Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา 1479-1480

 ตอนที่ 1479

 

ฟ้าชั้นสามสิบของข้า

โดย

Ink Stone_Fantasy

ซูหมิงน้ำตารินไหล อีกทั้งมหาเต๋าสูงศักดิ์ขั้นแปดในดวงตาที่สามตอนแรกยามนี้เพิ่มมาเป็นขั้นเก้า เมื่อรวมกันแล้วจึงกลายเป็น…เทพเต๋าขั้นเก้า


หน้าตาเทพเต๋าขั้นเก้าก็คือซูหมิง ยามนี้กำลังน้ำตาไหลเช่นกัน


เสียงดังกึกก้องในความคิดซูหมิงยังคงอยู่ ทว่าเจ้าของเสียงนั้นหายไปแล้ว แต่อาจารย์ยังอยู่ในใจเขาเสมอ ซ้ำยังคงอยู่ในจิตเต๋าของเขาชั่วนิรันดร์


กูหง เทพเต๋าขั้นเก้าของซูหมิง!


การเลือกของกูหงทำให้ซิวหลัวตกตะลึง ทำให้จักรพรรดิกู่จั้งใจสั่นสะท้าน มีสีหน้าเหลือเชื่อ เขาไม่คาดคิดเลยว่าหลังกูหงก้าวสู่ฟ้าชั้นที่สามสิบเอ็ดแล้วจะหัวเราะด้วยความบ้าคลั่งและเลือกเช่นนี้


‘บางที…เขาอาจจะหวังใช้วิธีนี้ถ่ายทอดมรดกให้กับศิษย์ ให้เต๋าของเขา…เดินต่อไปได้ กูหง…ชีวิตนี้ข้าไม่เคยนับถือผู้ใด ตอนนี้…เจ้าเป็นคนเดียว’ ซิวหลัวกล่าวเบาๆ อยู่ในใจ


เขามองซูหมิงเหมือนเห็นกูหงรางๆ เห็นสหายที่ต่อสู้กับตนมาทั้งชีวิต มองไปมองมา นัยน์ตาซิวหลัวฉายแววเข้าใจทีละน้อย


“ไปเถอะ อาจารย์ของเจ้าเลือกพลิกเต๋าเพื่อเจ้าแล้ว เลือกเป็นเทพเต๋าขั้นเก้าของเจ้าเพื่อแลกกับสิทธิ์ให้เจ้าเหยียบฟ้ากู่จั้ง


ซูหมิง อย่าให้อาจารย์ของเจ้าผิดหวัง ไม่ว่าเต๋าของเจ้าคืออะไร จงเดินต่อไปอย่างแน่วแน่!” ซิวหลัวกล่าวนิ่งๆ เสียงดังก้องไปโดยรอบ เขาในตอนนี้ไม่มีความคิดอื่นอีก มีเพียงความเศร้าเสี้ยวหนึ่ง ปลงอนิจจังต่อสวรรค์ ปลงอนิจจังเสียงถอนหายใจของกูหงกับคำอวยพรต่อซูหมิง


ซูหมิงเงียบ เทพเต๋าขั้นเก้าตรงระหว่างคิ้วกำลังหลอมรวมกันอย่างรวดเร็ว พลังเขากำลังปะทุขึ้น ภายใต้การเพิ่มขึ้นอย่างเร็วไวนั้น พลังเขาเปลี่ยนไปไม่หยุด ส่งผลให้ขั้นพลังทะยานขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว


นี่คือก้าวสำคัญที่มหาเต๋าสูงศักดิ์ขั้นแปดก้าวสู่เทพเต๋าขั้นเก้า ก้าวนี้…สำหรับมหาเต๋าสูงศักดิ์ทุกคนแล้วยากเข็ญยิ่ง แต่ก็เป็นโชควาสนาครั้งใหญ่ที่แสวงหามิได้ ตอนนี้แม้ซูหมิงจะได้รับ แต่ในใจกลับไม่มีความสุข


“นี่ก็คือเต๋า” เสียงถอนหายใจดังมาจากจักรพรรดิกู่จั้ง กึกก้องฟ้าดิน


“ร่างนี้ไร้ความหมาย เต๋าคงอยู่ยืนยาว…ไม่สนใจกายเนื้อตัวเอง ไม่สนใจความเป็นตัวเอง การทั่งไม่สนใจว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่ สนใจเพียงเต๋า สนใจการความต่อเนื่องของเต๋า สนใจการคงอยู่ของเต๋า…


นี่ก็คือกูหง และก็เป็นสาเหตุที่เขาเหนือกว่าข้า ก้าวเข้าไปยังฟ้าชั้นที่สามสิบเอ็ดได้…เต๋าไร้ที่สิ้นสุด ความคิดไร้พรมแดน…ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” จักรพรรดิกู่จั้งถอนหายใจดังก้องพลางมองซูหมิง นัยน์ตาไม่ซับซ้อนอีก แต่เป็นการให้กำลังใจ


“เจ้าคือเสวียนเอ๋อร์ก็ดี ไม่ใช่ก็ดี ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร…จงเดินต่อไป ให้เต๋าของเจ้า ให้เต๋าของกูหงคงอยู่ต่อไป อย่าให้ตัวเองเสียดาย อย่าให้กูหงผิดหวัง”


ซูหมิงเงียบก่อนเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองน้ำวนสีดำขาวบนฟ้า มองเส้นทางออกจากที่นี่ มองการสิ้นสุดการยึดร่างครั้งนี้ ขณะเงียบ เทพเต๋าขั้นเก้าในดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วหลอมรวมกับกูหงเสร็จสิ้นแล้ว จึงเปล่งแสงของซูหมิงออกมา


แสงนั้นไม่ใช่สีขาว และก็ไม่ใช่สีดำ แต่เป็น…สีม่วง! อาภรณ์ยาวสีม่วง เส้นผมยาวสีม่วง ดวงตาสีม่วง ซูหมิงในตอนนี้โลกของเขาเป็นสีม่วง สีม่วงนั้นอยู่ในฟ้ายามกลางวัน สู้สีดำในคืนมืดไม่ได้ แต่ในคืนมืดมิด…มันเป็นเงามืดที่ฟ้ายามค่ำคืนย้อมสีไม่ได้


เขาหายใจเข้าออกลึกๆ ทีหนึ่งแล้วเดินหน้าหนึ่งก้าว ทันทีที่เหยียบลง ร่างเงาซูหมิงเกิดเสียงครึกโครม กลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งขึ้นฟ้าไป


ด้วยความเร็วของเขาพริบตาเดียวก็มาปรากฏใต้น้ำวนสีดำขาว ถึงขั้นครึ่งตัวอยู่ในน้ำวนแล้ว เพียงแค่ครึ่งก้าวก็จะเข้าไปในยังฟ้ากู่จั้งน้ำวนทั้งหมด


ไม่ใช่ว่าเขาก้าวครึ่งก้าวนี้ไม่ได้ แต่เป็นตัวเขาที่หยุดเอง จากนั้นหันไปมองโลกกู่จั้งข้างหลัง


บางทีนี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นโลกกู่จั้ง เพราะว่าครั้งนี้…เขาบอกว่ากับตัวเองว่าจะต้องสำเร็จแน่!


การหันมามองครั้งนี้ ซูหมิงเห็นแผ่นดินกว้างใหญ่ เห็นสำนักเจ็ดจันทรา เห็นเทือกเขาเรียงราย เห็นประสบการณ์ทุกอย่างตลอดสามพันปี กระทั่งยังเหมือนเห็นเฮ่าเฮ่ารางๆ


ทั้งยังเห็นใบหน้าที่เคยพบในแคว้นกู่จั้ง จนกระทั่งผ่านไปพักใหญ่ นัยน์ตาซูหมิงเผยประกายจากลา ก่อนหมุนตัวกลับเดินครึ่งก้าวไปยังฟ้ากู่จั้งด้วยเต๋าของเขากับกูหง


เมื่อก้าวเดิน ร่างเงาเขาพลันเข้าไปในน้ำวนทั้งหมด เข้าไปกลางฟ้ากู่จั้ง สิ่งที่รออยู่คือเส้นทางฟ้าสามสิบสามชั้น ปลายทางคือเดินออกจากฟ้าสามสิบสามชั้น เดินออกจากโลกยึดร่างนี้ ไป…ลืมตา!


ฟ้าดินเกิดเสียงครึกโครม เมฆหมอกหมุนวนรอบตัวซูหมิง มองไปกว้างใหญ่ไพศาล ความกว้างใหญ่นี้ให้ความรู้สึกกับเขาราวกับมองฟ้ากระจ่างดาวกว้างใหญ่ตอนที่ออกจากโลกซางเซียง


เขาไม่ได้สนใจรอบๆ ไม่ได้ตรึกตรองอะไรมากนัก มีเพียงการแสวงหาเต๋า มีเพียงการพุ่งออกไป ใช้พลังทั้งหมดเป็นสายรุ้งยาวพุ่งขึ้นฟ้าไปอย่างกล้าหาญ


โครม!


ท่ามกลางเสียงดังสนั่นฟ้า ซูหมิงสัมผัสว่าตนทะลวงปราการหนึ่งชั้น ช่วงที่พุ่งออกจากปราการ เขาเหมือนทะลวงผ่านฟ้าหนึ่งชั้น!


ซูหมิงเข้าใจว่านั่นคือฟ้ากู่จั้งชั้นแรก!


ตรงหน้าเขายังมีฟ้าอีกสามสิบสองชั้น เส้นทางแสวงหาเต๋าและการพิสูจน์เต๋าครั้งนี้อยู่ใต้เท้าแล้ว ห้ามหันไปมองและก็หันไปมองไม่ได้!


นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายเด็ดขาด ความเร็วไม่เพียงแต่ไม่ลดน้อยลง แต่ยังเร็วขึ้นกว่าเดิม เกิดเสียงปุงปังดังตลอดทาง…


ฟ้าชั้นสอง ฟ้าชั้นสาม ฟ้าชั้นสี่…ทุกครั้งที่เสียงครึกโครมดังกังวานนั่นหมายถึงว่าซูหมิงผ่านฟ้าหนึ่งชั้น จนกระทั่งก้าวขึ้นไปบนฟ้าชั้นเก้า ช่วงที่มองลงมาข้างล่างก็เห็นเป็นขมุกขมัว แต่ก็ยังเห็นสายตาของจักรพรรดิกู่จั้งกับซิวหลัวในความขมุกขมัว


แววตาพวกเขามีการเฝ้ารอคอย นั่นคือความใสสะอาดที่ไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกัน เป็นความเคารพต่อเต๋า หรืออาจพูดได้ว่านั่นคือความเคารพต่อกูหงที่เลือกให้ซูหมิง!


พวกเขาอยากรู้ว่าการเลือกของกูหงจะสำเร็จหรือไม่!


ซูหมิงไม่มีน้ำตาแล้ว แต่ร่างเงากูหงยังคงอยู่ตรงส่วนลึกในใจไปชั่วชีวิต น้ำตาแห่งความเศร้าไม่อาจทำให้เขามีพลังพุ่งไปได้มากกว่านี้ มีเพียงการใช้ความจริงมาพิสูจน์ พุ่งออกจากฟ้าสามสิบสามชั้นถึงทำให้กูหงอมยิ้มได้


แววตาซูหมิงยึดมั่นขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วพลันเพิ่มขึ้น เป็นสายรุ้งพุ่งทะยานไปปะทะกับฟ้าชั้นที่สิบ


ช่วงที่เกิดเสียงระเบิดดังก้องอีกครั้ง ความเร็วซูหมิงยังไม่เปลี่ยน ยังคงพุ่งไปยังฟ้าชั้นที่สิบเอ็ด!


เป็นแบบนี้ไป ซูหมิงปะทุพลังทั้งหมดตลอดทาง ใช้พลังเทพเต๋าขั้นเก้าพุ่งทะยาน ชนเข้ากับฟ้าชั้นที่สิบสาม ทะลวงฟ้าชั้นที่สิบหก ฉีกฟ้าชั้นที่สิบเก้า ก้าวสู่ฟ้าชั้นที่ยี่สิบสอง!


ความรู้สึกบ้าคลั่งแผ่มาจากตัวซูหมิงโดยไม่ซ่อนเร้นไว้แม้แต่น้อย ดวงตาเขาแดงก่ำแล้ว ความคิดคลุ้มคลั่ง ความคลุ้มคลั่งไม่ได้ทำให้ความคิดเขายุ่งเหยิง แต่กลับกลายเป็นความบ้าคลั่งในความดื้อรั้น ส่งผลให้เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะข้ามผ่านฟ้าชั้นที่สามสิบสาม


“ข้าจะ…ขึ้นฟ้าชั้นที่สามสิบสาม!” ซูหมิงเงยหน้าคำรามเสียงต่ำ ความเร็วเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่พลังจากตัวเขาอีก แต่หลอมรวมสี่ดวงจิตเข้าไปด้วย


ภายใต้การปะทุของดวงจิตกับพลัง ความยึดมั่นของซูหมิงประหนึ่งลุกโชน ร่างเงาสีม่วงโอบล้อมไปด้วยกลิ่นอายบ้าคลั่ง ชนทำลายฟ้าชั้นที่ยี่สิบสี่ แม้ตรงหัวจะมีโลหิตไหลก็ยังข้ามผ่านฟ้าชั้นที่ยี่สิบหกไปได้ ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ซูหมิง…ก้าวมาอยู่เหนือฟ้าชั้นที่ยี่สิบแปด!


ตรงนั้น ซูหมิงเงยหน้าขึ้นมองฟ้าชั้นที่ยี่สิบเก้า เขาเห็นฟ้าชั้นที่สามสิบข้างหลังฟ้าชั้นยี่สิบเก้ารางๆ!


หากไม่บรรลุเต๋าไร้ที่สิ้นสุดจะขึ้นฟ้าชั้นสามสิบไม่ได้!


“หลังเทพเต๋าขั้นเก้าคือเต๋าไร้ที่สิ้นสุด…เต๋าไร้ที่สิ้นสุดเป็นดั่งความคิดไร้พรมแดน จำเป็นต้องตัด…ตัดเต๋าของตัวเอง ก็จะทำให้เต๋า…ไร้ที่สิ้นสุด ให้ความคิด…ไร้พรมแดน”


ชั่วขณะที่ซูหมิงกล่าวเสียงเบา ภายในดวงตาสีแดงเผยเปลวเพลิงแห่งความยึดมั่น เขาสูดลมหายใจเข้าลึกบนฟ้าชั้นที่ยี่สิบแปด ไม่ได้พ่นลมหายใจออกแต่เก็บไว้ในร่างกาย พร้อมกันนั้นตัวเขาเป็นสายรุ้งพุ่งไปยังฟ้าชั้นที่ยี่สิบเก้า ความเร็วเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงสุดท้ายแล้วแทบจะกลายเป็นดาวตกย้อนศร พริบตาต่อมา…ก็ชนเข้ากับปราการฟ้าชั้นที่ยี่สิบเก้า


โครม!


เสียงดังสนั่นกึกก้องฟ้าไปทั่วโลกกู่จั้ง ปราการตรงหน้าซูหมิงพังทลายลง ตัวเขาก้าวไปยังฟ้าชั้นที่ยี่สิบเก้า  ยามนี้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคือฟ้าชั้นสามสิบที่จักรพรรดิกู่จั้งเข้าไปไม่ได้ และซิวหลัวยากจะข้ามผ่าน!


“ฟ้าชั้นที่สามสิบ…” เพลิงแห่งความยึดมั่นในแววตาซูหมิงแผ่คลุมทั่วร่าง ยืดยาวไปถึงจิตใจ เวลานี้พลังปะทุขึ้นทุกด้าน ดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วเปล่งสีสันสว่างจ้าแสบตา ดวงตาเทพเต๋าขั้นเก้าภายในสีสันนั้นเป็นประกายวาววับ!


นอกจากนี้สี่ดวงจิตใหญ่ในตัวเขายังปะทุขึ้นทั้งหมด เมื่อรวมกับความยึดมั่นแล้วจึงกลายเป็นความดุเดือด ไม่มีเสียงคำราม แต่ปะทุขึ้นอย่างเงียบๆ ประหนึ่งภูเขาไฟ หมายจะส่งความบ้าคลั่งตอนปะทุให้กับฟ้าชั้นที่สามสิบ


ตัวเขาพลินบินขึ้นไป มองไกลๆ คล้ายแมงเม่าตัวหนึ่ง แต่ฟ้าชั้นที่สามสิบเป็นดั่งเปลวเพลิงสวรรค์ ชั่ววูบเดียวก็เข้าไปใกล้…


“เต๋าของข้าคือความคิดยึดมั่นของข้า คือใบหน้าที่ไม่ว่าผ่านไปกี่วัฏจักรก็ไม่ลืม คือคำสัญญาของข้าต่อพวกเขาในโลกซางเซียง ข้า…จะคืนชีพพวกเขา ให้ทุกอย่างที่เสียไปกลับมา!


นี่คือเต๋าของข้า และสิ่งที่ข้าต้องตัดไม่ใช่เต๋า แต่เป็นนับจากนี้ไป…ไม่มีความจริงเท็จ ไม่มีความเพ้อฝัน ไม่มีการยึดร่าง ไม่มีพรสวรรค์ ไม่มี…ชะตาชีวิต!


ข้าต้องตัดชีวิตคนที่ข้าเดินจากฤดูหนาวไปสู่ใบไม้ผลิ…ต้องตัดร่างเงาที่ขาดหายไปในกาลเวลาชั่วนิรันดร์ในอนาคต!” ราวกับว่าร่างซูหมิงถูกจุดเพลิงขึ้นมา ตอนนี้เอง…เข้าปะทะกับปราการฟ้าชั้นที่สามสิบ


เสียงโครมดังสนั่นฟ้าดิน สะเทือนไปโดยรอบ!

 

 

 


ตอนที่ 1480

 

 นอกฟ้ากู่จั้ง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฟ้าชั้นสามสิบนั้น ในมุมมองซูหมิงไม่ใช่ฟ้าแล้ว แต่เป็นดาบเล่มหนึ่งพุ่งลงมาจากฟ้า เป็นดาบที่เปล่งประกายระยิบระยับ สว่างจ้าดั่งนภา ดังนั้นถึงเป็นฟ้าชั้นที่สามสิบ เป็นร่องหุบเขาที่ขวางผู้ไม่บรรลุเต๋าไร้ที่สิ้นสุดทุกคน


ร่องหุบเขานี้ไม่อาจข้ามผ่าน แต่การจะก้าวมาถึงที่นี่จำเป็นต้องมีการตัดสินใจในการตัดเต๋าอย่างแน่วแน่ เต๋าที่ตัดจะถูกจะผิดไม่สำคัญ สำคัญคือการตัดสินใจอย่างแน่วแน่!


ซิวหลัวคิดว่าตนมีการตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว คิดว่าตนตัดเต๋าแล้ว แต่จนกระทั่งเห็นกูหงพลิกเต๋าทิ้งทุกอย่างเพื่อความสำเร็จของซูหมิง เขาถึงได้เข้าใจว่าในด้านการตัดสินใจอย่างแน่วแน่นี้ ตนยังสู้กูหงไม่ได้


คนที่เข้าใจในจุดนี้ยังมีจักรพรรดิกู่จั้ง พวกเขาสองคนเข้าใจแล้วว่าเหตุใดตนถึงขึ้นฟ้าชั้นที่สามสิบไม่ได้ ไม่ใช่เพราะพวกเขาตัดเต๋าถูกหรือผิด แต่พวกเขายังตัดสินใจแน่วแน่ไม่พอ…


เพราะว่าพวกเขามีข้อผูกมัดมากเกินไป มีข้อผูกมัดนี้อยู่จึงพูดได้ว่ายากจะตัดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นดวงชะตาหรือการสร้างสรรค์สรรพสิ่ง หากไม่มีการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ถึงที่สุดก็จะก้าวสู่เต๋าไร้ที่สิ้นสุดไม่ได้


ร่างเงาซูหมิงชนเข้ากับฟ้าชั้นสามสิบ เสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้าดิน กึกก้องโลกนี้สั่นสะเทือน จักรพรรดิกู่จั้งตาเป็นสมาธิ ซิวหลัวดวงตาวาววับ พวกเขามองน้ำวนสีดำขาวด้วยใจจดจ่อ มอง…ซูหมิงที่เป็นดั่งแมงเม่าบินเข้ากองไฟ


ซูหมิงชนเข้ากับฟ้าชั้นที่สามสิบ ช่วงที่เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง เหมือนว่าดาบระยิบระยับฟันลงมายังซูหมิง เขาไม่หลบ แต่พาความยึดมั่นและการตัดสินใจแน่วแน่เดินหนึ่งก้าวไปยังดาบที่ฟันลงมานั้นอย่างไม่ลังเล


ดาบ…เหมือนทะลวงผ่านร่างซูหมิง พริบตาเดียวก็ขยับวูบผ่านไป ไม่มีโลหิต ไม่มีบาดแผล แต่กลับตัดชะตาชีวิตเขา…


พูดดูเหมือนลวงตา แต่ความจริงสิ่งที่ถูกตัดคือ…การเลือกของซูหมิง เพราะชีวิตคน ชะตาชีวิต ความจริงแล้วการตัดเต๋าครั้งนี้เป็นการเลือกอย่างหนึ่ง เลือกอดีตหรือเลือกอนาคต


หากเลือกตัดอดีต ซูหมิงจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ หากเลือกตัดอนาคต เขาจะอยู่กับอดีตของตัวเองไปชั่วนิรันดร์


การเลือกของซูหมิง นอกจากตัวเขาเองแล้วก็ไม่มีใครรู้ ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิกู่จั้งหรือซิวหลัว พวกเขาสองคนเห็นเพียงซูหมิงตัดเต๋าตัวเอง ทว่าตัดอะไรนั้นซูหมิงไม่พูด คนอื่นก็ไม่รู้


ช่วงที่ดาบฟันลง มันกลายเป็นเศษละเอียดท่ามกลางเสียงอึกทึก หลังพังลงเป็นชั้นๆ แล้วฟ้าถึงเกิดรอยแตก ส่งผลให้ช่วงที่ซูหมิงก้าวเท้าลงช้าๆ เขาข้ามผ่านฟ้าชั้นที่ยี่สิบเก้า ขึ้นไปยัง…ฟ้าชั้นที่สามสิบ!


พริบตาที่ก้าวข้ามไป ซูหมิงยืนอยู่บนฟ้าชั้นที่สามสิบ เขาก้มหน้าลง ไม่มองแผ่นดิน ไม่มองรอบๆ แต่สัมผัสอะไรบางอย่างเงียบๆ


ตอนนี้กู่ตี้กับซิวหลัวกลางเมืองหลวงกู่จั้งข้างล่างน้ำวนพากันใจสั่นสะท้าน เหม่อมองซูหมิงที่ยืนอยู่บนฟ้าชั้นที่สามสิบในน้ำวน


พวกเขาไม่เอ่ยใดๆ เพียงแค่มองเงียบๆ


ผ่านไปนานซูหมิงถึงเงยหน้าขึ้นช้าๆ ตรงระหว่างคิ้วไม่เห็นดวงตาที่สามแล้ว และก็ไม่เห็นเทพเต๋าขั้นเก้า ทั้งตัวเขาเหมือนต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยยากจะอธิบายได้


ซูหมิงถอนหายใจเบา ก่อนเงยหน้าขึ้นมองฟ้าชั้นที่สามสิบเอ็ดข้างบน ตรงหน้า…คือโลกที่จักรพรรดิกู่จั้งกับซิวหลัวบนพื้นมองไม่เห็น ขณะเดียวกับที่เห็นฟ้าชั้นที่สามสิบเอ็ดชัดเจน ซูหมิงเข้าใจแล้วว่าเหตุใดก่อนหน้านี้กูหงถึงยืนเงียบอยู่ตรงนี้


ซูหมิงเห็นร่างเงายักษ์ ร่างเงานั้นนั่งขัดสมาธิอยู่กลางมวลอากาศ ใต้ร่างมีเข็มทิศหนึ่งอัน ตรงข้อมือมีไข่มุกหนึ่งพวง สวมชุดคลุมยาวสีดำ นั่นคือเสวียนจั้ง


หรืออาจพูดได้ว่านั่นคือมหาจักรพรรดิกู่จั้งที่หายตัวไปในวังหลวงกู่จั้งและถูกคิดว่าสิ้นชีพไปแล้ว!


เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่สิ้นชีพไปอย่างแท้จริง แต่ลอยอยู่ในจักรวาลกว้างใหญ่ คอยตามหาปาฏิหาริย์ที่จะคืนชีพตัวเองจากชีวิตซางเซียงทีละตัว


ซูหมิงมองร่างเงามายานั้นเงียบๆ นี่ก็เป็นภาพเดียวกับที่กูหงเห็นก่อนหน้า ตอนที่เห็นภาพนี้ชัดกูหงได้เข้าใจคำพูดที่ซูหมิงเคยพูดกับเขาไว้เมื่อนานมาแล้ว


ซูหมิงเงียบอยู่นานมากจนเดินไปบนฟ้าทีละก้าว จนกระทั่งมาถึงปราการฟ้าชั้นที่สามสิบเอ็ด แล้วเดินผ่านไป


เมื่อเดินผ่านฟ้าชั้นที่สามสิบเอ็ด ยามที่มองข้างบน เงามายากู่จั้งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ซูหมิงจึงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังกระเรียนขนร่วงที่แผ่มาจากในกำปั้นกู่จั้ง


กลิ่นอายพลังนี้ทำให้เขานึกถึงขนนกที่ตนคว้าไว้ในมือตอนที่กระเรียนขนร่วงถูกดูดเข้าไปในมวลอากาศ


เพียงแต่ซูหมิงมองเห็นใบหน้ามหาจักรพรรดิกู่จั้งไม่ชัดเจนนัก ใบหน้าดูเลือนรางเล็กน้อย ทว่า…ต่อให้เลือนราง ต่อให้ไม่ชัดเจน แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ว่าใบหน้านี้…เหมือนกับตัวเขาทุกประการ


“ดูท่าก่อนหน้านี้ตอนที่อาจารย์เลือกพลิกเต๋าอยู่ตรงนี้ก็คงจะสัมผัสได้ถึงใบหน้าร่างเงานี้เหมือนกับข้า…” ซูหมิงถอนหายใจเบาแล้วพูดพึมพำ


เสียงถอนหายใจยังคงดังก้อง ซูหมิงเดินหน้าอีกก้าวแล้ว ก้าวนี้ฟ้าชั้นที่สามสิบเอ็ดถล่มลง ฟ้าชั้นที่สามสิบสองแตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมซูหมิงเดินเข้ามา


ซูหมิงที่ยืนอยู่บนฟ้าชั้นที่สามสิบสองเห็นร่างเงานั่งขัดสมาธิบนเข็มทิศยักษ์กลางมวลอากาศแทบจะชัดเจน หน้าตาร่างเงานั้น…ก็คือซูหมิง


“เจ้าเห็นอะไร!” ภายในเมืองหลวงจักรพรรดินอกน้ำวนสีดำขาวข้างล่าง หลังซิวหลัวเงียบแล้วก็ถามขึ้น


ซิวหลัวเคยถามกูหงแบบนี้มาแล้ว คำตอบของกูหงทำให้เขาเหมือนจะเข้าใจ ยามนี้ถามซูหมิงอีกครั้ง แต่ซูหมิงไม่ได้ให้คำตอบที่คล้ายๆ กัน


“ข้า…เห็นตัวเอง” ซูหมิงตอบกลับเสียงเบา เสียงดังกังวานฟ้าชั้นที่สามสิบสอง ดังก้องไปทั้งผืนฟ้า ซูหมิงมองร่างเงาบนเข็มทิศพลางเดินหน้าหนึ่งก้าวไปยังฟ้าชั้นที่สามสิบสาม


เมื่อก้าวเท้าลง ฟ้าชั้นที่สามสิบสามหายไปตรงหน้าเขาราวกับไม่มีอยู่ ซูหมิง…จึงเดินมาถึงฟ้าชั้นที่สามสิบสาม เหมือนว่าเดินมาอยู่ตรงหน้าร่างเงายักษ์ที่นั่งขัดสมาธิบนเข็มทิศ ประหนึ่งว่าห่างจากระหว่างคิ้วร่างนั้นเพียงหนึ่งก้าวสุดท้าย


ซูหมิงยืนมองร่างเงายักษ์อยู่นาน ขณะเงียบก็ยังใคร่ครวญอย่างหนัก คิดถึงคนมากมาย คิดถึงเรื่องราวมากมาย จนกระทั่งเขาถอนหายใจเบา นำความคิดทั้งหมดรวมไว้ในเสียงถอนหายใจ ให้เสียงถอนหายใจดังก้องกังวานไม่หายไป ก่อนจะ…เดินก้าวสุดท้าย!


ในระหว่างเดินหนึ่งก้าว ตัวซูหมิงเปล่งแสงสีม่วงหมื่นจั้งข้ามผ่านฟ้าสามสิบสามชั้นสาดลงมายังแผ่นดิน ทะลวงผ่านหมอกทั้งหมด สลายมวลอากาศทุกแห่งหน ส่งผลให้แคว้นกู่จั้งเป็นสีม่วง ตอนนี้เองเขาก้มหน้าลงมองโลกข้างล่าง เขาเห็นร่างเงาสวมชุดกันฝนในสายลมหิมะอยู่นอกประตูเมืองหลวง ร่างเงานั้นคือเทียนเสียจื่อ เขาเหมือนเพ่งมองตนด้วยรอยยิ้ม ในรอยยิ้มนั้นมีการอาลัยอาวรณ์ มีการจากลาและคำอวยพร


เขาเห็นเต้าหานในสำนักเจ็ดจันทราไม่ปิดด่านนั่งฌานอีก แต่ยืนอยู่บนโลงไม้เพ่งมองฟ้าด้วยสีหน้าซับซ้อน ซ้ำยังมีความเคารพจากใจจริง เฝ้ามองฟ้าอยู่เงียบๆ…


และยังมีในพื้นที่ของสำนักเอกะเต๋า กลางมิติที่เกือบถูกตัดขาด มหาเต๋าสูงศักดิ์เซินมู่มองฟ้าเช่นกัน เหม่อมองไปมองมาท้องฟ้าไม่ใช่คืนมืดอีก แสงตะวันกำลังรุนแรง ส่องลงมาบนแถบใบหน้าเขา ทำให้เงาข้างหลัง…เหมือนเป็นศิษย์พี่รองที่กำลังยืนอมยิ้มอย่างอบอุ่นในแปลงดอกไม้บนยอดเขาลำดับเก้า


อีกทั้งกลางเทือกเขาบนแผ่นดิน สตรีคนหนึ่งหอบเอาร่างเหนื่อยล้าเดินออกมาจากในถ้ำ หน้าตานางคือสวี่ฮุ่ย ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย ยามที่เพ่งมองฟ้า ราวกับว่ามีเสียงถอนหายใจเบาดังอยู่ในใจนางไม่ดังออกไป


และยังมี…


และยังมี…


อย่างเช่นภายในโลกของเฮ่าเฮ่า บนต้นพิสูจน์เต๋าที่แทนที่ฟ้า เด็กชายน้อยนั่งอยู่ตรงนั้นราวกับมองเห็นซูหมิง กำลังยิ้มอย่างเบิกบานใจ ยกสองมือเล็กขึ้นโบกมือลาซูหมิง


“เฮ่าเฮ่ากลับบ้านแล้ว พี่ใหญ่…ท่านก็ต้องกลับบ้านเช่นกัน…”


อย่างเช่นภายในโลกใต้แมกไม้ ร่างเงาไร้หัวที่นั่งขัดสมาธิบนหัวเมืองเหมือนขยับไหวเล็กน้อย กลายเป็นส่วนหนึ่งของการจากลาพร้อมกับความรุ่งเรืองในเมืองนั้นกับเสียงหัวเราะภายในวังหลวง เสียงหัวเราะดังกังวาน น้ำเสียงตี้เทียนดูมีความสุขกับเหล่าศิษย์และอาจารย์รอบกาย ระหว่างที่ดังกังวานอยู่นานไม่หายไป เขาที่ถือแก้วสุราเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ดูเหมือนดื่มสุรา แต่ความจริงเขาเพ่งมองฟ้า ภายในแววตามีการอวยพร


อย่างเช่นเหลยเฉิน ไม่ว่าสายลมพัดอย่างไรก็ดับแสงไฟใต้ภูเขาทมิฬไม่ได้ ข้างหลังมแกไม้ที่มองไม่เห็นบนฟ้า ไม่ต้องมีสายลมก็พัดพาความห่อเหี่ยวไปได้ ความห่อเหี่ยวที่ว่ามาจากเหลยเฉิน มาจากตัวเขาที่ตอนนี้ยืนอยู่ในชนเผ่า เงยหน้ามองฟ้าพลางหัวเราะ


หัวเราะไปหัวเราะมาน้ำตารินไหล…


อย่างเช่นกลางมหาสมุทร ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงบนเรือโดดเดี่ยวเงยหน้าขึ้นมองฟ้า สีหน้าขมขื่นทีละน้อยจนถอนหายใจ


ซูหมิงละสายตากลับ ยามนี้เขามีสีหน้าสงบนิ่งมาก ดวงตาไม่ใช่สีแดงอีก แต่ใสสะอาด มองหนึ่งชีวิตหนึ่งภพชาติที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด ผ่านสี่ฤดูกาลมาเท่าไร ซูหมิงหมุนตัวกลับแล้วก้าวเดินไป…


ก้าวสุดท้ายเหยียบลง ร่างเงาเขา…หายไปในระหว่างคิ้วชายชุดคลุมดำที่นั่งขัดสมาธิบนเข็มทิศ หายไป…ชั่วนิรันดร์


สายลมหิมะ ควันไฟ โลกกู่จั้ง การถอนหายใจแห่งการจากลา…


ตอนมาตื่นขึ้นในความแปลกตา ยามจาก…เพียงแค่ไปอย่างเงียบเหงา มีเพียงเต๋าที่เป็นดั่งแสงม่วงบนฟ้า แม้จะไร้ชะตาชีวิตแล้ว แต่ฟ้าสีม่วงยังคงอยู่นิจนิรันดร์

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)