Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา 1446-1450

 ตอนที่ 1446

 

สร้างความตกใจแก่เต๋าสูงศักดิ์

โดย

Ink Stone_Fantasy

ผู้ฝึกฌานสำนักเจ็ดจันทราหมื่นกว่าคนพุ่งขึ้นไปข้างบนภายใต้การนำของเต้าหานและสวี่จงฝาน จุดที่ผ่านจะเกิดการเข่นฆ่าไม่มีสิ้นสุด เสียงครึกโครมดังกึกก้อง ฟ้าดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง


จนกระทั่งข้างบนพวกเขาปรากฏแท่นหินยักษ์อีกแห่ง แท่นหินนี้มีขนาดราวแสนจั้ง ด้านบนมีผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคนกำลังรบกัน มองไปมีฝ่ายอสุรา สำนักเอกะเต๋า และยังมีกองทัพใหญ่ที่นำโดยผู้อาวุโสใหญ่หลายคนจากสำนักเจ็ดจันทรา


เพียงแต่ว่าสำนักเจ็ดจันทราดูอ่อนแอกว่าอย่างเห็นได้ชัด กำลังถูกบีบให้ถอยไปเป็นจังหวะ ทำให้สนามรบบนแท่นหินกลายเป็นการจู่โจมฝ่ายเดียวของสำนักเอกะเต๋ากับฝ่ายอสุรา


จนเมื่อเต้าหานพาผู้ฝึกฌานหมื่นกว่าคนมาถึงก็ดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกฌานคนอื่นบนแท่นราบทันที เมื่อมีคนมองมาเรื่อยๆ ผู้ฝึกฌานสำนักเจ็ดจันทราจึงตะโกนด้วยความตื่นเต้น


“ฆ่า!” เสียงคำรามต่ำดังแว่วมาจากสำนักเอกะเต๋า ฝ่ายอสุราเองก็เหมือนตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วจึงไม่ยุ่งกับสำนักเอกะเต๋าอีก แต่พุ่งตรงไปยังผู้ฝึกฌานสำนักเจ็ดจันทรา เห็นได้ว่าสองสำนักนี้จะร่วมมือกันกำราบสำนักเจ็ดจันทราก่อน


ถึงอย่างไรมองจากความได้เปรียบ สำนักเจ็ดจันทราที่มีกู่ไท่ย่อมมีข้อได้เปรียบอย่างแน่นอนในมิติชั้นสอง


แทบเป็นช่วงที่เสียงเข่นฆ่าจากสามฝ่ายดังกึกก้อง เต้าหานดวงตาขยับประกายวาววับ ก่อนบินออกไปพร้อมเอ่ยเสียงดังขึ้นในใจซูหมิง


“ที่นี่คือฟ้าชั้นหก ข้างบนเป็นชั้นเจ็ดแปดเก้า ทุกชั้นจะมีแท่นราบที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เจ้าสำนักอยู่ที่นั่น ไม่รู้ว่าอยู่ชั้นใด พวกข้าจะขวางคนอื่นไว้ที่นี่เอง เจ้า…รีบไป!” เต้าหานพูดจบก็พาผู้ฝึกฌานสำนักเจ็ดจันทราบุกเข้าไปในกองทัพสำนักเอกะเต๋ากับฝ่ายอสุรา ตอนนี้เองเกิดเสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้า


ซูหมิงเงยหน้าขึ้นมองข้างบนแวบหนึ่ง ตรงนั้นมีมวลอากาศไม่มีสิ้นสุดกั้นไว้ เขาเห็นรางๆ ว่าข้างบนยังมีแท่นหินที่ใหญ่กว่าอีกก้อนหนึ่ง เพียงแต่ว่าระยะทางไม่ใกล้ จะไปถึงต้องใช้เวลาเล็กน้อย


เขาขยับวูบไหวอย่างไม่ลังเล พาสุนัขใหญ่สี่ตัวพุ่งขึ้นฟ้าชั้นเจ็ดไปในฉับพลัน แต่ช่วงที่เขาบินขึ้น กลับมีร่างเงาหนึ่งบินออกมาจากในฝ่ายอสุราและสำนักเอกะเต๋า พุ่งตรงมาที่เขา ร่างเงาสองคนนี้เป็นชายหญิง มีพลังเต๋าสูงศักดิ์


ช่วงที่บินออกมาได้ฉีกฟ้าลากยาวราวกับดาวตกทวนวงโคจรสองดวงพุ่งขึ้นจากพื้นดิน หมายจะชนกับมวลอากาศ ขณะเดียวกับที่เข้าใกล้ซูหมิงอย่างรวดเร็วนั้นได้ปะทุพลังและวิชาอภินิหาร เต๋าสูงศักดิ์จากสำนักเอกะเต๋าเป็นชายชรา หน้ามืดทะมึน ชั่วขณะที่ลงมือปรากฏจุดดารารอบตัว ประหนึ่งว่าปรากฏผืนฟ้าในทันใด ดาวทุกดวงในผืนฟ้านั้นล้วนเป็นอภินิหารของเขา


ส่วนสตรีจากฝ่ายอสุราข้างๆ ดูจากอายุแล้วราวๆ ยี่สิบปี แต่ความเย็นชาในดวงตารวมถึงความรู้สึกถึงกาลเวลาเห็นได้ชัดว่าเป็นตัวประหลาด ยามนี้บินออกมาโบกมืองาม ตรงข้อมือปรากฏกระดิ่งใบเล็กพวงหนึ่ง เสียงกระดิ่งไพเราะดังกังวาน ภายในมวลอากาศรอบตัวนางปรากฏหงส์เป็นสีสันนับไม่ถ้วน ระหว่างที่วนเวียนรอบตัวนางก็พุ่งตรงไปหาซูหมิงพลางร้องเสียงแหลม


นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายเย็นชา สุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวมีสองตัวพุ่งไปยังสตรีจากฝ่ายอสุราคนนั้น อีกสองตัวดวงตาดุร้าย พุ่งเข้าไปใกล้ชายชราสำนักเอกะเต๋าที่เข้ามาใกล้ เสียงอึกทึกสะเทือนฟ้าดิน กลายเป็นแรงปะทะกระจายไปรอบๆ


เหมือนกับเกิดพายุคลั่งขึ้น ชายชราจากสำนักเอกะเต๋าหรี่ตาลง แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนแรกที่เพิ่งตื่นตกใจสุนัขใหญ่สีขาวข้างกายซูหมิง ยามนี้ถอยไปอย่างรวดเร็ว ร่างเงาซูหมิงเหยียบเข็มทิศมาปรากฏข้างหลังชายชราในพริบตาแล้วก็ยกมือขวาขึ้นกด ตอนนี้เองชายชราหมุนตัวกลับ นัยน์ตาเผยจิตสังหาร ยกมือซ้ายขึ้นตาม ปรากฏดารานับไม่ถ้วนตรงหน้าเขาโดยพลัน จากนั้นดิ่งตรงไปหาซูหมิง


เสียงระเบิดดังสนั่นฟ้าอีกครั้ง ซูหมิงโลหิตไหลจากมุมปาก ทว่ากลับไม่ถอยแต่บุกเข้าไป ส่วนชายชราสำนักเอกะเต๋ามีสีหน้าตกใจกลัวเสี้ยวหนึ่ง การโจมตีเมื่อครู่นี้ เขารู้สึกชัดว่าพลังตนหายไปมากกว่าหนึ่งส่วน ที่หายไปไม่ได้ไหลเข้าสู่มวลอากาศ แต่ถูกองค์ชายสามตรงหน้าสูบไป


เหตุการณ์นี้ทำให้เขาตื่นตัวขึ้นมาทันใด ตอนนี้เห็นซูหมิงไม่สนใจอาการบาดเจ็บ ชายชราจึงหรี่ตา ชั่วขณะที่จะถอยไปนั้น สุนัขใหญ่สีขาวสองตัวเข้ามาใกล้จากซ้ายขวาแล้ว


เกิดเสียงอึกทึกสะเทือนฟ้าอีกครั้ง ระหว่างที่ระลอกคลื่นบิดเบี้ยวเป็นชั้นๆ นัยน์ตาชายชราฉายแววตื่นกลัว กระอักเลือดมาคำหนึ่งแล้วถอยไปอย่างรวดเร็ว ส่วนซูหมิงไล่ตามอยู่ข้างหลังด้วยสีหน้าเย็นชา


ตอนนี้ชายชราตกตะลึงแล้ว การปะทะกันก่อนหน้านี้ เขาสังเกตเห็นได้ทันทีว่าพลังตนถูกสูบหายไปมากกว่าสองส่วน รวมกับก่อนหน้านี้แล้วหายไปสามส่วน นี่ทำให้เขาที่เห็นซูหมิงไล่ตามมาถึงตื่นกลัว ตอนนี้ถอยหนีโดยไม่สนใจฐานะแล้ว


ดังนั้นในมุมมองคนอื่นชายชราจึงเหมือนกลัวซูหมิง กำลังถอยหนีอย่างเร็วไว สตรีฝ่ายอสุราเห็นภาพนี้แล้วก็มีสีหน้าจริงจัง ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ เต๋าสูงศักดิ์คนหนึ่งถูกผู้ฝึกฌานวิญญาณเต๋าล่าสังหาร เรื่องนี้มันเหนือความคาดหมายเกินไป!


ซูหมิงมองชายชราที่กำลังหนีอย่างรวดเร็วอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนละสายตากลับมามองสตรีฝ่ายอสุราที่กำลังมองเหตุการณ์นี้ แม้นางจะมีพลังเต๋าสูงศักดิ์ แต่ช่วงที่ซูหมิงมองมา นางนึกถึงสีหน้าตื่นกลัวของชายชราสำนักเอกะเต๋าจึงถอยไปหลายก้าวโดยจิตใต้สำนึก


ซูหมิงไม่ได้ไล่ตามต่อ แต่เมื่อละสายตากลับแล้วก็พาสุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวบินขึ้นฟ้าไป ตอนนี้ไม่มีใครกล้าขวาง บรรยากาศพิลึกอบอวลในใจผู้ฝึกฌานบนสนามรบที่เห็นซูหมิงล่าสังหารเต๋าสูงศักดิ์ก่อนหน้า


สตรีฝ่ายอสุราก็ไม่ได้ขวางซูหมิง ส่วนชายชราเต๋าสูงศักดิ์ที่ตอนนี้ถอยไปพันจั้งหน้าซีดขาวแฝงไว้ด้วยความมืดทะมึน แต่กลับเพียงแค่มองซูหมิงจากไป กระทั่งตอนที่เห็นซูหมิงไปแล้วจริงๆ นั้น ยังถอนหายใจโล่งอกอยู่ภายใน


แม้ความรู้สึกนี้จะอึดอัด แต่พอนึกถึงอภินิหารน่าสะพรึงของซูหมิงแล้ว ชายชราพลันตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าภายภาคหน้าหากพบองค์ชายสามจะไม่ล่วงเกินง่ายๆ อย่างเด็ดขาด


‘คนนี้…ชั่วร้ายเกินไป พลังที่หายไปสามส่วนไม่ได้หายไปธรรมดา แต่ถูกสูบไป ข้าต้องใช้เวลาอย่างน้อยสุดพันปีถึงจะเติมเต็มกลับมาได้’ ชายชรารู้สึกขมขื่นเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลายเป็นหนึ่งในความคิดที่หวาดกลัวต่อซูหมิง


ซูหมิงพาสุนัขใหญ่สีขาวกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งขึ้นไป ราวครึ่งก้านธูปต่อมาก็เห็นแท่นราบยักษ์ของฟ้าชั้นเจ็ด


ตอนนี้บนแท่นราบมีผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคนกำลังรบกัน ขวางไม่ให้อีกฝ่ายขึ้นข้างบน ขวางไม่ให้ใครขึ้นไปยังฟ้าชั้นแปด


แทบเป็นพริบตาที่ซูหมิงปรากฏตัว ทันใดนั้นมีผู้ฝึกฌานเห็นซูหมิงแล้วใช้อภินิหารโจมตีเข้ามาจำนวนมาก ตอนนี้สุนัขใหญ่สีขาวรอบตัวซูหมิงวิ่งวนรอบตัวเขากลายเป็นแสงสีขาว หลังอภินิหารเหล่านั้นปะทะแสงสีขาวแล้วก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ซูหมิงกระโดดลอยขึ้นโดยไม่ได้รับบาดเจ็บเลย เขาไม่ได้ไปฟ้าชั้นแปด แต่ทำการสังหารบนพื้นดิน


เขาสังหารเพียงผู้ฝึกฌานสำนักเอกะเต๋า ส่วนฝ่ายอสุรา เว้นแต่จะลงมือก่อน มิเช่นนั้นจะไม่มองแม้แต่หางตา ระหว่างทางในหลายหมื่นคนมีสุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัววนรอบ ซูหมิงบุกไปเหมือนไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ ข้างหลังกองเป็นศพแห้งจำนวนมาก พลังชีวิตและขั้นพลังของผู้ฝึกฌานเหล่านี้ถูกตราประทับมือขวาสูบไปทั้งหมด


แส้ดาราตวัดไปมา เกิดเสียงกึกก้องรอบตัวซูหมิง ทุกการฟาดหนึ่งครั้งจะทำให้ผู้ฝึกฌานโดยรอบมีสีหน้าหวาดกลัวราวกับเสียวิญญาณไป ซูหมิงจึงบุกเข้าไปได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ


จนกระทั่งมีดวงตาคู่หนึ่งประหนึ่งสายฟ้ามองมาที่ซูหมิงจากในกลุ่มคนไกลๆ เขาหยุดชะงักครู่หนึ่ง ปล่อยมือขวาจากคอผู้ฝึกฌานสำนักเอกะเต๋าตรงหน้า ไม่สนใจศพแห้งที่ล้มลงกับพื้น แต่หันหน้ากลับมองไปยังที่มาของดวงตานั้นบนสนามรบที่มีผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคนกำลังเข่นฆ่ากัน


เขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง สวมชุดคลุมใหญ่สีเหลือง หน้าตาหล่อเหลา ยืนอยู่ตรงนั้นมีผู้ฝึกฌานคุ้มกันอยู่รอบๆ มือขวาถือหมวกใบหนึ่ง นั่นคือหมวกที่มีเขาน่ากลัวสองเขา ยามเส้นผมยาวแกว่งไกว ดวงตาเขากับซูหมิงเพ่งมองกันผ่านสนามรบ


“น้องเล็ก!” ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เอ่ยราบเรียบ เสียงดังแว่วไปทั่วสนามรบเข้าถึงหูซูหมิง


ซูหมิงมีสีหน้าปกติ พลังองค์ชายรองคนนี้ยังไม่ถึงเต๋าสูงศักดิ์ แต่บรรลุวิญญาณเต๋าขั้นห้า ห่างจากเต๋าสูงศักดิ์อีกก้าวเดียว แต่จะเห็นได้ชัดว่าก้าวนี้ไม่ง่าย ดังนั้นผลเต๋านี้จึงเป็นของที่สำคัญกับเขาอย่างยิ่ง


“เราไม่ได้พบกันแบบนี้มานานมากแล้ว น้อยชายที่รักของข้า” ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเหลืองตัวใหญ่กล่าวเสียงเบา ตอนนี้เองชายชราสี่คนข้างกายเขามองซูหมิง


ชายชราสี่คนนี้มีพลังเต๋าสูงศักดิ์!


“องค์ชายใหญ่อยู่ชั้นแปด ในเมื่อเจ้ากับข้าพบกันที่นี่ ตามเจตนาเดิมแล้วก็ควรให้เจ้าไปชั้นแปด แต่ว่า…พอพบเจ้าแล้วข้ากลับเปลี่ยนใจ เจ้า…อยากสู้กับข้าหรือไม่?” ดวงตาซ้ายชายหนุ่มชุดคลุมเหลืองเปล่งแสงหม่น แต่ดวงตาขวาขุ่นมัว เหมือนซ่อนน้ำวนเอาไว้ ยามนี้มองซูหมิง คำพูดกึกก้องสนามรบแห่งนี้ ทำให้ผู้ฝึกฌานระหว่างซูหมิงกับองค์ชายรองพากันหลีกทางเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ เปิดเป็นเส้นทางสายหนึ่ง

 

 

 


ตอนที่ 1447

 

ปะทะองค์ชายรอง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ทันทีที่ปรากฏเส้นทางนี้ ชายชราสี่คนข้างองค์ชายรองก้าวเดินออกมา กลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งตรงไปหาสุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวรอบซูหมิง


สุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวนี้มีพลังเต๋าสูงศักดิ์ ช่วงที่ซูหมิงขึ้นมายังแท่นราบนี้ ผู้คนโดยรอบก็รับรู้แล้ว ยามนี้เข้ามาใกล้ สุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวเผยประกายดุร้ายก่อนพุ่งตามไป เสียงดังสนั่นฟ้า นั่นคือเสียงที่เกิดจากการปะทะกันระหว่างสุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวกับเต๋าสูงศักดิ์สี่คน


ขณะเดียวกันองค์ชายรองเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยด้วยสีหน้าโอหัง วางหมวกในมือลงข้างๆ สะบัดแขนเสื้อกลายเป็นสายรุ้งยาวสีเหลืองพุ่งเข้าไปหาซูหมิง


ซูหมิงมีสีหน้าปกติ มององค์ชายรองเข้ามาใกล้อย่างเย็นชา ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้เขาไม่กล่าวเลย เพียงแต่ตอนนี้ยกมือขวาขึ้น แส้ดาราเหนี่ยวนำการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดิน เหมือนมีดารานับไม่ถ้วนอัดแน่นเต็มฟ้า ดาราเหล่านั้นเชื่อมเข้าด้วยกันแล้วรวมเป็นเงาแส้ ด้านหนึ่งอยู่บนฟ้า อีกด้านอยู่ในมือขวาซูหมิง


ปรากฏเข็มทิศขึ้นใต้เท้า จากนั้นซูหมิงเดินหนึ่งก้าวเข้าปะทะกับองค์ชายรองตรงพื้นที่กว้างที่คนหลายหมื่นคนถอยไป


องค์ชายรองทำสัญลักษณ์มือขวาชี้ไปข้างหน้า พลันมีเสียงคำรามมังกรดังสนั่นฟ้าจากข้างหลัง ระหว่างมวลอากาศบิดเบี้ยวปรากฏมังกรเหลืองตัวหนึ่ง หัวมังกรใหญ่คำรามสะเทือนฟ้าดิน ข้ามผ่านร่างองค์ชายรองมาปรากฏข้างหน้า ก่อนอ้าปากเขมือบไปทางซูหมิง


ซูหมิงสะบัดมือขวา ฟ้าดินดังสนั่นหวั่นไหว แส้ดาราขยับแสงวาววับฟาดเข้าที่ร่างมังกรเหลือง ชั่วขณะที่มังกรเหลืองร้องคำราม เงาแส้ดาราม้วนร่างมันเอาไว้ จากนั้นซูหมิงสะบัดมือ มังกรเหลืองที่พุ่งเข้ามาหาเขาจึงถูกเปลี่ยนทิศทางไปยังด้านขวา มองแวบแรกเหมือนเขาข้ามผ่านจากในร่างมังกรเหลือง พุ่งไปตรงหาองค์ชายรอง ชกหมัดซ้ายเข้าไป


เกิดเสียงโครมครามดังสะเทือนฟ้า องค์ชายรองอาภรณ์โบกสะบัดทั้งตัว ชกหมัดขวาต้านหมัดซูหมิงเช่นเดียวกัน


ระหว่างสองคนห่างกันราวสิบจั้ง หนึ่งหมัดของสองฝ่ายปะทะอากาศ แต่กลับระเบิดเป็นเสียงดังสนั่นสะเทือนแก้วหู


ช่วงที่เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นยังมีแรงปะทะกระจายไปรอบๆ ถาโถมใส่ร่างซูหมิง ทำให้เขาถอยไปสิบกว่าจั้ง ส่วนองค์ชายรองถอยไปสิบกว่าก้าว


“สมกับเป็นน้องเล็กข้าจริงๆ…เจ้าคู่ควรแก่ข้า แสดงพลังที่แท้จริงออกมา!” องค์ชายรองดวงตาขยับประกายวาว ขณะถอยไปยังยกมือขวาคว้าอากาศไปข้างหลัง หมวกเหล็กนั้นพลันลอยขึ้น เมื่อคว้าเอาไว้แล้วก็สวมที่หัว ทันใดนั้นเองเขาร้องคำรามเสียงแหลมอย่างเหี้ยมโหด


ขณะเดียวกันร่างองค์ชายรองขยายใหญ่ขึ้นโดยพลัน กายเนื้อใหญ่ขึ้น อาภรณ์ถูกฉีก ตอนที่ฉีกเป็นแผลเหวอะหวะ ทั้งตัวเขามีขนาดสิบจั้งแล้ว ก่อนจะคำรามดังสนั่นฟ้าอีกครั้ง เกิดเสียงปุงปังดังจากร่างกาย จากขนาดสิบจั้งก็กลายเป็นสามสิบจั้ง อาภรณ์หายไปนานแล้ว เผยเป็นผิวหนังสีดำ อีกทั้งยังปรากฏเสื้อเกราะสีดำบนร่างกายใหญ่ยักษ์!


เสื้อเกราะนี้ดูน่าตกใจยิ่ง ปกคลุมร่างมากกว่าครึ่ง ประกอบกับหมวกเหล็กนั้นแล้วทำให้ทุกคนที่มองมาจะเกิดความรู้สึกว่ากำลังมองเทพอสูรโบราณ


องค์ชายรองในขนาดสามสิบจั้งคำรามเสียงดัง ฟ้าดินเกิดระลอกคลื่นรุนแรง ระลอกคลื่นเหล่านี้ปะทะร่างซูหมิงดั่งพายุคลั่ง อาภรณ์และเส้นผมยาวโบกสะบัด ทำให้นัยน์ตาซูหมิงเผยแสงหม่น


ตอนนี้เององค์ชายรองก้าวเท้ายาวตรงมาที่ซูหมิง ขณะเดียวกับที่เข้ามาใกล้ยังยกมือขวาขึ้นคว้าไปบนฟ้า เรียกทวนยาวยักษ์ เมื่อกำไว้ในมือแล้วก็ปาไปทางซูหมิง


ทั้งฟ้าดินเหมือนถูกทวนยาวฉีกเป็นรอยแยกยักษ์ พริบตาที่เข้ามาใกล้ซูหมิง ดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วเขาเปิดออก วิญญาณเต๋าขั้นสี่ลืมตาทั้งหมด พร้อมกันนั้นเขาสูดลมหายใจเข้าลึก ยกมือขวาขึ้น ในมือปรากฏขวานที่ดูธรรมดามากเล่มหนึ่ง


ขวานเล่มนี้เป็นของตาแก่คนนั้น ซูหมิงใช้ตัดฟืนทุกวัน ตอนเดินทางตาแก่ให้มาด้วย ตอนนี้ซูหมิงยืนอยู่บนที่ราบ ช่วงที่ยกขวานขึ้น ดวงตาเขามัวหมองราวกับไร้สติ ไม่มีเงาสะท้อนร่างองค์ชายรอง และก็ไม่มีทวนยาวที่ตรงเข้ามาด้วยจิตสังหารเหลือล้น มีเพียง…ไม้ท่อนหนึ่ง!


ชั่วขณะที่ทวนยาวเข้ามาใกล้ซูหมิงทำให้อาภรณ์กับเส้นผมยาวแกว่งไกวอย่างรวดเร็วและจะทะลวงหน้าอกเขานั้น เขายกขวานในมือขวาขึ้นแล้วฟันลงช้าๆ เหมือนว่าเขาฝึกฝนมาเป็นล้านครั้ง คล้ายว่าทวนยาวตรงหน้าคือไม้ท่อนหนึ่งที่ตัดเป็นสองส่วนได้


เมื่อฟันขวานลง ทั้งฟ้าดิน ทั้งโลกเหมือนหยุดนิ่ง แม้แต่ลมหายใจและสายตาจากผู้คนรอบๆ ยังแข็งค้าง มีเพียงวงโคจรฟันลงของขวาน ตอนที่ปะทะทวนยาวและลากผ่านนั้น ทวนยาวถูกตัดเป็นสองส่วนตรงหน้าเขา เคลื่อนผ่านสองข้างกายไปในพริบตา


ขณะเดียวกันร่างสามสิบกว่าจั้งขององค์ชายรองมาปรากฏอยู่ตรงหน้าซูหมิง เขายกมือขวาขึ้นกดลงพร้อมเปลี่ยนเป็นฝ่ามือกดที่ศีรษะซูหมิง ทว่ากลับปะทะกับมือขวาซูหมิงที่ยกขึ้น


ทั้งโลกในตอนนี้เหมือนคืนจากสภาวะหยุดนิ่งก่อนหน้า เมื่อเสียงลมหายใจดังขึ้น ทุกสายตาเพ่งมองซูหมิงกับองค์ชายรอง


พวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน หนึ่งอยู่สูง อีกหนึ่งอยู่ต่ำ หนึ่งมือขวากดเหนืออีกฝ่าย อีกหนึ่งยกมือขวาขึ้นปะทะฝ่ามืออีกฝ่าย


ช่วงที่สองคนสบตากัน ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ส่วนองค์ชายรองเงียบไม่กล่าวใดๆ


ราวหลายลมหายใจต่อมา องค์ชายรองดวงตาเป็นประกายวาว


“เจ้ากับข้าต่อสู้กันทำให้องค์ชายใหญ่ของเราได้ประโยชน์ เรื่องนี้ไม่ดี…” เขากล่าวพลางยกมือขวาขึ้นแล้วถอยไปสามก้าว ทุกย่างก้าวร่างกายจะหดเล็กลง จนเมื่อถอยไปครบสามก้าวแล้วก็ไม่มีขนาดสามสิบกว่าจั้งอีก แต่เป็นรูปลักษณ์ก่อนหน้า สวมชุดคลุมยาวสีเหลือง สวมหมวกเหล็ก ยิ้มมองซูหมิง


ซูหมิงไม่ตอบ แต่มององค์ชายรอง โดยเฉพาะดวงตาขวาอีกฝ่าย


“ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าองค์ชายรองหรือว่า…ตี้เทียน” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ


แทบเป็นทันทีที่เขากล่าวขึ้น น้ำวนนั้นในดวงตาขวาองค์ชายรองฉีกออก เผยเป็นร่างเงาหนึ่งรางๆ ทว่าร่างเงาเพิ่งปรากฏก็ถูกน้ำวนจมหายไปอีกครั้ง


องค์ชายรองยิ้มเล็กน้อย ไม่ตอบ


ซูหมิงเดินหนึ่งก้าวไปบนฟ้า สุนัขใหญ่สี่ตัวก็ถอยออกมา กลายเป็นสายรุ้งยาวตามซูหมิงขึ้นข้างบนไปภายใต้สายตาของผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคนบนแท่นราบชั้นเจ็ด


จนกระทั่งซูหมิงหายไปแล้ว องค์ชายรองพลันตัวสั่น มุมปากมีโลหิตไหล รอยยิ้มหายไปกลายเป็นทะมึนทึบ เขายกมือขวาขึ้นช้าๆ ผิวหนังส่วนใหญ่ตรงนั้นแห้งเหี่ยว…


“สมกับเป็นองค์ชายเล็กที่เคยได้รับความชอบจากท่านพ่อมากที่สุดจริงๆ…” องค์ชายรองกล่าวเสียงเบา ก่อนหมุนตัวกลับเดินไกลออกไป นั่งขัดสมาธิลงหลับตาทำสมาธิ


“แต่ว่าการต่อสู้ระหว่างเราเพียงแค่เริ่มต้น พวกเราจะได้พบกันอีกในฟ้าชั้นเก้า”


ร่างเงาซูหมิงห้อเหยียดไป พาสุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวพุ่งขึ้นฟ้าชั้นแปด เพียงหนึ่งก้านธูป ช่วงที่เห็นแท่นราบใหญ่ยักษ์ไร้ที่เปรียบบนฟ้า เขาเห็นว่าตรงใจกลางแท่นราบนี้…มีลำต้นไม้ยักษ์ต้นหนึ่ง!


ลำต้นนี้มีความหนาแสนกว่าจั้ง มองแวบแรกจะต้องตกตะลึงต้นไม้สูงเสียดฟ้านี้อย่างแน่นอน ลำต้นมันแห้งเล็กน้อย ตอนที่เงยหน้ามองจะไม่เห็นสุดปลาย ราวกับว่าพื้นที่ทั้งหมดที่มองเห็นมีเพียงลำต้นของมันเท่านั้น


นี่คือต้นไม้พิสูจน์เต๋าที่เติบโตอยู่ฟ้าชั้นแปด กิ่งไม้มันขึ้นไปอยู่ฟ้าชั้นเก้าที่ไม่มีสิ้นสุดข้างบน!


เวลานี้กู่ไท่นั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ องค์ชายใหญ่นั่งขัดสมาธิตรงข้าม อีกทางหนึ่งเป็นหญิงชรากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่เช่นกัน


รอบๆ ล้อมไว้ด้วยผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคน แบ่งเป็นคนสามสำนัก ตอนนี้ต่างนั่งขัดสมาธิแน่นิ่ง


การมาของซูหมิงไม่ได้ทำให้ผู้ฝึกฌานเหล่านี้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ราวกับมองไม่เห็น เพียงแต่ตอนที่ซูหมิงมององค์ชายใหญ่ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ทว่าเขาไม่ได้มององค์ชายใหญ่ แต่มองชายชราผมขาวที่ลอยอยู่เหนือองค์ชายใหญ่ต่างหาก ชายชราคนนี้ร่างเป็นมายา มีหมอกขาวเชื่อมระหว่างเขากับกลางกระหม่อมองค์ชายใหญ่


ส่วนหญิงชราคนนั้น ซูหมิงพบกลิ่นอายพลังขององค์ชายรองจากตัวนาง นั่นเหมือนกับหมวกเหล็กที่องค์ชายรองถือไว้ก่อนหน้านี้ทุกประการ


หญิงชราถือหมวกเหล็กไว้ในมือ กลายเป็นพลังอำนาจฝ่ายที่สามสูสีกับกู่ไท่และองค์ชายใหญ่


“กู่ไท่ พวกเราคงตัดสินแพ้ชนะกันในมิติชั้นสามไม่ได้” เสียงแก่ชราดังเรียบๆ มาจากชายชราร่างมายาตรงหัวองค์ชายใหญ่


“ที่นี่เจ้ามีพลังเหมาะสมที่สุดจริงๆ ต่อให้ข้าบรรลุมหาเต๋าสูงศักดิ์ก็ต้องถูกจำกัดไว้ที่นี่ ทว่า…สหายเยี่ยหลัวเอาหมวกเหล็กเทพอสูรมาด้วยเลยลดพลานุภาพที่นี่ได้ ดังนั้นแล้ว…เจ้าไม่มีทางให้สำนักเจ็ดจันทราเข้าไปในชั้นสามก่อนได้แน่” ช่วงที่เสียงชายชราดังกังวาน หญิงชราลืมตาขึ้นมองกู่ไท่


ซูหมิงเข้ามาใกล้ช้าๆ จนกระทั่งมาอยู่ข้างหลังกู่ไท่ มองชายชรากับหญิงชราด้วยแววตาเย็นชา


“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไม่เข้าไปยุ่งเรื่องใครเข้ามิติชั้นสามเป็นฝ่ายแรกก่อนดีหรือไม่ ให้องค์ชายสามแย่งชิงเอาเองเป็นอย่างไร?” ขณะที่หญิงชราพูดเสียงแหบแห้ง กู่ไท่ลืมตาขึ้นช้าๆ เผยความเหนื่อยล้า

 

 

 


ตอนที่ 1448

 

แต่ละฝ่ายต่างมีวิธี

โดย

Ink Stone_Fantasy

“หนึ่งหมื่นแท่นบวงสรวง พวกเราต่างยึดครองไว้ฝ่ายละสามส่วน มีจำนวนต่างกันไม่ถึงร้อย ยากจะแบ่งแยกจำนวนกันได้…สู้พวกเรามาเปลี่ยนวิธีกันดีกว่า องค์ชายสาม ใคร…เข้าฟ้าชั้นเก้าได้เป็นคนแรก จุดไฟแท่นบวงสรวงพันชั้นตรงนั้นได้ก่อนก็จะเป็นคนแรกที่ได้เข้ามิติชั้นสาม” ชายชราร่างมายาสำนักเอกะเต๋าที่ลอยอยู่เหนือองค์ชายใหญ่ ร่างกายเหมือนเชื่อมกันกล่าวเรียบๆ


“ไม่เลว ความคิดนี้ใช้ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราก็มีแต่รอให้เวลาหมดลง จากนั้นให้ศิษย์แต่ละสำนักเข้าชั้นสามพร้อมกัน” หญิงชราหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วพูดเสริมช้าๆ


กู่ไท่ตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองซูหมิงที่เดินมาข้างกาย


ซูหมิงมองต้นไม้ยักษ์นั้น ผ่านไปพักใหญ่ถึงพยักหน้า


กู่ไท่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนลอบถอนหายใจ ทว่าด้วยศักยภาพของสำนักเจ็ดจันทรามาถึงขั้นนี้ระหว่างสำนักเอกะเต๋ากับฝ่ายอสุราได้ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว อย่างน้อยๆ การแย่งชิงครั้งนี้ก็ดูเหมือนเสมอกัน ส่วนสุดท้ายใครจะเข้าชั้นสาม ใครจะได้ผลเต๋าไป เรื่องนี้มาถึงตรงนี้แล้วก็ไม่เกี่ยวกับพวกเขาอีก จุดสำคัญคือองค์ชายสาม


แน่นอนว่าคนที่ไปชั้นสามไม่ได้มีเพียงสามองค์ชาย สามสำนักยังมีศิษย์คนอื่นๆ ตามไปด้วย


“ก็ได้!” กู่ไท่ตอบกลับอย่างเด็ดขาด พูดจบ หญิงชรายืนขึ้น ใช้มือขวาที่ถือหมวกเหล็กกดไปบนพื้น ภายในหมวกเกิดหมอกดำจำนวนมาก หมอกเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพียงไม่กี่ลมหายใจก็รวมเป็นร่างเงาหนึ่ง เมื่อร่างเงาสมจริงก็ปรากฏเป็นร่างองค์ชายรอง


เขายืนอยู่ตรงนั้น สวมหมวกเหล็ก ยิ้มเล็กน้อยให้ซูหมิงก่อนเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้สูงเสียดฟ้าด้วยสีหน้าเลื่อมใส


ตอนนี้องค์ชายใหญ่ก็ลืมตาขึ้นเช่นกัน ยืนขึ้นช้าๆ เงามายาชายชราตรงกลางกระหม่อสะบัดแขนเสื้อ ตัดการเชื่อมต่อกับองค์ชายใหญ่แล้วถอยไป


“เช่นนั้นพวกเราสามสำนักก็เป็นผู้ดูแล เพื่อรับประกันว่าการแย่งชิงผลพิสูจน์เต๋าในครั้งนี้จะมีความยุติธรรม ห้ามคนนอกช่วยเหลือ อย่างเช่นสุนัขใหญ่สี่ตัวนี้ก็เข้าไปไม่ได้” ชายชรากล่าวเรียบๆ กู่ไท่มีสีหน้าปกติ ไม่ตอบ


“ข้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้” หญิงชราฝ่ายอสุราได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้า


“เช่นนั้นก็เริ่มเถอะ!” ทันทีที่ชายชราสำนักเอกะเต๋ากล่าวอย่างเด็ดขาด ดวงตาองค์ชายใหญ่ขยับประกายวาว เขากระโดดลอยขึ้นเหยียบไปบนต้นไม้โบราณ กลายเป็นสายรุ้งยาวขึ้นไปข้างบน พริบตาเดียวก็ไกลออกไป ตอนนี้เองในร่างเขามีหมอกสามกลุ่มแผ่กระจายออก หมอกสามกลุ่มนี้พลันกลายเป็นร่างเงาแก่ชราสามคน แผ่พลังของเต๋าสูงศักดิ์ ผลักดันร่างองค์ชายใหญ่ให้ขยับวูบไหวเคลื่อนย้ายไปในระยะเกือบสามส่วน


องค์ชายรองข้างๆ ยิ้มเยาะมุมปาก เขาขยับไหวกระโดดขึ้นบนไปต้นไม้โบราณเช่นกัน ร่างกายเป็นดั่งหมอกหมุนม้วนขึ้นไปข้างบน ขณะเดียวกันบนตัวเขายังมีพลังแห่งปราณโลหิตเข้มข้นวนเวียนอยู่ ร่างกายยังขยายใหญ่ขึ้น ด้านบนมีอักขระขยับประกายวูบวาบ ทุกครั้งที่อักขระขยับแสงจะทำให้เขาเร็วขึ้น วูบเดียวก็บินไกลออกไป ในด้านความเร็วพอๆ องค์ชายใหญ่


“วิญญาณเต๋าอารักขาร่าง อสุราเสริมร่าง นี่นับว่ายุติธรรมรึ?” กู่ไท่มีสีหน้าปั้นยากยิ่ง ยิ้มเยาะ


“อย่างน้อยก็ไม่มีคนอื่นช่วย วิญญาณเต๋าอารักขาร่างก็เป็นวิชาลับของสำนักเอกะเต๋า เจ้าคงไม่ได้ห้ามเขาใช้วิชาหรอกกระมัง?” ชายชราสำนักเอกะเต๋ายิ้มเล็กน้อย


“อสุราเสริมร่างก็เป็นการใช้งานอักขระชนิดหนึ่ง จะมองว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าก็ได้ ดังนั้นแล้วถือว่าไม่มีคนอื่นช่วย” หญิงชรากล่าวราบเรียบ กู่ไท่หน้ามืดทะมึน ยกมือขวาตบถุงเก็บวัตถุ ในมือปรากฏหมอกดำหลุ่มหนึ่ง ขณะกำลังจะกล่าวขึ้น ซูหมิงส่ายศีรษะ สะบัดมือขวา ปรากฏเข็มทิศใต้เท้าก่อนพุ่งทะยานไกลออกไป


แม้เข็มทิศจะเร็ว แต่ก็ไม่อาจเร็วกว่าอภินิหารขององค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองได้ในเวลาสั้นๆ ทำให้ชายชราสำนักเอกะเต๋ากับหญิงชราฝ่ายอสุราเพียงแค่หรี่ตาลง แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว


พวกเขามองออกว่าด้วยความเร็วของซูหมิงบางทีอาจมีข้อได้เปรียบระยะยาว แต่ตอนนี้ระยะทางไม่ถือว่าไกลมากนัก การจะแซงคนอื่นเป็นเรื่องยากมาก


กู่ไท่มีสีหน้าทะมึนอย่างยิ่ง ขณะกำลังจะเอ่ยนั้น ซูหมิงที่กำลังห้อเหยียดไปตามต้นไม้โบราณดวงตาขยับประกายแวววาว ยกมือขวาขึ้นตบถุงเก็บวัตถุ ทันใดนั้นปรากฏท่อนไม้ขนาดเท่าฝ่ามือขึ้นในมือ ท่อนไม้นี้คือไม้เทพยักษ์ที่ได้มาจากในโลกซางเซียง


ตอนนี้ซูหมิงกดท่อนไม้ในมือลงข้างล่างแล้วพูดขึ้นเรียบๆ


“ใหญ่!” คำเดียว ท่อนไม้พลันยืดยาวไปอย่างรวดเร็วจนมีความหนาสิบจั้ง ส่วนปลายพุ่งลงพื้นดิน ปักลงข้างกายพวกกู่ไท่สามคนดังโครม พลังของไม้เทพสั่นสะเทือนแท่นราบชั้นแปด ทำให้ชายชรากับหญิงชราหน้าเปลี่ยนสี


เพราะพวกเขาเห็นทันทีว่าอีกด้านหนึ่งของไม้เทพกำลังขยายออกไปอย่างรวดเร็ว ผลักร่างซูหมิงที่ยืนอยู่บนไม้เทพขึ้นไปข้างบนด้วยความเร็วสุดจะบรรยาย ภาพนี้ทำให้ผู้คนโดยรอบอึ้งงัน กู่ไท่ดวงตาเป็นประกายตกใจระคนดีใจ ส่วนคนอื่นโดยเฉพาะหญิงชราหน้าเปลี่ยนสีและหมายจะขวางไว้ แต่กู่ไท่กลับปรามเอาไว้ก่อน


“สหายสองท่านพูดถูก เรื่องนี้จะพึ่งพาคนอื่นไม่ได้ วิญญาณเต๋าอารักขาร่าง อสุราเสริมกาย หรือจำพวกของวิเศษต่างได้รับอนุญาต” กู่ไท่หัวเราะเสียงดัง ขณะเดียวกันศิษย์คนอื่นจากสามสำนักที่ถูกเลือกให้เข้าชั้นสามพร้อมกันตอนนี้เป็นสายรุ้งยาวเข้ามาใกล้แล้วพุ่งขึ้นต้นไม้ใหญ่ไป


ซูหมิงยืนอยู่บนไม้เทพที่กำลังพุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ขนาดจริงๆ ของมันมากกว่าแสนจั้ง ตอนนี้ภายใต้การยืดยาวไปเหมือนไร้ที่สิ้นสุด มันผลักร่างซูหมิงขึ้นข้างบน เพียงสิบกว่าลมหายใจก็ตามองค์ชายรองทัน


องค์ชายรองร่างกายใหญ่โต อักขระบนตัวขยับแสงเรืองรอง ตอนนี้กำลังขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็วก็เห็นซูหมิงที่ยืนบนไม้เทพกำลังขึ้นไปอย่างเร็วไวเช่นกัน ภาพนี้ทำให้เขาหรี่ตาแคบลง ขณะเดียวกันการขยายตัวของไม้เทพผลักร่างซูหมิงให้แซงหน้าองค์ชายรอง ทั้งยังเข้าไปใกล้องค์ชายใหญ่ข้างบนมากขึ้น ทันทีที่สองคนนี้หน้าเปลี่ยนสี ไม้เทพใต้เท้าซูหมิงหายวับถูกเก็บไป ตอนนี้เองเขาอาศัยแรงผลักของไม้เทพก่อนหน้านี้เป็นสายรุ้งพุ่งไปอย่างเร็วไว หลังปรากฏเข็มทิศใต้เท้า ความเร็วเขาพลันเพิ่มขึ้นอีกครั้งจนกระทั่งแซงหน้าองค์ชายใหญ่ มาปรากฏอยู่บนสุดของทุกคนกลางต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้า

 

 

 


ตอนที่ 1449

 

ฟ้าชั้นเก้า

โดย

Ink Stone_Fantasy

 ซูหมิงใช้วิธีนี้แซงหน้าทุกคน ทันทีที่ขึ้นไปเหนือทุกคนบนต้นไม้โบราณ เขาเงยหน้าขึ้นเห็นฟ้าชั้นเก้าข้างบน!


นั่นเรียกได้ว่าฟ้าจริงๆ เป็นแท่นหินยักษ์ที่มีพื้นที่ล้านลี้ กระทั่งเรียกว่าแท่นหินคงจะไม่เหมาะเล็กน้อย ควรจะเรียกว่าแผ่นดินใหญ่มากกว่า อีกทั้งตอนที่เงยหน้าขึ้น แน่นอนว่าใต้แผ่นดินใหญ่เป็นท้องฟ้า!


ฟ้าใต้แผ่นดิน!


ตรงกลางฟ้าใต้แผ่นดินนี้ถูกต้นไม้โบราณทะลวงผ่านไป ยืดยาวไปข้างบนแผ่นดินใหญ่ ซูหมิงมองไม่เห็นตรงนั้น แต่จินตนาการได้ถึงขนาดของต้นไม้โบราณรวมถึงพลังยากจะบรรยาย กระทั่ง…รู้สึกได้จากมุมข้างถึงความรุ่งเรื่องในอดีตของต้นไม้โบราณ!


นี่คือต้นไม้สูงเสียดฟ้าแห่งโลกใหญ่ยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนฟ้าเก้าชั้น บนกิ่งไม้ของมันต่างมีผีเสื้อกำเนิดหนึ่งตัว อีกทั้งผีเสื้อเก้าตัวนี้ยังกลายเป็นแผ่นดินใหญ่ของโลกนั้น ประกอบกับโลกสมบูรณ์แบบนี้ ทำให้ผู้ฝึกฌานในโลกนี้ถือกำเนิดขั้นพลังเต๋าไร้ที่สิ้นสุด!


หากมหาจักรพรรดิเสวียนจั้งไม่เคยเข้าไปในโลกนี้ บางที…ตอนนี้โลกนี้อาจจะยังยิ่งใหญ่!


ซูหมิงมองฟ้าของแผ่นดินใหญ่ มองต้นไม้โบราณที่ทำให้เขาใจสั่นสะท้าน ถึงขั้นตอนนี้ เขานึกถึงไม้เทพที่ตนนำออกมา แม้มันจะอยู่ในโลกซางเซียง แต่ตอนแรกสุดมันลอยอยู่กลางจักรวาลกว้างใหญ่ เขาเคยคาดการณ์ถึงประวัติของไม้เทพ แต่ก็ไม่ได้คำตอบ


จนกระทั่งตอนนี้เขาพลันเกิดความรู้สึกเด่นชัดว่า…บางทีตอนที่โลกนี้พังทลายลงในตอนนั้น มีกิ่งไม้ค่อนข้างเล็กท่อนหนึ่งแตกออกไปยังจักรวาลกว้างใหญ่ หนึ่งท่อนนั้นกลายเป็นไม้เทพ


นี่เป็นเพียงการคาดเดาของซูหมิง เขาไม่มีหลักฐานยืนยันความจริง ตอนนี้สูดลมหายใจเข้าลึก เข็มทิศใต้เท้าขยับแสงวูบวาบ ความเร็วเพิ่มขึ้น ด้วยข้อได้เปรียบที่นำหน้าสุด สิ่งที่เขาต้องทำคือให้ข้อได้เปรียบนี้มั่นคงแล้วให้มันขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด


ข้างล่างเขาห่างไปราวพันจั้ง องค์ชายใหญ่หน้ามืดทะมึนอย่างยิ่ง เงาวิญญาณชายชราสามคนรอบกายวนเวียนอย่างรวดเร็ว องค์ชายใหญ่ลืมตาขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึก ทันใดนั้นเองทั้งฟ้าดินสั่นไหว ราวกับว่าองค์ชายใหญ่ในตอนนี้กลายเป็นหลุมดำยักษ์สูบกลิ่นอายพลังทุกอย่าง ส่งผลให้มวลอากาศบิดเบี้ยวเป็นระลอกคลื่นไปรอบๆ ก่อนเขาจะคำรามเสียงต่ำ


ขณะเดียวกับที่เสียงคำรามสะเทือนฟ้าดิน ร่างองค์ชายใหญ่พลันรวดเร็วขึ้นหลายเท่า ขยับวูบเดียวก็ห่างจากข้างหลังซูหมิงไม่ถึงร้อยจั้ง ช่วงที่ปรากฏกายเขามีโลหิตไหลจากมุมปาก แต่ดูจากแววตาแล้วยังเคลื่อนย้ายต่อได้อีกครั้ง


รู้กันว่าที่นี่คือมวลอากาศว่างเปล่า ที่นี่คือรอบต้นไม้โบราณ ที่นี่มีแรงขับไล่รุนแรงต่อพลัง ผนึกฟ้าดิน วิชาอภินิหารจะถูกลดทอนกำลังลงไม่น้อย ดังนั้นแล้วจึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงวิชาเคลื่อนย้าย พลังการเคลื่อนย้ายผ่านมิติชัดเจนแบบนี้ย่อมถูกควบคุมไว้อย่างแน่นหนากว่าเดิม


ฉะนั้นแล้วแม้จะอาศัยวิญญาณเต๋าอารักขาร่างในการเคลื่อนย้ายได้ แต่สำหรับองค์ชายใหญ่แล้วก็ยังต้องฝืนตัวเองเล็กน้อย โดยเฉพาะยิ่งเข้าไปใกล้ฟ้าชั้นเก้า ความรู้สึกนี้ยิ่งเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ


แทบเป็นขณะเดียวกับที่องค์ชายใหญ่เคลื่อนย้าย นัยน์ตาองค์ชายรองฉายประกายเย็นชา เขาพลันยิ้มมุมปากทะมึนทึบ ไม่ได้ใช้อภินิหารอะไรในการขึ้นฟ้าชั้นเก้าเป็นคนแรก แต่รักษาความเร็วของตน มองข้างบนอย่างเย็นชา


‘องค์ชายใหญ่มีนิสัยดื้อทำตามแต่ความคิดตัวเอง การที่เขาลงมือกับองค์ชายสามถือว่าเป็นประโยชน์กับข้า!’ องค์ชายรองเป็นคนนิสัยอึมครึม ยามนี้ยิ้มเยาะ เกิดความคิดชั่วร้ายไม่น้อยแล้ว


เห็นองค์ชายใหญ่จะตามทันแล้ว ซูหมิงยังคงสีหน้าปกติ แม้จะห่างจากฟ้าชั้นเก้าไม่ไกล แต่ก็ไม่ได้จะไปถึงในเวลาสั้นๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องใช้เวลาอีกครึ่งก้านธูป


เขาไม่เปลี่ยนความเร็ว แต่กลับมีสีหน้าเหี้ยมโหดขึ้นเล็กน้อย เหมือนจะรักษาข้อได้เปรียบไว้โดยไม่สนสิ่งใด ทว่าเขาเหมือนจะถึงขีดจำกัดแล้ว เร็วกว่านี้ไม่ได้แล้ว องค์ชายใหญ่ที่ห่างจากข้างหลังตนไปราวร้อยจั้งตอนนี้คำรามเสียงต่ำอีกครั้ง กลิ่นอายพลังรอบตัวหลั่งทะลักเข้ามายังเขาอย่างรวดเร็ว หลังจากคำรามเสียงต่ำอีกครั้ง เขาได้เคลื่อนย้ายไปอีกครั้ง ครั้งนี้แซงหน้าซูหมิงมาอยู่ข้างหน้าหลายร้อยจั้ง ก่อนกระอักเลือด แต่ก็ก้มหน้าลงแสยะยิ้มมุมปากด้วยความลำพองใจ


ซูหมิงหน้ามืดทะมึน แต่ไม่อาจเพิ่มความเร็วได้ ถึงขั้นช้าลงเรื่อยๆ เพียงสิบกว่าลมหายใจก็ถูกองค์ชายใหญ่ทิ้งห่างไปพันกว่าจั้ง ในทางตรงข้ามองค์ชายรองข้างล่างเข้ามาใกล้ไม่ถึงร้อยจั้งแล้ว


องค์ชายรองหรี่ตาลงเล็กน้อย เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง ขณะกำลังตรึกตรองก็หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน เพราะซูหมิงไม่ได้ไล่ตามอย่างสุดชีวิตอีก แต่ความเร็วลดลงเรื่อยๆ แล้วเหมือนจะหยุด


‘สมควรตาย ข้ามองข้ามพลังเขาไป ด้วยพลังเขา แม้จะอาศัยพลังภายนอกก็ไม่มีทางรักษาความเร็วได้ เขาคงไล่ตามองค์ชายใหญ่ไม่ทันเลยจะมาก่อกวนข้า เป้าหมายเขาชัดเจนมาก แม้จะขึ้นไปฟ้าชั้นเก้าเป็นคนแรกไม่ได้ เขาก็จะเกาะติดข้า ให้ขึ้นฟ้าชั้นเก้าพร้อมกัน


ขอเพียงเกาะติดข้าได้ก็จะมีข้อได้เปรียบเช่นกัน ก็ยังดีกว่าเป็นคนสุดท้าย!’ ทันทีที่องค์ชายรองเกิดความคิดนี้ ซูหมิงพุ่งเข้ามาแล้ว ยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือ แสงจากอภินิหารสว่างจ้า เสียงครึกโครมดังกึกก้อง เกิดการปะทะกันกับองค์ชายรอง


‘บัดซบ!’ องค์ชายรองหน้ามืดครึมมากขึ้นเรื่อยๆ เดิมทีเขาคิดว่าการที่ซูหมิงกับองค์ชายใหญ่ปะทะกันจะเป็นผลดีกับตน แต่ตอนนี้พบแล้วว่าการกระทำอันตั้งใจของตนเป็นการสนับสนุนองค์ชายใหญ่ นี่ทำให้ในใจเขาปั่นป่วนอย่างยิ่ง ยามนี้พริบตาที่จะปะทะกับซูหมิง เขาไม่ทันตรึกตรองก็เห็นองค์ชายใหญ่ใกล้ฟ้าชั้นเก้าไปเรื่อยๆ องค์ชายรองจึงใช้มือขวาตบหน้าอกอย่างแรงดังปัง ช่วงที่ซูหมิงเข้ามาใกล้ ร่างเขาระเบิดออกเอง ตอนที่ร่างเงาซูหมิงทะลวงผ่านร่างองค์ชายรอง เขาหันกลับไปก็พบว่าร่างองค์ชายรองกลายเป็นหมอกจำนวนมาก หมอกเหล่านี้บิดเบี้ยวแล้วรวมขึ้นเป็นสัตว์ร่างคนที่มีสองเขา ระเบิดความเร็วที่เหนือกว่าก่อนหน้านี้พุ่งขึ้นข้างบนไป


วูบเดียวก็ทิ้งห่างจากซูหมิง พุ่งตรงไปยังองค์ชายใหญ่ ในมุมมองเขา ด้วยพลังของซูหมิงเลยถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องรั้งท้ายสุด ตอนนี้คือช่วงระหว่างเขากับองค์ชายใหญ่ต้องยื้อแย่งความได้เปรียบในการขึ้นฟ้าชั้นเก้าเป็นคนแรก


เวลานี้องค์ชายรองไม่กักอะไรเอาไว้อีกแล้ว วูบเดียวก็ย่นระยะห่างระหว่างเขากับองค์ชายใหญ่ อีกทั้งยังใกล้เข้าไปเรื่อยๆ นัยน์ตาองค์ชายใหญ่เผยประกายจิตสังหาร เขาสนใจการต่อสู้ระหว่างองค์ชายรองกับซูหมิงข้างล่างมาตลอด และก็เห็นความเร็วซูหมิงลดน้อยลง ซ้ำยังมองออกว่าซูหมิงใช้พลังอย่างเต็มที่แล้ว


“น้องรอง เจ้าอย่ามาแย่งข้าได้หรือไม่?” องค์ชายใหญ่กล่าวขึ้นทันที น้ำเสียงดังกังวานดั่งฟ้าผ่า


“นี่…” ชั่วขณะที่องค์ชายรองจะกล่าวขึ้น ดวงตาองค์ชายใหญ่ขยับประกาย เขาไม่พุ่งทะยานไปอีก แต่หมุนตัวกลับยกมือขวาขึ้นชกใส่องค์ชายรอง วิญญาณเต๋าอารักขาสามร่างรอบตัวเขาพุ่งตรงไปหาองค์ชายรอง


องค์ชายรองยิ้มมุมปาก ไม่ได้แปลกใจอะไร ขณะเดียวกับที่อภินิหารขององค์ชายใหญ่เข้ามาใกล้นั้น เขายกสองมือขึ้นกดไปข้างหลัง พลันปรากฏเงามายายักษ์ขนาดร้อยจั้งขึ้น เงามายานั้นเป็นสัตว์ร่างคนยักษ์มีสองเขาเช่นกัน ก่อนเข้าปะทะกับอภินิหารขององค์ชายใหญ่


เสียงครึกโครมดังก้องฟ้าดิน สั่นสะเทือนจนต้นไม้โบราณสั่นไหว อภินิหารระหว่างองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองปะทะกันไม่หยุดในขณะที่สองคนยังคงพุ่งทะยานขึ้นไปด้วยความเร็วสูง


ซูหมิงอยู่ห่างจากสองฝ่ายไปราวพันจั้ง มองภาพนี้อย่างเย็นชา ยิ้มเย้ยเยาะมุมปาก เป้าหมายเขาคือใช้พลังทั้งหมดผลักดันเข็มทิศใต้ร่าง ทว่า…เขายังไม่ได้ใช้สี่ดวงจิตใหญ่ พลังจากดวงจิตเหนือกว่าจิตสัมผัส นั่นคืออาวุธสุดท้ายของเขา


เขารักษาระยะห่างพันจั้งเอาไว้ ยังคงสนใจระยะห่างของฟ้าเก้าชั้นตลอด กระทั่งเพื่อไม่ให้องค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองระวัง ซูหมิงจึงลดความเร็วลงเรื่อยๆ จนถูกทิ้งห่างไปจะสองพันจั้งแล้ว


การปะทะกันขององค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองก็เป็นจุดสำคัญเช่นกัน สองคนนี้ต่างแย่งชิงกัน ปะทุพลังทั้งหมดหมายจะแซงหน้าอีกฝ่ายเพื่อเป็นคนแรกที่ขึ้นฟ้าชั้นเก้า


ห่างจากฟ้าชั้นเก้าอีกสามหมื่นจั้ง…สองหมื่นจั้ง…หมื่นจั้ง…เสียงครึกโครมดังก้องกังวาน ช่วงที่ห่างจากฟ้าชั้นเก้าห้าพันจั้ง เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น วิญญาณอารักขาร่างขององค์ชายใหญ่หดเล็กลงจากการที่เขาสูบเข้าปากทั้งหมด ลูกตาในดวงตาสะท้อนเป็นอักขระจำนวนมาก ก่อนทำการเคลื่อนย้ายพุ่งไปเป็นครั้งสุดท้าย


องค์ชายรองแค่นเสียงขึ้นจมูก หมอกทั่วร่างขยายตัวออกดังปุงปัง เมื่อเขาพุ่งไป ร่างกายพลันขยายใหญ่ขึ้น ด้วยสองวิธีนี้ทำให้ความเร็วสูสีกับองค์ชายใหญ่ ภายใต้การเคลื่อนย้ายและพุ่งทะยานของสองคนจึงต้องเกิดการลงมือก่อกวนกันอีกครั้ง


ตอนนี้ ทันทีที่ห่างจากฟ้าชั้นเก้าราวสองสามพันจั้ง สี่ดวงจิตใหญ่ปะทุขึ้นในร่างซูหมิง หลอมรวมเข้าไปในเข็มทิศใต้เท้า เส้นผมเขาแกว่งไกวเองแม้ไร้ลม อาภรณ์โบกสะบัดอย่างรวดเร็ว ก่อนทั้งตัวเขาจะกลายเป็นดาวตกสายหนึ่งพุ่งขึ้นไป


ความเร็วของเขายากจะบรรยาย สี่ดวงจิตวนเวียนอยู่รอบๆ พลังจากขั้นพลังมหาศาล ห่างจากฟ้าชั้นเก้าห้าพันจั้ง สามพันจั้ง หนึ่งพันจั้ง…


ประหนึ่งลูกธนูพุ่งขึ้นจากข้างล่าง ฉีกมวลอากาศไปตลอดทาง!


พริบตานี้เองเกิดเสียงดังสนั่นฟ้าขึ้นในขณะที่ต่างฝ่ายต่างลงมือก่อกวน องค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองที่ห่างจากฟ้าชั้นเก้าหลายร้อยจั้งก้มหน้าลงพร้อมกันก็หน้าเปลี่ยนสี ร่างเงาซูหมิงส่งเสียงอึกทึก ข้ามผ่านข้างกายสองคนนี้ ลมหายใจต่อมา…ห้อทะยานผ่านต้นไม้โบราณเข้าไปในแผ่นดินฟ้าชั้นเก้า อีกลมหายใจต่อมา ร่างเงาเขา…ไปปรากฏบนแผ่นดินฟ้าชั้นเก้า!

 

 

 


ตอนที่ 1450

 

สำนักเต๋ากู่จั้ง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฟ้าชั้นเก้า จุดสูงสุดของมิติชั้นสอง ยืนอยู่ตรงนี้เงยหน้าขึ้นมองไป ข้างบนไม่มีฟ้า มีเพียงมวลอากาศไร้พรมแดน มวลอากาศนี้ยังเหมือนกับความกว้างใหญ่ไพศาล ทำให้ช่วงที่ซูหมิงมองไปจะเกิดความรู้สึกใจลอยอย่างหนึ่ง


นอกความกว้างใหญ่ไพศาลก็เป็นต้นไม้โบราณที่เติบโตขึ้นมาอยู่ฟ้าชั้นเก้า ต้นไม้แข็งและแก่ ตั้งตระหง่านจากบนพื้นดินฟ้าชั้นเก้าขึ้นไปในมวลอากาศข้างบน มองไม่เห็นสุดปลาย เห็นเพียงลำต้นยักษ์ที่เหมือนค้ำยันความกว้างใหญ่และแผ่นดิน!


ความใหญ่ของมันยากจะบรรยาย บนฟ้าชั้นเก้า ใต้ต้นไม้นี้มีแท่นบวงสรวงแห่งหนึ่ง มันมีขั้นบันไดพันขั้น เดิมทีเป็นวัตถุขนาดใหญ่ แต่ด้วยความที่อยู่ใต้ต้นไม้โบราณจึงดูเล็กลงมาก ให้ความรู้สึกเหมือนกับแมงเม่าพยายามจะเขย่าต้นไม้


พริบตาที่เห็นแท่นบวงสรวงนี้ ซูหมิงไม่หยุดแม้แต่น้อย แต่ขยับวูบไหวขึ้นแท่นบวงสรวงไป แทบเป็นทันทีที่ร่างเงาเขามาอยู่บนแท่น องค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองปรากฏกายขึ้นข้างหลัง สองคนนี้มีสีหน้าย่ำแย่ยิ่ง โดยเฉพาะองค์ชายรองที่มีสีหน้าจริงจังเผยจิตสังหารรุนแรงถึงขีดสุด


เขาคิดว่าทุกอย่างควรเป็นของเขา มิใช่องค์ชายสาม คิดว่าเขาต่างหากที่เป็นชาวประมงที่ได้ประโยชน์ ไม่ใช่นกกระสาหรือหอยที่แก่งแย่งกัน!


“เจ้ารนหาที่ตาย!” องค์ชายรองคำรามเสียงดังก่อนพุ่งไปหาซูหมิง องค์ชายใหญ่นัยน์ตาเผยจิตสังหารเหลือล้นเช่นกัน แต่เทียบกับซูหมิงแล้ว เขาแค้นน้องรองของตนมากกว่า เพราะในมุมมองเขา หากไม่ใช่เพราะองค์ชายรองมาก่อกวนตน ตนคงสำเร็จไปนานแล้ว


ยามนี่แม้จะพุ่งออกไปเช่นกัน แต่จิตสังหารมุ่งไปที่องค์ชายรองมากกว่า


พริบตาที่สองคนกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปยังแท่นบวงสรวงที่ซูหมิงอยู่ด้วยความเร็วสูงสุด ซูหมิงยืนอยู่บนแท่นบวงสรวง ยกมือขวาขึ้น กดแผ่นหยกในมือขวาบนต้นไม้โบราณหินบนแท่นบวงสรวงพันชั้น!


ต้นไม้หินนี้ไม่อาจเทียบได้กับต้นไม้โบราณสูงเทียมฟ้าข้างๆ แต่ก็มีความสูงหลายร้อยจั้ง ยามนี้หินในตัวมันหายไปทั้งหมด ทำให้มันฟื้นกลับมาเป็นปกติในพริบตา ขณะที่องค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองเข้ามาใกล้และขึ้นมาบนแท่นบวงสรวงนั้น ลำแสงยักษ์พลันปะทุบนแท่นบวงสรวงขึ้นไปบนฟ้า พริบตาเดียวก็เข้าไปในมวลอากาศ เหมือนจะประชันความสูงกับต้นไม้สูงเทียมฟ้า!


ทันทีที่ลำแสงพุ่งขึ้นไป พลังที่ผู้ฝึกฌานไม่อาจต่อต้านพลันปะทุออกมาเป็นปราการไร้รูปตรงหน้าองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรอง ช่วงที่สะท้อนร่างสองคนนี้ถอยไปนั้น สองคนกระอักเลือด ระหว่างถอยก็เห็นซูหมิงที่ยามนี้หันกลับมามองพวกเขาสองคนอย่างเฉยชา


ซูหมิงอยู่ในลำแสง เมื่อลำแสงพุ่งขึ้นฟ้า กลิ่นอายพลังเท่ากับเปิดแท่นบวงสรวงหนึ่งพันแห่งวนเวียนรอบตัวเขา หลอมรวมเข้าไปในร่างกาย ทำให้พลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซ้ำยังทำให้วิญญาณเต๋าในดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้ว…ปรากฏเงามายาที่ห้า


แม้จะเป็นเงามายา แต่ขอเพียงสมจริงขึ้นจะทำให้ขั้นพลังเขาบรรลุวิญญาณเต๋าขั้นห้า เพียงแต่ว่าแม้พลังจากแท่นบวงสรวงพันแห่งนี้จะมีมาก แต่ก็ยังไม่อาจรวมเป็นวิญญาณเต๋าขั้นห้าได้ ทำได้เพียงเกิดเงามายาอย่างตอนนี้


ขณะเดียวกันเมื่อเปิดแท่นบวงสรวงแล้ว บนฟ้าชั้นแปดดังก้องไปด้วยเสียงหัวเราะของกู่ไท่อย่างยิ่ง แม้เขาจะไม่เห็นภาพบนฟ้าชั้นเก้า ทว่าตอนนี้ระลอกคลื่นจากมิติชั้นสองกลับไม่ได้รบกวนผู้ฝึกฌานสำนักเจ็ดจันทราแม้แต่น้อย คนที่นี่ต่างก็ไม่ได้เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก แน่นอนว่าย่อมมองออกในแวบเดียวว่าใคร…ที่เปิดแท่นบวงสรวงบนฟ้าชั้นเก้า!


“สำนักเอกะเต๋า ฝ่ายอสุรา เป็นการแข่งขันที่ดี!” ช่วงที่เสียงหัวเราะกู่ไท่ดังกังวาน ชายชราสำนักเอกะเต๋ากับหญิงชราฝ่ายอสุรามีสีหน้าย่ำแย่นั้น ภายในมวลอากาศกว้างใหญ่บนฟ้าชั้นเก้า เมื่อลำแสงพุ่งขึ้นไปก็เริ่มปรากฏน้ำวนยักษ์ขึ้น น้ำวนนี้หมุนวนรอบต้นไม้โบราณสูงเทียมฟ้าอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังเผยเป็นสภาพต้นไม้โบราณที่จมอยู่ข้างใน ถ้าเงยหน้าขึ้นจะเห็นจุดที่เดิมทีไม่บดบังเอาไว้ นั่นเต็มไปด้วยรอยบาดแผลน่าตกใจ ทั้งยังมีรอยแตกไม่น้อย


ต้นไม้โบราณนี้ให้ความรู้สึกเหมือนบาดเจ็บสาหัส แต่กลับมีพลังชีวิตเข้มข้นถึงขีดสุดจนยากจะบรรยายวนเวียนไปตามน้ำวนบนต้นไม้ แผ่กระจายออกมา อีกทั้งด้วยความที่พลังชีวิตทรงพลังจึงก่อเป็นแรงกดดันทำให้ผู้ฝึกฌานในมิติชั้นสอง กระทั่งชั้นหนึ่งสัมผัสได้อย่างรุนแรง


ขณะเดียวกันภายในน้ำวนที่หมุนวนรอบต้นไม้โบราณนี้ยังส่งแรงดูดรุนแรงออกมา แรงดูดที่ว่าส่งมาที่แท่นบวงสรวงที่ซูหมิงอยู่โดยเฉพาะ ส่งผลให้ซูหมิงในนั้นค่อยๆ ลอยขึ้นฟ้าไปในลำแสงแท่นบวงสรวงภายใต้สายตาเหี้ยมเกรียมจากองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรอง ก่อนกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งตามน้ำวนขึ้นไปยังมวลอากาศ


ที่นั่นคือมิติชั้นสาม!


แทบเป็นทันทีที่ร่างเงาซูหมิงหายไปในน้ำวน ตอนนี้ศิษย์ที่ถูกเลือกให้เข้าชั้นสามสิบกว่าคนแห่งสำนักเจ็ดจันทราที่ตอนนี้กำลังขึ้นต้นไม้โบราณระหว่างชั้นแปดกับชั้นเก้าต่างถูกแรงดูดวนเวียนรอบๆ พริบตาเดียวก็ถูกดึงขึ้นจากต้นไม้เข้าไปในฟ้าชั้นเก้า จากนั้นเป็นสายรุ้งยาวขึ้นไปยังน้ำวน


จนกระทั่งเมื่อศิษย์สำนักเจ็ดจันทราหายไปหมดแล้ว องค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองแทบจะพุ่งไปยังลำแสงนั้นพร้อมๆ กัน ครั้งนี้พวกเขาไม่ถูกสะท้อนกลับ แต่รออยู่ในนั้นราวหลายสิบลมหายใจแล้วร่างเงาพวกเขาถึงถูกดูดเข้าไปในน้ำวนบนฟ้า จากนั้น…ถึงเป็นศิษย์ที่ถูกเลือกจากในสองสำนักพวกเขา!


“ยังเร็วไปที่จะตัดสินแพ้ชนะ” ในฝ่ายอสุรากลางฟ้าดินมืดหม่น มีที่ราบมหึมาแห่งหนึ่ง โดยรอบที่ราบมีรูปปั้นยักษ์เก้ารูป ทุกรูปล้วนเหมือนกับผีร้าย มีสองเขา ทั่วร่างเป็นสีดำ เหมือนกับองค์ชายรองหลังขยายร่างแล้วทุกประการ


ตรงหัวรูปปั้นเก้ารูปนี้มีผู้ฝึกฌานนั่งอยู่ เป็นชายชราหน้าตาแก่ชราเก้าคน คนที่กล่าวเป็นหนึ่งในนั้น


ตรงกลางรูปปั้นเก้ารูปเป็นดินเลน ยามนี้ในดินเลนมีฟองอากาศลอยขึ้น เมื่อฟองอากาศแตกออกจะมีหมอกควันสีแดงแผ่กระจาย อีกทั้งในดินเลนยังมีร่างเงาหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่


ร่างเงานั้นมองไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย ทั่วร่างถูกจมอยู่กลางดินเลน แบ่งแยกอายุและพลังไม่ออก และก็มองไม่เห็นใบหน้า เพราะว่า…ร่างเงานี้ไม่มีหัว!


“ฝ่ายอสุราเราจะต้องได้ผลพิสูจน์เต๋าในครั้งนี้มาอย่างแน่นอน มีหุ่นเชิดนี้คอยช่วยอยู่ องค์ชายรองจะต้องสำเร็จแน่ ต่อให้ไม่ได้เข้ามิติชั้นสามเป็นคนแรกก็ยังกุมความได้เปรียบไว้มากอยู่” อีกคนในเก้าคนกล่าวเรียบๆ


“ไม่ผิด ศพไร้หัวนี้ บรรพบุรุษซิวหลัวของเราออกไปข้างนอกไม่รู้ว่าได้มาจากที่ใด มันมีพลังน่าตกใจเช่นนี้ ตามการคาดการณ์ของบรรพบุรุษแล้ว นั่นคือพลังเทียบเท่ากับสามโลก พูดได้ว่าในตัวคนนี้มีพลังของโลกสามใบ!”


“บรรพบุรุษซิวหลัวหลอมมันจนถึงตอนนี้ กระทั่งโชคดีที่มหาเต๋าสูงศักดิ์อวิ๋นเยวี่ยเสียสละ ยอมแบ่งวิญญาณเข้าไปในร่างนี้ ทำให้ทุกด้านของมันยกระดับขึ้นเทียบเท่ามหาเต๋าสูงศักดิ์ กดขี่อยู่เหนือเต๋าสูงศักดิ์ทุกคน แม้จะเป็นหุ่นเชิด แต่ก็เป็นมหาเต๋าสูงศักดิ์คนที่สามต่อจากผู้อาวุโสจี้ชิงหานกับอวิ๋นเยวี่ยแห่งฝ่ายอสุรา!”


“เอาล่ะ พวกเราต้องใช้พลังแล้ว ให้องค์ชายรองเป็นตัวเหนี่ยวนำ มหาเต๋าสูงศักดิ์อวิ๋นเยวี่ยกับชิงหานคอยสนับสนุน เตรียมพร้อมเคลื่อนย้ายเขาไปยังมิติที่สามทุกเมื่อ!” เมื่อสิ้นเสียงเก้าคน แต่ละคนต่างหลับตาลง รูปปั้นเก้ารูปใต้ร่างพลันเปล่งแสงหม่นหลอมรวมเข้าไปในดินเลน ทำให้ในดินเลนปรากฏอักขระขึ้นจำนวนมาก แม้แต่ควันสีแดงที่ลอยขึ้นยังแฝงไว้ด้วยอักขระ


ขณะเดียวกันภายในสำนักเอกะเต๋าก็มีเสียงคล้ายๆ กันดังก้องเรียบๆ


“การแย่งชิงผลพิสูจน์เต๋า โดยเฉพาะช่วงชิงบัลลังก์ สิ่งที่ต้องการไม่ใช่พลังของผู้ฝึกฌานบางส่วนอีก แต่เป็นศักยภาพโดยรวมของสำนัก”


ในสำนักเอกะเต๋า ในฟ้าดินที่เหมือนถูกแยกออกมา มีรูปปั้นยักษ์สามรูปล้อมรอบสามทิศทาง บนรูปปั้นที่สองในนั้น ภายในรอยแตกนับไม่ถ้วนที่เหมือนทำให้รูปปั้นนี้แตกเป็นเสี่ยงๆ ยามนี้มีแสงขยับวูบวาบ


“มหาเต๋าสูงศักดิ์ไม่อาจเข้ามิติชั้นสามได้ นี่คือส่วนหนึ่งของกฎ แผ่นดินกู่จั้งกำหนดกฏนี้ไว้ด้วยตัวเอง แม้ไม่รู้ว่ากำหนดไว้อย่างไร แต่เห็นได้ชัดว่ามีเหตุผลของมันอยู่…


แต่ว่ามหาจักรพรรดิกู่จั้งสิ้นพระชนม์ไปนานมากแล้ว การคงอยู่ของกฏจึงกลายเป็นการรวมดวงชะตาของสายเลือดจักรพรรดิ ทำให้กฏนี้คงอยู่มาแต่โบราณ…ทว่าก็เกิดช่องโหว่เพราะเหตุนี้เช่นกัน


เราใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้ได้ ให้มหาเต๋าสูงศักดิ์ไปเยือนได้ในช่วงเวลาสั้นๆ นี่จะทำให้สำนักเอกะเต๋าของเราได้ชัยชนะในการแย่งชิงแห่งพิสูจน์เต๋าอย่างแน่นอน!


เพราะว่า…สิ่งที่สำนักเอกะเต๋าเราปฏิบัติตามกันมาคือวิชาแห่งดวงชะตาที่เหมือนกับสายเลือดจักรพรรดิ เพราะว่าผู้สร้างสำนักเอกะเต๋าของเราก็คือ…มหาจักรพรรดิกู่จั้ง!” เสียงนี้แฝงไว้ด้วยแรงกดดันสูงสุด ช่วงที่ดังก้องยังทำให้ทั้งแผ่นดินสั่นสะเทือน ท้องฟ้าเกิดรอยแยกเหลือคณานับ ในรอยแยกมีสายฟ้าตัดผ่าน สายฟ้ามากมายส่องสะท้อนโลกนี้ ช่วงที่ส่องสว่างโลกนี้ยังเผยใบหน้ารูปปั้นยักษ์สามรูปที่ตั้งตระหง่านมาไม่รู้กี่ปี!


นั่นคือรูปปั้นที่ใบหน้าแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามสูงสุด พวกเขาหน้าตาเหมือนกัน ถึงขั้นพูดได้ว่าพวกเขาคือคนเดียวกัน! นั่นคือ…มหาจักรพรรดิกู่จั้ง!


“สหายเซินมู่ สหายหลินตงตง ข้าออกจากสำนักเอกะเต๋าไม่ได้ บรรพบุรุษชื่อหยางปิดด่านนั่งฌานรบกวนไม่ได้ ตอนนี้เหลือเพียงพวกเจ้าสองคน…ใครจะไป?”


“แน่นอนว่าต้องเป็นแซ่หลิน!” เสียงที่เหมือดังแว่วมาจากข้างนอกดังก้องในสำนักเอกะเต๋าเบาๆ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)