Reincarnation Of The Strongest Sword God 2535-2539

 ตอนที่ 2535

 

เมืองปีศาจที่เงียบสงัด


“พวกนั้นกลับไปแล้ว ?”


“NPC ปีศาจเหล่านั้นเป็นอะไรกัน ?”


เมื่อเห็นโมนาร์ชและ NPC ปีศาจตัวอื่นๆหันหลังและหนีกลับเข้าเมือง ผู้เล่นที่อาศัยอยู่ในเมืองปีศาจนั้นก็เต็มไปด้วยความสับสน NPC ได้ทำการล้อมกรอบมังกรดำและซือเฟิงเอาไว้แล้ว และเตรียมพร้อมที่จะดำเนินการ อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดพวกนี้กับหนีไปทั้งหมด หลังจากซือเฟิงปรากฎตัวต่อหน้าพวกมันโดยถือหนังสือเล่มหนึ่งอยู่


มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน ?


ในขณะนี้นับประสาอะไรกับผู้เล่นที่ประจำการอยู่ในเมืองปีศาจ แม้แต่สมาชิกของหัวใจปีศาจที่มีอำนาจเหนือเมืองปีศาจก็ยังตกตะลึงกับสถานการณ์นี้


“เขาทำอะไรกัน ? ทำไม NPC ปีศาจถึงกลัวเขา ?” ฟิวเรียสฮาร์ทตกตะลึง ขณะจ้องมองไปยังซือเฟิงที่กำลังร่ายเวทย์อยู่บนท้องฟ้า


สติปัญญาของ NPC ปีศาจขั้นสี่นั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้เล่นเลยแม้แต่น้อย และมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้เล่นในปัจจุบันจะมีความได้เปรียบใดๆกับ NPC เหล่านี้ ต่อหน้า NPC ปีศาจเหล่านี้ ผู้เล่นในปัจจุบันนั้นจะเป็นดั่งมดปลวกเลย และ NPC ปีศาจเหล่านี้จะสามารถกวาดล้างผู้เล่นในปัจจุบันออกไปได้อย่างง่ายดาย


นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า NPC ปีศาจเหล่านี้ก็ยังคงต่อสู้อย่างสงบและเยือกเย็นในขณะที่เผชิญหน้ากับ NPC ที่เป็น Divine Official ขั้นห้า ยิ่งไปกว่านั้นท้ายที่สุดแล้วพวกนี้ยังสามารถขับไล่กองทัพ NPC ของจักรวรรดินักบุญทั้งสิบออกไปได้ และทำให้เมืองปีศาจตั้งหลักในจักรวรรดิได้


อย่างไรก็ตามตอนนี้ NPC ปีศาจเหล่านี้กับหนีไปราวกับหนูที่หวาดกลัว


อย่างไรก็ตามก่อนที่ฟิวเรียสฮาร์ทจะทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซือเฟิงก็ได้ร่ายเวทย์บทสุดท้ายของเขาเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเขาก็เล็งเป้าไปยังปีศาจระดับวิสเค้าท์ ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบสี่ ที่ยังหนีไปไม่ห่างจากเขามากนัก โดยปีศาจตนนี้นั้นทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมองครักษ์ส่วนตัวของโมนาร์ช

“ในนามของเจ้าแห่งปีศาจ จงยอมทำตามความประสงค์ของข้า !!!”


ทันใดนั้นโซ่สีดำสนิทก็ปรากฎขึ้นรอบๆหัวหน้าองครักษ์ส่วนตัวเลเวล นึ่งร้อยสามสิบสี่ ซึ่งมันทำให้เกิดแรงกดดันที่อาจไม่อาจจะอธิบายได้ จนทำให้ NPC ปีศาจ และผู้เล่นปีศาจทั้งหมดตัวสั่นอย่างไม่ตั้งใจ


“ไม่ !!! อย่าเอาจิตใจของฉันไป !!!” หัวหน้าองครักษ์ส่วนตัวที่เป็นปีศาจตะโกน และพยายามอย่างหนักเพื่อขับไล่โซ่สีดำสนิทออกไป


แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของมันนั้นไร้ผล เนื่องจากโซ่สีดำสนิทนั้นเพิกเฉยต่อค่าความต้านทานทั้งหมดของหัวหน้าองครักษ์ส่วนตัวปีศาจ และมันก็ผสานเข้ากับร่างกายของหัวห้าองครักษ์ส่วนตัวปีศาจอย่างรวดเร็ว


“เขาทำอะไรกัน ?”


“นี่เขาสามารถจัดการกับปีศาจระดับวิสเค้าท์ ขั้นสี่ที่แท้จริงได้ด้วยการเคลื่อนไหวเดียวเลยงั้นหรอ ?!”


ผู้เล่นปีศาจทุกคนต่างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นฉากนี้ นี่คือ NPC ปีศาจขั้นสี่ของเมืองปีศาจ และพลังการต่อสู้ของพวกนี้ก็มีมากเกินกว่าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่ในโลกภายนอก ไม่ต้องพูดถึง NPC ปีศาจที่เป็นระดับวิสเค้าท์ ขั้นสี่ด้วยเลย ความแข็งแกร่งของมันนั้นเทีบได้กับฮีโร่ขั้นสี่ด้วยซ้ำ


อย่างไรก็ตามตอนนี้ปีศาจตัวนี้นั้นได้หยุดเคลื่อนไหวแล้ว


มันได้ผล ? ซือเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเขาเห็นหัวหน้าองครักษ์ส่วนตัวปีศาจหยุดเคลื่อนไหว


ไบเบิ้ลแห่งความมืดนั้นช่วยให้เขามีอำนาจเหนือปีศาจ และในสถานะปัจจุบันของมันนั้นจะมีก็แต่เพียงราชันปีศาจขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถต้านทานพลังของมันได้ และปีศาจที่อยู่ต่ำกว่าระดับราชันปีศาจก็จะกลัวไบเบิ้ลแห่งความมืดโดยสัญชาตญาณ


อย่างไรก็ตามการใช้ไบเบิ้ลแห่งความมืดเพื่อควบคุมปีศาจนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และด้วยสกิลเจ้าแห่งปีศาจจากไบเบิ้ลแห่งความมืดนั้น ซือเฟิงก็มีโอกาสแค่สิบสองเปอเซ็นต์เท่านั้น ในการจะควบคุมปีศาจได้ และปีศาจต้องมีเลเวลมากกว่าเขาไม่เกินสามสิบเลเวลด้วย และมีขั้นสูงกว่าผู้ใช้ไม่เกินสองขั้น อย่างไรก็ตามวในความเป็นจริง ยิ่งปีศาจแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ โอกาสในการจะควบคุมมันได้ก็จะยิ่งลดลงมากเท่านั้น


ด้วยตัวตนในปัจจุบันของซือเฟิง หากเขาพยายามจะควบคุมโมนาร์ชที่เป็นปีศาจระดับมาร์ควิส โอกาสที่เขาจะประสบความสำเร็จน่าจะต่ำกว่าหนึ่งเปอเซ็นต์ นี่คือเหตุผลที่เขาหันมาเลือกปีศาจระดับวิสเค้าท์ ขั้นสี่เป็นเป้าหมายของเขาแทน


แต่ถึงกระนั้นซือเฟิงก็ไม่คิดเลยว่าเขาจะสามารถทำสำเร็จได้ในครั้งแรก …. จริงๆเขาวางแผนจะลองอีกหลายครั้งด้วยซ้ำ เพราะสกิลเจ้าแห่งปีศาจนี้มีคูลดาวน์แค่ราวห้านาที เขาสามารถจะใช้มันและลองได้เรื่อยๆ


สำหรับความเป็นไปได้ที่ NPC ปีศาจ ของเมืองปีศาจจะเข้าโจมตีเขานั้น มันไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องนั้นเลย


ไบเบิ้ลแห่งความมืดนั้นได้จัดการปราบปรามสิ่งมีชีวิตปีศาจอย่างสมบูรณ์ และแม้ว่าการปราบปรามนี้จะไม่ได้ผลกับผู้เล่นปีศาจ แต่ตราบใดที่เขาถือไบเบิ้ลแห่งความมืดอยู่ สิ่งมีชีวิตปีศาจที่อยู่ต่ำกว่าขั้นหกทั้งหมดจะต้องกลัวเขา แม้แต่ราชันปีศาจขั้นห้าก็ไม่มีข้อยกเว้น เพราะท้ายที่สุดแล้วไบเบิ้ลนี้จะปราบปรามสิ่งมีชีวิตปีศาจในทุกๆด้านอย่างมาก


ยิ่งไปกว่านั้นในกรณีเลวร้ายที่สุด เขาก็ยังมีแหวนเจ็ดลูมินาลี่ที่จะสามารถใช้หลบหนีได้อยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องกลัว NPC ปีศาจของเมืองปีศาจเลย


ปัจจัยเหล่านี้นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขากล้ามาที่เมืองปีศาจ


หลังจากที่ซือเฟิงควบคุมหัวหน้าองครักษ์ส่วนตัวปีศาจได้แล้ว NPC ปีศาจที่หลบหนีตัวอื่นๆก็หยุดการล่าถอยของพวกเขาทันที และหันมาจ้องมองซือเฟิงสลับกับหัวหน้าของพวกมันที่ถูกซือเฟิงควบคุมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความระมัดระวังและโกรธเกรี้ยว


ดูเหมือนว่าปีศาจเหล่านี้จะรู้ว่าฉันสามารถใช้เจ้าแห่งปีศาจได้เพยงแค่ครั้งเดียวในช่วงเวลาสั้นๆ แต่พวกมันก็ยังกลัวที่จะเข้าใกล้ฉัน เนื่องจากนิสัยที่อ่อนไหวของพวกมัน ซือเฟิงยิ้ม ขณะที่มองไปยัง NPC ปีศาจที่มองมายังเขาอย่างระมัดระวัง “แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว !!!”


หลังจากพูดจบ เขาก็อัญเชิญมังกรดำออกมาอีกครั้ง และให้บินมาข้างเขา จากนั้นเขาก็เปิดการโจมตีเข้าใส่บาเรียเวทย์มนต์ของเมืองปีศาจต่อ


“อะไรกัน ? เขายังพยายามจะโจมตีบาเรียเวทย์มนต์อยู่อีกงั้นหรอ ?”


“ฉันไม่รู้ว่าทำไม NPC ปีศาจถึงกลัวเขามากขนาดนี้ แต่มันยังเร็วเกินไปร้อยปี ถ้าคิดว่าพวกเขาจะสามารถทำลายบาเรียเมืองปีศาจได้ !!!”


สมาชิกของหัวใจปีศาจนั้นรู้สึกประหลาดใจอย่างมากกับความสามารถของซือเฟิงที่สามารถทำให้ NPC ปีศาจหวาดกลัวได้ อย่างไรก็ตามอารมณ์ของพวกเขาก็ถูกจำกัดไว้แค่ประหลาดใจนั่นแหละ แม้ว่า NPC ปีศาจจะกลัวที่จะออกจาเมืองมาเพื่อจัด

การกับซือเฟิง แต่ซือเฟิงก็ยังคงไม่สามารถเข้าสู่เมืองปีศาจได้อยู่ดี


อย่างไรก็ตามทันทีที่สมาชิกของหัวใจปีศาจพูดจบ หัวหน้าองครักษ์ส่วนตัวปีศาจที่หยุดเคลื่อนไหวไปก็เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ซึ่งมันก็ได้เริ่มโจมตีเข้าไปยังจุดเดียวกับมังกรดำพร้อมกัน


ซึ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีประสานของมังกรดำ และปีศาจขั้นสี่ ระดับวิสเค้าท์นั้น บาเรียเวทย์มนต์ที่ปกคอยปกป้องเมืองปีศาจมันก็แตกกระจายออกทันที


Peng… Peng… Peng…


เพียงไม่กี่วินาทีผู้เล่นทุกคนในเมืองปีศาจก็ได้เห็นท้องฟ้าที่กำลังแตกกระจายเรื่อยๆ


เงียบสงัด !!!


เงียบอย่างสมบูรณ์แบบ !!!


ในขณะนี้มันราวกับว่าเวลาได้ถูกแช่แข็งสำหรับเมืองปีศาจ และผู้เล่นทุกคนที่อาศัยในเมืองนั้นต่างก็จ้องมองไปยังท้องฟ้าด้วยความเงียบงันด้วยตาและปากของพวกเขาที่อ้ากว้าง


หลังจากนั้นชุดการแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของผู้เล่นปีศาจ และทุกคนที่ปฎิบัติการอยู่ในป่าเบิร์นนิ่ง ซึ่งเสียงที่ไร้อารมณ์ของระบบนั้นก็ดังก้องในจิตใจของทุกคนเป็นเวลานาน

 

 

 


ตอนที่ 2536

 

ฆ่าโทรเบิ้ลไทม์


ประกาศจากระบบภูมิภาคป่าเบิร์นนิ่ง : ผู้เล่นที่เป็นมนุษย์ได้ทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมืองปีศาจ ผู้เล่นปีศาจทุกคนที่อยู่ในเมืองปีศาจ ค่าชื่อเสียงในเมืองจะลดลงสิบแต้ม คะแนนสะสมของเมืองจะลดลงสามพันแต้ม บูสท์เพิ่มพลังแห่งความมืดจะลดลงยี่สิบเปอเซ็นต์


ประกาศจากระบบภูมิภาคป่าเบิร์นนิ่ง : วงเวทย์ป้องกันของเมืองปีศาจถูกทำลาย กิลผู้ปกครองเมืองจะมีค่าความนิยมลดลงห้าพันแต้ม และผลประโยชน์ทั้งหมดจากเมืองปีศาจจะลดลงครึ่งหนึ่งเป็นเวลาเจ็ดวันตามธรรมชาติ เควสทั้งหมดที่ถูกแจกจ่ายในเมืองปีศาจจะมีรางวัลลดลงสามสิบเปอเซ็นต์


ประกาศของระบบแต่ละอันดังซ้ำไปซ้ำมาทั่วป่าเบิร์นนิ่งสามครั้ง และมันก็ทำให้เกิดความเงียบสงัดไปทั่ว


“มีใครบางคนสามารถทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมืองปีศาจได้งั้นหรอ ?”


“พวกเขาไม่ได้บอกว่าแม้แต่กองทัพ NPC ของจักรวรรดินักบุญทั้งสิบก็ยังไม่สามารถทำอะไรกับเมืองปีศาจได้ไม่ใช่หรอ ? แล้วผู้เล่นจะทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมืองได้อย่างไร ?”


“ใครเป็นคนทำกัน ?”


“เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นพวกที่หัวใจปีศาจตั้งค่าหัว เมื่อไม่นานมานี้ ?”


ผู้เล่นปีศาจที่ทำการล่าและทำเควสอยู่ภายในป่าเบิร์นนิ่งนั้นต่างก็พูดไม่ออก และไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง หลังจากที่ได้ยินประกาศของระบบ ขณะที่ผู้เล่นบางคนนั้นก็ตกตะลึงอย่างมากจนลืมขยับตัวและเกือบจะถูกมอนสเตอร์ฆ่าตายด้วยซ้ำ


ตั้งแต่เมืองปีศาจถูกก่อตั้งมาจนถึงตอนนี้ นอกเหนือจาก Battle Wolves แล้ว ไม่เคยมีมหาอำนาจหรือกิลใดๆของผู้เล่นสามารถกดดันเมืองปีศาจได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่เพียงแต่จะมีใครบางคนที่สามารถกดดันเมืองปีศาจได้ แต่ใครบางคนที่ว่านี้ยังสามารถทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมืองได้ด้วย นี่มันไม่น่าเชื่อเลย


ณ ตอนนี้นั้นผู้เล่นปีศาจเต็มไปด้วยความตกตะลึงกันมากจริงๆ สิ่งที่พวกเขาได้ยินนี้ มันก็เหมือนกับสิ่งที่ผู้เล่นมนุษย์ได้ยินว่า มีผู้เล่นคนหนึ่งสามารถทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมืองหลวงของอาณาจักร NPC ได้แล้ว นี่มันไม่น่าเชื่อจริงๆ


ในขณะเดียวกันภายในเมืองปีศาจ ผู้เล่นท้องถิ่นนั้นยังคงงุนงงอยู่นานหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และก็เป็นเช่นเดียวกับหุ่นยนต์ที่ติดขัด ตอนนี้ปากของพวกเขายังคงเปิดและปิดอย่างไร้คำพูด ขณะที่จ้องมองไปยังท้องฟ้าที่ว่างเปล่าเหนือพวกเขา


“แม่งเอ้ย !!! เขาทำมันได้ยังไงกัน ?!! นี่คือวงเวทย์ป้องกันเมืองหลักเลยนะที่เรากำลังพูดถึง !!!” ขณะที่ฟิวเรียสฮาร์ทจ้องมองไปที่ซือเฟิงบนท้องฟ้านั้น ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะประสบความสำเร็จในการทำลายวงเวทย์ป้องกันเมืองปีศาจจริงๆ


ย้อนกลับไปในตอนที่กองทัพของจักรวรรดินักบุญทั้งสิบโจมตีเมืองนั้น กองทัพได้ใช้ Divine Official ขั้นห้าในการทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมือง และวงเวทย์ป้องกันนี้ก็ยังคงทนอยู่ได้ภายใต้การระดมโจมตีของ NPC ขั้นสี่จำนวนมาก


อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงซึ่งเป็นผู้เล่นขั้นสามกับสามารถทำลายวงเวทย์ป้องกันนี้ได้ในการโจมตีประสานกับมังกรดำ และหัวหน้าองครักษ์ส่วนปีศาจเพียงแค่ครั้งเดียว


นี่มันต้องเป็นบัคแน่นอน !!!


อย่างไรก็ตามมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ระบบหลักของ God domain จะก่อข้อผิดพลาดขึ้น และแม้ว่าระบบจะก่อข้อผิดพลาด แต่มันก็ไม่มีทางที่จะเป็นข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่แบบนี้แน่นอน


สิ่งที่ฟิวเรียสฮาร์ทไม่รู้ก็คือใน God domain นั้น วงเวทย์ทั้งหมดล้วนมีจุดอ่อนเป็นของตัวเอง และแม้แต่วงเวทย์ป้องกันของเมืองใหญ่ๆก็ไม่มีข้อยกเว้น พวกมันทั้งหมดจะมีส่วนที่บอบบางมากๆเมื่อเทียบกับจุดอื่น ซึ่งก็นับเป็นจุดอ่อนของพวกมัน


โดยปกติแล้วผู้เล่นทั่วไปนั้นจะไม่สามารถหาจุดอ่อนเหล่านี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความที่วงเวทย์ป้องกันของเมืองมักจะมีขนาดใหญ่มาก ดังการพยายามองหาจุดอ่อนเหล่านี้มันจึงคล้ายกับการพยายามควานหาเข็มเล็กๆในหญ้าเลย


อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่สำหรับซือเฟิง หลังจากที่เขากลายเป็นปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นกลาง ความเข้าใจเกี่ยวกับวงเวทย์ของเขานั้นได้ก้าวเข้าสู่ระดับใหม่ทั้งหมด ตอนนี้นับประสาอะไรกับวงเวทย์ของเมืองปีศาจ แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับวงเวทย์ป้องกันของเมืองหลวงอาณาจักรที่อยู่มานานนับศตวรรษ แต่เขาก็ยังมั่นใจว่าเขาจะสามารถหาจุดอ่อนของมันได้


ก่อนหน้านี้ซือเฟิงได้วางแผนจะทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมืองปีศาจ โดยอาศัยพลังโจมตีของมังกรดำโจมตีเข้าไปที่จุดอ่อนของวงเวทย์ อย่างไรก็ตามค่าความทนทานของวงเวทย์บริเวณจุดอ่อนนั้นมันมากกว่าที่เขาคิดไว้ ดังนั้นมันจึงทนการโจมตีของมังกรดำได้ ด้วยเหตุนี้มังกรดำจึงสามารถกำจัดพลังงานสำรองของวงเวทย์ไปได้แค่บางส่วนเท่านั้นในตอนที่โจมตีมัน


อย่างไรก็ตามหลังจากเขาสามารถควบคุมหัวหน้าองครักษ์ส่วนตัวปีศาจขั้นสี่ ที่เป็นปีศาจระดับวิสเค้าท์ และให้โจมตีประสานพร้อมกันกับมังกรดำไปยังจุดเดียวกันที่เขาเล็งไว้ การโจมตีมันจึงประสบความสำเร็จ และวงเวทย์ป้องกันของเมืองปีศาจก็ถูกทำลายลงทันที ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหัวหน้าองครักษ์ส่วนตัวปีศาจตกอยู่ใต้การควบคุมของเขา เขาก็คงจะไม่สามารถทำอะไรกับวงเวทย์ป้องกันเมืองปีศาจได้


ในขณะที่ทุกคนยังคงตกตะลึงกับการพัฒนาที่ไม่คาคคิดนี้ ซือเฟิงซึ่งเปิดใช้งานเกลโดเมนก็ได้บินไปยังพื้นที่เหนือสถานที่พักกิลของหัวใจปีศาจ จากนั้นเขาก็มองไปยังเหล่าผู้เล่นที่แออัดกันอยู่ด้านล่างอย่างเงียบๆ


“โทรเบิ้ลไทม์ ถึงตาคุณแล้ว !!!” ซือเฟิงกล่าวพลางชี้ไปยังโทรเบิ้ลไทม์ โดยไม่สนใจสมาชิกนับหมื่นของหัวใจปีศาจที่อยู่รอบๆ


คำพูดของซือเฟิงนั้นมันคล้ายกับใบสั่งตาย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหล่าสมาชิกของหัวใจปีศาจก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังโทรเบิ้ลไทม์ที่ยืนอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างสงสาร


โทรเบิ้ลไทม์นั้นควรจะปลอดภัย หลังจากหนีเข้ามาในเมืองปีศาจได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้มันไม่เป็นความจริงอีกต่อไป


ถ้าซือเฟิงทำลายวงเวทย์ป้องกันเมืองปีศาจได้ในการโจมตีเดียว แล้วใครกันจะสามารถยืนหยัดสู้กับเขาได้ ?


แม้ว่าซือเฟิงจะอาศัยความแข็งแกร่งของหัวหน้าองครักษ์ส่วนตัวปีศาจเพื่อบรรลุความสำเร็จนี้ แต่นั่นก็ถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งของนักดาบ เพราะท้ายที่สุดจะมีผู้เล่นสักกี่คนในระยะนี้ของเกมที่สามารถจะควบคุมปีศาจระดับวิสเค้าท์ขั้นสี่ได้


“แบล๊คเฟรม คุณไม่ควรล้ำเส้นมากเกินไปนะ !!! ที่นี่สถานที่พักกิลของหัวใจปีศาจ !!!” ฟิวเรียสฮาร์ทตะโกนเสียงหลง เมื่อเห็นว่าซือเฟิงนั้นเพิกเฉยต่อสมาชิกของหัวใจปีศาจอย่างสิ้นเชิง “คุณได้ทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมืองปีศาจ และทำให้ศักศรีดิ์ของหัวใจปีศาจดิ่งลงเหวแล้ว !!! ถ้าคุณฆ่าโทรเบิ้ลไทม์ที่นี่อีก คุณจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของหัวใจปีศาจ !!! คุณควรคิดให้ดีก่อนจะทำนะ !!!”


ความแข็งแกร่งของซือเฟิงนั้นน่ากลัวมากๆ


อย่างไรก็ตามหัวใจปีศาจก็ไม่ใช่กิลที่จะถูกยั่วยุได้ง่ายๆเช่นกัน กิลนั้นเป็นกิลสายความมืดกิลแรกที่สามารถก่อตั้งเมืองปีศาจขึ้นได้ และในยุคที่อำนาจมืดเฟื่องฟูแบบนี้ แม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังไม่กล้าจะยั่วยุพวกเขาเลย


หัวใจปีศาจอาจไม่มีความสามารถในการจัดการกับสัตว์ประหลาดอย่างซือเฟิง แต่กับสภาสิบแปดปีกนั้นมันคนละเรื่อง กิลนั้นแตกต่างจากผู้เล่นแค่คนเดียว เพราะมันเป็นองค์กรที่ประกอบไปด้วยผู้เล่นหลักพันไปจนถึงหลักล้านคน


ตราบใดที่หัวใจปีศาจฆ่าสมาชิกของสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆ แม้ว่าซือเฟิงจะยังคงไม่ได้รับอันตราย แต่สภาสิบแปดปีกก็จะพินาศได้ง่ายๆเลย


นี่เป็นสาเหตุที่มหาอำนาจต่างๆเลือกจะถอยก้าวหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการมีปัญหากับหัวใจปีศาจ


“แล้วไง ? คุณคิดว่าสภาสิบแปดปีกเป็นกิลที่สามารถยั่วยุได้ง่ายๆงั้นหรอ ?” ซือเฟิง

กล่าวขณะที่มองไปยังฟิวเรียสฮาร์ท


หลังจากนั้นมังกรดำก็บินโฉบลงมาจากท้องฟ้าและปรากฎตัวขึ้นเหนือโทรเบิ้ลไทม์ จากนั้นมันก็เหวี่ยงกรงเล็บใส่เบอเซิกเกอร์


ไลท์ชาโด้ว !!!


“ไม่ !!!”


เมื่อโทรเบิ้ลไทม์เห็นกรงเล็บขนาดมหึมาที่โจมตีมายังเขา เขาก็รีบกลายร่างเป็นปีศาจ ตามด้วยสกิลช่วยชีวิตทุกสกิลที่ตัวเองมีเพื่อเอาตัวรอดทันที


น่าเสียดายที่ต่อหน้ามังกรขั้นสามนั้น ผู้เล่นปีศาจขั้นสามอย่างโทรเบิ้ลไทม์ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากมด และเมื่อกรงเล็บของมังกรดำสัมผัสกับโทรเบิ้ลไทม์ ร่างของเบอเซิกเกอร์ก็ถูกบดขยี้ลงไปกับพื้นและตายลงในทันที

 

 

 


ตอนที่ 2537

 

ปราบปรามหัวใจปีศาจด้วยตัวคนเดียว


ในช่วงเวลาที่โทรเบิ้ลไทม์ตายลง ความเงียบก็เข้าปกคลุมไปทั่วเมืองปีศาจอีกครั้ง … และในขณะนี้ทุกคนก็ล้วนจ้องมองไปยังซือเฟิงที่ลอยอยู่บนอากาศ


“เขาฆ่าโทรเบิ้ลไทม์ทั้งๆยังงี้เลยงั้นหรอ ?”


ผู้เล่นอิสระในเมืองปีศาจนั้นไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะกล้าโจมตีผู้เล่นที่อยู่ใจกลางสถานที่พักกิลของหัวใจปีศาจ แถมเขายังลงมือทำโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขาทำราวกับว่าสมาชิกกิลของหัวใจปีศาจที่เฝ้าดูอยู่นั้นไม่มีตัวตนใดๆ


“เขาทำได้สำเร็จงั้นหรอ ?”


บลูฟอร์สและสมาชิกคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกจากดาร์คเดน ซึ่งได้มองดูฉากนี้ผ่านกระจกเวทย์มนต์ต่างเต็มไปด้วยความตกตะลึง


พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าซือเฟิงจะฆ่าโทรเบิ้ลไทม์ได้สำเร็จจริงๆ !!!


ยิ่งไปกว่านั้นหัวหน้ากิลของพวกเขายังได้ทำแบบนี้ท่ามกลางการเฝ้าดูจากเหล่าสมาชิกของหัวใจปีศาจด้วย นี่มันทำให้บลูฟอร์สและพรรคพวกของเขานั้นรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังฝันเลย


พวกเขานั้นจะต้องประหลาดใจมากแล้ว ถ้าพวกเขาสามารถลอบเข้าไปในเมืองปีศาจและฆ่าโทรเบิ้ลไทม์ได้ แต่นี่ซือเฟิงกับฆ่าโทรเบิ้ลไทม์ที่เป็นเหยื่อของเขาอย่างกล้าหาญและเปิดเผย ….


ในขณะที่สมาชิกจากดาร์คเดนของสภาสิบแปดปีกกำลังตกตะลึง ฟิวเรียสฮาร์ทซึ่งยืนอยู่ในสถานที่พักกิลของหัวใจปีศาจก็จ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธอย่างมาก


“แบล๊คเฟรม !!! คุณและกิลของคุณทั้งหมดจะต้องถูกทำลาย !!! แม้แต่หัวหน้ากิลของเราก็จะไม่ปล่อยคุณไปแน่นอน หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ไม่ต้องพูดถึงรองหัวหน้ากิลเฟรมมิ่งไลท์เลย !!!” ฟิวเรียสฮาร์ทตะโกนลั่น เขาไม่ได้คิดเลยว่าซือเฟิงจะทำการโจมตีและฆ่าโทรเบิ้ลไทม์ในสถานที่พักกิลของหัวใจปีศาจอย่างไม่ลังเล การโจมตีนี้มันเกิดขึ้นอย่างกระทันหันซะจนเขาไม่มีเวลาจะช่วยเบอเซิกเกอร์ได้

สถานที่พักกิลนั้นถือเป็นสถานที่ที่มีค่ามากที่สุดของกิล


หากมีข่าวแพร่กระจายออกไปว่าหัวใจปีศาจไม่สามารถปกป้องผู้เล่นคนเดียวภายในสถานที่พักกิลของตัวเองได้ ชื่อเสียงของกิลสายความมืดจะได้รับผลกระทบอย่างหนักแน่นอน


“อย่างนั้นหรอ ?” ซือเฟิงย้อนถาม พลางเหลือบไปมองฟิวเรียสฮาร์ทอย่างไม่แยแส “อย่าลังเลที่จะทดสอบเรา สภาสิบแปดปีกพร้อมสำหรับทุกสิ่ง คุณสามารถทำตามที่ต้องการได้เลย และถ้าคุณไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ฉันก็ขอลา …”


ผู้เล่นทุกคนในสถานที่พักกิลนั้นตกอยู่ในความโกลาหล หลังจากได้ยินคำพูดของซือเฟิง มันเห็นได้ชัดเลยว่าซือเฟิงไม่สนใจกิลของพวกเขาอย่างชัดเจน


“อึก !!! ไอ้เวรนี่จะหยิ่งผยองเกินไปแล้ว !!!”


“ผู้อาวุโสฮาร์ท มาโจมตีเขาร่วมกันเถอะ !!! ฉันปฎิเสธที่จะเชื่อว่า เราไม่สามารถจะจบชีวิตที่น่าสังเวชของเขาได้ !!!”


ผู้อาวุโสของกิลในสถานที่พักกิลนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ พวกเขาพยามเกลี้ยกล่อมให้ฟิวเรียสฮาร์ทออกคำสั่งโจมตีนักดาบแบบเป็นกลุ่ม


ความตายของโทรเบิ้ลไทม์นั้นสร้างความอัปยศให้กับหัวใจปีศาจอย่างมาก และถ้าพวกเขาปล่อยให้ซือเฟิงหนีออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย ชื่อเสียงกิลของพวกเขาจะไม่เหลืออะไรเลยแน่นอน


“ไม่ !! ปล่อยเขาไป !!” ฟิวเรียสฮาร์ทคำรามพลางกัดฟันออกคำสั่งให้เหล่าผู้อาวุโสของกิลถอยห่างออกมา


เมื่อซือเฟิงตระหนักว่าไม่มีสมาชิกของหัวใจปีศาจคนใดตั้งใจจะโจมตีเขา เขาจึงหันหลัง และบินออกไปจากสถานที่พักกิลนี้ และออกจากเมืองปีศาจทันที


“คุณจะปล่อยเขาไปทั้งๆแบบนั้นหรอ ฮาร์ท ?” ผู้อาวุโสในชุดเสื้อคลุมสีดำ ที่เป็นปีศาจระดับวิสเค้าท์ ขั้นสามกล่าวอย่างไม่พอใจ ขณะที่มองไปยังซือเฟิงที่บินหนีไป


“คุณคิดว่าฉันไม่อยากจะฆ่าเขาในตอนนี้จริงๆงั้นหรอ ?” ฟิวเรียสฮาร์กล่าวพลางมองไปยังผู้อาวุโสในชุดเสื้อคลุมสีดำด้วยความโกรธ “แต่คุณคิดว่าจะมีใครที่แข็งแกร่งมากพอที่จะฆ่าเขาได้กัน ?”


กบฎสายฟ้านั้นเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองปีศาจตอนนี้ แต่ซือเฟิงก็ฆ่ากบฎสายฟ้าลงได้อย่างง่ายดายก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไร ซึ่งถ้าแม้แต่ปีศาจระดับเค้าท์อย่างกบฎสายฟ้ายังทำอะไรกับนักดาบไม่ได้ แล้วใครกันจะสามารถสู้กับนักดาบได้ ?


“เรามีองครักษ์ปีศาจอยู่ไม่ใช่หรอ ? ฉันปฎิเสธที่จะเชื่อว่าเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดได้จากการต่อสู้กับองครักษ์ปีศาจมากกว่าสิบตัว !!!” ผู้อาวุโสในชุดเสื้อคลุมสีดำกล่าวเถียง


องครักษ์ปีศาจนั้นไม่เหมือนกับ NPC ปีศาจที่ตอนแรกได้ทำการล้อมกรอบซือเฟิง แต่สุดท้ายกับหนีออกห่างจากเขา หัวใจปีศาจนั้นไม่ได้มีอำนาจในการควบคุม NPC ของเมืองนี้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่สำหรับองครักษ์ปีศาจนั้นมันเป็นเรื่องราวที่แตกต่างออกไป หากพวกเขาจ่ายในราคาที่เหมาะสม องครักษ์ปีศาจนั้นจะทำทุกวิธีเพื่อกำจัดซือเฟิงให้กับพวกเขา


ผู้อาวุโสในชุดเสื้อคลุมสีดำยังคาดเดาว่า ซือเฟิงนั้นน่าจะสามารถควบคุม NPC ปีศาจได้เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีอะไรก็ตาม เพราะการควบคุมปีศาจขั้นสี่หลายๆตัวนั้น มันไม่น่าจะเป็นไปได้


หากพวกเขาส่งปีศาจขั้นสี่มากกว่าหนึ่งโหลไปล้อมกรอบซือเฟิง ซือเฟิงก็ไม่ควรจะมีโอกาสหนีได้ แม้จะมีหัวหน้าองครักษ์ปีศาจอยู่เคียงข้างก็ตาม ดังนั้นการจะหยุดนักดาบไว้ที่เมืองปีศาจมันจึงไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย


“คุณคิดว่าฉันไม่คิดถึงเรื่องนี้งั้นหรอ ?” ฟิวเรียสฮาร์ทกลอกตามองไปยังผู้อาวุโสในชุดเสื้อคลุมสีดำ “ฉันคิดว่าจะระดมกองกำลังองครักษ์ปีศาจทั้งหมดในตอนที่แบล๊คเฟรมมาอยู่เหนือสถานที่พักกิลของเรา แต่เมื่อเขามาถึงนั้นค่าสถานะทั้งหมดขององครักษ์ปีศาจก็ลดลงไปสามสิบเปอเซ็นต์ทันที พวกเขาจะไม่สามารถกำจัดแบล๊คเฟรมได้ด้วยซ้ำในสภาพแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงหัวหน้าองครักษ์ปีศาจที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาเลย”


ซือเฟิงนั้นทรงพลังมากพอๆกับสิ่งมีชีวิตขั้นสี่ ซึ่งเขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วในการต่อสู้กับกบฎสายฟ้า เมื่อพวกเขาปะทะกันอย่างเท่าเทียมกัน และด้วยค่าสถานะทั้งหมดที่ลดลงสามสิบเปอเซ็นต์ องครักษ์ปีศาจจะไม่มีโอกาสต่อกรกับซือเฟิงได้ด้วยซ้ำ


ซือเฟิงนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน การส่งปีศาจจำนวนหนึ่งที่มีค่าสถานะน้อยกว่าเขาออกไปต่อสู้กับเขานั้น มันจะไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเรื่องตลก


“แต่มันน่าหงุดหงิดมากจริงๆที่ต้องมาดูเขาจากไปโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย !!!” ผู้อาวุโสในชุเสื้อคลุมสีดำกัดฟัน ขณะที่เขามองดูร่างของซือเฟิงค่อยๆห่างออกไป


หัวใจปีศาจนั้นได้ใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะได้รับศักศรีดิ์และอำนาจเหนือเมืองปีศาจมามากขนาดนี้ แต่ในไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้ ซือเฟิงได้ระเบิดทุกอย่างที่พวกเขาทำมาทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า และพวกเขาจะต้องใช้เวลานานมากแน่นอนในการฟื้นฟู และกู้คืนทุกอย่างของตัวเอง


“เขาจากไปได้แล้วยังไงล่ะ ? ฉันได้แจ้งหัวหน้ากิลกับรองหัวหน้ากิลไลท์แล้ว !!! แบล๊คเฟรมจะสนุกกับชัยชนะได้อีกไม่นานหรอก !!!” ฟิวเรียสฮาร์ทกล่าว ขณะที่ดวงตาของเขาหรี่มองไปยังซือเฟิงที่กำลังจากไป


ในตอนนี้นั้นหัวใจปีศาจอาจจะหมดหนทางที่จะทำอะไรกับซือเฟิงได้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อหัวหน้ากิลของพวกเขา และรองหัวหน้ากิลเฟรมมิ่งไลท์กลับมา มันจะเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป บุคคลทั้งสองนั้นเป็นเสาหลักแห่งความแข็งแกร่งที่แท้จริง

ของกิล


แม้แต่มหาอำนาจต่างๆของจักรวรรดินักบุญทั้งสิบก็ยังกลัวความแข็งแกร่งของผู้เล่นทั้งสอง และรากฐานที่พวกเขาสร้างขึ้นมาสำหรับหัวใจปีศาจ ขณะที่มหาอำนาจบางกลุ่มก็ได้แอบเป็นพันธมิตรอย่างลับๆกับหัวใจปีศาจด้วยซ้ำ


เนื่องจากซือเฟิงได้ทำลายชื่อเสียงของหัวใจปีศาจ ดังนั้นหัวหน้ากิล และรองหัวหน้ากิลจะไม่ยอมหยุดแน่นอนจนกว่าเรื่องนี้จะยุติ


ในขณะที่ซือเฟิงบินออกไปจากสถานที่พักกิลของหัวใจปีศาจ ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นในผู้เล่นที่เป็นชาวเมือง “อะไรกัน ?! นี่หัวใจปีศาจจะปล่อยให้เขาหนีไปจริงๆงั้นหรอ ?!”


“มันมีองครักษ์ปีศาจขั้นสี่จำนวนหนึ่งประจำการอยู่ในสถานที่พักกิลของหัวใจปีศาจไม่ใช่หรอ ? ทำไมหัวใจปีศาจไม่ระดมพวกนั้นมา ?”


“นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่รึปล่าว ?”


การที่ซือเฟิงสามารถเข้าและออกจากสถานที่พักกิลของหัวใจปีศาจได้อย่างปลอดภัยทั้งๆที่ก่อเรื่องมากขนาดนี้ มันทำให้ผู้เล่นหลายคนในเมืองปีศาจนั้นตกตะลึงมากๆ ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าการบุกรุกจะจบลงแบบนี้


หัวใจปีศาจนั้นเป็นหนึ่งในมหาอำนาจสายความมืดอันดับต้นๆของ God domain แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่ซือเฟิงจะบุกเข้ามาในเมืองปีศาจซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่หลักของหัวใจปีศาจด้วยตัวคนเดียว แต่เขายังฆ่าโทรเบิ้ลไทม์ไปในสถานที่พักกิลของหัวใจปีศาจ และเหนือสิ่งอื่นใด ซืเฟิงก็จากไปได้โดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ


มันจะไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้แน่นอน หากพวกเขานำไปเล่า


แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขากับได้เฝ้าดูเรื่องนี้เกิดขึ้นด้วยตาตัวเองจริงๆ และที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือ หัวใจปีศาจนั้นนิ่งเงียบอย่างมากในระหว่างกระบวนการทั้งหมด มันไม่มีสมาชิกกิลคนใดเลยที่พยายามจะโจมตีซือเฟิง


พวกเขาทั้งหมดนั้นเป็นผู้เล่นปีศาจ และเป็นผู้เล่นสายความมืดอย่างแท้จริง และการเริ่มต่อสู้กับใครบางคนเพราะเรื่องเพียงเล็กน้อยก็นับเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสมาชิกของหัวใจปีศาจ อย่างไรก็ตามตอนนี้แม้แต่สมาชิกของหัวใจปีศาจซึ่งเป็นกิลสายความมืดที่ทรงพลังก็ยังกลัวผู้เล่นมนุษย์แค่คนเดียว นี่มันไม่น่าเชื่อเลย !!!


ขณะที่ซือเฟิงออกจากเมืองปีศาจ ข่าวเรื่องการกระทำของเขาก็แพร่กระจายออกไปทั่วจักรวรรดินักบุญทั้งสิบ ….

 

 

 


ตอนที่ 2538

 

สั่นสะเทือนจักรวรรดินักบุญทั้งสิบ การตัดสินใจที่ถูกต้อง


จักรวรรดินักบุญทั้งสิบ เมืองหลวงนักบุญแห่งสวรรค์ สถานที่พักกิล Battle Wolves :


ชายคนหนึ่งในชุดเกราะสีแดงเข้มที่ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟลวงตานั่งอยู่เงียบๆต่อหน้าดาบใหญ่สีแดงเข้ม ในขณะที่ดวงตาของเขานั้นก็ปิดอยู่ และตัวของเขานั้นก็อยู่ในห้องรับรองชั้นบนสุดของกิลฮอลที่มีความสูงเกือบหนึ่งร้อยเมตร แม้ว่าชายคนนี้จะไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย แต่ดาบและเปลวไฟรอบตัวเขามันก็วนรอบตัวเขาเรื่อยๆราวกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง และอักษรรูนศักสิทธิ์ก็เริ่มปรากฎขึ้นในอากาศทีละตัวๆ ขณะที่มันดึงดูดมานาประเภทไฟโดยรอบเข้ามาหาชายคนนี้ และเมื่อมีมานาเข้ามามากขึ้น ออร่าของเขานั้นก็มีความรุนแรงมากขึ้น


หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีออร่าของชายคนนี้ก็รุนแรงพอๆกับพวกขั้นสี่ และเขาก็รู้สึกราวกับว่าเขาได้กลายร่างเป็นปีศาจไฟ ขณะที่เปลวไฟนั้นก็เปล่งประกายเต็มห้อง


ถ้าซือเฟิงมาเห็นสิ่งนี้เขาจะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน


ชายที่ร่างอาบไปด้วยไฟตอนนี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซีเรียส หนึ่งในสัตว์ประหลาดเก่าแก่ของ Battle Wolves ซีเรียสในตอนนี้ไม่เพียงแต่จะมีความแข็งแกร่งที่ใกล้เคียงกับขั้นสี่ แต่การควบคุมมานาประเภทไฟของเขายังขึ้นไปอยู่เหนือซือเฟิงที่ใช้เทคนิคมานาได้อย่างมาก ซีเรียสนั้นจัดการควบคุมมานาได้เหมือนกับส่วนขยายของร่างกาย ซึ่งเขาสามารถทำมันได้อย่างละเอียดอ่อนและสมบูรณ์ และตอนนี้เขาก็สามารถควบคุมการไหลของมานาประเภทไฟที่แตกต่างกันออกไปได้ ….


เมื่อซีเรียสลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็พบว่าเปลวไฟสีแดงเข้มรอบตัวเขาเปลี่ยนเป็นสีขาว-ฟ้าแล้ว และอุณภูมิของห้องนั้นก็เพิ่มขึ้นทันทีหลายร้อยองศา ซึ่งแม้แต่ผู้เล่นขั้นสองทั่วไปก็จะไม่สามารถเข้าใกล้ชายคนนี้ได้ ก่อนที่พวกเขาจะถูกเผาจนตาย


“ในที่สุด ฉันก็ดูดซับสายเลือดนักบุญแห่งไฟนี้เสร็จแล้ว มันควรจะถึงเวลาที่ฉันจะต้องไปเยี่ยมเมืองปีศาจอีกครั้ง …” ซีเรียสพูดด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาตรวจดูอักษรรูนศักสิทธิ์สีน้ำเงินบนแขนของเขา


ระหว่างการต่อสู้ในป่าเบิร์นนิ่ง รองหัวหน้ากิลของหัวใจปีศาจอย่างเฟรมมิ่งไลท์ได้เอาชนะเขาได้ และในตอนแรกเขาก็รู้สึกหมดหวังที่จะเอาชนะเฟรมมิ่งไลท์ให้ได้ในระยะเวลาอันสั้นนี้ แต่กิลของเขานั้นก็โชคดีมากพอที่จะพบกับสายเลือดขั้นสูงที่หายากมากซึ่งนั่นก็คือ สายเลือดนักบุญแห่งไฟ


ตอนแรกเขาคิดว่าสายเลือดนักบุญแห่งไฟนั้นจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาเพียงแค่เศษเสี้ยว แต่ตอนนี้เขาได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับมันแล้ว เขาจึงได้เข้าใจแล้วว่ามันน่ากลัวเพียงใด


เขามั่นใจด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาสามารถจะเดินทางเข้าไปยังเมืองปีศาจและกลับออกมาทั้งๆที่ยังมีชีวิตได้ ไม่ต้องพูดถึงการแก้แค้นเฟรมมิ่งไลท์เลย


ขณะที่ซีเรียสเตรียมที่จะเดินออกจากห้องรับรอง ชายวัยกลางคนร่างสูงที่มีออร่าโอ่อ่า ก็พุ่งเข้ามาหา ซึ่งชายคนนี้นั้นก็คือ เอเวอร์ลาสติ้งวอร์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมต่อสู้กลอเรียสไลอ้อน


“ผู้บัญชาการ เราพึ่งจะได้รับข่าวอัพเดทเกี่ยวกับเมืองปีศาจมา ไม่เพียงต่แบล๊คเฟรมจะสามารถบุกเข้าไปในเมืองได้ แต่เขายังฆ่าโทรเบิ้ลไทม์ซึ่งซ่อนตัวอยู่ภายในสถานที่พักกิลของหัวใจปีศาจไปด้วย ….” เอเวอร์ลาสติ้งวอร์กล่าวรายงาน


“โทรเบิ้ลไทม์ตายภายในสถานที่พักกิลของหัวใจปีศาจ ?” ข่าวนี้ทำให้ซีเรียสตกตะลึง และคิดว่าเขาได้ยินผิดรึปล่าว


เขานั้นรู้สึกประหลาดใจมากอยู่แล้วที่ซือเฟิงสามารถนำทีมของเขาไปถึงเมืองปีศาจได้ เพราะท้ายที่สุดแม้ว่า Battle Wolves จะส่งกองทัพมากกว่าหนึ่งแสนคนออกมา แต่ก็ยังไม่สามารถจะมองเห็นประตูเมืองได้ด้วยซ้ำ


แต่ตอนนี้เขากับได้รู้ว่าซือเฟิงบุกเข้าไปในเมืองได้ แถมยังฆ่าโทรเบิ้ลไทม์ได้ภายในสถานที่พักกิลของหัวใจปีศาจ ซึ่งนี่มันน่าประหลาดใจมากจริงๆ !!!


“หัวใจปีศาจได้สูญเสียชื่อเสียงและศักศรีดิ์ส่วนใหญ่ในเมืองปีศาจไปแล้ว และตอนนี้แม้แต่การคุกคามมหาอำนาจต่างๆของพวกเขาก็ลดน้อยลงอย่างมาก เราจะยังมุ่งหน้าไปที่เมืองปีศาจไหมผู้บัญชาการ ?” เอเวอร์ลาสติ้งวอร์กล่าวถามซีเรียสด้วยสีหน้าแปลกๆ


ข่าวการตายของโทรเบิ้ลไทม์นั้นได้แพร่กระจายไปทั่วจักรวรรดินักบุญทั้งสิบแล้ว และการเก็บเรื่องนี้ไว้ให้เป็นความลับนั้นก็เป็นไปไม่ได้อีกต่อไปสำหรับหัวใจปีศาจ ในขณะเดียวกันสถานการณ์นี้ก็ได้ปล้นโอกาสแก้แค้นของ Battle Wolves ต่อหัวใจปีศาจไปแล้ว หากกิลกำหนดเป้าหมายไปที่หัวใจปีศาจตอนนี้ พวกเขาก็จะถูกเรียกว่า “คนพาล” แน่นอน ซึ่งนี่ก็จะมีแต่ทำให้ชื่อเสียงของกิลเสื่อมเสียลงไปอีก


“เราไม่จำเป็นจะต้องไปที่เมืองปีศาจอีกต่อไป เราควรไปเยี่ยมเยียนสภาสิบแปดปีกแทน” ซีเรียสกล่าว “การที่ทำได้ขนาดนี้นั้นต้องบอกเลยว่าแบล๊คเฟรมน่าประทับใจมากๆ !!! แต่น่าเสียดายที่หัวใจปีศาจนั้นก็ไม่ใชคู่ต่อสู้ที่ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนอย่างเฟรมมิ่งไลท์ เพราะหากไม่เป็นแบบนั้น มหาอำนาจบางส่วนในจักรวรรดินักบุญทั้งสิบคงไม่ยอมเป็นพันธมิตรกับกิลสายความมืดกิลนี้อย่างเต็มใจ”


“เข้าใจแล้ว ฉันจะไปเตรียมการที่จำเป็นทันที” เอเวอร์ลาสติ้งวอร์กล่าว หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้แล้ว เขาก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของผู้บัญชาการของเขา


สองถึงสามวันที่ผ่านมานั้น เอเวอร์ลาสติ้งวอร์ไม่ได้คิดว่าสภาสิบแปดปีกได้รับชัยชนะครั้งใหญ่เลย เพราะท้ายที่สุดจากข้อมูลที่ Battle Wolves รวบรวมมานั้น หัวใจปีศาจมีพลังในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยมากกว่าที่สภาสิบแปดปีกจะสามารถจินตนาการได้ สิ่งที่ซือเฟิงได้ทำทั้งหมดนั้นก็คือการกระตุกหนวดเสือ และทำให้ชื่อเสียงของหัวใจปีศาจเสื่อมเสียเท่านั้น ซึ่งมันเป็นการกระทำที่บ้าและโง่เง่ามากๆ


ในขณะเดียวกันมหาอำนาจต่างๆที่ได้เรียนรู้ถึงความสำเร็จของซือเฟิงต่างก็ประหลาดใจมากเช่นเดียวกัน ไม่มีใครคิดว่าซือเฟิงจะสามารถเขย่ารากฐานของเมืองปีศาจได้แบบนี้


ความแข็งแกร่งของนักดาบนั้นมันเหนือมนุษย์ไปแล้ว !!!


“มหาอำนาจพวกนี้บ้าไปแล้วงั้นหรอ รองหัวหน้ากิล ? พวกเขาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อกดดันหัวใจปีศาจ แต่กับพุ่งเป้ามาที่สภาสิบแปดปีกแทนเนี่ยนะ ….” แอสซาซินขั้นสามข้างอิลูซะรี่เวิร์ดกล่าว หลังจากที่เขาได้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดที่กิลของเขารวบรวมมาได้ “นี่พวกเขาไม่ได้ยินประกาศของระบบภูมิภาคเบิร์นนิ่งงั้นหรอ ? ความเร็วในการพัฒนาของผู้เล่นปีศาจนั้นจะลดลงไปอย่างมาก มันจึงนับเป็นโอกาสดีในการเข้าตีนะ …”


“พวกเขาไม่ได้บ้า …” อิลูซะรี่เวิร์ดที่ยุ่งอยู่กับการกลั่นกรองรายงานกล่าวพลางส่ายหัว “พวกเขาเพียงแค่ตัดสินใจอย่างถูกต้องเท่านั้น”


“ตัดสินใจอย่างถูกต้อง ?” คำพูดนี้ทำให้แอสซาซินขั้นสามสับสน เขาไม่เข้าใจว่าอิลูซะรี่เวิร์ดหมายถึงอะไร


เนื่องจากซือเฟิงได้ทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมืองปีศาจไปแล้ว และผู้เล่นปีศาจทั้งหมดของเมืองก็มีความแข็งแกร่งลดลงยี่สิบเปอเซ็นต์ ดังนั้นนี่มันจึงเป็นโอกาสที่ดีที่มหาอำนาจต่างๆจะกำจัดผู้เล่นปีศาจเหล่านี้ออกไป


หัวใจปีศาจนั้นได้หยุดยั้งมหาอำนาจต่างๆของจักรวรรดิจากการได้รับทรัพยากรจำนวนมากในแผนที่เป็นกลาง เลเวลหนึ่งร้อยมานานแล้ว ดังนั้นมันจึงจะเป็นการปลอดภัยมากขึ้นสำหรับมหาอำนาจต่างๆที่จะปราบปรามหัวใจปีศาจในเวลานี้


“ใช่แล้ว” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “มันมีสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆเพียงแค่ไม่กี่คนที่ตระหนักถึงความน่ากลัวของหัวใจปีศาจ เพราะท้ายที่สุดจริงๆแล้วนั้นกิลได้เข้าเป็นพันธมิตรกับหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไมโทโลจี้ ดังนั้นทั้งความแข็งแกร่งและรากฐานโดยรวมของกิลตอนนี้จึงเหนือกว่าสภาสิบแปดปีกมาก ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว มหาอำนาจต่างๆจึงต้องการจะใช้ประโยชน์จากสภาสิบแปดปีกมากกว่าหัวใจปีศาจ”


“หัวใจปีศาจได้เป็นพันธมิตรกับไมโทโลจี้จริงๆงั้นหรอ ?” แอสซาซินขั้นสามเริ่มเข้าใจถึงสถานการณ์ทั้งหมดทันที เมื่ออิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวอธิบาย


ไมโทโลจี้นั้นเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain และกิลนี้ก็แข็งแกร่งยิ่งกว่ามหาอำนาจทั่วไปอย่างจักรพรรดิคริมสันมาก และซุเปอร์กิลทั่วไปปก็เทียบกับพวกเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ หากไมโทโลจี้เลือกจะสนับสนุนหัวใจปีศาจแล้ว กิลสายความมืดกิลนี้ก็จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาเลย แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ล่าสุด


ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆในจักรวรรดินักบุญทั้งสิบกำลังยุ่งอยู่กับการวางแผนเข้าไปหาผลประโยชน์จากสภาสิบแปดปีกชายหนุ่มรูปงามในชุดขาวก็ได้มาถึงสถานที่ที่อุดมไปด้วยมานานอกจักรวรรดิมังกรไฟ ซึ่งชายคนนี้ก็คือเฟรมมิ่งไลท์ รองหัวหน้ากิลผู้มีชื่อเสียงของหัวใจปีศาจ


ไม่นานหลังจากที่เขามาถึง ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยเจ็ดสองคนก็เข้ามาสกัดกั้นเขา


“คุณมีธุระอะไรที่นี่ ?” ชิลวอริเออร์ขั้นสามกล่าวพลางมองไปยังเฟรมมิ่งไลท์อย่างดูถูก


“ฉันมีบางอย่างที่ต้องคุยกับรองหัวหน้ากิลโคลท์ชาโด้ว เธอพอจะมีเวลาเหลือไหม ?” เฟรมมิ่งไลท์กล่าวถามด้วยความจริงใจ

 

 

 


ตอนที่ 2539

 

เศษชิ้นส่วน Abyssal Blade


ป่าใบไม้ผลิ เมืองป่าหิน :


เมื่อโทรเบิ้ลไทม์ตาย ซือเฟิงก็กลับมาที่เมืองป่าหินพร้อมกับกองกำลังนรก เขาไม่ได้เลือกจะอยู่ในจักรวรรดินักบุญทั้งสิบต่อไป


ช่วงเวลาที่เฮลรัช และคนของเขาเข้ามาในเมืองป่าหิน ฉากตรงหน้าที่พวกเขาได้เห็นนั้นมันก็ทำให้พวกเขาตกตะลึง


เมืองป่าหินนั้นเป็นเมืองกิล และโดยปกติแล้วมันจะมีเพียงแต่ผู้เล่นเท่านั้นที่เข้ามาเยี่ยมชมเมืองกิลในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย และ NPC มักจะไม่ค่อยมาเยี่ยมชมเมืองกิลแบบนี้ แต่ตอนนี้เมืองป่าหินกับเต็มไปด้วย NPC จำนวนมาก มันมีกระทั่งพ่อค้า NPC ที่ต่อแถวยาวรอเข้าสู่เมืองที่ทางเข้าหลักของเมือง และการเรียกเมืองนี้ว่าเมือง NPC นั้นก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงด้วยซ้ำ


เฮลรัชนั้นยิ่งตกตะลึงขึ้นไปอีก เมื่อเห็นจำนวนและคุณภาพของผู้เล่นที่มาเยือนเมืองของสภาสิบแปดปีก เขาได้เห็นผู้เล่นขั้นสามหลายโหล ขณะที่เหลือบมองไปรอบๆถนนสายหลัก ….


แม้ว่ามหาอำนาจต่างๆจะมีผู้เล่นขั้นสามมากกว่าหนึ่งร้อยคนแล้วในระยะนี้ของเกม และบางกลุ่มนั้นก็ถึงขั้นมีหลายร้อยคน แต่ผู้เล่นขั้นสามก็ยังจัดว่าหายากมากโดยภาพรวม และไม่ว่าจะไปที่ไหนผู้เล่นขั้นสามก็จะดึงดูดความสนใจได้อย่างมาก


อย่างไรก็ตามผู้เล่นขั้นสามในเมืองป่าหินกับเป็นภาพที่ดูปกติเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสองเลย ….


“นี่คือเมืองกิลของสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?” ธันเดอร์บีสต์พึมพำและมองไปยังรอบๆตัวเขาด้วยความประหลาดใจ


กองกำลังนรกนั้นมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั้งหมดสามร้อยคน ซึ่งมันนับเป็นจำนวนที่ไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใด แต่ในเมืองป่าหินนี่มันนับว่าไม่มีอะไรเลย จากสิ่งที่เขาเห็น มันมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากกว่าหนึ่งพันคนแน่นอนที่เดินไปมาอยู่ในเมือง


แม้แต่บลูฟอร์ส และสมาชิกของสภาสิบแปดปีกจากดาร์คเดนก็ยังตกตะลึงกับฉากนี้ เขตของพวกเขานั้นยังมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามไม่ถึงหนึ่งร้อยคนด้วยซ้ำในตอนนี้ และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามก็ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากที่นั่น


แต่ถึงกระนั้นตอนนี้ตามถนนของเมืองป่าหินกับมีผู้เล่นขั้นสามมากกว่าเขตที่อยู่อาศัยของดาร์คเดนซะอีก ….


“บลู ไอ้เวรนี่ !!! นายเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับจากพวกเราได้ดีน่าดูเลยนะ !!! ถ้าเรารู้ว่ากิลเรามีเมืองกิลที่สวยงามเช่นนี้ เราจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกนานแล้ว !!!” เคิร์สแมนเซอร์ขั้นสาม ที่เข้าร่วมกับเขตหนึ่งและสภาสิบแปดปีกกล่าวบ่นรองหัวหน้ากิลของเขา ขณะที่เขาชื่นชมบรรยากาศตรงหน้า


เท่าที่เขาเห็นนั้น เคิร์สแมนเซอร์ก็สามารถจะประเมินได้เลยว่า เมืองป่าหินนั้นมีผู้เล่นขั้นสามมากกว่าดาร์คเดนหลายเท่า ….


ผู้เล่นทั่วไปอาจไม่สนใจว่าเมืองกิลมีผู้เล่นขั้นสามกี่คน แต่อย่างไรก็ตามสำหรับคนอย่างเขาที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการเขตหนึ่ง สิ่งนี้มันควรค่าแก่การสนใจมากๆ


คุณค่าของผู้เล่นแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะในเมืองกิล เมืองจะได้รับประโยชน์จากผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าขั้นสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องของทรัพยากร ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจะสามารถเข้าถึงทรัพยากรที่มีคุณภาพได้มากกว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสอง เพราะพวกเขาจะสามารถสำรวจสถานที่อันตรายได้มากกว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสอง


ในเมืองที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามนั้น ผู้เล่นจะเพิ่มทรัพยากรให้กับเมืองโดยไม่เจตนา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นสมาชิกของกิลผู้ปกครองเมืองก็ตาม ซึ่งนี่มันก็จะช่วยดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเข้ามามากขึ้นด้วย


ประโยชน์อีกประการหนึ่งก็มาในรูปแบบของการเก็บเลเวล


ผู้เล่นชั้นแนวหน้าของ God domain นั้นมีเลเวลหนึ่งร้อยขึ้นไปกันแล้ว และหลังจากมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยนั้น ผู้เล่นก็ต้องการ EXP จำนวนมากขึ้นเพื่อจะไปให้ถึงเลเวลต่อๆไป และผู้เล่นก็จำเป็นจะต้องเอาชนะและฆ่ามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่ามาก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการความช่วยเหลือจากผู้เล่นขั้นสาม หากต้องการจะเก็บเลเวลให้ได้อย่างรวดเร็ว

นี่เป็นสาเหตุที่ผู้เล่นในดาร์คเดนนั้นต้องการจะมาพัฒนาตัวเองในเขตที่ทรงพลัง


ด้วยจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่เดินไปมาตามท้องถนนของเมืองป่าหินนั้น หากพวกเขาประกาศจัดทีมออกล่า พวกเขาก็จะเก็บเลเวลได้อย่างรวดเร็วแบบน่าเหลือเชื่อ ซึ่งมันจะทำให้เขตต่างๆของดาร์คเดนไม่สามารถจะจินตนาการได้ออกเลยว่าผู้เล่นที่มาถึงที่เมืองป่าหินได้จะเก็บเลเวลได้เร็วแค่ไหน


หากผู้เล่นในดาร์คเดนรู้ว่าสภาสิบแปดปีกปกครองเมืองกิลแบบนี้ ทุกคนจะพยายามเข้าร่วมกับกิลทันทีแน่นอน


อยางไรก็ตามบลูฟอร์สนั้นก็ไม่รู้จะตอบสนองอย่างไรเกี่ยวกับคำบ่นของเคิร์สแมนเซอร์ แม้ว่าเขาจะรู้มาตลอดว่าสภาสิบแปดปีกนั้นค่อนข้างพิเศษ แต่เขาก็ไม่นึกเลยว่ากิลจะทรงพลังมากขนาดนี้


อย่างไรก็ตามตอนนี้สิ่งที่บลูฟอร์สและพรรคพวกของเขาไม่รู้ก็คือ มันมีมหาอำนาจจำนวนมากได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามายังเมืองป่าหิน เนื่องจากการแสดงครั้งล่าสุดของซือเฟิงที่เมืองปีศาจ ในความเป็นจริงต้องบอกว่ามหาอำนาจกลุ่มแรกๆที่ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาที่นี่จำนวนมากนั้นก็คือมหาอำนาจจากจักรวรรดินักบุญทั้งสิบ แถมพวกเขายังส่งพวกระดับสูงบางส่วนเข้ามาด้วย


ด้วยเหตุนี้จำนวนผู้เล่นของเมืองป่าหินจึงสูงเป็นประวัติการณ์ และมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามในเมืองเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน


ในขณะเดียวกันตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม สามคน ที่มีเลเวลหนึ่งร้อยแปดก็กำลังเพลิดเพลินไปกับอาหารจานพิเศษในห้อง VIP ของร้านอาหารชั้นสูงแห่งหนึ่งในเมืองป่าหิน ซึ่งร้านอาหารชั้นสูงนี้นั้นอยู่ไม่ไกลจากสถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีกมากนัก โดยคนเหล่านี้คอยสังเกตทีมของซือเฟิงอย่างเงียบๆหลังจากที่พวกเขาเข้ามา และสองในสามคนนั้นคือหยวนเทียนซิน กับเพอเพิ้ลเจดจากศาลาลับ ในขณะที่คนที่สามเป็นหญิงสาวในวัยยี่สิบกลางๆ


ถ้าซือเฟิงรู้เกี่ยวกับการรวมตัวครั้งนี้เขาจะต้องประหลาดใจมากแน่นอน


หยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดนั้นแสดงให้เห็นถึงความเคารพต่อหญิงสาวคนนี้อย่างมาก และแม้ในขณะที่เธอพูด ดวงตาของเพอเพิ้ลเจดก็ยังเปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้น และเคารพ แม้ว่าเธอจะเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งศาลาลับ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงความเย่อหยิ่งต่อหน้าหญิงสาวคนนี้เลย


“เขาคือแบล๊คเฟรมงั้นหรอ ? เขาช่างดูพิเศษจริงๆ ช่างน่าเสียดาย เขาไม่น่าไปยั่วยุหัวใจปีศาจเลย ด้วยตัวตน ความสามารถ และพลังของเขา บวกกับเมืองป่าหิน มันคงจะใช้เวลาไม่นานนักสำหรับสภาสิบแปดปีกก่อนที่จะกลายเป็นมหาอำนาจที่แท้จริง นี่มันช่างน่าเสียดายจริงๆ …” หญิงสาวผมยาวสีฟ้ากล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิงที่เดินหายเข้าไปในสถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีก


“คุณแน่ใจหรอว่าคุณจะไม่ลองพิจารณาดูใหม่น่ะ รองหัวหน้ากิลดอร์น ? เมืองป่าหินเป็นเมืองอันดับหนึ่งในป่าใบไม้ผลิ แถมมันยังอยู่ใกล้แผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยอีกหลายแห่ง ถ้าคุณยอมก้าวออกมา ฉันแน่ใจว่าหัวใจปีศาจจะไม่กล้าทำอะไรกับเมืองแน่นอน” หยวนเทียนซินขอร้องหญิงสาวด้วยความเคารพ


ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นคือดอร์น เจด และเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องแสดงความเคารพต่อเธออย่างมาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว เธอเป็นผู้ที่มีแนวโน้มสูงมากที่จะขึ้นเป็นหัวหน้ากิลของศาลาลับในอนาคต และในปัจจุบันอำนาจของเธอในศาลาลับก็เป็นรองแค่หัวหน้ากิลเท่านั้น


“ก่อนที่เขาจะไปก่อปัญหาที่เมืองปีศาจ ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมหัวหน้ากิลถึงมีความเห็นในแง่ดีนักเกี่ยวกับสภาสิบแปดปีก แต่ผู้อาวุโสหยวน คุณก็รู้ดีนี่หว่าเวลาได้เปลี่ยนไปแล้ว มหาอำนาจสายความมืดนั้นเข้ามามีอิทธิพลใน God domain มากกว่าที่เคยเป็นมา โดยเฉพาะกับหัวใจปีศาจที่แทบจะยืนอยู่ในจุดสูงสุดของเหล่ามหาอำนาจสายความมืด แต่แบล๊คเฟรมกับเลือกจะฆ่าคนๆหนึ่งที่เฟรมมิ่งไลท์ปกป้องอยู่อย่างไร้ความปราณี ดังนั้นเหล่ามหาอำนาจสายความมืดต่างๆของ God domain โดยเฉพาะกับหัวใจปีศาจ จึงคิดจะใช้สภาสิบแปดปีกเชือดไก่ให้ลิงดูแน่นอน …” ดอร์นเจดกล่วพลางถอนหายใจ “สภาสิบแปดปีกได้ยั่วยุมหาอำนาจมากเกินไป และจากรายงานล่าสุด นอกเหนือจากไมโทโลจี้แล้ว เฟรมมิ่งไลท์ยังได้ไปเจรจาขอความร่วมมือจากจักรพรรดิอสูร ซึ่งปัจจุบันครอบครองจักรวรรดิออร์คอยู่ และตอนนี้แม้แต่หัวหน้ากิลของเราก็จะไม่สามารถป้องกันสภาสิบแปดปีกจากการล่มสลายได้ ไม่ต้องพูดถึงกองกำลังนรกจากจักรวรรดิโลกใต้พิภพเลย คนของคุณควรเตรียมการให้พร้อมเช่นกัน ฉันมั่นใจว่าอีกไม่นานหัวใจปีศาจจะเริ่มเคลื่อนไหวแน่นอน แต่อย่ากังวลมากเกินไป ฉันจะคิดวิธีการรักษาส่วนแบ่งเมืองป่าหินของเราไว้”


เมื่อดอร์นเจดกล่าวจบ เธอก็ตัดบทด้วยการใช้สกิลเปิดสปาร์เชี่ยลเกตขึ้น และเดินเข้าสปาร์เชี่ยลเกตหายออกไปจากร้านอาหาร


ความเงียบนั้นเข้าปกคลุมอีกสองคนที่เหลือเป็นเวลานาน หลังจากที่หญิงสาวทั้งสองจากไป


“ลุงหยวนเราจะทำยังไงกันดี ? หากรองหัวหน้ากิลไม่ช่วย เราจะมีกองกำลังไม่มากพอที่จะใช้ปกป้องเมืองป่าหิน แม้ว่าเราจะรวบรวมผู้เล่นทั้งหมดของเราแล้วก็ตาม …” เพอเพิ้ลเจดกล่าวถาม


มันมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ถึงความน่ากลัวของหัวใจปีศาจ และเมื่อกิลสายความมืดกิลนี้เลือกจะเคลื่อนไหว พวกเขาจะสามารถเปลี่ยนป่าใบไม้ผลิให้กลายเป็นรังของผู้เล่นสายความมืดแน่นอน


เฟรมมิ่งไลท์นั้นครอบครองวิธีการเปิดประตูสู่โลกแห่งความมืดอยู่ และเขาก็สามารถจะอนุญาติให้ผู้เล่นจากโลกอื่นไหลทะลักเข้ามาที่ทวีปหลักได้ นี่เป็นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้แม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังหวาดกลัวหัวใจปีศาจ


เพียงแต่ว่าเฟรมมิ่งไลท์นั้นต้องการที่จะให้หัวใจปีศาจสร้างฐานที่มั่นของตัวเองขึ้นใน God domain ได้โดยไม่ต้องมีศัตรูมากนัก ดังนั้นเขาจึงยังไม่เลือกใช้ไพ่ใบนี้ก็เท่านั้น


น่าเสียดายที่เหตุการณืที่เกิดขึ้นที่ผ่านมานั้นเฟรมมิ่งไลท์ไม่สามารถจะทำอะไรกับสภาสิบแปดปีกได้ และซือเฟิงก็ได้ก่อความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับหัวใจปีศาจ ซึ่งด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีก มันจึงทำให้กิลถูกคุกคามได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นโอกาสที่เฟรมมิ่งไลท์จะตัดสินใจเปิดใช้งานประตูสู่โลกแห่งความมืดนี้จึงมีค่อนข้างสูงมาก


โดยโลกแห่งความมืดนี้จัดว่าเป็นโลกที่แข็งแกร่งกว่าโลกอื่นๆอย่างมาก และที่สำคัญที่สุดคือมันมีประชากรผู้เล่นที่สามารถเทียบได้กับสองถึงสามจักรวรรดิอย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นทุกคนในโลกแห่งความมืดยังเป็นผู้เล่นสายความมืด เมื่อเฟรมมิ่งไลท์ตัดสินใจเปิดใช้งานประตูสู่โลกแห่งความมืดในป่าใบไม้ผลิ เมืองป่าหินก็จะต้องเผชิญหน้ากับการไหลบ่าเข้ามาของผู้เล่นสายความมืด และโอกาสที่เมืองจะรอดชีวิตไปได้นั้น มันก็แทบจะไม่มีเลย ในความเป็นจริงการเปิดประตูนี้จะส่งผลกระทบไปหมดทั้งในอาณาจักรสตาร์มูน และประเทศใกล้เคียงทั้งหมดแน่นอน


“ฉันไม่รู้แล้ว ตอนนี้ก้าวไปทีละก้าวแล้วกัน …” หยวนเทียนซินกล่าวออกมาอย่างหมดหนทาง และเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังทิศทางที่ซือเฟิงจากไปและกลอกตา


แทนที่จะพัฒนาตัวเองอย่างเงียบๆ ซือเฟิงได้ทำตัวเด่นใน God domain เสมอ และสร้างศัตรูขึ้นกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ตอนนี้แม้แต่ศาลาลับก็ไมม่สามารถจะช่วยกิลได้แล้ว และพวกเขาก็จะทำได้แค่ดูสภาสิบแปดปีกถูกทำลายเท่านั้น


ในระหว่างการประชุมในร้านอาหารใกล้เคียงของหยวนเทียนซิน เพอเพิ้ลเจด และดอร์นเจดนั้น ซือเฟิงก็ได้เดินเข้าไปที่ชั้นใต้ดินชั้นที่สองของกิลฮอลของสภาสิบแปดปีก


หลังจากเข้ามาในห้องหลักแล้ว เขาก็เปิดใช้งานวงเวทย์ป้องกันของห้องและทำการปิดผนึกทั้งชั้น จากนั้นเขาก็ดึงดาบสีดำสนิทออกมาจากกระเป๋าของเขาอย่างระมัดระวัง


ดาบเล่มนี้นั้นไม่ใช่อะไรอื่นนอกจาก Cruel Darkness ของกบฎสายฟ้า ตอนแรกซือเฟิงนั้นไม่ได้ให้ความสนใจกับอาวุธเวทย์มนต์ที่กบฎสายฟ้าดรอปมากนักเลย เพราะเขามุ่งเน้นไปแต่การต้องฆ่าชายคนนี้ให้ได้เท่านั้น


อย่างไรก็ตามพอเขาเริ่มทำการเก็บรวบรวมไอเทมที่ดรอปนั้น เขาก็พบว่า Cruel Darkness นี้มีปฎิกิริยากับ Abyssal Blade และเขาก็ได้รู้ข้อมูลบางอย่างซึ่งมันทำให้เขาตื่นเต้นมากๆ


อาวุธทั้งสองนั้นมีชื่อเสียงอย่างมากใน God domain แต่ทั้งสองก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาวุธชิ้นหนึ่ง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือทั้งสองคือเศษอาวุธ


ในฐานะที่เป็นอาวุธเวทย์มนต์ Abyssal Blade แข็งแกร่งอย่างน่ากลัว และมันทรงพลังมากพอที่จะเทียบกับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานได้เลยในปัจจุบัน ดังนั้นซือเฟิงจึงไม่สามารถจะนึกออกได้เลยว่า หากอาวุธอยู่ในสภาพสมบูรณ์จริงๆมันจะทรงพลังมากขนาดไหน ?


หรือว่ามันจะกลายเป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานที่แท้จริงเลย ?


หรือว่ากลายเป็นไอเทมระดับตำนาน ?


ซึ่งเมื่อรู้ถึงเรื่องนี้นั้น ซือเฟิงก็รีบฆ่าโทรเบิ้ลไทม์และกลับมาที่เมืองป่าหินทันที


นี่น่าจะปลอดภัยเพียงพอแล้ว หวังว่าการหลอมรวมกันจะไม่ก่อให้เกิดความปั่นป่วนมากเกินไป


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้นำ Abyssal Blade และ Cruel Darkness ออกมาวางคู่กัน ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นมา


ระบบ : Abyssal Blade ได้ค้นพบชิ้นส่วนที่มาจากต้นกำเนิดเดียวกัน คุณต้องการหลอมรวมชิ้นส่วนนี้เข้ากับ Abyssal Blade ไหม ?


“หลอมรวม !!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)