Reincarnation Of The Strongest Sword God 2546-2551

ตอนที่ 2546

 

ดีไวน์อาติแฟค


เมื่อซือเฟิงทำการผสานดาวแห่งแสงเข้ากับกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตที่เหี่ยวเฉา มานาภายในห้องสมาธิขั้นพื้นฐานนั้นก็เริ่มเข้ามาล้อมรอบกิ่งหลักอย่างรวดเร็ว


ภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที หมอกสีขาวก็ก่อตัวขึ้นรอบๆกิ่งไม้ที่เหี่ยวเฉา นอกจากนี้นี่มันยังไม่สิ้นสุด หลังจากนั้นหมอกมานาก็เริ่มกลั่นตัวเป็นหยดของเหลวมานาบนกิ่งไม้และบริเวณรอบๆ ต่อจากนั้นของเหลวมานาก็ไหลเข้าสู่ปลายกิ่งที่หัก


และด้วยการไหลเข้ามาของ ของเหลวมานา แต่ละหยดเข้าสู่กิ่งไม้ที่เหี่ยวแห้ง กิ่งก้านก็เริ่มสั่นไหวและให้ความรู้สึกราวกับว่ามีพลังงานกระเพื่อมอยู่ราวกับสิ่งมีชีวิตบางชนิดกำลังจะตื่นขึ้น


ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะค่อนข้างดี ซือเฟิงมีความสุขมากๆ เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงการกระเพื่อมของพลังงานจากกิ่งหลักที่เหี่ยวเฉา


ก่อนหน้านี้เมื่อเขาเห็นอัตราการเหี่ยวเฉาอยู่ที่เก้าสิบสี่เปอเซ็นต์ เขาก็ค่อนข้างสิ้นหวังกับการจะฟื้นฟูกิ่งอยู่แล้ว


โชคดีที่ตอนนี้มันไม่เกิดความล้มเหลว เมื่อพยายามจะฟื้นฟูกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิต เพราะสิ่งที่จำเป็นเพียงอย่างเดียวที่ต้องทำตอนนี้ก็คือจัดหามานาที่มีความหนาแน่นสูงและพลังงานชีวิตอย่างต่อเนื่อง และตราบใดที่เงื่อนไขนี้ได้รับการตอบสนองเพียงพอ กิ่งหลักนี้ก็จะสามารถเติบโตเป็นต้นไม้แห่งชีวิตอีกต้นได้


ปัญหาเดียวคือปริมาณและความหนาแน่นของมานารวมทั้งพลังงานชีวิตที่ต้องการจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับอัตราการเหี่ยวเฉาของกิ่ง และในขณะเดียวกันวัสดุที่สามารถเสริมมานาและพลังชีวิตให้กับกิ่งหลักที่มีอัตราการเหี่ยวเฉาเก้าสิบสี่เปอเซ็นต์นั้นมันก็หายากอย่างไม่น่าเชื่อ


โชคดีที่การเดินทางไปยังทวีปด้านตะวันตกของซือเฟิงในครั้งนี้ทำให้เขาได้รับดาวแห่งแสงมา ถ้าไม่มีมัน เขาคงไม่มีความหวังที่จะฟื้นฟูกิ่งที่มีอัตราการเหี่ยวเฉามากขนาดนี้ได้


หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และก่อนที่เขาจะรู้ตัวนั้นเวลาก็ผ่านไปแปดชั่วโมงแล้ว และในช่วงเวลานี้กิ่งหลักที่เหี่ยวเฉาก็ได้ดูดซับของเหลวมานาเข้าไปอย่างต่อเนื่อง และเมื่อรวมกับแก่นแท้ของดาวแห่งแสงแล้ว ตอนนี้กิ่งนี้ก็เต็มไปด้วยพลังชีวิต และในความเป็นจริงมันเริ่มมีใบไม้งอกออกมาแล้วด้วยซ้ำ


เมื่อใบไม้สีเขียวเริ่มแตกหน่อบนกิ่งไม้ พลังงานชีวิตที่แผ่ออกมานั้นมันก็หนาแน่นมากขึ้น และตอนนี้ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยพลังงานชีวิต


มันตื่นแล้ว แต่พลังงานชีวิตนี่ให้มานาหนาแน่นขนาดนี้เลยงั้นหรอ ? ระดับของต้นไม้แห่งชีวิตนี้จะคืออะไร ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเขารู้สึกได้ถึงพลังงานชีวิตเต็มห้อง หากผู้เล่นเข้ามาพักผ่อนในห้องนี้ตอนนี้ อัตราการฟื้นฟูของพวกเขาจะเร็วและมากกว่าปกติถึงสองเท่าแน่นอน


ใน God domain แม้ว่าผู้เล่นจะมาถึงขั้นสามแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ได้ยังได้รับพลจากพลังกัดกร่อนของแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่านั้น เพียงแต่ว่าที่ขั้นสามนั้น พวกเขาทนต่อพลังกัดกร่อนได้มากขึ้นเท่านั้น และหลังจากล่ามาถึงจุดหนึ่งแล้ว พวกเขาก็ยังคงต้องกลับไปที่เมืองเพื่อพักผ่อนอยู่ ไม่งั้นพวกเขาจะล้มลงจากความเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ก่อนที่จะตายลง


นี่คือเหตุผลเบื้องหลังการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเมืองป่าหิน


อย่างไรก็ตามแม้ว่าผู้เล่นจะกลับมาพักผ่อนในเมือง แต่มันก็ยังต้องใช้เวลานานมากในการฟื้นตัวกลับสู่จุดสูงสุด และในขณะเดียวกันผู้เล่นที่ร่ำรวยก็ยังมีทางเลือกในการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีมานาเพื่อเพื่อเร่งการฟื้นตัว แต่สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยเร่งได้แค่ไม่กี่สิบเปอเซ็นต์เท่านั้น


อย่างไรก็ตามตอนนี้ หากผู้เล่นเข้ามาพักผ่อนในห้องนี้ อัตราการฟื้นฟูตัวเองของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากๆ


อย่างไรก็ตามผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญของ God domain ก็บริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่เร่งอัตราการฟื้นฟูตัวเองเป็นประจำเพื่อให้มีเวลาล่า และสำรวจแผนที่มากขึ้น ขณะที่พวกระดับสูงของกิลก็มักจะใช้โพชั่นโบราณเพื่อเพิมอัตราการฟื้นฟู ซึ่งมันก็มีราคาแพงมาก โดยที่ถูกที่สุดในหมู่พวกนี้ก็ยังมีราคาราวยี่สิบถึงสามสิบเหรียญทองต่อขวด ในขณะที่พวกที่แพงๆก็มีราคามากกว่าหนึ่งร้อยเหรียญทองต่อขวด


โพชั่นโบราณนั้นจัดเป็นของบริโภคที่ใช้แล้วหมดไป โดยมันจะมีผลเพียงสี่ถึงหกชั่วโมง อย่างไรก็ตามเมื่อรวมผลของโพชั่นโบราณและอาหารกับเครื่องดื่มที่ช่วยเร่งการฟื้นฟู มันก็อาจทำให้อัตราการฟื้นตัวของผู้เล่นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าได้เลย


อย่างไรก็ตามตอนนี้กิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตที่พึ่งจะฟื้นฟูขึ้นมาก็สามารถให้เอฟเฟคแบบนี้ได้แค่ในห้องนี้เท่านั้น หากข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปมหาอำนาจต่างๆของ God domain จะต้องคลั่งด้วยความอิจฉาแน่นอน


เพราะท้ายที่สุดแล้วสำหรับโพชั่นโบราณนั้นมันให้ผลกับคนแค่คนเดียว อย่างไรก็ตามกิ่งนี้สามารถช่วยผู้เล่นทุกคนที่พักผ่อนอยู่ในห้องที่มันมีเอฟเฟคได้


แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว กิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตนี้ก็จะทำให้สมาชิกกองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีก เหนือกว่ามหาอำนาจต่างๆและเป็นผู้นำแล้ว เมื่อทำการเก็บเลเวลและปรับปรุงความแข็งแกร่งของพวกเขา


ในขณะที่ซือเฟิงกำลังรู้สึกประหลาดใจกับเอฟเฟคนี้ กิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตก็ปล่อยแสงสีมรกตออกมา จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นต้นอ่อน


ซึ่งทันทีที่ต้นอ่อนเริ่มเป็นรูปร่าง ซือเฟิงก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอย่างหนักในแบบที่เขาไม่อาจจะอธิบายได้ โดยต้นอ่อนนี้ได้ดูดมานาในห้องสมาธิขั้นพื้นฐานไปจนเหือดแห้งซึ่งถ้าซือเฟิงไม่ได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว การกระทำนี้ของต้นอ่อนจะฆ่าเขาได้เลย


ซือเฟิงนั้นไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นของเขาได้ เขารีบเปิดแผงข้อมูลของต้นอ่อนขึ้นมาเช็คทันที


อึก !! นี่มันคือดีไวน์อาติแฟคจริงๆงั้นหรอ ?!! ซือเฟิงตกตะลึง เมื่อเขาได้เห็นข้อมูลที่ปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา


[ต้นอ่อนของต้นไม้แห่งชีวิตโบราณ] (เศษชิ้นส่วนดีไวน์อาติแฟค)


ต้นอ่อนที่เต็มไปด้วยพลังงานชีวิต และต้นอ่อนนี้ก็ยังมีออร่าของโลกก่อนเกิดการทำลายล้างครั้งใหญ่ ต้นอ่อนนี้สามารถผลิตน้ำแห่งชีวิตได้สิบเจ็ดหยดต่อวัน และผลิตนิวเคลียสแห่งชีวิตได้สามชิ้นทุกๆสามวัน และผลไม้แห่งชีวิตหนึ่งผลทุกๆเจ็ดวัน ต้นอ่อนนี้สามารถอยู่รอดได้เฉพาะในสถานที่ที่มีความหนาแน่นของมานาสูงเท่านั้น

มีความสามารถในการเติบโต (ต้องใช้พลังงานที่หนาแน่นและบริสุทธิ์จำนวนมากในการเติบโต อัตราการเติบโตในปัจจุบัน 0 เปอเซ็นต์)


ก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่คาดเดาว่ากิ่งหลักที่เขาได้รับมานี้เป็นดีไวน์อาติแฟค เพราะมันอยู่รอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ และสภาพแวดล้อมในสมัยโบราณนั้นก็ดีกว่าสภาพแวดล้อมในปัจจุบันของ God domain หลายเท่า


อย่างไรก็ตามต้องยอมรับเลยว่าเขาไม่คิดว่ากิ่งหลักที่เขาได้รับมานี้จะอยู่ในระดับดีไวน์อาติแฟคจริงๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เศษชิ้นส่วนก็ตาม


แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแตค่เศษชิ้นส่วน แต่มันก็ยังคงจัดเป็นดีไวน์อาติแฟคที่แท้จริง !! มันไม่ใช่ไอเทมระดับตำนานที่ถูกระบุว่ามีพลังของดีไวน์อาติแฟค ….


ดีไวน์อาติแฟคนั้นสามารถจะนำเผ่าพันธุ์ทั้งหมดที่เป็นเจ้าของมันไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้ พวกมันเป็นสิ่งที่แม้แต่เทพโบราณก็ยังต่อสู้ฟาดฟันเพื่อแย่งชิงกัน และแม้แต่วิหารเทพสงครามที่ยิ่งใหญ่ก็มีไอเทมระดับดีไวน์อาติแฟคแค่สองชิ้นเท่านั้นอยู่ในคลังของพวกเขา


หากข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นใน God domain เลย แม้แต่ NPC ทั้งหมดก็ยังมีสิทจะเคลื่อนไหว โดยเฉพาะพวกกองกำลังแห่งความมืด ซึ่งจะเลือกเข้าทำลายเมืองป่าหินแน่นอน ในความเป็นจริงต้องบอกว่าพวกเขาจะไม่ลังเลเลยที่จะทำลายทั้งจักรวรรดิเพื่อรับเอาต้นอ่อนนี้


ดังนั้นในขณะที่ซือเฟิงรู้สึกดีใจอย่างมากที่ได้เห็นว่าต้นอ่อนนี้อยู่ในระดับเศษชิ้นส่วนดีไวน์อาติแฟค แต่เขาก็รู้สึกประหม่าและกลัวไปพร้อมกัน ขณะที่จ้องมองไปยังต้นอ่อน


ยิ่งไปกว่านั้นการฟื้นฟูกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตขึ้นมาได้แบบนี้ยังไม่ใช่ส่วนที่ยากที่สุดด้วย ส่วนที่ยากที่สุดจริงๆคือการที่ต้องจัดหาพลังงานที่หนาแน่นและบริสุทธิ์จำนวนมากเพื่อมาช่วยในการเติบโตของต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งแม้ว่ามันจะไม่ได้ประสบความสำเร็จในครั้งแรก แต่ผู้เล่นก็สามารถลองแล้วลองอีกจนกว่ามันจะสำเร็จได้


แถมนอกจากส่วนที่ยากที่สุดแล้ว ส่วนที่ท้าทายที่สุดคือการรักษาต้นไม้แห่งชีวิตไว้


ต้นไม้แห่งชีวิตนั้นค่อนข้างจะถูกระบุสภาพแวดล้อมความต้องการไว้อย่างเข้มงวดมากๆ หากผู้เล่นไม่สามารถปฎิบัติตามเงื่อนไขเหล่านี้ได้ ต้นไม้ก็จะตาย ไม่ต้องพูดถึงการทำให้มันเจริญเติบโตได้เลย


และเงื่อนไขหลักๆของต้นไม้แห่งชีวิตก็คือการปลูกมันในสถานที่ที่มีความหนาแน่นของมานามากเพียงพอ


เดิมทีซือเฟิงคิดว่าเขาจะสามารถพึ่งพาสภาพแวดล้อมของเมืองป่าหินเพื่อปลูกต้นไม้แห่งชีวิตได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้แม้ว่าเขาจะสามารถฟื้นฟูกิ่งหลักขึ้นมาได้ แต่มันก็กลายเป็นเพียงต้นอ่อนเท่านั้น และเอาจริงๆจำนวนมานาที่ต้นอ่อนต้องการนั้นก็ไม่ได้มากเท่ากับต้นโตเต็มวัย และในความเป็นจริงด้วยสภาพแวดล้อมของเมืองป่าหินนั้นเขาก็มั่นใจว่าเขาจะสามารถปลูกต้นอ่อนได้ แม้ว่ามันจะอยู่ในระดับตำนานก็ตาม


อย่างไรก็ตามสำหรับต้นอ่อนระดับเศษชิ้นส่วนดีไวน์อาติแฟคนั้น แม้แต่ห้องสมาธิขั้นพื้นฐานของเมืองก็จะไม่สามารถจัดสรรมานาให้ตามจำนวนที่ต้นอ่อนต้องการได้


ดูเหมือนว่าถ้าฉันไม่อัพเกรดเมืองป่าหิน ฉันก็จะไม่สามารถแตะต้องต้นไม้แห่งชีวิตได้สินะ ซือเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นออกมา ขณะที่เขามองไปยังต้นอ่อนที่ลอยอยู่ตรงหน้าของเขา จากนั้นเขาก็ติดต่อเสวี่ยเหวินโหรวและถามว่า “สิ่งต่างๆด้านของเธอไปถึงไหนแล้ว ?”

 

 

 


ตอนที่ 2547

 

รากฐานพร้อมสร้างเมืองป่าหินขึ้นใหม่


“ฉันให้คนของฉันไปจัดการทุกอย่างที่จำเป็นแล้ว อย่างไรก็ตามมันก็มีมหาอำนาจจำนวนไม่น้อยที่ขายวัสดุจากทวีปด้านตะวันตกในตอนนี้ ดังนั้นเราจึงต้องรอสักพักเพื่อให้ได้ราคาที่ดีขึ้น” เสวี่ยเหวินโหรวตอบ เมื่อได้ยินคำถามของซือเฟิง


แม้ว่าวัสดุหายากของทวีปด้านตะวันตกจะมีค่ามากๆในทวีปด้านตะวันออก แต่มันก็ยังมีมหาอำนาจบางกลุ่มที่ขายพวกมัน ดังนั้นเพื่อให้ได้ราคาที่ดีขึ้นสำหรับวัสดุที่ซือเฟิงนำกลับมา และเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของราคา พวกเขาไม่เพียงแต่จะต้องแยกวัสดุออกไปขายยังประเทศต่างๆจำนวนมาก แต่ยังต้องพิจารณาเรื่องเวลา และการขายวัสดุพวกที่มีอยู่น้อยด้วย ซึ่งการทำแบบนี้เท่านั้นมันจึงจะทำให้พวกเขาขายวัสดุได้ราคาดีที่สุด และสำหรับสภาสิบแปดปีกการทำแบบนี้ในปัจจุบันก็ไม่ได้มีปัญหาใดๆ


“ไม่ต้องรอแล้ว ขายทุกอย่างที่เธอสามารถขายได้เลยในตอนนี้” ซือเฟิงกล่างหลังจากครุ่นคิด


“เอาอย่างนั้นเลยหรอ ?” เสวี่ยเหวินโหรวรู้สึกสับสนเล็กน้อยกับการตัดสินใจของซือเฟิง


ราคาพวกเขาจะได้รับจากการขายวัสดุอย่างรวดเร็วนั้นจะแตกต่างอย่างมากจากสิ่งที่พวกเขาจะได้รับจากการขายวัสดุทีละน้อย เพราะท้ายที่สุดแล้วมันไม่ใช่ทุกคนที่จะมีวัสดุหายากของทวีปด้านตะวันตก หากพวกเขาขายวัสดุเหล่านี้ในปริมาณมาก มันก็จะทำให้ตลาดอิ่มตัวเร็วมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ผลกำไรที่ได้รับลดลง


“อืม ตอนนี้ฉันต้องการเงินอย่างเร่งด่วน …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า


ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากทำแบบนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามแผนการมักมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เขาไม่เคยคิดเลยจริงๆว่ากิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตที่เขาได้รับมาจะอยู่ในระดับเศษชิ้นส่วนดีไวน์อาติแฟค


ความหนาแน่นของมานาที่ต้นอ่อนระดับเศษชิ้นส่วนดีไวน์อาติแฟคต้องการนั้น มันเป็นสิ่งที่แม้แต่ห้องสมาธิขั้นพื้นฐานของเมืองป่าหินที่มีมานาหนาแน่นที่สุดในเมืองตอนนี้ก็ยังไม่สามารถจัดหาให้ได้


ต้นอ่อนของต้นไม้แห่งชีวิตนั้นแตกต่างจากไอเทมอื่นๆ เพราะเมื่อกลายเป็นต้นอ่อนแล้ว มันจะไม่สามารถเก็บไว้ในกระเป๋าได้นานเท่าที่ผู้เล่นต้องการ และเต็มที่ตอนนี้มันก็จะมีชีวิตอยู่ได้แค่สองถึงสามวันเท่านั้น หากมีมานาไม่เพียงพอ ซึ่งหากผู้เล่นล้มเหลวในการจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของมันให้ดีเพียงพอ มันก็จะเหี่ยวกลับเป็นกิ่งไม้


ยิ่งไปกว่านั้นกระเป๋าทั่วไปยังไม่สามารถจะเก็บต้นอ่อนของต้นไม้แห่งชีวิตได้ เนื่องจากต้นอ่อนของต้นไม้แห่งชีวิตนั้นเป็นไอเทมที่ไม่นับเป็นไอเทมที่สามารถเก็บในพื้นที่กระเป๋าได้ แต่โชคดีที่ซือเฟิงมีกระเป๋าระดับอีปิคที่สามารถเก็บไอเทมแบบนี้ได้ ไม่งั้นเขาจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยให้ต้นอ่อนตายในห้องสมาธิขั้นพื้นฐาน


ในขณะเดียวกันใน God domain มันมีเพียงสามวิธีในการจะเพิ่มความหนาแน่นของมานาในเมือง


วิธีแรกก็คือการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างที่ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมานา อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากหอคอยมานาแล้ว ผู้เล่นต้องหาแบบแปลนสิ่งก่อสร้างอื่นๆที่คล้ายกันด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นแบบแปลนสิ่งก่อสร้างที่สามารถเพิ่มความหนาแน่นของมานาในเมืองได้แบบมหาศาลนั้นยังจัดว่ามีคุณค่าอย่างหาที่เปรียบมิได้ และมันก็มีมูลค่าสูงกว่าเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานด้วย ดังนั้นมหาอำนาจใดๆที่ได้รับแบบแปลนนี้มาจึงมักจะเลือกใช้มันเองแทนที่จะขายหรือแลกเปลี่ยน


ขณะเดียวกันตอนนี้สภาสิบแปดปีกก็ไม่มีแบบแปลนแบบนี้อยู่ในมือ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถจะใช้วิธีการนี้ได้


ขณะที่วิธีที่สองนั้นก็ยากพอกับวิธีแรก และนั่นมันก็คือการติดตั้งแหล่งพลังงานที่ดีกว่าให้กับวงเวทย์หลักของเมือง ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมานาภายในเมืองอย่างมาก


ขณะที่วิธีที่สามนั้นคือวิธีที่ถูกใช้มากที่สุดในอดีตและนั่นก็คือการอัพเกรดเมืองนั่นเอง


เมื่อระดับของเมืองเพิ่มขึ้น มาตราฐานวงเวทย์หลักของเมืองก็จะดีขึ้นเช่นกัน เป็นผลให้ความหนาแน่นของมานาภายในเมืองนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่การอัพเกรดเมืองกิลนั้นก็จำเป็นจะต้องมีผู้เล่นที่มากเพียงพอและต้องทำงานอย่างหนัก ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถบรรลุได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามมันก็เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเพิ่มความหนาแน่นของเมือง


ปัจจุบันในแง่ของความเจริญรุ่งเรืองและมาตราฐานความปลอดภัยของเมืองป่าหินนั้นมันมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางแล้ว และตอนนี้ค่าความนิยมของเมืองก็เป็นสิ่งเดียวที่ยังรั้งไม่ให้เกิดการอัพเกรดเมือง และโดยปกติแล้วเมืองก็จะต้องใช้เวลามากกว่านี้ในการสะสมค่าความนิยมที่เมืองต้องการ อย่างไรก็ตามมันก็มีทางลัดเหมือนกันสำหรับเรื่องนี้ ซึ่งนั่นก็คือการสร้างสิ่งก่อสร้างขั้นสูง


การก่อสร้างสิ่งก่อสร้างขั้นสูงขึ้นในเมืองนั้น มันจะทำให้เมืองได้รับค่าความนิยมจำนวนมากเพิ่มขึ้นในทันที และในสถานะปัจจุบันของเมืองป่าหินการเพิ่มสิ่งก่อสร้างขั้นสูงเข้าไปเพียงแห่งเดียว มันก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้เมืองสามารถอัพเกรดเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางได้แล้ว และในเวลานั้นไม่เพียงแต่ขนาดของเมืองจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ความหนาแน่นของมานาภายในเมืองเองก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน


อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นไม่ได้มีแบบแปลนสิ่งก่อสร้างขั้นสูง ทั้งหมดที่เขามีคือแบบแปปลนโรงแรมอิสระ ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุด และแม้ว่าสิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุดจะให้ค่าความนิยมมากกว่าสิ่งก่อสร้างขั้นสูงเมื่อมันถูกก่อสร้างเสร็จสิ้น แต่ต้นทุนในการสร้างมันก็สูงกว่าสิ่งก่อสร้างขั้นสูงมากเช่นกัน แถมการสร้างสิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุดนั้นไม่เพียงแต่จะต้องใช้วัสดุที่หายากมากเท่านั้น แต่มันยังต้องมีเหรียญทองจำนวนมากด้วย ไม่ต้องพูดถึงค่าก่อสร้างที่จะแตกต่างกันออกไปตามขนาดของสิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุด


เท่าที่ซือเฟิงรู้ แม้แต่ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่ถูกที่สุดของสิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุดก็ยังมีราคาหนึ่งล้านเหรียญทอง


โชคดีที่วัสดุที่จำเป็นทั้งหมดในการสร้างโรงแรมอิสระนั้นซือเฟิงมีอยู่ในมือแล้ว และสิ่งเดียวที่เขาขาดตอนนี้คือเงินทุน


ปัจจุบันสภาสิบแปดปีกนั้นมีเงินเหรียญทองสำรองเหลือน้อยกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญทองแล้ว ซึ่งนี่มันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับจำนวนที่จำเป็นเลย ดังนั้นวิธีเดียวที่น่าเชื่อถือได้ที่สุดที่ซือเฟิงคิดว่าจะทำให้เขาได้รับเงินก้อนใหญ่มาภายในหนึ่งถึงสองวัน ก็คือการขายวัสดุที่เขาได้รับมาจากทวีปด้านตะวันตก


“ฉันเข้าใจ ฉันจะพยายามขายวัสดุทั้งหมดที่เรามีในจักรวรรดิและอาณาจักรต่างๆให้มากที่สุด หากยังไม่เพียงพอฉันก็จะขายวัสดุที่มีอยู่แล้วในตลาดด้วย” เสวี่ยเหวิน

โหรวกล่าวพลางพยักหน้า เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่จริงจังของซือเฟิง


“ฉันฝากเธอด้วยแล้วกัน …” ซือเฟิงพูดก่อนจะตัดสายไป จากนั้นเขาก็ออกจากบริษัทการค้าแสงเทียน และไปดำเนินการเตรียมงานที่จำเป็นเพื่อสร้างโรงแรมอิสระเป็นการส่วนตัว


ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุดไม่กี่แห่งที่มีใน God domain โรงแรมอิสระนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสร้างขึ้น เพราะมันไม่เพียงแต่จะต้องการสถาปนิกระดับปรมาจารย์จำนวนมาก แต่มันยังต้องการปรมาจารย์นักเวทย์จำนวนมากด้วย หากปราศจากความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคของปรมาจารย์นักเวทย์ละก็ไม่ควรคิดที่จะสร้างโรงแรมอิสระขึ้นมาเลย


นี่เป็นสาเหตุที่ซือเฟิงไม่รีบร้อนที่จะสร้างโรงแรมอิสระ แม้ว่าเขาจะได้รับแบบแปลนมาแล้วก็ตาม


ในขณะที่ซือเฟิงกำลังรวบรวมวัสดุที่จำเป็นในการสร้างโรงแรมอิสระ สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่คอยจับตาดูทุกการกระทำของสภาสิบแปดปีกต่างก็ตกตะลึงกับสถานการณ์นี้


“นี่แบล๊คเฟรมกำลังพยายามจะทำอะไร ? การรุกรานของโลกแห่งความมืดกำลังจะเริ่มต้นขึ้น แต่เขากับให้สถาปนิกจำนวนมากวิ่งไปทั่วเมืองเนี่ยนะ ?”


“บางทีเขาอาจจะวางโครงสร้างการป้องกันเพิ่มเติมเพื่อสร้างความมั่นใจ ให้กับผู้เล่นของเมืองป่าหินรึปล่าว ? ฉันได้ยินมาว่าเหตุการณ์นี้ทำให้กำไรของเมืองป่าหินลดลงครึ่งหนึ่ง และเมื่อผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดบุกเข้ามาแทนที่เมืองจะสร้างผลกำไรได้ เมืองป่าหินอาจกลายเป็นหลุมดูดเงินแทน”


“ถ้าแบล๊คเฟรมรู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น ทำไมเขาถึงเลือกจะยั่วยุหัวใจปีศาจตั้งแต่แรก ? นี่เขาคิดว่าโครงสร้างการป้องกันแค่ไม่กี่อย่างมันจะเพียงพอที่จะหยุดการรุกรานของผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดงั้นหรอ ? ไม่ต้องพูดถึงเมืองกิลของสภาสิบแปดปีกเลย แม้แต่เมืองกิลของซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดห้าอันดับแรกก็ยังไม่สามารถจะหยุดผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดได้”


มหาอำนาจต่างๆนั้นแอบเยาะเย้ย เมื่อพวกเขาเห็นซือเฟิงวิ่งไปรอบๆเมืองอย่างพลุกพล่าน การรุกรานของโลกแห่งความมืดนั้นใกล้เข้ามาแล้ว แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับดูเหมือนจะกำลังทำอะไรที่ดูไร้ประโยชน์มากๆแทนที่จะมารับสมัครกำลังคนเพิ่มในการป้องกันเมือง


ในสถานการณ์เช่นนี้ สมาชิกสภาสิบแปดปีกเองก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก ….


ก่อนหน้านี้พวกเขาค่อนข้างมั่นใจในการป้องกันของเมืองป่าหินมากๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วไม่เคยมีมหาอำนาจใดทำลายการป้องกันของเมืองได้เลยจนถึงตอนนี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้คู่ต่อสู้ของพวกเขานั้นไม่ใช่มหาอำนาจกลุ่มเดียว แต่เป็นโลกอื่นทั้งโลก พวกเขาจึงคิดว่ามันแทบจะไม่มีโอกาสที่พวกเขาจะชนะเลย


ในขณะเดียวกันในจักรวรรดิมังกรดำ เสวี่ยเหวินโหรวนั้นก็ดีใจมากที่วัสดุถูกขายออกไปเรื่อยๆ ในระหว่างที่เธอรับหน้าที่ดูแลเรื่องนี้อยู่


ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง หลังจากที่เธอได้รับคำสั่งมาจากซือเฟิงให้ขายทุกอย่าง และรวบรวมเงินมาให้เร็วที่สุดนั้น เธอก็ออกคำสั่งกับคนของเธอทันที ซึ่งเธอก็คิดว่าวัสดุล๊อตแรกที่พวกเขาขายนั้นน่าจะทำเงินได้ประมาณสี่แสนเหรียญทองเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้หลังจากขายวัสดุล๊อตแรกไปไม่ถึงครึ่ง พวกเขากับทำเงินได้มากกว่าสามแสนห้าหมื่นเหรียญทอง นี่มันมากกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้ตอนแรกมาก


สิ่งที่เสวี่ยเหวินโหรวไม่รู้ก็คือ แม้ว่ามหาอำนาจบางกลุ่มจะขายวัสดุที่ได้รับมาจากทวีปด้านตะวันตกของพวกเขา แต่มหาอำนาจเหล่านี้ก็กลับขายเพียงส่วนน้อยเท่านั้น และพวกเขาก็เก็บส่วนใหญ่ไว้ใช้เอง ในขณะเดียวกันวัสดุจำนวนเล็กน้อยเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้เล่นและทีมนักผจญภัย แต่มันไม่ใช่เลยสำหรับกิลขนาดใหญ่ที่ต้องการจำนวนมาก


อย่างไรก็ตามตอนนี้เสวี่ยเหวินโหรวกับทำการขายวัสดุแบบนี้ที่กิลขนาดใหญ่ต้องการจำนวนมาก ดังนั้นนี่มันจึงเป็นเหมือนพรจากสวรรค์เลย


ดังนั้นในช่วงเวลาที่กิลขนาดใหญ่ต่างๆแข่งขันกันอย่างบ้าคลั่งเพื่อแย่งชิงวัสดุที่เสวี่ยเหวินโหรวขาย ในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน พวกเขาจึงสามารถทำเงินได้มากกว่าสี่ล้านเหรียญทอง ซึ่งมันมากกว่าผลกำไรที่เขาคาดการณ์ไว้เกือบสองเท่า


ผลลัพธ์นี้ก็ทำให้ซือเฟิงประหลาดใจมากเช่นกัน

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพวกกิลชั้นสูงในชีวิตที่ผ่านมาของฉันที่สามารถเดินทางไปมาระหว่างทวีปหลักสองด้านได้จะกลายเป็นมหาอำนาจในที่สุด !!! นี่มันแจ๊คพอตชัดๆ !!! ซือเฟิงถอนหายใจอย่างมีความสุข เมื่อเขาได้รับการส่งมอบเหรียญทอง 4.11 ล้านเหรียญมา


ในตอนนี้ซือเฟิงนั้นมีรายได้มากกว่าสิบเท่าของต้นทุนเดิมของวัสดุเหล่านี้ และหากเขาสามารถเดินทางไปมาเพื่อทำธุรกิจแบบนี้ได้อีกสักสองถึงสามครั้ง เขากน่าจะมีเงินมากพอที่จะทำให้มหาอำนาจต่างๆอิจฉาเขาอย่างมาก


อย่างไรก็ตามในขณะที่ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจกับผลลัพธ์นี้ แต่เขาก็ไม่ได้หยุดทำงาน หลังจากตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่ที่เขาอยู่นั้นถูกปิดตายจากสาธารณะแล้ว เขาก็หยิบหนังสือโบราณเล่มหนาออกมาจากกระเป๋าของเขา ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากแบบแปลนโรงแรมอิสระ


ระบบ : ขณะนี้คุณมีวัสดุและที่ดินที่จำเป็นในการก่อสร้างโรงแรมอิสระแล้ว คุณต้องการจะเริ่มก่อสร้างเลยหรือไม่ ?

 

 

 


ตอนที่ 2548

 

รูปลักษณ์ที่น่าประหลาดใจของโรงแรมอิสระ


เมื่อได้รับการแจ้งเตือนจากระบบ ซือเฟิงก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และเลือกที่จะสร้างโรงแรมอิสระ หลังจากนั้นเขาก็ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบอื่นดังขึ้นอีกครั้ง


ระบบ : โปรดเลือกขนาดของโรงแรมอิสระที่คุณต้องการสร้าง โรงแรมอิสระขนาดเล็กจะมีราคาหนึ่งล้านสองแสนเหรียญทอง โรงแรมอิสระขนาดกลางจะมีราคาหนึ่งล้านห้าแสนเหรียญทอง และโรงแรมอิสระขนาดใหญ่จะมีราคาสองล้านเหรียญทอง


แน่นอนเลยว่ามันแพงมากๆ ซือเฟิงรู้สึกท้อแท้ เมื่อเห็นราคาที่ระบุไว้ แม้ว่าเขาจะรู้สิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุดนั้นจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการสร้าง แต่เขาก็ยังพบว่ามันยากที่จะยอมรับ เมื่อได้เห็นราคาด้วยตัวเอง


ด้วยเงินหนึ่งล้านสองแสนเหรียญทอง มันจะทำให้เขาสามารถสร้างเมืองกิลทั่วไปสงถึงสามแห่งได้อย่างง่ายดาย มันนับเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลมากๆ แม้แต่กับมหาอำนาจต่างๆ และเงินนี้มันก็มากเพียงพอที่จะทำให้กิลชั้นสูงบรรลุความสำเร็จบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามตอนนี้เงินก้อนนี้กับสามารถใช้สร้างโรงแรมอิสระขนาดเล็กได้เท่านั้น


มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าสิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุดนั้นเป็นสิ่งที่มีเพียงมหาอำนาจต่างๆเท่านั้นที่จะสามารถจ่ายเพื่อสร้างมันได้ ขณะที่พวกกิลชั้นสูงหรือต่ำกว่านั้นลงมาต่อให้ได้รับแบบแปลนมา มันก็จะถูกนำมาแค่ตกแต่งเท่านั้น การสร้างขึ้นมาจริงๆมันจะเกินกว่าความสามารถของพวกเขา


อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นราคาทั้งหมด ซือเฟิงก็เลือกจะสร้างโรงแรมอิสระขนาดใหญ่อย่างไม่ลังเล


เดิมทีเขาวางแผนที่จะสร้างโรงแรมอิสระขนาดเล็กเพื่อจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวคือในการอัพเกรดเมืองป่าหินให้กลายเป็นเมืองกิลขนาดใหญ่ขั้นกลางเท่านั้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาได้รับการเก็บเกี่ยวมากกว่าที่เขาคาดไว้ในตอนแรกจากการขายวัสดุหายากจากทวีปด้านตะวันตก เขาจึงไม่จำเป็นจะต้องขี้เหนียวเรื่องเหรียญทอง เพราะท้ายที่สุดความแตกต่างระหว่างโรงแรมอิสระขนาดเล็ก กับขนาดใหญ่นั้นมีค่อนข้างมาก


แม้ว่าโรงแรมอิสระทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่จะมีฟังชั่นเดียวกัน แต่โรงแรมอิสระขนาดเล็กนั้นก็มีเพียงแค่แปดชั้น ขณะที่ขนาดใหญ่จะมีถึงสามสิบสองชั้น


การเริ่มต้นด้วยโรงแรมอิสระขนาดเล็กและค่อยๆอัพเกรดเป็นขนาดใหญ่นั้นจะมีราคาแพงมากกว่าการสร้างโรงแรมอิสระขนาดใหญ่โดยตรงหลายเท่า ดังนั้นในสถานการณ์ที่มีเงินทุนมากมายแบบนี้ ผู้ที่มีแบบแปลนของมันจึงมักจะเลือกสร้างโรงแรมอิสระขนาดใหญ่ตั้งแต่แรก


ทันทีที่ซือเฟิงเลือกจะสร้างโรงแรมอิสระขนาดใหญ่ เงินสองล้านเหรียญทองก็หายออกไปจากกระเป๋าของเขา ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นลำแสงสีทองไหลเข้าสู่แบบแปลนโรงแรมอิสระในมือของเขา ในช่วงเวลาต่อมาวงเวทย์การก่อสร้างก็เริ่มปรากฎขึ้นมามากมายบนหน้าหนังสือ และวงเวทย์เหล่านี้ทุกวงล้วนมีความซับซ้อนมากๆ และแม้แต่ที่ง่ายที่สุดในหมู่พวกมันก็ยังเป็นวงเวทย์ขั้นสูง หากคนที่มีมาตราฐานต่ำกว่าปรมาจารย์นักเวทย์ต้องมองมายังวงเวทย์เหล่านี้ พวกเขาจะรู้สึกปวดหัวอย่างมากแน่นอน


โชคดีที่วงเวทย์เหล่านี้ส่วนใหญ่จะสามารถดึงออกมาจากแบบแปลนและสลักมันลงไปในโครงสร้างได้โดยตรง ไม่อย่างนั้นหากซือเฟิงต้องสร้างวงเวทย์ทั้งหมดที่จำเป็นในการสร้างโรงแรมอิสระขึ้นใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น เขาก็จะไม่สามารถทำได้แน่นอน หากยังไปไม่ถึงระดับของสุดยอดปรมาจารย์นักเวทย์


“เอาล่ะทุกคน เริ่มงานได้ !!!” ซือเฟิงกล่าว หลังจากเห็นวงเวทย์ปรากฎขึ้นในแบบแปลน


ในช่วงเวลาต่อมาสถาปนิกมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่ได้รับสำเนาแบบแปลนของโรงแรมอิสระก็เริ่มเคลื่อนไหว สถาปนิกบางคนเริ่มปรับแต่งวัสดุ ในขณะที่บางคนเริ่มแยกชิ้นส่วนวัสดุ การก่อสร้างโรงแรมอิสระนั้นดำเนินไปอย่างราบรื่นภายใต้การควบคุมของซือเฟิง สำหรับซือเฟิงเองเขาก็ได้นำวงเวทย์ออกมาแกะสลักลงไปในส่วนที่ถูกสร้างเสร็จแล้วของโรงแรมอิสระอย่างเมามัน


ในเวลาเดียวกันกับที่ซือเฟิงกำลังสร้างโรงแรมอิสระ ภายในร้านอาหารชั้นสูงแห่งหนึ่งในเมืองชายแดนของจักรวรรดินักบุญทั้งสิบ ….


ขณะนี้ไม่เพียงแต่ร้านอาหารจะถูกจองเต็มแล้ว แต่มันยังมีผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสามหลายสิบคนเฝ้าอยู่รอบๆร้าน และออร่าที่น่ากลัวของผู้เล่นเหล่านี้ก็ทำให้ผู้เล่นที่เดินผ่านไปมานั้นไม่กล้าจะเข้าใกล้ร้านอาหารเลย


มันมีผู้เล่นหลายคนนั่งอยู่ในชั้นบนสุดของร้านอาหาร หากพวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆในจักรวรรดินักบุญทั้งสิบได้เห็นคนเหล่านี้ พวกเขาจะต้องตกใจอย่างมากแน่นอน


นี่เป็นเพราะผู้เล่นที่นั่งอยู่ในห้องนี้ทั้งหมดล้วนเป็นเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ใน God domain ทุกคนล้วนเป็นตัวตนที่สามารถจะเขย่าประเทศๆหนึ่งใน God domain ได้เลยด้วยการตัดสินใจของพวกเขา และในหมู่คนเหล่านี้คนที่มีสถานะสูงสุดก็คือ โคลท์ชาโด้ว รองหัวหน้ากิลของไมโทโลจี้


“รองหัวหน้ากิลไลท์ การเตรียมการด้านของคุณเป็นยังไงบ้าง ? ฉันได้ยินมาว่ากิลของโลกแห่งความมืดอย่างดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ก็ได้ลงนามในข้อตกลงไม่ยุ่งเกี่ยวกับสภาสิบแปดปีกนี่นา …” ชายสูงอายุ เลเวลหนึ่งร้อยแปด ที่สวมชุดสีขาว และมีตราสัญลักษณ์กิลของแพนธีออนถามขณะมองไปยังชายหนุ่มที่เฉยเมยที่มีหน้าต่อหล่อเหลาที่นั่งข้างๆเขา


“การเตรียมการของเราใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ขณะที่ฝ่ายโลกแห่งความมืดนั้นก็ต้องการเวลาอีกนิดหน่อย แต่ผู้อาวุโสเซ้าธ์โปรดมั่นใจได้เลย ทั้งสองกิลอาจมีอิทธิพลอย่างมากต่อโลกแห่งความมืด แต่จำนวนผู้เล่นของพวกเขาทั้งสองกิลนั้นไม่มีอะไรเลย เมื่อเทียบกับประชากรผู้เชี่ยวชาญของโลกแห่งความมืด นอกจากนี้เรายังได้บรรลุข้อตกลงกับเวิร์ลโดมิเนชั่นที่จะช่วยเติมเชื้อไฟให้กับเราแล้ว และในเวลานั้นตราบใดที่ไม่มีมหาอำนาจกลุ่มใดเข้าช่วยสภาสิบแปดปีกในการปกป้องเมืองป่าหิน เมืองก็จะถูกตีแตกอย่างรวดเร็วแน่นอน” ชายหนุ่มที่หล่อเหลาชื่อเฟรมมิ่งไลท์กล่าวพลางหัวเราะเบาๆ


“คุณวางใจได้เลยในประเด็นนี้ รองหัวหน้ากิลไลท์ สตาร์ลิ้งได้ส่งคำทักทายไปยังกิลขนาดใหญ่ต่างๆที่ปฎิบัติการรอบเมืองป่าหินแล้ว พวกเขาจะไม่เข้าช่วยเหลือสภาสิบแปดปีกในการกำจัดผู้เชี่ยวชาญจากโลกแห่งความมืดแน่นอน” ลู่ชิงหลัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม


เดิมทีลู่ชิงหลัวนั้นรู้สึกปวดหัวมากๆในการคิดหาหนทางกำจัดสภาสิบแปดปีก เพราะนับวันนั้นกิลยิ่งมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามซือเฟิงกับกล้าที่จะยั่วยุเผือกร้อนอย่างหัวใจปีศาจ และเนื่องจากเป็นแบบนี้ลู่ชิงหลัวจึงไม่รังเกียจที่จะส่งสภาสิบแปดปีกไปตามทาง


โลกทั้งใบที่เต็มไปด้วยผู้เล่นสายความมืด !!!


แม้แต่ลู่ชิงหลัวเองก็ไม่มีความมั่นใจที่จะต่อสู้กับกองกำลังดังกล่าวได้ แต่ซือเฟิงกับริเริ่มที่จะท้าทายกองกำลังนี้ หัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีกช่างไม่รู้ความหมายของความตายจริงๆ


ตราบใดที่สภาสิบแปดปีกสูญเสียเหมืองทองคำอย่างเมืองป่าหินเมื่อไหร่ ด้วยความแข็งแกร่งทางการเงินของสภาสิบแปดปีก การจะเหยียบสภาสิบแปดปีกให้ตายจะง่ายดั่งหั่นขนมเค้กชิ้นหนึ่ง


“เมื่อถึงเวลา ฉันก็คงต้องขอพึ่งพาทุกคนด้วย สำหรับการกระจายหุ้นของเมืองป่าหินที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง หัวใจปีศาจจะไม่ขอเข้าไปมีส่วนร่วมใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นฉันเชื่อว่ากิลผู้ปกครองโลกแห่งความมืดสามกิลก็จะไม่กล้าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เช่นกัน ทุกคนจะมีอิสระในการตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับเมืองป่าหิน ฉันหวังเพียงว่าเราจะจบเรื่องนี้ได้อย่างเร็วที่สุด และหากสภาสิบแปดปีกมุ่งเน้นไปที่การป้องกันเมืองป่าหิน ฉันก็กลัวว่าฝ่ายเราจะเจอปัญหาอยู่นิดหน่อยในการเข้ายึดเมือง” เฟรมมิ่งไลท์กล่าว


“คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้” โคลท์ชาโด้วกล่าวขึ้นมาอย่างกระทันหัน “ฉันได้ทำสัญญากับทีมนักผจญภัยต่างๆของเมืองป่าหินแล้ว ฉันจะทำการซื้อวัสดุของพวกเขาในราคาสูงกว่าตลาดโดยแลกกับหินรูนการต่อสู้ ฉันเชื่อว่าทีมนักผจญภัยของเมืองป่าหินจะไม่ขายวัสดุให้กับสภาสิบแปดปีกอีกต่อไป และหากไม่มีวัสดุของทีมนักผจญภัยเหล่านี้ สภาสิบแปดปีกก็ไม่น่าจะสามารถรักษาการดำเนินงานประจำวันได้ และเมื่อประตูสู่โลกแห่งความมืดถูกเปิดขึ้น สภาสิบแปดปีกก็จะไม่สามารถรวบรวมวัสดุที่จำเป็นของตัวเองได้อีกเลย และพวกเขาก็จะพังลงในเวลาไม่นานแน่นอน”


เมื่อได้ยินคำพูดของโคลท์ชาโด้ว ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงกับความโหดเหี้ยมของเธอ


หินรูนการต่อสู้นั้นเป็นไอเทมพิเศษที่มีแค่เฉพาะในทวีปด้านตะวันตก และมันก็เป็นสิ่งที่มหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันออกนั้นล้วนใฝ่ฝันที่จะได้รับเพื่อจะมาเพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับสมาชิกของพวกเขา และถ้าทั้งทีมมีหินรูนการต่อสู้ ผู้เล่นก็จะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นมากเลยทีเดียวในการบุกโจมตีดันเจี้ยน และบอสประจำพื้นที่

เนื่องจากประสิทธิภาพของหินรูนการต่อสู้ มหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันออกจึงยินดีจะกว้านซื้อพวกมันในราคาสูงไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไร ซึ่งจริงๆแล้วทีมนักผจญภัยในทวีปด้านตะวันออกไม่ควรมีสิทได้แตะต้องมันด้วยซ้ำ


แต่กระนั้นตอนนี้โคลท์ชาโด้วกับเสนอมันให้กับเหล่าทีมนักผจญภัยของเมืองป่าหิน ซึ่งพวกเขาจะยอมรับข้อเสนอโดยไม่ลังเลแน่นอน และนี่มันก็จะเป็นการโดดเดี่ยวสภาสิบแปดปีกให้ต้องสู่กับโลกแห่งความมืดทั้งโลกด้วยตัวเองอย่างแท้จริง


ด้วยเหตุนี้ตอนนี้เหล่าทีมนักผจญภัยของเมืองป่าหินจึงรวมตัวกันดำเนินการทำการค้ากับไมโทโลจี้อย่างลับๆ โดยพวกเขาไม่ได้เลือกจะขายวัสดุที่พวกเขาได้รับจากป่าใบไม้ผลิให้กับสภาสิบแปดปีกอีกเลย


“สภาสิบแปดปีกนี่ช่างรู้วิธีต่อลมหายใจของตัวเองจริงๆ ทีมนักผจญภัยของเราได้หยุดขายวัสดุให้พวกเขาแล้ว แต่แทนที่พวกเขาจะเพิ่มราคารับซื้อ พวกเขากับเริ่มสร้างสิ่งก่อสร้างใหม่ นี่พวกเขาคิดหรอว่าสิ่งก่อสร้างใหม่แค่แห่งเดียวจะช่วยหยุดการรุกรานจากโลกแห่งความมืดได้จริงๆน่ะ ?”


“บางทีสภาสิบแปดปีกอาจจะพยายามเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทุกอย่างให้มากที่สุดก่อนที่ประตูจะถูกเปิดนะ เพราะเมื่อประตูถูกเปิด ทุกอย่างจะจบลงแน่นอน ….”


ในขณะที่เหล่าผู้เล่นมองไปยังวงเวทย์บาเรียที่ปกคลุมบริที่สร้างโรงแรมอิสระ หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะคาดเดาเกี่ยวกับมัน


สภาสิบแปดปีกแข็งแกร่งมากแล้วยังไงล่ะ ? ยังไงซะความแข็งแกร่งของพวกเขาก็จะนับว่าไร้ประโยชน์อยู่ดีเมื่อต้องต่อสู้กับผู้เล่นทั้งโลก และแม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังจะต้องเป็นแบบเดียวกัน หากไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกับสภาสิบแปดปีก


ในขณะที่ผู้เล่นในเมืองป่าหินกำลังพูดคุยกันอย่างเงียบๆ วงเวทย์บาเรียที่ปกคลุมโรงแรมอิสระอยู่ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และเมื่อมันหายไปนั้น มันก็เผยให้เห็นอาคารซึ่งมีความสูงสามสิบสองชั้นบนถนนสายหลักของเมืองป่าหิน และอาคารนี้ก็มีความสูงหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร ซึ่งมันสามารถมองเห็นไปได้ทั่วทั้งเมืองเลย

 

 

 


ตอนที่ 2549

 

อัพเกรดเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง


“ช่างเป็นอาคารที่ใหญ่มากๆ !!!”


“มันเกิดอะไรขึ้นกัน ? เมืองขั้นพื้นฐานมีสิ่งก่อสร้างสูงขนาดนี้ได้ยังไง ?”


ผู้เล่นบนถนนสายหลักต่างเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นโรงแรมอิสระที่ถูกเปิดเผยออกมาอย่างกระทันหัน


ก่อนหน้านี้อาคารที่สูงที่สุดในเมืองป่าหินนั้นมีความสูงเพียงหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น แต่ตอนนี้โรงแรมอิสระไม่เพียงแต่จะสูงขึ้นไปอีกห้าสิบเมตร แต่มันยังมีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่น่าตกใจมากอีกด้วย โดยมันสามารถครอบคลุมพื้นที่ของสนามกีฬาขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย อาคารที่น่าทึ่งเช่นนี้นั้นหาได้ยากมากๆ แม้แต่ในเมือง NPC นับประสาอะไรกับเมืองกิล


ขนาดที่แท้จริงของโรงแรมอิสระนั้นมันทำให้ผู้เล่นทุกคนที่ได้เห็นตกตะลึงมากจริงๆ


ในขณะที่ผู้เล่นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งก่อสร้างใหม่นี้ สมาชิกสภาสิบแปดปีกที่รับผิดชอบในการสร้างโรงแรมอิสระก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ พวกเขานั้นรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาได้รับมอบหมายให้สร้างสิ่งที่ไม่ธรรมดา แต่พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจว่ามันน่าทึ่งขนาดไหนจนกระทั่งโรงแรมอิสระถูกสร้างจนเสร็จสมบูรณ์


คนนอกนั้นอาจจะยังไม่รู้ว่าโรงแรมนี้น่าประทับใจแค่ไหน แต่พวกเขาที่เป็นผู้สร้างมันขึ้นมานั้นรู้ดี


โรงแรมอิสระนั้นเป็นเหมือนอีกโลกหนึ่ง มันดูใหญ่กว่ามาก เมื่อได้เข้ามาด้านในและความหนาแน่นของมานาภายในนี้มันก็สูงมากอย่างน่ากลัว ภายในมานาของโรงแรมอิสระนั้นหนาแน่นกว่าโลกภายนอกประมาณสองถึงสามเท่า แม้แต่ห้องสมาธิขั้นพื้นฐานของบริษัทการค้าแสงเทียนก็ยังเทียบไม่ได้


ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นเพียงตอนก่อนที่โรงแรมอิสระจะเสร็จสมบูรณ์ ….


มันมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างโครงสร้างที่เสร็จสมบูรณ์กับไม่เสร็จสมบูรณ์ใน God domain โครงสร้างในเกมนั้นมันทำหน้าที่เป็นเหมือนกับวงเวทย์ขนาดใหญ่หนึ่งชุด มันจะไม่สมบูรณ์จนกว่าจะสลักวงเวทย์สุดท้ายลงไป และวงเวทย์ของอาคารจะสามารถทำงานได้จริงๆก็ต่อเมื่องานทั้งหมดมันสำเร็จลุล่วงแล้วเท่านั้น


กล่าวอีกนัยหนึ่งคือสมาชิกของสภาสิบแปดปีกนั้นรู้สึกได้ถึงความหนาแน่นของมานาที่อยู่ภายในโรงแรมอิสระมาจากวัสดุหายากมากมายที่ใช้ในการสร้างมัน มันไม่ได้ถูกขยายโดยใช้วงเวทย์ใดๆ ….


นี่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้สถาปนิกของสภาสิบแปดปีกประหลาดใจ ไม่มีใครรู้เลยจริงๆว่าอาคารนี้จะมีความสูงถึงหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร ….


เมืองป่าหินนั้นตั้งอยู่ในป่าใบไม้ผลิ และในระหว่างที่พวกเขาประชุมกันอยู่ที่ชั้นที่ยี่สิบเจ็ดนั้น พวกเขาก็รู้สึกหลงใหลในทิวทัศน์ที่สวยงามเมื่อมองจากชั้นนี้มากๆ และหากพวกเขามีโอกาสพักค้างคืนบนชั้นบนสุดของโรงแรมอิสระ พวกเขาจะกระโดดเข้าหาโอกาสทันทีโดยไม่คำนึงถึงราคา


ผู้เล่นจะได้รับดับเบิ้ลบัฟ EXP อย่างรวดเร็ว ในขณะที่อนู่ในโรงแรม อันเนื่องมาจากความหนาแน่นของมานาที่สูงมากๆ ซึ่งการอยู่ในโรงแรมจะช่วยเพิ่มอัตราการเก็บเลเวลของคนๆหนึ่งขึ้นได้อย่างมาก เพราะท้ายที่สุดผู้เล่นทุกคนที่อยู่ในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย นั้นจะต้องกลับมาพักผ่อนที่เมืองไม่ช้าก็เร็ว และหากผู้เล่นสามารถได้รับดับเบิ้ลบัฟ EXP จากการพักผ่อนได้อย่างรวดเร็ว มันก็จะทำให้ความเร็วในการเก็บเลเวลของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาก


ในขณะที่สถาปนิกของสภาสิบแปดปีกกำลังรู้สึกตกตะลึงเมื่อนึกถึงอนาคตของโรงแรมอิสระ ซือเฟิงก็มองไปที่สิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุดตรงหน้าของเขาพลางถอนหายใจออกมา


เขาเคยเห็นโรงแรมอิสระของมหาอำนาจต่างๆมาก่อนในชีวิตที่ผ่านมาของเขา แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกก็มีหนึ่งในนั้นเป็นของตนเองแล้ว


สิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุดนั้นมันไม่ใช่แค่ของหายากใน God domain เท่านั้น ความสามารถอันทรงพลังของพวกมันเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้มหาอำนาจมากมายล้วนอยากได้มันมาครอบครอง


อย่างไรก็ตามก่อนที่ซือเฟิงจะเรียกอินเตอร์เฟซระบบของโรงแรมขึ้นมา และตรวจสอบมันได้อย่างถูกต้อง เขาก็ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นมาที่หูของเขาเป็นชุดๆ


ระบบ : โรงแรมอิสระขนาดใหญ่ถูกก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ผู้เล่นทุกคนที่มีส่วนร่วมในการก่อสร้างจะได้รับความสามารถด้านสายอาชีพเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล และได้รับค่าความเชี่ยวชาญอีกแปดพันแต้ม


ระบบ : โรงแรมอิสระขนาดใหญ่ถูกก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ค่าความนิยมของเมืองป่าหินเพิ่มขึ้นหนึ่งแสนแต้ม ค่าความรุ่งเรืองของเมืองเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล และความเร็วในการสะสมค่าความนิยมของเมืองป่าหินเพิ่มขึ้นสิบเปอเซ็นต์


ระบบ : ยินดีด้วย !! เมืองป่าหินเป็นเมืองกิลแห่งแรกที่มีการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุด ได้รับรางวัลฉายา “เมืองอิสระ” ซึ่งชื่อนี้จะช่วยกระตุ้นให้ NPC เข้ามาเยี่ยมชมเมืองป่าหินมากขึ้น


ระบบ : เมืองป่าหินมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดสำหรับการอัพเกรดเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง คุณต้องการจะอัพเกรดเมืองให้เปป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางเลยไหม ?


เมื่อการแจ้งเตือนของระบบสิ้นสุดลง เลเวลของซือเฟิงก็เพิ่มขึ้นจากหนึ่งร้อยสิบเอ็ด ไปเป็นหนึ่งร้อยสิบสอง ซึ่งนี่มันก็ช่วยประหยัดเวลาในการล่าของเขาไปหลายวัน และรางวัลมากมายที่ได้รับนี้มันก็ทำให้เขาประหลาดใจมากๆ


ฉันได้รับฉายาเมืองอิสระมาทั้งๆแบบนี้เลยงั้นหรอ ? ซือเฟิงจ้องมองไปที่การแจ้งเตือนของระบบอย่างพูดไม่ออก


การได้รับฉายาใน God domain นั้นมันทำได้ค่อนข้างง่ายสำหรับตัวบุคคล แต่ไม่สามารถพูดแบบเดียวกันได้กับฉายาเมือง และมหาอำนาจทุกกล่มในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงก็ต่างใฝ่ฝันที่จะได้รับฉายา “เมืองอิสระ” นี้กันอย่างมาก


เพราะด้วยฉายานี้นั้น ไม่เพียงแต่ NPC มนุษย์จะเข้ามาเยี่ยมชมเมืองมากขึ้นเท่านั้น แต่ NPC ของเผ่าอื่นๆก็จะเข้ามาด้วยเช่กัน โดยเฉพาะกับทหารและพ่อค้า NPC ดังนั้นฉายานี้มันก็จะทำให้เมืองป่าหินสามารถรับสมัครทหาร NPC เผ่าอื่นๆได้มากขึ้น


จากเผ่าทั้งหมดใน God domain นั้น มนุษย์ไม่ได้มีความสามารถพิเศษไปทางใดทางหนึ่งเลย พวกเขาไม่ได้มีร่างกายที่น่าประทับใจและความสัมพันธ์กับโลกแบบที่เผ่ายักษ์มี และพวกเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับมานาลึกซึ้งแบบเอลฟ์ และอื่นๆอีกมากมาย พูดง่ายๆก็คือ มนุษย์นั้นไม่ได้มีข้อได้เปรียบที่โดดเด่นเลย มรดกและการวิจัยอย่างไม่หยุดยั้งนั้นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้มนุษย์สามารถครอบครองส่วนสำคัญของทวีปหลักได้ นอกจากี้ยังีมข้อเท็จจริงที่ว่ามนุษย์นั้นมีมากกว่าเผ่าอื่นๆ


ในแง่ของพลังการต่อสู้ NPC มนุษย์นั้นด้อยกว่ายักษ์ เอลฟ์ และออร์คมาก


ซือเฟิงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก ฉายา “เมืองอิสระ” อาจเป็นประโยชน์อย่างมาก แต่มันจะไม่ได้ผลในทันที ที่สำคัญกว่านั้นคือเมืองป่าหินพร้อมสำหรับการอัพเกรดแล้ว


เมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง !!!


มหาอำนาจในปัจจุบันนั้นยังไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง พวกเขามองว่ามันเป็นเพียงเมืองที่ใหญ่ขึ้นและสามารถรองรับผู้เล่นได้มากขึ้นเท่านั้น และอย่างดีที่สุดมันก็สามารถจะเทียบกับเมืองใหญ่ของ NPC ได้


อย่างไรก็ตามสิ่งที่มหาอำนาจต่างๆไม่รู้เลยก็คือ เมืองกิลกับเมือง NPC นั้นแตกต่างกันมากจนจัดอยู่คนละหมวดเลย


เมืองกิลนั้นจะถูกนับว่ากลายเป็นเมืองที่แท้จริงก็ต่อเมื่อมาถึงระดับของเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางแล้วเท่านั้น


นี่คือเหตุผลหลักๆที่ตอนนั้นซือเฟิงต้องการจะอัพเกรดเมืองของเขาให้ได้ก่อนที่จะทำการเคลื่อนย้ายมายังแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย เพราะท้ายที่สุดเมืองกิลนั้นจะมีรากฐาน และจะสามารถเปิดใช้งานระบบป้องกันทั้งหมดได้ก็ต่อเมื่อกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางแล้วเท่านั้น


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้เลือกจะอัเกรดเมืองป่าหินอย่างไม่ลังเลเลย


ระบบ : เมืองป่าหินนั้นตั้งอยู่ในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย ดังนั้นการอัพเกรดเมืองให้เป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางมันจึงจะมีค่าใช้จ่ายอยู่เป็นเงินห้าหมื่นเหรียญทอง และคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนชิ้น คุณต้องการจะอัพเกรดไหม ?

“อัพเกรด !!!” ซือเฟิงยืนยัน


หลังจากนั้นเหรียญทองและคริสตัลเวทย์มนต์ตามจำนวนก็หายออกไปจากกระเป๋าของเขา ก่อนที่บาเรียขนาดมหึมาจะเข้าห่อหุ้มเมืองป่าหิน ซึ่งก็ทำให้ผู้เล่นทุกคนถูกเทเลพอร์ตออกจากเมืองทันที


“มันเกิดอะไรขึ้นกัน ? ทำไมอยู่ๆฉันก็ถูกเทเลพอร์ตออกมาด้านนอก ?”


“เกิดอะไรขึ้นกับเมืองป่าหิน ?”


ผู้เล่นมองไปยังบาเรียที่ห่อหุ้มเมืองด้วยความสับสน พวกเขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น


อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นครู่หนึ่ง การแสดงออกของผู้เล่นกิลบางคนก็แปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึง


“สภาสิบแปดปีกจะทำการเคลื่อนย้ายเมืองอีกครั้งงั้นหรอ ?”


“ไม่น่าใช่ ฉันเคยเห็นอะไรที่คล้ายกันแบบนี้มาก่อน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการอัพเกรดเมืองมากกว่า ฉันคิดว่าสภาสิบแปดปีกกำลังอัพเกรดเมือง …”


“อะไรนะ ?! เอาจริงดิ ?! เมืองป่าหินกำลังอัพเกรด ?!”

 

 

 


ตอนที่ 2550

 

เมืองป่าหินที่เป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง


“เมืองป่าหินกำลังอัพเกรด ?!”


เมื่อพวกเขาได้ยินใครบางคนพูดถึงการอัพเกรดเมืองป่าหิน ฝูงชนที่ถูกเทเลพอร์ตออกจากเมืองก็เงียบลง และหลายคนก็จ้องมองไปยังบาเรียเวทย์มนต์ที่ห่อหุ้มเมืองด้วยความประหลาดใจ


การอัพเกรดเมืองกิลนั้นกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่มีกิลใดที่จะสามารถอัพเกรดเมืองกิลของตัวเองให้กลายเป็นเมืองกิลขนาดใหญ่ขั้นกลางได้ เพราะข้อกำหนดในการอัพเกรดนั้นสูงเกินไป และมันต้องใช้เวลานานมาก ….


แต่ในตอนที่มหาอำนาจต่างๆพึ่งจะมีเมืองกิลขนาดให่ขั้นพื้นฐานอยู่แค่ไม่กี่แห่งภายใต้การควบคุมในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย สภาสิบแปดปีกกับกำลังอัพเกรดเมืองป่าหินให้กลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางได้แล้ว ….


“เมืองป่าหินมีคุณสมบัติ และข้อกำหนดตรงตามการอัพเกรดแล้วงั้นหรอ ? สภาสิบแปดปีกนี่โชคดีจริงๆ ด้วยการป้องกันของเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง แม้แต่ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดก็ยังจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเข้ายึดครองเมืองแน่นอน”


“คุณไม่ได้มองภาพรวมขนาดใหญ่เลย เมืองป่าหินนั้นเป็นเพียงแค่เมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง มันยังไม่ใช่เมืองหลัก การป้องกันของมันจะไปแข็งแกร่งขึ้นมากแค่ไหนกัน ? แม้แต่เมือง NPC ขั้นสูงก็ยังไม่สามารถจะรับประกันได้เลยว่าจะต้านทานการรุกรานของผู้เล่นจากโลกอื่นได้ทั้งโลก ไม่ต้องพูดถึงเมืองกิลขนาดใหญ่ขั้นกลางเลย”


“ถูกต้อง ตราบใดที่ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดเข้ายึดเมืองป่าหินได้ สภาสิบแปดปีกก็จะได้เสียใจแน่ที่ตัดสินใจอัพเกรดเมืองในครั้งนี้”


แม้ว่าทุกคนจะประหลาดใจและตกตะลึงที่สภาสิบแปดปีกสามารถอัพเกรดเมืองป่าหินขึ้นเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางได้ แต่พวกเขาก็คิดว่านี่ยังคงไม่ใช่ข่าวดีสำหรับสภาสิบแปดปีก เพราะโลกแห่งความมืดนั้นยังจัดว่าเป็นภัยคุกคามอยู่


ข่าวดังกล่าวนี้ก็ไปถึงหูของมหาอำนาจต่างๆอย่างรวดเร็วเช่นกัน และพวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันอย่างร้อนแรงเกี่ยวกับประเด็นนี้


จักรวรรดินักบุญทั้งสิบ สถานที่พักกิลจักรพรรดิคริมสัน เล้าจ์ของพวกระดับสูง :


“เป็นไปตามที่ฉันคิดจริงๆ แม้ว่ามันจะเล็กน้อย แต่สภาสิบแปดปีกก็สร้างความตกตะลึง และความประทับใจได้อีกครั้ง ไม่นึกเลยว่าหนึ่งในไพ่ที่พวกเขาใช้จะเป็นการอัพเกรดเมืองป่าหินเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง” ชายผู้ดุร้ายในห้องรับรองกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ ขณะที่เขาอ่านรายงานล่าสุดเกี่ยวกับเมืองป่าหิน เขานั้นมีเลเวลหนึ่งร้อยแปดแล้ว และเขาก็แผ่ออร่ารุนแรงมากๆออกมา ซึ่งชายคนนี้ก็หันไปจ้องมองหญิงสาวในชุดสีขาวและกล่าวต่อว่า “อิลูซะรี่ ดูเหมือนว่าการพนันของเธอครั้งนี้จะผิดไปเยอะนะ นี่สภาสิบแปดปีกคิดว่าเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางจะสามารถหยุดการรุกรานจากโลกแห่งความมืด และมหาอำนาจต่างๆได้จริงๆงั้นหรอ ? เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดนั้นไม่พอใจเธออย่างมาก หลังจากที่เธอคัดค้านอย่างรุนแรงในการเป็นพันธมิตรกับหัวใจปีศาจ หากสภาสิบแปดปีกไม่สามารถยืนหยัดอยู่ในป่าใบไม้ผลิได้ ไม่เพียงแต่เธอจะสูญเสียตำแหน่งรองหัวหน้ากิลนะ แต่พวกเขายังอาจจะจับเธอไปทำงานนั่งโต๊ะ และทำให้เธอไม่มีอำนาจเหลือในกิลเลยตลอดไป …”


“ฉันแค่เสนอแนะ แต่หัวหน้ากิลเป็นผู้รับผิดชอบการตัดสินใจขั้นสุดท้ายไม่ใช่รึไง ?” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางกลอกตาของเธอ และเธอก็กล่าวต่อด้วยความสัตย์จริงว่า “อีกอย่าง ฉันก็ยังมั่นใจว่าสภาสิบแปดปีกไม่มีทางจะถูกทำลายลงง่ายๆ นี่เป็นเหมือนกับความรู้สึกตกใจที่ฉันเห็นแบล๊คเฟรมและทีมของเขาบุกเข้าเมืองปีศาจไปฆ่าโทรเบิ้ลไทม์ได้นั่นแหละ นอกจากนี้แม้ว่าจักรพรรดิคริมสันจะไม่เข้าร่วมในการโจมตี แต่เราก็ไม่มีอะไรจะเสียนี่ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะน่ะ ไม่ใช่รึไง ?”


“เราอาจจะไม่สูญเสียอะไรไปเลย แต่เหล่าผู้เล่นสายความมืดนั้นมีสิทสูงมากที่จะเข้าปกครอง God domain ในอนาคต และความเร็วในการพัฒนาของหัวใจปีศาจนั้นก็น่าตกตะลึง จากรายงานที่เราได้รับมาหัวใจปีศาจนั้น ได้สร้างพันธมิตรลับๆขึ้นกับซุเปอร์กิล และกิลที่แข็งแกร่งใกล้เคียงกับซุเปอร์กิลมากมาย หากเราสร้างสัมพันธ์กับหัวใจปีศาจไว้ การพัฒนาในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยสำหรับเราก็น่าจะง่ายกว่าในอนาคต” ชายผู้ดุร้ายตอบโต้อย่างรอบคอบ “อีกทั้งหากเราเข้าร่วมกับหัวใจปีศาจ จักรพรรดิคริมสันก็จะสามารถเป็นเพื่อนกับกิลสายความมืดต่างๆได้ และอาจจะมีสิทได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์ของเมืองป่าหิน เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดล้วนไม่พอใจกับข้อเสนอแนะของเธอในครั้งนี้ นี่ควรเป็นโอกาสสำหรับจักรพรรดิคริมสันที่จะทำกำไร แต่โอกาสนั้นได้หมดไปแล้ว หากเรื่องนี้จบลงที่สภาสิบแปดปีกพ่ายแพ้ พวกเขาจะทำให้เธอได้จ่ายอย่างสาสมแน่นอน”


“อย่ามาโทษฉันสำหรับเรื่องนี้ มันไม่ได้มีอันตรายใดๆสำหรับการระมัดระวังตัว หัวหน้ากิลน่าจะเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของฉันก็เพราะคิดเช่นเดียวกัน สถานการณ์ใน God domain นั้นไม่มั่นคงอย่างมากในตอนนี้ และบรรยากาศระหว่างมหาอำนาจต่างๆก็ทวีความรุนแรงขึ้นมาก เมื่อโลกแห่งความมืดเชื่อมต่อกับทวีปหลักเมื่อไหร่ God domain จะมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง และฉันจะไม่แปลกใจเลยหากต้องเห็นมหาอำนาจบางกลุ่มล่มสลาย” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น


ในตอนแรกเธอก็ไม่ต้องการที่จะห้ามกิลของเธอในการเข้าเป็นพันธมิตรกับหัวใจปีศาจ และมหาอำนาจอื่นๆเพื่อโจมตีสภาสิบแปดปีก เพราะเธอก็แอบเห็นด้วยว่าสภาสิบแปดปีกคงถึงคราวจบสิ้นแล้ว


อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอนึกถึงการแสดงของซือเฟิงที่เมืองปีศาจ และตำนานที่เขาสร้างขึ้นในดาร์คเดน เธอก็ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ คนอื่นอาจคิดว่าข้อเสนอแนะของเธอเป็นเรื่องน่าหัวเราะ แต่มันก็จะมีเพียงผู้ที่ได้เห็นซือเฟิงป้องกันมือของราชันปีศาจขั้นห้าได้เป็นการส่วนตัวแบบเธอเท่านั้นจึงจะเข้าใจว่านักดาบนั้นทรงพลังมากขนาดไหน


“เรื่องนี้เธอต้องไปอธิบายกับเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดเอง พวกเขาสั่งให้ฉันเข้าไปที่เมืองป่าหินพร้อมกับกองกำลังหลักของเรา หากสถานการณ์ของสภาสิบแปดปีกตกอยู่ในความสุ่มเสี่ยง เราจะร่วมมือกับมหาอำนาจอื่นๆทันที” ชายผู้ดุร้ายกล่าวพลางยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้


“พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ?” อิลูซะรี่เวิร์ดประหลาดใจเล็กน้อย “นี่หัวใจปีศาจก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วงั้นหรอ ?”


พวกเขาเพิ่งจะได้รับข่าวการอัพเกรดเมืองป่าหินเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางเมื่อไม่กี่นาทีผ่านมา แต่เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดก็ได้ตัดสินใจจะทิ้งสภาสิบแปดปีกทันทีหากสถานการณ์สุ่มเสี่ยง ซึ่งมตินี้นั้นแม้แต่หัวหน้ากิลที่ไม่พอใจก็ยังไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงมันได้ ….


เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดจะต้องได้รับข่าวบางอย่างมาแน่นอน ไม่งั้นพวกเขาคงจะไม่รีบลงมติกดดันหัวหน้ากิลแบบนี้


“ฉันเองก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น …” ชายผู้ดุร้ายกล่าวก่อนจะลุกขึ้นยืน จากนั้นเขาก็ถามว่า “เธออยากมากับเราไหม ?”

“แน่นอน !!!” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางพยักหน้า “ถ้าฉันไม่ไป เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดก็จะมองว่าข้อเสนอแนะของฉันไม่มีน้ำหนักแม้แต่น้อย !!!”


หลังจากนั้นชายผู้ดุร้ายพร้อมกับอิลูซะรี่เวิร์ดก็ได้เดินทางเข้าไปยังเมืองป่าหินพร้อมกับกองกำลังหลักของจักรพรรดิคริมสัน


สองชั่วโมง หลังจากที่ผู้เล่นถูกบังคับให้เทเลพอร์ตออกจากเมืองป่าหิน บาเรียรอบๆก็เริ่มสลายไป และภายในไม่กี่วินาทีมันก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆและเผยให้เห็นเมืองกิลโฉมใหม่ทั้งหมด


เมื่อผู้เล่นที่พักผ่อนอยู่ในป่าใกล้ๆเห็นเมืองใหม่ พวกเขาก็ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด


กำแพงของเมืองป่าหินนั้นได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างท้าทายสวรรค์ เดิมทีกำแพงนั้นมีความสูงประมาณสิบสองเมตร แต่ตอนนี้มันสูงกว่าสามสิบเมตรแล้ว และกำแพงเมืองก็ได้รับการสร้างขึ้นใหม่ด้วยวัสดุที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้กำแพงนั้นดูเหมือนกับสัตว์ร้ายเหล็กกล้าที่กำลังขดตัวป้องกันพื้นที่เมือง ยิ่งไปกว่านั้นอักษรรูนเวทย์ทั้งหมดยังครอบคลุมทุกส่วนของกำแพงเมือง ซึ่งมันก็แผ่แรงกดดันที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกหนักอึ้งอย่างประหลาดออกมา


อาคารของเมืองนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน สิ่งก่อสร้างทั้งหมดของเมืองไม่เพียงแต่จะมีขนาดใหญ่กว่าแต่ก่อนมาก แต่มันยังแผ่แรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายได้ออกมาด้วย และแม้จะอยู่ห่างออกไปมากกว่าหนึ่งพันหลา แต่ผู้เล่นหลายคนก็รู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนใช้ออร่าล๊อคเป้าพวกเขาอยู่


ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือมานาในเมืองป่าหินที่แผ่ออกมา !!!


ตอนแรกนั้นผู้เล่นก็รู้สึกประหลาดใจมากแล้วถึงความหนาแน่นของมานาในเมืองป่าหิน ซึ่งมันจะไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย หากจะบอกว่าไม่มีเมืองกิลอื่นใดใน God domain ที่จะมีความหนาแน่นของมานาเท่ากับเมืองป่าหินในตอนที่เมืองเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐาน อย่างไรก็ตามตอนนี้ความหนาแน่นของมานาภายในเมืองได้มาถึงจุดสูงสุดใหม่แล้ว และตอนนี้มันมีแม้กระทั่งหมอกสีขาวจางๆปกคลุมทุกสิ่งภายในกำแพงเมือง ….


“อึก !! นี่คือเมืองป่าหินจริงๆงั้นหรอ ?!”


“นี่สภาสิบแปดปีกแทนที่เมืองป่าหินด้วยเมืองอื่นรึปล่าว ?!”

 

 

 


ตอนที่ 2551

 

เอฟเฟคของเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง


ฝูงชนนั้นเริ่มพูดคุยกัน ในขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังเมืองป่าหินที่เปลี่ยนแปลงไปมาก อย่างไรก็ตามสมาชิกของสภาสิบแปดปีกนั้นก็รู้สึกตกใจมากกว่าใครๆ


ในขณะที่ผนึกของเมืองถูกปลดออก สมาชิกของสภาสิบแปดปีกก็ได้รับอนุญาติให้กลับเข้ามาในเมือง และเมื่อพวกเขากลับเข้ามาในเมืองได้นั้น พวกเขาก็มีท่าทีราวกับคนที่ถูกสะกดจิต


นอกเหนือจากความหนาแน่นของมานาภายในเมืองที่เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดใหม่ที่ผู้เล่นสามารถสัมผัสได้ตั้งแต่นอกเมือง ผู้เล่นเหล่านี้ยังตกตะลึงกับโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของเมือง อาคารไม่เพียงแต่จะดูแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แต่ปัจจุบันมันยังมีร้านค้าจำนวนหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ซึ่งร้านค้าเหล่านี้นั้นถูกดำเนินการโดยผู้เล่น NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์ ร้านค้าเหล่านี้นั้นขายม้วนคัมภีร์เวทย์ โพชั่น อาหาร เครื่องดื่ม ซึ่งโดยปกติแล้วหายากมากๆในตลาด


ที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้เมืองป่าหินนั้นมีร้านค้าที่เป็นของบริษัทการค้าของ NPC ด้วย


ร้านค้าใหม่นี้อาจดูเหมือนกับร้านค้าทั่วไปที่มี NPC เป็นเจ้าของ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่แตกต่างกันคือพอมีบริษัทการค้าของ NPC เป็นเจ้างของร้านค้านั้น พวกเขามักจะออกเควสให้กับผู้เล่นด้วย และเมื่อผู้เล่นมีค่าชื่อเสียงมากเพียงพอกับบริษัทการค้า NPC แห่งใดแห่งหนึ่งแล้ว พวกเขาก็จะมีสิทได้รับเควสพิเศษระดับสูงที่ให้รางวัลกับพวกเขามากมาย และหากพวกเขาโชคดีพอ พวกเขายังจะมีสิทได้รับอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดจากเควสเหล่านี้ด้วย


บริษัทการค้าของ NPC นั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักในตอนนี้เลยที่ทำให้ผู้เล่นอิสระ และผู้เล่นจากกิลยังคงไปเยี่ยมเยียนเมืองของ NPC


“นี่หัวหน้ากิลทำอะไรไปกัน ? นี่คือเมืองป่าหินจริงๆงั้นหรอ ?” เสวี่ยเหวินโหรวถาม หัวใจของเธอเต้นรัว ขณะที่เธอจ้องมองไปยังรอบๆถนนสายหลัก ตอนนี้เมืองป่าหินนั้นมีอาคารสูงและร้านค้าขั้นสูงมากมายแบบเดียวกับเมืองไวท์ริเวอร์


ความจริงถ้าเธอไม่ได้เห็นโรงแรมอิสระ เธอจะคิดว่าตัวเองได้หลงเข้ามาในเมืองของ NPC บางแห่ง ….


ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างเมือง NPC กับเมืองกิล ก็คือบริษัทการค้า NPC เหล่านี้แหละ เพราะพวกเขาเป็นผู้ออกเควสเกือบครึ่งที่มีอยู่ในเมืองของ NPC


โดยเควสเหล่านี้นั้นให้ EXP มากมาย แถมยังให้รางวัลที่มีมูลค่าสูงด้วย ซึ่งแม้แต่ผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญบางคนก็ยังถือว่าเควสเหล่านี้เป็นรายได้หลัก


นี่คือสาเหตุที่ผู้เล่นยังคงถูกผูกติดอยู่กับเมืองของ NPC เพราะหากพวกเขาไม่สนใจเควสเหล่านี้ มันจะเท่ากับว่าพวกเขาสูญเสียรายได้ไปครึ่งหนึ่งเลย และนั่นมันก็จะทำให้ผู้เล่นทั่วไปสามารถอยู่รอดใน God domain ได้ยากมากๆ เพราะท้ายที่สุดโอกาสในการจะได้รับวัสดุ อาวุธ และอุปกรณ์ที่หายากในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่านั้น มันน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ ณ จุดนี้ ผู้เล่นทั่วไปจะได้รับเพียง EXP เท่านั้นในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย พวกเขาไม่สามารถอาศัยพื้นที่เหล่านี้เป็นแหล่งรายได้หลักที่มั่นคงได้


อย่างไรก็ตามตอนนี้เมืองป่าหินนั้นมีร้านค้าขั้นสูงที่มีบริษัทการค้าของ NPC เป็นเจ้าของแล้ว ซึ่งมันจะทำให้ผู้เล่นจำนวนมากสามารถอาศัยอยู่ที่เมืองนี้โดยไม่ต้องกลับไปที่เมือง NPC เพื่อรับหรือส่งเควส เพราะพวกเขาจะสามารถทำทั้งหมดที่เมืองป่าหินได้


คุณสมบัติเพิ่มเติมเหล่านี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เล่นทั่วไปในเมืองได้มากขึ้น และสำหรับกิลขนาดใหญ่ต่างๆสิ่งนี้ก็จะช่วยสลัดห่วงที่ผูกมัดพวกเขาไว้กับเมืองของ NPC ซึ่งหากเมืองกิลอื่นมีคุณสมบัติแบบนี้เช่นกัน พวกเขาก็จะสามารถเติบโตได้อย่างอิสระเลย แม้ว่าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเมืองของ NPC ก็ตาม พวกเขาสามารถพัฒนาได้ทุกที่ที่พวกเขาต้องการ


“แน่นอนว่าที่นี่ก็ต้องเป็นเมืองป่าหินสิ เมื่อเมืองกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง มันจะได้รับความสามารถในการเอาชีวิตรอดได้อย่างอิสระในแผนที่มาน่ะ” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อเขาเห็นการแสดงออกที่มีความสุขของเสวี่ยเหวินโหรว


มันอาจมีความต่างกันเพียงระดับเดียวระหว่างเมืองขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐานกับเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง แต่มันก็เป็นเหมือนกับความแตกต่างระหว่างสวรรค์กับโลก นี่คือเหตุผลที่เขากระตือรือร้นมากๆที่จะอัพเกรดเมืองป่าหินให้กลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง เพราะในฐานะเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง เมืองป่าหินก็จะสามารถเติบโตได้อย่างอิสระ แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะสูญเสียฐานหลักของตัวเองในอาณาจักรสตาร์มูนไปก็ตาม

ในระยะนี้ของเกม การแข่งขันในเมืองของ NPC นั้นเข้มข้นขึ้นมากๆ และหลายอย่างก็ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้เล่นอีกต่อไป เป็นผลให้การจัดการเมือง NPC กลายเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ และมีความเสี่ยงที่จะถูกมหาอำนาจอื่นเข้ายึดครอง


ในทางตรงกันข้าม ผู้เล่นนั้นสามารถควบคุมเมืองกิลของตัวเองได้อย่างเต็มที่ และหากมหาอำนาจอื่นต้องการจะเข้ายึดครองเมืองกิลนั้น พวกเขาก็จะต้องใช้ความพยายามมากหน่อย


อย่างไรก็ตามสำหรับซือเฟิง เขาถือว่าการที่โรงแรมอิสระถูกสร้างจนเสร็จนั้นมีความสำคัญมากกว่าเรื่องการอัพเกรดเมืองป่าหินให้กลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง เพราะโรงแรมนี้จะเป็นกุญแจสำคัญที่พาเมืองกิลไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง !!!


ไม่เพียงแต่มานาภายในโรงแรมอิสระจะหนาแน่นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ผู้เล่นยังสามารถตั้งวงเวทย์เทเลพอร์ตภายในนั้นได้อีกด้วย และเมืองกิลนั้นก็ไม่เหมือนกับเมืองของ NPC ดังนั้นมันจึงไม่มีม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมือง และการจะได้รับมันมานั้นค่อนข้างเป็นความท้าทายอย่างมาก


อย่างไรก็ตามโรงแรมอิสระจะสามารถตอบสนองความท้าทายดังกล่าวได้


แขกของโรงแรมอิสระทุกคนจะสามารถซื้อม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมือง และเทเลพอร์ตมาที่นี่ได้จากทุกที่และทุกเวลาที่พวกเขาต้องการ ซึ่งคุณลักษณะนี้ก็สะดวกมากๆสำหรับผู้เล่นที่ไม่มีที่พักอาศัยหรือบ้านในเมือง


นอกเหนือจากความสะดวกสบายที่มอบให้กับผู้เล่นสายต่อสู้แล้ว โรงแรมอิสระก็ยังมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้เล่นสายอาชีพ เพราะไม่เพียงแต่ผู้เล่นจะได้รับดับเบิ้ลบัฟ EXP เมื่อพักผ่อนภายในโรงแรม แต่พวกเขายังจะได้รับดับเบิ้ลบัฟค่าความเชี่ยวชาญทางสายอาชีพด้วย เพียงแต่ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับมันเร็วเท่ากับดับเบิ้ลบัฟ EXP ก็เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามมันก็จัดว่าเป็นโบนัสอันล้ำค่าสำหรับผู้เล่นสายอาชีพ เพราะท้ายที่สุดทั้งเครื่องมือและโพชั่นที่ช่วยกระตุ้นเรื่องนี้สำหรับผู้เล่นสายอาชีพ มันยังคงมีราคาแพงเกินไปในตลาด และไม่อาจถูกจับต้องได้โดยผู้เล่นทั่วไป


“หัวหน้ากิล ตอนนี้สมาชิกของเราเข้าประจำตำแหน่งทั้งหมดพร้อมแล้ว เราควรเปิดเมืองป่าหินตอนนี้เลยไหม ?” เสวี่ยเหวินโหรวรายงาน เมื่อเธอสงบลง


เพื่อรับมือกับการรุกรานจากโลกแห่งความมืด พวกเขาได้ส่งกำลังคนของกิลส่วนใหญ่เข้ามายังเมืองป่าหิน และแม้ว่าตอนนี้เมืองจะใหญ่ขึ้นมาก แต่มันก็ยังสามารถจะถูกจัดการได้อย่างไม่มีปัญหา


ยิ่งไปกว่านั้นเสวี่ยเหวินโหรวก็ยังกระตือรือร้นมากๆที่จะแสดงเมืองนี้ให้สาธารณชนทั่วไปได้เห็น


เมื่อเมืองป่าหินถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ผู้เชี่ยวชาญอิสระก็น่าจะตัดสินใจได้อย่างยากลำบากที่จะนั่งนิ่งๆ พวกเขาอาจตัดสินใจเข้าร่วม หรือยืนฝ่ายสภาสิบแปดปีก หลังจากค้นพบการเปลี่ยนแปลงของเมือง เพราะสภาสิบแปดปีกเป็นกิลเดียวตอนนี้ที่สามารถแยกตัวเป็นอิสระจากอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆของ NPC ได้ และด้วยความช่วยเหลือของเมืองกิลแบบนี้ สมาชิกกิลก็จะสามารถเก็บเลเวลได้เร็วกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ


“รอก่อน เราจะเปิดเมืองเมื่อฉันจัดการเรื่องของโรงแรมอิสระเรียบร้อยแล้ว ….” ซือ

เฟิงกล่าว


“โรงแรมอิสระ ?” เสวี่ยเหวินโหรวรู้สึกสับสนเล็กน้อย โรงแรมได้รับการก่อสร้างเสร็จแล้ว ซือเฟิงยังจะทำอะไรอีก ?


อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้อธิบายใดๆ และสั่งให้เธอปรับแต่งการจัดการ รวมถึงการเก็บค่าเข้าเมืองป่าหินใหม่ทั้งหมด จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังโรงแรมอิสระที่อยู่ใกล้ๆ


เมื่อเขามายืนอยู่ในลานด้านในของโรงแรมซึ่งเขาสร้างขึ้นเอง ซือเฟิงก็หยิบต้นอ่อนของต้นไม้แห่งชีวิตออกมาจากกระเป๋าของเขา


ความหนาแน่นของมานาที่นี่ควรจะสูงสุดในเมืองแล้ว ถ้ามันยังไม่เพียงพออีก ฉันก็คงไม่สามารถจะทำอะไรได้ …

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)