Reincarnation Of The Strongest Sword God 2540-2545
ตอนที่ 2540
หล่อหลอมดาบที่เก่าแก่
หัวใจของซือเฟิงนั้นเต้นแรง ในขณะที่เขาเลือกจะหลอมรวมอาวุธทั้งสองเข้าด้วยกัน
สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดตอนนี้นั้นก็คืออาวุธที่ดี Abyssal Blade และคิลลิงเรย์ของเขานั้นจัดเป็นอาวุธชั้นยอดมากแล้วแม้แต่ในหมู่มหาอำนาจต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามมันจะเป็นแบบนี้ต่อไปอีกไม่นาน เมื่อผู้เล่นเริ่มก้าวข้ามขั้นมากขึ้น เพราะมหาอำนาจต่างๆจะเริ่มสะสมอาวุธชั้นยอดกันมากขึ้น ในความเป็นจริงอาวุธชั้นยอดจะกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้ Abyssal Blade กับคิลลิงเรย์ของซือเฟิงนั้นก็จัดเป็นมาตราฐานอาวุธของผู้เล่นที่มีความแข็งแกร่ง
ด้วยเหตุนี้ตอนนี้ Abyssal Blade และคิลลิงเรย์ จึงกลายเป็นข้อบกพร่องของเขา โดยเฉพาะกับ Abyssal Blade หากเขาไม่ได้รับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานมาหลายชิ้น พร้อมกับสายเลือดพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดของมหาอำนาจต่างๆจะมีค่าสถานะพื้นฐานที่เหนือกว่าเขาไปนานแล้ว
แน่นอนว่าการหลอมรวมอาวุธทั้งสองชิ้นเข้าด้วยกันใน God domain นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ขั้นตอนแบบนี้มันคล้ายกับการสร้างอาวุธใหม่ แต่ในสถานการณ์นี้ผู้เล่นต้องหลอมรวมอาวุธทั้งสองเข้าด้วยกันก่อนจึงจะสามารถสร้างอาวุธชิ้นใหม่ขึ้นมาแทนที่ได้ ซึ่งหากผู้ที่รับผิดชอบในการสร้างอาวุธใหม่ขึ้นมานั้นไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ มันก็จะกลายเป็นอาวุธทั้งสองถูกทำลายได้เลย
แน่นอนว่ามันจะมีเพียงอาวุธเท่านั้นที่จะถูกทำลาย เศษชิ้นส่วนจะยังคงอยู่ แม้ว่าจะไม่สามารถใช้เป็นอาวุธได้
หลังจากซือเฟิงตกลงที่จะหลอมรวม Abyssal Blade กับ Cruel Darkness อาวุธทั้งสองก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆทันที และเปลี่ยนเป็นเมฆฝุ่นสีดำ จากนั้นเมฆก็แข็งตัวกลายเป็นรูปด้ามดาบและใบดาบ
ชิ้นส่วนทั้งสองนั้นดูไม่มีอะไรเหมือนกับเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา แต่ทั้งคู่ก็แผ่ออร่าที่น่ากลัวและทรงพลังมากๆออกมา ซึ่งนี่มันทำให้ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ครู่หนึ่งเขามองเห็นเงาของหัวมังกรที่ตั้งท่าจะกินเขาด้วยซ้ำ
พวกมันเป็นแค่เศษชิ้นส่วน แต่ออร่าของพวกมันกับทรงพลังมากขนาดนี้เลยงั้นหรอ ? ซือเฟิงจ้องเศษชิ้นส่วนของอาวุธทั้งสองด้วยความประหลาดใจ
ออร่าโดยรวมของพวกมันตอนนี้นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่า Abyssal Blade ตอนได้รับการปลดปล่อยอย่างเต็มที่ซะอีก ซือเฟิงนั้นพบว่ามันยากที่จะจินตนาการมากว่าอาวุธเดิมนั้นมันทรงพลังมากแค่ไหน ก่อนจะแตกสลาย
เขาประเมินว่าอย่างน้อยมันควรจะอยู่ในระดับตำนาน
ซึ่งเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาผู้ที่เป็นเจ้าของมันในอดีต
อย่างไรก็ตามตอนนี้ ถ้าเขาต้องจัดการกับอาวุธระดับตำนานจริงๆ เขาจะต้องระวังให้มาก เพราะความผิดพลาดเพียงแค่นิดเดียว อาจทำให้เขาล้มเหลวในการสร้างอาวุธใหม่ ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้เขาสูญเสีย Abyssal Blade ไป แต่เขายังจะต้องใช้เวลาในการค้นหาและรวบรวมวัสดุใหม่ทั้งหมดเพื่อลองอีกครั้ง และจากการคาดการของเขา วัสดุที่จำเป็นต้องหามาใหม่หากเขาล้มเหลว มันก็จะเป็นวัสดุระดับตำนานเป็นอย่างน้อย
วัสดุระดับตำนานนั้นหายากอย่างไม่น่าเชื่อใน God domain และแม้แต่มหาอำนาจต่างๆในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อจะรวบรวมวัสดุระดับตำนานให้ครบสักชุดสำหรับใช้งาน ไม่ต้องพูดถึงสภาสิบแปดปีกเลย
ในตอนที่เขาได้รับ Cruel Darkness มาครั้งแรกนั้น เขาตั้งใจจะไปหาเซริโอล่าเพื่อขอความช่วยเหลือในการสร้างใหม่ เพราะสุดยอดปรมาจารย์ช่างตีเหล็กนั้นจะสามารถสร้างไอเทมระดับตำนานได้ และการสร้างไอเทมระดับตำนานจากเศษชิ้นส่วนแบบนี้ก็น่าจะง่ายมากสำหรับเซริโอล่า
อย่างไรก็ตามในตอนที่เขาอัพเกรด Abyssal Blade เป็นขั้นสามแล้ว แม้กระทั่งวงเวทย์ป้องกันของบริษัทการค้าแสงเทียน ก็ยังเกือบจะเก็บออร่าของมันไว้ไม่อยู่ และหากการสร้างอาวุธใหม่นี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนและดึงดูดความสนใจของสาธารณชนมากเกินไป มันอาจจะนำความพินาศมาหาเขาได้
แถมสิ่งที่อยู่หน้าเขาคืออาวุธเวทย์มนต์ มันอาจจะมีแนวโน้มที่จะมีผลสะท้อนกลับได้ เมื่อการสร้างใหม่เสร็จสมบูรณ์ และหากเป็นเช่นนั้นเขาก็จะอยู่ในสถานะและเสี่ยงต่อการถูกโจมตี แถมหากมหาอำนาจต่างๆมีผู้เชี่ยวชาญประจำการอยู่ในเมืองไวท์ริเวอร์ เขาก็คงจะจบสิ้นแน่นอน และโดยธรรมชาติแล้ว เซริโอล่าในฐานะ NPC นั้นก็จะไม่พยายามปกป้องเขาแน่นอน อย่างดีที่สุดเขาก็จะสามารถพึ่งพาทหาร NPC ของเมืองได้เท่านั้นเพื่อป้องกันผู้เล่นที่เป็นศัตรู แต่อย่างไรก็ตามกว่าทหาร NPC เหล่านี้จะตอบสนองได้ มันก็คงจะสายเกินไป
ความกังวลของซือเฟิงนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่มีมูล กรณีแบบนี้มันเคยเกิดขึ้นมาอยู่บ้างในอดีต ผู้เล่นหลายคนนั้นคิดว่าพวกเขาจะปลอดภัยในเมือง NPC เมื่อพวกเขาทำการอัพเกรดอาวุธเวทย์มนต์ แต่สุดท้ายผู้เล่นคนอื่นๆก็เอาชีวิตพวกเขาไปได้ และพวกเขาก็ยังต้องทนทุกข์ทรมาณกับผลสะท้อนกลับของอาวุธเวทย์มนต์ และท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จบลงที่พิการ หรือไม่ก็ต้องลบไอดีสร้างใหม่ ….
ซือเฟิงนั้นไม่ต้องการที่จะเสี่ยงตัดสินใจสร้างอาวุธขึ้นมาใหม่ภายในเมืองไวท์ริเวอร์
และก็โชคดีที่เขาเป็นปรมาจารย์ขั้นกลางอยู่แล้ว แม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเซริโอล่า แต่เขาก็ยังมีโอกาสที่จะสร้างอาวุธระดับตำนานขึ้นมาใหม่ได้
จากนั้นเขาก็ดึงคริสตัลเวทย์มนต์ออกมาจากกระเป๋าของเขา และค่อยๆหลอมรวมมันเข้ากับเศษชิ้นส่วนของอาวุธทั้งสอง และเมื่อคริสตัลเวทย์นต์แตกตัวออกเป็นมานาและไหลลงสู่เศษชิ้นส่วน วงเวทย์ที่ถูกแกะสลักไว้ก็เริ่มงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
การหลอมรวมชิ้นส่วนนั้นมันไม่เหมือนกับกระบวนการสร้างใหม่ ผู้เล่นจำเป็นจะต้องจัดหามานาให้ได้มากเพียงพอ โดยกระบวนการนี้จะค่อนข้างช้า และแทบจะไม่มีที่ว่างสำหรับภาวะแทรกซ้อนที่คาดไม่ถึงเลย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หนึ่งชั่วโมง…สองชั่วโมง…สามชั่วโมง…
ผ่านไปสี่ชั่วโมงกระบวนการหลอมรวมก็ยังไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง ….
อึก !! นี่มันอาวุธอะไรกันเนี่ย ?!
ซือเฟิงปวดหัวอย่างมาก ขณะที่เขามองไปยังเศษชิ้นส่วนทั้งสองที่กลินกินคริสตัลเวทย์มนต์เข้าไปราวกับหมาป่าที่หิวโหย
เขาได้ใช้คริสตัลเวทย์มนต์ไปแล้วสี่หหมื่นชิ้นในสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่กระบวนการหลอมรวมนั้นก็ยังไปไม่ถึงห้าสิบเปอเซ็นต์เลย เศษชิ้นส่วนอาวุธเหล่านี้มันเป็นหลุมดำที่ดูดมานาเข้าไปชัดๆ
การหลอมรวมเศษชิ้นส่วนอาวุธแบบนี้นั้น น่าจะต้องใช้คริสตัลเวทย์มนต์ในปริมาณที่มากพอจะทำให้กิลชั้นรองล้มละลายได้เลย หากเขาไม่ได้กลับมายังทวีปด้านตะวันออกพร้อมด้วยคริสตัลเวทย์มนต์มากกว่าสองแสนชิ้น ซึ่งเทียบเท่ากับรายได้ทั้งวันของป้อมปราการแสงดาว เขาก็คงจะมีพวกมันไม่มากพอ
ขณะที่เขากำลังจะหยิบคริสตัลเวทย์มนต์ออกมาเพิ่มเติมจากกระเป๋าของเขา เสวี่ยเหวินโหรวก็ได้วีดีโอคอลมาหาเขา
หลังจากห่างกันไปนาน ไม่เพียงแต่เสวี่ยเหวินโหรวจะมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยเก้าแล้ว แต่ตอนนี้เธอยังแผ่มานาที่ค่อนข้างพิเศษออกมาด้วย ซือเฟิงจะคิดว่าเธอสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเธอได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วแน่นอน หากเขาไม่ได้รู้จักเธอดีมาก
เขาต้องยอมรับเลยว่าเขาประทับใจในการจัดการเมืองป่าหินมากๆในช่วงที่เขาไม่อยู่ เพราะไม่เพียงแต่เสวี่ยเหวินโหรวจะทำให้การป้องกันของเมืองสมบูรณ์แบบ แต่ตอนนี้กิลก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามถึงหนึ่งร้อยสามสิบคนแล้ว แถมสภาสิบแปดปีกก็ได้เริ่มบุกโจมตีดันเจี้ยนขนาดใหญ่เลเวลหนึ่งร้อยแล้วด้วย แถมสมาชิกกองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีกก็ยังอัพเกรดอาวุธและอุปกรณ์ของตัวเองให้ดีขึ้นอย่างมาก ตอนนี้มาตราฐานอุปกรณ์ของพวกเขานั้นอ่อนแอกว่ากองกำลังนรกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“หัวหน้ากิล มีกลุ่มผู้เล่นสายความมืดติดต่อฉันมา เมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาบอกว่าพวกเขามาจากโลกแห่งความมืด และพวกเขาต้องการพบหัวหน้า เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการจะยื่นมือเข้ามาช่วยเราในสถานการณ์ปัจจุบันของเรา” เสวี่ยเหวินโหรวรายงาน
“ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืด ?” ซือเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินข่าวนี้
โลกแห่งความมืดนั้นเป็นโลกอื่นที่พิเศษมากๆ เนื่องจากมันไม่ได้ก่อตัวขึ้นตามธรรมชาติ แต่เทพโบราณนั้นได้สร้างมันขึ้นมา และมันถูกครอบงำด้วยกฎแห่งความมืด ดังนั้นผู้เล่นสายความมืดที่อาศัยอยู่ในโลกนี้จึงเป็นภัยคุกคามมากกว่าผู้เล่นสายความมืดในทวีปหลักอย่างมาก
เมื่อโลกแห่งความมืดเชื่อมต่อกับทวีปหลักในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิง อิทธิพลของอำนาจมืดนั้นได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว และแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหลายแผนที่กลายเป็นสนามรบสำหรับผู้เล่นสายความมืดและผู้เล่นทั่วไป และมันก็มีหลายกิลที่ล่มสลายลงไป รวมไปถึงจักรวรรดิและอาณาจักรบางแห่งด้วย
อย่างไรก็ตามก่อนที่ประตูสู่โลกมืดจะถูกเปิดใช้งานนั้น มันจะไม่มีใครสามารถเดินทางไปมาระหว่างสองโลกได้ นอกจากผู้ที่มีกุญแจ และเท่าที่ซือเฟิงจำได้ มันมีเพียงเฟรมมิ่งไลท์เท่านั้นที่ถือกุญแจนี้อยู่ และเห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ได้เปิดใช้งานประตูกับเส้นทางพลาน่า
กระนั้นตอนนี้ผู้เล่นที่อาศัยในโลกแห่งความมืดกับมาติดต่อขอพบเขา สถานการณ์นี้มันจึงค่อนข้างจะแปลกๆ
“หัวหน้าต้องการจะพบพวกเขาไหม ?” เสวี่ยเหวินโหรวถาม
“นี่มันน่าสนใจจริงๆ แน่นอนฉันจะไปพบกับพวกเขา ให้ใครสักคนไปรับรองพวกเขาก่อนตอนนี้ แล้วฉันจะรีบตามไปหลังเสร็จเรื่องที่นี่ …” ซือเฟิงตอบพลางจ้องมองไปที่เศษชิ้นส่วนของอาวุธทั้งสองตรงหน้าเขา
“โอเค ฉันจะไปจัดการทันที …” เสวี่ยเหวินโหรวพูดพลางพยักหน้าก่อนที่เธอจะวางสายไป
จากนั้นซือเฟิงก็หันมาให้ความสนใจกับการหลอมรวมเศษชิ้นส่วนอาวุธทั้งสองต่อ
หกหมื่น…แปดหมื่น…เก้าหมื่น…
เมื่อซือเฟิงให้เศษชิ้นส่วนอาวุธทั้งสองกลืนกินคริสตัลเวทย์มนต์ไปครบหนึ่งแสนชิ้น เขาก็ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบดังขึ้น
ระบบ : การหลอมรวมเสร็จสมบูรณ์ โปรดเริ่มการสร้างอาวุธใหม่
เมื่อการแจ้งเตือนของระบบจบลง ซือเฟิงก็ได้ยินเสียงคำรามที่ดังมาจากเศษชิ้นส่วนอาวุธที่หลอมรวมกันแล้ว มันทรงพลังและน่าตกใจซะจนเขาต้องถอยกลับไปก้าวหนึ่ง
ทันใดนั้นพื้นที่รอบตัวของเขาก็เริ่มมืดลงและดวงตาก็เริ่มกระพริบขึ้นมาเป็นแสงสลัวแทน หลังจากนั้นมังกรดำซึ่งสูงกว่าแปดร้อยเมตรก็ปรากฎตัวต่อหน้าของซือเฟิง และเขาก็ตัวแข็งโดยสัญชาตญาณภายใต้การจ้องมองของมัน
ราชันมังกรดำ ? ซือเฟิงจ้องมองด้วยความประหลาดใจ
นี่เป็นมังกรที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยเห็นมาอย่างไม่ต้องสงสัย มังกรขั้นห้าที่เขาเคยเห็นในชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง ดูเด็กไปเลย เมื่อเทียบกับตรงหน้านี้
อย่างไรก็ตามฉากนี้มันก็คงอยู่ไม่นานนัก และหลังจากนั้นซือเฟิงก็พบว่าตัวเองกลับมาอยู่ที่ห้องหลักที่เงียบสงบ โดยมีดาบที่ดูขาดรุ่งริ่งอยู่ตรงหน้าของเขา และอนุภาคสีดำนับไม่ถ้วนก็ไหลเวียนอยู่บริเวณดาบที่เก่าแก่นี้
ระบบ : คุณมีเวลาห้าชั่วโมงในการสร้างอาวุธใหม่ และคุณก็สามารถจะสร้างมันให้เหมาะกับการใช้งานของคุณมากที่สุดได้ แต่หากอัตราความสำเร็จในการสร้างใหม่ของอาวุธต่ำกว่าเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ มันจะถือว่ากระบวนการสร้างใหม่ล้มเหลว
ตอนที่ 2541
สร้างรูปแบบดาบใหม่
“ห้าชั่วโมง ?” การแสดงออกของซือเฟิงมืดมนลง เมื่อเขาได้อ่านประกาศของระบบ
แม้ว่าห้าชั่วโมงจะไม่ใช่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็ไม่ได้นานเป็นพิเศษเช่นกัน มันอาจจะมีเวลาเพียงพอสำหรับเขาในการสร้างอาวุธธรรมดาขึ้นมาใหม่ แต่ตอนนี้เขาต้องสร้างอาวุธระดับตำนานที่มีศักยภาพขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้หากอัตราความสำเร็จไม่สูงพอ คุณสมบัติของอาวุธอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และเขาอาจต้องลงเอยด้วยการเปลี่ยนอาวุธที่ไม่มีใครเทียบได้เป็นอาวุธชั้นยอดทั่วไป
ด้วยเวลาห้าชั่วโมงที่ระบบให้เขาม เขาจะมีเวลาในการลองสร้างใหม่เพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น
การสร้างอาวุธใหม่แบบนี้ใน God domain นั้นไม่ซับซ้อนเท่ากับการสร้างอาวุธตั้งแต่เริ่มต้น ผู้เล่นจำเป็นจะต้องปรับรูปร่างและปรับแต่งอาวุธเท่านั้น อย่างไรก็ตามซือเฟิงไม่ได้มีแบบแปลนที่จะช่วยเขาได้ ดังนั้นเขาจึงต้องสร้างโครงสร้างอาวุธใหม่ด้วยตัวของเขาเอง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่รู้ว่าเศษชิ้นส่วนนั้นถูกสร้างขึ้นโดยวัสดุใด ซึ่งมันทำให้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้ประโยชน์จากวัสดุเหล่านั้น เขาต้องทำงานโดยลองผิดลองถูก และการจะให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีนั้นก็จัดว่าเป็นความท้าทายมากๆ
ดูเหมือนว่าตอนนี้ ฉันจะต้องทำการสร้างขึ้นมาใหม่โดยใช้ Abyssal Blade เป็นพื้นฐานซะก่อน
ซือเฟิงมองไปที่ตัวจับเวลาของระบบพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มเปิดใช้งานมือแห่งปราชญ์เพื่ออัพเกรดตัวเองให้ขึ้นไปอยู่ที่ปรมาจารย์ช่างตีเหล็กขั้นสูงชั่วคราว จากนั้นเขาก็เริ่มเปลี่ยนรูปร่างของดาบที่ขาดรุ่งริ่งให้กลายเป็น Abyssal Blade
สำหรับผู้เล่นคนอื่นๆอาจจะได้พบว่างานนี้เป็นฝันร้ายและหายนะ แต่ซือเฟิงซึ่งเล่น God domain มานานกว่าสิบปีแล้วนั้นเป็นเรื่องราวที่แตกต่างออกไป แม้ว่าเขาจะไม่เคยสัมผัสกับศิลปัแห่งการตีเหล็กมาเลยในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา แต่เขาก็มีความรู้เกี่ยวกับพวกมันค่อนข้างมาก เพราะเขาใช้เวลาพูดคุยกับปรมาจารย์ช่างตีเหล็กหลายคนเกี่ยวกับวิธีการสร้างอาวุธที่ดีที่สุดของเขาในชีวิตที่ผ่านมา
เมื่อเลเวลของผู้ชั้นแนวหน้าเริ่มมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ การสร้างอาวุธใหม่จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผู้เล่นหลายคน อาวุธระดับดาร์คโกลเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบหรือมากกว่าจำนวนมากจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่จากเศษชิ้นส่วนอาวุธระดับอีปิค และเมื่อผู้เล่นรวบรวมเศษชิ้นส่วนที่จำเป็นได้ทั้งหมด พวกเขาก็สามารถสร้างอาวุธระดับอีปิคขึ้นมาได้อีกครั้ง
ซึ่งสิ่งนี้ก็กลายเป็นแหล่งที่มาหลักของอาวุธระดับอีปิคสำหรับผู้เล่นอิสระ
หลังจากทำการสร้างใหม่มาแล้วนับไม่ถ้วน ผู้เล่นก็ค้นพบวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการสร้างอาวุธใหม่ คือการเปลี่ยนเศษชิ้นส่วนให้เป็นรูปแบบของอาวุธที่พวกเขาคุ้นเคย และทำให้มันใกล้เคียงที่สุด ซึ่งนี่จะถูกทำในกรณีที่พวกเขาไม่รู้โครงสร้างอาวุธดั้งเดิม
รูปแบบก่อนหน้านี้ของเศษชิ้นส่วนอาวุธนั้นถูกสร้างขึ้นโดยคำนึงถึงวัสดุที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ชิ้นส่วนต่างๆจะมีรูปแบบคล้ายอาวุธดั้งเดิม และสิ่งที่ผู้เล่นต้องทำก็คือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างอาวุธใหม่เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ซือเฟิงนั้นไม่คุ้นเคยกับ Cruel Darkness แต่ก็โชคดีที่เขาคุ้นเคยกับ Abyssal Blade ซึ่งเป็นอาวุธที่เขาสามารถหาได้ไม่นานหลังจากกลับเข้าร่วม God domain อันที่จริงต้องบอกว่าเขาคุ้นเคยกับรูปแบบของมันมากกว่าอาวุธอื่นๆซะอีก
ซือเฟิงใช้เวลาสามสิบนาที ในการปรับรูปร่างของดาบเก่าแก่ให้กลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับ Abyssal Blade แม้ว่าอาวุธใหม่นี้จะมีใบดาบที่ยาวกว่ามาก และมันไม่อาจถือได้ว่าเป็นดาบมือเดียวได้อีกต่อไป แต่เป็นดาบสองมือ ….
“ประเมินค่า !!!”
ซือเฟิงนั้นเริ่มการประเมินทันที เมื่อเขาพอใจกับผลงานของเขา ซึ่งในขณะที่เขาทำแบบนี้นั้นวงเวทย์ที่ปกคลุมอาวุธก็ถูกเปิดใช้งาน และมันก็ดูดกลืนกืนมานาโดยรอบไปราวกับหมาป่าที่หิวโหย และความหนาแน่นของมานารอบๆใบดาบยาวก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ซือเฟิงนั้นเฝ้าดูด้วยความตื่นเต้นที่เบ่งบานขึ้นในอกของเขา เขาไม่คิดว่าความพยายามครั้งแรกของเขาจะประสบความสำเร็จ ด้วยเหตุนี้การปรับเปลี่ยนอาวุธจึงงจะง่ายขึ้นมากๆ
ระบบ : อัตราความสำเร็จสี่สิบเปอเซ็นต์ คุณต้องการรักษารูปร่างภายนอกของดาบนี้ไว้หรือไม่ ?
แม้ว่าจะมีอัตราความสำเร็จเพียงแค่สี่สิบเปอเซ็นต์ แต่ดาบ Abyssal Blade ใหม่นี้ก็สามารถรวบรวมมานารอบๆตัวเข้ามาได้อย่างมหาศาล และออร่าของมันก็ทรงพลังมากๆ ซึ่งมันทำให้ซือเฟิงแทบไม่กล้าจะจินตนาการเลยว่าดาบนี้จะทรงพลังมากขนาดไหน หากมีอัตราความสำเร็จตั้งแต่เจ็ดสิบเปอเซ็นต์ขึ้นไป
อย่างไรก็ตามรูปลักษณ์ภายนอกในครั้งนี้มันออกมาแบบชัดเจนแล้ว และผลลัพธ์ของเขาก็จะถูกจำกัดมากๆ หากพยายามแก้ไขมันแค่นี้
ต้นฉบับของมันอาจเป็นอาวุธสองมืออย่าง Cruel Darkness รึปล่าว ? ซือเฟิงเริ่มรู้สึกปวดหัวอีกครั้ง เมื่อเขาต้องครุ่นคิด
แม้ว่าเขาจะสามารถสร้างอาวุธใหม่ขึ้นมาเป็นอาวุธสองมือหรือมือเดียวก็ได้ แต่การจะสร้างอาวุธมือเดียวขึ้นมาให้ได้โดยมีต้นฉบับเป็นอาวุธสองมือนั้นมันจะทำได้
ยากมากๆ
แม้ว่านักดาบจะสามารถใช้ดาบสองมือได้ แต่ซือเฟิงก็ไม่คุ้นเคยกับรูปแบบการต่อสู้แบบนั้น และการเปลี่ยนไปใช้ดาบสองมือก็จะส่งผลกระทบต่อพลังการต่อสู้ของเขาอย่างรุนแรง
กระนั้นหากเขาต้องการจะสร้างอาวุธสองมือให้เป็นดาบมือเดียว เขาก็จำเป็นจะต้องละทิ้งวัสดุดั้งเดิมบางส่วนไป เพราะอาวุธมือเดียวจะต้องใช้วัสดุที่น้อยกว่ามาก อย่างไรก็ตามการทำแบบนี้ก็จะส่งผลต่ออัตราความสำเร็จของอาวุธเช่นกัน
ด้วยมีวัสดุที่น้อยลงนั้น อาวุธก็จะไม่ทรงพลังอย่างที่เคยเป็นมา และมันก็ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เขาละทิ้ง เพราะมันอาจจะทำให้องค์ประกอบของอาวุธมีความเสี่ยงที่จะไม่ลงรอยกันระหว่างวัสดุ เขาต้องคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมดในการจะเปลี่ยนให้มันเป็นดาบมือเดียว
โดยปกติมันก็จะมีเพียงสุดยอดปรมาจารย์ช่างตีเหล็กที่มีประสบการณ์เท่านั้นที่จะสามารถทำได้ เพราะพวกเขาไม่เพียงแต่จะต้องมีประสบการณ์มากมาย แต่พวกเขายังต้องมีสกิลขั้นสูงที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นอัตราส่วนวัสดุทั้งหมดของอาวุธ และนี่ก็คือเหตุผลที่สุดยอดปรมาจารย์ช่างตีเหล็กสามารถจะสร้างอาวุธระดับตำนานขึ้นมาได้
หลังจากครุ่นคิดแล้ว ซือเฟิงก็ได้ตัดสินใจจะทำการทดลองบางอย่าง
ในตอนแรกเขาเลือกจะเสียสละอัตราส่วนวัสุสิบเปอเซ็นต์ของอาวุธ แต่มันดูเหมือนจะเหลืออยู่น้อยเกินไป และอัตราส่วนก็ไม่สอดคล้องกัน
ผลลัพธ์ที่ได้คืออัตราความสำเร็จนั้นอยู่ที่ยี่สิบสามเปอเซ็นต์ และอาวุธที่ได้ก็อ่อนแอกว่าในครั้งแรกมากๆ
จากนั้นซือเฟิงก็ได้ทำการเสียสละวัสดุยี่สิบเปอเซ็นต์ ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่มันมากเกินไป ดาบจึงขาดความแข็งแกร่ง และมีอัตราความสำเร็จเพียงสิบหกเปอเซ็นต์เท่านั้น
ซือเฟิงนั้นพยายามลองสร้างใหม่อีกแปดครั้ง และแม้ว่าความพยายามของเขาในแต่ละครั้งจะใช้เวลาน้อยลง แต่เขาก็ไม่เคยได้รับอัตราความสำเร็จมากกว่าหกสิบเปอเซ็นต์ และแม้แต่ความพยายามที่ดีที่สุดของเขาก็หยุดอยู่แค่ห้าสิบแปดเปอเซ็นต์เท่านั้น ซึ่งมันยังคงเป็นหนทางอีกยาวไกลจากความสำเร็จเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ที่เขาต้องการ
ในขณะที่ซือเฟิงทำการเปลี่ยนรูปร่างอาวุธไปเรื่อยๆ เวลาก็ค่อยๆผ่านไป
เขาหยุดคราวเมื่อเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งชั่วโมงจากเวลาที่กำหนดไว้ห้าชั่วโมง และเมื่อพิจารณาถึงช่วงเวลาที่จำเป็นในการปรับแต่งอาวุธ เขาก็ไม่เหลือเวลามากนักสำหรับการสร้างรูปร่างใหม่
นี่ฉันต้องยอมแพ้ในการสร้างดาบมือเดียวจริงๆงั้นหรอ ? ซือเฟิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย เมื่อเขาตระหนักว่าเวลาเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หากเขายังคงเล็งไปที่ดาบมือเดียว เขาก็มีโอกาสสูงมากที่จะไม่ประสบความสำเร็จในเวลาที่เหลืออยู่ และในที่สุดการสร้างใหม่ของเขาก็จะล้มเหลว และเขาก็ต้องค้นหาวัสดุระดับตำนานมาเพิ่มเติมเพื่อลองอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่การจะสะสมวัสุระดับตำนานที่จำเป็นให้ได้สักชุดด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีกนั้นมันเป็นเรื่องของคนโง่มากๆ เมื่อถึงเวลาที่สภาสิบแปดปีกหามันมาได้ทั้งหมด เขาก็น่าจะพบกับอาวุธชิ้นอื่นที่เหมาะกับเขาแล้ว
อย่างไรก็ตามดาบสองมือคุณภาพสูงก็จะไม่มีประโยชน์ต่อเขา และหากเขาทำแบบนั้น เขาก็จะไม่มีโอกาสสร้างอาวุธให้เป็นดาบมือเดียวได้อีก เพราะเขาพบกับเศษชิ้นส่วนของ Abyssal Blade โดยบังเอิญ แล้วใครกันจะรู้ว่าเขาจะเจอแบบนี้อีกเมื่อไหร่ ?
แม่งเอ้ย !!! เสียสละสิบเจ็ดเปอเซ็นต์ก็ไม่มากเพียงพอ แต่สิบแปดเปอเซ็นต์ก็มากเกินไป !!! ฉันไม่มีเวลาเพียงพอจะมาทดสอบให้แม่นยำด้วยเช่นกัน ซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะลังเลมากขึ้น ในขณะที่เขาเฝ้าดูเวลาค่อยๆผ่านไป
หลังจากการทดลองหลายครั้ง ซือเฟิงก็มั่นใจว่าอัตราส่วนการเสียสละนั้นจะอยู่ที่ราวสิบเจ็ดถึงสิบแปดเปอเซ็นต์ และเขาก็คาดว่าเขาจะต้องพยายามลองอีกห้าถึงหกครั้งเพื่อค้นหาอัตราส่วนที่แท้จริง แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้มันเหลือเวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว ซึ่งมันหมายความว่าการปรับแต่งรูปร่างนั้นเขาจะสามารถลองได้อย่างมากสุดก็สองครั้ง เพราะเขาจะต้องใช้เวลาปรับแต่งอาวุธด้วย เพราะหากเขารอจนปรับแต่งอาวุธไม่ทัน สุดท้ายแล้วต่อให้เขาปรับแต่งรูปร่างได้ มันก็จะยังคงกลายเป็นขยะอยู่ดี
ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลองพนันแล้ว ซือเฟิงคิดพลางกัดฟันของเขา จากนั้นเขาก็ดึงกรงเล็บมังกรน้ำแข็งที่เขาได้รับมาจากมังกรน้ำแข็งฮีธไวท์ออกมา และนำมาช่วยปรับ
กรงเล็บมังกรน้ำแข็งนั้นเป็นวัสดุระดับตำนาน และฮีธไวท์ก็ได้ทิ้งพวกมันไว้แค่สองชิ้นเท่านั้น โดยเขาได้ใช้หนึ่งในสองชิ้นอัญเชิญมังกรเงินศักสิทธิ์อย่างออร์เบ็คมาแล้ว และเหลืออยู่อีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งตอนแรกเขากะจะเก็บมันไว้ช่วยสร้างอาวุธระดับอีปิคสำหรับเพื่อนร่วมกิลของเขาสักคน เพราะด้วยวัสดุระดับนี้การจะสร้างอาวุธระดับอีปิคขึ้นมาจะค่อนข้างง่าย แม้ว่าจะไม่มีแบบแปลนอาวุธระดับอีปิคก็ตาม และถ้าเขามีแบบแปลน เขาอาจจะถึงขั้นสามารถสร้างเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานได้ด้วยแบบแปลนเลยด้วยซ้ำ
เนื่องจากเขาไม่สามารถจะตรวจสอบตัวเลขที่แน่นอนของอัตราการเสียสละวัสดุได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชดเชยช่องว่างนี้ด้วยกรงเล็บมังกรน้ำแข็ง
ซือเฟิงนั้นใช้เวลาราวสิบนาทีในการเปลี่ยนกรงเล็บมังกรน้ำแข็งให้กลายเป็นคริสตัลสีน้ำเงินเข้ม ก่อนที่เขาจะทำการผสานคริสตัลเข้ากับ Abyssal Blade ซึ่งช่วยเพิ่มแสงสีขาวและออร่าที่หนาวสั่นไปถึงกระดูกให้อาวุธใหม่ และเมื่อคริสตัลรวมเข้ากับ Abyssal Blade อย่างสมบูรณ์ ซือเฟิงก็เริ่มทำการประเมินอีกครั้ง
ขอให้สำเร็จด้วยเถอะ !!!
ซือเฟิงสวดอ้อนวอนอย่างเงียบๆ ในขณะที่เขาเฝ้ามองระบบประเมิน Abyssal Blade รูปร่างใหม่
ตอนที่ 2542
Abyssal Blade ใหม่
เมื่อระบบประเมินอาวุธ วงเวทย์ของ Abyssal Blade ใหม่ก็สว่างขึ้นพร้อมกัน ซึ่งวงเวทย์เหล่านี้ไม่เพียงแต่จะส่องสว่างไปทั่วห้อง แต่มันยังรวบรวมมานาทั่วห้องเข้ามาหาอาวุธอีกด้วย
และ Abyssal Blade ก็ได้ส่งเสียคำรามของมังกรอีกตัวออกมา ซึ่งมันก็ดังก้องไปทั่วห้องเลยทีเดียว
Roar!
มันทรงพลังมากๆ !!! ซือเฟิงนั้นสะดุดถอยห่างออกมาจากอาวุธและวงเวทย์ของมันอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่วงเวทย์จะเริ่มกระจายไปทั่วห้องและสร้างบาเรียขึ้นมาเพิ่มเติม
ตู้ม ….
เสียงคำรามนั้นรุนแรงมากๆ และมันก็ทำให้ดูเหมือนว่ากำแพงนั้นพร้อมจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆทุกวินาที
เมื่อเสียงคำรามจางหายไป ความสงบก็กลับคืนสู่ห้อง หลังจากนั้นความหนาวเย็นก็พัดไปทั่วห้อง และแม้แต่ซือเฟิงซึง่มีค่าความต้านทานเวทย์สูงมาก็ยังอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งน้ำแข็ง และเขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาเริ่มแข็งตัวแล้ว
ช่างเป็นมานาที่ทรงพลังมากๆ !!!
เมื่อซือเฟิงมองย้อนกลับไปที่ Abyssal Blade ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของความหนาวเย็น เขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่ามันเป็นลกระทบจากวงเวทย์ที่เขาไปกระตุ้นให้มันเปิดขึ้น ซึ่งหากแม้แต่วงเวทย์อัตโนมัติยังให้ผลลัพธ์ดังกล่าว พลังของมันนั้นก็จะไประดับใหม่ทั้งหมดแน่นอน ภายใต้การควบคุมของเขา
ก่อนที่เขาจะทันได้รู้สึกดีมากกว่านี้ถึงพลังของอาวุธใหม่ จู่ๆวงเวทย์ก็หยุดนิ่งและทั้งห้องก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว
ระบบ : อัตราความสำเร็จของอาวุธแปดสิบหกเปอเซ็นต์ คุณต้องการรักษารูปร่างภายนอกนี้ไว้หรือไม่ ?
แปดสิบหกเปอเซ็นต์ ? ซือเฟิงจ้องมองไปที่การแจ้งเตือนของระบบด้วยความประหลาดใจ เขาไม่คิดเลยจริงๆว่าการพนันของเขาจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ซึ่งเขาได้รับอัตราความสำเร็จที่สูงกว่าข้อกำหนดถึงสิบหกเปอเซ็นต์ นี่มันเกินความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง
เมื่ออัตราความสำเร็จของอาวุธมาถึงมาตราฐานหนึ่งใน God domain เปอเซ็นต์ที่สูงขึ้นนั้นมันแทบจะทำให้ผู้เล่นไม่ได้รับโบนัสใดๆสำหรับคุณสมบัติที่แสดง แต่อย่างไรก็ตามมันจะช่วยปรับปรุงเอฟเฟคที่ซ่อนอยู่ของอาวุธ และโดยธรรมชาติแล้วยิ่งอัตราความสำเร็จสูงมากเท่าไหร่ ผลกระทบที่ซ่อนอยู่ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
อัตราความสำเร็จแปดสิบหกเปอเซ็นต์นั้นก็ไม่ได้หมายความว่ามันต่ำเลย อาวุธของ God domain โดยส่วนใหญ่จะมีอัตราความสำเร็จในการสร้างใหม่แบบนี้อยู่ที่เจ็ดสิบห้าเปอเซ็นต์ด้วยซ้ำ
แต่ตามความรู้ของซือเฟิงนั้น อัตราความสำเร็จสูงสุดในการสร้างอาวุธใหม่ที่เขาเคยได้ยินมาในชีวิตที่ผ่านมาของเขาคือเก้าสิบสี่เปอเซ็นต์ และมันเป็นอาวุธระดับอีปิคที่ทรงพลังเท่ากับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานเลย
ซือเฟิงนั้นไม่กล้าแม้แต่จะฝันถึงอัตราความสำเร็จในการสร้างอาวุธใหม่ที่เก้าสิบเปอเซ็นต์ด้วยซ้ำ มีเพียงสุดยอดปรมาจารย์เท่านั้นที่จะมีความสามารถมากขนาดนั้น และเขาก็เป็นเพียงปรมาจารย์ช่างตีเหล็กขั้นกลางที่ใช้มือแห่งปราชญ์อัพเกรดตัวเองเป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กขั้นสูงชั่วคราว ซึ่งจริงๆแล้ว เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะบรรลุอัตราความสำเร็จแปดสิบหกเปอเซ็นต์ด้วยซ้ำ
ซือเฟิงได้เลือกจะรักษารูปร่างของ Abyssal Blade ไว้ทันที ซึ่งเมื่อเขาทำการตัดสินใจแล้ว Abyssal Blade ก็ค่อยๆร่อนลงมาอยู่ตรงหน้าเขา
นี่มันน่าอัศจรรย์จริงๆ !!! นี่คือพลังของเศษชิ้นส่วนที่หลอมรวมกันงั้นหรอ ?!! ความประหลาดใจปรากฎขึ้นในดวงตาของซือเฟิงเมื่อเขาหยิบ Abyssal Blade ใหม่มา
Abyssal Blade ทั้งแบบใหม่และเกก่านั้นอาจดูไม่แตกต่างกันมากนักที่ภายนอก แต่แบบใหม่นั้นหนักกว่าแบบเก่ามาก อย่างไรก็ตามแม้จะมีน้ำหนักมากขึ้นแต่ซือเฟิงก็รู้สึกได้ถึงความเข้ากันได้ของเขากับดาบมากขึ้น หลังจากได้ลองจับมัน ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าดาบนั้นเป็นส่วนเสริมของร่างกายเขา และเขาก็ยังรู้สึกได้ถึงมานาโดยรอบที่ไหลผ่านอาวุธ และเมื่อถือ Abyssal Blade ใหม่อยู่ในมือ เขาก็รู้สึกว่าความรู้ต่อมานาของเขานั้นไวขึ้นมาก
เขาไม่ใช่ผู้เล่นนักเวทย์ และความไวของมานาของเขานั้นก็เทียบกับพวกนี้ไม่ได้
ความไวต่อมานาอาจไม่เป็นประโยชน์มากนักสำหรับผู้เล่นสายกายภาพ แต่มันจะมีประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้เชี่ยวชาญด้านวงเวทย์
เพราะไม่เพียงแต่ผู้เล่นจะสามารถควบคุมวงเวทย์ได้ง่ายขึ้นด้วยความไวต่อมานาที่เพิ่มขึ้น แต่พวกเขายังจะสามารถค้นหาจุดอ่อนของวงเวทย์ได้โดยใช้ความพยายามน้อยลงด้วย
ระบบ : คุณมีเวลาเหลือสามสิบนาที โปรดดำเนินขั้นตอนการสร้างใหม่โดยเร็วที่สุด หากกระบวนการล้มเหลว อาวุธจะสลายตัว
เกือบไปแล้ว ฉันเกือบจะหมดเวลาแล้วจริงๆ !!!
ซือเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเขาได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบ และเขาก็เริ่มทำการปรับแต่งอาวุธใหม่
กระบวนการปรับแต่งนั้นง่ายกว่ากระบวนการปรับรูปร่างอย่างมาก สิ่งที่เหลือที่เขาต้องทำตอนนี้มันก็มีเพียงแค่การต้องลับคมดาบ และจัดการกับวงเวทย์ของดาบ และในฐานะที่เป็นทั้งปรมาจารย์นักเวทย์ และช่างตีเหล็กขั้นกลาง สิ่งนี้จึงเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับซือเฟิง และเขาจะสามารถทำขั้นตอนนี้ให้เสร็จได้ในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที
ทันทีที่ซือเฟิงสร้างอาวุธใหม่เสร็จ เขาก็ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้น
ระบบ : การสร้างอาวุธใหม่สำเร็จ กรุณาตั้งชื่ออาวุธใหม่ของคุณ
“Abyssal Blade” ซือเฟิงตอบอย่างไม่ลังเล
ระบบ : ตั้งชื่อสำเร็จ อาวุธที่ถูกสร้างใหม่จะมีชื่อว่า Abyssal Blade คุณต้องการเปิดใช้งานการประเมินอัตโนมัติไหม ?
“ต้องการ !!!” ซือเฟิงตอบ
การที่สามารถทำแบบนี้ได้นั้นผู้ที่รับผิดชอบที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ช่างตีเหล็กนั้นจะได้รับรางวัลจากระบบมากมาย ซึ่งมันอาจจะเทียบเท่าการที่พวกเขาต้องทำงานหนึ่งถึงสองวันเลย
ระบบ : การประเมิน Abyssal Blade เสร็จสมบูรณ์ อัตราความสำเร็จของอาวุธอยู่ที่แปดสิบหกเปอเซ็นต์ อันดับของอาวุธถูกกำหนดให้เป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน ค่าความเชี่ยวชาญในการตีเหล็กเพิ่มขึ้นสามหมื่นแต้ม
การแจ้งเตือนทำให้ซือเฟิงตกตะลึง
“ยอดเยี่ยม !!! มันได้รับการอัพเกรดเป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน !!!” ซือเฟิงมองไปที่อาวุธใหม่ของเขาด้วยความดีใจ แม้ว่าเขาจะคิดไว้แล้วว่ามันมีโอกาสสูงที่อาวุธใหม่นี้จะเป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน แต่เขาก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะดีใจอย่างมากเมื่อได้รับการยืนยัน
อาวุธระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน !!!
เขามีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ไม่มีอาวุธเลย เขามีแต่พวกอุปกรณ์กับเครื่องประดับเท่านั้น ซึ่งพลังการต่อสู้ที่พวกมันสามารถมอบให้เขาได้เพิ่มขึ้นนั้น ไม่มีชิ้นไหนจะสามารถเทียบกับอาวุธระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานได้เลย และแม้ว่าเขาคิดจะตามล่าหามันมาใช้ให้กับตัวเอง แต่การจะได้มาซึ่งอาวุธแบบนี้นั้นมันก็พูดง่ายกว่าทำ นอกจากนี้เขายังต้องหาดาบมือเดียวที่เข้ากันกับเขาได้ด้วย
ในที่สุดเขาก็มีอาวุธระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานที่เหมาะกับเขาแล้ว ดังนั้นทำไมเขาจึงจะไม่ตื่นเต้นล่ะ ?
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ทำการเปิดแผงข้อมูลของ Abyssal Blade ใหม่ขึ้นมาทันที โดยปกติการสร้างอาวุธใหม่นั้นจะทำให้อาวุธเปลี่ยนไปอย่างมาก และอาวุธใหม่นี้จะไม่เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาเลย
[Abyssal Blade] (ดาบมือเดียว อาวุธเวทย์มนต์ เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน)
ความต้องการอุปกรณ์ : STR 3,000 AGI 2,000
พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 210 เปอเซ็นต์ของค่าสถานะ STR ของผู้ใช้
ความเร็วในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น 2 เปอเซ็นต์ตาค่า AGI ของผู้ใช้
ค่าสถานะทั้งหมด (เพิ่มขึ้นตามเลเวลของผู้ใช้)
Ignore Levels +35
การโจมตีมี :
โอกาสเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ที่จะสร้างความเสียหายได้มากกว่าปกติสองร้อยห้าสิบเปอเซ็นต์
โอกาสสี่สิบเปอเซ็นต์ที่จะสร้างความเสียหายได้มากกว่าปกติสามร้อยเปอเซ็นต์
การโจมตีทุกครั้งจะเพิ่มค่าความเสียหายขึ้นสองเปอเซ็นต์ สูงสุดที่สามสิบเปอเซ็นต์
เมื่อติดตั้ง :
ค่า STR เพิ่มขึ้น 50 เปอเซ็นต์ ค่า AGI เพิ่มขึ้น 50 เปอเซ็นต์ ค่า INT เพิ่มขึ้น 35 เปอเซ็นต์ ค่า Endurance เพิ่มขึ้น 50 เปอเซ็นต์ ความเร็วในการโจมตีเพิ่มขึ้น 50 เปอเซ็นต์
เอฟเฟคทั้งหมดของสกิลที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเพิ่มขึ้น 20 เปอเซ็นต์
ความต้องการเลเวลของไอเทมทั้งหมดลดลง 10 เลเวล
หากผู้ถือครองมีอาชีพเป็นนักดาบสกิลทั้งหมดจะมีเลเวลเพิ่มขึ้นหกเลเวล
เพิ่มค่าสถานะฟรีที่จะได้รับทุกครั้ง เมื่อมีการเลื่อนเลเวลเพิ่มขึ้นอีกสองแต้ม
อุปกรณ์ ขั้นสาม : สามารถอัพเกรดเป็นขั้นสี่ได้ด้วยการกลืนกินคริสตัลเทพเจ้าสี่ชิ้น
สกิลใช้งานเพิ่มเติม 1 : ดาร์คเนสไบรน์ (ขั้นสาม) พันธนาการศัตรูทั้งหมดในรัศมีหนึ่งร้อยหลาพร้อมกันเป็นเวลาสามวินาที และทำให้ศัตรูไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ รวมทั้งลดพลังป้องกันและค่าความต้านทานเวทย์มนต์ลงหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เป็นเวลาสิบห้าวินาที
คูลดาวน์ : 40 วินาที
สกิลใช้งานเพิมเติม 2 : โดเมนแห่งความมืด (ขั้นสาม) แปลงพื้นที่ในรัศมีสองร้อยหลารอบๆผู้ใช้ให้เป็นโดเมนแห่งความมืด และทำให้ความรู้สึกของศัตรูทั้งหมดช้าลงสิบห้าเปอเซ็นต์ รวมถึงลดค่าถานะพื้นฐานะของศัตรูลงสิบห้าเปอเซ็นต์ และขณะที่อยู่ในโดเมนแห่งความมืด ผู้ใช้มันจะสามารถควบคุมพลังแห่งคงามมืดได้ถึงสามสิบหกเส้น โดยแต่ละเส้นจะมีพลังเทียบเท่ากับหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ของค่าสถานะ STR ของผู้ใช้ และสร้างความเสียเป็นพลังแห่งความมืดได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์
ระยะเวลา : 60 วินาที
คูลดาวน์ : 8 นาที
สกิลพาสซีฟมรดกที่ลึกซึ้งเพิ่มเติม : มานาอะบีส (ขั้นสาม) ยิ่งความหนาแน่นของมานารอบๆ Abyssal Blade สูงมากเท่าไหร่ อาวุธก็จะแสดงพลังได้มากขึ้นเท่านั้น โดยอาวุธจะสามารถมีพลังเพิ่มขึ้นได้สูงสุดอีกหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์
สกิลพาสซีฟมรดกที่ลึกซึ้งเพิ่มเติม : วิญญาณมังกรดำ (ขั้นสาม) มอบวิญญาณของราชันมังกรดำให้กับผู้ใช้ และเปลี่ยนผู้ใช้ให้กลายเป็นราชันมังกรดำ และยิ่งความหนาแน่นของมานาในพื้นที่โดยรอบสูงมากเท่าไหร่ คะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิตของมังกรดำก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น และสามารถใช้สกิลลมหายใจมังกรได้
ระยะเวลา : 10 นาที
คูลดาวน์ : 12 ชั่วโมง
ดาบนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่จากชิ้นส่วนอาวุธโบราณที่ไม่รู้จัก และมันมีพลังของราชันมังกรดำถูกผนึกเอาไว้ในดาบพร้อมกับคำสาปของราชันมังกรดำ นอกเหนือจากความแข็งแกร่งอย่างมากที่ดาบจะมอบให้กับผู้ใช้แล้ว เมื่อใช้ไประยะหนึ่ง ผู้ใช้ก็จะต้องเผชิญกับผลสะท้อนกลับด้วย และหากผู้ใช้ไม่สามารถทนได้ ผู้ใช้ก็จะโดนคำสาปของราชันมังกรดำทำให้ค่าสถานะทั้งหมดลดลงเจ็ดสิบเปอเซ็นต์อย่างถาวร
ไม่สามารถตกหล่นได้
ไม่สามารถซื้อขายได้
ไม่สามารถถูกทำลายได้
แข็งแกร่งมากๆ !!! แม้แต่ Thousand Transformations ของไฟเออร์แดนซ์ก็ยังเทียบกับเจ้านี่ไม่ได้เลย ด้วยคุณสมบัติมากขนาดนี้ ดาบเล่มนี้น่าจะสามารถเป็นคู่แข่งกับอาวุธระดับตำนานได้เลยสินะ …..
Abyssal Blade ใหม่นี้เป็นเหมือนการผสมผสานกันระหว่าง Abyssal Blade กับ Cruel Darkness และแม้แต่เศษชิ้นส่วนไเทมระดับตำนานชั้นยอดส่วนใหญ่ก็ยังด้อยกว่าดาบนี้ เมื่อซือเฟิงใช้ Abyssal Blade เขารู้สึกว่าเขาจะสามารถแสดงพลังของขั้นสี่ออกมาได้ในการโจมตีปกติ โดยไม่ต้องใช้เทคนิคมานาเลย
ตอนแรกฉันก็กังวลที่จะต้องไปตามหาเศษชิ้นส่วนดาบโซโลมอนที่เมืองพิษ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
เมืองพิษนั้นเป็นดินแดนลับเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ และแม้ว่ามันจะมีอาวุธใหม่และความช่วยเหลือจากกองกำลังนรก แต่งานนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี เพียงแต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป !!!
ดินแดนลับ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ !!!
หากพวกเขาเป็นกลุ่มแรกๆที่สามารถสำรวจดินแดนลับแบบนี้และรับเอาทรัพยากรจำนวนมากมาได้ สภาสิบแปดปีกก็จะเติบโตกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงใน God domain
ตอนนี้อาวุธของฉันเสร็จสมบูรณ์แล้ว มันควรจะถึงเวลาที่ฉันจะไปพบกับผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดแล้ว
ซือเฟิงเก็บ Abyssal Blade ใหม่เข้าฝัก และออกไปจากห้องใต้ดิน
ตอนที่ 2543
กำหนดชะตากรรมด้วยคำพูด
เมืองป่าหิน สถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีก :
ขณะที่ซือเฟิงเปิดประตูห้องรับรองที่ชั้นบนสุดของกิลฮอลเข้าไป เขาก็รู้สึกได้ถึงออร่าอันแหลมคมสองออร่าที่ล๊อคตัวเขา และคอยติดตามทุกการเคลื่อนไหวของเขา โดยทั้งสองคนนั้นแผ่ออร่าของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนออกมาอย่างชัดเจน
เมื่อซือเฟิงเดินเข้ามานั้นเขาก็มองเห็นคนทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน โดยเป็นชายหนึ่ง และหญิงหนึ่ง
ทั้งสองคนนี้นั้นมาพร้อมกับเสวี่ยเหวินโหรว ซึ่งทั้งสองนั้นได้แผ่พลังแห่งความมืดที่หนาแน่นออกมาในรูปแบบที่จับต้องได้ และแม้แต่ผู้เล่นที่ไม่สามารถรู้สึกถึงพลังแห่งความมืดก็สามารถจะมองเห็นชั้นหมอกสีดำรอบๆผู้เล่นทั้งสองได้
ฝ่ายผู้หญิงนั้นดูเหมือนเธอพึ่งจะอายุสามสิบต้นๆ และมีอาชีพเป็นอัศวินแห่งความมืดที่หายากมากๆ แถมยังเป็นเผ่าหมาป่าแห่งความมืดด้วย และออร่าของเธอก็อ่อนแอกว่าเสวี่ยเหวินโหรวที่สวมใส่อุปกรณ์ระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เผ่าครึ่งฟอลเลนเอลฟ์ ? ดวงตาของซือเฟิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะจ้องมองไปยังชายอีกคนหนึ่ง
มานานั้นรักเผ่าเอลฟ์ และพวกเขาเกิดมาพร้อมกับความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาในการจัดการกับมานา อย่างไรก็ตามใน God domain นั้นก็มีกลุ่มเอลฟ์ที่ตกลงสู่ความมืดภายใต้ขีดจำกัดของมานา โดยพวกนี้เป็นที่รู้จักกันในนามฟอลเลนเอลฟ์ และเอลฟ์โดยธรรมชาติทั้งหมดก็ล้วนตามล่าเหล่าฟอลเลนเอลฟ์อย่างไม่ลดละ เพราะมันนับเป็นตัวตนที่ผิดปกติใน God domain และผู้เล่นที่เปลี่ยนเผ่าเป็นครึ่งฟอลเลนเอลฟ์นั้นหาได้ยากยิ่งกว่า
แน่นอนว่ามหาอำนาจต่างๆก็จะกำหนดเป้าหมายไปที่ผู้เล่นเผ่าครึ่งฟอลเลนเอลฟ์เพื่อรับสมัครเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดเผ่าครึ่งฟอลเลนเอลฟ์นั้นมีความสัมพันธ์กับมานาที่แข็งแกร่งกว่าครึ่งเอลฟ์ทั่วไปมาก และความสัมพันธ์ของพวกเขากับการควบคุมพลังแห่งความมืดของพวกเขามันก็ค่อนข้างน่าประทับใจ พวกเขาแทบจะสามารถเทียบกับเอลฟ์บริสุทธิ์ได้
เอลฟ์นั้นอาจเทียบไม่ได้กับมังกร แต่พวกนี้ก็เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ชั้นยอดของ God domain ที่มีศักยภาพในการเติบโตมากกว่าผู้เล่นที่เป็นมนุษย์ และเมื่อกลายเป็นครึ่งฟอลเลนเอลฟ์แล้ว ผู้เล่นจะมีศักยภาพในการเติบโตเทียบเท่ากับเอลฟ์ที่แท้จริงเลย และหลังจากถึงขั้นสาม ทุกๆขั้นที่จะเพิ่มขึ้นนับจากนี้ มันจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับครึ่งฟอลเลนเอลฟ์อย่างมาก นอกจากนี้ผู้เล่นทุกคนที่สามารถทำเควสจนกลายเป็นครึ่งฟอลเลนเอลฟ์ได้สำเร็จนั้นมันก็พิสูจน์แล้วว่าพวกเขามีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงมาก และตราบใดที่พวกเขาได้รับทรัพยากรมากพอ มันก็เกือบจะประกันได้เลยว่า พวกเขาจะไปถึงขั้นห้าได้แน่นอน
และด้วยความสามารถตามธรรมชาติของเผ่า มันจึงจะไม่มีใครโค่นผู้เล่นครึ่งฟอลเลนเอลฟ์ขั้นห้าได้ นอกจากผู้เชี่ยวชาญขั้นหก
เท่าที่ซือเฟิงจำได้ ในชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นผู้เล่นจะมีโอกาสผ่านเควสเพื่อกลายเป็นครึ่งฟอลเลนเอลฟ์ก็หลังจากที่พวกเขาปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วเท่านั้น แต่ตอนนี้แขกตรงหน้าของเขายังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่กับทำได้สำเร็จ
“ให้ฉันแนะนำหัวหน้าก่อนแล้วกัน หัวหน้ากิล ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองนี้มาจากสองในสามของกิลชั้นยอดในโลกแห่งความมืด พวกเขามาเพื่อพูดคุยและหารือเรื่องหัวใจปีศาจกับสภาสิบแปดปีก” เสวี่ยเหวินโหรวกล่าว เมื่อเห็นซือเฟิงเดินเข้ามาในห้อง
โลกแห่งความมืดนั้นมันกว้างใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ และมันมีขนาดใหญ่มากพอๆกับจักรวรรดิสามแห่งรวมกัน โดยโลกอื่นแห่งนี้นั้นใหญ่กว่าแม้กระทั่งจักรวรรดิมังกรไฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่จักรวรรดิที่ทรงพลังที่สุดของ God domain
มันมีสามกิลนั้นปกครองโลกแห่งความมืดอยู่ ดาร์ครัปโซดี้ เดียตี้โซไซตี้ และเวิร์ลโดมิเนชั่น ซึ่งพวกเขาทั้งหมดนั้นล้วนได้รับการสนับสนุนากบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆตั้งแต่ช่วงเริ่มเกม และพวกเขาก็ได้ลอบรับสมัครผู้เชี่ยวชาญจากกิลชั้นสูงไปจนถึงซุเปอร์กิลอย่างลับๆ และตั้งแต่นั้นมาทั้งสามกิลก็ได้พัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในโลกแห่งความมืด และตอนนี้นั้นกิลก็สามารถจะเทียบกับซุเปอร์กิลได้แล้ว
แขกในปัจจุบันทั้งสองของสภาสิบแปดปีกนั้นเป็นตัวแทนจากดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้
“เมื่อนึกว่าคุณมาโดยไม่บอกล่วงหน้าแบบนี้ แสดงว่ามันเป็นเรื่องเร่งด่วนสินะ พูดมาตรงๆได้เลย” ซือเฟิงกล่าวกับผู้เล่นสองคนตรงหน้าของเขา
เขามีความเข้าใจคร่าวๆเกี่ยวกับดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีพลังมากพอที่จะขึ้นไปอยู่ในฐานะสองในหกกิลสายความมืดที่ทรงพลังที่สุดของ God domain ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง แต่พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งพอจะแข่งขันกับซุเปอร์กิลได้ และเมื่อทวีปหลักกับโลกแห่งความมืดได้เชื่อมต่อกัน ทั้งสองกิลต่างก็ทำลายล้างมหาอำนาจไปจำนวนหนึ่งเพื่อใช้เป็นหินก้าวขึ้นไปตั้งหลักและยึดที่มั่นในทวีปหลัก ความแข็งแกร่งของทั้งสองกิลนั้นไม่สามารถจะประเมินได้ง่ายๆเลย
“คุณเป็นคนตรงไปตรงมาตามข่าวลือที่ได้ยินมาจริงๆ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ..” อัศวินแห่งความมืดหญิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “การเดินทางมาในครั้งนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเรามาพูดกันตรงๆ ผู้อาวุโสโกลด์และฉันมาที่นี่ในนามของกิลเรา และเราหวังว่าจะได้เซ็นสัญญากับสภาสิบแปดปีก …”
“สัญญา ? เกี่ยวกับอะไร ?” ซือเฟิงถาม
“ฉันกลัวว่าคุณจะยังไม่รู้ว่าหัวใจปีศาจนั้นน่ากลัวแค่ไหนหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม … โดยอย่างยิ่งรองหัวหน้ากิลของหัวใจปีศาจอย่างเฟรมมิ่งไลท์ เขาถือกุญแจสำคัญในการเปิดใช้งานเส้นทางระหว่างโลกแห่งความมืดกับทวีปหลักอยู่ และหลังจากความอัปยศอดสูกับความเดือดร้อนที่กิลของเขาได้รับจากฝีมือคุณ มันก็เกือบจะรับประกันได้เลยว่าเขาจะเปิดประตูนี้ขึ้นที่ป่าใบไม้ผลิ และผู้เล่นของโลกแห่งความมืดทุกคนก็จะเข้ามารุมล้อมและโจมตีเมืองป่าหิน ซึ่งเมืองก็ไม่น่าจะรอดจากสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ …” ฟอลเลนเอลฟ์ ซึ่งอัศวินแห่งความมืดหญิงเรียกว่าผู้อาวุโสโกลด์กล่าว “อย่างไรก็ตามกิลของเราไม่ต้องการทำตัวเป็นอันธพาลที่ได้รับการว่าจ้างจากเฟรมมิ่งไลท์ ด้วยเหตุนี้เราจึงได้มาเจรจากับสภาสิบแปดปีก”
“ถูกต้อง สัญญาของเรานั้นก็ง่ายมาก หากเส้นทางสู่โลกแห่งความมืดถูกเปิดขึ้นในป่าใบไม้ผลิ กิลของเราจะไม่ดำเนินการใดๆกับสภาสิบแปดปีกหรือเมืองป่าหิน” อัศวินแห่งความมืดหญิงกล่าวพลางหัวเราะ “ฉันแน่ใจว่านี่จะช่วยบรรเทาความกดดันได้มากพอสมควรที่กิลและเมืองของคุณต้องเผชิญ และคุณจะรับมือกับผู้เล่นที่เหลือของโลกแห่งความมืดอย่างไร มันก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ….”
“แล้วคุณต้องการอะไรเป็นค่าตอบแทน ?” ซือเฟิงถาม
ข้อเสนอของทั้งสองกิลนั้นไม่ได้ทำให้ซือเฟิงแปลกใจแม้แต่น้อย หัวใจปีศาจอาจมีอิทธิพลอย่างมากในโลกแห่งความมืด แต่ตอนนี้มันก็ยังไม่มีอะไรจะเทียบกับสามกิลที่ปกครองโลกแห่งความมืดได้
เห็นได้ชัดว่าหัวใจปีศาจนั้นตั้งใจจะใช้โลกแห่งความมืดเป็นหัวหอก และผู้เล่นบางคนของโลกแห่งความมืดนั้นก็ไม่พอใจที่ต้องเล่นบทนี้ พวกเขาจะต้องใช้ทรัพยากรเพื่อต่อสู้กับมหาอำนาจของทวีปหลัก ซึ่งการยอมเล่นตามบทของหัวใจปีศาจนั้นมันก็จะมีแต่หัวใจปีศาจที่ได้เปรียบ ดังนั้นดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ จึงมาค้นหาและขอความร่วมมือจากสภาสิบแปดปีก ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของเมืองกิลในเมืองป่าหิน
“มันก็ไม่มีอะไรสำคัญ เราเพียงต้องการพูดคุยเกี่ยวกับการจัดสรรทรัพยากรของป่าใบไม้ผลิน่ะ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ….” ผู้อาวุโสโกลด์กล่าว “ทั้งสองกิลของเรานั้นเป็นองค์กรขนาดใหญ่ และพวกเราก็ต้องการทรัพยากรมากเป็นพิเศษ เพื่อแลกเปลี่ยนกับความเป็นกลาง เราจึงอยากจะขอแลกกับทรัพยากรครึ่งหนึ่งของป่าใบไม้ผลิ โดยเราจะไม่เข้าไปยุ่งใดๆกับอีกครึ่งหนึ่ง และโดยธรรมชาติแล้ว เราก็ต้องการให้สภาสิบแปดปีกเห็นชอบด้วย ซึ่งมันเรียกว่าสนธิสัญญาไม่แทรกแซง”
เสวี่ยเหวินโหรวที่ยืนอยู่ด้านข้างของซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินสิ่งนี้
ฟังผิวเผินนั้นเงื่อนไขของทั้งสองกิลมันดูใจกว้างและดีมากๆ อย่างไรก็ตามหากคิดดีๆนั้น มันจะมีแต่ทั้งสองกิลเท่านั้นจริงๆที่ได้รับประโยชน์ไป เพราะหากสภาสิบแปดปีกเซ็นสัญญานี้ อีกครึ่งหนึ่งที่เหลือที่ว่าพวกเขาก็จะยังต้องแข่งขันกับผู้เล่นจากโลกแห่งความมืด และมหาอำนาจต่างๆอีกอยู่ดี ซึ่งมันจะทำให้การแข่งขันทวีความรุนแรงขึ้นด้วยซ้ำ ขณะที่ดาร์ครัปโซดี้ กับเดียตี้โซไซตี้นั้นก็จะสามารถหลีกเลี่ยงคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาในป่าใบไม้ผลิอย่างสภาสิบแปดปีกได้
“ฉันเข้าใจล่ะ …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
“ข้อเสนอนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อกิลทั้งสามของเรา คุณคิดยังไงหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?” อัศวินแห่งความมืดถาม
“เนื่องจากคุณทั้งสองกิลจริงใจกันขนาดนี้ งั้นเอาแบบนี้เป็นไง ? สภาสิบแปดปีกจะยอมสูญเสียพื้นที่แหล่งทรัพยากรเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ของป่าใบไม้ผลิ ในทางกลับกันกิลของคุณจะต้องเสนอทรัพยากรอื่นๆให้กับเรา ทางเราไม่ได้ต้องการอะไรมากหรอก ขอแค่คริสตัลแห่งความมืดห้าแสนชิ้นก็พอ คุณคิดยังไง ?” ซือเฟิงตอบโต้ด้วยรอยยิ้ม
“หัวหน้ากิล ?!” เสวี่ยเหวินโหรวอุทานพลางหันไปมองซือเฟิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และประหลาดใจ
แค่แบ่งครึ่งๆนี้มันก็ยังทำให้พวกเขาแข่งขันกับโลกแห่งความมืดได้อย่างยากลำบากแล้ว หากพวกเขาเหลือสามสิบเปอเซ็นต์นั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยโลกแห่งความมืดทั้งโลกจะประกาศสงครามกับกิลพวกเขาแบบสิ้นเชิงแน่นอน ….
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงเสวี่ยเหวินโหรวเลย แม้แต่ตัวแทนของทั้งสองกิลก็ยังตกตะลึงและสับสนกับข้อเนอโต้แย้งของซือเฟิง
พวกเขาได้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่ข้อเสนอของพวกเขาจะถูกปฎิเสธก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาที่สถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีก หรือสภาสิบแปดปีกอาจจะพยายามลดส่วนแบ่งที่กิลของพวกเขาต้องการลง พวกเขาได้หารือเกี่ยวกับมาตราการรับมือต่างๆสำหรับความเป็นไปได้เหล่านี้แล้ว ในความเป็นจริง พวกเขาวางแผนจะเจรจากับกิลมาหลายวันแล้ว
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะนำเสนอทรัพยากรของป่าใบไม้ผลิมากขึ้นกว่าที่พวกเขาต้องการ ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ?
ตอนที่ 2544
แบล๊คเฟรมที่บ้าไปแล้ว
อัศวินแห่งความมืดหญิงและผู้อาวุโสโกลด์นั้นต่างมึนงงเป็นเวลานาน หลังจากได้ยินข้อเสนอโต้แย้งของซือเฟิง และพวกเขาก็สงสัยว่าชายตรงหน้าของพวกเขากำลังล้อเล่นกับพวกเขา
ด้วยข้อเสนอเดิมของพวกเขาซึ่งดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ จะอ้างสิทเหนือพื้นที่ทรัพยากรของป่าใบไม้ผลิห้าสิบเปอเซ็นต์นั้น พลังที่เหลือของโลกแห่งความมืดก็จะต่อสู้กับสภาสิบแปดปีกเพื่อแย่งชิงส่วนที่เหลืออยู่ดี และต่อให้พวกเขาหลีกเลี่ยงกันในตอนแรกๆ แต่สุดท้ายแล้วยังไงมันก็จะต้องมีการขัดแย้งกันอยู่ดี เพราะท้ายที่สุดพื้นที่นั้นมีจำกัด และมันไม่เพียงพอสำหรับผู้เล่นจำนวนมหาศาล ดังนั้นการต่อสู้จึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้เลย
แถมพูดกันตรงๆในตอนที่เข้ามาที่ทวีปหลักครั้งแรก ยังไงซะผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดก็จะต้องพุ่งเป้ามาที่สถานที่ที่ประตูถูกเปิดขึ้นอยู่แล้ว ก่อนที่พวกเขาจะค่อยๆขยายอิทธิพลของตัวเองออกไปภายในทวีปหลัก
นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมมหาอำนาจต่างๆจึงหวาดกลัวรองหัวหน้ากิลของหัวใจปีศาจอย่างเฟรมมิ่งไลท์
แต่กระนั้นตอนนี้ซือเฟิงกับพึ่งเสนอทรัพยากรเพิ่มจากที่พวกเขาต้องการให้อีกยี่สิบเปอเซ็นต์ ซึ่งนี่มันจัดเป็นการกระทำที่บ้าคลั่งและฆ่าตัวตายชัดๆ
ข้อเสนอโต้แย้งของเขานั้นอาจดูฉลาดสำหรับคนทั่วไป เนื่องจากการทำเช่นนี้มันจะทำให้สภาสิบแปดปีกสามารถกระชับแนวป้องกันและควบคุมพื้นที่ทรัพยากรได้ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดคนอื่นๆก็จะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่เหล่านี้อยู่ดี และในด้านของพื้นที่ของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้นั้นมันก็จะไม่มีผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดคนไหนกล้าเข้ามายุ่งแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาล้วนรู้ถึงพลังของสองกิลนี้ดี ดังนั้นพวกเขาจึงจะยิ่งทุ่มกำลังเข้ามาแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากรของสภาสิบแปดปีกมากขึ้นแน่นอน และการเอาชีวิตรอดในป่าใบไม้ผลิของสภาสิบแปดปีกก็จะเป็นไปได้ยากขึ้นมาก ไม่ต้องพูดถึงการรักษาพื้นที่ทรัพยากรเลย
นี่เขายอมแพ้เรื่องเมืองป่าหินแล้วงั้นหรอ ? ตอนนี้อัศวินแห่งความมืดหญิงคิดออกแค่ความเป็นไปได้เดียว
สภาสิบแปดปีกนั้นไม่ได้กำลังจะเผชิญหน้ากับมหาอำนาจหนึ่งหรือสองกลุ่ม แต่พวกเขากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับโลกอื่นทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นโลกอื่นที่ว่านี้ยังมีประชากรผู้เล่นมากกว่าจักรวรรดิมังกรไฟด้วย มันไม่ควรจะมีมหาอำนาจที่จะสามารถต้านทานอะไรแบบนี้ได้เลย …..
ดังนั้นซือเฟิงจึงได้ตัดสินใจที่จะละทิ้งทรัพยากรของป่าใบไม้ผลิเพื่อแลกกับคริสตัลแห่งความมืดอันล้ำค่าของโลกแห่งความมืด ซึ่งมันก็นับเป็นธุรกรรมที่คุ้มค่า แต่อย่างไรก็ตามมันก็คงไม่มีคนปกติจะยอมทำธุรกรรมดังกล่าวหรอก เพราะการพัฒนาเมืองกิลนั้นต้องใช้ทั้งเวลาและทรัพยากรจำนวนมาก มันไม่มีใครที่จะสามารถละทิ้งเมืองกิลได้ดื้อๆโดยที่ไม่คิดอะไร
“นี่คุณจริงจังไหมหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?” ผู้อาวุโสโกลด์ถาม เขาไม่สามารถคิดถึงเหตุผลที่ตัวเองจะปฎิเสธข้อเสนอของซือเฟิงได้เลย แม้ว่าคริสตัลแห่งความมืดห้าแสนชิ้นจะเป็นอะไรที่มีค่า แต่มันก็ไม่มีอะไรเลยเมื่อเทียบกับพื้นที่ทรัพยากรเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ของป่าใบไม้ผลิ
“แน่นอน ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน เรามาเซ็นสัญญากันทันทีเลยก็ได้ …” ซือเฟิงตอบพลางหัวเราะเบาๆ
“ยอดเยี่ยม !!! ในนามของเดียตี้โซไซตี้ ฉันขอยอมรับข้อเสนอของคุณ !!!” ผู้อาวุโสโกลด์อุทานด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น มันมีเพียงแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะปฎิเสธ
ทั่วทั้งป่าใบไม้ผลินั้น มีเพียงสภาสิบแปดปีกเท่านั้นที่เป็นภัยคุกคามต่อเดียตี้โซไซตี้ ขณะที่มหาอำนาจอื่นๆยังไม่ควรค่าให้กล่าวถึง ซึ่งหากสภาสิบแปดปีกยินดีจะมอบพื้นที่ทรัพยากรเพิ่มขึ้นอีกยี่สิบเปอเซ็นต์ เดียตี้โซไซตี้ก็จะไม่มีปัญหาในการจัดการพื้นที่เลย
“แล้วดาร์ครัปโซดี้ล่ะ ?” ซือเฟิงถามขณะที่หันไปมองอัศวินแห่งความมืดหญิง
“ในนามของกิลฉัน ฉันสามารถรับข้อตกลงนี้ได้อย่างไม่มีปัญหาเช่นกัน …” อัศวินแห่งความมืดหญิงตอบอย่างไม่ลังเล แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่านักดาบตรงหน้าของเธอคิดอย่างไร แต่พวกระดับสูงของเธอได้เอาเธอตายแน่ หากปฎิเสธข้อเสนอนี้
เมื่อผู้อาวุโสโกลด์ และอัศวินแห่งความมืดหญิงตกลงเรียบร้อย ทั้งสามก็ได้เซ็นสัญญากันโดยระบุว่าดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ นั้นจะเข้าครอบครองพื้นที่ทรัพยากรของป่าใบไม้ผลิเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ ในขณะที่สภาสิบแปดปีกจะครอบครองส่วนที่เหลือ และจะไม่มีกิลใดในสามกิลนี้เข้าไปยุ่งเรื่องของกันและกัน และกิลสายความมืดทั้งสองจะจัดหาคริสตัลแห่งความมืดห้าแสนชิ้นให้กับสภาสิบแปดปีก
เมื่อการเจรจาเสร็จสิ้น อัศวินแห่งความมืดหญิงและผู้อาวุโสโกลด์ก็รีบเดินทางกลับไปยังโลกแห่งความมืดเพื่อแจ้งข่าวดีให้กับกิลของพวกเขาทราบ และให้เริ่มจัดการคริสตัลแห่งความมืดห้าแสนชิ้นให้กับสภาสิบแปดปีกตามข้อเรียกร้องของซือเฟิง และเมื่อประตูสู่โลกแห่งความมืดเปิดขึ้นในป่าใบไม้ผลิเมื่อไหร่ ทั้งดาร์ครัปโซดี้ และ เดียตี้โซไซตี้ ก็จะนำคริสตัลแห่งความมืดมามอบให้กับสภาสิบแปดปีกทันที
เมื่อข่าวไปถึงสำนักงานใหญ่หลักของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ พวกระดับสูงของทั้งสองกิลต่างก็ตกตะลึงมากๆ
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะกล้ามากขนาดนี้ ดูเหมือว่าพวกเขาจะค่อนข้างมั่นใจในการปกป้องสามสิบเปอเซ็นต์ของแผนที่ ..!!”
“แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ? ฉันว่าสภาสิบแปดปีกน่าจะตระหนักว่าตัวเองไม่สามารถหยุดความก้าวหน้าของโลกแห่งความมืดได้ และกิลน่าจะมีแผนสำหรับเป้าหมายถัดไปที่ดีกว่านี้รึปล่าว ?”
“ไม่แปลกใจเลย ด้วยลักษณะที่เด็ดขาดแบบนี้ของกิล มันจึงทำให้กิลประสบความสำเร็จมาได้ถึงทุกวันนี้ แต่สภาสิบแปดปีกเองก็ต้องไม่ลืมว่าศัตรูของพวกเขานั้นไม่ใช่แค่หัวใจปีศาจ มันยังมีผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดด้วย พวกเขาไม่ควรจะสามารถยืนหยัดต่อต้านอะไรได้เลยนะ …”
การพูดคุยกันอย่างร้อนแรงได้ปะทุขึ้นท่ามกลางพวกระดับสูงของทั้งสองกิลเกี่ยวกับสัญญาใหม่ที่สภาสิบแปดปีกทำ ไม่มีใครคาดหวังกับผลลัพธ์นี้ แต่ไม่ว่าจะยังนี่ก็นับเป็นข่าวดีสำหรับทั้งสองกิล
ในขณะที่ดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้กำลังพูดคุยกันเรื่องนี้ ข่าวนี้ก็ไปถึงหูของหัวใจปีศาจอย่างรวดเร็ว
“แบล๊คเฟรมนี่ค่อนข้างจะกล้ามากจริงๆ ผู้อาวุโสฮาร์ท … ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจที่จะสละทรัพยากรส่วนใหญ่ในป่าใบไม้ผลิ และมุ่งเน้นกองกำลังของเขาไปที่การปกปองเมืองป่าหิน” ปีศาจระดับวิสเค้าท์ ที่เป็นชิลวอริเออร์ เลเวลหนึ่งร้อยแปด ขั้นสามกล่าวแสดงความเห็นด้วยรอยยิ้มกับฟิวเรียสฮาร์ท
ซือเฟิงนั้นได้เข้ามาก่อเรื่องที่เมืองปีศาจ และก่อความเสียหายอย่างรุนแรง ด้วยท่าทีที่หยิ่งผยองและเย่อหยิ่งมากๆ อย่างไรก็ตามตอนนี้ ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวของเฟรมมิ่งไลท์ ซือเฟิงก็ถูกบังคับให้ต้องสละพื้นที่ป่าใบไม้ผลิไปเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ ดังนั้นนี่มันจึงเป็นผลลัพธ์ที่น่ายินดีมากสำหรับหัวใจปีศาจ
“อืมมม นี่เขาคิดว่าตัวเองจะสามารถหนีรอดไปได้หลังจากยั่วยุหัวใจปีศาจงั้นหรอ ?” ฟิวเรียสฮาร์ทกล่าวด้วยเสียงกร้าว “ถ้าเขาคิดว่าเขาจะสามารถปกป้องเมืองป่าหินไว้ได้ด้วยการสละพื้นที่ทรัพยากรเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ของป่าใบไม้ผลิ เขาก็ควรคิดใหม่ เขาไม่ได้รู้เลยว่าการกระทำของตัวเองนั้นมันไร้ประโยชน์ขนาดไหน รองหัวหน้ากิลได้บรรลุข้อตกลงกับมหาอำนาจหลายกลุ่มแล้ว เมื่อถึงเวลาที่หัวใจปีศาจให้สัญญาณ มหาอำนาจต่างๆก็จะเริ่มโจมตีเมืองป่าหินจากทั้งภายในและภายนอก พวกเราจะทำลายเมืองป่าหิน และทำให้แน่ใจว่าสภาสิบแปดปีกจะไม่มีพื้นที่ในป่าใบไม้ผลิอีก !!”
ผู้อาวุโสคนอื่นๆของหัวใจปีศาจเองก็พยักหน้าด้วยความตื่นเต้นกับเรื่องนี้
สภาสิบแปดปีกอาจคิดว่าตัวเองต้องเผชิญหน้ากับโลกแห่งความมืดเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้ว พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับมหาอำนาจอีกหลายกลุ่ม
และภายใต้การร่วมมือกันแบบนี้ สภาสิบแปดปีกจะไม่มีอำนาจต่อต้านใดๆแน่นอน กิลจะไม่มีโอกาสรอด
เมืองป่าหิน สถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีก :
ในขณะที่มหาอำนาจหลายกลุ่มกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างสภาสิบแปดปีกกับดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้ เสวี่ยเหวินโหรวก็กำลังเดินตามซือเฟิงลงไปยังคลังของกิลซึ่งอยู่ในชั้นใต้ดินชั้นแรกของสถานที่พักกิลอย่างสับสน
“หัวหน้ากิลการเสนอพื้นที่ทรัพยากรของป่าใบไม้ผลิเพิ่มอีกยี่สิบเปอเซ็นต์ มันไม่ได้คุ้มค่ากับคริสตัลแห่งความมืดห้าแสนชิ้นเลยนะ น้ำใบไม้ผลิของป่าใบไม้ผลินั้นมันช่วยในการพัฒนาของผู้เล่นขั้นสองของเราได้อย่างมาก และมันก็เป็นเหตุผลหลักเลยที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองของเราหลายคนทำงานในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยได้ ดังนั้นการยอมเสียพื้นที่ทรัพยากรไปจำนวนมากขนาดนี้ มันจะทำให้การพัฒนาของผู้เล่นขั้นสองของเราลดลงอย่างมาก” เสวี่ยเหวินโหรวบ่น เธอรู้สึกว่าซือเฟิงทำเกินไปหน่อยในตอนนี้
แม้แต่มหาอำนาจต่างๆของ God domain ก็ต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งเรื่องน้ำใบไม้ผลิ และเนื่องจากความหายากของมัน การแข่งขันมันจึงรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็โชคดีสำหรับสภาสิบแปดปีกที่พวกเขามีเมืองป่าหิน พวกเขาจึงมีข้อได้เปรียบอย่างมากในการแข่งขันแย่งชิงน้ำใบไม้ผลิ และมันก็ไม่มีมหาอำนาจกลุ่มใดที่กล้าจะสร้างปัญหาให้กับกิล
ซึ่งไอเทมชิ้นนี้นั้นมันก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองของสภาสิบแปดปีกสามารถเก็บเลเวลได้อย่างรวดเร็ว และไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยห้าได้เร็วกว่าคนอื่นๆ และเมื่อพวกเขาไปถึงเลเวลนี้แล้ว พวกเขาก็จะสามารถทำการสวมใส่และใช้อาวุธกับอุปกรณ์ชั้นยอดเลเวลหนึ่งร้อยห้าได้ ซึ่งมันก็จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองเหล่านี้สามารถท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามของตัวเองได้ และน่าจะทำได้สำเร็จด้วยอัตราความสำเร็จที่สูงมาก ด้วยเหตุนี้สภาสิบแปดปีกจึงจะสามารถเลี้ยงดูผู้เล่นขั้นสามขึ้นมาได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หากพวกเขายอมมอบพื้นที่ทรัพยากรของป่าใบไม้ผลิเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ไป แล้วพวกเขายังต้องมารับมือกับผู้เล่นจากโลกแห่งความมืด และมหาอำนาจต่างๆอีก ในช่วงเวลาที่เหลือ สภาสิบแปดปีกก็น่าจะต้องละทิ้งพื้นที่ป่าใบไม้ผลิทั้งหมดแน่นอน
ในขณะเดียวกันคริสตัลแห่งความมืดนั้นแม้ว่าพวกมันจะมีค่า แต่คุณค่าของมันจะใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ก็แค่สำหรับผู้เล่นสายความมืดเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วมันมีพลังแห่งความมืดอยู่ และมันก็ไม่ได้มีประโยชน์สำหรับผู้เล่นทั่วไปเลยแม้แต่น้อย ในความเป็นจริงคริสตัลแห่งความมืดห้าแสนชิ้น ไม่ได้มีมูลค่าเท่ากับคริสตัลเวทย์มนต์ห้าแสนชิ้นด้วยซ้ำในสายตาของผู้เล่นทั่วไป
“ฉันเข้าใจ แต่ป่าใบไม้ผลินั้นมีขนาดใหญ่มากๆ และสภาสิบแปดปีกก็มีขนาดไม่ใหญ่มากพอที่จะดูแลพื้นที่ทั้งหมด และแค่ดูแลพื้นที่ทรัพยากรสามสิบเปอเซ็นต์ยังตึงมือมากเลย ไม่ต้องพูดถึงห้าสิบเปอเซ็นต์ ดังนั้นแทนที่จะมามัวครอบครองอะไรที่ไร้ประโยชน์ เราเอาไปแลกกับสิ่งมีค่าไม่ดีกว่าหรอ ?” ซือเฟิงถามพลางหัวเราะเบาๆ
“แต่ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดเหล่านั้น …”
เสวี่ยเหวินโหรวเข้าใจถึงสิ่งที่ซือเฟิงพยายามจะพูด ณ จุดนี้ มันมีเพียงแต่ผู้เล่นขั้นสามเท่านั้นที่จะสามารถท่องไปในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยได้อย่างอิสระเป็นเวลานาน และผู้เล่นขั้นสองก็จะไม่สามารถอยู่ในแผนที่แบบนี้ได้นานนัก และกองกำลังในปัจจุบันที่สภาสิบแปดปีกมีนั้นมันก็ไม่เพียงพอที่จะเข้าครอบครองพื้นที่ทั้งหมดของป่าใบไม้ผลิ ดังนั้นการขายพื้นที่ไปบางส่วนมันจึงจะเป็นเรื่องที่ชาญฉลาด แต่ถ้าพวกเขาพิจารณาถึงทุกอย่างที่พวกเขาต้องเผชิญนั้น มันจะเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
“ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนั้นเป็นตัวปัญหาจริงๆ แต่อย่าคิดว่าพวกเขาจะมาเป็นภัยคุกคามต่อสภาสิบแปดปีกในป่าใบไม้ผลิได้ง่ายๆ !!!!” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ
“หัวหน้ากิล เรากำลังพูดถึงโลกแห่งความมืดนะ ฉันได้พูดคุยกับแขกทั้งสองของเราก่อนหน้านี้แล้ว และทั้งสองก็ได้บอกฉันว่าโลกแห่งความมืดนั้นมีขนาดใหญ่เท่ากับจักรวรรดิทั่วไปสามจักรวรรดิเลย และมันมีผู้เล่นมากกว่าจักรวรรดิมังกรไฟด้วย และเราจะต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอย่างน้อยสองหมื่นคน ….” เสวี่ยเหวินโหรวกล่าวกับซือเฟิงด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“แล้วถ้าเรามี NPC ขั้นสามติดอาวุธครบมือสักสองถึงสามพันคนล่ะ ?” ซือเฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
“หัวหน้ากำลังพูดถึงกองอัศวินใช่ไหม ?” เสวี่ยเหวินโหรวเริ่มตระหนักได้ถึงสิ่งที่ซือเฟิงคิดอยู่ “แต่เรายังไม่มีเงินทุนเพียงพอในการอัพเกรด …”
“ใครบอกกัน ?” ซือเฟิงเหน็บ จากนั้นเขาก็เปิดกระเป๋าของเขาและเทมันออกมาในคลังของกิล
ภายในไม่กี่สิบวินาที ทั้งคลังก็เต็มไปด้วยวัสดุจำนวนมหาศาล และทุกชิ้นก็ล้วนหายากอย่างมาก และบางชิ้นเสวี่ยเหวินโหรวก็ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ ซึ่งในขณะที่สิ่งของเหล่านี้ค่อยๆไหลออกมาจากกระเป๋าของซือเฟิง ความหนาแน่นของมานาในคลังก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ตอนที่ 2545
ความมั่งคั่งที่น่าอัศจรรย์
เสวี่ยเหวินโหรวจ้องมองไปยังวัสดุทั้งหมดที่ซือเฟิงนำออกมาด้วยความงุนงง
ในฐานะรองหัวหน้ากิล เธอได้ทำการค้นคว้าอย่างละเอียดเกี่ยวกับวัสดุของ God domain แต่ตอนนี้เธอกับไม่รู้จักวัสดุกว่าครึ่งที่ซือเฟิงนำออกมาจากกระเป๋าของเขา และสำหรับวัสดุที่เธอรู้จักนั้น มันก็ถือว่ามีค่ามากในตลาด และโดยปกติแล้วพวกเขาก็แทบจะไม่สามารถหาซื้อได้เลย แม้จะเสนอราคาที่สูงอย่างน่ากลัว
ถึงกระนั้นตอนนี้ คลังกิลของพวกเขากับเต็มไปด้วยวัสดุพวกนี้ ….
คลังกิลของสภาสิบแปดปีกนั้นมีขนาดใหญ่พอๆกับสนามบาสเก็ตบอลสี่สนาม แต่ถึงแม้มันจะมีขนาดใหญ่มากขนาดนี้ แต่ตอนนี้มันก็ยังเต็มไปด้วยวัสดุล้ำค่าที่ซือเฟิงนำออกมา และมันจะทำให้พวกเขาสามารถกอบโกยผลกำไรได้อย่างมากมายแน่นอน หากขายพวกมันทั้งหมด ….
“หัวหน้ากิล หัวหน้าได้รับวัสดุเหล่านี้ทั้งหมดมาจากทวีปด้านตะวันตกงั้นหรอ ?” เสวี่ยเหวินโหรวถาม เธอนั้นรู้ถึงการไปเยือนทวีปด้านตะวันตกของซือเฟิง แต่เนื่องจากกิลยังต้องการคนอยู่บริหารงาน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ติดตามเขาไป
อย่างไรก็ตาม ซือเฟิงก็ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในทวีปด้านตะวันตกนานนัก และแม้ว่าเขาจะไปพร้อมกับคริสตัลเวทย์มนต์นับล้าน แต่การกลับมาพร้อมกับผลตอบแทนจำนวนมหาศาลมากขนาดนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
วัสดุที่ถือว่าหายากนั้น มันก็มีเหตุผลของมันเองที่หายาก และมันก็ไม่มีอุปทานจำนวนมากในตลาด ซึ่งการจะได้รับวัสดุจำนวนมากเท่าที่ซือเฟิงได้รับมาตอนนี้นั้น คนๆหนึ่งจะต้องไปปล้นบ้านประมูลของอาณาจักรหรือจักรวรรดิบางแห่งแล้วจึงจะได้รับมันมา ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมหาอำนาจต่างๆค้นพบว่ามีคนจัดซื้อวัสดุหลายชิ้นในปริมาณที่สูงขึ้น ราคาของมันก็จะสูงขึ้น ซึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์นี้นั้น มหาอำนาจหลายกลุ่มจึงมักจะจัดซื้อวัสดุที่หายากส่วนใหญ่ที่พวกเขาต้องการแบบทีละนิด เป็นเวลานาน
“อืมมม เราใช้เวลาในการรวบรวมวัสดุเหล่านี้เป็นเวลานาน …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า ก่อนที่เขาจะยิ้มและพูดต่อว่า “แล้วเป็นยังไงล่ะ ? ตอนนี้เธอยังจะคิดว่าการจัดการกับผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดเป็นปัญหาอยู่ไหม ?”
เขานั้นรู้ถึงไพ่ลับของหัวใจปีศาจมานานแล้ว และก่อนที่เขาจะไปเยือนทวีปด้านตะวันตกนั้นเขาก็ไม่ได้คิดจะไปโจมตีกิลสายความมืดกิลนี้เลย เพราะท้ายที่สุดเขาไม่ได้ต้องการที่จะเป็นศัตรูกับโลกทั้งใบ
แต่อย่างไรก็ตามกาลเวลาได้เปลี่ยนไปแล้ว และเขาร่ำรวยมากๆ
คริสตัลเวทย์มนต์นั้นมีมูลค่าสูงมากกว่าในทวีปด้านตะวันตก มากกว่าด้านตะวันออก ดังนั้นเขาจึงได้รับผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่กลับมา หลังจากที่เขาพกคริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมหาศาลติดตัวไปยังทวีปด้านตะวันตก เขาคาดการณ์ว่าวัสดุที่เขาซื้อมาในราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สามล้านชิ้นจากทวีปด้านตะวันตกนั้น ควรจะสามารถทำเงินได้ราวสิบล้านเหรียญทองในทวีปด้านตะวันออก
ในระยะนี้ของเกมนั้น แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังจะไม่สามารถรวบรวมเงินสิบล้านเหรียญทองได้ อย่างดีที่สุดพวกเขาก็จะมีเงินสำรองของกิลอยู่แค่ราวหนึ่งถึงสองล้านเหรียญทองเท่านั้น
“หัวหน้ากิล หัวหน้านี่มันร้ายกายจริงๆ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าหัวหน้าจะมีวัสดุที่หายากมากมายขนาดนี้จากทวีปด้านตะวันตก มหาอำนาจต่างๆจะบ้าคลั่งแน่นอน เมื่อพวกเขาได้รู้เรื่องนี้” เสวี่ยเหวินโหรวกล่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขณะที่พยักหน้าให้ซือเฟิงอย่างผู้มีชัย
ใน God domain เงินนั้นคืออำนาจ !!!
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ทุกสิ่งใน God domain มันก็ต้องใช้เงิน เงินคืออำนาจสูงสุด และกิลที่มีเงินมากก็จะสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วมากๆ และแม้ในขณะที่ผู้เล่นเริ่มมาถึงขั้นสามกันแล้ว เหรียญทองก็ยังไม่ได้เสื่อมมูลค่าลงเลย เพราะแม้ว่ามันจะหาง่ายขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายประจำวันในด้านต่างๆของผู้เล่นก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ….
ตอนนี้สภาสิบแปดปีกสภาสิบแปดปีกนั้นก็จัดว่าโชคดีมากแล้วที่สามารถติดอาวุธให้กับกองอัศวินของตัวเองได้อย่างเต็มที่ การจะสร้างกองทัพ NPC จริงๆยังคงเป็นไปไม่ได้ ….
“อย่างไรก็ตาม ฉันก็มีสิ่งที่จำเป็นต้องใช้วัสดุเหล่านี้เช่นกัน ดังนั้นเราจะสามารถขายได้ครึ่งเดียว ฉันจะปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่เธอแล้วกัน หากคนที่ไว้ใจได้มาทำงานนี้ หากข่าวรั่วไหลออกไป เราจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเรียกร้องราคาที่สูง” ซือเฟิงกล่าวเตือนเสวี่ยเหวินโหรว
“ฉันเข้าใจ ฉันจะทำให้ใจเลยว่าวัสดุทุกชิ้นนั้นถูกขายในราคาที่เหมาะสม และฉันจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีมหาอำนาจรายใดรู้ถึงความมั่งคั่งของเรา” เสวี่ยเหวินโหรวกล่าวสัญญาด้วยรอยยิ้มสดใส เธออดใจไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นสีหน้าของมหาอำนาจต่างๆ เมื่อพวกเขาได้เห็นกองอัศวินที่อัพเกรดแล้วของสภาสิบแปดปีก
นับตั้งแต่ที่เมืองป่าหินย้ายมาอยู่ที่ป่าใบไม้ผลิ มหาอำนาจต่างๆก็ล้วนจับตามองเมืองนี้อย่างมาก และเมื่อพวกเขาเริ่มมีผู้เล่นขั้นสามกันมากขึ้น การควบคุมของสภาสิบแปดปีกในแผนที่ก็เริ่มอ่อนแอลง และเนื่องจากความขัดแย้งกับหัวใจปีศาจเมื่อไม่นานมานี้ มหาอำนาจบางกลุ่มจึงเริ่มจะก่อปัญหาแล้ว และในอัตรานี้พวกเขาจะเริ่มต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากรของป่าใบไม้ผลิกับสภาสิบแปดปีกก่อนที่ประตูสู่โลกแห่งความมืดจะเปิดขึ้นที่นี่แน่นอน
“งั้นฉันจะฝากทุกอย่างที่เหลือไว้ให้เธอจัดการ …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
หลังจากนั้นซือเฟิงก็เดินทางไปที่บริษัทการค้าแสงเทียนของเมืองป่าหินอย่างลับๆ
ในขณะที่หนึ่งในเป้าหมายของเขาในการไปเยือนทวีปด้านตะวันตกคือการหาเงิน และวัสดุจำนวนมาก แต่เป้าหมายหลักของเขาคือเรื่องต้นไม้แห่งชีวิต
ต้นไม้แห่งชีวิตนั้นเป็นเพียงเครื่องมือไม่ใช่อาวุธ แต่มหาอำนาจทั้งหมดก็ล้วนแสวงหามันเพราะมันสามารถผลิตสิ่งของหายากได้หลากหลายไม่ต่างจากขุมสมบัติที่ไม่มีที่สิ้นสุด
แม้แต่ซุเปอร์กิลเองก็ยังเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งเมื่อพูดถึงกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิต เนื่องจากมันสามารถจะผลิตผลไม้แห่งชีวิต ซึ่งสามารถใช้ชุบชีวิตคนตายได้ โดยผลไม้แค่ลูกเดียวนี้สามารถให้ชีวิตกับใหม่แก่สิ่งมีชีวิตได้เลย
ผู้เล่นส่วนใหญ่อาจไม่สนเรื่องชุบชีวิตคนตาย แต่สำหรับผู้เล่นที่มีองครักษ์ส่วนตัวระดับสูงๆนั้นไม่ใช่ ผลไม้พวกนี้นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างมาก แถมมันอยากอาจทำให้ศักยภาพและอัตราการเติบโตของสิ่งมีชีวิตที่ใช้ผลไม้ชุบชีวิตขึ้นมาเติบโตและเพิ่มขึ้นด้วย
ซึ่งกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตที่ซือเฟิงมีนั้น ใครๆก็จะสามารถนึกได้ว่ามันมีค่ามากแค่ไหน
เมืองป่าหิน บริษัทการค้าแสงเทียน :
เนื่องจากเมืองป่าหินนั้นเป็นเมืองที่น่าดึงดูดมากสำหรับผู้เล่นขั้นสาม และความจริงที่ว่าบริษัทการค้าแสงเทียนได้ขายโพชั่นระดับปรมาจารย์แทบทุกประเภท ร้านค้าจึงกลายเป็นศูนย์กลางสำหรับทีมนักผจญภัยต่างๆ ในความเป็นจริงทีมนักผจญภัยทีมใดที่ต้องการจะพัฒนาตัวเองที่เมืองป่าหินนั้น อย่างน้อยก็จะต้องเป็นสมาชิกขั้นสูงของบริษัทการค้าแสงเทียนก่อน
ผู้เล่นสายอาชีพจำนวนมากนั้นก็เข้ามาเยี่ยมชมบริษัทการค้าแสงเทียนเช่นกัน
เพื่อให้ทำตามออเดอร์ทั้งหมดทัน บริษัทการค้าแสงเทียนก็ได้แบ่งคำสั่งซื้อพื้นฐานไปจ้างผู้เล่นอิสระทำ ขณะที่พวกสำคัญๆก็ให้สมาชิกในบริษัททำ
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มขนาดการดำเนินงานของบริษัทได้ แต่มันยังช่วยเพิ่มผลผลิตอีกด้วย ในขณะเดียวกันมันก็เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสายอาชีพอิสระสามารถเก็บค่าความเชี่ยวชาญ และฝึกปรือตัวเองได้ แถมผู้เล่นสายอาชีพอิสระที่มาทำงานให้บริษัทการค้าแสงเทียนก็ยังจะได้รับคะแนนสะสมของบริษัทไว้เพื่อแลกสูตรหรือแบบแปลนบางอย่างที่ตัวเองต้องการได้อย่างง่ายดาย และพวกเขากระทั่งสามารถใช้คะแนนของตัวเองเพื่อเช่าเวิร์คช็อปพิเศษหรือห้องสมาธิขั้นพื้นฐานได้
เนื่องจากผลประโยชน์มากมายขนาดนี้ ผู้เล่นอิสระสายอาชีพจำนวนมากจึงได้ตัดสินใจที่จะเข้ามาพัฒนาที่เมืองป่าหิน
เมื่อซือเฟิงเข้ามาสู่บริษัทการค้าแสงเทียน เขาก็พบว่าห้องโถงชั้นหนึ่งนั้นเต็มไปด้วยผู้เล่นจากทีมนักผจญภัย และผู้เล่นสายอาชีพมากมาย ตอนนี้ที่นี่มันดูได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่าบ้านประมูลในเมืองของ NPC เลย
ซือเฟิงเดินเข้าไปที่ห้องสมาธิขั้นพื้นฐานห้องหนึ่งอย่างรวดเร็ว ซึ่งนี่มันก็ทำให้ผู้เล่นอิสระสายอาชีพหลายคนที่รอเช่าห้องสมาธิกับเวิร์คช็อปพิเศษอยู่อิจฉามากๆ
“ชายคนนั้นเป็นใครกัน ? พวกเขาปล่อยให้เขาเข้าไปได้โดยที่แทบจะไม่ต้องตรวจเช็คเลย แถมเขายังไม่ต้องเข้าแถวด้วย !!!”
“ฉันไม่รู้ แต่เขาจะต้องเป็นคนสำคัญแน่นอน ฉันได้ยินมาว่านอกจากแกนหลักของบริษัทการค้าแสงเทียนแล้ว จะมีก็แต่ผู้เล่นอิสระที่เป็นสมาชิระดับทองเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าใช้ห้องสมาธิขั้นพื้นฐานได้ทุกเมื่อที่ต้องการ”
“ฉันสงสัยจังว่าเมื่อไหร่ฉันจะได้กลายเป็นสมาชิกระดับทองแดง …”
“ทอง ? คุณควรขอบคุณโชคของตัวเองแล้วนะที่กลายเป็นสมาชิกระดับเงินได้ คุณรู้ไหมว่าแม้แต่ผู้เล่นสายอาชีพระดับปรมาจารย์บางคนก็ยังเป็นได้แค่สมาชิกระดับทองแดงเท่านั้น”
ผู้เล่นสายอาชีพทุกคนนั้นล้วนใฝ่ฝันจะได้เข้าใช้ห้องสมาธิอยู่แล้ว เพราะภายในห้องนี้สภาพแวดล้อมมันจะช่วยให้พวกเขาฝึกปรือตัวเองได้อย่างมาก และแม้แต่ผู้เล่นสายอาชีพของมหาอำนาจต่างๆก็ยังมีโอกาสใช้ห้องนี้น้อยมาก และเหตุผลเดียวที่ผู้เล่นอิสระสายอาชีพเช่นพวกเขามีโอกาสจะได้ใช้ห้องสมาธิแบบนี้ได้ มันก็เป็นเพราะความรุ่งเรืองของบริษัทการค้าแสงเทียนก็เท่านั้น
แน่นอว่าซือเฟิงนั้นเพิกเฉยต่อความอิจฉาของผู้เล่นเหล่านี้ และเขาก็เดินเข้าไปในห้องสมาธิห้องหนึ่งทันที ก่อนที่เขาจะนำกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตที่เขาหยิบจากคลังกิลออกมา
มานานั้นเป็นหัวใจหลักของทุกสิ่งใน God domain
ผู้เล่นจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นในการด้านการผลิต ต่อสู้ หรือฝึกก็ในสภาพแวดล้อมที่มีมานาหนาแน่น ดังนั้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิต เขาจึงได้ตัดสินใจมาที่ห้องสมาธิขั้นพื้นฐาน
หลังจากซือเฟิงนำกิ่งหลักออกมาแล้ว ซือเฟิงก็นำดาวแห่งแสงที่เขาได้รับจากการล่อลวงของเทพปีศาจออกมาด้วย
ซึ่งเมื่อไอเทมทั้งสองชิ้นมาเจอกันมันก็แผ่ออร่าอบอุ่นออกมา ….
เท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว …. ฉันหวังให้มันสามารถฟื้นฟูและมีชีวิตได้ …. ซือเฟิงนั้นรู้สึกประหม่าเล็กน้อยในขณะที่เขาทำการผสานกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตเข้ากับดาวแห่งแสง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น