Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ 1305-1310
บทที่ 1305 สุดยอดสงคราม
โดย
Ink Stone_Fantasy
เทือกเขามโหฬาร แต่กลับสูงชะโงก มีก้อนหินรูปร่างประหลาดบนหน้าผาสูงทะลุชั้นฟ้า!
พวกมันเป็นสีทองอ่อน ถูกรัศมีที่เปล่งออกมาจากกระดาษหนังสัตว์ฉาบจนอ่อนโยนและพร่างพราย เสียงสวดมนต์ดังไม่ขาดสาย
ส่วนบรรยากาศนอกเทือกเขาก็ตึงเครียด สือฮ่าวกับเฮ่ออู่ซวงจากต่างแดนกำลังหยั่งเชิงกัน ก่อตัวเป็นขอบเขตไร้รูปร่างระหว่างทั้งคู่ กลายเป็นพายุหมุน
ตูม!
ระหว่างพวกเขา มีก้อนหินบางส่วนหนักถึงหลายล้านชั่ง ถึงขั้นหนักสิบล้านชั่ง แถมยังมีเนินเขาเตี้ยบางส่วนที่ระเบิดเป็นจุณทั้งหมด!
ต้องรู้ว่า นี่เป็นสมรภูมิรบของผู้กล้า ลักษณะภูมิประเทศแข็งแรงทนทาน
แต่ตอนนี้ มิติบริเวณขอบเขตไร้รูปร่างระหว่างทั้งคู่บิดเบี้ยว ก่อตัวเป็นพลังทำลายล้างอันน่าตะลึง อยู่เหนือขอบเขต!
เมื่อมองออกไป ทุกอย่างก็เลือนราง ฟ้าดินเปลี่ยนรูป มิติทรุดตัว ขอบเขตแผ่กระจายย บดขยี้สรรพสิ่ง
ยังไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด แค่หยั่งเชิงกัน แรงกดดันอันไร้รูปร่างแบบนี้ก็ทำให้เกิดพลังขอบเขตที่น่ากลัว จะทำลายที่นี่เสียแล้ว
เปรี๊ยะ!
กระแสไฟน่าตะลึงเส้นหนึ่งระเบิดกลางอากาศ!
เพียงเสี้ยววินาที เสมือนกาลเวลาถูกตัดขาด พลังชีวิตถูกทำลาย พิฆาตสรรพสัตว์ บดขยี้กายเนื้อและดวงจิตของสิ่งมีชีวิต
นี่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในขอบเขต เป็นคลื่นที่เกิดขึ้นหลังดวงจิตของทั้งคู่ปะทะกัน
“เจ้าใช้ไม่ได้ ต่างกันเกินไป เจ้านายข้าแค่แผ่รัศมีก็เป็นแบบนี้แล้ว ต้องให้ผู้สูงส่งของดินแดนพวกเจ้าสู้สุดชีวิต ไม่ใช่คนทั่วไป ใครจะสู้ได้!” สิงห์เลือดหงส์ตะโกนอยู่ข้างๆ แผงคอของมันแดงฉานดุจเลือด แถมเนื้อตัวยังชุ่มโชกไปด้วยเลือด ถูกมดน้อยโจมตีจนบาดเจ็บ ตอนนี้เพิ่งจะพอจะหายใจหายคอได้บ้าง
“อ๊าก…”
มดน้อยเหาะกลับมา เลือดไหลทั้งตัว เลือดลมทั้งตัวพุ่งขึ้นสูงปานกลุ่มควัน มันตกอยู่ในสภาพคลุ้มคลั่ง
ตอนนี้ มันเสียสติไปแล้ว ก้าวเข้าสู่ขอบเขตที่ไม่ควร เป็นเช่นเดียวกับตอนที่มันอยู่ในถ้ำใต้พิภพของถ้ำสวรรค์
ตอนนี้มันน่ากลัว เพราะคลุ้มคลั่งแล้วโดยสิ้นเชิง เหลือเพียงสัญชาตญาณ จะต่อสู้ จะทำลายล้างทุกสิ่งกีดขวาง
ชิ้ง!
มันพุ่งไปหาเฮ่ออู่ซวงอีกครั้ง แม้สติจะเลือนราง แต่มีความเกลียดชังควบคุมมัน จะปลิดชีพคนคนนั้นเพื่อแก้แค้น
“มดเขาสวรรค์ไม่ธรรมดาจริงๆ ตอนที่ฆ่าพี่ชายกับพี่สาวเจ้า ข้าได้เห็นความเลิศล้ำของพวกมันแล้ว เจ้ายังไม่เจริญวัย ก็เจียมเนื้อเจียมตัวเสียเถอะ พลังสะเทือนปฐพีที่ว่าใช้ไม่ได้กับข้า ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก จะเลี้ยงเจ้าไว้เป็นข้ารับใช้” เฮ่ออู่ซวงพูดเสียงเรียบ
เขาเอียงหัวมองมดน้อย จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง พายุหมุนสีดำก่อตัว เฉือนมิติจนแตก ม้วนเอามดน้อยไปอีกครั้ง
ไม่พูดไม่ได้ว่า นี่เป็นการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาของความแข็งกร้าว!
แม้แต่สือฮ่าวก็ทำหน้าตกใจ ชายคนนี้แข็งแกร่งเหนือเกิน แค่สะบัดมือ ก็สะเทือนมดเขาสวรรค์ที่อยู่ในสภาพนี้กระเด็นออกไป ต้องใช้คำว่ายากลึกหยั่งถึงมานิยามเท่านั้น
ลางสังหรณ์ของเขาถูกต้อง ชายคนนี้มีพรสวรรค์เย้ยปฐพี พลังแก่กล้า สมกับเป็นผู้นำกองทัพต่างแดน วันหน้าต้องเป็นหนึ่งในผู้อมตะที่น่ากลัวที่สุดแน่นอน!
สิงห์เลือดหงส์เยาะเย้ยว่า “เจ้ามดน้อยเจ้าประมาณตนหน่อยเถอะ เจ้าไม่มีทางสู้นายท่านได้ แม้แต่สหายของเจ้าก็ทำได้แค่ศิโรราบ คุกเข่าต่อหน้านายท่าน ในคนรุ่นเดียวกันของดินแดนพวกเจ้า ไม่มีใครสู้เขาได้ ที่หนึ่งในหล้าไม่ใช่แค่คำพูดเท่านั้น พวกเจ้าทำได้แค่ชะเง้อมอง ไม่มีวันได้สบตาแน่นอน!”
ตูม!
สือฮ่าวลงมือ ระดมกำลังจนถึงขีดจำกัด โจมตีดุจสายฟ้าฟาด ปล่อยหมัดทะลุมิติ พุ่งเข้าไปประชิด
ฟ้าดินถล่ม น่าตะลึงพรึงเพริด!
ยามทั้งสองเผชิญหน้ากัน ขอบเขตไร้รูปร่างแผ่ขยาย กวาดล้างสี่ทิศ แต่ตอนนั้นทั้งสองต่างก็นิ่งไม่ไหวติง ตอนนี้เปิดฉากแล้ว!
ปัง!
สือฮ่าวรวดเร็วเหลือเกิน พุ่งทะลุมิติออกไปใกล้ประหนึ่งสายฟ้าฟาด หมัดขวาระเบิดราวกับดวงอาทิตย์สาดแสง หมายจะกระแทกหน้าผากของชายคนนั้น ทะลวงดวงจิตของเขา
ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่สือฮ่าวมีสมาธิปานนี้ จิตใจหนักแน่น จะสังหารศัตรูให้ได้โดยไม่ปรานี
เฮ่ออู่ซวงมีผมสีทองยาวถึงต้นขาปานธารน้ำสีทอง ตอนนี้ถูกลมพัดจนโบกสะบัดไปข้างหลัง สาดแสงสีทองในพริบตา
ชายสีเขียวของเขาดังพรึ่บพรั่บ จะฉีกขาดแล้ว
แม้จะถึงขั้นนี้แล้ว แต่เขายังคงนิ่งเฉย สองเท้าไม่ขยับ ดุจต้นสนที่ฝังรากบนหน้าผา ไม่อาจทำอะไรมันได้
ฟิ้ว!
ยามแขนเสื้อโบกพลิ้วดังพรึ่บพรั่บ ลมก็พัดกรรโชก เขาโจมตีแล้ว ยกแขนขวาขึ้นแล้วประสานอิน ยื่นออกไปจะปะทะกับหมัดของสือฮ่าว
ตึง!
เสียงสะเทือนปฐพี หากมีคนอยู่ที่นี่ต้องยกมือขึ้นปิดหูเป็นแน่ มันเหมือนกับอาวุธทองคำเซียนที่ทนทานที่สุดชนกัน เปล่งแสงสว่างเจิดจ้า เสียงดังสะท้านฟ้า!
ครั้งนี้รุนแรงเหลือเกิน ทั้งสองปะทะกันตาต่อตา ฟันต่อฟัน
สายฟ้าหลายเส้นกะพริบแปลบปลาบ หมัดขวาของสือฮ่าวพุ่งออกไปข้างหน้า แลดูสงบ แต่มันสะเทือนไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว!
หมัดของเขาสาดแสงออกมาดุจเกลียวคลื่น มันสูงขึ้นเรื่อยๆ คลื่นพลังรุนแรง อยากสะเทือนศัตรูให้ตายทั้งเป็น
ตอนนี้ สือฮ่าวสลับหมุนเวียน ผสานเคล็ดวิชาหลายชนิด ราวกับมีกระแสไฟจำนวนมากผุดออกจากกำปั้น กระแทกข้างหน้า
สำหรับการโจมตีนี้ เฮ่ออู่ซวงสงบอย่างมาก ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ใช้ฝ่ามือขวารับกำปั้นนั้นไว้ มันกำลังส่องแสงเช่นกัน มีลำแสงพุ่งออกจากฝ่ามือจำนวนมาก
มันเป็นเหมือนเข็มเล่มแล้วเล่มเล่า ต่างก็พุ่งใส่กำปั้นสือฮ่าวทั้งหมด
เสือปะทะสิงห์!
มือดีทั้งสองประมือกัน ไม่ถอยหลังแม้แต่นิด ต่างก็สู้กันด้วยพละกำลังขั้นสุดยอด ผสานด้วยญาณวิเศษ!
ตูม!
สือฮ่าววาดมือซ้ายออกไปราวกับสายรุ้ง ขนนกสีทองพุ่งกระจายไปทั่ว ราวกับมีศรทลายฟ้า!
มันเป็นผสานระหว่างสายฟ้ากับขนคุนเผิง รวมตัวเป็นอาวุธ เป็นการใช้สองเคล็ดวิชาพร้อมกัน โจมตีทุกส่วนอวัยวะของอีกฝ่าย
เฮ่ออู่ซวงวาดมือซ้ายอย่างดงาม ประหนึ่งนกกางปีกโบยบินลงมา บัดนี้มิติกำลังตอบสนอง จากนั้นก็แตกทลายดังตูม ไอปฐมกาลถูกเขาชักนำออกมาแล้ว
เขาใช้มือซ้ายฟันมิติแยก จนเห็นไอปฐมกาล!
มิหนำซ้ำ ชายคนนี้ยังน่ากลัวยิ่งนัก เขาควบคุมสรรพสิ่ง ใช้ไอปฐมกาลหลอมอาวุธ กลายเป็นโล่กำบัง ขวางการโจมตีจากขนนกทั้งหมด
จากนั้น โล่ก็ขยายใหญ่ขึ้นประหนึ่งขุนเขา แข็งแรงไร้เทียมทาน พุ่งไปจะอัดสือฮ่าว
ตูม!
สือฮ่าวชักมือกลับไปแล้วประสานอิน ทะลวงโล่ดังปัง เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นที่นี่
ชิ้ง!
ทั้งสองลงมือปานสายฟ้าฟาด ประมือกันอย่างรวดเร็วท่ามกลางหมอกปฐมกาล กำปั้นปะทะฝ่ามือ ร่างกายเคลื่อนไหวว่องไว
รวดเร็วเหลือเกินจนตั้งตัวไม่ทัน มือดีทั้งสองรบกันกลางอากาศ เคล้าด้วยหมอกขมุกขมัวและเคล็ดวิชาสะเทือนปฐพี ต่างก็ใช้พลังอันยิ่งใหญ่แล้ว
ฟิ้ว!
สือฮ่าวกระโดดขึ้นแล้วพุ่งออกไป ราวกับจะทลายยอดเขา เขาโจมตีหน้าผากของอีกฝ่าย
เฮ่ออู่ซวงเคลื่อนตัวหลบ ฝ่ามือดุจกระบี่ สาดลำแสงดังชิ้ง ม้วนตัวไปทั่วฟ้าดิน น่ากลัวเป็นที่สุด ทำลายล้างทุกสิ่ง
สือฮ่าวตกใจ มันเป็นวิชากระบี่อะไร? ไม่ด้อยไปกว่าวิชาสยบความวุ่นวาย!
ในบรรดาเคล็ดวิชาการโจมตีที่เขาเคยสัมผัส วิชาสยบความวุ่นวายแหลมคมเป็นล้นพ้น ไม่มีอะไรขวางได้ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามวิชากระบี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์!
คนคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน แค่ลงมือก็ปล่อยวิชาไร้พ่ายเช่นนี้ออกมาแล้ว!
สือฮ่าวพุ่งดิ่งลงมา ไม่ถอยเลยสักนิด อักขระต่างๆ ปรากฏขึ้นสองมือของเขา เชื่อมประสานกันอย่างหนาแน่น ราวกับมีลูกอ๊อดหลายหมื่นตัวกำลังแหวกว่าย อัศจรรย์ยิ่งนัก
มันคือการหยั่งรู้ดั้งเดิม ตอนนี้เขาศึกษาจนเข้าใจสภาพที่ซับซ้อนที่สุดแล้ว ตอนนี้วิวัฒนาการอักขระทั้งหมด ทำให้สิ่งมีชีวิตนานาชนิดในภาพหมื่นเทพเจ้าปรากฏขึ้นในสองมือ สลักอยู่ตรงนั้น
ตึง!
สือฮ่าวโจมตี ใช้สองกำปั้นตอบโต้ลำแสงกระบี่ ปะทะกับศัตรู!
ตึง!
มีเสียงโลหะกระทบกันดังบาดหูก่อน จากนั้นที่นี่ก็ระเบิดดังตูม
แผ่นดินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ สองร่างเลือนรางกำลังประมือ เข่นฆ่า สู้รบโรมรันกัน ไม่มีใครยอมใคร
นี่เป็นการต่อสู้อย่างแท้จริง เป็นศึกครั้งแรกระหว่างมือดีหนุ่มสะเทือนปฐพี ต่างก็กำราบอีกฝ่ายด้วยความทรงพลัง
มันเป็นศึกแห่งชะตา
ฟิ้ว!
ลมพัดกรรโชกไปทั่วฟ้าดิน
เศษหินดินทรายปลิวกระจาย แผ่นดินทรุดตัว มองไม่เห็นอะไรเลย เห็นสองร่างโรมรัน เข่นฆ่ากันเป็นครั้งคราว
กระทั่งสุดท้าย เกิดเสียงดังสนั่น พวกเขาแยกจากกัน หมอกปฐมกาลสลายหายไป ที่นี่กลับสู่ความสงบ
สือฮ่าวกับเฮ่ออู่ซวงหยั่งเชิงกัน ทั้งคู่ห่างกันร่วมร้อยจั้ง
ไม่มีคราบเลือด มีเพียงสภาพกระจัดกระจายจากการต่อสู้
สือฮ่าวถอนหายใจ ต่างแดนน่ากลัวปานนี้เลยหรือ พบเจอผู้กล้าหนุ่มขั้นสุดยอดของพวกเขาครั้งแรก ก็แข็งแกร่งไร้เทียมทานถึงเพียงนี้แล้ว
เมื่อครู่พวกเขาสู้กันด้วยกายเนื้อเป็นส่วนใหญ่ ดูจากสภาพของสือฮ่าวในตอนนี้แล้ว กายเนื้อแปรสภาพจนถึงขั้นน่ากลัว แต่กลับกำราบอีกฝ่ายไม่ได้ เพียงแค่เสมอกันเท่านั้น!
“น่าสนใจ ข้าใช้หนึ่งในวิชากระบี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแดนนี้สังหารเจ้า แต่ก็ไม่สำเร็จ” เฮ่ออู่ซวงพูด
ผิวหนังของเขาเป็นเหมือนหยก ใบหน้าแหลมดูดี หล่อเหลายิ่งนัก เส้นผมสีทองพลิ้วไหว มองสือฮ่าวอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาแฝงความประหลาดใจ
สือฮ่าวตกใจ เป็นอย่างที่เขาคาดเดา อีกฝ่ายมีวิชากระบี่ไร้พ่าย เทียบเท่าวิชาสยบความวุ่นวาย พลังโจมตีไร้เทียมทานอย่างแท้จริง
“น่าเสียดาย วิชากระบี่มีแค่สามกระบวนท่า ไม่ครบถ้วน” เฮ่ออู่ซวงส่ายหัว
สือฮ่าวพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ลงมือเถอะ สำแดงญาณวิเศษต่างแดนของเจ้า!”
“เจ้าไม่มีทางสู้นายท่านได้ ในโลกใบนี้ หากเป็นคนหนุ่มสาว ไม่มีใครสู้เขาได้ ศัตรูทั้งหมดจำต้องยอมจำนน” สิงห์เลือดหงส์ตะโกนโหวกเหวก อวดดียิ่งนัก “อัจฉริยะของพวกเจ้า พวกมือดีต้นแบบ พลังเซียนสามเส้นกลายเป็นดอกไม้แล้วอย่างไร ก็ถูกนายข้าสังหารจนเหี้ยนเหมือนกัน!”
“ทำให้มันหุบปาก ฆ่ามัน!” สือฮ่าวพูด ให้มดน้อยที่เสียสติลงมือ สังหารสิงห์เลือดหงส์อีกครั้ง
เพราะมีไฟโทสะสุมในอกสือฮ่าว เคยมีหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งในยุคเซียนโบราณ ที่ถูกต่างแดนสังหารตั้งแต่ยังไม่เจริญวัย มันช่างน่าเสียดายเหลือเกิน
และเขาเคยย้อนอดีตไปเซียนโบราณ เคยพบเจอคนบางส่วน!
เฮ่ออู่ซวงพูดว่า “เจ้ามาเพราะคัมภีร์อมตะ ข้าก็เช่นกัน ไม่ใช่แค่การแย่งชิงคัมภีร์ แต่ยังเป็นการต่อสู้ของสองแดน ข้าไม่ยอมให้มันอยู่ในมือเจ้าแน่ ข้าต้องการคัมภีร์เล่มนี้!”
“งั้นก็ฆ่าเถอะ ผู้ชนะได้คัมภีร์ไปครอง ผู้แพ้ตาย นี่เป็นดำเนินสงครามเซียนโบราณต่อ!” สือฮ่าวตะโกน
เขาทุ่มเทสุดความสามารถแล้ว ไม่เคยมีครั้งไหนที่จริงจังขนาดนี้ เขาจะสังหารศัตรูคนนี้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี
บทที่ 1306 สวรรค์ร่ำไห้
โดย
Ink Stone_Fantasy
“สังหาร!”
สือฮ่าวตะลุยไปข้างหน้า เนื้อตัวเปล่งประกาย ลุกไหม้ขึ้นมา ตัวเขาเป็นดั่งเตาไฟขนาดใหญ่ เปลวไฟลุกโชน ม้วนตัวไปทั่วฟ้าดิน
ตอนนี้ เขาไม่เกรงกลัวและไร้เทียมทาน ปล่อยศักยภาพทั้งหมด ต่อสู้สุดความสามารถ ไม่อยู่ก็ตาย
มันไม่ใช่แค่ศึกชิงคัมภีร์เท่านั้น แต่ยังเป็นสงครามตัดสินชะตา นี่เป็นการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างชายหนุ่มขั้นสุดยอดของสองแดน เป็นตัวแทนของสองแดน!
ฟ้าถล่มดินทลาย เสียงดังบาดหู ราวกับโลกทั้งใบจะพังครืนแล้ว
สือฮ่าวถูกห้อมล้อมด้วยกระแสไฟสีทองจำนวนมากทั้งตัว เคลื่อนตัวไปข้างหน้าพร้อมกับเปลวไฟ ทุกย่างก้าวทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน
ตอนนี้ เขาออกรบแทนดินแดนนี้ ทำให้เสมือนแผ่นดินเสื่อมโทรมผืนนี้เกิดปฏิกิริยาร่วม ตอบสนองกับเขา พลังฟ้าดินผนึกกำลังกับเขา
“ไม่เท่าใดหรอก ต่างแดนของเรามีมือดีมากเหลือคณานับ กวาดล้างใต้หล้า ต่อให้เจ้ามีญาณวิเศษนับพัน ต่อสู้ทุกวิถีทาง ข้าก็จะสังหารให้เหี้ยน!” เฮ่ออู่ซวงพูด
เขาน่ากลัว เนื้อตัวปล่อยหมอกสีเทาเป็นระลอกๆ ไม่ใช่พลังเซียน แต่เป็นกลิ่นอายเฉพาะตัวของอีกแดน!
เขาใช้พลังที่แท้จริงของตัวเองแล้ว พูดจาอวดดี ดูถูกทุกคนในแดนนี้ ต่อให้สือฮ่าวยิ่งใหญ่ปานนี้ เขาก็จะกำราบ!
“ตูม!”
เฮ่ออู่ซวงเคลื่อนไหวท่ามกลางหมอกเทา แต่ละย่างก้าวดุจผู้อมตะเหาะเหิน อยู่เหนือสรรพสิ่ง กำราบกฎเกณฑ์ทั้งหลายในปฐพี น่ากลัวเป็นที่สุด
ฟ้าดินระส่ำระสายเพราะเขา ต้านทานหมอกสีเทากับพลังต่างแดนที่น่ากลัวไม่ไหว
เสมือนเป็นบุตรแห่งผู้อมตะ อหังการสะท้านฟ้า!
ตูม!
เฮ่ออู่ซวงเป็นฝ่ายลงมือ ไม่อ่อนโยนเหมือนครั้งแรกที่ประมือแล้ว ผมยาวสีทองของเขาปลิวสะบัด ทุกเส้นบาดมิติจนเกิดรอยแยก
ราชันปีศาจ!
มันเป็นอานุภาพที่ไม่อาจเทียบได้ ราวกับเจ้าแห่งปีศาจ ไม่มีใครขวางได้ เขาจะทำลายล้างทุกสิ่ง!
“ปัง!”
ทั้งสองลงมือสุดพลัง แผ่นดินทรุดตัว ฝุ่นตลบอบอวล ก้อนหินหนักหลายล้านชั่งมากมายกระเด็นกระดอน พุ่งขึ้นฟ้าสูง เป็นภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
ส่วนชั้นดินนั้นก็แตกทลายอย่างต่อเนื่อง
สงครามแห่งราชันขนานแท้!
ทั้งสองพุ่งเข้าหากัน ฟ้าดินถล่มทลาย ภูตผีรอบๆ โหยหวน ภาพลวงตาต่างๆ ปรากฏให้เห็น ที่นี่น่ากลัวเป็นที่สุด
ฟากฟ้าถูกทะลวง แผ่นดินกำลังทรุดตัว
พลังเซียนฟุ้งกระจายพร้อมกับหมอกเทา กำลังซัดสาด โจมตีกันและกันอย่างฮึกเหิม
เปรี๊ยะ!
สายฟ้าสีดำพาดผ่านนภา จากนั้นหยดเลือดก็เทกระหน่ำทั่วฟ้า
มดน้อยที่ได้สติกลับคืนมาบ้างแล้วชะงัก สิงห์เลือดหงส์ผู้ย่ามใจตะลึงงัน
มันไม่ใช่ภาพลวงตา นี่เป็นปรากฏการณ์ของจริง มันเกิดจากสวรรค์ร่ำไห้ หยดเลือดโปรยปราย
สือฮ่าวตะลึงพรึงเพริด ในอดีตเขาเคยเห็นหยดเลือดสาดลงมา แต่มันเป็นแค่ภาพลวงตา ไม่ใช่ของจริง แต่วันนี้ เขากำลังประสบพบเจอกับเหตุการณ์จริงแล้ว
ปฐพีกำลังร่ำไห้ เลือดกำลังไหลหลั่ง!
มันเป็นสงครามระหว่างฟ้าดินหรือ? ส่งผลกระทบต่อสองแดนในอนาคตหรือ? สือฮ่าวสงสัย ขณะเดียวกันก็ใจสั่นระรัว
“ทั้งสองต่างก็เป็นหนึ่งในมือดีคนสำคัญของแดน ต้องเป็นศัตรูตัวฉกาจแน่นอน ตอนนี้พบเจอเพราะห้วงเวลาสับสนปนเป ส่งผลกระทบต่ออะไรบางอย่าง!” สิงห์เลือดหงส์หวาดผวา เสียวสันหลังขึ้นมาทันที จากนั้นก็หลบการตามล่าของมดน้อยอย่างบ้าระห่ำ
ตอนนี้ สือฮ่าวเกิดความรู้สึกเศร้า เพราะถูกอารมณ์เล่นงาน ฟ้าดินกำลังร้องไห้ หลั่งเลือด ทำให้เขารู้สึกหนักอึ้ง และเจ็บปวดอยู่ลึกๆ มันเป็นเพราะอะไร?
จากนั้น เขาก็เข้าใจ มีใบหน้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนเส้นขอบฟ้ามากมาย กำลังพากันมองเขา
คนเหล่านั้น มีทั้งชายทั้งหญิง แก่และเด็ก ต่างก็เปื้อนน้ำตาสีเลือด
นั่นเป็นบรรพชนที่ตายจากการรบ วีรชนที่ถูกสังหารในสงคราม เคยไม่ยอมจำนน แลกมาด้วยชีวิต ปรากฏว่าต่างก็ต้องตาย ทิ้งชีวิตในสมรภูมิรบ
“พวกเราแพ้แล้ว ปกป้องดินแดนไว้ไม่ได้ ทุกคนรบจนตัวตาย ทำให้ครอบครัวที่อยู่ข้างหลังต้องผิดหวัง รักษาดินแดนไว้ไม่ได้ หายนะจะมาเยือน พวกเราหมดปัญญา…มีแต่ต้องตาย…ถอยไม่ได้!”
ราวกับสือฮ่าวได้ยินคำรำพันที่เจือความเจ็บปวดและความเศร้าสลด
เลือดไหลลงมา สวรรค์ร้องไห้! วิญญาณวีรชนที่ตายในสนามรบกำลังร่ำไห้ พวกเขาเคียดแค้น พวกเขาสิ้นหวัง ไม่เห็นแสงสว่าง รักษาดินแดนไว้ไม่ได้ โลกใบนี้จะมืดมน ตกต่ำ
ความเศร้าแบบนี้ ทะลุผ่านกาลเวลา คงอยู่ตลอดกาลไม่ดับสูญ มันแล่นริ้วเข้าไปในใจสือฮ่าว!
เขาเข้าใจแล้ว นี่เป็นการตายของบรรพชน เป็นคำพูดที่สิ้นหวัง อบอวลในดินแดนเสื่อมโทรม หวังให้คนรุ่นหลังพุ่งผงาด นั่นเป็นความหวังหนึ่งเดียวของพวกเขา
“อ๊าก…” สือฮ่าวแผดร้อง คำรามปานสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บ ดวงตาเปียกชื้น เลือดในกายเดือดพล่าน อยากพุ่งออกไปข้างหน้า
การตายของบรรพชน ความเจ็บปวดของดินแดน เขาสัมผัสได้แล้ว สวรรค์ร่ำไห้ สองแดนห้ำหั่นกัน เขาจะไม่สู้สุดตัวได้อย่างไร?!
เฮ่ออู่ซวงตะโกนลั่นว่า “สิ่งมีชีวิตในแดนนี้ ข้าไม่สนว่าเจ้ามาจากไหน เป็นคนจากยุคใด เจอข้า เท่ากับเป็นวันตายของเจ้า ราชันหนุ่มที่ว่า จะถูกฆ่าจนหมด สยบใต้เท้าข้า ให้เลือดย้อมธง ร้องเพลงสรรเสริญดังกึกก้องตลอดกาล!”
คำพูดอวดดีของเขายั่วโทสะสือฮ่าว ทำให้ผมดำของสือฮ่าวโบกสะบัด จิตใจฮึกเหิม!
“สังหาร!”
ตูม!
รอบกายสือฮ่าวเต็มไปด้วยแผ่นดิน มันเป็นภาพลวงตา เสมือนโลกมีวิญญาณ กำลังเชื่อมต่อกับเขา ส่งเสริมเขา ร่วมสู้กับเขา
พลังต่อสู้ระเบิดไม่สิ้นสุด ราวกับภูเขาไฟปะทุ
“เปล่าประโยชน์ แดนข้าใกล้ชิดกับธรรม!” เฮ่ออู่ซวงตะโกนขึ้นมา ใบหน้าหล่อเหลาแผ่รังสีอำมหิต น่าเกรงขามยิ่งนัก
ขณะเดียวกัน ก็มีร่างดำทะมึนมากมายปรากฏขึ้นข้างหลังเขา ยืนตระหง่านสูงเสียดฟ้า บ้างถือขวาน บ้างถือหอก
เงาดำมหึมาเหล่านี้กำลังเกิดปฏิกิริยาร่วม ส่งเสริมเขา ทำให้จิตสังหารของเฮ่ออู่ซวงน่ากลัวเป็นล้นพ้น
วิญญาณวีรชนมากมายปรากฏขึ้นรอบกายสือฮ่าว น้ำตาสีเลือดอาบหน้า คำรามด้วยความโกรธ กำลังขยายใหญ่ขึ้น
ตูม!
การโจมตีนี้รุนแรงยิ่งนัก ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยแสงและคลื่นพลัง
มือดีทั้งสองต่างก็ตกตะลึง เข่นฆ่าเอาเป็นเอาตาย กลายเป็นลำแสงสองเส้นโรมรันกัน ต่อสู้จนเกิดพลังเซียน หมอกควันก่อตัว กระจายออกไปทั่วบริเวณ
มีเสียงสรรเสริญเก่าแก่ดังขึ้น ภาพวันสิ้นโลกอันน่าเศร้าปรากฏขึ้นอีกครั้ง วิญญาณวีรชนมากเหลือคณานับยืนตระหง่าน แม้จะตายไปนานแล้ว แต่ก็ยังมีความอาลัยที่ปล่อยวางไม่ได้ อารมณ์ยังคงอยู่
นั่นเป็นเสียงวันสิ้นโลกของพวกเขา ผู้คนกำลังกู่ร้องด้วยความเศร้า ทั้งที่รู้ว่าต้องตาย แต่ก็ต้องสู้ กระโจนใส่ความตาย ต่างก็สิ้นชีพ!
“เจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับข้า ทายาทของผู้แพ้ บรรพชนยังถูกข้าสังหาร เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร จะทำอะไรได้หรือ?!” เฮ่ออู่ซวงตะโกน
ตูม!
อินที่เขาประสาน สำแดงญาณวิเศษต่างแดน หมอกควันม้วนตัว กลิ่นอายอมตะแผ่กระจาย รุกรานจิตใจของสือฮ่าว
“ความอัปยศของบรรพชน รุ่นหลังลบล้าง ข้าจะเริ่มต้นจากเจ้า ผู้นำกองทัพที่ว่าเป็นตัวอะไร?!” สือฮ่าวตะโกนลั่น แทบจะคลุ้มคลั่ง กระโจนออกไปโจมตี
วิชาวัฏจักรถูกเขาสำแดงออกมา พุ่งไปข้างหน้าอย่างสุดความสามารถ ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง มันเป็นลักษณะของคนที่ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็จะสังหารศัตรูให้ได้
“วิชาสวรรค์วิชานี้ยังไม่ขาดการสืบทอดหรือ? ดี ดี ดี งั้นก็คิดบัญชีเถอะ เคยมีคนอาศัยวิชานี้สังหารคนสำคัญของแดนข้า ข้าจะสังหารพวกเจ้า!” เฮ่ออู่ซวงแผดร้อง
สือฮ่าวรู้ตั้งนานแล้วว่า วิชาวัฏจักรเกี่ยวข้องกับเซียนโบราณ เป็นวิชาสวรรค์สูงส่งข้ามยุค ไม่คิดว่าจะทำให้เฮ่ออู่ซวงเจ็บแค้นปานนี้
เห็นได้ชัดว่า เฮ่ออู่ซวงครอบครองวิชามากเหลือเกิน มีความสามารถสะเทือนปฐพี
รูม่านตารูปไม้กางเขนในดวงตาของเขา เจิดจ้ามากยิ่งขึ้น เสียงชิ้งดังขึ้น ภาพน่ากลัวเกิดขึ้นแล้ว
มีอาวุธตกลงมาจากดวงตาของเขา!
ตอนแรก สือฮ่าวคิดว่าเป็นหอกศึก เมื่อพวกมันขยายใหญ่ขึ้น กลับพบว่าเป็นกระบี่!
มันเป็นกระบี่ทั้งหมดสี่เล่ม จิตสังหารท่วมท้นท้องฟ้า พุ่งไปหาสือฮ่าว ฟันมิติจนขาดสะบั้นในพริบตา!
นัยน์ตาของเฮ่ออู่ซวงเป็นสีทอง รูม่านตาเป็นรูปไม้กางเขน แท้จริงแล้วมันเป็นกระบี่วางพาดกัน ตอนนี้ตกลงมากลางอากาศ เริ่มสำแดงเดชแล้ว
“สังหาร!”
เฮ่ออู่ซวงตะโกน ใช้กระบี่สี่เล่มเป็นอาวุธ จะสังหารสือฮ่าว ฟ้าดินแหลกสลาย กระบี่สี่เล่มน่ากลัวมาก
ขณะเดียวกัน ดวงตาของเขาก็สิ้นสีทอง วูบโหวงราวกับขุมนรก ก่อตัวเป็นพลังลึกลับ กระชากสือฮ่าว จะลากเขาเข้าไปในห้วงมิติอันดำมืด
ดวงตาของเฮ่ออู่ซวงน่ากลัวถึงปานนี้ มันก่อตัวเป็นดินแดนมืดมิด และกระบี่สี่เล่มลอยล่อง พุ่งไปหาสือฮ่าวทั้งหมด
วิชาวัฏจักรสำแดงเดช หลุมดำปรากฏขึ้นรอบกายสือฮ่าวทั้งหมดหกหลุม ซ้ำยังมีแสงไหลเวียน ชิ้นส่วนของกาลเวลาลอยล่อง แสงและความมืดมนผสมผสานกัน!
นอกจากนี้ มีบรรพบุรุษที่รบจนตัวตายปรากฏขึ้น เสียงเศร้าสลดแว่วมารางๆ
“ตูม!”
การต่อสู้ตัดสินชะตา!
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ใช้พลังต้องห้าม ไม่ปรานีกันเลยสักนิด เพื่อให้รู้ผลแพ้ชนะ ตัดสินว่าจะเป็นหรือตาย
“กำราบ!” เฮ่ออู่ซวงแผดเสียง ร่างดำโผล่ขึ้นมาข้างหลังเขาร่างแล้วร่างเล่า สะเทือนผืนปฐพี พลังธรรมแผ่ปกคลุมไปทั่ว
วิญญาณวีรชนรอบกายสือฮ่าวเลือนรางลงไป เสียงห่างออกไป ภาพลวงตาก็แหลกสลาย
“สังหาร!” เฮ่ออู่ซวงตะโกน กระบี่สี่เล่มพุ่งออกไปหาสือฮ่าวราวกับสายรุ้ง
ตูม!
ประตูทั้งหลายในตัวสือฮ่าวเปิด แสงสีเขียวดุจคลื่นน้ำ ไม่เจิดจ้ามากนัก แต่กลับอ่อนโยนอย่างมาก ห่อหุ้มตัวเขา หลุดพ้นจากการรุกล้ำของพลังต่างแดน
เขากระตุ้นวิชาวัฏจักรต่อไป ซ้ำยังถือกระบี่ มันคือกระบี่เซียนต้าหลัวนั่นเอง พุ่งออกไปข้างหน้าแล้ว
“หือ?!” เฮ่ออู่ซวงเห็นกระบี่ที่สือฮ่าวถือในปราดเดียว นัยน์ตาก็แววโรจน์โดยพลัน ตกใจอย่างยิ่ง “มาอยู่ในมือเจ้าได้อย่างไร!”
ชิ้ง!
ลำแสงพุ่งไปหากระบี่ทั้งสี่ดุจเส้นไหม
เฮ่ออู่ซวงตะโกนเบาๆ กระบี่สี่เล่มกลับสู่สภาพเดิม กลายเป็นไม้กางเขนสีทอง กลับเข้าไปในดวงตา กลายเป็นรูม่านตา ไม่ปะทะกับกระบี่เซียนต้าหลัว
“หมื่นวิชาสูญสิ้น!” เฮ่ออู่ซวงตะโกน
เกิดเรื่องที่น่ากลัวขึ้น มิติรอบกายถล่ม อักขระแตกสลาย ทุกการโจมตีไม่อาจเข้าใกล้ได้ ถูกขจัดจนสิ้น
“จิตออกจากร่าง!” รูม่านตาของเขาสาดแสงสีทอง กระโดดขึ้นจะไปเหยียบสือฮ่าวแล้ว
ตอนนี้ ความมืดแผ่กระจาย หมอกสีเทาซัดสาด ก่อตัวเป็นพลังที่มีความพิเศษ
สือฮ่าวรู้สึกเหมือน ดวงจิตจะออกจากร่าง ถูกเก็บเอาไปแล้ว อีกฝ่ายใช้วิชาลับอันน่าเหนือเชื่อ จะบีบให้ดวงจิตออกจากร่าง
“ชิ้ง!”
ลำแสงเส้นหนึ่งสว่างวาบขึ้นมา ร่างจิ๋วปรากฏขึ้นตรงหน้าผากของสือฮ่าว จากนั้นกลายเป็นกระบี่พุ่งไปฟันข้างหน้า
“วิชาสยบความวุ่นวาย!” เป็นครั้งแรกที่เฮ่ออู่ซวงทำหน้าตกใจ จากนั้นก็ถอยหลังเป็นพัลวัน
ตูม!
สือฮ่าวตามไป โจมตีอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าไม่ใช่วิชาสยบความวุ่นวายขนานแท้ แต่กลับทำให้อีกฝ่ายว้าวุ่นใจ สือฮ่าวใช้ดวงจิตจัดการ อาศัยโอกาสนี้รุกโจมตี
“ชิ้ง!”
ถ้ำสวรรค์หนึ่งเดียวปรากฏขึ้น จากนั้นก็หดเล็กลงเป็นจุด ระเบิดในพริบตา รุนแรงเป็นที่สุด
ปฐพีถล่มแล้ว!
“สังหาร!” ดวงตาของเฮ่ออู่ซวงพ่นไฟ เมื่อครู่ตกใจจนล่าถอย จิตสังหารเดือดพล่าน เขาก็ใช้พลังสะเทือนโลกาโจมตีแล้ว
เสียงตูมดังขึ้น ทั้งคู่กระเด็น เลือดไหลออกจากมุมปาก
ผ่านไปครู่ใหญ่ กว่าจะมองเห็นสภาพอันทรุดโทรมของที่นี่
“เจ้าไม่ตาย?!” เฮ่ออู่ซวงตกใจ เมื่อครู่เขาใช้วิชาโบราณถึงสองชนิด แต่กลับสังหารสือฮ่าวไม่ได้ ทำให้เขาตกตะลึง
ต้องรู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นหมื่นวิชาสูญสิ้นหรือวิชาสังหารเซียน ต่างก็เป็นวิชาสูงส่งของต่างแดน เมื่อครู่มันกลับเปล่าประโยชน์
สือฮ่าวตกใจยิ่งกว่าเขาเสียอีก ถ้ำสวรรค์หนึ่งเดียวสลักอักขระการหยั่งรู้ดั้งเดิม เมื่อหดเล็กลงแล้วก็ระเบิด แต่กลับทำอะไรคนคนนี้ไม่ได้ น่ากลัวเหลือเกิน
“ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า!” ท่าทางของเฮ่ออู่ซวงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ความสุภาพทั้งหมดมลายหายไป เต็มไปด้วยจิตสังหาร พูดคำว่าฆ่าออกมาอย่างต่อเนื่องแล้วโจมตีข้างหน้า
จิตใจของสือฮ่าวระส่ำระสาย จิตสังหารก็พุ่งสูงขึ้น วิชาทั้งหลายผุดขึ้นในใจ เคล็ดวิชาทั้งหมดผนึกกำลัง ระเบิดในพริบตา!
การโจมตีสุดท้าย เขาจะสู้สุดชีวิตแล้ว หากสำเร็จ จะสังหารคนคนนี้ได้ แต่ถ้าแพ้ ตัวเขาก็ต้องตาย!
วิญญาณวีรชนมากเหลือคณานับ กลายเป็นใบหน้าขนาดใหญ่มากมาย กำลังทอดมองเขาจากฟากฟ้า หยดเลือดโปรยปราย สวรรค์ร่ำไห้บังเกิดขึ้นแล้ว
มันเป็นความอาลัยของบรรพชน มันเป็นความโศกเศร้าของยุคก่อน!
บทที่ 1307 แสงสว่างกับความมืด
โดย
Ink Stone_Fantasy
“อ๊าก…” สือฮ่าวแผดเสียง ร่างของเขาสว่างจ้า เปลวไฟพุ่งทะลุฟ้า เส้นผมสีดำพัดไปข้างหลัง เคล็ดวิชาผสานกำลัง ใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุด
ตอนนี้ พลังของเขาสะเทือนฟ้าดิน ภาพลวงตาของบรรพบุรุษมากเหลือคณานับปรากฏขึ้น วิญญาณวีรชนเรียงราย ชมสงครามตัดสินชะตาครั้งนี้!
เสียงแซ่ซ้องดังกึกก้อง สะท้อนไปทั่ว เสียงค่อยๆ ดังขึ้น สุดท้ายก็ดังสะเทือนฟ้าดิน แฝงความเจ็บแค้น และความหวังสุดท้ายของพวกเขา
เปรี๊ยะ!
สายฟ้าสีดำกระจายไปทั่ว หยดเลือดสาดกระจาย ฟ้าดินทั้งผืนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง คลื่นสีเลือดแผ่ซ่าน!
นี่เป็นความจริง ไม่ใช่ภาพลวงตา!
ศพทั้งหลายกระจัดกระจายทั่วพื้น มันเป็นภาพอันน่าเศร้าก่อนตายของเหล่าบรรพชน
“ทำลายล้างทุกสิ่ง!” เฮ่ออู่ซวงตะโกนลั่น หมอกควันฟุ้งตลบ เขาเป็นเหมือนราชันปีศาจมาเยือน ไร้เทียมทาน กลิ่นอายของน่ากลัวขึ้นไม่รู้ตั้งกี่เท่า
ตูม!
เขาสำแดงพลังสะเทือนปฐพี ดุจหุบเหลวสีดำ จะเขมือบทุกสิ่ง บริเวณที่เขายืนอยู่มืดสนิท
ลำแสงเส้นหนึ่ง โชติช่วงประหนึ่งดวงอาทิตย์ระเบิด
ความมืดแผ่คลุม มองไม่เห็นความหวัง เหมือนหลุมที่น่ากลัวที่สุดในจักรวาล
คนสองคนยืนเป็นปรปักษ์กัน จากนั้นก็พุ่งเข้าหากัน!
นี่เป็นสงครามที่รุนแรงที่สุด และเป็นการปะทะที่ดุเดือดอย่างยิ่ง!
สือฮ่าวยึดมั่นในอุดมการณ์ไม่อยู่ก็ตาย ปะทะกับศัตรูด้วยการโจมตีขั้นสุดยอด ตอนนี้ ลืมเลือนทุกสิ่ง ไร้ซึ่งความกลัว ปราศจากอารมณ์ มีแต่การโจมตีสะเทือนปฐพีเท่านั้น!
สิ่งที่เขาได้ยิน มีแต่เสียงกู่ร้องของบรรพชนที่แว่วมาแต่ไกล เจือความเศร้าโศก ให้เขากลับไป อย่าเอาชีวิตไปทิ้ง! เขาแค่อยากต่อสู้ สังหารผู้นำกองทัพที่ว่าคนนี้!
ไม่ได้ยินเสียงแล้ว มองไม่เห็นอะไรเลย ทุกอย่างเลือนราง สือฮ่าวรู้สึกว่าตนกำลังแหลกสลาย กำลังจะตาย!
“อ๊าก ไม่!” มดน้อยที่อยู่ไกลออกไปได้สติแล้ว กำลังร้องตะโกนอยู่ตรงนั้น
“นายท่าน!” สิงห์เลือดหงส์ก็ตะลึงงัน แม้จะกระหายเลือด เลือดเย็น แต่ตอนนี้มันก็กลัวขึ้นมาแล้ว
ใจกลางสมรภูมิรบ ไม่มีอะไรเหลืออยู่ เกิดการถล่มครั้งใหญ่ แสงกับความมืดปะทะกัน เกิดปรากฏการณ์ที่น่ากลัวที่สุด ฟ้าดินพลิกผัน เสมือนถูกตีกลับมาในยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์ที่สุด ฟ้าดินเพิ่งบุกเบิก!
ในตอนนี้ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แตกต่างจากเสียงระเบิดในจินตนาการอย่างสิ้นเชิง
ที่นั่นมีแต่ความพังพินาศ เน่าเปื่อย ทุกอย่างถูกทำลาย แทบจะไม่มีสิ่งที่สมบูรณ์
ไอปฐมกาลกำลังกระเพื่อม จักรวาลแหลกสลาย ส่วนทั้งสองคนนั้นมองไม่เห็นแล้ว ถูกลำแสงบดบัง ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว
แต่หากมองจากคลื่นแบบนี้ บวกกับกลิ่นอายทำลายล้างอันน่ากลัวแล้ว พวกเขายากจะรอดมาได้ ตามหลักแล้วควรตายไปแล้ว!
ยังคงเงียบสงัด มีเพียงลำแสงพุ่งขึ้น บาดตาจนแทบจะบอด ปวดกระบอกตา ไม่อาจจ้องมองได้
สุดท้าย แสงก็มืดสลัว ตรงนั้นเสื่อมโทรม ในรอยแยกของมิติมีหมอกซัดสาด ซ้ำยังมีเสียงน่ากลัวแว่วมาเป็นระลอกๆ
การโจมตีนี้รุนแรงเกินไป ทั้งสองต่างก็ใช้ฝีมือเหนือชั้นของตัวเอง!
สนามรบพินาศย่อยยับแล้ว!
ตอนนี้ มีเลือดไหลออกมาจากรอยแยกใหญ่ของมิติ โปรยปรายลงบนแผ่นดินแห้งแตก
ร่างกายครึ่งท่อนเป็นของสือฮ่าว แถมมีแขนข้างหนึ่งที่ร่วงลงมา รวมถึงกำปั้นที่ขาดอีกด้วย!
มดน้องตะโกนลั่น ดวงตาแทบถลน รับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ สหายร่วมเดินทางกับตนต้องมาถูกฆ่าแบบนี้แล้วหรือ?
มันรู้ว่า สิ่งมีชีวิตต่างแดนคนนั้นน่ากลัว ในเมื่อฆ่าพี่ชายและพี่สาวเจริญวัยของมันได้ ต้องยากลึกเกินหยั่งแน่นอน
แต่เมื่อเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นมาจริงๆ มันก็ยอมรับไม่ได้ ตอนนั้นพี่ชายกับพี่สาวของมันก็ถูกสังหารแบบนี้หรือ?
เมื่อมองเศษอวัยวะกับกำปั้นที่ร่วงลงมา รวมถึงกระดูกเปื้อนเลือด มันก็เศร้าเสียใจ อดคำรามออกมาไม่ได้ ครอบครัวถูกฆ่า สหายถูกสังหาร มันรับไม่ได้
“ฮ่าฮ่า…” สิงห์เลือดหงส์ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสะใจ ฮึกเหิมและดีใจยิ่งนัก ชายหนุ่มคนนั้นถูกปลิดชีพ หมายความว่าเฮ่ออู่ซวงชนะแล้ว นี่เป็นตอนจบที่ดีที่สุดสำหรับมัน
หากมิเช่นนั้น มันรู้สึกกังวลจริงๆ!
เพราะมนุษย์คนนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ หากรอดชีวิต ต้องเป็นปัญหาใหญ่เป็นแน่
“เจ้านายของข้ามีฉายาว่าที่หนึ่งในหล้า หาใช่คนที่ทายาทผู้แพ้จะสู้ได้ ต้องถูกฆ่าเป็นแน่ ควรยอมศิโรราบจึงจะถูก!” สิงห์เลือดหงส์หัวเราะดังลั่น จองหองยิ่งนัก
มดน้อยตาแดงก่ำ พุ่งออกไปข้างหน้าจะอุ้มศพของสือฮ่าว ทนมองจุดจบอันน่าเศร้าของเขาไม่ได้
“มดน้อย เจ้าจะบุ่มบ่ามอีกหรือ จุดจบของเจ้าก็จะอนาถเช่นกัน เจ้านายข้าจัดการเขาได้ ต่อไปย่อมเพ่งเล็งเจ้า ยอมก้มหัวเสีย มิเช่นนั้นมีแต่จะต้องตาย! ยอมรับบทลงโทษ มิเช่นนั้นมีแต่จะตาย! คิดถึงยิ่งนัก ตอนนั้นที่ได้กินเลือดเนื้อจองมดเขาสวรรค์ มันช่างอร่อยยิ่งนัก ยากจะลืมเลือน!” สิงห์เลือดหงส์แสยะยิ้ม ยั่วโทสะอย่างยิ่ง
เพราะมันไม่อยากให้มดเขาสวรรค์มีชีวิตอยู่ ไม่อยากให้เฮ่ออู่ซวงเลี้ยงมัน อยากให้มันถูกสังหารทันที จงใจยั่วยุมดน้อย
“หือ?” เพียงชั่วครู่ สิงห์เลือดหงส์พบความผิดปกติ เพราะมดน้อยตรงหน้าหยุดชะงักลง เหม่อลอยเล็กน้อย
สิงห์เลือดหงส์ตกใจ ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ เวลาผ่านไปนานแล้ว ทำไมเจ้านายของตัวเองถึงยังไม่ปรากฏตัว มันชะเง้อมองข้างหน้า
เลือดในรอยแยกไม่ใช่แค่ชนิดเดียว แต่ยังมีเลือดสีเงินอีกด้วย กำลังไหลออกมาไม่หยุด
“อะไรกัน นายท่าน!” สิงห์เลือดหงส์ร้องลั่น
เฮ่ออู่ซวงก็อยู่ตรงนั้น เลือดส่วนใหญ่ของเขาเป็นสีแดง แต่ก็มีสีเงินแซมบางส่วน มันเป็นส่วนสำคัญ!
หากเลือดของเขากลายเป็นสีเงินทั้งหมด เขาจะกลายเป็นอมตะ!
แม้จะเคยมีฉายาว่าที่หนึ่งในหล้า แต่ร่างของเฮ่ออู่ซวงก็แหลกสลาย แยกออกจากกัน แขนขาด ฝ่ามือแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ศึกนี้โหดร้ายเหลือเกิน บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย พวกเขาต่างก็นิ่งไม่ไหวติง ราวกับสิ้นลมหายใจไปแล้ว!
“สวย เจ้าตายแล้วหรือ!” มดน้อยคำรามด้วยความแค้น
ผลลัพธ์นี้ทำให้สิงห์เลือดหงส์หน้าถอดสี เฮ่ออู่ซวงยิ่งใหญ่ปานใด แต่กลับต้องมาตายตรงนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลย!
ต้องรู้ว่า เฮ่ออู่ซวงเป็นหนึ่งในผู้นำกองทัพรุ่นหนุ่มสาวของอีกแดน แข็งแกร่งยิ่งนัก มีสมญานามว่าที่หนึ่งในหล้า จะแพ้ได้อย่างไร?!
ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้เขาเสี่ยงชีวิตแล้ว
“ไม่ นายท่านไม่มีทางตาย เขาสังหารอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนนี้ไปหลายคนแล้ว ซ้ำยังเคยฆ่าพี่น้องมดเขาสวรรค์ ตอนนี้จะตายได้อย่างไร?” สิงห์เลือดหงส์สั่นระริก
มันหวาดกลัวแล้ว เพราะฐานะของเฮ่ออู่ซวงสูงส่งเหลือเกิน ภูมิหลังน่าตกใจ หากตายที่นี่ จุดจบของมันไม่สวยแน่
“สือฮ่าว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ยังมีชีวิตอยู่ไหม?” มดน้อยกู่ร้อง ตอนนี้ จิตใจของมันว้าวุ่น ในที่สุดก็ขึ้นได้ว่าต้องช่วยเหลือ บางทีอาจยังไม่ตายก็ได้
“นายท่าน อย่าตายนะ เป็นไปไม่ได้ นี่มันความฝัน!” สิงห์เลือดหงส์แผดร้อง พุ่งเข้าไปในรอยแยกของมิติ
“อ๊าก…” มดน้อยแผดร้อง
ในรอยแยกของมิติ สือฮ่าวเหลือแค่ครึ่งท่อน ไม่เห็นศีรษะ ชุ่มโชกไปด้วยเลือด อนาถสิ้นดี
อีกฟากหนึ่ง สิงห์เลือดหงส์ก็ตัวสั่นเทา ขนลุกไปทั้งตัว มันหวาดกลัวแล้วโดยสิ้นเชิง
เพราะในรอยแยกสีดำอีกทาง มันเจอคางของเฮ่ออู่ซวง มันช่างโหดร้ายเหลือเกิน หัวท่อนบนของเขาล่ะ?
อยู่ที่ไหน?
ตอนนี้ สิงห์เลือดหงส์กับมดน้อยสติแตกแล้ว ออกค้นหาบริเวณนี้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ระแวงว่าอีกฝ่ายจะลอบโจมตี
รอยแยกใหญ่ยากจะสมานกันได้ ถูกพลังลึกลับบางอย่างควบคุม
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้มีกลิ่นอายน่ากลัวแว่วมาจากรอยแยกของมิติ ทำให้มดน้อยกับสิงห์เลือดหงส์สั่นระริก เกิดความหวาดกลัวขึ้นมา
นั่นมัน…
พวกมันตะลึงงัน เขาเห็นภาพน่ากลัวผ่านเนตรสวรรค์ ปรากฏการณ์น่าตะลึง บางทีอาจจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว
ลึกเข้าไปในรอยแยกสีดำ มีตำหนักปรากฏขึ้น มันถูกไอปฐมกาลห่อหุ้ม ใหญ่โตมโหฬาร ประตูเปิดอ้า ข้างในมีอะไรบางอย่างประจันหน้ากันอยู่
“นี่มัน…ตำหนักปฐมกาล?!” สิงห์เลือดหงส์ตะโกนลั่น เหงื่อไหลออกมา ตกใจจนแทบจะหันหลังหนี
หากสือฮ่าวรู้ต้องตกใจแน่นอน เพราะนี่เป็นสิ่งของในตำนาน!
ไม่ว่าจะเป็นสามพันแคว้นหรือเก้าสวรรค์ก็มีเรื่องเล่าลือ ยามท่องมิติ หนึ่งในสามภาพที่น่ากลัวที่สุดก็คือ เจอเรือสีดำเปื้อนเลือด เป็นสัญลักษณ์ของความโกลาหลและอัปมงคล
สือฮ่าวเคยเห็นเรือลำนั้น แถมยังเคยก้าวขึ้นไป กระบี่เซียนต้าหลัวก็ได้มาจากที่นั่น และเขายังรู้เรื่องเจ็ดราชันจากที่นั่นอีกด้วย!
ส่วนตำหนักปฐมกาล เหนือกว่าเรือสีดำเปื้อนเลือดเสียอีก!
วันนี้ มันปรากฏให้เห็นที่นี่ ข้างในมีบางอย่างกำลังประจันหน้ากัน จะเกิดการปะทะครั้งใหญ่แล้ว!
บทที่ 1308 รอดชีวิต
โดย
Ink Stone_Fantasy
มันคือตำหนักปฐมกาล!
เมื่อสิงห์เลือดหงส์ได้เห็น แผงคอสีเลือดก็ลุกชัน พรั่นพรึงขึ้นมาทันที มันเย็นวาบไปทั้งตัว อยากหันหลังหนีไป
แต่ยังไม่เจอศพของเฮ่ออู่ซวง มันไม่กล้าจากไป ชายหนุ่มคนนี้มีภูมิหลังยิ่งใหญ่ ต่อให้สายเลือดของมันไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าสูงส่ง แต่หากทิ้งจักรพรรดิหนุ่มที่มีฉายาว่าที่หนึ่งในหล้าไว้ จุดจบต้องไม่สวยแน่
ตำหนักลอยอยู่ในรอยแยกใหญ่ เคลื่อนไปห้วงมิติ เคล้าด้วยชิ้นส่วนของกาลเวลา และหมอกหนาแน่น ลึกลับอย่างยิ่ง
ในประตูตำหนักที่แง้มออก กาหลอมเซียนนิ่งไม่ขยับ ลอยอยู่ตรงนั้น
ดวงตาของมดน้อยปล่อยลำแสงออกมาเป็นสาย ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่ากาปีศาจน่ากลัวจะอยู่ข้างใน ประจันหน้ากับอาวุธอื่นๆ
“อาวุธสูงส่งอมตะ มันเข้าไปแล้ว กำลังต่อสู้…” เสียงของสิงห์เลือดหงส์สั่นเครือ นี่ก็เป็นสาเหตุที่มันอยากหนีไป
เพราะมันสูงส่งเหลือเกิน หากลอยออกมาล่ะก็ ฟ้าดินจะถล่ม สรรพสิ่งดับสูญ ไม่เหลืออะไรเลย
มดน้อยสัมผัส จิตใจว้าวุ่น เพราะไม่นานก่อนหน้านี้เคยเห็นกาหลอมเซียนกับตา มันดูดเลือดลมของผู้กล้าเข้าไปจนหมด
ของแบบนี้เหนือธรรมชาติเกินไป ไม่มีทางประเมินได้เลย ร่ำลือกันว่าปรากฏให้เห็นแทบจะนับครั้งได้ในเซียนโบราณ ว่ากันว่าหายไปนานแล้ว!
ใช่แล้ว ในสงครามช่วงปลายยุค ในหายนะวันสิ้นโลกของเก้าสวรรค์สิบพิภพ มันไม่เคยปรากฏให้เห็นด้วยซ้ำ
ตอนนี้ท่าทางจะไม่ชอบมาพากลแล้ว!
ตรงข้ามกาหลอมเซียนเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง จิตสังหารแผ่กระจาย ทำให้ตำหนักปฐมกาลดังครืนครัน ทั้งสองกำลังประจันหน้ากัน!
มันเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง ไม่แหลมคม หนายิ่งนัก ราวกับไม่เคยลับคม เก่าแก่มาก หม่นหมองไร้ประกาย ตอนนี้พลังชั่วร้ายของมันกระจายออกไปทั่วแล้ว
กระบี่เซียนต้าหลัวนั่นเอง!
มดน้อยแปลกใจอย่างมาก กระบี่เล่มนี้เป็นของสือฮ่าวไม่ใช่หรือ? มันดูไม่สะดุดตา แต่ทำไมดูน่ากลัวอย่างยิ่งในเวลาคับขัน กล้าเผชิญหน้ากับกาหลอมเซียน!
เห็นได้ชัดว่า ขณะที่สือฮ่าวต่อสู้กับเฮ่ออู่ซวง ทั้งสองใช้ไพ่ตายทั้งหมด สุดท้ายยังกระตุ้นให้อาวุธสูงส่งปะทะกันอีกด้วย
เพียงแต่ว่า สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ กระบี่เซียนต้าหลัวจะระเบิด ปล่อยอานุภาพในช่วงเวลาคับขัน แม้จะรู้ว่าไม่ธรรมดา แต่จะกล้าเชื่อได้อย่างไรว่า จะกล้าหาเรื่องกาหลอมเซียน
“เศษอาวุธ เจ้ามีประโยชน์อะไร จะปะทะกับข้าหรือ?” กาหลอมเซียนปล่อยกระแสจิตอันเลือดเย็นออกมา
กระบี่เซียนต้าหลัวเงียบสงัด ยังคงแผ่รังสีชั่วร้ายออกมา ประจันหน้าอยู่ตรงนั้นไม่ยอมถอย
“ข้าเคยได้ยินว่า เจ้าเป็นแค่อาวุธที่หลอมจากเศษวัสดุ เป็นเครื่องประดับอาวุธชิ้นนั้น ท่าทางจะไม่ใช่ข่าวโคมลอย” กาหลอมเซียนกล่าว
มันวินิจฉัยว่า กระบี่เซียนต้าหลัวไม่มีความตระหนักรู้ ไม่มีความนึกคิด มีเพียงสัญชาตญาณเท่านั้น
“ของสองชิ้นนี้ ข้าสงสัยว่าเป็นกระดูกของใครสักคน ผ่านหายนะและภัยอันตราย ยังไม่มลายหายไป” กาหลอมเซียนพูด ให้ความสำคัญกับกระดูกขาวสะอาดบนพื้นยิ่งนัก
มันเป็นกระดูกที่สลักการหยั่งรู้ดั้งเดิม รวมถึงภาพหมื่นเทพเจ้า
“ฟิ้ว!”
กระบี่เซียนต้าหลัวขยับแล้ว ลำแสงสาดกระจาย เจิดจ้าเหลือเกิน แทบจะทำลายความเป็นนิรันดร์แล้ว!
ยามมันถูกกาหลอมเซียนเพ่งเล็ง รังสีอำมหิตก็ระเบิด ลำแสงกระบี่สว่างเหนือดวงดารา ทำให้ตำหนักหลังนี้สั่นสะเทือนดังครืนครัน
นี่เป็นเพราะพวกมัน หากเป็นสิ่งมีชีวิตตนอื่น คงจะถูกตำหนักกำราบ แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไปนานแล้ว
สิ่งของพวกนี้แข็งแรงทนทานเหลือเกิน เป็นอมตะมาแต่โบราณ ดำรงอยู่คู่ปฐพี ยากจะดับสูญ
ชิ้ง!
ลำแสงวูบไหว ดาราจักรย้อนกลับ จักรวาลปรากฏให้เห็น เต็มไปด้วยหลุม ก่อตัวเป็นปรากฏการณ์น่ากลัวขึ้นที่นี่
การโจมตีแค่ครั้งเดียว ก็ทำให้เกิดภาพลวงตาอันน่ากลัวของฟ้าดินที่ก่อตัวใหม่ บุกเบิกจักรวาลอีกครั้ง
กาหลอมเซียน ได้ชื่อว่าทำขึ้นเพื่อกำจัดเซียนโดยเฉพาะ ย่อมแข็งแกร่งเป็นล้นพ้น มีหมอกสีเทาลอยออกมาจากปากของกา กระจายไปทั่วห้วงมิติ
ไอหมอกพวกนี้น่ากลัวอย่างมาก ทำลายล้างเลือดเซียนได้!
แต่ทว่า ตำหนักปฐมกาลก็น่าตะลึงเช่นกัน! ยามอาวุธสองชิ้นนี้เคลื่อนไหว มันเปล่งแสง มิติหดตัว อยากจัดการอาวุธทั้งสองชิ้นพร้อมกันทีเดียว!
ตึง!
มิติแตกทลาย ตรงนั้นขมุกขมัว มองไม่เห็นอะไรเลย
สิงห์เลือดหงส์กับมดน้อยแน่นิ่งไป อาวุธปะทะกันเอง ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
แต่ดูท่าทางแล้วกาหลอมเซียนไร้พ่ายจริงๆ ไม่มีสิ่งใดเทียบได้ มดน้อยทำได้แค่ฝากความหวังไว้กับตำหนักโบราณ หวังว่ามันจะเปลี่ยนแปลงจุดจบได้
“กาหลอมเซียนโผล่มา ใครจะสู้ได้? มันถูกสร้างขึ้นเพื่อฆ่าเซียนโดยเฉพาะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกระบี่เล่มเดียว!” สิงห์เลือดหงส์พูด
“อยากตายหรือ!” มดน้อยกระโจนออกไป จงเกลียดจงชังสิงโตตัวนี้ยิ่งนัก เพราะสิงห์เลือดหงส์เคยกินพี่ชายของมัน
สิงห์เลือดหงส์หันหลังแล้วหนีทันที มันไม่อยากสู้กับมดตัวนี้ เคยเห็นมันคลุ้มคลั่งกับตาตัวเองแล้ว
มดเขาสวรรค์ไม่ตามไป เพราะมันอยากตามหาหัวของสือฮ่าว แม้ความเป็นไปได้อาจไม่สูง แต่ต้องคิดหาวิธี มีความหวังไว้
สิงห์เลือดหงส์ก็กำลังค้นหาเช่นกัน แม้มันจะคิดว่าทั้งคู่คงตายไปแล้ว โจมตีดวงจิตของกันและกัน ไม่เหลือแม้แต่หัว แต่ก็จำต้องหาเบาะแส
มิติบริเวณนี้สั่นคลอน รอยแยกโยงใย โดยเฉพาะที่ตำหนักปฐมกาลโยกเยกเมื่อครู่ ทำให้ที่นี่อันตรายกว่าเดิม
ชิ้นส่วนอาวุธ เลือดและเศษกระดูกบางส่วน ลอยล่องอยู่ในรอยแยกมิติ สามารถจินตนาการได้ว่าสงครามเมื่อครู่ดุเดือดและน่ากลัวปานใด
ทั้งสองต่อสู้จนร่างแหลกออกเป็นชิ้นๆ
“สือฮ่าว เจ้าอยู่ไหน?” มดน้อยตะโกนลั่น
“นายท่าน ท่านไร้พ่าย ได้ชื่อว่าที่หนึ่งในหล้า จะเป็นอันตรายได้อย่างไร ต้องรอดแน่นอน อยู่ที่ใด ข้าส่งยามาให้ท่านแล้ว” สิงห์เลือดหงส์ก็กำลังตามหาเหมือนกัน
ค้นหาอยู่นาน แต่ก็ไม่เห็นหัวของทั้งสอง
มันทำให้มดน้อยสิ้นหวัง สลดใจอย่างมาก สหายรบจนตัวตาย มันเสียใจยิ่งนัก นี่เป็นเพื่อนที่มันรู้จักคนแรกตั้งแต่เกิดมา แต่กลับต้องมาตายแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น สือฮ่าวลงมือแทนมัน ต่อสู้กับศัตรูที่ฆ่าพี่น้องของมันจนตาย
“ข้าจะแก้แค้นให้เจ้า ต้องมีสักวันที่ข้าจะบุกไปอีกแดน ขุดรากถอนโคนศัตรูทั้งหมด!” มดน้อยสาบาน
จู่ๆ มันก็รู้สึกเย็นเยียบขึ้นมา มีกลิ่นอายน่ากลัวกำลังปรากฏขึ้น
มันหันหลังทันที เห็นหัวอยู่ในรอยแยกของมิติ ไม่มีคาง หน้าผากแตก กระดูกหน้าผากถูกทะลวง ดวงจิตควรจะดับสูญ แต่…เขายังมีชีวิตอยู่!
“เฮ่ออู่ซวง!” มดน้อยสีทองตะโกนลั่น ทั้งตกใจและโกรธแค้น โมโหจนตัวสั่น ผู้นำกองทัพหนุ่มต่างแดนคนนี้ยังไม่ตาย รอดชีวิตมาได้
“สังหาร!”
มดน้อยตะโกนลั่นแล้วพุ่งออกไป ใช้พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพื่อสังหารคนคนนี้
“นายท่าน!” สิงห์เลือดหงส์ร้องลั่น ตกใจระคนดีใจ เฮ่ออู่ซวงยังไม่ตาย ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว แบบนี้มันกลับไปก็ไม่ต้องรับโทษแล้ว
“เอามา!” เฮ่ออู่ซวงคำราม ความนิ่งเฉยก่อนหน้านี้หายไปจนหมด ตอนนี้ส่งกระแสจิตเร่งเร้า หัวพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เชื่อมต่อกับร่างกายขาดรุ่งริ่งที่สิงห์เลือดหงส์เก็บมา
ต่อมา เขาก็ล้วงขวดออกมาแล้วกรอกใส่ไป เห็นแสงสว่างไหลทะลัก กลิ่นหอยโชยแตะจมูก มันเป็นยาสะเทือนปฐพี
ของแบบนี้ชุบชีวิตคนได้ ปรุงจากสมุนไพรวิเศษหายาก
“นายท่าน ศัตรูคนนั้นตายแล้วหรือ?” สิงห์เลือดหงส์เอ่ยปาก
กายเนื้อของเฮ่ออู่ซวงดังกรอบแกรบ จากนั้นเขาก็จ้องมดน้อยที่พุ่งเข้ามาเขม็ง นัยน์ตาอำมหิต เขาพิโรธแล้ว
เพราะวันนี้อนาถเหลือเกิน เขาเกือบเอาตัวไม่รอด ชายหนุ่มนามว่าสือฮ่าวคนนั้นเกือบทำให้เขาตายเสียแล้ว
“ข้าประมาทเกินไป ไม่คิดว่าเขาจะแข็งแกร่งปานนี้” เฮ่ออู่ซวงพูด
ตูม!
เขายกมือขวาขึ้น ต่อให้ตอนนี้จะบาดเจ็บสาหัส ร่างแหลกสลายได้ทุกเมื่อ เขายังคงแข็งกร้าว ใช้ญาณวิเศษจะสังหารมดน้อย
“หือ?” จู่ๆ เฮ่ออู่ซวงก็ลดมือลง นัยน์ตาแววโรจน์ พุ่งขึ้นฟ้าแล้วเหาะไปทิศทางหนึ่งทันใด
“ตูม!”
เขาปล่อยการโจมตีสะท้านฟ้า ยกมือจู่โจมมิติผืนนั้น หมายทำลายทุกสิ่ง
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าอยู่นี่” ในตอนนี้เอง หัวของสือฮ่าวก็โผล่มาข้างหลัง ซ้ำยังเชื่อมสมานกับชิ้นส่วนร่างกายอย่างรวดเร็ว สาดแสงสีแดง รวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็กำลังกินยาเหมือนกัน แถมยังเป็นยาสะท้านปฐพี แม้จะมีน้อยนิด แค่หยดสองหยด แต่ก็ทำให้เฮ่ออู่ซวงรู้สึกตกใจ เพราะนั่นมันยาอายุวัฒนะ
เซียนขี่เต่าเผือก!
ตอนนั้น สือฮ่าวเจอยาอายุวัฒนะต้นนี้ ได้ของเหลวมาจากมันสองหยด ตอนนี้ดื่มหนึ่งหยดที่เหลือลงไปแล้ว
แม้จะเป็นแค่หยดเดียว แต่เทียบเท่ายาขั้นเทพหนึ่งต้น เลิศล้ำเหลือเกิน
ด้วยเหตุนี้ สือฮ่าวจึงกลับสู่สภาพเดิมทันที ราวกับกำลังนิพพาน ลอกคราบทันที และมีพลังชีวิตอันยิ่งใหญ่แผ่กระจาย
ที่จริงแล้ว เขายังมียาชนิดอื่น แต่เขาอยากฟื้นฟูโดยไว เพราะต้องการสังหารศัตรูน่ากลัวคนนั้นต่อ
เฮ่ออู่ซวงหน้าถอดสี ควักน้ำเต้าออกมาโดยพลัน เทกากยาออกมาแล้วกลืนลงท้อง มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับเขาเช่นกัน
“กากของยาเซียนเก้าโคจร!” มดน้อยอุทาน
มันจำได้ เพราะเคยเห็นในตำราโบราณ มันเป็นยาสูงส่งที่บรรพชนปรุงขึ้น ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง วัตถุดิบหลักเป็นยาอายุวัฒนะ
ฟุ่มเฟือยเหลือเกิน มือดีทั้งสองต่างก็ใช้ยาอายุวัฒนะในชั่วพริบตา!
แต่หลังเฮ่ออู่ซวงกินยาแล้วไม่สู้กับสือฮ่าวต่อ หันหลังแล้วหนี พุ่งเข้าไปในยอดเขามหึมาที่อยู่ไกลออกไป เป้าหมายของเขาเป็นกระดาษหนังสัตว์สีทอง อยากได้คัมภีร์อมตะไปครอง!
“จะไปไหน!” สือฮ่าวตะโกนลั่น!
เขาตามไป ไล่ล่าตลอดทาง
ชิ้ง!
ทั้งสองกระโดดขึ้นพร้อมกัน จะปีนขึ้นยอดเขาลูกนั้น ต่อให้มีพลังต้องห้าม มีภัยอันตราย บัดนี้ก็ต้องบุกรุกแล้ว
“ชิ้ง!”
ภูเขาสว่างวาบ พวกเขาบุกเข้าไปในคลื่นแสงสีทองอย่างราบรื่น ไม่ถูกขวาง ตรงดิ่งขึ้นยอดเขา เข้าใกล้กระดาษหนังสัตว์สีทอง
“ตายเสียเถอะ!” สือฮ่าวแผดร้อง ยื่นมือออกไปคว้าหนังสัตว์สีทอง อีกมือโจมตีเฮ่ออู่ซวง
“หลีกไป คัมภีร์เล่มนี้เป็นของข้า เจ้าไม่มีวันได้ครอบครอง!” เฮ่ออู่ซวงตะคอก ใบหน้าหล่อเหลาดูน่ากลัวเล็กน้อย คลื่นเสียงดังสะเทือนปฐพี
เพราะสำหรับเขาแล้วมันสำคัญยิ่งนัก ไม่ยอมให้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น ต้องได้มันมาครองให้จงได้
คัมภีร์อมตะ มาจากโบราณกาล ไม่มีใครรู้ต้นกำเนิดของมัน ปรากฏในยุคสมัยใด แม้แต่ผู้กล้าที่เก่าแก่ที่สุดก็ไม่ทราบ
เพราะตอนที่พวกเขายังเยาว์วัย ได้ยินคัมภีร์เล่มนี้มานานแล้ว หากฝึกจนบรรลุขั้นสมบูรณ์แล้ว สามารถกวาดล้างมือดีทั้งปวงได้!
บทที่ 1309 พินาศไปด้วยกัน
โดย
Ink Stone_Fantasy
ปัง!
เกิดเสียงดังบาดหู เฮ่ออู่ซวงขัดขวาง ใช้ฝ่ามือตอบโต้สือฮ่าว ยื่นมืออีกข้างไปคว้ากระดาษสีทอง ลำแสงสาดส่อง
มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ยอมรามือ เพื่อคัมภีร์อมตะ เพื่อช่วงชิงคัมภีร์ในตำนานเล่มนี้ ทั้งสองใช้ทุกวิถีทาง ต่อสู้จนคลุ้มคลั่ง
สายลมพัดดังฟิ้ว มันเป็นเส้นผมสีทองของเฮ่ออู่ซวง ลอยล่องเต็มนภา พุ่งไปจะพันตัวสือฮ่าว น่ากลัวยิ่งกว่าโซ่เสียอีก
“เปรี๊ยะ!”
สือฮ่าวอ้าปาก พ่นสายฟ้าออกมา มันส่งเสียงดังบาดแก้วหู ประหนึ่งภูเขาไฟนับพันนับหมื่นระเบิดพร้อมกัน ลาวาพุ่งขึ้นฟ้าสูง
ผมทองของเฮ่ออู่ซวงอาบสายฟ้า เคล้าด้วยเปลวไฟ ยังคงพุ่งไปจะพันแขนสือฮ่าว
“ชิ้ง!”
แต่ในขณะเดียวกัน มีก้านหลิวสีทองมากมายปรากฏขึ้นข้างหลังสือฮ่าว พุ่งออกไปข้างหน้าพร้อมกัน จะพันธนาการเอวของเฮ่ออู่ซวง
“ผลุบ!”
เลือดสาดกระจาย ไม่ว่าจะเป็นแขนของสือฮ่าว หรือเอวของเฮ่ออู่ซวงก็มีบาดแผลน่ากลัว ประหนึ่งถูกมีดเฉือนจนโชกเลือด
ทั้งสองลดมือลง ไม่แย่งชิงกระดาษหนังสัตว์อีก แต่พุ่งเข้าหากัน จะสังหารอีกฝ่าย เพราะศัตรูยังมีชีวิตอยู่ ตัวเองไม่มีทางได้คัมภีร์อมตะมาครองแน่
ตอนนี้ ทั้งสองไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว มีเพียงต้องทำให้อีกฝ่ายตาย จึงจะทำสำเร็จ
ยามสือฮ่าวกะพริบตา มันมีกระแสส่องแสงแปลบปลาบ เขาในตอนนี้นั้นน่ากลัว หลังผ่านสงครามตัดสินชะตาเมื่อครู่แล้ว ก็เกิดการหยั่งรู้ สำแดงวิชาได้สบายยิ่งขึ้น
ขนนกสีทองลอยล่องเต็มฟ้า รอบตัวสือฮ่าวเต็มไปด้วยขนคุนเผิง ซ้ำยังมีกระแสวนสีทองปรากฏขึ้นตามผิวหนังอย่างต่อเนื่อง กำลังดูดพลังฟ้าดินอย่างกระหาย
วิชาริ้วคลื่นสีทอง!
มันไม่นับว่าเป็นพลังแข็งแกร่งในวิชาคุนเผิง แต่ตอนนี้กลับถูกเขากระตุ้นจนปล่อยพลังที่ยากลึกเกินหยั่ง!
การหยั่งรู้ดั้งเดิม เปลี่ยนความเสื่อมโทรมเป็นความอัศจรรย์!
ขณะเดียวกัน หลังดอกไม้สามดอกเบ่งบานเหนือหัวสือฮ่าว ก็หายไปอีกครั้ง กลายเป็นดวงแสงสามดวง มีเสียงสวดมนต์แว่วออกมา
มีร่างหนึ่งอยู่ในดวงแสงดวงหนึ่ง กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น!
อดีต ตอนนี้ อนาคต กระแสวนทั้งสามแยกกันรับมือ ในกระแสวนตัวแทนของอดีตมีเสียงสวดมนต์ดังกระหึ่ม ราวกับกำลังโปรดสัตว์ให้โลกใบนี้
เฮ่ออู่ซวงแสยะยิ้ม ไม่เกรงกลัวเลยสักนิด พูดเสียงเหี้ยมว่า “ให้เจ้ารู้ว่า อะไรคือหนึ่งพลังทำลายสรรพวิชา ต่อให้เจ้ามีฝีมือก็เปล่าประโยชน์!”
“ชิ้ง!”
หน้าผากของเขาปริแตก ขวานด้ามหนึ่งตกลงมา ส่องแสงสะดุดตา ด้ามขวานยาวมาก ประหนึ่งด้ามของหอก ยาวร่วมหนึ่งจั้ง คมขวานแหลมคม ฟันฟ้าดินแยกได้
ขวานร่วงลงมา พุ่งไปหาสือฮ่าว
“วิ้ง!”
รอบตัวสือฮ่าวเต็มไปด้วยกระแสวนสีทอง เขมือบพลังของขวาน ส่วนดวงแสงทั้งสามกำลังชักนำทุกสิ่งประหนึ่งโคมไฟ ปล่อยพลังประหลาดออกมา พันธนาการที่นี่ ทำให้ขวานถูกขัดขวาง
ตูม!
สงครามปะทุขึ้นอีกครั้ง ทั้งสองไม่เหมือนตอนแรกแล้ว หนึ่งกระบวนท่าตัดสินชะตา เพราะต่างก็รู้สึกถึงความน่ากลัวของกันและกัน อาจถึงขั้นตายได้ ใครก็ต้านทานไม่ไหว
สู้ต่อสู้กันด้วยวิธีทั่วไปดีกว่า!
ตูม!
ฟ้าดินถล่ม!
เคล็ดวิชามากมายระเบิดประหนึ่งดอกไม้ไฟ เฮ่ออู่ซวงตกใจ ดวงไฟทั้งสามที่เกิดจากดอกไม้ของสือฮ่าวพิเศษเหลือเกิน
ราวกับคนในอดีต ปัจจุบันและอนาคตสวดมนต์พร้อมกัน เพื่อเซ่นสรวงเขา ส่งเสริมพลังแก่เขา ทำให้เขามีลักษณะที่สรรพวิชาทำอะไรไม่ได้
หนึ่งพลังทำลายสรรพสิ่งที่ว่า ไม่สำเร็จ!
เปรี๊ยะ!
เสียงดังกังวานแว่วมา ดวงไฟทั้งสามแตกละเอียด กลายเป็นกลุ่มควันพร้อมกัน ห้อมล้อมรอบตัวสือฮ่าว ก่อตัวเป็นม่านหมอก ทำให้เขาเป็นเหมือนเซียน ยิ่งใหญ่และน่ากลัวยิ่งขึ้น
เขาถอนหายใจ ควรจะมีสามร่างจึงจะถูก ตอนนี้มีเพียงร่างนั่งขัดสมาธิในอดีต อานุภาพไม่อาจสำแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ!
“ตาย!”
เฮ่ออู่ซวงกระโดดขึ้น ในมือถือขวานคมกริบ ไม่มีอะไรขวางได้!
ตึง!
สือฮ่าวยกมือ โจมตีขวานด้ามนั้นจนเกิดเสียงดังกึกก้อง ปรากฏว่าผืนฟ้าถล่มลงมา รอยแยกลุกลามไปไม่รู้กี่ลี้ แผ่นดินแตกทลายทันที
“ต่อให้ต้องแลก ข้าก็จะฆ่าเจ้า!” เฮ่ออู่ซวงพูดเสียงเหี้ยม
ทั้งสองต่อสู้กัน แปดร้อยกระบวนท่าก็ยังไม่รู้ผล ท่าทางของเฮ่ออู่ซวงเปลี่ยนไปแล้ว ตัวเขาเลือนราง กลายเป็นม่านหมอกจางๆ กำลังพุ่งไปหาสือฮ่าว
“ตูม!”
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับสนามรบถูกพันธนาการ
สือฮ่าวแปลกใจ มิติหยุดนิ่ง เสมือนเวลาหยุดเดิน ทุกอย่างไม่ขยับเขยื้อนแล้ว
ขณะเดียวกัน ก็มีร่างปรากฏขึ้นกลางหมอกควัน เฮ่ออู่ซวงไม่ได้รับผลกระทบ กระโจนเข้ามาจะสังหารสือฮ่าวอย่างรวดเร็ว
“หือ?”
สือฮ่าวตกตะลึง พบว่านี่เป็นวิชาที่น่ากลัว ยากจะทำอะไรได้ อีกฝ่ายหยุดเวลา อาศัยสิ่งนี้มาปลิดชีพศัตรู
“สรรพวิชารุกรานไม่ได้!” สือฮ่าวพึมพำ อยากเปิดถ้ำสวรรค์หนึ่งเดียว
ผลคือเขาพบว่า ทำไม่สำเร็จ ถ้ำสวรรค์หนึ่งเดียวไม่อาจแผ่คลุมขอบเขตที่ใหญ่มากพอ!
นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
พูดได้เพียงว่า ศัตรูตรงหน้ายิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยพบเจอ บีบคั้นเขาจนถึงขั้นนี้
ชิ้ง!
ช่วงเวลาสุดท้าย ร่างกายของสือฮ่าวแปรเปลี่ยน จิตสังหารท่วมท้นท้องฟ้า เขานิ่งไม่ไหวติง แต่กำลังแปลงร่าง
เคร้ง!
ร่างของเขากลายเป็นดาบสวรรค์สีทองอ่อน จิตสังหารไหลหลั่ง คมกริบจนน่าตกใจ
กายเนื้อกลายเป็นคมดาบในพริบตา วิเศษเสียจริง แต่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เพียงแค่ว่าดาบเล่มนี้น่าตกใจเกินไป แทบจะฟันผืนฟ้าจนแตกทลาย
นี่เป็นการหยั่งรู้ในพริบตาหลังสือฮ่าวประสบวิกฤต
ร่างกายของเขายิ่งใหญ่ แม้ถ้ำสวรรค์หนึ่งเดียวจะเปิดรอบด้านได้ แต่คลุมแนบผิวได้ และเขายังใช้การหยั่งรู้ดั้งเดิม สลักอักขระไว้ในถ้ำสวรรค์
มันยิ่งทำให้ร่างของเขาอยู่ยงคงกระพัน ทำอะไรไม่ได้!
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สือฮ่าวปรารถนาวิชาสยบความวุ่นวาย เปลี่ยนจิตให้เป็นกระบี่ น่าเสียดายที่เขาไม่ได้วิชามาครอง ใช้ดวงจิตเลียนแบบไม่ได้ เขาแยกสมาธิ ใช้กายเนื้อแข็งแกร่งของตัวเองแปลงร่างเป็นกระบี่ ดาบ จากนั้นก็สลักอักขระของญาณวิเศษนานาชนิด!
ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ขึ้น!
มันไม่ใช่กระบี่กายเนื้อเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเคล็ดวิชาทั้งหมดที่สือฮ่าวครอบครอง รวบรวมมันให้อยู่ในดาบ
นี่เป็นการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง
“ตาย!” เฮ่ออู่ซวงหยุดเวลา พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว ตวัดขวานฟันลงมา มิติทรุดตัว
“ตึง!”
สือฮ่าวที่แปลงร่างเป็นดาบ หลุดพ้นจากการพันธนาการในพริบตา พุ่งไปฟันเขา ประกายไฟแตกกระจาย
ชิ้ง!
แสงสว่างกะพริบ อักขระวัฏจักร อักขระคุนเผิงและอักขระจักรพรรดิสายฟ้าผนึกกำลัง ระเบิดที่นี่ ต่อสู้ตัดสินชะตาอีกครั้ง
เฮ่ออู่ซวงถอยหลังทันที ไม่เสี่ยงอันตราย ช่องท้องถูกเฉือนจนเกิดแผลเป็นทาง ไส้แทบจะทะลักออกมา
ทว่า สือฮ่าวก็ตะลึงเช่นกัน กระบี่สั่งเสียง ถูกหมอกควันกัดกร่อน แทบจะผุพัง เขาจำต้องกลับสู่ร่างเดิม
“คนต่างแดนมีหมอกควันแบบนี้ เพราะอะไรกัน?” สือฮ่าวไม่เข้าใจ มีพลังทำลายล้างอย่างยิ่ง ได้เปรียบแต่กำเนิด
แต่สุดท้ายเขาก็ทรงตัวได้
“ข้าไม่อยากเสียเวลาแล้ว สังหาร!” เฮ่ออู่ซวงประสานอิน ตะโกนว่า “เป็นใหญ่ในหล้า!”
เขากำลังเรียกอะไรบางอย่าง พลังยากจะบรรยายลอยลงมารวมตัวกับเขา กำราบธรรมของฟ้าดินผืนนี้ ทำให้รู้สึกหนักอึ้ง
“แย่แล้ว นี่เป็นพลังธรรมของแดนนั้น เขาเรียกมันได้!” มดน้อยร้องเสียงหลง
มิติรอบตัวเฮ่ออู่ซวงเกิดรอยแยก พลังเป็นสายๆ ผนึกกำลัง ข้ามมาจากอีกแดน
ในยุคเซียนโบราณ เคยมีมือดีบางส่วนเสียเปรียบ ต่อให้มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์แบบ ก็พ่ายแพ้ได้เช่นกัน นั่นเป็นเพราะฟ้าดินแปรเปลี่ยน หลักธรรมวุ่นวาย
แต่สือฮ่าวไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิด เพราะในตัวเขาเต็มไปด้วยประตู บัดนี้เปิดออกแล้ว เส้นทางที่เขาเดินไม่พึ่งพาสิ่งเร้าภายใน แต่ใช้กายเป็นพันธุ์
“ตึง!”
สือฮ่าวไม่สะทกสะท้าน ปล่อยหมัดอันอหังการและรุนแรงออกไป จะกระแทกหน้าผากของเฮ่ออู่ซวง
“ไม่มีประโยชน์ จักรวาลของพวกเจ้าเสื่อมโทรม กฎเกณฑ์ไม่สมบูรณ์ ถูกยับยั้ง เมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ที่เจ้าพึ่งพาเชื่อมต่อกับธรรมแล้วอย่างไร ต้องถูกกำราบอยู่ดี!”
เฮ่ออู่ซวงเยือกเย็นและมีความมั่นใจ ลงมือปล่อยหมัดอย่างไม่ยี่หระ เขาเชื่อมั่นว่ามีพลังต่อสู้เหนือกว่าสือฮ่าว ภายใต้สภาพแบบนี้!
แต่ทว่า ไม่นานเขาก็รู้สึกชอบกล อกสั่นขวัญแขวน หมัดของสือฮ่าวยังคงแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
“ตูม!”
เขาจำต้องกำบัง จากนั้นก็เปิดฉากโจมตี
แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว หมัดของสือฮ่าวเข้าใกล้หน้าผากของเขา ทำให้มันปริแตก เลือดซึมออกมา
“อ๊าก…” เฮ่ออู่ซวงบ้าคลั่ง เขาป่าเถื่อน ไม่กลัวตาย ไม่ป้องกันอีกต่อไป เริ่มจู่โจมด้วยการเงื้อมือขึ้น จะทิ่มแทงหน้าผากของสือฮ่าว
ทั้งสองต่างก็อำมหิตอย่างยิ่ง จะโจมตีดวงจิตของกันและกัน!
สือฮ่าวอยากฆ่าอีกฝ่าย ไม่อยากถอย อยากให้เฮ่ออู่ซวงถอย จากนั้นประสบกับวิกฤตที่น่ากลัวที่สุด
เฮ่ออู่ซวงอำมหิตเลือดเย็น เด็ดเดี่ยวสุดแสน ไม่ป้องกันตัว พุ่งเข้ามาจู่โจม เขาคิดว่าสือฮ่าวจะรามือ ไม่มีทางบาดเจ็บทั้งคู่เป็นแน่
ปรากฏว่าต่อมา ภาพที่เกิดขึ้นทำให้สิงห์เลือดหงส์ตกใจ มดน้อยตะลึงงัน
“ผลุบ!”
เลือดและมันสมองพุ่งทะลัก หมัดของสือฮ่าวโจมตีหน้าผากของเฮ่ออู่ซวงจนแตกละเอียด
ฝ่ามือของเฮ่ออู่ซวงก็ทะลวงหน้าผากของเขา บดขยี้ดวงจิตของเขา!
“อะไรกัน ทำไมเป็นแบบนี้ ครั้งนี้จะตายจริงๆ หรือ?” มดเขาสวรรค์ร้องลั่น
“สวรรค์ ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้?” สิงห์เลือดหงส์แผดเสียง
ทุกอย่างสิ้นสุดแล้วหรือ?
ราชันทั้งสองพินาศไปด้วยกัน ต่างก็ตายที่นี่ ไม่มีใครชนะ
ความมืดมนแผ่คลุม เงียบสงัด ที่นี่สงบลงแล้ว เสมือนผ่านไปนับสิบล้านปีแล้ว
กาลเวลาไหลเวียน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ต้นหญ้าเจริญงอกงามแล้ว เลือดในสนามรบแห่งนี้แห้งกรังไปนานแล้ว เทือกเขาศักดิ์สิทธิ์สว่างวาบแล้ว ศพของผู้กล้าเหล่านั้นหายไปจนสิ้น เหลือเพียงเม็ดทราย
กาลเวลาล่วงผ่าน ที่นี่เคยเป็นสถานที่แห่งความสิ้นหวัง เป็นสนามรบที่น่ากลัวที่สุด แต่ตอนนี้ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปแล้ว
เวลายาวนานไม่สิ้นสุด ยุคนี้ยาวนานยิ่งนัก!
ยากจะเจอร่องรอยของยุคโบราณ แม้แต่วิญญาณวีรชนก็ไม่ปรากฏตัวอีกต่อไป
ไกลออกไป มีต้นไม้หยั่งราก ปกคลุมเศษกระดูกทั้งหมด
มีภูเขามโหฬารลูกหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลพิเศษยิ่งนัก มันเคยศักดิ์สิทธิ์ เคยมีกระดาษหนังสัตว์สีทองลอยเหนือยอดเขา มันคือคัมภีร์อมตะ
แต่ตอนนี้พวกมันหายไป ภูเขาไม่เปล่งแสง กลับสู่สภาพเดิม
บนพื้นมีมดขนาดเท่านิ้วโป้ง มีพละกำลังมหาศาล คุ้ยกะโหลกออกจากชั้นดิน มีรูน่ากลัวตรงกลางหน้าผาก มันเกิดจากลำแสงกระบี่
บทที่ 1310 เส้นที่ห้า
โดย
Ink Stone_Fantasy
มดขนาดเท่านิ้วโป้งคืบคลาน ชนกับกะโหลกสีขาวจนเกิดเสียงดังตึง
กลิ้งหลุนๆ
กะโหลกกลิ้งลงไปตามเส้นทางขรุขระ เกิดเสียงดังเป็นระลอกๆ ทำลายความสงบของที่นี่
สุดท้ายมันก็ตกลงตีนเขาดังโครม โยกไปโยกมาแล้วหยุดนิ่ง บ่งบอกความโหดร้ายและความน่าเศร้า
สายลมโชยมาดังหวีดหวิว สนามรบที่เคยเป็นวิเวกวังเวง ปราศจากพลังชีวิต ไร้พืชพรรณ ราวกับเป็นเขตสุสานอันเปล่าเปลี่ยว
ผู้กล้ามากเหลือคณานับทิ้งร่าง อัจฉริยะนับไม่ถ้วนเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่
แต่ทว่า ศพทั้งหมดหายไป บ้างก็จมอยู่ใต้ดิน บ้างก็ย่อยสลายไปแล้ว
เวลาทำลายทุกอย่างได้ ต่อให้เคยเป็นอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าแห่งวงการสูงส่ง ก็ยากจะดิ้นรนหรือต้านทานกาลเวลาได้
เมื่อนานมาแล้ว มีเซียนสิ้นชีพที่นี่ เลือดของผู้อมตะนองพื้น ทำให้ภูเขาและหุบเหวมากมายเป็นสีแดงคล้ำ ไม่มีวันเลือนหาย
โทนสีอึมครึมอย่างมาก เมื่อยืนอยู่ตรงนี้ทำให้หายใจลำบาก รู้สึกถึงความหดหู่ของประวัติศาสตร์อยู่รางๆ ความเศร้าในตอนนั้น แทบจะหายใจไม่ออก!
หนึ่งยุคผ่านไป ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปแล้ว
มีคนยืนอยู่ใต้ตีนเขา นิ่งไม่ไหวติง ราวกับแข็งเป็นหินไปแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวมากนับสิบล้านปี ถูกฝุ่นธุลีท่วมท้น
ลมเย็นพัดโบกจนชายเสื้อของเขาเลิกขึ้น ผมสีดำของเขาพลิ้วไหว เผยให้เห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลา เหม่อลอยเงียบๆ ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปกับกาลเวลา
“ข้ากำลังเวียนว่ายตายเกิดหรือ? ที่เดียวกัน แต่ภาพต่างกัน” เขาพึมพำ ใบหน้าบรรยายไม่ถูกว่าดีใจ โกรธ เศร้าหรือเบิกบานใจ ในความเงียบแฝงความเศร้าสลด อาลัยอาวรณ์ งุนงง และหวนคิดถึงอดีต
บนหัวไหล่ของเขามีมดสีทองตัวหนึ่ง
ชายหนุ่มก้มหน้า มองกระดูกสีขาวบนพื้น จากนั้นก็มองมดขนาดเท่านิ้วโป้งตัวนั้น มันนั่นเองที่ดันกะโหลกชิ้นนั้น
“เหมือนเจ้ายิ่งนัก” ชายหนุ่มเบนหน้ามองมดน้อยบนหัวไหล่
“หากมดตัวนั้นเหมือนข้า กะโหลกบนหัวนั่นก็เหมือนเจ้าเหมือนกัน” มดน้อยบนหัวไหล่ของเขาตอบ
“งั้นหรือ เมื่อร้อยล้านปีก่อน ข้าอยู่ที่ใด ไม่แน่ว่าอาจเกี่ยวกับข้าก็ได้” ชายหนุ่มย่อตัวลง เก็บกะโหลกสีขาวบนพื้นขึ้นมา
ร่องรอยของการผ่านร้อนผ่านหนาว กาลเวลากัดกร่อน มันเป็นหลุมเป็นบ่อ มีรูพรุนประหนึ่งรังผึ้ง ผุพังไปนานแล้ว
“ขี้โม้จริงๆ คิดว่าเจ้าจะเวียนว่ายตายเกิดได้จริงหรือ? ในโลกนี้มีวัฏสงสารหรือไม่ก็ยังไม่รู้” มดน้อยบนไหล่เขาพูด
เพียงแต่ว่า มันก็สับสน สิ่งที่ประสบเมื่อครู่เป็นเรื่องจริงหรือ? ย้อนเวลากลับไปอดีต ราวกับกำลังเวียนว่ายตายเกิด ได้เห็นตัวเองในยุคที่แล้ว
พวกเขาพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน แค่ยืนอยู่ที่นี่เงียบๆ หวนคิดถึงความทรงจำ ประสบการณ์แบบนั้นพิลึกเหลือเกิน และน่ากลัวมากเช่นกัน
พวกเขาคือสือฮ่าวกับมดเขาสวรรค์
พวกเขาต่างก็มึนงงและสับสน ไม่นานก่อนหน้านี้ ความรู้สึกของพวกเขาประหลาดยิ่งนัก ราวกับเผชิญหน้ากับสงครามที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งจริงๆ!
“เฮ่ออู่ซวง มีคนเช่นนี้อยู่จริงหรือ?” สือฮ่าวพึมพำ
พวกเขาเดินเลียบตามเส้นทางนั้น เข้าไปในสถานที่ทดสอบขั้นสุดยอด สิ่งที่พวกเขาพบเจอพิลึกเหลือเกิน
“ทั้งๆ ที่เห็นศพของผู้กล้ามากเหลือคณานับ แผ่นดินผืนนี้นองเลือด กาหลอมเซียนลอยกลางนภา ดูดซึมเลือดลมของเหล่าผู้กล้า กับเฮ่ออู่ซวงที่ยิ่งใหญ่จนน่ากลัว…” มดน้อยบ่นอุบอิบ
ในประสบการณ์เมื่อครู่ สือฮ่าวตาย หมัดสุดท้ายแฝงความโกรธแค้น ทะลวงหน้าผากของชายผมทองคนนั้น ปลิดชีพเขาทันที
ส่วนตัวเขาเองก็ถูกฝ่ามือของอีกฝ่ายปักหน้าผาก กำจัดดวงจิต ตายไปพร้อมกัน
แต่เมื่อทุกอย่างเลือนราง ฟ้าดินเงียบสงัด สติดับวูบไปเนิ่นนาน เขาก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา หลุดออกจากสภาพแบบนั้น
เขายืนอยู่ตรงนี้ สิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นสนามรบอันรกร้าง ไม่มีศพของบรรพชน และปราศจากศัตรูที่ยิ่งใหญ่คนนั้น เสมือนไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
เพียงแต่ว่า ไยจึงรู้สึกอ่อนเพลีย ปวดเนื้อปวดตัวกันล่ะ?
แต่หาบาดแผลไม่เจอ เมื่อลูบคลำหน้าผาก มันยังเจ็บอยู่มาก ราวกับเคยปริแตก ไม่ฟื้นฟูอย่างสิ้นเชิง
“เป็นความฝัน หรือย้อนเวลา สมจริงเหลือเกิน” สือฮ่าวพูดพลางลูบหน้าผากป้อยๆ
“ข้าก็ไม่เข้าใจ ที่นี่วิเศษเหลือเกิน ต้องใช้วิธียิ่งใหญ่ปานไหนถึงจะสร้างปรากฏการณ์แบบนั้นได้ แยกไม่ออกเลยว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ” มดน้อยก็อุทานเช่นกัน
หากไม่ยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะสือฮ่าวยังมีชีวิตอยู่ รวมถึงไม่เห็นเฮ่ออู่ซวงกับสิงห์เลือดหงส์ มันคงคิดว่าประสบการณ์ทั้งหมดเป็นความจริงที่โหดร้าย
“วิชาสังหารเซียน สรรพวิชาสูญเปล่า ญาณวิเศษสะท้านปฐพีแบบนี้มีจริงหรือไม่?” สือฮ่าวถาม
“มีอยู่ อย่างแรกเป็นวิชาโจมตีไร้พ่าย แม้แต่ในต่างแดนก็แทบจะไม่มีใครครอบครองแล้ว มันเป็นวิชาลับสูงส่งที่บุกเบิกเพื่อสังหารเซียน อย่างหลังมีพลังป้องกันเป็นหนึ่งในหล้า ขจัดการโจมตีทั้งหลายของศัตรู ทำลายพลังกฎเกณฑ์ได้” มดน้อยพูด ใบหน้าค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้นมา
“ข้าเห็นล่วงหน้าแล้ว” สือฮ่าวหรี่ตาลง หากเป็นความฝัน ไยจึงเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นภาพลวงตา ทำไมถึงสมจริงปานนี้
สือฮ่าวสำรวจตัวเอง รวมถึงอาวุธทั้งหลาย
“หือ?” จู่ๆ เขาก็สะดุ้ง ตกใจเล็กน้อย
น้ำอมตะเล่า? ของเหลวที่สมุนไพรเซียนขี่เต่าหายไปแล้ว!
กินมันในฝันแล้วจริงหรือ? พิลึกยิ่งนัก
จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น เห็นร่องรอยจางๆ เส้นหนึ่ง มันเรียงตามสี่เส้นที่เหลือ ริ้วรอยลึกลับ ประหนึ่งเป็นประตูของวัฏสงสาร!
“อินวัฏจักรทั้งห้า!”
สือฮ่าวเย็นวาบไปทั้งตัว รูม่านตาหดตัว แสงสว่างสาดออกมา
ครั้งก่อน ตอนที่เขากินผลน้ำพุเหลือง เคยมีปรากฏการณ์ที่เข้าใจได้ยากเกิดขึ้น ราวกับผ่านการเวียนว่ายตายเกิด ทิ้งร่องรอยสี่เส้นบนฝ่ามือของเขา
ครั้งนี้ มีเส้นที่ห้าโผล่มาแล้ว!
“สิ่งที่สำคัญไม่ใช่เรื่องพวกนี้ คัมภีร์อมตะล่ะ? หากสิ่งที่พวกเราเผชิญเป็นความจริง ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ กระดาษสีทองบนยอดเขาพวกนั้นล่ะ อยู่ไหน?” มดเขาสวรรค์ร้อนใจยิ่งนัก
พวกเขามาเพื่อคัมภีร์อมตะ มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สูญเสียไปได้ หากคัมภีร์หายไป เท่ากับมาเสียเที่ยวไม่ใช่หรือ?
“หากมีคนที่ชื่อเฮ่ออู่ซวงคนนี้อยู่จริง เขาเคยมาที่นี่ พวกเราไม่ตาย เขาก็ไม่ตายเช่นกัน แบบนั้นเขาก็ชิงคัมภีร์ไปแล้วไม่ใช่หรือ!” มดน้อยกระวนกระวายขึ้นมาแล้ว
หากวินิจฉัยไม่ผิดล่ะก็ เฮ่ออู่ซวงเป็นคนในช่วงปลายยุคเซียนโบราณ มาก่อนพวกเขาหนึ่งยุค หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ จะเหลืออะไรอีก?
ชิ้ง!
พวกเขากระโดดขึ้น พุ่งเข้าไปในเทือกเขา จากนั้นก็ปีนขึ้นเขาศักดิ์สิทธิ์มหึมาลูกนั้นอย่างรวดเร็ว
ในความฝัน สือฮ่าวต่อสู้กับเฮ่ออู่ซวงที่นี่ จากนั้นก็ตายทั้งคู่
ตอนนั้น มีแสงสว่างสาดส่องที่นี่ กระดาษหนังสัตว์พลิกดังพรึ่บพรั่บไม่หยุด อักขระนานาชนิดเริงระบำ น่าตะลึงยิ่งนัก
แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือเลย ภูเขาหม่นหมอง เป็นสีเทา ยังแปดเปื้อนคราบเลือด เวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้ว คราบเลือดสีทองยังไม่เคยเลือนหาย
“ไม่อยู่แล้ว หายไปไหน?!” มดน้อยตะโกนลั่น หรือสุดท้ายทุกอย่างจะสูญเปล่า?
สือฮ่าวย่อตัวลง เก็บมดขนาดเท่านิ้วโป้งบนพื้นขึ้นมา ไม่ใช่มดเขาสวรรค์ เป็นมดน้อยที่เคยดันกะโหลกกลิ้งลงภูเขาตัวนั้น
เขาสำรวจความทรงจำของมัน เพื่อให้ได้เบาะแสบางอย่าง
เพราะที่นี่วังเวงเหลือเกิน ไม่เห็นต้นไม้ใบหญ้า แทบจะไม่มีชีวิตชีวา เห็นสิ่งมีชีวิตสักตัวนั้นไม่ง่ายเลย
น่าเสียดาย เขาต้องผิดหวัง มดตัวนี้ยังไม่มีวิวัฒนาการ ไม่มีสติปัญญา เป็นแค่มดทั่วไปที่แข็งแรงตัวหนึ่งเท่านั้น
ไม่อาจยืนยันเรื่องประหลาดหรือปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากตัวมันได้เลย!
“คัมภีร์อมตะอยู่ไหน?” สือฮ่าวก็อยู่เฉยไม่ได้แล้ว ครั้งนี้มาเพื่อค้นหาคัมภีร์อมตะ หากไม่ได้อะไรเลย มันจะน่าผิดหวัง
ยิ่งไปกว่านั้น หากเฮ่ออู่ซวงมีอยู่จริงล่ะก็ มันจะยิ่งทำให้ตกใจ
คนคนนั้นมาก่อนพวกเขา ปีนขึ้นที่นี่จากช่วงปลายยุคเซียนโบราณ ตอนนี้หาคัมภีร์อมตะไม่เจอ ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าอยู่ที่ไหน!
สือฮ่าวกับมดน้อยปล่อยกระแสอันยิ่งใหญ่ออกไป ค้นหาทั่วบริเวณนี้ ถึงขั้นว่าอยากพังภูเขา พลิกหาทั่วภูเขา
ตูม!
ภูเขามโหฬารสั่นสะเทือนดังครืน แถมยังสว่างวาบ เพียงแค่ไม่เจิดจ้าอีกต่อไป เป็นแสงสีดำ เคยถูกพลังน่ากลัวบางอย่างกัดกร่อน
หลังแสงสว่างสาดกระจาย สือฮ่าวก็มดน้อยก็กระเด็นออกมาทันที
พวกเขาไม่ทำให้ภูเขาลูกนี้เสียหาย!
กา!
อีกาตัวหนึ่งกางปีก พุ่งออกจากแสงดำทะมึน ท่ามกลางสถานที่เปล่าเปลี่ยวแห่งนี้ ในสุสานที่ฝังร่างเหล่าวีรชนผืนนี้ มันดูอัปมงคลอย่างบอกไม่ถูก
“อีกา!” มดน้อยเงื้อหมัดขึ้นจะโจมตีข้างหน้าทันที
“กา กา กา…” อีกากระพือปีก แผดร้องอยู่ตรงนั้น มันหลบออกไป จากนั้นบินลงมา ยืนอยู่บนกะโหลกชิ้นนั้น
“เจ้าแปลงร่างจากตัวอะไร?” สือฮ่าวตะโกนถาม
เขาไม่เชื่อว่านี่จะเป็นอีกาจริงๆ มิเช่นนั้นจะพุ่งออกจากแสงดำทะมึนได้อย่างไร?
“ไม่ต้องลงมือกับข้า ข้ามาไขความข้องใจให้พวกเจ้า” อีกาถอนหายใจ นัยน์ตามีความเศร้าสลัดและเหนื่อยล้า
นี่เป็นนกอัปมงคล แต่ตอนนี้กลับไม่ทำให้รู้สึกถึงความชั่วร้าย กลับทำให้รู้สึกเหมือนเป็นผู้สิ้นหวังที่พ่ายแพ้แก่กาลเวลา
“เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่?” มดเขาสวรรค์เค้นถาม ไม่ค่อยเชื่อมันมากนัก
อีกายืนอยู่บนกะโหลก มีหมอกดำจำนวนมากปรากฏขึ้นด้านหลังของมัน จากนั้นก็มีเสียงตะโกนสะเทือนฟ้าดินดังขึ้น ตามมาด้วยร่างคนมากเหลือคณานับ มันเป็นวิญญาณวีรชน!
เปลวไฟสีดำลุกโชน พุ่งขึ้นฟ้าสูง
อีกาอยู่ท่ามกลางหมอกดำและเปลวไฟ ทำให้ดูลึกลับมากกว่าเดิม
ใบหน้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง กำลังมองพวกเขาจากหมอกดำ
“วิญญาณวีรชน!” สือฮ่าวพึมพำ เขารู้แล้วว่า มันเกิดจากความรู้สึกที่ยังไม่ดับสูญของผู้กล้าที่รบจนตัวตายในสมรภูมิรบแห่งนี้ วิญญาณวีรชนปรากฏกาย
วิญญาณทั่วไปไม่มีความตระหนักรู้มากนัก เป็นแค่เศษเสี้ยวของความคิด แต่วิญญาณที่แปลงร่างเป็นอีกาตัวนี้ไม่ธรรมดา เหนือคำบรรยาย
“ข้ามาช่วยไขข้อข้องใจให้พวกเจ้า” อีกาพูด
สือฮ่าวกับมดน้อยไม่พูดอะไรอีก ตั้งใจฟังเงียบๆ
“สิ่งที่พวกเจ้าเห็นตรงหน้าต่างหากที่เป็นสถานที่ทดสอบขั้นสุดยอด หรือก็คือสนามรบโบราณในอดีต”
“ศพเกลื่อนพื้นกับเลือดจำนวนมากที่พวกเจ้าเห็นก่อนหน้านี้เคยมีอยู่จริง เป็นสภาพที่ตกอยู่ในมือของต่างแดนหลังผ่านสงครามสุดท้าย พวกเจ้าเห็นศพของบรรพชน ภาพของผู้กล้านับไม่ถ้วน”
“เฮ่ออู่ซวงมีอยู่จริง มีฉายาว่าที่หนึ่งในหล้า เป็นหนึ่งในผู้นำกองทัพต่างแดนในช่วงปลายยุคเซียนโบราณ เกิดมาเพื่อฆ่าผู้สูงส่งของแดนเราโดยเฉพาะ!”
“สงครามในฝันสมจริงมาก มันเป็นการทดสอบพวกเจ้า เป็นสงครามที่เกิดขึ้นจริง หากเจ้าสู้เฮ่ออู่ซวงไม่ได้ เท่ากับว่าไม่มีวาสนากับคัมภีร์อมตะ!”
แค่ไม่กี่ประการ ก็ทำให้สือฮ่าวกระจ่าง มีเสียงครืนครันดังข้างหู แม้แต่ใจก็สั่นระรัวตามกัน!
………………………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น