Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา 1451-1454

  1451

ชั้นสามพิสูจน์เต๋า

โดย

Ink Stone_Fantasy

ต้นไม้แห่งพิสูจน์เต๋า มิติชั้นสาม โลกในตำนานของแคว้นกู่จั้ง ตรงปราการสุดท้ายภายในเส้นทาง…


ทันทีที่ซูหมิงเข้ามาที่นี่ก็เห็นซากปรักหักพัง ซากปรักหักพังที่นี่เหมือนถูกคนใช้ยอดอภินิหารทำลาย ในซากเหล่านี้อบอวลไปด้วยกลิ่นอายมรณะเข้มข้น


แผ่นดินที่นี่ไม่ได้กว้างใหญ่ สัมผัสได้ถึงสุดปลายขอบ มองไปกลางแผ่นดินเป็นต้นไม้โบราณพิสูจน์เต๋าพุ่งขึ้นมาตระหง่านอยู่บนแผ่นดิน บนแมกไม้ไม่มีใบไม้ แต่กิ่งไม้ซับซ้อนกลับปกคลุมฟ้าของที่นี่ ทำให้ตอนที่เงยหน้ามองไปจะไม่เห็นฟ้า แต่เป็นกิ่งไม้เหลือคณานับ


ความรู้สึกผ่านโลกมาเนิ่นนานแผ่มาจากต้นไม้ใหญ่อย่างชัดเจน ช่วงที่ซูหมิงมองในใจพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง การสั่นไหวนกะทันหันมาก ราวกับเดิมทีอยู่ในจิตวิญญาณเขาและตื่นขึ้นในเวลานี้


เพราะเขา…รู้สึกถึงกลิ่นอายพลังเอ้อชางเสี้ยวหนึ่งจากต้นไม้ใหญ่! หรืออาจพูดได้ว่าเอ้อชางในอดีตมีกลิ่นอายพลังของต้นไม้ใหญ่นี้เสี้ยวหนึ่ง!


ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก อดเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมิได้ นั่นคือหลังจากมหาจักรพรรดิกู่จั้งนำต้นไม้นี้กลับมาจากโลกนั้นแล้ว ต้นไม้นี้พังลงไม่น้อย ท่อนไม้บางส่วนกลายเป็นไม้เทพ กิ่งไม้บางส่วน…ให้กำเนิดชีวิตขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ


ขณะเดียวกับที่ซูหมิงมองต้นไม้พลางสัมผัสถึงการผ่านโลกมาเนิ่นนาน เขาก็รู้สึกถึงความอ้างว้างของต้นไม้แห่งพิสูจน์เต๋า บางทีคนอื่นอาจจะยากสัมผัสถึงความรู้สึกนี้ มีเพียงซูหมิง…อาจเป็นเพราะเอ้อชางเขาถึงรู้สึกชัดเจนมาก


ขณะเงียบ ปรากฏเข็มทิศขึ้นใต้เท้าซูหมิงก่อนกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปยังต้นไม้ใหญ่ ขณะเดียวกับที่สัมผัสถึงความอ้างว้างจากต้นไม้ใหญ่ เขาก็เห็นว่าตรงปลายกิ่งไม้ที่มาแทนที่ฟ้ามีผลขนาดเล็กใหญ่สองผลสุกงอมแล้ว ผลขนาดใหญ่เปล่งแสงหม่น มีขนาดเท่าหัวเด็กทารก


ผลเล็กมีขนาดเท่าครึ่งกำปั้น ยามนี้เปล่งแสงนุ่มนวลสีส้มอมเหลือง กลิ่นอายหอมฟุ้งเข้มข้นกระจายอบอวลโลกนี้


ซูหมิงเป็นคนแรกที่เข้ามาในชั้นสามในการแย่งชิงแห่งพิสูจน์เต๋า แม้จะมีข้อได้เปรียบเพียงหลายสิบลมหายใจ แต่ข้อได้เปรียบแบบนี้ หากไม่มีพลังภายนอกมารบกวน เช่นนั้นก็มีโอกาสมากกว่าครึ่งที่จะได้ชัยชนะ


ยามนี้เขาเป็นสายรุ้งยาวพุ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็ว หลายลมหายใจต่อมาเข้าไปใกล้ต้นพิสูจน์เต๋า ดวงตาวาววับ พลันรู้สึกว่าในมิติชั้นสามมีแรงกดดันรุนแรงอยู่ แรงกดดันที่ว่ามีอยู่แค่ต้นไม้โบราณ ตอนที่ตนสัมผัสต้นไม้ถึงจะลดลงเล็กน้อย


หรือพูดได้ว่าที่นี่…บินขึ้นไปยังผลเต๋าไม่ได้ ราวกับว่าการกระทำแบบนี้เป็นการดูหมิ่น ไม่ได้รับการอนุญาตจากต้นพิสูจน์เต๋า หากต้องการผลเต๋า ก็มีเพียงอย่างเดียวคือต้องปีนต้นไม้ขึ้นไป!


นัยน์ตาซูหมิงขยับประวาว กระโดดขึ้นไปยืนบนต้นพิสูจน์เต๋า ก่อนพุ่งขึ้นข้างบนอย่างไม่ลังเล ยิ่งเข้าไปใกล้กิ่งไม้ กลิ่นอายหอมก็ยิ่งเข้มข้น ตอนที่หายไปเขาสัมผัสได้ว่าเหมือนพลังกำลังเดือดพล่าน


ความรู้สึกเดือดพล่านทำให้เขาสังเกตเห็นแม้แต่วิญญาณเต๋าของตน และเพราะแบบนี้เองถึงเกิดความรู้สึกได้รับการบำรุง ซึ่งกลิ่นอายพลังนี้ก็เหมือนกับตอนที่เขาสูบที่มิติชั้นหนึ่งกับชั้นสองทุกประการ มิหนำซ้ำยังเข้มข้นกว่า


แต่ขณะเดียวกันยิ่งขึ้นไปสูง ความรู้สึกถึงแรงกดดันกลับยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ใช่เพราะการบำรุงจากกลิ่นหอมฟุ้ง ตอนนี้ความเร็วเขาจะต้องลดลงมากกว่าสี่ถึงห้าส่วนแล้ว


แทบเป็นขณะเดียวกับที่ซูหมิงห้อเหยียดขึ้นต้นไม้ บนแผ่นดินปรากฏร่างเงาหลายร่าง คนเหล่านี้คือศิษย์สำนักเจ็ดจันทรา เมื่อปรากฏกายแล้วก็เงยหน้ามองซูหมิงที่กำลังขึ้นไปข้างบน หลายคนพลันมีสีหน้าเด็ดขาด พุ่งไปยังต้นไม้ใหญ่ นั่งขัดสมาธิลงใต้ต้นไม้ แต่ละคนนัยน์ตาฉายแววแน่วแน่


เป้าหมายที่พวกเขามาที่นี่คือเพื่อช่วยให้ซูหมิงได้เปรียบมากขึ้น นี่คือภารกิจจากสำนัก เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องทำให้สำเร็จ แม้จะต้องสละชีวิตตัวเองก็ต้องทำให้สำเร็จ!


เพื่อเรื่องนี้แล้ว สำนักจ่ายให้กับพวกเขาไว้มากพอ แม้พวกเขายากจะมีโอกาสได้ใช้มันก็ตาม แต่ชนรุ่นหลังพวกเขา ครอบครัวพวกเขาล้วนได้รับอภิสิทธิ์ที่ดีขึ้นเพราะเหตุนี้


หลายคนกัดฟันหลับตาลง ร่างกายพลันเป็นสีม่วงอมแดง…


เวลาผ่านไปข้อได้เปรียบหลายสิบลมหายใจหมดลง ซูหมิงขึ้นมาบนต้นพิสูจน์เต๋าสี่พันกว่าจั้งแล้ว แม้จะห่างจากกิ่งไม้อีกไกลมาก แต่มาถึงที่นี่ได้ก็ได้เปรียบอย่างยิ่งแล้ว


ตอนนี้เองบนแผ่นดินชั้นสามมีสายรุ้งยาวอีกหลายสายพุ่งเข้ามา สองคนตรงหน้าสุดคือองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรอง เมื่อสองคนปรากฏกายบนชั้นสามแล้วก็เห็นซูหมิงในแวบแรก นัยน์ตาเผยจิตสังหาร ก่อนสองคนจะกลายเป็นสายรุ้งยาวตรงไปยังต้นพิสูจน์เต๋า


ทว่าทันทีที่พวกเขาเข้ามาใกล้ ศิษย์สำนักเจ็ดจันทราหกคนใต้ต้นไม้พลันลืมตาขึ้น ร่างพวกเขาระเบิดออกส่งเสียงดังสนั่น


พวกเขามีพลังไม่สูง แต่ก็เตรียมตัวมานาน ดังนั้นภายใต้การระเบิดตัวเอง ภายในร่างพวกเขาจึงปะทุพลังสะเทือนฟ้า พลังที่ว่าแผ่ขยายออกก่อขึ้นเป็นลำแสงสายหนึ่งล้อมรอบต้นไม้พิสูจน์เต๋าไว้แล้วพุ่งขึ้นฟ้าไป กระทั่งเหนือกว่าจุดที่ซูหมิงอยู่ พริบตาเดียวก็ปกคลุมในความสูงเกือบหมื่นจั้ง


ต่ำกว่าหมื่นจั้ง ลำต้นพิสูจน์เต๋าถูกลำแสงโอบล้อมไว้ ทำให้คนนอกยากจะสัมผัสลำต้น หากจะเอาผลเต๋าก็มีแต่ต้องบินเท่านั้น ทะลวงผ่านแรงกดดันรุนแรงจากต้นไม้เหนือขึ้นไปหมื่นจั้งแล้วถึงสัมผัสกับลำต้นเพื่อลดแรงกดดันลง


เดิมทีผู้ฝึกฌานสำนักเจ็ดจันทราหกคนนี้ทำแบบนี้ไม่ได้ ความจริงแล้วผู้อาวุโสใหญ่เต๋าสูงศักดิ์สิบคนแห่งสำนักเจ็ดจันทราเป็นคนจ่ายสำหรับระยะห่างหมื่นจั้งนี้ พวกเขาได้เตรียมการปลดปล่อยและระเบิดมาหลายปีภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ส่งผลถึงขั้นพลังพวกเขา


แต่มันอยู่นานไม่ได้ อยู่ได้เพียงราวๆ สามสิบลมหายใจ ทว่าแค่นี้ก็เท่ากับเพิ่มความได้เปรียบให้กับซูหมิงอย่างยิ่ง


แทบเป็นทันทีที่เกิดลำแสง องค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองเข้ามาใกล้ เมื่อสัมผัสลำแสงแล้วพลันเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สองคนถูกกระเทือนจนถอยไป


“สำนักเจ็ดจันทราสมควรตาย!” นัยน์ตาองค์ชายรองเผยจิตสังหารรุนแรง เขาขยับวูบไหวกลายเป็นสายรุ้งพุ่งขึ้นฟ้าไป เห็นได้ชัดว่าจะฝ่าแรงกดดันขึ้นไปเหนือหมื่นจั้ง แต่ว่าเมื่อเขาบินขึ้นมาสองพันจั้งแล้วก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง แรงกดดันจากผืนฟ้าทำให้พลังเขาหายไปมากกว่าครึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมองลำแสงหมื่นจั้งนั้นแวบหนึ่ง ตามการคำนวนของเขาแล้วขีดจำกัดของตนคือบินขึ้นได้สามพันจั้ง


ระยะห่างหมื่นจั้งเป็นดั่งร่องหุบเขายากจะข้ามผ่าน เหมือนทำได้เพียงรอให้ลำแสงหายไปเอง ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายใหญ่หรือองค์ชายรอง พวกเขารู้แก่ใจดีว่าลำแสงแบบนี้อยู่ได้ไม่นานนัก อย่างมากสุดก็แค่หลายสิบลมหายใจเท่านั้น


ทว่า…ก่อนหน้านี้ผ่านไปแล้วหลายสิบลมหายใจ หากตอนนี้เสียไปอีกหลายสิบลมหายใจ เช่นนั้นโอกาสที่พวกเขาจะได้ผลเต๋าในมิติชั้นสามก็น้อยมากแล้ว


ตอนนี้ซูหมิงขึ้นไปสูงเกือบห้าพันจั้ง อีกทั้งยังคงไปต่อ ภาพนี้ทำให้นัยน์ตาองค์ชายใหญ่เป็นประกายเด็ดขาด เดิมทีเขาไม่อยากรีบใช้กลอุบายอื่น ถึงอย่างไรต่อให้เป็นมหาเต๋าสูงศักดิ์ก็อยู่ที่ชั้นสามได้ไม่นานนัก นี่คือกลอุบายที่ไว้ใช้ในช่วงที่สำคัญที่สุด


แต่ตอนนี้…สถานการณ์บีบให้เขาต้องใช้!


องค์ชายใหญ่ยกมือขวาขึ้น ดวงตาวาววับพร้อมตบระหว่างคิ้วตัวเอง ก่อนนั่งขัดสมาธิลงโดยพลัน ทำสัญลักษณ์มือซ้ายชี้ไปยังจุดตันเถียนของตน


ทันใดนั้นเกิดเสียงดังครึกโครมขึ้นในร่างกาย ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง ใบหน้าเขาเหยเกยราวกับสัมผัสถึงความเจ็บปวดอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันพลังปะทุขึ้นเหนือกว่าเต๋าสูงศักดิ์ กระทั่งยังใหญ่มหึมา เหนี่ยวนำพลังฟ้าดินรอบๆ ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีในฉับพลัน


เสียงอึกทึกดังขึ้น องค์ชายใหญ่หลับตาลง ตอนนี้เองพลังเขาปะทุขึ้นอีกครั้ง…จากเต๋าสูงศักดิ์บรรลุเป็นมหาเต๋าสูงศักดิ์!


พริบตาที่พลังก้าวไปสู่มหาเต๋าสูงศักดิ์ องค์ชายใหญ่ลืมตาขึ้นช้าๆ เผยประกายแฝงไว้ด้วยการผ่านโลกมาเนิ่นนาน เหมือนว่า…เขาในตอนนี้ไม่ใช่องค์ชายใหญ่อีก แต่เป็นอีกคน


ความรู้สึกผ่านโลกมาเนิ่นนานนั้นมีความเย็นเยียบ เขา…ไม่ใช่องค์ชายใหญ่จริงๆ แต่เป็นมหาเต๋าสูงศักดิ์แห่งสำนักเอกะเต๋า หลินตงตง!


เขาใช้วิธีให้จิตลงมาเยือน ใช้การชี้นำแห่งสายเลือดในร่างองค์ชายใหญ่ ประกอบกับวิชาแห่งดวงชะตาของสำนักเอกะเต๋า คู่กับการเปลี่ยนกฏแผ่นดินกู่จั้งที่แทบมีต้นกำเนิดเดียวกับสำนักเอกะเต๋าในมิติชั้นสาม ทำให้หลินตงตงอาศัยร่างองค์ชายใหญ่เหมือนกับการยึดร่างได้ชั่วคราว ตอนที่ยืนขึ้น หลินตงตงยิ้มเยาะมุมปาก ก่อนขยับวูบไหว…ไม่ได้โจมตีลำแสง แต่บินขึ้นฟ้าไป


การทำลายลำแสงเป็นการเปลืองเวลาในเรื่องอื่น เขาย่อมไม่ทำแบบนั้น ยามนี้ห้อทะยานฝ่าแรงกดดันจากผืนฟ้าขึ้นมาห้าพันจั้งในพริบตา ช่วงที่ยังห้อเหยียดอยู่นั้น ซูหมิงในลำแสงมองไปแวบหนึ่งก่อนมุ่งหน้าต่อไปเช่นกัน


สองคนมีลำแสงกั้น หนึ่งอยู่ข้างใน อีกหนึ่งอยู่ข้างนอก ความเร็วสมดุลกัน ถึงอย่างไรหลินตงตงอยู่ข้างนอกก็มีพลานุภาพอ่อนแอลง แต่ซูหมิงอยู่ข้างในมีกลิ่นหอมคอยบำรุง อีกทั้งแรงกดดันยังลดน้อยลงมาก ดังนั้นเมื่อสองคนต่างขึ้นไป สมดุลแบบนี้จึงยังไม่ถูกทำลาย


บนแผ่นดินข้างล่าง องค์ชายรองดวงตาเป็นประกายวูบไหว เขายกมือขวาขึ้นพลันปรากฏแผ่นหยกเก้าม้วนขึ้นในมือ ก่อนกดลงพื้นดิน


แผ่นหยกเก้าม้วนกระจายออก ก่อขึ้นเป็นวงแหวนอาคมหนึ่งจั้งกว่า เมื่อแสงจากแผ่นหยกขยับประกายเรืองรองอย่างรวดเร็วจนแสงสว่างจ้าแสบตาปกคลุมทั้งวงแหวนอาคมแล้วนั้น องค์ชายรองถึงกล่าวเสียงดังก้องด้วยความร้อนรน


“ขอให้อาจารย์ช่วยด้วย!”

 

 

 


ตอนที่ 1452

 

คำนวณอย่างแม่นยำ

โดย

Ink Stone_Fantasy

แทบเป็นช่วงที่องค์ชายรองเอ่ยขึ้น แผ่นหยกเก้าม้วนนั้นพลันแตกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นเศษหยกกระจายออกนั้น…กลิ่นอายพลังเก่าแก่แผ่กระจายออกมาจากในวงแหวนอาคมโดยพลัน


เมื่อกลิ่นอายพลังปรากฏ ก็รวมเป็นร่างเงาไร้หัวออกมาจากในเศษหยกนั้น เผยตัวอยู่ในมิติชั้นสาม!


“ทำลายลำแสงนี้!” องค์ชายรองกล่าวอย่างไม่ลังเลทันที เขาล้าหลังมามากแล้ว หากยังใคร่ครวญไม่ทำลายลำแสงอีก เช่นนั้นต่อให้ตอนนี้บินขึ้นก็ตามซูหมิงกับองค์ชายใหญ่ไม่ทัน


มีเพียงหลังทำลายลำแสงแล้วเท่านั้น แม้จะยังเสียเปรียบองค์ชายใหญ่ แต่สำหรับองค์ชายรองแล้ว นี่เป็นวิธีเดียว อีกทั้งการทำลายลำแสงจะต้องเริ่มจากล่างขึ้นบน ดังนั้นเขาจะแย่งชิงเวลาจากสถานการณ์ตกเป็นรองให้กับตัวเองได้


ทันทีที่พูดจบ ร่างเงาสวมชุดคลุมดำแต่กลับไร้หัวขยับวูบไหวมาปรากฏอยู่นอกลำแสง ช่วงที่ยกมือขวาขึ้นปรากฏขวานสงครามยักษ์ในมือ ก่อนฟันไปยังลำแสงนั้น!


เมื่อฟันลงไปฟ้าดินเกิดเสียงอึกทึกก้อง ลำแสงสั่นไหวก่อนพังลงโดยไม่อาจต่อต้าน หลังแตกออก ผู้อาวุโสใหญ่สำนักเจ็ดจันทราสิบคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในมิติชั้นสองมีโลหิตไหลจากมุมปากพร้อมกัน พากันลืมตาขึ้นโดยพลัน


ขณะเดียวกันในมิติชั้นสาม ลำแสงเริ่มพังลงจากข้างล่างขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นองค์ชายรองเดินหน้าหนึ่งก้าว กล่าวเสียงแหลมเล็ก


“พาข้าขึ้นไป!” พูดจบ เพิ่งเข้ามาใกล้ต้นไม้โบราณ ร่างเงาไร้หัวก็เข้าประชิด ก่อนคว้าร่างองค์ชายรองเดินหนึ่งก้าวขึ้นไปบนต้นพิสูจน์เต๋า เมื่อลำแสงพื้นที่รอบนอกพังลง เขาจึงพาองค์ชายรองห้อทะยานไปพันจั้งในพริบตาเดียว


ซูหมิงในตอนนี้ขึ้นต้นไม้โบราณไปเก้าพันจั้งแล้ว ตอนที่เขาก้มหน้ามองภาพข้างล่างและเห็นร่างเงาไร้หัว ในใจเขาสั่นสะท้าน ร่างเงานั้น…มองแวบแรกในความคิดลอยขึ้นมาเป็นศิษย์พี่ใหญ่


แต่เวลานี้ไม่มีเวลาขบคิดอะไรมากนัก ม่านแสงพังลงแล้ว องค์ชายใหญ่ที่เหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนข้างนอก และยังมีร่างเงาไร้หัวที่มีพลังเทียบเท่ามหาเต๋าสูงศักดิ์ข้างล่าง ตอนนี้กำลังลดความได้เปรียบของตนอย่างรวดเร็ว


พริบตาเดียวการพังลงของลำแสงก็ลุกลามเข้ามาใกล้ ขณะเดียวกับที่จะถูกทำลาย องค์ชายใหญ่พุ่งเข้ามายังลำต้นไม้โบราณ ดูจากร่างเงาเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าขณะที่เข้าใกล้ต้นไม้ก็คิดจะลงมือกับซูหมิงด้วย


อีกทั้งร่างเงาไร้หัวข้างล่างตอนนี้ตามมาใกล้มากแล้ว ห่างจากซูหมิงไม่ถึงสองพันจั้ง ถึงอย่างไรสองคนนี้ก็มีมหาเต๋าสูงศักดิ์ช่วย ซูหมิงจึงสู้ไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด


หากเป็นคนอื่นตอนนี้มีเพียงสองทางเลือก หนึ่งคือลดความเร็วลงทิ้งความได้เปรียบไป วิธีนี้จะหลีกเลี่ยงการสังหารได้ ถึงอย่างไรไม่ว่าองค์ชายใหญ่หรือองค์ชายรอง พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อผลเต๋า


และยังมีอีกทางเลือกหนึ่งคือเดินหน้าต่อโดยไม่สนใจเพื่อนำหน้าตลอด รักษาความได้เปรียบที่บางทีอาจจะน้อยจนไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเอาไว้ ทว่าซูหมิง…ไม่เลือกสองวิธีนี้ แต่หันหน้ากลับมามององค์ชายใหญ่ที่ตอนนี้อยู่นอกลำแสงที่จะพังลงด้วยสีหน้าเย็นชาแฝงไว้ด้วยการเย้ยเยาะเสี้ยวหนึ่ง


ซูหมิงตรึกตรองอย่างหนัก ตอนนี้เองเขาทำในสิ่งที่องค์ชายรองข้างล่างคาดไม่ถึง แม้แต่หลินตงตงยังไม่คิดว่าจะทำแบบนี้…


ซูหมิงยกมือขวาขึ้นเรียกแส้ดารา พริบตาที่ลำแสงพังลง เงาแส้ดาราพุ่งไปหาองค์ชายใหญ่ เขาจะลงมือก่อน!


พร้อมกับที่แส้ดาราปรากฏ ซูหมิงยกมือซ้ายขึ้นเรียกขวานนั้นมาอยู่ในมือ ก่อนฟันไปยังองค์ชายใหญ่!


ฟ้าดินเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว องค์ชายใหญ่ยิ้มเยาะมุมปาก แม้ตอนนี้เขาจะรับแรงกดดันมหาศาล แต่ก็มั่นใจว่าซูหมิงทำอะไรตนไม่ได้ แส้ดารานั้นเข้ามาใกล้ องค์ชายใหญ่จึงยกมือขวาชี้ไป บนนิ้วปรากฏดอกบัวดอกหนึ่ง มันแหลกสลายในทันใด กลายเป็นพายุคลั่งดอกบัวต่อต้านแส้ดารา


ในเวลาเดียวกันองค์ชายใหญ่ยกมือซ้ายขึ้นกดไปยังขวานที่ซูหมิงฟันเข้ามา พื้นที่บริเวณนี้เหมือนถูกผนึก ชั่ววูบเดียวก็แข็งค้าง ทำให้ขวานจากซูหมิงประหนึ่งตัดลงกลางน้ำ เกิดระลอกคลื่นขึ้น แต่กลับไม่อาจสั่นคลอนฟ้าดินที่ถูกผนึกได้


“ไม่รู้จักประมาณตน!” ความเย้ยเยาะจากองค์ชายใหญ่กลายเป็นเสียงดังแว่วมา ก่อนจะพุ่งตรงไปหาซูหมิงในฉับพลัน ทว่าเมื่อเขาเข้ามาใกล้ ดวงตาซูหมิงขยับประกาย คลายแส้ดาราในมือขวาแล้วกดตราประทับในฝ่ามือไปยังองค์ชายใหญ่ที่พุ่งเข้ามา!


ในเมื่อลิขิตไว้แล้วว่าอีกฝ่ายจะลงมือหลังลำแสงพังลง เช่นนั้นซูหมิงก็จะขอลงมือกับอีกฝ่ายดีกว่า ภายใต้การควบคุมของตน ดังนั้นเลยลงมือก่อนได้ เป้าหมายคือ…ให้องค์ชายใหญ่เข้ามาใกล้อย่างตอนนี้!


เมื่อซูหมิงกดมือขวาลง เมื่อองค์ชายใหญ่เข้ามาใกล้ ทันทีที่สองคนปะทะกัน องค์ชายใหญ่หน้าเปลี่ยนสี เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้า ขณะที่ตราประทับในมือขวาซูหมิงทำการสูบก็พลันปะทุพลังทั้งหมดที่สั่งสมมาตลอดทาง แม้จะสู้มหาเต๋าสูงศักดิ์ไม่ได้ แต่ก็เป็นการโจมตีที่เหนือกว่าเต๋าสูงศักดิ์


หากเป็นเวลาปกติ สำหรับมหาเต๋าสูงศักดิ์แล้ว แม้การโจมตีแบบนี้จะน่าตกใจอยู่บ้าง แต่ก็เผชิญหน้าได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ทว่าตอนนี้อยู่ในมิติชั้นสาม หลินตงตงบินขึ้นมาหมื่นจั้งต่อต้านแรงกดดันไว้มากยิ่งนักแล้ว ดังนั้นการโจมตีครั้งนี้…โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ยังสูบพลังเขาไปอีก จึงกลายเป็นข้อต่อสำคัญทันที!


เสียงครึกโครมดังกังวาน หลินตงตงหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกับหยุดชะงัก ร่างถอยไปในขณะที่ซูหมิงกระอักเลือดมาหนึ่งคำ หลุดออกจากต้นไม้แห่งพิสูจน์เต๋า


แต่พริบตาที่ลอยออกมา แรงกดดันจากฟ้าลงมาเยือน แส้ดาราที่ซูหมิงโยนออกไปก่อนหน้านี้ก็กลับมาพันร่างเขา ก่อนกระชากตัวเขาขึ้นไปข้างบนเหมือนมีคนกระชากขึ้นไป!


แส้ดาราที่ซูหมิงฟาดไปไม่ใช่การโจมตีองค์ชายใหญ่ นั่นเป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้น เป้าหมายจริงๆ ของแส้ดาราคือซูหมิงอาศัยความยาวของมันพันรอบลำต้นไม้ข้างบนไว้ จากนั้นใช้ดวงจิตควบคุมทำให้ตอนที่ตนถูกกระเทือนจนถอยออกมานั้น แส้ดาราก็พันร่างเอาไว้แล้วดึงขึ้นไป


ดังนั้นแล้วองค์ชายใหญ่จะเสียโอกาสไป ต่อให้ขวาง…แต่ซูหมิงมีตราประทับในมือขวา การสูบและโจมตีในพริบตาเมื่อครู่นี้ไม่ธรรมดาเลย มันมากพอจะสร้างความตื่นตกใจแก่อีกฝ่าย อีกทั้งการที่ร่างเงาหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก็ยังอยู่ในการคำนวณของซูหมิง เขาคำนวณอย่างแม่นยำว่าอีกฝ่ายไม่อาจขวางต่อได้ในทันที ทว่าตอนนี้องค์ชายรองห่างอีกพันกว่าจั้งแล้ว


ซูหมิงกุมในด้านจังหวะและโอกาสไว้อย่างแม่นยำยิ่ง หากเขากระทำช้ากว่านี้เล็กน้อย รอจนองค์ชายรองเข้ามาใกล้ เช่นนั้นต่อให้ทำแบบเดียวกัน สุดท้ายก็จะขวางองค์ชายใหญ่ได้ แต่ขวางองค์ชายรองไม่ได้


ทว่าตอนนี้ไม่ว่าองค์ชายใหญ่หรือองค์ชายรองต่างได้แต่มองซูหมิงถูกแส้ดารากระชากขึ้นไป แต่ถึงอย่างนั้นซูหมิงก็ต้องจ่ายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการกระอักเลือดก่อนหน้าหรือตอนนี้ที่ไม่ได้สัมผัสลำต้น แน่นอนว่าการฝืนกระชากขึ้นไปทำให้แรงกดดันจากผืนฟ้าแทบจะทำลายร่างเขา


ดีที่…ยิ่งเข้าใกล้ข้างบนแล้ว แม้จะไม่ได้สัมผัสลำต้น เขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมเข้มข้น ภายใต้การสูบกลิ่นอายพลังนี้อย่างรวดเร็วนั้น จึงทำการฟื้นฟูร่างกายที่จะรับไม่ไหวได้อย่างเร็วไว


เหตุการณ์นี้ดูเหมือนช้า แต่ความจริงเกิดขึ้นเพียงพริบตา ร่างซูหมิงถูกแส้ดารากระชากขึ้นไปห้าพันกว่าจั้ง ทวารจั้งเจ็ดบนใบหน้ามีโลหิตหลั่งไหล ทั่วร่างจะแหลกลาญ ตอนนี้เองเขาขยับไหวกลับไปยังลำต้นพิสูจน์เต๋า เมื่อคว้าลำต้นเอาไว้แล้วก็พุ่งขึ้นข้างบนอย่างไม่ลังเล


ข้างล่าง ดวงตาองค์ชายใหญ่เผยจิตสังหาร เขาก็พุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน นัยน์ตาองค์ชายรองเป็นประกายประหลาดใจ ก่อนหน้านี้ซูหมิงดูเหมือนมีอันตราย ทว่าความจริงมีการคำนวณอย่างแม่นยำ นี่ทำให้เขาตกใจและพลันพบว่าตนน่าจะต้องทำความรู้จักกับองค์ชายสามใหม่อีกครั้งแล้ว!


‘ไม่อยากเชื่อว่าจะรักษาความได้เปรียบไว้ได้ในระดับนี้…’ แววตาองค์ชายรองจริงจัง คำพูดในใจก็ดังขึ้นในฝ่ายอสุราเช่นกัน


ภายในฝ่ายอสุรา ดินเลนกลางรูปปั้นเก้ารูปตอนนี้ราบเรียบกลายเป็นกระจกโบราณบานหนึ่ง ในกระจก…มีภาพทุกอย่างที่องค์ชายรองเห็นในมิติชั้นสาม


เก้าคนรอบๆ ก็เห็นเหตุการณ์น่าตกใจจากซูหมิงก่อนหน้า เรื่องนี้ไม่ได้เผยขั้นพลังซูหมิง แต่แสดงให้เห็นถึงการคำนวณและความเด็ดขาดของเขา!


นี่ต่างหากที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เก้าคนนี้มีสีหน้าจริงจัง


“พวกเรา…ดูถูกองค์ชายสามท่านนี้แล้ว!”


“ใช่ ภายใต้สถานการณ์ตกเป็นรองแบบนี้ หากเป็นพวกเรา…เกรงว่าคงไม่อาจคิดวิธีแบบนี้ออกมาได้ในเวลาสั้นๆ อีกทั้งยังคำนวณถึงปฏิกิริยาโต้ตอบขององค์ชายรองกับหลินตงตงสำเร็จด้วย…”


“หึ ไม่อยากเชื่อว่าสำนักเอกะเต๋าจะใช้วิธีนี้ แต่ก็มีแค่พวกเขาที่ทำได้ ส่งมหาเต๋าสูงศักดิ์มาจากสำนักเอกะเต๋า ต่อให้เป็นพวกเราก็ต้องอาศัยกฏเท่านั้น ไม่เหมือนพวกเขา…ที่คำนวณการเปลี่ยนแปลงกฏเล็กน้อยเอาไว้ภายใน ทว่า ตอนนี้ดูแล้วในสำนักเอกะเต๋าก็คงเหมือนกับพวกเรา…ต้องคาดการณ์องค์ชายสามใหม่”


“แบบนี้ลิขิตไว้แล้วว่าเขาจะได้บรรลุมหาเต๋าสูงศักดิ์ อีกทั้งยังเจ้าแผนการขนาดนี้…ความน่ากลัวของเขาเหนือกว่ามหาเต๋าสูงศักดิ์แทบทุกคน!”


“การชิงบัลลังก์หกพันปีระหว่างองค์ชายไม่ได้บอกว่าห้ามให้ใครตาย…เรื่องนี้สำนักเอกะเต๋าที่ยึดถือวิชาแห่งดวงชะตาย่อมอยากให้เกิดขึ้นที่สุด…หากองค์ชายสามตายก็เท่ากับว่าสำนักเอกะเต๋าชิงดวงชะตาของเขามาได้…” เก้าคนเงียบลง แต่เมื่อมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มมุมปาก

 

 

 


ตอนที่ 1453

 

ข้ามีนามว่าเฮ่าเฮ่า

โดย

Ink Stone_Fantasy

ในสำนักเอกะเต๋า กลางฟ้าดินที่อยู่ของรูปปั้นโบราณสามรูป ทั้งฟ้าดินตอนนี้เหมือนผิวน้ำ กลางท้องน้ำกระเพื่อมเบาๆ สะท้อนเป็นภาพต่างๆ ของต้นพิสูจน์เต๋าในมิติชั้นนสาม


รวมถึงการวางแผนอย่างชาญฉลาดก่อนหน้านี้ของซูหมิง ภาพที่ขึ้นนำไปอีกห้าพันจั้งเผยออกมาอย่างชัดเจน


“เด็กคนนี้…ไม่ควรมีชีวิตออกจากที่นั่น”


“สหายหลิน ได้ผลเต๋ามาแล้วให้สังหารเขา แบบนี้จะชิงดวงชะตาเขามาได้ ดวงชะตานี้ไม่เพียงแต่รวมไว้ที่องค์ชายใหญ่เท่านั้น แต่ยังรวมไว้ในสำนักเอกะเต๋าของเรา กลายเป็นตะเกียงส่องแสงเรืองรองในสำนักเรา”


ท่ามกลางเสียงมืดทะมึนดังกึกก้องเหมือนดังแว่วเข้าไปในระลอกคลื่นผิวน้ำบนฟ้า เข้าไปในหูหลินตงตงบนต้นพิสูจน์เต๋าในมิติชั้นสาม


ในมิติชั้นสาม ทันทีที่ซูหมิงสัมผัสต้นพิสูจน์เต๋า ในใจพลันเกิดความรู้สึกถึงอันตรายเป็นตาย ช่วงที่ก้มหน้าลงก็เห็นองค์ชายใหญ่ที่ห่างไปห้าพันกว่าจั้งข้างล่าง ในดวงตามีจิตสังหารวูบผ่าน


จิตสังหารนี้รุนแรงจนซูหมิงเห็นแล้วต้องหรี่ตาแคบลง ก่อนมององค์ชายรองที่ห่างจากองค์ชายใหญ่พันจั้ง สิ่งที่เห็นคือจิตสังหารในแววตาองค์ชายรองเช่นกัน


‘จะสังหารข้าที่นี่รึ…’ ซูหมิงยิ้มมุมปากเย้ยเยาะ ขณะเดียวกันก็หมุนตัวกลับปีนขึ้นไปพร้อมด้วยกลิ่นอายคาวเลือด ซ้ำยังได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ เหมือนของเด็กดังแว่วมา


เสียงหัวเราะนั้นฟังครั้งแรกเหมือนเสียงเด็กดังกังวานข้างหูซูหมิง แต่ตอนที่มองไปรอบๆ กลับไม่พบอะไร


“ข้าอยู่ตรงนี้” ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงหัวเราะอีก แต่ดังแว่วมาให้ความรู้สึกเหมือนลอยล่อง ราวกับดังผ่านหูซูหมิงจากไกลๆ


ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ไม่ได้สนใจมากนัก แม้ตลอดทางมานี้จะไม่พบเรื่องประหลาดมากมาย แต่ด้วยประสบการณ์ชีวิต ตอนนี้ย่อมไม่รู้สึกประหลาดใจอะไร แต่ขยับวูบไหวขึ้นไปข้างบนต่ออย่างไม่ลังเล


ซูหมิงห้อเหยียดมาตลอดทาง กลิ่นหอมฟุ้งก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หลั่งไหลเข้าไปในรูขุมขนทั่วร่าง ทำให้แม้แรงกดดันจะมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่ได้ส่งผลต่อเขารุนแรงนักแล้ว


เหมือนกับว่า…ต้นไม้นี้เตรียมการไว้ให้เขา!


“กลิ่นอายพลังในตัวเจ้าทำให้ข้านึกถึงคนในครอบครัว…” เสียงดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ยังคงเป็นน้ำเสียงเด็ก แต่มีความห่อเหี้ยวน้อยๆ


“พวกเขาจากไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปที่ใด เหลือเพียงข้า…” ช่วงที่เสียงดังแว่วมา ซูหมิงพุ่งเข้าไปยังส่วนกลางของต้นพิสูจน์เต๋า ห่างจากแมกไม้ที่มาแทนที่ฟ้าอีกหลายหมื่นจั้ง


ข้างหลังเขา องค์ชายใหญ่ใช้พลังมหาเต๋าสูงศักดิ์ไล่ตามมาด้วยความเร็วเหนือกว่าซูหมิง จึงย่นระยะห่างเหลือสามพันจั้ง องค์ชายรองข้างหลังยังคงรักษาระยะห่างจากองค์ชายใหญ่หลายร้อยจั้ง


“สี่คนข้างหลังเจ้า นอกจากสามคนในนั้นแล้ว ข้าไม่ชอบคนอื่น อืม…ไม่ใช่สอง พูดให้ถูกคือในร่างกายหนึ่งมีวิญญาณสามดวง วิญญาณสามดวงนี้มีดวงหนึ่งทำให้ข้ารู้สึกใกล้ชิดเล็กน้อย เหมือนกับเจ้า…


และยังมีอีกคน นั่นคือคนที่ไม่มีหัว เขาไม่มีวิญญาณ แต่ร่างกายเขามีกลิ่นอายพลังที่ข้าคุ้นเคย…คนสุดท้าย ข้าชอบดวงตาขวาเขา…เพียงแต่พวกเขาแปลกมาก มีเพียงเจ้าที่กลิ่นอายพลังบริสุทธิ์มาก…เจ้า…เจ้าคือคนในครอบครัวข้ารึ?”


เสียงดังกึกก้องทำให้ซูหมิงหยุดชะงักทันที หรี่ตาแคบลงพลางห้อทะยานไปอีกครั้ง แต่พูดขึ้นในใจ


“เจ้าเป็นใคร?”


“ข้ารึ? ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร ข้าจำได้เพียงเมื่อก่อนเล่นกับผีเสื้อเก้าตัวบ่อยๆ…ข้างกายมีคนในครอบครัวเยอะแยะเลย พวกเขาชอบข้ามาก…แต่มีวันหนึ่งมีคนชั่วเข้ามา…” เสียงดั่งเด็กน้อยพูดไปพูดมาก็เศร้าโศก


ซูหมิงได้ยินดังนั้นในใจสั่นสะท้าน แต่เขาไม่มั่นใจในคำตอบที่ลอยมาในความคิดตอนนี้ ขณะห้อทะยานไปจึงถามขึ้นอีกครั้ง


“เจ้า…เจ้ามีนามว่าอะไร?”


“เฮ่าเฮ่า ข้าชื่อเฮ่าเฮ่า…ข้าถูกคนชั่วพามาที่นี่ แต่ข้าคิดถึงบ้าน…คนชั่วนั่นมัดร่างข้าไว้ ให้ข้าอยู่ได้แต่ที่นี่…


เจ้าทำให้ข้ารู้สึกใกล้ชิดมาก เจ้า…เป็นคนในครอบครัวข้ารึ?” เสียงดั่งเด็กน้อยลังเลครู่หนึ่งแล้วถามกลับเหมือนกลัวๆ เล็กน้อย


ซูหมิงจะตอบกลับ ทว่าทันใดนั้นองค์ชายใหญ่ข้างล่างดวงตาวาววับ ยกมือขวาขึ้นตบลำต้นพิสูจน์เต๋า ทันใดนั้นเสียงเขาดังก้องกังวานไปรอบๆ


“เต๋ากู่จั้ง สำนักเอกะเต๋า รวงดวงชะตาเปลี่ยนกฏ!” พูดจบ มิติชั้นสามพลันเกิดระลอกคลื่นนับไม่ถ้วน ขณะระลอกคลื่นนั้นขยายออก ร่างองค์ชายใหญ่เลือนรางโดยพลันแล้วหายไป ลมหายใจต่อมาปรากฏขึ้นข้างหลังซูหมิงห่างไปเพียงห้าร้อยจั้ง ร่างเขาชัดเจนขึ้นก่อนพุ่งไปหาซูหมิง


“ด้วยพลังวิญญาณเต๋าเล็กจ้อยไม่มีทางขึ้นไปถึงกิ่งไม่ได้หรอก การแย่งชิงครั้งนี้…ถูกลิขิตไว้แล้วว่าเจ้าทำไม่สำเร็จและต้องตายที่นี่ นี่คือโชคชะตาที่เจ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลง” เสียงองค์ชายใหญ่ดังกังวานเข้าถึงหูซูหมิง


ดวงตาซูหมิงเป็นประกายวาววับ สี่ดวงจิตใหญ่ปกคลุมในร่างกาย เข็มทิศใต้เท้าส่องแสงหมื่นจั้ง เมื่อซูหมิงปะทุพลัง เขาจึงยังคงรักษาความเร็วในการทะยานขึ้นข้างบนได้


ห่างจากแมกไม้ที่มาแทนที่ฟ้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนเหลือเพียงแค่สองหมื่นจั้งเท่านั้น เป็นตอนนี้เององค์ชายรองข้างล่าง ร่าวเงาไร้หัวนั้นขยับวูบไหวปะทุพลังน่าสะพรึง ความเร็วพุ่งพรวดขึ้นไม่น้อย ย่นระยะห่างเข้ามาใกล้อย่างต่อเนื่อง


ทว่าพลังซูหมิงห่างจากมหาเต๋าสูงศักดิ์มากเกินไป แม้แรงกดดันที่นี่จะรุนแรงอย่างยิ่ง แม้ซูหมิงจะมีกลิ่นหอมฟื้นฟูไม่หยุด แต่ระยะห่างห้าร้อยจั้งข้างหลังก็ยังเข้ามาใกล้ช้าๆ จนตอนที่ห่างจากแมกไม้ข้างบนหมื่นจั้ง องค์ชายใหญ่อยู่ข้างหลังซูหมิงห่างไปไม่ถึงสองร้อยจั้ง


“จะ…เจ้าอยากไปถึงแมกไม้รึ? เจ้า…เจ้าอยากไปบ้านเกิดข้าหรือไม่? หากเจ้าจะไปบ้านเกิด พาข้าไปด้วยได้หรือไม่? ข้าอยากกลับบ้าน…” เสียงเด็กดังแว่วมา ทำเอาซูหมิงใจสั่น


“เจ้าช่วยข้าไปถึงแมกไม่ได้รึ?”


“ได้สิ” สิ้นเสียงเด็ก ต้นพิสูจน์เต๋าที่ซูหมิงสัมผัสอยู่พลันอ่อนยวบลงกลายเป็นน้ำวนหนึ่งดึงร่างเขาเข้าไปข้างใน


ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนองค์ชายใหญ่อึ้งงัน องค์ชายรองหรี่ตาลง


ตอนนี้เองร่างซูหมิงไปปรากฏห่างจากแมกไม้สามพันจั้ง เหมือนเดินออกมาจากกลางต้นไม้โบราณ เมื่อปรากฏกายแล้วซูหมิงก็มีสีหน้าตื่นเต้น


“ข้าทำได้แค่นี้ เจ้าต้องรีบขึ้นไป ข้าจะรอเจ้าข้างบน พวกเราจะกลับบ้านเกิดด้วยกัน…เจ้าต้องการสองผลนั่นใช่หรือไม่…ดี ข้าจะให้เจ้า”


ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก ความเข้มข้นของกลิ่นหอมตรงนี้ทำให้เขาสูบทีเดียววิญญาณเต๋าที่ห้าในดวงตาที่สามก็เหมือนขยายใหญ่ขึ้น พลันสมจริงขึ้นไม่น้อย


เขาเงยหน้ามองยอดไม้ ตรงนั้นเห็นว่าบนยอดไม้มีผลอยู่สองผล จึงขยับวูบไหวพุ่งขึ้นไปด้วยความเร็วคงที่


ห่างจากข้างล่างไปหลายพันจั้ง หลินตงตงที่ยึดร่างองค์ชายใหญ่ชั่วคราวนัยน์ตาเผยจิตสังหารรุนแรง เขาไม่คาดคิดเลยว่าซูหมิงจะยังมีวิธีแบบนี้อยู่ วูบเดียวก็ย่นระยะห่างขนาดนี้ เขาจึงคำรามเสียงต่ำ ร่างกายเกิดเสียงดังปุงปัง ยกมือขวาชี้มวลอากาศ


“สหายสำนักเอกะเต๋าทุกท่าน ถึงเวลาการเปลี่ยนกฏแล้ว!”


พูดจบ ภายในโลกสำนักเอกะเต๋า ฟ้าดินที่สามรูปปั้นนั้นอยู่ ยามนี้ผู้ฝึกฌานที่นี่ต่างตกตะลึงกับภาพที่ซูหมิงทะลวงผ่านบนต้นไม้โบราณ ช่วงที่เสียงหลินตงตงดังแว่วมาจากในผิวน้ำบนฟ้า ดวงตาหกดวงของรูปปั้นโบราณสามรูปปั้นเปล่งแสงหม่นราวกับลืมตาขึ้น


ในเวลาเดียวกัน แสงหม่นหกสายดั่งสายรุ้งยาวพุ่งเข้าไปยังผิวน้ำบนฟ้า ขณะเดียวกับที่เข้าไป หลินตงตงที่ยึดร่างองค์ชายใหญ่ชั่วคราวพลันยกมือขวาขึ้น บนมือเกิดระลอกคลื่นจำนวนมาก ระลอกคลื่นกระจายออก ฟ้าดินรอบๆ พลันกลายเป็นสีมืดทึบเหมือนว่ากฏถูกเปลี่ยน พร้อมกันนั้นแรงกดดันจากต้นพิสูจน์เต๋าเบาบางลง หลินตงตงคำรามเสียงต่ำทีหนึ่งแล้วพุ่งตรงไปหาซูหมิงด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเกือบหลายเท่า


ด้วยความเร็วแบบนี้จึงย่นระยะห่างเข้ามาใกล้ซูหมิงเรื่อยๆ ฟ้าดินรอบๆ เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้า เห็นตาข่ายมายาเหลือคณานับรางๆ ปรากฏในโลกนี้ อีกทั้งยามนี้เองตาข่ายมายาที่นี่ถูกแสงหม่นโอบล้อม หากมองดีๆ จะเห็นว่าตาข่ายเหล่านี้…เหมือนกำลังถูกลดน้อยลง กระทั่งมีบางแห่งแตกเป็นเสี่ยงๆ!


เวลานี้ร่างเงาไร้หัวขององค์ชายรองตัวสั่นไปทั่วร่าง ราวกับว่าภายในร่างไร้หัวมีพลังบางอย่างกำลังลุกไหม้ เมื่อเกิดการเผาไหม้อย่างไรรูป ความเร็วเขาจึงเพิ่มขึ้นตาม ทะยานตรงไปยังยอดไม้ข้างบน


นี่คือการกระตุ้นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นซูหมิงหรืออีกสองคน ตอนนี้ต่างใช้ความเร็วทั้งหมดที่มีเป็นสายรุ้งสามสายพุ่งไปยังยอดไม้


สำหรับซูหมิงแล้วระยะห่างสามพันจั้งถือว่าไม่ไกล แต่สองคนข้างหลังตอนนี้ปะทุความเร็วโดยไม่สนสิ่งใด ทำให้ความได้เปรียบของซูหมิงกำลังถูกย่นระยะห่างเข้ามาใกล้อย่างเร็วรี่


ดวงตาซูหมิงเปล่งประกายเรืองรอง ขณะเดียวกับที่องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองไล่ตามมา เขาพุ่งขึ้นฟ้าไปราวกับดาวตก ขึ้นไปยังยอดไม้ต้นพิสูจน์เต๋าแทบจะพร้อมกับองค์ชายใหญ่


ทันทีที่พุ่งขึ้นมาซูหมิงตรงไปยังผลเต๋าผลเล็ก แต่องค์ชายใหญ่มีเป้าหมายที่ผลเต๋าผลใหญ่ สองคนเป้าหมายต่างกัน แต่มีทิศทางเดียวกัน


“รนหาที่ตาย!” นัยน์ตาองค์ชายใหญ่มีจิตสังหารอย่างโจ่งแจ้ง พลันสะบัดมือขวา พลังมหาศาลของมหาเต๋าสูงศักดิ์พุ่งตรงไปหาซูหมิง


“เฮ่าเฮ่าจะช่วยเจ้าเอง…” ตอนนี้เอง เสียงเด็กดังแว่วมาอีกครั้ง ต้นพิสูจน์เต๋าที่ตั้งตระหง่านแน่นิ่งมาไม่รู้กี่ปีโคลงเคลงไปมา

 

 

 


ตอนที่ 1454

 

เสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้าดิน เมื่อต้นพิสูจนเต๋าโคลงเคลง หลินตงตงที่ยึดร่างองค์ชายใหญ่ชั่วคราวหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ต่อให้มีพลังอย่างเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันยากจะบรรยาย แรงกดดันรวมมาที่ตัวเขาตามยอดไม้โคลงเคลง ทำให้เขากลายเป็นดั่งคนธรรมดา ร่างซวนเซถอยไปหลายก้าว พลังแห่งมหาเต๋าสูงศักดิ์ที่โจมตีใส่ซูหมิงหายไป


กระทั่งตอนนี้องค์ชายรองขึ้นมาบนแมกไม้แล้ว หน้าเปลี่ยนสีพลางถอยไปเช่นกัน


“ข้าจะกลับบ้าน!” เสียงเด็กดังก้องกังวานฟ้าดิน สิ้นเสียงต้นพิสูจนเต๋าโคลงเคลงรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ฟ้าดินสั่นสะเทือน ตาข่ายมายาใหญ่ปะทุพลังแห่งผนึกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน


การโคลงเคลงของต้นพิสูจนเต๋าส่งผลถึงองค์ชายใหญ่และองค์ชายรอง แต่สำหรับซูหมิงกลับส่งผลน้อยมาก แทบเป็นช่วงที่ต้นพิสูจนเต๋าโคลงเคลง ร่างเงาซูหมิงพุ่งไปยังผลพิสูจนเต๋า วูบเดียวก็เข้าไปใกล้ ช่วงที่จะคว้าผลเต๋าลูกเล็กนั้น องค์ชายใหญ่คำรามเสียงดังสนั่น


“ข้าหลินตงตง สืบทอดวิชาแห่งดวงชะตามหาจักรพรรดิกู่จั้ง ฝึกฝนมหาเต๋าสูงศักดิ์ วันนี้ขอใช้ดวงชะตาสำนักเต๋ากู่จั้ง ใช้มรดกแห่งมหาจักรพรรดิกู่จั้งเปลี่ยนกฏ กฏที่นี่จงหายไป!”


หลินตงตงที่ยึดร่างองค์ชายใหญ่ชั่วคราวตาแดงก่ำ หากผลเต๋าถูกซูหมิงชิงไปต่อหน้าต่อตา เช่นนั้นคงเป็นความอัปยศต่อเขา ยามนี้แม้ต้นพิสูจนเต๋าจะโคลงเคลงอย่างรุนแรง แต่หลินตงตงก็ยังคำราม ทั้งฟ้าดินเกิดเสียงอึกทึก ตาข่ายใหญ่มายาพลันถูกทอนกำลังลงเล็กน้อย ส่วนที่เสียหายอยู่แล้วแหลกเป็นเสี่ยงๆ ส่วนที่แหลกเป็นเสี่ยงๆ…เชื่อมกันเป็นช่องโหว่รอยแตก!


ขณะเดียวกัน ร่างหลินตงตงเป็นสายรุ้งยาว ภายใต้การเปลี่ยนกฏ ขั้นพลังเขาจึงไม่ถูกควบคุมอีก ก่อนปะทุขึ้นพร้อมทะยานไปหาซูหมิง


ใบหน้าเขาในสายรุ้งยาวเปลี่ยนไป ดูแล้วไม่ใช่องค์ชายใหญ่อีก แต่ใกล้จะกลายเป็นหน้าหลินตงตง


นี่คือการที่เขาเพิ่มพลังในการยึดร่าง กระทั่งทำลายรากฐานขององค์ชายใหญ่อย่างไม่เสียดาย ยามนี้พุ่งไป อาศัยการเปลี่ยนกฏสลายพลังฟ้าดินที่ปะทุมายามต้นพิสูจนเต๋าโคลงเคลง พุ่งทะยานไปหาซูหมิงในพริบตา


ทว่าเขาก็ยัง…ช้าไปก้าวหนึ่ง!


ซูหมิงเด็ดผลเต๋าลูกเล็กมาแล้ว ถึงขั้นโบกมือขวาคว้าไปยังผลเต๋าลูกใหญ่แล้ว!


“ไสหัวไป!” หลินตงตงเข้ามาใกล้ในทันใด คำรามเสียงต่ำพลางสะบัดแขนเสื้อ พลังมหาศาลที่ซูหมิงไม่อาจต่อต้านปะทะใส่ร่าง นี่คือการโจมตีด้วยโทสะของมหาเต๋าสูงศักดิ์ ซูหมิงตัวสั่น ถอยไปยังกระอักเลือดต่อเนื่องกันหลายครั้ง ร่างกายจะแหลกลาญ ความเป็นตายถึงชีวิตประหนึ่งน้ำทะเลสาบจะจมร่างเขา


โลหิตไหลจากมุมปากซูหมิง ร่างหมุนกระเด็นถอยไป หลินตงตงคว้าผลเต๋าลูกใหญ่ไว้ องค์ชายรองหรี่ตาลงพุ่งไปหาซูหมิงพร้อมกับร่างเงาไร้หัวข้างๆ ตอนนี้เองซูหมิงยกมือขวาขึ้นนำผลเต๋าในมือขึ้นมาตรงริมฝีปากก่อนสูบทีหนึ่ง ผลเต๋าพลันแห้งเหี่ยวลงแล้วหายไป


นัยน์ตาองค์ชายรองเผยประกายชั่วร้าย แต่กลับไม่โกรธ ทว่าก็มืดทะมึนกว่าเดิม ช่วงที่เข้าไปใกล้ซูหมิงในพริบตานั้น เสียงเขาดังกึกก้อง


“หากไม่กินผลเต๋า ข้าก็คงเห็นแก่สายเลือดไม่ลงมือสังหารเจ้า แต่เจ้ากินผลเต๋า คงต้อง…หลอมร่างเจ้าออกมาเป็นพลังแห่งผลเต๋าแล้ว”


“เฮ่าเฮ่า!” ดวงตาซูหมิงขยับประกายก่อนพูดขึ้นโดยพลัน


ยามนี้เอง ขณะต้นพิสูจนเต๋าโคลงเคลงก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง เสียงสะเทือนฟ้าดินดังกังวานไปรอบๆ ต้นพิสูจนเต๋าไม่ได้โคลงเคลงเพียงแมกไม้ แต่ลำต้นสั่นไหวอย่างรุนแรงเช่นกัน แม้แต่แผ่นดินข้างล่างยังเกิดรอยร้าวยักษ์ขึ้นตามการโคลงเคลงของต้นพิสูจนเต๋า กระทั่งในมิติชั้นสองยังเกิดการสั่นไหวแบบนี้อย่างรุนแรง


โดยเฉพาะในมิติชั้นหนึ่ง เมื่อต้นพิสูจนเต๋าโคลงเคลง ต้นไม้แสนต้นบนแท่นบวงสรวงแสนแห่งพลันโยกเยกพร้อมกัน จากนั้นเกิดพลังแห่งการทำลายล้างขึ้นราวกับจะระเบิดตัวเอง ทว่าตอนนี้เอง ในมิติชั้นสองกับชั้นสามปรากฏตาข่ายใหญ่ไม่มีสิ้นสุดขึ้น ตาข่ายเหล่านี้ห่อหุ้มฟ้าดิน ทำให้กลิ่นอายพลังที่จะระเบิดตัวเองถูกควบคุมเอาไว้


แต่เหตุการณ์นี้ก็สร้างความตกใจแก่ผู้ฝึกฌานมิติชั้นหนึ่งกับชั้นสองเช่นกัน มีผู้ฝึกฌานไม่น้อยที่ตอนนี้หวาดกลัวและเลือกไปจากที่นี่ทันที


ผืนฟ้าแคว้นกู่จั้ง ตอนนี้ในหลุมดำของน้ำวนมีร่างเงาผู้ฝึกฌานบินออกมาไม่น้อย ทั้งผืนฟ้าเกิดเสียงโครมคราม น้ำวนจะพังทลายลง แต่กลับถูกตาข่ายมายาใหญ่ปกคลุมเอาไว้


ภายในเมืองหลวงใต้น้ำวน กลางเมืองหลวง ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมจักรพรรดิกำลังยืนอยู่บนแท่นบวงสรวงของลานวังจักรพรรดิ บนแท่นบวงสรวงมีหม้อใหญ่ใบหนึ่ง ใต้หม้อมีมังกรสีดำตัวหนึ่งนอนหมอบเอาตัวพันรอบทั้งแท่นบวงสรวง


ยามนี้มันลืมตาขึ้นเปล่งเสียงคำรามแหลม


“มีคนรบกวนกฏ…ทำให้ดวงชะตากำลังเปลี่ยน…ภัยพิบัติมาเยือน สารแห่งห้องลับมหาจักรพรรดิ หรือว่าจะมีอันตราย” ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมจักรพรรดิมองมังกรที่กำลังคำรามพลางพูดพึมพำ


ขณะเดียวกันในสำนักเอกะเต๋า ตอนนี้มีสายรุ้งยาวบินออกมาจากกลางโลกสามรูปปั้นโบราณทีละสาย สามรูปปั้นสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง ฝุ่นธุลีล่วงหล่นลงมาเหลือคณานับ ดูแล้วเหมือนอยู่ในโกลาหล


“อย่าเปลี่ยนกฏ ทำให้กฏเป็นเหมือนเดิม!”


“หลินตงตง เจ้าเปลี่ยนกฏต่อไม่ได้แล้ว!”


ท่ามกลางน้ำเสียงร้อนรนดังก้อง แม้แต่ในฝ่ายอสุราตอนนี้ยังสั่นสะเทือน ชายชราบนเก้ารูปปั้นมองทุกอย่างในกระจก เบิกตากว้างอ้าปากค้าง


“นี่มัน…”


“ต้นพิสูจนเต๋ากำลังจะหลุดออกจากกฏในตอนนั้นของมหาจักรพรรดิ สำนักเอกะเต๋าสมควรตาย พวกเขาไม่ควรเปลี่ยนกฏเช่นนี้!”


ตอนนี้เองภายในมิติชั้นสาม ต้นพิสูจนเต๋าโคลงเคลงรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ฉีกตาข่ายใหญ่มายาออก ทำให้ทุกอย่างที่นี่ประหนึ่งฟ้าดินกลับตาลปัตร เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง


แม้แต่มิติชั้นสองยังสั่นสะเทือนตาม ตาข่ายมายาไม่อาจปกคลุมแท่นบวงสรวงหมื่นแห่งที่นั่นได้ต่อจึงพังทลายลง


เมื่อพังทลาย ลำต้นพิสูจนเต๋าพลันตั้งตระหง่านอยู่กลางซากปรักหักพัง แรงกดดันมหาศาลตามมา ชั่ววูบเดียว…ผู้ฝึกฌานที่ไม่ได้ออกจากชั้นสองรับแรงกดดันจนร่างระเบิดออกพร้อมกัน โลหิตพวกเขาพุ่งตรงไปยังลำต้น ถูกสูบกินไปอย่างเร็วไว!


ขณะเดียวกันมิติชั้นสอง…ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ พังทลายลงอย่างสมบูรณ์!


ต่อมาก็ตัดการเชื่อมต่อกับมิติชั้นสาม ซ้ำยังทำให้ชั้นหนึ่ง…เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงตามมา นั่นคือเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นที่แท่นบวงสรวงแสนแห่ง!


บนท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงแคว้นกู่จั้งมีร่างเงานับไม่ถ้วนบินออกมาจากในน้ำวนนั้นด้วยความตระหนก ในนั้นมีพวกกู่ไท่ พวกเขารีบออกมาจากชั้นสองอย่างรวดเร็ว ความหวาดกลัวต่ออันตรายถึงชีวิตทำให้พวกเขาสนใจอะไรได้ไม่มากนัก ยามนี้บินออกมาจากน้ำวนมาปรากฏตัวบนฟ้าแคว้นกู่จั้ง ก็เกิดเสียงดังสนั่นฟ้ากึกก้องไปทั้งแคว้นกู่จั้ง


นั่นคือ…น้ำวนบนฟ้าถล่มลง ตาข่ายมายาใหญ่ที่ปกคลุมข้างบนแหลกลาญไป เสียงโครมครามดังสะเทือนฟ้าดิน น้ำวนนั้น…แหลกเป็นชิ้นๆ แม้แต่มิติชั้นหนึ่งยังระเบิดออกทั้งหมด


การระเบิดตัวเองของแท่นบวงสรวงแสนแห่งทำให้มิติพังพินาศลง!


การพังพินาศครั้งนี้เหมือนตัดการเชื่อมต่อทุกอย่างระหว่างแคว้นกู่จั้งกับต้นพิสูจนเต๋า ทำให้นับจากนี้ไป แคว้นกู่จั้งจะไม่ปรากฏผลเต๋าอีก


เรื่องนี้เหมือนกับภัยพิบัติที่มาอย่างกะทันหัน เมื่อน้ำวนบนฟ้าพังลงและค่อยๆ หายไปนั้น ผ่านไปพักใหญ่ทั้งผืนฟ้ากลับมาสงบลงทีละน้อย ตอนนี้เองร่างเงาจำนวนมากบนเมืองหลวงต่างเหม่อมองฟ้า ในความคิดขาวโพลน


ผู้ฝึกฌานที่หนีออกมามีไม่น้อย แต่คนที่หนีออกมาไม่ทันก็มีไม่น้อยเช่นกัน รวมถึงซูหมิง องค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง ล้วนถูกขังอยู่ในนั้น ตอนนี้เมื่อน้ำวนพังทลายลงก็เท่ากับไม่มีทางกลับแล้ว


จนฟ้ากลับมาเป็นปกติ เสียงคำรามของมังกรดำในเมืองหลวงบนพื้นดินดังกังวานเป็นพิเศษ…


ในสำนักเอกะเต๋า ฟ้าดินสั่นไหว รูปปั้นมหาจักรพรรดิกู่จั้งสามรูปถล่มลงสองรูป ทั้งสำนักเอกะเต๋าอยู่ในโกลาหล…


ในการเปลี่ยนแปลงฟ้าดินครั้งนี้ ตอนนี้บนรูปปั้นเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่พังลงมีร่างเงายืนอยู่สามคน หนึ่งในนั้นคือเซินมู่ ชายชราอีกสองคนอยู่ข้างๆ เป็นสองในสี่มหาเต๋าสูงศักดิ์ของสำนักเอกะเต๋า


ชื่อหยางกับไป๋ลู่!


“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีกลับมา แต่แบบนี้ก็ดี คนที่ออกมาจะได้เป็นว่าที่องค์รัชทายาท!” สามคนมองหน้ากันและกันแล้วต่างเห็นถึงความมืดทะมึนในดวงตากัน


และยังมีฝ่ายอสุรา แม้ภายในจะไม่เกิดความวุ่นวาย แต่เหตุการณ์ต่างๆ ในมิติชั้นสามสร้างความตกตะลึงแก่พวกเขาแล้ว


ส่วนสำนักอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นเช่นนี้ ต่างตกตะลึงกับการที่มิติต้นพิสูจนเต๋าถูกทำลาย กระทั่งพวกเขายังจำได้ว่า…สามองค์ชายเหมือนจะถูกขังอยู่ในนั้น!


“ตอนที่พบกันอีกครั้งน่าจะเป็นนอกประตูเมือง…” กลางเมืองหลวง ร่างเงาแก่ชราสวมงอบเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ผ่านไปพักใหญ่ถึงถอนหายใจเบา


ขณะเดียวกันในหมูบ้านภูเขาเล็กทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นกู่จั้ง เสียงตัดฟืนเงียบไปครู่หนึ่ง ชายชราในลานบ้านมองไม้ตรงหน้า ก่อนเงยหน้าขึ้นมองฟ้าไกลเงียบๆ


“พันปีจากนี้อาจารย์จะไปเมืองหลวง พวกเราตาแก่สามคนจะสู้กัน เจ้า…จะกลับมาทันหรือไม่…ช่างเถอะ อาจารย์จะรอเจ้า!” ชายชราพูดพึมพำแล้วก้มหน้าลงเงียบๆ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)