Reincarnation Of The Strongest Sword God 2427 - 2444
2427 ตกตะลึงทั่วเกาะดราก้อนฮาร์ท
เมื่อพวกเขาได้ยินคำอธิบายของผู้อาวุโสหวู่ สมาชิกของวอร์บลัดและสตาร์ลิ้งต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงและไม่เชื่อ
“ทีมผู้อาวุโสฉีหลินแพ้งั้นหรอ ?” บลัดโอ๊ทพึมพำอย่างตกตะลึง มันยากที่จะเชื่อ แต่ผู้อาวุโสหวู่นั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกเขา และเขาก็รู้มาก่อนแล้วด้วยว่าอีวิลฉีหลินจะนำทีมของตัวเองเข้ามายังซากปรักหักพังโมลเทน
อย่างไรก็ตามอีวิลฉีหลินนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของวังปีศาจ แต่เขายังติดสิบอันดับแรกของผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะดราก้อนฮาร์ทด้วย และแม้แต่ซอร์ดเดมอนก็ยังไม่ได้ทรงพลังมากเท่ากับเขา
ยิ่งไปกว่านั้นผู้อาวุโสฉีหลินยังมีรองผู้บัญชาการจากกองกำลังหลักที่สามอีกสองคนของวังปีศาจอยู่กับเขาที่คอยสนับสนุนเขาในการต่อสู้ และบลัดโอ๊ทก็ได้เคยสัมผัสกับความแข็งแกร่งของพวกเขามาเป็นการส่วนตัวแล้ว ทั้งคู่นั้นสามารถที่จะต่อสู้กับซอร์ดเดมอนได้อย่างสบายๆเลย และแม้ว่าสมาชิกในทีมที่เหลือของอีวิลฉีหลินจะอ่อนแอกว่าเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มีมรดกพิเศษของโลกปีศาจนรก นอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่สุดสามอันดับแรกของเกาะดราก้อนฮาร์ทแล้ว มันก็ไม่ควรจะมีใครสามารถเอาชนะทีมของอีวิลฉีหลินได้
แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสหวู่กับเพิ่งแจ้งให้พวกเขาทราบว่าซือเฟิงได้ทำสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้นี้สำเร็จแล้ว แถมเขายังเกือบจะฆ่าอีวิลฉีหลินได้ทันที จะให้บลัดโอ๊ททำใจเชื่อเรื่องแปลกๆแบบนี้ได้ยังไงกัน ?
“ฉันรู้ว่าคุณไม่เชื่อฉัน แต่ฉันมีวีดีโอการต่อสู้ในครั้งนั้น คุณสามารถดูด้วยตัวเองได้เลย” ผู้อาวุโสหวู่กล่าวด้วยรอยยิ้มให้กับการแสดงออกที่เย็นชาของบลัดโอ๊ท จากนั้นเขาก็จัดการส่งวีดีโอไปให้ผู้บัญชาการของวอร์บลัด
ความจริงต้องบอกเลยว่าผู้อาวุโสหวู่นั้นรู้สึกไม่พอใจอยู่เล็กน้อยเช่นกันที่วอร์บลัดกล้าจะเพิกเฉยต่อคำพูดของสิบสามบัลลังก์ และเลือกจะติดตามทีมของฮีฟเว่นเบลดมาต่อ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดมากเลย หากจะต้องให้ทีมผสมของวอร์บลัดและสตาร์ลิ้งได้เรียนรู้ความจริงซะบ้าง
สำหรับตอนนี้วีดีโอการต่อสู้ของซือเฟิงนั้นยังไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไปสู่สาธารณะ แต่อย่างไรก็ตามด้วยความสามารถของวอร์บลัด พวกเขาก็จะรู้ถึงเรื่องนี้ในเวลาไม่นานเช่นกัน ดังนั้นผู้อาวุโสหวู่จึงไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมายนักที่จะให้พวกเขาได้รู้ตอนนี้เลย
เป็นไปได้ยังไงกัน ?! บลัดโอ๊ทที่ได้ดูวีดีโอแล้วนั้นอึ้งอย่างถึงที่สุด ผลการต่อสู้ในวีดีโอการต่อสู้นั้นมันไปไกลเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้
วีดีโอนี้ไม่เพียงแต่จะแสดงให้เห็นว่าซือเฟิงนั้นเกือบจะฆ่าอีวิลฉีหลินได้ในทันที แต่มันยังแสดงให้เห็นถึงการล่าถอยของทีมวังปีศาจที่ราวกับหมาหนีหางจุกตูด การต่อสู้ระหว่างซือเฟิง และผู้เชี่ยวชาญของวังปีศาจนั้น มันเป็นการต่อสู้ด้านเดียวอย่างสิ้นเชิง ….
“ด้วยผู้เล่นที่คุณมีที่นี่นั้น ทีมของคุณยังไม่มีความแข็งแกร่งมากพอจะจัดการกับแบล๊คเฟรมคนเดียวได้ด้วยซ้ำ แน่นอนว่าถ้าคุณคิดว่าตัวเองสามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดที่ไม่มีใครเทียบได้ของเกาะดราก้อนฮาร์ทได้ คุณก็สามารถลองจะท้าทายชายคนนั้นได้ ..” ผู้อาวุโสหวู่กล่าวด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ เมื่อเขาเห็นการแสดงออกของบลัดโอ๊ทแปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงไม่สนใจเรา เขาทรงพลังมากขนาดนี้อยู่แล้วนี่เอง ..” แม้แต่ซอร์ดเดมอนก็หน้าซีดเมื่อได้ดูวีดีโอ
ซอร์ดเดมอนนั้นรู้ว่าเขาแข็งแกรงกว่าดาร์คสกอร์เปี้ยนแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และนั่นก็เป็นเพียงเพราะว่าเขามีมาตราฐานการต่อสู้ที่เหนือกว่า อย่างไรก็ตามซือเฟิงกับสามารถฆ่าดาร์คสกอร์เปี้ยนได้ในการโจมตีเดียว ดังนั้นซอร์ดเดมอนจึงสามารถบอกได้เลยว่าเขาจะมีสภาพดีกว่าดาร์คสกอร์เปี้ยนแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต่อให้เขาเปิดใช้งานวงเวทย์การต่อสู้ก็ตาม เพราะท้ายที่สุดการเปิดใช้งานวงเวทย์การต่อสู้นั้นจะทำให้เขามีพลังเทียบเท่ากับอีวิลฉีหลินเท่านั้น และผลลัพธ์ในการต่อสู้ก็จะไม่แตกต่างไปจากเดิมแน่นอน
ตอนนี้อารมณ์ที่ซับซ้อนนั้นพลุ่งพล่านอยู่ในตัวของบลัดโอ๊ท เขานั้นทั้งรู้สึกกลัวและโชคดีในเวลาเดียวกัน
ความจริงที่ว่าซือเฟิงได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่มีใครเทียบได้ หลังจากมาถึงขั้นสามแล้ว มันทำให้เขาตกตะลึงจนแทบจะไม่สามารถขยับตัวได้จริงๆ และเขาก็ฉลองกับความจริงที่ว่าเขาไม่ได้รีบเข้าไปต่อสู้กับนักดาบ ไม่งั้นวอร์บลัดอาจจะเจอกับปัญหาใหญ่จนต้องถูกบังคับให้ใช้ไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา ซึ่งบลัดโอ๊ทนั้นต้องการหลีกเลี่ยงสิ่งนี้มากที่สุด
“ฉันได้เตือนคุณแล้ว ฉันได้ยินมาว่าวอร์บลัดมีความแค้นกับสภาสิบแปดปีก ซึ่งคุณก็ควรจะระวังตัวเองไว้หน่อยนะในอนาคต” ผู้อาวุโสหวู่กล่าวพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เขาจะออกจากห้องโถงไปพร้อมกับทีมของเขา
วอร์บลัดนั้นแทบไม่เห็นหัวสิบสามบัลลังก์เลย หลังจากได้รับการสนับสนุนจากวังปีศาจ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้สภาสิบแปดปีก มีสัตว์ประหลาดที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างซือเฟิงแล้ว ดังนั้นวอร์บลัดจึงจะมีหนทางแห่งความยากลำบากรออยู่ข้างหน้าแน่นอน
ไอ้จิ้งจอกเฒ่าน่ารังเกียจ !! บลัดโอ๊ทสาปแช่งอยู่ภายในใจ ขณะที่เขาเฝ้ามองร่างของผู้อาวุโสหวู่หายลับไป
ผู้อาวุโสหวู่นั้นไม่ได้บอกเขาด้วยความเมตตากรุณาใดๆ แต่มันเป็นการเตือนวอร์บลัดว่าตอนนี้ผู้สนับสนุนของทีมนักผจญภัยนั้นได้สร้างศัตรูที่ทรงพลังมาแล้ว ดังนั้นวอร์บลัดจึงหมดเหตุผลที่จะทำตัวเย่อหยิ่ง
“ผู้บัญชาการ ฉันกลัวว่าอนาคตของเราจะเป็นเรื่องท้าทายขึ้นมาก เพราะแบล๊คเฟรมนั้นแข็งแกร่งมาก …” อิ้งเฟเธอร์กล่าว
พวกเขานั้นปะทะกับสภาสิบแปดปีกมาบ่อยครั้งแล้วบนเกาะดราก้อนฮาร์ท ซึ่งหากซือเฟิงเลือกจะเพิกเฉยต่อชื่อเสียงและทุกอย่างของตัวเอง และเคลื่อนไหวโจมตีสมาชิกของวอร์บลัดเพียงอย่างเดียว ทีมนักผจญภัยจะต้องได้รับความสูญเสียอย่างหนักแน่นอน เพราะท้ายที่สุดวอร์บลัดจะไม่สามารถทำอะไรกับนักดาบได้เลย
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องไปพูดคุยเรื่องนี้กับวังปีศาจและสตาร์ลิ้ง” บลัดโอ๊ทกล่าว ตอนนี้เขาก็เข้าใจเช่นกันว่าสถานการณ์นี้มันไปไกลเกินกว่าขีดความสามารถของวอร์บลัดแล้ว สัตว์ประหลาดที่ไม่มีใครเทียบได้แบบซือเฟิงตอนนี้นั้นมีพลังและอิทธิพลที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก ดังนั้นความหวังเดียวในการเอาชีวิตรอดของวอร์บลัด คือ พึ่งพาสองมหาอำนาจ
ในขณะเดียวกันข่าวชัยชนะของซือเฟิงต่อทีมของอีวิลฉีหลินนั้นก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่า ความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมานั้นได้สร้างความตกตะลึงให้กับมหาอำนาจต่างๆบนเกาะดราก้อนฮาร์ทอย่างมาก เพราะท้ายที่สุดมันก็คงจะมีแต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่สุดสามอันดับแรกเท่านั้นที่จะสามารถทำแบบเขาได้
เหตุการณ์นี้ได้เริ่มเปลี่ยนทัศนคติของมหาอำนาจต่างๆเกี่ยวกับสภาสิบแปดปีก
แต่เดิมมหาอำนาจต่างๆนั้นรู้เพียงแค่ว่าพวกระดับสูงของสภาสิบแปดปีกมีพลังมากพอจะต่อสู้และจัดการกับผู้เล่นของมหาอำนาจทั่วไปได้ แต่เมื่อพูดถึงความแข็งแกร่งโดยรวมของกิลแล้ว พวกเขาไม่สามารถจะเทียบได้เลย
อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์นี้ มหาอำนาจต่างๆนั้นเริ่มจะมองว่าสภาสิบแปดปีกมีความเท่าเทียมกันแล้ว อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ พวกเขาก็ตั้งใจจะปฎิบัติกับหัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีกด้วยความเคารพเฉกเช่นเดียวกับหัวหน้ากิลของมหาอำนาจ
และทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะซือเฟิงนั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่มีใครเทียบได้ ในตอนที่เขามาถึงขั้นสามแล้ว ….
การเข้าถึงขั้นสามของ God domain นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดก็มีโอกาสน้อยกว่าห้าสิบเปอเซ็นต์ที่จะทำได้สำเร็จ และแม้ว่าจะเริ่มมีผู้เล่นจำนวนหนึ่งทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามเสร็จสิ้น ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถเก็บเลเวลได้เร็วขึ้น และได้รับอาวุธกับอุปกรณ์ชั้นยอดที่เหมาะกับเลเวลของตัวเองมามากขึ้น แต่พวกเขาก็ยังคงจัดเป็นส่วนน้อย เมื่อเทียบกับฐานผู้เล่นของ God domain
ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของผู้เล่นนั้นก็จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับระดับความยากที่พวกเขาทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามได้สำเร็จ ซึ่งมหาอำนาจต่างๆในตอนนี้ของเกมล้วนรู้เรื่องนี้ดี
จากพลังการต่อสู้ที่ซือเฟิงแสดงออกมานั้น มันก็ชัดเจนเลยว่าเขาสามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสาม ที่มีระดับความยากสูงมากได้สำเร็จ ดังนั้นการเติบโตและศักยภาพความแข็งแกร่งของเขาจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้เลย
ในขณะที่เหล่าผู้อยู่อาศัยบนเกาะดราก้อนฮาร์ทกำลังตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของซือเฟิง เขาก็ได้พาสมาชิกของฮีฟเว่นเบลดออกมาจากซากปรักหักพังโมลเทนได้อย่างปลอดภัย และในระหว่างการเดินทาง ผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆที่ได้พบกับพวกเขานั้นก็ล้วนจ้องมองไปยังซือเฟิงอย่างหวาดกลัว และทุกคนก็เปิดทางให้ทีมของซือเฟิงออกไปทันที
ฉากที่งดงามนี้ทำให้สมาชิกของฮีฟเว่นเบลดตกตะลึง นอกจากนี้นี่มันยังเป็นเครื่องยืนยันชั้นดีด้วยใน God domain ว่าความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง
ผู้บัญชาการซีเว่ยของพวกเขานั้นทรงพลังอย่างมาก และก็เป็นแท๊งเกอร์ที่ทรงพลังที่สุดอันดับต้นๆของเกาะดราก้อนฮาร์ท แต่เธอก็ไม่สามารถปลูกฝังความกลัว และความเคารพจากมหาอำนาจต่างๆได้แบบนี้
“ขอบคุณที่พาเราออกมาเป็นการส่วนตัวหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ กิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตจะเป็นของคุณ ..” ซีเว่ยกล่าว พลางนำกิ่งไม้ที่เป็นคริสตัลสีเทาเข้มออกมาจากกระเป๋า และยืนให้ซือเฟิงก่อนที่เธอจะพูดต่อว่า “อย่างไรก็ตามกิ่งนี้มันเหี่ยวไปแล้ว ฉันคิดว่าการจะคืนชีวิตให้มันนั้นจะเป็นเรื่องยากมากๆ”
ไม่ว่ากิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตจะมีค่ามากเพียงใด แต่มันก็เหี่ยวเฉาไปแล้ว ซึ่งมันแตกต่างจากกิ่งด้านข้าง เพราะเธอไม่สามารถสัมผัสถึงพลังชีวิตของมันได้จากกิ่งหลักเลย แม้ว่าซือเฟิงจะได้รับมันไป แต่การที่เขาจะเลี้ยงดูให้มันเติบโตขึ้นมาเป็นต้นไม้แห่งชีวิตได้ไหม มันก็ยังไม่แน่นอน
“หื้ม ?” ซือเฟิงรับกิ่งไม้ที่เป็นคริสตัลสีเทาเข้มมา และได้เริ่มการตรวจสอบโดยใช้สกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำของเขาทันที
2428 คุณภาพของต้นไม้แห่งชีวิต
ซือเฟิงนั้นไม่รู้ว่าซีเว่ยใช้วิธีการตรวจสอบแบบไหน เธอถึงรู้ว่ากิ่งหลักนี้เหี่ยว แต่อย่างไรก็ตามสกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำของเขานั้น มันไม่ใช่สกิลตรวจสอบแบบธรรมดา และด้วยสกิลนี้ เขาจะสามารถเปิดเผยข้อมูลโดยละเอียดของมันออกมาได้มากขึ้นมาก ดังนั้นเขาจึงอาจจะยังพอมีโอกาสในการเลี้ยงดูและทำให้กิ่งหลักนี้เติบโตเป็นต้นไม้แห่งชีวิต
ขณะที่ซือเฟิงทำการใช้สกิลนี้ตรวจสอบ แถบดาวโหลดสามสิบวินาทีก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของเขา
แม้แต่กิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตที่เหี่ยวไปแล้วก็ยังน่าอัศจรรย์แบบนี้เลยงั้นหรอ ?! ซือเฟิงจ้องมองไปที่กิ่งหลักในมือเขาด้วยความประหลาดใจ
สำหรับไอเทมระดับอีปิค สกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำของเขานั้น มันใช้เวลาในการตรวจสอบและประเมินราวยี่สิบเอ็ดถึงยี่สิบสองวินาทีเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามการตรวจสอบและประเมินกิ่งหลักนี้ต้องใช้เวลาถึงครึ่งนาที ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่ากิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตนั้นมีค่ามากกว่าไอเทมระดับอีปิคด้วย
นอกจากนี้นี่ยังเป็นเพียงกิ่งหลักจากต้นไม้แห่งชีวิต มันยังไม่ใช่ต้นที่แท้จริง ยิ่งไปกว่านั้นซีเว่ยยังได้ยืนยันว่ากิ่งหลักนี้เหี่ยวไปแล้ว ซึ่งมันก็หมายความว่า มันไม่น่าจะมีค่าเท่ากับกิ่งที่ยังมีชีวิต และไม่เหี่ยว ….
ใน God domain เผ่าเอลฟ์นั้นถือว่าต้นไม้แห่งชีวิตเป็นต้นไม้ศักสิทธิ์ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ดีไวน์อาติแฟคที่แท้จริง แต่ความสามารถและมูลค่าของมันนั้นก็ใกล้เคียง
แม้จะไม่มีพลังชีวิตเหลือแล้ว แต่กิ่งหลักในมือของเขาที่เหี่ยวแล้วก็ยังมีพลังมากกว่าไอเทมระดับอีปิค ซึ่งก็พิสูจน์ถึงศักยภาพของมันได้เป็นอย่างดี
ขอร้องเถอะ อย่าให้มันเป็นแค่ขยะเลย !!! แม้ว่ามันจะไม่มีพลังชีวิตเหลือแล้ว แต่ก็ให้มันมีอัตราการเหี่ยวน้อยกว่าเก้าสิบห้าเปอเซ็นต์ที !!! ซือเฟิงภาวนาในใจอย่างเงียบๆ ในขณะที่เขามองดูแถบโหลดค่อยๆถูกเติมเต็มไปเรื่อยๆ
ต้นไม้แห่งชีวิตนั้นแม้มันจะมีมูลค่ามาก แต่มันก็ไม่ใช่ไอเทมที่พิเศษไปเลย เพราะมหาอำนาจหลายกลุ่มในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาล้วนได้รับมันมา แต่อย่างไรก็ตาม มันมีแค่มหาอำนาจเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงดูต้นไม้แห่งชีวิตของพวกเขาเอง
โดยธรรมชาติแล้ว อัตราการเหี่ยวมันก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นกัน
จากการวิจัยของมหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงนั้น ทั้งกิ่งหลักและกิ่งด้านข้างของต้นไม้แห่งชีวิตจะไม่มีโอกาสรอดใดๆเลย หากอัตราการเหี่ยวมันมากกว่าเก้าสิบห้าเปอเซ็นต์ไปแล้ว และยิ่งมีอัตราการเหี่ยวต่ำเท่าไหร่ โอกาสที่จะเลี้ยงดูให้มันเติบโตได้ก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
กิ่งหลักโดยทั่วไปที่ไม่มีพลังชีวิตเหลืออยู่ มันจะมีอัตราการเหี่ยวอยู่ที่ประมาณแปดสิบเปอเซ็นต์ หรือสูงกว่านั้นนิดหน่อย ซึ่งกิ่งหลักในมือของซือเฟิงก็ควรจะเป็นแบบนั้นด้วยเช่นกัน ….
ซือเฟิงนั้นรู้ดีว่ากิ่งหลักที่มหาอำนาจต่างๆในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาได้รับมานั้นส่วนใหญ่จะไม่มีพลังชีวิตเหลือแล้ว อย่างไรก็ตามกิ่งหลักแบบนี้มันก็มีค่ามากอย่างไม่น่าเชื่อ และตราบใดที่มันสามารถเติบโตได้ มันก็จะมีค่ามากพอๆกับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานหลายชิ้นเลย
เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานนั้นจัดเป็นสมบัติที่หายากและมีค่าอย่างมากใน God domain และแม้แต่ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา โดยเฉลี่ยกิลชั้นสูงส่วนใหญ่ก็มีพวกมันไม่ถึงสิบห้าชิ้นด้วยซ้ำ
กิลชั้นสูงในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงนั้น หลังจากผ่านไปสิบปี พวกเขาส่วนใหญ่ควบคุมเมืองอยู่ในหลายอาณาจักร และมีสมาชิกนับล้านคน แต่กระนั้น พวกเขาก็ได้รับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เวลานั้นผ่านไปอย่างช้าๆ ขณะที่ความกังวลของซือเฟิงก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแต่ละวินาทีค่อยๆผ่านไป
สิบวินาที … ยี่สิบวินาที …
ในขณะที่ซือเฟิงกำลังจ้องมองไปยังกิ่งหลักในมือเขาอย่างตั้งใจ ซีเว่ยก็พูดขึ้น
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ฮีฟเว่นเบลดรอดพ้นจากการถูกสังหารหมู่ครั้งใหญ่มาได้ก็เพราะการที่คุณมาถึงในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งหากคุณสนใจ เรายินดีจะแลกเปลี่ยนกิ่งด้านข้างของต้นไม้แห่งชีวิตกับไอเทมระดับอีปิคเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยหนึ่งชิ้นนะ” ซีเว่ยกล่าวขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิงอย่างรู้สึกแย่
สภาสิบแปดปีกนั้นได้ช่วยฮีฟเว่นเบลดไว้อย่างมาก เพราะหากทีมของซือเฟิงมาถึงช้ากว่านี้อีกแค่ไม่กี่นาที ฮีฟเว่นเบลดจะสูญเสียทุกอย่างแน่นอน และเธอก็ไม่ได้รู้สึกดีเลยที่ค่าตอบแทนที่สภาสิบแปดปีกได้รับเป็นแค่กิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตที่เหี่ยวไปแล้ว
“ไม่จำเป็นต้องรู้สึกแย่กับเรื่องนี้ ผู้บัญชาการซีเว่ย ข้อตกลงคือข้อตกลง ในความเป็นจริงสภาสิบแปดปีกนั้นได้รับประโยชน์อย่างมากจากการทำธุรกรรมครั้งนี้ และการจะเลี้ยงดูกิ่งด้านข้างของต้นไม้แห่งชีวิตขึ้นมาให้ได้นั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ซึ่งฮีฟเว่นเบลดนั้นก็ได้รับความสูญเสียไปอย่างหนักแล้วในซากปรักหักพังโมลเทน หากคุณขายกิ่งด้านข้างอื่นมาอีก มันจะไม่ต่างจากคุณเสียเวลาไปโดยสิ้นเชิงเลย” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว ขณะที่เขาปฎิเสธข้อเสนอที่เป็นเจตนาดีของซีเว่ย “เอาแบบนี้เป็นยังไง ? หากคุณมีวัสดุหายากที่ต้องการขาย สภาสิบแปดปีกยินดีจะซื้อมันในราคาตลาด”
กิ่งด้านข้างของต้นไม้แห่งชีวิตนั้นมีมูลค่าเท่ากับไอเทมระดับอีปิคเลเวลหนึ่งร้อยหลายชิ้น หากเขายอมรับข้อเสนอของซีเว่ย สภาสิบแปดปีกจะทำกำไรได้อย่างมหาศาล
อย่างไรก็ตามกิ่งด้านข้างของต้นไม้แห่งชีวิตนั้นไม่ได้มีความสำคัญกับซือเฟิงมากนักเลย ดังนั้นแทนที่จะมามัวทำกำไรจากการซื้อขายครั้งเดียว เขาสู้ทำการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างฮีฟเว่นเบลด และสภาสิบแปดปีกดีกว่า
ฮีฟเว่นเบลดนั้นเป็นทีมนักผจญภัยที่แข็งแกร่งที่สุดอันดับห้าบนเกาะดราก้อนฮาร์ท และแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเทียบกับมหาอำนาจต่างๆได้ แต่มันก็ไม่ควรมองข้ามความสามารถของพวกเขาในเรื่องกองทัพเรือ นอกจากนี้ฮีฟเว่นเบลดยังมีทีมนักผจญภัยอีกหลายสิบทีมอยู่ใต้อาณัติ ซึ่งโดยรวมแล้วมันทำให้ฮีฟเว่นเบลดสามารถเข้าถึงทรัพยากรของท้องทะเลได้มากพอๆกับดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนเลย
ในขณะที่ God domain กำลังดำเนินไปเรื่อยๆ ผู้เล่นจะเริ่มหันความสนใจมายังท้องทะเลกันมากขึ้น เพราะท้ายที่สุด God domain มีพื้นที่เป็นมหาสมุทรมากกว่าผืนดิน แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วสภาสิบแปดปีกจะสามารถสร้างกองทัพเรือที่แท้จริงของตัวเองได้สำเร็จ แต่กิลก็สามารถจะรักษาทรัพยากรที่มีอยู่ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมด้วยความสามารถทางกองทัพเรือที่น่ากลัวมากของวอร์บลัด ทำให้
สตาร์ลิ้งเลือกจะเป็นพันธมิตรกับพวกเขา
หากสภาสิบแปดปีกสามารถเป็นพันธมิตรกับฮีฟเว่นเบลดได้ และได้รับแหล่งวัสดุที่มั่นคง การร่วมมือกันครั้งนี้จะคุ้มค่ามากกว่ากิ่งด้านข้างของต้นไม้แห่งชีวิต กิ่งหนึ่งมาก ….
“เอาล่ะ ถ้าคุณยืนยันแบบนั้น จากนี้ไปเราจะขายวัสดุหายากทั้งหมดที่เราหาได้ให้กับสภาสิบแปดปีกในราคาตลาด” ซีเว่ยกล่าวเห็นด้วยอย่างประหลาดใจ เธอไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะปฎิเสธข้อเสนอของเธอ กิ่งด้านข้างของต้นไม้แห่งชีวิตยังคงเป็นที่ต้องการมาก แม้แต่ในหมู่มหาอำนาจต่างๆ จากนั้นเธอก็หันไปหาคลีนซิ่งเฟรม และพูดว่า “เฟรม นับจากนี้คุณจะเป็นรองผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัย และทำหน้าที่ดูแลวัสดุของเราโดยตรง นอกจากนี้คุณยังจะต้องรับผิดชอบการทำธุรกรรมกับสภาสิบแปดปีกด้วย”
คลีนซิ่งเฟรมตกตะลึง เธอไม่คิดเลยว่าซีเว่ยจะเลื่อนตำแหน่งให้เธอเป็นรองผู้บัญชาการอย่างกระทันหัน อย่างไรก็ตาม เธอก็หายตกตะลึงอย่างรวดเร็วและพยักหน้าพลางพูดว่า “รับทราบผู้บัญชาการ !!!”
ขณะเดียวกันสมาชิกของฮีฟเว่นเบลดก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉาเพื่อนของพวกเขา
ฮีฟเว่นเบลดอาจไม่ใช่มหาอำนาจ แต่มันก็เป็นทีมนักผจญภัยชั้นยอดที่มีสมาชิกนับหมื่น และมันก็มีทีมนักผจญภัยหลายโหลอยู่ภายใต้อาณัติ และแม้แต่เหล่ามหาอำนาจก็ยังต้องปฎิบัติต่อรองผู้บัญชาการสี่คนของฮีฟเว่นเบลดเป็นอย่างดี
ดังนั้นทำไมพวกเขาจึงจะไม่อิจฉาล่ะ เมื่อได้เห็นว่าคลีนซิ่งเฟรมพึ่งจะกลายเป็นรองผู้บัญชาการคนที่ห้าของทีมนักผจญภัย ….
แน่นอนว่าแม้จะอิจฉา แต่ก็ไม่มีใครคัดค้านการเลื่อนตำแหน่งให้กับคลีนซิ่งเฟรม เพราะท้ายที่สุดแล้ว เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์อย่างแท้จริง เธอเป็นเพียงแค่ผู้โชคร้ายในระหว่างการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามที่ล้มเหลวเท่านั้น อย่างไรก็ตามด้วยมาตราฐานการต่อสู้ของเธอ เธอนั้นเหมาะกับตำแหน่งนี้อย่างมาก แต่ก่อนหน้านี้ที่เธอยังไม่ได้เลื่อนตำแหน่งก็เพราะเธอยังไม่ได้มีส่วนร่วมกับทีมนักผจญภัยอย่างมากเพียงพอ
อย่างไรก็ตามหลังจากเรื่องที่ซากปรักหักพังโมลเทนในครั้งนี้ ทุกอย่างมันก็แตกต่างออกไป กองกำลังหลักของพวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงการถูกทำลายล้างได้เพราะความสำเร็จของคลีนซิ่งเฟรมที่รับเอาความช่วยเหลือจากซือเฟิงมาได้ และความสำเร็จครั้งนี้มันก็มากเกินพอแล้วที่จะทำให้เธอได้รับตำแหน่งรองผู้บัญชาการ
แม้แต่ยู่หลัวก็ยังรู้สึกอิจฉาคลีนซิ่งเฟรมเล็กน้อย เธอนั้นโชคดีที่ได้พบกับสัตว์ประหลาดที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างซือเฟิง และได้กลายเป็นรองผู้บัญชาการก่อนยู่หลัว
ยู่หลัวนั้นรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อทีมของเธอพบกับทีมของซีเว่ยและซือเฟิง เมื่อเดินทางเข้ามายังทางเดินชั้นในได้ครึ่งทาง เธอไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะสามารถเข้าถึงตัวผู้บัญชาการของเธอได้สำเร็จจริงๆ และจากสิ่งที่สมาชิกในทีมของซีเว่ยบอกเธอ ดูเหมือนว่าซือเฟิงจะปราบปรามผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของวอร์บลัดกับสตาร์ลิ้ง สามสิบสองคนได้ด้วยตัวคนเดียวด้วย
รอก่อนเถอะ !!! ในไม่ช้าฉันจะกลายเป็นรองผู้บัญชาการด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง !!! ยู่หลัวสาบานภายในใจ ขณะที่จ้องมองไปยังซือเฟิง
ในขณะที่สมาชิกของฮีฟเว่นเบลดกำลังเต็มไปด้วยความอิจฉาคลีนซิ่งเฟรม แถบดาวโหลดตรงหน้าของซือเฟิงนั้นก็เสร็จสมบูรณ์ จากนั้นแผงข้อมูลของกิ่งหลักนี้ก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าของซือเฟิง
อะไรกัน ?! นี่คือกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตที่รอดมาจากการทำลายล้างครั้งใหญ่งั้นหรอ ?!
2429 ต้นไม้แห่งชีวิตระดับดีไวน์อาติแฟค
ซือเฟิงจ้องมองไปที่แผงข้อมูลตรงหน้าของเขาด้วยความตกตะลึง และตอนนี้เขาก็กำลังสงสัยว่า เขาฝันอยู่รึปล่าว
[กิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตที่เหี่ยวเฉา] (เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานพิเศษ)
กิ่งไม้หลักที่เหี่ยวเฉาจากต้นไม้แห่งชีวิต กิ่งนี้มีร่องรอยของพลังงานของโลกที่รอดมาจากการทำลายล้างครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน
อัตราเหี่ยวเฉา : 94 เปอเซ็นต์
ข้อมูลที่กล่าวแนะนำกิ่งนั้นเรียบง่าย และสั้นมาก ซึ่งผู้เล่นที่พึ่งเข้าสู่ God domain นั้นจะไม่เห็นคุณค่าใดๆของกิ่งหลักนี้เลย แต่สำหรับซือเฟิงผู้ซึ่งรู้เรื่องราวของโลกนี้อย่างมากมายจากชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นมันเป็นเรื่องรางที่แตกต่างออกไป
ต้นไม้แห่งชีวิตของเผ่าเอลฟ์นั้นเป็นต้นไม้แห่งชีวิตที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ใน God domain และมันยังเป็นต้นไม้แห่งชีวิตที่มีคุณภาพสูงสุดด้วย และมันก็สามารถเติบโตขึ้นมาได้หลังจากการทำลายล้างครั้งใหญ่เท่านั้น
อย่างไรก็ตามกิ่งหลักในมือของซือเฟิงนั้นมันเก่ากว่า นี่มันไม่น่าเชื่อเลย !!!
ก่อนที่จะเกิดการทำลายล้างครั้งใหญ่ God domain นั้นเป็นยุคของเหล่าทวยเทพ ซึ่งมันเป็นยุคที่เทพสามารถเดินทางท่องไปยังที่ต่างๆของทวีปได้ ดังนั้นใครๆก็น่าจะสามารถจินตนาการได้ว่าโลกในตอนนั้นมันน่าอัศจรรย์มากขนาดไหน
มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะกล่าวว่าแม้แต่สิ่งของธรรมดาที่เหลือรอดมาจากการทำลายล้างครั้งใหญ่ก็เป็นสมบัติล้ำค่าในยุคปัจจุบัน ซือเฟิงไม่สามารถจะจินตนาการได้เลยด้วยซ้ำว่าระดับของต้นไม้แห่งชีวิตที่อยู่ในตอนนั้นจะเป็นอย่างไร
สำหรับสิ่งที่เขารู้นั้นคือ ต้นไม้แห่งชีวิตเหล่านั้นอาจเป็นดีไวน์อาติแฟค
ดีไวน์อาติแฟคนั้นสามารถจะกำหนดความเจริญรุ่งเรืองหรือความตายของทั้งเผ่าพันธุ์ได้เลย สิ่งของเหล่านี้นั้นเป็นเหมือนกับลูกๆของเทพโบราณ
ซือเฟิงนั้นได้เห็นแผงข้อมูลของดีไวน์อาติแฟคมาเพียงแค่สองชิ้นเท่านั้นในวิหารเทพสงคราม เนื่องจากเควสระดับตำนานเนื้อเรื่องหลัก ซึ่งวิหารเทพสงครามนั้นเป็นหนึ่งในขุมอำนาจที่ทรงพลังมากที่สุดใน God domain มันไม่มีอาณาจักร หรือจักรวรรดิใดจะสามารถเทียบกับมันได้ และถึงแม้จะมีพลังแบบนั้น แต่วิหารเทพสงครามก็มีดีไวน์อาติแฟคแค่สองชิ้นเท่านั้นในครอบครอง
ก่อนหน้านี้ซือเฟิงนั้นไม่เคยเข้าใจความแข็งแกร่งของดีไวน์อาติแฟคเลย ในความเป็นจริงเขาเคยสงสัยด้วยซ้ำว่าผู้เล่นจะมีสิทได้จับมันสักครั้งไหม
แม้จะอยู่ใน God domain มานานนับทศวรรษ แต่เขาก็ไม่เคยยินมาก่อนเลยว่าผู้เล่นคนไหนได้รับดีไวน์อาติแฟคไป ไอเทมที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยเห็นว่าผู้เล่นได้รับมา คือระดับตำนาน
ไอเทมระดับตำนานนั้นทำให้ผู้เล่นสามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้ ซึ่งหากผู้เล่นได้เป็นเจ้าของดีไวน์อาติแฟคจริงๆ พวกเขาอาจจะได้รับพลังที่ไม่อาจจะจินตนาการได้เลย
แม้ว่าต้นไม้แห่งชีวิตจะไม่ใช่อาวุธหรืออุปกรณ์ แต่มันก็สามารถผลิตสิ่งของมีค่าอย่างน้ำแห่งชีวิต ผลไม้แห่งชีวิต และนิวเคลียสแห่งชีวิตได้ และยิ่งมีระดับสูงเท่าหร่ ต้นไม้แห่งชีวิตก็จะยิ่งสามารถผลิตสิ่งของแบบนี้ได้มากขึ้น และระยะเวลารอบในการผลิตก็จะสั้นลงด้วย
ที่ระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน ต้นไม้แห่งชีวิตนั้นจะมีรอบการผลิตที่หนึ่งเดือน ซึ่งจะให้ผลตอบแทนเป็นไอเทมที่กล่าวมาอย่างละสามชิ้นเท่านั้น ขณะที่ต้นไม้แห่งชีวิตระดับตำนานจะสามารถผลิตไอเทมแต่ละชิ้นทั้งหมดได้ราวสามถึงห้าชิ้นทุกสองสัปดาห์
อย่างไรก็ตามอัตราการเหี่ยวของกิ่งหลักในมือขงซือเฟิงนั้นก็สูงถึงเก้าสิบสี่เปอเซ็นต์ และมันอยู่ห่างจากการกลายเป็นสิ่งของไร้ประโยชน์แค่เพียงหนึ่งเปอเซ็นต์เท่านั้น ซึ่งฉันจะมีโอกาสน้อยกว่าสิบเปอเซ็นต์ในการจะฟื้นคืนชีวิตให้กับมัน ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เมื่อนึกถึงอัตราการเหี่ยว
เขานั้นรู้ว่ากิ่งไม้นี้จะไร้ประโยชน์ไปเลยหากมีอัตราการเหี่ยวที่เก้าสิบห้าเปอเซ็นต์หรือสูงกว่า ยิ่งไปกว่านั้นในชีวิตที่ผ่านมาของเขามันมีมหาอำนาจเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่สามารถฟื้นคืนชีวิตให้กับกิ่งที่มีอัตราการเหี่ยวเก้าสิบสี่เปอเซ็นต์ได้ แถมกิ่งนั้นยังเป็นเพียงกิ่งด้านข้างเท่านั้นด้วย
แน่นอนว่ามันไม่มีความแตกต่างกันมากนักระหว่างการฟื้นคืนชีวิตให้กับกิ่งหลัก และกิ่งด้านข้าง เพราะทั้งสองอย่างนั้นต้องการวัสดุที่มีความบริสุทธิ์ของมานาสูงแบบคงที่เหมือนกันเพื่อใช้ฟื้นคืยพลังชีวิตของกิ่ง และทำให้มันสามารถเติบโตตามธรรมชามติได้
แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะทำให้กิ่งที่มีอัตราการเหี่ยวเก้าสิบสี่เปอเซ็นต์กลับมามีชีวิตได้ ต่อให้กิ่งนั้นอยู่ในระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานก็ตาม
การจะฟื้นคืนพลังชีวิตให้กับกิ่งหลักของต้นไม้แห่งชีวิตนั้นจะต้องใช้วัสดุระดับตำนานที่มีความหนาแน่นของมานาและพลังชีวิตสูงมาก ซึ่งวัสดุระดับนี้นั้นมันหายากมากอย่างน่าเจ็บปวด และส่วนใหญ่ผู้เล่นจะต้องพึ่งโชคเท่านั้นจึงจะได้รับมันมาสักชิ้น
หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ซือเฟิงก็คิดว่ามันสมเหตุสมผล เพราะท้ายที่สุดหากพูดถึงต้นไม้แห่งชีวิตระดับดีไวน์อาติแฟคแล้ว วัสดุระดับตำนานก็จัดว่าไม่มีอะไรเลย
ดูเหมือนว่าฉันจะต้องเตรียมตัวเดินทางไปยังทวีปหลักด้านตะวันตกแบบเป็นกิจจะลักษณะสักที ซือเฟิงตัดสินใจภายในใจ
เท่าที่เขารู้มันมีเพียงแค่วัสดุระดับตำนานสองอย่างเท่านั้นที่เข้าเกณฑ์ที่จะสามารถช่วยเขาฟื้ยคืนพลังชีวิตของกิ่งหลักในมือเขาได้
อย่างแรกเลยคือ แกนโลก ซึ่งเป็นไอเทมที่จะปรากฎเมื่อโลกถูกทำลายเท่านั้น และในชีวิตที่ผ่านมาของเขา มันก็มีแกนโลกแค่สามชิ้นที่ปรากฎขึ้นมา โดยมันมีมหาอำนาจมากกว่าสิบกลุ่มที่ต่อสู้แย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง
แกนโลกนั้นเป็นวัสดุที่ดีที่สุดที่สามารถใช้ผลิตไอเทมระดับตำนานได้ และในตอนนั้นผู้เล่นคิดว่าแกนโลกนี้เป็นไอเทมระดับดีไวน์อาติแฟคด้วยซ้ำ
ขณะที่อย่างที่สองที่ซือเฟิงรู้ คือ ดาวแห่งแสง
ดาวแห่งแสงนั้นเป็นวัสดุที่หายากมากๆ ซึ่งมันสามารถพบได้ในดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ที่ตกลงมายังทวีปด้านตะวันตกเท่านั้น และในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง ผู้เล่นก็พบมันแค่หกชิ้นเท่านั้น และแม้ว่าพวกมันจะไม่ได้หายากเท่ากับแกนโลก แต่พวกมันก็มีค่ามากกว่าเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานด้วยซ้ำ
ผู้เล่นนั้นสามารถจะใช้ดาวแห่งแสง เป็นแกนหลักของวงเวทย์ของเมืองได้ และสิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มการป้องกันและความหนาแน่นของมานาภายในเมืองขึ้นอย่างมาก แต่วงเวทย์ที่มีดาวแห่งแสงเป็นแกนหลักนี้ยังจะสามารถดูดซับแสงดาวในเวลากลางคืน เข้ามาเติมเป็นมานาสำรองโดยอัตโนมัติได้ ซึ่งมันก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายคริสตัลเวทย์มนต์ของเมืองลงอย่างมาก ดังนั้นมันจึงเป็นไอเทมที่เหมาะกับเมืองกิลเลย
หลังจากตรวจสอบกิ่งหลักนี้เรียบร้อยแล้ว ซือเฟิงก็แยกทางกับสมาชิกของฮีฟเว่นเบลดที่ซากปรักหักพังโมลเทน และเดินทางกลับพร้อมกับทีมของเขา ตอนนี้เขาไม่อยากจะเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว
ซากปรักหักพังโมลเทนนั้นอาจมีสมบัติมากมาย รวมไปถึงไข่ของอะเม้าท์บินได้ แต่มันก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถเทียบได้กับต้นไม้แห่งชีวิตเลย นอกจากนี้สภาสิบแปดปีกยังมีแบบแปลนเรือเหาะมังกรสีเลือดแล้ว ดังนั้นตราบใดที่กิลมีวัสดุเพียงพอ กิลก็จะสามารถผลิตเรือเหาะจำนวนมากได้ ซึ่งนี่จะดูเป็นวิธีการที่ดีกว่าการได้รับอะเม้าท์บินได้จำนวนมาก
ที่สำคัญที่สุดคือถ้าเขาสามารถฟื้นคืนพลังชีวิตให้กับกิ่งหลักนี้ได้ และสามารถปลูกต้นไม้แห่งชีวิตขึ้นมาได้ เขาก็จะได้รับแหล่งผลไม้แห่งชีวิต น้ำแห่งชีวิต และนิวเคลียสแห่งชีวิตที่แน่นอนมา ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้เขาสามารถเพิ่มศักยภาพของกองกำลังองครักษ์ส่วนตัวของกิลได้ แต่เขายังจะสามารถใช้มันเพิ่มศักยภาพของอะเม้าท์บินได้ ได้ด้วยเช่นกัน
ใน God domain อะเม้าท์บินได้นั้นมีระดับที่แตกต่างกันออกไป และมันจะสามารถช่วยผู้เล่นได้มากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับระดับของมัน
แถมเมื่อซือเฟิงมีแหล่งของนิวเคลียสแห่งชีวิตที่แน่นอน เขาก็ยังจะสามารถใช้มันเพื่อผลิตอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคจำนวนมากได้ด้วย
ระหว่างที่ซือเฟิงกำลังจะกลับไปที่เมืองไวท์ริเวอร์พร้อมกับทีมของเขา มันก็มีคนโทรเข้ามาหาเขา ซึ่งผู้โทรนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฟีนิกซ์เรนที่ซือเฟิงไม่สามารถจะติดต่อได้ในขณะที่เขาอยู่ในซากปรักหักพัง
“ปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน มีบางอย่างเกิดขึ้นที่ซากปรักหักพังงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถาม
ในตอนแรกเขาวางแผนที่จะไปพบกับไฟเออร์แดนซ์และทีมของฟีนิกซ์เรนเพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกของวอร์บลัดและสตาร์ลิ้งซุ่มโจมตีพวกเขาได้ แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากชัยชนะที่เขามีต่อทีมของอีวิลฉีหลินนั้นมันจึงทำให้เขามั่นใจว่าศัตรูจะไม่กล้าก่อปัญหามากขึ้นให้กับเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไปพบกับคนเหล่านี้ และปล่อยให้พวกเขาสำรวจซากปรักหักพังต่อไป
เขานั้นมีเรื่องกังวลเรื่องอื่นในตอนนี้ และทีมของฟีนิกซ์กับไฟเออร์แดนซ์นั้นก็น่าจะสามารถรับมือทุกอย่างที่ผ่านมาในซากปรักหักพังโมลเทนได้
“ไม่มีอะไรผิดปกติที่ซากปรักหักพังโมลเทน อันที่จริงต้องบอกเลยว่าสมาชิกของวอร์บลัดกับสตาร์ลิ้งนั้นไม่กล้าจะเข้ามายุ่งกับเราด้วยซ้ำ …” ฟีนิกซ์เรนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “และเราก็โชคดีมากๆ จนถึงตอนนี้เราพบไข่อินทรีเขาสองฟองแล้ว …”
“คุณเจอมากขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้
แม้ว่าซากปรักหักพังโมลเทนจะจัดว่าเป็นขุมทรัพย์ แต่การจะได้รับอะเม้าท์บินได้จำนวนมากจากมันนั้นเป็นไปไม่ได้เลย เขาคิดว่าอย่างมากไข่อินทรีเขาก็จะมีอยู่ที่ซากปรักหักพังนี้แค่ราวยี่สิบฟองเท่านั้น ไม่งั้นอะเม้าท์บินได้คงจะมีวางขายทั่วไปแล้วในชีวิตที่ผ่านมาของเขา มันจะไม่ได้เป็นของหรูหราแน่นอน และด้วยไข่ที่มีอยู่แค่นี้ ดังนั้นก็ต้องบอกเลยว่ามันจะโชคดีมากแล้ว หากทีมของฟีนิกซ์เรนกับไฟเออร์แดนซ์ไปพบเข้าสักฟอง
อย่างไรก็ตามตอนนี้ หลังจากใช้เวลาอยู่แค่ไม่กี่ชั่วโมงในซากปรักหักพังโมลเทน พวกเขากับค้นพบไข่อินทรีเขาถึงสองฟองแล้ว แม้ว่าโชคจะเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้ แต่การเก็บเกี่ยวของพวกเขาก็ยังน่าประหลาดใจมากอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นภายใต้การนำของฟีนิกซ์เรน พวกเขายังสำรวจกันแค่พื้นที่ชั้นนอกเท่านั้นด้วย ยังไม่ได้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในเลย
“เราโชคดีที่บังเอิญเจอห้องที่ซ่อนอยู่น่ะ …” ฟีนิกซ์เรนกล่าวพลางพยักหน้า จากนั้นเธอก็พูดติดตลกว่า “อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้โทรมาหาคุณเพื่อจะคุยโม้ ฉันพึ่งได้รับข้อความจากสำนักงานใหญ่หลักของฉันมาว่าตัวแทนของไมโทโลจี้ได้เข้ามาที่สถานที่พักกิลของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน และสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยน ได้เรียกปรมาจารย์พาวิลเลี่ยนสองคนกลับไป ซึ่งฉันไม่คิดว่าไมโทโลจี้จะมาดี ดังนั้นฉันจึงอยากเชิญท่านลอร์ดสัตว์ประหลาดไปกับฉันหน่อยในเรื่องนี้ เพราะเมื่อมีคุณอยู่เคียงข้าง ฉันน่าจะรับมือกับปัญหาได้มากขึ้น”
“ไมโทโลจี้ ?” ซือเฟิงขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินชื่อนี้ เขาไม่คิดเลยว่าฟางฉีหานจะลงมืออย่างรวดเร็วขนาดนี้ และล๊อคเป้าไปที่ฟีนิกซ์เรน “เอาล่ะ ฉันจะรีบตามคุณไปทันที !!!”
เขาไม่แน่ใจว่าไมโทโลจี้นั้นจะพยายามทำร้ายสภาสิบแปดปีกด้วยการกดดันดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่รังเกียจที่จะใช้โอกาสนี้อวดความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีก
หลังจากวางสายไป ซือเฟิงก็ได้ติดต่อเมลานโครอิคสไมล์
“เมลานโครอิค การผลิตเรือเหาะมังกรสีเลือดไปถึงไหนแล้ว ?”
2430 ไมโทโลจี้
สันเขาดอร์น เมืองทไวไลท์ :
สันเขาดอร์นตั้งอยู่ใกล้กับแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยที่ใกล้กับจักรวรรดิอะโพคาลิปมากที่สุด และมันก็ได้กลายเป็นศูนย์กลางของผู้เล่นชั้นแนวหน้าของจักรวรรดิมานานแล้ว มหาอำนาจต่างๆหลายกลุ่มเองก็จัดตั้งเมืองกิลขึ้นในพื้นที่จำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตามจากบรรดาเมืองทั้งหมดนั้น เมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือเมืองทไวไลท์ ซึ่งเมืองทไวไลท์นั้นมีประชากรผู้เล่นมากกว่าสามล้านคน และมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองของ NPC เลย
สันเขาดอร์นนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ระหว่างภูเขาและทะเล เมืองทไวไลท์ได้รับการจัดตั้งขึ้นบนเนินเขาใกล้ชายฝั่ง ซึ่งผู้เล่นไม่เพียงแต่จะสามารถเข้าถึงทะเลจากเมืองได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเขายังจะสามารถเข้าถึงแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยได้อย่างรวดเร็วด้วย ดังนั้นสถานที่แห่งนี้นั้นจึงสามารถอำนวยความสะดวกให้สำหรับผู้เล่นที่ต้องการเดินทางเข้า หรืออกมาผ่านทะเลได้ด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เมืองได้รับความนิยมอย่างมาก
นอกเหนือจากทำเลที่ตั้งที่สะดวกสบายของเมืองแล้ว เมืองทไวไลท์ยังได้รับความนิยมอย่างมาก อันเนื่องมาจากมันเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่หลักของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน มันจึงเป็นเมืองกิลที่ได้รับการพัฒนาอย่างมากที่สุดในหมู่เมืองกิลของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน และมันก็ปลอดภัยกว่าเมืองอื่นๆในสันเขาดอร์นอย่างมาก
ในขณะเดียวกันตอนนี้ มันก็มีแสงหลายแสงกระพริบขึ้นที่กิลฮอลของสถานที่พักกิลของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน และเมื่อฟีนิกซ์เรนกับทีมของเธอได้กลับมาถึงที่สถานที่พักกิล เหล่าสมาชิกกิลหลายคนก็ล้วนมองไปยังเธออย่างเคารพ โดยเฉพาะกับเหล่าบรรดาชายหนุ่มและหญิงสาวที่พึ่งจะเข้าร่วมกับดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน เมื่อพวกเขาเห็นร่างในเสื้อคลุมสีแดงสดของฟีนิกซ์เรน พวกเขาก็เต็มไปด้วยความหลงใหลมากๆ
“ปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนนั้นช่างยอดเยี่ยมมากๆ !!! ไม่เพียงแต่เธอจะมีเสน่ห์มากเท่านั้น แต่เธอยังทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามที่มีความยากสูงมากสำเร็จได้ในครั้งเดียว และเธอก็มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสามแล้วด้วย ฉันหวังว่าฉันจะได้เข้าเป็นทีมองครักษ์ส่วนตัวของเธอบ้าง และได้เล่น God domain กับเธอทุกวัน” Elementalist หญิง เลเวลหนึ่งร้อยกล่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเคารพและตื่นเต้น
“หยุดฝันไปได้เลย เธอพึ่งจะเข้าร่วมกิล แต่เธอต้องการเป็นทีมองครักษ์ส่วนตัวของปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนแล้วงั้นหรอ ? มันมีเพียงผู้มาใหม่ที่ระดับชั้นยอดเท่านั้นจึงจะได้รับตำแหน่งดังกล่าว คุณน่าจะได้เห็นผู้เล่นระดับสัตว์ประหลาดเหล่านั้น เพราะแม้ว่าค่าสถานะของพวกเขาจะถูกทำให้เท่าเทียมกับเรา พวกเขาก็จะสามารถฆ่าเราหลายโหลได้ด้วยตัวคนเดียวเลย” เบอเซิกเกอร์ชาย หัวหน้าทีมของ Elementalist กลอกตาของเขาพลางอธิบาย
กาลครั้งหนึ่ง เขาเองก็เคยใฝ่ฝันที่จะได้รับตำแหน่งสูงๆในกิล แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาพึ่งจะเข้าร่วมการฝึกของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนได้ไม่นาน และพึ่งจะเริ่มรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริง เขาจึงอยู่ในสถานะสิ้นหวังมากๆ ความแตกต่างระหว่างเขากับเหล่าอัจฉริยะของกิลนั้นมันมากกว่าแค่เรื่องค่าสถานะ
ในกิลทั่วไปนั้น ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นเสาหลักของกิลเลย แต่ในดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน นั้นเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำในการเข้าเป็นสมาชิกแกนหลัก และผู้เล่นจะกลายเป็นเสาหลักของกิลได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาเข้าสู่ขอบเขตอนันต์ได้แล้ว
โดยปกติแล้ว มันจะมีผู้เล่นเพียงแค่สิบอันดับแรกเท่านั้นจากผู้เล่นหลายพันคนที่ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนคัดเลือกมาในแต่ละปีที่จะสามารถเข้าถึงขอบเขตอนันต์ได้
ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนนั้นเป็นกิลชั้นยอดที่มีประสบการณ์สูง และต้องการสมาชิกภายในจำนวนมาก ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญที่เป็นที่รู้จัก และมีชื่อเสียงในหมู่สาธารณชนจึงนับว่าไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน
ในขณะที่สมาชิกกิลกำลังพูดคุยกันเบาๆ ความวุ่ยวายอีกครั้งก็ปะทุขึ้นในกิลฮอล มันมีผู้เล่นหลายสิบคนเดินลงมาจากบันไดชั้นสอง ซึ่งมันก็นำมาโดยหญิงสาวสวย โดยมีจักรพรรดิเก้ามังกรเดินตามมาข้างๆ
หญิงแปลกหน้าผู้นี้สวมชุดเกราะหนังสีน้ำเงิน และสะพายดาบสั้นสีแดงเข้มที่ห้อยไว้ระหว่างเอวของเธอ โดยฝักดาบของเธอนั้นถูกตกแต่งไปด้วยอักษรรูนโบราณมากมายที่ดึงดูดมานาโดยรอบเข้ามา
ตอนนี้มันราวกับว่ามานาในกิลฮอลชั้นหนึ่งนั้นพบกับเจ้านายของมันแล้ว และมันก็ไปตกอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้หญิงคนนี้ทันที เมื่อเธอปรากฎตัว
มรดกสายเลือดพิเศษ ? ความประหลาดใจปรากฎขึ้นในดวงตาของฟีนิกซ์เรน ขณะที่เธอมองไปยังหญิงแปลกหน้า
ในฐานะ Elementalist การรับรู้มานาของฟีนิกซ์เรนนั้นค่อนข้างจะดีกว่าอาชีพอื่นๆอย่างมาก และเธอก็ยังได้รับความเข้าใหม่เกี่ยวกับมานาทั้งหมด หลังจากที่เธอได้มาถึงขั้นสามแล้ว
เธอนั้นรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าแอสซาซินขั้นสามคนนี้นั้นมีความสัมพันธ์กับมานาแข็งแกร่งพอๆกับเธอเลย และมันดูราวกับว่าแอสซาซินผู้นี้ได้รับความโปรดปรานจากมานามากเช่นกัน
ขณะเดียวกันผู้เล่นที่ยืนอยู่ด้านหลังผู้หญิงคนนี้ที่ติดตามเธอมานั้นก็มีออร่าที่คล้ายคลึงกัน เพียงแต่มันไม่รุนแรงมากเท่าเธอก็เท่านั้น ….
“เรน ให้ฉันแนะนำเธอก่อน นี่คือรองหัวหน้ากิลของไมโทโลจี้ โคลท์ชาโด้ว” จักรพรรดิเก้ามังกรแนะนำด้วยสีหน้ายินดีอย่างมาก เมื่อเห็นฟีนิกซ์เรนและทีมของเธอมาถึงแล้ว
เขานั้นรู้สึกตกใจมากเลยทีเดียว ตอนที่ได้ยินข่าวครั้งแรกว่าพวกระดับสูงของไมโทโลจี้จะเข้ามาที่สำนักงานใหญ่หลักของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน และเขาก็คาดเดาว่าดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนอาจจะกำลังประสบกับปัญหาใหญ่
ไมโทโลจี้นั้นเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในโลกเกมเสมือนจริง ซึ่งพวกเขานั้นก็สามารถรักษาตำแหน่งนี้ของตัวเองมาได้นานหลายปีแล้ว และมันก็ไม่มีกิลใดเลยที่จะสามารถคุกคามตำแหน่งของพวกเขาได้ มันมีข่าวลือด้วยว่า ซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเกมเสมือนจริงห้าอันดับแรกนั้น ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับซุเปอร์กิลอื่นๆเลย
“สวัสดี ฉันคือปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน ฟีนิกซ์เรน …” ฟีนิกซ์เรนแนะนำตัวเอง
“ฉันเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคุณมามากมาย ปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน” โคลท์ชาโด้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ความสามารถและความพยายามของคุณในท้องทะเล เป็นเหตุผลหลักๆเลยที่ทำให้กองทัพเรือของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน พัฒนามาได้จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้คุณยังสนับสนุนสภาสิบแปดปีกอยู่อย่างลับๆเพื่อแลกกับหุ้นจำนวนมากของบริษัทการค้าแสงเทียน และในตอนนี้บริษัทการค้าแสงเทียนนั้นก็มีอิทธิพลอยู่ในประเทศต่างๆมากมาย แถมยังสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลด้วยในแต่ละวัน ซึ่งมันมีคนแค่ไม่กี่คนเท่านั้นใน God domain ที่จะสามารถอ่านทุกอย่างขาด และลงทุนได้แบบคุณนะ ปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน”
“คำชื่นชมของคุณนั้นช่างใจกว้างมากจริงๆ” ฟีนิกซ์เรนกล่าวตอบอย่างใจเย็น “ว่าแต่คุณมีธุระอะไรกับดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนกันแน่ รองหัวหน้ากิลชาโด้ว ?”
ฟีนิกซ์เรนนั้นสงสัยในการมาเยือนของไมโทโลจี้อย่างมาก และเธอก็ไม่รู้เลยจริงๆว่าซุเปอร์กิลมีจุดประสงค์ใด เพราะไมโทโลจี้นั้นมุ่งเน้นการพัฒนาของตัวเองอยู่ในทวีปด้านตะวันตก แต่พวกเขากับเลือกจะเข้ามาติดต่อกับดราก้อนฟีนิกซืพาวิลเลี่ยน ซึ่งยังถูกจำกัดให้อยู่แต่ในทวีปด้านตะวันออก สิ่งนี้นั้นมันเหมือนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ระหว่างประเทศกำลังมองมาหาบริษัทขนาดเล็ก และฟีนิกซ์เรนก็อดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาต้องการอะไร
อย่างไรก็ตามฟังจากน้ำเสียงของสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยที่สั่งให้เธอกลับมาที่นี่แล้ว มันดูเหมือนว่าไมโทโลจี้นั้นต้องการจะมาหาเธอ ซึ่งสถานการณ์นี้นั้นมันแปลกมากๆ และเมื่อเห็นท่าทางของจักรพรรดิเก้ามังกร ฟีนิกซ์เรนก็ยิ่งแน่ใจเลยว่าไมโทโลจี้ไม่ได้มาดีแน่นอน
“โอ้ จริงๆมันก็ไม่มีอะไรสำคัญมากหรอก …” โคลท์ชาโด้วพูดพลางหัวเราะเบาๆ “ไมโทโลจี้นั้นเพียงต้องการจะขยายขอบเขตการเข้าถึงในทวีปด้านตะวันออก และต้องการจะเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์ก่อน และบริษัทการค้าแสงเทียนของสภาสิบแปดปีกก็เป็นหนึ่งในพันธมิตรที่มีศักยภาพที่เราสนใจมาก แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าสภาสิบแปดปีกนั้นแทบไม่เคยขายหุ้นเลย ดังนั้นเราจึงต้องการจะซื้อหุ้นของบริษัทการค้าแสงเทียนจากคุณ ซึ่งเรายินดีจะเสนอราคาให้มากกว่าเดิมตามราคาตลาดตอนนี้สองเท่า และนอกเหนือจากนั้นเราก็จะทำการขายวัสดุและสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะทวีปด้านตะวันตกให้กับดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนเป็นจำนวนมหาศาลด้วย ซึ่งเราเชื่อว่าการทำธุรกรรมนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง”
“โดยฉันได้พูดคุยกับสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยนแล้ว แต่อย่างไรก็ตามยืนยันว่าหุ้นของบริษัทการค้าแสงเทียนนั้นเป็นสมบัติส่วนตัวของคุณ และฉันก็จะต้องมาพูดคุยเรื่องนี้กับคุณเท่านั้น และตราบใดที่คุณเต็มใจจะขายหุ้นของบริษัทการค้าแสงเทียนให้เรา เขาก็ยินดีที่จะเป็นพันธมิตรกับไมโทโลจี้ ดังน้นฉันจึงได้มาเจรจากับคุณ”
“เรน นี่เป็นครั้งแรกที่ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนจะได้ร่วมมือกับไมโทโลจี้ เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดของกิลต่างก็เฝ้ารอสิ่งนี้อยู่ คุณไม่ควรปล่อยให้โอกาสนี้หลุดรอยไป และทำให้เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดกับสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยนผิดหวังนะ” จักรพรรดิเก้ามังกรแนะนำอย่างจริงจังด้วยรอยยิ้ม
ขณะเดียวกัน บลูฟีนิกซ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างของฟีนิกซ์เรนนั้นมองไปยังจักรพรรดิเก้ามังกรอย่างเย็นชา และตอนนี้เธอก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการจะได้ตรงไปบีบคอชายคนนี้
ไม่ว่าฟีนิกซ์เรนจะขายหุ้นของเธอหรือไม่ มันก็นับเป็นปัญหาของเธอ แต่สภาสิบแปดปีกก็มีเหตุผลที่พวกเขาแทบไม่เคยขายหุ้นของบริษัทการค้าแสงเทียนให้ใครเลย ซึ่งหากฟีนิกซ์เรนทำการตัดสินใจขายหุ้นแบบนี้นั้น มันจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับสภาสิบแปดปีกแน่นอน
ในขณะเดียวกันตอนนี้จักรพรรดิเก้ามังกรก็กำลังพยายามบังคับให้ฟีนิกซ์เรนกระทำเรื่องนี้โดยอาศัยเรื่อง “ผลประโยชน์ของกิล” มาอ้าง ซึ่งไม่ว่าฟีนิกซ์เรนจะตัดสินใจอย่างไร มันก็เห็นได้ชัดเลยว่าฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนนั้นจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ
2431 ความปั่นป่วนที่ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน
จักรพรรดิเก้ามังกรนั้นไม่ได้คิดจะพูดพวกนี้ออกมาเบาๆเลย และมันต้องบอกว่าเขาจงใจทำให้สมาชิกทั้งหมดของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนในกิลฮอลชั้นหนึ่งนั้นได้ยินทั้งหมด และคำพูดของเขาก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนภายในกิลฮอลทันที
“อะไรกัน ? นี่ไมโทโลจี้ต้องการจะทำงานร่วมกับกิลเรางั้นหรอ ?”
“ไมโทโลจี้นั้นเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งมากที่สุดในเกม ซึ่งหากเราสามารถร่วมมือ และเป็นพันธมิตรกับกิลๆนี้ได้ กิลของเราก็จะได้รับความแข็งแกร่งและอิทธิพลที่มากกว่าเดิมแน่นอน และแม้แต่ซุเปอร์กิลบางส่วนก็ยังจะต้องปฎิบัติต่อพวกเราอย่างเคารพ”
“นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด ตอนนี้มันเริ่มมีมหาอำนาจจากโลกอื่นมากมายเข้ามาที่จักรวรรดิอะโพคาลิป และพวกเขาก็เริ่มการแข่งขันกับเราเพื่อแย่งชิงทรัพยากรแล้ว หากข่าวการเป็นพันธมิตรของเรากับไมโทโลจี้แพร่กระจายออกไป มหาอำนาจเหล่านั้นจะไม่กล้าแตะต้องเราแน่นอน หรืออย่างน้อย พวกเขาก็จะไม่กล้าโจมตีเราในแผนที่เป็น
กลางอย่างเปิดเผย …”
ไมโทโลจี้นั้นนับเป็นซุเปอร์กิลที่มีชื่อเสียงอย่างมากสำหรับสาธารณชนส่วนใหญ่ แต่สมาชิกของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน โดยเฉพาะกับสมาชิกภายในนั้นรู้ดีว่าไมโทโลจี้มีอะไรมากกว่านั้นอีกมาก
ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเกมเสมือนจริงนั้นได้ถูกก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่มี
การกำเนิดขึ้นของเกมเสมือนจริง และทุกกิลก็มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากกว่าหนึ่งศตวรรษ และยังเคยเข้าแข่งขันเกมเสมือนจริงระดับนานาชาติมามากมาย
โดยทั่วไปแล้วผู้เล่นจะต้องแสดงผลงานที่โดดเด่นมากๆในการแข่งขันเหล่านี้เพื่อที่จะมีสิทได้เข้าเป็นสมาชิกภายในของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด และผู้เชี่ยวชาญทั่วไปนั้นไม่มีความหวังจะได้รับคัดเลือกเลย
แม้ว่าซุเปอร์กิลทั้งห้าจะผ่อนปรนข้อกำหนดของพวกเขาในการรับสมัครลงอย่างมาก นับตั้งแต่การเปิดตัวของ God domain แต่อย่างน้อยผู้ที่จะเข้ากิลของพวกเขาได้ก็จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่ง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการเลยว่ารากฐานของซุเปอร์กิลเหล่านี้นั้นแข็งแกร่งมากขนาดไหน
ความจริงที่ว่าไมโทโลจี้นั้นสนใจจะเป็นพันธมิตรกับดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนนั้นมันไม่น่าเชื่อเลย
ตอนนี้สมาชิกทุกคนของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนในกิลฮอลล้วนหันไปมองฟีนิกซ์เรน
จักรพรรดิเก้ามังกรได้กล่าวอย่างชัดเจนแล้วว่าพวกเขาจะสามารถทำงานร่วมกับไมโทโลจี้ได้ไหมนั้น มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฟีนิกซ์เรนเลย และโดยธรรมชาติแล้ว พวกเขาก็หวังให้เธอตอบตกลงอย่างแน่นอน
“พี่สาวเรน จักรพรรดิเก้ามังกรทำแบบนี้เพื่อต้องการจะกดดันเรา !!!” บลูฟีนิกซ์กล่าวออกมาเบาๆพลางกัดฟันของเธอ เมื่อเห็นท่าทีของทุกคนในกิลฮอลตอนนี้ที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
แม้ว่าสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยน และเหล่าผู้อาวุโสสูงสุด จะรับผิดชอบในการเลือกสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยนคนต่อไป แต่สมาชิกของกิลทั้งหมดก็ยังมีความสำคัญมากเช่นกัน เพราะเมื่อมีการแต่งตั้งสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยคนใหม่ หรือผู้สืบทอดแล้วนั้น มันก็เป็นสิทของพวกเขาว่าพวกเขาจะยอมรับไหม และหากสมา
ชิกกิลส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ คนผู้ที่ได้รับเลือกก็จะไม่มีทางที่จะกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยนหรือผู้สืบทอดได้เลย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันมากขนาดนี้”
สำหรับเหล่าสมาชิกของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนนั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการได้เป็นพันธมิตรกับไมโทโลจี้มีความสำคัญมากกว่าหุ้นของบริษัทการค้าแสงเทียนมาก มันมีเพียงแต่คนโง่เท่านั้นที่จะปฎิเสธโอกาสนี้ ประโยชน์ที่ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนจะได้รับจากการเป็นพันธมิตรกับไมโทโลจี้นั้นมันมีมากมายเกินจะวัดได้ และเพียงแค่การได้เป็นพันธมิตรกับไมโทโลจี้นั้น มันก็เพียงพอที่จะทำให้มหาอำนาจต่างๆในจักรวรรดิอะโพคาลิปหลีกเลี่ยงการยั่วยุดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนแล้ว
อีกทั้งไมโทโลจี้ยังสามารถจะจัดหาวัสดุและไอเทมล้ำค่ามากมายจากทวีปด้านตะวันตกมาให้กับดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนได้ ซึ่งการเป็นพันธมิตรกับไมโทโลจี้จะทำให้พวกเขาได้รับผลประโยชน์มากกว่ากับบริษัทการค้าแสงเทียนอย่างมาก
หากฟีนิกซ์เรนตัดสินใจไม่ขายหุ้น เธอจะต้องเผชิญหน้ากับความไม่พอใจของสมาชิกทุกคนในกิลแน่นอน
บลูฟีนิกซ์นั้นแน่ใจเลยว่าจักรพรรดิเก้ามังกรจงใจเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป เพราะเขารู้นิสัยของฟีนิกซ์เรนดี เธอนั้นให้ความสำคัญกับสัญญา และคำพูด รวมถึงความช่วยเหลือที่ตัวเองเคยได้รับมาอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าเธอจะไม่ยอมขายหุ้นของบริษัทการค้าแสงเทียนแน่นอน เขาจึงได้เลือกจะนำโคลท์ชาโด้วมายังกิลฮอลชั้นหนึ่ง ในตอนที่ฟีนิกซ์เรนและทีมของเธอกลับมาเพื่อให้หญิงสาวทั้งสองได้พบกัน และหากใครทั้งสองกล่าวหาเขา เขาก็สามารถจะอ้างว่าจะพาโคลท์ชาโด้วไปห้องประชุมได้
“หากคุณคิดว่าข้อเสนอของไมโทโลจี้นั้นยังไม่เพียงพอ ปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน คุณสามารถระบุความต้องการของคุณมาได้เลย ตราบเท่าที่มันอยู่ในอำนาจของฉัน ฉันจะรับมาพิจารณาเป็นพิเศษเลย” โคลท์ชาโด้วกล่าวเสริมหลังจากที่ฟีนิกซ์เรนนั้นไม่ได้พูดอะไรมาเป็นเวลานาน ก่อนที่เธอจะยิ้มและกล่าวต่อว่า “อีกทั้งฉันยังเต็มใจจะขายหินรูนการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทวีปด้านตะวันตกให้กับคุณด้วย”
เมื่อโคลท์ชาโด้วกล่าวจบ ชายร่างสูงที่แข็งแกร่งมากด้านหลังของเธอก็ก้าวขึ้นมาด้านหน้า และอักษรรูนสีเงินที่เปล่งประกายบนอุปกรณ์ของเขานั้นก็ทำให้มานาโดยรอบถูกดึงดูดเข้ามาหาเขาทันที และเพิ่มความรุนแรงของออร่าของเขาไปสู่ระดับใหม่ทั้งหมด และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองก็ยังต้องถอยออกห่างจากชายคนนี้ รวมทั้งจ้องมองไปที่เขาอย่างหวาดกลัว
ทำไมจู่ๆเขาก็แข็งแกร่งขึ้นมากขนาดนี้กัน ? แม้แต่บลูฟีนิกซ์ซึ่งตอนนี้เป็นผู้เล่นขั้นสามก็ยังตกใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้
แม้ว่าเธอจะรู้สึกได้ว่าชายคนนี้อันตรายมากๆ แต่เธอก็มั่นใจมากว่าตอนแรกเธอสามารถจะยืนหยัดต่อสู้กับเขาได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ เธอกับรู้สึกไร้พลังมากต่อหน้าเขา แถมตอนนี้เธอก็สามารถบอกได้เลยว่าความแตกต่างของความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้เกิดจากค่าสถานะเพียงอย่างเดียว มันมาจากความสามารถทางจิตที่แตกต่างด้วย
นี่คือหินรูนการต่อสู้ตามข่าวลือของทวีปด้านตะวันตกสินะ ?
สถานการณ์นี้นั้นทำให้จักรพรรดิเก้ามังกรประหลาดใจมากเช่นกัน แม้ว่าดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนจะไม่มีอำนาจอยู่ในทวีปด้านตะวันตก แต่พวกเขาก็ได้ทำการตรวจสอบมันอยู่เรื่อยๆ แถมพวกเขายังส่งสมาชิกภายในจำนวนหนึ่งไปที่ทวีปด้านตะวันตกด้วย ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะใช้ความพยายามอย่างมาก แต่พวกเขาก็แทบไม่ได้รับอะไรเลย
ตามข้อมูลที่ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนรู้มา หินรูนการต่อสู้นั้นเป็นหินพิเศษที่คล้ายกับพวกหินเวทย์มนต์ที่พบในทวีปด้านตะวันออก อย่างไรก็ตามหินรูนการต่อสู้นั้นจะช่วยทำให้การควบคุมมานาของผู้เล่นดีขึ้นมาก
ในความเห็นแรกของเขานั้น จักรพรรดิเก้ามังกรคิดว่าหินรูนการต่อสู้นี้ไม่ได้น่าประทับใจอะไรมากนัก เพราะค่าสถานะและมาตราฐานการต่อสู้นั้นมีความสำคัญมากกว่าการควบคุมมานา และความสามารถทางจิต
อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ตระหนักว่าตัวเองเข้าใจผิดไปมากหลังจากมาถึงขั้นสามแล้ว
ทั้งการควบคุมมานาและความสามารถทางจิตนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพลังการต่อสู้ เนื่องจากมันจะขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้เล่นในการจัดการร่างมานาของตน และยิ่งคนๆหนึ่งควบคุมร่างมานาขั้นสามของตัวเองได้มากเท่าไหร่ พลังการต่อสู้โดยรวมของคนๆนั้นก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
แถมตอนนี้เขาก็เคยเห็นพลังของหินรูนการต่อสู้มาบ้างแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่ามันน่ากลัวแค่ไหน
หากเขาสามารถรวบรวมหินรูนการต่อสู้จำนวนมากมาใส่ให้กับอาวุธและอุปกรณ์ของเขากับลูกน้องเขาได้ มันจะไม่มีผู้ใดบนเกาะดราก้อนฮาร์ท หรือในจักรวรรดิมังกรดำจะสามารถคุกคามตำแหน่งของเขาได้เลย
“หินรูนการต่อสู้ที่เราค้นคว้าและสร้างมันขึ้นมาได้นั้นค่อนข้างน่าประทับใจด้วย และคนๆนี้นั้นก็สวมใส่หินรูนการต่อสู้ขั้นสอง ระดับสูงอยู่ ซึ่งแม้ว่ามันจะยังคงอยู่ในขั้นสอง ระดับสูง และยังไม่สามารถเทียบกับหินรูนการต่อสู้ขั้นสามที่เรากำลังพยายามค้นคว้าและสร้างอยู่ได้ แต่มันก็จะช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ของผู้เล่นขั้นสองขึ้นได้สองเท่า นอกจากนี้มันยังจะสามารถช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญขั้นสามได้อย่างมากอีกด้วย” โคลท์ชาโด้วอธิบายด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้เห็นท่าทีของทุกคน
นี่ไม่ใช่สิ่งดีที่สุดที่พวกเขามีงั้นหรอ ? จักรพรรดิเก้ามังกรอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับเรื่องนี้
การเปิดเผยนี้มันน่ากลัวมากๆ !!!
แม้ว่าชายผู้แข็งแกร่งที่ยืนอยู่ข้างๆโคลท์ชาโด้วจะมาถึงขอบเขตโดเมนแล้ว แต่จักรพรรดิเก้ามังกรก็สัมผัสได้ว่าเขาแข็งแกร่งพอๆกับมาร์เชี่ยลดราก้อนเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามหลังจากเปิดใช้งานหินรูนการต่อสู้นี้ แม้แต่มาร์เชี่ยลดราก้อนก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน
แต่ถึงกระนั้นตอนนี้โคลท์ชาโด้วกับบอกพวกเขาว่าหินรูนการต่อสู้ที่ชายผู้แข็งแกร่งคนนี้สวมใส่อยู่นั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดที่ไมโทโลจี้มี ซึ่งนี่มันทำให้จักรพรรดิเก้ามังกรนึกไม่ออกเลยหากชายผู้แข็งแกร่งคนนี้ได้สวมใส่หินรูนการต่อสู้ขั้นสามนั้น ชายคนนี้จะแข็งแกร่งมากขนาดไหน
ในขณะนี้จักรพรรดิเก้ามังกรนั้นก็เริ่มเข้าใจมากขึ้นแล้วว่าทำไมไมโทโลจี้ถึงได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดมานานมาก และแม้ว่าใน God domain ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนจะมีความแตกต่างเพียงแค่ระดับเดียวกับไมโทโลจี้ แต่มันก็เหมือนความความแตกต่างระหว่างมดกับมังกรเลย
ซึ่งเรื่องนี้นั้นมันก็ทำให้เหล่าสมาชิกของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยตกอยู่ในความปั่นป่วนอีกครั้ง
“มันน่าอัศจรรย์มาก !!! นี่ถ้าฉันสามารถสวมใส่หินรูนการต่อสู้ได้ ฉันน่าจะสามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสองได้ทันที !!!”
“ด้วยหินรูนการต่อสู้นั้น ฉันจะสามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามที่มีความยากสูงกว่าเดิมได้ด้วย !!!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่ง และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำหลายคนล้วนมีดวงตาที่เปล่งประกายเมื่อนึกถึงหินรูนการต่อสู้ และพวกเขาทั้งหมดก็เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อให้ให้ฟีนิกซ์เรนยอมรับข้อเสนอของโคลท์ชาโด้ว
ซึ่งเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เป็นดังนี้นั้น การแสดงออกของฟีนิกซ์เรนก็มืดมนลง เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าไมโทโลจี้จะอยากได้หุ้นของบริษัทการค้าแสงเทียนมากจนยอมขายหินรูนการต่อสู้ที่เป็นสมบัติของกิล
หากเธอปฎิเสธข้อเสนอของไมโทโลจี้ตอนนี้ เธอจะกลายเป็นศัตรูต่อกิลตัวเองทั้งหมดแน่นอน
อย่างไรก็ตามในขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยปากพูดขึ้น ความสับสนวุ่นวายก็เกิดขึ้นที่ด้านนอกกิลฮอล และเมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่วินาที ผู้เล่นข้างนอกก็เริ่มส่งเสียงดังกันมากขึ้น และด้วยความอยากรู้อยากเห็นมันจึงมีสมาชิกของกิลจำนวนมากวิ่งออกไปดู
“ทุกคนเป็นอะไรกัน ? ข้างนอกมันเกิดอะไรขึ้น ?” บลูฟีนิกซ์ถามหาคำตอบจาก
เพื่อนร่วมกิลที่อยู่ใกล้ๆเธอ
“เรือเหาะ !! มันมีเรือเหาะสามลำมาบินมาอยู่เหนือสถานที่พักกิลของเราแล้ว !!!” แรนเจอร์ขั้นสองที่อยู่ใกล้กับทางเข้าตะโกนตอบกลับ
2432 รากฐานที่น่ากลัว
“เรือเหาะ ?”
“อาจเป็นสภาสิบแปดปีกรึปล่าว ?”
เมื่อจักรพรรดิเก้ามังกร และสมาชิกคนอื่นๆของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนได้ยินคนพูดถึงเรือเหาะ พวกเขาก็นึกถึงสภาสิบแปดปีกทันที
เมื่อเรือเหาะมังกรสีเลือดของสภาสิบแปดปีกปรากฎขึ้นครั้งแรกใน God domain มันได้ก่อให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ไปทั่วเลยในหมู่มหาอำนาจต่างๆ และในเวลานั้นชื่อของ “สภาสิบแปดปีก” ก็ตราตรึงอยู่ในใจของมหาอำนาจต่างๆ
ในยุคที่อะเม้าท์บินได้ยังคงหายากอย่างน่าเหลือเชื่อ เรือเหาะนั้นมันก็มีประโยชน์อย่างมากมายมหาศาล ยิ่งไปกว่านั้นเรือเหาะนั้นยังจะปกครองท้องฟ้าด้วยพลังการต่อสู้ที่มันมีอยู่ได้ หากผู้เล่นไม่มีอาวุธต่อต้านอากาศยานอันทรงพลังที่เพียงพอ การต้องเผชิญหน้ากับเรือเหาะของศัตรูจะสร้างความเสียหายให้กับพวกเขาอย่างมหาศาลเลย
อย่างไรก็ตามจักรพรรดิเก้ามังกรและพรรคพวกของเขาก็สลัดความคิดนี้ออกไปทั้งหมด เพราะคราวนี้มันมีเรือเหาะสามลำมาอยู่ที่หน้าประตูบ้านพวกเขา
การได้รับเรือเหาะมาสักลำนั้นมันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากอยู่แล้ว และกิลอย่างสภาสิบแปดปีกไม่มีทางจะได้รับมันมาเพิ่มเป็นสามลำแน่นอน และเมื่อฟีนิกซ์เรนกับบลูฟีนิกซ์ได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็เต็มไปด้วยความสับสนมากๆ
พวกเขานั้นรู้อยู่แล้วว่าสภาสิบแปดปีกจะเดินทางมาที่เมืองทไวไลท์ แต่พวกเขาก็ไม่น่าจะสามารถมาได้ด้วยเรือเหาะสามลำใช่ไหม ?
มันไม่ใช่สภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ? ฟีนิกซ์เรนขมวดคิ้ว เมื่อเธอครุ่นคิดถึงเรื่องนี้
กองกำลังที่มีเรือเหาะสามลำนั้นจัดว่าไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย จากข้อมูลที่ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนได้มาจนถึงตอนนี้นั้น แค่เรือเหาะหนึ่งลำมันก็มากเกินพอที่จะทำให้ผู้ปกครองเมืองกิลเมืองหนึ่งปวดหัวได้แล้ว หากเรือเหาะสามลำทำการโจมตีเมืองกิลพร้อมกัน มันก็มีแนวโน้มว่าจะทำลายโครงสร้างการป้องกันขั้นพื้นฐานของเมืองลงได้ทั้งหมดเลย แม้ว่าจะไม่สามารถยึดเมืองได้ก็ตาม
แม้แต่เมืองทไวไลท์ของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนก็ยังจะต้องมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการรับมือกับเรือเหาะสามลำ
นี่คือสาเหตุที่มหาอำนาจต่างๆนั้นพยายามอย่างมากที่จะได้รับอะเม้าท์บินได้เป็นของตัวเอง
หากไม่มีหน่วยที่คอยต่อสู้ทางอากาศ กิลจะเสียเปรียบเรือเหาะอย่างมาก และแม้ว่าเมืองกิลจะมีป้อมปราการป้องกันกับหอคอยลูกธนู แต่โครงสร้างเหล่านี้ทั้งหมดก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากจึงจะสามารถโจมตีให้โดนเรือเหาะที่เคลื่อนที่อยู่ได้ และเผลอๆการต่อสู้นั้นจะเป็นการต่อสู้แบบฝ่ายเดียวด้วยซ้ำ
เรือเหาะสามลำ ? โคลท์ชาโด้วนั้นอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์นี้มากๆ นี่ทวีปด้านตะวันออกมีพลังมากพอจนพัฒนามาตราฐานมาได้ขนาดนี้แล้วงั้นหรอ ?
ทวีปด้านตะวันตกนั้นก็มีเรือเหาะเช่นกัน แต่มันก็มีความท้าทายอย่างมากกว่าที่ผู้เล่นจะได้รับมา แม้ว่ามหาอำนาจบางส่วนในทวีปด้านตะวันตกจะค้นพบเบาะแสที่จะนำไปสู่เรือเหาะได้ แต่พวกเขาก็ยังคงต้องใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าที่พวกเขาจะได้รับมันมา นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจจะผนวกสภาสิบแปดปีก
ฟีนิกซ์เรน จักรพรรดิเก้ามังกร และโคลท์ชาโด้วนั้นรีบออกจากกิลฮอลไปพร้อมกับคนของพวกเขาทันที พวกเขานั้นอยากรู้มากๆว่าใครกันที่เป็นเจ้าของเรือเหาะสามลำนี้
ยักษ์เหล็กทั้งสามตอนนี้นั้นลอยอยู่เหนือลานกว้างของสถานที่พักกิล และเสียงคำรามของเครื่องยนเวทย์มนต์ของพวกมันก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ และแม้แต่ผู้เล่นที่อยู่นอกสถานที่พักกิลของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนก็ยังสัมผัสได้เลยว่าเสียงของเรือเหาะนี้มันดังมากๆ
ผู้เชี่ยวชาญของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนซึ่งเคยต่อสู้มาแล้วมากมายในสงครามขนาดใหญ่ต่างก็ตกตะลึง แม้ว่าเรือเหาะนี้จะดูไม่ได้ก้าวร้าวใดๆและลอยอยู่กลางอากาศเฉยๆ แต่สัญชาตญาณของพวกเขาก็กรีดร้องบอกพวกเขาว่าให้หนีให้ห่างจากเรือเหาะ และเมื่อจ้องมองไปยังเรือเหาะ พวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังยืนอยู่ต่อหน้ามอนสเตอร์ขนาดมหึมาสามตัว
นี่คือสาเหตุที่กองกำลังของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนที่ประจำการอยู่ที่เมืองทไวไลท์นั้นอนุญาติให้เรือเหาะเข้ามาในเมือง และลอยอยู่เหนือสถานที่พักกิล พวกเขาไม่ได้ใส่ใจที่จะเตือนเรือเหาะหรือพยายามจะไล่ออกไป เพราะพวกเขาทำได้แค่จ้องมองยักษ์เหล็กพวกนี้บินผ่านไปอย่างระมัดระวังและหวาดกลัวเท่านั้น
เมื่อฟีนิกซ์เรนและทีมของเธอโผล่ออกมาจากกิลฮอล เรือเหาะก็เริ่มร่อนลงจอด และสมาชิกของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนต่างก็รีบจัดเตรียมที่ว่างไว้ให้สำหรับเรือเหาะทั้งหมดทันที เพราะกลัวว่าพวกเขาจะไปยั่วยุใครก็ตามที่เป็นเจ้าของยักษ์เหล็กพวกนี้ และมันไม่มีผู้เล่นในลานกว้างแม้แต่คนเดียวที่จะไม่อยากรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเรือเหาะทั้งหมดนี้ เพราะแม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังไม่มีพลังทางอากาศแบบนี้เลย
ในขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยว่ามหาอำนาจกลุ่มใดกันที่เป็นเจ้าของเรือเหาะพวกนี้ ช่องทางด้านข้างของเรือเหาะก็เปิด และก็มีบันไดปูลงมา ในขณะที่เหล่าผู้เล่นก็ค่อยๆลงมาตามบันได ซึ่งไม่เพียงแต่ผู้เล่นเหล่านี้ทุกคนจะเป็นผู้เล่นขั้นสาม แต่พวกเขายังมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยห้ากันแล้วด้วย แถมพวกเขายังมีตราสัญลักษณ์กิลของสภาสิบแปดปีกติดอยู่ที่หน้าอกกันทุกคน
“สภาสิบแปดปีก ?!”
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”
การเปิดเผยนี้ทำให้เหล่าสมาชิกของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนตกตะลึงมากๆ
ความจริงที่ว่าสภาสิบแปดปีกได้รับเรือเหาะมาหนึ่งลำนั้นมันก็น่าตกตะลึงมากแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขากับได้ค้นพบว่ากิลยังมีอีกสองลำ ฝูงชนบางกลุ่มถึงกับขยี้ตาว่านี่พวกเขาไม่ได้เห็นภาพหลอนไปใช่ไหม ….
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะขยี้ตามากแค่ไหน ความจริงที่ว่าผู้เล่นเหล่านี้มีตราสัญลักษณ์ของสภาสิบแปดปีกอยู่ก็ไม่เปลี่ยนแปลง และจากข้อมูลในฐานข้อมูลของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน ชายสวมเสื้อคลุมที่ลงจากเรือเหาะเป็นคนสุดท้ายนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก แบล๊คเฟรม
เป็นไปไม่ได้ ?! สภาสิบแปดปีกมีเรือเหาะสามลำได้ยังไงกัน ?! จักรพรรดิเก้ามังกรจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความตกตะลึง
เรือเหาะนั้นหายากมากๆ และแม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังไม่มีใครได้รับมันมา แล้วสภาสิบแปดปีกมีเรือเหาะสามลำได้ยังไงกัน ?
ฟีนิกซ์เรนเองก็ตกตะลึงอย่างมากในทำนองเดียวกัน เธอไม่คิดเลยว่าเรือเหาะสามลำนี้จะเป็นของสภาสิบแปดปีก นั่นคือเรือเหาะสามลำเลยนะที่พวกเขากำลังพูดถึง !!!
ด้วยมีกองกำลังทางอากาศแบบนี้ สภาสิบแปดปีกจะสามารถเคลื่อนที่ไปใน God domain ได้อย่างไร้คู่ต่อกร และการขนส่งสินค้าข้ามทะเลของพวกเขาก็จะไม่ใช่ปัญหาเลย
ในตอนที่สภาสิบแปดปีกมีเรือเหาะหนึ่งลำนั้น มันก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาสามารถจะปราบปรามมหาอำนาจต่างๆทางทะเลได้ อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นแบบนั้น แต่ท้องทะเลมันก็มีขนาดใหญ่มากๆ ซึ่งเรือเหาะแค่ลำเดียวนั้นไม่สามารถจะใช้ป้องกันเส้นทางการเดินเรือทั้งหมดของสภาสิบแปดปีกได้ อย่างไรก็ตามด้วยเรือเหาะสามลำ สภาสิบแปดปีกจะสามารถส่งมอบสินค้าได้อย่างปลอดภัยในทุกๆที่ที่พวกเขาต้องการได้แน่นอน
ตราบใดที่สภาสิบแปดปีกสามารถทำการขนส่งได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้แบบนี้ในทะเล พวกเขาก็จะไม่มีปัญหาในการจะได้รับเงินและทรัพยากรจำนวนมหาศาลเลย
มหาอำนาจต่างๆก็ล้วนรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นพวกเขาจึงได้ลงทุนอย่างมากในกองทัพเรือของพวกเขา และพวกเขาก็ทุ่มเทเพื่อให้แน่ใจว่าเส้นทางการขนส่งทั้งหมดของพวกเขาจะปลอดภัย
ในท้องทะเลนั้นมันมีทรัพยากรอยู่มากมายที่นำเสนอให้มากกว่าบนผืนดิน และเส้นทางคมนาคมในทะเลที่มั่นคงนั่นหมายความว่าจะมีแหล่งทรัพยากรทางเรือที่มั่นคง
เมื่อฟีนิกซ์เรน และจักรพรรดิเก้ามังกรหายตกตะลึงนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่เมื่อพวกเขามองไปยังเรือเหาะของสภาสิบแปดปีกแล้วทำให้พวกเขาขนลุกและตกใจก็คือ เรือเหาะทั้งสามลำนั้นเหมือนกันทั้งหมด !!!
ในตอนแรกพวกเขานั้นมัวแต่ตกตะลึงกับเรื่องของเรือเหาะสามลำ พวกเขาจึงไม่ได้สังเกตรายละเอียดของเรือเหาะว่าพวกมันเหมือนกันทั้งสามลำ
ซึ่งการเป็นแบบนี้นั้นมันก็หมายความว่าสภาสิบแปดปีกนั้นไม่ได้อาศัยโชค และไปสะดุดเข้ากับเรือเหาะสามลำแน่นอน กิลจะไปพบเรือเหาะสามลำนี้โดยบังเอิญได้ยังไง ? เรือเหาะนั้นมีความคล้ายกับเรือเร็วที่แล่นในทะเล มันจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับที่ๆถูกค้นพบ
เนื่องจากเรือเหาะของสภาสิบแปดปีกเหมือนกันทั้งหมด ดังนั้นมันจึงแปลว่ากิลจะต้องได้รับพวกมันมาด้วยวิธีการเดียวกัน และเรือเหาะทั้งสามลำตรงหน้าของพวกเขานี้ก็บอกใบ้แล้วว่าตราบใดที่สภาสิบแปดปีกปฎิบัติตามเงื่อนไขต่างๆได้ พวกเขาก็จะได้รับเรือเหาะเพิ่มขึ้น
กองกำลังเรือเหาะสามลำนั้นก็แทบจะจัดว่าเป็นอมตะแล้วในระยะนี้ของเกม หากสภาสิบแปดปีกสามารถสร้างกองเรือเหาะเต็มอัตราได้ในอนาคต ….
มันไม่มีผู้เล่นใดในลานกว้างนี้ที่จะจินตนาการออกเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะควบคุมกองทัพอากาศแบบไหนในอนาคต
ฟีนิกซ์เรนและจักรพรรดิเก้ามังกรนั้นไม่ใช่เพียงแค่ผู้เดียวที่ตระหนักถึงสิ่งนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนที่อยู่ในลานกว้างนี้ก็ตระหนักเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดต่างจ้องมองไปยังซือเฟิงราวกับเขาเป็นสัตว์ประหลาด
หากสภาสิบแปดปีกสามารถสร้างกองทัพอากาศได้อย่างเต็มรูปแบบ มันจะไม่มีมหาอำนาจใดกล้ายั่วยุกิลแน่นอน
“ฉันขอโทษที่มาช้าเกินไปหน่อย ปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน” ซือเฟิงกล่าวขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้ฟีนิกซ์เรน เขาเหลือบไปมองโคลท์ชาโด้วและผู้เล่นที่ด้านหลังของเธอ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มต่อว่า “ฉันหวังว่า ฉันไม่ได้มาขัดจังหวะใครนะ ..”
เขาต้องการจะเก็บเรือเหาะของเขาเอาไว้เป็นความลับ อันเนื่องมาจากสภาสิบแปดปีกยังคงต้องใช้เวลาพัฒนากองทัพอากาศ แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้แน่ใจว่าตำแหน่งและอิทธิพลของฟีนิกซ์เรนในดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนจะยังคงมั่นคงและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงถูกบังคับให้ต้องเปลี่ยนแผน
สภาสิบแปดปีกนั้นไม่เพียงแต่จะใช้เหรียญทองหมดที่มีเพื่อสร้างเรือเหาะสามลำนี้เท่านั้น แต่กิลยังทำการยืมเงินและวัสดุจากศาลาลับมาด้วย ซึ่งมันก็จะทำให้กิลนั้นยังไม่สามารถสร้างเรือเหาะลำใหม่ได้เพิ่มขึ้นในเร็วๆนี้ แถมในตลาดมันก็ยังไม่มีวัสดุที่เพียงพอจะใช้สร้างเรือเหาะลำอื่นด้วย
วัดจากการแสดงออกของทุกคนที่นี่ ซือเฟิงก็คิดว่าเขาน่าจะบรรลุเป้าหมายแล้ว
2433 รากฐานที่เปิดเผยออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
จักรพรรดิเก้ามังกรตอบสนองต่อคำพูดของซือเฟิงด้วยดวงตาที่มองไปยังเขาอย่างเกลียดชัง กองกำลังที่สภาสิบแปดปีกได้ระดมเข้ามานี้ทำให้เมืองทไวไลท์อยู่ในสถานะการแจ้งเตือนสูงสุด สิ่งนี้สามารถตีความเป็นอย่างอื่นได้อย่างไรนอกจากการขัดจังหวะ และหยุดชะงัก ?
ยิ่งไปกว่านั้นการมาถึงอย่างยิ่งใหญ่ของซือเฟิงนั้นได้ทำลายความพยายามของจักรพรรดิเก้ามังกรที่จะดึงดูดความสนใจสมาชิกในกิลของเขาด้วยความร่วมมือกับไมโทโลจี้ เพราะตอนนี้นั้นไม่เพียงแต่การแสดงความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกจะทำให้สมาชิกของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนตกตะลึงอย่างมากเท่านั้น แต่มันยังไล่ความคิดทั้งหมดเกี่ยวกับไมโทโลจี้ออกไปด้วย
“ไม่ คุณไม่ได้มาขัดจังหวะเราเลย หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม …. คุณมาได้ถูกเวลามาก ….” ฟีนิกซ์เรนกล่าวด้วยรอยยิ้มทักทายซือเฟิง ซึ่งปกติรอยยิ้มของเธอนั้นจะหาได้ยากมากๆ จากนั้นเธอก็หันไปหาโคลท์ชาโด้วและกล่าวอย่างแน่วแน่ว่า “รองหัวหน้ากิลชาโด้ว แม้ว่าฉันจะสนใจที่จะเป็นพันธมิตรกับไมโทโลจี้มาก แต่ฉันก็คิดว่าการขายหุ้นของบริษัทการค้าแสงเทียนให้พวกคุณนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ …”
เมื่อฟีนิกซ์เรนปฎิเสธข้อเสนอของไมโทโลจี้ ความเงียบก็เข้าปกคลุมไปทั่วลานกว้าง สมาชิกของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนต่างหันมามองฟีนิกซ์เรนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน อย่างไรก็ตามน่าแปลกที่ไม่มีใครก้าวออกมาคัดค้านเลย
หากเธอปฎิเสธข้อเสนอของไมโทโลจี้ก่อนหน้านี้ พวกเขาจะแสดงความไม่พอใจกับการตัดสินใจของเธอแน่นอน และสงสัยในความสามารถของเธอในการทำหน้าที่เป็นปรมาจารย์พาวิลเลี่ยน แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ด้วยเรือเหาะสามลำของสภาสิบแปดปีก ไม่มีใครจะสามารถหาเหตุผลมาโต้แย้งการตัดสินใจของเธอได้
พวกเขากำลังพูดถึงเรือเหาะ และมันก็เห็นได้ชัดว่าสภาสิบแปดปีกมีวิธีการได้รับมันมาหลายลำ และตอนนี้สภาสิบแปดปีกก็ปกครองท้องฟ้าแล้ว ซึ่งทำให้มหาอำนาจต่างๆยากจะรุกรานกิลมากๆ
ด้วยความช่วยเหลือของสภาสิบแปดปีก มันจะทำให้ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนสามารถรับประกันความปลอดภัยของเส้นทางการคมนาคมในอนาคตของพวกเขาได้ ในความเป็นจริงดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนยังจะสามารถพึ่งพาชื่อเสียงของสภาสิบแปดปีกเพื่อขยายอิทธิพลในท้องทะเลได้มากขึ้นด้วย ซึ่งมันจะช่วยพวกเขาพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว และช่วยกระตุ้นการเติบโตโดยรวมของกิลได้อย่างมาก
อย่างไรก็ตามหากฟีนิกซ์เรนขายหุ้นของบริษัทการค้าแสงเทียนให้กับไมโทโลจี้แล้ว ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนก็จะสูญเสียความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีก ความแตกต่างระหว่างพันธมิตรที่มีหุ้นกับไม่มีหุ้นนั้นมันใหญ่มาก นอกจากนี้ทุกคนก็รู้ดีว่าสภาสิบแปดปีกนั้นขี้เหนียวมากขนาดไหนในเรื่องหุ้นของตัวเอง ถ้าฟีนิกซ์เรนขายหุ้นของบริษัทการค้าแสงเทียนโดยไม่ได้รับความยินยอมจากสภาสิบแปดปีกก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะกลายเป็นศัตรูของพวกเขาแน่นอน
“เรน เธอควรคิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบนะ เธอก็น่าจะตระหนักถึงสถานการณ์ของกิลเราในจักรวรรดิอะโพคาลิปดี ตอนนี้มหาอำนาจจากโลกอื่นจำนวนมากได้เริ่มเล็งเป้ามายังกิลเราแล้ว และฉันว่าเธอก็รู้ดีกว่าฉันว่าทำไมพวกเราถึงยอมเสี่ยงเคลื่อนย้ายเมืองทไวไลท์มาที่สันเขาดอร์นแห่งนี้’ จักรพรรดิเก้ามังกรรีบกล่าวออกมาเสียงดัง เมื่อไม่มีเพื่อนร่วมกิลของเขาคนใดพูดออกมา “ถ้าเราสามารถสร้างความร่วมมือและเป็นพันธมิตรกับไมโทโลจี้ได้ รวมทั้งได้รับหินรูนการต่อสู้มาจากพวกเขา ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนก็จะสามารถสร้างรากฐานที่มั่นคงได้อย่างรวดเร็วในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย ซึ่งด้วยทรัพยากรทั้งหมดที่เราได้รับจากแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยนั้น มันก็จะทำให้เราสามารถรักษาตำแหน่งของเราในประเทศต่างๆไว้ได้อย่างมั่นคง เธอเต็มใจจะทิ้งโอกาสแบบนี้ไปจริงๆงั้นหรอ ?”
ก่อนที่เรือเหาะของสภาสิบแปดปีกจะมาถึง เขาหวังเพียงจะลดความนิยมของฟีนิกซ์เรนในกิลลงเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาต้องทำให้เธอกลายเป็นศัตรูกับสภาสิบแปดปีกให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
ฟีนิกซ์เรนและสภาสิบแปดปีกนั้นได้กลายเป็นพันธมิตรที่มั่นคงอย่างมากกันมานานแล้ว และความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกก็คือความแข็งแกร่งของฟีนิกซ์เรน อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไปทั้งหมด เพราะการเป็นพันธมิตรและร่วมมือกับไมโทโลจี้จะทำให้ตำแหน่งของเธอสูงขึ้นไปกว่าเดิมแน่นอน อย่างไรก็ตามนี่มันจะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะไมโทโลจี้ต้องการจะร่วมมือจริงๆคือกับดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนทั้งกิล ซึ่งเขาสามารถหาวิธีใช้โอกาสมากมายจากเรื่องนี้ได้ อย่างไรก็ตามหากเธอเป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีกต่อ เขาจะไม่ได้อะไรเลย
โชคดีที่ไมโทโลจี้นั้นได้เสนอสิ่งที่ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนต้องการตอนนี้อย่างเร่งด่วน ดังนั้นมันจึงไม่มีทางเลยที่เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดจะเพิกเฉยต่อหินรูนการต่อสู้ของไมโทโลจี้ได้
แม้ว่าดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนจะเป็นกิลชั้นยอด แต่ความแข็งแกร่งของกิลนั้นก็ถือว่าอยู่เท่ากับค่าเฉลี่ยของมหาอำนาจที่แท้จริงเท่านั้นใน God domain และตอนนี้มหาอำนาจจากโลกอื่นก็ได้เริ่มบุกเข้าสู่ทวีปหลักแล้ว ดังนั้นตอนนี้ตำแหน่งของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนในเกมจึงถูกคุกคามอย่างมาก
ซึ่งเพื่อบรรเทาความกดดันบางอย่างที่กิลต้องเผชิญ ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนนั้นก็ได้ตัดสินใจจะเล่นพนัน และทำการเคลื่อนย้ายเมืองทไวไลท์ที่เป็นเมืองที่แข็งแกร่งที่สุดของกิลมายังสันเขาดอร์น เพื่อที่จะเข้ายึดแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยที่อยู่ใกล้เคียงให้ได้ อย่างไรก็ตามมหาอำนาจอื่นๆของจักรวรรดิอะโพคาลิปก็ไม่ได้เป็นพวกงี่เง่าเช่นกัน พวกเขาก็ได้ลงทุนและส่งผู้เล่นมากมายเข้ามาประจำการในสันเขา
ดอร์นเช่นกัน
หากดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน มีเครื่องมือที่ทรงพลังอย่างหินรูนการต่อสู้คอยช่วย การสำรวจและเข้ายึดครองแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยของพวกเขาก็จะทำได้ง่ายขึ้นมาก และนี่คือเป้าหมายสูงสุดของเหล่าผู้อาวุโสสูงสุด
เมื่อได้ยินความคิดเห็นของจักรพรรดิเก้ามังกร เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดที่ยืนอยู่ใกล้เคียงหลายคนต่างก็ขมวดคิ้วและหันไปมองทางฟีนิกซ์เรน การแสดงออกของพวกเขาบ่งบอกเลยว่าเธอต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบ
หินรูนการต่อสู้นั้นจะมีประโยชน์อย่างมาก เมื่อสมาชิกกิลทำการสำรวจแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย และประโยชน์ที่กิลจะได้รับจากหินรูนการต่อสู้นั้น มันก็มากพอๆกับที่เรือเหาะของสภาสิบแปดปีกจะสามารถทำได้เลย ในความเป็นจริงหินรูนการต่อสู้นั้นอาจจะมีประโยชน์มากกว่าเรือเหาะของสภาสิบแปดปีกด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดแล้วสภาสิบแปดปีกเป็นเจ้าของเรือเหาะ ไม่ใช่ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน ยิ่งไปกว่านั้นการปฎิเสธข้อเสนอของโคลท์ชาโด้วมันยังจะเทียบเท่ากับการตบหน้าไมโทโลจี้ด้วย
ไมโทโลจี้นั้นเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเกมเสมือนจริง และกิลก็ได้แสดงความเคารพอย่างมากแล้วต่อดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน ด้วยการเข้ามาหากิลที่เล็กกว่าและขอเป็นพันธมิตร หากดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนปฎิเสธไมโทโลจี้ พวกเขาก็จะไม่ได้รับอะไรเลยจากซุเปอร์กิล และบางทีซุเปอร์กิลๆนี้อาจจะทำการเคลื่อนไหวบางอย่างเพื่อก่อปัญหาให้กับดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนด้วย แม้ว่าไมโทโลจี้จะเน้นการพัฒนาไปที่ทวีปด้านตะวันตก แต่พวกเขาก็เป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดของเกม ดังนั้นพวกเขาจะสามารถสร้างปัญหาให้กับดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนได้แน่นอน
การแสดงออกของฟีนิกซ์เรนแปรเปลี่ยนเป็นมืดมนทันที เธอไม่เคยคาดมาก่อนเลยว่าจักรพรรดิเก้ามังกรจะรีบหันไปกล่อมเหล่าผู้อาวุโสแทน หลังจากที่ล้มเหลวในการปลุกเร้าเพื่อนร่วมกิลทั้งหมด โดยปกติเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดนั้นจะไม่ได้เข้ามายุ่งในเรื่องการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยนเลย เพราะท้ายที่สุดพวกเขาล้วนเป็นคนรุ่นเดียวกันกับคู่หลง และเติบโตมาพร้อมกับคู่หลงโดยตรง ดังนั้นอิทธิพลของพวกเขาในกิลมันจึงแทบจะไม่สามารถประเมินได้ และแม้แต่คู่หลงก็ยังจะต้องชั่งน้ำหนักคำพูดของเขาอย่างระมัดระวัง หากคิดจะขัดใจหรือเดินตรงข้ามกับความคิดของคนพวกนี้
ช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมในชีวิตที่ผ่านมาของฉัน ตำแหน่งของเขาในจักรวรรดิมังกรดำถึงมั่นคงมากๆ
มันมีเส้นทางพลาน่าจำนวนมากที่ถูกเปิดขึ้นและเชื่อมต่อกับจักรวรรดิมังกรดำ ซึ่งมันนำไปสู่การแข่งขันที่รุนแรงภายในจักรวรรดิ โดยปกติแล้วจะมีเพียงแต่ซุเปอร์กิลเท่านั้นที่มีความมั่นใจในการจะหยุดยั้งมหาอำนาจจากโลกอื่นได้ แต่ในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิง กิลสาขาของจักรพรรดิเก้ามังกรในจักรวรรดิมังกรดำนั้นสามารถจะปกป้องดินแดนของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนภายใต้การรับผิดชอบของพวกเขาไว้ได้สำเร็จโดยสูญเสียไปไม่มากนัก
“อย่ารีบร้อนปฎิเสธข้อเสนอของฉัน ปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน ไมโทโลจี้นั้นมีความสนใจและจริงใจอย่างมากในข้อเสนอการเป็นพันธมิตรนี้ หากคุณยอมรับข้อเสนอนี้ของฉัน ฉันก็จะไปเจรจากับหัวหน้ากิลให้ขายหินรูนการต่อสู้ขั้นสามบางส่วนให้กับดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนด้วย ซึ่งนี่มันจะทำให้ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนได้เปรียบอย่างมากแน่นอนในการสำรวจแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย” โคลท์ชาโด้ว
กล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิง
โคลท์ชาโด้วนั้นรู้ถึงสถานการณ์ของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนดี ดังนั้นตราบใดที่เธอสามารถซื้อหุ้นของบริษัทการค้าแสงเทียนได้ เธอก็ไม่รังเกียจเลยที่จะให้จักรพรรดิเก้ามังกรยืมพลังเพื่อจัดการกับฟีนิกซ์เรน
โดยธรรมชาติแล้ว สภาสิบแปดปีกก็ไม่ควรคาดหวังว่าจะต่อสู้กับเงื่อนไขที่ไมโทโลจี้เสนอได้เช่นกัน
เมื่อโคลท์ชาโด้วพูดจบ เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดก็มองมาด้วยความเหนื่อยใจ แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับทวีปด้านตะวันตกมากนัก แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าหินรูนการต่อสู้ขั้นสามนั้น มันมีซุเปอร์กิลแค่สามแห่งเท่านั้นที่สามารถผลิตขึ้นมาได้ และมันไม่ได้ถูกขายให้บุคคลภายนอกเลย หากผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนสามารถสวมใส่หินรูนการต่อสู้ขั้นสามนี้ได้ด้วย มันก็จะไม่มีกิลไหนสามารถหยุดพวกเขาในซากปรักหักพังเนินเขา ซึ่งเป็นแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยใกล้กับสันเขา
ดอร์นได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นหินรูนการต่อสู้เหล่านี้ยังจะช่วยทำให้ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนมั่นใจได้ว่า พวกเขาจะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นมากในการพัฒนากองทัพเรือของตัวเอง
ขณะที่เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดหลายคนกำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อเกลี้ยกล่อมให้ฟีนิกซ์เรนยอมรับข้อเสนอในเรื่องนี้ ซือเฟิงก็จัดการดึงม้วนคัมภีร์วงเวทย์ออกมาจากกระเป๋าของเขา และเตรียมจะส่งมันให้กับฟีนิกซ์เรน
ช่วงเวลาที่ซือเฟิงเปิดเผยม้วนคัมภีร์วงเวทย์ออกมานั้น มันก็ดึงดูดสายตาของทุกคนทันที เพราะมานาของม้วนคัมภีร์วงเวทย์นี้นั้นมันมีความหนาแน่นมากเป็นพิเศษ และมันดูไม่เหมือนอะไรที่ผู้เล่นจะพบเห็นได้โดยทั่วไปเลย
“นี่คือตัวอย่างของสิ่งที่เราพูดถึงกันก่อนหน้านี้ หากคุณโอเคกับมัน เราสามารถจะต่อรองราคากันได้ ..” ซือเฟิงพูดอย่างใจเย็น ขณะที่เขาส่งม้วนคัมภีร์วงเวทย์ให้เธอ
โคลท์ชาโด้วนั้นยิ้มเยาะให้กับการแสดงของซือเฟิง สำหรับเธอมันน่าขำมากที่เขาต้องการจะใช้ม้วนคัมภีร์วงเวทย์มาเพื่อแข่งกับหินรูนการต่อสู้ขั้นสามของกิลเธอ
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดที่มีสกิลตรวจสอบระดับปรมาจารย์นั้นก็อดไม่ได้ที่จะทำการใช้สกิลตรวจสอบอย่างสงสัย และเขาก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างขึ้นมา
“ขั้นสูง … ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูง !!!”
2434 ขึ้นสู่สวรรค์
เมื่อทุกคนได้ยินเสียงอุทานของผู้อาวุโสสูงสุดคนหนึ่ง ทุกคนก็จ้องมองไปยังม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียที่ฟีนิกซ์เรนได้รับมาด้วยความตกตะลึง
“นี่สภาสิบแปดปีกขายไอเทมแบบนี้จริงหรอ ?”
ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียนั้นหายากมากๆในตลาด และมหาอำนาจต่างๆก็ล้วนกักตุนมันไว้ด้วยซ้ำ โดยเฉพาะกับม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียขั้นพื้นฐาน ซึ่งพวกเขาจะอนุญาติให้แค่กองกำลังหลักของกิลเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงเครื่องมือนี้ได้
แกรนลอร์ดที่มีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยนั้นมันยากเกินไปสำหรับผู้เล่นในปัจจุบันที่จะจัดการได้ และหากหนึ่งในแกรนลอร์ดเหล่านั้นมีสกิลพิเศษ แม้แต่แท๊งเกอร์ขั้นสามก็ยังจะไม่สามารถแท๊งกับแกรนลอร์ดได้เลย ไม่ต้องพูดถึงแท๊งเกอร์ขั้นสอง
เพื่อช่วยให้กองกำลังหลักของพวกเขาสามารถสำรวจแผนที่เป็นกลางได้อย่างราบรื่น มหาอำนาจต่างๆจึงต้องอาศัยวงเวทย์บาเรียเพื่อเอาชนะแกรนลอร์ด เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยเหล่านี้
แต่น่าเสียดายที่เนื่องจากม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเหล่านี้นั้นหายาก และมีน้อยนิดมากๆ ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆจึงไม่สามารถมอบให้กองกำลังหลักของพวกเขาได้อย่างเพียงพอด้วยซ้ำ เป็นผลให้ความเร็วในการสำรวจของทีมของพวกเขายังค่อนข้างช้า
ขณะเดียวกันวงเวทย์บาเรียที่ดีที่สุดที่มีขายในตลาดนั้นก็มีเพียงขั้นกลางเท่านั้น และพวกเขาทั้งหมดก็แทบจะไม่เคยเห็นม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียขั้นสูงมาก่อน และแม้ว่ามหาอำนาจต่างๆจะเสนอแลกเปลี่ยนอุปกรณ์ชั้นยอดระดับดาร์คโกล เลเวลหนึ่งร้อยกับม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียขั้นสูง แต่มันก็ยังไม่มีใครเต็มใจจะขายสิ่งที่พวกเขามี
อย่างไรก็ตามตอนนี้ ไม่เพียงแต่ซือเฟิงจะเปิดเผยม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียขั้นสูงออกมาเท่านั้น แต่มันยังเป็นม้วนคัมภีร์วงเวทย์โบราณด้วย
ใน God domain วงเวทย์บาเรียขั้นกลางนั้นจะมีผลสูงสุดก็กับแกรนลอร์ดเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยเท่านั้น ขณะที่มันจะไม่สามารถทำอะไรได้เลยกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายเลยที่จะจินตนาการว่าม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียขั้นสูงนั้นมีค่ามากขนาดไหน ไม่ต้องพูดถึงวงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงเลย
วงเวทย์โบราณโดยทั่วไปนั้นจะแข็งแกร่งกว่าวงเวทย์ทั่วไปในระดับเดียวกัน และมันก็ต้องใช้ผู้เล่นน้อยกว่ามากในการเปิดใช้งานและดูแลวงเวทย์ ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ทีมมีสมาชิกที่สามารถเข้าร่วมต่อสู้ได้มากขึ้น
หากทีมใดใช้วงเวทย์บาเรียขั้นสูง พวกเขาจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามแค่ประมาณสามสิบคนเท่านั้นในการฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย แต่หากทีมใดใช้วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูง พวกเขาจะมีความสามารถในการฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยได้แน่นอน เพียงแค่พวกเขามีแท๊งเกอร์ขั้นสาม
ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูง ?!
การเปิดเผยนี้นั้นทำให้โคลท์ชาโด้วประหลาดใจมากๆ เธอไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะได้รับสมบัติแบบนี้มา
หากสิ่งที่ซือเฟิงพูดเป็นความจริง และสภาสิบแปดปีกสามารถขายม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุได้เป็นจำนวนมาก ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนกจะสามารถครอบครองซากปรักหักพังเนินเขาได้อย่างง่ายดายเลย และมันจะไม่มีมหาอำนาจใดในจักรวรรดิอะโพคาลิปที่สามารถเทียบกับดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนได้
บรรดามหาอำนาจต่างๆล้วนแต่ปวดหัวกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยกันอย่างมาก ซึ่งนี่รวมไปถึงไมโทโลจี้ด้วยเช่นกัน
แม้ว่าหินรูนการต่อสู้ขั้นสามจะมีค่าอย่างมาก แต่มันก็เพียงแค่ทำให้ผู้เล่นแสดงพลังในการต่อสู้ออกมาได้มากขึ้นเท่านั้น มันไม่ได้ช่วยเพิ่มค่าสถานะใดๆของผู้เล่น และหากผู้เล่นมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดในการโจมตีแกรนลอร์ด เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย หรือมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยเมื่อไหร่ หินรูนการต่อสู้ขั้นสามนี้ก็จะกลายเป็นไร้ค่าไปเลย
ในทางตรงกันข้าม วงเวทย์บาเรียโบราณ แถมยังอยู่ในขั้นสูงด้วยเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป แม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยเพิ่มค่าสถานะให้กับผู้เล่น แต่มันก็สามารถปราบปรามความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์เป้าหมายด้วยม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียชุดหนึ่ง และโดยปกติแล้วต่อให้เป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยก็ไม่มีความหวังจะทำลายมันได้แน่นอน
แถมด้วยม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงอย่างเสาสิบสองธาตุ แม้แต่ทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสองก็ยังจะสามารถโจมตีมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยได้ ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงแบบนี้จึงมีค่ามากกว่าม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียขั้นสูงทั่วไปหลายเท่า
ในระยะนี้ของเกม มหาอำนาจต่างๆนั้นยังคงมีผู้เล่นขั้นสามไม่มากเพียงพอที่จะสามารถจัดตั้งแบบเต็มทีมได้ แต่อย่างไรก็ตามการสร้างทีมผู้เล่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสองนั้นมันง่ายมากๆ
อีกทั้งไม่เพียงแต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยจะดรอปไอเทมที่ดีมากๆเท่านั้น แต่มันยังนับเป็นจุดพื้นฐานที่ต้องผ่านให้ได้ หากกิลต้องการจะบุกโจมตีดันเจี้ยน เลเวลหนึ่งร้อย ซึ่งหากแม้แต่ทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสองก็สามารถจะฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยได้ กิลก็จะสามารถเตรียมพร้อมสำหรับการบุกโจมตีดันเจี้ยน เลเวลหนึ่งร้อยได้เร็วกว่ากิลอื่นๆ
หากดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนสามารถสต๊อคชุดม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงที่ชื่อเสาสิบสองธาตุนี้ได้จำนวนมาก ความเร็วในการพัฒนาของผู้เล่นขั้นสาม และมาตราฐานของอาวุธกับอุปกรณ์ของพวกเขาก็จะไปถึงจุดสูงสุดใหม่เลย ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนจะสามารถก้าวข้ามมหาอำนาจอื่นๆของจักรวรรดิอะโพคาลิปได้อย่างง่ายดาย
ในขณะเดียวกันฟีนิกซ์เรนก็จ้องมองไปที่ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงนี้อย่างมึนงงและพูดไม่ออก
อย่างไรก็ตามทันใดนั้นจักรพรรดิเก้ามังกรก็ทำลายความเงียบด้วยการหัวเราะขึ้นมา และพูดว่า “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม นี่คือม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงเลยนะที่เรากำลังพูดถึง แต่คุณกำลังบอกว่าคุณสามารถจะขายพวกมันเป็นจำนวนมากได้ คุณคิดว่าพวกเราโง่รึยังไงกัน ?”
จักรพรรดิเก้ามังกรนั้นปฎิเสธโดยสัญชาตญาณ และเขาเชื่อว่าจริงๆแล้วนักดาบผู้นี้นั้นจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากเลยในการให้ได้มาซึ่งม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุนี้หนึ่งม้วน และเขาได้เลือกจะโกหกว่าสภาสิบแปดปีกยินดีจะขายให้ฟีนิกซ์เรนตามคำสั่งซื้อเป็นจำนวนมากเพื่อทำให้เธอดูดีต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนเท่านั้น
วงเวทย์บาเรียที่แข็งแกร่งที่สุดตอนนี้ที่มหาอำนาจต่างๆสามารถผลิตได้นั้นมันอยู่ที่ขั้นกลาง นอกจากนี้วัสดุที่จำเป็นในการผลิตไม่เพียงแต่จะมีค่าอย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันก็มีมหาอำนาจไม่ถึงห้ากลุ่มเลยที่สามารถผลิตม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียขั้นกลางได้
ดังนั้นสภาสิบแปดปีกจะไปมีความสามารถในการผลิตม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงได้ยังไงกัน ?
“เป็นอย่างนั้นหรอ ?” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ จากนั้นเขาก็ทำการดึงม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุสิบชุดที่เขาพบในวิหารเวทย์มนต์ศักสิทธิ์ออกมาจากกระเป๋าของเขา
จากนั้นซือเฟิงก็โยนม้วนคัมภีร์ทั้งหมดนี้ไปที่พื้น และทำให้มันกองสุมกันเป็นกองเล็กๆอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันทุกคนก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าความหนาแน่นของมานารอบตัวของพวกเขานั้นเพิ่มขึ้นมากๆ เมื่อซือเฟิงทำแบบนี้
จักรพรรดิเก้ามังกรนั้นได้เตรียมที่จะล้อเลียนซือเฟิงต่อ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อได้ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียทั้งหมดที่ซือเฟิงนำออกมา เขาก็หน้าซีดเผือด และไม่สามารถพูดอะไรออกมาต่อได้แม้แต่คำเดียว
ทุกคนในลานกว้างนั้นก็เงียบลงไปเช่นกัน ขณะที่สมาชิกของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนหลายคนก็ล้วนจ้องมองไปยังซือเฟิงอย่างชื่นชม
จักรพรรดิเก้ามังกรนั้นนับเป็นหนึ่งในวีรบุรุษที่แท้จริงของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน เพราะเขาไม่เพียงแต่จะมีพลังเฉพาะตัวสูงมาก แต่เขายังเป็นผู้บัญชาการที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย และเขายังเป็นผู้นำกิลสาขาของจักรสรรดิมังกรดำให้ประสบความสำเร็จได้ แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับการรุกรานของมหาอำนาจอื่นๆ
แต่ในขณะที่เขากล่าวหาว่าซือเฟิงโกหก นักดาบก็ได้เปิดเผยม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุออกมาอีกสิบชุด ยิ่งไปกว่านั้นหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกผู้นี้ยังโยนมันลงกับพื้นราวกับมันเป็นก้อนกรวดที่ไร้ค่า นี่มันจึงเป็นการตบหน้าจักรพรรดิเก้ามังกรอย่างจังเลย แถมยังทำต่อหน้าเหล่าสมาชิกของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนจำนวนมากด้วย ยิ่งไปกว่านั้นจักรพรรดิเก้ามังกรก็ยังไม่สามารถจะโต้แย้งใดๆได้ และเขาก็ไม่กล้าจะทำแน่นอน สิ่งเดียวที่ควรจะออกปากของเขาตอนนี้คือคำชื่นชมซือเฟิง เพราะถ้าเขาพูดอะไรอย่างอื่นเขาก็อาจจะสูญเสียตำแหน่งปรมาจารย์พาวิลเลี่ยนไปได้เลย ไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยน
แม้แต่หัวหน้ากิลของมหาอำนาจก็ยังไม่สามารถทำให้จักรพรรดิเก้ามังกรอับอายขนาดนี้ได้
“เป็นอย่างงี้สินะ …” โคลท์ชาโด้วกัดฟันของเธอ เมื่อจักรพรรดิเก้ามังกรไม่พูดอะไรอีก เธอก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่ได้อยู่ฝั่งของเธออีกต่อไปแล้ว จากนั้นเธอก็หันไปมองที่ฟีนิกซ์เรน และพูดว่า “ปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน การมองสถานการณ์ทั้งหมดของคุณนี่มันช่างน่าประทับใจจริงๆ เนื่องจากดูเหมือนว่าการเป็นหุ้นส่วนระหว่างกิลของเราจะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป ดังนั้นฉันก็จะไม่ขัดจังหวะการสนทนาของคุณกับหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ฉันจึงจะขอลาล่ะ …”
โคลท์ชาโด้วนั้นรีบพาลูกน้องของเธอออกไปจากสถานที่พักกิลของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนทันที เธอไม่ได้แสดงความโกรธหรือผิดหวังใดๆแม้แต่น้อย ราวกับว่าการเจรจาครั้งนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรกับเธอเลย
ในขณะเดียวกัน มันก็ไม่มีสมาชิกของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนคนใดที่ประหลาดใจกับผลลัพธ์นี้ เห็นได้ชัดว่าสภาสิบแปดปีกมีข้อเสนอที่ให้ผลประโยชน์มากกว่าไมโทโลจี้ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากทวีปด้านตะวันตก และแม้แต่คนโง่ก็สามารถจะบอกได้ว่าควรเลือกเป็นพันธมิตรกับใคร ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่โควท์ชาโด้วจะไม่ทนต่อความลำบากใจต่อไป
“เรน หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมอุตส่าห์สละเวลาว่างจากตารางงานอันยุ่งยากของเขาเพื่อมาเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่หลักของเรา !!! ในฐานะปรมาจารย์พาวิลเลี่ยน คุณปล่อยให้เขายืนอยู่ด้านนอกนานขนาดนี้ได้ยังไงกัน ? คุณกำลังไม่สุภาพกับเขานะ !!!” ผู้อาวุโสสูงสุดผมขาวคนหนึ่งกล่าวบอกฟีนิกซ์เรน เมื่อเห็นโคลท์ชาโด้วและคนของเธอจากไป
แม้ว่าชายชราพูดนี้จะพูดแกมบ่นเล็กๆ แต่ทุกคนก็สามารถบอกได้เลยว่าเขาไม่ได้โกรธแม้แต่น้อย ฟังจากน้ำเสียงของเขา เขาดูมีความสุขและตื่นเต้นมากด้วยซ้ำ ซึ่งมันเห็นได้ชัดว่าเขาเลือกจะสนับสนุนฝ่ายฟีนิกซ์เรน
คำพูดของผู้อาวุโสสูงสุดคนนี้ทำให้ฟีนิกซ์เรนหายจากอาการมึนงง และเธอก็กล่าวกับซือเฟิงว่า “มันเป็นความผิดพลาดของฉัน หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมโปรดเข้ามาเลย”
ฟีนิกซ์เรนนั้นไม่คิดมาก่อนเลยว่าซือเฟิงจะมีพลังมากขนาดที่จะเปิดเผยไพ่ที่ทรงพลังออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้ไม่เพียงแต่เขาจะส่งโคลท์ชาโด้ว ตัวแทนของไมโทโลจี้กลับไปมือเปล่าได้ แต่เขายังสามารถลากสมาชิกของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนส่วนใหญ่มาอยู่ข้างเธอได้ด้วย สถานการณ์นั้นมันพัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนเธอพูดไม่ออกจริงๆ
เมื่อฟีนิกซ์เรนนำซือเฟิงและผู้ติดตามของเขาเข้าไปในกิลฮอล เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดก็ล้วนมองไปยังจักรพรรดิเก้ามังกรด้วยสายตาที่เข้มและไม่พอใจมาก หลังจากนั้นพวกเขาก็ไล่คนส่วนใหญ่กลับเข้าไปในกิลฮอล พร้อมกับเดินตามเข้าไป
“ตอนนี้เรามีปัญหาแล้วปรมาจารย์ดราก้อนพาวิลเลี่ยน ตอนนี้ด้วยการเคลื่อนไหวของแบล๊คเฟรม เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดหันไปสนับสนุนฟีนิกซ์เรนแทบทั้งหมดแล้ว” มาร์เชี่ยลดราก้อนพูดพลางขมวดคิ้ว ขณะที่เขามองดูเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดเดินจากไป หลังจากวันนี้โอกาสที่จักรพรรดิเก้ามังกรจะได้เป็นสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยนนั้นจะน้อยลงไปอีกมากเลยทีเดียว
“ปัญหา ?” จักรพรรดิเก้ามังกรยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์และน่ากลัว “ไม่ ไม่ใช่หรอก !!! นี่มันเป็นโอกาสของเรา !!! ฟีนิกซ์เรนอาจก้าวขึ้นสู่สวรรค์ได้ด้วยศักยภาพและรากฐานของสภาสิบแปดปีก แต่การมีสมบัติแบบนี้อยู่โดยปราศจากความแข็งแกร่งที่มากเพียงพอนั้นนับเป็นทุกขลาภ สภาสิบแปดปีกนั้นไม่เคยเปิดเผยเรื่องม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียสองธาตุ กับเรือเหาะมาก่อน แล้วนายคิดว่ามันจะเป็นยังไง ถ้ามหาอำนาจต่างๆรู้เรื่องนี้ ?”
“เข้าหาสภาสิบแปดปีกเพื่อขอเป็นหุ้นส่วน และพันธมิตร ?” มาร์เชี่ยลดราก้อนตอบหลังจากครุ่นคิด
“แล้วถ้ามันล้มเหลวล่ะ ?” จักรพรรดิเก้ามังกรถามต่อด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นร่างของซือเฟิงหายลับตาไป
“พวกเขาก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำลายสภาสิบแปดปีก !!!” มาร์เชี่ยลดราก้อนอุทานออกมา เมื่อเขาคิดออก และเขาก็ยังตระหนักได้แล้วว่าทำไมโคลท์ชาโด้วจึงจากไปอย่างรวดเร็ว
สภาสิบแปดปีกนั้นอาจไม่มีปัญหาอะไรเรื่องของเรือเหาะ แต่สำหรับเรื่องม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุนั้นจะสามารถเปลี่ยนสถานะเดิมของ God domain ได้เลย หากมหาอำนาจต่างๆไม่ได้รับม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียนี้ไป พวกเขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้สภาสิบแปดปีกได้รับมันไปแน่นอน และเหตุการณ์ในวันนี้ก็จะไปถึงหูของมหาอำนาจต่างๆรวดเร็ว และผลักดันให้พวกเขาเริ่มดำเนินการทันทีแน่นอน
แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะเป็นพันธมิตรกับมหาอำนาจอยู่จำนวนหนึ่ง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะช่วยปกป้องกิลได้แน่นอน ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุนี้มันจำเป็นต่อรากฐานของมหาอำนาจทุกกลุ่ม เว้นแต่ว่ามหาอำนาจต่างๆจะยอมก้มหัวให้กับสภาสิบแปดปีกในอนาคต ไม่งั้นพวกเขาก็จะต้องเลือกที่จะทำลายสภาสิบแปดปีกก่อน
ในขณะี่จักรพรรดิเก้ามังกรและมาร์เชี่ยลดราก้อนกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข่าวเกี่ยวกับเรือเหาะทั้งสามลำ และความสามารถในการผลิตม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงจำนวนมากก็แพร่กระจายออกไปราวกับไฟลามทุ่ง และในไม่ช้า มันก็ไปถึงหูของพวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆอย่างรวดเร็ว
2435 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง
ที่ชั้นบนสุดของกิลฮอลดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน มันมีคนสามคนนั่งอยู่ภายในห้องรับรองอันหรูหรา ซึ่งสามารถจะรองรับคนได้มากกว่าห้าสิบคนเลย
นอกเหนือจากซือเฟิง และฟีนิกซ์เรนแล้ว มีเพียงบลูฟีนิกซ์เท่านั้นที่อยู่ที่นี่ และระดับความเป็นส่วนตัวในการพบปะพูดคุยครั้งนี้นั้นก็มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าการประชุมของเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนด้วยซ้ำ
สำหรับเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดที่ได้เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดมาที่ลานกว้างนั้น พวกเขาก็ได้เลือกอย่างชาญฉลาดที่จะอยู่ห่างๆ และไม่มีความตั้งใจจะเข้าสอดแทรกการสนทนาระหว่างซือเฟิงกับฟีนิกซ์เรน ยิ่งไปกว่านั้นโคล่า หยานเทียนซิง และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกก็ยังยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องรับรองด้วย ดังนั้นมันจึงจะไม่มีใครสามารถเข้ามาสอดแนมการพูดคุยครั้งนี้ได้แน่นอน
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ฉันต้องขอขอบคุณอย่างมากจริงๆในครั้งนี้ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคุณ เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดพวกนั้นคงหันไปเข้าข้างจักรพรรดิเก้ามังกรกันหมด” ฟีนิกซ์เรนกล่าว ขณะที่เธอมองไปยังแบบแปลนวงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุสิบชุดบนโต๊ะ “ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงเหล่านี้นั้นมีค่ามากๆ คุณควรรีบเก็บมันเข้าไปอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะได้รับความเสียหายใดๆจากการสัมผัส แม้ว่าม้วนคัมภีร์วงเวทย์เหล่านี้จะเป็นวงเวทย์โบราณ แต่หากคุณไม่ได้จัดเก็บมันอย่างถูกต้องวงเวทย์ที่วาดไว้ก็อาจเสื่อมภาพไปได้ และมันจะเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่เลย”
ใน God domain ปกติ ม้วนคัมภีร์วงเวทย์นั้นจะไม่เสื่อมสภาพ อย่างไรก็ตามสำหรับม้วนคัมภีร์วงเวทย์โบราณบางส่วน มันก็เป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป เพราะการผ่านเวลามาอย่างยาวนานนั้นจะทำให้ค่าความทนทานของมันลดลง และเมื่อค่าความทนทานของมันลดลงจนถึงจุดหนึ่ง มันก็จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของม้วนคัมภีร์วงเวทย์ได้ ในขณะเดียวกันการเคลื่อนย้าย หรือโยนมันแบบมั่วๆ มันก็อาจทำให้ค่าความทนทานลดลงได้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ซือเฟิงได้โยนม้วนคัมภีร์เหล่านี้อย่างไม่ไยดีลงบนพื้นเพื่อทำให้จักรพรรดิเก้ามังกรอับอาย และตอนนี้เขาก็วางมันไว้บนโต๊ะอย่างสบายๆ ซึ่งการกระทำเหล่านี้จะส่งผลต่อค่าความทนทานของม้วนคัมภีร์อย่างไม่ต้องสงสัย
สำหรับการขายม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงนี้ ในความเห็นของฟีนิกซ์เรนนั้น ซือเฟิงน่าจะพูดมาแค่เพื่อควบคุมสถานการณ์เท่านั้น
เพราะท้ายที่สุดม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงนั้นไม่ได้เหมือนกับม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียขั้นสูงเลย และการจะรวบรวมม้วนตัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงให้ได้ครบสักชุดนั้นก็หายากมากแล้ว และแม้กระทั่งตอนนี้ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนก็ยังรวบรวมมันได้ไม่ครบชุดเลย ไม่ต้องพูดถึงสิบชุด
“ไม่จำเป็น เดิมทีฉันก็วางแผนจะขายม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุ สิบชุดนี้ให้คุณอยู่แล้วปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว
“นี่คุณวางแผนจะขายมันจริงๆงั้นหรอ ?” ฟีนิกซ์เรนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการแสดงออกที่จริงจังบนใบหน้าของซือเฟิง จากนั้นเธอก็พยายามห้ามปราบเขาโดยพูดว่า “นี่คือม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูง สิบชุด เลยนะที่เรากำลังพูดถึง คุณสามารถจะฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย ได้ด้วยพวกมันทั้งหมดนี้ขั้นต่ำสิบตัวเลย ซึ่งหากคุณเล็งเป้าไปที่บอสเหล่านี้ทั้งหมด ทีมของสภาสิบแปดปีกก็จะได้รับการปรับปรุงความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก หากคุณกังวลเรื่องจักรพรรดิเก้ามังกรละก็วางใจได้ ฉันมีม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียขั้นสูงอยู่สองสามชุด ฉันสามารถจะทำให้เขาถอนตัวจากเรื่องนี้ได้แน่นอน”
ตอนนี้มันอาจพูดได้เลยว่าสิ่งที่ฟีนิกซ์เรนกล่าวออกมากับซือเฟิงนั้น มันเป็นการไม่เคารพดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนอย่างรุนแรง เธอกำลังจะบอกให้เขาเล่นละครซื้อขายม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียขั้นสูงสองสามชุดนี้เพื่อไปหลอกสมาชิกของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนทั้งหมด และซื้อเวลาให้กับตัวเธอเอง เพราะท้ายที่สุด เมื่อเธอสามารถฟักไข่อินทรีเขาที่ได้รับจากซากปรักหักพังโมลเทนได้แล้ว เธอก็จะสามารเข้ายึดครองทรัพยากรในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยได้มากขึ้นแน่นอน
สำหรับเรื่องแบบแปลนวงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุสิบชุดนั้น มันจะไม่มีใครรู้แน่นอนว่าเธอใช้ม้วนคัมภีร์นี้หรือไม่ เนื่องจากกองกำลังหลักกของเธอประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้ทั้งหมด ด้วยทรัพยากรที่เธอสามารถหาได้บวกกับความช่วยเหลือจากอะเม้าท์บินได้ การหลอกเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดของกิลก็น่าจะพอเป็นไปได้
บลูฟีนิกซ์ที่นั่งอยู่ด้านข้างของฟีนิกซ์เรนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของฟีนิกซ์เรน เธอนั้นรู้ว่าซือเฟิงได้ช่วยเหลือพวกเขาอย่างมากมายแล้วในครั้งนี้ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงไม่สามารถจะให้ซือเฟิงเสียมากกว่านี้ได้แล้ว
“ปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน คุณคิดมากเกินไปแล้ว ฉันมาที่นี่เพื่อทำธุรกิจจริงๆ …” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น เมื่อเขาเห็นปฎิกิริยาของฟีนิกซ์เรน และบลูฟีนิกซ์
ตั้งแต่แรกเริ่มนั้น เขาวางแผนที่จะขายพวกมันอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ใหญ่แบบนี้เกิดขึ้นก็ตาม
ซึ่งสิ่งที่เขาวางแผนไว้ก็คือ เขาจะขายมันให้กับพันธมิตรของสภาสิบแปดปีกเท่านั้น เพื่อไม่ให้ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงนี้ตกไปอยู่ในมือของศัตรู และช่วยเหลือศัตรูได้ ในเวลาเดียวกันมันก็จะเป็นการทำเงินและทรัพยากรจำนวนมากให้กับกิลเขาด้วย
การผลิตม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุจำเป็นจะต้องใช้คริสตัลธาตุ และแกนเวทย์มนต์จำนวนมาก ซึ่งทุกกิลนั้นถือว่าไอเทมเหล่านี้เป็นทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ และโดยปกติแล้วกิลก็จะไม่ขายให้ใคร ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่สามารถจัดซื้อวัสดุเหล่านี้จำนวนมากได้
ดังนั้นหากสภาสิบแปดปีกต้องการจะผลิตม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุนี้ขึ้นมาให้ได้จำนวนมาก พวกเขาก็จำเป็นจะต้องนำมันไปแลกกับวัสดุบ้างเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ซือเฟิงยังต้องการคริสตัลเวทย์มนต์ และเงินอีกจำนวนมหาศาลด้วย
นี่เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับคริสตัลเวทย์มนต์ แม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าของเส้นเลือดแร่ สองเส้นที่สามารถผลิตคริสตัลเวทย์มนต์ได้แล้ว แต่ความต้องการใช้คริสตัลเวทย์มนต์ของเขาก็ยังคงสูงเกินกว่าที่เส้นเลือดแร่ สองเส้นของสภาสิบแปดปีกจะสามารถตอบสนองได้
สาเหตุที่เขาต้องการคริสตัลเวทย์มนต์อย่างมากนั่นเป็นเพราะเรื่องของประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมระหว่างทวีปด้านตะวันออกและด้านตะวันตก มันจะต้องใช้คริสตัลเวทย์มนต์เป็นจำนวนมากในการเปิดใช้งาน ยิ่งไปกว่านั้นคริสตัลเวทย์มนต์นั้นยังหายากและมีค่ามากกว่ามากในทวีปด้านตะวันตก และคริสตัลเวทย์มนต์นั้นก็ถือว่าเป็นสกุลเงินที่ทรงพลังมากที่นั่น ในการจะซื้อวัสดุหายากจากที่นั่น เขาจึงจำเป็นต้องใช้คริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมาก
แน่นอนว่ามันยังมีตัวเลือกในการวัสดุพิเศษของทวีปด้านตะวันออกให้กับทวีปด้านตะวันตก อย่างไรก็ตามวัสดุเหล่านี้ก็มีค่าใกล้เคียงกัน ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีมหาอำนาจต่างๆที่คอยผูกขาดการค้าระหว่างทวีปหลักสองด้านอีก ดังนั้นสภาสิบแปดปีกจึงจะสามารถรับเอาวัสดุที่พวกเขาต้องการได้ในจำนวนจำกัดเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดมหาอำนาจต่างๆมักจะซื้อขายกันเองเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยปล่อยหลุดออกมาถึงตลาดทั่วไป
ในท้ายที่สุด ซือเฟิงก็ได้ข้อสรุปว่าเขาจำเป็นจะต้องทำธุรกรรมโดยใช้คริสตัลเวทย์มนต์เท่านั้น
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณสามารถจัดหาม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงแบบนี้ได้จำนวนมากจริงๆงั้นหรอ ?” บลูฟีนิกซ์โพล่งถามออกมาอย่างประหลาดใจ เมื่อเธอได้เห็นรอยยิ้มอันขมขื่นของซือเฟิง
นี่คือม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงเลยนะที่พวกเขากำลังพูดถึง หากดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนสามารถทำการจัดซื้อมันได้จำนวนมาก การพัฒนาของกิลพวกเขาจะพุ่งสูงขึ้นทันทีแน่นอน
“แน่นอน อย่างไรก็ตามคุณควรรู้ไว้ด้วยว่าม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุนี้มีค่ามากแค่ไหน ดังนั้นฉันไม่สามารถจะขายถูกเกินไปได้ ในความเป็นจริง มันไม่สามารถจะตีราคาเป็นเหรียญทองทั้งหมดได้ด้วย” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาเห็นการแสดงออกที่ตื่นเต้นของบลูฟีนิกซ์ “วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุหนึ่งชุดที่สมบูรณ์จะมีราคาเป็น คริสตัลเวทย์มนต์ห้าพันชิ้น เงินห้าร้อยเหรียญทอง คริสตัลธาตุห้าร้อยชิ้น และแกนเวทย์ห้าร้อยชิ้น”
“ขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” บลูฟีนิกซ์อ้าปากค้าง เมื่อเธอได้ยินคำพูดของซือเฟิงความตื่นเต้นของเธอก็ลดลงอย่างมาก
จากราคาที่เขากล่าวมานั้น ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนจะไม่สามารถทำการจัดซื้อพวกมันจำนวนมากได้เลย เพราะแต่ละชุดถ้าตีเป็นเงิน มันก็จะมีราคาไม่ต่ำกว่าสี่พันเหรียญทอง
ยิ่งไปกว่านั้นคริสตัลเวทย์มนต์ คริสตัลธาตุ แกนเวทย์ล้วนเป็นทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ของกิล และการจะได้รับพวกมันจำนวนมากมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และหลังจากพิจารณาถึงการใช้งานของกิลแล้ว ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนจะสามารถนำมาแลกกับชุดของม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุนี้ได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น เช่นเดียวกันกับมหาอำนาจอื่นๆ
“แน่นอนเลยว่า ราคามันไม่ต่ำเลยจริงๆ …” ฟีนิกซ์เรนยิ้มอย่างขมขื่นออกมา ขณะที่เธอจ้องมองไปยังม้วนคัมภีร์ที่วางอยู่บนโต๊ะ “งั้นครั้งแรก ฉันจะซื้อสักสามสิบชุดก่อน”
แม้ว่าเธอจะเตรียมตัวมานานแล้วว่าราคามันจะต้องสูงแน่นอน แต่เมื่อเธอได้ยินราคาของซือเฟิงแล้ว เธอก็ออดไม่ได้ที่จะกระตุกเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามเท่าที่เธอคำณวน มันก็จะคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปแน่นอน เพราะหากเธอเลือกบอสที่จะล่าด้วยวงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุนี้ได้อย่างดี และอาศัยโชคนิดหน่อยนั้น มันจะทำกำไรให้เธอได้มากกว่าราคาที่เธอจ่ายไปแน่นอน
“นั่นไม่มีปัญหา ฉันจะให้คนของฉันส่งที่เหลืออีกยี่สิบชุดมาให้พรุ่งนี้ ..” ซือเฟิงกล่าว เขาไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เห็นสีหน้าเจ็บปวดของฟีนิกซ์เรน ในทางตรงกันข้าม เขากับค่อนข้างจะเข้าใจความรู้สึกของเธอเป็นอย่างมากด้วย
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงแสวงหาความร่วมมือกับมหาอำนาจหลายกลุ่มในเรื่องนี้
หินมานานั้นไม่ได้เป็นปัญหามากนักเลยสำหรับเขา อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถพูดได้แบบเดียวกันสำหรับคริสตัลเวทย์มนต์ คริสตัลธาตุ และแกนเวทย์มนต์ที่ต้องใช้มันในปริมาณมหาศาล และการจะผลิตพวกมันให้ได้ขึ้นมาครบชุดนั้นก็จะต้องใช้คริสตัลธาตุ และแกนเวทย์มนต์ถึงหนึ่งร้อยสี่สิบสี่ชิ้นเลยทีเดียว
ด้วยคลังสินค้าในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีก มันจึงไม่จะสามารถผลิตขึ้นมาจำนวนมากได้เลย และไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากิลไม่สามารถให้ม้วนคัมภีร์นี้กับทีมขั้นสองของกิลใช้ได้อย่างแน่นอน
หลังจากที่ฟีนิกซ์เรนยืนยันการทำธุรกรรมกับซือเฟิงเรียบร้อย เธอก็ได้ส่งบลูฟีนิกซ์มุ่งหน้าไปเอาวัสดุสำหรับค่าใช้จ่ายมาทันที
อย่างไรก็ตามในระหว่างรอนั้นอยู่ๆฟีนิกซ์เรนก็พูดขึ้นมาว่า “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เรามาพูดถึงความวุ่นวายที่คุณก่อขึ้นที่ลานกว้างในครั้งนี้ก่อนดีกว่า ไม่ต้องพูดถึงรองหัวหน้ากิลของไมโทโลจี้เลย ข่าวเรื่องนี้จะแพร่กระจายไปถึงหูของมหาอำนาจต่างๆอย่างรวดเร็วแน่นอน และเพื่อทำให้เรื่องแย่ลง คุณสามารถจะผลิตม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุได้จริงๆ หากมหาอำนาจต่างๆรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะไม่ปล่อยให้สภาสิบแปดปีกหลุดจากเบ็ดไปแน่นอน พวกเขาอาจจะร่วมมือกันเพื่อบังคับให้คุณยอมมอบวิธีการรับเอาวงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุมาก็ได้นะ …”ฟีนิกซ์เรนกล่าวอย่างเป็นห่วง หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เธอก็ยังสรุปว่า มันไม่ใช่เรื่องดีมากนักที่จะซื้อพวกมันจำนวนมากแบบนี้
ใน God domain มหาอำนาจต่างๆมักจะส่งสายลับเข้ามาแฝงตัวในมหาอำนาจอื่นๆอยู่แล้ว และแม้แต่ในดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนก็ไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้นข่าวเรื่องนี้น่าจะไปถึงหูของมหาอำนาจต่างๆแล้ว
มันอาจจะดีกว่านี้ถ้าซือเฟิงใช้เจ้านี่เพื่อแค่หลอกจักรพรรดิเก้ามังกร เพราะอย่างมากที่สุดเธอก็จะเสียชื่อเสียง และเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดหันไปเข้าข้างจักรพรรดิเก้ามังกรเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หลายอย่างมันจึงดูเป็นปัญหามาก
มันจะไม่มีปัญหาเลยถ้าการทำธุรกรรมครั้งนี้เกี่ยวข้องกับวัสดุเพียงเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดเธอจะสามารถใช้อำนาจของเธอในฐานะปรมาจารย์พาวิลเลี่ยนทำมันอย่างลับๆได้ โดยไม่มีใครรู้เรื่องนี้ อย่างไรก็ตามจำนวนวัสดุที่เธอต้องจ่ายเพื่อให้ได้รับม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุชุดหนึ่งนั้นมันมีจำนวนมหาศาลมาก ซึ่งหากเธอนำวัสดุจำนวนมากออกมาจากคลังกิล คนอื่นๆก็จะสังเกตเห็นได้แน่นอน และหากเธอทำการใช้มันด้วย คนอื่นๆก็จะยิ่งสังเกต และค้นพบได้ง่ายขึ้น
มหาอำนาจต่างๆนั้นพร้อมจะเพิกเฉยกับความจริงที่ว่าสภาสิบแปดปีกมีวิธีการได้รับเรือเหาะจำนวนมากได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วนั้น กิลที่ไม่มีผู้สนับสนุนใดคงไม่ได้รับมันมาเพิ่มอีกมากนัก และพวกเขาก็น่าจะใช้มันได้แค่ปกป้องดินแดนของตัวเองเท่านั้น ซึ่งมันจะไม่กระทบต่อมหาอำนาจต่างๆเลย
อย่างไรก็ตามเลือกเสาสิบสองธาตุนั้นเป็นเรื่องราวที่แตกต่างออกไป เพราะมันจะสามารถเปลี่ยนโครงสร้างของ God domain ในปัจจุบันได้เลย และมหาอำนาจต่างๆก็จะไม่ยอมให้สภาสิบแปดปีกซึ่งเป็นกึ่งมหาอำนาจเป็นผู้กำหนดเรื่องนี้ แล้วมาตัดสินอนาคตของพวกเขาแน่นอน และแม้แต่ซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดห้าอันดับแรกก็จะไม่ยอมนั่งทนดูเรื่องนี้เฉยๆแน่นอน
ในกรณีนี้มันอาจจะมีเพียงแค่สองผลลัพธ์เท่านั้นที่เป็นไปได้สำหรับสถานการณ์นี้ อย่างแรกคือมหาอำนาจต่างๆร่วมมือกันเพื่อทำลายล้างสภาสิบแปดปีก และรักษาสถานะเดิมเอาไว้ อย่างที่สองคือ สภาสิบแปดปีกถูกบังคับให้ต้องยอมจำนนต่อมหาอำนาจต่างๆ และถูกบังคับให้ต้องส่งมอบวิธีการที่จะได้รับวงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุนี้มา ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทางไหน มันก็ล้วนส่งผลเสียต่อสภาสิบแปดปีกอย่างร้ายแรง
ดังนั้นฟีนิกซ์เรนจึงคิดว่ามันดีที่สุดที่จะจัดการกับเหตุการณ์ในวันนี้ให้เป็น
เหมือนกับซือเฟิงหลอกจักรพรรดิเก้ามังกร ด้วยวิธีนี้สภาสิบแปดปีกจะสามารถหลีกเลี่ยงการถูกทำลายล้างได้
2436 ความบ้าคลั่งของสภาสิบแปดปีก
เมื่อบลูฟีนิกซ์กลับมาถึง และได้ยินคำพูดที่ฟีนิกซ์เรนพูดกับซือเฟิง เธอก็เต็มไปด้วยความกังวลอย่างมากทันที
“พี่สาวเรน นี่หมายความว่าจักรพรรดิเก้ามังกร กับรองหัวหน้ากิลจากไมโทโลจี้นั้นเข้าใจดีอยู่แล้วใช่ไหมว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้น และนั่นก็เป็นเหตุผลที่พวกเขายอมแพ้และจากไปอย่างสงบใช่ไหม ?” บลูฟีนิกซ์นั้นรู้สึกกังวลและหวาดกลัวขึ้นมาเลย เมื่อเธอนึกถึงความสงบของจักรพรรดิเก้ามังกร และโคลท์ชาโด้วที่ล้มเหลวในการบังคับให้ฟีนิกซ์เรนขายหุ้นของบริษัทการค้าแสงเทียน
ก่อนหน้านี้ตอนที่ซือเฟิงระบุว่าเขาสามารถจัดหาม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุได้จำนวนมาก รวมถึงผลประโยชน์ของม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุ ทำให้เธอลืมเรื่องนี้ไปเลย เธอนั้นลืมคิดถึงปัญหาที่ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุจะนำมา เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าจักรพรรดิเก้ามังกรและโคลท์ชาโด้วนั้นจะคิดถึงปัญหานี้ออกได้อย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน เมื่อคิดถึงเรื่องที่ว่าโคลท์ชาโด้วนั้นได้ตัดสินใจจะยอมแพ้เรื่องนี้อย่างเด็ดขาด และจากไปทันที มันก็ชัดเจนแล้วว่าเธอวางแผนจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้เช่นกัน
“มีความเป็นไปได้สูง …” ฟีนิกซ์เรนกล่าวพลางพยักหน้า “อย่างไรก็ตาม เรายังคงสามารถจะกอบกู้สถานการณ์นี้ได้ ตราบเท่าที่เราสามารถปลอมแปลงเรื่องนี้ได้ และทั้งสองคนก็จะไม่สามารถทำอะไรได้แน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะต้องการก็ตาม …”
แม้ว่าซือเฟิงจะเปิดเผยต่อสาธารณว่าเขามีม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุสิบชุด แต่นั่นมันก็ไม่ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขาจะสามารถจัดหาพวกมันจำนวนมากได้จริง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะโน้มน้าวให้มหาอำนาจต่างๆคิดว่าเขาไม่สามารถจะทำมันได้จริงๆ
หากมหาอำนาจต่างๆค้นพบว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องปลอมทั้งหมด จักรพรรดิเก้ามังกรและโคลท์ชาโด้วที่คิดจะกำหนดเป้าหมายมาที่สภาสิบแปดปีกก็จะล้มเหลวไปโดนธรรมชาติ เพราะท้ายที่สุดความแข็งแกร่งที่โคลท์ชาโด้ว และจักรพรรดิเก้ามังกรครอบครองอยู่ในทวีปด้านตะวันออกตอนนี้ มันไม่สามารถจะสั่นคลอนรากฐานของสภาสิบแปดปีกได้
“คุณไม่จำเป็นต้องคิดมากหรือปิดบังเรื่องนี้หรอก หากพวกเขาต้องการจะเคลื่อนไหวจริงๆก็ปล่อยให้พวกเขาทำได้อย่างอิสระเลย ถ้าพวกเขาสามารถทำมันได้น่ะนะ ..” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาเห็นฟีนิกซ์เรนและบลูฟีนิกซ์กังวลเกี่ยวกับเรื่องที่ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุจะนำปัญหามาให้สภาสิบแปดปีก
ใน God domain ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าซือเฟิงแล้วว่าวงเวทย์บาเรียสิบสองธาตุนี้จะส่งผลต่อโลกนี้มากแค่ไหน
เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่สภาสิบแปดปีกจะได้รับจากการขายพวกมันจำนวนมากนั้น มันก็พอจะทนรับกับความเสี่ยงได้ และอีกอย่างหนึ่ง สภาสิบแปดปีกก็ไม่ใช่กิลที่เคยอ่อนแอแบบเดิมอีกต่อไป
ใน God domain ช่วงเวลาที่ผู้เล่นมาถึงเลเวลหนึ่งร้อย และกำลังจะเลื่อนขั้น ไปเป็นขั้นสามนั้นเป็นส่วนที่ยาวนานที่สุดและยากที่สุดสำหรับผู้เล่นที่จะต้องผ่านไปให้ได้ ในอดีตช่องว่างขนาดใหญ่ได้ก่อตัวขึ้นระหว่างมหาอำนาจต่างๆกับกิลทั่วไปก็ในช่วงเวลานี้ กิลที่ไม่มีชื่อเสียงกลายเป็นมหาอำนาจขึ้นมาได้ และมหาอำนาจบางกลุ่มจางหายไป มันก็เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ทั้งหมด
แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีข้อได้เปรียบที่สามารถผลิตผู้เล่นขั้นสามขึ้นมาได้จำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว แต่กิลก็ยังคงขาดผู้เชี่ยวชาญ (ในที่นี้หมายถึงเรื่องมาตราฐานการต่อสู้น่ะ) อย่างมาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้กิลไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาที่มหาอำนาจต่างๆจะตามสภาสิบแปดปีกทันในเรื่องนี้
ดังนั้นสิ่งที่ซือเฟิงต้องทำในตอนนี้ก็คือการขยายข้อได้เปรียบของสภาสิบแปดปีกให้มากขึ้นไปอีก และใช้ประโยชน์จากจุดนี้ทำให้ผู้เล่นของสภาสิบแปดปีกหลุดพ้นจากจุดนี้
“นี่ …” ฟีนิกซ์เรนลังเล เมื่อเธอเห็นสีหน้ามั่นใจของซือเฟิง
ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีกนั้นไม่สามารถจะประเมินได้เลย โดยเฉพาะเมื่อบวกกับเรือเหาะสามลำเข้าไปด้วย และการปรากฎขึ้นของเรือเหาะสามลำของสภาสิบแปดปีกนี้ มันก็จะทำให้ไม่มีใครสามารถทำอะไรสภาสิบแปดปีกทางอากาศได้แน่นอน อย่างไรก็ตามมหาอำนาจต่างๆก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายเช่นกัน และหากพวกเขาร่วมมือกัน แม้แต่ซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดห้าอันดับแรกก็ยังจะต้องยอมแพ้ต่อพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้มันก็เกิดขึ้นเพราะเธอ ในความเป็นจริงซือเฟิงสามารถทำธุรกรรมนี้เป็นความลับ และค่อยๆพัฒนาความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกใน God domain ไปได้ ซึ่งมันไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะทำให้สภาสิบแปดปีกต้องกลายเป็นศัตรูกับเหล่ามหาอำนาจเลย
“ที่จริงก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ ฉันได้ให้อควาโรสติดต่อกับกิลอื่นๆแล้วจำนวนหนึ่ง และฉันก็นัดพบพวกเขาในอีกสามชั่วโมงนับจากนี้ ซึ่งในเวลานั้นฉันก็จะขายม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุให้พวกเขาเช่นกัน” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นแม้ว่าเหตุการณ์ที่คุณว่ามามันจะยังไม่เกิดขึ้น แต่มหาอำนาจต่างๆก็จะยังรู้เรื่องนี้แน่นอน ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองหรอกปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน”
ตราบใดที่เขาเริ่มทำการขายม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุเมื่อไหร่ เขาก็จะดึงดูดความสนใจจากมหาอำนาจทั้งหมดเข้ามาแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ลังเลเลยที่จะใช้เจ้านี่เพื่อทำให้จักรพรรดิเก้ามังกร และ โคลท์ชาโด้วต้องอับอาย
การทำเช่นนี้นั้นไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับตำแหน่งของฟีนิกซ์เรนในดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนขึ้น แต่มันยังเป็นเหมือนการทำให้หลายกิลที่เขาเชิญมานั้นรู้เรื่องนี้ และเป็นการกระชับสัมพันธ์กันให้มากขึ้น ซึ่งในเวลานั้น เขาก็จะสามารถช่วยตัวเองจากปัญหาสงสัยของหลายกิลได้ด้วยการพิสูจน์ว่าเขาสามารถจัดหาม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุจำนวนมากได้ เพราะท้ายที่สุดความบ้าคลั่งของมหาอำนาจต่างๆนั้นเป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด
หลังจากได้ยินคำพูดของซือเฟิง ทั้งบลูฟีนิกซ์และฟีนิกซ์เรนนั้นก็คิดว่าเขาบ้าไปแล้ว
โดยพื้นฐานนี่มันหมายถึงซือเฟิงกำลังจะละทิ้งชีวิตเพื่อเงิน !!!
การขายม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุนั้นจะทำให้เขาได้ประโยชน์อย่างมากมาย แต่อย่างไรก็ตามแม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังจะไม่กล้าเสี่ยงเป็นศัตรูกับมหาอำนาจมากมายเพียงเพื่อผลกำไรจำนวนมหาศาลนี้
เพราะท้ายที่สุดแล้วยุคปัจจุบันนี้มันเป็นยุคที่แตกต่างออกไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองนั้นจะไม่ได้มีประโยชน์เหมือนกับเมื่อก่อนอีกต่อไป มีเพียงแค่เฉพาะผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเท่านั้นที่ถือว่าเป็นพลังต่อสู้ที่แท้จริงของกิล
ในขณะเดียวกันซุเปอร์กิลก็ย่อมจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่ากิลชั้นยอดอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจากซุเปอร์กิล สามถึงห้าแห่งก็สามารถจะเหนือกว่าซุเปอร์กิลเดียวได้อย่างง่ายดาย นี่ไม่ต้องพูดถึงกิลมหาอำนาจแทบทั้งหมดของทวีปด้านตะวันออกเลย
“เนื่องจากคุณจะเอาแบบนี้ ดังนั้นฉันก็จะขอเป็นตัวแทนของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนในการจัดซื้อม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุหนึ่งร้อยชุดจากสภาสิบแปดปีก หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมสามารถจัดหาให้ฉันในจำนวนมากขนาดนี้ได้ไหม ?” ฟีนิกซ์เรนถามอย่างจริงจัง หลังจากที่เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ
หลังจากที่ได้เห็นว่าซือเฟิงมีพฤติกรรมที่บ้าคลั่งมากเพียงใด ฟีนิกซ์เรนก็ได้ตัดสินใจที่จะกระโจนเล่นตามเขาเช่นกัน
ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนในปัจจุบันนั้นอยู่ในตำแหน่งที่น่าอึดอัดมากๆ โดยพวกเขานั้นก็ไม่ได้อยู่ในอันดับที่สูงหรือต่ำเกินในหมู่มหาอำนาจต่างๆ และเนื่องจากสภาสิบแปดปีกซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของเธอได้เลือกจะเสี่ยงอย่างเต็มที่ ดังนั้นเธอเองจึงต้องทำเช่นกัน โดยการพยายามอย่างเต็มที่และเสี่ยงโชคกับมันด้วยวัสดุกับคริสตัลเวทย์มนต์ที่ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนมีแทบทั้งหมด
เสาสิบสองธาตุนั้นแม้ว่ามันจะมีราคาแพงมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่ากิลจะไม่สามารถคืนทุนจากมันได้ เมื่อทำการล่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย แถมพูดกันจริงๆตอนนี้ เงินและทรัพยากรที่ลงทุนของมหาอำนาจบางกลุ่มในจักรวรรดิอะโพคาลิปตอนนี้ มันก็เหนือกว่าดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนไปแล้ว นี่เป็นเรื่องจริงอย่างยิ้งโดยเฉพาะคริสตัลเวทย์มนต์
อย่างไรก็ตามหากการพนันของเธอได้รับผลตอบแทนกลับมา ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนไม่เพียงแต่จะสามารถจัดหาไอเทมระดับสูงได้เพียงพอที่จะจัดทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหนึ่งร้อยคนได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนยังมีสิทสูงมากที่จะได้รับอำนาจเหนือซากปรักหักพังเนินเขาทั้งหมด แถมพวกเขาอาจยังเริ่มโจมตีดันเจี้ยนเลเวลหนึ่งร้อยได้เร็วกว่ามหาอำนาจอื่นๆด้วย ซึ่งด้วยข้อดีเหล่านี้ ดังนั้นการลองเสี่ยงใช้ทรัพยากรจำนวนมากจึงเป็นเรื่องที่ยอมรับได้
“พี่สาวเรน ?” บลูฟีนิกซ์อ้าปากค้างด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินคำพูดของฟีนิกซ์เรน เธอไม่คิดเลยว่าหัวหน้าของเธอจะตัดสินใจดำเนินการอย่างเด็ดขาดแบบนี้
ด้วยการเข้ามารุกรานของมหาอำนาจจากโลกอื่นมันทำให้การแข่งขันในจักรวรรดิอะโพคาลิปนั้นทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างมาก และเพียงแค่การจัดซื้อม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุสามสิบชุดก็จะทำให้สถานะวัสดุของกิลตึงมากแล้ว ขณะที่การซื้อม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุหนึ่งร้อยชุดจะทำให้คลังวัสดุกิลแทบหมดไปเลย
หากดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนล้มเหลวในการครองอำนาจเหนือซากปรักหักพังเนินเขาด้วย ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุหนึ่งร้อยชุด มันก็จะนับว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับกิล และในเวลานั้นฟีนิกซ์เรนจะสูญเสียความหวังทั้งหมดในการจะกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยนคนต่อไปแน่นอน
“นั่นไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามคุณจะต้องรอจนถึงพรุ่งนี้นะ ฉันจึงจะสามารถจัดส่งได้ครบหนึ่งร้อยชุด” ซือเฟิงกล่าว เขาเองก็ประหลาดใจกับจำนวนที่ฟีนิกซ์เรนร้องขอเช่นกัน
การซื้อม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุหนึ่งร้อยชุดจะมีมูลค่าเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ห้าแสนชิ้น เงินห้าหมื่นเหรียญทอง คริสตัลธาตุห้าหมื่นชิ้น และแกนเวทย์มนต์ห้าหมื่นชิ้น ซึ่งมันไม่ใช่ทรัพยากรจำนวนน้อยเลย และไม่มีมหาอำนาจใดที่จะไม่เครียดแน่นอน จากการใช้พวกมันรวดเดียวจำนวนมากขนาดนี้
“บลู ไปเตรียมทุกอย่างที่จำเป็นทันที …” เมื่อฟีนิกซ์เรนได้รับคำยืนยันจากซือเฟิงแล้ว เธอก็ให้บลูฟีนิกซ์กลับไปรวบรวมวัสดุที่จำเป็นทั้งหมดในคลังกิลทันที
เมื่อบลูฟีนิกซ์เข้าไปที่คลังกิล การกระทำของเธอทำให้เกิดความโกลาหลอย่างมากไปทั่วในหมู่พวกระดับสูงของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน
คำขอสำหรับเงินห้าหมื่นเหรียญทองนั้นไม่มีอะไรเลย เพราะมันไม่ใช่เงินจำนวนมากสำหรับดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน อย่างไรก็ตามจำนวนคริสตัลเวทย์มนต์ คริสตัลธาตุ และแกนเวทย์มนต์ที่บลูฟีนิกซ์ร้องขอนั้น มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งโดยสิ้นเชิง สิ่งเหล่านี้นั้นเป็นวัสดุที่จำเป็นในการผลิตโพชั่นเพื่อใช้สำรวจอย่างมาก แต่บลูฟีนิกซ์ก็ได้ยื่นคำขอเป็นจำนวนมากกว่าเก้าสิบเปอเซ็นต์จากทั้งหมดที่คลังกิลมีเลย
อย่างไรก็ตามทั้งคู่หลง และเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดของกิลนั้นก็ไม่ได้พยายามจะหยุดบลูฟีนิกซ์ ในทางตรงกันข้าม พวกเขากับอนุมัติคำขอของบลูฟีนิกซ์ทันที และสั่งให้ผู้จัดการคลังกิลจัดการมอบทุกสิ่งทุกอย่างตามจำนวนที่บลูฟีนิกซ์ต้องการให้ และพวกเขายังไม่ได้ตั้งคำถามถึงจุดประสงค์ของเธอในเรื่องนี้ด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนปัจจุบัน ฟีนิกซ์นั้นก็ถือว่าเป็นกึ่งสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยนแล้ว ซึ่งเธอนั้นมีอำนาจที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
ในขณะเดียวกันข่าวที่น่าตกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นก็ไปถึงหูของมหาอำนาจต่างๆอย่างรวดเร็ว
2437 ตกตะลึงทั่วทุกด้าน
จักรมังกรดำ เมืองมังกรดำ สถานที่พักกิลของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน
ปัจจุบันมีผู้เล่นมากกว่าห้าสิบคนอู่ในห้องรับรองชั้นบนสุดที่กว้างขวาง และหากสังเกตดีๆก็จะพบผู้เล่นเหล่านี้ทุกคนนั้นล้วนมาถึงขั้นสามแล้ว และแม้แต่หัวหน้ากิลของมหาอำนาจก็ยังจะต้องหวาดกลัว เมื่อได้เห็นฉากนี้
เพราะท้ายที่สุดในระยะนี้ของเกมนั้น มันมีมหาอำนาจแค่ไม่กลุ่มเท่านั้นที่จะมีผู้เล่นขั้นสามมากกว่าห้าสิบคนอยู่ภายใต้พวกเขา
“ปรมาจารย์ดราก้อนพาวิลเลี่ยน ทำไมวันนี้คุณถึงเรียกพวกเรามารวมตัวกันที่นี่ ?” ชิลวอริเออร์ ชาย ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสี่ที่มีรูปร่างเตี้ยกล่าวถามด้วยสีหน้าไม่พอใจต่อจักรพรรดิเก้ามังกรอยู่เล็กน้อย
ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครในห้องรับรองนี้พบว่าการแสดงออกของชิลวอริเออร์มันน่าแปลกใจ ในทางตรงกันข้ามทุกคนกับคิดว่ามันสมเหตุสมผลด้วยซ้ำซ้ำ เพราะชายรูปร่างเตี้ยวัยกลางคนผู้นี้นั้นก็คือสตับบอร์นฮาร์ท ซึ่งสตับบอร์นฮาร์ทนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นหัวหน้ากิลของกิลที่มีชื่อว่ามัจจุราช ซึ่งเป็นกิลสายความมืดอันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิมังกรดำ แต่เขายังมีฉายาว่า “ค้อนเหล็กกล้า” อีกด้วย
แม้ว่ามัจจุราชจะไม่ใช่มหาอำนาจ แต่มันก็ไม่ใช่ตัวตนที่กิชั้นสูงทั่วไปจะสามารถแตะต้องได้เลย นอกจากนี้กลุ่มผู้เล่นสายความมืดส่วนใหญ่นั้นก็ยังประกอบไปด้วยคนบ้าที่ชอบเข่นฆ่าเป็นชีวิตจิตใจ ดังนั้นกิลสายความมืดจึงจะมีเส้นทางการพัฒนาที่แตกต่างจากกิลทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นมัจจุราชจึงไม่ได้กลัวมหาอำนาจใดๆที่ปฎิบัติการอยู่ในจักรวรรดิมังกรดำเลย ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว สตับบอร์นฮาร์ทจึงไม่ต้องกังวลใดๆเมื่อแสดงพฤติกรรมไม่สุภาพต่อจักรพรรดิเก้ามังกร
เมื่อได้ยินคำถามของสตับบอร์นฮาร์ท ตอนนี้ทุกคนก็หันไปมองจักรพรรดิเก้ามังกรอย่างอยากรู้อยากเห็น เพราะท้ายที่สุดนี่เป็นคำถามที่พวกเขาทุกคนอยากถามเช่นกัน
ทุกคนในห้องนั้นล้วนเป็นผู้ทรงอิทธิพลอย่างมากในจักรวรรดิมังกรดำ พวกที่มารวมตัวกันนี้มีทั้งหัวหน้ากิลของกิลขนาดใหญ่ ผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัยชั้นยอด แถมยังมีตัวแทนจากซุเปอร์กิลบางกิลอีก นี่มันเป็นดั่งการรวมตัวกันของผู้อยู่ในจุดสูงสุดของจักรวรรดิมังกรดำเลย
“มีข่าวดี …” จักรพรรดิเก้ามังกรกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มสงบ “ทุกคนไม่อยากไปพัฒนาในป่าใบไม้ผลิกันหรอ ? โอกาสของคุณมาถึงแล้ว !!!”
ป่าใบไม้ผลินั้นเป็นแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยที่อยู่ใกล้กับจักรวรรดิมังกรดำมากเช่นกัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากสภาสิบแปดปีกมีเมืองป่าหินอยู่ในแผนที่นี้ ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆในจักรวรรดิมังกรดำจึงไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย และทำได้แค่ดูสภาสิบแปดปีกกับเหล่าพันธมิตรของกิลผูกขาดแผนที่ไว้ทั้งหมด เพราะท้ายที่สุดแล้วแม้แต่ซุเปอร์กิลยังไม่กล้าลงมือกันเลย แล้วพวกเขาจะไปทำอะไรกับเมืองป่าหินได้กันล่ะ ?
“คุณพยายามจะพูดอะไร ?” สตับบอร์นฮาร์ทถามย้อนจักรพรรดิเก้ามังกร
ป่าใบไม้ผลินั้นเป็นแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย และแม้แต่กิลมัจจุราชซึ่งเป็นกิลสายความมืดก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงการจะต้องเข้าไปล่าที่นั่นได้ และหากกิลมัจจุราชได้เข้าไปล่าในป่าใบไม้ผลิแบบเต็มตัวนั้น การพัฒนาของกิลก็จะเป็นไปอย่างก้าวกระโดดแน่นอน
“ฉันเชื่อว่าพวกคุณทุกคนล้วนรู้ไม่มากก็น้อย ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่สถานที่พักกิลของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนที่เมืองทไวไลท์” จักรพรรดิเก้ามังกรกล่าว “พูดให้ถูกคือสภาสิบแปดปีกกำลังหยิบยื่นม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงออกมาให้สาธารณชนได้เห็น”
“อืมม เราก็รู้เรื่องนี้มาเช่นกัน แต่แล้วยังไงล่ะ ? สภาสิบแปดปีกอยากจะขายบางส่วนให้กับพวกเรางั้นหรอ ?” สตับบอร์นฮาร์ทกล่าวถามพลางหัวเราะเบาๆ “ยังไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั่นมันเป็นเพียงละครฉากหนึ่ง หรือเรื่องจริง …”
ในระยะนี้ของเกมมหาอำนาจต่างๆจะถือว่าวงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุนั้นเป็นสมบัติแน่นอน และก็จะไม่มีใครไม่ถูกล่อลวงโดยมัน
อย่างไรก็ตามสภาสิบแปดปีกจะขายสมบัติล้ำค่าแบบนี้ให้กับคนภายนอกได้อย่างไร ?
ยิ่งไปกว่านั้นนั่นคือม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงเลยที่พวกเขากำลังพูดถึง ซึ่งมันเป็นเทคโนโลยีที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดังนั้นสภาสิบแปดปีกจึงไม่ควรจะสามารถจัดหาพวกมันได้จำนวนมาก
“ตอนนี้ฉันสามารถบอกคุณได้เลยว่าสภาสิบแปดปีกนั้นสามารถจัดหาม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงได้จำนวนมาก” จักรพรรดิเก้ามังกรกล่าวด้วยความตื่นเต้น “ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังมีหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“เป็นไปได้อย่างไร ?!”
“เทคโนโลยีที่บอกถึงวิธีการผลิตม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงแบบนี้น่าจะสูญหายไปนานแล้วนี่ !!!”
ทุกคนนั้นแสดงปฎิกิริยาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อพวกเขาได้ยินคำตอบที่มั่นใจของจักรพรรดิเก้ามังกร พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริง สำหรับโอกาสที่จักรพรรดิเก้ามังกรจะโกหกพวกเขานั้น มันก็แทบจะเท่ากับศูนย์เลย เพราะท้ายที่สุดแล้วจักรพรรดิเก้ามังจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆเลยจากการทำแบบนี้
“แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเรา ? แม้ว่าเราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เราก็ไม่มีสิทจะได้รับม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงนั่นมาอยู่ดี …” สตับบอร์นฮาร์ทกล่าว
ในขณะนี้ แม้ว่าความจริงที่ว่าสภาสิบแปดปีกสามารถจัดหาม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงได้จำนวนมากนั้นจะจัดว่าน่ากลัว แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมหาอำนาจต่างๆเท่านั้น กิลสายความมืดอย่างพวกเขาไม่น่ามีสิทเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ได้
“นั่นคือเหตุผลที่ฉันรวบรวมพวกคุณทั้งหมดมาที่นี่ …” จักรพรรดิเก้ามังกรกล่าว ขณะที่เขากวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนจะยิ้ม และพูดต่อว่า “คุณอาจจะทำเรื่องนี้กันไม่ได้ด้วยความแข็งแกร่งของตัวคุณเอง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพวกคุณรวมกันแล้ว แม้แต่ซุเปอร์กิลในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถจะเพิกเฉยต่อพวกคุณได้ ในขณะเดียวกันเนื่องมาจากม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูง ครั้งนี้มหาอำนาจต่างๆจะไม่ปล่อยให้สภาสิบแปดปีกหลุดจากเบ็ดไปได้แน่นอน และมันก็ไม่สำคัญว่าสภาสิบแปดปีกจะเสริมความแข็งแกร่งให้เมืองป่าหินไปแล้วมากขนาดไหน ต่อหน้ากองทัพผู้เล่นขั้นสาม มันจะมีก็แต่เพียงความพินาศเท่านั้นที่รอสภาสิบแปดปีกอยู่ !!!”
“ในเวลานั้น ต่อให้เราสร้างพันธมิตรขึ้นมาได้ เราอาจไม่มีสิทจะได้รับม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเราก็น่าจะได้รับส่วนแบ่งจากผลประโยชน์ของเมืองป่าหินบ้าง ….”
“พวกคุณไม่สนใจเมืองป่าหินงั้นหรอ ?”
คำพูดของจักรพรรดิเก้ามังกรที่กล่าวออกมานั้น มันเต็มไปด้วยสิ่งล่อใจที่ไม่มีที่สิ้นสุด และมันก็ทำให้ดวงตาของบางคนในที่นี้เริ่มเต็มไปด้วยความโลภขึ้นมาทันที
ในปัจจุบันจะมีใครไม่สนใจเมืองป่าหินกัน ?
แม้กระทั่งตอนนี้เมืองป่าหินก็ยังเป็นเมืองเดียวในทวีปด้านตะวันออกที่สามารถตั้งหลักบนแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยได้อย่างมั่นคง ซึ่งเมืองนี้นั้นไม่เพียงแต่จะช่วยฟื้นฟูค่าสตามิน่ากับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้เล่นได้อย่างรวดเร็ว แต่มันยังช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางอีกด้วย ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายคนนั้นเต็มใจจะจ่ายเงินเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อเช่าบ้านที่นั่น แต่ถึงอย่างนั้นการจะได้เช่าบ้านในเมืองก็ยังเป็นเรื่องยากมากๆ
หากพวกเขาสามารถกลายเป็นผู้ปกครองเมืองป่าหินได้นั้น ผลกำไรที่พวกเขาจะได้รับมันจะต้องมากมายมหาศาลเกินจินตนาการแน่นอน
เมื่อคิดได้ดังนี้ ทุกคนในปัจจุบันนั้นก็ได้รีบทำการลงนามในข้อตกลงเป็นพันธมิตรกับจักรพรรดิเก้ามังกรทันที ในขณะเดียวกันจุดประสงค์นี้ก็คือเพื่อให้สมาชิกมีอำนาจมากขึ้นในการเจรจากับมหาอำนาจต่างๆ
ในเวลาเดียวกันภายในห้อง VIP ที่ร้านอาหารชั้นสูงแห่งหนึ่งของเมืองไวท์ริเวอร์ ….
“รองหัวหน้ากิล เราได้ตรวจสอบยืนยันคำพูดของแบล๊คเฟรมมาแล้ว มันเป็นความจริง เพราะเพื่อจะทำการซื้อม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงจำนวนมาก ฟีนิกซ์เรนนั้นถึงกับใช้วัสดุในคลัง พร้อมกับคริสตัลเวทย์มนต์ที่ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนเก็บสะสมไว้ไปแทบทั้งหมดเลย” ชายร่างสูงที่มีความสูง 2.4 เมตร กล่าวรายงานผู้หญิงที่งดงามที่มีผมสั้นตรงหน้าเขา
ผู้หญิงผมสั้นคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโคลท์ชาโด้ส หนึ่งในรองหัวหน้ากิลของไมโทโลจี้ !!!
หลังจากออกจากเมืองทไวไลท์มา เธอก็ได้เดินทางไปยังเมืองไวท์ริเวอร์ทันที ในขณะเดียวกันเธอยังมอบหมายให้สายลับของเธอคอยตรวจสอบทุกการเคลื่อนไหวของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะมีรากฐานแบบนี้จริงๆ ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ฉันจะประเมินกิลๆนี้ต่ำเกินไปมาก” เมื่อโคลท์ชาโด้วได้ยินรายงานจากลูกน้องของเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมาราวกับเด็กที่พึ่งได้พบของเล่นที่น่าสนใจใหม่
“นอกจากนี้เรายังได้รับข่าวมาว่าสภาสิบแปดปีกได้เชิญ ศาลาลับ สิบสามบัลลังก์ ไจแอ้นฮาร์ท และอันยีงดิ้งโซลมาประชุมกันด้วย ซึ่งดูจากรูปลักษณ์แล้ว สภาสิบแปดปีกนั้นคงพยายามจะผูกกิลเหล่านี้เข้าด้วยกันโดยใช้ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูง และใช้พวกนี้สร้างแนวรบ …”
“มันไม่ใช่ไอเดียที่แย่เลย หากสภาสิบแปดปีกได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากกิลเหล่านี้ พวกเขาจะกลายเป็นก้างชิ้นใหญ่แน่นอน” โคลท์ชาโด้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีประโยชน์ใดๆแล้ว แม้ว่ากิลเหล่านี้จะร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูง หรือความลับของสภาสิบแปดปีก เราจะต้องได้มันมาทั้งหมด !!!”
ในความเห็นของเธอ การกระทำของซือเฟิงที่ใช้ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงเพื่อปราบปรามไมโทโลจี้นั้นมันไร้เดียงสาเกินไป เขานั้นไม่ได้รู้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากที่เขาทำการแจกจ่ายม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงจำนวนมากออกไป
ไม่ต้องพูดถึงศาลาลับแค่กิลเดียวเลย ต่อให้ซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดในเกมทำงานร่วมกัน แต่พวกเขาก็จะยังคงไม่สามารถหยุดกองทัพผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายพันคนได้แน่นอน
ในเวลาเดียวกันที่บริเวณป่าโบราณแห่งหนึ่ง ทีมหนึ่งร้อยคนที่ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าสี่สิบคนก็กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในขณะเดียวกันที่อยู่รอบๆทีมนี้ก็คือซากศพของมอนสเตอร์เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยห้าจำนวนมาก และหลายตัวในหมู่มอนสเตอร์เหล่านี้นั้นมันก็มีแม้กระทั่งลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ รวมไปถึงแกรนลอร์ดสายพันธุ์โบราณจำนวนหนึ่งรวมอยู่ด้วย
ในขณะเดียวกัน ผู้นำของทีมนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหยวนเทียนซินแห่งศาลาลับ
“แบล๊คเฟรมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ !!! เขากล้าทำแบบนี้ได้ยังไง !!!” ใบหน้าของหยวนเทียนซินแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด หลังจากที่เขาได้อ่านรายงานที่ลูกน้องของเขาส่งมา “นี่เขากำลังตั้งตนเป็นศัตรูกับมหาอำนาจทุกกลุ่มในทวีปด้านตะวันออกเลยนะ !!!”
ในตอนแรกนั้นหยวนเทียนซินคิดว่าซือเฟิงเชิญศาลาลับไปเข้าร่วมการประชุมเพราะมีข่าวดี อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดเลยว่าซือเฟิงคิดจะเปิดโชว์การแสดงที่เสี่ยงมากขนาดนี้
“ลุงหยวน พวกเราจะยังไปเข้าร่วมการประชุมอยู่ไหม ?” เพอเพิ้ลเจดกล่าวถามด้วยสีหน้ากังวล หลังจากที่เธอได้อ่านรายงานนี้
คราวนี้สภาสิบแปดปีกทำเกินไปอย่างแท้จริง !!!
ก่อนหน้านี้การเคลื่อนย้ายเมืองป่าหินจากก้นบึ้ง Abyss มานั้นก็ทำให้มหาอำนาจต่างๆอิจฉาอย่างมากแล้ว แต่อย่างไรก็ตามด้วยการป้องกันที่แข็งแกร่งของเมืองป่าหิน พวกเขาจึงยังไม่กล้าลงมือ เพราะมันจะได้ไม่คุ้มเสีย
อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของสภาสิบแปดปีกนั้นได้กระเทือนไปถึงรากฐานของมหาอำนาจต่างๆเลย และเพื่อป้องกันไม่ให้มีมหาอำนาจใหม่เกิดขึ้นมาทัดเทียมกับตัวเอง มหาอำนาจเดิมนั้นจะพยายามทุกอย่างเพื่อทำลายสภาสิบแปดปีกแน่นอน และคราวนี้แม้แต่ศาลาลับก็จะไม่สามารถช่วยอะไรสภาสิบแปดปีกได้
“แน่นอน แถมเราจะต้องรีบไปทันทีด้วย !!! หากเรารอจนมหาอำนาจต่างๆรวบรวมพันธมิตรกันเรียบร้อย มันจะสายเกินไป !!!” หยวนเทียนซินกล่าว และเขาก็รีบจัดทีมเดินทางกลับไปยังเมืองไวท์ริเวอร์ทันที โดยเขาวางแผนจะให้ซือเฟิงยอมมอบวิธีการจัดหาม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียโบราณขั้นสูงจำนวนมากมา และหลังจากนั้นศาลาลับจะเป็นผู้รับผิดชอบในการเจรจากับมหาอำนาจต่างๆเอง ไม่งั้นมันจะมีเพียงแค่ความตายเท่านั้นที่รอสภาสิบแปดปีกอยู่
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง เมื่อซือเฟิงได้รับการชำระเงินจากฟีนิกซ์เรนครบแล้ว เขาก็ได้รีบเดินทางกลับไปที่เมืองไวท์ริเวอร์ทันทีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่ได้ตรงไปเริ่มการผลิตม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุทันที แต่เขาได้เลือกจะตรงไปยังสมาคมนักผจญภัยเพื่อจัดการเรื่องเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามให้กับกองอัศวินของเขาซะก่อน
แต่เดิมเขาควรทำขั้นตอนนี้มานานแล้ว
เพราะท้ายที่สุดสมาชิกของกองอัศวินนั้นถือเป็นทหารส่วนตัวของผู้เล่น พวกเขาไม่เหมือนกับองครักษ์ส่วนตัว แม้ว่าอัศวินเหล่านี้จะเริ่มทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามโดยอัตโนมัติ เมื่อพวกเขามาถึงเลเวลหนึ่งร้อย แต่หลังจากทำเควสสำเร็จ พวกเขาก็ยังต้องการให้ลอร์ดของพวกเขามาจ่ายค่าธรรมเนียมให้สมาคมนักผจญภัยอยู่ดี เพื่อที่พวกเขาจะได้เลื่อนขั้นอย่างเป็นทางการ
ก่อนหน้านี้ เนื่องจากปัญหาแล้วปัญหาเล่าประดังเข้ามาเรื่อยๆ ซือเฟิงจึงยังไม่มีเวลามาจัดการกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อเขาทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาจึงต้องการจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเช่นกัน ไม่งั้นเขาคงจะไม่สามารถเปิดเมืองป่าหินสู่สาธารณชน และทำให้มันกลายเป็นเหมืองทองที่แท้จริงได้ เพราะท้ายที่สุด เมืองกิลจะทำเงินได้อย่างมหาศาลก็จำเป็นจะต้องมีผู้เล่นจำนวนมาก
หลังจากเคลื่อนย้ายเมืองป่าหินเข้ามายังป่าใบไม้ผลิเพื่อให้มั่นใจว่าสภาสิบแปดปีกจะมีข้อได้เปรียบ ซือเฟิงก็ได้ตัดสินใจที่จะให้สิทธิ์เข้าถึงเมืองเฉพาะสมาชิก และพันธมิตรของสภาสิบแปดปีกเท่านั้น และมีบุคคลภายนอกจำนวนแค่เล็กน้อยเท่านั้นที่จะสามารถเข้าสู่เมืองได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้จำนวนผู้เล่นขั้นสามในเกมก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และข้อได้เปรียบของเมืองป่าหินนั้นมันก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้มันยังต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลเมืองป่าหินในแต่ละวัน นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีสงครามทุกด้านกับสตาร์ลิ้งอีก ดังนั้นสภาสิบแปดปีกจึงแทบชักหน้าไม่ถึงหลังเลย
ด้วยเหตุนี้สภาสิบแปดปีกจึงจำเป็นจะต้องเปิดเมืองป่าหินให้กับสาธารณชน
ก่อนหน้านี้ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีก ซือเฟิงจึงยังไม่กล้าจะเปิดเมืองให้สาธารณชน อย่างไรก็ตามตอนนี้โชคดีที่เขาเป็นลอร์ดที่แท้จริงแล้ว และเขาก็มีกองอัศวินห้าพันคนอยู่ภายใต้คำสั่ง ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกล้าจะเปิดเผยเสาหลักสิบสองธาตุด้วย
แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามีอัศวินของเขาเพียงแค่ราวสองร้อยเท่านั้นจากห้าพันคนที่จะสามารถเข้าถึงขั้นสามได้อย่างรวดเร็ว แต่ NPC ก็แข็งแกร่งกว่าผู้เล่นมาก และเมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของ NPC ขั้นสามเหล่านี้บวกกับความแข็งแกร่งของอัศวินขั้นสองอีกทั้งหมด มหาอำนาจต่างๆจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากแน่นอนในการจะคุกคามเมืองป่าหิน
ในขณะเดียวกัน หากมหาอำนาจต่างๆไม่สามารถจะคุกคามเมืองป่าหินได้ พวกเขาก็จะไม่สามารถจะจัดการกับสภาสิบแปดปีกได้แน่นอน
“ท่านลอร์ดผู้ได้รับมรดกระดับทองแดง มีอะไรให้ฉันรับใช้ ?” ผู้อาวุโสลอร์เรน
กล่าวถาม หลังจากที่เธอเดินเข้ามาในห้อง VIP ที่ซือเฟิงนั่งอยู่
“ฉันต้องการดูรายชื่ออัศวินที่ทำเควสเลื่อนขั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว” ซือเฟิงกล่าว
“เข้าใจล่ะ ..” ลอร์เรนพยักหน้าและรีบออกไปหาข้อมูลที่ซือเฟิงร้องขอทันที ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็กลับมาพร้อมกับเอกสารจำนวนมาก “ขณะที่อัศวินของท่าน 556 คน ได้ทำเควสเลื่อนขั้นสำเร็จแล้ว คุณต้องการดำเนินการตามขั้นตอนและลงทะเบียนเลื่อนขั้นอย่างเป็นทางการทั้งหมดเลยไหม ?”
2438 กองอัศวินที่น่ากลัว
556 ?! ทำไมมันเยอะขนาดนั้นกัน ?!
ซือเฟิงจ้องมองไปที่รายชื่อในมือของเขาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
จากการประเมินของเขาแม้ว่าอัศวินที่เขาคัดเลือกมาจะมีศักยภาพสูงมาก แต่มันก็ไม่ควรจะมีจำนวนมากขนาดนี้ที่ทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามเสร็จได้อย่างรวดเร็ว เพราะท้ายที่สุดขั้นสามนั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ แม้กระทั่งกับ NPC
โดยปกติอัศวินขั้นสอง ระดับทองแดงนั้นจะมีโอกาสน้อยกว่าห้าเปอเซ็นต์ในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามให้ได้สำเร็จ ในขณะที่โอกาสของอัศวินขั้นสองระดับเหล็กลึกลับก็จะยังคงน้อยกว่าสิบเปอเซ็นต์ ต้องเป็นอัศวินขั้นสองระดับลึกลับขั้นเงินเท่านั้นจึงจะมีโอกาสแปดสิบเปอเซ็นต์ในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามให้สำเร็จ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมอัศวินระดับลึกลับขั้นเงิน หรือสูงกว่านั้นขึ้นไปจึงจัดเป็นสมบัติล้ำค่าในชีวิตที่ผ่านมาของเขา ดังนั้นจากอัศวินที่เขาเลือกมานั้น มันก็จะนับว่าโชคดีมากแล้วหากมีสักสองร้อยคนที่เลื่อนขั้นเป็นขั้นสามได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้จำนวนจริงมันกับมากกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ถึงสองเท่า
นี่คือ NPC ขั้นสาม 556 คน ที่พวกเขากำลังพูดถึง โดยปกติมันจะมีเพียงแต่ลอร์ดระดับสองดาวเท่านั้นที่จะมี NPC ขั้นสามจำนวนมากขนาดนี้ได้
ในการที่จะกลายเป็นลอร์ดระดับสองดาวนั้น ผู้เล่นจำเป็นจะต้องเก็บค่าชื่อเสียงลอร์ดให้ได้ครบสองร้อยแต้ม ซึ่งนับเป็นสองเท่าจากจำนวนเดิมที่ต้องการเพื่อกลายเป็นลอร์ดระดับหนึ่งดาว ในขณะเดียวกัน หลังจากกลายเป็นลอร์ดระดับสองดาวแล้ว ผู้เล่นก็จะสามารถรับสมัครอัศวินเข้ากองอัศวินของตัวเองได้อีกสองพันคน และทำให้มีรวมทั้งหมดเป็นเจ็ดพันคน และเมื่อเทียบกันแล้ว ลอร์ดระดับสองดาวก็จะดึงดูด NPC ให้เข้าหาได้มากกว่าลอร์ดระดับหนึ่งดาว
อย่างไรก็ตามแม้ในสถานการณ์นี้นั้น ลอร์ดระดับสองดาวในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงก็จะมีอัศวินขั้นสามอยู่ในกองอัศวินแค่ราวหกร้อยคนเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นการจะไปถึงตัวเลขนี้ให้ได้ยังต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมหาศาล การพัฒนากองอัศวินไม่สามารถทำได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์
เพราะท้ายที่สุดใน God domain นั้น มันก็จะมีผู้เล่นทั่วไปที่ไม่สามารถเข้าถึงขั้นสามได้เป็นจำนวนมาก และผู้ที่มาถึงขั้นสามได้ด้วยสถานะของผู้เล่นทั่วไปนั้นก็จะถือว่าอ่อนแอมากๆในสายตาผู้เล่นขั้นสามคนอื่น ซึ่งแม้แต่อัศวินขั้นสาม ระดับทองแดงก็จะสามารถปราบปรามพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
โดยปกติแค่ทีมอัศวินขั้นสาม ระดับทองแดงจำนวนสองร้อยคนนั้นก็เพียงพอที่จะใช้รักษาความปลอดภัยในเมืองกิลที่มีประชากรผู้เล่นประมาณสามล้านคนแล้ว ในความเป็นจริง เมืองกิลดังกล่าวอาจปลอดภัยกว่าเมือง NPC บางส่วนด้วย
ในเมืองเล็กๆของ NPC ผู้เล่นที่เป็นระดับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามนั้นสามารถจะฆ่าผู้เล่นภายในเมือง และหนีไปได้อย่างสบายๆเลย เพราะท้ายที่สุดเมืองเล็กๆของ NPC นั้นมักจะถูกปกป้องโดยกองอัศวินขั้นสองเท่านั้นอย่างมากที่สุด อย่างไรก็ตามมันจะเป็นคนละเรื่องกันเลยเมื่อเมืองได้รับการปกป้องจากกองอัศวินที่มีอัศวินขั้นสามจำนวนมาก เพราะแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามก็ไม่สามารถจะเอาชนะอัศวินขั้นสามระดับทองแดงได้
ดังนั้นในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิง มันจึงมีผู้เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าก่อปัญหาในเมืองที่ได้รับการปกป้องโดยอัศวินขั้นสาม เว้นแต่ว่าพวกเขาจะเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับการทำลายล้างซึ่งกันและกัน หรือแย่กว่านั้นคือล้มเหลวในการฆ่าเป้าหมายแถมยังตายด้วย
นี่นับเป็นอัตลักษณ์ที่น่าทึ่งของลอร์ดระดับหนึ่งดาว หากกิลต้องพึ่งพาแค่สมาชิกกิลในการรักษาเมือง พวกเขาจะไม่สามารถบรรลุผลนี้ได้แน่นอน
ในขณะเดียวกันตอนนี้ ซือเฟิงกับมีอัศวินขั้นสามถึง 556 คน อยู่ภายใต้คำสั่งของเขา ไม่ต้องพูดถึงการปกป้องเมืองกิลที่มีประชากรผู้เล่นสามล้านคนเลย เขาจะไม่มีปัญหาอะไรด้วยซ้ำหากต้องปกป้องเมืองแบบนี้สองเมือง ในความเป็นจริงด้วยจำนวนอัศวินขั้นสามมากขนาดนี้ เขาสามารถจะรับประกันความปลอดภัยของเมืองขนาดใหญ่ขั้นสูงได้เลยด้วยซ้ำ
นี่ศักยภาพในการเติบโตของกองอัศวินของฉันสูงมาก เพราะฉันเป็นลอร์ดระดับหนึ่งดาวคนแรกที่จัดตั้งกองอัศวินขึ้นมารึปล่าว ? หลังจากครุ่นคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ซือเฟิงก็คิดออกแค่คำอธิบายเดียว
ในตอนนั้นเขาได้ใช้เงินไปเป็นจำนวนมากเพื่อรับสมัครกองอัศวินตามเมืองใหญ่ต่างๆของ NPC ซึ่งทั้งปริมาณ และคุณภาพของอัศวินที่สนใจจะสมัครเข้ากองอัศวินของเขานั้น มันก็เกินความคาดหมายของเขาไปมาก
เขานั้นสงสัยอยู่เช่นกันว่าอัศวินที่เขาคัดเลือกมานั้นมีศักยภาพในการเติบโตสูงมาก ตัวอย่างเช่นศักยภาพในการเติบโตของอัศวินระดับทองแดงนั้นจะอยู่ระหว่างสามสิบเอ็ดถึงห้าสิบแต้ม อย่างไรก็ตามอัศวินระดับทองแดงที่มีศักยภาพในการเติบโตห้าสิบแต้มนั้นจะมีโอกาสไปถึงขั้นสามได้มากกว่าอัศวินระดับทองแดงที่มีศักยภาพในการเติบโตสามสิบเอ็ดแต้มอย่างมาก
ซึ่งการคาดเดาของเขามันก็น่าจะถูกต้อง เพราะท้ายที่สุด มันไม่มีเหตุผลใดเลยที่อัศวินของเขาจำนวนมากจะเลื่อนขั้นเป็นขั้นสามได้เร็วขนาดนี้
“ท่านลอร์ด ท่านต้องการจะดำเนินการตอนนี้เลยไหม ?” ผู้อาวุโสลอร์เรนถามอีกครั้ง เมื่อเธอเห็นการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงของซือเฟิง
“โอ้ !! แน่นอน !!!” ซือเฟิงตอบอย่างรวดเร็ว
นี่คือพวกขั้นสาม 556 คน ที่พวกเขากำลังพูดถึง ยิ่งกว่านั้นพวกที่ว่านี้ยังเป็น NPC ขั้นสามทั้งหมดด้วย
ปัจจุบันมหาอำนาจต่างๆจะถือว่าโชคดีมากแล้ว หากมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามสักห้าสิบคนอยู่ภายใต้คำสั่ง และห้าร้อยนั้นก็จะนับเป็นจำนวนมหาศาลจนน่ากลัวเลยทีเดียว นี่ไม่ต้องพูดถึง NPC ขั้นสามที่แข็งแกร่งกว่าผู้เล่นขั้นสามมาก
หากเขาเปิดเผยอัศวินขั้นสาม 556 คนนี้ต่อสาธารณชน เขาจะทำให้คนหลายกลุ่มช๊อคตายด้วยความกลัวได้เลยทีเดียว
น่าเสียดายที่แตกต่างจากองครักษ์ส่วนตัว อัศวินนั้นสามารถทำงานได้เฉพาะภายในดินแดนของลอร์ดเท่านั้น ไม่งั้นด้วย NPC ขั้นสาม มากกว่าห้าร้อยคนภายใต้คำสั่งของเขา เขาจะสามารถเหยียบย่ำมหาอำนาจใดๆของ God domain ก็ได้เลย
“ดีมาก !! ขั้นตอนการลงทะเบียนขั้นสามจะอยู่ที่สิบเหรียญทองต่อคน และยอดเงินรวมทั้งหมดก็อยู่ห้าพันห้าร้อยหกสิบเหรียญทอง” ลอร์เรนกล่าว
“ตามนั้น” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า ก่อนที่เขาจะกล่าวเสริมต่อว่า “ฉันอยากจะเปลี่ยนเซ็ทอุปกรณ์ของคนเหล่านั้นด้วย สำหรับผู้ที่ยังไม่มีอุปกรณ์ระดับไฟน์โกลโปรดอัพเกรดให้มันเป็นระดับไฟน์โกลทั้งหมด”
ค่าลงทะเบียนขั้นสามนี้นับว่าน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับการที่เขาจะสามารถอัพเกรดอัศวินของเขาให้เป็นขั้นสามได้ ไม่ต้องพูดถึงสิบเหรียญทองต่อคนเลย ต่อให้หนึ่งร้อยเหรียญทองต่อคน เขาก็เต็มใจจะจ่าย และต่อให้ต้องอัพเกรดทั้งห้าพันคนเขาก็เต็มใจจะทำ
อย่างไรก็ตามนั่นก็เป็นไปได้แค่เพียงความฝันเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดการหาอัศวินระดับลึกลับขั้นเงินหรือสูงกว่านั้นมันทำได้ยากมากๆ และการรับสมัครมาได้สักคนก็จัดว่าเป็นเรื่องโชคดีมากแล้ว ยกตัวอย่างในสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ว่าตอนนี้ซือเฟิงจะยังคงประกาศรับสมัครตามเมืองใหญ่ๆอยู่ และค่อยๆแทนที่คนที่ดีกว่าแทนคนที่อ่อนแอกว่า อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปหลายวันเขาก็สามารถรับสมัครอัศวินระดับเหล็กลึกลับมาเพิ่มได้แค่บางส่วนเท่านั้น และเขาก็ยังไม่สามารถรับสมัครอัศวินระดับลึกลับขั้นเงินมาได้แม้แต่คนเดียว ดังนั้นนี่ก็น่าจะพอทำให้จินตนาการกันได้ว่า อัศวินระดับลึกลับขั้นเงินมันหายากแค่ไหน
ในขณะเดียวกัน หลังจากมาถึงขั้นสามแล้ว แม้ว่าค่าสถานะของอัศวินจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับศักยภาพในการเติบโตของพวกเขา แต่พลังต่อสู้โดยรวมของพวกเขาก็ยังคงขึ้นอยู่กับอาวุธและอุปกรณ์อยู่พอดี
มันมีความแตกต่างอย่างมากในพลังการต่อสู้ระหว่างอัศวินที่ใช้ไอเทมระดับทองแดง กับระดับอีปิค
ยิ่งไปกว่านั้น NPC ยังไม่เหมือนกับเหล่าผู้เล่น เพราะพวกเขาสามารถจัดหาอุปกรณ์ให้ตัวเองได้ง่ายกว่ามาก แน่นอนว่ามันก็มีการจำกัดอุปกรณ์ที่ลอร์ดสามารถซื้อให้อัศวินของพวกเขาเช่นกัน โดยสามารถซื้อได้สูงสุดที่ระดับอีปิค ขณะที่การจะให้อัศวินได้ใช้เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน หรือไอเทมระดับตำนานนั้น มันจำเป็นต้องใช้วิธีพิเศษ
ในตอนนี้ความปราถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของซือเฟิง คือ การให้กองอัศวินทั้งหมดห้าพันคนของเขาได้สวมใส่อาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคครบเซ็ททุกคน เพระท้ายที่สุดแล้วหนึ่งเซ็ทระดับอีปิคนั้นจะมีราคาสี่พันเหรียญทองเลย และหากซือเฟิงต้องการให้อัศวินทั้งห้าพันคนของเขามีมันทั้งหมด เขาก็จะต้องใช้เงินยี่สิบล้านเหรียญทอง
ยี่สิบล้าน !!!
นี่นับเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลมากๆ แม้กระทั่งกับมหาอำนาจนับประสาอะไรกับสภาสิบแปดปีก
ตอนนี้สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาสามารถทำได้คือมอบเซ็ทอุปกรณ์ระดับอีปิคให้กับอัศวินระดับลึกลับขั้นเงิน และไฟน์โกล ขณะที่อัศวินที่เหลือก็ให้ใช้เซ็ทอุปกรณ์ระดับไฟน์โกล ส่วนพวกอัศวินขั้นสองก็ใช้เซ็ทอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน
สภาสิบแปดปีกยังไม่สามารถจะแบกรับค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็นตอนนี้ได้ และเอาจริงๆหากซือเฟิงไม่ได้มีเงินสำรองอยู่ในมือ เขาก็คงจะไม่กล้าอัพเกรดอุปกรณ์ให้ NPC มากกว่าห้าร้อยคนเช่นกัน
“จากทั้งหมด 556 คน มีทั้งหมด 478 คน ที่ต้องเปลี่ยนเซ็ทอุปกรณ์เป็นระดับไฟน์โกลให้พวกเขา โดยแต่ละเซ็ทมีราคาที่หนึ่งร้อยเหรียญทอง ดังนั้นยอดที่ท่านต้องจ่ายทั้งหมดจึงอยู่ที่ 53,360 เหรียญทอง” ลอร์เรนกล่าวด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่สรุปยอดทั้งหมดออกมา
เมื่อได้ยินราคานั้น ซือเฟิงก็กระตุกเล็กน้อย ก่อนที่จะส่งเงินทั้งหมดตามยอดให้กับ
ลอร์เรนด้วยหัวใจที่รู้สึกเจ็บปวด
ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะต้องหาเงินให้ได้มากกว่านี้อีก ไม่งั้นฉันจะไม่สามารถดูแลอัศวินขั้นสามทั้งหมดนี้ได้เลย ซือเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อเงินในกระเป๋าของเขามีเหลือแค่ราวสี่ร้อยเหรียญทองเท่านั้น หลังจากจ่ายไป ….
เขานั้นต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะทำธุรกรรมจนได้รับเงินมาจากฟีนิกซ์เรนห้าหมื่นเหรียญทอง และเขาก็คิดว่าเขาร่ำรวยขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว อย่างไรก็ตามตอนนี้ถ้าเขาไม่ได้มีเงินติดตัวนอกจากห้าหมื่นเหรียญทองนี้ด้วย เขาจะหมดสิทได้อัพเกรดอุปกรณ์ให้ NPC ของเขาเลย
แม้ว่าเงินราวสี่ร้อยเหรียญทองนี้จะนับว่ามากสำหรับผู้เล่นทั่วไป แต่มันไม่ใช่เลยสำหรับซือเฟิงที่เป็นหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก ….
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากอัศวินของเขาจำนวนมากมาถึงขั้นสามแล้ว ดังนั้นเงินค่าจ้างและค่าดูแลของพวกเขาจึงจะเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
ซึ่งเมื่อคำณวนทั้งหมดแล้ว การดูแลอัศวินขั้นสามตั้งแต่ระดับทองแดง ไปจนถึงไฟน์โกลทั้งหมด 556 คนนั้น ซือเฟิงจะต้องใช้เงินมากกว่าสองแสนเหรียญทองต่อสัปดาห์เลย
หลังจากซือเฟิงจัดการจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว อควาโรสก็ได้ติดต่อเขาเข้ามา
“หัวหน้ากิล หยวนเทียนซินและผู้ติดตามของเขาได้มาถึงเมืองป่าหินแล้ว ซึ่งสีหน้าของหยวนเทียนซินก็ไม่ดีนัก เขาบอกว่าเขามีธุระที่ต้องการจะคุยกับคุณ” อควาโรสกล่าว
“พวกเขามาถึงอย่างรวดเร็วเลยทีเดียว …. ให้พวกเขาไปรอที่คฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมือง ฉันจะรีบตามไปทันที !!” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ จากนั้นเขาก็หยิบม้วนคัมภีร์เทเลพอร์ตของกิลออกมา และใช้มันเทเลพอร์ตไปยังเมืองป่าหินทันที
2439 ความวุ่นวายที่ป่าใบไม้ผลิ
หุบเขาใบไม้ผลิ เมืองป่าหิน :
ภายใต้การนำของอควาโรส หยวนเทียนซิน และเพอเพิ้ลเจดก็ได้มาถึงคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมือง ซึ่งขณะที่พวกเขากำลังจะเข้าไปนั้น กลุ่มผู้เล่นเลเวลหนึ่งร้อยที่พึ่งจะมาถึงเมืองป่าหินที่เดินผ่านไปพวกเขาไปนั้นก็มีดวงตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง และประหลาดใจมากๆ ขณะที่พวกเขาเฝ้ามองผู้เล่นรอบตัวพวกเขา
“นี่ปกติแล้ว เมืองมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากมายขนาดนี้เลยงั้นหรอ ? นี่เมืองป่าหินจะไม่น่าทึ่งเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?!!” Elementalist หญิง เลเวลหนึ่งร้อย ร้องอุทานออกมา
ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญขั้นสามนั้นนับเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในเกม และแม้แต่กิลชั้นสูงก็ยังจะนับว่าโชคดีมากแล้ว หากพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอยู่ภายใต้คำสั่งของพวกเขาสักหนึ่งโหลหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย เนื่องจากกิลชั้นสูงนั้นก็มีอยู่จำนวนไม่มากนักเช่นกันในอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากอย่างน่าเหลือเชื่อที่จะได้พบกับผู้เล่นขั้นสาม
โดยปกติแล้วมันจะเป็นเรื่องยากมากที่จะได้พบกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามสักจำนวนหนึ่ง บนนถนนสายหลักในเมืองหลวงของจักรวรรดิ อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกับมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากกว่าสองโหลกำลังเดินไปตามถนนสายหลักของเมืองป่าหินอยู่
อย่างไรก็ตามผู้เล่นท้องถิ่นของเมืองป่าหินก็มีพฤติกรรมราวกับว่าสถานการณ์นี้มันเป็นเรื่องปกติ และทุกคนต่างก็ทำสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ อย่างไม่ได้สนใจเหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเลย
“ไม่มีอะไรต้องแปลกใจเลย เธอรู้ไหมว่าเมืองป่าหินเป็นสถานที่แบบไหน ?” ชิลวอริเออร์ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสอง ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมของ Elementalist หญิงกล่าว และเขาก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “แล้วก็อย่าลืมระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ เมื่อเข้ามาที่นี่ในอนาคต !!! แม้ว่าวังร้อยบุปผาจะเป็นหนึ่งในกิลชั้นสูงของจักรวรรดิรัตติกาล แต่พวกเขาก็ไม่สามารถรับรองความปลอดภัยของคุณที่นี่ได้ !!! คุณจะเริ่มทำตัวสบายๆที่นี่ได้ก็หลังจากมาถึงขั้นสามแล้วเท่านั้น !!!”
ปัจจุบันเมืองป่าหินนั้นเป็นเมืองกิลแห่งเดียวที่สามารถก่อตั้งขึ้นในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยได้ ดังนั้นมันจึงจัดเป็นสถานที่ที่น่าสนใจมากๆสำหรับผู้เล่น อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากพันธมิตรของสภาสิบแปดปีกแล้ว ผู้เล่นและมหาอำนาจอื่นๆที่คิดจะเข้ามาในเมืองนั้นก็สามารถทำได้ผ่านการเช่าบ้านส่วนตัวในเมืองเท่านั้น
ในขณะเดียวกันบ้านส่วนตัวในเมืองป่าหินนั้นทั้งหายากและมีราคาแพงอย่างหาที่เปรียบมิได้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทั่วไปนั้นจะไม่สามารถจ่ายได้เลย อาจกล่าวได้ว่าผู้เล่นทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองป่าหินตอนนี้นั้นล้วนมีพื้นหลังที่ทรง หรือเป็นตัวตนที่ทรงพลังมากๆอย่างไม่น่าเชื่อ
ด้วยเหตุนี้ หากมีใครไปทำให้บางคนในเมืองป่าหินขุ่นเคืองโดยไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญขั้นสามในเมืองนั้น คนๆนั้นจะได้ตกอยู่ในฝันร้ายแน่นอน
ผู้เล่นอาจจะปลอดภัยในเมืองป่าหินเนื่องจากมี อัศวิน NPC คอยคุ้มครอง และมีผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีกคอยตรวจตราอยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้เล่นออกจากเมือง มันก็จะเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามคือผู้ปกครองพื้นที่ด้านนอกอย่างแท้จริง และมันก็ไม่มีใครจะได้รับความเคารพใดๆแม้ว่าพวกเขาจะมาจากกิลชั้นสูงก็ตาม
เมื่อได้ยินคำพูดของชิลวอริเออร์ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสอง เหล่าผู้มาใหม่จากวังร้อยบุปผาก็พยักหน้าทันที และไม่กล้าจะพูดแบบสบายๆอีกต่อไป ตอนนี้พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความสนใจและกลิ่นอายของผู้คนรอบตัวที่พุ่งเป้ามายังพวกเขาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการจ้องมองของผู้เชี่ยวชาญขั้นสามนั้นมันบ่งบอกถึงเจตนาที่ต้องการจะฆ่าเลย และมันก็ราวกับว่าคนเหล่านี้เป็นนักล่าที่พึ่งจะพบกับเหยื่อของพวกเขา
โชคดีที่มีอัศวิน NPC เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบห้า ขั้นสองจำนวนหนึ่ง พร้อมกับผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีกและของศาลาลับที่คอยตรวจตราอยู่รอบเมือง นอกจากนี้ยังมีข้อเท็จจริงที่ว่าหัวหน้าทีมของพวกเขานั้นคือชิลวอริเออร์ ขั้นสาม ไม่งั้นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเหล่านี้จะหาโอกาสฆ่าพวกเขาในเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย และปล้นอาวุธกับอุปกรณ์เลเวลหนึ่งร้อยที่กิลเตรียมไว้ให้กับพวกเขาไป
“ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในเมืองป่าหินจะไม่มั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ …” หยวนเทียนซินขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด เมื่อเขามองเห็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่เดินสัญจรไปมาตามถนนสายหลัก เขารู้สึกว่าเขายังประเมินความยากลำบากในการพัฒนาและจัดการเมืองสภาสิบแปดปีกต่ำเกินไป
แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีผู้เชี่ยวชาญที่มาถึงขั้นสามมากกว่าห้าสิบคนแล้ว แต่จำนวนที่พวกเขามีก็ยังคงห่างไกลจากผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของอาณาจักรหรือจักรวรรดิหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเวลาผ่านไป จำนวนผู้เล่นขั้นสามของอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นจังหวะเหนือกว่าสภาสิบแปดปีก
ยกตัวอย่างเช่นเมืองป่าหินในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้สภาสิบแปดปีกสามารถปราบปรามผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั้งหมดที่ปฎิบัติการในเมืองได้ด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามแค่ราวสองโหล อย่างไรก็ตามตอนนี้ ….
มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย หากจะบอกว่าจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั้งหมดที่สภาสิบแปดปีกมีจะไม่สามารถเทียบเคียงกับจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่อาศัยอยู่ในเมืองได้ และเมื่อเวลาผ่านไป ช่องว่างนี้ก็มีแต่จะกว้างมากขึ้นเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วป่าใบไม้ผลิจัดเป็นสวรรค์สำหรับผู้เล่น และมันก็จะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากขึ้นเรื่อยๆพยายามจะเข้ามาพัฒนาที่นี่ในอนาคต
ในขณะเดียวกัน เมื่อจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่เข้ามาที่เมืองป่าหินเพิ่มขึ้น ความปลอดภัยของเมืองก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน แม้ว่าศาลาลับจะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของตัวเองอยู่มากมายภายในเมือง แต่การรักษาความปลอดภัยของเมืองก็จะยังคงเป็นปัญหา เพราะท้ายที่สุดผู้เชี่ยวชาญขั้นสามนั้นจัดว่าแข็งแกร่งมาก และพวกเขาก็สามารถจะก่ออาชญากรรมในเมืองได้ง่ายๆ พร้อมทั้งมีพลังที่จะสามารถใช้หนีออกจากเมืองใหญ่ของ NPC ได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเมืองกิลอย่างเมืองป่าหินเลย
ยกตัวอย่างเช่นสถานการณ์ปัจจุบันในเมืองป่าหิน ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่ปฎิบัติการและอาศัยอยู่ในเมืองนั้นไม่ได้สนใจที่จะซ่อนเจตนาฆ่าฟันของพวกเขาอีกต่อไป เพราะท้ายที่สุดพวกเขารู้ดีว่าการจะจัดการกับพวกเขาทั้งหมดนั้นมันเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับสภาสิบแปดปีก และกิลก็ไม่ได้มีอำนาจเหนือเมืองอย่างแท้จริงอีกต่อไป ในอัตรานี้ มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจะเริ่มเคลื่อนไหวอย่างลับๆในเขตเมือง
ถึงกระนั้น แม้ว่าเมืองป่าหินจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ซือเฟิงก็ไม่เพียงแต่จะไม่พยายามคิดหาทางออกให้กับปัญหา เขายังไปช่วยเพิ่มปัญหาด้วยการตั้งตนเป็นศัตรูกับมหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันออกด้วย
เมื่อมาถึงจุดนี้ แม้แต่ศาลาลับก็ยังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆในการจะรับประกันความปลอดภัยของสภาสิบแปดปีก
อย่างไรก็ตามหยวนเทียนซินก็ไม่ได้คิดมากเกินไปนักในเรื่องนี้ เขาได้เดินตามอควาโรสผ่านทางเดินของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองเข้าไป ตอนนี้ลำดับความสำคัญที่เขาต้องคิดคือเขาจะทำยังไงถึงจะทำให้ซือเฟิงยอมส่งมอบผลประโยชน์เรื่องวงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุมาให้เขา ไม่งั้นศาลาลับจะไม่มีอะไรไปเจรจาเพื่อต่อสู้กับมหาอำนาจต่างๆเลย
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังจะเข้าไปถึงลานด้านในของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมือง เสียงประกาศจากระบบภูมิภาคก็ดังขึ้น
ประกาศจากระบบภูมิภาคป่าใบไม้ผลิ : ผนึกของเมืองป่าหินได้ถูกยกเลิกแล้ว และตอนนี้เมืองได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าเยี่ยมชมได้อย่างเป็นทางการ ผู้เล่นทุกคนนั้นสามารถที่จะเข้าเมืองมาพักผ่อนได้ เมื่อจ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้า
ประกาศของระบบนั้นดังขึ้นสามครั้งซ้อน และมันก็ทำให้หยวนเทียนซินตกตะลึงมากๆ
“นี่เขาบ้าไปแล้วงั้นหรอ ?” เมื่อได้ยินประกาศของระบบ และได้อ่านมันซ้ำ หยวนเทียนซินแอบสงสัยว่าเขามองเห็นภาพหลอนรึปล่าว
แม้ว่าเมืองป่าหินจะถูกผนึกอยู่ แต่สภาสิบแปดปีกก็มีปัญหาในการจัดการมากแล้ว ถ้าเมืองนี้เปิดให้สาธารณชนเข้าชม หยวนเทียนซินก็ไม่กล้าคิดเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ท้ายที่สุดตอนนี้มหาอำนาจต่างๆล้วนกำลังเฝ้าจับตาดูสภาสิบแปดปีกอย่างใกล้ชิด บางทีพวกเขาอาจจะเริ่มสร้างพันธมิตรแล้วด้วย การเปิดเมืองให้สาธาณชนแบบนี้ มันจึงจะไม่ต่างจากการเปิดเมืองให้มหาอำนาจต่างๆเข้ามายึดเลย
“รองหัวหน้ากิลอควา นี่หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมพยายามจะทำอะไรกัน ? เขาวางแผนจะเสียสละชีวิตเพื่อเงินจริงๆหรอ ?” เพอเพิ้ลเจดอดไม่ได้ที่จะถามอควาโรส เมื่อได้ยินประกาศของระบบ
ในความเห็นของเพอเพิ้ลเจด ซือเฟิงก็บ้าคลั่งอย่างมากแล้วที่ขายสมบัติอย่างวงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุ
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาได้ก้าวไปอีกขั้นแล้วด้วยการเปิดเมืองป่าหินที่สถานการณ์เริ่มไม่มั่นคงให้สาธารณชนเข้ามา ในอัตรานี้แม้ว่ามหาอำนาจต่างๆจะไม่เคลื่อนไหว แต่เมืองป่าหินก็ยังมีสิทจะพินาศได้อยู่ดีจากผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้าเมือง
ในตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงหยวนเทียนซินกับเพอเพิ้ลเจดเลย แม้แต่ผู้เล่นที่ปฎิบัติการอยู่ในป่าใบไม้ผลิก็ยังตกตะลึงกับคำประกาศนี้ ไม่มีใครคิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะเคลื่อนไหวแบบนี้
เพราะท้ายที่สุดพลังของผู้เล่นในขั้นสามนั้นมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว และมันไม่ใช่ตัวตนที่ NPC ทหารทั่วไปจะสามารถปราบปรามได้ หากมีผู้เล่นซึ่งประกอบไปด้วยผู้เล่นและผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเข้าสู่เมือง เมืองอาจยังคงเป็นของสภาสิบแปดปีก แต่สภาสิบแปดปีกก็จะไม่มีอำนาจเหนือเมืองอีกต่อไป
หลังจากช่วงเวลาแห่งความตกตะลึงสั้นๆ ผู้เล่นที่ปฎิบัติการอยู่ในป่าใบไม้ผลิก็ล้วนมีความสุขกับข่าวนี้
การที่เมืองป่าหินเปิดขึ้นให้สาธารณชนเข้าได้แบบนี้ มันก็ทำให้พวกเขานั้นสามารถจะเริ่มดำเนินการทั้งหมดในแผนที่นี้ได้อย่างอิสระ และพวกเขาก็จะไม่จำเป็นต้องเสียเวลาการเดินทางไปมาระหว่างแผนที่เป็นกลางแห่งนี้กับเมืองของ NPC อีกต่อไป และพวกเขาก็จะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นมากในการท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสาม ขณะเดียวกันสิ่งที่พวกเขาต้องจ่ายเพื่อแลกกับความสะดวกสบายคือค่าธรรมเนียมเล็กน้อย
“ไม่ ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เขาทำแบบนี้แน่นอน !!!! ศาลาลับนั้นยังคงเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของเมืองป่าหิน !!! เราจำเป็นจะต้องทำการผนึกเมืองป่าหินอีกครั้ง !!! ถ้ารอจนกว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดในป่าใบไม้ผลิเข้ามาที่นี่ เมืองจะพินาศแน่นอน !!!”
หยวนเทียนซินนั้นรู้สึกว่าซือเฟิงเป็นบ้าไปแล้วในครั้งนี้ หลังจากพูดจบ เขาก็รีบตรงไปที่ลานด้านในของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองทันที โดยวางแผนที่จะรีบเข้าไปที่ออฟฟิศของลอร์ด เนื่องจากผู้เล่นนั้นสามารถเลือกที่จะเปิดหรือปิดผนึกเมืองทั้งเมืองได้ที่ออฟฟิศนี้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าสู่ลานด้านใน ออร่าที่ราวกับสึนามิก็พุ่งเข้ามาหาเขา และมันก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูกเลย
ทั้งหยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดต่างกระโดดตัวลอยเว้นระยะห่างของตัวเองออกจากทางเข้าลานด้านในทันที และการแสดงออกของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขณะที่พวกเขามองไปยังลานด้านในที่มีขนาดเท่ากับสนามฟุตบอล
“NPC … ขั้นสาม ?!”
“มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน ?”
เมื่อหยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดจ้องมองไปยังฉากตรงหน้าของพวกเขานั้น พวกเขาก็เต็มไปด้วยความสับสน และหวาดกลัวมากๆ
ปฎิกิริยาของพวกเขานั้นเป็นเพราะในบริเวณลานด้านในล้วนเต็มไปด้วย NPC เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบห้า แถม NPC เหล่านี้ยังมาถึงขั้นสามทั้งหมดแล้ว และ NPC เหล่านี้ก็ยังแผ่ออร่าที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อออกมา อีกทั้ง NPC ที่แข็งแกร่งที่สุดในหลายคนในที่นี้ก็ยังแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้เพอเพิ้ลเจด และหยวนเทียนซินสิ้นหวังได้เลย
ในขณะนี้เองหยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขาพึ่งเปิดกล่องแพนโดร่า
แถมสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้คือ NPC ขั้นสามเหล่านี้ทั้งหมดล้วนกำลังจ้องมองมายังพวกเขา
2440 หยวนเทียนซินตกตะลึง
การได้รับความสนใจจาก NPC ขั้นสามหลายร้อยคนนั้นมันก็ทำให้เกิดแรงกดดันมหาศาลต่อหยวนเทียนซิน และเพอเพิ้ลเจด ชั่วขณะหนึ่งนั้น พวกเขารู้สึกอยากจะหันหลังกลับและหนีไปเลย
แม้ว่าทั้งคู่จะมาถึงขั้นสามแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่ห่างไกลจากการที่จะสามารถเทียบกับ NPC ขั้นสามได้ในแง่ของความแข็งแกร่ง ซึ่งความแตกต่างนี้ไม่ได้อยู่แค่ในเรื่องค่าสถานะพื้นฐานเท่านั้น และผู้เล่นขั้นสามที่พึ่งได้การเลื่อนขั้นแบบพวกเขานั้นไม่มีทางจะเทียบกับ NPC ขั้นสามได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น NPC ขั้นสามยังเป็นตัวตนที่ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองเมืองเล็กๆของ NPC ได้เลย และ ณ จุดนี้ มันก็ไม่มีผู้เล่นคนใดใน God domain ที่ไม่เกรงกลัวต่ออำนาจของ NPC ผู้ปกครองเมือง และสิ่งนี้ก็ยังคงเป็นแบบนี้อยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าผู้เล่นจะเริ่มทยอยกันมาถึงขั้นสามแล้ว
ในขณะเดียวกันตอนนี้มันก็ไม่ต่างจากการมี NPC ผู้ปกครองเมืองหลายร้อยคนกำลังจ้องมองมายังหยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจด ดังนั้นนี่ก็น่าจะทำให้หลายคนพอจินตนาการได้ว่าพวกเขาอยู่ภายใต้แรงกดดันที่มากขนาดไหน
นี่ NPC จากกองกำลังแห่งความมืดเข้าครอบครองเมืองป่าหินแล้วงั้นหรอ ? ความคิดนี้ปรากฎขึ้นมาในใจของหยวนเทียนซิน เมื่อเขาจ้องมองไปยัง NPC ขั้นสามจำนวนมากตรงหน้าเขา
นับตั้งแต่ God domain เปิดตัวมาจนถึงตอนนี้ การที่กองกำลังแห่งความมืดของ NPC เข้ามายึดแผนที่เป็นกลางนั้นมันก็เป็นอีเว้นที่เกิดขึ้นมามากมาย ซึ่งอีเว้นเหล่านี้ก็เป็นเหมือนดั่งโบนัสสำหรับผู้เล่น โดยหากพวกเขาสามารถแก้ไขเหตุการณ์ได้ พวกเขาก็จะได้รับรางวัลมากมาย แต่หากไม่ กองกำลังแห่งความมืดของ NPC ก็จะเข้าครอบครองแผนที่เป็นกลางและเมืองป่าหินอย่างสมบูรณ์
ในขณะนี้เมืองป่าหินก็น่าจะเจอกับอีเว้นอะไรแบบนี้ ไม่งั้นมันคงจะไม่มีคำอธิบายว่าทำไมถึงมี NPC ขั้นสามปรากฎตัวขึ้นที่เมืองมากขนาดนี้ แถมเมืองยังถูกเปิดให้สาธารณชนเข้าชมด้วย
“ลุงหยวน พวกเราจะทำยังไงกันดี ? ตอนนี้ NPC เหล่านี้ได้ล๊อคเป้ามาที่เราแล้ว” เพอเพิ้ลเจดถามอย่างกังวล
ในขณะนี้เธอไม่ได้มีความตั้งใจแม้แต่น้อยที่จะเอาชนะอีเว้นนี้ เพราะท้ายที่สุด นี่มันแทบเรียกได้ว่าเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติแล้ว ไม่ใช่อีเว้น
การหนีจาก NPC ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยแค่คนเดียวมันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอมากแล้ว อย่างไรก็ตามตอนนี้มันมี NPC ขั้นสาม เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบห้าหลายร้อยคนยืนอยู่ที่ลานด้านใน เธอจะรอดไปจากสถานการณ์นี้ได้ยังไงกัน ?
“เราไม่มีทางเลือกอื่น ฉันจะพยายามตรึง NPC เหล่านี้ไว้สักครู่ แล้วใช้โอกาสนั้นเปิดใช้งานม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันทีขั้นสาม และรีบหนีออกไปจากที่นี่ให้ไวที่สุด NPC ขั้นสามเหล่านี้นั้นมีความเร็วในการตอบสนอง และมาตราฐานการต่อสู้ที่เหนือกว่าลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่กับแกรนลอร์ดที่เราเคยเผชิญหน้ามามาก พวกเขาจะไม่เปิดโอกาสให้เราใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่มีมากนัก” หยวนเทียนซินกล่าว ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งคู่จะหนีไป ดังนั้นมันจึงต้องมีคนหนึ่งที่สละชีวิตเพื่อสร้างโอกาสให้อีกคน
ใน God domain NPC นั้นฉลาดกว่ามอนสเตอร์ทั่วไปมาก แถมพวกเขายังมีประสบการณ์และความรู้สึกที่เฉียบคมมากกว่าผู้เล่นเมื่อต้องต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งขั้นของพวกเขาสูงเท่าไหร่ NPC ก็จะยิ่งฉลาดมากขึ้นเท่านั้น และหลังจากมาถึงขั้นสาม NPC โดยทั่วไปจะไม่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ใช้เครื่องพิเศษแน่นอน
ในสถานการณ์ที่ NPC มีความได้เปรียบในด้านพลังการต่อสู้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสามแบบพวกเขาก็ยังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆในการจะดึงเครื่องมือเวทย์มนต์ออกมาจากกระเป๋า นี่ไม่ต้องพูดถึงการเปิดใช้งานเลย และนี่เป็นเพราะช่วงเวลาสั้นๆในการที่พวกเขาทำแบบนี้ มันก็จะมากเพียงพอที่จะทำให้ NPC ขั้นสามสามารถฆ่าพวกเขาได้ทันทีเลย
ในขณะเดียวกัน ในฐานะแท๊งเกอร์ขั้นสาม หากหยวนเทียนซินเปิดใช้งานสกิลช่วยชีวิตทั้งหมดของเขา เขาก็น่าจะพอตรึง NPC พวกนี้ได้เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปสำหรับเพอเพิ้ลเจดที่เป็นราชันดาบขั้นสาม หากเธอพยายามจะตรึง NPC เหล่านี้ด้วยตัวเอง เธอจะตายทันทีแน่นอน เพราะท้ายที่สุดคู่ต่อสู้ของพวกเขาคือ NPC ขั้นสามหลายร้อยคน
“ฉันเข้าใจแล้ว ..” เพอเพิ้ลเจดพยักหน้า แม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่เต็มใจ แต่เธอก็เข้าใจว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขา ไม่อย่างนั้นทั้งคู่จะต้องตายที่นี่ การเสียเลเวลอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผู้เล่นขั้นสามแบบพวกเขา แต่สิ่งที่พวกเขาจะเสียไปด้วยพร้อมกับความตายคืออุปกรณ์ชั้นยอด
เมื่อเพอเพิ้ลเจดพยักหน้า หยวนเทียนซินก็ยกโล่ของเขาขึ้นทันที และเตรียมจะเปิดใช้งานสกิลช่วยชีวิตทั้งหมดของเขา
อย่างไรก็ตามในขณะที่หยวนเทียนซินกำลังจะพุ่งเข้าไปที่ลานด้านใน และดึงดูดความสนใจของ NPC มันก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากลานภายใน
“ผู้อาวุโสหยวน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ ? นี่อควาไม่ได้พาคุณไปที่ห้องรับรอบงั้นหรอ ?”
เสียงนี้ทำให้ทั้งหยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดต่างตกตะลึงมากๆ เพราะมันฟังดูคุ้นเคยอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้ยินเสียงนี้ในสถานที่แห่งนี้ และทั้งคู่ก็เริ่มมองหาต้นตอของเสียงทันที
ในช่วงเวลาต่อมา แถวของ NPC ขั้นสามก็แยกออกจากกัน โดยเปิดทางให้ชายในชุดคลุมที่ยืนอยู่ตรงกลางลานด้านใน ในขณะเดียวกันการกระทำของ NPC ทุกคนนั้นก็แสดงให้เห็นถึงความเคารพอย่างมากราวกับข้าราชการที่พึ่งได้พบกับผู้ปกครองของพวกเขา
เมื่อหยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดเห็นชายในเสื้อคลุม พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง
“คุณ … คุณคือหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมจริงๆหรอ ?” เพอเพิ้ลเจดถามย้ำด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิง
NPC ขั้นสามนั้นเป็นตัวตนที่ผู้เล่นในปัจจุบันนี้ยังคงมองด้วยความหวาดกลัว และหลังจากได้มาถึงขั้นสามแล้ว เธอก็ยิ่งตระหนักว่า NPC ขั้นสามนั้นทรงพลังมากขนาดไหน
อย่างไรก็ตามตอนนี้ NPC ขั้นสามหลายร้อยคนนี้กับกำลังยืนอยู่ในลานด้านใน และปฎิบัติราวกับซือเฟิงเป็นเจ้านายของพวกเขา
ในสถานการณ์นี้ซือเฟิงจะถือว่าเป็นผู้เล่นได้อย่างไร ? โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูเป็นกษัตริย์ของประเทศหนึ่งมากกว่า
“แน่นอนสิ ฉันคือแบล๊คเฟรม” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “ถ้าไม่ใช่คุณคิดว่าฉันเป็นใครกัน ?”
สำหรับซือเฟิง ท่าทีของหยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดนั้นไม่ได้น่าประหลาดใจมากนักสำหรับเขา เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนนี้มันกำลังมี NPC ขั้นสามมากกว่าห้าร้อยคนยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา
แม้แต่อาณาจักรหนึ่งก็ยังไม่รวม NPC ขั้นสามเข้ามาอยู่ในเมืองเดียวกันมากขนาดนี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงกับรวมทุกคนมาอยู่ที่เดียวกัน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยหากจะบอกกองกำลังนี้ของเขานับเป็นกองกำลังที่ไม่สามารถจะหยุดได้เลย
ในขณะนี้ไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญขั้นสามแบบหยวนเทียนซินกับเพอเพิ้ลเจดเลย แม้แต่ผู้เล่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ก็ยังจะต้องหนี หากเจอกับกองกำลังแบบนี้ เพราะท้ายที่สุด NPC ขั้นสามนั้นแตกต่างจากมอนสเตอร์ และเมื่อทำงานร่วมกัน พวกเขาก็สามารถจะเพิ่มพลังต่อสู้ได้อย่างทวีคูณ และหากพวกเขาใช้สกิลหรือเวทย์หลอมรวมขนาดใหญ่ พลังที่พวกเขาจะสามารถแสดงออกมาได้นั้นจะเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศของพื้นที่โดยรอบไปได้เลย
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมกองอัศวินทั้งเจ็ดระดับตำนานของจักรวรรดินักบุญทั้งสิบจึงสามารถจะทำให้ประเทศใกล้เคียงไม่กล้ารุกรานพวกเขา
ในขณะเดียวกัน เมื่อได้ยินการพูดล้อเล่นของซือเฟิง ทั้งหยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดนั้นก็ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม NPC เหล่านี้ ที่อยู่ด้านหลังคุณเป็นใครกัน ?” หยวนเทียนซินถาม
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเข้าใจแล้วว่า NPC ขั้นสามเหล่านี้ไม่ได้เป็นศัตรู แต่เขาก็ยังไม่สามารถเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่า NPC ขั้นสามจำนวนมากถูกรวบรวมมาไว้ที่เดียวกันได้
“พวกเขา ?” เมื่อมองไปยังสายตาที่หวาดกลัวและสงสัยของหยวนเทียนซินที่มองไปด้านหลังของเขาที่เหล่า NPC ยืนอยู่ ซือเฟิงก็ผายมือเป็นเชิงแนะนำพลางพูดต่อว่า “พวกเขาเป็นผู้ที่อยู่ในกองอัศวินส่วนตัวของฉัน พวกเขาก็เหมือนกับ อัศวิน NPC ขั้นสองที่ลาดตระเวนอยู่ด้านนอกนั่นแหละ เพียงแต่พวกที่อยู่ด้านหลังฉันคือพวกที่พึ่งจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสาม”
“พวกเขาเป็นกองอัศวินของคุณ ?!”
แม้ว่าซือเฟิงจะพูดอย่างไม่เป็นทางการ แต่หยวนเทียนซินกับเพอเพิ้ลเจดก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับคำพูดของเขา
พวกเขาอาจไม่มีความรู้ที่ชัดเจนว่ากองอัศวินคืออะไร แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อตัดสินจากน้ำเสียงของซือเฟิงแล้ว พวกเขาสามารถบอกได้เลยว่า NPC เหล่านี้นั้นอยู่ภายใต้คำสั่งของซือเฟิง
นี่คือ NPC ขั้นสามหลายร้อยคนที่พวกเขากำลังพูดถึง !!!!
ตอนนี้แม้แต่มหาอำนาจต่างๆนั้นก็ไม่ได้มีองครักษ์ส่วนตัวที่ได้รับการเลื่อนขั้น เป็นขั้นสามมากนัก และโดยปกติจะมีแค่เฉพาะองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงิน หรือสูงกว่าขึ้นไปเท่านั้นที่มีโอกาสหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ที่จะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามได้สำเร็จ สำหรับองครักษ์ส่วนตัวที่มีระดับต่ำกว่านี้นั้น โอกาสของพวกเขาก็ต่ำมาก อย่างไรก็ตามองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงินหรือสูงกว่าขึ้นไปก็หายากอย่างไม่น่าเชื่อ และมหาอำนาจส่วนใหญ่ก็มีเพียงแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น
ในขณะเดียวกันจากสิ่งที่หยวนเทียนซินสามารถบอกได้ตอนนี้ก็คือ มันมี NPC ขั้นสามอย่างน้อยห้าร้อยคนยืนอยู่ที่ลานด้านใน ซึ่งด้วยกองกำลังนี้ สภาสิบแปดปีกจะสามารถทำลายกองทัพใดก็ได้ที่พวกเขาต้องการ
“โอ้ใช่แล้ว ว่าแต่ผู้อาวุโสหยวน ทำไมคุณถึงรีบมาหาฉัน ? คุณมีธุระด่วนอะไรที่จะพูดคุยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถาม เมื่อเห็นหยวนเทียนซินยังคงงุนงงและตกตะลึง เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก
“แต่เดิม ฉันมี …” เมื่อมองไปที่กองกำลังอัศวินขั้นสามที่ยืนอยู่ที่ลานด้านใน หยวนเทียนซินก็ยิ้มอย่างขมขื่น และพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะไม่มีแล้ว !!”
นี่มันโครตจะน่ากลัวเลย !!!
ตอนนี้การป้องกันของเมืองป่าหินนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าในเมืองหลวงของอาณาจักรซะอีก แม้ว่ามหาอำนาจทั้งหมดทั่วทวีปด้านตะวันออกจะทำงานร่วมกันและจัดตั้งกองทัพผู้เชี่ยวชาญขั้นสามขึ้นมาหลายพันคน แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่ห่างไกลจากความสามารถในการยึดเมืองหลวงของอาณาจักรได้ ซึ่งนี่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยสำหรับเมืองป่าหินที่มีขนาดเล็กกว่า พวกเขาจะไม่สามารถยึดมันได้แน่นอน
ในขณะเดียวกันหากมหาอำนาจต่างๆไม่สามารถทำอะไรกับเมืองป่าหินได้ พวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรกับรากฐานของสภาสิบแปดปีกได้ ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม …. หากมหาอำนาจต่างๆยังคงยืนกรานจะโจมตีเมืองป่าหิน สิ่งเดียวที่จะรอพวกเขาอยู่คือความทุกข์ทรมาณของพวกเขาเองเท่านั้น !!!
ตอนนี้หยวนเทียนซินนั้นหวังให้มหาอำนาจต่างๆรีบเข้ามาโจมตีเมืองป่าหินด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้จัดการทำธุรกรรมขายม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุให้กับหยวนเทียนซิน ซึ่งซือเฟิงก็ต้องยอมรับเลยว่าศาลาลับนั้นร่ำรวยมากจริงๆ เนื่องจากหยวนเทียนซินได้สั่งไปสองร้อยชุดเพื่อเอาไปทดสอบผลของบาเรีย และธุรกรรมนี้มันก็ทำให้ซือเฟิงกลับมาเป็นคนร่ำรวยอีกครั้งในทันที
ในช่วงเวลาที่ซือเฟิงและหยวนเทียนซินกำลังทำธุรกิจกัน มหาอำนาจต่างๆก็ได้รับข่าวเรื่องเมืองป่าหินเปิดให้สาธารณชนเข้าชมอย่างรวดเร็ว และในช่วงเวลาหนึ่งมหาอำนาจต่างๆก็ล้วนตกตะลึงกับสถานการณ์นี้ พวกเขาไม่คิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะบ้าคลั่งและโลดโผนขนาดนี้
ในขณะเดียวกันภายในสถานที่พักกิลของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน ที่เมืองมังกรดำ
“ปรมาจารย์ดราก้อนพาวิลเลี่ยน คุณคิดว่าแบล๊คเฟรมกำลังพยายามจะทำอะไรกัน ?” มาร์เชี่ยลดราก้อนถาม และใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสับสน ขณะที่เขาอ่านรายงานในมือ “เขากำลังพยายามจะหาเงินให้ได้อย่างรวดเร็ว เพราะรู้ว่าตัวเองกำลังจะเสียเมืองป่าหินรึปล่าว ?”
ในความคิดของมาร์เชี่ยลดราก้อน นี่คือคำอธิบายเดียวที่เขาสามารถจะนึกออกได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วทันทีที่มหาอำนาจต่างๆเจรจาความร่วมมือกันเรียบร้อย กองทัพผู้เล่นขั้นสามหลายพันคนจะเคลื่อนที่เข้าโจมตีเมืองป่าหินแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมหาอำนาจต่างๆมาไกลกันขนาดนี้แล้ว มันจะไม่จบแค่เรื่องวงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุแน่นอน มันจะลามไปถึงการทำลายและยึดทรัพย์สินทั้งหมดของสภาสิบแปดปีกด้วย และในเวลานั้น มันจะไร้ประโยชน์อย่างมาก แม้ว่าศาลาลับจะพยายามปกป้องสภาสิบแปดปีกก็ตาม
“ฉันไม่รู้ แต่ยังไงทุกอย่างก็จบลงแล้วแน่นอน ฉันได้รับข่าวว่ามีมหาอำนาจจำนวนหนึ่งเริ่มการเจรจากันอย่างลับๆแล้ว และมันไม่มีอะไรที่สภาสิบแปดปีกจะสามารถทำได้เพื่อกอบกู้สถานการณ์แน่นอน” จักรพรรดิเก้ามังกรกล่าวพลางส่ายหัว แม้ว่าเขาจะประหลาดใจกับการเคลื่อนไหวของซือเฟิง แต่เขาก็คิดว่ามันไม่สำคัญแล้ว “ว่าแต่ฝั่งสตับบอร์นฮาร์ทเป็นยังไงบ้าง ?”
“พวกเขากำลังเดินทางไปที่เมืองป่าหินแล้ว และพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเกือบหนึ่งร้อยคนอยู่เคียงข้าง ซึ่งมันก็คงอีกไม่นานก่อนที่พวกเขาจะแอบเข้าเมืองได้ และเมื่อกองทัพของมหาอำนาจต่างๆมาถึง พวกเขาก็จะประสานการโจมตีของพวกเขากับกองทัพของมหาอำนาจต่างๆ ซึ่งมันก็น่าจะทำให้ยึดเมืองป่าหินได้ง่ายขึ้น” มาร์เชี่ยลดราก้อนรายงาน
“ดี ฝั่งของนายก็ควรเตรียมตัวให้พร้อมเช่นกัน เราจะต้องไปพบกับลู่ชิงหลัวในอีกครู่หนึ่งเพื่อคุยกันถึงเรื่องการแจกจ่ายสิ่งที่ได้จากเมืองป่าหิน …” จักรพรรดิเก้ามังกรกล่าว
“เข้าใจแล้ว !!!” มาร์เชี่ยลดราก้อนตอบกลับด้วยรอยยิ้มซึ่งหาได้ยากมากๆที่จะปรากฎบนใบหน้าของเขา
ในขณะที่จักรพรรดิเก้ามังกรกำลังเดินทางไปหาลู่ชิงหลัว กลุ่มของสตับบอร์นฮาร์ทก็ได้มาถึงตรงหน้าทางเข้าของเมืองป่าหิน และกำลังต่อแถวรอเข้าเมือง
2441 ยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อว่า สภาสิบแปดปีก
การที่เมืองป่าหินเปิดให้สาธารณชนทั่วไปได้เข้าเยี่ยมชมนั้น มันได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วป่าใบไม้ผลิ ซึ่งผู้เล่นและทีมผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากได้ทิ้งสิ่งที่พวกเขาทำ และรีบวิ่งตรงมายังเมืองทันที ด้วยเหตุนี้มันจึงมีแถวก่อตัวขึ้นเป็นแนวยาวที่นอกทางเข้าเมือง และในภาพรวมทุกคนก็สามารถจะมองเห็นผู้เล่นกว่าหนึ่งหมื่นคนที่ต่อแถวเรียงรายกันได้อย่างง่ายดาย และแถวนี้ก็ยังคงยาวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลาผ่านไป
ผู้เล่นหลายคนที่มาเข้าแถวที่นี่นั้นล้วนมาเพื่อเป็นสักขีพยานว่าข่าวลือที่ว่าเมืองป่าหินนั้นเป็น “ดินแดนศักสิทธิ์แห่งการเก็บเลเวล” ในป่าใบไม้ผลิเป็นเรื่องจริงไหม ในขณะที่อีกจำนวนหนึ่งก็มาเพื่อตรวจสอบว่าเมืองป่าหินนั้นเปิดให้สาธารณชนเข้าชมจริงไหม
แม้ว่าระบบจะไม่โกหก แต่ก็ไม่มีใครแน่ใจว่าสภาสิบแปดปีกจะไม่ทำการผนึกกับปิดเมืองอีกครั้ง เพราะท้ายที่สุดเมืองป่าหินแบบปิดนั้นก็มอบสิทธิประโยชน์มากมายให้กับผู้เป็นเจ้าของเมืองจริงๆ
มันมักจะเกิดการต่อสู้กันเสมอระหว่างมหาอำนาจต่างๆและผู้เล่นที่ร่ำรวยทุกครั้งที่สภาสิบแปดปีกจัดการประมูลเช่าบ้านส่วนตัวของเมือง และด้วยเหตุนี้บ้านส่วนตัวทุกหลังจึงถูกเช่าเป็นจำนวนเงินมหาศาลมากๆ
หากสภาสิบแปดปีกเปิดเมืองป่าหินให้สาธารณชนนั้น ผู้เล่นก็ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาการเช่าบ้านส่วนตัวเพื่อเข้าเมืองอีกต่อไป และตราบใดที่พวกเขาจ่ายเงินค่าเข้าเมือง พวกเขาก็จะสามารถพักผ่อนในกำแพงเมืองได้ ซึ่งนี่มันจะลดมูลค่าบ้านส่วนตัวของเมืองป่าหินลงไปอย่างมาก
ขณะเดียวกันเหล่าพันธมิตรของสภาสิบแปดปีกที่เคยจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเพื่อให้สมาชิกของพวกเขา เข้าสู่เมืองป่าหินได้ ก็จะไม่ต้องจ่ายอีกต่อไป เพราะเมืองเปิดให้สาธารณชนเข้าแล้วนั่นเอง
ที่สำคัญที่สุดคือการเปิดเมืองป่าหินสู่สาธารณชนนั้น มันก็แปลว่าสภาสิบแปดปีกจะแบ่งปันความได้เปรียบในการเก็บเลเวลให้กับบุคคลภายนอก ซึ่งนี่มันจะลดความได้เปรียบที่กิลมีอย่างมาก ดังนั้นการที่สภาสิบแปดปีกจะปิดเมืองอีกครั้ง มันจึงมีความเป็นไปได้มากทีเดียว
“สภาสิบแปดปีกนั้นบ้าและเต็มไปด้วยความโลภมากเกินไปแล้ว !!! พวกเขากระทั่งเรียกเก็บเงินสิบเหรียญทองต่อคนเป็นค่าเข้าเมือง !!! นี่มันเป็นการปล้นกันกลางวันแสกๆชัดๆ !!!” เคิร์สแมนเซอร์หญิงขั้นสามอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และตอนนี้เธอก็อยากจะฆ่าอัศวินขั้นสองที่ทำหน้าที่เก็บค่าเข้าเมืองมากๆ
เมืองกิลทั่วไปนั้นจะเรียกเก็บเงินค่าเข้าแค่ไม่กี่สิบเหรียญทองแดงเท่านั้น และ
เมืองกิลที่ได้รับการตั้งขึ้นในพื้นที่ใกล้กับแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยนั้นก็เรียกเก็บแค่สองเหรียญเงินต่อคน
กระนั้นเมืองป่าหินกับเรียกเก็บสูงกว่าถึงห้าเท่า !!!
แม้ว่าผู้เล่นในปัจจุบันจะมาถึงเลเวลที่สูงมากแล้ว และพบช่องทางในการหาเงินมากขึ้น แต่พวกเขาก็ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นด้วย
เมื่อผู้เล่นต่อสู้กับมอนสเตอร์เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย อุปกรณ์ของพวกเขานั้นจะสูญเสียค่าความทนทานไปอย่างรวดเร็วมากๆ แม้ว่าอุปกรณ์ที่พวกเขาสวมใส่จะเป็นอุปกรณ์ชั้นยอดก็ตาม เป็นผลให้พวกเขาต้องจ่ายค่าซ่อมแซมเลือดตาแทบกระเด็น นอกจากนี้ผู้เล่นยังต้องซื้อโพชั่นและเครื่องมือสำหรับการล่า ซึ่งเมื่อหักต้นทุนเหล่านี้แล้ว ผู้เล่นจะไม่สามารถประหยัดเก็บเงินได้มากนักในแต่ละวัน
ปัจจุบันแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสอง เลเวลหนึ่งร้อย ก็ทำกำไรสุทธิได้แค่ประมาณสี่สิบถึงห้าสิบเหรียญเงินเท่านั้นในแต่ละวัน และนั่นก็จำกัดแค่เฉพาะผู้เชี่ยวชาญสายโจมตีระยะไกลเท่านั้น สำหรับผู้เชี่ยวชาญสายโจมตีระยะประชิดจะทำกำไรได้แค่ประมาณสามสิบเหรียญเงินเท่านั้นในแต่ละวัน เว้นแต่ว่าผู้เล่นจะโชตดีได้วัสดุหรือไอเทมล้ำค่ามา พวกเขาจึงจะทำกำไรได้มากกว่านั้น ไม่งั้นกำไรของพวกเขาก็จะไม่มากนัก
แม้ว่าผู้เล่นจะสามารถล่ามอนสเตอร์เลเวลต่ำเพื่อรับเอาวัสดุและทำเงินมากขึ้นได้ แต่การทำแบบนั้นมันก็จะทำให้พวกเขายิ่งมีเลเวลห่างกับผู้เชี่ยวชาญชั้นแนวหน้าอย่างรวดเร็ว แถมพวกเขายังจะพลาดโอกาสบางอย่างด้วย
ดังนั้นไม่ว่าผู้เล่นชั้นแนวหน้าจะมีฐานะยากจนแค่ไหน พวกเขาก็จะไม่ยอมทิ้งแนวหน้าเพื่อเงินเพียงเล็กน้อยแน่นอน
ในขณะเดียวกันตอนนี้ พวกเขาเพียงแค่ต้องการจะเข้าเมืองเท่านั้น ยังไม่ได้เข้าพักที่โรงแรมหรือใช้บริการร้านอาหารเลย พวกเขากับต้องจ่ายถึงสิบเหรียญเงินต่อคน
หากเมืองป่าหินเรียกเก็บเงินมากขนาดนี้กัทุกคนที่เข้าเมืองนั้น พวกเขาก็จะได้รับเงินหนึ่งแสนเหรียญทองสำหรับผู้เล่นทุกๆหนึ่งล้านคนเลย
หนึ่งแสนเหรียญทอง !!!
ในระยะนี้ของเกม แม้แต่กิลชั้นสูงก็จะไม่สามารถหาเงินจำนวนมากขนาดนี้ได้ในหนึ่งวันแน่นอน อย่างไรก็ตามสภาสิบแปดปีกจะสามารถทำได้แน่นอนด้วยเมืองป่าหิน เพราะด้วยความได้เปรียบที่อยู่ในแผนที่เป็นกลาง และผลประโยชน์ของเมือง เผลอๆมันจะมีผู้เล่นเข้ามาเยี่ยมชมมากกว่าสองถึงสามล้านคนด้วยในแต่ละวัน ซึ่งพูดอีกนัยหนึ่งก็คือเมืองนี้จะสามารถทำรายได้มากกว่าสองถึงสามแสนเหรียญทองในแต่ละวัน
ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งมีผู้เล่นเข้ามาเยี่ยมชมป่าใบไม้ผลิมากขึ้น ตัวเลขนี้ก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
“ฟลาวเวอร์ !!! ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเคลื่อนไหว !!! ตอนนี้การเข้าเมืองไปให้ได้เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับเรา !!!” สตับบอร์นฮาร์ทกล่าวเตือนเคิร์สแมนเซอร์หญิงข้างๆเขา “เมื่อกองทัพของมหาอำนาจต่างๆมารวมตัวกันที่นี่แล้ว คุณถึงจะสามารถทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ …!!”
เคิร์สแมนเซอร์หญิงที่ชื่อฟลาวเวอร์เรนมองไปยังสตับบอร์นฮาร์ทด้วยความดื้อรั้นและโกรธ
ฟลาวเวอร์เรนนั้นได้มาถึงขั้นสามแล้ว และเงินสิบเหรียญเงินก็ไม่ได้นับว่ามากนักเลยสำหรับผู้เชี่ยวชาญแบบเธอ ต่อให้เธอเข้าร่วมทีมแบบสุ่มมั่วๆ เธอก็จะยังทำเงินได้หลายเหรียญทองอยู่ดี แต่เธอกับมาบ่นเกี่ยวกับเงินสิบเหรียญเงิน
หากไม่ใช่เพราะปฎิบัติการนี้ สตับบอร์นฮาร์ทจะไม่คัดเลือกผู้เชี่ยวชาญอิสระอย่าง
ฟลาวเวอร์เรนมาร่วมงานด้วยเลย
อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องยอมรับเลยว่าเมืองป่าหินนั้นน่ากลัวอย่างแท้จริง เพราะแค่ค่าเข้าเมืองอย่างเดียว เมืองก็มีรายได้มากกว่าเมืองกิลหลายแห่งรวมกันแล้ว
“ฉันรู้หรอกน่า ฉันตระหนักถึงความสำคัญในงานของเราดี แต่ตามที่กล่าวไว้ ฉันต้องการค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นห้าสิบเปอเซ็นต์”ฟลาวเวอร์เรน เรียกร้อง แม้ว่าสตับบอร์นฮาร์ทจะเป็นหัวหน้ากิลของกิลสายความมืด อันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิมังกรดำ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงความเคารพต่อเขาเลย ตรงกันข้ามเธอกับเรียกร้องราคาที่สูงขึ้นด้วย
ในการตอบสนองกับเรื่องนี้ ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของมัจจุราชหลายคนต่างจ้องมองไปยังฟลาวเวอร์เรนอย่างโกรธเคือง
“ได้ ตราบใดที่คุณสามารถรักษาโดเมนของคุณไว้ได้ตามที่ตกลง ฉันจะให้ตามที่คุณต้องการ …” สตับบอร์นฮาร์ทกล่าวพลางพยักหน้า และเขาดูเหมือนไม่ได้มีความโกรธกับเรื่องนี้เลย
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีใครในกลุ่มของสตับบอร์นฮาร์ทที่แปลกใจกับเรื่องนี้
ฟลาวเวอร์เรนนั้นเป็นเพียงผู้เล่นคนเดียวในจักรวรรดิมังกรดำที่มีสกิลโดเมนขั้นสาม นอกจากนี้เธอยังเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์อย่างแท้จริง และเมื่อเธอเปิดใช้งานสกิลโดเมน แม้แต่หัวหน้ากิลชั้นสูงในจักรวรดิก็ยังไม่สามารถจะทำอะไรกับเธอได้เลย
นี่คือเหตุผลที่สตับบอร์นฮาร์ทขอความช่วยเหลือจากฟลาวเวอร์เรน
แม้ว่าสมาชิกทุกคนในทีมของเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม แต่เมืองป่าหินนั้นก็เต็มไปด้วยอัศวินขั้นสอง เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบห้าจำนวนมากที่คอยปกป้องมันอยู่ ซึ่งมันจะเป็นเรื่องท้าทายสำหรับพวกเขามากๆที่จะจัดการให้ได้ทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการความช่วยเหลือจากฟลาวเวอร์เรน เพราะด้วยสกิลโดเมนขั้นสามของเธอ มันจะทำให้พวกเขาปราบปรามอัศวินขั้นสองเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย และแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากของสภาสิบแปดปีกจะเข้าร่วมการต่อสู้ แต่พวกเขาก็มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถทำงานให้เสร็จและเข้ายึดคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองได้
เมื่อสตับบอร์นฮาร์ทตกลง ฟลาวเวอร์เรนก็เลิกโยกโย้ และจ่ายเงินสิบเหรียญเงินให้กับอัศวินขั้นสองที่ทางเข้าทันที
เมื่อฟลาวเวอร์เรนเข้าไปในเมือง เบอเซิกเกอร์ขั้นสามที่ยืนอยู่ข้างๆสตับบอร์นฮาร์ทก็พูดขึ้นมาว่า “หัวหน้า นั่นคือห้าสิบเปอเซ็นต์เลยนะ !!! หากคุณให้เธอมากขนาดนั้น กำไรเราจะน้อยลงไปมาก !!!”
“มันไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่การเจรจาของจักรพรรดิเก้ามังกรกับสตาร์ลิ้งประสบความสำเร็จ และเราเป็นคนกลุ่มแรกที่สามารถยึดคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองได้ เราก็จะสามารถเจรจาขอเพิ่มเติมได้ และด้วยเมืองป่าหินที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเรา จักรพรรดิเก้ามังกรกับสตาร์ลิ้งจะไม่ปฎิเสธข้อเรียกร้องของเราแน่นอน” สตับบอร์นฮาร์ทกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่เขามองไปที่ผู้เล่นที่ต่อแถวยาวอยู่ด้านหลัง
เขานั้นรู้มานานแล้วว่าเมืองป่าหินนั้นเป็นดั่งเหมืองทองคำของสภาสิบแปดปีก อย่างไรก็ตามพอได้มาเห็นตอนนี้ มันไม่ใช่เหมืองทองคำเลย มันเป็นเหมืองเพชรเลยต่างหาก !!!
เมืองนี้จะสามารถทำเงินได้มากกว่าสองแสนเหรียญทองแน่นอนจากการเก็บค่าเข้าเมืองในแต่ละวัน และเมื่อมหาอำนาจต่างๆเข้าครอบครองได้ แม้แต่ส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อกิลมัจจุราชของเขาแล้ว
ขณะเดียวกัน เมื่อได้ยินคำพูดของสตับบอร์นฮาร์ท ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของกิลขนาดใหญ่อื่นๆนั้นก็อดไม่ได้ที่จะคิดเช่นเดียวกัน พวกเขาต่างจ้องมองไปยังเมืองป่าหินด้วยสายตาที่หิวโหย และในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็รู้เกลียดชังสภาสิบแปดปีกมากขึ้น
โดยปกติแล้วกิลของพวกเขานั้นจะต้องพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้รับเหรียญทองมากกว่าปกติที่หลักพัน แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้จะไม่มีผู้สนับสนุนใดๆ และเป็นกิลที่พึ่งก่อตั้งขึ้นมาได้ไม่ถึงหนึ่งปี สภาสิบแปดปีกกับมีรายได้ที่กิลของพวกเขาได้แต่ฝันถึง ยิ่งไปกว่านั้นสภาสิบแปดปีกยังได้รับมากมายโดยไม่ต้องทำอะไรเลย
“เอาล่ะ รีบเข้าไปข้างในกัน ..” สตับบอร์นฮาร์ทกล่าว ขณะที่มาถึงคิวของเขาจ่ายเงิน พร้อมกับทีมของเขา
ซึ่งเมื่อสตับบอร์นฮาร์ท และทีมของเขาจ่ายเงินค่าเข้าเมืองป่าหินไปเรียบร้อย และก้าวเข้าสู่เมืองป่าหิน พวกเขาก็ได้พบกับฟลาวเวอร์เรนที่ยืนตัวแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่กลางถนน
“ฟลาวเวอร์ มีอะไรงั้นหรอ ?” สตับบอร์นฮาร์ทกล่าวถาม
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเดินไปอยู่ข้างเธอ เขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากเช่นกัน และการแสดงออกของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว เมื่อเขาได้เห็นแถว NPC อัศวิน สองแถวตรงหน้าเขา
“ขั้นสาม ?! นี่ …. มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?!”
2442 เมืองที่น่ากลัว
“หัวหน้ากิลฮาร์ท ?”
คำพูดของสตับบอร์นฮาร์ทและการที่เขาหยุดลงชั่วคราวแถมยังเต็มไปด้วยท่าทีตกตะลึงนั้นมันก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจากกิลของเขา และรวมกับที่เขาจ้างมาเต็มไปด้วยความสับสน พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าอะไรทำให้สตับบอร์นฮาร์ทมีท่าทีแบบนี้
มันมี NPC ขั้นสามคอยเฝ้าอยู่บริเวณประตูแล้วยังไงล่ะ ? นั่นมันเป็นปัญหาสำคัญจริงๆงั้นหรอ ? ปัจจุบันเมืองกิลทุกเมืองก็มี NPC ขั้นสามจำนวนหนึ่งคอยป้องกันเมือง และเฝ้าประตูเมืองอยู่แล้ว
NPC ขั้นสามนั้นอาจทรงพลังมากๆ และแทบจะเป็นตัวตนที่เป็นอมตะเลยหากต้องต่อสู้กับผู้เล่นขั้นสามแบบหนึ่งต่อหนึ่ง แต่ถ้าผู้เล่นขั้นสามหลายสิบคนทำงานร่วมกัน พวกเขาก็จะสามารถฆ่าได้แม้กระทั่งมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลเวลหนึ่งร้อย ไม่ต้องพูดถึง NPC ขั้นสามเลย
อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่ติดตามสตับบอร์นฮาร์ทมาได้เห็นสิ่งที่สตับบอร์นฮาร์ทเห็น พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างมาก
“มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”
“ทำไมถึงมี NPC ขั้นสามจำนวนมากขนาดนี้ ?”
ตอนนี้มันมีอัศวินขั้นสาม สองร้อยคนยืนเรียงแถวอยู่สองแถวไปจนสุดปลายของถนนบริเวณนี้ ซึ่งทุกคนนั้นก็ล้วนสวมใส่ชุดเกราะสีดำสนิทและแผ่ออร่าที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อออกมา ขณะที่ NPC ที่เป็น หัวหน้าอัศวินขั้นสามนั้นก็แผ่ออร่าออกมาจนทำให้ผู้เล่นโดนรอบอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยซ้ำ
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั้งหมดภายใต้การนำของสตับบอร์นฮาร์ทปรากฎตัวขึ้น NPC ขั้นสามทั้งหมดนี้ก็หันมาหาพวกเขาและจ้องมองมาอย่างไม่วางตาทันที จนมันทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสั่น
“นี่พวกเขาจะไม่โจมตีเราโดยไร้เหตุผลใช่ไหม ?” แอสซาซินขั้นสามพึมพำอย่างประหม่า “เรายังไม่ได้ทำอะไรเลย”
ทีมของพวกเขานั้นประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเกือบหนึ่งร้อยคน และมันก็จัดเป็นทีมที่สามารถคุกคามมหาอำนาจของ God domain ได้เลยด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามพวกเขานั้นจะไม่สามารถทำอะไรได้และดูไร้ค่าไปเลย เมื่ออยู่ต่อหน้า NPC อัศวินขั้นสาม สองร้อยคน เพราะอัศวินขั้นสามเหล่านี้จะสามารถสังหารหมู่พวกเขาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วมากๆ
ระหว่างที่ความวิตกกังวลของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นก็มีคนตะโกนใส่พวกเขา
“เห้ยพวกกลุ่มนั้นน่ะ !!! ทำไมพวกคุณถึงยังยืนอยู่ตรงนั้น !!!? ที่บริเวณนี้คือทางเข้าเมือง !!! ผู้เล่นไม่ได้รับอนุญาติให้มาเดินเอ้อระเหยอยู่แถวนี้นะ !!!”
เสียงนี้ทำให้สตับบอร์นฮาร์ทและพรรคพวกของเขาหายจากอาการตกตะลึงและมึนงง ก่อนที่พวกเขาจะหมุนตัวหันไปมองผู้เล่นที่ตะโกนใส่พวกเขา โดยพวกเขาทั้งหมดต่างก็อยากรู้ว่าใครกันที่กล้าทำแบบนี้
ซึ่งพวกเขาก็ได้เห็นเบอเซิกเกอร์ขั้นสอง เลเวลหนึ่งร้อยสอง ที่มีตราสัญลักษณ์ของสภาสิบแปดปีกติดอยู่ที่หน้าอกยืนอยู่ โดยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามแบบพวกเขาจะไม่มีปัญหาในการที่จะฆ่าเบอเซิกเกอร์ขั้นสองเลย
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะรู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าฟันจากสตับบอร์นฮาร์ทและพรรคพวกของเขา แต่เบอเซิกเกอร์ขั้นสองก็ไม่ได้เลือกจะถอยห่างออกไป เขายิ้มและถามว่า “อะไรกัน ? คุณต้องการจะเริ่มการต่อสู้ที่นี่งั้นหรอ ?”
ในขณะที่เบอเซิกเกอร์ถามแบบนี้ เหล่าอัศวินขั้นสามก็ปลดอาวุธของพวกเขาออก และเริ่มมองมายังทีมของสตับบอร์นฮาร์ทอย่างตรวจสอบทุกการเคลื่อนไหว และตอนนี้ออร่าของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเดิมเลยทีเดียว
“ไอ้เวรนี่ …” แรนเจอร์ขั้นสามคนหนึ่งมองไปยังเบอเซิกเกอร์ขั้นสองที่เต็มไปด้วยท่าทีเย่อหยิ่งด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือด และเจตนาฆ่าฟันอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามเมื่อแรนเจอร์ผู้นี้สัมผัสได้ถึงออร่าของเหล่าอัศวินขั้นสาม เขาก็เลือกจะยอมทนอยู่เฉยๆ “ถ้าเราอยู่ที่อื่น ฉันจะสอนบทเรียนให้กับเขาแน่นอน !!!”
ในฐานะผู้เล่นสายความมืด เขาได้ฆ่าผู้เชี่ยวชาญไปมากมายแล้ว ซึ่งนี่รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหลายสิบคนจากกิลชั้นสูง และด้วยความแข็งแกร่งของเขา แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังไม่สามารถจะดูถูกเขาได้
แต่ถึงกระนั้นตอนนี้เบอเซิกเกอร์ขั้นสองกับกล้าที่จะดูถูกเขา นี่มันน่าอับอายอย่างแท้จริง !!!
“เอาล่ะ พอได้แล้ว !!! รีบเข้าไปข้างในกัน นี่ใช่สถานที่สำหรับการต่อสู้ !!!” สตับบอร์นฮาร์ทกล่าวเตือนแรนเจอร์เบาๆ ขณะที่สายตาของเขาจ้องมองไปยังเหล่าอัศวินขั้นสาม
พวกเขานั้นมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม เกือบหนึ่งร้อยคนก็จริง แต่ถ้าพวกเขาเลือกจะสู้ที่นี่ เหล่าอัศวินขั้นสามพวกนี้จะสังหารหมู่พวกเขาได้ในเวลาไม่กี่นาทีเลย พวกเขานั้นพึ่งมาถึงขั้นสามเมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่เหล่า NPC ขั้นสามพวกนี้นั้นล้วนมีอาวุธ อุปกรณ์ รวมไปถึงสกิลและเวทย์ที่เหนือกว่าพวกเขาอย่างมาก
“ดูว่าพวกคุณก็จะยังสติดีกันอยู่นี่ !!! จำไว้ว่าที่นี่คือเมืองป่าหิน !!! ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ของพวกคุณ !!!” เบอเซิกเกอร์ของสภาสิบแปดปีกกล่าวพลางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ขณะที่สตับบอร์นฮาร์ทนำทีมของเขาเดินเข้าไปในเมืองอย่างเชื่อฟัง
“น่าทึ่งมากๆ !!! สมาชิกหน่วยลาดตระเวนของสภาสิบแปดปีกนั้นน่าทึ่งมากจริงๆ !!! เขากระทั่งกล้าจะดูถูกผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม !!!”
“ดูเหมือนเมืองป่าหินจะเป็นโลกที่แตกต่างออกไป หากสิ่งนี้เกิดขึ้นในเมืองกิลอื่น เบอเซิกเกอร์ผู้นี้จะต้องตายแน่นอน เพราะปฎิบัติต่อผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอย่างไร้ความเคารพ”
“แน่นอน เมืองป่าหินนั้นแตกต่างออกไป !!! คุณไม่เห็น NPC ขั้นสามเหล่านั้นรึไง ? หากพวกผู้เชี่ยวชาญขั้นสามกล้าก่อเรื่องในเมือง ยังไงพวกเขาก็จะไม่รอดแน่นอน ดูเหมือนว่า เมื่อเราอยู่ในเมืองป่าหิน เราจะไม่ต้องกังวลกับการถูกรังแกจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเลย”
ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองที่พึ่งเข้ามาใหม่ในเมืองป่าหินอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง หลังจากที่ได้เห็นเบอเซิกเกอร์ขั้นสองของสภาสิบแปดปีกดุด่าสตับบอร์นฮาร์ทและทีมของเขา พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเมืองป่าหินจะมีความปลอดภัยมากขนาดนี้
ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองนั้นจะต้องระมัดระวังตัวเองอย่างมากเมื่อไปเจอกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามในเมืองกิลอื่นๆ และเมืองของ NPC ส่วนใหญ่ เพราะการไปยั่วยุผู้เชี่ยวชาญขั้นสามโดยไม่ได้ตั้งใจนั้นมันจะทำให้พวกเขาซวยเอาได้ และมันก็ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะไปทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ที่ไหนในเมือง
อย่างไรก็ตามในเมืองป่าหินนั้น ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจะไม่สามารถแสดงท่าทีหยิ่งผยองออกมาได้ พวกเขาจะต้องปฎิบัติตามกฎหมายของเมืองอย่างเคร่งครัด และในระยะนี้ของเกม เมืองป่าหินนั้นน่าจะเป็นเมืองกิลแห่งเดียวใน God domain เลย ที่มีเสถียรภาพและความมั่นคงมากขนาดนี้
เหตุการณ์นี้มันก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองหลายคนมองเมืองในแง่ดีมากขึ้น หลายคนนั้นถึงกับคิดจะลงหลักปักฐานที่เมืองป่าหิน และมุ่งเน้นการพัฒนาของตัวเองไปที่พื้นที่รอบๆเลย มันไม่มีใครต้องการที่จะอยู่และพัฒนาในพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย อันเนื่องมาจากพวกเขาจะต้องกังวลว่าพวกเขาอาจจะเสียสมบัติอะไรก็ตามที่ได้รับมาไปตลอดเวลา
“สภาสิบแปดปีกนั้นรู้ดีจริงๆว่าทำยังไงถึงจะให้ตัวเองได้เปรียบ กิลกระทั่งทำการประจำการ NPC ขั้นสามสองร้อยคนไว้บริเวณประตูเมืองเพื่อทำให้เหล่าผู้เล่นที่เข้าเมืองหวาดกลัวและตกใจ แถมกิลยังใช้การกดขี่เหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเป็นเครื่องมือในการสร้างชื่อเสียงด้วย !!!” ฟลาวเวอร์เรนกล่าวออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจ ขณะที่เธอมองย้อนไปยังกลุ่มของ NPC ขั้นสามที่บริเวณประตูเมือง จากนั้นเธอก็หันไปหาสตับบอร์นฮาร์ท และยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะกล่าวว่า “ฉันกลัวว่าแผนของเราในครั้งนี้จะล้มเหลวนะ หัวหน้ากิลฮาร์ท”
ด้วยการที่ทำการประจำการ NPC ขั้นสามจำนวนมากไว้ที่บริเวณประตูเมือง สภาสิบแปดปีกได้ทำการเตือนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามแบบพวกเขาอย่างชัดเจนเลยว่าอย่าคิดจะทำไรแผลงๆในเมือง และมันก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถทำได้
นั่นคือ NPC ขั้นสาม จำนวนสองร้อยคนเลยที่พวกเขากำลังพูดถึง แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหนึ่งพันคนก็ยังไม่มีทางจะต่อต้านกองกำลังแบบนี้ได้
“นั่นมันก็ไม่ใช่ความจริงเสมอไป แม้ว่าอัศวินขั้นสามสองร้อยคนจะค่อนข้างน่ากลัว แต่กองทัพร่วมของมหาอำนาจต่างๆนั้นก็ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายพันคน และแม้แต่ NPC ขั้นสามสองร้อยคนก็จะไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ง่ายๆแน่นอน”สตับบอร์นฮาร์ทกล่าวพลางหัวเราะเยาะ “เมื่อกองทัพเริ่มทำการปิดล้อมเมือง สภาสิบแปดปีกจะส่ง NPC ขั้นสามไปปกป้องเมืองแน่นอน และเราจะสามารถใช้โอกาสนี้เข้าโจมตีและยึดคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองได้”
“ถูกต้อง แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะเหลือ NPC ขั้นสามไว้ปกป้องคฤหาสถ์ แต่มันก็คงจะมีจำนวนไม่มากนัก เรายังมีโอกาส …” หัวหน้ากิลชั้นสูงจำนวนหนึ่งรอบๆสตับบอร์นฮาร์ทพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเขา
“เนื่องจากทุกคนยังคิดว่าแผนยังคงมีความเป็นไปได้ งั้นเราลองไปสำรวจที่คฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองกันก่อน และเมื่อกองทัพมาถึงเราก็จะสามารถเคลื่อนไหวได้ ..” สตับบอร์นฮาร์ทกล่าว แม้หลังจากได้เห็น NPC อัศวินขั้นสาม สองร้อยคนเขาก็ยังไม่คิดจะยอมแพ้ เพราะท้ายที่สุดโอกาสแบบนี้นั้นหายากมากๆ และแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดไว้มาก แต่สภาสิบแปดปีกก็ไม่น่าจะสามารถหยุดยั้งกองทัพร่วมของมหาอำนาจต่างๆได้
เมื่อพูดคุยกันเรียบร้อย สตับบอร์นฮาร์ทและพรรคพวกของเขาก็เดินทางไปที่คฤ
หาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมือง
อย่างไรก็ตามความตกตะลึง และความกังวลของพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อพวกเขาเดินตรงเข้าไปในเมืองลึกขึ้นเพื่อไปยังคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมือง พวกเขานั้นได้พบเห็นหน่วยลาดตระเวนที่นำโดย NPC ขั้นสามมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าหน่วยลาดตระเวนเหล่านี้อาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่ากับกองอัศวินที่บริเวณประตูเมือง และพวกเขาก็ประกอบไปด้วย NPC ขั้นสาม สามจากสิบสองคนเท่านั้นในหน่วย แต่พวกเขาก็พบกับหน่วยลาดตระเวนแบบนี้มากกว่าสามสิบหน่วย …..
เมื่อพวกเขามาถึงตรงหน้าของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมือง พวกเขาก็ตกอยู่ในความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด
พวกเขาพบกับอัศวินขั้นสาม อีกสองร้อยคนที่เฝ้าคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมือง และบริเวณโดยรอบอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นอัศวินขั้นสามหลายคนที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้น่ากลัวน้อยไปกว่าหัวหน้าอัศวินขั้นสามที่บริเวณประตูเมืองเลย
“หัวหน้ากิล เราจะยังคงดำเนินการตามแผนไหม ?” แอสซาซินขั้นสามถามขึ้น เมื่อเห็นท่าทีตกตะลึงของสตับบอร์นฮาร์ท
“นี่นายโง่รึไง ?! ไปบอกจักรพรรดิเก้ามังกรเลยว่าเขาสามารถทำทุกอย่างที่เขาต้องการได้ แต่มัจจุราชไม่เอาด้วยแล้ว !!!” สตับบอร์นฮาร์ทตะคอกพลางกลอกตา
เมืองป่าหินนั้นมี NPC ขั้นสามมากกว่าห้าร้อยคนประจำการอยู่ และนี่ยังไม่นับ NPC ขั้นสองที่มีเลเวลสูงอีกเป็นจำนวนมาก พวกเขาจะไปต่อสู้กับกองกำลังแบบนี้ได้ยังไงกัน ?
2443 สภาสิบแปดปีกที่ไม่อาจสั่นคลอน
จักรวรรดิรัตติกาล เมืองดาร์คไนท์ :
สถานที่พักกิลของสตาร์ลิ้งที่เดิมนั้นเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ตอนนี้มันกลับดูเงียบสงบเป็นพิเศษ
ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากของสตาร์ลิ้งนั้นยืนเฝ้าอยู่ที่ด้านนอกของกิลฮอล และมันมีแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอยู่ในหมู่ผู้เล่นเหล่านี้ด้วยซ้ำ แม้แต่สมาชิกกิลก็ยังไม่ได้รับอนุญาติให้อยู่ในกิลฮอลไม่ต้องพูดถึงคนนอกเลย มันเป็นระดับความปลอดภัยที่ไม่เคยมีมาก่อน
ขณะนี้มีเพียงสามคนเท่านั้นที่อยู่ในกิลฮอล ซึ่งก็คือลู่ชิงหลัว จักรพรรดิเก้ามังกร และผู้เล่นลึกลับคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมปิดบังตัวตนไว้ เนื่องจากคนที่สามในหมู่พวกเขานี้ซ่อนตัวตนไว้ภายใต้เสื้อคลุมสีดำ มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกได้ว่าผู้เล่นคนนี้เป็นหญิงหรือชาย
ไม่เพียงแต่จักรพรรดิเก้ามังกรจะไม่พอใจเกี่ยวกับการปกปิดตัวตนของสมาชิกคนที่สามในระหว่างการประชุมที่สำคัญแบบนี้ แต่เขาก็ยังตกตะลึงด้วยต่อวิธีที่ลู่ชิงหลัวปฎิบัติต่อสมาชิกคนที่สาม ซึ่งมันดูเต็มไปด้วยความเคารพ
ลู่ชิงหลัวนั้นเป็นหัวหน้ากิลของสตาร์ลิ้ง ซึ่งเป็นกิลที่มีอำนาจอยู่ในทวีปหลักทั้งสองด้าน และแม้ว่าสตาร์ลิ้งจะยังไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นซุเปอร์กิล แต่พลังโดยรวมของพวกเขานั้นก็มีมากกว่าซุเปอร์กิลทั่วไปแล้ว
แต่ตอนนี้ลู่ชิงหลัวกับปฎิบัติต่อสมาชิกคนที่สามนี้ในฐานะผู้ที่อยู่เหนือเขา นี่มันไม่น่าเชื่อเลย !!!
“ตอนนี้เราได้ข้อสรุปการพูดคุยของเราแล้ว ฝ่ายของคุณมีปัญหาใดๆหรือไม่ ?” ลู่ชิงหลัวถามจักรพรรดิเก้ามังกร
“ไม่มี ตอนนี้คนเหล่านั้นน่าจะอยู่ในเมืองป่าหินแล้ว และเมื่อกองทัพร่วมของมหาอำนาจเข้าปิดล้อมเมืองป่าหินเมื่อไหร่ พวกเขาก็จะใช้ทุกอย่างที่มีในการเข้ายึดคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมือง ซึ่งเมื่อพวกเขาทำงานได้สำเร็จ พันธมิตรของพวกเราจะมีความได้เปรียบในการเจรจากับมหาอำนาจต่างๆอย่างมาก” จักรพรรดิเก้ามังกรตอบอย่างมั่นใจ
ในการจะยึดเมืองป่าหิน และโค่นฟีนิกซ์เรนลงจากฐานของเธอ จักรพรรดิเก้ามังกรได้ลงทุนไปมากในปฎิบัติการที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ เขากระทั่งยอมเสนอสัมปทานให้กับกองกำลังแห่งความมืดของจักรวรรดิมังกรดำเพื่อทำการรวบรวมทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเกือบหนึ่งร้อยคน
อีกทั้งเขาก็ได้ทำการตรวจสอบผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มาอย่างละเอียดแล้วเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้มีคอนเนคชั่นใดๆกับมหาอำนาจอื่นด้วย ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าสภาสิบแปดปีกจะหยุดทีมๆนี้ไว้นอกเมืองป่าหิน เพราะด้วยสถานการณ์ตอนนี้ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสภาสิบแปดปีกกับมหาอำนาจต่างๆค่อนข้างตึงเครียดนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลยหากกิลจะตัดสินใจที่จะปฎิเสธการเข้าสู่เมืองของสมาชิกมหาอำนาจต่างๆที่ไม่ใช่พันธมิตร
อย่างไรก็ตามสภาสิบแปดปีกจะสูญเสียความโปรดปรานจากสาธารณชน หากไม่อนุญาติให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเหล่านี้ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาอำนาจต่างๆเข้าเมือง ซึ่งหากสภาสิบแปดปีกกล้าทำแบบนี้ พวกเขาก็จะก่อให้เกิดความไม่พอใจไปทั่วในหมู่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของกิลขนาดใหญ่ และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอิสระ ซึ่งหากเป็นแบบนั้นสถานการณ์ของกิลก็จะยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น เพราะไม่เพียงแต่จะต้องเผชิญหน้ากับมหาอำนาจต่างๆเท่านั้น แต่กิลยังจะต้องกังวลเกี่ยวกับกิลขนาดใหญ่ทั่วไป และผู้เชี่ยวชาญอิสระอีกจำนวนมาก
เมื่อจักรพรรดิเก้ามังกรพูดจบ ผู้เล่นลึกลับข้างๆข้อความบางอย่าง ซึ่งจักรพรรดิเก้ามังกรก็สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าบรรยากาศรอบตัวของผู้เล่นลึกลับนั้นเปลี่ยนแปลงไปเมื่อได้อ่านข้อความ แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นรูปลักษณ์ของผู้เล่นลึกลับ แต่ในฐานะที่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด เขาก็มีความสามารถในการจะรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเป้าหมายที่เขาสนใจ
“ปรมาจารย์ดราก้อนพาวิลเลี่ยน คุณทำงานหนักมากจริงๆเพื่อเรื่องนี้ แต่ฉันคิดว่าครั้งนี้สตาร์ลิ้งจะต้องขอถอนตัวออกจากปฎิบัติการ !!!” ผู้เล่นลึกลับกล่าว โดยเขาไม่ได้คิดจะพูดคุยใดๆเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ให้ลู่ชิงหลัวฟัง
“คุณหมายถึงอะไรกัน ?” คำพูดของผู้เล่นลึกลับทำให้จักรพรรดิเก้ามังกรสับสน “นี่คุณจะยอมแพ้เรื่องเมืองป่าหินงั้นหรอ ?”
พวกเขานั้นได้วางแผนที่จะแบ่งผลกำไรของเมืองป่าหินไว้แล้ว และพวกเขาก็รอเพียงแค่กองทัพร่วมของมหาอำนาจต่างๆเข้าล้อมเมือง แต่ทันใดนั้นผู้เล่นลึกลับคนนี้ก็ตัดสินใจว่าสตาร์ลิ้งจะไม่อยู่ในการต่อสู้นี้ นี่ผู้เล่นลึกลับคนนี้เล่นตลกกับเขารึยังไง
กัน ?
คำพูดนี้ก็ทำให้ลู่ชิงหลัวตกใจมากเช่นกัน เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้เล่นลึกลับคนนี้ถึงได้เลือกจะละทิ้งโอกาสที่จะได้รับเหมืองทองคำอย่างเมืองป่าหิน
“ไม่ ฉันไม่ได้คิดจะยอมแพ้ เพียงแต่ฉันคิดว่าปฎิบัติการนี้มันไม่มีโอกาสจะสำเร็จเลย” ผู้เล่นลึกลับอธิบายพลางส่ายหัว
“มันจะล้มเหลวได้ยังไงกัน ? ฉันยอมรับว่าสภาสิบแปดปีกนั้นแข็งแกร่งมากๆ แต่พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะมาเทียบได้กับกองทัพร่วมของมหาอำนาจต่างๆ และเมื่อคนของฉันเข้ายึดคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองป่าหินได้แล้ว เมืองก็จะตกเป็นของเรา !!!” จักรพรรดิเก้ามังกรกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “ฉันไม่รังเกียจที่จะไปหาพันธมิตรที่เป็นมหาอำนาจอื่นๆนะ หากสตาร์ลิ้งตั้งใจจะยอมแพ้ แต่คุณก็จะต้องเสียใจกับการตัดสินใจของคุณ !!”
“เสียใจ ?” ผู้เล่นลึกลับอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินคำนี้ “ถ้าคุณคิดว่าจะหาพัธมิตรใหม่ได้ก็อย่าลังเลที่จะทำมันเลย ปรมาจารย์ดราก้อนพาวิลเลี่ยน แต่ฉันแน่ใจว่ามันจะไม่มีมหาอำนาจใน God domain ที่อยากจะร่วมงานกับคุณแน่นอน”
“คุณ …”
ในขณะที่จักรพรรดิเก้ามังกรกำลังจะโต้แย้ง เขาก็ได้รับข้อความจากมาร์เชี่ยลดราก้อน ข้อความนั้นเรียบง่ายมาก สตับบอร์นฮาร์ทและคนอื่นๆเลือกจะละทิ้งการเป็นหุ้นส่วนแล้ว
จักรพรรดิเก้ามังกรได้แต่จ้องมองไปยังข้อความนี้ด้วยความตกตะลึง
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
ทันทีที่สตาร์ลิ้งยกเลิกการเป็นพันธมิตรกับเขา กลุ่มของสตับบอร์นฮาร์ทก็ได้ทำแบบเดียวกันในเวลาไล่เลี่ยกัน
นี่สภาสิบแปดปีกมีพลังที่ท้าทายสวรรค์ที่ถึงขนาดจ่ายให้ทั้งสองกลุ่มนี้ยอมออกจากปฎิบัติการนี้งั้นหรอ ?
จักรพรรดิเก้ามังกรไม่สามารถคิดถึงคำอธิบายอื่นให้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันได้ นี่เป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมในการเข้ายึดเมืองป่าหิน ทำไมทุกคนถึงเลือกจะเพิกเฉยต่อการล่อลวงแบบนี้ ?
“อย่าคิดมาเกินไป เหตุผลที่เราตัดสินใจจะไม่เข้าร่วมปฎิบัติการกับคุณนั้นมันก็ง่ายมาก …” มันราวกับว่าผู้เล่นลึกลับคนนี้ได้อ่านความคิดของจักรพรรดิเก้ามังกรไว้อยู่แล้ว และเขาก็กล่าวต่ออย่างใจเย็นว่า “มันไม่มีมหาอำนาจใดใน God domain ที่สามารถจะทำอะไรกับเมืองป่าหินได้หรอก”
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?” จักรพรรดิเก้ามังกรปฎิเสธคำพูดของผู้เล่นลึกลับโดยสัญชาตญาณ “แม้ว่าแบล๊คเฟรมและศาลาลับจะคอยปกป้องเมือง แต่พวกเขาก็ไม่ควรจะสามารถหยุดผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายพันคนได้”
“อ่าาา แล้วถ้าเมืองได้รับการป้องกันโดย NPC ขั้นสามมากกว่าห้าร้อยคนล่ะ ?” ผู้เล่นลึกลับถาม
NPC ขั้นสามมากกว่าห้าร้อยคน ? นั่น …. เป็นไปไม่ได้ สภาสิบแปดปีกจะมี NPC ขั้นสามจำนวนมากขนาดนั้นได้ยังไงกัน ? แม้แต่เมืองหลวงของอาณาจักรก็ยังไม่ได้รับการปกป้องจาก NPC ขั้นสามจำนวนมากขนาดนั้นเลย !!!” จักรพรรดิเก้ามังกรตะโกนอย่างไม่เชื่อ ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าผู้เล่นลึกลับคนนี้จะต้องเล่นตลกบางอย่างกับเขา
“ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ลองดูด้วยตัวเองแล้วกัน …” ผู้เล่นลึกลับกล่าว และเขาก็ส่งวีดีโอที่ถูกบันทึกจากในเมืองป่าหินให้จักรพรรดิเก้ามังกร
เมื่อจักรพรรดิเก้ามังกรดูวีดีโอจบ เขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างมาก
วีดีโอนั้นประกอบไปด้วยสองส่วน ส่วนแรกมันได้แสดงถึง NPC ขั้นสามจำนวนสองร้อยคนเฝ้าอยู่ที่บริเวณทางเข้าประตูเมือง ในขณะที่ส่วนหลังแสดงให้เห็นว่ามี NPC ขั้นสามจำนวนสองร้อยคนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังลาดตระเวนอยู่รอบคฤหาสลอร์ดผู้ปกครองเมือง แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วยตัวเอง แต่จักรพรรดิเก้ามังกรก็สามารุสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของ NPC ขั้นสามเหล่านี้เลย และพวกเขาจะสามารถกำจัดกองทัพผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายพันคนได้อย่างง่ายดายแน่นอน
ในขณะเดียวกันข่าวเรื่องนี้ก็ไปถึงหูของมหาอำนาจต่างๆอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนที่เมืองทไวไลท์เช่นกัน
“เมืองที่ได้รับการปกป้องโดย NPC ขั้นสามมากกว่าห้าร้อยคน ? นี่หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมจะไม่น่าประทับใจเกินไปหน่อยงั้นหรอ ? ตอนนี้ใครกันจะกล้าโจมตีเมืองป่าหิน …” ปากของบลูฟีนิกซ์อ้ากว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อเธอได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอัศวิน NPC ในเมืองป่าหิน
แม้แต่กองทัพ NPC ของอาณาจักร หากไม่ใช่กองทัพหลวง ก็ยังยากจะต้านทานกองกำลัง NPC ขั้นสามจำนวนมากขนาดนี้ได้เลย
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงดูไม่ซีเรียสที่จะเปิดเผยเสาสิบธาตุออกมา … ตอนนี้มหาอำนาจต่างๆจะต้องพิจารณาการเดินหน้าต่อไปของพวกเขาอย่างรอบคอบ หากพวกเขาทำอะไรผลีผลาม พวกเขาอาจจะเป็นกลุ่มแรกๆที่ถูกตัดออกจากการแข่งขันในโลกนี้ได้เลย” ฟีนิกซ์เรนกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น หลังจากที่เธอได้อ่านรายงานจากลูกน้องของเธอ
สภาสิบแปดปีกในตอนนี้ไม่เพียงแต่จะครอบครองวงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุอยู่ แต่พวกเขายังพิสูจน์ให้เห็นแล้วด้วยว่าพวกเขามีความแข็งแกร่งมากเพียงพอในการปกป้องมัน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สภาพของทวีปหลักด้านตะวันออกจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แน่นอน
ในขณะที่ฟีนิกซ์เรนกำลังประหลาดใจกับรากฐานที่สภาสิบแปดปีกแสดงออกมา แอสซาซินขั้นสามก็ได้เคาะประตูออฟฟิศของเธอก่อนจะเดินเข้ามา จากนั้นแอสซาซินก็กล่าวว่า “ปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน สุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยนขอให้คุณไปพบเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ”
2444 อำนาจเพิ่มขึ้น
เมื่อพระอาทิตย์เริ่มตกดิน ผู้เล่นต่างก็เริ่มแห่กันเข้ามาเดินเล่นที่บริเวณถนนของเมืองไวท์ริเวอร์ ขณะที่ผู้เล่นบางคนก็เลือกจะเริ่มตั้งแผงขายของริมถนน และบางคนก็ได้ตรงไปพบปะและนั่งเล่นพูดคุยกับเพื่อนๆที่บาร์หรือไม่ก็ร้านอาหาร ทุกคนต่างก็ใช้ชีวิตประจำวันของตัวเอง
สิ่งเดียวที่แตกต่างออกไปในวันนี้ก็คือทุกคนในเมืองกำลังพูดคุยถึงหัวข้อเดียวกัน ซึ่งนั่นก็คือเมืองป่าหิน
“เฮ้ นายได้ยินมาไหมว่าเมืองป่าหินได้รับการป้องกันโดย NPC ขั้นสามมากกว่าห้าร้อยคน …” การ์เดี้ยนไนท์ เลเวลหนึ่งร้อยหนึ่ง ที่กำลังเพลิดเพลินไปกับเบียร์หนึ่งแก้วในบาร์กล่าวพูดกับเพื่อนข้างๆเขา
“ใครจะไม่รู้เรื่องนั้นกัน ? วีดีโอเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในเมืองป่าหินนั้นได้แพร่ไปทั่วฟอรั่มทางการนานแล้ว” Elementalist เลเวลหนึ่งร้อยสอง กลอกตาตอบพลางมองไปยังการ์เดี้ยนไนท์
“ฮี่ฮี่ ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น …” การ์เดี้ยนไนท์ เลเวลหนึ่งร้อยหนึ่งพูดพลางโบกมือ “ฉันมีเพื่อสนิทอยู่คนหนึ่งที่สามารถกลายเป็นแกนหลักของมหาอำนาจได้ และเขาได้บอกความลับที่น่าสนใจมา ในตอนแรกมหาอำนาจต่างๆนั้นกำลังวางแผนที่จะเปิดการโจมตีร่วมกันเข้าใส่เมืองป่าหิน อย่างไรก็ตามเนื่องจาก NPC ขั้นสามจำนวนมากเหล่านี้ พวกเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะยอมแพ้ในเรื่องนี้ และตอนนี้มหาอำนาจเหล่านี้บางกลุ่มก็ได้เริ่มคิดจะร่วมมือกับสภาสิบแปดปีก”
“แม้ว่าสภาสิบแปดปีกในปัจจุบันจะยังไม่สามารถเทียบกับมหาอำนาจที่แท้จริงได้ในหลายๆด้าน แต่เนื่องจากข้อได้เปรียบเรื่องเมืองป่าหิน มันทำให้มหาอำนาจบาง
กลุ่มเริ่มยอมรับสภาสิบแปดปีกในฐานะมหาอำนาจที่แท้จริงแล้ว และหากสภาสิบแปดปีกได้ร่วมมือกับมหาอำนาจเพิ่มอีกสักสองถึงสามกลุ่ม ฉันก็เชื่อว่ามันคงอีกไม่นานแน่นอนก่อนที่กิลจะได้รับการยอมรับจากมหาอำนาจทั่วทั้ง God domain ให้เป็นมหาอำนาจที่แท้จริง เพื่อนของฉันยังบอกด้วยว่าตอนนี้นับเป็นเวลาดีที่จะเข้าร่วมสภาสิบแปดปีก หากเรารอจนกว่าสภาสิบแปดปีกกลายเป็นมหาอำนาจที่แท้จริง การจะเข้าร่วมกับพวกเขานั้นมันก็จะยากขึ้นมาก ตอนนี้เพื่อนของฉันกำลังวางแผนจะออกจากกิลของเขาและมาเข้าร่วมสภาสิบแปดปีกเลย ซึ่งเขาก็ได้เชิญฉันให้ไปสมัครเข้าร่วมสภาสิบแปดปีกพร้อมกับเขา ซึ่งหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉันก็ได้ตัดสินใจที่จะไปกับเขา ทำไมนายไม่มากับฉันด้วยล่ะ ? ด้วยความแข็งแกร่งของนาย เมื่อนายเข้าร่วมสภาสิบแปดปีก นายก็จะมีช่วงเวลาที่ดีเหมือนกับพวกเราแน่นอน และเราอาจกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกกองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีกได้เลยด้วยซ้ำ”
“จริงๆงั้นหรอ ?” Elementalist เลเวลหนึ่งร้อยสองถาม
ในขณะนี้เองนับประสาอะไรกับ Elementalist แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆที่อยู่ในบาร์ก็ยังถูกล่อลวงด้วยเรื่องนี้
เงื่อนไขในการจะเข้าร่วมกับมหาอำนาจได้นั้นมันเข้มงวดมากๆ และเงื่อนไขในการจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นภายในมหาอำนาจต่างๆนั้นก็ยิ่งเข้มงวด ยิ่งไปกว่านั้นมหาอำนาจต่างๆมักจะสงวนตำแหน่งสำคัญบางอย่างไว้สำหรับบางคนอยู่แล้ว แม้ว่าผู้เล่นบางคนจะมีความสามารถและความแข็งแกร่งมากพอที่ควรจะได้รับตำแหน่ง แต่พวกเขาก็ไม่มีโอกาสที่จะไปถึงตำแหน่งดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไปที่สภาสิบแปดปีก
แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะยังไม่ได้เป็นมหาอำนาจ แต่พวกเขาก็ได้รับการยอมรับจากมหาอำนาจมากมายแล้ว ซึ่งด้วยข้อได้เปรียบมากมายที่เมืองป่าหินมอบให้นั้น มันก็คงจะไม่นานนักก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นมหาอำนาจที่แท้จริง
กล่าวอีกนัยหนึ่งคืออำนาจของสภาสิบแปดปีกนั้นจะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคต เพราะท้ายที่สุดตอนนี้อาณาเขตที่สภาสิบแปดปีกครอบครองอยู่นั้นมันก็เท่ากับกิลชั้นสูงเท่านั้น และมันจะมีตำแหน่งว่างมากมายให้ต้องเติมอีกในอนาคต ดังนั้นตอนนี้มันจึงเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับผู้เชี่ยวชาญอิสระแบบพวกเขาที่จะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก
“แน่นอน ทำไมฉันจะต้องโกหกนาย ? ตามที่เพื่อนของฉันบอกมา ตอนนี้มหาอำนาจจำนวนหนึ่งได้เริ่มส่งตัวแทนไปเจรจาความร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกแล้ว และเมื่อการเจรจาสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ข่าวเรื่องนี้จะแพร่ไปทั่วอย่างไม่อาจปิดได้แน่นอน ในขณะนี้มันมีผู้เล่นไม่มากนักที่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นเราจึงควรใช้โอกาสนี้เข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก และถ้าเราโชคดี เราอาจถูกส่งให้เข้าไปอยู่ในทีมดีๆได้เลย” การ์เดี้ยนไนท์ เลเวลหนึ่งร้อยหนึ่งกล่าวอย่างจริงจัง “ความจริงถ้าไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของเรา และนายมีความแข็งแกร่งมากพอ ฉันก็คงจะไม่ขอให้นายมากับฉันหรอก ..”
มาตราฐานการรับสมัครของสภาสิบแปดปีกนั้นสูงมากมาโดยตลอด ข้อกำหนดในการจะเป็นแกนหลักหรือสูงกว่านั้นจะต้องเป็น ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งก้าวก่อนการปรับแต่งเป็นอย่างน้อย
ในขณะเดียวกันแม้ว่า Elementalist เลเวลหนึ่งร้อยสองผู้นี้จะเป็นผู้เล่นอิสระ แต่เขาก็ดำรงตำแหน่งเป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัยชั้นยอดของอาณาจักรทวินทาวเวอร์ และสำหรับความแข็งแกร่งของเขา เขาก็ได้เข้าสู่ขอบเขตการปรับแต่งแล้ว และเขาก็จะถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงเลยในกิลชั้นสูง ซึ่งเขาจะไม่มีปัญหาแน่นอนในการจะเข้าร่วมกับกองกำลังหลักของกิลชั้นสูง อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องการจะเข้าร่วมกับกองกำลังหลักของมหาอำนาจ ไม่ใช่ของกิลชั้นสูง ดังนั้นตอนนี้เขาจึงได้คลุกอยู่กับทีมนักผจญภัยแทบจะตลอดเวลา
“เอาล่ะ ฉันจะรีบไปติดต่อผู้บัญชาการของฉันทันที หลังจากฉันจัดการเรื่องของฉันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็จะไปเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกกัน” Elementalist เลเวลหนึ่งร้อยสองกล่าวพลางพยักหน้า หลังจากเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจังของการ์เดี้ยนไนท์ ในเวลาเดียวกันความปราถนาและความคาดหวังก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของเขา
หลังจากที่ได้เห็น Elementalist เลเวลหนึ่งร้อยสองคนนี้ยอมตกลงจะเข้าร่วมสภาสิบแปดปีกพร้อมกับการ์เดี้ยนไนท์ ผู้เชี่ยวชาญในบาร์คนอื่นๆเองก็ถูกล่อลวงด้วยเรื่องนี้เช่นกัน
ความแข็งแกร่งและรากฐานของสภาสิบแปดปีกนั้นได้รับการยอมรับจากมหาอำนาจมากมายแล้ว ดังนั้นนี่มันจึงเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับผู้เชี่ยวชาญอิสระแบบพวกเขาที่จะยกระดับสถานะของตัวเองใน God domain และหากพวกเขาคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ ในอนาคตพวกเขาอาจจะกลายเป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงในประเทศต่างๆได้เลย หรืออาจได้รับมอบหมายให้จัดการเมืองกิลสักเมืองหนึ่ง เมื่อถึงจุดนั้นชีวิตของพวกเขาจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะท้ายที่สุดตอนนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ใน God domain หลายแห่งนั้นได้ทุ่มทั้งเงินและทรัพยากรเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น God domain ยังเริ่มส่งผลกระทบไปถึงอุตสาหกรรมต่างๆในโลกจริงด้วย
ในช่วงเวลาที่ผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากในเมืองไวท์ริเวอร์มุ่งมั่นจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก หญิงสาวคนหนึ่งก็กำลังนั่งสังเกตการณ์สถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีกอยู่ที่ร้านอาหารชั้นสูงที่อยู่ใกล้ๆ
“รองหัวหน้ากิล คนเหล่านั้นบอกว่าพวกเขาไม่มีอำนาจในเรื่องนี้ เว้นแต่ว่าเราจะมีวิธีจัดการกับ NPC ขั้นสามเหล่านั้นได้ ไม่งั้นพวกเขาก็จะไม่เคลื่อนไหวใดๆ” ชายร่างสูงที่มีความสูงเกินสองเมตรกล่าวรายงาน หลังจากที่เดินเข้ามาในห้องส่วนตัวที่หญิงสาวสวยนั่งอยู่
“นี่มันน่าสนใจมาก ดูเหมือนว่าสภาสิบแปดปีกจะซ่อนความลับเอาไว้มากมายเลยจริงๆ …” เมื่อโคลท์ชาโด้วได้ยินรายงานจากลูกน้องของเธอ ไม่เพียงแต่เธอจะไม่มีท่าทีโกรธเคืองใดๆ แต่เธอยังยิ้มด้วย “เนื่องจากเป็นแบบนี้ เราจะเปลี่ยนไปใช้แผน B เราจะเลิกเล็งเป้าซื้อไปที่สภาสิบแปดปีกก่อน และค้นหาสิ่งทดแทนในทวีปด้านตะวันออก เพื่อทำภารกิจจากกิลให้สำเร็จก่อน อ้อแล้วก็ไปแจ้งท่านปรมาจารย์อาวุธโสในเรื่องนี้ด้วย บอกเขาให้เขาหาวิธีจัดการกับสภาสิบแปดปีกในเมืองเฟิงหลิน แม้ว่าเขาจะไม่สามารถจัดการกับสภาสิบแปดปีกใน God domain ได้ แต่ฉันก็ปฎิเสธที่จะเชื่อว่าเขาไม่สามารถทำอะไรในโลกแห่งความจริงได้เช่นกัน”
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าสภาสิบแปดปีกได้รับ NPC ขั้นสามจำนวนมากมาได้ยังไง แต่เธอก็ยังเชื่อว่ามันจะไม่มีมหาอำนาจใน God domain ที่หยุดความก้าวหน้าของไมโทโลจี้ได้ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงสภาสิบแปดปีกเลย
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าตอนนี้มหาอำนาจหลายกลุ่มจะเลือกร่วมมือกับสภาสิบแปดปีก แต่มันก็มีมหาอำนาจหลายกลุ่มที่เลือกจะทำการเคลื่อนไหวอย่างลับๆต่อต้านกิลเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดสภาสิบแปดปีกได้เริ่มเข้ามาสัมผัสกับผลกำไรของพวกเขาแล้ว
ขณะเดียวกันในช่วงเวลาที่ตำแหน่งของสภาสิบแปดปีก และจำนวนผู้เชี่ยวชาญในกิลกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซือเฟิงก็ได้ทำการผลิตม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุอย่างเมามันอยู่ที่บริษัทการค้าแสงเทียน
เนื่องจากการแสดงความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกที่เมืองป่าหิน ไจแอ้นฮาร์ท อันยีลดิ้งโซล และสิบสามบัลลังก์ซึ่งแต่เดิมวางแผนจะซื้อม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุนี้แค่เพียงเล็กน้อยได้เปลี่ยนใจสั่งพวกมันจำนวนมากแทน และเมื่อรวมกับคำสั่งซื้อจากศาลาลับ ตอนนี้ซือเฟิงจึงมียอดสั่งซื้อม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุทั้งหมดเจ็ดร้อยชุด ซึ่งนี่มันไปไกลเกินความคาดหมายของพวกเขามาก
เรื่องนี้นั้นก็เป็นผลให้ซือเฟิงกลายเป็นคนร่ำรวยในชั่วข้ามคืน และเมื่อรวมมันเข้ากับรายได้ของเมืองป่าหิน ตอนนี้มันจะมีมหาอำนาจแค่ไม่กี่แห่งเท่านั้นที่จะสามารถเทียบกับกองทุนสภาพคล่องที่เขามีอยู่ในมือได้ นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของคริสตัลเวทย์มนต์ ปัจจุบันซือเฟิงนั้นมีคริสตัลเวทย์มนต์อยู่ในมือเขาราวสี่ล้านชิ้น และแม้ว่าจะใช้ส่วนหนึ่งไปในการผลิตม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุ แต่จำนวนที่เขาเหลืออยู่ มันก็ยังจัดว่าน่ากลัวมากๆ
“หัวหน้ากิลจนถึงตอนนี้มีมหาอำนาจอีกสามกลุ่มแล้วที่มาขอร่วมมือกับเรา และพวกเขาก็ยินดีจะใช้ส่วนหนึ่งของมรดกขอบเขตการปรับแต่งของตัวเองเพื่อแลกกับม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุ ยิ่งไปกว่านั้นในเวลานี้เอง มันก็ได้มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากมาสมัครเข้าร่วมกับกิลเรา ปัจจุบันเราได้รับสมัครผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเพิ่มอีกมากกว่าสองพันคนแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้มีมากกว่าสามสิบคนที่อยู่ในขอบเขตการปรับแต่ง ขณะที่มันก็มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามบางส่วนตัดสินใจเข้าร่วมกับเราด้วย ในอัตรานี้ มันก็ไม่นานนักก่อนที่เราจะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าหนึ่งร้อยคน และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งสองร้อยคน …” อควาโรสรายงานด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิง
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งสองร้อยคน !!!
ตัวเลขนี้อาจเทียบไม่ได้กับจำนวนที่มหาอำนาจต่างๆมี แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งจำนวนมากขนาดนี้ก็จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังคนของสภาสิบแปดปีกได้อย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นกิลยังสามารถจะตั้งทีมสำรวจใหม่เพิ่มขึ้นได้อีกมากมายเพื่อสำรวจแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย
“นี่เรามีจำนวนมากขนาดนั้นแล้วงั้นหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจ เมื่อได้ยินรายงานของอควาโรส เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการเปิดเผยความแข็งแกร่งของกองอัศวินของเขาจะนำผลประโยชน์มากมายมาสู่กิล
เดิมทีเขาวางแผนที่จะใช้กองอัศวินของตัวเองในการป้องกันมหาอำนาจต่างๆเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดหากสภาสิบแปดปีกต้องต่อสู้กับกองทัพร่วมของมหาอำนาจต่างๆจริงๆ ผลลัพธ์นั้นมันก็จะเป็นชัยชนะของพวกเขาแน่นอน เพียงแต่ว่าพวกเขาก็จะเสียหายอย่างรุนแรง เพราะท้ายที่สุดแล้ว NPC ขั้นสามนั้นไม่ได้เป็นอมตะ และมันก็ยากจะคืนชีพให้กับพวกเขาเช่นเดียวกับองครักษ์ส่วนตัว
ในทางกลับกัน ผู้เล่นนั้นต่างกัน แม้ว่าผู้เล่นจะตายไปโดยไม่มีใครใช้สกิลชุบชีวิตให้ แต่พวกเขาก็จะกลับมาฟื้นคืนชีพในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง และอย่างเลวร้ายที่สุด พวกเขาก็จะสูญเสียพลังในการต่อสู้ไปบางส่วนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็จะยังคงเป็นผู้เล่นขั้นสาม และพลังการต่อสู้ของพวกเขาก็จะยังคงเหนือกว่าผู้เล่นขั้นสองมาก นี่จึงเป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญถึงเป็นตัวแทนของรากฐานและความแข็งแกร่งในกิล ขณะที่ NPC นั้นทำหน้าที่เป็นเพียงแค่เครื่องมือสนับสนุน และไม่มีวันจะกลายเป็นพลังที่แท้จริงของกิลได้
ในขณะเดียวกันหากสภาสิบแปดปีกมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งสองร้อยคน พวกเขาก็จะเริ่มสามารถรุกรานมหาอำนาจอื่นๆได้บ้างเพื่อแย่งชิงอำนาจเหนือพื้นที่ใน God domain
“อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเช่นเดียวกับที่หัวหน้าคาดการณ์ไว้ ตอนนี้มหาอำนาจต่างๆบางส่วนได้เริ่มการดำเนินการร่วมกันอย่างลับๆในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย ซึ่งไม่เพียงแต่พวกเขาจะเริ่มกำหนดเป้าหมายมาที่คนของเราเท่านั้น แต่พวกเขายังเริ่มวางข้อจำกัดมากมายเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ในการทำโพชั่นและเครื่องมือขั้นสูง โดยสถานการณ์นี้มันบังคับให้เราต้องซื้อวัสดุจากศาลาลับในราคาสูง” อควาโรสกล่าวด้วยความหงุดหงิด
แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะชนะสงครามโดยไม่ต้องหลั่งเลือด และเริ่มได้รับการยอมรับว่ามีความเท่าเทียมกับมหาอำนาจต่างๆ แต่กิลก็กลายเป็นที่จับตามองของมหาอำนาจต่างๆด้วยเช่นกัน ตอนนี้มหาอำนาจเหล่านี้ไม่ถือว่าสภาสิบแปดปีกเป็นตัวตนที่ไม่สำคัญอีกแล้ว และพวกเขาก็ถือว่าสภาสิบแปดปีกอยู่ในฐานะคู่แข่ง
“พวกเขานั้นเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็วจริงๆ” ซือเฟิงเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา พลางส่ายหัว “ไปบอกไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆให้เตรียมตัวให้พร้อม เมื่อฉันทำการผลิตม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุเรียบร้อย เราจะมุ่งหน้าไปทวีปด้านตะวันตกกัน”
ซือเฟิงนั้นไม่แปลกใจเลยกับการกระทำของมหาอำนาจต่างๆ เพราะท้ายที่สุดมันมีผลกำไรมากมายจริงๆให้ควานหาใน God domain ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่สภาสิบแปดปีกจะต้องเจอกับการต่อต้านอย่างหนักเมื่อพยายามจะตัดเค้กชิ้นใหญ่
อยอ่างไรก็ตามเขาไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก เพราะเขามีปัญหาที่น่าห่วงมากกว่าที่จะต้องจัดการและไม่สามารถเพิกเฉยได้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของกิลนั้นมีไม่เพียงพอ
ตอนนี้สภาสิบแปดปีกนั้นมีเมืองในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยอยู่ในการครอบครองแล้ว และตัวเขาเองก็กลายเป็นลอร์ดที่แท้จริงแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกกังวลเรื่องการรุกรานของกองกำลังแห่งความมืดมากๆ และเมื่อถึงเวลานั้นผู้เล่นสายความมืดจะได้รับการยกเลิกข้อจำกัดบางอย่าง และสามารถเริ่มเคลื่อนไหวต่อต้านผู้เล่นทั่วไปได้
กองกำลังแห่งความมืดนั้นยังคงไม่ถูกเปิดใช้งานพลังที่แท้จริง อันเนื่องมาจากผู้เล่นสายความมืดนั้นยังไม่ได้เริ่มการสำรวจแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เล่นสายความมืดจำนวนมากเริ่มมาถึงขั้นสามมากขึ้น และเริ่มการสำรวจแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย พวกเขาก็จะเริ่มได้พบกับกองกำลังแห่งความมืดที่ถูกประเทศต่างๆขับไล่ให้มาอยู่ในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย และในเวลานั้นการพัฒนาของผู้เล่นสายความมืดก็จะพุ่งสูงขึ้น และสงครามปิดล้อมเมือง รวมทั้งการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นสายความมืดกับผู้เล่นทั่วไปก็จะเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น และหากไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ กิลจะไม่สามารถอยู่รอดในแผนที่ล่าได้เลย นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมมหาอำนาจบางส่วนถึงถูกลบหายไป หลังจากเลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นทั่วไปเริ่มมาถึงหนึ่งร้อยกัน
ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่องในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย เขาจึงจำเป็นต้องทำให้กิลมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งไปกว่านั้นกิลก็ยังต้องมีความสามารถในการผลิตอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่านั้นเป็นจำนวนมาก การพึ่งพาเพียงแค่บอสประจำพื้นที่หรือโจมตีดันเจี้ยน มันไม่สามารถตอบสนองความต้องการของกิลได้ ดังนั้นกิลจึงจำเป็นจะต้องมีวัสดุที่เพียงพอเช่นกัน
“ฉันจะรีบไปแจ้งพวกเขาทันที” เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง อควาโรสก็เต็มไปด้วยความสุข เธอนั้นอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับทวีปด้านตะวันตกมาโดยตลอด
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ใช้เวลาอีกประมาณสามวันทำการผลิตม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุ ซึ่งในท้ายที่สุด เขาก็สามารถสร้างมันขึ้นมาได้มากถึงหนึ่งพันสามร้อยชุด และในเวลาเดียวกันจากความพยายามทั้งหมดนี้ของเขา มันก็ทำให้เขามาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบแล้ว ซึ่งความเร็วในการเก็บเลเวลของเขานั้นก็ไม่ได้ช้าไปกว่าผู้เล่นที่ล่าในแผนที่ล่าเลย และในจำนวนนี้นั้นซือเฟิงก็ต้องมอบเจ็ดร้อยชุดให้กับศาลาลับและพันธมิตรทั้งหมดของสภาสิบแปดปีกที่สั่งซื้อมา ในขณะที่อีกหกร้อยชุดที่เหลือถูกสงวนไว้สำหรับทีมผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีก
ในช่วงเวลาที่มหาอำนาจต่างๆเหล่านี้ล้วนใช้ประโยชน์จากม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุเพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่น่าเหลือเชื่อในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย ซือเฟิงก็ได้นำอควาโรสพร้อมกับสมาชิกของสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆ ซึ่งเป็นพวกระดับสูงของกิลทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังประตูเวทย์มนต์ของภูเขาปีศาจหมาป่า
หลังจากจ่ายด้วยคริสตัลเวทย์มนตสองหมื่นชิ้น ทีมสิบคนของซือเฟิงก็ได้กลายเป็นลำแสงและหายไปจากบริเวณประตูเวทย์มนต์
การเทเลพอร์ตข้ามไปยังทวีปอีกด้านนั้นมันต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะเสร็จเรียบร้อย และเมื่อทุกคนลืมตาขึ้นมาสิ่งที่พวกเขาพบก็คือทะเลทรายกว้างขวางที่ไร้สิ่งมีชีวิตโดยสิ้นเชิง
“นี่คือทวีปด้านตะวันตกงั้นหรอ ?” อควาโรสรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อมองไปที่ทะเลทรายที่กว้างขวางตรงหน้าเธอ
เหตุผลที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือความขาดแคลนของมานาในสถานที่แห่งนี้ เพราะมานาในสภาพแวดล้อมโดยรอบที่นี่มันเบาบางกว่าในดินแดนต้องห้ามของทวีปด้านตะวันออกด้วยซ้ำ เธอนั้นสามารถบอกได้เลยว่า แม้แต่เธอก็จะมีความยากลำบากมากๆในการร่ายเวทย์ขั้นสาม แม้ว่าจะมีร่างมานาขั้นสูงก็ตาม และผู้เล่นขั้นสามที่อ่อนแอนั้นอาจไม่สามารถใช้สกิลหรือเวทย์ขั้นสามที่นี่ได้เลย พวกเขาจะถูกจำกัดให้ใช้ได้แค่เฉพาะสกิลและเวย์ที่อ่อนแอเท่านั้น
แน่นอนว่าความหนาแน่นของมานาที่นี่นั้นต่ำกว่าทวีปด้านตะวันออกมาก เมื่อซือเฟิงสัมผัสได้ถึงมานาโดยรอบ เขาก็รู้สึกไม่สบายตัวมากเช่นกัน และมันก็เป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่มีความหนาแน่นของมานาต่ำแบบนี้
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก และเขาก็เพียงแค่เปิดแผนที่ขึ้นมาทำการบันทึกพิกัดของประตูเวทย์มนต์ไว้ ก่อนจะเรียกอินทรีสายฟ้าออกมา เพื่อพาทุกคนไปยังเมือง NPC ที่ใกล้ที่สุด
ทะเลทรายที่เป็นที่ตั้งของประตูเวทย์มนต์นั้นมันใหญ่กว่าที่ซือเฟิงคาดไว้มาก โดยอินทรีสายฟ้าของเขาต้องใช้เวลาบินกว่าสองชั่วโมงจึงจะสามารถออกจากที่นี่ได้ และในระหว่างการเดินทางเขาก็ได้ค้นพบลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่และแกรนลอร์ด เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยจำนวนมาก และเจอแม้กระทั่งมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ ซึ่งก็โชคดีที่อินทรีสายฟ้านั้นมีความเร็วมากเพียงพอ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถหลบหนีจากระยะการโจมตีของมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายตัวนี้ได้ทันเวลา และหากพวกเขาใช้อะเม้าท์บนบก พวกเขาจะต้องถูกสังหารหมู่แน่นอน
“หัวหน้ากิล มันมีการต่อสู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้เล่นหลายหมื่นคนเหมืองแร่เงินปีศาจ” อควาโรสกล่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ขณะที่เธอจ้องมองไปยัง
เหมืองใกล้ๆกับที่อินทรีสายฟ้าบินอยู่
เหมืองแร่เงินปีศาจนั้นเป็นเพียงเส้นเลือดแร่เกรด 3 แต่กระนั้นมันก็ได้ก่อให้เกิดการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นหลายหมื่นคน ยิ่งไปกว่านั้นผู้เข้าร่วมสงครามครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะมีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยห้าเท่านั้น แต่ยังมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าหนึ่งร้อยคนอยู่ในแต่ละฝ่ายด้วย นี่มันเป็นสงครามระหว่างมหาอำนาจสองกลุ่มอย่างแท้จริง
หอการค้าอาซู ?
เมื่อซือเฟิงทำการใช้สกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำของเขาเช็คตัวตนของผู้เล่นที่อยู่เบื้องล่าง เขาก็สังเกตเห็นผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันเหมืองที่เป็นตัวคนที่เขาคุ้นเคยมากๆ ซึ่งนั่นก็คือ หยานเซี่ยวเฉียน อัจฉริยะที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้การดูแลของหอการค้าอาซู
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น