Reincarnation Of The Strongest Sword God 2882-2885

 ตอนที่ 2882 เปลี่ยนเงื่อนไข


Upper Zone เมืองหยวนเทียน เขตที่อยู่อาศัยทั่วไป :


ขณะที่ซือเฟิงเดินออกมาที่บริเวณเขตที่อยู่อาศัยทั่วไป และมองไปรอบๆถนนและตึกสูงทั้งหมดที่ตั้งอยู่เรียงราย เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆออกมา


“นี่ถึงกับให้คนมากกว่าสิบคนที่อยู่ในระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์หรือเก่งกาจกว่านั้นมาจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของฉันเลยงั้นหรอ ? ดูเหมือนว่าจะประเมินฉันไว้สูงมากเลยทีเดียวนะ …”


ในฐานะคนที่อาศัยอยู่ใน Upper Zone มาระยะหนึ่ง บวกกับข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวกับ Upper Zone ที่มู่ฉินส่งมาให้ ซือเฟิงจึงเริ่มมีความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์โดยทั่วไปของ Upper Zone แล้ว


ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ระดับปรมาจารย์นั้นมีอยู่ทั่วไปใน Upper Zone แต่ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่เหนือขึ้นไปอย่างระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์หรือเก่งกาจกว่านั้นก็ยังคงจัดว่าหายากมากใน Upper Zone และสำหรับองค์กรรวมไปถึงบริษัทใหญ่ๆใน Upper Zone นั้นตัวตนระดับนี้ก็จัดอยู่ในระดับแกนหลักของพวกเขาเลย โดยบางส่วนก็จะถูกส่งให้ไปติดตามทายาทของพวกเขาด้วย


แต่ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้มากกว่าสิบคนกับถูกส่งมาติดตามทุกการเคลื่อนไหวของตัวเขา ดังนั้นนี่จะไม่ให้ซือเฟิงหัวเราะได้อย่างไร ?


อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้มากเกินไปนัก เขาทำราวกับว่าคนเหล่านี้เป็นอากาศธาตุ ในขณะที่เขาค่อยๆเดินเข้าไปยังเขตวิลล่า ….


“อี้กุ้ย เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนั้นค้นพบพวกเราทั้งหมดแล้ว แต่เขากับมีท่าทีไม่สนใจใดๆเลย” ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีดำที่ยืนอยู่บนหลังคาอาคารแห่งหนึ่งมองไปที่ซือเฟิง และอดไม่ได้ที่จะหันมาถามอี้กุ้ยว่า “นี่มีใครหนุนหลังเขาอยู่รึปล่าว ?”


หลังจากที่หวังซวนหมิงถูกขับไล่ออกจาก Upper Zone ไปอย่างสมบูรณ์ อาจารย์ของหวังซวนหมิงนั้นก็โกรธมากๆจนสั่งให้ผู้อาวุโสอย่างพวกเขาออกมาจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของซือเฟิง


และถ้าเป็นไปได้คนผู้นี้ก็ออกคำสั่งให้จัดการซือเฟิงได้ทันที


ซึ่งเมื่อได้รับคำสั่งมานั้นเหล่าผู้อาวุโสอย่างพวกเขานั้นเต็มใจที่จะทำตามคำสั่งเพื่อเอาใจคนผู้นี้มากๆ เพราะท้ายที่สุดจากการสืบสวนของพวกเขา ซือเฟิงนั้นเป็นเพียงคนที่ได้รับสิทธิพิเศษให้เข้ามาสู่ Upper Zone จากการทำงานบางอย่างให้หงซินหยวนสำเร็จ และแม้ว่าเขาจะค่อนข้างทรงอิทธิพลมากๆใน God domain แต่เขาก็ไม่ได้มีภูมิหลังหรืออิทธิพลใดๆมากนักในโลกแห่งความจริง


เมื่อได้ยินคำถามของชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีดำ อี้กุ้ยก็ส่ายหัว และกล่าวว่า “นอกจากการที่เขามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับบริษัทโบลเดอร์ และการที่ผู้จัดการเซี่ยสนใจเขาอยู่ มันก็ไม่มีอะไรอื่นแล้วนะ การที่เด็กคนนั้นกล้าทำแบบนี้ และไม่สนใจเรา น่าจะเป็นเพราะช่วงนี้นั้น Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนได้เพิ่มความแข็งแกร่ง และเข้มงวดในด้านความปลอดภัยสาธารณะมากขึ้นมากกว่า ….”


“ถ้าเป็นอย่างนั้น วันดีๆของเด็กนี่ก็จะได้สิ้นสุดลงแล้ว !!!” ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีดำมองไปยังซือเฟิงด้วยดวงตาที่เย็นชา


หากเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวของสุดยอดปรมาจารย์กำลังภายในนั้นมันก็จะเป็นเรื่องยากมากๆที่จะหาผลลัพธ์ และผู้ชนะได้ในเวลาอันสั้น


อย่างไรก็ตามตอนนี้ฝั่งของพวกเขานั้นได้รวบรวมสุดยอดปรมาจารย์มาแปดคน และครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์มาอีกหกคน แถมในบรรดาสุดยอดปรมาจารย์แปดคนนั้น สามคนยังเป็นสุดยอดปรมาจารย์หยินหยางที่แท้จริงด้วย (horizontal refining วิชาต่อสู้แบบเดียวกับที่หวังซวนหมิงฝึก ได้ชื่อมาละ)


ซึ่งหากพวกเขาทั้งหมดร่วมมือกัน แม้แต่หวังซวนหมิงก็ยังจะตายลงในระยะเวลาอันสั้น โดยไม่มีโอกาสที่จะหลบหนีได้ ….


“ถ้าอย่างนั้นฉันขอฝากเรื่องนี้ไว้กับคุณด้วยผู้อาวุโสฉี ฉันจะรอฟังข่าวดี ….” อี้กุ้ย

กล่าวพลางมองไปยังชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีดำด้วยความเคารพ


ในฐานะหนึ่งในชนชั้นสูงของ Upper Zone แม้ว่าผู้อาวุโสฉีที่มีอายุมากขึ้นจะแทบไม่สามารถพัฒนาความสามารถทางจิตต่อไปได้แล้ว แต่ในฐานะสุดยอดปรมาจารย์ที่ทำงานอยู่ภายใต้อาจารย์ของหวังซวนหมิงนั้น เขามีความแข็งแกร่งมากกว่าสุดยอดปรมาจารย์ของบริษัทสตาร์ไลน์ส่วนใหญ่อย่างมาก

และหากไม่ใช่เพราะอาจารย์ของหวังซวนหมิงเป็นคนออกคำสั่งมา ผู้อาวุโสฉีผู้นี้ก็คงจะไม่เห็นหัวบริษัทสตาร์ไลน์ของพวกเขาด้วยซ้ำ


“ไม่มีปัญหา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ตราบใดที่มีโอกาส ฉันและคนของฉันจะเข้ารุมจัดการเขาทันที !!!” ผู้อาวุโสฉีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวฉันจะสอนให้เด็กคนนี้รู้เองว่าที่ Upper Zone นั้น มันไม่ใช่ทุกคนที่เขาจะสามารถยั่วยุได้ !!!”


Upper Zone นั้นมีความปลอดภัยสูงมากจนทำให้แม้แต่ปรมาจารย์ทางจิตก็ยังไม่กล้าฆ่าใครที่นี่ เพราะท้ายที่สุดแล้วหากปรมาจารย์ทางจิตกล้าลงมือฆ่าใครที่นี่นั้น บริษัทกรีนก๊อดจะจัดการเอาเรื่องจนถึงที่สุดแน่นอน เนื่องจากบริษัทกรีนก๊อดนั้นขีดเส้นใต้ความอดทนขั้นต่ำสุดในเรื่องนี้ของพวกเขาไว้แล้ว ….


แต่อย่างไรก็ตามตราบใดที่มันเป็นเพียงแค่การสอนบทเรียน หรือทะเลาะกันในแบบที่ยังไม่ถึงตายนั้น บริษัทกรีนก๊อดก็จะไม่เอาเรื่องพวกเขาจนถึงที่สุดแน่นอน และเต็มที่บริษัทกรีนก๊อดก็จะทำการลงโทษพวกเขาในบางเรื่องแบบสถานหนักเท่านั้น แต่ไม่ได้ขับไล่พวกเขาออกจาก Upper Zone ไป เพราะอาการบาดเจ็บของคนๆหนึ่งแทบทุกรูปแบบนั้น บริษัทกรีนก๊อดสามารถรักษาให้หายขาดได้ เพียงแต่มันก็จะต้องใช้เวลามากน้อยแตกต่างกันออกไปตามอาการ


เมื่อพูดจบนั้นผู้อาวุโสฉีก็ได้พาคนของเขาติดตามซือเฟิงต่อไปทันที ….


Upper Zone เขตวิลล่า :


หลังจากเดินเข้ามายังเขตวิลล่าเป็นเวลามากกว่าครึ่งชั่วโมง ซือเฟิงก็ได้มาถึงวิลล่าหรูสามชั้นขนาดเท่ากับสนามบาสเก็ตบอลสี่สนาม


“จริงๆแล้วหนึ่งในวิลล่าขนาดใหญ่ที่สุดที่มีเพียงสิบหลังนี้มันเป็นของบริษัทไฟฟ์สเตทนี่เอง …. โดยวิลล่านี้นั้นแม้แต่บริษัทโบลเดอร์ก็ยังไม่สามารถซื้อได้เลย ไม่น่าแปลกใจเลยจริงๆที่หานอี้เฟิงกล้าจะเข้าไปแย่งชิงตำแหน่งเพื่อเข้าสู่ Upper Zone ชั้นกลาง ….” ซือเฟิงมองไปที่วิลล่าหรูขนาดใหญ่ตรงหน้าเขา และก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย


สำหรับวิลล่าหลังใหญ่นี้มันมีราคาเป็นคะแนนการค้าหนึ่งร้อยสี่สิบล้านแต้ม อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีคะแนนการค้าถึงนั้น แต่คนๆหนึ่งก็ยังไม่สามารถจะซื้อได้ เพราะพวกเขาจะต้องมีประวัติคะแนนสะสมเกินหนึ่งร้อยล้านแต้มซะก่อน

โดยวิลล่าขนาดใหญ่นี้มันก็ดีกว่าวิลล่าธรรมดามากๆ และแค่ที่ตั้งเพียงอย่างเดียวมันก็แตกต่างจากวิลล่าอื่นๆแล้ว


ซึ่งวิลล่าขนาดใหญ่นี้มันตั้งอยู่ในพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับชั้นกลางมากที่สุด ดังนั้นมันจึงมีพลังงานที่ให้ประโยชน์กับคนที่อยู่อาศัยมากกว่าในบริเวณอื่นอย่างเห็นได้ชัด


เพียงแค่หายใจเข้าไปนั้น ผู้ที่อยู่ที่นี่ก็จะรู้สึกได้ถึงความสดชื่นมากๆแล้ว ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงการได้อยู่อาศัยที่นี่ในระยะยาวเลย


หลังจากซือเฟิงกดกริ่งและรออยู่สักพัก ประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่ถูกล๊อคก็เปิดออก โดยผู้ที่ออกมาต้อนรับซือเฟิงนั่นก็คือ จั้วหลิงฉิว พ่อบ้านของหานอี้เฟิงนั่นเอง ….


“คุณซือเฟิง คุณมีอะไรรึปล่าวถึงมาที่นี่ในเวลานี้ ?” จั้วหลิงฉิวกล่าวถามซือเฟิง


“ก่อนหน้านี้นายน้อยหาน และฉันเคยพูดคุยเกี่ยวกับการทำธุรกรรมมาก่อน” ซือเฟิง

กล่าวอย่างเรียบเฉย “ดังนั้นฉันจึงได้มาที่นี่ในวันนี้เพื่อจะทำธุรกรรมกับนายน้อยหาน”


“อ้อ ! โปรดตามฉันมา !!!”


เมื่อได้ยินคำตอบของซือเฟิง จั้วหลิงฉิวก็พยักหน้าก่อนที่เขาจะนำซือเฟิงเดินตรงเข้ามาในวิลล่าหลังใหญ่


ขณะที่ซือเฟิงเดินเข้าไปในวิลล่าหลังใหญ่ เขาก็สังเกตเห็นว่ามันมีสนามฝึกกลางแจ้งอยู่นอกวิลล่าหลังใหญ่ โดยที่มันมีชายหนุ่ม และหญิงสาวรุ่นเยาว์หลายคนกำลังออกกำลัง และฝึกต่อหน้าชายชราที่สวมเสื้อคลุมศิลปะการต่อสู้


แม้ว่าชายชราผู้นี้จะมีผมสีขาวทั้งหมดแล้ว แต่ออร่าที่เขาแผ่ออกมานั้นมันก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าหวังซวนหมิงที่ซือเฟิงเคยพบก่อนหน้านี้มากๆ


และเมื่อชายหนุ่มกับหญิงสาวเหล่านี้สังเกตเห็นการมาถึงซือเฟิง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองซือเฟิงอย่างอยากรู้อยากเห็นว่าทำไมซือเฟิงถึงมาที่นี่ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ทำได้ไม่นานนัก ก่อนที่พวกเขาถูกชายชราตะคอกให้ไปฝึกต่อ ….


“ฉันไม่สามารถจะประเมินพลังของบริษัทไฟฟ์สเตทต่ำเกินไปได้เลยจริงๆ ….” ซือเฟิงที่มองไปรอบๆอดไม่ได้ที่จะพึมพำอย่างประหลาดใจเล็กน้อยว่า “ที่นี่มีสุดยอดปรมาจารย์อาศัยอยู่ถึงหกคน และครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์อีกมากกว่าสิบคน แม้จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ทรงอิทธิพลก็ใช่ว่าจะสามารถมีแบบพวกเขาได้เลย …”


จั้วหลิงฉิวได้พาซือเฟิงตรงมาที่ห้องรับรองที่ชั้นสาม ก่อนที่เขาจะเปิดประตูไม้ของห้องรับรองนี้และกล่าวว่า “นายน้อยรออยู่ด้านในแล้ว คุณเข้าไปได้เลย …”


ซือเฟิงพยักหน้าก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปทันที ซึ่งเมื่อเขาเดินเข้าไปนั้นเขาก็ได้พบกับหานอี้เฟิงที่นั่งเงียบๆและหลับตาทำสมาธิอยู่หน้าโต๊ะไม้เนื้อแข็ง


และเมื่อสัมผัสได้ถึงการมาถึงของซือเฟิงนั้น หานอี้เฟิงก็ลืมตาขึ้นทันที ….


หานอี้เฟิงได้มองไปที่ซือเฟิง ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะมาหาฉันเพื่อทำธุรกรรมเร็วขนาดนี้ ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะต้องรออีกอย่างน้อยสิบวันซะอีกเพื่อให้คุณจัดการปัญหา และรวบรวมของที่ฉันต้องการมาให้ได้มากเพียงพอ”


สำหรับชื่อของซือเฟิงตอนนี้นั้นมันเป็นที่รู้จักกันดีมากแล้วใน Upper Zone เพราะไม่เพียงแต่เขาจะเป็นผู้ที่ทำให้หวังซวนหมิงต้องถูกไล่ออกจาก Upper Zone แต่เขายังเป็นหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกด้วย ซึ่งทรัพยากรที่สภาสิบแปดปีกที่เป็นกิลของเขามีอยู่ในมือนั้น มันก็ทำให้กองกำลังต่างๆใน Upper Zone สนใจในตัวเขาอย่างมาก


ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องอาจารย์ของหวังซวนหมิง มันคงจะมีกองกำลังมากมายเดินทางเข้ามาขอเจรจา และร่วมมือกับซือเฟิงแล้ว


“ก็นะ และจริงๆแล้วฉันก็รู้ว่านายน้อยหานนั้นมีช่องทางการรับซื้อมากกว่าหนึ่งช่องทางแน่นอน ดังนั้นฉันจึงได้รีบมา เพราะถ้าฉันช้าและรอไปถึงช่วงท้ายๆ ฉันอาจจะไม่สามารถเรียกราคาดีๆจากคุณได้ …” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ


และแม้ว่าซือเฟิงจะพูดไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วคือตอนนี้นั้นสมาชิกสมาชิกสภาสิบแปดปีกหลายคนล้วนต้องการทรัพยากรอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโพชั่นแห่งชีวิต ซึ่งหากมีมันในจำนวนที่มากเพียงพอ ไฟเออร์แดนซ์ เหล่ยเปา และคนอื่นๆบางส่วนก็คงจะกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์ได้นานแล้ว


“คุณก็พูดตลกไปคุณซือเฟิง ยังไงซะฉันก็จะทำตามสัญญาที่เราคุยกันไว้ และเพิ่มราคาสูงกว่าตลาดสองเท่าให้คุณอยู่แล้ว โดยฉันก็จะซื้อทั้งหมดที่คุณมีเลย ….”

หานอี้เฟิงกล่าวพลางหัวเราะ


“ไม่ ! ตอนนี้ฉันต้องการแลกเปลี่ยนในเงื่อนไขทรัพยากรแบบหนึ่งต่อหนึ่ง” ซือเฟิงส่ายหัว และกล่าวอย่างสบายๆ


ตอนที่ 2883 การันตี


“แลกเปลี่ยนในเงื่อนไขทรัพยากรแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ?” หานอี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณซือเฟิง ราคาที่คุณต้องการมันจะไม่สูงเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?”


ในตอนนี้ไม่ใช่แค่หานอี้เฟิงเท่านั้นที่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แม้แต่จั้วหลิงฉิวที่ยืนอยู่ข้างประตูก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ และเย้ยหยัน


เงื่อนไขอัตราส่วนการแลกเปลี่ยนทรัพยากรแบบหนึ่งต่อหนึ่งนั้นไม่ต้องพูดถึงบริษัทไฟฟ์สเตทเลย เพราะแม้แต่มหาอำนาจต่างๆใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนนั้นก็ไม่มีความสามารถมากพอจะแลกเปลี่ยนแบบนี้ได้แน่นอน


โพชั่นแห่งชีวิต และโพชั่นแฟนธ่อมนั้นต่างก็เป็นของล้ำค่าสำหรับมหาอำนาจต่างๆใน Upper Zone โดยมหาอำนาจต่างๆนั้นก็ต้องใช้เวลาสะสมอย่างยาวนานมากๆกว่าที่จะมีพวกมันในครอบครองเป็นจำนวนมหาศาล พูดง่ายๆคือมันไม่ใช่สิ่งของที่จะหามาได้ง่ายๆเป็นจำนวนมากในชั่วข้ามคืนเลย


และเมื่อต้องนำมันมาแลกเปลี่ยนในเงื่อนไขทรัพยากรแบบหนึ่งต่อหนึ่งนั้น จะไม่ให้พวกเขาคิดว่ามันมากเกินไปได้ยังไง ?


ขณะเดียวกันต่อให้บริษัทไฟฟ์เสตทตกลงแลกเปลี่ยนแบบนี้จริงๆ พวกเขาก็มักจะตกลงแลกเปลี่ยนกับบริษัทยักษ์ใหญ่เท่านั้น และอัตราการแลกเปลี่ยนที่พวกเขาตกลงแลกเปลี่ยนก็ยังจะเป็นแบบหนึ่งต่อสองด้วย แล้วซือเฟิงนี่มีความสามารถอะไรกัน หรือยิ่งใหญ่มาจากไหน ถึงมาเรียกร้องมากขนาดนี้ ?


“นายน้อยหาน อย่าพึ่งรีบปฎิเสธสิ ….” ซือเฟิงส่ายหัวพลางมองไปยังหานอี้เฟิงที่ตอนนี้ดูเย็นชาเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม “ราคาที่ฉันเรียกร้องไปแบบหนึ่งต่อหนึ่งนั้นนับว่ายุติธรรมมากๆ !!”


“ยุติธรรม ?” หานอี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ฉันสงสัยจังว่าคุณซือเฟิงคิดว่ามันยุติธรรมยังไง ?”


“เพราะฉันสามารถช่วยให้นายน้อยหานเข้าสู่พื้นที่ชั้นกลางได้ !!” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันสงสัยจังว่านายน้อยหานจะยังคิดว่าข้อเสนอของฉันไม่ยุติธรรมอยู่รึปล่าว ?”


เมื่อได้ยินคำพูดล่าสุดของซือเฟิงนั้น การแสดงออกที่ไม่แยแสบนใบหน้าของ

หานอี้เฟิงก็เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน แต่อย่างไรก็ตามใบหน้าของเขานั้นก็กลับมาไม่แยแสและเรียบเฉยดังเดิมได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะมองไปยังซือเฟิง และกล่าวถามว่า “คุณซือเฟิง ดูเหมือนคุณจะมีความมั่นใจมากจริงๆนะ เอางี้แล้วกัน ถ้าคุณสามารถทำได้ตามที่พูดจริงๆ ฉันก็ยินดีจะยอมรับข้อเสนอของคุณในแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ว่าแต่คุณมีวิธีอะไรที่จะช่วยให้ฉันเข้าสู่พื้นที่ชั้นกลางได้ ?”


“คะแนนสะสมหกแสนแต้ม !!! ซึ่งด้วยคะแนนสะสมจำนวนมากขนาดนี้นั้น แม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยให้นายน้อยหานการันตีอันดับหนึ่งได้ แต่มันก็จะช่วยให้นายน้อยหานการันตีสามอันดับแรกได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน”


ตามข้อมูลที่เขาได้รับมาจากมู่ฉินนั้น ดูเหมือนว่าขีดจำกัดคะแนนสะสมของสามอันดับแรกจะอยู่ที่เกือบหนึ่งล้านคะแนนเท่านั้น และยิ่งเวลาผ่านไปนั้นการจะได้รับคะแนนสะสมแบบนี้มันก็จะยิ่งทำได้ยากมากขึ้นเรื่อยๆ เว้นแต่ว่าคนๆนั้นจะได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่จำนวนมากจาก God domain แต่อย่างไรก็ตามคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นมันก็จัดว่ามีค่ามากๆ และแม้แต่มหาอำนาจต่างๆใน God domain ก็ยังมีพวกมันไม่มากนัก …..


ตามการคาดการณ์ของเขา หานอี้เฟิงนั้นจะไม่มีปัญหาแน่นอนในการรวบรวมคะแนนสะสมเจ็ดแสนถึงแปดแสนแต้มผ่านความแข็งแกร่งของบริษัทไฟฟ์สเตท ดังนั้นหากหานอี้เฟิงได้รับคะแนนสะสมนอกเหนือจากการอาศัยความแข็งแกร่งของบริษัทไฟฟ์

สเตทเพิ่มไปอีกหกแสนแต้มนั้น หานอี้เฟิงก็จะสามารถการันตีตำแหน่งสามอันดับแรกให้กับตัวเองได้แน่นอน


ในขณะที่ซือเฟิงกล่าวถึงคะแนนสะสมหกแสนแต้มนั้น จั้วหลิงฉิวที่ยืนอยู่ข้างประตูก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความไม่เชื่อ


เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าบริษัทไฟฟ์สเตทของพวกเขาจะพยายามอย่างหนักโดยใช้ความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่พูดกันตามตรงพวกเขาก็ได้รับคะแนนสะสมนี้มามากกว่าซือเฟิงแค่ไม่กี่แสนเท่านั้น และหากซือเฟิงมีคะแนนสะสมมากขนาดนี้จริงๆ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้ามาติดหนึ่งในสามได้ แต่เขาก็สามารถนำมันไปขายให้ใครก็ได้ใน Upper Zone แน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนนี้ทุกกองกำลังใน Upper Zone นั้นกำลังรับซื้อพวกมันในราคาที่สูงมากๆ


และสำหรับบริษัทไฟฟ์สเตทของพวกเขานั้น มันก็เป็นอย่างที่ซือเฟิงว่ามาคือถ้าพวกเขาได้รับคะแนนสะสมมาอีกหกแสนแต้มนั้น พวกเขาก็จะสามารถการันตีตำแหน่งสามอันดับแรกได้แน่นอน


ขณะเดียวกันตอนนี้แม้แต่หานอี้เฟิงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงมากๆ ….


“คะแนนสะสมหกแสนแต้ม !!! นี่เขามีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?!!”


ในความคิดของหานอี้เฟิง หากซือเฟิงได้รับคะแนนสะสมมาสักสองแสนแต้มนั้นมันก็จัดว่าเขามีความสามารถที่ท้าทายสวรรค์มากแล้ว เพราะท้ายที่สุดคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ใน God domain นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้รับมา และซือเฟิงก็ได้เคยแลกเปลี่ยนส่วนหนึ่งไปแล้วด้วย


แถมพูดกันตามตรง หากซือเฟิงมีคะแนนสะสมมากขนาดนี้ และมีความสามารถที่จะหาคะแนนสะสมได้แบบนี้ เขาน่าจะมีสิทแย่งชิงตำแหน่งสามอันดับแรกได้ด้วยซ้ำ


ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นายน้อยหานคิดยังไงกับเรื่องนี้ล่ะ ?”


หากหานอี้เฟิงมีคะแนนสะสมมากกว่าหนึ่งล้านแต้มเมื่อไหร่ เขาจะไม่มีปัญหาแน่นอนในการการันตีตำแหน่งสามอันดับแรก และหากเขาสามารถรับซื้อเพิ่มได้อีกสักสองถึงสามแสนแต้ม เขาก็น่าจะได้อันดับหนึ่งแบบสบายๆเลย


หานอี้เฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกัดฟันและพูดว่า “คะแนนสะสมหกแสนแต้มของคุณนั้นมันมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะการันตีตำแหน่งสามอันดับแรกให้ฉันจริงๆ …. แต่จำนวนแลกเปลี่ยนแบบหนึ่งต่อหนึ่งนั้นมันมากเกินไป แม้แต่กับบริษัทไฟฟ์สเตทของเรา เราไม่ได้มีโพชั่นพวกนั้นอยู่มากขนาดนั้น”


คะแนนสะสมหกแสนแต้มนั้นมันก็จะเท่ากับคะแนนการค้าหกสิบล้านแต้ม และหากเปลี่ยนมันเป็นโพชั่นนั้นมันก็จะเท่ากับหนึ่งหมื่นสองพันขวด ซึ่งจำนวนมากขนาดนี้นั้นมันไม่ใช่เรื่องตลกเลย ….


ซือเฟิงไม่ได้รู้สึกแปลกใจใดๆกับเรื่องนี้ ตรงกันข้ามเขาได้หัวเราะออกมา และพูดว่า “เนื่องจากบริษัทไฟฟ์สเตทไม่สามารถหาโพชั่นมาได้มากขนาดนั้น งั้นฉันก็จะขอโพชั่นแค่สองพันขวดก็แล้วกัน ส่วนที่เหลือฉันก็จะขอให้จ่ายเป็นวิลล่าหลังใหญ่แบบนี้แทน ฉันจำได้ว่าบริษัทไฟฟ์สเตทยังมีสิทจะซื้อได้นี่นา …”


วิลล่าหลังใหญ่สิบหลังในชั้นพื้นฐานนั้นมีคนอาศัยอยู่แค่แปดหลังเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกสองหลังยังว่างเปล่า


ซือเฟิงนั้นได้เรียนรู้มาแล้วว่าวิลล่าหลังใหญ่แบบนี้นั้นมันเป็นสถานที่ที่ดีมากๆ เพราะไม่เพียงแต่มันจะสามารถใช้อยู่ร่วมกันราวสี่สิบคนได้สบายๆ แต่พลังงานของที่นี่ยังมีมาก และเสถียรกว่าในบ้านทั่วไปด้วย ซึ่งมันก็จะนับว่าเป็นประโยชน์มากๆสำหรับเสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรส


“ซือเฟิง อย่าไปไกลเกินไปนัก !!!” จั้วหลิงฉิวอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “การแลกเปลี่ยนทรัพยากรแบบหนึ่งต่อหนึ่งนั้นแม้มันจะมีราคาสูง แต่วิลล่าหลังใหญ่นั้นก็ต้องใช้คะแนนการค้าถึงหนึ่งร้อยสี่สิบล้านแต้มในการซื้อ ขณะที่มูลค่ารวมของคะแนนที่คุณนำมาแลกนั้นมันอยู่ที่หกสิบล้านแต้มเท่านั้นนะ นี่คุณจะปล้นกันรึไง ?!”


หากคำณวนค่าใช้จ่ายทั้งหมด และนำเทียบกันจริงๆแล้วนั้น นี่มันแทบจะเท่ากับว่าราคาเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเลยทีเดียว มันจึงไม่ต่างจากการปล้นเลย


“วิลล่าหลังใหญ่นั้นอาจจะมีราคาแพงกว่าเล็กน้อย แต่วิลล่าหลังใหญ่นั้นมันไม่ได้จำเป็นต้องใช้คะแนนสะสมเพื่อซื้อขายนี่นา เพราเพียงแค่มีประวัติคะแนนสะสมเกินหนึ่งร้อยล้านแต้มนั้นมันก็สามารถจะซื้อได้แล้ว ขณะเดียวกันสิ่งที่ฉันจะให้คุณก็คือคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ ซึ่งมันไม่เพียงแต่จะนำไปแลกเป็นคะแนนสะสมได้เท่านั้น แต่มันยังจะมีรางวัลเป็นคะแนนการค้าให้อีกด้วย ดังนั้นราคามันจึงดูไม่ได้แตกต่างกันมากขนาดนั้นนะ หากคิดรวมเรื่องนี้น่ะ …” ซือเฟิงกล่าวอย่างช้าๆ “แน่นอนว่าถ้าบริษัทไฟฟ์สเตทไม่สนใจ ฉันก็จะไปเสนอเงื่อนไขนี้กับคนอื่น เพราะฉันมั่นใจว่าพวกเขาจะสนใจแน่นอน โดยเฉพาะพวกที่อยู่ในสามอันดับแรกตอนนี้ …”


“คุณ ….”


จั้วหลิงฉิวมองไปยังซือเฟิง และแม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่สามารถจะเถียงอะไรซือเฟิงได้ เพราะที่ซือเฟิงพูดมานั้นมันไม่ผิดเลย ….


“พอแล้ว !! ผู้อาวุโสจั้ว” หานอี้เฟิงเหลือบไปมองที่จั้วหลิงฉิว ก่อนที่เขาจะหันกลับมามองซือเฟิง และพูดว่า “ฉันยอมรับข้อเสนอของคุณ แต่เรื่องวิลล่าหลังใหญ่มันต้องใช้เวลาสักพัก สำหรับโพชั่นฉันก็สามารถจะมอบให้ได้หนึ่งพันขวดก่อน ส่วนอีกหนึ่งพันขวด และวิลล่าหลังใหญ่นั้นฉันจะมอบให้คุณภายในห้าวัน คุณโอเคไหม ?”


“โอเค ฉันไม่มีปัญหา !” ซือเฟิงพยักหน้า


เวลาห้าวันที่หานอี้เฟิงขอนั้นมันก็นับว่าสมเหตุสมผล เพราะท้ายที่สุดแล้วซือเฟิงรู้ดีว่าสิ่งที่เขาเรียกร้องไปทั้งหมดนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถจัดหามาให้ได้อย่างรวดเร็ว


หลังจากนั้นหานอี้เฟิงก็ได้ทำการเซ็นสัญญากับซือเฟิง โดยซือเฟิงจะต้องการทำการโอนย้ายคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่หกหมื่นชิ้นไปให้ตัวของหานอี้เฟิงใน God domain ภายในครึ่งวัน ขณะที่หานอี้เฟิงนั้นก็จะต้องจ่ายซือเฟิงด้วยโพชั่นแห่งชีวิตหนึ่งพันห้าร้อยขวด โพชั่นแฟนธ่อมห้าร้อยขวด และวิลล่าหลังใหญ่หนึ่งหลัง โดยหานอี้เฟิงจะต้องชำระทุกอย่างให้เสร็จสิ้นภายในห้าวัน ….


หลังจากเซ็นสัญญากันเรียบร้อย หานอี้เฟิงก็ได้ให้จั้วหลิงฉิวไปนำโพชั่นแห่งชีวิตหนึ่งร้อยขวดมาจ่ายให้กับซือเฟิงเป็นมัดจำก่อน ในขณะที่ส่วนที่เหลือจะถูกส่งไปที่

บ้านของซือเฟิงอย่างเงียบๆ (ชุดแรกที่ว่าหนึ่งพันขวดแรกน่ะ)


เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ซือเฟิงก็ได้กลับออกมาจากวิลล่าของบริษัทไฟฟ์สเตท พร้อมกับกล่องโพชั่นแห่งชีวิตกล่องใหญ่


หลังจากซือเฟิงจากไป จั้วหลิงฉิวก็มองไปยังหานอี้เฟิง และอดไม่ได้ที่จะกระซิบถามว่า “นายน้อย ฉันคิดว่าการทำธุรกรรมกับซือเฟิงครั้งนี้มันค่อนข้างจะมากเกินไปหน่อยนะ หากพวกผู้อาวุโสคนอื่นๆรู้เข้า พวกเขาจะเพ่งเล็งคุณแน่ๆ …”


“หึ ! คุณคิดว่าฉันจะต้องสนใจพวกเขางั้นหรอเมื่อฉันได้เข้าสู่ชั้นกลางแล้ว ?”

หานอี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน เมื่อได้ยินคำพูดของจั้วหลิงฉิว


ชั้นกลางของ Upper Zone นั้นเป็นสิ่งที่ผู้ที่อยู่อาศัยในชั้นพื้นฐานทุกคนล้วนใฝ่ฝันจะได้ขึ้นไป ซึ่งสภาพแวดล้อมที่ชั้นกลางนั้นมันก็ดีกว่าที่ชั้นพื้นฐานมาก และแม้แต่ปรมาจารย์ทางจิตก็ยังอาศัยอยู่ที่นั่น ซึ่งหากเขาสามารถเชื่อมสัมพันธ์กับคนแบบนี้ที่อยู่อาศัยในชั้นกลางได้สักคนเมื่อไหร่ มันก็ไม่มีทางที่ตำแหน่งของเขาในบริษัทไฟฟ์สเตทจะสั่นคลอนแน่นอน

หานอี้เฟิงมองไปยังพื้นทีชั้นกลางที่เป็นวิวนอกหน้าต่างของวิลล่าของเขาด้วยความกระตือรือร้น “ไปเตรียมตัวได้แล้ว !! ฉันจะเดินทางไปหากองกำลังต่างๆเพื่อรับซื้อคะแนนสะสม แม้ว่ามันจะเป็นแบบหนึ่งต่อหนึ่งจุดห้าก็ตาม !!!”


ในระหว่างที่หานอี้เฟิงกำลังเตรียมการไปรับซื้อคะแนนสะสมนั้น ซือเฟิงก็ได้เดินตรงไปยังทางเข้าออกของ Upper Zone พร้อมกับกล่องโพชั่นแห่งชีวิต


เนื่องจากการขาดทรัพยากร แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะได้รับมรดกขอบเขตโดเมนที่สมบูรณ์มาแล้ว แต่มันก็มีผู้เชี่ยวชาญไม่มากนักที่สามารถจะฝึกฝนได้


แต่ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างมันกำลังจะเปลี่ยนไปแล้วเมื่อซือเฟิงมีโพชั่นแห่งชีวิตมากเพียงพอ และตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์เลย เขามั่นใจว่าเขาจะสามารถสร้างผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนขึ้นมาได้เป็นจำนวนมากด้วยซ้ำ และเขาก็น่าจะทำได้เร็วกว่ามหาอำนาจต่างๆด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้วมหาอำนาจต่างๆนั้นใช้เพียงสารอาหารเหลวระดับ S เท่านั้นในการเลี้ยงดูผู้เชี่ยวชาญให้ก้าวขึ้นมาถึงขอบเขตโดเมน ขณะที่ตัวเขานั้นจะใช้โพชั่นแห่งชีวิต


เมื่อเห็นซือเฟิงเดินออกไปจาก Upper Zone ผู้อาวุโสฉี และคนอื่นๆที่เฝ้าจับตาดูการเคลื่อนไหวของซือเฟิงอยู่ก็พูดไม่ออก ….


“นี่เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้บ้าใช่ไหม ?” สุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียนคนหนึ่งมองไปยังซือเฟิงด้วยความรู้สึกที่เขาไม่สามารถจะประมวลผลได้ “นี่เขากล้าที่จะออกจาก Upper Zone ในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ ?”


“เป็นไปได้ไหมที่เขาจะยังไม่ค้นพบพวกเรา ?” สุดยอดปรมาจารย์กำลังภายในคนหนึ่งกล่าวขึ้น


“ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้แน่นอน !!! ฉันมั่นใจว่าเขาค้นพบพวกเราแล้ว !!!” ผู้อาวุโสฉีมองไปยังซือเฟิงที่เดินออกจาก Upper Zone ไปด้วยสายตาเย็นชา “ในเมื่อเขากล้าขนาดไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตา ฉันก็คงจะต้องสอนบทเรียนแบบรุนแรงให้เขาสักหน่อย !!! ทุกคนเตรียมพร้อมไปปฎิบัติการด้านนอก ฉันอยากจะเห็นนักว่าเด็กคนนี้จะทำอะไรได้บ้าง !!!”


เมื่อพูดจบผู้อาวุโสฉีก็ได้นำพรรคพวกของเขาทั้งหมดไล่ตามซือเฟิงไป …..


ตอนที่ 2884 สถานการณ์ปัจจุบันในสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีก


เมืองเฟิงหลิน สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีก :


ซือเฟิงยืนอยู่ตรงประตูหน้าของสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีก ซึ่งในเวลานี้สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกนั้นได้รับการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก


ก่อนหน้านี้จตุรัสเล็กๆด้านหน้าอาคารยังคงค่อนข้างว่างเปล่ามากๆ แต่ตอนนี้มันกับแน่นขนัดไปหมด ในตอนนี้หากใครเข้ามาที่นี่ พวกเขาก็จะสามารถมองเห็นชาย และหญิงจำนวนมากที่เข้าแถวเพื่อรอเข้าทดสอบในส่วนต่างๆทั้งหมดทั่วบริเวณได้อย่างชัดเจน ซึ่งฉากนี้นั้นมันดูรุ่งเรือง และงดงามซะยิ่งกว่าฉากบริเวณสำนักงานใหญ่หลักของซุเปอร์กิลบางแห่งด้วยซ้ำ


ซือเฟิงนั้นเดินผ่านชายและหญิงมากหน้าหลายตาเข้ามาเรื่อยๆ โดยในทุกๆย่างก้าวนั้นเขาก็จะได้ยินชายและหญิงเหล่านี้พูดถึงเรื่องราวของสภาสิบแปดปีก เช่น การต่อสู้ที่ท้าทายสวรรค์ที่เมืองหินโบราณ สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการฝึกฝนอย่างมากในเมืองสภาสิบแปดปีก รวมไปถึงเรื่องที่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในกิลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของ God domain ด้วย ในขณะเดียวกันในระหว่างพูดนั้นสายตาของชายและหญิงเหล่านี้ก็เต็มไปด้วยความหวังในการจะได้เข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก


อย่างไรก็ตามก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้เดินเข้าไปถึงห้องโถงได้ มันก็ได้มีชายผมยาวในวัยสามสิบเดินเข้ามาหาเขา


ชายผมยาวมองไปยังซือเฟิง ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นว่า “น้องชาย คุณก็มาเข้าร่วมสภาสิบแปดปีกด้วยใช่ไหม ?!!”


“ฉัน ? เข้าร่วมสภาสิบแปดปีก ?” ซือเฟิงมองไปที่ชายผมยาวด้วยความงุนงง


แม้ว่าชายผมยาวตรงหน้าจะดูธรรมดามาก แต่ชายคนนี้ก็แผ่ออร่าที่แข็งแกร่งมากๆออกมา ซึ่งมันเทียบได้กับพวกปรมาจารย์หยินหยางเลย


อย่างไรก็ตามก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้พูดอะไร ชายผมยาวก็เปิดเสื้อแจ็คเก็ตของเขา และแสดงให้เห็นตราสัญลักษณ์ของสภาสิบแปดปีกที่ติดอยู่บนเสื้อยืด โดยตรานี้มันก็แสดงให้เห็นว่าเขานั้นเป็นสมาชิกภายในของสภาสิบแปดปีก

“ฉันรู้นะว่าคุณน่ะแข็งแกร่งกว่าภายนอกมากๆน้องชาย …” ชายผมยาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะชี้ไปยังแถวที่ต่อคิวกันยาว และกล่าวต่อว่า “คุณก็เห็นว่าแถวของผู้คนที่รอสมัครเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกนั้นยาวแค่ไหน หากคุณไปต่อแถวตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าคุณจะได้รับสิทให้เข้าทดสอบเมื่อไหร่ แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากฉันเป็นสมาชิกภายในของสภาสิบแปดปีก ฉันจึงมีโควต้าพิเศษอยู่ในมือ และฉันก็สามารถจะแนะนำให้คนๆหนึ่งผ่านการทดสอบแรกไปได้โดยตรง”


“คุณหมายความว่ายังไง ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย


“ฉันคิดว่าคุณดูแข็งแกร่งกว่าภายนอกมากๆ ดังนั้นฉันจึงวางแผนที่จะแนะนำคุณ แต่หลังจากที่คุณกลายเป็นสมาชิกภายในของสภาสิบแปดปีกแล้ว คุณจะต้องมาเข้าร่วมกับทีมเรานะ โอเคไหม ?” ชายผมยาวมองไปที่ซือเฟิง และพูดอย่างจริงจังว่า “แม้ว่าทีมของเราจะพึ่งก่อตั้งมาได้ไม่นาน แต่ทีมของเราก็แข็งแกร่งพอตัว และตอนนี้ทีมของเราก็เป็นทีมขั้นสองแล้ว โดยอยู่ห่างจากการกลายเป็นทีมขั้นหนึ่งแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น และในอนาคตฉันก็เชื่อว่าทีมของเราจะเป็นหนึ่งในทีมหลักชั้นแนวหน้าของสภาสิบแปดปีกได้แน่นอน !!!”


“….”


เมื่อซือเฟิงได้ยินเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ….


เขาไม่คิดเลยว่าพวกทีมใหญ่ๆในสภาสิบแปดปีกจะเริ่มมาค้นหา และรับสมัครคนกันที่นี่แล้ว ….


ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก เขาก็คงจะโดนชายผมยาวผู้นี้หลอกล่อไปให้เข้าทีมของตัวเองแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนนี้หากทีมขั้นสองของสภาสิบแปดปีกได้รับการพิจารณาว่ามีความแข็งแกร่งมากพอ หรือมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่เป็นผู้นำนั้น พวกเขาก็จะได้รับอนุญาติให้เข้าโจมตีดันเจี้ยนเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบ ขนาดหนึ่งร้อยคนได้ ….


“คุณไม่เชื่อฉันงั้นหรอ ?” ชายผมยาวมองไปยังซือเฟิงที่ยังคงนิ่งเงียบ ก่อนที่เขาจะกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “คุณรู้ไหมว่าหัวหน้าทีมของเราเป็นใคร ? ถ้าคุณรู้คุณจะต้องกลัวแน่นอน !!!”


ในระหว่างที่ซือเฟิงกำลังรู้สึกสงสัย และกำลังจะเอ่ยปากถามชายผมยาวว่าหัวหน้าทีมของเขาคือใครนั้น เขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ดังออกมาจากในห้องโถง โดยมันเป็นเสียงโครมครามราวกับค้อนเหล็กขนาดใหญ่ของใครบางคนถูกขว้างลงบนพื้น


อย่างไรก็ตามสมาชิกของสภาสิบแปดปีกที่ฝึกฝน และทำงานอยู่บริเวณรอบๆ รวมไปถึงชายผมยาวผู้นี้นั้นก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจใดๆเลย ซึ่งมันดูเหมือนกับว่าพวกเขาเคยชินกับมันแล้ว ในทางตรงกันข้ามผู้มาใหม่ที่พึ่งมาถึงนั้นกลับอยากรู้อยากเห็นมากๆ และทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะรีบไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น


“ไม่ต้องไปดูหรอก เพราะมันไม่มีอะไรน่าแปลกใจแม้แต่นิดเดียว ….” ชายผมยาวมองไปยังซือเฟิงที่มีท่าทีประหลาดใจกับเสียงที่เกิดขึ้น ก่อนจะกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “มันก็แค่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจอีกกลุ่มหนึ่งที่มาเพื่อยั่วยุสภาสิบแปดปีก และฉันคิดว่าตอนนี้ปรมาจารย์เหล่ยเปาก็คงจะจัดการไปเรียบร้อยแล้วแน่นอน …”


เมื่อซือเฟิงได้ยินแบบนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ช่วงนี้ที่สภาสิบแปดปีกมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆงั้นหรอ ?”


“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่จริงๆ ถ้าจะบอกให้ชัดเจนก็คือมันเกิดขึ้นบ่อยมาตั้งแต่ก่อนที่ฉันจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกซะอีก” ชายผมยาวพยักหน้าแบบเจื่อนๆ “มหาอำนาจพวกนี้นั้นไม่สามารถจะทำอะไรกับสภาสิบแปดปีกใน God domain ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้เลือกที่จะเข้ามาที่สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกในโลกแห่งความจริงเพื่อสร้างปัญหาแทน โดยหลักๆที่พวกเขาเข้ามาสร้างปัญหาก็เพื่อจะบีบให้สภาสิบแปดปีกขายที่ดินบางส่วนในเมืองสภาสิบแปดปีกให้พวกเขา ซึ่งฉันได้ยินมาว่าวันนี้ก็มีมหาอำนาจห้าถึงหกกลุ่มมาที่นี่ แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นไมโทโลจี้ หนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย คุณรู้จักไหม ?”


“โดยผู้ที่นำกลุ่มของไมโทโลจี้มาก็คือฟางฉีหาน ลูกสาวคนโตของตระกูลฟางนั่นแหละ ซึ่งฟางฉีหานผู้นี้แม้จะมีรูปลักษณ์ที่งดงาม แต่เธอก็เป็นคนที่แข็งแกร่ง และทรงพลังมากๆ โดยเธอสามารถจัดการปรมาจารย์บางคนได้ในการโจมตีเดียว ฉันคิดว่ามันคงจะมีแต่พี่สาวใหญ่ไฟเออร์แดนซ์ของเราเท่านั้นที่จะสามารถต่อกรกับเธอได้” (ป.ล. คนจีนบางคนเขาเลือกจะเรียกพี่สาวใหญ่ พี่ใหญ่ เพราะเคารพกันจากความสามารถไม่ใช่อายุนะครับ นี่จึงเป็นที่มาของการที่ไอ้คนนี้เรียกไฟเออร์แดนซ์ว่าพี่สาวใหญ่”


เมื่อพูดถึงฟางฉีหานนั้น ชายผมยาวก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าเขาหวาดกลัวฟางฉีหานมากๆ


อย่างไรก็ตามหลังจากชายผมยาวพูดคุยกับซือเฟิงได้สักพัก ประตูของล๊อบบี้ชั้นหนึ่งก็เปิดออก และทันใดนั้นมันก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาด้วยความโกรธ โดยที่บางส่วนในหมู่พวกเขาที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ และครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์นั้นก็มีสภาพที่น่าสังเวช และบาดเจ็บหนัก ในขณะเดียวกันนั้นเองไฟเออร์แดนซ์กับเหล่ยเปาก็เดินตามออกมาด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน


“สภาสิบแปดปีก พวกคุณรอก่อนเถอะ !!! อย่าคิดว่าเพราะไม่มีใครสามารถทำอะไรกับพวกคุณใน God domain ได้ แล้วในโลกแห่งความจริงมันจะเป็นเหมือนกัน !!!”


“หากไม่ยอมร่วมมือกับเรา !!! ฉันขอบอกเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะต้องเจอกับปัญหามากขึ้นแน่นอนในอนาคต !!!”


ตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆได้พยายามตะโกนขู่ไฟเออร์แดนซ์กับเหล่ยเปา ….


ในตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับปรมาจารย์นั้นไม่สามารถจะทำอะไรกับสภาสิบแปดปีกได้อีกแล้ว แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงมีมหาอำนาจบางส่วนที่สามารถจะเชิญสุดยอดปรมาจารย์มาช่วยได้ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องกองกำลังขนาดใหญ่ใน Upper Zone อีก พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยให้สภาสิบแปดปีกเติบโตขึ้นไปได้ง่ายๆแน่นอน


โดยตัวแทนเหล่านี้ได้ข่าวมาว่ามีหลายกลุ่มที่เริ่มทาบทามเหล่าสุดยอดปรมาจารย์ให้มาก่อปัญหาให้กับสภาสิบแปดปีกแล้ว ซึ่งเหล่าสุดยอดปรมาจารย์จะมาก่อปัญหาเมื่อไหร่นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ….


สำหรับไฟเออร์แดนซ์ และเหล่ยเปา ใบหน้าของพวกเขาไม่ได้สู้ดีนักเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เพราะพวกเขาเองก็รู้เช่นกันว่า หลังจากการต่อสู้ที่เมืองหินโบราณนั้น มหาอำนาจต่างๆ และกองกำลังใน Upper Zone มากมายก็ได้เริ่มพุ่งเป้ามาที่พวกเขาแล้ว ซึ่งนี่ทำให้มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่สุดยอดปรมาจารย์บางส่วนจะเข้ามาก่อปัญหาให้พวกเขา


แม้ว่าพวกเขาสามารถจะแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยการไม่ยอมรับคำท้าของใครอีก แต่ผลที่ตามมาจากการทำแบบนี้ มันก็จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของสภาสิบแปดปีกเช่นกัน

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆเหล่านี้กำลังกล่าวคำขู่ไปเรื่อยเปื่อยนั้น ฟางฉีหานก็ได้ค่อยๆเดินเข้ามาบริเวณที่ชายผมยาวยืนอยู่


ซึ่งนี่มันทำให้ชายผมยาวอดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิง และถามว่า “น้องชาย ก่อนหน้านี้คุณไปมีปัญหาอะไรกับเธอหรือปล่าว ? ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเธอกำลังเดินเข้ามาหาคุณ”


ขณะเดียวกันฝูงชนโดยรอบก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะตอนนี้พวกเขานั้นสงสัยมากจริงๆว่าซือเฟิงนั้นเป็นใครกันถึงไปดึงดูดความสนใจของหญิงสาวผู้นี้ได้


“ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรมากกับเธอนะ …” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นฟางฉีหานเดินเข้ามา และหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันแค่ไปฆ่าผู้อาวุโสที่เป็นอาจารย์ของเธอต่อหน้าเธอ แล้วก็ปล่อยเธอไป นอกเหนือจากนั้นฉันก็ไม่ได้ทำอย่างอื่นอีก ….”


เมื่อซือเฟิงพูดจบ ชายผมยางนั้นก็รู้สึกพูดไม่ออกอย่างถึงที่สุด ….


เขาไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะกล้าและโหดเหี้ยมมากขนาดนี้ …. และถ้าซือเฟิงไปทำแบบนั้นจริงๆ มันก็น่าจะชัดเจนแล้วว่าฟางฉีหานได้ตรงเข้ามาเพื่อจะจัดการกับซือเฟิงแน่นอน


อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาต่อมาทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันก็ตรงกันข้ามกับที่ชายผมยาวคาดคิดไว้ เพราะเมื่อฟางฉีหานเดินตรงเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าของซือเฟิง เธอก็กล่าวว่า “เราไปหาที่เงียบๆคุยกันดีๆได้ไหม ?”


ในขณะนี้ไม่เพียงแต่ชายผมยาวเท่านั้นที่รู้สึกตกตะลึงกับเรื่องนี้ คนอื่นๆโดยรอบเองก็เช่นกัน ….


นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน ?


ตอนที่ 2885 น่ารำคาญ


ซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะมองไปยังฟางฉีหานที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาอย่างประหลาดใจ


ในตอนนี้ใบหน้าของฟางฉีหานนั้นดูซีดเซียวกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด และมันไม่ได้ดูแข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน แต่อย่างไรก็ตามสายตาของเธอก็ยังคงเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน


“แค่เราสองคนงั้นหรอ ?”


ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังชายร่างสูง แม๊ต และชายชราที่ยืนอยู่ข้างฟางฉีหานอีกคนที่แผ่ออร่าแห่งชีวิตที่แข็งแกร่งมากๆออกมา ซึ่งนี่มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าชายชราผู้นี้นั้นเป็นสุดยอดปรมาจารย์ที่แท้จริงแน่นอน และเขาก็เห็นว่าแม๊ตนั้นให้ความเคารพกับชายชราคนนี้มากๆ ดังนั้นนี่มันจึงเป็นข้อพิสูจน์เลยว่าสถานะของชายชราผู้นี้ในไมโทโลจี้นั้นไม่ต่ำแน่นอน และบางทีเขาก็น่าจะเป็นระดับผู้อาวุโสของกิลเลย


แต่ในตอนนี้ฟางฉีหานกับเลือกจะขอคุยกับเขาแบบส่วนตัวสองคน ซึ่งไม่จำเป็นต้องพูด ซือเฟิงก็สามารถเข้าใจได้เลยว่าฟางฉีหานจะต้องมีแนวคิดบางอย่างเป็นของตัวเองที่ไม่สอดคล้องกับการดำเนินงานของไมโทโลจี้แน่นอน โดยสิ่งนี้จะสามารถเห็นได้จากการขอซื้อข้อมูลเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่กับซือเฟิงในครั้งล่าสุด


“ใช่ แค่เราสองคน ….” ฟางฉีหานพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะมองไปยังชายผมยาวที่ยืนอยู่ด้านข้างของซือเฟิงด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าคุณสามารถเลือกจะพาคนอื่นไปด้วยก็ได้ แต่หากในอนาคตความสัมพันธ์ของพวกเราถูกเปิดเผย ฉันจะไม่ขอรับผิดชอบใดๆนะ …”


เมื่อชายผมยาวได้ยินคำพูดของฟางฉีหาน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกทั้งแปลกใจ และประหลาดใจ


ฟางฉีหานนั้นเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลฟาง แถมเธอยังเป็นหนึ่งในรองหัวหน้ากิลของไมโทโลจี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย นอกเหนือจากนี้แล้วเธอก็ยังเป็นผู้ที่อยู่อาศัยใน Upper Zone และด้วยสถานะทั้งหมดของเธอนี้ มันก็ทำให้เธอเป็นคนที่ทรงอิทธิพลมากๆ และคนอย่างเธอนั้นก็ไม่เคยจะสนใจใครเลย โดยแม้แต่ผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกบางคนก็ยังไม่อยู่ในสายตาเธอด้วยซ้ำ


แต่ในตอนนี้เธอกับริเริ่มที่จะเข้าหาซือเฟิงอย่างเป็นมิตร ซึ่งสิ่งนี้นั้นมันไม่ได้ทำให้เขาแค่คนเดียวที่ประหลาดใจ มันทำให้คนอื่นๆที่เฝ้าดูอยู่โดยรอบนั้นประหลาดใจด้วยเช่นกัน


“นี่คุณเป็นใครกันแน่ ?”


ชายผมยาวมองไปที่ซือเฟิงพร้อมกับคำถามในใจ แต่หลังจากที่สมองของเขาเริ่มประมวลผลหลายสิ่งได้ เขาก็มองไปยังซือเฟิงราวกับมองพี่ใหญ่คนหนึ่งของตัวเอง และแววตาของเขาก็บ่งบอกชัดเจนเลยว่าเขาคาดหวังให้ซือเฟิงพาเขาไปด้วย


ในตอนนี้ฟางฉีหาน และเหล่าผู้ทรงอิทธิพลของไมโทโลจี้นั้นอยู่ใกล้กับเขามากๆ และหากเขาได้ติดตามซือเฟิงไปพูดคุยในครั้งนี้นั้น เขาก็จะสามารถโม้เรื่องนี้กับคนภายนอกไปได้ตลอดชีวิตแน่นอน


“เอาแค่เราสองคนนั่นแหละ …” ซือเฟิงพยักหน้าอย่างไม่สนใจความคาดหวังของชายผมยาว


“ตามนั้นเลย …” ฟางฉีหานไม่ได้แปลกใจนักกับคำตอบของซือเฟิง และหลังจากนั้นเธอก็ได้ชี้ไปที่รถสุดหรูที่จอดอยู่ไม่ไกล และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ไปคุยกันในรถของฉันดีกว่า มันจะได้ไม่มีคนนอกมากวนคุณได้ …”


การต่อสู้ของสภาสิบแปดปีกที่เมืองสภาสิบแปดปีกนั้นได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้ง God domain และมันก็นับเป็นความสำเร็จที่ท้าทายสวรรค์อย่างมาก


ซึ่งสิ่งนี้มันก็สร้างความตกตะลึงให้กับมหาอำนาจต่างๆอย่างถึงที่สุด แถมนี่ยังไม่นับรวมเรื่องการเปิดเมืองสภาสิบแปดปีกให้สาธารณชนทั่วไปได้เข้าชมอีก และในตอนนี้ผลประโยชน์กับทรัพยากรต่างๆที่เมืองสภาสิบแปดปีกมีมันก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ที่ตอนนี้มันเป็นที่ต้องการมากๆในหมู่กองกำลังต่างๆใน Upper Zone รวมไปถึงห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงตัวเธอเลย


ในตอนนี้สภาสิบแปดปีกนั้นไม่เต็มใจที่จะร่วมมือกับมหาอำนาจต่างๆอย่างสิ้นเชิง โดยหากสภาสิบแปดปีกยังคงยืนยันคำเดิม และต้องการจะผูกขาดผลประโยชน์ของเมืองสภาสิบแปดปีกไว้ทั้งหมด มหาอำนาจต่างๆก็จะไม่มีทางทำอะไรกับพวกเขาได้แน่นอน


แม้ว่ามหาอำนาจต่างๆจะไม่สามารถทำอะไรได้ แต่เธอก็มั่นใจว่าเธอจะสามารถโน้มน้าวให้สภาสิบแปดปีกตกลงที่จะร่วมมือกับตระกูลของเธอที่อยู่ใน Upper Zone ได้แน่นอน เพราะด้วยสถานะและทรัพยากรของตระกูลเธอนั้น มันก็น่าจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหามากมายที่ซือเฟิงเจออยู่ใน Upper Zone ตอนนี้ได้


เนื่องจากการไปยั่วยุปรมาจารย์ทางจิต แม้ว่าซือเฟิงจะอาศัยอยู่ใน Upper Zone แต่ปรมาจารย์ทางจิตก็จะสามารถหาวิธีจัดการกับซือเฟิงได้แน่นอน โดยผู้ที่จะสามารถช่วยเหลือซือเฟิงในเรื่องนี้ได้นั้น มันก็นับได้ด้วยสองมือเท่านั้น ซึ่งตระกูลของเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น


ซือเฟิงมองไปยังรถสุดหรูของฟางฉีหานด้วยแววตาประหลาดใจเล็กน้อย เพราะรถรุ่นนี้มันเป็นรถรุ่นที่ผลิตออกมาอย่างจำกัดมากๆ โดยทั้งคันนั้นมันทำจากวัสดุที่ใช้ทำยานอวกาศทั้งหมด ซึ่งไม่เพียงแต่มันจะฉนวนกันเสียงที่ยอดเยี่ยม แต่แม้แต่การโจมตีด้วยมิสไซล์ก็ยังจะแทบไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย รถแบบนี้นั้นเป็นรถที่เขาต้องการจะซื้อมาใช้ในกิจการของสภาสิบแปดปีกมาโดยตลอด แต่น่าเสียที่รถแบบนี้แค่มีเงินอย่างเดียวมันซื้อไม่ได้ ….


“โอเค ไปที่รถกันเถอะ …” ซือเฟิงพยักหน้า


“ถ้าอย่างนั้นก็ตามฉันมาเลย หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม …”


ฟางฉีหานกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เธอจะเริ่มนำทางซือเฟิงไปยังรถของเธอ …. ขณะเดียวกันนั้นคำพูดล่าสุดของเธอมันก็ทำให้ชายผมยาวตกตะลึง


“เขา … คือ … หัวหน้ากิลงั้นหรอ ?”


ชายผมยาวมองไปยังซือเฟิง และเริ่มนึกถึงตอนที่เขาเคยเรียกซือเฟิงว่าน้องชาย ซึ่งเมื่อนึกถึงนั้น มันก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น


หากไม่ใช่พวกหน้าใหม่จริงๆที่พึ่งเล่น God domain นั้น ทุกคนจะต้องเคยได้ยินชื่อแบล๊คเฟรมมาก่อนอย่างแน่นอน โดยชายผู้นี้นั้นเป็นดั่งเทพสังหารแห่งสภาสิบแปดปีกที่ไม่มีผู้ใดจะสามารถหยุดเขาได้ เขาทั้งกล้าและบ้าบิ่นอย่างถึงที่สุด และสิ่งที่เขาทำสำเร็จหลายสิ่งมันก็เป็นดั่งตำนานใน God domain


ในเวลานี้นอกเหนือจากชายผมยาวแล้ว ชายและหญิงสาวหลายคนที่ต่อแถวรอเข้ารับการทดสอบอยู่ที่ได้ยินคำพูดล่าสุดของฟางฉีหานก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเช่นกัน


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?”


“ไม่มีทางน่า !! เขาคือนักบุญแห่งดาบแบล๊คเฟรมงั้นหรอ ?!!”


“มันมีข่าวลือว่าหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมเป็นชายในวัยสามสิบไม่ใช่หรอ ? แต่ชายคนนี้เต็มที่ก็น่าจะมีอายุแค่ยี่สิบสองถึงยี่สิบสามเท่านั้นเองนะอย่างมากที่สุด …”


สำหรับตัวตนและรูปลักษณ์ที่แท้จริงของแบล๊คเฟรมนั้น นอกเหนือจากเหล่าผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกแล้ว มันก็มีแต่เหล่าผู้บริหารระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆเท่านั้นที่รู้ ในส่วนของผู้เล่นทั่วไปนั้น พวกเขายังไม่ได้รู้ถึงตัวตนและรูปลักษณ์ที่แท้จริงของแบล๊คเฟรมกันแม้แต่นิดเดียวเลย


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณนี่เป็นพวกชอบรักษาโปรไฟล์ตัวเองให้ต่ำไว้จริงๆเลยนะ …. แม้แต่สมาชิกกิลของคุณส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้เลยว่าคุณเป็นใคร ….” ฟางฉีหานมองไปยังชายผมยาวที่ยืนหน้าซีดอยู่ด้านหลังของเธอแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ฉันคิดว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้ชายผมยาวนั่นนอนไม่หลับไปหลายวันเลยทีเดียว”


ซือเฟิงนั้นเพียงแค่พยักหน้าให้กับคำพูดของฟางฉีหานเท่านั้น ….


สำหรับชายผมยาวนั้น ซือเฟิงก็คิดจะเปิดเผยตัวตนของตัวเองให้ชายผู้นี้รู้ตั้งแต่ฟางฉีหานเดินเข้ามาแล้ว เพราะเขาต้องการจะแก้ความเข้าใจผิดของชายผู้นี้


อย่างไรก็ตามในตอนที่ซือเฟิง และฟางฉีหานเหลือระยะห่างจากรถของฟางฉีหานราวยี่สิบก้าวนั้น ซือเฟิงก็ได้หยุดลง และมองไปยังฝูงชนในจตุรัสเล็กๆ


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?”


ฟางฉีหานมองไปยังซือเฟิงที่หยุดลงอย่างกระทันหันอย่างแปลกๆ ก่อนที่เธอจะหันไปมองทิศทางที่ซือเฟิงมองไป


แม้ว่าตอนนี้มันจะมีคนหลายพันคนยืนอยู่บริเวณจตุรัสเล็กๆ แต่เธอก็สามารถสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าบางๆที่แผ่ออกมาจากคนมากกว่าหนึ่งโหลอย่างชัดเจน


อย่างไรก็ตามเจตนาฆ่านี้มันก็บางมากๆซะจน ถ้าไม่ได้อยู่ในระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์เป็นอย่างน้อยก็น่าจะไม่มีทางตรวจจับได้เลย


“ไม่จริงน่า !!! นี่พวกเขาเคลื่อนไหวกันเร็วขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?!!” ฟางฉีหานนั้นอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงเรื่องนี้ และคนๆเดียวที่จะสามารถสั่งระดมผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถจำนวนมากขนาดนี้มาได้ มันก็จะมีแต่ปรมาจารย์ทางจิตที่ซือเฟิงไปมีปัญหาด้วยแน่นอน “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม พวกเขาน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ปรมาจารย์ทางจิตส่งมา ซึ่งด้วยจำนวนของพวกเขาที่มีมากขนาดนี้นั้น พวกเราควรจะทำเป็นไม่สนใจ ทำให้เหมือนเราไม่ได้ค้นพบตัวตนของพวกเขา และรีบหนีเข้าไปซ่อนในรถของฉัน โดยเมื่อเราเข้าไปในรถของฉันได้นั้น ต่อให้คนเหล่านี้รวมตัวกันโจมตี พวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรได้แน่นอน”


แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะอยู่ในระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์หรือเหนือกว่าทั้งหมด แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรกับรถของเธอได้แน่นอน นี่คือเหตุผลที่มหาอำนาจต่างๆจำนวนมากล้วนต้องการซื้อมัน แต่อย่างไรก็ตามมันก็มีผู้ที่ซื้อได้จริงๆนั้นน้อยมาก ….


“ไม่ต้อง เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอก …” ซือเฟิงส่ายหัวก่อนที่เขาจะเดินอย่างช้าๆ “เดิมทีฉันต้องการจะทำเป็นไม่สนใจพวกเขา และปล่อยพวกเขาไว้อย่างนี้ แต่ตอนนี้พวกเขากับตามฉันมาถึงที่นี่ และทำตัวเหมือนแมลงวันที่น่ารำคาญมากๆ ดังนั้นฉันคงจะต้องสอนบทเรียนให้กับพวกเขาสักหน่อย !!!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)