรือเศร้า แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะสื่อสารกับคนอื่นๆรอบตัวอยู่ แต่เสียงของพวกเขาก็ไม่ได้ผันแปรไปตามอารมณ์ใดๆ


สิ่งเดียวที่ซือเฟิงสัมผัสได้จากทั้งสองนั้นคือความเงียบสงัด และแม้ว่าความเงียบสงัดของทั้งสองคนนี้จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยก็ตาม


ในกรณีของเสวี่ยเหวินโหรว ความเงียบสงัดของเธอนั้นคล้ายกับกองกระดูกที่กองสูงอยู่ในสนามรบ ส่วนในกรณีของอควาโรสความเงียบสงัดของเธอนั้นเหมือนกับเปลวเทียนในความมืดที่แบกทั้งความหวังและความตายเอาไว้


นอกจากนี้ซือเฟิงแล้ว ทุกคนในห้องก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะว่าอควาโรสกับเสวี่ยเหวินโหรวยังเป็นคนที่อยู่ในความทรงจำของพวกเขา พวกเขาก็คงจะหนีจากที่นี่ไปทันที


“หัวหน้ากิล มันมีอะไรเกิดขึ้นกับรองหัวหน้ากิลทั้งสองคนรึปล่าว ?” ยู่หลานกระซิบถามซือเฟิง


ความเปลี่ยนแปลงของเสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสอาจไม่สำคัญสำหรับผู้เล่นที่ไม่คุ้นเคยกับพวกเขา แต่สำหรับคนที่คุ้นเคยนั้นความเปลี่ยนแปลงนี้มันน่ากลัวและน่าขนลุกมาก


“เมื่อพิจารณาจากสภาพของพวกเขาตอนนี้ มันก็ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน” ซือเฟิงตอบโดยไม่ได้คิดจะปกปิดความจริง เพราะท้ายที่สุดสิ่งนี้มันชัดเจนมากสำหรับทุกคนในปัจจุบัน ในช่วงเวลาที่สมาชิกของสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆในห้องประชุมกำลังกระซิบพูดคุยกันถึงความเปลี่ยนแปลงของอควาโรสกับเสวี่ยเหวินโหรว ซือเฟิงก็ได้หันสายตาไปมองทั้งสองคน


“พวกเธออยู่ในโลกนั้นนานแค่ไหนกัน ?” ซือเฟิงถามพวกเขาผ่านการกระซิบ


ตอนที่ 2703 แปดสิบปี


คำพูดของซือเฟิงนั้นเป็นเหมือนกับหยดน้ำที่ตกลงไปในมหาสมุทรอันเงียบสงัด และแม้ว่าเขาจะไม่สามารถก่อให้เกิดระลอกคลื่นขนาดใหญ่ได้ แต่เขาก็ยังสามารถก่อให้เกิดระลอกคลื่นที่กระจายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดได้


ทันทีที่ซือเฟิงพูดคำถามของเขาจบ ความประหลาดใจก็ปรากฎขึ้นในดวงตาที่สงบ

ของอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรว


แต่ความประหลาดใจนี้ก็ไม่ได้มีทั้งความตื่นเต้นหรือความสุข และพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนพวกเขาเจอคนที่เข้าใจพวกเขาเช่นกัน


พวกเขาเพียงแค่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเท่านั้น


และพวกเขาก็สงสัยว่าทำไมซือเฟิงถึงรู้เรื่องนี้


อย่างไรก็ตามในไม่ช้าความประหลาดใจของพวกเขาก็หายไป และความมืดกับความสงบก็กลับมาสู่ดวงตาของพวกเขา


หลังจากนั้นอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวก็สบตากัน จากนั้นอควาโรสก็หันไปหาซือเฟิง และรอยยิ้มที่ดูไม่แยแสก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าสวยงามของเธอ


“แน่นอนเลยว่าไม่มีอะไรที่สามารถเล็ดรอดสายสายตาหัวหน้ากิลไปได้จริงๆ เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเราอาศัยอยู่ในโลกนั้นนานแค่ไหนกัน”


“อย่างไรก็ตามจากการคำณวนของเรา มันน่าจะเป็นเวลาประมาณแปดสิบปี”


“แปดสิบปี ?!”


ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างเมื่อเขาได้รับคำตอบ ตอนนี้แม้แต่จิตใจของเขาก็ยังรู้สึกมึนงงเล็กน้อย เขาได้คิดถึงความเป็นไปได้ที่อควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวจะอาศัยอยู่ในโลกพิเศษนั้นเป็นระยะเวลานานไว้แล้ว ซึ่งเขาก็ได้คิดไว้แล้วว่ามันน่าจะสักประมาณหนึ่งถึงสองทศวรรษ


แต่แปดสิบปี ….

หลายคนนั้นมีชีวิตอยู่เพียงแปดสิบปีเท่านั้นในช่วงชีวิตของพวกเขา ในขณะเดียวกันอควาโรสกับเสวี่ยเหวินโหรว กับใช้เวลาแปดสิบปีในการต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้งทุกวัน แค่คิดเรื่องนี้เพียงอย่างเดียว เขาก็หนาวเหน็บแล้ว


ใช้เวลาแปดสิบปีในการอยู่คนเดียว …. แค่ความเหงาเดียวดายมันก็ยากที่จะจินตนาการแล้ว หากเป็นคนทั่วไป พวกเขาจะเป็นบ้าไปแล้วแน่นอน


อย่างไรก็ตามน้ำเสียงของอควาโรสกับสงบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ซึ่งมันราวกับว่าเธอกำลังพูดถึงปัญหาของคนอื่น


“แปดสิบปี ….” อารมณ์ที่ซับซ้อนนั้นมันเข้ามาอยู่เต็มไปหมดในดวงตาของซือเฟิง ในขณะที่เขามองไปยังอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวอย่างเงียบๆ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเธอสองคนให้ความรู้สึกเหมือนสัตว์ประหลาด”


ในขณะที่ซือเฟิงมองไปยังอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวตอนนี้ เขาก็สามารถบอกได้เลยว่าทั้งสองนั้นไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป


หลังจากฟังคำอธิบายของอควาโรสแล้ว เขาก็ได้เข้าใจทุกอย่าง


หากทั้งสองคนต้องใช้เวลาแปดสิบปีในการเข่นฆ่าและต่อสู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันก็คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าพวกเขาแข็งแกร่งที่สุดในโลกแล้วในเรื่องประสบการณ์การต่อสู้ และเมื่อเทียบกับเขาแล้วประสบการณ์การต่อสู้นับสิบปีในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงใน God domain นั้นจัดว่าไม่มีอะไรเลย นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าทั้งสองคนนั้นเป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้


ในเวลานี้ในแง่ของพลังการต่อสู้ เขาน่าจะจัดเป็นเด็กทารกเลย เมื่ออยู่ต่อหน้าอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรว


และการที่เด็กทารกพยายามจะมองผ่านมาตราฐานของผู้ใหญ่นั้นมันก็เป็นเพียงเรื่องตลก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวนั้นก็จัดว่าเป็นผู้ใหญ่เลย แม้แต่ในหมู่สุดยอดปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้


สถานการณ์นี้ทำให้ว์อเฟิงพูดไม่ออก เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะรู้สึกเสียใจหรือมีความสุขดี


“หัวหน้ากิล มู่ฉินจากฟรอสต์ฮีฟเว่นพึ่งจะติดต่อเรามา” ในขณะที่ซือเฟิงกำลังเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนมากมาย เหลียงจิงที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็พูดขึ้น “มู่ฉินต้องการให้สภาสิบแปดปีกไปรวมตัวกันที่เมืองหลวงของจักรวรรดิมังกรไฟ เธอบอกว่าเราได้รับอนุญาติให้นำคนไปได้ไม่เกินยี่สิบคน”


“ดูเหมือนว่าในที่สุดพวกเขาก็พร้อมแล้วสินะ ….” ซือเฟิงไม่รู้สึกแปลกใจเป็นพิเศากับข่าวนี้ เพราะท้ายที่สุดต้วนฮันซานได้บอกเขาแล้วว่าฟรอสต์ฮีฟเว่นจะดำเนินในไม่ช้านี้ “เธอได้บอกแผนมาไหม ?”


“เธอบอกมาแล้ว …” เหลียงจิงพยักหน้าด้วยใบหน้าที่เศร้าหมองเล็กน้อย “หัวหน้ากิล เราจะเข้าร่วมปฎิบัติการครั้งนี้ของฟรอสต์ฮีฟเว่นจริงๆงั้นหรอ ?”


“ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็ไม่อยากเช่นกัน อย่างไรก็ตามข้อเสนอของฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นมันน่าดึงดูดเกินกว่าที่จะปฎิเสธได้” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น


สามช่องในการจะเข้าสู่ Upper Zone นั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถเจอได้ทุกวัน และแม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังจะต้องกระโจนเข้าใส่สิ่งนี้


นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่า Upper Zone นั้นมีประโยชน์ที่เขาต้องการอยู่ด้วย


ในขณะที่เสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสอาจจะได้รับประสบการณ์ในการต่อมาถึงแปดสิบปีในโลกพิเศษ และได้รับมาตราการต่อสู้ในระดับที่น่ากลัวมา แต่ผลประโยชน์เหล่านี้มันก็มาพร้อมกับข้อเสียอย่างมากเช่นกัน


บนพื้นผิวมันดูเหมือนว่าทั้งสองอาศัยอยู่ในโลกพิเศษนั้นมาแปดสิบปี อย่างไรก็ตามมันผ่านไปแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นในโลกแห่งความจริง


ซึ่งทันทีที่ทั้งสองออกมาจากโลกพิเศษ ความทรงจำตลอดแปดสิบปีนั้นก็ได้ถูกดาวโหลดเข้าสู่สมองของพวกเขา ซึ่งมันเป็นภาระที่ไม่อาจจะจินตนาการได้ทั้งในสมองและร่างกายของพวกเขา


ในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิง ผู้เล่นที่อาศัยอยู่ในโลกพิเศษเป็นเวลาสองถึงสามปีจะค่อยๆมีปัญหากับร่างกายหลังจากที่พวกเขากลับมา และในที่สุดพวกเขาก็จะกลายเป็นอัมพาตและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้นเลยกว่าพวกเขาจะหายดี เพราะท้ายที่สุดการย่อยความทรงจำทั้งหมดนี้ มันต้องใช้พลังใจอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเลย


ในขณะเดียวกันทั้งเสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสก็อาศัยอยู่ในโลกพิเศษนั้นมาถึงแปดสิบปีแล้ว มันจึงทำให้ซือเฟิงไม่กล้าที่จะจินตนาการเลยว่าพวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมาณจากเรื่องนี้มากแค่ไหน


ซึ่งเพื่อความปลอดภัยของทั้งสอง เขาจำเป็นจะต้องพาทั้งสองไปที่ Upper Zone ให้ได้


แม้ว่าสารอาหารเหลวระดับ S จะให้ผลในการฟื้นฟูร่างกายที่ดีเยี่ยม แต่มันก็ช่วยในการรักษาสมองและจิตวิญญาณของผู้เล่นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมันจะมีเพียงแต่ยาสำหรับฟื้นฟูสมองและจิตวิญญาณเท่านั้นที่จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้


และจากยาทั้งหมดที่ซือเฟิงรู้จัก แม้แต่โพชั่นแห่งชีวิตก็ไม่ได้ช่วยในการฟื้นฟูจิตวิญญาณมากนัก สิ่งที่โพชั่นแห่งชีวิตทำได้อย่างมากที่สุดก็คือการฟื้นฟูความแข็งแกร่งทางจิตใจที่บกพร่องไปตามปกติ และมันจะใช้แทบไม่ได้ผลเลย หากสมองถูกใช้งานอย่างหนักเกินไปแบบนี้


ดังนั้นทางออกเดียวที่ซือเฟิงคิดได้ตอนนี้คือ Upper Zone


Upper Zone นั้นเป็นพื้นที่พิเศษที่บริษัทกรีดก๊อดสร้างขึ้น ซึ่งมันมีสิ่งที่เขาไม่รู้จักมากมายอยู่ภายใน ในความเป็นจริงสารอาหารเหลวระดับ S และโพชั่นแห่งชีวิตที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดปกติตอนนี้ มันก็เป็นเพียงแค่ของล้าสมัยที่บริษัทกรีนก๊อดผลิตขึ้น


“หัวหน้ากิล ฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นมีความทะเยอทะยานมากเกินไป” เหลียงจิงแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา “ถ้าเราไม่ระวังเรื่องนี้ สภาสิบแปดปีกอาจจะพินาศได้เลย”


“พวกเขาวางแผนจะทำอะไรกัน ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย


“เป้าหมายของพวกเขาในครั้งนี้คือการเป็นหนึ่งในสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ God domain !!!” เหลียงจิงกล่าว


สิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ God domain นั้นไม่ใช่ชื่อที่ถูกสุ่มสร้างขึ้นโดยผู้เล่น

แต่นี่มันเป็นชื่อที่ถูกมอบให้กับสิบสองกิลที่แข็งแกร่งที่สุดที่ได้รับการยอมรับจากวิหารเทพสงคราม !!!


กิลที่กลายเป็นสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน God domain นั้นจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมายในทวีปหลัก แถมพวกเขาจะสามารถควบคุมจักรวรรดิบางส่วนที่เป็นฐานที่มั่นของพวกเขาได้ด้วย และจักรวรรดินั้นก็จะต้องแสดงความเคารพต่อพวกเขา


การได้รับการนับถือจากจักรวรรดิทั้งจักรวรร !!!


เพียงประเด็นนี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้กิลที่ได้รับตำแหน่งไปนำหน้ามหาอำนาจอื่นๆได้ ซึ่งมันก็อาจกล่าวได้ว่าตำแหน่งสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน God domain นั้นเป็นสิ่งที่มหาอำนาจต่างๆต้องมาเข้าร่วมแข่งขันกันแน่นอน


อย่างไรก็ตามการแข่งขันนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย กิลจะต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขต่างๆเพื่อให้มีคุณสมบัติ


ประการแรกกิลจะต้องเป็นหนึ่งในกิลที่ได้รับการยอมรับว่ามาแรงมากๆ และหลังจากนั้นพวกเขาก็จะต้องแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อย่างไรก็ตามนี่มันเป็นการแข่งขันครั้งแรกที่รวบรวมมหาอำนาจทั่วทั้ง God domain เข้ามา สำหรับตำแหน่งทั้งหมดนั้นวิหารเทพสงครามจึงประกาศว่ามันมีว่างแค่หกตำแหน่งเท่านั้น


ดังนั้นสำหรับปีนี้เท่านั้นที่ผู้เล่นจากกิลจะสามารถแข่งขันกันเพื่อชิงที่ว่างที่มีแค่หกที่ได้ ตราบเท่าที่พวกเขามีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขการเข้าร่วมการแข่งขัน


และเนื่องจากพื้นฐานที่ยังไม่ดีพอของสภาสิบแปดปีก ซือเฟิงจึงไม่ได้คิดจะนำกิลของเขาเข้าร่วมการแข่งขัน


มันมีเงื่อนไขสี่ประการที่จำเป็นต้องมี หากคิดจะเข้าการแข่งขัน


หนึ่ง : ส่งคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่สองพันชิ้นไปที่วิหารเทพสงคราม


สอง : มีสถานที่พักกิลในเมืองหลวงของอาณาจักรอย่างน้อยห้าสิบอาณาจักร หรือไม่ก็ในสิบสองจักรวรรดิ ในขณะเดียวกันกิลที่ลงทะเบียนเข้าร่วมแข่งก็จะต้องมีสถานะเป็นกิลระดับสี่ดาวด้วย

สาม : มีผู้เล่นขั้นสามมากกว่าหนึ่งพันคนในกิล


สี่ : มีเมืองกิลอยู่สามสิบเมืองหรือมากกว่านั้นภายใต้ชื่อกิล


ซึ่งเงื่อนไขทั้งสี่นั้นมันจัดว่าโหดเหี้ยมมากๆ และมันก็จะมีเพียงมหาอำนาจต่างๆที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษเท่านั้นที่จะสามารถเข้าร่วมได้


และตามข้อมูลที่สภาสิบแปดปีกได้รับมาจากศาลาลับ มันก็มีกิลชั้นยอดมากกว่าสิบห้ากิลเข้าร่วม นี่ยังไม่ได้นับรวมพวกซุเปอร์กิลอีก ซึ่งทุกกิลนั้นล้วนเป็นยักษ์ใหญ่ในโลกเกมเสมือนจริง


“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมฟรอสต์ฮีฟเว่นถึงได้เสนอราคาให้เราสูงขนาดนี้ …” ซือเฟิงเริ่มตระหนักถึงเรื่องราวทั้งหมดทันที


ในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิงกว่าที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นจะขึ้นไปถึงจุดที่เป็นสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ God domain ได้นั้น มันต้องใช้เวลานานในระดับหนึ่งเลย และที่แน่ๆพูดกันตามตรงมันก็ยังไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน ซึ่งพวกระดับสูงของฟรอสต์ฮีฟเว่นก็น่าจะตระหนักถึงเรื่องนี้ดี แต่พวกเขาก็ยังคงจะตั้งความหวัง


โดยเรื่องนี้มันก็จะนำปัญหามาให้กับสภาสิบแปดปีกแน่นอน เพราะต่อให้พวกเขาร่วมมือกับฟรอสต์ฮีฟเว่น และทำผลลัพธ์ออกมาได้ดี แต่กิลที่แพ้ให้กับฟรอสต์ฮีฟเว่นก็อาจจะถือว่าสภาสิบแปดปีกเป็นศัตรูตัวฉกาจได้เลย


ปัจจุบันสภาสิบแปดปีกก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมากพอแล้ว


หากพวกเขาไปยั่วยุมหาอำนาจต่างๆเพิ่มขึ้น สภาสิบแปดปีกจะไม่สามารถอยู่รอดใน God domain ต่อไปได้อีกนานนักแน่นอน


“แม้ว่ามันจะอันตราย แต่นี่ก็ถือเป็นโอกาสดีสำหรับสภาสิบแปดปีก ฉันไม่สามารถจะปล่อยมันไปได้” ซือเฟิงกล่าวขึ้นมาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆไปเตรียมตัวให้พร้อม เราจะออกเดินทางทันที !!!”


แม้ว่าเรื่องนี้มันจะอันตราย แต่หากสภาสิบแปดปีกทำสำเร็จ พวกเขาก็จะได้รับผลประโยชน์มากมาย แถมยังจะได้รับการยอมรับจากวิหารเทพสงคราม รวมไปถึงสิทธิพิเศษบางประการด้วย

ซึ่งนี่มันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้หลายกิลเลือกจะเข้าร่วมการแข่งขันนี้ในอดีต แม้จะไปแค่ไหนฐานะผู้ช่วยเหลือก็ตาม ….


ตอนที่ 2704 ความบ้าคลั่งเริ่มต้น


จักรวรรดิมังกรไฟ เมืองมังกรไฟ :


กลุ่มผู้เล่นในชุดเสื้อคลุมสีดำจำนวนมากเดินผ่านย่านการค้าที่แออัดของเมืองหลวงของจักรวรรดิ


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ? ทำไมถึงมีผู้เล่นที่ปิดบังตัวตนมากมายเดินอยู่ในถนนตอนนี้ ? ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทุกคนก็แข็งแกร่งมากๆ !!!” ผู้เล่นเลเวลห้าสิบหก ขั้นหนึ่ง ที่มาที่ย่านการค้าเพื่ออัพเกรดอุปกรณ์ของเขาอุทานด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นขบวนของผู้เล่นในชุดเสื้อคลุมสีดำจำนวนมาก


แม้ว่าปกติแล้ว เมืองมังกรไฟจะเต็มไปด้วยผู้เล่น แต่ตอนนี้มันก็ดูจะมีมากกว่าปกติอย่างมาก โดยเท่าที่ดูมันก็มีมากกว่าปกติเกือบสามเท่า แถมเหล่ากลุ่มผู้เล่นในชุดเสื้อคลุมสีดำพวกนี้ยังให้ความรู้สึกแปลกๆด้วย


ในความเป็นจริงผู้เล่นก็ไม่ใช่แค่กลุ่มเดียวที่สวมเสื้อคลุมสีดำ มันยังมี NPC จำนวนมากที่ปิดบังตัวตนไว้ใต้เสื้อคลุมสีดำ และเดินผ่านไปผ่านมาในเมืองเช่นกัน โดยทุกคนนั้นก็ล้วนแผ่ออร่าที่น่ากลัวออกมา ตอนนี้แม้แต่ NPC ในเมืองก็ยังมีการพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวกับผู้เล่นถึงเรื่องนี้เลย


“นี่มันเป็นปกติ คุณคงจะเพิ่งเริ่มเล่น God domain เมื่อไม่นานมานี้สินะ คุณถึงไม่รู้เรื่องนี้ วันนี้มันเป็นการแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ God domain” ชายที่มีเลเวลหนึ่งร้อยเก้า และอยู่ในขั้นสามกล่าวอธิบายเรื่องนี้ให้กับผู้มาใหม่ของกิลเขาฟัง


“การแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ God domain ?” ชิลวอริเออร์มือใหม่ประหลาดใจกับคำพูดของรุ่นพี่ “ไม่ใช่ว่าตำแหน่งพวกนั้นถูกกำหนดโดยสมาคมเกมเสมือนจริงงั้นหรอ ?”


ในโลกแห่งความเป็นจริง สมาคมเกมเสมือนจริงนั้นจะประกาศตำแหน่งรวมไปถึงกิลที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นกิลชั้นยอด และซุเปอร์กิลแล้วทุกปี และตำแหน่งเหล่านี้ส่วนใหญ่มันก็แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย โดยแต่ละปีนั้นมันก็จะมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก


“ไม่ใช่ !! งานนี้มันถูกจัดขึ้นโดยวิหารเทพสงครามเพื่อตัดสินว่ากิลใดคือสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ God domain มันไม่ใช่การแข่งขันที่จัดขึ้นในโลกแห่งความจริง” ผู้เล่นชายขั้นสามกล่าวอธิบายพลางหัวเราะเบาๆ


“กิลของพวกเราได้มีโอกาสเข้าร่วมด้วยไหม ?” ชิลวอริเออร์มือใหม่ถามด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ผุดขึ้นมา เขาไม่เคยได้ยินเลยว่ามีเหตุการณ์ขนาดใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นใน God domain มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความนิยมในปัจจุบันของ God domain มันคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะเรียกว่านี่เป็นการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และหากเขาสามารถโดดเด่นขึ้นมาได้ในการแข่งขันครั้งนี้ เขาจะต้องมีชื่อเสียงอย่างแน่นอน


ปัจจุบันบริษัทยักษ์ใหญ่รายแห่งกำลังเสนอผลประโยชน์อย่างมหาศาลเลยในการรับสมัครผู้เชี่ยวชาญใน God domain ในความเป็นจริงผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดห้าสิบอันดับแรกของ God domain ตามการจัดอันดับของศาลาลับนั้นทำเงินได้มากกว่าดาราระดับ A ซะอีก


“เราเองก็ต้องการจะเข้าร่วม แต่เกณฑ์การเข้าร่วมนั้นมันสูงเกินไป และแม้แต่กิลชั้นสูงก็ยังไม่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมด้วยซ้ำ” ผู้เล่นชายขั้นสามยิ้มอย่างขมขื่น


ทุกวันนี้มหาอำนาจต่างๆของ God domain ล้วนพูดถึงกันแต่เรื่องนี้ ไม่เว้นแม้แต่ NPC อิทธิพลของการแข่งขันครั้งนี้นั้นมันสูงเป็นประวัติการณ์


ในการแข่งขันแบบนี้ไม่ต้องพูดถึงการเข้าไปติดสิบสองอันดับแรกเลย เพียงแค่เข้าร่วมได้ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกิลมากแล้ว


“งั้นเมื่อเป็นแบบนี้ ทุกคนที่มาที่นี่ก็มาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ใช่ไหม ?” ชิลวอริเออร์มือใหม่ถาม


“พวกที่ปิดบังตัวตนไว้ภายใต้เสื้อคลุมสีดำน่ะคือพวกที่มาเข้าร่วมเป็นส่วนมาก สำหรับคนอื่นๆ พวกเขามาที่นี่เพื่อเข้าชมเท่านั้น” ผู้เล่นชายขั้นสามอธิบาย


“ชม ? งั้นเราไปชมกันด้วยได้ไหม ?” ชิลวอริเออร์มือใหม่ถามอย่างกระตือรือร้น


“นี่ …. ฉันกลัวว่าจะเป็นไปไม่ได้ ….” ผู้เล่นชายขั้นสามตอบด้วยความลำบากใจ “ค่าเข้าอย่างเดียวก็มีราคาที่สามร้อยเหรียญทองแล้ว ในขณะที่ห้อง VIP นั้นมีราคาที่ห้าพันเหรียญทอง และคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ยี่สิบชิ้น นอกจากนี้ห้อง VIP ยังมีแค่เพียงหนึ่งพันห้องเท่านั้น และแค่สามร้อยเหรียญทองมันก็จัดว่าเป็นจำนวนมหาศาลแล้วสำหรับผู้เล่นขั้นสามในปัจจุบัน อันที่จริงผู้เล่นขั้นสามส่วนใหญ่ไม่มีเงินสามร้อยเหรียญทองเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดแล้วค่าใช้จ่ายรายวันของผู้เล่นขั้นสามนั้นสูงมาก และการจะประหยัดเงินให้ได้นั้นก็เป็นไปไม่ได้เลย สำหรับห้อง VIP มันก็มีไว้แค่สำหรับกิลขนาดใหญ่โดยเฉพาะ คนทั่วไปนั้นไม่สามารถจะจ่ายได้เลย”


แถมพูดกันตรงๆนอกเหนือจากเงินห้าพันเหรียญทองแล้ว คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ยี่สิบชิ้นที่ต้องจ่ายมันก็มากเกินพอที่จะทำให้กิลชั้นสูงทุกข์ทรมาณแล้ว ไม่ต้องพูดถึงกิลชั้นรอง และชั้นสามเลย ในตอนนี้ผู้เล่นชายขั้นสามนั้นไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกอับอายกับสถานการณ์นี้ ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามคนอื่นๆส่วนใหญ่ก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน


“การได้ไปเข้าชมการแข่งขันขนาดใหญ่ที่สำคัญแบบนี้มันจะมอบผลประโยชน์ให้แก่เราได้มากมายเลย”


“ก็ใช่ เท่าที่ฉันรู้มามันมีมหาอำนาจเกือบสามสิบกลุ่มที่เข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ และเกือบหนึ่งในสามของพวกเขาก็เป็นซุเปอร์กิลทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นมหาอำนาจเหล่านี้ยังส่งทีมที่ดีที่สุดของพวกเขามา ซึ่งนี่มันจะเป็นการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายเลย”


“ฉันเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน ตอนนี้ใครๆก็ล้วนต้องการห้อง VIP กันอย่างบ้าคลั่ง และกิลชั้นรองกับชั้นสามบางแห่งกระทั่งเสนอจะจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่าเพื่อรับเอาห้องมาด้วยซ้ำ”


เมื่อได้ยินการพูดคุยของผู้เล่นคนอื่นๆบนท้องถนน ผู้เล่นที่ไม่สามารถจะซื้อตั๋วเข้าชมได้ต่างก็เต็มไปด้วยความโหยหา


มหาอำนาจต่างๆของ God domain นั้นแทบจะไม่เคยทำสงครามมาก่อนเลย และโดยทั่วไปพวกเขาก็จะปะทะกันบ้างแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามตอนนี้มหาอำนาจต่างๆก็ล้วนเทหมดหน้าตักเพื่อการแข่งขันครั้งนี้ ดังนั้นมันจึงจะสามารถจินตนาการได้ง่ายๆเลยว่าการแข่งขันครั้งนี้มันจะรุนแรงมากขนาดไหน


ในขณะเดียวกันการแข่งขันที่สำคัญดังกล่าวนี้มันก็เกิดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น


เมืองมังกรไฟ วิหารเทพสงคราม :

ในเวลานี้สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆได้มารวมตัวกันที่สำนักงานใหญ่หลักอันยิ่งใหญ่ของวิหารเทพสงครามในจักรวรรดิมังกรไฟแล้ว ซึ่งพวกเขานั้นก็มีจำนวนนับหมื่นคน และนี่มันก็ทำให้แม้แต่วิหารเทพสงครามก็ยังไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องส่งทหาร เลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบมารักษาความสงบเรียบร้อย


ในขณะเดียวกันที่ชั้นบนสุดของร้านอาหารใกล้กับวิหารเทพสงคราม ….


“มหาอำนาจเหล่านี้นั้นระวังตัวมากจริงๆ สมาชิกที่เข้าร่วมทุกคนของพวกเขาได้ปกปิดข้อมูลและความแข็งแกร่งไว้ภายใต้เสื้อคลุมสีดำ” มู่หลิงชากล่าวด้วยความผิดหวัง เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆของผู้เข้าร่วมได้


“มันก็เป็นเรื่องปกติแหละน่า การแข่งขันนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าใครคือสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน God domain นะ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะพยายามปกปิดข้อมูลให้มากที่สุด เพราะใครก็ตามที่เปิดเผยไพ่ของตัวเองออกมาตอนนี้ มันมีแต่จะทำให้ถูกกำหนดเป้าหมายได้ง่ายขึ้นเท่านั้น” อันยิ่งฮาร์ทซึ่งนั่งอยู่ข้างๆมู่หลิงชากล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้คิดเลยว่ามันจะมีมหาอำนาจมากมายขนาดนี้มาเข้าร่วมงานนี้”


“แม้ว่ามันจะมีจักรวรรดิอยู่มากมายใน God domain แต่มันก็มีเพียงสี่จักรวรรดิเท่านั้นที่เป็นประเทศโบราณ ดังนั้นมหาอำนาจใดๆก็ตามก็จะไม่คิดที่จะละทิ้งประเทศพวกนี้อยู่แล้ว และแม้ว่ากิลจะสามารถลงทะเบียนเข้าแข่งขันที่เมืองหลวงของจักรวรรดิใดก็ได้ แต่กิลที่ได้อันดับดีๆในจักรวรรดิที่พวกเขาลงทะเบียนนั้นก็จะได้รับสิทประโยชน์เพิ่มเติมจากจักรวรรดินั้นๆเช่นกัน” มู่หลิงชาถอนหายใจ “น่าเสียดายที่อันยีลดิ้งโซลนั้นขาดการสะสมวัสดุให้ตรงตามเงื่อนไข ไม่งั้นเราก็จะสามารถมาที่นี่เพื่อเสี่ยงโชคได้เช่นกัน”


“ฉันสงสัยจังว่าใครจะได้หกอันดับแรก ?” เมื่ออันยีลดิ้งฮาร์ทพูดถึงหกอันดับแรก ความปราถนาก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของเขา


“ห้าจากหกอันดับแรกมันก็เดากันได้อยู่แล้ว ตำแหน่งสุดท้ายต่างหากที่สำคัญ และฉันก็คิดว่าบรรดากิลต่างๆที่เข้าร่วมจะต่อสู้กันจนเรียกได้ว่านองเลือดอย่างมากแน่นอน” มู่หลิงชากล่าวด้วยรอยยิ้ม การแข่งขันครั้งนี้มันจะเป็นการแข่งขันที่รุนแรงมากแน่นอน และเท่าที่เธอคิด ห้าจากหกอันดับแรกก็คงจะตกเป็นของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด และสิ่งนี้มันก็จะทำให้มหาอำนาจอื่นๆต้องแข่งขันกันเพื่อที่เดียวที่เหลือเท่านั้นในหกอันดับแรก และแค่คิดถึงความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น มันก็ทำให้เธอตัวสั่นแล้ว

“ดูนั่นสิ !! พวกไมโทโลจี้มาถึงแล้ว !!” มู่หลิงชากล่าวขณะที่เธอมองไปยังกลุ่มผู้เล่นที่สวมใส่เสื้อคลุมสีดำ และผู้เล่นบางส่วนที่ไม่ได้ปกปิดใดๆเลยที่เดินมาตามถนนที่ห่างไกล ซึ่งหัวหน้าทีมของผู้เล่นกลุ่มนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโคลท์ชาโด้ว


การมาถึงของไมโทโลจี้ทำให้เกิดเงาแห่งความกลัวไปทั่วลานด้านหน้าของวิหารเทพสงครามทันที


นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่าไมโทโลจี้เป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนในอุตสาหกรรมเกมเสมือนจริงแล้ว มันก็ยังมีพวกเขาบางส่วนที่ไม่ได้เลือกจะปกปิดข้อมูลและความแข็งแกร่งของตัวเองไว้ ซึ่งนี่มันก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองมากแค่ไหน


โดยพวกที่ไม่ได้ปกปิดข้อมูลและความแข็งแกร่งของตัวเองเอาไว้นั้นที่อ่อนแอที่สุดก็ยังอยู่ในขั้นสาม และมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบหก ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้ยังสวมใส่เซ็ทอุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าครบเซ็ทเลยด้วย


“นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของไมโทโลจี้งั้นหรอ ?”


“เป็นไปตามที่คาดไว้จริงๆจากหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด ….”


เหล่าผู้ชมและผู้เข้าแข่งขันจากมหาอำนาจต่างๆอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อพวกเขามองไปยังทีมของไมโทโลจี้


ในขณะที่ทีมของไมโทโลจี้กำลังเดินเข้ามาเพื่อลงทะเบียนนั้น มันก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นอีกครั้ง เพราะมันมีผู้เล่นอีกกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาเช่นกัน โดยผู้เล่นกลุ่มนี้นั้นมีจำนวนไม่ถึงยี่สิบคน แต่พวกเขาก็ไม่ได้เลือกจะปิดบังตัวตนใดๆของพวกเขาเลย


“นี่พวกเขาบ้ารึปล่าว ?” มู่หลิงชาชะงักไปเมื่อได้เห็นทีมๆนี้


เพราะท้ายที่สุดทีมๆนี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากทีมจากสภาสิบแปดปีกที่โด่งดังในปัจจุบัน !!!


ตอนที่ 2705 เรามีทางของเรา


“พวกเขายังคงทำตัวกล้าหาญเช่นเคย”


โคลท์ชาโด้วซึ่งทำหน้าที่ลงทะเบียนให้กับไมโทโลจี้และผู้ช่วยของพวกเขาในการแข่งขันที่วิหารเทพสงครามครั้งนี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้เห็นซือเฟิงและคนอื่นๆปรากฎตัวขึ้นท่ามกลางฝูงชน


“นี่พวกเขาเบื่อกับการมีชีวิตอยู่แล้วรึไง !!!” ชายในชุดเกราะหนักที่มีความสูงเกือบสามเมตรที่ยืนอยู่ข้างๆโคลท์ชาโด้วกล่าวอย่างเหยียดหยาม “ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ปฎิเสธน้ำใจของคุณและพลาดโอกาสดีๆไป และตอนนี้พวกเขาก็กล้าเข้ามามีส่วนร่วมในงานนี้จริงๆ และพวกเขาทำแม้กระทั่งเปิดเผยข้อมูลของตัวเอง พวกเขาไม่ควรจะผ่านการคัดเลือกเข้ามาช่วยเหลือมหาอำนาจต่างๆด้วยซ้ำในอัตรานี้”


มหาอำนาจต่างๆได้คัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขาเป็นอย่างดีสำหรับการแข่งขันครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ตามกฎแล้ว พวกเขาจะสามารถรับสมัครผู้ช่วยที่เป็นคนนอกมาได้หนึ่งร้อยคนเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นผู้ช่วยแต่ละคนที่พวกเขาคัดเลือกมายังจะต้องเสียค่าลงทะเบียนเป็นคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ถึงสามสิบชิ้นต่อคน ซึ่งนี่มันก็นับว่าเป็นภาระทางการเงินอย่างใหญ่หลวงของสภาสิบแปดปีก


เพื่อให้เรื่องแย่ลงการคัดเลือกความช่วยเหลือเข้ามาจากผู้อื่นนั้นก็เรื่องหนึ่ง แต่ผู้ที่เข้ามาช่วยที่มหาอำนาจต่างๆล้วนคัดเลือกมานั้นจะสามารถผ่านการทดสอบในรอบคัดเลือก และได้รับคะแนนสำหรับที่พวกเขาเข้ามาช่วยหรือไม่มันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งโดยสิ้นเชิง และหากผู้ที่มหาอำนาจต่างๆคัดเลือกมาช่วยตัวเองไม่ผ่านการทดสอบในรอบคัดเลือก พวกเขาก็จะต้องเสียคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ที่พวกเขาจ่ายไปฟรีๆเลย


ด้วยเหตุผลเหล่านี้มหาอำนาจต่างๆจึงไม่ยอมปล่อยให้โอกาสที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้หลุดรอดไปเลยแม้แต่น้อย นับประสาอะไรกับการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายตรงข้าม


เพราะท้ายที่สุดแล้วอาชีพต่างๆของ God domain มันก็มีความแพ้ทางกันอยู่ และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้นก็ยังจะมีปัญหา เมื่อเจอกับอาชีพที่พวกเขาแพ้ทาง ซึ่งในสถานการณ์ที่ฝ่ายหนึ่งแพ้ทางอีกฝ่ายอย่างมาก แถมอีกฝ่ายยังเข้าใจถึงค่าสถานะพื้นฐานและไอเทมของฝ่ายตรงข้ามอย่างถี่ถ้วน อีกฝ่ายก็จะสามารถจัดกำลังคนที่เหมาะสมเพื่อปราบปรามฝ่ายหนึ่งได้อย่างแม่นยำ


แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกกับจงใจปล่อยให้ข้อมูลส่วนตัวของพวกเขารั่วไหลทั้งหมด ซึ่งนี่มันจะทำให้สมาชิกของพวกเขาถูกกดดันอย่างหนัก และถูกกำหนดเป็นเป้าหมายแรกๆแน่นอน


“นี่แบล๊คเฟรมคิดอะไรอยู่ ?”


“ไม่มีใครบอกเขาหรอว่าปฎิบัติการนี้ต้องปกปิดเป็นความลับ ?”


สายตาของกลุ่มผู้เล่นที่สวมเสื้อคลุมสีดำที่ยืนอยู่ขอบของพลาซ่านั้นแทบจะถลนออกจากเบ้า เมื่อพวกเขาเห็นสมาชิกสภาสิบแปดปีกเดินเข้ามา


การแข่งขันเพื่อจองตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดถือเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญมากๆ และมหาอำนาจต่างๆก็ล้วนใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อปกปิดความแข็งแกร่งของตน มหาอำนาจบางกลุ่มกระทั่งซื้อไอเทมปกปิดตัวตนระดับสูงให้สมาชิกสำคัญๆของพวกเขาใช้ปกปิดตัวตนเลยด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าสมาชิกของพวกเขาจะถูกเพ่งเล็งและตอบโต้อย่างสมบูรณ์


อย่างไรก็ตามสภาสิบแปดปีกกับไม่ได้ทำสิ่งนั้น พวกเขาจงใจแสดงข้อมูลของตัวเองให้กับมหาอำนาจต่างๆได้รับรู้เลย


“หงซินหยวน นี่คือไพ่ลับที่คุณเลือกจะจ่ายสามช่องเข้าสู่ Upper Zone เพื่อรับสมัครมางั้นหรอ ? คุณได้เปิดตาแก่ชายแก่ผู้นี้อย่างแท้จริง !!!” ชายสูงอายุที่มีผมสีเทากล่าว ขณะที่เขามองไปยังหงซินหยวนที่นั่งอยู่ข้างๆเขา ความโกรธเกรี้ยวในน้ำเสียงของเขาทำให้มู่ฉินและรองหัวหน้ากิลคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น


“ผู้อาวุโสสูงสุดบลู …. นี่น่าจะเป็น …. อุบัติเหตุ ….” มู่ฉินรับอธิบายให้ชายชราที่สวมชุดสีน้ำเงินที่ชื่อบริลเลี่ยนบลูฟัง


บริลเลี่ยนบลูนั้นจัดเป็นหนึ่งในห้าเสาน้ำแข็งที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของฟรอสต์ฮีฟเว่น และก่อนหน้านี้บริลเลี่ยนบลูก็เกือบจะเลือกที่จะออกจากฟรอสต์ฮีฟเว่นไป อันเนื่องมาจากการที่หงซินหยวนเลือกจะมอบช่องสำหรับเข้าสู่ Upper Zone สามช่องให้กับสภาสิบแปดปีกเป็นค่าตอบแทน หากปฎิบัติการนี้ของพวกเขาสำเร็จ


ในอดีตบริษัทโบลเดอร์นั้นได้ปฎิเสธคำขอของบริลเลี่ยนบลูในเรื่องช่องสำหรับเข้าสู่ Upper Zone ของหลานชายเขา อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดแล้วเขาก็เลือกจะปล่อยวางเรื่องนี้ไป เพราะเขาเข้าใจว่าช่องพวกนี้นั้นมีค่ามาก และมันก็ใช่ว่าบริษัทกรีนก๊อดจะมอบช่องเหล่านี้ให้กับบริษัทโบลเดอร์ทุกปี


อย่างไรก็ตามตอนนี้หงซินหยวนกับตัดสินใจจะมอบช่องเหล่านี้ให้กับคนภายนอกโดยไม่ปรึกษาใคร ดังนั้นมันจึงไม่มีทางเลยที่บลูบริลเลี่ยนจะไม่โกรธเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่สภาสิบแปดปีกซึ่งหงซินหยวนไปขอความช่วยเหลือทำแบบนี้


“อุบัติเหตุ ?” บริลเลี่ยนบลูหัวเราะเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “ใช่แล้ว นี่มันต้องเป็นอุบัติเหตุแน่นอน อุบัติเหตุในระดับที่ชายแก่คนนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน !!!”


ทันใดนั้นหงซินหยวนก็กล่าวขอโทษโดยไม่มีข้อแก้ตัวว่า “มันมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นในครั้งนี้ แต่สมาชิกของสภาสิบแปดปีกทั้งหมดนั้นแข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย”


“พวกเขาค่อนข้างจะดูดีจริงๆ จากทั้งหมดสิบเจ็ดคน แม้แต่ผู้ที่มีเลเวลต่ำที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ด ในขณะที่คนที่มีเลเวลสูงที่สุดมีเลเวลที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ด แถมแต่ละคนยังมีไอเทมระดับอีปิคโดยเฉลี่ยหกชิ้น นี่มันนับเป็นภาพที่หาได้ดูได้ยากแม้แต่กับกองกำลังหลักของมหาอำนาจต่างๆ” บริลเลี่ยนบลูกล่าว จากนั้นเขาก็หันไปมองผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่นๆและพูดต่อว่า “อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาได้เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดของพวกเขาออกมาแล้ว ซึ่งมันจะทำให้เป็นเรื่องง่ายเลยสำหรับมหาอำนาจต่างๆที่จะหาทางตอบโต้พวกเขา !!!”


“ฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นไม่ใช่ว่าจะได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มาง่ายๆ ซึ่งทุกชิ้นกว่าเราจะได้มานั้นมันแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและเลือดของสมาชิกกิลเรา ฉันไม่อยากจะเห็นคริสตัลเหล่านี้สูญเปล่า ฉันขอแนะนำให้ถอดสภาสิบแปดปีกออกตอนนี้ และให้หลานชายของฉันกับลูกน้องของเขาเติมเต็มช่องว่างที่เหลือให้เต็ม !!!”


เมื่อบริลเลี่ยนบลูพูดจบ เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดของกิลที่มาเฝ้าดูการแข่งขันครั้งนี้ก็เงียบลงไปชั่วขณะ


“ฉันคิดว่าสิ่งที่ผู้อาวุโสบลูพูดนั้นมีเหตุผล ตอนนี้ในเมื่อสภาสิบแปดปีกทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงมากๆ เราก็จำเป็นที่จะต้องถอดพวกเขาออก” รองหัวหน้ากิลคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหลังของบริลเลี่ยนบลูกล่าวขึ้นพลางพยักหน้า


“คำพูดของบลูนั้นไม่ใช่จะไร้เหตุผล ฉันก็คิดเช่นกันว่าเราจำเป็นจะต้องถอดพวกเขาออก” ผู้อาวุโสสูงสุดคนหนึ่งที่มีผมขาวกล่าว “ข้อพิพาทในเรื่องการจองตำแหน่งสำรองสำหรับสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้นจะส่งผลต่ออนาคตของ God domain อย่างมาก และมันอาจจะกำหนดความเป็นและความตายของฟรอสต์ฮีฟเว่นเลยด้วยซ้ำ เราไม่สามารถที่จะเสี่ยงหรือปล่อยปะละเลยในเรื่องนี้ได้”


“ใช่แล้ว เราไม่สามารถที่จะยอมรับความเสี่ยงนี้ได้”


หลังผู้อาวุโสผมขาวพูดขึ้น บรรดาผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่นๆในกิลก็ต่างแสดงท่าทีเห็นด้วยกับคำแนะนำของบริลเลี่ยนบลู สำหรับการค้นหาผู้ที่จะเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาใหม่ หลังจากถอดสภาสิบแปดปีกออกไปมันก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล มหาอำนาจต่างๆได้เตรียมการทดแทนไว้มากมายสำหรับการแข่งขันในวันนี้ และโดยธรรมชาติ แม้แต่

ฟรอสต์ฮีฟเว่นก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น


นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าหลานชายของบริลเลี่ยนบลูนั้นก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะเขาก็เป็นหนึ่งในระดับพวกระดับสูงของดอกไม้แห่งเจ็ดบาป และในความเป็นจริงถ้าไม่ใช่เพราะเขาไปเข้าร่วมกับดอกไม้แห่งเจ็ดบาป เขาก็จะได้รับตำแหน่งหนึ่งในรองหัวหน้ากิลของฟรอสต์ฮีฟเว่นไปแล้ว


ในขณะเดียวกันดอกไม้แห่งเจ็ดบาปนั้นก็เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่เชี่ยวชาญในการลอบสังหาร ซึ่งสมาชิกของพวกเขาทุกคนล้วนเป็นนักฆ่าโดยธรรมชาติ และมันก็ไม่มีมหาอำนาจใดที่เชี่ยวชาญในการจัดการกับผู้เล่นไปมากกว่าดอกไม้แห่งเจ็ดบาปแล้ว และแม้แต่ซุเปอร์กิลก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น


หลานชายของบริลเลี่ยนบลูนั้นก็นับเป็นหนึ่งในไพ่หลักของฟรอสต์ฮีฟเว่นในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย ซึ่งการนำผู้เชี่ยวชาญแบบนี้เข้าไปแทนที่สมาชิกของสภาสิบแปดปีก มันก็จะไม่เป็นปัญหาใดๆเลย


แน่นอนว่าความเห็นแก่ตัวของบริลเลี่ยนบลูก็มีส่วนในการตัดสินใจของเขาเช่นกัน ช่องเข้าสู่ Upper Zone ทั้งสามช่องที่หงซินหยวนเสนอให้สภาสิบแปดปีกเป็นค่าตอบแทนนั้น มันจัดเป็นสมบัติส่วนตัวของเขา ซึ่งมันไม่ใช่ของกิลหรือบริษัทโบลเดอร์เลย ดังนั้นบริลเลี่ยนบลูจึงไม่สามารถจะบังคับให้หงซินหยวนมอบช่องเหล่านี้ให้กับเขาได้ อย่างไรก็ตามหากสภาสิบแปดปีกถูกถอดออก และหลานชายของเขาสามารถช่วยให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นได้รับที่ในฐานะสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ….


หงซินหยวนก็น่าจะต้องยอมมอบช่องเข้าสู่ Upper Zone สามช่องนี้ให้กับหลานชายของเขาเพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวเอง


ขณะที่เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดหลายคนกำลังจะบรรลุฉันทามติ มันก็มีคนเข้ามาขัดจังหวะพวกเขา “เรียนท่านผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลาย พวกท่านไม่คิดว่าพวกท่านทำเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?” มู่ฉินกล่าว


“มู่ฉิน คุณคิดว่าพวกเราทำเกินไปงั้นหรอ ? นี่คุณคิดว่าคำพูดของฉันไม่มีเหตุผลงั้นหรอ ?” บริลเลี่ยนบลูถามด้วยความไม่พอใจ


“สิ่งที่ผู้อาวุโสบลูพูดมานั้นสมเหตุสมผล” มู่ฉินพยักหน้า “อย่างไรก็ตามลุงหงได้เป็นผู้บริจาคเกือบครึ่งของคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ที่เราใช้ในครั้งนี้ และถ้าไม่ใช่เพราะผลงานของเขา ฟรอสต์ฮีฟเว่นก็คงจะยากที่จะสามารถรวบรวมคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่จำนวนมากได้ และตอนนี้ลุงหงก็ขอเพียงสิบเจ็ดช่องไว้สำหรับตัวเอง แต่คุณกำลังตัดสินใจที่จะถอดสภาสิบแปดปีกโดยพลการ นี่มันจะไม่เกินไปหน่อยงั้นหรอ ? อย่างน้อยเราก็ควรให้ลุงหงตัดสินใจด้วยตัวเอง”


เมื่อได้ยินคำพูดของมู่ฉินเหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดก็เงียบลง


สิ่งที่มู่ฉินพูดเป็นความจริง หากไม่มีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่จากหงซินหยวนมาสนับสนุน พวกเขาก็จะไม่สามารถลงทะเบียนผู้ช่วยจากภายนอกสำหรับกิลได้มากมายขนาดนี้ และแม้ว่าตอนนี้หงซินหยวนจะไม่ใช่หนึ่งในห้าเสาน้ำแข็ง แต่ในเรื่องนี้พวกเขาก็ไม่มีสิทจะขัดขวางการตัดสินใจของหงซินหยวนเลย


“ที่คุณพูดมามันก็ถูก แต่เราก็ต้องทำเรื่องนี้โดยพิจารณาถึงอนาคตของกิลด้วย” บริลเลี่ยนบลูพยายามกล่าวให้ดูชอบธรรม “แล้วก็ผู้อาวุโสหง ไม่ใช่ว่าคุณบริจาคคริสตัลเหล่านี้เพื่อประโยชน์สูงสุดของกิลงั้นหรอ ?”


ในระหว่างที่บริลเลี่ยนบลูกำลังจะพูดอะไรมากกว่านี้ ชายวัยกลางคนที่สง่างามคนหนึ่งในหมู่พวกเขาก็พูดขึ้น


“หยุดเถียงกันได้แล้ว !!! นี่พวกคุณจะทำให้ตัวเองดูโง่เง่าต่อหน้ามหาอำนาจอื่นๆไปถึงไหนกัน ?!!”


ทันทีที่ชายวัยกลางคนผู้นี้พูดขึ้น ทุกคนก็เงียบลง และดวงตาของพวกเขาทั้งหมดก็เต็มไปด้วยความเคารพมากๆ ขณะที่มองไปยังชายคนนี้


อย่างไรก็ตามบริลเลี่ยนบลูยังคงปฎิเสธที่จะยอมแพ้ “หัวหน้ากิล เราไม่สามารถจะประมาทในเรื่องนี้ได้นะ …”


คนอื่นๆอาจจะกลัวเซเว่นวอร์นเดอร์ หัวหน้ากิลแห่งฟรอสต์ฮีฟเว่น แต่มันไม่ใช่สำหรับบริลเลี่ยนบลู เพราะไม่เพียงแต่บริลเลี่ยนบลูจะเป็นหนึ่งในห้าเสาน้ำแข็งของกิล แต่เขายังมีอายุมากกว่าเซเว่นวอร์นเดอร์อยู่รุ่นหนึ่งเลย ดังนั้นเซเว่นวอร์นเดอร์จึงจำเป็นจะต้องปฎิบัติกับเขาอย่างจริงจังเช่นกัน


“พอ !!!’ เซเว่นวอร์นเดอร์กล่าวพลางขมวดคิ้ว “เรื่องนี้จะต้องจบลงที่นี่ !!! เราจะไม่ถอดสภาสิบแปดปีออก !!! อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้อาวุโสสูงสุดบลูพูดมันก็มีเหตุผลเช่นกัน แจ้งไปยังสภาสิบแปดปีกว่าเราจะไม่ช่วยเหลือพวกเขาใดๆทั้งสิ้นในการทดสอบรอบคัดเลือก นี่คือปัญหาของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจะต้องไปแก้ด้วยตัวเอง

ฟรอสต์ฮีฟเว่นไม่ได้มีพลังมากพอจะมาช่วยแก้ปัญหาของพวกเขาด้วย !!!”


“หัวหน้ากิล !!!” มู่ฉินสะดุ้ง เธอไม่เคยคิดเลยว่าเซเว่นวอร์นเดอร์จะตัดสินใจแบบนี้ นี่มันเท่ากับการละทิ้งสภาสิบแปดปีกชัดๆ


หงซินหยวนขมวดคิ้วเช่นกัน เมื่อได้ยินการตัดสินใจนี้ หากปราศจากความช่วยเหลือจากฟรอสต์ฮีฟเว่น สภาสิบแปดปีกจะต้องเจอศึกหนักแน่นอนในการจะผ่านการทดสอบรอบคัดเลือดไปให้ได้ และต่อให้ผ่านไปได้จำนวนสมาชิกที่เหลือของพวกเขาก็น่าจะมีไม่มากนัก


“พอ !!! เอาตามนี้ !!!” เซเว่นวอร์นเดอร์กล่าวอย่างเฉียบขาด


“เข้าใจแล้ว” มู่ฉินกล่าวพลางถอนหายใจ


มู่ฉินนั้นไม่ได้มีอำนาจจะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเซเว่นวอร์นเดอร์ ซึ่งเธอก็ได้ทำตามหน้าที่ของเธอโดยการถ่ายทอดข่าวนี้ไปยังซือเฟิงทันที ตอนนี้สภาสิบแปดปีกจะไปได้ไกลแค่ไหนมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเองแล้ว


“หัวหน้ากิลนี่มันเท่ากับว่าฟรอสต์ฮีฟเว่นบอกให้เราปกป้องตัวเองนี่นา พวกเขาละทิ้งเราแล้วงั้นหรอ ? ….” หยานเทียนซิงกล่าวด้วยความตกใจ เมื่อเห็นข้อความที่ซือเฟิงแชร์ให้ทั้งทีมได้เห็น


หยานเทียนซิงแนะนำให้ซือเฟิงปกปิดข้อมูลของพวกเขาแต่แรก อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ปฎิเสธที่จะทำตามคำแนะนำของเขา


ตอนนี้ดูสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกัน ?


“ทุกคนคิดว่าไง ?” ซือเฟิงถามไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆพลางหัวเราะเบาๆ


“ปล่อยพวกเขาไป เราเองก็มีทางของเรา ทำไมเราจะต้องไปเล่นตามกฎของพวกเขาล่ะ ?” ไฟเออร์แดนซ์กล่าวอย่างเมินเฉย


“พี่สาวไฟเออร์แดนซ์พูดถูก ตอนนี้ฉันเองก็รู้สึกคันไม้คันมือเช่นกัน ฉันต้องการจะต่อสู้ในการต่อสู้ที่ดีหน่อย” ไวโอเล็ตคลาวด์กล่าวด้วยความตื่นเต้นที่ปรากฎขึ้นในดวงตาของเธอ


ในทำนองเดียวกันโคล่าและคนอื่นๆก็กระตือรือร้นมากเช่นกัน เมื่อไวโอเล็ตคลาวด์พูดมาแบบนี้


“เนื่องจากมันเป็นแบบนี้ งั้นเราไปลงทะเบียนกันดีกว่า ….”


ตอนที่ 2706 การทดสอบรอบคัดเลือก


ภายในบาร์ชั้นสูงใกล้กับวิหารเทพสงคราม :


หญิงสาวในชุดเสื้อคลุมสีเทาอ่อนปรากฎตัวขึ้นอย่างเงียบๆข้างชายหนุ่มรูปหล่อที่กำลังดื่มไวน์แดงอยู่ในบาร์ และมันก็ราวกับว่าตัวตนของหญิงสองคนนี้นั้นไม่มีอยู่จริง เพราะไม่มีใครสังเกตเห็นการมาถึงของเธอเลย


“ปรมาจารย์หนุ่ม ดูเหมือนว่ามันจะยากแล้วที่จะได้รับตำแหน่งสำรองเหล่านี้ เซเว่น

วอร์นเดอร์ไม่ได้ตัดสินใจที่จะถอดสภาสิบแปดปีกออก เขาเพียงแต่ปล่อยให้สภาสิบแปดปีกดูแลตัวเองเท่านั้น” หญิงสาวกระชิบกับชายหนุ่ม “โดยตอนนี้สมาชิกของสภาสิบแปดปีกก็ได้ลงทะเบียนแล้ว และตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือรออีกสามชั่วโมงเพื่อให้การทดสอบรอบคัดเลือกเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ”


“สภาสิบแปดปีกนั้นโชคดีจริงๆที่ไม่ถูกถอดออก แม้ว่าจะทำผิดพลาดแบบนี้ก็ตาม …” ชายหนุ่มที่หล่อเหลาที่มีชื่อว่า ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่น ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะกล่าวอย่างเย็นชาว่า “อย่างไรก็ตามสภาสิบแปดปีกก็ไม่ควรคิดว่าพวกเขาจะมีคนรอดออกมาจากการทดสอบรอบคัดเลือก แม้แต่คนเดียว !!!”


“ซอลเลอร์ ให้ฉันโจมตีพวกเขาโดยตรงเลยเป็นไง ?” หญิงสาวผมกระเซิงที่นั่งข้างซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นกล่าวแนะนำด้วยดวงตาที่เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น โดยผู้หญิงคนนี้นั้นก็มีสัญลักษณ์ของดอกไม้แห่งเจ็ดบาปติดอยู่ที่แขนของเธอ


ซึ่งทันทีที่ผู้หญิงคนนี้พูดขึ้น ทุกคนในบาร์ก็ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่พวกเขานึกถึงหลายฉากที่เกิดขึ้นในอดีตอย่างหวาดกลัว


“เฮซ ครั้งนี้คุณต้องปฎิบัติตามกฎทุกอย่าง ไม่งั้นฉันจะไม่พาคุณออกมาอีกต่อไป ….” ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นกล่าว ขณะที่แวบหนึ่งดวงตาของเขาปรากฎความกลัวขึ้นมาเล็กๆ เมื่อเขามองไปยังหญิงสาวผมกระเซิงคนนี้


แม้หลังจากกลายเป็นหนึ่งในพวกระดับสูงของดอกไม้แห่งเจ็ดบาปแล้ว ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นก็ยังไม่กล้าที่จะปฎิบัติกับหญิงสาวคนนี้ด้วยท่าทีไม่จริงจัง


เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความตายเป็นวิธีบรรเทาทุกข์ที่ดีที่สุดเมื่อมีคนมาต่อสู้กับหญิงสาวคนนี้ และแม้แต่ผู้นำลึกลับของดอกไม้แห่งเจ็ดบาปก็ยังปวดหัว เมื่อต้องรับมือกับเธอ และหากพวกเขาไม่จัดการเธออย่างเหมาะสม เธอก็สามารถจะก่อให้เกิดหายนะได้อย่างง่ายดาย


“ไม่ต้องกังวล ฉันจะเชื่อฟังคุณแน่นอนในระหว่างปฎิบัติการครั้งนี้ และฉันก็จะไม่ทำอะไรกับคนเหล่านั้นโดยไม่รับอนุญาติจากคุณก่อน ….” หญิงสาวที่มีชื่อว่าอิมพีเรียลเฮซ พยักหน้าพลางหัวเราะคิกคัก


“ก็ดี ….” ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็พูดช้าๆ “คราวนี้เราไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องสภาสิบแปดปีก เพราะเมื่อสภาสิบแปดปีกได้เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดของตัวเองออกมาแบบนี้แล้ว มหาอำนาจต่างๆจะกำหนดเป้าหมายไปที่สภาสิบแปดปีกเป็นอันดับแรกแน่นอน เราจะไม่ต้องทำอะไรกับสภาสิบแปดปีกเลย ในทางตรงกันข้าม ในขณะที่คนอื่นๆมุ่งเน้นไปที่สภาสิบแปดปีก เราก็จะเน้นไปที่การค้นหาป้ายคำสั่งวิหารเทพสงคราม ….”


การทดสอบรอบคัดเลือกสำหรับผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือมหาอำนาจต่างๆนั้นค่อนข้างจะเป็นแบบตรงไปตรงมา


ผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือมหาอำนาจต่างๆทั้งหมดจะถูกเทเลพอร์ตไปยังพื้นที่พิเศษเพื่อค้นหาป้ายคำสั่งวิหารเทพสงครามที่กระจัดกระจายอยู่ที่นั่น โดยพวกเขาจะมีเวลาห้าชั่วโมงในการทำเช่นนั้น และเมื่อหมดเวลาผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือมหาอำนาจต่างๆที่ถือป้ายคำสั่งวิหารเทพสงครามอยู่ก็จะผ่านการคัดเลือก


อย่างไรก็ตามจำนวนป้ายคำสั่งวิหารเทพสงครามนั้นมีจำนวนจำกัดแค่หนึ่งร้อยชิ้นเท่านั้น หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือมันจะมีผู้เพียงหนึ่งร้อยคนเท่านั้นที่สามารถผ่านการคัดเลือกได้ และเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ช่วยเหลือทั้งหมดที่มหาอำนาจต่างๆคัดเข้ามานั้น จำนวนช่องที่มีอยู่สำหรับการผ่านการคัดเลือกมันก็จัดว่ามีอยู่น้อยมากๆ


ตามข้อมูลที่พวกเขาได้รับมามันมีกิลชั้นยอดหกกิล และซุเปอร์กิลสามกิลที่ได้มาที่จักรวรรดิมังกรไฟเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขัน และนั่นหมายความว่ามันก็จะมีผู้เล่นเก้าร้อยคนที่เข้าร่วมในการทดสอบรอบคัดเลือก โดยจะมีเพียงหนึ่งในเก้าเท่านั้นที่จะผ่านไปได้ ในขณะที่ที่เหลือ มันก็จะกลายเป็นการที่มหาอำนาจต่างๆจ่ายคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ไปฟรีๆ


ในขณะเดียวกันสภาสิบแปดปีกส่งสมาชิกมาแค่สิบเจ็ดคนเท่านั้นเพื่อมาเข้าร่วมการทดสอบรอบคัดเลือก ซึ่งการพยายามที่จะค้นหาป้ายคำสั่งวิหารเทพสงคราม ในขณะที่ต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากไปด้วย มันเป็นเพียงความฝันของคนโง่เท่านั้น


ขณะที่ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นกำลังพิจารณาว่าจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ของสภาสิบแปดปีกได้อย่างไร โคลท์ชาโด่วซึ่งกำลังพักผ่อนอยู่ที่หนึ่งในห้อง VIP ของวิหารเทพสงครามก็เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา เมื่อเธอได้รับข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ของสภาสิบแปดปีก


“รองหัวหน้ากิล คุณได้รับข่าวดีมางั้นหรอ ?” การ์เดี้ยนไนท์หญิงที่ชื่อไวท์เฟเธอร์กล่าวถามด้วยความประหลาดใจ


“ใช่ !!” โคลท์ชาโด้วกล่าวตอบ “แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าฟรอสต์ฮีฟเว่นคิดอะไรอยู่ถึงเชิญสภาสิบแปดปีกมา แต่คราวนี้สภาสิบแปดปีกตายแน่ !!! และพวกเขาไม่ควรฝันว่าจะผ่านการทดสอบรอบคัดเลือกได้ด้วยซ้ำ !!!”


“รองหัวหน้ากิล สมาชิกของสภาสิบแปดปีกทั้งสิบเจ็ดคนนั้นมีความแข็งแกร่งค่อนข้างจะมากเป็นพิเศษ และแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถผ่านไปได้ทั้งหมด แต่มันก็น่าจะยังมีโอกาสที่พวกเขาสองถึงสามคนจะประสบความสำเร็จนี่นา” ไวท์เฟเธอร์กล่าวพลางส่ายหัวด้วยความไม่เห็นด้วย


“ก่อนหน้านี้มันอาจจะเป็นไปได้ แต่ฉันคิดว่ามันจะไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว” โคลท์ชาโด้วพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่น “ตามรายงานที่สายลับของเราได้รายงานมา สกายดราก้อนเฮ้าท์ และ จักรวรรดิไพรน์ ได้ร่วมมือกับวังปีศาจและมิราเคิลเพื่อจัดการกับสภาสิบแปดปีกแล้ว”


“เป็นไปได้ยังไง ?!” ข้อมูลนี้ทำให้ไวท์เฟเธอร์ตกตะลึง


การแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งสำรองทั้งหกนั้นรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ และมหาอำนาจที่เข้าร่วมส่วนใหญ่ก็ล้วนปฎิบัติต่อผู้อื่นในฐานะศัตรูตัวฉกาจ และแค่มีมหาอำนาจสักสองกลุ่มทำงานร่วมกันมันก็ไม่น่าเชื่ออยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันกับมีมหาอำนาจสี่กลุ่มที่ทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดเป้าหมายไปยังสภาสิบแปดปีก


นี่สภาสิบแปดปีกไปทำอะไรให้กิลเหล่านั้นโกรธกัน ?


“มันไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้นี่นา …” โคลท์ชาโด้วกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะกล่าวต่อว่า “คุณลืมไปแล้วรึไงว่าก่อนหน้านี้สภาสิบแปดปีกไปยั่วยุให้ใครโกรธมา ?”


“ฝีมือ มือแห่งนักบุญงั้นหรอ ?” ไวท์เฟเธอร์นึกถึงมือแห่งนักบุญที่ลึกลับขึ้นมาทันที


“ถูกต้อง มือแห่งนักบุญได้ให้สัญญาบางอย่างกับทั้งสี่กิล และทั้งสี่กิลก็ตกลงโดยไม่ลังเลย” โคลท์ชาโด้วพยักหน้า ก่อนที่เธอจะยิ้มและกล่าวต่อว่า “ฉันคิดว่าตอนนี้แม้แต่ตัวสภาสิบแปดปีกเองก็คงไม่คิดว่าการทดสอบรอบคัดเลือกนี้จะกลายเป็นลานประหารสำหรับพวกเขา”


“คราวนี้สภาสิบแปดปีกได้จบสิ้นอย่างแท้จริงแน่นอน” ไวท์เฟเธอร์อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เมื่อได้รับรู้ถึงสถานการณ์นี้


เกือบครึ่งหนึ่งของผู้เล่นเก้าร้อยคนที่เข้าสู่สนามรบในการทดสอบรอบคัดเลือกล้วนพุ่งเป้าไปที่สภาสิบแปดปีก ซึ่งนี่มันทำให้สมาชิกของสภาสิบแปดปีกไม่ควรคิดว่าตัวเองจะได้ออกมาจากสนามรบทั้งๆที่ยังมีชีวิตด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดการทดสอบรอบคัดเลือกนี้มันเป็นพื้นที่สนามรบพิเศษที่ห้ามไม่ให้ผู้เล่นใช้สกิลเบอเซิกร์ และเครื่องมือ แถมมันยังเพิ่มอัตราการผลาญค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้เล่นแต่ละคนขึ้นราวสิบเท่า


กฎดังกล่าวจะจำกัดอำนาจการต่อสู้ของผู้เข้าร่วมอย่างมาก และแม้แต่ผู้เล่นที่แข็งแกร่งก็ยังจะต้องมีปัญหาเมื่อต้องต่อสู้เป็นเวลานาน และเผชิญกับกลยุทธ์เน้นจำนวนเข้ากดดัน


ในขณะเดียวกันผู้เล่นที่ตายลงในสนามรบพิเศษแห่งนี้ไม่เพียงแต่จะสูญเสียเลเวลห้าเลเวล แต่ยังจะถูกห้ามไม่ให้เข้าสู่เกมเป็นเวลาห้าวัน นี่คือราคาความเสี่ยงที่ต้องจ่ายสำหรับการเข้าร่วมการแข่งขันนี้


ขณะเดียวกันสภาสิบแปดปีกก็ได้ระดมผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งหมดของพวกเขามาเข้าร่วมงานนี้แล้ว ซึ่งหากทั้งหมดตายลง กิลก็จะได้รับความสูญเสียอย่างหนักแบบไม่ต้องสงสัย


หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงเวลาที่ผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือมหาอำนาจต่างๆเก้าร้อยคนได้เข้ามาในห้องโถงคัดเลือกของวิหารเทพสงคราม


โดยนอกเหนือจากสมาชิกสภาสิบแปดปีกสิบเจ็ดคนแล้ว ผู้เล่นที่เหลือทั้งหมดต่างยังคงปิดบังตัวตนของตัวเองไว้ภายใต้เสื้อคลุมสีดำ


“พวกเขาคือเป้าหมายใช่ไหม ?”


“ช่างน่าสมเพชจริงๆ พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าทีมทั้งสี่ของเราได้ร่วมมือกันแล้ว และเมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้นเราก็จะโจมตีพวกเขาด้วยกัน”


“ฉันสงสัยจังว่าตอนนี้พวกเขาจะเริ่มเสียใจในความโง่ของตัวเองรึยัง ?”


“ช่างโชคร้ายจริงๆ !!! ฉันต้องการจะท้าทายแบล๊คเฟรมเพื่อตรวจสอบผลการฝึกของฉัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะไม่มีโอกาสนั้นแล้ว !!!”


เหล่าผู้ช่วยเหลือของสกายดราก้อนเฮ้าท์ จักรวรรดิไพรน์ มิราเคิล และวังปีศาจ ได้พูดคุยกันผ่านแชททีม ซึ่งทุกคำพูดมันก็เต็มไปด้วยความเย้ยหยันและเห็นใจกลุ่มของซือเฟิง


“ซอลเลอร์ ทุกคนในทีมช่วยเหลือของทั้งสี่กิลนั้นล้วนจ้องมองไปยังสมาชิกสภาสิบแปดปีกแบบแปลกๆจริงๆ” อิมพีเรียลเฮซกล่าว ขณะที่เธอสังเกตสภาพแวดล้อมทั้งหมด


“มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย ใครใช้ให้สภาสิบแปดปีกกล้าหาญขนาดนั้นล่ะ …” ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นตอบอย่างไม่ไยดี “ถ้าฉันไม่ได้กลัวว่าหงซินหยวนจะกำหนดเป้าหมายมาที่ฉัน ฉันจะจัดการกับสมาชิกของสภาสิบแปดปีกทั้งหมดด้วยตัวเองด้วยซ้ำ แม้ว่ามหาอำนาจอื่นๆจะไม่ได้กำหนดเป้าหมายมาที่พวกเขาก็ตาม”


“เป็นอย่างนี้นี่เอง” อิมพีเรียลเฮซเริ่มจะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดทันที เมื่อได้ยินคำพูดของซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่น


“อย่างไรก็ตามแรกเริ่มเราจะทำเป็นว่าเราจะเคลื่อนที่ไปพร้อมกับสภาสิบแปดปีกก่อน และเมื่อเจอกับทีมอื่นๆเข้าในระหว่างการปฎิบัติการ เราก็จะแยกตัวออกมา และปล่อยให้สมาชิกสภาสิบแปดปีกรับมือกับพวกศัตรูไป และจำไว้ให้ดีว่าคุณยังไม่ควรจะดำเนินการใดๆ” ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง


“ฉันเข้าใจแล้ว” อิมพีเรียลเฮซพยักหน้า

ไม่นานหลังจากที่ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นพูดจบ ทั้งเก้าร้อยคนก็ถูกเทเลพอร์ตไปยังสถานที่ที่เป็นหุบเขาที่โอบล้อมไปด้วยป่ามากมาย


และหลังจากตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบของพวกเขาทั้งหมดแล้ว ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นก็พบว่าทีมต่างๆล้วนอยู่ใกล้กัน และหากพวกเขารีบละทิ้งสภาสิบแปดปีกเร็วเกินไป พวกเขาอาจจะถูกทีมอื่นโจมตีได้ในระหว่างการแยกตัวออกจากสภาสิบแปดปีก


“เราจะเคลื่อนที่ไปด้วยกันพร้อมกับสภาสิบแปดปีกก่อน ….” ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่น

กล่าวผ่านแชททีม


อย่างไรก็ตามแม้ว่าซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นจะออกคำสั่งมาแล้ว แต่มันก็ไม่มีสมาชิกคนใดของดอกไม้แห่งเจ็ดบาปขยับตัว โดยพวกเขาทั้งหมดนั้นล้วนยืนนิ่งอย่างตกตะลึงเท่านั้น


นี่เป็นเพราะเกือบครึ่งหนึ่งของทีมที่เข้าร่วมครั้งนี้ล้วนเริ่มวิ่งมายังตำแหน่งของพวกเขาแล้ว ในขณะที่ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นออกคำสั่ง


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?” ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นตกตะลึง ในขณะที่เขามองไปยังผู้เล่นหลายร้อยคนที่พุ่งเข้าใส่ทีมของเขาจากทุกทิศทาง


ตอนที่ 2707 ผู้แข็งแกร่งทั้งหกแห่งจักรวรรดิมังกรไฟ


เมื่อเห็นผู้เล่นสี่ร้อยคนพร้อมเพรียงกันพุ่งมาทางพวกเขา นับประสาอะไรกับซอลเลอร์ฮีฟเว่น แม้แต่ทีมช่วยเหลือของมหาอำนาจอื่นๆที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ก็ยังตกตะลึง


“นี่คนพวกนี้บ้ารึปล่าว ?”


“สภาสิบแปดปีกแค่เปิดเผยจุดอ่อนบางอย่างที่สามารถจะใช้เป็นประโยชน์ได้เท่านั้น นี่มันทำให้คนเหล่านี้ต้องทำถึงขนาดนี้กันเลยงั้นหรอ ?”


“นี่สภาสิบแปดปีกเป็นกิลแบบไหนกัน ? กิลไปทำลายหลุมฝังศพบรรพบุรุษของคนเหล่านี้งั้นหรอ ?”


ในการทดสอบรอบคัดเลือกนี้ มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยหากจะกล่าวว่านอกเหนือจากสมาชิกในทีมของตัวเองแล้วคนอื่นๆล้วนเป็นศัตรูทั้งหมด และมันก็แทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลยสำหรับความร่วมมือ


แต่ตอนนี้มันกับมีสี่ทีมที่ทำงานร่วมกันเพื่อจะทำลายล้างสมาชิกสภาสิบแปดปีก ยิ่งไปกว่านั้นทีมเหล่านี้ยังมีการประสานงานกันอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งมันจะไม่มีใครเชื่อแน่นอนหากไปบอกว่าสี่ทีมนี้ไม่ได้มีความเกลียดชังฝังลึกกับสภาสิบแปดปีก


“บอสซอลเลอร์ คนเหล่านี้น่าจะเล็งมาที่สภาสิบแปดปีก” แรนเจอร์เลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ด ขั้นสาม จากดอกไม้แห่งเจ็ดบาปรายงานไปยังซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่น เมื่อเขาสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวและเป้าหมายของทั้งสี่ทีม และนี่มันก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะต้องกลืนน้ำลายอย่างประหม่า


“นี่สภาสิบแปดปีกไปทำอะไรกันแน่ ? พวกเขาถึงไปกระตุ้นให้มหาอำนาจทั้งสี่ดำเนินการอย่างรุนแรงแบบนี้ ?”


ในขณะนี้ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังกลุ่มของซือเฟิงด้วยความตกตะลึง


จากการเคลื่อนไหวที่สอดประสานกันเป็นอย่างดีของทั้งสี่ทีม มันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้พูดคุยกันสำหรับเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่งั้นพวกเขาจะไม่พุ่งเป้ามาที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกทันทีที่การทดสอบรอบคัดเลือกเริ่มขึ้นแน่นอน


สภาสิบแปดปีกเป็นเพียงกิลกึ่งมหาอำนาจหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ากิลไปกระตุ้นให้มหาอำนาจสี่กลุ่มร่วมมือกันเพื่อมาจัดการกับกิล นี่มันจัดเป็นสถานการณ์ที่น่าตกตะลึงมากๆ ซึ่งหากข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้แพร่ออกไป สภาสิบแปดปีกก็จะได้โด่งดังไปทั่ว God domain แน่นอน


“บอสเราจะเอายังไงกันดี ?” แรนเจอร์ขั้นสามถาม


“รอดูก่อนค่อยตัดสินใจ ….” ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นออกคำสั่งอย่างใจเย็นและรวดเร็ว


จากเจตนาฆ่าฟันของทั้งสี่ทีม เขาสามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าพวกเขาไม่ได้กำหนดเป้าหมายมาที่ดอกไม้แห่งเจ็ดบาป แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องระวัง


เพราะท้ายที่สุดทีมช่วยเหลือทั้งสี่ทีมนี้จากมหาอำนาจสี่กลุ่มล้วนมีผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงอยู่ในนั้น และแม้แต่สมาชิกที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังอยู่ในขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำ ขณะที่หลายคนนั้นก็เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ ซึ่งเมื่อทั้งสี่ทีมร่วมมือกันแบบนี้นั้น แม้แต่หัวหน้ากิลชั้นสูงก็ยังจะต้องระมัดระวังพวกเขาอย่างมาก


และเมื่อคิดรวมความแข็งแกร่งของทั้งสี่ทีมเข้าด้วยกันแล้ว แม้แต่ซอลเลอร์ฟูลฮีฟ

เว่นก็ยังอดไม่ได้ที่จะขนลุก


ไม่ถึงสิบวินาทีต่อมา มันก็มีร่างหลายสิบร่างพุ่งผ่านสมาชิกของดอกไม้แห่งเจ็ดบาปไปอย่างรวดเร็ว


ซึ่งในขณะที่คนเหล่านี้ผ่านไป ทุกคนยกเว้นอิมพีเรียลเฮซก็รู้สึกโล่งใจมากๆ


“แรงกดดันที่พวกเขาทั้งหมดแผ่ออกมานั้นมันน่ากลัวมากจริงๆ ฉันคิดว่าคนเหล่านี้มากกว่าแปดสิบเปอเซ็นต์น่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ทั้งหมด” แอสซาซินขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ดอุทาน ขณะที่เขาเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก


สมาชิกดอกไม้แห่งเจ็ดบาปคนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วยกับการประเมินของแอสซา

ซินขั้นสาม

แม้ว่ามันจะเป็นความจริงที่ว่าแม้แต่สมาชิกที่อ่อนแอที่สุดของพวกเขาก็ยังอยู่ในขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำ แต่พวกเขาก็มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์อยู่เพียงแค่ห้าคนเท่านั้นในทีมของพวกเขา และแม้ว่าซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน แต่ในสนามรบพิเศษแห่งนี้เขาจะมีปัญหาอย่างมากในการต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์สามคนพร้อมกัน และอาจถูกฆ่าได้เลยด้วยซ้ำ


กล่างอีกนัยหนึ่งคือ นอกเหนือจากอิมพีเรียลเฮซที่น่ากลัวแล้ว คนอื่นๆจะมีปัญหามากแน่นอน หากต้องรับมือกับผู้เชี่ยวชาญหลายสิบคนที่พุ่งผ่านไปเมื่อครู่


ในขณะเดียวกันนี่มันเป็นเพียงส่วนเล็กๆของทีมช่วยเหลือของมหาอำนาจสี่กลุ่มเท่านั้นที่พุ่งมาก่อน


“คุณคิดว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนเหล่านี้อยู่แค่ขอบเขตอนันต์เท่านั้นหรอ ?” หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้วซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาพลางมองไปยังลูกน้องของเขา


“บอสซอลเลอร์ คุณกำลังจะบอกว่ามีผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดซ่อนตัวอยู่ในหมู่คนเหล่านั้นด้วยงั้นหรอ ?” ทุกคนอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำพูดของซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่น


ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาด !!!


พวกเขาเป็นตัวตนที่แม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังต้องระมัดระวังพวกเขา และส่วนใหญ่ของพวกเขาก็เป็นแกนหลักในหมู่มหาอำนาจต่างๆด้วย


“ก็ตามนั้น แล้วบางคนเหมือนจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงด้วย คนหนึ่งที่ฉันเห็นชัดๆก็คือทรีออทั่ม หนึ่งในผู้อาวุโสที่ทำการก่อตั้งพันธมิตรนักผจญภัยมังกรไฟขึ้นมา” ซอลเวอร์ฟูลฮีฟเว่นกล่าวสูดหายใจเข้าลึกๆ


“ทรีออทั่ม คนที่ได้รับฉายาว่าสกายเชคเกอร์น่ะนะ ?”


สมาชิกของดอกไม้แห่งเจ็ดบาปอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เมื่อได้ยินชื่อนี้


ตามข่าวลือ ทรีออทั่มนั้นเป็นตัวตนที่น่ากลัวมากๆ และด้วยเทคนิคค้อนผีที่น่าทึ่งของเขา ไม่เพียงแต่เขาจะเอาชนะผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดของตระกูลมังกรฟ้าจำนวนหนึ่งได้ แต่เขายังต่อสู้กับหนึ่งในหัวมังกรซึ่งเป็นเสาหลักของตระกูลมังกรฟ้าได้จนผลักดันไปสู่สภาวะหยุดนิ่งด้วย


หลังจากความสำเร็จนั้นทรีออทั่มก็ได้รับฉายาสกายเชคเกอร์ในจักรวรรดิมังกรไฟ ในทางกลับกันเรื่องนี้มันก็ช่วยให้พันธมิตรนักผจญภัยมังกรไฟที่เป็นองค์กรสำหรับผู้เล่นอิสระสามารถหยั่งเท้าลงอย่างมั่นคงในจักรวรรดิมังกรไฟได้ทันที


“ทรีออทั่มน่าจะเป็นไพ่ลับของหนึ่งในมหาอำนาจทั้งสี่ ส่วนทีมอื่นๆนั้นก็น่าจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับนี้เป็นของตัวเองด้วยเช่นกัน …” ขณะที่ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นเฝ้าดูคนเหล่านี้ขยับเข้าใกล้กลุ่มของซือเฟิง ความรู้สึกตกตะลึงก็เข้าเกาะกุมจิตใจของเขาเต็มไปหมด “มหาอำนาจทั้งสี่กลุ่มนี้ช่างประเมินสภาสิบแปดปีกไว้สูงมากๆ !!!”


แม้ว่าทีมของดอกไม้แห่งเจ็ดบาปจะมีอิมพีเรียลเฮซเป็นไพ่ลับ แต่หากต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดแบบนี้สี่คนพร้อมกัน มันก็จะมีเพียงแต่ความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ และนอกเหนือจากอิมพีเรียลเฮซแล้ว คนอื่นๆก็จะไม่มีโอกาสรอดเลยแน่นอน


นี่สภาสิบแปดปีกมีความสามารถมากขนาดไหนกันถึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้สี่คนต้องเคลื่อนไหวพร้อมกัน ?


ในขณะที่ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นกำลังเต็มไปด้วยความตกตะลึงนั้น ในที่สุดทีมผู้ช่วยเหลือสี่ทีมที่มีจำนวนสี่ร้อยคนก็มาถึงตรงหน้ากลุ่มของซือเฟิง และพวกเขาก็แผ่เจตนาฆ่าฟันที่เข้มข้นมากๆออกมา


ซึ่งเจตนาฆ่าฟันทั้งหมดที่พวกเขาแผ่ออกมานั้น มันมากพอจะทำให้ผู้เล่นทั่วไปเข่าอ่อนได้เลย


ขณะเดียวกันเมื่อเหล่าสมาชิกของดอกไม้แห่งเจ็ดบาปสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันทั้งหมดนี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นและรู้สึกอยากจะหนีเช่นกัน


“ชายหนุ่ม อย่าตำหนิเราเลยนะที่เรากดดันคุณด้วยจำนวนที่มากกว่า หากคุณต้องการจะตำหนิใครสักคนคุณก็ควรจะตำหนิตัวเองที่ทำตัวหยิ่งผยองเกินไป และไปยั่วยุคนที่ไม่ควรยั่วยุให้เขาโกรธ !!!!” ทรีออทั่มกล่าวพลางถอนหายใจ ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิง


“จะมัวเสียเวลาพูดคุยกับพวกเขาทำไม ? ยิ่งเรากำจัดพวกเขาได้เร็วเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งไปทำธุระของเราเองได้เร็วยิ่งขึ้นนะ …!!” การ์เดี้ยนไนท์ชายตาเดียวที่ยืนข้างๆทรีออทั่มกล่าว


“เรดเรน ฉันว่าคุณไม่ควรพูดแบบนั้นนะ อย่างน้อยเราก็ควรจะให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาต้องตายเพราะอะไร พวกเขาจะได้รู้จักวางตัวให้เป็นบ้างในอนาคตข้างหน้า …” หญิงสาวสวยที่มีหูเอลฟ์และมีรูปร่างที่สง่างามกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“แบล๊คเฟรม เดิมทีฉันก็อยากจะต่อสู้กับคุณแบบยุติธรรม แต่งานต้องมาก่อนสำหรับฉัน อย่าตำหนิฉันล่ะที่ให้ความสำคัญกับชัยชนะเหนือความยุติธรรม !!!” เด็กหนุ่มผมขาวที่ถือดาบใหญ่ประกาศขณะเดินออกมาจากฝูงชน


เมื่อเห็ทั้งสี่คนนี้ปรากฎตัว ฝูงชนที่เฝ้าชมอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง


“สกายเชคเกอร์ เรดเรน แม่มดเอลฟ์ และแมดซอร์ด ทำไมคนเหล่านี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ?”


ในตอนนี้นับประสาอะไรกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนอย่างซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นก็ยังอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เมื่อได้เห็นทั้งสี่คนนี้


สี่จากหกผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งทั้งหกแห่งจักรวรรดิมังกรไฟได้มาปรากฎตัวขึ้นที่นี่จริงๆ


หากสี่คนนี้ทำงานร่วมกัน พวกเขาจะสามารถเคลื่อนไหวไปได้อย่างไร้ขีดจำกัดเลยในจักรวรรดิมังกรไฟ และแม้แต่ซุเปอร์กิลของจักรวรรดิก็ยังไม่กล้าจะยั่วยุพวกเขาแบบมั่วๆแน่นอน


“หัวหน้ากิล ทั้งสี่คนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ธรรมดาเลย มันจะเสี่ยงสำหรับเรามาก หากเราปะทะกับพวกเขา ….” หยายเทียนซิงกล่าวเตือนซือเฟิงขณะที่เขามองไปยังทั้งสี่คน


ชื่อเสียงของผู้แข็งแกร่งทั้งหกของจักรวรรดิมังกรไฟนั้นมันดังไกลไปถึงอาณาจักร

สตาร์มูนเลยด้วยซ้ำ


ซึ่งนั่นมันก็เป็นเพราะทุกคนในหมู่ทั้งหกนี้ล้วนมีบันทึกการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์ โดยพวกเขาแตกต่างจากผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงคนอื่นของหลายๆกิล


“ดูเหมือนว่าตอนนี้แม้แต่สวรรค์ก็ยังต้องการจะให้สภาสิบแปดปีกตาย !!!”


ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา แม้ว่าเขาจะรู้สึกพึงพอใจกับเรื่องนี้เช่นกัน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสารแบล๊คเฟรมและสภาสิบแปดปีกเลยที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้


“แบล๊คเฟรม เมื่อคุณตระหนักถึงทุกเรื่องแล้ว หากคุณต้องการจะเกลียดใครก็จงเกลียดตัวเองซะเถอะที่ทำตัวหยิ่งผยองเกินไป !!!”


ทันทีที่แม่มดเอลฟ์กล่าวจบ เธอก็นำคันธนูที่สะพายอยู่ออกมาจากหลัง พลางดึงลูกธนูออกมาและยิงไปทางซือเฟิงทันที


สกิลขั้นสาม Sky Piercer!


วินาทีต่อมาลำแสงสีน้ำเงินก็พุ่งผ่านอากาศและข้ามระยะหกสิบหลาได้ในพริบตา โดยความเร็วของลูกธนูนั้นมันเร็วมากซะจน ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นและผู้ชมคนอื่นๆนั้นไม่สามารถจะตอบสนองต่อมันได้ทันที ยิ่งไปกว่านั้นลูกธนูนี้ยังทรงพลังมากซะจนทำให้เกิดรอยแยกเชิงพื้นที่บางส่วนในบริเวณที่มันพุ่งผ่านด้วย


“ฉันไม่ได้เจอคุณมาพักหนึ่งแล้ว ดูเหมือนว่าความเร็วลูกธนูของคุณจะเร็วขึ้นมากเลยนะ …. ฉันแทบจะไม่สามารถรับรู้และตอบสนองได้ทันเลยในระยะใกล้แบบนี้” เรดเรนพูดขณะที่เขามองไปยังแม่มดเอลฟ์


“แน่นอน แล้วก็การทำให้เขาตายอย่างรวดเร็วมันจะไม่ดีกว่างั้นหรอ ?” แม่มดเอลฟ์ยิ้มจางๆขณะที่เธอลดคันธนูของเธอลง


รอยยิ้มที่อ่อนโยนของแม่มดเอลฟ์นั้นได้ทำให้อีกสามคนที่เหลือขนลุกเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีใครคัดค้านคำพูดของเธอ


ถ้าแม่มดเอลฟ์ยิงลูกธนูของเธอในระยะใกล้กว่าหนึ่งร้อยหลา แม้แต่แอสซาซินขั้นสามก็ยังไม่สามารถจะหลบหลีกได้ทันเลย ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงนักดาบอย่างซือเฟิง


อย่างไรก็ตามทันทีที่แม่มดเอลฟ์พูดจบ เสียงหัวเราะเบาๆก็ดังมาเข้าหูของทุกคน


“ตาย ? ฉันกลัวว่าคุณจะยังไม่มีความสามารถในการทำแบบนั้นได้นะ”


ช่วงเวลาต่อมามันก็มีคนเดินออกมาจากพื้นที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และคนๆนี้ก็ยังเล่นสนุกกับลูกธนูที่แม่มดเอลฟ์ยิงออกมาราวกับมันเป็นของเล่น


ตอนที่ 2708 ดาบชั่วคราว


เมื่อเห็นซือเฟิงเดินออกมาจากพื้นที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทุกคนในทีมศัตรูทั้งสี่ก็เงียบงัน และดวงตาของพวกเขาก็แทบจะถลนออกจากเบ้า “เขาไม่เป็นไรงั้นหรอ ?”


“เขาป้องกันมันได้จริงๆงั้นหรอ ?”


ทุกคนรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังฝัน เมื่อเห็นซือเฟิงโผล่ออกมาจากการโจมตีของแม่มดเอลฟ์โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำหลายคนถึงกับขยี้ตาเพื่อยืนยันว่าพวกเขาไม่เห็นภาพหลอน


นี่มันคือหนึ่งในลูกธนูของแม่มดเอลฟ์เลยนะที่พวกเขากำลังพูดถึง !!!


ตามข่าวลือธนูยาวที่แม่มดเอลฟ์ใช้นั้นมันเป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน และเธอก็สามารถที่จะผลักดันให้มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันถอยไปได้ด้วยความช่วยเหลือของมัน


ยิ่งไปกว่านั้นลูกธนูที่แม่มดเอลฟ์ใช้ยิงเข้าใส่ซือเฟิงก็ยังไม่ใช่ลูกธนูธรรมดาเช่นกัน ลูกธนูที่เธอใช้ยิงเข้าใส่ซือเฟิงนั้นมันทำมาจากหยกเหล็กมานาล้ำค่าทั้งดอก แถมบนลูกธนูยังมีอักษรรูนเวทย์มนต์โบราณสลักอยู่ ซึ่งมันทำให้แม้แต่ผู้เล่นขั้นสามทั่วไปก็ยังจะสามารถโจมตีมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันได้อย่างรุนแรงด้วยลูกธนูนี้


การผสมผสานทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันเป็นสิ่งที่ทำให้แม่มดเอลฟ์กลายเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งทั้งหกแห่งจักรวรรดิมังกรไฟ


“เขาป้องกันลูกธนูที่เร็วขนาดนั้นได้จริงๆงั้นหรอ ?”


“แบล๊คเฟรมนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เราเคยได้ยินมามากเลย ดูเหมือนว่าข่าวลือที่เขาเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวจะเป็นเรื่องจริงนะ …”


สมาชิกขั้นสามของดอกไม้แห่งเจ็ดบาปที่เฝ้าชมจากระยะไกลอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับฉากนี้


ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่สามารถจะตอบสนองต่อลูกธนูของแม่มดเอลฟ์ได้ทันเวลาด้วยซ้ำ แม้ว่าพวกเขาจะมีมุมมองที่มองจากมุมสูงของสนามรบในฐานะผู้ชม หากเป็นพวกเขาต้องถูกยิงด้วยลูกธนูที่แข็งแกร่งแบบนี้และมีความเร็วขนาดนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าจะจินตนาการเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น


“เขาป้องกันมัน ?” ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นมองไปยังลูกน้องของเขาด้วยความดูถูก เมื่อได้ยินบทสนทนาของพวกเขา “คุณคิดว่าเขาแค่ป้องกันมันงั้นหรอ ?”


คำพูดของซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นสร้างความสับสนให้หลายคน อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้กล่าวต่อว่า “มองดูดีๆสิว่าเขาถืออะไรอยู่ในมือ ….”


“เขาถือลูกธนูอยู่ในมือใช่ไหม ?” ทุกคนเริ่มสับสนมากขึ้น


“พวกคุณ …. นี่มันโง่จริงๆ ….” ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นพูดไม่ออก และอดไม่ได้ที่จะด่าออกมา เมื่อได้เห็นท่าทีของลูกน้องเขาทั้งหมด จากนั้นเขาก็หันไปมองซือเฟิงที่อยู่ในระยะไกลโดยที่ความหวาดกลัวเริ่มจะปรากฎขึ้นในดวงตาของเขา “ลูกธนูนั้นถือเป็นวัสดุสิ้นเปลืองใน God domain และตราบใดที่มันโดนเข้ากับบางสิ่ง มันก็จะสลายตัวไป แม้ว่าจะถูกป้องกันไว้ด้วยสกิล เวทย์ หรืออาวุธก็ตาม”


“งั้น …. ลูกธนูในมือของแบล๊คเฟรม ….” สมาชิกของดอกไม้แห่งเจ็ดบาปหันไปมองลูกธนูที่ซือเฟิงถือไว้โดยไม่รู้ตัว และทันใดนั้นความหนาวเย็นก็เข้าปกคลุมร่างกายของพวกเขาจนพวกเขาขนลุก


“ถูกต้อง ลูกธนูมันไม่ได้เข้าปะทะกับสกิล เวทย์ หรืออาวุธของเขาเลย แต่เขาดึงลูกธนูออกมาจากอากาศ” เมื่อซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นพูดจบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาให้เหล่าลูกน้องของเขา


ณ จุดนี้ ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นไม่ใช่คนเดียวที่สังเกตเห็นปมของเรื่องราวทั้งหมด ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนของทีมช่วยเหลือของมหาอำนาจต่างๆอีกสี่ทีมก็สังเกตเห็นเช่นกัน และใบหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว


“หัวหน้ากิล ?” หยานเทียนซิงจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความประหลาดใจ


การโจมตีของแม่มดเอลฟ์นั้นมีแนวโน้มสูงมากที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดส่วนใหญ่ใน God domain จะไม่สามารถรับมือกับมันได้เลยเมื่ออยู่ในระยะนี้

อย่างไรก็ตามซือเฟิงกับสามารถจะดึงลูกธนูออกมาจากอากาศได้ นี่มันเป็นความสำเร็จที่ผู้เล่นสามารถจะทำได้จริงๆงั้นหรอ ?


อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดที่เฝ้าดูอยู่ในปัจจุบัน สกายเชคเกอร์ เรดเรน แม่มดเอลฟ์ และ แมดซอร์ด นั้นคือผู้ที่ตกตะลึงมากที่สุด


“เขาทำได้อย่างไร ?” การแสดงออกของแม่มดเอลฟ์แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้น ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิง


เธอนั้นรู้ดีกว่าใครๆว่าการโจมตีเมื่อครู่ของเธอนั้นรวดเร็วมากขนาดไหน ซึ่งเธอมั่นใจว่าหากเธอทำการโจมตีเมื่อครู่นี้ในระยะไม่เกินหนึ่งร้อยหลานั้น แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอีกห้าคนที่เหลือก็ยังไม่สามารถจะป้องกันการโจมตีของเธอได้แน่นอน และแม้แต่มอน

สเตอร์ระดับเทพนิยาย ประเภทความเร็วก็ยังไม่น่าจะหลบได้แน่นอน


“ทุกคน แบล๊คเฟรมนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เราคาดไว้มาก ฉันคิดว่าพวกเราทั้งสี่คนน่าจะต้องร่วมมือกันเพื่อจำกัดเขา !!!” ทรีออทั่มกล่าวแนะนำด้วยสีหน้าจริงจัง


“โอเค ฉันไม่มีปัญหา” เรดเรนพยักหน้า


“ดูเหมือนมันจะมีก็แต่วิธีนั้นสินะ …” แมดซอร์ดตอบพลางกัดฟัน


พวกเขามีความภาคภูมิใจในฐานะผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว และพวกเขามักจะดูถูกเหยียดหยามผู้คนที่อ่อนแอกว่าเสมอ อย่างไรก็ตามในฐานะผู้เชี่ยวชาญตอนนี้ พวกเขาสามารถมองเห็นช่องว่างระหว่างพวกเขาและซือเฟิงได้ในการแลกเปลี่ยนครั้งเดียว


เพื่อให้งานที่มหาอำนาจทั้งสี่มอบหมายมาให้พวกเขาสำเร็จ พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อฆ่าซือเฟิงให้ได้


นอกจากนี้มันยังมีประเด็นสำคัญอยู่อีกเรื่องหนึ่งคือโทษจากการตาย เมื่อตายในการทดสอบรอบคัดเลือก และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับพวกเขาก็ยังจะต้องทนทุกข์ทรมาณมากๆ หากต้องมาตายลงที่นี่


“ดี ! ในกรณีนี้เรดเรนและฉันจะไปตรึงแบล๊คเฟรมไว้ให้ ส่วนแมดซอร์ดกับแม่มดเอลฟ์ให้คอยสนับสนุนเราจากด้านข้าง เรดเรนและฉันจะใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อเปิดช่องว่างเขาให้ และเมื่อพวกคุณพบโอกาสกันแล้วก็อย่ารอช้า !!!” ทรีออทั่มออกคำสั่งเบาๆ “นอกจากนี้คนอื่นๆ ในตอนที่พวกเราทั้งสี่รับมือกับแบล๊คเฟรม ให้พยายามใช้ทุกอย่างจัดการกับสมาชิกสภาสิบแปดปีกที่เหลือให้ได้ !!! อย่าปล่อยให้พวกเขาเข้ามาสนับสนุนแบล๊คเฟรมได้ !!!”


“ไม่มีปัญหา ให้ฉันเป็นแนวหน้าในการตรึงเขาแล้วกันเมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น ….” เรดเรนพยักหน้าอย่างมั่นใจ เขาเป็นการ์เดี้ยนไนท์ ในขณะที่ทรีออทั่มเป็นเบอเซิกเกอร์ นี่มันจึงนับเป็นการผสมผสานของอาชีพระยะปริดชิดที่เพอเฟ็คเลยทีเดียวสำหรับการรับมือกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง และเปิดโอกาสให้พรรคพวกโจมตี


นอกจากนี้แมดซอร์ดยังเป็นนักดาบที่ถนัดในการใช้ดาบใหญ่ด้วย และแม่มดเอลฟ์ก็เป็นแรนเจอร์ ซึ่งอาชีพของพวกเขาทั้งคู่นั้นล้วนเหมาะแก่การโจมตีกับซุ่มโจมตีอย่างมาก


“แบล๊คเฟรม !!! ฉันประเมินคุณต่ำเกินไปจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมหาอำนาจทั้งสี่ถึงเต็มใจจะทำงานร่วมกันเพื่อกำจัดคุณ !!!” แม่มดเอลฟ์กล่าว พลางเริ่มมองไปยังซือเฟิงอย่างจริงจังมากขึ้น ก่อนที่เธอจะหันไปตอบกลับทรีออทั่มอย่างเบาๆว่า “แม้ว่าฉันจะไม่ต้องการ แต่ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสนับสนุนคุณในครั้งนี้แล้วกัน !!!”


ในฐานะแรนเจอร์ การที่ถูกศัตรูจับลูกธนูของตัวเองได้ด้วยมือเหล่านั้นมันถือเป็นความอัปยศอดสูอย่างมาก และการต้องมาอยู่ในบทบาทสนับสนุนมันก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เธออยากจะทำ อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอไม่สามารถจะสนความภาคภูมิใจของตัวเองได้ เพราะการทำงานที่ได้รับมอบหมายมาให้สำเร็จนั้นมีความสำคัญมากกว่า


“รองหัวหน้าพันธมิตรออทั่ม วางใจได้เลย เราจะไม่ปล่อยให้สมาชิกคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกเข้าไปช่วยเหลือแบล๊คเฟรมได้แน่นอน !!!”


“ถูกต้อง พวกเขามีกันเพียงแค่สิบหกคน เราจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการกำจัดพวกเขา”


สมาชิกของทั้งสี่ทีมตอบสนองต่อคำสั่งของทรีออทั่มอย่างรวดเร็ว และพวกเขาทุกคนก็ล้วนมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถจัดการงานที่ได้รับมอบหมายได้อย่างรวดเร็ว


“ดี !!! งั้นในสามวินาที เราจะเริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกัน !!!”

เนื่องจากไม่มีใครคัดค้านคำสั่งของเขา ทรีออทั่มจึงพยักหน้าและมุ่งความสนใจไปที่ซือเฟิงที่อยู่ห่างออกไปสามสิบหลา


สำหรับคนอื่นๆพวกเขารีบกระจายตัวกันออกไปทันทีเพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดในการประสานงานซึ่งกันและกัน


อย่างไรก็ตามหลังจากที่สมาชิกทั้งหมดของทั้งสี่ทีมเข้าประจำตำแหน่งเรียบร้อย เสียงที่ไม่แยก็ได้ดังขึ้นทำลายความเงียบ และทำให้ทุกคนตกใจอย่างไม่ตั้งใจ “ในที่สุดพวกคุณก็พร้อมแล้วสินะ ฉันจะได้เริ่มเคลื่อนไหวสักที”


เสียงของซือเฟิงนั้นสงบมากๆ และมันก็มีความเย้ยหยันกับสนุกแฝงมาในน้ำเสียงของเขาด้วย เมื่อเขาเห็นความมุ่งมั่นของทั้งสี่คนที่จะทำงานร่วมกันเพื่อฆ่าเขาให้ได้


“ช่างหยิ่งผยองจริงๆ !!!”


ด้วยความที่โกรธในคำพูดของซือเฟิง เรดเรนจึงได้เปิดใช้งานสกิลขั้นสาม Justice Sprint และพุ่งเข้าใส่นักดาบทันที และเมื่อเขายกโล่ของเขาขึ้นในระหว่างการพุ่ง มันก็ทำให้พื้นที่รอบๆเรดเรนเบลอ ซึ่งมันก็ทำให้คนอื่นนั้นจะหลบหรือขัดขวางการโจมตีของเขาได้ยากขึ้น


“เริ่มได้ !!!”


เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ทรีออทั่มจึงได้รีบสั่งให้ทุกคนเริ่มดำเนินการทันที


อย่างไรก็ตามก่อนที่ทรีออทั่มจะก้าวไปข้างหน้า ทันใดนั้นทุกคนก็รู้สึกราวกับว่าเวลาเปลี่ยนไปเป็นแบบสโลว์โมชั่น


สถานการณ์นี้คงอยู่ชั่วขณะ จากนั้นทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เพราะก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว ซือเฟิงก็ได้มายืนอยู่ข้างหลังของเรดเรนแล้ว และดาบของเขาที่มืดมิดราวกับราตรีก็ได้แทงเข้าไปที่หัวใจของเรดเรน


และหลังจากที่ซือเฟิงดึงดาบของเขาออกมาจากจุดที่แทงเรดเรน HP ของการ์เดี้ยนไนท์ก็ลดลงอย่างรวดเร็วจนเหลือศูนย์ทันที ก่อนที่ร่างของเรดเรนจะทรุดตัวลงกับพื้นหญ้า ในขณะที่ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวและสับสน


ตอนที่ 2709 ความแตกต่างของความแข็งแกร่ง


“เป็นไปไม่ได้ !!!”


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?!!”


“ฉันต้องฝันไปแน่ๆ !!!”


การตายอย่างกระทันหันของเรดเรนทำให้สมาชิกในทีมช่วยเหลือคนอื่นๆที่คิดจะโจมตีสมาชิกของสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆตกตะลึง และบางคนถึงขั้นตัวแข็งค้างเป็นหิน อย่างไรก็ตามมันมีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ภาพการตายของเรดเรนนั้นยังคงตราตรึงในใจของพวกเขา และพวกเขาจะไม่มีวันลืมฉากนี้ไปตลอดชีวิต


“นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่รึปล่าว ?”


ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นที่เฝ้ามองจากระยะไกลเต็มไปด้วยความตกตะลึง ในขณะที่เขาจ้องมองไปยังการ์เดี้ยนไนท์ที่ตายแล้วด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ครู่หนึ่งเขาสงสัยว่าเขากำลังหลอนด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นมันไม่ใช่ภาพหลอน เพราะในเวลานี้ออร่าที่น่ากลัวที่เรดเรนได้แผ่ออกมานั้นหายไปแล้ว และแม้แต่ออร่าแห่งชีวิตและความผันผวนของมานาที่การ์เดี้ยนไนท์ทำให้เกิดขึ้นมันก็ไม่มีอีกแล้ว เพียงแต่ว่าตัวเขานั้นไม่อยากจะยอมรับฉากตรงหน้าที่ได้เห็น ดังนั้นสมองของเขาจึงเลือกจะปฎิเสธความจริงตรงหน้า


ในเวลานี้ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนเพียงแค่คนเดียวที่มีความคิดและความรู้สึกแบบนี้ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนทุกคนเองนั้นก็เป็นแบบเดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่หยานเทียนซิง


ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาด !!!


นี่มันเป็นตัวตนที่แสดงถึงพลังในการต่อสู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของ God domain แต่ตอนนี้มันกับมีผู้เชี่ยวชาญระดับนี้คนหนึ่งนอนตายอยู่บนพื้น ในขณะเดียวกันการต่อสู้ทั้งหมด ….


ไม่ !! นี่มันไม่ควรจะเรียกว่าการต่อสู้ด้วยซ้ำ ในความเป็นจริงคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเรดเรนประสบกับการโจมตีของซือเฟิงได้อย่างไร

“ปีศาจ ! เขาไม่ใช่มนุษย์แน่นอน ! เขาต้องเป็นหนึ่งในปีศาจของ God domain ที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ !!!”


“ใช่ !! มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน !! มันไม่มีทางที่จะเกิดช่องว่างขนาดใหญ่แบบนี้ระหว่างผู้เล่นได้แน่นอน !!!”


ผู้เล่นที่เฝ้าดูจากระยะไกลอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาทีละคน ในขณะที่พวกเขามองไปยังซือเฟิง


“ใช่แล้ว !! ทุกคนต้องระวังตัว !! เขาต้องเป็นปีศาจแปลงร่างมาแน่นอน !! เขาไม่ใช่ผู้เล่นแล้ว !!”


“ไม่คิดเลยว่าจะมีปีศาจปรากฎตัวขึ้นในการทดสอบรอบคัดเลือกจริงๆ เราต้องรีบแจ้งวิหารเทพสงครามเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันที !!!”


เหล่าผู้เล่นในทีมช่วยเหลือที่เตรียมจะกำหนดเป้าหมายไปยังสมาชิกคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกนั้นสูญเสียความเยือกเย็นไปในทันที เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดอุทานต่างๆของผู้ชม ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เริ่มคิดหาวิธีการติดต่อกับวิหารเทพสงครามเพื่อให้มาฆ่าซือเฟิงอย่างบ้าคลั่ง และมันก็มีเพียงแค่การยอมรับตรรกะนี้เท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาได้กลับเข้าไปสู่โลกที่พวกเขาจำได้


เพราะท้ายที่สุดตอนนี้แม้แต่ NPC ใน God domain ก็ยังทำตัวเหมือนกับมนุษย์จริงๆ ดังนั้นมันก็คงจะไม่แปลกเลยจะมีปีศาจแปลงร่างมาเป็นผู้เล่นเช่นกัน


“ปีศาจ ?” ซือเฟิงหัวเราะออกมาโดยไม่ตั้งใจ เมื่อเขาได้เห็นท่าทีของฝ่ายตรงข้าม “ฉันดูเหมือนปีศาจในสายตาพวกคุณ อย่างไรก็ตามพวกคุณก็ดูเหมือนกับปีศาจในสายตาผู้เล่นทั่วไปไม่ใช่หรอ ?”


ท้ายที่สุดแล้ว God domain ก็ยังคงเป็นเกม ซึ่งตราบใดที่ผู้เล่นมีเลเวลกับขั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและได้รับอาวุธกับอุปกรณ์ชั้นยอดที่เหมาะกับเลเวลและขั้นมา ค่าสถานะพื้นฐาน ร่างกายทางกายภาพ ปฎิกิริยาตอบสนอง และการควบคุมมานา รวมไปถึงอื่นๆอีกมากมายก็จะดีขึ้นเช่นกัน และนี่มันก็จะช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ของพวกเขาได้อย่างมาก ในความเป็นจริงแม้แต่ผู้เล่นทั่วไปก็สามารถจะได้รับความแข็งแกร่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดในปัจจุบัน


God domain นั้นช่างเป็นโลกที่ไร้เหตุผลจริงๆ !!!


หากการต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนที่ซือเฟิงจะมาถึงขั้นสี่ เขาก็คงจะต้องพึ่งพากลอุบายเล็กน้อยเพื่อเอาชนะผู้เชี่ยวชาญแบบเรดเรน อย่างไรก็ตามเมื่อเขามาถึงขั้นสี่แล้ว เรดเรนก็ไม่ได้ต่างไปจากมดเลยต่อหน้าเขา


ใช่แล้ว !! ช่องว่างระหว่างขั้นสามและสี่นั้นมันยิ่งใหญ่มากๆ !!!


ในสายตาของคนอื่น ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดแบบเรดเรนนั้นคือตัวตนที่เหมือนกับเป็นอมตะและไม่มีใครสามารถเทียบได้ อย่างไรตามสำหรับซือเฟิงในปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้มันไม่ได้ต่างไปจากมดปลวกที่เขาจะบี้ให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้เลย


ในความเป็นจริงการฆ่าเรดเรน ซือเฟิงนั้นใช้เพียงแค่สกิลดาบลม ขั้นสองเท่านั้น


ในขณะเดียวกันทุกคนในปัจจุบันต่างก็พูดไม่ออกกับคำถามเชิงเปรียบเทียบของซือเฟิง ซึ่งมันก็เป็นเช่นเดียวกับที่ซือเฟิงกล่าวจริงๆ ผู้เล่นทั่วไปนั้นไม่ได้มีค่าใดๆเลยในสายตาของพวกเขา และเมื่อพวกเขาทำการฆ่าผู้เล่นทั่วไปที่เป็นเป้าหมาย พวกเขาก็จะฆ่าผู้เล่นคนนั้นได้ก่อนที่ผู้เล่นคนนั้นจะรู้ตัวว่าถูกโจมตีซะอีก ซึ่งมันก็เหมือนกับที่ซือเฟิงทำกับเรดเรน


ในเวลานี้ทรีออทั่มซึ่งอาวุโสที่สุดในหมู่ผู้เล่นที่เหลือก็ก้าวออกมาข้างหน้า


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เรายอมรับความพ่ายแพ้ ฉันขอให้คุณปล่อยเราไปได้ไหม ?”


แม้ว่าทรีออทั่มจะไม่เข้าใจว่าซือเฟิงแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องละทิ้งการโจมตีสภาสิบแปดปีกในเมื่อสถานการณ์มันเป็นแบบนี้ เพราะตอนนี้การรักษาชีวิตของพวกเขานั้นมีความสำคัญมากกว่า และท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่ใช่ลูกน้องของมหาอำนาจทั้งสี่ แต่เป็นหุ้นส่วน


“คุณยอมรับความพ่ายแพ้ ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำพูดของทรีออทั่ม อย่างไรก็ตามเขาก็เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้ชายแก่คนนี้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด


โทษจากการตายในการทดสอบรอบคัดเลือกนี้มันหนักมากๆ นับประสาอะไรกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนทั่วไป แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดอย่างทรีออ

ทั่มก็ยังจะนับว่าสูญเสียครั้งใหญ่เลย หากมาตายลงที่นี่


“ใช่” ทรีออทั่มพยักหน้า


สมาชิกทีมช่วยเหลือทั้งสี่ทีมก็ไม่มีคนใดที่คัดค้านการตัดสินใจของทรีออทั่มเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดพวกเขาไม่สามารถจะจินตนาการได้อย่างแท้จริงเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพวกเขาต่อสู้กับปีศาจแบบซือเฟิง


หลังจากมองไปยังฝูงชนรอบตัวทั้งหมดอย่างเงียบๆ ซือเฟิงก็พูดขึ้นมาอย่างใจเย็นว่า “ได้แน่นอน แต่คุณต้องมาเซ็นสัญญากับฉัน เมื่อคุณออกจากที่นี่ไปคุณแต่ละคนจะต้องฆ่าผู้เชี่ยวชาญห้าคนที่เป็นของมหาอำนาจที่หนุนหลังคุณ และผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นจะต้องมีมาตราฐานการต่อสู้ที่เท่าเทียมกับตัวพวกคุณเอง”


ทันทีที่ซือเฟิงพูดจบ ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามที่เหลือก็ส่งเสียงประท้วงทันที “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณจะไม่ไปไกลเกินไปหน่อยหรอ ?” แม่มดเอลฟ์ขมวดคิ้ว ขณะที่ความโกรธปรากฎขึ้นในดวงตาของเธอ “ถ้าเราทำตามที่คุณพูดจริงๆ คุณคิดว่ามหาอำนาจเหล่านั้นจะยอมปล่อยเราไปงั้นหรอ ?”


อย่างมากพวกเขาก็จะสูญเสียห้าเลเวล และถูกห้ามไม่ให้เข้าสู่เกมเป็นเวลาห้าวันเท่านั้น หากพวกเขาตายลงที่นี่ อย่างไรก็ตามหากพวกเขาไปทำให้มหาอำนาจที่หนุนหลังพวกเขาไม่พอใจ เรื่องมันจะไม่จบลงแค่ห้าเลเวล กับถูกห้ามไม่ให้เข้าสู่เกมเป็นเวลาห้าวันแน่นอน พวกเขานั้นมีแนวโน้มที่จะถูกไล่ล่าไปทั่ว God domain เพราะท้ายที่สุดหากมหาอำนาจเหล่านี้ไม่ยอมทำอะไรเลยเมื่อถูกพันธมิตรแทงข้างหลัง ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของพวกเขามันจะหม่นหมองได้


“ไปไกลเกินไป ?” ซือเฟิงหัวเราะเบาๆ “ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ จากที่ฉันเห็นพวกคุณพยายามจะผลักดันสภาสิบแปดปีก ถ้าสภาสิบแปดปีกเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด คุณยังจะคิดว่าเงื่อนไขนี้มันมากเกินไปหรือไม่ ?”


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม นี่เราจำเป็นจะต้องมาตั้งสมมุติฐานแบบนี้กันจริงๆงั้นหรอ ?” ทรีออทั่มอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจลึกๆออกมาและกล่าวเสริมว่า “ถ้าสภาสิบแปดปีกเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด เราจะไม่ยอมรับทำงานนี้ตั้งแต่เริ่มด้วยซ้ำ ดังนั้นสมมุติฐานของคุณมันใช้ไม่ได้นะ …”

“นอกจากนี้ แม้ว่าเราจะไม่สามารถเทียบกับคุณได้ แต่ถ้าเป็นการต่อสู้จริงๆ คุณคิดว่าคุณจะสามารถจัดการพวกเราทั้งหมดได้โดยไม่เป็นอะไรงั้นหรอ ? ที่นี่อัตราการผลาญค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเราทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างมาก คุณจะสามารถฆ่าคนได้กี่คนกัน ? และกลุ่มของคุณจะเหลือกี่คนกันเมื่อการต่อสู้จบลง ? ดังนั้นแทนที่จะมาทำลายซึ่งกันและกัน มันจะดีกว่าไหม ถ้าเราจะมาจบเรื่องนี้ใน

แบบอื่นๆ”


ทรีออทั่มได้ระบุอย่างชัดเจนถึงสถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้ทั้งหมด รวมทั้งข้อดีและข้อเสียตามลำดับ ในขณะนี้นับประสาอะไรกับยู่หลาน เสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรส แม้แต่ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นซึ่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำทีมของฟรอสต์ฮีฟเว่นก็ยังรู้สึกว่านี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ใช่ศัตรูตัวฉกาจซึ่งกันและกันมาแต่แรก และเพื่อให้แน่ใจว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องได้ในอนาคต มันจึงจะดีกว่าแน่นอนถ้าซือเฟิงจะหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่ไม่จำเป็น


อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับความคาดหวังของทุกคน ซือเฟิงได้ส่ายหัว


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม นี่คุณมีเจตนาจะทำลายล้างซึ่งกันและกันเลยงั้นหรอ ?” การแสดงออกของทรีออทั่มบิดเบี้ยวเล็กน้อย เมื่อเขาได้เห็นท่าทีของซือเฟิง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดของ God domain และรองหัวหน้าพันธมิตรนักผจญภัยมังกรไฟ มันก็แทบจะไม่น่าเชื่อแล้วที่เขาริเริ่มจะยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ซือเฟิงกับยังไม่ยอมถอยสักก้าวบ้าง เขาไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะบ้าขนาดนี้


ในขณะเดียวกันเมื่อเห็นว่าซือเฟิงปฎิเสธที่จะถอย แม่มดเอลฟ์ก็ตะโกนว่า “แบล๊คเฟรม คุณไม่ควรจะไปไกลเกินไปนะ คุณควรจะรู้ว่าเราก็เป็นตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆที่หนุนหลังเราในครั้งนี้ด้วย ซึ่งหากคุณทำลายล้างทีมของเรา มหาอำนาจเหล่านี้ก็จะไม่ปล่อยให้คุณรอดไปแน่นอน และสภาสิบแปดปีกก็จะไม่สามารถแบกรับผลที่ตามมาได้ !!!”


“ที่คุณพูดมามันก็ถูก ….” ซือเฟิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็เปลี่ยนสายตาไปมองแม่มดเอลฟ์ “อย่างไรก็ตามคุณพูดผิดไปเรื่องหนึ่ง ….”


“ผิด ?” คำพูดของซือเฟิงนั้นทำให้ทรีออทั่มและคนอื่นๆงงงวย พวกเขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าแม่มดเอลฟ์พูดอะไรผิดไป


ช่วงเวลาต่อมา ซือเฟิงก็ชัก Abyssal Blade ออกมาจากฝักทันที และความรุนแรงของออร่าที่เขาแผ่ออกมามันก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า พร้อมกันนั้นโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง มานาทั้งหมดในรัศมีหนึ่งพันหลาก็เริ่มเดือด และแม้แต่อากาศโดยรอบก็ยังสั่นสะท้าน


“ซึ่งนั่นก็คือ …. ความแตกต่างของความแข็งแกร่ง !!!”


ตอนที่ 2710 การทดสอบรอบคัดเลือกจบลง


ทันทีที่ซือเฟิงพูดจบ ทุกคนในปัจจุบันก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพื้นที่รอบตัวพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และหากให้บอกแบบแม่นยำคือพื้นที่โดยรอบนั้นได้กลายเป็นศัตรูของพวกเขา


แรงกดดันอย่างหนักหน่วงที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบทำให้ร่างกายของพวกเขารู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ในพื้นที่ที่มีแรงโน้มถ่วงสูง และแค่จะขยับ หรือเคลื่อนไหวร่างกายของตัวเองมันก็ยังจัดว่ามีปัญหามากแล้ว


ในทางกลับกันในฐานะผู้ปกครองพื้นที่นี้ ซือเฟิงนั้นสามารถจะใช้พละกำลังของเขาได้อย่างไร้ขีดจำกัดในทุกการเคลื่อนไหวของตัวเอง


“ไม่ดีแล้ว !!! โดเมน !!! นี่มันคือโดเมนมานา !!!”


ผู้เชี่ยวชาญของทีมช่วยเหลือทั้งสี่ทีมตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อพวกเขารู้สึกว่าชีวิตของตัวเองอยู่ในมือคนอื่น และการแสดงออกของทรีออทั่ม แมดซอร์ด กับแม่มดเอลฟ์ก็ดูหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน


ผู้เล่นทุกคนที่คลุกคลีอยู่ใน God domain มาระยะหนึ่งนั้นจะรู้ดีว่าโดเมนมานาคืออะไร


นอกจากนี้เรื่องนี้มันยังใช้ระบุด้วยว่า NPC นั้นๆเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างแท้จริงไหม


NPC ทุกคนที่สามารถใช้โดเมนมานาได้ คือการตัวตนที่ผู้เล่นทุกคนต้องระวัง เพราะท้ายที่สุด NPC เหล่านี้สามารถจะเปลี่ยนผู้เล่นขั้นสามแบบพวกเขาให้กลายเป็นฝุ่นได้ทันทีโดยอาศัยเพียงแค่โดเมนมานาของพวกเขา ซึ่งพวกเขานั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องขยับร่างกายเลยด้วยซ้ำ


“ทำไมเขาถึงมีโดเมนมานากัน ? นั่นควรเป็นสิ่งที่มีเพียง NPC ขั้นสี่ส่วนน้อยเท่านั้นที่มีไม่ใช่หรอ ?” แม่มดเอลฟ์ตื่นตระหนก ตอนนี้เมื่อเธอมองไปที่ซือเฟิง ดวงตาของเธอไม่ได้เต็มไปด้วยความโกรธอีกต่อไป ตอนนี้มันหลงเหลือแต่เพียงความกลัวเท่านั้น


นี่คือโดเมนมานาที่พวกเขากำลังพูดถึง !!!


ด้วยโดเมนมานาแบบนี้ มันก็เท่ากับว่าซือเฟิงได้กลายเป็นผู้ปกครองพื้นที่โดยรอบไปแล้ว !!!


“เป็นไปได้ยังไงกัน ?” ทรีออทั่มตกตะลึงกับสถานการณ์นี้ ในขณะที่หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสับสน “เขาไม่ใช่ผู้เล่น แต่เป็นปีศาจแปลงร่างมาจริงๆงั้นหรอ ?”


มันอาจจะดีถ้าซือเฟิงมีเพียงแค่ความแข็งแกร่งที่น่ากลัว เพราะที่เลวร้ายที่สุด พวกเขาก็สามารถจะใช้กลยุทธ์เน้นจำนวนเข้ากดดันเพื่อเอาชนะค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจและค่าสตามิน่าของเขาได้


อย่างไรก็ตามกับโดเมนมานานั้นมันเป็นคนละเรื่องกัน โดเมนมานานั้นมันมีไว้เพื่อตอบโต้กลยุทธ์เน้นจำนวนเข้ากดดันโดยเฉพาะ และหากบุคคลใดก้าวเข้าสู่โดเมนมานาของศัตรูโดยไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ พวกเขาก็จะไม่ต่างจากมดต่อหน้าเจ้าของโดเมนเลย พวกเขาอาจไม่สามารถแสดงพลังการต่อสู้ใดๆออกมาได้ด้วยซ้ำ


ยิ่งไปกว่านั้นโดเมนมานาที่ซือเฟิงเปิดเผยและใช้ออกมานั้น มันยังครอบคลุมรัศมีที่กว้างถึงหนึ่งพันหลา ซึ่งจัดว่าน่ากลัวมากๆ และด้วยระยะดังกล่าว พวกเขาก็จะไม่สามารถหนีได้เลย แม้ว่าจะต้องการก็ตาม


ในขณะนี้นับประสาอะไรกับทรีออทั่ม และผู้เล่นที่เป็นศัตรูคนอื่นๆ แม้แต่หยานเทียนซิง และสมาชิกของสภาสิบแปดปีกทั้งหมดที่ติดตามซือเฟิงมาเข้าร่วมงานนี้ก็ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง


“นี่ความแข็งแกร่งของหัวหน้ากิลไปถึงขั้นนี้แล้วงั้นหรอ ?” หยานเทียนซิงจ้องมองไปที่ซือเฟิงซึ่งปัจจุบันยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่อย่างองอาจ


ด้วยความแข็งแกร่งแบบนี้ มันไม่สำคัญอีกแล้วแม้ว่าทั้งสี่ทีมจะรวมตัวกันมารุมซือเฟิงพร้อมกันก็ตาม เพราะซือเฟิงสามารถจะฆ่าคนเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วด้วยการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้ง


มันมีเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดแบบทรีออทั่มเท่านั้นที่มีค่าสถานะพื้นฐานสูงมากพอที่จะสามารถต้านทานซือเฟิงได้บ้าง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคิดมาถึงตรงนี้มันก็จัดว่าเป็นเรื่องน่าหัวเราะอยู่ดี เพราะท้ายที่สุดแล้วทรีออทั่มและอีกสองคนไม่สามารถจะเทียบกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนขั้นสามทั่วไปได้ด้วยซ้ำ เมื่ออยู่ในโดเมนมานาของซือเฟิง

ในขณะเดียวกันด้วยความแข็งแกร่งของซือเฟิง เขาก็สามารถจะกำจัดผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แม้จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากโดเมนมานาก็ตาม


ในเวลานี้ทีมช่วยเหลือของมหาอำนาจต่างๆที่อยู่นอกโดเมนมานาของซือเฟิงก็ล้วนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเช่นกัน


“ทั้งสี่ทีมนั่นตายหมดอย่างแน่นอน ด้วยโดเมนมานาที่กว้างใหญ่แบบนี้ พวกเขาจะไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้เลย” ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นกล่าวด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน ขณะที่เขามองไปยังทรีออทั่มและคนอื่นๆ


ทีมสี่ทีมที่ทำงานร่วมกันซึ่งประกอบไปด้วยผู้แข็งแกร่งสี่คนจากทั้งหกของจักรวรรดิมังกรไฟ และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอีกหลายร้อยคนที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ที่หากคนเหล่านี้รวมตัวกันนั้น จะไม่มีใครในจักรวรรดิมังกรไฟกล้าประมาทพวกเขาเลย


อย่างไรก็ตามตอนนี้ทีมดังกล่าวทำได้แค่รอความตายเท่านั้น ….


“บอสซอลเลอร์ ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี ?” แอสซาซินขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ดกล่าวถามอย่างหมดหนทาง ตอนนี้ในเมื่อสภาสิบแปดปีกสามารถจะตัดสินชะตากรรมทีมร่วมของมหาอำนาจสี่กลุ่มได้ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงทีมเล็กๆของพวกเขาเลย


“หนี !!!” ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นตอบโดยสัญชาตญาณ ขณะที่เขามองไปยังพื้นที่สีเทาข้างหน้าเขา


แม้ว่าทีมของพวกเขาจะไม่ได้เป็นศัตรูกับสภาสิบแปดปีก แต่ดอกไม้แห่งเจ็ดบาปก็เคยขัดแย้งกับสภาสิบแปดปีกมาหลายครั้งในอดีต หากซือเฟิงอารมณ์ไม่ดี เขาอาจตัดสินใจที่จะจัดการกับพวกเขาต่อเลย หลังจากจัดการกับทั้งสี่ทีมเสร็จ


“หนี ?” เมื่อมองไปยังสนามรบพิเศษรอบตัวพวกเขา แอสซาซินขั้นสามก็ถามอย่างกังวลว่า “แต่บอสพวกเราจะหนีไปที่ไหน ? สนามรบพิเศษแห่งนี้มันไม่ได้มีพื้นที่ที่ใหญ่นัก และมันก็จะใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงนะในการวิ่งวนรอบที่นี่”


สนามรบพิเศษที่ใช้ในการทดสอบรอบคัดเลือกนี้อาจถือว่าใหญ่สำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไป อย่างไรก็ตามมันเป็นแค่กรงเล็กๆเท่านั้นสำหรับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน ซึ่งซือเฟิงจะสามารถเก็บเกี่ยวชีวิตของผู้เล่นทุกคนในกรงนี้ได้อย่างง่ายดายตลอดเวลาเมื่อเขาต้องการ

“ยอมแพ้ !! ทุกคนจะต้องยอมแพ้ทันที !!” ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นกล่าวสั่งพลางกัดฟัน


ผู้เล่นนั้นไม่จำเป็นจะต้องต่อสู้จนตายกันไปข้างในการทดสอบรอบคัดเลือก และหากผู้เข้าร่วมทดสอบไม่ต้องการจะตาย พวกเขาก็สามารถจะยอมแพ้ผ่านระบบหลักได้ อย่างไรก็ตามขั้นตอนการยอมแพ้แบบนี้มันก็มีเวลาหนึ่งนาที ยิ่งไปกว่านั้นตราบใดที่ผู้เล่นยอมแพ้ในระหว่างการทดสอบรอบคัดเลือก พวกเขาไม่เพียงแต่จะสูญเสียเลเวลไปหนึ่งเลเวลโดยอัตโนมัติ แต่พวกเขายังจะถูกห้ามไม่ให้เข้าสู่ God domain หนึ่งวัน ในทันที


ดังนั้นหากไม่จำเป็นจริงๆจะไม่มีใครเลือกที่จะยอมแพ้เลย


อย่างไรก็ตามตอนนี้ซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นไม่สามารถจะมาสนใจโทษจากการยอมแพ้นี้ได้แล้ว เพราะท้ายที่สุดเมื่อเทียบกับการถูกซือเฟิงฆ่า และจะต้องสูญเสียห้าเลเวล พร้อมกับถูกห้ามไม่ให้เข้าสู่ God domain ห้าวัน การเลือกยอมแพ้จัดเป็นอะไรที่ดีกว่ามาก ในเวลานี้นอกจากทีมดอกไม้แห่งเจ็ดบาปแล้ว ทีมช่วยเหลือของมหาอำ

นาจอื่นๆที่ไม่ได้เข้าโจมตีสภาสิบแปดปีกก็เลือกจะยอมแพ้ในทันที


ช่วงเวลาหนึ่งมันก็มีลำแสงหลายร้อยเส้นปรากฎขึ้นในสนามรบพิเศษ โดยมันก็ได้สร้างภาพอันงดงามขึ้นราวกับว่าสวรรค์กำลังลงมายังโลก แต่น่าเสียดายที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ในสนามพิเศษแห่งนี้ที่มีอารมณ์จะชื่นชมฉากที่สวยงามนี้


เมืองมังกรไฟ :


ในขณะที่การแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองทั้งหกยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ที่บริเวณพลาซ่าด้านนอกวิหารเทพสงครามก็เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญจากมหาอำนาจต่างๆ โดยผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เหล่านี้พูดคุยกันเบาๆเกี่ยวกับการทดสอบรอบคัดเลือกที่กำลังดำเนินอยู่


“ฉันได้ยินมาว่ามีมหาอำนาจเก้ากลุ่มที่ส่งทีมผู้เล่นที่มาช่วยเหลือพวกเขาเข้าทำการทดสอบรอบคัดเลือกนี้ ฉันสงสัยจังว่ามหาอำนาจกลุ่มใดจะมีผู้เล่นในทีมที่มาช่วยเหลือ เหลืออยู่มากที่สุด ? มันจะดีมากเลยถ้ากิลของเรามีคนที่ผ่านรอบคัดเลือกมาได้จำนวนมาก เพราะมันจะช่วยลดภาระของเราได้อย่างมากในภายหลัง”


“ฉันคิดว่ามันคงจะมีคนผ่านรอบคัดเลือกนี้ไปได้ไม่มากนักหรอก ฉันเพิ่งได้ยินมาว่า ตระกูลมังกรฟ้า จักรวรรดิไพรน์ วังปีศาจ และมิราเคิล ได้เชิญให้ผู้แข็งแกร่งสี่คนจากหกคนของจักรวรรดิมังกรไฟมาเข้าร่วมกับพวกเขาได้สำเร็จ และด้วยผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่นี้ การที่คนอื่นๆจะค้นหาและเก็บป้ายคำสั่งวิหารเทพสงครามไว้ได้จนถึงเวลาที่ผ่านการคัดเลือกนั้น มันก็เป็นไปได้ยากมากๆเลย”


“ทั้งสี่กิลจะไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยงั้นหรอ ? พวกเขาสามารถรับสมัครสี่คนนั่นได้จริงๆงั้นหรอ ? นี่พวกเขาต้องจ่ายไปเท่าไหร่กันถึงรับสมัครสี่คนนั่นมาได้ ….”


“แม้ว่าความช่วยเหลือจากผู้ช่วยเหล่านี้จะไม่ได้เป็นประโยชน์มากนักในการแข่งขันแบบเป็นทางการ แต่ผู้ช่วยเหล่านี้ก็ยังสามารถจะช่วยเก็บรวบรวมคะแนนได้มากถึงครึ่งหนึ่งของสมาชิกที่เข้าร่วมในการแข่งขันแบบเป็นทางการ และเมื่อรวมกับโอกาสในการสานสัมพันธ์กับผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดแล้ว มันก็คุ้มค่าเลยทีเดียวสำหรับราคาที่มหาอำนาจต่างๆจ่ายไป”


เมื่อเอ่ยถึงผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดสี่คนจากหกคนที่จัดเป็นผู้แข็งแกร่งทั้งหกแห่งจักรวรรดิมังกรไฟ ผู้เล่นหลายคนในพลาซ่าก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองสมาชิกของวังปีศาจ มิราเคิล ตระกูลมังกรฟ้า และจักรวรรดิไพรน์ด้วยความอิจฉา เพราะท้ายที่สุดแล้วในการแข่งขันแบบนี้การได้ผู้เชี่ยวชาญแบบนี้มาช่วยเป็นกำลังให้สักคน มันก็จะช่วยเรื่องต่างๆของพวกเขาให้ทำได้ง่ายมากขึ้นเลยทีเดียว


ในเวลานี้พวกระดับสูงของมหาอำนาจอื่นๆที่พักอยู่ในวิหารเทพสงครามก็เต็มไปด้วยความอิจฉา และความโกรธ


“พวกเขารับสมัครสี่คนนั่นมาได้ยังไงกัน ? เราได้เสนอราคาอันมหาศาลแก่พวกเขาไปอย่างชัดเจนก่อนหน้านี้ แต่พวกเขาก็ยังคงปฎิเสธ ฉันไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะยอมช่วยเหลือทั้งสี่กิล ด้วยเรื่องนี้เราน่าจะเสียเปรียบมากๆแน่นอนในเรื่องของกำลังคน เมื่อการแข่งขันอย่างเป็นทางการเริ่มขึ้น” มู่ฉินเผยสีหน้าบิดเบี้ยวออกมา เมื่อเธอได้อ่านรายงานล่าสุดที่เธอได้รับมา ….


เรื่องการที่สภาสิบแปดปีกเปิดเผยข้อมูลของตัวเองออกมา มันก็ทำให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบมากแล้ว แต่ตอนนี้เธอยังได้มารู้ว่าสี่กิลรับสมัครสี่คนจากหกผู้แข็งแกร่งของจักรวรรดิมังกรไฟมาได้อีก นี่มันคือการถูเกลือลงบนแผลที่เปิดสดๆชัดๆ


“ดูเหมือนว่าทั้งสี่กิลจะครอบครองช่องผู้ช่วยเหลือส่วนใหญ่ในการทดสอบรอบคัดเลือกครั้งนี้แน่นอน และนี่มันก็จะทำให้ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เราจะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เอื้ออย่างมาก” บริลเลี่ยนบลูกล่าวด้วยสีหน้าอึมครึม


ฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นด้อยกว่ามหาอำนาจอื่นๆอยู่แล้วในแง่ของผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด และผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาด ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งความหวังไว้กับผู้ช่วยเหลือของพวกเขา อย่างไรก็ตามตอนนี้ดูเหมือนว่าความหวังของพวกเขาจะค่อยๆจางลงไปทั้งหมดแล้ว


ขณะเดียวกันหงซินหยวนก็ยังคงเงียบ เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าการทดสอบรอบคัดเลือกมันจะเข้มข้นมากขนาดถึงขั้นที่มีผู้แข็งแกร่งสี่จากหกคนของจักรวรรดิมังกรไฟเข้าร่วม


“ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เรามาดูผลลัพธ์กันก่อนที่จะปรับเปลี่ยนอะไรเถอะ ….” เซเว่น

วอร์นเดอร์กล่าว


นอกเหนือจากฟรอสต์ฮีฟเว่นแล้ว มหาอำนาจอื่นๆเองก็ตื่นตระหนกกับเรื่องนี้เช่นกัน พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าตระกูลมังกรฟ้า มิราเคิล วังปีศาจ และจักรวรรดิไพรน์จะมีสิทกลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการทดสอบรอบคัดเลือก


สำหรับทั้งสี่กิลนี้ ตอนนี้พวกเขาก็เต็มไปด้วยความสุข เพราะพวกเขารู้สึกว่าราคาที่พวกเขาจ่ายไปเพื่อจ้างทั้งสี่คนนี้มันคุ้มค่า


ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือรอให้การทดสอบรอบคัดเลือกจบลง และประกาศผลเท่านั้น


“ทั้งสี่กิลนั้นค่อนข้างจะระมัดระวังในการเคลื่อนไหวของพวกเขามากทีเดียว แม้แต่เราเองก็พึ่งจะได้ข่าวมาว่าพวกเขาเชิญสี่จากหกผู้แข็งแกร่งของจักรวรรดิมังกรไฟมาได้ รองหัวหน้ากิล ฉันกลัวว่าเราอาจจะต้องเปลี่ยนแผนในภายหลัง ….” ไวท์เฟเธอร์พูดพลางขมวดคิ้ว ขณะที่เธออ่านรายงานล่าสุด


แม้ว่าการเพิ่มเข้ามาของสี่คนนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมของไมโทโลจี้ แต่เธอก็ยังไม่ค่อยจะชอบตัวแปรแบบนี้อยู่ดี


“สี่จากหกผู้แข็งแกร่งของจักรวรรดิมังกรไฟงั้นหรอ ?” โคลท์ชาโด้วยิ้มเมื่อได้รับข่าวนี้ “ด้วยสิ่งนี้แม้แต่แบล๊คเฟรมก็ยังจะต้องมีปัญหาในการเอาชีวิตรอด”


ก่อนหน้านี้เมื่อเธอได้ยินถึงแผนการของมหาอำนาจทั้งสี่ที่คิดจะร่วมมือกันจัดการกับสภาสิบแปดปีก เธอก็ยังมีความรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง เพราะเธอเคยเห็นความแข็งแกร่งและเทคนิคของซือเฟิงมาก่อน การฆ่าเขามันจะเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตามด้วยมีผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดสี่คนนี้มาเข้าร่วม ยังไงซือเฟิงก็จะต้องตายภายในสนามรบพิเศษของการทดสอบรอบคัดเลือกแน่นอน


ในขณะที่เหล่ามหาอำนาจต่างๆกำลังคาดการณ์ถึงผลการทดสอบรอบคัดเลือก เสียงระฆังก็ดังขึ้น และมันก็ดังก้องไปทั่ววิหารเทพสงคราม


ระฆังนี้แสดงถึงการสิ้นสุดของการทดสอบรอบคัดเลือก


“เกิดอะไรขึ้นกัน ? การทดสอบรอบคัดเลือกจบแล้วงั้นหรอ ? ไม่ใช่ว่ามันเพิ่งจะเริ่มหรอ ?”


“วิหารเทพสงครามทำอะไรผิดพลาดไปรึปล่าว ?”


“มันไม่น่าจะเป็นแบบนั้นนะ ไปดูกันเถอะ ….”


การทดสอบรอบคัดเลือกที่จบลงอย่างกระทันหันนั้นสร้างความสับสนให้กับพวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆอย่างมาก และพวกเขาก็รีบตรงไปที่ห้องโถงกลางของวิหารเทพสงครามทันทีเพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)