Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ 1288-1291

 ตอนที่ 1288

 

ทพสวรรค์น้อยลงถนัดตา เพราะถูกไล่ตะเพิดไปก่อนหน้านี้แล้ว


ตอนนี้ สือฮ่าวพามดน้อยตัวหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ผิวดิน ทุกสายตาก็จับจ้องทันที ต่างก็มองทางออกของบ่อโคลนไม่ละสายตา


ฮวงออกมาแล้ว!


เขาได้อะไรจากถ้ำใต้พิภพ? นี่เป็นคำถามที่หลายคนให้ความสนใจ อีกอย่าง ทำไมเขากลับมาเร็วปานนี้ คนอื่นล่ะ?


“ฮวงออกมาคนแรก ได้ประโยชน์หรือเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไร คนที่เหลือตกอยู่ในอันตรายใช่ไหม?”


หลายคนกระซิบกระซาบด้วยความวิตกกังวล แม้แต่เหล่าผู้เฒ่าบางส่วนของสามสำนักก็ทำหน้าจริงจัง แม้จะมีผู้เฒ่าบางคนลงไป แต่ตอนนี้ยังไม่ขึ้นมา


“หือ? เขาพาสัตว์ตัวหนึ่งขึ้นมาด้วย!” ผู้เฒ่าสำนักเซียนหรี่ตา เพ่งมองหัวไหล่ของสือฮ่าว ด้านบนมีจุดสีทองเล็กๆ หากไม่สังเกตอาจมองข้ามไปได้


แต่แข็งแกร่งอย่างพวกเขา สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า แม้มันจะตัวเล็กกระจ้อยร่อย ยาวไม่ถึงหนึ่งหุน แต่กลับมีพลังน่ากลัวแฝงเร้น หากปะทุจะน่าตะลึงอย่างยิ่ง


“มันเป็นมดตัวหนึ่ง!” ผู้อาวุโสสำนักเทพสวรรค์คนหนึ่งพูดพร้อมกับทำหน้าตกใจ เขานึกถึงปรมาจารย์ขึ้นมาทันที


เมื่อหลายปีก่อน ปรมาจารย์มักจะนั่งอยู่ตรงนี้ทุกวัน ใช้เหยื่อล่ออะไรบางอย่างที่นี่ อยากให้มันออกมา หรือจะเป็นเจ้าตัวนี้?


“ไม่อยากเชื่อเลย สัตว์ตัวนั้นเป็นมดงั้นหรือ?” ผู้อาวุโสคนนั้นพึมพำ


แต่เมื่อผู้คนได้ฟัง มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ประหนึ่งสายฟ้าคำราม


เพราะปรมาจารย์เฝ้ารอทุกวี่ทุกวัน ตกปลาบ่อยครั้ง มันไม่ใช่ความลับอะไร หลายคนรู้ว่าถ้ำใต้พิภพมีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งอยู่


ความคิดของผู้เตลิดไปไกล คาดเดาไปต่างๆ นานา!


คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ได้ล้วนเป็นอัจฉริยะ มิเช่นนั้นจะเข้าสำนักเซียน สำนักปราชญ์ได้อย่างไร? ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีคนโง่เขลาเบาปัญญา ต่างก็เกิดความคิดอันน่าตกใจขึ้นมาทันที!


“มดเขาสวรรค์!”


สุดท้ายก็มีคนพูดคำนี้ออกมา เสมือนอุกกาบาตกระแทกลงกลางทะเล ทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่โดยพลัน!


ใช่ นี่เป็นข้อสันนิษฐานในใจหลายๆ คน สิ่งมีชีวิตที่ออกมาจากถ้ำราชันเซียน จะธรรมดาได้อย่างไร?!


ตั้งแต่อดีตยันวันนี้ สัตว์ที่มีรูปร่างเหมือนมด มีพลังต่อสู้อันไร้พ่าย มีเพียงเผ่าพันธุ์เดียว นั่นก็คือมดเขาสวรรค์!


“สวรรค์!”


ตอนนี้ ผู้คนแทบหยุดหายใจ อดอุทานออกมาไม่ได้ นี่เป็นข่าวที่สะเทือนฟ้าดินปานใดกัน?


หนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเซียนโบราณ ทายาทสิบอสูร และไม่ใช่ทายาทผสม สายเลือดอมตะที่แท้จริงปรากฏตัวแล้ว!


มันเป็นเรื่องสะเทือนวงการอย่างแท้จริง สะเทือนขวัญทุกผู้ทุกคน


สือฮ่าวกับมดน้อยบนไหล่เขากลายเป็นจุดสนใจในพริบตา สายตาของทุกคนเป็นประกายแวววาว นี่เป็นการเก็บเกี่ยวที่ใหญ่ที่สุดจากการลงไปถ้ำใต้พิภพแน่นอน ถึงว่าฮวงออกมาไวปานนี้!


เพราะเขาได้มดตัวนี้มาครอง ล้ำค่ายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด!


ในตอนนี้ อย่าว่าคนอื่นเลย แม้แต่สายตาของเหล่าผู้เฒ่าสำนักเซียนกับสำนักปราชญ์ก็น่ากลัว ต่างก็จ้องมดน้อยตัวนั้นไม่วางตา


ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพวกเขาว่า มันมีมูลค่าสูงปานใด


แท้ที่จริงแล้ว คนอื่นก็รู้ดีว่า มดน้อยตัวนี้ล้ำค่าทั้งตัว เคล็ดวิชาแต่กำเนิดของมันเย้ยปฐพีแน่นอน!


อีกอย่าง เลือดในตัวมันเป็นขุมทรัพย์ที่ไม่มีวันหมดสิ้น ถูกยกย่องว่าเป็นเลือดที่มีพลังขั้นสุดยอดในหล้า หากใช้เลือดของมันขัดเกลาร่างกายล่ะก็ มันจะเหนือคำบรรยาย!


ผู้สูงส่งสำนักเซียน มีใครบ้างที่ไม่ผ่านการอาบชำระ?


ทางด้านสำนักปราชญ์ยิ่งแล้วใหญ่ เลือดมังกรกับเลือดมดเขาสวรรค์เป็นไพ่ตายของพวกเขา!


เป็นเพราะสำนักปราชญ์มีเลือดวิเศษหลายชนิด ทำให้คนแปรสภาพได้ครั้งแล้วครั้งเล่า จึงช่วยให้ผู้ฝึกวิชาปัจจุบันไปได้ไกล


และตอนนี้ ฮวงจับมดเขาสวรรค์ขนานแท้ได้ มันยังเยาว์วัย หากเลี้ยงไว้ข้างกาย ให้สิ่งที่จำเป็นต่อการเติบโตของมัน อยากได้เลือดเท่าใดก็มีมากเท่านั้นไม่ใช่หรือ?


ต่อมา ตาของผู้คนก็แดงก่ำขึ้นมา!


ไม่ใช่แค่หนุ่มสาว แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสบางส่วนก็หายใจถี่กระชั้น เพื่อลูกหลาน เพื่อสำนักของตัวเอง มีเหตุผลมากพอจะให้ชิงมดเขาสวรรค์มา!


“นี่มันมดเขาสวรรค์ใช่ไหม?” สุดท้าย ชายชราสำนักเซียนคนหนึ่งก็เอ่ยปากถามสือฮ่าว


“ข้าเอง!” สือฮ่าวยังไม่ทันตอบ มดน้อยก็เชิดหน้าขึ้น สองมือไพล่หลัง พยายามวางท่าสุขุมอยู่ตรงนั้น


“ทายาท…สิบอสูรของแท้หรือ?” ผู้เฒ่าสำนักปราชญ์คนหนึ่งพูดเสียงสั่นเครือ มันชวนให้ตื่นเต้นเหลือเกิน


ผู้อาวุโสท่านหนึ่งของสำนักเซียน แม้ผมจะบาง แต่ใบหน้าแดงระเรื่อ นอกจากดวงตาคู่นั้นแล้ว มีตาที่สามอยู่กลางหน้าผากอีกด้วย ตอนนี้กำลังมองชายชราคนหนึ่งของสำนักเทพสวรรค์พร้อมกับพูดว่า “สหาย นี่เป็นมดเขาสวรรค์ สำคัญยิ่งนัก ควรมอบมันให้สำนักเซียนจึงจะถูก”


สือฮ่าวที่อยู่ไกลออกไป เอาแต่จ้องอยู่ตลอดหลังขึ้นมาแล้ว ตอนนี้หน้าถมึงทึง ชายชราคนนี้ช่างเถรตรงนัก คิดจะฮุบมดเขาสวรรค์


ยิ่งไปกว่านั้น ชายชราผู้มีตาที่สาม ไม่ถามเขากับมดน้อยเลยสักนิด แต่กลับเอ่ยปากของกับผู้อาวุโสสำนักเทพสวรรค์โดยตรง


ช่างเหิมเกริมยิ่งนัก ไม่เคยเห็นผู้น้อยอย่างเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด!


“หากเป็นมดเขาสวรรค์จริงๆ ก็ใช่ว่าพวกข้าจะตัดสินใจได้ พวกข้าไม่มีสิทธิ์แทรกแซง เจ้าควรถามสือฮ่าวหรือมดตัวนี้มากกว่าว่ายอมไปกับเจ้าไหม”


ตอนนี้ ผู้อาวุโสที่สองของสำนักเทพสวรรค์เดินมา และพูดอย่างสุภาพ


“เจ้าหนุ่ม เจ้ายอมเข้าร่วมสำนักเซียนหรือไม่?” ชายชราสามตาถาม พลางมองสือฮ่าวกับมดน้อยด้วยท่าทีเป็นมิตร เขาตระหนักได้แล้ว เมื่อครู่โจ่งแจ้งเกินไป มองข้ามความรู้สึกของเจ้าทุกข์ไป


“ไม่!” สือฮ่าวตอบ ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดยิ่งนัก


และในตอนนี้เอง ชาวสำนักปราชญ์ก็พูดขึ้นพร้อมกันแทบจะทันที เพราะเกรงว่าสำนักเซียนจะชิงตัวไปก่อน


“ไม่ได้ หากจะเข้าร่วมก็ต้องเข้าสำนักปราชญ์!” หญิงเฒ่าผมม่วงคนหนึ่งของสำนักปราชญ์พูดขึ้น แม้อายุจะมากแล้ว แต่เส้นผมยังคงเงาสลวย มีเพียงดวงตาที่ผ่านกาลเวลามาอย่างโชกโชน ปิดบังไม่มิด


“ไม่เช่นกัน!” สือฮ่าวพูดขึ้นมาทันที ไม่ลังเลเลยสักนิด ไม่อืดอาดยืดยาด


ที่นี่เต็มไปด้วยผู้คน อัจฉริยะทั้งสองสำนักมาถึงที่นี่ นอกจากนี้ยังมีคนของตระกูลอมตะบางส่วน แต่ตอนนี้กลับเงียบกริบ ไม่มีใครพูดอะไร


ฮวงเด็ดขาดปานนั้น ปฏิเสธโดยตรง


ขณะเดียวกัน ผู้คนก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมาทันที รู้สึกว่าชายชราของทั้งสองสำนักโจ่งแจ้งยิ่งนัก ทำให้เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้


ตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นสำนักเซียนหรือสำนักปราชญ์ก็ไม่มีใครรับฮวงไป หนึ่งสำนักไม่ยอมให้เมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ อีกหนึ่งป่าวประกาศว่าเลือดสูงส่งมีคนครองไปแล้ว


แต่ตอนนี้ พวกเขากลับกล้าเสนอเงื่อนไขเช่นนี้ให้สือฮ่าว เชิญเขาเข้าร่วมอย่างหน้าตาเฉย


ปรากฏว่า สือฮ่าวกลับปฏิเสธแบบนี้ นับว่าเป็นการหักหน้าอย่างใหญ่หลวง ตอบโต้พวกเขาเช่นนี้


ยิ่งไปกว่านั้น หลายคนคิดว่า นี่เป็นการตบหน้าฉาดใหญ่ ซ้ำยังดังกังวานยิ่งนัก ฟาดลงบนหน้าของคนทั้งสองสำนักอย่างแรง


ตอนนั้น สองสำนักเห็นความสำคัญของสือฮ่าวไม่มากพอ แต่วันนี้ฮวงกลับมาอย่างทรงพลัง ไม่ได้แค่เอาชนะผู้สูงส่งของพวกเขาได้ แต่ยังนำมดเขาสวรรค์กลับมาด้วยตัวหนึ่ง เป็นที่จับจ้อง รู้สึกร้อนรุ่มในใจ


“ฮวง เจ้าเป็นอัจฉริยะ ควรจะพิจารณาให้ดี ควรเข้าร่วมสำนักเซียน ที่นั่นต่างหากจะทำให้เจ้าเดินไปไกลกว่านี้ สูงส่งกว่านี้ สามารถบุกเบิกฟ้าดินใหม่เจ้าได้!” ชายชราสามตาของสำนักเซียนพูดอย่างมีเมตตา ยังคงยิ้มแย้ม


“ไม่จำเป็น เส้นทางของข้าข้ารู้ดี สามปีมานี้ข้าไม่ได้เสียเวลาเปล่า พิสูจน์แล้วว่าข้าพึ่งพาตัวเองได้!” สือฮ่าวส่ายหน้า


ศิษย์หลายคนของสำนักเซียนรู้สึกอับอายแทนผู้อาวุโส คนเมื่อแก่ชราแล้วจะเจ้าเล่ห์ ไหลลื่น แต่จะหน้าด้านหน้าทนเช่นนี้ไม่ได้หรอกกระมัง?


แม้แต่ศิษย์ของสำนักตัวเองก็รู้สึกเหลืออด ตอนแรกไม่ให้ความสำคัญมากพอ ตอนนี้เมื่อเห็นฮวงผงาด อยู่บนเส้นทางที่ไม่มีใครเคยเดินมาก่อน จึงเป็นฝ่ายจู่โจม ช่างหน้าเลือดเสียจริง


“ฮวง ข้าเห็นเจ้ามีกายเนื้อยิ่งใหญ่ ประหนึ่งอยู่ยงคงกระพัน แข็งแกร่งเป็นที่สุด เหมาะสมจะเดินบนเส้นทางวิชาปัจจุบัน ควรเข้าร่วมสำนักปราชญ์จึงจะถูก เพราะพวกเรามีคัมภีร์ข้าเป็นหนึ่งเดียว คัมภีร์ที่สะเทือนปฐพี มันเป็นสุดยอดผลงานของเส้นทางนี้ หากเจ้าเข้าร่วม ข้ายินดีเปิดอ่านให้เจ้า จะทำให้เป็นดุจเสือติดปีก พุ่งผงาดแน่นอน!” หญิงเฒ่าผมม่วงคนนั้นพยายามผูกมิตรสุดความสามารถ


“ขอบคุณสำหรับความหวังดี ตอนนี้เส้นทางที่ข้าศึกษายังไม่จบสิ้น ว่อกแว่กไม่ได้” สือฮ่าวส่ายหน้า


อัจฉริยะสำนักปราชญ์เหล่านั้นก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าว แม้ฮวงจะปฏิเสธอ้อมค้อม ไม่รุนแรงปานนั้นอีก แต่ผลก็เป็นเหมือนกัน


“น่ารำคาญจริงๆ คนในโลกนี้ช่างมีไมตรีเหลือเกิน ถึงกับต้องตะโกนปาวๆ ให้คนอื่นเข้าร่วมให้ได้ น่าเบื่อ!” มดน้อยไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง บ่นออกมาแบบนี้อย่างเหลืออด


“หึหึ เจ้าหนูมดเขาสวรรค์ เจ้ายอมเข้าสำนักปราชญ์ไหม” หญิงชรายิ้มกริ่ม


“ไม่ได้ กระต่ายดวงจันทร์พาลูกกิเลนตัวนั้นเข้าสำนักปราชญ์แล้ว มดเขาสวรรค์ต้องเข้าร่วมสำนักเซียน!” ชายชราสามตนขัดขวาง


“กิเลนตัวนั้น…” หญิงชราทำหน้าขมขื่น เคยคิดจะศึกษาเช่นกัน แต่กลับไม่สามารถค้นหาภูมิหลังของกิเลนน้อยได้ เพราะภายในร่างกายของมันมีพลังผนึกอันน่ากลัว หากแตะต้อง จะน่ากลัวเป็นที่สุด


“เอาล่ะ เราไปกันเถอะ คนพวกนี้น่าเบื่อจริงๆ” มดเขาสวรรค์เร่งเร้าสือฮ่าว เสียงของมันเล็ก อ่อนวัยอย่างยิ่ง เมื่อดังในโสตประสาทของทุกคน มันบาดหูเสียเหลือเกิน


“ไม่ได้ มดเขาสวรรค์มีอิทธิพลยิ่งนัก เป็นถึงทายาทสิบอสูร จะเกิดอันตรายไม่ได้เด็ดขาด จำต้องคุ้มครองไว้ ไปเสี่ยงอันตรายกับฮวงไม่ได้ ต้องอยู่ที่นี่!”


ในตอนนี้เอง ก็มีคนของตระกูลอมตะพูดขึ้นมา


สือฮ่าวเงยหน้ามองทางนั้นทันที จำได้ตั้งแต่แวบแรกว่า เป็นคนของตระกูลหวางซี สองฝ่ายเป็นอริกัน อีกฝ่ายห้ามปรามแบบนี้ เห็นได้ชัดว่ากลัวเขาจะได้ญาณวิเศษเย้ยปฐพีและเลือดของเผ่าพันธุ์มดสวรรค์ กลัวเขาจะยกระดับจนถึงขั้นสูงเกินหยั่งถึง


“ข้าก็คิดว่ามีเหตุผลเหมือนกัน มดเขาสวรรค์นับว่าแทบจะสูญพันธุ์แล้ว ตอนนี้โผล่มาให้เห็น จะต้องรักษาไว้ให้ดี ตระกูลอมตะอาจเป็นตัวเลือกที่ดีก็ได้” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูด ร่างสูงใหญ่กำยำ มีกำลังวังชา ลักษณะโดดเด่นเหนือผู้อื่น


นัยน์ตาของสือฮ่าวเย็นเยือก เขาจำคนคนนี้ได้แม่นยำเหลือเกิน ผู้สูงส่งหยวนชิง ดูอ่อนเยาว์ลงไม่น้อย เคยทำร้ายเขาจนแทบตายอยู่ในเหมืองบรรพกาล เป็นตัวการสำคัญที่ขวางไม่ให้สือฮ่าวเข้าสำนักเทพสวรรค์


หลังสือฮ่าวมาถึงเก้าสวรรค์ ศัตรูคนแรกก็คือคนคนนี้ จะขวางทางเขา กำราบเขาสิบปี สำหรับนักพรตหนุ่มคนหนึ่งแล้ว มันเป็นการประทุษร้ายอย่างแสนสาหัส


แต่สือฮ่าวสังหารหลานชายของหยวนชิง ผู้ที่คิดปองร้ายเขาในสนามรบเซียนไปแล้ว ก็นับว่าเป็นการแก้แค้นเล็กๆ


“มีเหตุผล ควรระวังเรื่องความปลอดภัยของมดเขาสวรรค์ อย่าให้ผิดพลาด ควรอยู่ที่นี่จะดีที่สุด” ในตอนนี้เอง มีชายชราอีกคนเอ่ยขึ้น


เขามาจากตระกูลอมตะเช่นกัน คนของตระกูลเฟิงนั่นเอง


แววตาของสือฮ่าวเย็นเยียบ ไม่มีทางญาติดีกับตระกูลนี้ได้อีกแน่นอน เพราะตอนนั้นหยวนชิงได้รับการไหว้วานจากตระกูลนี้ จึงคิดจะกำราบเขาสิบปี


หากพูดตามหลักการแล้ว คนของตระกูลอมตะนี้ต่างหากที่เป็นอิทธิพลใหญ่ที่เขาควรจัดการมากที่สุด!


สือฮ่าวสงสัยว่า ตระกูลเฟิงอาจมีความแค้นกับตระกูลสือ มีความเกี่ยวข้องกับทายาทเลือดบาปที่ว่า หากมิเช่นนั้น ไม่มีเหตุผลเลยที่จะเริ่มเพ่งเล็งเขาตั้งแต่แรก


“หึ!”


ในตอนนี้เอง ผู้อาวุโสที่สองของสำนักเทพสวรรค์ก็แสยะยิ้ม กวาดสายตาผ่านพวกเขาแล้วพูดว่า “พวกเจ้ายุ่งมากไปแล้ว ความปลอดภัยของฮวงกับมดเขาสวรรค์ มีสำนักเทพสวรรค์ก็พอแล้ว!”


“สหาย พวกข้าก็แค่หวังดี เพราะมันส่งผลกระทบกว้างไกลจริงๆ”


“ใช่ จำต้องระมัดระวัง!”


สองตระกูลอมตะอย่างตระกูลเฟิงกับตระกูลหวางพากันออกความเห็น นี่เป็นสองอิทธิพลใหญ่ ตระกูลที่เคยมีผู้อมตะเป็นบรรพชน อยู่เหนือเก้าสวรรค์สิบพิภพ ทุกคำพูดล้วนมีน้ำหนักอย่างยิ่ง!


เรียกได้ว่า ตระกูลอมตะมีสิทธิ์มีเสียงที่น่ากลัวในเก้าสวรรค์ เป็นอิทธิพลที่ใหญ่ที่สุด!


“ไปให้พ้น อาจหาญมาอวดดีในสำนักเทพสวรรค์ ข้าจะสังหารให้เหี้ยน!” ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงตะคอกแว่วมา กลิ่นอายน่ากลัวแผ่คลุมฟ้าดิน มาจากสุดขอบฟ้า


คนที่กล้าตวาดตระกูลอมตะเช่นนี้ แข็งกร้าวจนน่าตกใจ ไม่ไว้หน้าเลยสักนิด หยามเกียรติซึ่งๆ หน้า


“ใคร?” คนของตระกูลหวางโมโห


“ตูม!”


มีร่างพุ่งลงมา ตรงดิ่งจนเป็นดั่งเสาค้ำฟ้า เขาทรงพลัง ชุดสีเทาพลิ้วไหว กำลังหันหน้าเข้าหาทุกคน


“ปรมาจารย์!” ทุกคนในสำนักเทพสวรรค์ต่างก็ดีใจ ปรมาจารย์ที่หายไปเกือบสามปีกลับมาแล้ว เขาเป็นคนโหด ไม่กลัวใครหน้าไหนในเก้าสวรรค์สิบพิภพ!


“ฮ่าฮ่า ปรมาจารย์กลับมาแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่ดีนัก ข้าเห็นด้วยว่าควรให้สำนักเทพสวรรค์ดูแลมดเขาสวรรค์!” ในตอนนี้เอง ชายวัยกลางคนที่สวมมงกุฎคนหนึ่งก็ระเบิดเสียงหัวเราะ


ผู้คนตะลึงงัน คนคนนี้มีภูมิหลังยิ่งใหญ่ มาจากราชวงศ์อมตะ เป็นตระกูลอมตะเช่นกัน แต่ก่อตั้งประเทศแล้ว เขาเป็นบิดาขององค์หญิงเยาเยว่!


หลายคนต่างก็เห็นด้วยขึ้นมาทันที ยำเกรงปรมาจารย์อย่างยิ่ง มีหลายคนมาจากตระกูลอมตะ!

 

 

 


ตอนที่ 1289

 

ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

โดย

Ink Stone_Fantasy

ชุดสีเทาของปรมาจารย์โบกสะบัด ใบหน้าซูบผอม เส้นผมแผ่สยาย รูปร่างสูงโปร่ง ยืนอยู่ตรงนั้น แท้จริงแล้วนิ่งสงบมาก ไม่น่ายำเกรงปานนั้น


แต่ทุกคนต่างก็รู้สึกว่า คนคนนี้ทรงพลัง เย้ยหยันเก้าสวรรค์ ห้ามยั่วโทสะอย่างแท้จริง มิเช่นนั้นจะนำหายนะมาสู่ตนเป็นแน่


มันเป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง เป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง มือดีทุกคนต่างก็หวาดหวั่น ถึงขั้นพรั่นพรึง จิตใจระส่ำระสายยากเผชิญหน้ากับปรมาจารย์


พูดไปก็แปลก สีหน้าปรมาจารย์เรียบเฉย ไม่ยินดียินร้าย แต่มันเป็นการข่มขู่ที่ไร้เสียง ไร้รูปร่าง ชวนให้คนสั่นระริก


“ผู้อาวุโสนี่เอง” คนตระกูลหวางที่ตะโกนว่าใครเมื่อครู่ บัดนี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่กล้าแข็งข้ออีก และไม่กล้ายกตนข่มท่านอีกต่อไป


ไม่นานก่อนหน้านี้ เขากับตระกูลยังคิดจะจัดการสือฮ่าว อยากให้เขาส่งมดน้อยออกมา แต่ตอนนี้เมื่อเห็นปรมาจารย์กลับมา จึงโยนทุกอย่างทิ้งแล้ว


เมื่อเผชิญหน้ากับคนคนนี้ กวาดตามองทั่วเก้าสวรรค์สิบพิภพจะมีกี่คนที่ไม่กลัว? ต่อให้เชิญบุคคลที่อายุมากที่สุดในตระกูลมาก็คงเป็นเช่นนี้ มีแต่บรรพชนที่ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่คนนั้นปรากฏกายเท่านั้น ตระกูลหวางจึงจะเปี่ยมด้วยความมั่นใจ


ปรมาจารย์ปรายตามองเขาแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร ทำให้คนตระกูลหวางใจกระตุกทันที


“ไม่พบกันนาน สหายยังคงมีกำลังวังชา ทรงพลังเหนือวันวานเสียอีก” ชายชราตระกูลเฟิงคนหนึ่งพูด ฐานะสูงส่ง เป็นผู้นำตระกูล


ปรมาจารย์เพียงแค่พยักหน้า แม้เขาจะไม่พอใจกับการเล่นละครของตระกูล แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่นับว่าอาวุโสก็เฉยชามากไม่ได้


“ปรมาจารย์ช่างมีลูกศิษย์ที่ดีเสียจริง อายุไม่มาก แต่กลับโดดเด่น อยู่เหนือบรรพชนทั้งหลายในสมัยโบราณ!” บิดาขององค์หญิงเยาเยว่ ผู้ปกครองราชวงศ์อมตะสวีหมิงซวนพูด


เขาสวมชุดสีทองปักลายมังกร แสงทองสว่างไสว สวมมงกุฎ น่ายำเกรงเป็นที่สุด นี่เป็นนักพรตที่ยิ่งใหญ่มากคนหนึ่ง แม้อายุจะมากแล้ว แต่มองดูอ่อนเยาว์ยิ่งนัก อายุเข้าวัยกลางคน แต่เปี่ยมด้วยพละกำลัง


ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า คนคนนี้กลายเป็นผู้สูงส่งตั้งแต่เมื่อหลายหมื่นปีก่อนแล้ว ความสามารถยากลึกเกินหยั่ง เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่มีอำนาจมากที่สุดในเก้าสวรรค์!


อย่างน้อยภายนอกก็เป็นเช่นนี้ อดีตฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับเขาอย่างยิ่ง มอบอำนาจให้เขา ให้เขาจัดการเรื่องราวต่างๆ มากมาย


ใครก็คิดไม่ถึงว่า ผู้ปกครองตระกูลอมตะ แม้แต่สวีหมิงซวนยังปรากฏกาย ซ้ำยังแสดงไมตรีต่อปรมาจารย์อย่างชัดเจนอย่างมาก


จะสร้างพันธมิตรหรือ?


ต้องรู้ว่า ราชวงศ์นี้ไม่ถูกกับตระกูลหวางอย่างยิ่ง     ปะทะกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง มิเช่นนั้นองค์หญิงเยาเยว่ไม่มีทางตาต่อตา ฟันต่อฟันกับหวางซีเช่นกัน


ด้วยเหตุนี้ ตระกูลหวางจึงตกใจ พากันแสดงสีหน้าหวาดระแวง!


“ฮ่องเต้สวีเสด็จมา สำนักเทพสวรรค์ควรต้อนรับเป็นอย่างดีจึงจะถูก” ปรมาจารย์ยิ้ม ท่าทีแตกต่างจากยามมองสองคนก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง


ความแตกต่างแบบนี้ ทำให้คนตระกูลหวางยิ่งรู้สึกไม่สบายใจไปกันใหญ่


ตระกูลเฟิงยังดี ยังนับว่าสมานฉันท์กับสำนักเทพสวรรค์มาตลอด นอกจากเพ่งเล็งสือฮ่าวเมื่อครู่แล้ว พวกเขาก็เก็บตัวมาตลอด


“ฮ่าฮ่า ปรมาจารย์เกรงใจกันเกินไปแล้ว ท่านเป็นผู้อาวุโส นี่มันฆ่าผู้น้อยชัดๆ ไม่ใช่หรือ?” สวีหมิงซวนหัวเราะลั่นแล้วก้มหัวคำนับอีกครั้ง


หลายคนโค้งคำนับทักทายปรมาจารย์ กระทั่งตอนนี้ อัจฉริยะเพิ่งพบด้วยความตกใจว่า ตระกูลอมตะเหล่านั้นส่งคนมาแทบจะทุกตระกูล


จะเห็นได้ว่า ถ้ำราชันเซียนใต้พิภพสำนักเทพสวรรค์น่าตะลึงปานใด!


และตอนนี้สือฮ่าวนำมดเขาสวรรค์ขึ้นมา บ่งบอกความเหนือชั้นของถ้ำสวรรค์ ทำให้คนตาร้อน กรีฑาทัพมาอย่างยิ่งใหญ่เพื่อการนี้ได้!


แต่เมื่อปรมาจารย์กลับมา บางคนที่เตรียมตัวจะเคลื่อนไหวต่างพากันเก็บกระบี่อย่างอดไม่ได้ เกรงว่าจะปะทะกับผู้อาวุโสคนนี้แล้วถูกสังหาร


ในเก้าสวรรค์ ปรมาจารย์เป็นหนึ่งในผู้กล้าที่แข็งแกร่งที่สุด!


ไม่ผิดพลาดแน่นอน เพราะเขามีชีวิตอยู่มายาวนานเหลือเกิน แม้กระทั่งมีคนสงสัยว่า เขาอาจบรรลุขั้นวิถีเซียน ขาข้างหนึ่งย่างเข้าสู่ความอมตะแล้ว


หากเป็นเช่นนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่ามีหวังอาจกลายเป็นเซียนได้!


แน่นอนว่า มีคนจำนวนมากที่เชื่อมั่นว่า สำนักเซียน สำนักปราชญ์และตระกูลอมตะมีคนที่ทัดเทียมเขา ต้านทานเขาได้เช่นกัน


แต่ไม่ว่าอย่างไร บุคคลที่ดำรงอยู่มาเนิ่นนานเช่นนี้ ก็ควรค่าให้แต่ละฝ่ายให้ความสำคัญ ไม่กล้าล่วงเกินง่ายๆ


“หลานชายเจ้าช่างสบายอกสบายใจ มาร่วมสนุกที่นี่ด้วยเช่นกัน” ปรมาจารย์พูดกับสวีหมิงซวน


“ดูสิว่าจะมีถ้ำราชันเซียนปรากฏให้เห็นจริงหรือไม่ ไม่มีทางเลือก มันน่าตะลึงเหลือเกิน ไม่ว่าใครก็ต้องหวั่นไหวกับมรดกของราชันเซียน” สวีหมิงซวนพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน


จากนั้น เขาก็เปลี่ยนประเด็นทันที “ที่จริงแล้ว ครั้งนี้มาก็เพราะอยากเลือกอัจฉริยะหนุ่ม ดูสิว่าจะเป็นคู่ครองลูกหญิงได้หรือไม่”


ตูม!


มันทำให้เกิดความฮือฮา ใครก็คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้องค์นี้จะเถรตรงปานนี้ ผ่อนคลายเกินไปแล้วกระมัง จะจับคู่ให้ลูกสาวเช่นนี้หรือ?


ไข่มุกของตระกูลอมตะ อยู่ในฐานะองค์หญิงของราชวงศ์อมตะ ฐานะสูงส่งเหลือเกิน หากได้แต่งเข้าตระกูล ก็เท่ากับได้สัมผัสทรัพยากรยาขั้นเทพ ตำราวิชาสวรรค์เหล่านั้นไม่ใช่หรือ


ต้องรู้ว่า ราชวงศ์ที่ดำรงอยู่มาแต่โบราณแบบนี้ ไม่เคยถูกโค่นมาก่อน คงอยู่มาตั้งแต่ยุคก่อน ซ้ำยังเคยมีเซียนปรากฏกาย!


ไม่มีใครรู้ภูมิหลังของพวกเขาว่ายาวนานปานใด มันอาจสะเทือนฟ้าดิน หรืออาจทำลายโลกทั้งใบก็เป็นได้!


“หลานชาย เจ้าล้อเล่นไปได้ เรื่องที่เกี่ยวพันกับทั้งชีวิตของลูกสาว จะพูดเช่นนี้ได้อย่างไร” ปรมาจารย์พูด


“ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น อย่างไรก็ต้องแล้วแต่ลูกสาวข้า เพราะข้าคิดว่าชายหนุ่มผู้สูงส่งในยุคนี้คงจะมากันครบแล้ว จึงอยากเลือกคนที่โดดเด่น” สวีหมิงซวนหัวเราะลั่น สง่างามยิ่งนัก จากนั้นก็มองสือฮ่าวแวบหนึ่ง


“จะเลือกเจ้าเป็นเขย!” มดน้อยยืนอยู่บนหัวไหล่สือฮ่าว ทั้งที่สูงไม่ถึงหนึ่งหุน แต่กลับสองมือไพล่หลัง ทำท่าเคร่งขรึม กระซิบกระซาบกับสือฮ่าว


ทุกคนต่างก็ตกใจ เมื่อครู่สายตาของสวีหมิงซวนช่างโจ่งแจ้งเหลือเกิน หรือจะถูกใจฮวงเข้าแล้ว?


คนตระกูลหวางสะดุ้งโหยง เกิดความรู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งตัว พวกเขาทนไม่ได้หากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น


ต้องรู้ว่า ตอนนั้นสือฮ่าวเคยถูกพวกเขาปฏิบัติเยี่ยงทาส ให้สวมกำไลโลหะ อยากส่งเขาไปตายในเหมืองบรรพกาล ให้ขุดหินแห่งชีวิตบางชนิด


ในระยะเวลาอันยาวนาน พวกเขาต่างก็เห็นสือฮ่าวเป็นทาส เป็นข้ารับใช้ของพวกเขา ต่อให้ตอนหลังรู้ว่าเขามีพรสวรรค์เหนือชั้น ในใจก็ยังคงภาคภูมิใจ คิดว่ามีความได้เปรียบจากสายเลือด


แน่นอนว่าเป็นเพราะเหตุนี้เอง สือฮ่าวจึงแตกคอกับพวกเขา กระชากกำไลโลหะจนขาดสะบั้น จับตัวหวางซี คุมขังไว้หนึ่งคืน ใช้วิธีนี้ล้างมลทินให้กับตัวเอง


ทั้งสองฝ่ายแตกคอกัน กลายเป็นศัตรู หากต้องเห็นสือฮ่าวสวามิภักดิ์กับตระกูลสวี กลายเป็นราชบุตรเขยของพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรตระกูลหวางก็ยอมรับไม่ได้


เพราะพวกเขารู้ดีว่า ฮวงมีพรสวรรค์น่ากลัวที่ไม่มีใครเทียบ หากแต่งเข้าตระกูลสวี จะเหมือนเสือติดปีก มันเป็นพันธมิตรที่น่ากลัวยิ่งนัก


เมื่อถึงตอนนั้น คิดว่าข้างนอกคงจะพูดว่า ตระกูลหวางมีตาแต่ไร้แวว ขับไล่อัจฉริยะสะเทือนปฐพีคนหนึ่งไป ปล่อยให้เขาเข้าประตูของศัตรู ตระกูลหวางคงจะกลายเป็นตัวตลกเป็นแน่


“ตระกูลสวีนับถือผู้น้อยมาตลอด ฮวงก็เคยขุดเหมืองในตระกูลหวาง ไม่ได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ตระกูลสวีจะให้ความสำคัญกับเขาหรือ ช่างเลิศล้ำเสียจริง”


ในตอนนี้เอง ชายหนุ่มคนหนึ่งของตระกูลหวางพูดขึ้น เขาเป็นศิษย์สำนักเซียน ตอนนี้พูดจากำกวม แฝงนัยบางอย่าง


มองผิวเผินเหมือนกำลังชื่นชมตระกูลสวี แท้จริงแล้วกำลังเย้ยหยัน ซ้ำยังเหน็บแนมสือฮ่าวว่า เคยเป็นทาสให้ตระกูลเขา และหากตระกูลสวีจะเลือกคนแบบนี้เป็นเขย มันจะน่าอายไม่ใช่หรือ?


สือฮ่าวหน้าถมึงทึงทันที จากนั้นก็มองชายหนุ่มคนนั้น พูดแค่ประโยคเดียวว่า “เจ้าอยากตายหรือ?!”


ชายหนุ่มคนนั้นก็นับว่าเป็นคนที่เย่อหยิ่ง มิเช่นนั้นจะกล้าเหน็บแนมสือฮ่าวในสถานการณ์แบบนี้ เสียดสีราชวงศ์อมตะอย่างตระกูลสวีหรือ?


ด้วยเหตุนี้สีหน้าเขาจึงเปลี่ยนไปทันที พูดเสียงแข็งว่า “ฮวง เจ้าอวดดีเหลือเกิน คิดว่าอยู่เหนือเก้าสวรรค์สิบพิภพ ทำตามใจชอบได้แล้วจริงๆ หรือ?”


“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เจ้าคิดว่าถากถางข้าในสถานการณ์แบบนี้ คิดว่าเป็นวีรชนหรือ?” สือฮ่าวพูดแล้วก้าวออกไปทันใด


ตูม!


เขาปล่อยหมัดออกไปอย่างไม่ลังเล ลงมือทันที ไม่ปิดบังเลยสักนิด


หลายคนตะลึงงัน ผู้อาวุโสตระกูลหวางอยู่ที่นี่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีใครคิดว่า สือฮ่าวจะกล้าทำเช่นนี้ จะสังหารโดยตรงแบบนี้!


หากเป็นคนอื่น คงจะโต้แย้งก่อน จากนั้นค่อยลงมือกับอัจฉริยะตระกูลหวาง เช่นนี้ถึงจะนับว่าเสียมารยาท เหตุผลพอฟังขึ้น


“เจ้ากล้าลงมือกับข้าหรือ?!” หวางหม่างหลงตะโกนลั่น นัยน์ตาเยือกเย็น ทั้งโมโหและตกใจ เขาขี้ขลาดขึ้นมาแล้วจริงๆ


“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร!” หมัดของสือฮ่าวมาถึงแล้ว พร้อมกับสายลมกรรโชก ทะลุมิติมา ทำให้อัจฉริยะตระกูลหวางกระอักเลือด ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ปะทะ


เพราะนี่เป็นพลังสิบสองส่วนของสือฮ่าว เขาปล่อยออกไปสุดกำลัง!


สือฮ่าวพูดเสียงเย็นว่า “อย่าว่าแต่เจ้าคนเดียวเลย อัจฉริยะสิบอันดับแรกของตระกูลหวางเข้ามาพร้อมกัน ข้าก็สังหารให้เหี้ยนได้!”


ผู้คนชะงัก ที่นี่เงียบสงัดอย่างยิ่ง


ไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด พูดเช่นนี้ต่อหน้าคนตระกูลหวาง หยามเกียรติซึ่งๆ หน้า ดูถูกเช่นนี้ นี่มันกำลังตบหน้าพวกเขาชัดๆ


“ฮ่าฮ่า…สะใจ ควรทำเช่นนี้แหละ แต่คนชั่วให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ!”


สวีหมิงซวนระเบิดเสียงหัวเราะ เขาเป็นผู้สูงส่งตั้งแต่เมื่อหลายหมื่นปีก่อนแล้ว ตอนนี้ยากลึกเกินหยั่ง หายตัวไปทันที จากนั้นปรากฏตัวยืนขวางสือฮ่าว ยกมือฟาดไปทางตระกูลหวาง


เพี๊ยะ!


เสียงตบดังกังวานยิ่งนัก หวดลงบนหน้าของหวางหม่างหลง ทำให้เขาร้องเสียงหลงทันที ใบหน้าบิดเบี้ยว เป็นแผลเหวอะหวะ กระดูกแหลกละเอียด ฟันร่วงหมดปาก


เขากระเด็นออกไปแล้วหมดสติไป ดวงจิตแทบจะแหลกสลาย


มันเป็นผลที่ฮ่องเต้สวียั้งมือ มิเช่นนั้นหากความสามารถอย่างเขา เพียงแค่ดีดนิ้วเบาๆ คนคนนี้คงจะดับสูญทั้งกายจิตไปแล้ว


“สวีหมิงซวน บังอาจ!” ชายชราตระกูลหวางพิโรธ ไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด ตบหน้าเขาต่อหน้าคนมากมายปานนี้ มันเท่ากับเหยียดหยามเขาไม่ใช่หรือ?


“ทำไมข้าจะไม่กล้า ตระกูลหวางสั่งสอนกันไม่ดี ปล่อยให้ผู้น้อยพูดจาส่งเดช ข้าถามเจ้า อยากอาศัยปากของผู้น้อยคนนี้ เปิดศึกระหว่างตระกูลเราทั้งสองหรือ?!” สวีหมิงซวนตวาด


ตอนแรก ผู้คนไม่คิดอะไร ต่างก็คิดว่าสวีหมิงซวนเป็นฮ่องเต้ ลงมือเช่นนี้ มันไม่จริงจังเอาเสียเลย


แต่ตอนนี้เมื่อเขาพูดแบบนี้ ต่างก็รู้สึกถึงความร้ายแรงของเรื่อง!


“เจ้า…ฮึ่ย!” ผู้อาวุโสตระกูลหวางโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่คำรามในคอ สะบัดเสื้อแล้วถอยหลังไป ไม่เอาความอีก

 

 

 


ตอนที่ 1290

 

เดินทางขึ้นเหนือ

โดย

Ink Stone_Fantasy

“เจ้าใช้ได้!” สวีหมิงซวนเดินมาอย่างสง่างาม แผ่รังสีของจักรพรรดิ ตบไหล่สือฮ่าวปุๆ


มดสีทองทำหน้าเหยเก รีบหลบทันที เพราะเกือบจะโดนตัวมันอยู่แล้ว ซ้ำมันยังสงสัยว่าฮ่องเต้ผู้ที่ไม่ขึ้นกับใครองค์นี้ตั้งใจ อยากจะตบมันต่างหาก


ผมสีดำของสวีหมิงซวนหนาหนุ่ม ใบหน้าเรียวยาว ดวงตาฉายภาพดวงดาวระเบิด เป็นภาพที่น่าตะลึง! ดูแล้วเหมือนอยู่ในวัยกลางคน แต่มีกำลังวังชา ชุดสีทองเปล่งประกายส่องสะท้อนมิติ ประหนึ่งเทพเจ้าสงครามไร้พ่าย


“ผู้อาวุโสมีปรีชาญาณ องอาจยิ่งนัก!” สือฮ่าวหัวเราะลั่น ประจบประแจงอยู่ตรงนั้น


“เจ้าหนูนี่ เมื่อครู่เลือดร้อนยิ่งนัก ตอนนี้รู้จักประจบด้วยหรือ” สวีหมิงซวนยิ้ม


“ข้าแค่พูดความจริง เท่านั้น เห็นท่านตบหน้าเจ้าคนตระกูลหวางที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนั้น อหังการยิ่งนัก รู้สึกเหมือนได้ระบายอารมณ์” สือฮ่าวหัวเราะ


หลายคนทำหน้าพิลึก คนตระกูลหวางได้ฟังก็เจ็บแค้นเป็นที่สุด นี่มันเหยียดหยามซึ่งๆ หน้า ฮวงไม่ใช่คนดีจริงๆ ทำให้พวกเขายิ่งเกลียดชังมากขึ้นไปอีก


“คนตระกูลหวาง ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะหยุดแต่เพียงเท่านี้ บางอย่างพูดส่งเดชไม่ได้ อีกอย่างข้ายังไม่ได้เลือกว่าจะให้ใครเป็นคู่ครองของลูกสาวข้า ต่อให้เลือกแล้วจริงๆ ก็ไม่ใช่สิ่งพวกเจ้าจะพูดจาให้ร้ายตามอำเภอใจได้” สวีหมิงซวนพูด


จากนั้น เขาก็มองมดเขาสวรรค์บนไหล่สือฮ่าว พร้อมกับทำหน้าตาแปลกใจ “ไยเจ้ามองข้าแบบนี้ คิดเป็นปรปักษ์หรือ?”


“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ชุดวาดลายงูสี่เท้า นี่เป็นการประกาศศักดาต่อหน้าข้าหรือ จะปักควรปักลายมดสีทองมากกว่า!” มดเขาสวรรค์พูดอย่างมีน้ำโห


เผ่าพันธุ์นี้มีปมในใจ อยากชิงที่หนึ่งในปฐพีกับมังกร


ผู้คนได้ฟังก็พากันหัวเราะดังลั่น สวีหมิงซวนก็พูดไม่ออกเช่นกัน


ปรมาจารย์กลับมา ไม่มีใครกล้าบุ่มบ่ามอีก คนที่จับจ้องถ้ำราชันเซียนใต้พิภพในตอนแรกต่างก็สงบเสงี่ยม ไม่กล้าล่วงเกินชายชราคนนี้อีก


เมื่อทักทายปราศรัยกันแล้ว ปรมาจารย์ก็พาแขกผู้มีเกียรติเข้าไปในตำหนักบนเขาเทพเจ้า เพื่อหารือกัน


ตอนนี้ อัจฉริยะหลายคนลงไปใต้พิภพแล้ว ต่างก็ไปแสวงหาโชคชั้นใหญ่แล้ว เพราะมีข่าวแว่วมาจากเมืองเซียน ผู้คนรู้แล้วว่าที่นั่นไม่มีอันตราย


“สือฮ่าว เจ้ามานี่” ปรมาจารย์แอบเรียกเขา


สือฮ่าวไม่ใจร้อนจะจากไป เพราะได้รับคำสั่งจากปรมาจารย์นานแล้วว่า ให้รอเขาที่นี่


ปรมาจารย์ดูแลแขกคนสำคัญเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกจากตำหนักใหญ่ พาสือฮ่าวมายังภูเขาด้านหลัง มันเป็นสถานที่อันเงียบสงบ มีเพียงที่อยู่อาศัยและไผ่โบราณ ไม่มีใครมาที่นี่ได้


“ผู้อาวุโส สิ่งที่ท่านขุดได้จากถ้ำแห่งนั้นคืออะไรกันแน่?” สือฮ่าวสงสัยมาโดยตลอด


ดินแดนโบราณแห่งนั้นลึกลับเหลือเกิน แต่ปรมาจารย์กลับขุดเจอสัตว์ที่ไร้ลมหายใจได้จากกองกระดูก น่าตกใจไม่น้อยเลย


ต้องรู้ว่า ที่นั่นเก่าแก่อย่างยิ่ง กระดูกมากมายแทบจะผุพังเป็นผุยผง เมื่อนานมาแล้ว ต่างก็เป็นมือดีสะเทือนปฐพี


มันหมายความว่า สัตว์ที่ฝังอยู่ใต้กองกระดูกที่อยู่ลึกเข้าไปอาจเก่าแก่เป็นที่สุด อยู่นานจนไม่อาจจินตนาการได้!


เวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้ว สัตว์ตัวนั้นยังมีชีวิตอยู่ มันช่างน่าเหลือเชื่อ มันเป็นพลังชีวิตที่แข็งแกร่งปานใดกัน?


ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นสือฮ่าวรู้สึกได้ชัดเจนว่า สัตว์ตัวนั้นอ่อนระโหยโรยแรง แต่ก็น่ากลัวเหนือความคาดหมายของเขา เมื่อกางปีก ฟ้าดินก็ถล่มทลาย!


หากทำให้มันคืนชีพ จะประเมินไม่ได้เลยว่าจะแข็งแกร่งถึงขั้นไหน!


“ข้าเรียกเจ้ามาเพราะเรื่องนี้นี่แหละ เรื่องนี้ให้มันตายไปกับเจ้า ห้ามพูดกับใครเด็ดขาด บอกใครไม่ได้!” ปรมาจารย์จริงจังยิ่งนัก


“พวกเจ้าพูดอะไรกันอยู่?” มดน้อยบนไหล่สือฮ่าวฉงนใจ เพราะมันไม่ได้ยินเลยสักประโยค ถูกปรมาจารย์ใช้ญาณวิเศษปิดบัง


จากนั้น ปรมาจารย์ก็มอบแหวนวงหนึ่งให้เขา มันดูเก่ามาก มองไม่ออกว่าคืออะไร หม่นหมองไม่แวววาว ไม่รู้ว่าทำจากวัสดุอะไร มันเป็นสีน้ำเงินเข้ม


ราวกับทำมาจากหินสีน้ำเงิน ไร้ความงดงาม ถึงขั้นเรียกได้ว่าไม่ค่อยประณีต


มันคืออะไร? สือฮ่าวมองปรมาจารย์ด้วยความงุนงง


“สวมมันไว้ บางทีสักวันอาจได้ใช้ประโยชน์ เรื่องอื่นไม่ต้องถาม แต่จำไว้ให้ขึ้นใจว่า เรื่องของสัตว์ที่ถูกขุดขึ้นมาห้ามบอกใครเด็ดขาด!” ปรมาจารย์กำชับอย่างจริงจังอีกครั้ง


เดิมที สือฮ่าวใช้กายเป็นพันธุ์ ประสบความสำเร็จ บุกเบิกเส้นทางที่ไม่มีใครทำได้ ปรมาจารย์จะต้องดีใจยิ่งนัก ตื่นเต้นเป็นที่สุด ถึงขั้นเฉลิมฉลอง


แต่เพราะสัตว์ที่ขุดได้จากใต้ดินตัวนั้น ทุกอย่างกลับตาลปัตร ปรมาจารย์เคร่งขรึมมากเป็นพิเศษ มีความกังวลใจ!


สือฮ่าวบอกปรมาจารย์ว่า จะไปตามหาคัมภีร์อมตะ สถานการณ์คับขัน สิ่งมีชีวิตอีกฝั่งของดินแดนอาจเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อ หากข้ามชายแดนมาได้ แดนนี้จะเป็นอันตราย ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องรีบจากไป เพื่อทำตนให้แข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว


“ไปเถอะ ระวังตัวด้วย” ปรมาจารย์กำชับ


“คนพวกนั้นคงไม่เพ่งเล็งข้าอีกแล้วใช่ไหม?” ตาของสือฮ่าวเป็นประกาย


“ไปแล้วนะ!” หลังออกจากผืนป่า มดน้อยก็กู่ร้อง สูดลมหายใจอันสดชื่นจากด้านนอกอย่างตะกละตะกลาม


ที่จริง ที่นี่แตกต่างจากถ้ำใต้พิภพเหลือเกิน ตรงนั้นเต็มไปด้วยพลังปราณหนาแน่น แม้กระทั่งว่ามีพลังเซียนปะปน เหนือกว่าโลกภายนอกมากโข


แต่สำหรับมดน้อยแล้ว ทุกอย่างภายนอกแปลกใหม่ เปี่ยมด้วยพลังชีวิต ไม่จืดชืดเหมือนโลกใต้พิภพ


“พวกเราจะไปตามหาคัมภีร์อมตะที่ไหน?” มดน้อยถาม


“ป่าหินทะเลเหนือ!” สือฮ่าวพูด นี่เป็นสถานที่ที่สำคัญอย่างยิ่ง คงอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นป่าหินที่อยู่กลางทะเลกว้าง


มีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับที่นี่มากมายเหลือเกิน


หากเป็นคนที่ประสบผลสำเร็จในยุคนี้ มักจะชอบไปที่นั่น ทิ้งชื่อไว้ในป่าหิน สลักชื่อบนยอดเขาสูง เป็นการแสดงความสามารถของตัวเอง


เช่นพวกเทพจื่อรื่อและหลานเซียน หลังบำเพ็ญเพียรเสร็จสิ้น ต่างก็เคยไปที่นั่น สลักชื่อตัวเองลงบนหน้าผา ต่างก็สูงส่ง เหนือกว่าบรรพบุรุษทั้งหลาย เจิดจรัส เปล่งประกายโชติช่วง!


ว่ากันว่า เกือบครึ่งของผู้สูงส่งต่างก็ไปทิ้งชื่อไว้ที่นั่นแล้ว ทำให้ยอดเขาบางส่วนในทะเลสั่นสะเทือนไปตามกัน!


โชคดีที่ป่าหินทะเลเหนืออยู่ในสวรรค์ไร้ขอบเขต หากมิเช่นนั้น การข้ามแดนเป็นปัญหาใหญ่สำหรับสือฮ่าว โดยปกติแล้วคนทั่วไปทำไม่ได้


สวรรค์ไร้ขอบเขตกว้างใหญ่ยิ่งนัก มากด้วยแอ่งน้ำ ผืนดินเต็มไปด้วยเมืองใหญ่มากมาย ห่างกันหลายหมื่นลี้


ซ้ำยังมีเมืองศูนย์กลางหลายแห่ง ใหญ่จนน่าตกใจ ดีไม่ดีอาจอยู่ห่างกันนับสิบล้านลี้ ด้วยเหตุนี้ต่างก็มีค่ายกลขนส่งขนาดใหญ่ตั้งอยู่


ตลอดทางนี้สือฮ่าวอาศัยเส้นทางนี้ ใช้ค่ายกลขนส่งแห่งแล้วแห่งเล่า ทุกครั้งจะถูกส่งไปไกลหลายสิบล้านลี้ มุ่งหน้าไปทางเหนือ จะออกจากแผ่นดินผืนนี้ เพื่อเข้าสู่ทะเลเหนือ


จินตนาการได้ยากยิ่งนักว่า แดนนี้กว้างใหญ่ปานใดกันแน่ เขาเดินทางไม่หยุดหย่อน ใช้ค่ายกลขนส่งอย่างต่อเนื่อง ใช้เวลานานถึงเจ็ดวัน กว่าจะมาถึงบริเวณที่เหนือสุด


ที่นี่ยังคงมีป่าดึกดำบรรพ์ สัตว์โบราณต่างๆ ปรากฏให้เห็น ปักษากางปีก ในฟ้าดินเต็มไปด้วยเสียงสัตว์ร้อง กลิ่นอายวังเวงกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง


แม้จะเข้าใกล้ทะเลเหนือ ได้ยินเสียงคลื่นทะเลแล้ว สัตว์นานาชนิดยังคงปรากฏให้เห็นริมทะเล เห็นเงาผลุบๆ โผล่ๆ อยู่บ่อยครั้ง


สือฮ่าวอดอุทานไม่ได้ กระทั่งเข้าขั้นธรรมปลอม เขาจึงนับว่าเดินเหินอยู่ในผืนป่าได้ เพราะอสูรไม่น้อยล้วนอยู่ในขั้นธรรมปลอม!


หากเป็นเมื่อก่อน คงทำได้เพียงหลีกเลี่ยง ไม่กล้าเดินสง่าผ่าเผยแบบนี้ จำต้องระวังสัตว์ประหลาดทั้งหลาย


ตอนนี้ เขาก็นับว่าเป็นบุคคลขั้นเจ้าสำนักแล้ว สุขุมขึ้นมากแล้ว


แน่นอนว่า หากคิดว่าตะลุยไปทั่วหล้า ตะลอนทั่วป่าดึกดำบรรพ์ได้ เช่นนั้นก็ถือว่าผิดมหันต์แล้ว ยังต้องระวังตัว ไม่แน่ว่าลึกเข้าไปในเทือกเขาอาจมีผู้ยิ่งใหญ่หลบซ่อนอยู่ก็เป็นได้


หรืออาจมีมังกรร้ายซ่อนตัวอยู่ใต้แอ่งน้ำ ของแบบนั้น ดีไม่ดีอาจมีอายุถึงหลายแสนปี ขั้นบำเพ็ญแก่กล้าเหนือคำบรรยาย


ทะเลเหนือกว้างใหญ่ไพศาล ไกลสุดลูกหูลูกตา


แต่เมื่ออยู่ริมฝั่ง ก็ทำให้คนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้ เพราะมันน่ากลัวเกินไป


เมื่อมองไปข้างหน้า ทุกอย่างขมุกขมัว เลือนราง มหาสมุทรกว้างใหญ่เต็มไปด้วยหมอกดำทะมึน ประหนึ่งทะเลวิญญาณ วังเวงไม่น้อยเลย


มีค่ายกลที่ขนส่งไปยังทะเลเหนือเช่นกัน แต่เชื่อถือไม่ค่อยได้


ค่ายกลโบราณเหล่านั้นขาดการซ่อมบำรุงนานหลายปี มักจะเกิดปัญหา ส่งคนเข้าไปในทะเลลึกอันกว้างใหญ่แล้วหายสาบสูญไปอยู่บ่อยครั้ง


สือฮ่าวมาที่นี่ก็อยากเป็นเหมือนคนอื่น นั่งรอเรือวิญญาณ แม้ชื่อจะฟังดูน่ากลัว แต่มันกลับไม่มีอันตรายใด


เห็นเงาของเรือท่ามกลางม่านหมอก ราวกับมีวิญญาณโลดแล่นท่ามกลางหมอกสีดำ เรือโบราณบางส่วนกำลังลอยล่องอย่างเป็นอิสระ มีโคมไฟสีแดงแขวนอยู่บนเรือ


มันดูน่าขนลุกอยู่บ้าง ทว่าแต่ไหนแต่ไรมา น้อยครั้งที่จะได้ยินว่าเกิดอันตรายอะไร


ครู่หนึ่ง เรือวิญญาณหลายลำก็โผล่มา ลอยเข้ามาใกล้โดยไม่ให้สุ้มให้เสียง โคมไฟสีเลือดสาดแสงวูบไหวออกมาจากหัวเรือ


“นี่หรือเรือวิญญาณ?” สือฮ่าวพึมพำ


“น่ากลัวจริงๆ!” มดสีทองตัวสั่นระริกขึ้นมา


“เจ้าไม่รู้หรือว่า เรือนี่มีมาตั้งแต่เซียนโบราณ คงอยู่ตั้งแต่ยุคก่อนมาถึงตอนนี้ ไม่เคยผุพัง ลอยล่องอยู่ในทะเล พาคนริมฝั่งมุ่งหน้าไปข้างหน้าได้” สือฮ่าวพูด


“ไม่รู้ ไม่เคยได้ยินมาก่อน” มดน้อยส่ายหัว เพราะมันเกิดในยุคนี้


แท้ที่จริงแล้ว สือฮ่าวก็ฉงนใจมากเหมือนกัน ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย ครั้งแรกที่เขาได้ยินว่าต้องอาศัยเรือลำนี้ข้ามทะเลเหนือ ก็ตกใจเช่นกัน


มันมีความวิเศษอย่างไรกันแน่? เรือที่ดำรงอยู่มายาวนาน แถมยังกำหนดทิศทางเดินเรือได้ ช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก


ใกล้แล้ว เรือลำหนึ่งลอยเข้าฝั่งแล้ว ขนาดไม่ใหญ่ปานนั้น แต่กลับทนทานอย่างมาก เรือเป็นสีดำ ผ่านกาลเวลามาอย่างโชกโชนแต่ไม่เสื่อมโทรม


มันเป็นเรือที่ลอยมาจากยุคที่แล้วหรือ? สือฮ่าวไม่อยากจะเชื่อเลย มันน่าเหลือเชื่อเกินไป


เคยมีผู้ยิ่งใหญ่นำเรือบางส่วนกลับไป เพื่อศึกษา แต่ผลลัพธ์กลับไม่มีอะไรพิเศษมากนัก


“ไปกันเถอะ ออกเดินทางกันได้แล้ว” สือฮ่าวพูด


เขาจะออกทะเลแล้ว ว่ากันว่าลึกเข้าไปทะเลเหนือก็ครึกครื้นมากเช่นกัน รุ่งเรืองสุดแสน มีนักพรตอาศัยอยู่กันไม่น้อยเลย


“อืม คุ้นตามากทีเดียว!” เมื่อขึ้นเรือวิญญาณแล้ว สือฮ่าวก็ขมวดคิ้ว


 ทำไมเรือลำนี้ยิ่งดูก็ยิ่งคุ้นตา สะเทือนไปถึงกลางใจเขา ทำให้ว้าวุ่นขึ้นมา เขารู้สึกไม่สบายใจ


สือฮ่าวก็นึกขึ้นทันทีว่า ตอนที่เขาอายุประมาณสิบปี  เคยออกทะเลตอนอยู่โลกมนุษย์ มุ่งหน้าไปชิงเคล็ดวิชาเย้ยโลกาที่รังคุนเผิง เคยเจอมันที่นั่น…


เพียงแต่ว่า สิ่งที่เห็นตอนนั้นเป็นเรือกระดาษ ถูกคนพับขึ้นมา


เรือลำนี้ เหมือนเรือลำนั้นราวกับแกะ!


ยิ่งไปกว่านั้น เขาเชื่อมั่นว่า เรือลำนี้ไม่ได้เกิดมาจากกระดาษ สมจริงยิ่งนัก เมื่อใช้มือแตะมันเย็นเฉียบเล็กน้อย


“เรือกระดูก!”


มันเป็นเรือที่ฝนจากกระดูก มันไม่จมลงน้ำ แถมยังแข็งแรงทนทาน ต้องมีความเป็นมายิ่งใหญ่แน่นอน!


ขณะที่สือฮ่าวกำลังตะลึง เรือลำนี้เปิดด้วยตัวเอง ทะลุผ่านม่านหมอกสีดำ แล่นตรงไปในทะเลเหนือ


สือฮ่าวนั่งลงแล้วเคาะเรือเบาๆ ตั้งใจตรวจสอบ หรือจะเป็นเหมือนในตำนาน ทำจากกระดูกของเจ้าแห่งนรกงั้นหรือ?


จู่ๆ สือฮ่าวก็หวาดผวา ลุกขึ้นยืนทันที เขาเห็นของเหลวสีแดงคล้ำกำลังไหลซึมออกมา


เลือด!


ในท้องเรือมีคราบเรือประปราย จู่ๆ ก็ไหลออกมา


เมื่อครู่เขาไม่ได้สังเกต พลันก็ยกมือลูบคาง มือเต็มไปด้วยเลือด น่ากลัวและประหลาดยิ่งนัก!


ไม่…เคยได้ยินมาก่อน! คนอื่นนั่งเรือข้ามทะเล ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ ต่างก็ปลอดภัย


สือฮ่าวขนลุกขนชันขึ้นมา นี่มันเรื่องอะไรกัน?


ใจของเขาระส่ำระสาย เกิดข้อสันนิษฐานอันใจกล้าขึ้นมา หรือว่า เขามาถึงปลายทางแล้วจริงๆ หญิงที่พับเรือกระดาษคนนั้นอยู่ในทะเลแห่งนี้?!


เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ สือฮ่าวก็ตกใจขึ้นมาทันที!


หญิงคนนั้นลคกลับเหลือเกิน สร้างความทรงจำอันลึกซึ้งให้เขา แม้กระทั่งว่าตอนอยู่ที่รังคุนเผิง นางเหนือกว่าเรื่องของคุนเผิง ทำให้เขาลืมไม่ลง

 

 

 


ตอนที่ 1291

 

 แดนนรก

โดย

Ink Stone_Fantasy

หมอกสีดำกระจายอยู่ทั่ว เมื่ออยู่กลางทะเลก็มองไม่เห็นทิศทาง มีเพียงเรือวิญญาณกำลังโลดแล่น


มันพิลึกยิ่งนัก ทะเลผืนกว้าง ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด แต่เงียบสงัดไม่มีเสียง แม้กระทั่งว่าไม่มีแม้แต่ริ้วคลื่น ที่นี่เป็นดุจทะเลแห่งมรณะ เงียบงันจนน่าตกใจ


สือฮ่าวที่อยู่บนเรือกระดูกสีดำที่ยาวไม่ถึงหนึ่งจั้งทำหน้าเคร่งขรึม จ้องเลือดบนเรือเขม็ง จากนั้นก็มองทะเลเงียบวังเวงผืนนี้


เขาไม่มีความมั่นใจ ไม่เคยซักถามคนอื่นว่า พบเจอกับสถานการณ์แบบไหนยามข้ามทะเลผืนนี้ มันปกติไหม?


อย่างน้อย มีเลือดสีดำซึมออกมาจากเรือ มันไม่ปกติแน่นอน คนอื่นไม่เคยพบเจอเป็นแน่


“ในตัวข้ามีอะไร ทำให้มันเกิดปฏิกิริยาหรือ?” สือฮ่าวพึมพำ มิเช่นนั้นจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้อย่างไร


เขาอยู่ไม่สุข เรือวิญญาณกำลังแล่นด้วยตัวเอง ปลายทางที่แท้จริงยังเป็นป่าหินทะเลเหนืออยู่หรือไม่? เขาไม่อาจมั่นใจได้ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันในผืนทะเลกว้างเช่นนี้ มันจะรับมือได้ยากยิ่งนัก


“เลือดมีกลิ่นอะไร แม้จะมีกลิ่นคาว แต่กลับมีกลิ่นหอมจางๆ แฝงอยู่’ มดบนหัวไหล่ของสือฮ่าวพูด จากนั้นก็กระโดดลงมา


สือฮ่าวพูดไม่ออก ไยมุมมองของทายาทสิบอสูรจึงแตกต่างแบบนี้ เขายังรู้สึกกังวล แต่เจ้านี่กลับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด


“เจ้าลองดูไหมล่ะ?” สือฮ่าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์


“ตึง!”


แม้มดสีทองจะยาวไม่ถึงหนึ่งหุน แต่กลับหิ้วหม้อสำริดขนาดเท่าหัวคนขึ้นมา เห็นได้ชัดว่า มันมีญาณวิเศษเหนือชั้น ปกติสามารถใส่อาวุธที่ใหญ่ปานเขาพระสุเมรุเข้าไปในตัวได้


“หลอมสักหน่อย!” มันดีดนิ้ว เลือดสีแดงคล้ำบนท้องเรือกระเด็นออกมาหลายหยด หยดลงในหม้อสำริด


“ไฟแห่งพลัง แผดเผาความชั่วร้าย!” มดน้อยแผดร้อง อ้าปากพ่นลำแสงสีทอง กลายเป็นเปลวไฟ แผดเผาหม้อใบนั้น


แม้มันจะมีขนาดเล็ก แต่อานุภาพของเปลวไฟที่พ่นออกมากลับไม่ธรรมดา ทำให้อุณหภูมิที่นี่พุ่งพรวดพราดขึ้นทันที แม้แต่มิติก็บิดเบี้ยว เกิดเสียงดังเปรี๊ยะ


จากนั้นหม้อก็ถูกเผาจนแดงกระทั่งโปร่งแสง


หม้อใบนี้พิเศษยิ่งนัก ส่องแสงแวววาว เมื่อครู่ยังเป็นสีของสำริด ปรากฏว่าตอนนี้กลับเป็นเหมือนกระจก ทำให้เห็นลวดลายผนึกกำลังข้างใน


มันเป็นอักขระเซียนโบราณ ก่อตัวเป็นโครงสร้างภายในหม้อ ซับซ้อนและวิเศษ


ผลุบ!


ไม่นาน ควันดำก็ลอยออกจากหม้อ กลิ่นคาวฉุนจมูก ชวนให้รู้สึกคลื่นเหียน


สือฮ่าวกับมดน้อยถอยหลังอย่างรวดเร็ว ควันดำเบาบาง แต่กลับมีพลังกัดกร่อนอันน่าตกใจ ทำให้หมอกควันรอบๆ เกิดเสียงดัง ซ้ำยังแฝงด้วยพลังงานน่ากลัว ชั่ววินาทีที่มันลอยขึ้นมา มิติบริเวณรอบๆ แตกระแหง


อย่าว่าแต่สือฮ่าวเลย มดน้อยผู้ไม่ยี่หระก็ตะลึงพรึงเพริด


“วิปริตปานนี้ มันเป็นพิษที่เกิดจากเลือดที่ถูกสาปของผู้ยิ่งใหญ่ขั้นอมตะหรือ?” มดน้อยพึมพำ


สือฮ่าวตกใจยิ่งกว่ามันเสียอีก เป็นแค่เลือดที่ซึมออกจากท้องเรือ เอาออกมาไม่กี่หยดเท่านั้น แต่กลับมีพลังถึงปานนี้


เห็นได้ชัดว่า มันเป็นพิษที่หลงเหลือ ตอนนั้นมันเป็นอย่างไร? จินตนาการไม่ออกเลย เกรงว่าเลือดหนึ่งหยดก็สามารถทำลายมือดีขั้นสุดยอดได้


ใบหม้อมีเลือดที่นับว่าแดงฉานอยู่หนึ่งหยด มีพลังบางอย่างแฝงอยู่ แต่กลับขาดพลังชีวิต ขณะเดียวกันก็มีกลิ่นหอมอ่อนๆ อยู่ด้วย


มันเป็นเลือดวิเศษ!


แน่นอนว่า มันเคยล้ำค่าสุดแสน แต่เมื่อกาลเวลาอันยาวนานผ่านไป พลังปราณสลายหายไป หลงเหลืออยู่หนึ่งในหมื่นนับว่าดีมากแล้ว


แต่แม้จะเป็นแบบนี้ เลือดหยดนี้ยังคงมีพลังที่น่ากลัวมากเช่นเดิม


สือฮ่าวเพ่งมอง เห็นดวงดาวมากมายเคลื่อนไหวอยู่ข้างใน มันเป็นภาพลวงตา เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หมอกเกลือกกลิ้ง ดวงดาวทั้งหลายในจักรวาลถูกพุ่งชน จากนั้นระเบิด


มันทำให้เขาตะลึงพรึงเพริด!


มดน้อยจ้องภาพในเลือดหยดนั้นอย่างลุ้นระทึก


ตูม!


เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ราวกับพวกเขาได้ยินเสียงคำรามที่เปี่ยมด้วยความสิ้นหวัง จากนั้นก็มีทวนสีทองพุ่งทะลุจักรวาล ทะลวงสิ่งมีชีวิตตนนั้นดังผลุบ


ต่อมา เลือดก็สาดกระจาย โปรยปรายลงบนดวงดาว เลือดเป็นดุจศาสตราวุธน่ากลัว พุ่งทะลุดวงดาวใหญ่ทั้งหลาย


ทั้งๆ ที่เป็นแค่หยดเลือดบางส่วนเท่านั้น แต่กลับทำลายดวงดาวขนาดมหึมาและเก่าแก่มากมาย โจมตีจนแหลกละเอียด


“สวรรค์ ยิ่งใหญ่นัก ด้อยกว่าพ่อข้าไม่เท่าใดหรอกกระมัง?” มดน้อยอุทานอย่างตกใจ


สือฮ่าวก็อดตกใจไม่ได้ เสียวสันหลังวาบ มันเป็นสงครามแบบไหนกัน? ชั่ววินาทีที่สิ่งมีชีวิตถูกทะลวง เลือดก็พุ่งกระฉูด สาดลงบนดวงดาว ทำลายพวกมันไปมากมายปานนี้ มันสะเทือนขวัญเสียเหลือเกิน


เลือดหนึ่งหยดทำลายดาราจักร โจมตีดวงดาวขนาดใหญ่นับหลายร้อยหลายพันดวง!


นี่เป็นตำนานเหนือตำนาน มันช่างน่าตกใจจริงๆ


“เลือดหยดนี้เจือจางไปแล้วไม่รู้กี่หมื่นเท้า แต่ยังทิ้งร่องรอยพวกนี้ไว้ แฝงด้วยข้อความเมื่อนานมาแล้ว ไม่ธรรมดาจริงๆ!” มดน้อยพูด


สือฮ่าวส่งสัญญาณ ให้มันลองชิมรสชาติของเลือดดู


มันส่ายหน้าอย่างสุขุมแล้วพูดว่า “จะมีเลือดอะไรสู้เลือดสุดยอดพลังของข้าได้ เลือดหัวใจมังกรก็ไม่เห็นว่าจะเทียบได้!”


“จะว่าไปก็จริง ให้ข้าได้ชิมสักหน่อยว่า เลือดสุดยอดพลังเป็นอย่างไรกันแน่ ข้ายังไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อนเลย” สือฮ่าวพูดยิ้มๆ


“หลีกไป อย่าคิดจะทำอะไรข้า!” มดน้อยทำท่าระวังตัวขึ้นมา


ทั้งที่ตึงเครียดยิ่งนัก บรรยากาศไม่ชอบมาพากล ผืนทะเลกว้างเงียบสงัด ประหนึ่งเป็นเขตต้องห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิต แต่พวกเขายังโต้เถียงกัน ทำให้ผ่อนคลายลงไม่น้อย


สือฮ่าวตรวจสอบเลือดหยดนี้จะถี่ถ้วน เสียดายที่ไม่พบอะไรใหม่ มันค่อยๆ มืดสลัวลง กลับสู่ความสงบ


เวลาผ่านไปสามวันอย่างรวดเร็ว หมอกในทะเลหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายแม้แต่เนตรสวรรค์ก็หมดประสิทธิภาพ


พวกเขาเข้าสู่แดนปีศาจ ทะเลลึกยิ่งนัก ไม่รู้ลึกถึงกี่หมื่นจั้ง แต่กลับมีโครงกระดูกขนาดใหญ่โผล่พ้นผิวน้ำให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง


นี่มันสถานที่บ้าบอกอะไร? เห็นผีชัดๆ!


ร่ำลือกันว่า ระหว่างทางที่เรือวิญญาณแล่นผ่านไม่มีสถานที่แบบนี้ ที่นี่ไม่น่าใช่ปลายทางที่จะมุ่งหน้าไป


ผิวน้ำมีกระดูกครึ่งวงกลมให้เห็นเป็นครั้งคราว เมื่อเพ่งมอง มันเป็นกะโหลก ตั้งขวางอยู่กลางทะเล ใหญ่โตมโหฬารนัก


“กะโหลกนี่ใหญ่เกินไปแล้ว ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ คงจะยืนค้ำฟ้าเป็นแน่” มดน้อยอุทาน


สือฮ่าวทำหน้าจริงจัง เขารู้สึกเหมือนกำลังเดินทางผ่านเส้นทางมรณะ ข้ามผ่านเก้าสวรรค์สิบพิภพในความเป็นจริง มาถึงแดนนรก


มิเช่นนั้น จะมีภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร


มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ปักอยู่กลางทะเลให้เห็น โผล่พ้นขึ้นเหนือผิวน้ำ สูงทะลุชั้นเมฆ มันพิลึกเหลือเกิน


สามารถจินตนาการได้ว่า สงครามในตอนนั้นดุเดือดปานใด ผู้ตายต้องเป็นบุคคลขั้นสุดยอดเป็นแน่ ไม่ว่าตนใดปรากฏตัวก็คงสะเทือนฟ้าดิน!


รู้สึกถึงอานุภาพของพลังได้ที่นี่ บุคคลที่ยิ่งใหญ่สะเทือนโลกาปานใด สุดท้ายก็น่าเวทนาเช่นนี้ เป็นแค่เศษกระดูกในสายน้ำของกาลเวลาเท่านั้น


สือฮ่าวอดคิดไม่ได้ว่า เขาในอีกล้านปีให้หลังจะอยู่ที่ใด จะกลายเป็นแค่เศษกระดูกเหมือนกันหรือไม่


อนาคตจะเป็นอย่างไร ตอนนี้เค้าลางต่างก็กำลังส่งสัญญาณให้เห็น มันจะเลวร้ายอย่างมาก กฎเกณฑ์ฟ้าดินถูกทำลาย สิ่งมีชีวิตต่างแดนรุกราน ทำให้กลายเป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์


หากเข้าสู่ยุคใหม่ คนในยุคนี้อย่างพวกเขาจะเหลือกี่คน จะกลายเป็นเถ้าธุลีของประวัติศาสตร์หรือไม่?


สือฮ่าวจำได้ชัดเจนว่า ในสนามรบเซียน มีผู้ยิ่งใหญ่ก่อนปฐมกาลข้ามเวลามาจะสังหารเขา เคยมีหญิงชุดขาวลงมือช่วยเขาจากตอนบนของสายน้ำแห่งกาลเวลา


นั่นเป็นรุ่นหลัง เป็นคนของยุคหน้าหรือ พวกเขาจะมีโอกาสได้พบกันหรือไม่?


หรือการลงมือครั้งนั้นเป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น


กลียุคที่มืดมนที่สุด ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดจะมาเยือน สุดท้ายสือฮ่าวก็ไม่รู้ว่าชะตาของตัวเองจะเป็นอย่างไร


“หือ?” จู่ๆ ขณะที่เขากำลังขบคิด ก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พวกเขาแล่นออกจากบริเวณนี้


ผืนทะเลโล่งกว้างในพริบตา ท้องฟ้าสีคราม น้ำทะเลที่แวววาวดุจลูกแก้ว ร้อยเข้าด้วยกัน สุกใสและโปร่งแสง งดงามจับใจ


ก่อนหน้านี้ยังมีหมอกดำหนาแน่น กลิ่นอายความตายปกคลุม ในน้ำเต็มไปด้วยกระดูกมหึมา แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรในพริบตา


แตกต่างกันเหลือเกิน เหนือความคาดหมาย!


“เราอยู่ที่ไหนกัน?” มดสีทองหันซ้ายแลขวา มันมึนงงไม่น้อยเลย


ทะเลกว้างท้องฟ้าคราม ผิวน้ำดุจผลึกหิน มีพลังปราณทะลักออกมา


นี่ไม่ใช่ป่าหินทะเลเหนือแน่นอน มันไม่เหมือนที่ร่ำลือ สือฮ่าวขมวดคิ้ว ไม่มีกะจิตกะใจชื่นชมทิวทัศน์งดงามเช่นนี้


เลือดซึมออกจากเรือวิญญาณ มันมีอะไรบางอย่าง พาพวกเขาเข้ามาในแดนลึกลับ เขาคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ทำไมสิ่งที่เผชิญไม่เหมือนคนอื่น


ครั้งนี้ เรือวิญญาณแล่นไวยิ่งนัก ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม พวกเขาก็เข้าสู่สถานที่ขมุกขมัวแห่งหนึ่ง


ที่นี่ล้มล้างความคิดที่เคยมีมาอย่างสิ้นเชิง แตกต่างจากสิ่งที่พวกเขาเห็นทั่วไป


พระอาทิตย์สีทองดวงหนึ่งแนบผิวน้ำ ส่องแสงสว่างไสว เห็นอีกาทองหลับใหลอยู่ในดวงตะวัน


มันเป็นดวงอาทิตย์เก่าแก่ดวงหนึ่ง เกิดจากศพอีกาทองที่ตะลุยไปทั่วฟ้าดิน ไร้พลังความตาย มีเพียงความร้อนระอุและสุขสงบ


และบนฟ้าสูง เต็มไปด้วยยอดเขามากมาย แต่ล้วนคว่ำหัวลง มากกว่านั้นคือต้นไม้ ประหนึ่งงอกเงยบนฟ้าสูง แต่ยอดไม้กลับหัวเข้าหาผิวน้ำสีคราม


นอกจากนี้ ทั้งเทือกเขาและผืนดิน ต่างก็กลับหัว ตรงข้ามกับสรรพสิ่งที่อยู่ข้างล่าง


พระอาทิตย์แนบผิวน้ำ ห่างไกลจากฟากฟ้า ต้นหญ้ากลับหัวบนผืนฟ้า ปักษาและสัตว์ร้ายบางส่วนกำลังแผดร้อง เท้าเหยียบท้องฟ้า เดินกลับหัวเช่นกัน


มันเหมือนโลกกลับหัว ตรงข้ามกับที่นี่


จักรวาลประหลาด ดินแดนที่แตกต่าง ที่นี่พิเศษยิ่งนัก มันชวนให้ฉงนสนเท่ห์


มดน้อยยืดคอ ท่าทางเหม่อลอย กวาดสายตาประเมินรอบทิศ มันเป็นดินแดนอะไรกัน มันทำให้พวกเขาสับสนยิ่งนัก


เปรี้ยง!


ทันใดนั้น เสียงฟ้าคำรามก็ดังขึ้น แทบจะฟาดวิญญาณคนให้แหลกสลายแล้ว!


มันกะทันหันปานนี้ ปรากฏขึ้นมาดื้อๆ ทำให้หวาดผวา กะทันหันเหลือเกิน ทำลายความสงบของที่นี่เสียแล้ว


เรือวิญญาณเคลื่อนตัวช้าๆ ก็เข้าสู่บริเวณที่มีเสียงฟ้าคำรามสะเทือนปฐพีแห่งนี้แล้ว


ท่ามกลางผืนฟ้าและทะเลที่สาดสีฟ้า บนผิวน้ำเบื้องหน้าอันสงบ มีภาพอันน่าพรั่นพรึงเกิดขึ้น


น้ำวนประหนึ่งภูเขาไฟเชื่อมต่อผืนฟ้าและผิวน้ำ มันเป็นตาน้ำกลับหัว ที่น่าเสียดายคือ มันไม่ได้ดูดสรรพสิ่งลงใต้ทะเล แต่ม้วนตัวขึ้นฟ้าสูง


ตรงนั้นมีสายฟ้ากะพริบแปลบปลาบ เป็นตาน้ำที่ห้อมล้อมด้วยสายฟ้า หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นตาฟ้าดิน


ตอนแรกไร้เสียง แต่หลังจากพรวดพราดเข้ามาที่นี่ จึงได้ยินกะทันหัน มันบาดแก้วหู ทำให้จิตสั่นคลอน แทบจะระเบิด


มดน้อยกุมหัว ร้องลั่นอย่างทนไม่ไหว สีหน้าเจ็บปวด ที่นี่พิลึกเหลือเกิน มันทำให้ต้านทานไม่ไหว!


หน้าผากของสือฮ่าวก็แทบจะปริแตก ประหนึ่งคมดาบปักลงมา ทิ่มแทงดวงจิตของเขา แหลมคมยิ่งนัก!


“นั่นอะไรน่ะ?” สือฮ่าวอดทนต่อความเจ็บปวด ฝืนมองกระแสวนที่เชื่อฟ้าและผืนน้ำ เมื่อเพ่งพินิจมอง เขาพบก็พบว่า พลังแห่งกาลเวลารุนแรงเหลือเกิน มันไปด้วยชิ้นส่วนของเวลา กำลังหมุนอยู่ตรงนั้น


“พลังแห่งกาลเวลา ข้าไม่เคยเห็นพลังที่น่ากลัวปานนี้มาก่อนเลย!” มดน้อยหน้าถอดสี


หากเกี่ยวข้องกาลเวลา มันจะน่ากลัวโดยสิ้นเชิง เกิดเหตุไม่คาดฝันได้ง่าย ต่อให้เป็นมดเขาสวรรค์ หนึ่งในสิบอสูรอย่างพ่อของมัน ตอนนั้นก็ยังหวาดกลัวมากเช่นกัน


และในแดนนี้ กลับมีพลังแห่งกาลเวลาที่รุนแรงปรากฏขึ้นโดยบังเอิญ แม้จะเกิดขึ้นนับครั้งได้ แต่หากก่อตัวเป็นเช่นนี้ จำต้องหลีกเลี่ยง!


ในตอนนี้เอง ก็มีพลังน่ากลัวลอยมาจากกระแสวนอันทรงพลังนั่น กระชากสือฮ่าวกับมดเขาสวรรค์ให้พุ่งเข้าไปข้างใน


“ไม่!”


มดเขาสวรรค์ร้องลั่น ใบหน้ามีแต่ความหวาดกลัว สือฮ่าวก็ขนพองสยองเกล้า รู้สึกว่ากำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ สถานการณ์เลวร้ายสิ้นดี


“ข้าไม่อยากกลับไปก่อนปฐมกาล เจ้าน้ำวนบ้านี่ ก่อตัวจากพลังของกาลเวลา หากติดแหง็กอยู่ข้างใน มีแค่สวรรค์ที่รู้ว่าจะไปโผล่ที่ไหน ข้าไม่อยากตาย!”


เพราะว่า จากบันทึกที่พ่อของมันทิ้งไว้ หากหลุดเข้าไป ถ้าขั้นบำเพ็ญไม่แก่กล้าเหนือใคร อาจตายระหว่างทางหรือหายสาบสูญ ตกอยู่ในวัฏสงสาร!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)