Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ 1297-1301
ตอนที่ 1297
น่ากลัว
โดย
Ink Stone_Fantasy
สือฮ่าวเหม่อลอย ขณะเดียวกันก็รู้สึกเย็นเยียบตั้งแต่หัวจรดเท้า โลกใบนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวที่พิศวงจริงๆ!
ไหนว่าบนยอดเขาเหนือชั้นมีแต่ศพไม่ใช่หรือ ไยจึงมีสิ่งที่สงสัยว่าอาจจะมีชีวิตอยู่?
ผีกลายเป็นเซียน! มีเรื่องแบบนี้จริงหรือ มันชวนให้รู้สึกเสียวสันหลัง ความเย็นแผ่ซ่านออกจากกระดูกสันหลัง
“นั่นเป็นสิ่งมีชีวิตหรือ ทำไมข้ารู้สึกเหมือนเขากำลังมองข้าอยู่!” มดน้อยโพล่งออกมา
สิ่งมีชีวิตที่นั่งขัดสมาธิบนหน้าผาลืมตาทันใด ดวงตาเป็นประกาย ราวกับมีพลังชีวิต ยังคงสดใส
ต้องรู้ว่า นี่เป็นศพที่มีอายุนับล้านปีหรืออาจถึงขั้นสี่ห้าล้านปีแล้ว ยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?
ต้องรู้ว่า ตอนนั้นพวกเขาต่างก็สิ้นอายุขัย ตายในท่านั่งสมาธิที่นี่ ไยถึงมีการเปลี่ยนแปลงที่ตายแล้วคืนชีพแบบนี้ได้
หากหลับใหลเพราะบาดเจ็บ สุดท้ายฟื้นคืนชีพก็ว่าไปอย่าง แต่ข้ามยุคข้ามสมัยมันยาวนานเหลือเกิน ระยะเวลาเกินล้านปีเพียงพอจะทำให้ดวงจิตของผู้กล้าเสื่อมโทรม กายเนื้อเน่าเปื่อยได้!
ต่อให้มันเป็นผู้อมตะ เมื่อพลังชีวิตแห้งเหือด จะใช้เวลานับล้านปีขึ้นไป แต่ก็ไม่มีทางรอดชีวิต จะทิ้งไว้แค่กายเนื้อเท่านั้น
“อ๊าก…”
จู่ๆ ก็มีเสียงน่ากลัวดังขึ้น!
หมอกดำแผ่มา ประหนึ่งเสียงกรีดร้องของภูตผี ชวนขนหัวลุก ขนลุกชันไปทั้งตัว
อย่าว่าแต่หนึ่งคนหนึ่งมดใต้ตีนเขาเลย ผู้คนที่อยู่ไกลออกไปก๊อกสั่นขวัญแขวน สองขาของพวกเขาสั่นระริก แทบจะทรุดตัวลงไปแล้ว
มันคืออะไร? มีคนอุทานขึ้นมา
“หนังมนุษย์ มันเรื่องอะไรกัน?” มดน้อยพรั่นพรึง มันสะดุ้งโหยง วิตกกังวลยิ่งนัก กำปั้นทั้งสองข้างปล่อยลำแสงสีทอง
แม้แต่สือฮ่าวก็หวาดผวา สูดหายใจดังเฮือก มันช่างพิลึกเหลือเกิน
เมื่อครู่ สิ่งมีชีวิตที่นั่งขัดสมาธิบนหน้าผาดึงดูดความสนใจของเขา ทำให้มองข้ามไป ตอนนี้กลับพบว่าสิ่งที่ละเลยไปน่ากลัวปานใด
เพราะบนยอดเขาอีกลูก โลงโบราณที่แขวนบนหน้าผาเปิดออก มีหนังมนุษย์แผ่นหนึ่งลอยลงมา บัดนี้มันกำลังพองตัว
เสียงกรีดร้องมาจากตรงนั้นนั่นเอง เป็นแค่หนังมนุษย์เท่านั้น ทำไมเป็นแบบนี้?
“กริ๊ด รีบหนี ผีกลายเป็นเซียน จะดูดพลังปราณ กลืนกินพลังหยาง!” หญิงสาวคนหนึ่งกรีดร้อง หันหลังแล้วหนีไปทันที
ที่นี่โกลาหลขึ้นมาทันที หลายคนพากันถอยหลัง
ทุกคนที่นี่ล้วนเป็นนักพรต จะกลัวสิ่งชั่วร้ายได้อย่างไร เพียงแต่เจ้านี่น่ากลัวเกินไป ลอยลงมาจากยอดเขาเหนือชั้น ภูมิหลังไม่ธรรมดา
มันอาจเป็นหนังของสิ่งมีชีวิตสูงส่ง ถึงขั้นว่าอาจเป็นหนังของผีเซียน!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ผู้คนด้านหลังต่างก็งุนงง ผู้คนมักจะเกิดความหวาดกลัวกับสิ่งที่ไม่รู้จัก
หนังคนแผ่นหนังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิต ดวงตากลวงโบ๋ ลึกล้ำดุจจักรวาล อ้าปากเผยให้เห็นคมเขี้ยวแหลมคม
มันกางแขนแล้วพุ่งลงมา ตรงดิ่งไปหาสือฮ่าวกับมดน้อย
“ไม่สนแล้วว่าเจ้าจะเป็นอะไร!” สือฮ่าวตะโกนลั่น หมัดขวาส่องแสง จากนั้นปล่อยออกไปกระแทกอากาศ พร้อมกับสายฟ้าผนึกกำลัง
มันเป็นญาณวิเศษของจักรพรรดิสายฟ้า เขาปล่อยหมัดสายฟ้าออกไป!
ตูม!
แสงสว่างโชติช่วง เคล้าด้วยคลื่นท่วมท้นท้องฟ้า โจมตีมิติจนแหลกสลาย พุ่งไปหาสิ่งมีชีวิตประหลาดตัวนั้น
“อ๊าก…” เสียงกรีดร้องบาดหู แว่วมาจากฟากฟ้า
ท่ามกลางสายฟ้าและคลื่นพลัง สิ่งมีชีวิตตัวนั้นถูกโจมตีจนเกลือกกลิ้ง แต่ผิวหนังไม่เป็นไร ไม่มีร่องรอยดำเกรียมแม้แต่นิด
นี่มันเรื่องอะไรกัน? สือฮ่าวเบิกตากว้าง จากพลังโจมตีที่เหนือกว่าผู้อื่นในตอนนี้ ใช้พลังสุดความสามารถแล้วกลับทำอะไรเจ้านั่นไม่ได้
ทว่า ท่ามกลางสายตางุนงงของผู้คน สิ่งมีชีวิตตนนี้ไม่โจมตีอีก แต่ยังคงลอยล่อง พุ่งขึ้นฟ้าสูงภายใต้การโจมตีจากพลังหมัดของสือฮ่าว
ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างนี้ มันก็ค่อยๆ แห้งเหี่ยว ไม่พองตัว กลายเป็นหนังมนุษย์แผ่นหนึ่งอีกครั้ง
“เห็นผีแล้ว บัดซบ มีใครบอกได้ไหมว่านี่มันเรื่องอะไร?” มดน้อยตะโกนลั่น
ทุกคนต่างก็ตกใจ ฉงนสนเท่ห์ ทำไมหนังมนุษย์ถึงล่าถอย ไม่โจมตีอีก
“หนังผีลอยขึ้นไปแล้ว!” หญิงสาวคนหนึ่งกรีดร้อง ต่อให้นักพรตหญิงจะแข็งแกร่ง แต่ก็หวาดกลัวของประหลาดแบบนี้เหมือนกัน ใจแข็งไม่เท่านักพรตชาย
สือฮ่าวเพ่งมอง หนังแผ่นนั้นแห้งแล้ว ถูกพลังและคลื่นพลังของเขาโจมตีจนลอยไปแขวนบนหน้าผา ลอยล่องอยู่ตรงนั้น หนังแผ่นนั้นเป็นเหมือนภูตผีลอกคราบ น่าขนหัวลุกยิ่งนัก
แต่ทว่า เขาก็พบความผิดปกติบางอย่าง ยามหนังแผ่นนั้นพลิ้วไหวไปตามแรงลม มันจะพองตัวและยุบตัวสลับกันไป
“อืม หรือจะมีลมพัดเข้าไป มันถึงพองตัว เกิดเสียงร้องหวีดหวิวก็เพราะเหตุนี้?” สือฮ่าวพึมพำ
มดน้อยกระจ่างใจโดยพลัน พยักหน้าทันที คิดว่าคงจะเป็นเช่นนี้
นักพรตที่อยู่ข้างหลังเหล่านั้นได้ยินก็ชะงัก คิดว่ามันมีเหตุผล แม้จะไขข้อสงสัยไม่ได้ทั้งหมดก็ตาม
สือฮ่าวจ้องหน้าผาเงียบๆ หนังแผ่นนั้นทรหดเช่นนี้ แต่กลับไม่เกิดอันตรายขึ้นกับเขา เพราะมันเป็นของผู้กล้า ตามหลักแล้วไม่ควรรุกรานจึงจะถูกต้อง
แต่เรื่องประหลาดเมื่อครู่ไม่ใช่สิ่งที่คำอธิบายง่ายๆ ของเขาจะไขข้อข้องใจได้ รู้สึกว่ามีพลังปริศนากำลังควบคุม
“เอ๊ะ ไม่สิ มีอะไรบางอย่างอยู่บนนั้น!” ในตอนนี้เอง ชายชราคนหนึ่งก็ตะโกนลั่น เขาเป็นคนที่รูปร่างสูงมาก ปกติเคร่งขรึมยิ่งนัก แต่ตอนนี้กลับอุทานออกมาอย่างทนไม่ได้ ใบหน้าเปลี่ยนสีอย่างสิ้นเชิง
ทุกคนต่างก็เพ่งมอง แต่ก็ส่วนใหญ่มองไม่เห็น มีเพียงเนตรสวรรค์ของนักพรตส่วนนน้อยที่พบร่องรอย
“อะไรกัน มันเป็นมือข้างหนึ่ง มันอะไรกัน?!”
บนหน้าผามีฝ่ามือขนดกข้างหนึ่ง ขนยาวอย่างมากปานตะขอ ดำดุจทองคำดำ แหลมคมสะดุดตา
และบนฝ่ามือเต็มไปด้วยขนยาวสีแดง มันกำลังยื่นไปหาหน้าแผ่นนั้น จากนั้นประคองไว้อย่างระมัดระวัง ราวกับกำลังปกป้องของวิเศษ
ต่อมามือข้างนั้นก็จับหนังมนุษย์ไว้ ส่งมันเข้าไปในโลงโบราณที่แขวนอยู่บนหน้าผาแล้วปิดฝาโลง
น่าเสียดายที่มีภูเขาขวางกั้น เห็นไม่ชัดว่ามันเป็นอะไร เห็นแค่เงาเลือนราง กับมือที่ยื่นออกนอกหน้าผาเท่านั้น
สุดท้าย ผู้ก็ได้ยินเสียงราวกับภูตผีร่ำไห้ เห็นสิ่งมีชีวิตตนนั้นคุกเข่า เหมือนกับกำลังกราบไหว้คำนับโลงโบราณใบนั้น
ตอนนี้ ทุกคนต่างก็เย็นวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า น่าหวาดกลัวเหลือเกิน เกิดความผิดปกติบนยอดเขาเหนือชั้น มีอะไรน่ากลัวอย่างนั้นหรือ?
ทำไมถึงมีสิ่งมีชีวิตอยู่ วิญญาณร้ายปรากฏตัว หรือผีเซียนถือกำเนิดขึ้นแล้วจริงๆ?
มันแตกต่างจากบันทึกโบราณ ตามหลักแล้วที่นี่ควรเป็นด่านทดสอบ เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ขึ้นไปอาจได้ฟังธรรม บรรลุโดยพลัน
แต่ตอนนี้กลับมีเรื่องน่ากลัวแบบนี้เกิดขึ้น ชวนให้อกสั่นขวัญแขวน
ที่นั่นเงียบสงัด ไม่มีเสียงอะไรเลย
สือฮ่าวไม่รู้ว่าหนังคนแผ่นนั้นตกลงมาได้อย่างไร และอะไรที่ปกป้องมัน รู้สึกตงิดใจอยู่ตลอดว่าอยู่ที่นี่นานไม่ได้
ขณะเดียวกัน เขาก็มองไปที่ภูเขาอีกลูก ยังคงมีร่างนั่งขัดสมาธิอยู่บนนั้น กำลังลืมตาทอดมองเบื้องล่าง ราวกับกำลังมองเขากับมดน้อย
สือฮ่าวยืนยันไม่ได้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพราะหากเป็นแค่ศพ ลูกตาไม่เน่าเปื่อย เปล่งประกายดุจลูกแก้วก็เป็นไปได้
แต่เขารู้สึกสั่นสะท้านจากภายใน กระวนกระวาย เนื้อตัวสั่นงันงก
ยังเดินเข้าไปข้างในได้อีกหรือไม่? รอบถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยอันตรายที่คาดเดาไม่ได้ บนภูเขาหลายลูกคล้ายว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่!
ผู้คนที่อยู่ด้านหลังก็สงสัยเช่นเดียวกัน คิดว่าโบราณสถานแห่งนี้ลึกลับและน่ากลัว
ภูเขาใหญ่เหล่านี้ เคยมีคนปีนเมื่อล้านปีก่อน ได้เห็นความจริง แต่ตอนนี้กลับอยู่ในสภาพนี้เสียแล้ว
สถานที่ทดสอบขั้นสุดยอดแห่งนั้น ไม่เคยมีใครรอดชีวิตมาได้ จะน่ากลัวปานใดกัน? บางทีอาจเคยเกิดเรื่องประหลาดและน่ากลัวเมื่อนานมาแล้วก็ได้
ยิ่งไปกว่านั้น มีเหตุผลให้ผู้คนเชื่อว่า สาเหตุที่พบวิญญาณร้ายบนภูเขาพวกนี้ อาจจะปีนป่ายมาจากสถานที่ทดสอบขั้นสุดยอดก็ได้
เมื่อคิดแบนนี้ ทุกคนต่างก็หวาดผวา ใครจะกล้าเข้าไป ที่นั่นเป็นต้นกำเนิดของวิญญาณร้ายชัดๆ เป็นสถานที่อันตรายเหนือความคาดหมายของทุกคน!
“ยังจะเข้าไปอยู่ไหม?” มดน้อยถาม กระซิบกระซาบว่า “ไยข้ารู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล!”
“ไป!” คำตอบของสือฮ่าวสั้นกระชับ พูดแค่คำเดียว จากนั้นก็ออกเดินทางอีกครั้ง
คนด้านหลังต่างก็ตะลึงงัน คิดว่าหลังผ่านเรื่องเมื่อครู่ สือฮ่าวพบเรื่องประหลาดและน่ากลัวแล้ว น่าจะหยุดยั้งจึงจะถูก ไม่คิดเลยว่าเขาจะเดินหน้าต่อ
“เจ้าหนุ่ม เจ้าต้องคิดให้ดี!” เจ้าเมืองชราเตือน
“ขอบคุณที่ผู้อาวุโสหวังดี ข้ารู้ว่าควรทำเช่นนี้!” สือฮ่าวตรงดิ่งเข้าไปในเส้นทางเล็กๆ ไม่แม้แต่จะเหลียวหลัง
ตอนนี้ ทุกคนต่างก็อดนับถือในความใจกล้าของเขาไม่ได้ ถึงกล้าทำแบบนี้ ช่างน่ายกย่อง
สือฮ่าวย่างสามขุมไปทางเส้นทางขรุขระ แม้จะเดินอยู่ใต้ตีนเขา แต่กลับต้องแบกแรงกดดันมหาศาล ประหนึ่งกำลังแบกดวงดาวเดินหน้า
หากเป็นคนอื่น คงถูกแรงกดดันทับจนแหลกสลายไปแล้ว!
เพราะมันเตรียมไว้สำหรับบุคคลไร้พ่ายที่เหนือชั้นอย่างแท้จริง จำต้องบรรลุขั้นสุดยอดเท่านั้น เพราะเป็นสถานที่ทดสอบผู้กล้าที่แข็งแกร่งที่สุด!
มดน้อยทำหน้าเหยเก แต่ก็กัดฟันทน จะเห็นได้ว่ามันก็เหนือชั้นเช่นกัน
หนึ่งก้าว สองก้าว…
ฝีเท้าของสือฮ่าวดังก้อง เขาเดินออกไปไกลมากในอึดใจเดียว ไม่มีเหตุผิดปกติหรืออันตรายใด ก้อนหินใหญ่ที่ถล่มลงมาเมื่อครู่หยุดชะงัก ไม่กลิ้งลงมาแล้ว
สุดท้าย เขาก็เดินทางมาถึงปลายทาง อีกไม่กี่สิบก้าวก็จะถึงสถานที่ทดสอบขั้นสุดยอดแล้ว และมีทางโค้งตรงนั้นพอดี!
สือฮ่าวใกล้จะเห็นความจริงแล้ว จะรู้แล้วว่าที่นั่นเป็นอย่างไรกันแน่!
มันช่างน่าเหลือเชื่อ ระหว่างนี้ ทุกอย่างเงียบสงบ ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
บทที่ 1298 สถานที่ทดสอบขั้นสุดยอด
โดย
Ink Stone_Fantasy
มันไม่ปกติเอาเสียเลย ตอนที่เพิ่งเฉียดเข้าใกล้เส้นทางเล็กๆ ก็เห็นหนังมนุษย์ตกลงมา พร้อมกับกรีดร้องไม่หยุด น่าสยดสยองยิ่งนัก แต่ตอนนี้ทำไมถึงเงียบสงบแบบนี้?
อีกไม่กี่สิบก้าวก็จะพ้นเส้นทางแล้ว บริเวณนี้เหาะเหินไม่ได้ จำต้องเดินเท่านั้น
บนนภามีร่องรอยของธรรม ประหนึ่งบ่อสายฟ้า หากข้ามไปคงจะกลายเป็นเถ้าธุลีแน่นอน
“เขาจะเข้าไปแล้ว ที่นั่นมีอะไร?”
ผู้คนด้านหลังต่างก็จับจ้อง ตึงเครียดยิ่งกว่าสือฮ่าวเสียอีก ต่างก็อยากรู้ว่าในสถานที่ทดสอบขั้นสุดยอดเป็นอย่างไรกันแน่
แต่หากสือฮ่าวเดินเข้าไปอีกไม่กี่ก้าว พวกเขาจะมองไม่เห็นอีก เพราะมันเป็นทางโค้ง เข้าสู่ศูนย์กลาง!
สือฮ่าวสูดหายใจเข้าลึกๆ ปรับสมดุลพลังปราณ เตรียมตัวเตรียมใจพร้อมแล้ว ก็มองมดบนหัวไหลแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “เตรียมพร้อมหรือยัง?’
“ไปกันเถอะ!” มดน้อยก็เด็ดขาด เพื่อคัมภีร์อมตะ มันจะไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมแล้ว
หนึ่งก้าว สองก้าว…
หลังผ่านไปห้าก้าวแล้ว ดาราจักรก็พลิก ฟ้าดินแปรเปลี่ยน ทุกอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลง!
ตูม!
ปฐพีถล่ม ภูเขาหลายลูกดังครืนครัน สาดแสงสว่าง ปล่อยโซ่สะเทือนโลกาลงมา โดยมีสือฮ่าวเป็นเป้าหมาย หมายจะขวางทางเข้า
ยังคงมีเหตุไม่คาดฝัน มีอันตรายอย่างที่คิด!
สือฮ่าวรู้อยู่แล้วว่า ไม่มีทางผ่านไปอย่างราบรื่นแน่ เห็นเหตุประหลาดตั้งแต่เริ่มต้น ไม่กี่ก้าวสุดท้ายจะยอมให้เขาผ่านไปอย่างปลอดภัยได้อย่างไร?
สือฮ่าวตะโกนลั่น พยายามโจมตีสุดความสามารถ เนื้อตัวเต็มไปด้วยอักขระ ล้วนเป็นกระแสไฟและขนคุนเผิง ต่อสู้กับโซ่ที่พุ่งลงมาจากภูเขาเหล่านั้น
ตึง!
ประกายไฟแตกกระจาย ผู้คนพบว่า หมัดของสือฮ่าวเทียบเท่าทองคำเซียน ปะทะกับโซ่วิเศษสีเงิน ทำให้เกิดเสียงดังบาดหู
ต้องรู้ว่า มันเป็นโซ่แห่งธรรม เส้นหนาเท่าชาม มันเกิดจากพลังกฎเกณฑ์ แต่กลับถูกเขาขัดขวางด้วยกายเนื้อ
แกรก!
สือฮ่าวคำราม สำแดงเดชครั้งใหญ่ เขาประสานอิน ตัดโซ่นับสิบกว่าเส้นจนขาดสะบั้น ถูกฟันจนแหลกเป็นผุยผง
“ผลุบ!”
แต่ทว่า นี่เป็นโซ่แห่งธรรม ก่อตัวจากพลังกฎเกณฑ์ โซ่บางเส้นแข็งแรงเหนือธรรมชาติ เกินจะต้านทานได้ หนึ่งในนั้นโผล่มาจากมิติกะทันหัน ทิ่มแทงหัวไหล่สือฮ่าว ทำให้มีเลือดพุ่งออกมาทันที
“ฮวงบาดเจ็บแล้ว!”
ผู้คนตกใจ ความยิ่งใหญ่ของสือฮ่าวเป็นที่ประจักษ์ ยากจะหาคนเทียบเคียงในขั้นเดียวกันได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว
เขาจะตายอยู่ที่นี่ไหม? ต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน เพราะแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีคนรอดออกมาแม้แต่คนเดียว อย่างน้อยๆ ก็ไม่มีในยุคนี้!
ชิ้ง!
มีโซ่สีดำเส้นหนึ่งลอยลงมา พุ่งไปที่แผ่นหลังของสือฮ่าวราวกับเป็นอสรพิษ
“แกรก!”
เขายื่นมือมาคว้าไว้โดยที่ไม่เหลียวหลังมอง จากนั้นก็กระชากจนขาดทันที
ผู้คนเห็นว่า มีอักขระบางส่วนกะพริบบนฝ่ามือสือฮ่าว มันเป็นวิชาของเขา เขากำลังใช้ญาณวิเศษตอบโต้โซ่กลางนภา
“ลุย!” มดน้อยตะโกนลั่น ยืนอยู่บนหัวไหล่ของสือฮ่าว ช่วยปกป้องเขาด้วยการปล่อยหมัดออกไปตอบโต้พลังกฎเกณฑ์พวกนี้
“ตูม!”
แสงสว่างโปรยปราย โซ่นับไม่ถ้วนพุ่งลงมา ราวกับอสรพิษนับหมื่นตัวห้อมล้อมสือฮ่าว
สือฮ่าวเปิดถ้ำสวรรค์หนึ่งเดียว กลายเป็นม่านแสง สรรพวิชารุกรานไม่ได้ ซ้ำยังกำราบถ้ำสวรรค์ในช่วงเวลาคับขันโดยพลัน ทำให้หดจนเป็นจุด จากนั้นก็ระเบิด
“ตึง!”
เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น ประตูในร่างกายถูกเปิด ถูกสิ่งเร้ากระตุ้น ระเบิดเมื่อถึงขีดจำกัด ปล่อยพลังน่ากลัวออกมา
โซ่ทั้งหลายกลางนภาขาดสะบั้น
ภาพแบบนี้ช่างน่าตกใจ ผู้คนเชื่อว่า ฮวงมีฝีมือสะท้านฟ้า กำราบเทพจื่อรื่อได้ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล มันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
เขาแข็งแกร่งเหลือเกิน ไม่คิดเลยว่าจะใช้พลังของตัวเองโจมตีโซ่จนขาดมากมายเหล่านี้
หากเป็นคนอื่น คงตายที่นี่ไปนานแล้ว!
มิติสงบลงแล้ว ซ้ำยังมีปรากฏการณ์วิเศษปรากฏให้เห็น!
แสงสว่างโปรยปรายลงมา ราวกับมีคนเหาะเหิน บวกกับศพที่นั่งขัดสมาธิบนภูเขาที่ทอดมองลงมา รวมถึงเงาของวิญญาณร้ายข้างโลงโบราณ มันจึงดูประหลาดสุดแสน!
มีอะไรบางอย่างตกลงมา? มันเป็นขนนกจำนวนมาก ประหนึ่งดาบสวรรค์ มีขนาดใหญ่อย่างยิ่ง กำลังพุ่งมาทางสือฮ่าว
มันเป็นของที่อยู่ในโลงศพ เป็นของที่ตกลงมาจากข้างในตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่มีบางส่วนแขวนอยู่บนหน้าผา ตอนนี้กำลังสำแดงเดชแล้ว!
นอกจากนี้ ยังมีเกล็ดบางส่วน น่าครั่นคร้ามยิ่งนัก กำลังเปล่งแสงเย็นเยียบ
“ตึง!”
สือฮ่าวลงมือโจมตีสุดกำลัง แต่ของพวกนี้ทนทานเหลือเกิน ทำลายไม่ได้เลยสักนิด เพราะล้วนเป็นสิ่งของของสิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งที่สิ้นชีพไปแล้ว
ตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่ บางทีคงใกล้จะบรรลุเข้าขั้นอมตะแล้ว แต่กลับต้องตายเพราะเหตุไม่คาดฝัน
สือฮ่าวเดินหน้าพร้อมกับแบกแรงกดดัน โจมตีขนนกและเกล็ดเหล่านี้ นอกจากนี้ภูเขาก็ถล่ม ก้อนหินกลิ้งลงมากระแทกเขา
ของเหล่านี้ล้วนมีอักขระ จัดการด้วยวิธีทั่วไปไม่ได้!
“ตูม!”
เป็นอย่างที่คิด ภายใต้การตอบโต้ของสือฮ่าว สองแขนของเขาชา ภูเขาสลักอักขระ ทนทานยากจะทำอะไรได้
เคร้ง!
สือฮ่าวชักกระบี่ออกมาในช่วงเวลาคับขัน ลำแสงสีขาวระเบิด พุ่งลงมาประหนึ่งดาราจักร
ชิ้ง!
เขากวัดแกว่งกระบี่แล้วฟันออกไปสุดแรงเกิด เพราะเขาไม่อยากเสียเวลาที่นี่ หากใช้พลังจนหมดสิ้นแล้ว จะเข้าไปผจญภัยข้างในได้อย่างไร?
สือฮ่าวรู้ดีว่า สถานที่ทดสอบขั้นสุดยอดต้องอันตรายมากกว่าแน่นอน!
“เคร้ง!”
มีขนนกถูกฟันจนขาด ปล่อยประกายไฟเจิดจ้า และมีเกล็ดบางส่วนที่ถูกโจมตีจนแตกละเอียด สาดแสงแยงตา
ขณะเดียวกัน ข้างโลงโบราณบนภูเขามีภูตผีร่ำไห้ น่าสังเวชใจ ชวนให้ขนหัวลุก
ผู้คนด้านหลังหน้าถอดสี ของบนภูเขาคงไม่ลงมาหรอกใช่ไหม?
ในความคิดของผู้คน สือฮ่าวใจกล้าอย่างแท้จริง เมื่อมาถึงขั้นนี้ ยังคงเดินหน้าต่อ ไม่ยอมหยุดยั้ง มีผีเซียนบนภูเขากำลังจับจ้องเขาอยู่นะ
ตึง!
ในตอนนี้นี่เอง ก็มีมนุษย์หัวอินทรีโผล่มากลางอากาศ มันร่างเป็นมนุษย์ หัวเป็นอินทรี และมีปีกอินทรีสีแดงคู่หนึ่ง มือถือหอกสีเลือดกำลังพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว
หอกด้ามนั้นหัก แต่กลับน่ากลัวอย่างมาก แฝงด้วยพลังเซียน ปล่อยอานุภาพสูงส่งออกมา!
สีหน้าของสือฮ่าวเปลี่ยนไปทันที นี่เป็นการทดสอบหรือ?
ศาสตราวุธที่อีกฝ่ายถือนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง ซ้ำตัวเองก็ยิ่งใหญ่ มีความเป็นได้สูงว่าอาจเป็นศาสตราวุธวิถีเซียน!
นี่เป็นสถานที่อันตราย เอาชีวิตไม่รอดเป็นแน่ ตอนนี้เขาเริ่มเชื่อขึ้นมาแล้วว่า เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นที่นี่ ไม่ใช่สถานที่ทดสอบอีกต่อไป!
ชิ้ง!
สุดท้าย สิ่งที่สือฮ่าวทำมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ โยนกระบี่เซียนต้าหลัวขึ้นฟ้าสูงอย่างแรง
ตูม!
คิดไม่ถึงเลยว่า หลังกระบี่เซียนต้าหลัวพุ่งขึ้นฟ้าแล้ว มันก็สาดแสงสว่างเป็นระลอกๆ ประหนึ่งเซียนเหาะเหิน จากนั้นก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่
“อ๊าก…”
มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น หยดเลือดฉุนจมูกโปรยปรายลงมาจากอากาศ มนุษย์หัวอินทรีหนีกลับหน้าผา
ส่วนกระบี่เซียนต้าหลัวตกลงมาในมือของสือฮ่าว
“เกิดอะไรขึ้น?” สือฮ่าวฉงนสนเท่ห์ เมื่อครู่กระบี่เล่มนี้ส่องแสงเจิดจ้า ทำให้เขาเห็นไม่ชัดเจน
หลังการโจมตีนี้ เขาก็ยิ่งปักใจเชื่อว่า กระบี่ที่ร่ำลือกันว่าถูกขุดออกจากเหมืองใต้พิภพมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่!
ครั้งนี้ ถนนหนทางสงบลงแล้ว
ขณะที่สือฮ่าวย่างเท้าอีกครั้ง ก็ไร้สิ่งกีดขวางและไม่มีอันตราย
จากนั้น เขาก็หายลับไปจากสายตาของผู้คน มุ่งหน้าสู่สถานที่ทดสอบที่อยู่ลึกเข้าไป
“ฮวงเข้าไปแล้ว!”
“เขาจะทำสำเร็จไหม จะรอดกลับมาหรือไม่?!”
ที่นี่ดังเจี๊ยวจ๊าว กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนาน มีคนเข้าสู่สถานที่ทดสอบขั้นสุดยอดอีกครั้ง ทำสำเร็จในครั้งแรกแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะรอดกลับมาหรือไม่
ไม่มีใครจากไป ทุกคนต่างก็เฝ้ารอ อยากรู้ผลลัพธ์
ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ชื่อของสือฮ่าวต้องเป็นที่จดจำในป่าหินทะเลเหนือ ไม่มีทางลืมเลือนแน่นอน
สือฮ่าวเข้ามาแล้ว มาถึงสถานที่ทดสอบขั้นสุดยอดแล้ว!
เมื่อทอดมองออกไป เขาก็ต้องตะลึงงัน แน่นิ่งไปอยู่นานกว่าจะขยับตัว
เพราะสิ่งที่เห็นมันน่าตกใจเหลือเกิน!
นี่เป็นสถานที่รกร้าง กว้างใหญ่ไพศาล มองไปไม่เห็นปลายทาง มีหมอกสีดำห้อมล้อม เพิ่มบรรยากาศลึกลับและน่ากลัว
บนพื้นเต็มไปด้วยศพจำนวนมากมาย ไม่มีทางนับได้เลย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เหมือนว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เพิ่งจะตายไป นอนจมกองเลือด เลือดยังคงไหลอยู่ คล้ายว่ายังร่างกายยังอุ่นอยู่
ผืนดินแดงฉาน เลือดไหลเป็นสายธาร!
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ต่างก็มีรูปร่างใหญ่โตมหึมา นอนเรียงรายอยู่ตรงนั้น
หลายคนถืออาวุธ แต่ส่วนใหญ่หักแล้ว
นี่เป็นสนามรบ เป็นสมรภูมิรบอันกว้างใหญ่!
บ้างมีรูปร่างคล้ายปักษาเทพเจ้า มหึมาปานขุนเขา เนื้อตัวเป็นสีคราม มีศรด้ามใหญ่ปักอยู่กลางหน้าผาก นอนแอ้งแม้งอยู่ตรงนั้น
มีวานรยักษ์สีทองสูงหมื่นจั้ง มีหางเป็นจระเข้ หัวถูกทุบตีจนแตกละเอียด มันสมองแตกกระจาย ดวงจิตดับสูญ สภาพศพน่ากลัวยิ่งนัก
และมีสิ่งมีชีวิตที่รูปร่างคล้ายมังกร แต่มันมีแปดเศียร ร่างใหญ่โตมโหฬารพันรอบภูเขา ปรากฏว่าร่างขาดสะบั้นเป็นสิบกว่าท่อน มันถูกกระบี่คมฟัน กระบี่เล่มนั้นก็หักเช่นกัน ปักอยู่บนภูเขานั่นเอง
…
ที่นี่ดูโหดร้ายทารุณเหลือเกิน มันเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง นอนจมกองเลือด ถูกอาวุธทิ่มแทง ตายอย่างอนาถสิ้นดี
และสิ่งที่ทำให้สือฮ่าวหวาดผวาที่สุดคือ เหมือนว่าสงครามนี้เพิ่งสิ้นสุด เพราะเลือดที่ไหลออกจากร่างของผู้กล้าเหล่านั้นมีคลื่นความร้อน มันยังอุ่นอยู่!
มันน่าตกใจเหลือเกิน ทำไมเป็นแบบนี้?
จากสัญชาตญาณ สือฮ่าวรู้ได้ว่า สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ล้วนยิ่งใหญ่ผิดมนุษย์มนา ในความคิดของเขา นี่เป็นกลุ่มผู้กล้าที่แข็งแกร่งยิ่ง!
ทำไมถึงมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย? ศึกเพิ่งสิ้นสุดลงหรือ? คนที่รอดชีวิตเพิ่งไปจากที่นี่หรือ?
สือฮ่าวยืนย่ำแอ่งเลือด ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างระมัดระวัง เขาจะเข้าไปข้างใน เพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
………………………………………………………………
บทที่ 1299 สงครามวันสิ้นโลก
โดย
Ink Stone_Fantasy
ศพเกลื่อนกลาด เลือดย้อมแผ่นดินจนแดงฉาน ภาพของสนามรบแห่งนี้น่าพรั่นพรึงเหลือเกิน ผู้ตายเป็นใครกันบ้าง?
พวกเขามาจากที่ไหน มองอย่างไรก็เหมือนสงครามที่เพิ่งสิ้นสุด แต่ไยคนนอกไม่รู้ หรือที่นี่จะเชื่อมต่อกับดินแดนมหัศจรรย์บางแห่ง?
สือฮ่าวกับมดน้อยปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมาทันที ต่างก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อ ขณะเดียวกันเนื้อตัวก็เย็นวาบ ที่นี่อันตรายเกินไป
ในความคิดพวกเขา ศพมหึมาเหล่านั้น ล้วนเป็นผู้กล้าขั้นสูงสุด ไม่ว่าตนใดหากปรากฏกายข้างนอก อาจทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ เป็นที่ฮือฮา
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มาจากหลายเผ่าพันธุ์ แถมยังแตกต่างจากเผ่าพันธุ์ที่เคยเห็นในยุคนี้ แต่ก็มีลักษณะคล้ายคลึงอยู่บ้าง
“มันเรื่องอะไรกัน หากเลือดพวกนี้ไม่แผ่คลื่นความร้อน ข้าคิดว่ามาถึงช่วงปลายยุคเซียนโบราณ ได้เห็นภาพของสงครามวันสิ้นโลกเสียอีก” มดน้อยบ่นอุบ
สือฮ่าวพยักหน้า เห็นด้วยอย่างยิ่ง
เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่า มีอิทธิพลใดในยุคนี้ที่มีมือดีมากมายปานนี้ และคงมีแค่สงครามวันสิ้นโลกที่มีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมากแบบนี้กระมัง
เพียงแต่ว่า พวกเขาสองคนมาโผล่ในที่แบบนี้ได้อย่างไร?
มันไร้ข้ออธิบาย!
“มีอะไรทะแม่งๆ เลือดลมของผู้กล้ามากมายแบบนี้รวมตัวกัน มันสามารถฉีกจักรวาลให้แตกสลายได้ แต่ที่นี่กลับสงบยิ่งนัก” สือฮ่าวพูด
ในความคิดของเขา สิ่งมีชีวิตมหึมาเหล่านี้น่ากลัวอย่างยิ่ง ส่วนใหญ่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร แต่ตอนนี้กลับนอนระเนระนาด และเลือดลมที่ปล่อยออกมาก็ไม่ได้รุนแรงปานนั้น
“ลองเข้าไปดูใกล้ๆ กันเถอะ” มดน้อยพูด
พวกเขายืนอยู่กลางสมรภูมิรบกว้างใหญ่อยู่แล้ว ใต้ฝ่าเท้าเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
สือฮ่าวย่อตัวนั่งลง ปาดเลือดจากแอ่งเลือดเล็กๆ อย่างระมัดระวัง เพื่อตรวจสอบและสัมผัสอย่างละเอียด พลันก็ตกตะลึง
พลังปราณของเลือดหายไปแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีแม้แต่พลังปราณพิฆาตที่ควรอยู่ในเลือด สิ่งที่ลึกลับและซับซ้อนที่สุดหายไปนานแล้ว
เกิดอะไรขึ้น?
ทั้งที่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ยิ่งใหญ่ผิดมนุษย์ ทำไมเลือดของพวกเขาถึงเป็นเช่นนี้ ไม่มีพลังปราณ ขาดกลิ่นอายจิตสังหารอันเยือกเย็น
ต่อมา สือฮ่าวก็ปีนขึ้นบนตัววานรสีทอง มันมีขนาดใหญ่เท่าขุนเขา กะโหลกถูกกระแทกจนแตกละเอียด นำเลือดออกจากตัวมัน ปรากฏว่า มันไร้พลังปราณเช่นกัน!
จากนั้นสือฮ่าวก็เลือกสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งสองสามตัว ค่อยๆ ตรวจสอบทีละตัว ปรากฏว่าไม่มีพลังปราณเลยสักนิด
แม้เลือดพวกนั้นจะเปล่งแสง แต่แปดเปื้อนนานแล้ว ไม่มีพลังปราณของผู้กล้าหลงเหลืออยู่ ไม่สอดคล้องกับฐานะของพวกเขา
มันเรื่องอะไรกัน?
สือฮ่าวกับมดเขาสวรรค์ไม่เข้าใจเอาเสียเลย จากนั้นพวกเขาก็มองหน้ากับแวบหนึ่ง ตัดสินใจจะเดินหน้าต่อเพื่อดูให้แน่ชัด
ไม่พูดไม่ได้ว่า สนามรบแห่งนี้ใหญ่เหลือเกิน กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา วิ่งตะลุยไปข้างหน้าไม่หยุดก็ยากจะเจอปลายทาง และบนพื้นก็เต็มไปด้วยผู้กล้านานาเผ่าพันธุ์ ตายระเกะระกะอยู่ที่นี่
“ไม่อยากจะเชื่อเลย ข้าคิดว่า เว้นแต่ว่าจะเป็นสงครามวันสิ้นโลก มิเช่นนั้นจะมีมือดีมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร?”
ศพเกลื่อนกลาด เลือดเจิ่งนอง ไม่ได้พูดเกินจริงเลย แต่พวกเขาเห็นมันจริงๆ
มันช่างอนาถจริงๆ ศพเหล่านั้นล้วนใหญ่ดุจขุนเขา ถึงขั้นเทียบเท่าดวงดาว ขนาดเล็กสุดก็ยาวไม่กี่เซี๊ยะ ต่างก็เป็นเผ่าพันธุ์ยิ่งใหญ่ที่หายาก
ระหว่างทางมีหุบเขาและแอ่งกระทะบางส่วน ล้วนเต็มไปด้วยเลือดของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เหล่านั้น กลายเป็นทะเลสาบสีเลือดเสียแล้ว
พวกเขาไม่เคยพบเจอภาพแบบนี้มาก่อน เอ่ยถึงแค่ในตำราโบราณเท่านั้น
“ในช่วงปลายยุคเซียนโบราณ สงครามสุดท้ายก็เป็นเช่นนี้ สู้ศึกกันจนโลกทั้งใบเงียบวังเวง สิ่งมีชีวิตตายในสมรภูมิรบแทบจะทั้งหมด” มดน้อยพูด
มันยิ่งรู้สึกว่า นี่เป็นภาพที่มีเฉพาะในวันสิ้นโลกเท่านั้น
พวกเขากลายเป็นลำแสงสองเส้น พุ่งตัวออกไปยังสุดขอบโลก เพื่อดูให้แน่ชัด อยากรู้ว่าสนามรบแห่งนี้กว้างขวางปานใด ใช้มันมาวินิจฉัยมาว่าสิ่งมีชีวิตตายไปเท่าใดกันแน่
“หือ?”
จู่ๆ สือฮ่าวกับมดเขาสวรรค์ก็สะดุ้ง เมื่อรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ราวกับวันสิ้นโลกมาเยือน วิญญาณกำลังสั่นสะท้าน แทบจะแหลกสลายแล้ว
นี่มันอะไรกัน?
ความรู้สึกแบบนี้น่ากลัวเหลือเกิน พวกเขาไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะเหตุใด แถมยังกะทันหันแบบนี้ เสมือนมีวิกฤตครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“อยู่ข้างหน้า!” หลังสือฮ่าวหลับตาครุ่นคิดแล้ว ก็ได้ข้อสรุปแบบนี้
ทั้งสองเดินหน้า ตะลุยไปอย่างรวดเร็วกว่าแปดพันลี้ ข้ามเขตสนามรบอันกว้างใหญ่ ในที่สุดก็รู้แล้วว่าทำไมเป็นแบบนี้!
เพราะนอกรัศมีสามพันลี้ มีควันลอยขึ้นฟ้า!
นั่นอะไรน่ะ?
ควันกลุ่มใหญ่กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเป็นสีแดงสด พุ่งทะลุชั้นฟ้า หายลับไปในจักรวาล
น่ากลัวเหลือเกิน คลื่นแบบนั้นทำให้คนแทบหยุดหายใจแม้จะอยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ แทบจะศิโรราบ ถึงขั้นว่ากราบกราน!
สือฮ่าวตกตะลึง ในใจเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพที่ตระการตาเช่นนี้ เป็นภาพที่พบเจอได้ยาก
“มันคืออะไร?” มดน้อยตัวสั่นระริก มันอดทนต่อความสะพรึงกลัว เพ่งมองออกไปนอกสามพันลี้
มันไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ห่างไกลปานนี้ยังทำให้สั่นสะท้านไปถึงทรวงในได้
“หรือว่า นั่นจะเป็น…พลังปราณ!” มดน้อยพูดเสียงสั่นเครือ อึดอัดใจยิ่งนัก
“ไม่ผิดแน่ มันเป็นพลังปราณจำนวนมหาศาล!” สือฮ่าวพยักหน้า
แม้ภาพตรงนั้นจะน่ากลัวสุดแสน และน่าเหลือเชื่อ แต่พวกเขาก็จำต้องยอมรับว่า นี่เป็นความจริง ไม่ใช่ภาพลวงตา!
พลังปราณเหล่านี้พุ่งทะลุชั้นเมฆ นี่มันเรื่องอะไรกัน เป็นภาพที่ตระการตาเหลือเกิน พบเจอได้ยาก!
มันบ่งบอกว่า แค่พลังปราณก็ฉีกจักรวาล สะเทือนผืนฟ้า นี่เป็นการแสดงออกของผู้กล้าที่แข็งแกร่งยิ่ง แถมยังไม่ใช่แค่ตนเดียว แต่เป็นโขยง
เพราะเมื่อทอดมองไป พลังปราณเหล่านั้นล้วนแตกต่างกัน เป็นเหมือนควันสงคราม พุ่งขึ้นฟ้าสูง สีสันและคลื่นล้วนต่างกันออกไป
สือฮ่าวตะลึงงัน บัดนี้พูดอะไรไม่ออกแล้ว
มันทำให้วิญญาณของพวกเขาสั่นระริก สาเหตุที่กระวนกระวายใจมาจากมันนี่เอง!
เดินต่อไปได้อีกไหม?
สือฮ่าวกับมดน้อยตัดสินใจครั้งสุดท้าย แบกรับแรงกดดันแล้วเดินหน้าต่อไป
ในที่สุดก็เห็น ห่างออกไปพันลี้ มีความรู้สึกน่ากลัวเหมือนร่างจะแหลกสลาย มันเป็นพลังปราณหลายเส้น ล้วนพุ่งออกมาจากโครงกระดูกเหล่านั้น
พวกมันน่ากลัวยิ่งนัก พุ่งออกนอกโลก พลังปราณทำให้ดวงดาวบางส่วนนอกโลกหล่นร่วงลงมา!
สือฮ่าวเบิกตากว้าง มันเป็นภาพอะไรกันแน่?
มันไม่ได้เกิดจากพลังปราณเส้นเดียวเท่านั้น แต่ที่นี่เต็มไปด้วยผู้กล้าที่ตายจากการรบ เลือดลมของพวกเขาลอยขึ้น บางส่วนผสมผสานกัน ก่อตัวเป็นลำแสงเส้นใหญ่ พุ่งทะลุออกนอกโลก ดวงดาวตกลงมา
สือฮ่าวหวาดหวั่นพรั่นพรึง หากพลังปราณเหล่านี้ไม่พุ่งออกนอกโลก คาดว่าสนามรบแห่งนี้คงระเบิดเป็นจุณ มันทั้งประหลาดและน่ากลัวเหลือเกิน
เข้าใกล้บริเวณนั้นไม่ได้!
เพราะเลือดลมเกลือกกลิ้ง ผสมปนเปกัน ก่อตัวเป็นขอบเขตไร้รูปร่างที่แข็งแกร่งที่สุด กลายเป็นเขตต้องห้ามที่แตะต้องไม่ได้
เลือดเหล่านี้ยังมีพลังปราณ พลังวิเศษไม่เคยหายไป
ในสนามรบแห่งนี้มีผู้กล้ามากเหลือคณานับ นับไม่ถ้วน ศพมากมายปานนี้รวมตัวกัน ทำให้เกิดภาพที่น่ากลัวเช่นนี้!
ที่นั่นปริแตก ผิวดินแตกระแหง แผ่นดินสั่นสะเทือน ต่อให้ผู้กล้าตายไป แต่ยังคงสะเทือนขวัญเช่นเดิม!
“เราเดินหน้าต่อไม่ได้แล้ว เลือดลมของศพเหล่านี้ยังคงอยู่ ไม่มีใครบุกเข้าไปได้” มดน้อยพูด
ฝีมือใครกันแน่? นี่เป็นคำถามที่สือฮ่าวอยากรู้ที่สุด และคนที่ตายไปเหล่านี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่
“วิ๊ด…”
จู่ๆ ก็มีเสียงประหลาดปานภูตผีหวีดหวิว แว่วมาแต่ไกล สะเทือนพื้นที่ในรัศมีหลายแสนลี้ ทำให้สือฮ่าวกับมดน้อยตัวแข็งโดยพลัน ขยับเขยื้อนไม่ได้
ตอนนี้ พวกเขาตัวชา เสียวสันหลังวาบขึ้นมา เคลื่อนไหวไม่ได้แล้ว แม้แต่นิ้วมือก็แข็งเสียแล้ว
นั่นมันอะไรกัน?
เสียงประหลาดที่แว่วอยู่ไกลๆ ไม่ดังมากนัก และไม่แหลมปานนั้น แต่มันช่างสะเทือนใจ ชวนขนหัวลุกยิ่งนัก
หากเป็นคนทั่วไปคงขาอ่อนล้มลงกับพื้น ยืนไม่ไหวแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ดวงจิตจะปริแตกเพราะความหวาดกลัว นี่เป็นแรงกดดันอันไร้รูปร่าง
มีพายุหมุนสีดำก่อตัวตรงเส้นขอบฟ้า ขนาดของมันใหญ่โตอย่างยิ่ง ซ้ำยังทำให้เกิดภาพอันน่าสะพรึงกลัว
ทุกที่ที่พายุหมุนสีดำพัดผ่าน พลังปราณทั้งหมดจะถูกเขมือบ เลือดลมประหนึ่งกลุ่มควันไม่พุ่งออกนอกโลกอีก เพราะถูกพายุหมุนรบกวนเสียแล้ว!
มันน่าตะลึงเหลือเกิน ต้องรู้ว่า เลือดลมเหล่านั้นทำให้ดวงดาวนอกโลกหล่นร่วงลงมา แต่กลับถูกพายุหมุนแทรกแซงและรบกวน
ผ่านไปไม่นาน พายุหมุนสีดำก็หยุดลง มีของบางอย่างโผล่มาตรงนั้น มันดำสนิทดุจถ่าน ประหนึ่งหุบเหว
มันเป็นกาน้ำ ขนาดไม่ใหญ่มากนัก ยาวแค่ครึ่งเซี๊ยะ ลอยอยู่กลางอากาศ ประหนึ่งดวงอาทิตย์สีดำหม่นแสง ชวนให้จิตใจระส่ำระสาย
“นั่นอะไรน่ะ?” สือฮ่าวสงสัย
เขายังคงขยับตัวไม่ได้ ถูกพันธนาการนอกสนามรบ วัตถุสีดำชิ้นนั้นไม่ธรรมดาเอาเสียเลย ราวกับทำลายโลกใบนี้ได้
“สวรรค์ ของในตำนานชิ้นนี้มีอยู่จริงหรือ?” มดน้อยร้องเสียงหลง
“เจ้ารู้จักมันหรือ?” สือฮ่าวแปลกใจ
“ข้าไม่ค่อยแน่ใจ มันเหมือนของในตำนานมาก ไหนว่าไม่มีจริง แต่ท่าทางยังกระจายอานุภาพน่ากลัว นี่มันชัดๆ!”
“มันคืออะไรกันแน่?” สือฮ่าวเร่งเร้า
มดน้อยหน้าถอดสี กลืนน้ำลายแล้วมองกองศพบนพื้น จากนั้นก็มองกาสีดำใบนั้นฝืนใจพูดว่า “กาหลอมเซียน”
………………………………………
บทที่ 1300 กาหลอมเซียน
โดย
Ink Stone_Fantasy
กาหลอมเซียน มันคืออะไร?
เมื่อสือฮ่าวได้ยินชื่อนี้ก็รู้ว่าไม่ธรรมดา จะหลอมเซียนทั่วทั้งโลกหรือ?
กาสีดำยาวไม่เกินครึ่งเซี๊ยะ ลอยอยู่บนฟ้าสูง เป็นเพราะการปรากฏตัวของมัน ขัดขวางเลือดลม ทำให้มันพุ่งขึ้นฟ้าเหมือนกลุ่มควันไม่ได้อีก
“กาหลอมเซียน เป็นของอีกฟากของแดน แต่ว่ากันว่าในสงครามยุคเซียนโบราณ มันไม่เคยโผล่มาเลย มีแค่ผู้อาวุโสที่รู้ คิดว่าอาจมีของสิ่งนี้อยู่” มดน้อยพูด
“อะไรนะ?” สือฮ่าวตกใจ มันมีอายุเก่าแก่ปานใดกัน ถือว่าเป็นสิ่งของในตำนานตั้งแต่ยุคเซียนโบราณ คนยุคนั้นไม่เคยพบเจอแต่อย่างใด
แต่ตอนนี้มันปรากฏให้เห็นแล้ว จะทำอะไรกันแน่?
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ มันเป็นของต่างแดน มาจากอีกฝั่งของชายแดน หรือสนามรบแห่งนี้จะเชื่อมต่อกับดินแดนนั้น?!
สือฮ่าวเสียวสันหลังวาบ จากนั้นก็พึมพำว่า “อย่าบอกนะว่า ที่นี่เป็นชายแดน!”
หากพูดเช่นนั้นล่ะก็ ที่นี่จะเป็นสมรภูมิรบของบรรพชนตระกูลสือ เป็นชายแดนที่พวกเขาปกป้อง
“ฟิ้ว…”
กาสีดำสั่นไหว ปล่อยเสียงดังหวีดหวิว ประหนึ่งวิญญาณร่ำไห้ ชวนให้รู้สึกอึดอัดยิ่งนัก สภาพอารมณ์ถูกรบกวนอย่างรุนแรง
เรื่องที่น่ากลัวเกิดขึ้น กาหลอมเซียนโคลงเคลง มันเริ่มเขมือบเลือดลมทั้งหมดในสนามรบ ลำแสงสีแดงเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งไปหามัน
เมื่อครู่ พลังปราณเหล่านั้นยังพุ่งขึ้นฟ้าราวกับเป็นกลุ่มควัน แต่ตอนนี้กลับถูกเขมือบ หายเข้าไปในกาหลอมเซียนทั้งหมด แถมยังรวดเร็วยิ่งนัก
ต้องรู้ว่า หากเลือดลมเหล่านี้รวมตัวกัน สามารถฟันดวงดาวจำนวนมากหล่นร่วงลงมาได้ แต่ตอนนี้กลับถูกเขมือบอย่างง่ายดาย ถูกกาหลอมเซียนช่วงชิงเอาไป
สือฮ่าวรู้สึกหนาวเหน็บ ครั้งนี้เขาเข้าใจแล้วว่า ทำไมถึงเห็นศพจำนวนมากระหว่างทาง แม้จะมีคราบเลือด แต่กลับไร้พลังปราณ
เพราะถูกกาหลอมเซียนกลืนกิน ดูดเอาส่วนสำคัญในเลือดไปจนหมดแล้ว!
สนามรบกว้างใหญ่ไพศาล มีศพมากเหลือคณานับ พลังปราณหายไปจนสิ้น ล้วนเป็นการกระทำของกาใบนี้ มันช่างน่าตะลึงยิ่งนัก!
มันเป็นอาวุธสังหาร และเกรงว่าจะเป็นหนึ่งในอาวุธสังหารที่น่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์!
“ว่ากันว่า กาหลอมเซียนเป็นของที่ครอบครองโดยอาจารย์ซึ่งเป็นบุคคลสูงส่งของอีกแดน แต่ยุคก่อนไม่เคยโผล่มาให้เห็นเลย”
คำพูดของมดน้อยเริ่มสั่นเครือขึ้นมาแล้ว ไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลย
เพราะตามข้อมูลที่มันรู้ อาจารย์สูงส่งท่านนั้นตายตั้งแต่ต้นยุคเซียนโบราณแล้ว มีอายุเก่าแก่เหลือเกิน ตายในท่านั่งสมาธิตอนบำเพ็ญเพียรในภายหลัง
สิ่งที่หายไปพร้อมกับเขามีกาใบนี้ แต่ทำไมมันถึงโผล่มาตอนนี้ได้?
“ไม่สิ ข้าคิดว่าไม่ชอบมาพากล ผิดปกติยิ่งนัก นี่เป็นยุคปัจจุบันหรือ? ข้าไม่เชื่อว่าจะมีศพมากมายขนาดนี้ ข้าสงสัยว่า เรามาถึงช่วงปลายยุคเซียนโบราณใช่ไหม?” มดเขาสวรรค์ส่ายหัวเป็นพัลวัน
สือฮ่าวก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน หรือหลังก้าวเข้ามาในสถานที่ทดสอบขั้นสุดยอด จะข้ามผ่านเส้นทางทะลุมิติ มาถึงดินแดนแห่งหายนะหลังยุคเซียนโบราณล่มสลาย?
มันเหมือนเหลือเกิน หากมิเช่นนั้น จะเต็มไปด้วยศพมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร ซ้ำยังยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้!
บางทีอาจมีสงครามวันสิ้นโลกในยุคนั้น ที่ทำให้เกิดหายนะเช่นนี้ได้
กาหลอมเซียนลอยอยู่ตรงนั้น เขมือบเลือดลมอย่างบ้าคลั่ง แสงสีแดงพุ่งขึ้น หายลับไปข้างใน ไม่มีใครรู้ว่าได้พลังชีวิตไปจำนวนมหาศาลมากแค่ไหน!
สือฮ่าวพรั่นพรึง มดน้อยก็ตะลึงงันเช่นกัน กาหลอมเซียนใบนี้เป็นสิ่งที่เตรียมไว้เพื่อนสังหารเซียนโดยเฉพาะหรือ?
ชื่อของมันน่าตะลึง การกระทำของมันชวนให้อกสั่นขวัญแขวน!
“กาหลอมเซียนใบนี้ไม่ได้ต้องการเลือดพวกนี้เองแน่ มันเป็นแค่ของใช้ ใช้มันเก็บเลือดลมพวกนี้ก็เท่านั้น!” สือฮ่าวพูด
“น่ากลัวเหลือเกิน นี่เป็นภาพที่ต่างแดนเก็บกวาดสนามรบครั้งสุดท้าย หลังต่างแดนเอาชนะเซียนโบราณหรือ?” เสียงของมดน้อยขมขื่น ฉากนี้น่ากลัวเหลือเกิน
ขณะเดียวกัน มันก็รู้สึกเศร้าสลด สิ่งมีชีวิตเท่าใดฝังร่างที่นี่ เปลี่ยนแปลงตอนจบไม่ได้ ยังคงเป็นจุดจบที่ถูกต่างแดนทำลายล้าง ฝังกลบเซียนโบราณทั้งผืน
พลังปราณมหาศาลปานนั้น มือดีมากเหลือคณานับ ล้วนเป็นนักพรตที่ยิ่งใหญ่ ต้องมาจบชีวิตที่นี่ สุดท้ายแม้แต่เลือดลมก็ถูกช่วงชิงเอาไป
ชิ้ง!
สุดท้าย กาหลอมเซียนสีดำก็พุ่งทะลุมิติ หายลับไปเสียแล้ว สือฮ่าวกับมดน้อยกลับสู่สภาพเดิม ไม่รู้สึกเหมือนร่างจะแหลกสลายอีกต่อไป
พวกเขายืดเส้นยืดสาย ให้เลือดลมได้ไหลเวียน หายใจด้วยความโล่งอก ยามทอดมองสนามรบแห่งนี้อีกครั้ง ดวงตาก็มีแต่ความเศร้าสลด
เป็นอย่างที่คิด เมื่อพวกเขาเดินออกไป ก็ไม่ได้รับผลกระทบอีก เลือดลมของศพเหล่านั้นถูกดูดซึมเอาไปหมดแล้ว ไม่มีผลกระทบใดต่อสนามรบแห่งนี้อีกต่อไป
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงดวงดาวที่หล่นร่วงลงมา ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ
ศพเหล่านี้เป็นเหมือนศพที่เห็นก่อนหน้านี้ สูญเสียพลังวิเศษไปแล้ว ต่างก็กลับสู่สามัญแล้ว
“พวกเราเห็นภาพเหล่านี้ได้อย่างไร ไม่มีทางย้อนเวลากลับช่วงปลายยุคเซียนโบราณได้แน่” มดน้อยไม่เข้าใจ มันเสียใจ เมื่อนึกถึงญาติสนิทของมัน ต่างก็ตายในหายนะครั้งนี้
สือฮ่าวครุ่นคิดแล้วพูดว่า “หากอยากได้คัมภีร์อมตะ ต้องผ่านบททดสอบเหนือความคาดหมายแน่นอน บางทีพวกเราอาจอยู่ในเหตุการณ์ก็เป็นได้”
สนามรบเงียบสงบ พวกเขาเดินหน้าต่อไป เพื่อให้ถึงจุดหมาย ดูให้ชัดว่ามันมีอะไรกันแน่
หลังเหาะออกไปหลายหมื่นลี้แล้ว ก็มีแสงสีทองสาดมาจากข้างหน้ารางๆ ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก เสมือนเป็นแดนสุขาวดีที่สุขสงบที่สุด
แต่ขณะเดียวกันก็มีคลื่นกระจายมา อสูรน่ากลัวตัวหนึ่งปรากฏตัว ดุร้ายยิ่งนัก อัปลักษณ์และน่าพรั่นพรึง มันแผ่กลิ่นอายยิ่งใหญ่ นัยน์ตาเย็นเยือก
นี่มันตัวอะไร?
มันสูงนับร้อยจั้ง หากเทียบกับโครงกระดูกในสนามรบ ไม่ถือว่ามีขนาดใหญ่ แต่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก รูปร่างคล้ายสิงโต แต่เนื้อตัวเป็นสีแดงฉาน ขนยาวเป็นอย่างมาก
และสองข้างลำตัวของมัน มีปีกสีแดงคู่หนึ่ง คล้ายปีกพญาหงส์
“สิงห์เลือดหงส์!” มดน้อยอุทานอย่างตกใจ แม้มันจะไม่ได้กำเนิดในเซียนโบราณ แต่ทหารเก่าเหล่านั้นกลับสอนอะไรมันเยอะแยะมากมาย
“ร้ายกาจมากหรือ?” สือฮ่าวถาม
“ร้ายกาจมาก ไม่ด้อยกว่าราชันมิติแน่ เป็นอสูรน่ากลัวในขั้นเดียวกัน!” มดน้อยตอบ
สือฮ่าวตกใจ ตอนนั้นเขาเคยต่อสู้กับราชันมิติในสนามรบเซียน ไม่ด้อยไปกว่าผู้สูงส่งที่มีพลังเซียนสามเส้นเลย น่ากลัวอย่างสิ้นเชิง
ไม่คิดเลยว่า เขาจะได้เจอกับอสูรต่างแดนอีกชนิด
จากคำพูดของมดน้อย สิงห์เลือดหงส์เป็นทายาทที่มีสายเลือดระหว่างหงส์สีเลือดกับราชสีห์ไร้ความกลัว มีพละกำลังมหาศาล อิทธิฤทธิ์แก่กล้า
อสูรชนิดนี้หายากยิ่งนัก แต่ล้วนยิ่งใหญ่สุดแสน!
“สิงห์เลือดหงส์ที่ยังมีชีวิตอยู่ มันมาอยู่นี่ได้อย่างไร?!” สือฮ่าวจดจ้องมัน
“มีปลาหลุดรอดมาได้ด้วยหรือ ท่าทางต้องทำความสะอาดสนามรบเสียแล้ว เจ้ามนุษย์หน้าโง่เห็นข้าแล้ว ยังไม่รีบเข้ามาศิโรราบอีกหรือ?” สิงห์เลือดหงส์เอ่ยปาก
ร่างสูงร้อยจั้งแดงดุจเลือด นัยน์ตาฉายประกายเย็นเยียบ มันก้มหน้าจ้องสือฮ่าวเขม็ง แฝงความอำมหิตและจิตสังหาร
“ที่นี่ที่ไหน ต่างแดนหรือ ยุคเซียนโบราณหรือ?” สือฮ่าวโพล่งถามทันที
“ข้ากำลังพูดกับพวกเจ้า ผู้แพ้มีสิทธิ์อะไรมาถามข้า จะยอมจำนนหรือตาย?!” สิงห์เลือดหงส์ถามเสียงเหี้ยม
แน่นอนว่า พวกเขาสนทนาผ่านกระแสจิต เพราะสื่อสารกันด้วยภาษาไม่ได้
“โอ้ มีมดตัวน้อยด้วยหรือ ข้าขอคิดดูหน่อย เจ้ามาจากเผ่าพันธุ์ไหนนะ เหมือนจะเป็นมดเขาสวรรค์ มีชื่อยิ่งนัก ข้านึกออกแล้ว ข้าเคยกินไปตัวหนึ่ง เลือดหอมหวานยิ่งนัก แต่ขนาดของมันใหญ่กว่าเจ้าเยอะโข หลังเขมือบแล้วมันยาบำรุงชัดๆ ทำให้พลังของข้าเพิ่มพูน” สิงห์เลือดหงส์พูดอย่างไม่สะทกสะท้าน
ความอวดดีของมัน และการเย้ยหยันแบบนี้ ทำให้แววตาของสือฮ่าวเย็นเยียบ มดน้อยตาแดงก่ำ แผดร้องออกมาอย่างทนไม่ได้
“เจ้าเคยกินมดเขาสวรรค์งั้นหรือ?!” มันแทบจะปล่อยโฮ เพราะมันยังมีพี่ชายและพี่สาวที่ล้วนตายในสมรภูมิรบ ไม่เจอแม้แต่ศพ
“ใช่แล้ว คล้ายเจ้าเหลือเกิน คงไม่ใช่ญาติของเจ้าหรอกนะ” สิงห์เลือดหงส์พูดเหน็บแนมอย่างเลือดเย็น
“อยากตายหรือไง!” สือฮ่าวตวาด ประสานอินจะลงมือแล้ว
“ไม่ได้ ข้าเอง ข้าเอง ข้าจะฆ่ามันด้วยตัวข้าเอง สัตว์เลือดผสมแบบนี้มีสิทธิ์อะไรมาฆ่าพี่น้องข้า ข้าจะปลิดชีพมัน!” มดน้อยตาแดงก่ำ ขาดสติแล้ว
ตูม!
ต่อมา กำปั้นของมันก็เปล่งแสง พุ่งออกไปหาอสูรน่ากลัวตัวนั้น
ขณะเดียวกัน ภูเขาใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปก็สาดแสงสีทอง มีเสียงสวดมนต์ดังขึ้น มองเห็นกระดาษหนังสัตว์สีทองกำลังพลิก ลอยอยู่เหนือภูเขาลูกนั้น
“คัมภีร์อมตะ?” สือฮ่าวพึมพำ เขาคิดว่าหากเป็นคัมภีร์ล่ะก็ เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นสิ่งที่เขาตามหา
“ตูม!”
ขณะเดียวกัน มดเขาสวรรค์ก็ประมือกับสิงห์เลือดหงส์ ปะทะกันอย่างดุเดือด ปล่อยคลื่นพลังออกมาจำนวนมาก ทำให้มิติระเบิดเป็นจุณ!
……………………………………………………………
บทที่ 1301 สิงห์เลือดหงส์
โดย
Ink Stone_Fantasy
“แมลงตัวกระจ้อยตัวหนึ่ง ยังคิดจะสำแดงเดชกับข้า กระจอก!” สิงห์เลือดหงส์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจและอำมหิต พร้อมกับยื่นอุ้งมือออกไปจะตะปบ
หากเทียบกับมดเขาสวรรค์ ขนาดของมันใหญ่เกินไป ร่างสูงร้อยจั้งประหนึ่งขุนเขา แดงฉานดุจเลือด แผงคอยาวและยุ่งเหยิง ย้อยลงมาปานธารน้ำตก
มันมีหัวขนาดใหญ่ ดวงตาดั่งจันทร์สีเลือด เขี้ยวคมประหนึ่งดาบขาวสะอาด มันอัปลักษณ์และน่ากลัว อุ้งมือตะปบลงมา พร้อมกับสายลมหวีดหวิว เกิดเสียงระเบิดอย่างรุนแรง
“เจ้าสัตว์เลือดผสม เจ้าตายเสียเถอะ บังอาจฆ่าพี่น้องของข้า ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่!” มดน้อยตะโกนลั่น น้ำตาแทบจะไหลลงมาแล้ว
ตั้งแต่มันเกิดมา ไม่เคยได้เห็นญาติสนิทเลยสักคน รู้เพียงว่าเคยมีพี่ชาย พี่สาวและน้องสาว ต่างก็ตายในสนามรบ สิ้นชีพในสงครามวันสิ้นโลก
สิงโตสีเลือดตรงหน้าอาจเป็นฆาตกร มันจะไม่พิโรธได้อย่างไร? ความแค้นสุมเต็มอก อยากแผดร้องออกมาให้รู้แล้วรู้รอด เศร้าสลดมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
ในความเป็นจริงแล้ว ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ พวกมันสู้กันด้วยญาณวิเศษหลายสิบครั้งปแล้ว ต่างก็ระเบิดปานดอกไม้ไฟ ที่นี่สว่างเจิดจ้า
“ตูม!”
อุ้งมือสีเลือดตะปบลงมา น่ากลัวยิ่งนัก ยามขนยาวสีแดงพลิ้วไหวไปตามลม มันดูน่าพรั่นพรึงมากเป็นพิเศษ กรงเล็บแหลมคมตะปบฟากฟ้าจนแหลกสลาย!
ตึง!
ตอนนี้ แสงทองระเบิด แม้มดเขาสวรรค์จะเล็กกระจ้อยร่อย แต่พลังของหมัดกลับมหาศาลจนน่าตกใจ ราวกับภูเขาไฟปะทุ ของเหลวสีทองทะลักออกมา
ประกายไฟแตกกระจาย พายุพลังกระเพื่อมดุจผิวน้ำ กระจายออกไปอย่างกว้างขวาง ผืนฟ้าแหลกสลายอย่างสิ้นเชิงแล้ว
สิ่งมีชีวิตทั้งสองสั่นสะเทือนอย่างแรง ต่างก็ถอยกันไปคนละทาง
มดน้อยเคียดแค้น มันใช้พลังไปเกินร้อย แต่ก็สังหารอีกฝ่ายไม่ได้ ทำอะไรราชสีห์ขนาดมหึมาตัวนี้ไม่ได้
มันรู้ว่า ตัวเองยังไม่เจริญวัย หลายอย่างสำแดงไม่ได้ พลังกำราบอีกฝ่ายไม่ได้โดยสิ้นเชิง
แต่สิงห์เลือดหงส์ไม่คิดเช่นนี้ ในสายตาของมัน เจ้านี่มีขนาดไม่ต่างจากเมล็ดถั่ว หากไม่ตั้งใจมองอาจมองข้ามไปได้ แต่ตอนนี้กลับประมือกับมันได้
หากมดเขาสวรรค์ตัวนี้เติบโตขึ้นมา มันจะธรรมดาหรือ คงจะกำราบมันได้รอบด้านเป็นแน่ สิงห์เลือดหงส์ตกใจ จะเก็บตัวปัญหานี่ไว้ไม่ได้ จำต้องสังหารให้สิ้นซาก
“เจ้าจิ๋ว เจ้าตัวแค่นี้ยังกล้าประมือกับข้าหรือ? ตอนนั้นพี่ชายของเจ้าแข็งแกร่งกว่าเจ้ามากโข แต่ก็ต้องตายในสนามรบ ไม่เหลือแม้แต่ศพ ถูกข้าเขมือบจนสิ้นซาก อร่อยจริงๆ เลือดสุดยอดพลังของพวกเจ้านี่มันยาบำรุงชั้นยอดชัดๆ!”
สิงห์เลือดหงส์พูดอย่างหน้าระรื่นและเลือดเย็น นัยน์ตาแผ่รังสีอำมหิต เจือความเย้ยหยัน มันกำลังเหยียดหยามมดน้อย จะทำให้มันเสียสติ
เป็นอย่างที่คาด มดน้อยถูกยั่วยุจนตัวสั่นเทิ้ม ไม่เคยมีญาติสนิทอยู่เคียงข้าง มันปรารถนาความรักแบบนั้นยิ่งนัก แต่ตอนนี้กลับมีคนมาเหยียดหยามต่อหน้ามัน บอกว่าพี่ชายของมันจบชีวิตอย่างอนาถ เป็นได้แค่อาหาร จะไม่ให้มันเคียดแค้นชิงชังได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น มดเขาสวรรค์เป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าภาคภูมิมากปานใด ถูกยกย่องเป็นหนึ่งในสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในเซียนโบราณ มีสมญานามว่าสุดยอดพลัง อานุภาพเย้ยปฐพี!
เผ่าพันธุ์แบบนี้ จะยอมให้คนอื่นหยามเกียรติได้อย่างไร?
“เจ้าเลือดผสม เจ้ามันแค่ทายาทที่มีสายเลือดของปักษาเลือดกับสิงโตตกต่ำ ยังกล้าดูถูกข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!” มดเขาสวรรค์กระโจนออกไป
ตอนนี้ ร่างสีทองอ่อนของมันเริ่มเปื้อนเลือดขั้นแรก แปรเปลี่ยนเป็นแดงฉาน แน่นอนว่าสีแดงยังคงเจิดจ้ายิ่งกว่า
มันเป็นผลจากการที่มดเขาสวรรค์ประสบวิกฤตและบันดาลโทสะ เมื่อตกอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่ง ความสามารถของพวกมันจะเพิ่มพรวดพราด แน่นอนว่าหากเกินกว่าที่พลังจะต้านทานได้ก็อาจเกิดผลข้างเคียงตามมาเช่นกัน
“โฮก!” สิงห์เลือดหงส์คำราม นัยน์ตาแดงก่ำประหนึ่งดวงจันทร์ มันก็พิโรธแล้วเหมือนกัน แม้ภูมิหลังของมันจะมัวหมองอยู่บ้าง แต่แข็งแกร่งแน่นอนไร้ข้อกังขา
“เจ้าแมลงต่ำต้อย ตายเสียเถอะ!” สิงห์เลือดหงส์ตะโกนลั่น
ตูม!
มดเขาสวรรค์พุ่งเข้ามา พร้อมกับแสงทองเหลือบแดง กลิ่นอายน่ากลัวของมันตลบอบอวล คลุ้มคลั่งเสียแล้ว อยู่ในสภาวะขาดสติ!
ตึง!
สุดยอดพลังถูกปล่อยออกไป ฟ้าถล่มดินทลาย ภูตผีร่ำไห้ เสมือนที่นี่จะระเบิดเป็นจุณ เกิดการทำลายล้าง
มดน้อยดูตัวเล็ก แต่แค่หนึ่งหมัดก็ทำให้ผืนฟ้าทลาย สนามรบแตกระแหง ศพขนาดใหญ่บนพื้นเหล่านั้นกระเด็นออกไปทั่วทุกสารทิศ
เมื่อทอดมองออกไป ช่างเป็นภาพที่น่าตะลึงยิ่งนัก มดน้อยลุกขึ้นยืน ศพรอบกายพุ่งออกไปทุกหนแห่งประหนึ่งคลื่นซัด
ผลุบ!
สิงห์เลือดหงส์กระแอมไอ พ่นเลือดออกมา มันชะงักทันที เดิมทีมดตัวนี้มีเงื่อนไขทางอายุ พลังไม่แก่กล้าเท่ามัน แต่ทำไมตอนนี้ถึงพุ่งพรวดพราด สู้มันได้เสียแล้ว?
มันก่อกวนจิตใจของมดน้อย แต่ไม่ได้ทำให้ความสามารถของอีกฝ่ายวุ่นวาย แต่เริ่มเพิ่มขึ้น คำนวณพลาดไปแล้วจริงๆ
“เจ้าเลือดผสม ตายเสียเถอะ อย่าว่าแต่เจ้าเลย ต่อให้เป็นหงส์เลือดที่ตกต่ำไม่กล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้าพวกเราเผ่าพันธุ์มดเขาสวรรค์ แต่เจ้ากลับเหยียดหยาดข้า ตาย!” มดน้อยตะโกนลั่น
ร่างกายของมันเริ่มขยาย มีขนาดใหญ่กว่าเมื่อก่อน แสงทองโชติช่วง และมีแสงสีแดงไหลเวียน เลือดสุดยอดพลังกำลังซัดสาดและลุกไหม้
“เป็นแค่แมลงต่ำต้อย ยังกล้าดูถูกข้า หงส์เลือดกับสิงโตไร้พ่ายล้วนเป็นผู้กล้าสูงสุด ในฐานะทายาทของพวกมัน ข้ามีเลือดสูงส่งสองชนิด อาจหาญหมิ่นเกียรติข้า ตายเสียเถอะ!” สิงห์เลือดหงส์คำราม มันกำลังหดเล็กลง ร่างกายไม่ใหญ่ขนาดนั้นแล้ว สุดท้ายสูงแค่สิบจั้ง เพื่อให้ง่ายต่อการโจมตีมดเขาสวรรค์
ทั้งสองฝ่ายเกิดการเปลี่ยนแปลงตรงข้ามกัน มดเขาสวรรค์ขยายใหญ่ขึ้นสูงเท่ามนุษย์ เนื้อตัวสาดแสงสีทอง เปี่ยมด้วยพลังทำลายล้าง ขณะเดียวกัน พลังเซียนสามเส้นหมุนรอบมันอย่างบ้าระห่ำ กลายเป็นพายุหมุนที่น่ากลัว ก่อตัวเป็นม่านแสงป้องกันตัว!
ชิ้ง!
ขณะเดียวกัน มดเขาสวรรค์ช่างรวดเร็วเหลือเกิน มันลงมือสุดกำลัง สำแดงหมัดมดที่เลื่องชื่อที่สุดของเผ่าพันธุ์ อหังการยิ่งนัก
ตูม!
ฟ้าดินถล่มทลาย มดเขาสวรรค์ดูไม่สูง แต่ทุกครั้งที่ปล่อยหมัดออกไปกลับทำให้บริเวณนี้สั่นสะเทือน ต้องรู้ว่ามันเป็นสนามรบของผู้กล้า แต่ก็สั่นไหวไม่หยุด
ทางด้านมิติถล่มไปนานแล้ว ราวกับโลกาวินาศ ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยรอยแยกสีดำ ไอปฐมกาลพุ่งทะลักออกจากรอยแยกอย่างบ้าคลั่ง
สิงห์เลือดหงส์คำราม มันรู้สึกถึงภัยคุกคาม หมัดกระแทกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ชวนให้พรั่นพรึง ไม่คิดเลยว่ามันจะต้านทานไม่ได้!
ในสายตาของมัน มดตัวนี้เสียสติไปแล้ว ความสามารถเพิ่มขึ้นสูงกว่าเมื่อครู่มากโข เหนือพลังต่อสู้ที่มันพึงมี!
ผลุบ!
สิงห์เลือดหงส์โดนหมัดเข้าอย่างจังจนกระอักเลือด กรงเล็บของมันแตก ทำให้มันทั้งตกใจและโมโห
“โฮก!”
เสียงสิงโตคำรามดังขึ้น สิงห์เลือดหงส์สำแดงญาณวิเศษฟ้าประทาน คลื่นซัดมาอย่างรวดเร็วประหนึ่งทะเลคลั่ง กระจายไปทางมดเขาสวรรค์
คลื่นเสียงถูกปล่อยออกมาในรูปแบบของพลัง น่ากลัวยิ่งนัก มันแผ่กระจายเป็นวงกว้าง สะเทือนฟ้าดิน!
นี่เป็นเสียงคำรามของราชสีห์ เป็นการกำราบสรรพสัตว์ ทุกสรรพสิ่งในเก้าสวรรค์สิบพิภพยังต้องหวาดกลัว!
สิงโตคำราม ญาณวิเศษสะท้านโลกา มีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน? มันถูกบุกเบิกโดยสิงโตไร้พ่าย และตอนนี้ทายาทของมันเป็นผู้สำแดง ย่อมสะเทือนปฐพี ไม่มีสิ่งใดเทียบได้!
“อ๊าก…” มดน้อยแผดเสียง เลือดไหลออกจากมุมปาก นอกจากนี้ยังมีเลือดไหลออกจากดวงตา อนาถสิ้นดี
“สังหาร!” เพราะมดเขาสวรรค์ไม่ใช่สัตว์ทั่วไป เมื่อเผชิญหน้ากับญาณวิเศษชนิดนี้ ยังคงดุดันอย่างยิ่ง หมัดของมันน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
ฟ้าดินถล่ม ภูตผีร่ำไห้ หมัดมดไร้เทียมทาน วิชาเย้ยโลกาขนานแท้โจมตีฟากฟ้าจนแหลกสลาย
โฮก!
เสียงราชันสิงโตคำรามดังทะลุชั้นเมฆ สะเทือนก้อนเมฆจนกระจายไปทั่วสี่ทิศ มันคำราม แม้คลื่นเสียงจะมีพลังทำลายล้างอันน่าตะลึง แต่ตัวมันเองก็ต้องทุ่มเทเช่นกัน มันถูกหมัดกระแทกเข้าที่หน้าผากอย่างจัง
มดน้อยต้านทานญาณวิเศษสิงโตคำรามของราชันสิงโตได้ ซ้ำยังโจมตีศัตรูด้วยพลังขั้นสุดยอด
ผลุบ!
สิงห์เลือดหงส์กระอักเลือด แผงคอสีแดงบนร่างมหึมาโบกสะบัดจนยุ่งเหยิง จากนั้นก็ลุกชันขึ้นมา
มันพิโรธแล้ว มันมีฐานะแบบไหน ทายาทของหงส์เลือดตกต่ำกับสิงโตไร้พ่าย มีสายเลือดสูงส่ง ไม่ด้อยกว่าใคร ซ้ำยังอยู่ในวัยรุ่งโรจน์ พละกำลังเต็มเปี่ยม แต่ปรากฏว่ากลับถูกมดที่อายุน้อยกว่ามันและไม่เจริญวัยโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส มันช่างน่าอายยิ่งนัก
“มดน้อย เจ้าทำข้าโมโหแล้ว แม้แต่พี่ชายของเจ้ายังถูกกินทั้งเป็น แต่เจ้ากลับทำร้ายข้าจนเลือดตกยางออก เจ้าต้องชดใช้!”
“เจ้าเลือดผสม ความสามารถของเจ้าสู้พี่ข้าไม่ได้แน่ ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยตัวเอง ล้างมลทินของเผ่าพันธุ์ข้า!” มดน้อยคำรามลั่น
“ชิ้ง!”
หมัดสีทองของมันส่องแสงสีแดง มันเป็นไฟโทสะ ซ้ำยังเป็นการแสดงออกถึงความบ้าคลั่ง มดเขาสวรรค์อยู่ในสภาวะขาดสติ ปล่อยความสามารถที่น่ากลัวยิ่งกว่าพลังต่อสู้!
มดน้อยในตอนนี้ มีเลือดไหลออกมาจากดวงตาและปาก แต่กลิ่นอายน่ากลัวมากยิ่งขึ้น พุ่งขึ้นฟ้าสูงประหนึ่งพายุหมุน
มันก่อตัวเป็นพายุหมุนพลังปราณขนาดใหญ่ ภายใต้ไฟโทสะกับความคลุ้มคลั่ง เลือดสุดยอดพลังกระจายไปทั่วฟ้าดินพร้อมกับจิตสังหารสีเลือด ทำให้เทือกเขา แผ่นดินกว้างใหญ่ สวรรค์เก้าชั้นฟ้าต่างก็สั่นสะเทือน!
ระหว่างนี้ สือฮ่าวเอาแต่มองอย่างนิ่งสงบ ไม่ลงมือแต่อย่างใด
ตอนนี้ เขายอมรับมดน้อยแล้ว แถมยังให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะพฤติกรรมของมันน่าตกใจยิ่งนัก องอาจสะเทือนโลกา มากด้วยศักยภาพ ต้องเป็นสหาย คู่หูที่ควรค่าให้พึ่งพาในวันหน้าแน่นอน
สิงห์เลือดหงส์แข็งแกร่งยิ่งนัก เรียกได้ว่าน่ากลัวเป็นล้นพ้น เป็นทายาทเลือดผสมของอสูรสองชนิด อานุภาพยากลึกเกินหยั่ง
อย่างน้อย สิงห์เลือดหงส์ตัวนี้ไม่ด้อยไปกว่าราชันสัตว์มิติ เป็นผู้สูงส่งที่ไร้เทียมทาน!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เผชิญหน้ากับศัตรูแบบนี้ มดน้อยต้านทานได้ ทั้งที่ยังไม่เจริญวัย สามารถบ่งบอกทุกสิ่ง ยืนยันความสามารถของมันแล้ว
หากมดน้อยเจริญเติบโตอย่างราบรื่น จุดที่มันจะบรรลุจะสูงส่งเกินอาจเอื้อม บางทีมดเขาสวรรค์ตัวนี้อาจเหนือกว่ารุ่นพ่อของมันก็เป็นได้!
“สังหาร!” สิงห์เลือดหงส์โจมตีครั้งสุดท้าย มันรู้สึกถึงอันตรายของมดน้อย จึงต่อต้านสุดความสามารถ
และตอนนี้ สือฮ่าวโล่งใจขึ้นมาบ้างแล้ว เริ่มจับจ้องเทือกเขาที่อยู่ไกลออกไป ตั้งใจฟังเสียงสวดมนต์
กระดาษหนังสัตว์สีทองกำลังพลิกอยู่เหนือยอดเขาตระการตาลูกนั้นไม่หยุด ส่งเสียงดังพรึ่บพรั่บ ปล่อยอักขระนานาชนิด กำลังร่ายมนตร์ที่แข็งแกร่งที่สุด
และมีร่างยืนอยู่ไม่ไกลจากภูเขา คล้ายว่ากำลังฟังเสียงสวดมนต์ หยั่งรู้ความหมายอันเป็นอมตะเช่นกัน
เขาเป็นใครกัน? สือฮ่าวใจเต้นระส่ำทันที คนคนนั้นโผล่มาตอนไหน เขาหันไปมองมดน้อยเพียงชั่วครู่ ไยถึงมีสิ่งมีชีวิตโผล่มาได้!
…………………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น