Reincarnation Of The Strongest Sword God 2624-2628
ตอนที่ 2624 ห้องมรดกที่น่าอัศจรรย์
คำว่า “การควบคุมธาตุ” เป็นคำที่แปลกสำหรับผู้เล่นทั่วไปและผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ เพราะโดยปกติแล้วผู้เล่นจะเข้าใจว่าคำว่าควบคุมธาตุหมายถึงอะไรก็หลังจากที่พวกเขามาถึงขั้นสาม และเริ่มปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองแล้ว
เพื่อให้ได้มาซึ่งการ “ควบคุมธาตุ” มันต้องใช้ความแม่นยำในการควบคุมธาตุมานาทุกประเภท และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ผู้เล่นจะต้องเข้าใจคุณสมบัติของธาตุมานาทุกประเภท และอย่างน้อยที่สุดผู้เล่นก็จะต้องเข้าใจหลักการเบื้องต้นของการขับเคลื่อนสี่ธาตุมานาหลัก
อย่างไรก็ตามในระยะนี้ของเกม นับประสาอะไรกับการควบคุมมานาธาตุทั้งหมดให้ได้อย่างแม่นยำ มหาอำนาจต่างๆยังคงไม่เข้าใจแม้แต่หลักการเบื้องต้นของการขับเคลื่อนสี่ธาตุมานาหลักด้วยซ้ำ
ในขณะที่หยานเซี่ยวเฉียนกำลังเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ชายที่ยืนอยู่ในห้องมรดกนั้นก็กำลังควบคุมมานาอยู่โดยราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย และเขายังใช้มันเพื่อเสริมพลังให้กับวงเวทย์ของห้อง ซึ่งนี่นับเป็นสิ่งที่ผู้เล่นนักเวทย์ทุกคนใน God domain ล้วนต้องการจะทำให้ได้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจอย่างแท้จริงนั่นก็คือตัวตนของผู้ชายคนนี้
แบล๊คเฟรม !!
เพราะท้ายที่สุดแล้วผู้เล่นระยะประชิดมักจะปรับตัวให้เข้ากับมานาได้น้อยกว่าผู้เล่นนักเวทย์ นอกจากนี้ผู้เล่นระยะประชิดยังใช้มานาในการต่อสู้น้อยกว่าผู้เล่นนักเวทย์ ดังนั้นพวกเขาจึงมีความคุ้นเคยกับมานาน้อยกว่าผู้เล่นนักเวทย์
แต่กระนั้น แม้ว่าจะเป็นเพียงราชันดาบขั้นสาม แต่ซือเฟิงก็ประสบความสำเร็จในการควบคุมธาตุมานา
“พวกคุณมาถึงแล้วสินะ …” ซือเฟิงกล่าว ก่อนที่เขาจะเริ่มเร่งการทำงานของวงเวทย์ในห้องมรดกทันที จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “วงเวทย์ของห้องเกือบจะเปิดใช้งานได้อย่างเต็มที่แล้ว พวกคุณทั้งสามคนจะได้เรียนรู้วิธีการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองที่นี่ และในขณะเดียวกันนั้น พวกคุณแต่ละคนก็จะมีเวลาได้สัมผัสกับการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วเป็นเวลาห้านาที ซึ่งสิ่งที่คุณต้องทำเมื่อได้สัมผัสถึงอะไรแบบนี้นั่นก็คือ จดจำความรู้สึกว่ามานาภายในร่างกายของคุณไหลเวียนอย่างไร หลังจากนั้นพวกคุณก็จะต้องคิดหาวิธีที่จะทำซ้ำความรู้สึก จำไว้ว่าคุณแต่ละคนมีโอกาสเพียงครั้งเดียว”
“สัมผัสกับร่างมานาที่ปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เป็นเวลาห้านาทีงั้นหรอ ?” หยานเซี่ยวเฉียนรู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของซือเฟิง
แม้ว่าช่วงเวลาที่ได้สัมผัสจะเป็นเพียงห้านาทีสั้นๆ แต่ถ้าเธอได้รู้ว่าร่างมานาที่ได้รับการปลดล๊อคศักยภาพหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วรู้สึกอย่างไร เธอก็จะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นมากในการจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองในภายหลัง ยิ่งไกว่านั้นเธอก็ยังไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทางหรืออ้อมไปไหนไกล เธอสามารถจะมุ่งตรงไปยังเป้าหมายของเธอได้เลย
“นี่คือเบื้องหลังความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?” โซริทารี่ฟรอสต์จ้องมองไปที่ซือเฟิงด้วยความประหลาดใจ
ขณะนี้มหาอำนาจต่างๆของ God domain กำลังดิ้นรนเพื่อหาสถานที่ที่จะช่วยให้ผู้เล่นของตนปรับปรุงการควบคุมมานาของตัวเองได้ อย่างไรก็ตามสภาสิบแปดปีกกับสามารถให้ผู้เล่นของตนสัมผัสได้ถึงประสบการณ์การ การที่ร่างมานาถูกปลดล๊อคศักยภาพแล้วหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้เป็นเวลาห้านาที ซึ่งนี่มันหมายความว่ากิลยืนอยู่ในสนามแข่งขันของเรื่องนี้ในสภาพที่แตกต่างจากมหาอำนาจอื่นๆอย่างมาก
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสภาสิบแปดปีกถึงมีผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วจำนวนมาก หากมหาอำนาจอื่นๆรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาจะต้องเต็มไปด้วยความอิจฉาอย่างมากแน่นอน” ซินฟูลเฟรมรีบเข้าไปตรวจสอบห้องมรดกอย่างใกล้ชิด เมื่อได้ยินคำอธิบายของซือเฟิง
แม้ว่าผู้เล่นที่มีพรสวรรค์จะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาได้อย่างเต็มที่แน่นอน หากมีเวลาที่เพียงพอ แต่อย่างไรก็ตามมันก็มีข้อแตกต่างตรงที่ยิ่งผู้เล่นทำได้เร็วเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งสามารถเข้าไปสำรวจสถานที่ที่อันตรายที่ผู้เล่นขั้นสามทั่วไปสามารถเข้าไปได้ เร็วขึ้นเท่านั้น และพวกเขาก็จะมีเวลามากขึ้นสำหรับการสำรวจหรือฝึกฝนในด้านอื่นๆ อย่างไรก็ตามการจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นก็ต้องใช้เวลานานมากๆ และมหาอำนาจต่างๆก็กำลังพยายามดำเนินการในเรื่องนี้อยู่เพื่อให้ระยะเวลามันสั้นลง
หลังเปิดใช้งานวงเวทย์ในห้องอย่างเต็มที่ ซือเฟิงก็หันไปจ้องมองที่ซินฟูลเฟรมและคนอื่นๆ พลางถามว่า “เอาล่ะ ใครจะเข้าไปเป็นคนแรก ?”
“ฉันจะเข้าไปก่อน แล้วก็เป็นโซริทารี่ฟรอสต์ และหยายเซี่ยวเฉียนตามลำดับ” ซินฟูลเฟรมกล่าว
ทั้งโซริทารี่ฟรอสต์และหยานเซี่ยวเฉียนล้วนพยักหน้าเห็นด้วยทั้งคู่ ไม่มีใครไม่พอใจกัการตัดสินใจของซินฟูลเฟรม เพราะท้ายที่สุดพวกเขารู้ดีว่า คนแรกที่เลือกจะเข้าไปนั้น มันจะไม่ต่างจากหนูลองยาก่อน ….
ซึ่งการส่งซินฟูลเฟรมเข้าไปก่อนก็นับเป็นความคิดที่ดีที่สุด เนื่องจากเมื่อเขาได้รับประสบการณ์มาแล้ว เขาจะได้นำมันกลับมาสอนพวกเขาเพื่อจะให้พวกเขาปรับตัวและใช้ประโยชน์ได้สูงสุดจากเรื่องนี้
“เยี่ยม เชิญเลยผู้อาวุโสเฟรม …” ซือเฟิงกล่าวขณะที่เขาเดินออกจากห้องมรดก และเปิดทางให้ซินฟูลเฟรมเข้าไป
เมื่อซินฟูลเฟรมเข้าไปในห้องมรดก ประตูของมันก็ปิดลงทันที จากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ
โซริทารี่ฟรอสต์และหยานเซี่ยวเฉียนนั้นไม่สามารถที่จะซ่อนความกังวลใจและสงสัยของพวกเขาได้เลย ในขณะที่พวกเขามองไปยังประตูที่ปิดอยู่
แม้แต่ตอนนี้พวกเขาก็ยังสงสัยว่าพวกเขาจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ภายในหนึ่งวันจริงไหม
เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขารู้ดีว่ายิ่งปลดล๊อคศักยภาพมานาไปได้เปอเซ็นต์สูงมากเท่าไหร่ การจะคืบหน้าไปเพิ่มเติมมันก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนี่มันไม่ใช่ความสำเร็จที่จะสามารถทำได้โดยการสัมผัสถึงประสบการณ์การปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วเพียงชั่วครู่ และการลองผิดลองถูกนั้นก็ต้องใช้เวลานานมาก
ในขณะที่โซริทารี่ฟรอสต์และหยานเซี่ยวเฉียนกำลังครุ่นคิดเรื่องนี้ ห้านาทีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลาต่อมาประตูห้องมรดกก็ค่อยๆเปิดออก และมานาที่หนาแน่นนั้นก็หลั่งไหลออกมาทางประตู
ทั้งหยานเซี่ยวเฉียนและโซริทารี่ฟรอสต์นั้นล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ เมื่อเห็นซินฟูลเฟรเดินออกมา พวกเขาสามารถบอกได้เลยว่ามานาที่หนาแน่นที่หลั่งไหลออกมานั้นเป็นของซินฟูลเฟรม ยิ่งไปกว่านั้นออร่าของซินฟูลเฟรมยังแข็งแกร่งขึ้นมากจนทำให้พวกเขาที่อยู่ใกล้ๆและสัมผัสได้ถึงออร่ารู้สึกอึดอัด
“ผู้อาวุโสเฟรม คุณปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วงั้นหรอ ?”
หยานเซี่ยวเฉียนอุทานออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เธอรู้ดีว่าก่อนหน้านี้นั้นซินฟูลเฟรมได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้มากกว่าแปดสิบเปอเซ็นต์เล็กน้อยแล้ว ดังนั้นการจะเข้าถึงหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ให้ได้มันจึงน่าจะใช้เวลาพอสมควร แต่ตอนนี้หลังจากเข้าสู่ห้องมรดกไปห้านาที เขากับปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว จะให้เธอทำใจเชื่อเรื่องนี้ได้ยังไง ?
ในขณะนี้นับประสาอะไรกับหยานเซี่ยวเฉียน แม้แต่ซือเฟิงก็ยังประหลาดใจกับสถานการณ์นี้
เดิมทีเขาตั้งใจจะให้ช่องที่เหลือสามช่องของห้องมรดกกับผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีกที่มีศักยภาพสูง อย่างไรก็ตามเพื่อให้ได้มาซึ่งความไว้วางใจจากหอการค้าอาซู และมรดกขอบเขตอนันต์ที่สมบูรณ์ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมอบทั้งสามช่องนี้ให้หอการค้าอาซู
แต่ถึงกระนั้นซือเฟิงก็ไม่คิดว่า ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามที่หอการค้าอาซูคัดเลือกมานั้นจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ทันทีที่เข้าไปในห้องมรดก เพราะท้ายที่สุดแล้วทั้งสามนั้นไม่เคยได้สัมผัสกับการฝึกจากประตูมรดกแบบไฟเออร์แดนซ์หรือคนอื่นๆมาก่อนเลย ก่อนจะมาใช้ห้องมรดกที่นี่
ดังนั้นซือเฟิงจึงได้เตรียมที่จะมอบโพชั่นโบราณที่เขาได้รับจากเมืองพิษให้ทั้งสามด้วย และเมื่อรวมกับเอฟเฟคของห้องมรดก และลานฝึกของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครอง มันก็น่าจะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามของหอการค้าอาซูสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้ภายในหนึ่งวัน
อย่างไรก็ตามซือเฟิงไม่คิดเลยว่าพรสวรรค์ของซินฟูลเฟรมจะสูงขนาดนี้
ซินฟูลเฟรมประสบความสำเร็จในการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ หลังจากที่ได้เข้าใช้ห้องมรดกเพียงครั้งเดียว พรสวรรค์ของเขามันจัดว่าน่ากลัวมากจริงๆ
ในช่วงเวลาสั้นๆที่ซือเฟิงกำลังเต็มไปด้วยความตกตะลึง ซินฟูลเฟรมก็ได้หันไปมองหยานเซี่ยวเฉียนและโซริทารี่ฟรอสต์ก่อนจะให้คำแนะนำว่า “เมื่อคุณทั้งสองคนเข้าไปด้านในแล้ว อย่าใช้วิธีการที่คุณเคยใช้ก่อนหน้านี้ ให้สัมผัสกับประสบการณ์ในการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาทั้งหมดอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสัมผัสกับมานาในร่างกาย และให้มุ่งเน้นไปที่การตรวจจับว่ามานาภายในร่างกายของคุณไหลเวียนอย่างไร มันมีข้อผิดพลาดมากมายในวิธีที่เราค้นคว้า หากคุณยังคิดจะใช้วิธีเดิม คุณก็จะประสบความยากลำบากแน่นอนที่จะปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานาได้ หลังจากได้สัมผัสกับประสบการณ์แบบนี้”
“ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่อยู่ข้างใน ฉันสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าการเข้าถึงศักยภาพร่างมานาหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้นั้นไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่มันเป็นเพียงการเริ่มต้นใหม่เท่านั้น แม้ว่าตอนนี้ฉันจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของฉันได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่ามันด้อยกว่าร่างมานาที่ฉันรู้สึกได้ในห้องมาก อย่างไรก็ตามพรสวรรค์ของฉันนั้นมีจำกัด ฉันจึงสามารถทำได้มากที่สุดแค่นี้ และนอกเหนือจากนั้นก็เป็นเช่นเดียวกับที่หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมกล่าวจำทุกอย่างให้ดี ซึ่งหากคุณทำได้ เผลอๆคุณอาจทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้ในคราวเดียวเลยก็ได้ …”
เมื่อได้ยินคำพูดของซินฟูลเฟรม หยานเทียนซิงที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งก็พยักหน้าอย่างครุ่นคิด
สำหรับโซริทารี่ฟรอสต์และหยานเซี่ยวเฉียน พวกเขามองไปที่ซือเฟิงด้วยความลำบากใจในตอนนี้ ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำพูดของซือเฟิงมากนัก โดยถือว่ามันเป็นเพียงคำพูดพล่อยๆเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ตระหนักเลยว่าซือเฟิงกำลังให้คำแนะนำแก่พวกเขา
ในความเป็นจริงแม้แต่ตัวซือเฟิงเองก็ยังตกใจกับคำพูดของซินฟูลลเฟรม เพราะท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ให้คำแนะนำใดๆ ที่เขาพูดไปก่อนหน้านี้นั้นมันก็แค่วิธีพื้นฐานในการใช้ห้องมรดกเท่านั้น แต่ก็แน่นอนว่าซือเฟิงไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆบนใบหน้าของเขา เขาเพียงแค่พยักหน้าอย่างเงียบๆให้กับคำพูดของซินฟูลเฟรมเท่านั้น
หลังจากนั้นโซริทารี่ฟรอสต์ และหยานเซี่ยวเฉียนก็เข้าไปในห้องมรดกตามลำดับ
เวลานั้นก็ไหลไปเหมือนกับสายน้ำ และสามวันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ….
….
ในป่าโบราณที่อยู่ห่างไกลจากจักรวรรดิจันทราสีเงิน เมืองไวโอเล็ตไลท์นั้นตั้งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่งซึ่งสามารถมองเห็นป่าได้ทั้งหมด
เมืองนี้เต็มไปด้วยสมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดและไมโทโลจี้ ซึ่งผู้ฝึกสอนทอร์เร้นและคนอื่นๆจากไวโอเล็ตซอร์ดก็พึ่งจะมาถึงเมื่อไม่นานมานี้ และตอนนี้พวกเขาก็ยืนอยู่บนกำแพงเหนือประตูหน้าของเมือง
“ผู้ฝึกสอนทอร์เร้น ตอนนี้ทุกคนพร้อมแล้ว เรารอแค่สภาสิบแปดปีกเท่านั้น …” คริมสันสตาร์รายงาน ขณะที่เธอเดินเข้ามาใกล้ทอร์เร้น
“ฉันได้ยินมาว่าไมโทโลจี้ได้ร่วมมือกับมหาอำนาจหลายกลุ่ม โดยทีมจู่โจมของพวกเขานั้นพยายามจะลองโจมตีการทดสอบในโหมดขั้นสูงเมื่อวานนี้ ซึ่งทีมจู่โจมของพวกเขานั้นมีสองร้อยคน และอย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์หรือสูงกว่านั้นกันทั้งหมด บางคนนั้นถึงขั้นที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว อย่างไรก็ตาม ฉันได้ยินมาว่าแม้ว่าร่างมานาจะถูกปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว มันก็ยังให้ความช่วยเหลือได้น้อยมากๆในการทดสอบ และในท้ายที่สุดทีมจู่โจมของไมโทโลจี้ก็ล้มเหลวในการจะเอาชนะบอสของการทดสอบ แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว แต่พวกเขาก็แทบไม่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ในกิลเลย ฉันกลัวว่าเราจะไม่สามารถเข้าถึงบอสของการทดสอบโหมดฮีโร่ได้ด้วยซ้ำ …” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวกล่าวพลางยิ้มเยาะ
“ฉันเองก็คิดแบบนั้นนะ ไม่รู้เลยจริงๆว่าแบล๊คเฟรมคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อเขาได้รู้ถึงความล้มเหลวของไมโทโลจี้ เขาอาจจะเสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้ก็ได้ …” คริมสันสตาร์กล่าวเสริม ก่อนที่เธอจะกล่าวต่อว่า “และหากทีมของเขาโดนสังหารหมู่สักสองถึงสามครั้ง เขาจะต้องมาขอกำลังเสริมจากเราแน่”
การทดสอบโหมดขั้นสูงในดินแดนลับโบราณนั้นลดข้อได้เปรียบของศักยภาพร่างมานาที่ถูกปลดล๊อคได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วลงไปอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะสมาชิกทีมจู่โจมของไมโทโลจี้มีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูง พวกเขาก็จะไม่สามารถเข้าถึงบอสของการทดสอบในโหมดขั้นสูงได้เลย ไม่ต้องพูดถึงโอกาสในการจะฆ่าซึ่งมีน้อยกว่ามาก
หากแม้แต่การทดสอบในโหมดขั้นสูงยังปราบปรามศักยภาพของร่างมานาอย่างหนัก ดังนั้นการปราบปรามในโหมดฮีโร่จะต้องมากกว่านี้แน่นอน และในกรณีนี้ โอกาสที่ทีมของสภาสิบแปดปีกจะเข้าไปเจอกับบอสของการทดสอบได้ มันก็แทบจะเป็นศูนย์เลย ไม่ต้องพูดถึงการเคลียร์มัน
ในขณะที่ไวน์ไฟเตอร์ และคริมสันสตาร์กำลังพูดคุยกันอยู่ ขบวนของสภาสิบแปดปีกที่เต็มไปด้วยอะเม้าท์บินได้ขนาดมหึมาหลายตัว และยักษ์เหล็กก็ได้มาถึงเมืองไวโอเล็ตไลท์ ซึ่งมันก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนไปทั่วเมืองไวโอเล็ตไลท์ทันที
ตอนที่ 2625 หอการค้าอาซูที่โง่เง่า
“ในที่สุดพวกเขาก็มาถึง …” เมื่อไวน์ไฟเตอร์ เห็นเรือเหาะมังกรสีเลือด และเม้าท์บินได้ใกล้เข้ามา เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆออกมา และแสดงความเห็นว่า “ช่างเป็นการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่จริงๆ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าการปราบปรามในการทดสอบของโหมดฮีโร่ต่อร่างมานาของผู้เล่นนั้นมีมากแค่ไหน และในท้ายที่สุดพวกเขาก็จะต้องเสียเวลากับพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์”
“น่าเสียดายที่เราต้องเสียโอกาสในท้าทายโหมดฮีโร่ด้วย …” คริมสันสตาร์กล่าวพลางถอนหายใจออกมา
แม้ว่าไวโอเล็ตซอร์ดจะสามารถผลิตเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับยืดเวลาในการอยู่รอดของผู้เล่นในดินแดนลับโบราณขึ้นมาได้ก่อนกำหนด เนื่องจากความช่วยเหลือของไซเร้นวอร์นเดอร์ และพวกเขาก็สามารถจะติดตามความเร็วในการผลิตของไมโทโลจี้ได้ทัน แต่ไวโอเล็ตซอร์ดก็ได้สูญเสียโอกาสที่จะเหนือกว่าไมโทโลจี้ไป …..
จากความเข้าใจที่พวกเขามีต่อการทดสอบโหมดขั้นสูงของดินแดนลับโบราณนั้น พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาจะสามารถพิชิตมันได้แน่นอนในอีกสิบวัน อย่างไรก็ตามสิทธิพิเศษที่ผู้เล่นจะได้รับจากโหมดขั้นสูงนั้นด้อยกว่าโหมดฮีโร่มาก
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องกับเรา แม้ว่าเราจะสูญเสียโอกาสในการท้าทายการทดสอบโหมดฮีโร่ แต่ไมโทโลจี้เองก็จะไม่สามารถเคลียร์มันได้ด้วยเช่นกัน และในท้ายที่สุดทั้งสองกิลของเราก็จะจบลงที่มีทุกอย่างเท่ากันนั่นแหละ …” ทอร์เร้นกล่าวอย่างใจเย็น ขณะที่เขามองไปยังเรือเหาะมังกรสีเลือดที่กำลังลอยลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้าๆ แล้วเขาก็พูดต่อว่า “แทนที่จะเป็นพวกเรา สภาสิบแปดปีกซะมากกว่าที่จะมีปัญหาเมื่อเข้าไปท้าทายการทดสอบในโหมดฮีโร่”
“ถูกต้อง มันมีแนวโน้มว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นครั้งที่แย่ที่สุดสำหรับสภาสิบแปดปีก” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวพลางพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของทอร์เร้น
สภาสิบแปดปีกได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วมาเพื่อท้าทายการทดสอบของดินแดนลับโบราณ และแม้ว่าสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้กับสภาสิบแปดปีก แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็ยังจะดึงดูดอันตรายเข้ามามากมายด้วยเช่นกัน
ใน God domain ยุคปัจจุบันนี้ การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจต่างๆนั้นทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก และหากมีกิลที่สามารถคุกคามการดำรงอยู่ของมหาอำนาจต่างๆปรากฎขึ้นมานั้น ก็ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ากิลๆนั้นจะโดนอะไร
หลังจากวันนี้มหาอำนาจต่างๆจำนวนหนึ่งจะรวมกลุ่มกันเพื่อกำจัดภัยคุกคามที่เกิดขึ้นมาแน่นอน
แน่นอนว่าถ้าสภาสิบแปดปีกสามารถเคลียร์โหมดฮีโร่ได้ กิลก็จะจัดการปัญหานี้ได้ง่ายขึ้นแน่นอน แต่หากกิลล้มเหลว นั่นมันก็จะหมายถึงฝันร้ายของกิล
“ตามรายงานที่เราได้รับมา สภาสิบแปดปีกได้บรรลุข้อตกลงบางอย่างเพื่อแลกเปลี่ยนในการยืมความแข็งแกร่งของหอการค้าอาซู ในทางกลับกันสภาสิบแปดปีกได้ตกลงที่จะเลี้ยงดูรุ่นเยาว์ส่วนหนึ่งที่มีความสามารถของหอการค้าอาซูให้ และนอกเหนือจากความช่วยเหลือของหอการค้าอาซูแล้ว สภาสิบแปดปีกยังได้ขอให้พวกเราส่งผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดจำนวนมากมาเข้าร่วมด้วย บางทีพวกเขาอาจมีโอกาสจะเอาชนะบอสในการทดสอบได้ก็ได้” คริมสันสตาร์กล่าว “คำถามในตอนนี้คือพวกเขาเตรียมพร้อมมามากแค่ไหนกัน ? แล้วพวกเขามั่นใจมากแค่ไหน ?”
“นี่ผู้นำของหอการค้าอาซูบ้าไปแล้วรึไง ? แม้ว่านักสู้ระดับสูงของสภาสิบแปดปีกนั้นจะแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่สภาสิบแปดปีกจะเทียบกับไวโอเล็ตซอร์ดได้ยังไง ในเรื่องการเลี้ยงดู และบ่มเพาะผู้มีพรสวรรค์ ? และด้วยเหตุนี้พวกระดับสูงในกิลของเราหลายคนจึงไม่พอใจหอการค้าอาซูมากๆ” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวอย่างโกรธเคือง “หัวหน้ากิลยังประกาศด้วยว่าเราจะหยุดเลี้ยงดู และบ่มเพาะรุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซูนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ต่างจากการที่หอการค้าอาซูทำการตัดอนาคตของหยานเซี่ยวเฉียน และโซริทารี่ฟรอสต์เลย”
ทอร์เร้นเองก็มีสีหน้าบิดเบี้ยวเช่นกัน เมื่อได้ยินข่าวนี้ ….
สำหรับคริมสันสตาร์เธอก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมา เมื่อคิดถึงอนาคตของคนทั้งสอง
นอกจากสมาชิกคนอื่นๆของหอการค้าอาซูแล้ว โซริทารี่ฟรอสต์ และหยานเซี่ยวเฉียนนั้นต่างก็เป็นคนที่ดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกสอนทอร์เร้นได้ ซึ่งพวกเขานั้นก็มีศักยภาพที่จะกลายเป็นตัวตนระดับตำนานของหอการค้าอาซูในอนาคต เรื่องนี้มันก็เหมือนกับการที่ทอร์เร้นในอดีตสนใจในตัวผู้บัญชาการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไวโอเล็ตซอร์ดคนปัจจุบัน และท้ายที่สุดแล้ว ผู้บัญชาการคนนี้ก็กลายเป็นดั่งตัวตนระดับตำนานของไวโอเล็ตซอร์ดที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับสัตว์ประหลาดเก่าแก่ของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดเลย
ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้นั้นจะสามารถนำความมั่งคั่งอย่างมากมายมาสู่กิลได้ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยอายุของโซริทารี่ฟรอสต์และหยานเซี่ยวเฉียน หากพวกเขาได้รับการฝึกและดูแลอย่างดี พวกเขาทั้งคู่จะสามารถรับประกันความมั่นคงของหอการค้าอาซูไปได้อีกอย่างน้อยสองถึงสามทศวรรษเลย อย่างไรก็ตามตอนนี้หอการค้าอาซูกับเลือกจะตัดอนาคตของทั้งสองคน
ในช่วงเวลาที่ไวน์ไฟเตอร์และคนอื่นๆกำลังพูดคุยกัน เรือเหาะมังกรสีเลือด และอะเม้าท์บินได้ร่องลงมาจอดกันที่หน้าประตูหลักของเมืองไวโอเล็ตไลท์
ชั่วครู่ต่อมา ผู้เล่นจำนวนมากก็เริ่มลงมาจากพาหนะที่พวกเขาโดยสารมา และแม้ว่าผู้เล่นทั้งหมดจะปกปิดตัวตนและข้อมูลส่วนใหญ่ไว้ภายใต้เสื้อคลุมสีดำ แต่พวกเขาก็ไม่ได้จงใจจะปกปิดสัญลักษณ์ของกิล หรือรูปลักษณ์ของพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“ดูเหมือนว่าการร่วมมือกันของหอการค้าอาซูกับสภาสิบแปดปีกจะค่อนข้างเป็นไปอย่างจริงจังนะ หอการค้าอาซูกระทั่งส่งซินฟูลเฟรมมาเข้าร่วมงานนี้ด้วย” คริมสัน
สตาร์อุทาน เมื่อเธอเห็นซินฟูลเฟรมกระโดดลงมาจากอะเม้าท์บินได้
ซินฟูลเฟรมนั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในทวีปด้านตะวันตก มาตราฐานการต่อสู้และพลังการต่อสู้ของเขานั้นยอดเยี่ยมมากๆ และแม้แต่ในไวโอเล็ตซอร์ดมันก็ยากมากที่จะหาคนที่สามารถเทียบกับเขาได้
โดยปกติแล้วตัวตนระดับซินฟูลเฟรมนั้นจะค่อนข้างมีอิสระอย่างมากในกิล และตัวตนระดับนี้ก็มักจะไม่สนใจใดๆเลย ถ้าไม่ใช่ธุระแบบสำคัญมากจริงๆของกิล
“แน่นอนว่าโซริทารี่ฟรอสต์เองก็มาเหมือนกัน ถ้าเขาพบว่าโฟลตติhงไลท์ได้เข้าไปฝึกในดินแดนลับโบราณแทนเขา เพราะการกระทำของกิลเขา เขาคงจะอิจฉาน่าดู …” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวพลางถอนหายใจออกมา เมื่อสังเกตเห็นโซริทารี่ฟรอสต์ในหมู่สมาชิกของหอการค้าอาซู
นอกเหนือจากการทดสอบในดินแดนลับโบราณแล้ว มันยังมีสถานที่ที่พิเศษอีกสองถึงสามแห่งที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะแก่การฝึกอย่างน่าทึ่ง เพียงแต่ว่าราคาในการจะเข้าสู่สถานที่พิเศษแบบนี้นั้นมันสูงมาก
ในตอนแรกด้วยความเกรงใจต่อบริษัทซีอุส และความเคารพต่อผู้ฝึกสอนทอร์เร้น ไวโอเล็ตซอร์ดนั้นยังคงเกรงใจและเลือกไม่ได้กับสองช่องสุดท้ายที่เหลือ อย่างไรก็ตามเนื่องจากการกระทำล่าสุดของหอการค้าอาซู พวกระดับสูงของไวโอเล็ตซอร์ดจึงได้ตัดสินใจมอบช่องหนึ่งให้กับหนึ่งในรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถของพวกเขาอย่างโฟลตติ้งไลท์
ในแง่ของความสามารถนั้นโฟลตติ้งไลท์ด้อยกว่าโซริทารี่ฟรอสต์ อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาได้รับการแนะนำเป็นการส่วนตัวจากผู้ฝึกสอนทอร์เร้นในตอนที่ฝึกในดินแดนลับโบราณ ดังนั้นมาตราฐานการต่อสู้ของเขาจึงได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างมาก ตอนนี้เขาสามารถผสานรวมเทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงเข้ากับสกิลขั้นสามของเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว
หากโซริทารี่ฟรอสต์ซึ่งมีพรสวรรค์และความสามารถเหนือกว่าโฟลตติ้งไลท์ได้รับการฝึกแบบเดียวกัน พลังการต่อสู้ของเขาก็จะพุ่งสูงขึ้นจนน่ากลัวมากแน่นอน และในเวลานั้นไวน์ไฟเตอร์ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป
แต่น่าเสียดายที่โซริทารี่ฟรอสต์พลาดโอกาสนี้ …
“ผู้ฝึกสอนทอร์เร้น การเตรียมการด้านคุณ รวมทั้งเรื่องเครื่องมือพิเศษเป็นยังไงบ้าง ?” ซือเฟิงถาม เมื่อเขาเดินมาถึงตรงหน้าของทอร์เร้น
“ทั้งหมดพร้อมแล้ว …” ทอร์เร้นตอบอย่างมั่นใจ และเมื่อมองไปที่กลุ่มผู้เล่นเกือบสองร้อยคนที่อยู่ด้านหลังของซือเฟิง เขาก็ถามว่า “คุณต้องการให้เราส่งคนไปร่วมด้วยกี่คน หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?”
“สักสามสิบคนแล้วกัน …” ซือเฟิงตอบ
ท้ายที่สุดแล้วนี่มันเป็นความร่วมมือระหว่างสภาสิบแปดปีกกับไวโอเล็ตซอร์ด ดังนั้นหลังจากครุ่นคิดแล้ว ซือเฟิงจึงได้ตัดสินใจให้โอเล็ตซอร์ดส่งผู้เล่นมาสามสิบคนเพื่อเข้าร่วมทีมจู่โจม ซึ่งมันนับเป็นจำนวนที่ไม่สูงและไม่ต่ำเกินไป และเมื่อการโจมตีสำเร็จ เรื่องนี้มันก็จะดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับไวโอเล็ตซอร์ดด้วย โดยกิลก็ไม่ควรจะมีปัญหาในการจะส่งผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดจำนวนนี้มาร่วมทีมกับเขา
“สามสิบ ? นับเป็นจำนวนที่โอเคสำหรับเรา …” ทอร์เร้นกล่าวขณะลูบเคราสีขาวของเขา จากนั้นเขาก็หันไปหาคริมสันสตาร์และวินไฟเตอร์ พลางพูดว่า “หลังจากนี้พวกคุณสองคนจะต้องนำทีมนี้เป็นการส่วนตัว และให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่แก่หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม”
“เข้าใจแล้ว !!” ไวน์ไฟเตอร์กับคริมสันสตาร์กล่าว และพยักหน้าตอบสนองพร้อมกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เชี่ยวชาญของไวโอเล็ตซอร์ดได้ยินว่าทอร์เร้นได้สั่งให้ไวน์ไฟเตอร์ และคริมสันสตาร์เข้าร่วมงานนี้ด้วย พวกเขาก็งุนงงมากๆ
ในความคิดของพวกเขา มันนับเป็นเรื่องใหญ่มากเลย หากทอร์เร้นสั่งให้ผู้ฝึกสอนสองคนนี้ ซึ่งเป็นผู้เล่นขอบเขตโดเมนทั้งสองคนเข้าร่วมในงาน …
ใครก็ตามที่สามารถเป็นผู้ฝึกสอนในไวโอเล็ตซอร์ดได้นั้นก็จะต้องมีทั้งความสามารถและตำแหน่งในกิลที่สูงมาก โดยเฉพาะเรื่องตำแหน่ง พวกเขาจะมีตำแหน่งเป็นพวกระดับสูงแกนหลักเป็นอย่างน้อย และโดยปกติพวกเขาจะเคลื่อนไหวแค่เฉพาะเรื่องสำคัญๆเท่านั้น อย่างไรก็ตามตอนนี้ทอร์เร้นกับสั่งให้ผู้ฝึกสอนสองคนเข้าร่วมงานนี้ ถ้าข่าวนี้แพร่ออก มันจะทำให้หลายคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงแน่นอน
“เอาล่ะไปเตรียมการที่จำเป็นแบบเดียวกับการเตรียมการก่อนหน้านี้ของเรา ….” ไวน์ไฟเตอร์ออกคำสั่งกับผู้เชี่ยวชาญที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา
เมื่อได้ยินคำสั่งของไวน์ไฟเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญทั้งยี่สิบแปดคนก็เริ่มดำเนินการทันที
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม โปรดตามฉันมา เรายังจะต้องเดินทางอีกไกลกว่าจะไปถึงทางเข้าดินแดนลับโบราณ” คริมสันสตาร์กล่าวอย่างใจเย็น ขณะที่เธอเดินเข้าหาซือเฟิง “เมื่อเราไปถึงที่นั่น ฉันคิดว่าไอเทมทั้งหมดที่จำเป็นก็น่าจะพร้อมแล้ว”
“โอเค งั้นฉันคงต้องขอรบกวนคุณหน่อยล่ะ …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า จากนั้นเขาก็นำทุกคนในทีมของเขาเดินตามคริมสันสตาร์เข้าไปในเมืองไวโอเล็ตไลท์
ตอนที่ 2626 มานาโบราณ
การที่คริมสันสตาร์เป็นผู้นำทางทีมของสภาสิบแปดปีกผ่านเข้าสู่เมืองไวโอเล็ตไลท์ มันก็ทำให้เกิดการพูดคุยกันอย่างร้อนแรงระหว่างผู้เล่นที่อาศัยอยู่ในเมือง
“พวกเขาเหล่านั้นเป็นใครกัน ? คริมสันสตาร์แห่งไวโอเล็ตซอร์ดกำลังเป็นผู้นำทางพวกเขาจริงๆ …”
“ไม่ใช่แค่คริมสันสตาร์นะ ฉันได้ยินว่าผู้ฝึกสอนทอร์เร้นของไวโอเล็ตซอร์ดนั้นก็ออกไปต้อนรับคนเหล่านี้เป็นการส่วนตัวที่หน้าประตูทางเข้าหลักของเมืองเลย”
“มหัศจรรย์มากๆ !! บางทีคนเหล่านั้นอาจเป็นพวกระดับสูงของซุเปอร์กิลบางกิลรึ
ปล่าว ?!”
….
สมาชิกของไมโทโลจี้เริ่มสงสัย เมื่อพวกเขาเห็นทีมของซือเฟิง ในทางกลับกันสมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดส่วนใหญ่ก็พบว่าเรื่องนี้น่าประหลาดใจมากๆ ….
คริมสันสตาร์นั้นเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดของไวโอเล็ตซอร์ด แม้ว่าหัวหน้ากิลของมหาอำนาจทั่วไปจะมาเยี่ยมเยียนไวโอเล็ตซอร์ด แต่เธอก็จะปรากฎตัวขึ้นและทักทายเพียงแค่สั้นๆเท่านั้น เธอจะไม่มีความคิดที่จะมาเป็นผู้นำทางให้พวกเขาแน่นอน
ในขณะเดียวกัน มันก็มีผู้เล่นจำนวนหนึ่งยืนอยู่บนกำแพงที่ทำหน้าที่ปกป้องปราสาทโบราณใจกลางเมืองไวโอเล็ทไลท์ โดยผู้เล่นเหล่านี้เป็นทีมที่มีผู้เล่นทั้งหมดสามสิบคน ซึ่งทุกคนกำลังเฝ้าสังเกตการมาถึงของซือเฟิงและทีมอย่างเงียบๆ โดยสมาชิกทุกคนในทีมนี้นั้นล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญเลเวลหนึ่งร้อยสิบสาม หรือมากกว่าขึ้นไปทั้งหมด
“ในที่สุดสมาชิกสภาสิบแปดปีกก็มาถึงที่นี่ ….” แอสซาซินหนุ่มที่ถือดาบสั้นสองเล่มกล่าวอย่างเย็นชา ขณะที่เขาจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยเจตนาฆ่าฟัน
“แซนด์สตอร์ม อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ตอนนี้พวกเขาเป็นแขกของไวโอเล็ตซอร์ด …” หญิงสาวร่างสูงที่ถือค้อนสงคราม และโล่ที่แข็งแกร่งที่ยืนข้างๆแอสซาซินหนุ่มกล่าว
“ผ่อนคลายเถอะน่า ฉันรู้เรื่องนั้นดี ….” แซด์สตอร์มกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะปกปิดเจตนาฆ่าฟันของเขาไป “อย่างไรก็ตามข้อตกลงของเรากับไวโอเล็ตซอร์ดนั้นจำกัดแค่เฉพาะในเมืองเท่านั้น เมื่อพวกเขาเข้าสู่ดินแดนลับโบราณ มันจะกลายเป็นเกมที่ยุติธรรม และเราก็จะได้แก้แค้นสำหรับความอัปยศที่เราได้รับจากป้อมปราการแสงดาว !!! ฉันจะสอนให้สภาสิบแปดปีกรู้ว่าการทำให้รองผู้บัญชาการของเราขุ่นเคืองนั้นมันโง่เขลาเพียงใด !!!”
“แน่นอน” หญิงสาวร่างสูงกล่าวพลางพยักหน้า “แม้ว่าคำสั่งของรองผู้บัญชาการอย่างแรกจะเป็นการที่ต้องตรวจสอบว่าไวโอเล็ตซอร์ดกับสภาสิบแปดปีกเข้าไปทำอะไรในดินแดนลับโบราณ แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ออกคำสั่งอะไรเพิ่มเติม ซึ่งมันหมายความว่าเราจะสามารถทำอะไรก็ได้ โดยเทพปีศาจได้บอกไว้แล้วว่าการฆ่าแบล๊คเฟรมจะทำให้เราได้คะแนนสะสมจำนวนมาก และจะสามารถฝึกสนามฝึกของศาลเจ้าเทพโบราณได้เป็นเวลานาน แถมหากเรานำตัวแบล๊คเฟรมไปมอบให้เทพปีศาจได้ เรายังจะสามารถได้รับมรดกเทพปีศาจโดยตรงด้วย”
“ก่อนหน้านี้แบล๊คเฟรมสามารถเอาชนะเราได้เพียงเพราะเขามีร่างมานาที่ปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว อย่างไรก็ตามครั้งนี้เขาจะไม่โชคดีแบบนั้นแน่นอน !!!” แซนด์สตอร์มกล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าของเขา “คราวนี้เขาจะได้เรียนรู้ว่าความสิ้นหวังที่แท้จริงเป็นอย่างไร !!!”
ศาลเจ้าเทพปีศาจนั้นเป็นสนามฝึกพิเศษที่มหาอำนาจทุกกลุ่มในทวีปด้านตะวันตกล้วนรู้จัก อย่างไรก็ตามมหาอำนาจส่วนใหญ่นั้นยังคงไม่ทราบว่าศาลเจ้าเทพปีศาจมีมรดกบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานา ซึ่งมันมีสิทจะได้รับจากการทำหนึ่งในสิบเควสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศาลเจ้า
ไมโทโลจี้นั้นเป็นหนึ่งในมหาอำนาจไม่กี่กลุ่มที่สามารถทำเควสหนึ่งในสิบเควสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้สำเร็จและได้รับมรดกร่างมานามา เป็นผลให้แซนสตอร์ม และสมาชิกอีกจำนวนหนึ่งของไมโทโลจี้นั้นสามารถจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว และด้วยการสนับสนุนของวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงที่พิเศษของซุเปอร์กิล พลังการต่อสู้ของพวกเขาจึงจะขึ้นไปอยู่ในระดับที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และเพียงแค่ทีมสามสิบคนของพวกเขานี้ก็เพียงพอที่จะเอาชนะกองกำลังนรกทั้งหมดของจักรวรรดิโลกใต้พิภพได้แล้ว
ในช่วงเวลาที่แซนสตอร์มและสมาชิกคนอื่นๆของไมโทโลจี้กำลังคุยกันว่าจะโจมตีกลุ่มของสภาสิบแปดปีกอย่างไร ซือเฟิงและคนอื่นๆก็ได้มาถึงที่หน้าทางเข้าดินแดนลับโบราณซึ่งอยู่ภายในปราสาทกลาง
ทางเข้าสู่ดินแดนลับโบราณเป็นรอยแยกมิติที่จะนำไปสู่โลกอื่นที่เมืองโบราณตั้งอยู่ และโดยปกตินั้น รอยแยกมิตินี้ก็จะไม่เสถียรอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตามมันก็มีการวางวงเวทย์ไว้เพื่อรักษาเสถียรภาพในระดับหนึ่ง
น่าเสียดายที่เนื่องจากมันผ่านกาลเวลามายาวนาน วงเวทย์มันจึงไม่ทรงพลังเหมือนเดิมอีกต่อไป ตอนนี้มันสามารถช่วยเทเลพอร์ตผู้เล่นแบบระบุพิกัดไปยังดินแดนลับโบราณได้เป็นจำนวนสูงสุดสี่ร้อยคนต่อวันเท่านั้น และผู้เล่นคนอื่นจะมีสิทเทเลพอร์ตไปได้ก็ต่อเมื่อคนที่อยู่ข้างในเดิมออกมาแล้วเท่านั้น
นี่คือดินแดนลับโบราณงั้นหรอ ? เมื่อซือเฟิงมาถึงรอยแยกมิติและสัมผัสได้ถึงมานาที่ไหลออกมา เขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา เขาเคยได้ยินและเห็นเพียงภาพของดินแดนลับโบราณของไวโอเล็ตซอร์ดเท่านั้น แต่เขาไม่เคยมีประสบการณ์ได้สัมผัสมันด้วยตัวเองเลย แต่ตอนนี้เมื่อเขาได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง เขาก็ได้รู้เลยว่าที่นี่มันจะมีประโยชน์ต่อเขาและกิลมากๆ เพราะตอนนี้มันทำให้เขารู้สึกมีพลังขึ้นอย่างมาก จากการสัมผัสมานาที่รั่วไหลออกมาแค่เพียงเล็กน้อย
หากแม้แต่การได้สัมผัสมานาที่รั่วไหลออกมาแค่เล็กน้อยมันยังให้ผลมากขนาดนี้ ซือเฟิงก็แทบจะจินตนาการไม่ออกเลยว่า การได้เข้าไปอยู่ในดินแดนลับโบราณนั้นจะรู้สึกอย่างไร ครู่หนึ่งเขาหวังว่าจะได้อยู่ในดินแดนลับโบราณตลอดไปด้วยซ้ำ
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม นี่คือวงเวทย์เล่นแร่แปรธาตุของคุณ …..” คริมสันสตาร์กล่าว ขณะที่เธอยืนกระบอกสีดำให้ซือเฟิง “อย่าลืมใช้มันก่อนเข้าไป มันจะช่วยคุณขับไล่มานาที่แข็งแกร่งเกินไปที่อยู่ภายใน และป้องกันไม่ให้ตัวของคุณระเบิดจากปริมาณมานาที่มากเกิน ในขณะเดียวกันมันก็จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมการไหลของมานาของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมันก็จะทำให้คุณไม่ได้จากการหมดพลังงานและมานาด้วย”
“ขอบคุณ”
ซือเฟิงพยักหน้าและรับกระบอกสีดำมาจากคริมสันสตาร์ จากนั้นเขาก็เปิดใช้งานวงเวทย์บนไอเทม และอักษรรูนพิเศษก็ได้ปรากฎขึ้นบนร่างกายของเขาตามมาด้วยชั้นแสงจางๆที่ห่อหุ้มรอบตัวเขา
แม้ว่าดินแดนลับโบราณในปัจจุบันจะเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการฝึกฝนของผู้เล่นในปัจจุบัน แต่มันก็เป็นทั้งคำสาปและพรในเวลาเดียวกัน
มันมีมานาที่หนาแน่นอย่างไม่น่าเชื่ออัดแน่นเต็มไปหมดในดินแดนลับโบราณ โดยมานาภายในนี้นั้นมันหนาแน่นมากซะจนผู้เล่นจะได้รับปริมาณมานาและอัตราการไหลของพลังเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่พวกเขาสูญเสียการควบคุมมานาของตนเอง เป็นผลให้อัตราการเผาผลาญทั้งหมดของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนมันจะทำให้ไปสู่การเหนื่อยล้าและตายได้ภายในครึ่งชั่วโมง หลังจากเข้าสู่ดินแดนลับโบราณ
หากผู้เล่นต้องการจะเอาชีวิตรอดในดินแดนลับโบราณให้ได้นาน พวกเขาจะต้องพึ่งพาวงเวทย์เล่นแร่แปรธาตุเพื่อควบคุมมานาของตน แต่ถึงกระนั้นผู้เล่นก็จะสามารถอยู่ในดินแดนลับโบราณได้เพียงเจ็ดวันเท่านั้น
วงเวทย์เล่นแร่แปรธาตุนี้ก็เป็นไอเทมที่สิ้นเปลืองและใช้แล้วหมดไป ดังนั้นไวโอเล็ตซอร์ดจึงพยายามอย่างมากที่จะเพิ่มความเร็วและปริมาณในการผลิตวงเวทย์เล่นแร่แปรธาตุนี้ ไม่งั้นพวกเขาจะไม่อาจยึดครองดินแดนลับโบราณได้อย่างแท้จริง และทำได้เพียงแค่จ้องมองเท่านั้น
หลังจากซือเฟิงและทีมของเขาพร้อมแล้ว คริมสันสตาร์ก็พาพวกเขาเข้าสู่รอยแยกมิติ และหายตัวไปจากปราสาท
ทุกคนได้ถูกเทเลพอร์ตมายังป่าทึบทันที โดยรอบๆตัวของพวกเขานั้นมีต้นไม้โบราณที่สูงตระหง่านกว่าหนึ่งร้อยเมตร และมันก็มีคริสตัลโปร่งแสงประดับประดาต้นไม้เหล่านี้ ซึ่งมันทำให้ตนไม้และผืนป่านั้นมีความสวยงามชวนหลงใหลมากๆ แถมมานาในป่านั้นก็หนาแน่นซะจนมันกลั่นตัวเป็นหมอกสีขาว อย่างไรก็ตามแม้จะมีหมอกสีขาว แต่การมองเห็นของทุกคนก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
ในช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์รอบๆตัวพวกเขา จู่ๆเสียงคำรามก็ดังขึ้นมาจากระยะไกล และมันก็ดังก้องไปทั่วป่า
เมื่อหันไปหาต้นกำเนิดของเสียงคำราม ทุกคนก็สังเกตเห็นหมีตัวหนึ่งที่มีเขาเดียว และสูงสองร้อยเมตร กำลังต่อสู้กับลิงหกตาที่สูงเท่ากัน โดยทุกการเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์ทั้งสองนั้นมันทำให้พื้นดินทั่วป่าสั่นสะเทือน และทำให้ภูมิประเทศรอบๆบริเวณที่พวกมันสู้กันนั้นเปลี่ยนไปเลย
“แม่งเอ้ย !!! ทำไมหัวหน้าของสองภูมิภาคถึงสู้กัน ?!” คริมสันสตาร์ขมวดคิ้ว ขณะที่เธอเฝ้าดูการต่อสู้ของมอนสเตอร์ยักษ์ทั้งสอง
ดินแดนลับโบราณนั้นเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะไม่เพียงแต่มันจะมีมอนสเตอร์มากมายที่นี่ โดยแต่ละภูมิภาคในดินแดนลับโบราณนั้นจะมีบอสที่ทรงพลังปกครองอยู่ โดยไวโอเล็ตซอร์ดกับไมโทโลจี้นั้นได้ทำการตรวจสอบบอสของภูมิภาคทั้งหมดมาแล้ว
ซึ่งบอสที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาหัวหน้าภูมิภาคทั้งหมดนั้นก็เป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบแล้ว แถมมันยังมีมาตราฐานการต่อสู้อยู่ในชั้นหกของหอคอยทดสอบ นอกจากนี้มอนสเตอร์ทั้งหมดที่พบในดินแดนลับโบราณนั้นมันยังทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ และแม้แต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบที่นี่ มันก็ยังสามารถจะเทียบเคียงกับสายพันธุ์โบราณ ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบด้านนอกได้
โดยปกติทั้งสมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ด และไมโทโลจี้นั้นจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงหัวหน้าภูมิภาคเหล่านี้ เมื่อมาเยือนดินแดนลับโบราณ และเหตุผลนั้นไม่เพียงแค่มันเกิดจากอัตราการบาดเจ็บล้มตายที่สูงลิ่วซึ่งเกิดขึ้นจากการท้าทายหัวหน้าภูมิภาคเหล่านี้ เพราะมันยังมีข้อเท็จจริงในเรื่องที่ว่าการต่อสู้กับหัวหน้าภูมิภาคเหล่านี้จะดึงดูดความสนใจของมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆเข้ามาด้วย โดยผู้เล่นที่คิดจะต่อสู้กับหัวหน้าภูมิภาคจะต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดทั้งทีมก็จะต้องประสบกับความพินาศ
ขณะเดียวกันหัวหน้าของสองภูมิภาคปรากฎตัวขึ้นในสถานที่ที่พวกเขาเทเลพอร์ตมา และพวกมันกำลังต่อสู้กันอยู่ ซึ่งนี่มันถือได้เลยว่าเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
ในโลกภายนอก มันมีบางกรณีที่ผู้เล่นจะสามารถใช้ประโยชน์จากการที่มอนสเตอร์ต่อสู้กันเองได้ อย่างไรก็ตามมอนสเตอร์ในดินแดนลับโบราณแห่งนี้นั้นมันฉลาดอย่างไม่น่าเชื่อ ตราบใดที่พวกมันรู้สึกได้ถึงตัวตนของผู้เล่น พวกมันก็จะหยุดต่อสู้กันทันที และหันมาร่วมมือกันเพื่อฆ่าผู้เล่นก่อน ก่อนที่จะเริ่มสู้กันต่อ พวกมันไม่ได้เปิดโอกาสให้ผู้เล่นใช้ประโยชน์ใดๆจากเรื่องนี้เลย
….
“ทำไมเราโชคร้ายแบบนี้กัน ?! เราดันมาเจอหัวหน้าภูมิภาคสองตัวที่กำลังต่อสู้แย่งอาณาเขตกันเนี่ยนะ ?!” แซนด์สตอร์มซึ่งปัจจุบันซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ห่างจากทีมของซือเฟิงไม่ไกลนักบ่นด้วยความหงุดหงิด เมื่อเขาได้เห็นฉากนี้
“เอาล่ะ ลืมเรื่องสภาสิบแปดปีกไปก่อน เราจำเป็นจะต้องออกจากที่นี่ให้ไวที่สุด เราได้จบสิ้นแน่นอน ถ้าหัวหน้าภูมิภาคสองตัวค้นพบเรา …” การ์เดี้ยนไนท์หญิงร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆแซนด์สตอร์มกล่าว
“ฉันรู้น่า !!!” แซนด์สตอร์มกล่าวพลางกัดฟันของเขา ก่อนที่เขาจะมองไปยังซือเฟิงเป็นครั้งสุดท้าย และเลือกจะถอยไป
….
ขณะที่ทีมของแซนด์สตอร์มกำลังเตรียมจะออกจากพื้นที่ คริมสันสตาร์ก็ได้ให้ทุกคนในทีมเตรียมพร้อมสำหรับการล่าถอยอย่างเร่งรีบเช่นกัน
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เราจะต้องออกจากที่นี่โดยเร็ว เราจะมีปัญหาค่อนข้างมาก หากอยู่ที่นี่ต่อไป ….” คริมสันสตาร์พูดอย่างรีบร้อนขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิงที่ยังคงสังเกตการต่อสู้กันของหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองอย่างเงียบๆ
“ทางนั้นควรจะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดที่ไปยังเมืองโบราณใช่ไหม ?” ซือเฟิงถามขณะที่เขาชี้ไปยังบริเวณที่หัวหน้าภูมิภาคทั้งสองกำลังต่อสู้กัน “ถ้าเรามัวแต่ไปอ้อม เราจะไม่เสียเวลาครึ่งวันเลยหรอ ?”
“ก็ใช่ที่นั่นเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดที่จะไปยังเมืองโบราณ แต่ถ้าเราถูกหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองตัวจับได้ เราจะตายที่นี่เลยนะ ยอมเสียเวลาสักหน่อยไม่ดีกว่าหรอ ?” คริมสันสตาร์อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธ เมื่อเห็นว่าซือเฟิงยังคงยืนยันจะไปทางเดิมที่มีหัวหน้าภูมิภาคสองตัวขวางทางอยู่
อย่างไรก็ตามส่วนหนึ่งเธอก็แอบเข้าใจความคิดของซือเฟิงอยู่เช่นกัน พวกเขานั้นสามารถจะอยู่ในดินแดนลับโบราณได้สูงสุดเจ็ดวันเท่านั้น และหากพวกเขาต้องเสียเวลาไปครึ่งวันเพื่ออ้อมผ่านไป เวลาในการเคลียร์โหมดฮีโร่นั้นมันก็จะลดลงไปอย่างมาก เพราะท้ายที่สุดแล้วด้วยจำนวนของมอนสเตอร์ที่อยู่ในการทดสอบ พวกเขาจะต้องใช้เวลาห้าถึงหกวันเพื่อจะไปให้ถึงบอสของการทดสอบ ….
ยิ่งไปกว่านั้นหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองตัวยังเป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ในโลกภายนอกการเจอมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายสองตัวพร้อมกัน มันก็คล้ายกับการเจอแจ๊คพอต
อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขานั้นอยู่ในดินแดนลับโบราณ และมอนสเตอร์ภายในนี้มันก็แข็งแกร่งกว่าที่โลกภายนอกมาก ดังนั้นการท้าทายมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายสองตัวพร้อมกันในนี้มันจึงจะเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ ไม่งั้นไวโอเล็ตซอร์ดคงจะไม่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการสำรวจดินแดนลับโบราณ ….
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เราไปกันเถอะ ถ้าเราไม่ไปตอนนี้ เราจะเข้าสู่ระยะการรับรู้ของหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองตัวนะ ….” ไวน์ไฟเตอร์แนะนำอย่างเร่งด่วน “เป้าหมายหลักของเราคือการเคลียร์การทดสอบ เราไม่จำเป็นจะต้องมาสู้กับหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองตัวนี้”
“ฉันก็คิดว่าคุณพูดถูก เราไม่จำเป็นที่จะต้องต่อสู้กับสองตัวนั้น ….” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า จากนั้นเขาก็หันไปหาคริมสันสตาร์ และไวน์ไฟเตอร์พลางกล่าวเสริมว่า “ฉันจะล่อพวกมันให้ ใช้โอกาสนี้หนีผ่านทางนี้ไปแล้วกัน ….”
หลังจากพูดจบ ซือเฟิงก็พุ่งไปที่หัวหน้าภูมิภาคทั้งสองตัว ….
ตอนที่ 2627 ดาบของซือเฟิง
เมื่อเห็นซือเฟิงพุ่งเข้าหาหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองตัวที่อยู่ห่างออกไป คริมสันสตาร์ และไวน์ไฟเตอร์ก็หน้าซีดเผือด
“เขาบ้าไปแล้ว !!!” คริมสันสตาร์อดไม่ได้ที่จะสาปแช่งออกมา เมื่อเธอเห็นว่าซือเฟิงนั้นพุ่งเข้าใส่หัวหน้าภูมิภาคทั้งสอง และก็อยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งร้อยหลาแล้ว ทันใดนั้นเธอก็หันไปหาคนอื่นๆในทีมและสั่งว่า “ทุกคนถอยกลับไปยังเมืองไวโอเล็ทไลท์พร้อมกับโฟลตติ้งไลท์ !!! ถอยอย่างเดียวอย่าหยุด !!! ส่วนไวน์ไฟเตอร์รีบตามหลังฉันมา !!!”
“เข้าใจแล้ว !!!” ไวน์ไฟเตอร์กล่าว และพยักหน้ารับ ก่อนที่เขาจะชักอาวุธของเขาออกจากฝักด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ในสถานการณ์เช่นนี้นั้น สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความกังวลมากขึ้น
สำหรับแซนด์สตอร์มและสมาชิกคนอื่นๆของไมโทโลจี้ที่มองจากระยะไกล ดวงตาของพวกเขาแทบจะถลนออกจากเบ้า เมื่อได้เห็นการกระทำของซือเฟิง
“แบล๊คเฟรม ไอ้บ้านั่น !!! เขากำลังพุ่งเข้าใส่หัวหน้าภูมิภาคทั้งสองตัวจริงๆ !!!” แซนด์สตอร์มอดไม่ได้ที่จะก่นด่าสาปแช่งออกมา จากนั้นเขาก็สั่งอย่างเร่งรีบว่า “เร็วเข้า !!! ถอยเร็ว !!!”
ซึ่งทันทีที่แซนด์สตอร์มพูดจบ สมาชิกของไมโทโลจี้ที่เตรียมพร้อมในการถอยอยู่แล้วก็เต็มไปด้วยสีหน้าที่จริงจังมากขึ้น
“แบล๊คเฟรมนั้นบ้าอย่างแท้จริง !!! นี่เขาวางแผนจะลากทุกคนลงไปกับเขาด้วย !!! นี่คนของไวโอเล็ตซอร์ดไม่เตือนเขาเกี่ยวกับหัวหน้าภูมิภาคที่นี่รึไง ?” การ์เดี้ยนไนท์หญิงร่างสูงบ่น และอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งซือเฟิงออกมา ในขณะที่เธอกระโดดลงมาจากต้นไม้ที่เธอยืนอยู่
หัวหน้าภูมิภาคของดินแดนลับโบราณนั้นแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปในโลกภายนอกมาก ซึ่งในแง่ของความแข็งแกร่งและความเร็วนั้น พวกที่อยู่ในดินแดนลับโบราณนี้ดีขึ้นอย่างน้อยสามสิบเปอเซ็นต์ และการพยายามต่อสู้กับหัวหน้าภูมิภาคสักตัวด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามสองร้อยคนนั้น มันก็จัดเป็นงานที่ยากอย่างไม่น่าเชื่อแล้ว และมันก็จะส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากมาย และเมื่อรวมกับเรื่องที่ว่าการพยายามทำแบบนี้จะไปดึงดูดมอนสเตอร์ที่อยู่โดยรอบเข้ามา ดังนั้นทีมใดก็ตามที่พยายามท้าทายหัวหน้าภูมิภาคก็จะจบสิ้นแน่นอน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้หัวหน้าภูมิภาคของดินแดนลับโบราณรับมือได้ยากอย่างแท้จริงนั้นไม่ใช่ความแข็งแกร่งทางกายภาพของพวกเขา แต่มันเป็นขอบเขตการรับรู้ที่กว้างขวาง เมื่อหัวหน้าภูมิภาคต่อสู้กับผู้เล่น พวกมันจะสามารถใช้มานาตรวจจับการเคลื่อนไหวทั้งหมดในรัศมีห้าพันหลาได้อย่างง่ายดายเลย
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อผู้เล่นเข้าไปปรากฎอยู่ในระยะการรับรู้ของหัวหน้าภูมิภาคแบบพาสซีฟที่รัสมีห้าร้อยหลา หรือเข้าไปต่อสู้กับหัวหน้าภูมิภาค ผู้เล่นทุกคนที่อยู่ในรัศมีห้าพันหลาของหัวหน้าภูมิภาคก็จะตกเป็นเป้าหมายทั้งหมด
หากผู้เล่นล้มเหลวในการจะฆ่าหัวหน้าภูมิภาค เมื่อตัดสินใจไปแบบนี้แล้ว พวกเขาก็จะไม่สามารถสกัดการไล่ตามทั้งหมดได้เลย ดังนั้นไมโทโลจี้และไวโอเล็ตซอร์ดจึงค่อนข้างระวังมากๆ เมื่อเข้ามาเจอหัวหน้าภูมิภาคเหล่านี้ในดินแดนลับโบราณ
โดยปกติทีมที่เจอหัวหน้าภูมิภาคแค่หนึ่งตัวนั้นก็ยังถือว่าพอรับได้ เพราะท้ายที่สุด พวกเขาจะสามารถทำการหนีอย่างสุดชีวิต และเอาชีวิตรอดไปได้ อย่างไรก็ตามมันแทบจะมีเพียงแต่การทำลายล้างเท่านั้นที่รออยู่ เมื่อทีมๆหนึ่งไปเจอหัวหน้าภูมิภาคสองตัวพร้อมกัน
ก่อนที่การ์เดี้ยนไนท์หญิงร่างสูงจะทันได้พูดจบ สมาชิกของไมโทโลจี้ก็หันหลังกลับ และวิ่งหนีไปแล้ว
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทุกคนก้าวไปได้แค่เพียงไม่กี่ก้าว มานาที่อยู่รอบตัวพวกเขาก็เริ่มปั่นป่วน ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกราวกับว่ามีสายตาคู่หนึ่ง กำลังมองมาที่พวกเขาอย่างชัดเจน ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าหัวหน้าภูมิภาคสองตังนั้นได้ล๊อคเป้าพวกเขาไว้แล้ว
“แม่งเอ้ย !!! ทุกคนกระจายตัวกันถอยหนี !!! ผู้รอดชีวิตทุกคนมีค่า !!!” แซนด์สตอร์มตะโกน เมื่อเขามองไปยังร่างที่อยู่ห่างไกลของซือเฟิง เขาก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจะบ้า ครู่หนึ่งเขาเริ่มสงสัยแล้วว่าซือเฟิงจงใจยั่วยุหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองหรือปล่าว ….
ในขณะเดียวกันเมื่อคริมสันสตาร์ และคนอื่นๆมองไปยังหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองอีกครั้ง พวกมันก็หยุดต่อสู้กันทันที ก่อนที่พวกมันจะพุ่งมายังทิศทางของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ซึ่งนี่มันทำให้ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือด โดยห่างพวกเขาไม่ได้เว้นระยะห่างระหว่างพวกเขากับบอสออกมาได้แล้วราวห้าพันหลา พวกเขาก็จะไม่มีความหวังในการจะหลบหนีไปได้เลย
ระยะห้าพันหลา !!!
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเช่นตัวพวกเขาเองก็ยังต้องใช้เวลาพอสมควรในการข้ามผ่านระยะห้าพันหลา ยิ่งไปกว่านั้นเครื่องมือก็ยังใช้ไม่ได้ผลในดินแดนลับโบราณ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถจะเทเลพอร์ตหรือเร่งความเร็วในการถอยออกจากสนามรบได้
“แม่งเอ้ย !! ไอ้บ้านั่นจะทำเราตายทั้งหมด !!” โฟลตติ้งไลท์ซึ่งกำลังถอยหนีอยู่แล้วอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งออกมา เมื่อรู้สึกได้ว่าหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองนั้นล๊อคเป้าใส่ออร่าชีวิตของเขาแล้ว
แม้ว่าผู้เล่นจะไม่เสียเลเวลจากการตายในดินแดนลับโบราณ แต่จำนวน EXP ที่พวกเขาจะต้องเสียจากการตายนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดแล้วแค่เลเวลเดียวของพวกเขาในตอนนี้ มันก็ต้องใช้ EXP มหาศาลแล้วในการจะเก็บไปให้เลื่อนแต่ละเลเวล ดังนั้นค่า EXP ของพวกเขาที่จะต้องเสียจากเรื่องนี้ มันอาจเทียบเท่ากับการทำงานหนักหนึ่งถึงสองวันเลย
ขณะที่โฟลตติ่งไลท์กำลังกำลังนำเหล่าสมาชิกของไวโอเล็ทซอร์ดล่าถอย เขาก็สังเกตเห็นว่าสมาชิกของสภาสิบแปดปีกกับสมาชิกของหอการค้าอาซูยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ยินคำสั่งของคริมสันสตาร์เลย
“พวกเขากำลังทำอะไร ? นี่พวกเขาวางแผนจะตายไปด้วยกันกับแบล๊คเฟรมงั้นหรอ ?” โฟลตติ้งไลท์รู้สึกงุนงงมากๆ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาจ้องมองไปยังโซริทารี่
ฟรอสต์ และหยานเซี่ยวเฉียน
สำหรับเรื่องคนอื่นที่จะไม่เชื่อฟังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่ แต่สำหรับโซริทารี่
ฟรอสต์ และหยานเซี่ยวเฉียน ผู้ซึ่งคริมสันสตาร์ได้รับมอบหมายจากผู้ฝึกสอนทอร์เร้นให้คอยดูแลพวกเขาโดยตรงนั้น พวกเขาก็น่าจะได้เห็นแล้วว่าคริมสันสตาร์นั้นมีความสามารถและทรงพลังมากขนาดไหน
การที่คริมสันสตาร์ออกคำสั่งให้ล่าถอยนั้น พวกเขาก็น่าจะรู้ได้ดีว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนั้นมันอันตรายแค่ไหน แต่โซริทารี่ฟรอสต์และหยานเซี่ยวเฉียนกับไม่เชื่อฟังคำสั่ง และยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังแสดงออกถึงความสงบมากๆ โดยปฎิกิริยาของพวกเขานั้นมันดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่ร้ายแรงเกิดขึ้นเลย
“รองผู้บัญชาการ รีบถอยเร็วๆเถอะ !!! นี่เป็นปัญหาของสภาสิบแปดปีกหอการค้าอาซูแล้ว ผู้ฝึกสอนไวน์ไฟเตอร์กับผู้ฝึกสอนคริมสันสตาร์คงจะไม่สามารถตรึงหัวหน้าภูมิภาคสองตัวได้นานนักหรอก !!!” แอสซาซินขั้นสามที่ถอยห่างออกมาพอสมควรแล้วกล่าวกระตุ้น เมื่อเห็นว่าโฟลตติ้งไลท์หยุดชะงักลงไปชั่วครู่
“ฉันก็คิดงั้น …” โฟลตติ้งไลท์กล่าวพลางพยักหน้าก่อนที่จะรีบถอยต่อ ในเวลาเดียวกัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารหยานเซี่ยวเฉียนและโซริทารี่ฟรอสต์
เดิมทีด้วยพรสวรรค์ของหยานเซี่ยวเฉียน และโซริทารี่ฟรอสต์ พวกเขาน่าจะสามารถเปล่งประกายใน God domain ได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตามตอนนี้อนาคตของพวกเขากับกำลังจะพังพินาศเพราะหอการค้าอาซูเลือกให้พวกเขามาติดตามผู้บัญชาการที่บ้าคลั่งของสภาสิบแปดปีกอย่างซือเฟิง
อย่างไรก็ตามโฟลตติ้งไลท์ได้ก้าวไปข้างหน้าต่อแค่เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น ก่อนที่เสียงคำรามของหมีเขาเดียวจะดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเขา ซึ่งจริงๆต้องบอกว่ามันดังก้องไปทั่วป่าจนทำให้ป่าสั่นสะเทือนเลย หลังจากนั้นลำแสงมานาก็พุ่งผ่านพื้นที่ข้างกลุ่มของโฟลตติ้งไลท์ โดยทิ้งร่องลึกขนาดใหญ่ไว้บนพื้นดินที่มันผ่านไป และมองจากระยะไกลนั้น พื้นดินก็ดูเหมือนกับพุดดิ้งที่ถูกช้อนขูดออกไป
“การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้วงั้นหรอ ?” ใบหน้าของโฟลตติ้งไลท์มืดมนลง เมื่อเขาเห็นร่องลึกขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
นี่คือพลังของมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในดินแดนลับโบราณ การโจมตีใดๆแบบสุ่มของพวกมันนั้นจะสามารถเปลี่ยนสภาพภูมิประเทศได้อย่างง่ายดายเลย นับประสาอะไรกับคนๆเดียว แม้แต่ทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหนึ่งร้อยคนก็จะไม่ต่างวัชพืชรายทางเลยต่อหน้าการโจมตีแบบนี้ของหัวหน้าภูมิภาค
หากต้องการจะปะทะกับหัวหน้าภูมิภาคจริงๆ พวกเขาจะต้องมีทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม อย่างน้อยสองร้อยคน ยิ่งไปกว่านั้นทีมก็ยังจะต้องใช้แท๊งเกอร์ขอบเขตโดเมนสองถึงสามคนในการช่วยกันแท๊งบอส ไม่งั้นพวกเขาจะไม่สามารถหยุดการโจมตีของบอสได้แบบเบ็ดเสร็จเลย และในความเป็นจริง ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวของพวกเขาอาจส่งผลกระทบให้ทั้งทีมถูกทำลายล้างเลย
หลังจากกลุ่มของโฟลตติ้งไลท์วิ่งไปได้อีกประมาณห้าสิบหลา ทันใดนั้นสายฟ้าก็พุ่งผ่านพวกเขาไปในระยะทางด้านหนึ่งซึ่งมันก็ตามมาด้วยเสียงร้องของฟ้าผ่าที่ดังขึ้นอย่างชัดเจน และเมื่อสายฟ้าหายไป ท้องฟ้าเบื้องบนก็มืดลงในทันที
ในช่วงเวลาต่อมาลิงหกตาที่สูงสองร้อยเมตรก็ปลิวกระเด็นไป และไปกระแทกเข้ากับพื้นอย่างรุนแรง โดยพื้นดินในระยะไม่กี่ร้อยหลาข้างหน้าของพวกมันนั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อเจอกับผลกระทบนี้ สำหรับลิงหกตานั้นกว่ามันจะลุกกลับมาตั้งตัวได้อีกครั้งก็ใช้เวลาชั่วครู่หนึ่งเลยทีเดียว และหลังจากตั้งตัวได้แล้วลิงหกตาก็ส่งเสียงคำรามอันรุนแรงออกมา จากนั้นมันก็พุ่งไปข้างหน้าโดยไม่สนใจโฟลตติ้งไลท์และสมาชิกคนอื่นๆของไวโอเล็ตซอร์ดที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากมันเลย
“นี่ … เกิดอะไรขึ้น ?” โฟลตติ้งไลท์รู้สึกสับสนกับสถานการณ์นี้
ผู้เชี่ยวชาญของไวโอเล็ตซอร์ดที่ได้เห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะขยี้ตา เมื่อพวกเขาได้เห็นฉากนี้ เพราะท้ายที่สุดตอนนี้พวกเขาคิดว่าพวกเขากำลังหลอน อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะขยี้ตามากแค่ไหน ฉากตรงหน้าของพวกเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
ก่อนที่โฟลตติ้งไลท์และคนอื่นๆจะทันได้ตอบสนองต่อการพัฒนาที่ไม่คาดคิดนี้ เสียงตูม นั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง และเสียงต้นไม้หักก็ดังก้องเข้ามาที่หูของพวกเขาอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามเสียงเหล่านี้มันมาจากระยะไกล และเป้าหมายของเสียงนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ลิงหกตาด้วย แต่เป็นบอสอีกตัว
ซึ่งเมื่อโฟลตติ้งไลท์และคนอื่นๆสังเกตเห็นถึงผู้ที่ก่อให้เกิดฉากนี้ที่ยืนอยู่บนต้นไม้ และถือดาบอย่างละเล่มอยู่ในมือซ้ายและขวานั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตกตะลึง เนื่องจากตอนนี้มันเห็นได้อย่างชัดเจนผ่านดวงตาของบอสทั้งเลยว่า พวกมันกำลังจ้องมองไปยังมนุษย์ผู้นี้อย่างโกรธแค้นและหวาดกลัวไปพร้อมกัน
ตอนที่ 2628 ปราบปรามหัวหน้าภูมิภาค
โฟลตติ้งไลท์และสมาชิกคนอื่นๆของไวโอเล็ตซอร์ดนั้นอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนต้นไม้ขนาดมหึมาที่สูงกว่าหนึ่งร้อยเมตรอย่างชัดเจน
“นี่ค่า STR ของเขาสูงแค่ไหนกัน ?!!”
นี่คือหัวหน้าภูมิภาคสองตัว เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบที่พวกเขากำลังพูดถึง !!!
หัวหน้าภูมิภาคแค่ตัวใดตัวหนึ่งจากสองตัวนี้ก็จะสามารถกำจัดทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม สองร้อยคนได้อย่างง่ายดายแล้ว ซึ่งเมื่อเผชิญหน้ากับหัวหน้าภูมิภาคสองตัวแบบนี้ แม้แต่ทีมที่มีความสามารถสูงของมหาอำนาจต่างๆก็แทบจะการันตีได้เลยว่าจะถูกทำลายล้าง
อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงกับสามารถขับไล่และปราบปรามพวกมันทั้งสองได้ด้วยตัวคนเดียว ซึ่งนี่มันเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อเลย
“นี่คือเหตุที่ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ยอมถอยก่อนหน้านี้ใช่ไหม ?”
เมื่อโฟลตติ้งไลท์มองไปที่หัวหน้าภูมิภาคทั้งสองที่กำลังจ้องมองไปยังซือเฟิงอย่างระมัดระวังในตอนนี้ เขาก็คิดย้อนกลับไปถึงความจริงที่ว่า โซริทารี่ฟรอสต์และหยานเซี่ยวเฉียนนั้นไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ แม้หลังจากที่คริมสันสตาร์ออกคำสั่งให้ล่าถอย และเขาก็ตระหนักได้ถึงทุกอย่างทันที ซึ่งด้วยผู้บัญชาการที่น่ากลัวแบบนี้ พวกเขานั้นก็ไม่จำเป็นต้องหนีเลยจริงๆ ….
ในขณะนี้โฟลตติ้งไลท์ และสมาชิกคนอื่นๆของไวโอเล็ตซอร์ดที่ถอยออกมานั้น ไม่ใช่แค่กลุ่มเดียวที่ตกตะลึงกับสถานการณ์นี้ แม้แต่คริมสันสตาร์ และไวน์ไฟเตอร์ ซึ่งวางแผนจะคอยตรึงด้านหลังไว้ รวมไปถึงสมาชิกของไมโทโลจี้ที่กำลังถอยหนี ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็น
“นี่ช่วงก่อนหน้านี้เขาไปทำอะไรมากัน ?! นี่เขาเพิ่มค่า STR ของตัวเองขึ้นมาจนสูงขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?!” หัวใจของแซนด์สตอร์มเต็มไปด้วยความตกใจ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังซือเฟิง
ในระหว่างการต่อสู้ที่ป้อมปราการแสงดาว ความแข็งแกร่งของซือเฟิงที่เขาได้เห็นนั้นมันใกล้เคียงกับมาตราฐานขั้นสี่ อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องพึ่งพาร่างมานาที่ได้รับการปลดล๊อคศักยภาพแล้วหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ในการทำแบบนั้น
อย่างไรก็ตามจากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ มันยังผ่านไปไม่นานมากนักเลยไม่ใช่หรอ ?
ในความคิดของแซนด์สตอร์ม แม้ว่าซือเฟิงจะโชคดีอย่างไม่น่าเชื่อ และได้พบกับไอเทมระดับอีปิคที่เขาสามารถใช้ได้อีกหนึ่งถึงสองชิ้น หรือได้รับโอกาสพิเศษบางอย่าง แต่เขาก็จะนับว่าโชคดีมากแล้วหากความแข็งแกร่งของเขาขึ้นไปเทียบเท่ากับมอน
สเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่ในเลเวลเดียวกันได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้ความแข็งแกร่งของซือเฟิงกับเพิ่มขึ้นมากซะจนใช้ปราบปรามหัวหน้าภูมิภาคสองตัวในดินแดนลับโบราณได้
และในตอนนี้ก่อนที่ทุกคนจะทันได้หายตกตะลึง หัวหน้าภูมิภาคทั้งสองก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
อย่างแรกหมีเขาเดียวปล่อยเสียงคำรามที่โกรธเกรี้ยวออกมา ก่อนจะกระแทกอุ้งเท้าหน้าของมันลงกับพื้น และทำให้พื้นแตกออก จากนั้นวงเวทย์ขนาดใหญ่กว่าปกติสองเท่าก็ก่อตัวขึ้นใต้ฝ่าเท้าของซือเฟิง ซึ่งมันครอบคลุมรัศมีสามร้อยหลา หลังจากนั้นกำแพงหินที่หนาทึบก็โผล่ออกมาจากวงเวทย์ และห่อหุ้มซือเฟิงไว้อย่างสมบูรณ์
เวทย์ขั้นสี่ Earth’s Embrace!
ในขณะที่หมีเขาเดียวกำลังใช้เวทย์นี้นั้น ลิงหกตาก็กระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือซือเฟิง จากนั้นมันก็ใช้วงเวทย์สีแดงเข้มให้เข้าปกคลุมรัศมีสี่ร้อยหลาเหนือนักดาบ
เวทย์ขั้นสี่ Fire Dragon’s Descent!
ในช่วงเวลาต่อมา มังกรไฟตัวใหญ่กว่าลิงหกตาก็โผล่ออกมาจากวงเวทย์ ก่อนที่มันจะกางปีกของมันออก และบินพุ่งเข้าใส่ซือเฟิงทันที
“นี่หัวหน้าภูมิภาคทั้งสองตัวรู้วิธีการใช้เวทย์ประสานการโจมตีด้วยงั้นหรอ ?!”
“อึก !! นี่มันโกงชัดๆ !! มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายไม่ควรจะสามารถทำแบบนี้ได้นะ !!!”
ทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อเห็นการจู่โจมประสานงานของหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองตัว
การทำแบบนี้นั้นมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผู้เล่น แต่อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นมอนสเตอร์ โดยเฉพาะบอสขั้นสี่ทำแบบนี้ได้
ดังนั้นทุกคนจึงอดไม่ได้ที่จะสิ้นหวัง เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า
สำหรับผู้เล่นขั้นสามแบบตัวพวกเขาเอง เวทย์ขั้นสี่เพียงสกิลเดียวมันก็ยากจะจัดการมากๆแล้ว และหากมันไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ผลลัพธ์ที่ออกมามันก็จะเป็นการทำลายล้างทั้งทีมของพวกเขาได้ง่ายๆเลย และหากพวกเขาต้องรับมือกับเวทย์ขั้นสี่พร้อมกันสองสกิล แท๊งเกอร์ที่เปิดใช้งานสกิลช่วยชีวิตก็จะตายทันทีแน่นอน เว้นแต่ว่าพวกเขาจะมีสกิลหรือเวทย์ที่ช่วยให้พวกเขาเป็นอมตะชั่วครู่
“มันจบแล้วจริงๆแน่นอน ในครั้งนี้ …” คริมสันสตาร์อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นเวทย์ขั้นสี่ของบอสทั้งสองตัวที่ใช้ประสานกัน
ถ้าเป็นเธอ เธอจะสามารถป้องกันเวทย์ขั้นสี่ได้แค่หนึ่งครั้งเท่านั้น ด้วยการใช้คำสาปขั้นสาม อย่างไรก็ตามตัวเธอเองก็ไม่มีพลังมากพอจะต่อต้านเวทย์ AOE ขั้นสี่สองสกิลพร้อมกันเช่นกัน
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีคำสาปขั้นสามในคลังสกิลเพียงแค่สกิลเดียว ในความเป็นจริงเธอมีอยู่หลายสกิลมาก อย่างไรก็ตามในตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเธอและผู้เล่นส่วนใหญ่ใน God domain ที่จะใช้คำสาปขั้นสามติดกันสองสกิลได้
“ฮ่าๆๆๆ !!! คุณมีความแข็งแกร่งที่น่าทึ่งแล้วยังไงล่ะ ?!! มาดูกันว่าคุณจะจัดการกับปัญหาตอนนี้ยังไงกัน ?!!”
แซนด์สตอร์มอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เมื่อเขาเห็นหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองตัวประสานงานกันโจมตีซือเฟิง ความแข็งแกร่งของนักดาบนั้นมันไปไกลเกินความคาดหมายของเขา ในความเป็นจริง เขารู้สึกไร้พลังอย่างมากเมื่อได้เห็นการแสดงพลังที่น่ากลัวของซือเฟิง และมันก็ทำให้เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะแก้แค้นจากเรื่องครั้งก่อน อยื่างไรก็ตามตอนนี้การได้ดูหัวหน้าภูมิภาคสองตัวทำการฆ่าซือเฟิง มันก็ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายมากนักเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดเขารู้ดีว่าคำสาปของเทพปีศาจจะทำให้โทษจากการตายของนักดาบรุนแรงขึ้นสามเท่า
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะอยู่ในดินแดนลับโบราณซึ่งโทษจากการตายนั้นไม่ได้เข้มงวดเท่ากับในโลกภายนอก แต่การที่โดนโทษจากการตายมากกว่าปกติสามเท่า มันก็จะยังคงทำให้ซือเฟิงได้รับผลกระทบอย่างหนักอยู่ดี
อย่างไรก็ตามในขณะที่ทุกคนกำลังมองดูการโจมตีที่เป็นมังกรไฟพุ่งเข้าใส่ซือเฟิงนั้น นักดาบก็ยังคงสามารถรักษาความสงบของเขาไว้ได้อย่างน่าประหลาดใจ นอกจากซือเฟิงแล้ว สมาชิกของสภาสิบแปดปีกและของหอการค้าอาซูก็ยังคงสงบอยู่ในสถานการณ์นี้ ….
“ในที่สุดโอกาสนี้ก็มาถึง !!!” โซริทารี่ฟรอสต์พึมพำ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังซือเฟิง
อย่างใกล้ชิด ตอนนี้ดวงตาของเขานั้นเปล่งประกายอย่างเต็มไปด้วยความสุขและตื่นเต้น
ในขณะนี้นอกเหนือจากโซริทารี่ฟรอสต์แล้ว สมาชิกคนอื่นๆจากหอการค้าอาซูก็ล้วนมีท่าทีแบบเดียวกันทั้งหมด
“มันเกิดอะไรที่ผิดปกติกับพวกเขากัน ?” โฟลตติ้งไลท์เต็มไปด้วยความงงงวย ขณะที่เขาจ้องมองไปยังโซริทารี่ฟรอสต์และคนอื่นๆ
ซือเฟิงกำลังจะตายที่นี่ แต่โซริทารี่ฟรอสต์ และคนอื่นๆกับรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องนี้เนี่ยนะ ?
“เข้ามา !!!”
ในขณะที่โฟลตติ้งไลท์กำลังเต็มไปด้วยความงงงวยและสับสน ซือเฟิงก็เริ่มเคลื่อนไหว
ในช่วงเวลาต่อมา ซือเฟิงก็ได้กระชับ Abyssal Blade และ คิลลิงเรย์ ในมือทั้งสองข้างของเขาแน่น ก่อนที่เขาจะพุ่งใส่การโจมตีที่กำลังเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“นี่เขาเลือกจะป้องกันการโจมตีที่เข้ามาตรงๆงั้นหรอ ?” โฟลตติ้งไลท์นั้นอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา และเขาก็ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจแบบนี้ของนักดาบเลย
เวทย์ขั้นสี่นั้นจะสามารถแสดงพลังออกมาได้มากขึ้นแน่นอน เมื่อมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่ที่แข็งแกร่งเป็นผู้ใช้มัน และนี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ว่ามันถูกใช้ดินแดนลับโบราณ ที่มีสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมานาหนาแน่นมากๆ ซึ่งด้วยสภาพแวดล้อมแบบนี้นั้น มันก็จะยิ่งทำให้เวทย์และสกิลที่ถูกใช้ออกมาทรงพลังยิ่งขึ้น โดยเวทย์ขั้นสี่แค่สกิลเดียวของมอนสเตอร์แบบนี้ มันน่าจะสามารถฆ่าแท๊งเกอร์ขั้นสามที่เปิดใช้งานสกิลช่วยชีวิตได้ในทันที
ในขณะที่ร่างของซือเฟิงกำลังจะปะทะเข้ากับการโจมตีที่เข้ามา เขาก็ยก Abyssal Blade ของเขาขึ้น และเหวี่ยงมันออกไป
“หายไปซะ !!”
ทันใดนั้นเงาของดาบขนาดยักษ์ก็ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า และมันกลายเป็นเหมือนกำแพงสีดำสนิทเข้าปะทะกับการโจมตีที่เป็นมังกรไฟที่กำลังเข้ามา
ดาบที่หนึ่ง ไลท์ชาโด้ว !!!
ในช่วงเวลาต่อมาไลท์ชาโด้วของซือเฟิงไม่เพียงแต่จะผ่ามังกรไฟขาดครึ่ง แต่มันยังขยายออกไปและพุ่งไปโจมตีลิงหกตาที่ลอยอยู่เหนือมังกรไฟกว่าหนึ่งร้อยหลาด้วย และมันก็ได้ตัดแขนลิงหกตาออกในทันที ก่อนที่มันจะทันได้ตอบสนอง
ลิงหกตานั้นร้องออกมาอย่างเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บสาหัสนี้ ซึ่งเสียงของมันก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ
หลังจากนั้นไม่นาน แขนขนาดยักษ์ของมันก็ตกลงสู่พื้นเบื้องล่าง โดยมันมีปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่เกิดขึ้นรอบๆทันที เมื่อแขนตกลงไปกระแทกพื้น สำหรับลิงหกตา มันได้ดิ่งลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว และไม่สามารถจะทำอะไรได้ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง และเนื่องจากการสูญเสียแขนของมัน พลังในการต่อสู้ของลิงหกตาจึงลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น