Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ 1274-1284

 ตอนที่ 1274

 

ราชันหวนกลับ

โดย

Ink Stone_Fantasy

มีคนหนึ่งยืนอยู่กลางบ่อโคลนเพียงลำพัง เย้ยหยันเหล่าวีรชน อาภรณ์พลิ้วไหวไปตามแรงลม!


ผู้สูงส่งทั้งสี่ตะลึงงัน นี่มันอะไรกัน แค่ฮวงคนเดียว และเขาไม่มีเมล็ดพันธุ์ขั้นสุดยอดด้วยซ้ำ ทำไมแข็งแกร่งถึงปานนี้? ต้านทานผู้สูงส่งได้ แข็งกร้าวสะเทือนปฐพี!


พวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่า นี่คือฮวงหรือ? ไม่สอดคล้องกับหลักการเลยสักนิด พลังต่อสู้ของเขากับสิ่งที่รู้ขัดแย้งกัน ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย


นอกที่เกิดเหตุเดือดพล่าน ผู้คนต่างก็ตกใจกับฝีมือสือฮ่าว เสียงอึกทึกดังกึกก้อง


อย่าว่าแต่เด็กรับ อู๋ไท่หรือคนที่เป็นปรปักษ์กับสือฮ่างเลย พวกคนที่เป็นมิตรกับเขา และคนที่รู้จักต่างก็รู้สึกเหลือเชื่อ


“ข้าตาลาย มองเห็นไม่ชัด ฮวง เจ้านี่ทำไมบ้าระห่ำขนาดนี้ เมื่อครู่เขาโจมตีผู้สูงส่งทั้งสามพร้อมกันหรือ?” กระต่ายดวงจันทร์พยายามขยี้ตาแวววาวประดุจลูกแก้วของมัน ท่าทางราวกับเห็นผี


เป็นเช่นนั้นจริง มันเชื่อได้ยาก ตอนแรกพวกเขาสลดใจไม่น้อย สังหรณ์ใจว่าสือฮ่าวจะเสียเปรียบ แต่กลับหมดหนทาง ไม่คิดเลยว่า สถานการณ์จะพลิกผันในพริบตา เหตุการณ์กลับตาลปัตร!


คนพวกนี้ย่อมดีใจ ต่างก็พากันกู่ร้อง เฉาอวี่เซิงตบหน้าอกปักๆ ตะโกนกับคนรอบข้าง บอกกล่าวผู้คนว่า ฮวงเป็นเพื่อนของเขา


ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกอดคอบุคคลสำคัญของสำนักเซียน พูดจ้อไม่หยุดว่า “เห็นแล้วใช่ไหม ฮวงเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับข้า จัดการกลุ่มผู้สูงส่งของสำนักเซียนได้ไม่มีปัญหา”


อัจฉริยะคนนั้นของสำนักเซียน เป็นถึงลูกพี่ลูกน้องของเทพจื่อรื่อ มาจากตระกูลอมจะ ตอนนี้สีหน้าบูดบึ้ง อยากจะตบเฉาอวี่เซิงให้รู้แล้วรู้รอด


“เจ้านี่ มักจะเปลี่ยนความเป็นไม่ได้ให้เป็นไปได้ ตอนที่ทุกคนคิดว่าเขาไม่ไหว เขากลับผงาดทุกครั้ง” ปีศาจสาวแววตาเป็นประกาย เมื่อยิ้มก็งามล่มเมือง เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้น จดจ้องสือฮ่าวที่อยู่ไกลออกไป


นางรู้สึกตะลึงอยู่ลึกๆ เพราะรู้จักสือฮ่าวมานานมากแล้ว เคยร่วมมือกันตอนอยู่โลกมนุษย์ พบเจอกันหลายครั้ง นับว่ารู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดี


“ไม่ธรรมดา เหนือความคาดหมายจริงๆ สือฮ่าวแข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้ว!” ฉางกงเหยี่ยนก็อุทาน ทำให้กลุ่มคนจากสามพันแคว้นฮึกเหิมไปตามๆ กัน


สือฮ่าวยิ่งใหญ่ ทำให้พวกเขาตื่นเต้นอย่างทับทวี ดีใจสุดแสน คนที่มาจากที่เดียวกันมีความสามารถเหนือผู้อื่น แม้แต่พวกเขาก็รู้สึกเป็นเกียรติด้วย


ตอนนี้ ไม่ว่าจะแดนใดในเก้าสวรรค์สิบพิภพมีผู้สูงส่งถือกำเนิด คนที่มาจากที่เดียวกันก็จะถูกมองว่าสูงส่งเช่นกัน


“ฮ่าฮ่า สะใจจริงๆ ฮวงแข็งแกร่งปานนี้ ไม่มีเมล็ดพันธุ์ก็เดินมาถึงขั้นนี้ได้!” คนของสำนักเทพสวรรค์ฮึกเหิมที่สุด หลายคนพากันระเบิดเสียงหัวเราะ


มิหนำซ้ำ หลายคนนัยน์ตาพร่าเลือน น้ำตาชุ่ม แทบจะไหลลงมาแล้ว


เพราะในระยะนี้ ลูกศิษย์ของสำนักเทพสวรรค์อัดอั้นยิ่งนัก แม้กระทั่งว่ามีความอดสู ถูกคนมารังแกถึงที่ แต่กลับไม่มีปัญญาตอบโต้


นี่เป็นสำนักของพวกเขา แต่ชั่ววินาทีที่ถ้ำสวรรค์จะเปิด พวกเขากลับถูกไล่ ตะเพิดไปอยู่ข้างนอก ห้ามเข้าใกล้ที่นี่


สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นความอัปยศอย่างยิ่ง ถูกขับไล่แม้แต่ถิ่นของตัวเอง ถูกคนข่มเหงจนถึงขั้นนี้นับว่าหายากนัก!


แต่จนปัญญา ในกลุ่มพวกเขาไม่มีผู้สูงส่ง ไม่มีใครรับมือกับอัจฉริยะสองสำนักได้ หมดหนทางจะไปต่อสู้ เคยถูกกำราบอย่างเลือดเย็นเพราะต่อต้านมาแล้ว


ตอนนี้ ฮวงกลับมาแล้ว เปิดศึกน่าตะลึง ทำให้พวกเขาตกใจ ความดีใจอย่างล้นหลามผุดขึ้นในใจ ทุกคนต่างก็รู้เหมือนได้ระบายอารมณ์แล้ว


ตอนแรกพวกเขายังกังวล คิดว่าสือฮ่าวอาจถูกข่มเหง สงสัยว่าเขามีความสามารถจริงหรือไม่


ปรากฏว่า เมื่อศึกสิ้นสุดลง ในใจก็เต็มไปด้วยความดีใจ!


“แม้ฮวงจะไม่มีเมล็ดพันธุ์ แต่ก็ถูกยกย่อง กวาดล้างผู้สูงส่งที่ว่าได้เช่นกัน ใครจะสู้ได้?!” คนของสำนักเทพสวรรค์ตะโกนก้อง


ความรุ่งโรจน์ของสือฮ่าว ก็เป็นเกียรติสำหรับพวกเขาเช่นกัน!


ตอนนี้ พวกเขาคาดหวังกับพฤติกรรมของสือฮ่าวยิ่งกว่าเดิม หวังว่าเมื่อสิ้นศึกนี้ เขาจะกำราบสิบทิศ เย้ยหยันจนผู้สูงส่งทั้งหลายหายใจไม่ออกจะดีที่สุด


ตอนนี้นักพรตสำนักเซียนสับสนมึนงง เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เหนือความคาดหมาย เต็มไปด้วยปริศนา ไยฮวงแข็งแกร่งขนาดนี้? ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว


“ไม่เข้าใจจริงๆ!” มีคนถอนหายใจ


บัดนี้ ทุกคนรู้ดีว่า หากเดินบนเส้นทางวิชาโบราณ จำต้องหลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์ มันเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด แต่ก็รู้กันถ้วนทั่วว่า ฮวงไม่มีเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสม


หลายคนต่างรู้ดีว่า เขาดึงดันจะเดินบนเส้นทางนี้ ต้องค่อยๆ ตกต่ำลง สูญเสียความรุ่งเรืองที่เคยมีแน่นอน


แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลบล้างจินตนาการของพวกเขา ฮวงไม่ตกต่ำไม่พอ กลับก้าวหน้าในเส้นทางนี้ แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ยากลึกหยั่งถึง!


คนส่วนหนึ่งของสำนักเซียนไม่เป็นมิตรกับสือฮ่าว เคยหาเรื่องเขา ซ้ำร้ายยังเคยประลองกัน ปรากฏว่าอัจฉริยะบางส่วนถูกเขากำราบ จนตรอกสิ้นดี ตอนนี้เห็นเขายังรุ่งโรจน์เช่นเดิม ต่างก็แสดงสีหน้าสับสน


และคนอย่างอู๋ไท่ที่เคยถูกโจมตี สูญเสียเกราะฟ้าครามไป ก็ยิ่งอกสั่นขวัญแขวน เขาเคยลั่นวาจาว่าจะรอสือฮ่าวในขั้นธรรมปลอม กำราบ แก้แค้นเขาด้วยพลังของขั้นที่สูงกว่า!


ดูจากตอนนี้แล้ว คำพูดจองหองของเขา ความคิดของเขา เป็นแค่เรื่องตลก เขาไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว มิหนำซ้ำ  เมื่อเผชิญหน้ากับสือฮ่าวอีกครั้ง กลับต้องระวังตัว สงบเสงี่ยมเจียมตัว มิเช่นนั้นจะมีปัญหาใหญ่


องค์หญิงเยาเยว่สวมชุดขาว ยืนอย่างงามสง่า เส้นผมนุ่มสลวย ผิวขาวเป็นประกายแวววาว นางพึมพำว่า “เหลือเชื่อจริงๆ เกิดอะไรขึ้นกับฮวง หลังจากหายไปสามปี ทุกคนคิดว่าเขาตกต่ำแล้ว ไม่มีทางรุ่งโรจน์ได้อีกแน่ แต่เจ้ากลับคืนสังเวียนด้วยท่าทีแบบนี้ ให้บทเรียนฝังใจกับทุกคน อ่านไม่ออกเลย ลึกลับและล้ำเลิศ!”


ชาวสำนักปราชญ์ก็สิ้นหวังมากเช่นกัน ฮวงกลับมาแบบนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าเขาผงาดได้ยาก แต่ปรากฏว่า เขายังคงแข็งแกร่ง


ต้องรู้ว่า เมื่อสามปีก่อน ตอนที่อยู่สำนักเทพสวรรค์ ฮวงก็เคยเอาชนะบุคคลขั้นสุดยอดหลายคนในกลุ่มพวกเขาแล้ว ไม่มีใครท้าทายได้ และวันนี้ยังคงรุ่งโรจน์


“ดูท่าแล้ว สามปีที่เจ้าหายไป ต้องมีโชคชั้นใหญ่หายากแน่นอน!” หลานเซียนกลางบ่อโคลนพูดขึ้น ชุดยังคงโบกพลิ้ว นางเป็นดุจนางฟ้า ยืนโดดเด่นอยู่ตรงนั้น


มือข้างหนึ่งของนางบวมเป่ง เมื่อครู่เจ็บปวดจนนางตัวสั่น รู้สึกเหมือนนิ้วของตัวเองจะหัก ยังดีที่หลบเลี่ยงการโจมตีของสือฮ่าวทัน จึงไม่เจอกับสถานการณ์ที่ร้ายแรงที่สุด


“พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เจ้าหายไปสามปี เพราะหลบหนี ยุคของเจ้าสิ้นสุดแล้ว ดูจากตอนนี้แล้ว มันเป็นเรื่องเท็จ” ตอนนี้ นักพรตชีกู้ คนเดียวที่ไม่ลงมือ ไม่ร่วมศึก ซ้ำยังเงียบขรึมพูดน้อยเอ่ยขึ้น พูดออกมาแบบนี้


ผู้คนต่างก็ตกตะลึง ในสายตาของผู้คน ยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของสือฮ่าวสิ้นสุดลงแล้ว สามปีนี้เป็นสามปีที่เขาสูญเสีย เป็นสามปีที่เขาถูกลืม ห่างหายจุดสูงสุดของเส้นทาง


ตอนนี้ ทุกอย่างได้รับการพิสูจน์แล้ว นี่ไม่ใช่สามปีที่เขาสูญเสีย แต่เป็นสามปีที่เขาจำศีล นิพพาน เมื่อหวนกลับมา เหนือกว่าอดีตเสียอีก!


เทพจื่อรื่อหน้าถมึงทึง แม้จะถูกแสงสีม่วงปกคลุม แต่กลับมีความอึมครึมกระจายออกมา เขาทั้งตกใจและโกรธแค้น ศัตรูตัวฉกาจคนนี้ คนที่ตกต่ำคนนี้ กลับมีพลังถึงขั้นนี้!


นิ้วมือขวาของเทพจื่อรื่อเปื้อนคราบเลือดสีแดง มันเกิดจากตอนที่ต่อสู้กับสือฮ่าว ระหว่างที่สู้กันด้วยกายเนื้อ


ตอนนั้นมันเจ็บไปถึงกระดูก ราวกับกำปั้นหัก ต้องรู้ว่า เขามีร่างทองคำม่วงตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อหลอมรวมกับพันธุ์หมอกปฐมกาลก็ไม่เหมือนเดิม เหนือขีดจำกัดแล้ว


แม้แต่ผู้ฝึกกายเหล่านั้น ก็สู้เขาไม่ได้ เขาเรียกได้ว่ามีร่างคงกระพัน แต่เมื่อครู่กลับถูกสือฮ่าวกำราบ เสียเปรียบทางด้านร่างกาย


แม้จะเป็นแค่การปะทะกันช่วงสั้นๆ ลงมือชั่วพริบตา ไม่ใช่การต่อสู้ขั้นสุดยอด แต่สัมผัสได้ว่าคนคนนี้น่ากลัว ไม่สอดคล้องกับข่าวลือเลย!


ตอนนี้ มหาโสดาถอนหายใจ ผิวสีเหลืองราวมีทองฉาบทาทั่วตัว ใบหน้าของเขาธรรมดาทั่วไป สองมือประสานกัน ร่ายมนตร์ของสงฆ์โบราณ สีหน้าสับสน


บาตรสีแดงแตกออกเป็นเสี่ยง ถูกฝ่ามือของสือฮ่าวตบ มันเป็นศาสตราวุธโบราณ กลับถูกทำลายเสียแล้ว


ในใจเขาว้าวุ่น กายเนื้อของฮวงต้องแข็งแกร่งปานใดกัน บางทีอาจสู้สงฆ์โบราณที่เลื่องชื่อที่สุดของเซียนโบราณได้ หรืออาจเทียบเคียงกับเขาในวัยหนุ่มได้


จากบันทึกคัมภีร์ที่มหาโสดาได้มา ผู้กล้าสูงสุดในหมู่สงฆ์โบราณ เรียกตัวเองว่าพระตั้งแต่หนุ่ม มีกายเนื้อคงกระพัน ไร้เทียมทาน!


“ล้ำเลิศนัก หากพูดถึงแค่กายเนื้อ น้อยคนจะทัดเทียบ” มหาโสดาพูด


เมื่อจบประโยคนี้ สี่ทิศก็สั่นสะเทือน มันเป็นคำวิจารณ์อันสูงส่ง ความน่ากลัวของสือฮ่าวสลักลงในใจของผู้คน


เด็กรับใช้หน้าซีด หดหัวอยู่ข้างหลัง สีหน้าอธิบายได้ยาก เขาไม่กล้าพูดจาส่งเดชอีกแล้ว กลัวว่าจะนำผลร้ายมาสู่ตน


เพราะใครก็รู้ว่า หากฮวงคลั่งขึ้นมา กล้าทำทุกอย่าง ว่ากันว่าทายาทที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลอมตะ อัจฉริยะเฟิงสิงเทียนผู้ที่รู้วิชาหมัดปีศาจคนนั้น ก็ตายด้วยน้ำมือฮวงเช่นกัน


เพียงพราะ ตระกูลเฟิงปลุกปั่นผู้สูงส่งหยวนชิง ให้ขัดขวางสือฮ่าว ขับไล่เขาสิบปี ผูกปมความแค้นไว้


แม้แต่ทายาทอันดับหนึ่งของตระกูลอมตะยังกล้าสังหาร มีอะไรที่เขาไม่กล้าอีก!


“จื่อรื่อ เจ้ายังอยากสู้กับข้าอีกไหม? หญิงอ้วนคนนั้นด้วย เจ้าอวดดีให้ข้าไปจากที่นี่ ยังดึงดันอีกไหม? อีกอย่าง เจ้าโล้น ถ้วยสีแดงที่เจ้าใช้กินข้าวใช้ไม่ได้!” สือฮ่าวพูด


ผู้คนรอบๆ แข็งเป็นหิน ไม่กล้าพูดอะไรเลย


เพราะนี่เป็นการท้าทายอย่างตรงไปตรงมา หลังประมือกันแล้ว สือฮ่าวยังคงเจ็บใจ ยังหาเรื่องไม่หยุด ตั้งใจว่าจะกำราบผู้สูงส่งทั้งสามเพียงลำพังหรือ?


ลงมืออย่างง่ายดาย โจมตีในพริบตา ไม่ได้หมายความว่าจะสู้กับทั้งสามเป็นเวลานานได้นี่นา


ฮวงจะทำอะไรกันแน่ อยากสู้หนึ่งต่อสาม แม้กระทั่งว่าหนึ่งต่อสี่จริงหรือ? หากเป็นแบบนี้ มันอหังการปานใดกัน ในรุ่นหนุ่มสาวของยุคนี้ ใครจะทำได้?


เกรงว่าจะไม่มีกล้าพูดว่า ตัวเองครองความเป็นใหญ่ กำราบวีรชนสิบทิศ ปราบผู้สูงส่งทั้งหมดได้!


“เจ้ากำลังหาเรื่อง เจ้ารู้ไหมผลของการเพ่งเล็งพวกข้าสามคนไหม อยากตายหรือไง?” เทพจื่อรื่อเดือดดาล โมโห คำพูดจึงมุทะลุ ทำร้ายจิตใจคนฟัง เพราะมีบางอย่างสุมอยู่ในใจเขา อยากคำรามขึ้นฟ้า ระบายมันออกมาเหลือเกิน


“หาเรื่องหรือ? ข้าแค่อยากกำราบเท่านั้น!” ผมของสือฮ่าวแผ่สยาย นัยน์ตาเป็นประกาย ช่างน่าสะพรึงกลัว


เมื่อสิ้นประโยคนี้ ผู้คนก็ฮือฮาขึ้นมา!


น่ากลัวมากจริงๆ ฮวงจะสร้างวีรกรรมใหญ่หรือ? เพิ่งกลับมา ก็จะสู้กับผู้สูงส่งหลายท่านแล้วหรือ!


ตอนนี้ ทุกคนต่างก็ตกใจ ซ้ำยังเกิดความรู้สึกอึ้ง


“ราชันหวนกลับแล้ว!” นี่เป็นความคิดของหลายคน สือฮ่าวหายไปสามปี ไม่ใช่การเริ่มต้นของความตกต่ำ ไม่ใช่ยุคที่สูญเสียความรุ่งโรจน์ แต่เป็นการจำศีล รอคอยการกลับมาอย่างแข็งแกร่ง


“ลุย!”


ตอนนี้ ไม่มีอะไรต้องพูดมากแล้ว เทพจื่อรื่อระเบิดโทสะ ลงมือทันที โจมตีร่างสูงโปร่งข้างหน้าด้วยฝีมือที่รุนแรงที่สุด จะพิฆาตแล้ว


ตูม!


ตอนนี้ เนื้อตัวก็สือฮ่าวสาดแสงสีเขียว เป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ แฝงด้วยพลังชีวิตอย่างไม่สิ้นสุด มีพลังธรรมตลบอบอวล


เขาไม่ระดมกำลัง ยกมือแล้วฟาดออกไปทางเทพจื่อรื่อ ลงมือจะกำราบ!


“เจ้า!” เทพจื่อรื่อโมโห อีกฝ่ายดูถูกเขามากเกินไปแล้ว


เกิดเสียงระเบิดดังตูม สือฮ่าวกำราบอย่างง่ายดาย ก่อให้เกิดพลังทำลายล้างที่น่ากลัวไร้เทียมทาน สะเทือนมิติจนแหลกละเอียด ปะทะกับหมอกปฐมกาลของเทพจื่อรื่อ ฉีกมิติจนขาด


“ฟัน!”


เทพจื่อรื่อถอยหลังพร้อมกับคำรามลั่น ลงมือหังการอย่างต่อเนื่อง กระบี่ที่ก่อตัวจากหมอกปฐมกาลพุ่งไปฟาดฟันสือฮ่าว


ที่นี่แหลกละเอียด รอยแยกของมิติกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง


แต่ทว่า แสงสีเขียวกะพริบ สือฮ่าวยืนอยู่กลางที่เกิดขึ้น เสมือนไม่มีอะไรทำลายเขาได้ เป็นหนึ่งในหล้า ยืนไม่สะสะท้านอยู่ตรงนั้น


เขากำลังยกมือ อินพุ่งออกมาต่อเนื่อง ฟันกระบี่หมอกปฐมกาลจนแหลกลาญ สลายตัว กลายเป็มหมอกควันแล้วจางหายไป


“เขา…ตอบโต้เมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ด้วยมือเปล่า?” เสียงอุทานแว่วมา


“หญิงอ้วน เจ้าจะลงสังเวียนไหม?” ตรงกลางที่เกิดเหตุ สือฮ่าวยืนอยู่กลางอากาศ พลางจ้องมองหลานเซียน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปจะคว้าตัวทันที


มือของเขาใหญ่เท่ากระด้ง จะคว้าตัวร่างอรชรแล้วจับตัวมา


“ไอ้เวร บังอาจ!” หลานเซียนฉุนเฉียว ร่างมีทรวดทรงองค์เอวกะพริบ ปล่อยแสงสีฟ้าออกมา สำแดงพลังผู้สูงส่งที่แข็งแกร่งที่สุด


ตูม!


ต่อมา สือฮ่าวก็โจมตีมหาโสดา เปิดศึกกับทั้งสามอย่างแท้จริง!


“ทำไมกัน ไม่มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ เพราะอะไรเขาถึงได้ หรือจะเป็นเส้นทางในตำนานนั่น?” มีคนกำลังคาดเดาด้วยความสงสัย


“ราชันหวนกลับ หลังหายไปสามปี…ฮวงผงาดอีกครั้งแล้ว ใครจะสู้ได้?” ตอนนี้ ลูกศิษย์สำนักเทพสวรรค์ตื่นเต้นจนตัวสั่น แทบจะพูดไม่ออกแล้ว

 

 

 


ตอนที่ 1275

 

หมัดพิฆาตปฐพี

โดย

Ink Stone_Fantasy

ดวงอาทิตย์สีม่วงดุจผืนฟ้า ใหญ่โตมโหฬาร ครอบครองมิติทั้งผืน!


เทพจื่อรื่อเลือดเดือดพล่าน คลุ้มคลั่งแล้วอย่างสิ้นเชิง เพราะนี่เป็นศึกใหญ่ครั้งแรกตั้งแต่เขาเกิดมา ทั้งอัดอั้นตันใจและเคียดแค้น อยากลบล้างความอัปยศก่อนหน้าทิ้งเสีย


“ตูม!”


ร่างของเขาขยายใหญ่ขึ้น สูงขึ้นกว่ารูปร่างเดิมถึงหนึ่งจั้ง ร่างสีม่วงเป็นเหมือนโลหะ กำลังส่งประกายเย็นเยียบ


ร่างของเขาในตอนนี้แข็งแกร่งมีพลัง กล้ามเนื้อแน่น ประหนึ่งมีมังกหลายตัวพันแขน กล้ามเนื้อทั้งหมดพองตัวขึ้นมา


นี่เป็นร่างทองคำม่วง เป็นร่างคงกระพันของเขา ไม่สูงไม่เตี้ย หนึ่งจั้งพอดี เป็นผลดีสำหรับเขาพอดี!


เป็นเหมือนสายเลือดของสงฆ์โบราณของยุคก่อน รูปทองที่แข็งแกร่งที่สุดคือลิ่วจั้ง เหมาะสมจะเปรียบเทียบกับวัยหนุ่มของคนที่ตั้งตนเป็นพระคนนั้นที่สุด!


ฟ้าดินดังครืนครันในพริบตา เสียงฟ้าคำรามดังบาดหู หมอกลอยลงมาจากฟากฟ้า ปกคลุมเทพจื่อรื่อไว้


มันเป็นเมล็ดพันธุ์หมอกปฐมกาล ถูกเขากระตุ้นอย่างสิ้นเชิง น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม เคล้าด้วยเสียงของธรรม ได้รับการยอมรับจากฟ้าดิน ดำรงอยู่คู่ธรรม


ตอนนี้ ผู้คนสั่นระริก วิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง เพราะรู้สึกว่าตัวเองเล็กกระจ้อยรร่อย ภายใต้คลื่นลูกนั้น ไม่อาจสู้กับร่างทองคำม่วงได้!


“ตาย!” เทพจื่อรื่อตะโกน เสียงดุจคลื่นทะเลคลั่ง ดังสะเทือนหู ทะลุชั้นฟ้า ซ้ำยังเห็นคลื่นเสียงกลายเป็นคลื่นพลัง ม้วนตัวไปทั่วสิบทิศราวกับมหาสมุทร


ตึง!


ฟ้าดินถล่ม เทพจื่อรื่อปล่อยอินออกไป ฝ่ามือสีม่วงจนแทบจะดำทะมึนแผ่คลุมฟ้าสูง ปกคลุมผืนฟ้าราวกับเป็นกลุ่มเมฆ ใหญ่จนน่าตกใจ


ฝ่ามือสวรรค์ม่วง!


มันเป็นวิชาฝ่ามืออย่างหนึ่งของวิชาสวรรค์โบราณ สืบทอดมาจากยุคก่อน ฝ่ามือดุจผืนฟ้า ควบคุมดวงดาวได้


ยามบำเพ็ญเพียรถึงขั้นสูงสุด สรรพสิ่งล้วนอยู่ในกำมือ ยากจะหลุดพ้นเงื้อมมือไปได้


สือฮ่าวสงบนิ่ง ยืนอยู่กลางที่เกิดเหตุ ยังคงยกแค่มือขวาข้างเดียว แสงสีเขียวขมุกขมัว ประหนึ่งเป็นยุคปฐมกาล เขายืนอยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง


เขาปล่อยฝ่ามือออกไปอย่างเงียบเชียบ ทะลุมิติ อินฝ่ามือก่อตัวกลางมิติ พุ่งไปข้างหน้าไม่หยุด ปะทะกับมือดุจก้อนเมฆ


เสียงดังสนั่น ความเงียบถูกทำลาย เจิดจ้ายิ่งนัก แสงสว่างบริเวณนี้ประหนึ่งท้องทะเลกว้างใหญ่ระเบิดโดยพลัน จากนั้นก็ลุกไหม้ขึ้นมา!


ยิ่งใหญ่ตระการตา พร่างพรายดั่งลาวาปะทุ!


ทั้งสองประมือกันเช่นนี้อีกครั้ง สะเทือนฟ้าดินอย่างแท้จริง!


การเคลื่อนไหวทั้งยิ่งใหญ่และว่องไว ทำให้เห็นไม่ชัดเจน ฝ่ามือเทพจื่อรื่อเจ็บปวดรวดร้าว มีคราบเลือดซึมออกมา


เทพจื่อรื่อเกิดความรู้สึกอดสูอย่างแรง เจ็บแค้นใจยิ่งนัก!


เดิมทีคิดว่าหลังบำเพ็ญเพียรเสร็จ จะเป็นโลกของเขา ไม่เกรงกลัวผู้สูงส่งคนอื่น ตะลุยไปทั่วฟ้าดินได้อย่างอิสระ แต่ทว่าศึกนี้กลับยากเย็นถึงเพียงนี้


อย่างน้อย ร่างทองคำม่วงอันคงกระพันของเขาก็สู้กายเนื้อของฮวงไม่ได้ หลังประมือกันสองครั้ง เขาก็เสียเปรียบทุกครั้ง เลือดไหลออกจากฝ่ามือ


หรือว่า เขาจะแพ้พ่ายแล้วจริงๆ?


“ข้าไร้พ่าย!” น้ำเสียงทุ้มของเทพจื่อรื่อ เป็นเหมือนมังกรคำราม สะเทือนวิญญาณของผู้คน หลายคนต้านทานไม่ไหว เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด


“สังหาร!”


ต่อมา เขาก็ตะคอกเสียงดังแล้วเงยหน้าคำรามกับฟ้า


ปรากฏการณ์สะเทือนขวัญบังเกิด สำนักเทพสวรรค์กว้างขวางนัก มีเนื้อที่ใหญ่โต ขุนเขางดงามที่อยู่ไกลออกไปแหลกละเอียดตามคลื่นเสียงของเขา กลายเป็นเศษก้อนหิน ลอยทะลุฟ้า


นี่เป็นความอหังการปานใดกัน ระเบิดโทสะ  คำรามจนขุนเขาระเบิด ฝุ่นควันพวยพุ่ง


เทพจื่อรื่อในตอนนี้ มีพลังปราณเต็มเปี่ยม ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิต เส้นผมแผ่ลงมาดุจธารน้ำตก นัยน์ตาเป็นเหมือนดวงอาทิตย์


เขาประสานอิน กลายเป็นรูปทวนวงเดือน จากนั้นก็ตวัดอย่างแรง จะฟันสือฮ่าว


แกรก!


แผ่นดินแตกระแหง กระแสไฟสีม่วงกะพริบ กลายเป็นนิจนิรันดร์ สาดส่องไปทั่วฟ้า!


เทพจื่อรื่อร่างเลือนราง มีหมอกห้อมล้อม รูปโฉมพร่ามัว แต่ร่างสูงหนึ่งจั้งกลับน่าตะลึง มีทวนวงเดือนสีม่วงน่ากลัวค่อยๆ ก่อตัวกลางฝ่ามือทั้งสองข้าง


“สวรรค์ มันเป็นการสำแดงของเมล็ดพันธุ์!”


มีคนตะโกนลั่น รู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึกๆ เพราะบรรยากาศหนักอึ้งกระทบต่อทุกคน มีกลิ่นอายราวกับโลกจะดับสูญ


เมล็ดพันธุ์หมอกปฐมกาลที่ถูกยกย่องว่าไร้พ่าย ตอนนี้ไม่ได้ปล่อยพลังเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมตัวกัน กลายเป็นอาวุธด้ามหนึ่ง เป็นอาวุธพิฆาตเทพ จะสังหารฮวง


ชิ้ง!


ทวนหมอกปฐมกาลเป็นดุจสวรรค์กำราบ ต้านทานไม่ได้ พาดผ่านฟากฟ้ามา ไม่มีสิ่งใดเทียบได้ เสมือนจะฟันมิติให้แตกแยก


จะเห็นได้ว่า มิติแยกออกทีละนิด ขุนเขาเบื้องล่างค่อยๆ แหลกเป็นผุยผง ไม่มีอะไรขวางได้ ทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง


สือฮ่าวทำหน้าเคร่งขรึม สองมือประสานอิน ร่างกายยืดตรง พุ่งออกไปข้างหน้า เขาไม่หลบปลายแหลมของทวนสีม่วง แต่กลับเข้าปะทะ จะกำราบมัน


เขาบ้าไปแล้วหรือ? นี่เป็นความคิดของทุกคน


ต่อให้เมล็ดพันธุ์หมอกปฐมกาลสำแดงแค่บางส่วน ก็ตอบโต้แบบนี้ไม่ได้หรอกกระมัง? นอกเสียจากมีจะเมล็ดพันธุ์ขั้นเดียวกันคุ้มกัน มิเช่นนั้นคงอันตรายเป็นแน่


ตึง!


แผ่นดินกว้างใหญ่สั่นสะเทือน ราวกับกลองยักษ์กำลังส่งเสียงดัง จักรวาลจะดับสูญแล้ว


มันเป็นเสียงที่เกิดจากกำปั้นของสือฮ่าว เขาใช้พลังหมัดไร้เทียมทานโจมตีทวนวงเดือน ขัดขวางพลังทำลายล้างของมัน!


หมัดคุนเผิง มือขวาของสือฮ่าวสำแดงพลังคุนเผิง ปล่อยพลังยิ่งใหญ่ปานคุนเผิงพุ่งขึ้นฟ้าสูงเก้าหมื่นลี้ หมัดเป็นดุจสวรรค์ ควบคุมสรรพสัตว์ ปกครองปฐพี!


หมัดนี้เป็นศูนย์รวมพลังของวิชาคุนเผิง เป็นสุดยอดวิชา ตอนนี้กำลังแผ่ออกมาอย่างเต็มกำลัง


เขาใช้หมัดขวากระแทกทวนวงเดือนดังตึง ก้องไปทั่วจักรวาล หูของทุกคนดังวิ้ง มีคนบางส่วนทนไม่ไหว กระอักเลือดออกมาคำใหญ่


มันเกิดอะไรขึ้น? ขณะที่ทุกคนตกใจ ก็ฉงนใจเช่นกัน มีคนปะทะกับอาวุธที่ก่อตัวจากพันธุ์หมอกปฐมกาลหรือ?


คุนเผิงกำราบวิชาสวรรค์!


ทวนด้ามนั้นถูกยกขึ้น ถูกคุนเผิงตัวหนึ่งโจมตีจนสั่นระริก


ร่างกายสือฮ่าวเปล่งประกาย แสงสีเขียวภายใน ไหลไปรวมกันที่กำปั้น ให้พลังอย่างไม่สิ้นสุด บดขยี้มิติ


ตึง!


ต่อมา เขาก็ใช้มือซ้ายประสานอิน ใช้กายเป็นพันธุ์ ประตูภายในร่างกายแง้มออก ปล่อยพลังวิเศษออกมา


มือซ้ายของเขามีกระแสไฟกะพริบแปลบปลาบ สายฟ้าคำราม เต็มไปด้วยพลังหยินหยาง มันเป็นอินจักรพรรดิสายฟ้า!


มือขวาเป็นหมัดคุนเผิง มือซ้ายเป็นอินจักรพรรดิสายฟ้า ใช้กายเป็นพันธุ์ มีพลังดุจมหาสมุทร สือฮ่าวในตอนนี้องอาจไร้เทียมทาน เย้ยหยันปฐพี!


สิ้นเสียงดังตึง ทวนสีม่วงถูกสะเทือนจนแตกระแหง กลายเป็นไออีกครั้ง ด้ามทวนขนาดใหญ่และหนักอึ้งจะสลายไปแล้ว


เทพจื่อรื่อหน้าถอดสี หายใจกระหืดกระหอบ ไม่เคยมีแรงกดดันแบบนี้มาก่อน ทำไมร่างกายของคนคนนี้ถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้ ถึงได้สะเทือนอาวุธหมอกปฐมกาลจนแหลกสลาย!


ตูม!


ในที่สุด ขณะที่อินจักรพรรดิสายฟ้ากับหมัดคุนเผิงถูกปล่อยออกไปพร้อมกัน แผ่นดินพลิกตัว ทวนวงเดือนหัก พันธุ์หมอกปฐมกาลปล่อยเสียงสวดมนต์ เลือดไหลออกจากมุมปากจื่อรื่อ


“อ๊าก…” ผมเผ้าปลิวว่อน คำรามอย่างเหลืออด อึดอัดเหลือเกิน มีคนอยู่เหนือพันธุ์ไร้พ่ายได้อย่างไร


“หมอกปฐมกาลปล่อยออกมาให้หมด ก่อตัวเป็นเมล็ดพันธุ์เถอะ สำแดงร่างจริง กำราบศัตรูทั้งปวง!” เทพจื่อรื่อตะโกนลั่น


ตอนนี้ ผมเผ้าของรุงรัง ประหนึ่งเทพเจ้าปีศาจ พระอาทิตย์สีม่วงปกคลุมเขา ขยายใหญ่ไม่หยุด น่ากลัวเป็นล้นพ้น มันสูงเทียมฟ้า


แต่ทว่าตอนนี้ เทพจื่อรื่อเห็นปรากฏการณ์ข้างๆ ทำให้เขาตกใจ ความเคียดแค้นทวีความรุนแรงขึ้น


เพราะสือฮ่าวยังมีสมรภูมิอีกแห่ง กำลังประมือกับคนอื่นแล้ว


มหาโสดานั่งขัดสมาธิกลางอากาศ ปากร่ายมนตร์ มันก่อตัวเป็นอักขระประหนึ่งหลอมจากโลหะ กระโดดออกมากลางมิติ จะไปกำราบสือฮ่าว


แต่สือฮ่าวย่อมไม่กลัวเกรง ขณะที่กำลังสู้กับเทพจื่อรื่อ หน้าผากเปล่งแสง ดวงจิตออกจากร่าง ร่างเล็กเจิดจ้านั่งอยู่ตรงหน้า กำลังสวดมนต์


ตอนนี้ เขากำลังใช้ดวงจิตประมือกับมหาโสดา


พลังจิตของสือฮ่าวเป็นเหมือนเสียงมาร ดังก้องไปทุกหนแห่ง สะเทือนฟ้าดิน ยับยั้งเสียงสวดมนต์ของมหาโสดา!


มารร่ายมนตร์ ปะทะบทสวดมนต์ของพระพุทธองค์!


ขณะเดียวกัน ชุดของหลานเซียนพลิ้วไหว เส้นผมโบกพลิ้ว ดวงตาสุกใส นางเป็นเหมือนเซียนเหินเวหา ดูงดงามไร้ที่ติ อยู่เหนือโลกีย์ แต่พลังโจมตีไร้เทียมทาน


แสงสีฟ้าโชติช่วง ราวกับมีสายฟ้านับหมื่นเทกระหน่ำลงมา


มันเป็นเคล็ดวิชา ตอนนี้ หลานเซียนใช้ญาณวิเศษอย่างน้อยเก้าชนิด ปล่อยออกไปพร้อมกัน กำราบสือฮ่าวรอบด้าน


“ตูม!”


เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์แบบนี้ สือฮ่าวก็ผิวปาก แสงสีเขียวพุ่งทะลุผ่านหมอกปฐมกาลมา พร่างพรายจนน่าตกใจ


มันเป็นเหมือนดาราจักร ดวงดาวเต็มนภา เมื่อรวมตัวกันก็สวยงามและสุกสกาว


ทุกคนต่างก็ตะลึงงัน มองดูอย่างอึ้งๆ มันเป็นฝีมือแบบไหนกัน แค่อ้าปากก็เป็นดาราจักร คนรุ่นเดียวกันคนไหนจะสู้ได้?


มันเป็นความทรงพลังอย่างหนึ่ง น่ากลัวเกินไป ทุกคนแทบหยุดหายใจ!


เมื่อเพ่งพินิจ มันเป็นอีกขระ เป็นบทสวดมนต์ ถูกสือฮ่าวหลอมรวมเป็นหนึ่ง กำราบญาณวิเศษทั้งเก้าของหลานเซียน


มันเป็นความเข้าใจต่อธรรมของสือฮ่าว ใช้กายเป็นพันธุ์ ประตูในร่างกายเปิดออก ให้พลังมหาศาลแก่เขา จากนั้นผสานกับอักขระของการหยั่งรู้ดั้งเดิม ปล่อยออกไปทั้งหมด


เปลี่ยนความเสื่อมโทรมเป็นความมหัศจรรย์!


คัมภีร์ชนิดหนึ่ง กำราบญาณวิเศษเก้าชนิดของหลานเซียน!


จะเห็นได้ว่า มีแสงสีเขียวขมุกขมัว ทะลุม่านหมอก สาดส่องตลอดกาล กำบังนางฟ้าที่พุ่งมาพร้อมกับพลังเดือดพล่าน


ตอนนี้ ผู้คนแน่นิ่งไปแล้ว ฮวงต่อสู้กับสามผู้สูงส่งเพียงลำพัง เขาทำได้แล้ว!


อย่างน้อย เขาก็ไม่แพ้ ขวางสามราชันเพียงลำพัง สะเทือนขวัญทุกคนในสำนักเทพสวรรค์!


แม้จะเพียงชั่วครู่ ยังคาดเดาตอนจบไม่ได้ แต่แค่การเริ่มต้น เป็นสงครามเปิดฉาก ก็ทำให้เขาสะเทือนปฐพี ดวงดาวไร้พ่ายดวงหนึ่งกำลังลอยขึ้นฟ้าแล้ว!


ตอนนี้ มันเป็นตำนานของเขา เรื่องเล่าไร้เทียมทานกำลังเปิดฉาก!


อย่าว่าแต่หนุ่มสาวตกใจเลย เหล่าผู้อาวุโสก็เบิกตากว้าง ไม่เคยคาดฝันถึงผลลัพธ์นี้


มีบุคคลเก่าแก่ของสำนักเซียนมาเยือน ผู้เฒ่าทั้งสามที่เห็นฉากนี้ต่างก็ปิดปากเงียบ ตอนแรกยังหารือกันในสำนัก ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่า จะไม่ให้เมล็ดพันธุ์กับสือฮ่าว ทอดทิ้งเขา


แต่จำศีลสามปี ไร้ข่าวคราว ชายหนุ่มคนนี้กลับมาแล้ว!


พวกคนเช่นเทพจื่อรื่อที่เหล่าผู้เฒ่าสำนักเซียนบ่มเพาะ กำราบชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้ ฮวงกำลังต่อสู้ด้วยฝีมือสะเทือนปฐพี เปิดฉากสงครามที่รุ่งโรจน์ที่สุดในชีวิต!


เขากำลังใช้วิธีแบบนี้ ป่าวประกาศว่าสิ้นสุดการจำศีล ไม่เงียบงันอีกต่อไป เขากลับมาแล้ว!


สองหมัดกำราบจักรวาล!

 

 

 


ตอนที่ 1276

 

หนึ่งลมหายใจกลายเป็นสรรพสัตว์

โดย

Ink Stone_Fantasy

เคล็ดวิชาเก้าชนิด ญาณวิเศษทั้งเก้า พิฆาตศัตรูในโลกได้อย่างไร้เทียมทาน!


หลานเซียนโดดเด่น หญิงสาวในวัยนี้ รู้เคล็ดวิชาเก้าชนิด เหนือข้อพิพาทอย่างแท้จริง พลังต่อสู้ไม่มีใครเทียบได้!


นางยืนอยู่ตรงนั้น แสงเก้าสีห้อมล้อมตัวนาง ก่อตัวเป็นรัศมีหลากสีสัน ประหนึ่งวงแหวนเจิดจ้า โอบล้อมนางไว้ ทำให้ปราศจากมลทิน


ตูม!


แผ่นดินสั่นสะเทือน เคล็ดวิชาทั้งเก้าบดขยี้ฟากฟ้า เปล่งประกายข้างหน้า จู่โจมสือฮ่าว จะปลิดชีพเขา


ต้องรู้ว่า ญาณวิเศษแค่อย่างเดียวก็สะท้านโลกาแล้ว เมื่อมาถึงขั้นของพวกเขา จะสำแดงเคล็ดวิชาทั่วไปได้อย่างไร นางมาจากตระกูลอมตะ และฝึกตนในสำนักเซียน สิ่งที่มีไม่ขาดก็คือญาณวิเศษเย้ยปฐพี


หลายคนกริ่งเกรง เพราะอานุภาพแบบนั้นทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองกระจอกงอกง่อย มิติระเบิด คลื่นลูกหลงน่าพรั่นพรึง ต้านทานไม่ได้


ผลุบ!


มีคนกระอักเลือด หลบไม่ทันเมื่อคลื่นซัดมา ถูกกัดกร่อนจนกระดูกหักเอ็นขาด แทบจะแหลกสลายเป็นชิ้นๆ


“เป็นไปได้อย่างไร มันเป็นญาณวิเศษที่ยิ่งใหญ่ปานใดกัน?!” ผู้กล้าขั้นธรรมปลอมตะลึงงัน ขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ หวาดกลัวขึ้นมา


อยู่ในขั้นธรรมปลอมเหมือนกัน แต่ไยห่างไกลกันปานนี้? เมื่อเทียบกับผู้สูงส่งแล้ว เขาสู้ไม่ได้จริงๆ แตกต่างกันมากเหลือเกิน!


ฝั่งตรงข้ามเขา มีเทพสวรรค์หลายคนที่อนาถยิ่งกว่า ไม่เชื่อเช่นกัน จึงหลบไม่ทัน เมื่อแสงสาดลงมา ร่างของพวกเขาก็ถูกทะลวง เลือดสาดกระจาย แทบจะสิ้นชีพ


ทุกอย่างดับสูญในชั่วอึดใจ!


ตอนนี้ คนพวกนี้เกิดความรู้สึกแบบนี้ หากผู้สูงส่งคนหนึ่งจะจัดการพวกเขาอย่างเลือดเย็นนั้น ช่างง่ายดายเหลือเกิน ความสามารถเหนือชั้น กำราบทุกอย่างได้โดยตรง!


แต่เมื่อพวกเขาเห็นปรากฏการณ์ตรงเบื้องหน้า ก็ตกตะลึง วิญญาณสั่นสะท้าน ในใจสั่นระริก นั่นเป็นฝีมือฮวง มันเหนือจินตนาการ ประเมินไม่ได้


ดาราจักรที่เขาพ่นออกมา ไม่ได้ขวางญาณวิเศษทั้งเก้าเท่านั้น แต่อักขระพวกนั้นยังวิวัฒนาการ กลายเป็นสรรพสัตว์ ร่างกระจัดกระจายเต็มนภา


ตอนนี้ ไม่ใช่แค่พวกเขา แม้แต่คนอื่น รวมถึงเหล่าผู้อาวุโสก็ตกใจ ตัวแข็งเป็นหิน ภาพแบบนั้นน่าตะลึงเหลือเกิน


สิ่งมีชีวิตนับพันนับหมื่นบดบังท้องฟ้า กระจายอยู่ทุกหนแห่ง มีแมมมอธทองคำยืนอยู่บนพื้น กำลังแผดร้อง มีสิงโตขาวตัวใหญ่ปานขุนเขา แผงคอดุจธารน้ำไหล ดุร้ายอย่างยิ่ง คำรามลั่นมิติ มีนกกระจอกกลืนฟ้าตัวดำทะมึน ทอดเงาขนาดใหญ่บนพื้น ดวงตาโตและแดงก่ำดุจจันทร์สีเลือด มีเทาเที่ยยืนอยู่กลางอากาศ โหดเหี้ยมเป็นที่สุด ใหญ่โตมโหฬาร แทบจะเขมือบดวงดาราแล้ว แถมยังมีพญานกน่ากลัว สองปีกทะลุชั้นเมฆ บินขึ้นฟ้าสูง ไปโจมตีดวงดาว!



เสมือนผู้คนย้อนกลับมายังปลายยุคเซียนโบราณ สรรพสัตว์ปรากฏตัวพร้อมกัน ต่อสู้กับนักพรตต่างแดนที่น่ากลัว ต่างก็บ้าระห่ำ


สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ที่คิดออกโผล่มาแทบจะทั้งหมดแล้ว ปรากฏตัวให้เห็น บ้างก็กางปีกทะลุจักรวาล บ้างก็ยืนคำรามบนปฐพี ราวกับจะสะเทือนดวงจันทร์จนร่วงลงมา!


ร่างเบียดเสียดยัดเยียด ซ้ำยังใหญ่โตมโหฬาร จึงดูเหมือนปกคลุมแผ่นดิน บดบังผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ ต่างก็เป็นสิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งยิ่ง


ทุกอย่างเกิดจากดาราจักรที่สือฮ่าวพ่นออกมา หนึ่งลมหายใจกลายเป็นสรรพสัตว์ สำแดงวิชาสูงส่ง!


สรรพสัตว์เหล่านี้ ทั้งวิ่ง ทั้งคำราม เหยียบย่ำจนแผ่นดินทลาย มิติแหลกสลาย ไม่มีอะไรขวางพวกมันได้


 ชั่ววินาทีนี้ ญาณวิเศษทั้งเก้าของหลานเซียนหม่นหมองลงถนัดตา


ตอนแรก ดาราจักรที่สือฮ่าวพ่นออกมา ขัดขวางแค่ญาณวิเศษของหลานเซียน อยากกำราบ แต่อย่างไรก็อยู่ในขั้นตอนตอบโต้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ญาณวิเศษทั้งเก้ากำลังดับสูญ แหลกสลาย กำลังจางหายไปแล้ว


เพียงครู่เดียวเท่านั้น สือฮ่าวก็กลายเป็นฝ่ายโจมตี ทำลายขีดจำกัด จะกำราบหลานเซียน


แน่นอนว่า ประเด็นสำคัญที่ผู้คนสนใจไม่ใช่สิ่งเหล่านี้ แพ้ชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป


ทุกคนรวมถึงเหล่าผู้เฒ่าจับจ้องสิ่งมีชีวิตพวกนั้น ไยจึงมีมากมายปานนี้ มันเป็นเคล็ดวิชาอะไร ถึงเรียกสรรพสัตว์รวมตัวได้ในพริบตา?


ตูม!


บนฟากฟ้า ราวกับแผ่นดินระเบิด กระแสสัตว์จำนวนมหาศาลกำลังวิ่งห้อ ทำลายทุกสิ่งกีดขวาง


ญาณวิเศษทั้งเก้าแตกทลาย ขวางพวกมันไม่ได้ สรรพสัตว์คำรามพร้อมกัน ไม่ว่าใครก็ต้องตกใจ เหล่าผู้เฒ่านัยน์ตาเป็นประกาย ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้


“เล่มแรกของการหยั่งรู้ดั้งเดิม วิชาบันทึกหมื่นเทพเจ้าของบทชักนำจิตที่หายสาบสูญ!” มีคนรู้แล้วว่าคืออะไร จึงพูดออกมาแบบนี้


ผู้คนชะงัก จากนั้นก็ตกใจ ไม่คิดว่าจะเป็นวิชานี้ ทุกคนตะลึงงัน มันเป็นอักขระที่ดั้งเดิมที่สุดไม่ใช่หรือ ไยจึงมีเคล็ดวิชาด้วยเล่า?


“ว่ากันว่า เมื่อหยั่งรู้จนลึกซึ้ง ต่อให้เป็นวิชาทั่วไปก็ปล่อยอานุภาพสะเทือนฟ้าดินได้เช่นกัน ข้าไม่รู้ว่าฮวงทำได้อย่างไร ถึงปล่อยสรรพสัตว์ สิ่งมีชีวิตนับหลายหมื่นตัวออกมาได้ เหนือชั้นจริงๆ!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักเซียนพึมพำ


มันทำให้ทุกคนตะลึงงัน ฮวงไม่ธรรมดาจริงๆ ศึกษาวิชานี้จนถึงขั้นนี้ หาตัวจับยาก ไม่เคยได้ยินเช่นนี้มาก่อน


หลานเซียนกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำ สัตว์นานาชนิดรุมล้อม เกิดอันตรายขึ้น ปักษาบางส่วนพุ่งดิ่งลงมา จะฉีกทึ้งนาง


แขนเสื้อของนางฉีกขาด ถูกปากของนกหลวนทองคำกระชาก แทบจะทำให้แขนของนางกลายเป็นเนื้อเละ ไม่ใช่ญาณวิเศษของนางไม่ยิ่งใหญ่ แต่ฝีมือของอีกฝ่ายน่ากลัวเกินไป


ญาณวิเศษเก้าชนิดของหลานเซียนต่างก็น่ากลัว เคยสังหารปักษาเทพเจ้ามากมาย พิฆาตสัตว์โบราณน่ากลัวนับร้อยนับพันตัว เป็นขั้นสะเทือนปฐพีแน่นอน


แต่จนปัญญามันมีมากเหลือเกิน แต่ละตัวล้วนเป็นสัตว์ในตำนาน เผ่าพันธุ์บ้าเลือด สิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่ ปลิดชีพได้บางส่วนก็ถือว่าดียิ่งแล้ว


ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เมื่อนางสังหารไปมากขนาดนี้!


แต่ขวางไม่ได้ก็คือขวางไม่ได้ สิ่งมีชีวิตนับหลายหมื่นตัววิ่งผ่านไป กางปีกทะยานฟ้า ทำให้ที่นี่พังพินาศ ไม่เหลืออะไรเลย


ตอนนี้ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย สือฮ่าวเองก็ตกใจไม่แพ้กัน


ไม่คิดว่าวิชานี้จะน่ากลัวแบบนี้ เขาพ่นพลังปราณดั้งเดิมออกมา กระตุ้นการหยั่งรู้ดั้งเดิมที่ศึกษาตอนจำศีล มันมีอานุภาพแบบนี้ ทรงพลังเช่นนี้เชียวหรือ


มันเหนือความคาดหมายของสือฮ่าว ไม่คิดเลยว่า อักขระธรรมดาในการหยั่งรู้ดั้งเดิมจะสำแดงพลัง เมื่อถูกเขายกระดับถึงขั้นสุดยอด มันทำเช่นนี้ได้ด้วย!


แต่การวิวัฒนาการครั้งนี้ พลังที่ใช้ก็คาดเดาได้ยากยิ่งนัก สรรพสัตว์ปรากฏกาย ทุกตัวใหญ่ปานขุนเขา มีโหวทองคำม่วงจะเขมือบดวงดาว พญานกเหินขึ้นฟ้า จะโจมตีดวงดาวจนร่วง นี่มันอหังการปานใด? แต่เปลืองพลังมากเหลือเกิน!


แข็งแกร่งเยี่ยงสือฮ่าว ตอนนี้ก็รู้สึกอ่อนแรงเช่นกัน เมื่อดาราจักรพุ่งออกมา กลายเป็นสรรพสัตว์ ก็เหมือนมีหลุมดำเขมือบพลังปราณในร่างเขาไม่ขาดสาย


“หนึ่งลมหายใจกลายเป็นสรรพสัตว์ สุดยอด แต่ก็อันตรายมากเช่นกัน!” สือฮ่าวพึมพำ


หากเป็นผู้อื่น ตอนนี้คงจะกลายเป็นโครงกระดูก พลังถูกดูดจนแห้งเหือด ไม่อาจให้พลังแก่สรรพสัตว์ได้อีกต่อไป


ตูม!


สุดท้ายเขาก็อ้าปากแล้วสูดลมหายใจ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็กลายเป็นลำแสง รวมตัวกันเป็นดุจดาราจักร จากนั้นก็หายลับไปในตัวเขา


ผู้คนตะลึงงัน หวาดผวาขึ้นมาทันที


“โอม เป เม…” ในตอนนี้เอง เสียงสวดมนต์ก็ดังขึ้น เสมือนจะกำราบเก้าสวรรค์สิบพิภพ เพิ่งดังขึ้นก็ทำให้จักรวาลสูญเสียความสมดุล


เสียงสวดมนต์ทำให้ทุกคนได้สติกลับมาทันที จากนั้นก็ตกใจ พากันเหลียวมองบริเวณที่มหาโสดาอยู่ เขานั่งอยู่กลางอากาศ กำลังสวดมนต์


ตอนนี้ ผู้คนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า สือฮ่าวไม่ได้รบแค่สนามเดียว แต่กำลังประมือกับมือดีสามคน เมื่อครู่เพียงแค่ศึกระหว่างเขากับหลานเซียนตื่นตาตื่นใจเกินไป จึงทำให้คนลืมอีกสองคนไป


หนึ่งในบทสวดมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเซียนโบราณ ถูกบุกเบิกโดยนักพรตประเภทสงฆ์ ทำให้จิตใจอิ่มเอม หยั่งรู้ธาตุแท้ นั่นเป็นวิชาของพวกเขา


สงฆ์โบราณเหล่านี้ ต่างก็มีพลังจิตแก่กล้าจนน่าตกใจ ไม่มีสิ่งใดเทียบ!


พวกเขาพึ่งพาคัมภีร์ สวนมนต์เท่านั้น ก็อยู่เหนือคู่ต่อสู้ กำราบศัตรูได้แล้ว พิลึกและยิ่งใหญ่ยิ่งนัก


ในยุคเซียนโบราณ ผู้สูงส่งที่เรียกตนว่าพระเมื่อเยาว์วัย เคยมีวีรกรรมยิ่งใหญ่ เสียงสวดมนต์ดังก้องสี่ทิศ ปรากฏว่าจัดการศัตรูทั้งหลายได้ ให้พวกเขาเป็นผู้ติดตามตน อานุภาพเย้ยปฐพีอย่างแท้จริง!


มหาโสดาได้มรดกชนิดนี้ ตอนนี้กำลังใช้พลังอันยิ่งใหญ่ กระตุ้นธรรมของพระพุทธองค์


บทสวดมนต์ไม่สิ้นสุด กำลังกลายเป็นอักขระขนาดใหญ่ปานขุนเขา ส่องแสงโลหะเย็นเยือก กำลังพุ่งไปหาสือฮ่าว หมายจะกำราบเขา


ตอนนี้ ฮวงโซเซ ร่างกายไม่มั่นคงเสียแล้ว


มันทำให้เกิดเสียงอุทาน ทุกคนชายตามอง จดจ้องบริเวณนั้น


ประเด็นเพราะเมื่อครู่ สือฮ่าวใช้พลังของหมื่นเทพเจ้า สำแดงการหยั่งรู้ดั้งเดิมจนถึงขั้นสุดยอด ใช้พลังปราณไปมากเหลือเกิน เรียกได้ว่ามหาศาล


ด้วยเหตุนี้ ตอนนี้เขาจึงอ่อนแรงนิดหน่อย


ตูม!


เปลวไฟระเบิด สือฮ่าวเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง เขายืนอย่างมั่นคง รอยแง้มของประตูในร่างกายคล้ายว่าจะใหญ่ขึ้น ปล่อยศักยภาพออกมาไม่ขาดสาย


สือฮ่าวตะโกนลั่น ดวงจิตร่างเล็กตรงหน้าเขาเจิดจ้าขึ้นมาในพริบตา กำลังสวดมนต์เช่นกัน


นี่เป็นการยับยั้งด้วยดวงจิต เป็นการต่อสู้ของพลังจิต สุดท้าย ดวงจิตร่างเล็กก็กลายเป็นกระบี่ แหลมคมยิ่งนัก พุ่งออกไปจะฟันมหาโสดา


ตอนนี้ หวางซีที่ยืนท่ามกลางผู้คนตะลึงงัน นี่มันเคล็ดวิชาลับของตระกูลหวางไม่ใช่หรือ?


วิชาสยบความวุ่นวาย!


แต่ไหนแต่ไร หนึ่งในสามวิชากระบี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทำให้ดวงจิตอยู่ยงคงกระพัน กลายเป็นอาวุธ ปลดเปลื้องพันธนาการของตัวเอง ฟาดฟันทุกสิ่งกีดขวางในโลกได้!


คนอื่นก็ตกใจเช่นกัน ไม่อยากจะเชื่อเลย


ฮวงทำได้อย่างไร? มันเป็นไปไม่ได้ หวางซีตะโกนในใจ ไม่ได้รับการถ่ายทอด ไม่ว่าอย่างไรก็สำแดงออกมาไม่ได้


เดิมทีมหาโสดายังนิ่งเฉย ตอนนี้หนังตากำลังกระตุก สุดท้ายก็กระวนกระวาย ลงมืออย่างรวดเร็ว นั่งไม่ติดแล้ว สองมือประสานอินไม่หยุด


“ชิ้ง!”


ในตอนนี้เอง เทพจื่อรื่อก็ลงมือ ไม่รอให้พันธุ์หมอกปฐมกาลก่อตัวสมบูรณ์ ก็กระโจนออกไปแล้ว


เพราะเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์กำลังก่อตัว จำต้องใช้เวลานาน เพราะเขาเพิ่งหลอมรวม ยังไม่อาจทำตามใจได้ ตอนนี้เมื่อเห็นโอกาส จึงไม่อยากพลาดมัน


แต่ฮวงที่กำลังเพ่งเล็งมหาโสดา ตอนนี้กำลังแสยะยิ้ม หันหลังทันทีแล้วประสานอิน พุ่งไปหาเขาแล้วเปิดฉากสู้รบ


ตูม!


ระหว่างฮวงกับเทพจื่อรื่อ เกิดการต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุด แต่ละหมัดล้วนถึงใจ ได้เลือดทุกฝ่ามือ นี่เป็นการประมือกันอย่างไม่คิดชีวิต


“หือ?” มหาโสดาที่อยู่ไกลออกไปแปลกใจ เขาพบว่าติดกับเสียแล้ว!


กระบี่พลังจิตที่พุ่งมาเป็นของปลอม เป็นภาพลวงตา ไม่ใช่ของจิต และเห็นสือฮ่าวที่กำลังสู้รบโรมรันกับเทพจื่อรื่อ เขาก็เข้าใจทันทีว่า ดวงจิตของเขากลับเข้าร่างนานแล้ว


ตูม!


การเข่นฆ่าที่โหดเหี้ยม การประมืออันรุนแรง สือฮ่าวสู้กับเทพจื่อรื่อจนดุเดือดเลือดพล่าน เทพจื่อรื่อคำราม เดิมทีเขาอยากขโมยกายเนื้อของสือฮ่าวไป ไม่คิดว่าจะตกอยู่ในสภาพแบบนี้


เขาไม่ได้กลัวสือฮ่าว ถึงได้เลือกวิธีชิงกายเนื้อของเขา เพียงแค่อยากได้ทีเย้ยหยันสักครั้ง ทำให้สือฮ่าวอับอาย เพราะก่อนหน้านี้เสียเปรียบ อดสูยิ่งนัก


แต่ดูจากตอนนี้ เขาคำนวณพลาดไปแล้ว อีกฝ่ายไม่เคยทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย


ตึง!


ฟ้าถล่มดินทลาย ภูตผีร่ำไห้ สือฮ่าสลงมืออย่างต่อเนื่อง อินจักรพรรดิสายฟ้าจู่โจมไม่หยุด สะเทือนเทพจื่อรื่อจนกระอักเลือด หมอกคละเคล้ากับสายฟ้า ร่างกายกระตุกอย่างแรง


ชิ้ง!


มหาโสดาตามมาและลงมือ เขารู้สึกว่าถูกหลอกใช้ จึงไม่ใช้บทสวดมนต์อีก แค่ตวัดมือสีทองแล้วยื่นออกไปข้างหน้า


“เจ้าโล้น กายเนื้อเจ้ายังใช้ไม่ได้!” สือฮ่าวตะโกน ฝ่ามือกระแทกจนเทพจื่อรื่อกระเด็นออกไป เลือดไหลออกจากมุมปากอีกครั้ง จากนั้นก็ยกกำปั้นขวาขึ้นโจมตีมหาโสดา


ปัง!


กายเนื้อสีทองของมหาโสดาเปล่งแสง ยามต่อสู้กับสือฮ่าว มันกำลังโอนเอน


จากนั้น ชั่วพริบตาที่สือฮ่าวผิวปาก แสงสีเขียวก็แผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ จะพันธนาการมหาโสดา


หลานเซียนพุ่งมา มืองามเปล่งประกาย สำแดงวิชาสวรรค์โบราณ คลื่นสีฟ้าเดือดพล่าน ปกคลุมที่นี่ไว้


ตึง!


สือฮ่าวบ้าระห่ำ เมื่อเผชิญหน้ากับแม่นางท่านนี้ เขาปล่อยหมัดโจมตีจนมหาโสดาถอยหลัง หันหลังแล้วกระโจนออกไป สองมือประสานอินจู่โจมสุดความสามารถ


เทพจื่อรื่อตามมา เข้าร่วมสมรภูมิอีกครั้ง


ร่างของมหาโสดาโอนเอน แสงสาดส่อง พุ่งเข้าไปร่วมศึกด้วย


สือฮ่าวประมือกับพวกเขาคนละที รวบรวมพลังสังหารหลานเซียน โจมตีสุดชีวิต


ผลุบ!


สุดท้าย ชุดของหลานเซียนก็ฉีกขาด แขนเสื้อสองข้างหายไป เผยให้เห็นท่อนแขน แขนขวามีรอยแผลห้ารอย มันเกิดจากหมัดของสือฮ่าว แทบจะทำให้แขนของนางขาดเสียแล้ว!


หลานเซียนหน้าแดงก่ำ งดงามดุจบุปผา แม้แต่เสื้อผ้าก็ถูกจัดการจนขาดรุ่งริ่ง ทำลายภาพลักษณ์นางฟ้าของนาง


“โอม!”


มหาโสดาตะโกนลั่น ใช้เวทมนตร์ผสานกับมุทราของตน ปล่อยการโจมตีสะเทือนปฐพีใส่สือฮ่าว


สือฮ่าวรับมือกับมันด้วยการปล่อยดวงจิตออกไป กลายเป็นกระบี่ พุ่งไปหาลำคอของเขา แต่มหาโสดาไม่ติดกับอีก พุ่งตรงไปหาสือฮ่าว ขัดขวางกระบี่นิดหน่อยเท่านั้น


ทั้งสองชนกันอย่างแรง สือฮ่าวใช้หมัดที่อหังการกำบังการโจมตีสุดพลังของมหาโสดา ทำให้เขาจนตรอดอีกครั้ง


ขณะเดียวกัน มหาโสดาก็ขนลุกขนชัน เพราะกระบี่ดวงจิตที่พุ่งมา ทลายการป้องกันของเขาแล้วพุ่งเข้ามา ไม่ใช่ภาพลวงตาอีกต่อไป


เขาลงมือขัดขวางสุดชีวิต


สุดท้าย กระบี่ก็กลายเป็นร่างจิ๋วเท่ากำปั้น ลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา ทลายม่านแสงป้องกันตัวของมหาโสดาไม่ได้ แต่กลับทำอะไรบางอย่าง


เพี๊ยะ!


ร่างจิ๋วยกมือแล้วฟาดลงไปบนหัวเขา ทำให้เกิดเสียงดังกังวาน แม้จะชนกับม่านแสงป้องกันตัว แต่ก็ดังราวกับกระทบลงบนตัวเขา


ผู้คนตะลึงอึ้งงัน แม้แต่มหาโสดาก็เช่นกัน


นี่เป็นการยั่วโทสะอย่างโจ่งแจ้ง!


ทุกคนพูดไม่ออก ฮวงตั้งใจชัดๆ แม้การโจมตีนั้นจะทำร้ายเขาไม่ได้ แต่ก็ทำให้เขาสะดุ้งโหยงเช่นกัน


มหาโสดายกมือจะไปคว้า ใช้ญาณวิเศษพันธนาการมิติ ตรึงร่างนั้นไว้


ร่างจิ๋วกลายเป็นลำแสง สลายหายไปในพริบตา มันเป็นส่วนหนึ่งของพลังจิต กลับเข้าสู่ร่างของสือฮ่าว


ตูม!


สือฮ่าวเปล่งประกาย ประมือกับเทพจื่อรื่อ มือขวาพร่างพราย มีโซ่หลายเส้นห้อมล้อม โจมตีด้วยวิชาของเทพหลิว แทบจะพันคอเทพจื่อรื่อแล้ว


ผลุบ!


เทพจื่อรื่อคำรามในคอ เลือดสาดกระจาย เส้นผมร่วงลงมากระจุกหนึ่ง โซ่สีทองเส้นหนึ่งเฉียดลำคอเขาไป


ทุกคนต่างก็ลุ้นระทึก ตื่นเต้นยิ่งนัก


นี่เป็นศึกใหญ่ขั้นสุดยอดอย่างที่ไม่เคยมีก่อน เป็นการประมือชั้นสูงสุดของรุ่นหนุ่มสาว!


โดยเฉพาะศิษย์สำนักเทพสวรรค์ ตื่นเต้นจนตัวสั่นระริก กู่ร้องกันขึ้นมา


คนอื่นก็เป็นเช่นนี้ จิตใจระส่ำระสายตามร่างที่เคลื่อนไหวในสมรภูมิรบ


สือฮ่าวสู้กับผู้สูงส่งทั้งสามเพียงลำพัง ตะลุยไปทั่วหล้าด้วยความองอาจ เขาโจมตีทั้งสามคน ไม่เสียเปรียบ แสดงลักษณะอันไร้พ่าย เย้ยหยันปฐพี


 

 

 


ตอนที่ 1277

 

กายจะเป็นเมล็ดพันธุ์แล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

ก้อนหินพุ่งทะลุเมฆ พลังกระเพื่อมดุจผืนทะเล คลื่นคลั่งกระทบฝั่ง!


สือฮ่าวตะลุยไปทั่วฟ้า องอาจยิ่งนัก ประมือกับผู้สูงส่งทั้งสามอย่างดุเดือด การต่อสู้น่ากลัวสุดแสน เคล็ดวิชาสำแดงเดช ถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง เจิดจ้าและน่าตะลึง


ที่นี่เดือดพล่าน มือดีชิงความเป็นใหญ่ ผู้สูงส่งสู้ศึก ตั้งแต่บนฟ้ายันปฐพี จากนั้นสู้จากข้างล่างไปถึงบนชั้นเมฆ!


“อ๊าก…” เทพจื่อรื่อตะโกนลั่น เลือดซึมออกจากลำคอ ผมเผ้ารุงรัง ถูกหมอกห้อมล้อม เป็นเหมือนเทพเจ้าปีศาจ เขาถูกกิ่งหลิวสีทองรัดจนคอแทบขาด


ตอนนี้ พวกเขาต่อสู้กันจนเดือดพล่าน ถึงขั้นบ้าระห่ำ ลืมความเป็นความตาย อย่างน้อยเทพจื่อรื่อก็สู้ยิบตา เพราะเขาโมโหแล้ว


เขาถูกสือฮ่าวกำราบซ้ำแล้วซ้ำเล่า สำหรับเขาที่ยโสโอหัง อวดดีจนเย้ยหยันคนรุ่นเดียวกันได้ นี่เป็นความอัปยศ


พันธุ์หมอกปฐมกาล ได้ชื่อว่าเป็นเมล็ดพันธุ์ไร้พ่าย ในกาลเวลาที่ผ่านเนิ่นนาน คนที่ได้มันไปครองล้วนเป็นตำนาน ต่างก็มีอดีตที่สะเทือนฟ้าดิน


เขาเพิ่งบำเพ็ญเพียรเสร็จสิ้น ก็ประสบกับความแพ้พ่าย จะไม่ให้เจ็บใจได้อย่างไร?


หากวันนี้เขาแพ้โดยสิ้นเชิง จะเป็นการสร้างชื่อสูงส่งให้กับฮวง หากพูดถึงเมล็ดพันธุ์หมอกปฐมกาล สิ่งที่ผู้คนนึกถึงจะเป็นอานุภาพของฮวง!


ส่งเสริมอีกฝ่ายด้วยเมล็ดพันธุ์ไร้พ่าย มันเป็นความเศร้าปานใดกัน ขณะเดียวกันก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูไร้เทียมทาน อยู่เหนือทุกคนในรุ่นเดียวกัน!


ตึง!


เทพจื่อรื่อลงมือ เมล็ดพันธุ์สีม่วงปรากฏขึ้นตรงหน้า เก่าแก่และเป็นมงคล ราวกับดินแดนกำลังกระเพื่อม สร้างความกดดันให้ทุกคน


ผู้คนประหลาดใจ ในที่สุดเมล็ดพันธุ์ก็เผยรูปโฉมที่แท้จริงแล้วหรือ?


“ไม่สิ ยังขาดอีกบางส่วน แม้เทพจื่อรื่อจะแข็งแกร่ง แต่เพิ่งหลอมรวม ยังไม่อาจควบคุมได้ตามใจชอบ ฉุกละหุกเกินไป ตอนนี้ทำได้แค่กระตุ้นไอบางส่วนเท่านั้น!” มีคนพึมพำเมื่อมองออก


แต่มันก็ยังน่ากลัวมากเช่นกัน!


เมล็ดพันธุ์ก่อตัว ปรากฏให้เห็น พลันก็เกิดมรสุม ลมพัดกรรโชก จักรวาลเปลี่ยนสีไปในพริบตา ประหนึ่งวันสิ้นโลกมาเยือน


เปรี๊ยะ!


สายฟ้าเส้นใหญ่พาดผ่านท้องฟ้า ปานมังกรเซียนทะลุมิติมาจากเซียนโบราณ ทำให้จักรวาลแยกจากกัน โลกถล่ม


รอยแยกลุกลามไปทั่ว ใหญ่เป็นที่สุด รอยร้าวเบียดเสียดยัดเยียด ประหนึ่งเครื่องปั้นดินเผาที่แตกร้าว


ตอนนี้ มหาโสดากับหลานเซียนต่างก็ตกใจ ถอยหลังทันใด เกรงว่าจะพลอยโดนลูกหลง จึงรามือเลิกโจมตีชั่วคราว ออกจากสถานที่อันตรายแห่งนี้


“ตูม!”


เทพจื่อรื่อใช้มือขวาประสานอินแล้วสะบัดอย่างแรง เมล็ดพันธุ์เคลื่อนไหว แค่ฝ่ามือเดียวเท่านั้น จักรวาลก็สั่นสะเทือน เสมือนเกิดแผ่นดินไหวที่น่ากลัวที่สุด


ฟ้าดินโยกไหว เขาเทพทั้งหลายในสำนักแตกระแหง จะพินาศแล้ว


ยังดีที่มีคนลงมือในช่วงเวลาคับขัน มีผู้อาวุโสขัดขวางทุกสิ่ง นอกจากนี้ยังกระตุ้นค่ายกลประจำสำนัก พันธนาการสิบทิศ หยุดทุกอย่างไว้


แต่มิติไม่โชคดีเช่นนั้น มันกำลังพังทลาย ระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว


พลังมหาศาลม้วนตัวไปทั่วเหมือนมหาสมุทร กำลังพุ่งไปทางสือฮ่าว


เมล็ดพันธุ์ถูกสายฟ้าห้อมล้อม เจิดจ้ามากเป็นพิเศษ แสงสีม่วงเปล่งประกาย น่าตะลึงอย่างยิ่ง ผู้คนสั่นระริก เมื่อเผชิญหน้ากับมันก็หมอบลงอย่างควบคุมไม่ได้


“ฮวง เจ้าตายแน่!”


เทพจื่อรื่อคำรามลั่น ผมเผ้าโบกสะบัด นัยน์ตาปล่อยกระแสไฟสีม่วงออกมา ยาวถึงสิบกว่าลี้ เขาดูลึกลับและน่ากลัวเมื่ออยู่ท่ามกลางม่านหมอก


ตอนนี้นับว่าเมล็ดพันธุ์สีม่วงถูกเขากระตุ้นจนคืนชีพแล้ว เป็นตัวแทนของเจตจำนงฟ้าดิน เป็นการยอมรับของสวรรค์


ตอนนี้ กฎเกณฑ์มากมายลอยลงนอกโลก เทกระหน่ำลงมาจากฟากฟ้าปานธารน้ำตก กลายเป็นวัตถุมีรูปร่าง ซึมลงไปในเมล็ดพันธุ์สีม่วง


ได้รับความดูแลจากผืนฟ้า ได้รับความคุ้มครองจากสวรรค์!


พันธุ์หมอกปฐมกาลได้รับการชำระล้างจากธรรม ได้รับพลังจากฟ้าดินผืนนี้ กำราบผู้ต่อต้านทั้งหมด นี่เป็นอานุภาพของธรรม!


ในขั้นธรรมปลอม นี่ต่างหากที่เป็นความหมายสูงสุดขนานแท้ เป็นการสื่อให้เห็นถึงความใกล้ชิดกับธรรม


พันธุ์หมอกปฐมกาลยกระดับพลังของขั้นนี้จนถึงขั้นสุดยอด เป็นตัวแทนของการพิพากษาแห่งฟ้าดิน ตัวแทนของการชี้ขาดแห่งสวรรค์!


แน่นอนว่า ตอนนี้เทพจื่อรื่อน่ากลัว องอาจอย่างน่าตกใจ ยืนอยู่บนฟ้าสูง สองมือประสานอิน เมล็ดพันธุ์ตรงหน้าเขากำลังส่องแสงสีม่วง หมอกควันตลบอบอวล


มันค่อยๆ ผสานกับธรรม ระเบิดพลังที่น่ากลัวที่สุด


และตอนนี้เทพจื่อรื่อเป็นดั่งบุตรแห่งสวรรค์ มีอานุภาพแห่งฟ้าดิน ทำให้ไร้เทียมทาน!


ไม่มีใครไม่กลัว ตอนนี้ เขาเชื่อมโยงกับธรรม ทำลายทุกสิ่งกีดขวางได้ ไม่มีอะไรที่ทลายไม่ได้!


ฮวงอันตรายแล้ว! นี่เป็นความรู้สึกของหลายคน สัมผัสถึงอานุภาพอันไร้พ่ายแบบนั้นได้อย่างชัดเจน


พลังปราณของเทพจื่อรื่อพุ่งสู่ขั้นสุดยอด ไร้ที่ติ อยู่เหนือสรรพสิ่ง ความเชื่อมั่นของเขาเพิ่มพูน อานุภาพเย้ยปฐพี เย้ยหยันคนรุ่นเดียวกัน


“ตาย!”


สั่งสมพลังมาเนิ่นนาน เสียงของเทพจื่อรื่อสะเทือนปฐพี เส้นผมลุกชัน ดวงตาถมึงทึง สายตาเจิดจ้าดุจดวงตะวัน ทุกอณูรูขุมขนของร่างกายปล่อยพลังปราณออกมา


ครืน!


เชื่อมต่อกับธรรม ผสานเป็นหนึ่งกับจักรวาล เมื่อการโจมตีอันน่ากลัวแบบนี้ถูกปล่อยออกมา พันธุ์หมอกปฐมกาลปรากฏให้เห็น จะพิฆาตฮวง!


สรรพสิ่งสั่นเทิ้ม ไม่มีใครไม่กลัว เกิดความรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ มันเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ถูกหล่อเลี้ยงจากฟ้าดิน!


ผู้คนอกสั่นขวัญแขวน หลายคนทรุดลงกับพื้นดังตุบ ต้านทานไม่ไหวอีกต่อไป นี่เป็นความยำเกรงและยอมจำนนต่อธรรม


มันไม่ใช่ความเต็มใจ ควบคุมไม่ได้ มาจากสัญชาตญาณ!


ทุกคนต่างก็รู้สึกว่า สือฮ่าวเจอปัญหาเข้าแล้ว นอกเสียจากเขาจะเปิดเผยเมล็ดพันธุ์ที่ตัวเองซ่อนไว้ มิเช่นนั้นต้องเกิดเรื่องใหญ่เป็นแน่ และอาจถึงขั้นตายได้!


ชิ้ง!


ตอนนี้ ลำแสงเส้นหนึ่งกำลังเปล่งประกาย


สือฮ่าวกางแขน จากนั้นประสานอิน แสงสีเขียวในร่างกายคึกคัก ผิวหนังของเขาส่องแสงแวววาว


ใช้กายเป็นพันธุ์ ร่างกายของเขาในตอนนี้นี่แหละที่เป็นเมล็ดพันธุ์!


ประตูลึกลับทั้งหลายในตัวเขา ถูกพลังข้างนอกบีบคั้น รอยแง้มจึงกว้างขึ้น ปล่อยศักยภาพที่ดั้งเดิมของร่างกาย ยิ่งใหญ่และน่าตะลึง


โซ่ระเบียบหลายเส้นพันเกี่ยวรอบตัวสือฮ่าว จากนั้นเขาก็สำแดงพลังขั้นสุดยอดของตัวเองแล้วโจมตีพันธุ์หมอกปฐมกาล!


“แย่แล้ว!” ศิษย์ของสำนักเทพสวรรค์ร้องเสียงหลง สีหน้าเปลี่ยนไป ซีดเผือดทันที


“แย่แล้ว ตอบโต้แบบนี้ได้อย่างไร?” พวกเฉาอวี่เซิงก็ร้องเสียงหลง สังหรณ์ใจว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ แต่แม้จะร้อนใจกลับทำอะไรไม่ได้


ขณะที่ทุกคนรู้สึกว่าสือฮ่าวตกอยู่ในอันตราย เรื่องที่ชวนให้ตกใจและสะเทือนขวัญก็เกิดขึ้น


พันธุ์หมอกปฐมกาลที่มีพลังมหาศาล น่ากลัวเป็นที่สุด ความเร็วลดลง เมื่อลอยลงมาก็เหมือนจะถูกขัดขวาง


เปรี๊ยะ!


จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้น กำปั้นเคล้าด้วยลำแสงสีทองอ่อน ทะลวงเมล็ดพันธุ์ไร้พ่ายเม็ดนั้นแล้วพุ่งผ่านไป!


“อะไรกัน?!”


ทุกคนตะลึงงัน ทำไมเป็นแบบนี้ เมล็ดพันธุ์ไร้พ่ายถูกทำลายแบบนี้หรือ?


มันช่างน่าเหลือเชื่อ ต่างก็เบิกตากว้าง แตกต่างจากที่ผู้คนคาดคิดอย่างสิ้นเชิง!


ลักษณะทรงพลัง อหังการของเทพจื่อรื่อ ตอนนี้ตัวแข็งเป็นหิน จากนั้นความเร็วก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เขาสั่งสมพลังจนถึงขั้นสุดยอด แต่สุดท้ายกลับถูกเจาะจนแตกราวกับเป็นลูกบอล


“ทำไม…” แม้แต่เขาก็ลืมความโกรธไปเสียสนิท ตอนนี้สีหน้าสับสน กำลังค้นหาสาเหตุ


“เป็นไปไม่ได้!” จากนั้น เขาก็แผดร้องขึ้นมา


ตอนแรกผู้คนเงียบสงัด จากนั้นก็วิจารณ์กันดังเซ็งแซ่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?


“เกิดสถานการณ์แบบนี้มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว มันเป็นการยับยั้งระหว่างเมล็ดพันธุ์ ฮวงมีเมล็ดพันธุ์ สมบูรณ์ยิ่งกว่าเมล็ดพันธุ์หมอกปฐมกาลของเทพจื่อรื่อเสียอีก มีธรรมแฝงเร้นมากกว่า พลังสะเทือนปฐพี!” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งของสำนักเทพสวรรค์พูด


แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร พันธุ์หมอกปฐมกาลนับว่าเป็นเมล็ดพันธุ์ไร้พ่ายแล้ว ยังมีที่ล้ำเลิศกว่ามันอีกหรือ?


ต่อให้เป็นขั้นเดียวกัน ก็เจอแค่ไม่กี่เม็ดแล้ว ไม่มีทางอยู่เหนือเด็ดขาด!


“เพราะพันธุ์หมอกปฐมกาลยังไม่สำแดงออกมาทั้งหมด ยังขาดอีกบางส่วน เวลากระชั้นชิด เทพจื่อรื่อยังไม่ถึงขั้นนั้น ตอนนี้จึงยังบกพร่อง หากถูกเมล็ดพันธุ์ขั้นเดียวกันยับยั้ง เขาต้องเสียเปรียบแน่นอน!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักเซียนอธิบาย


“เจ้าหลอกข้า เจ้ามีเมล็ดพันธุ์เหมือนกัน แต่กลับหลอกข้า!” เทพจื่อรื่อตะโกนลั่น รู้สึกว่าถูกหลอก แบกรับความอดสู ไม่พอใจ


“หากเจ้าคิดเช่นนี้ ก็ถือว่าไม่ผิด ข้านี่แหละเป็นเมล็ดพันธุ์ไร้พ่าย!” สือฮ่าวตะโกนเสียงดัง


ประตูในตัวเปิดออก ประตูลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในจุดที่ลึกที่สุดของร่างกาย ที่ดำรงอยู่มาเนิ่นนานเปล่งแสงพร้อมกัน แสงสีเขียวที่ทะลักออกจากรอยแยกของประตูรวมตัวกัน ทำให้พลังของสือฮ่าวบรรลุขั้นสูงสุด!


ตอนนี้ เขาอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิตนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แข็งแกร่งที่สุด


ชิ้ง!


สือฮ่าวไม่ปกปิดเลยสักนิด ใช้พลังที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ครั้งแรก พุ่งไปหาเทพจื่อรื่อ โจมตีสุดความสามารถ!


ปัง!


เทพจื่อรื่อหวั่นใจ จิตใจระส่ำระสาย เขารวบรวมหมอกปฐมกาลอีกครั้งทันที ทำให้เมล็ดพันธุ์ไร้พ่ายประสานเป็นหนึ่งกับตัวเอง ขัดขวางการโจมตีนี้


เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาเสียเปรียบอย่างยิ่ง เมื่อครู่เมล็ดพันธุ์ถูกสือฮ่าวทะลวง เมื่อแตกสลายก็ไม่อาจรวมตัวกันได้ในพริบตา เขาเป็นฝ่ายถูกกระทำ


ตึง!


มันเป็นการโจมตีอันสะเทือนปฐพี หมัดของสือฮ่าวทำเอาเทพจื่อรื่อกระอักเลือด ร่างกระเด็นออกไป


จากนั้นก็เหมือนฟ้าดินทรุดตัว ราวกับสือฮ่าวประมือกับเซียนเทพเจ้า โจมตีด้วยความไร้พ่าย กวาดล้างศัตรู ทุกหมัดสะเทือนจนจักรวาลถล่ม


ตึง ตึง ตึง!


พลังแบบนี้น่ากลัวเหลือเกิน ในชั่ววินาที เมื่อสือฮ่าวควงหมัด จักรวาลก็สั่นครืน เทพจื่อรื่อตอบโต้ แต่ทุกครั้งที่รับหมัดจะกระอักเลือดออกมาคำใหญ่


ยิ่งไปกว่านั้น แขนของเขากำลังผิดรูป เนื้อตัวเหวอะหวะ


ทุกคนชะงักงัน มองทุกอย่างด้วยความเหลือเชื่อ สือฮ่าวทรงพลัง เส้นผมโบกสะบัด นัยน์ตาเย็นเยือกจนน่าตกใจ หนึ่งก้าวปล่อยหนึ่งหมัด โจมตีศัตรูด้วยวิธีนี้!


เทพจื่อรื่อถอยหลังทีละก้าว กระอักเลือดทุกก้าว ร่างแทบแหลกสลายแล้ว แบกรับแรงกดดันเหนือจินตนาการ สะเทือนสำนักเทพสวรรค์


นี่เป็นความสามารถที่แท้จริงของฮวงหรือ?


ทุกคนต่างก็หวาดผวา มันทำให้ผู้คนรู้สึกพรั่นพรึง


ขณะเดียวกัน ผู้คนก็นึกถึงคำพูดของเขา เขาบอกว่าตัวเองเป็นเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์แบบ ไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ที่ถูกกล่าวถึงในโลก


“เป็นไปได้อย่างไร?” บุคคลขั้นยิ่งใหญ่ของสำนักเซียนหลายคนต่างก็ทำหน้าตกใจ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยมีแต่ความเหลือเชื่อ


บุคคลอย่างพวกเขา ต่อให้ภูเขาถล่มตรงหน้าก็ไม่ตกใจ แต่ตอนนี้กลับแสดงอาการตกตะลึง


“หรือเขาจะ…เดินเส้นทางนั้นจริง?!” ตอนนี้ พวกเขานึกออกแล้ว มันเป็นเส้นทางที่ไม่มีใครทำได้ การใช้กายเป็นพันธุ์!


เส้นทางนั้นลำบากยากเข็ญ มีอัจฉริยะเย้ยปฐพีตายไปไม่รู้ตั้งเท่าใด ไม่มีทางสำเร็จ!


แต่วันนี้ เหมือนว่าฮวงจะทำสำเร็จแล้ว!


พวกเขาต่างก็เงียบงัน พูดไม่ออกชั่วขณะ ชายหนุ่มคนนี้ถูกพวกเขาทอดทิ้ง ไม่ให้แม้แต่เมล็ดพันธุ์โบราณ ปรากฏว่า เขากลับก้าวเข้าไปในเส้นทางที่ไม่มีใครในประวัติศาสตร์ทำสำเร็จ!


มันเป็นเรื่องสะเทือนวงการอย่างแท้จริง!


ผลุบ!


เทพจื่อรื่อกระเด็นออกไป บาดเจ็บสาหัส ถูกสือฮ่าวโจมตีจนแทบไม่ไหวแล้ว พลังต่อสู้ลดฮวบหากเป็นเช่นนี้ต่อไปต้องพิการเป็นแน่!


มหาโสดา หลานซียนลงมือ กระโจนออกไปพร้อมกัน แต่ก็ไม่อาจขวางความยิ่งใหญ่ของฮวงได้ เขาบรรลุขั้นไร้พ่าย น่ากลัวเป็นที่สุด!


“ใครขวางทางข้า สังหาร!” สือฮ่าวตะโกนลั่น จ้องมหาโสดากับหลานเซียน ฝีมือสะท้านฟ้า ไม่อาจต้านทานได้!


“เขาเดินบนเส้นทางโบราณเส้นนั้น การใช้กายเป็นพันธุ์…ที่ไม่เคยมีใครทำได้งั้นหรือ?” ตอนนี้ นักพรตคนอื่นก็รู้ความจริงจากปากของเหล่าผู้เฒ่าสำนักเซียน ตัวสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่ได้

 

 

 


ตอนที่ 1278

 

 ตำนานไร้พ่าย

โดย

Ink Stone_Fantasy

เส้นทางนั้น มีคนเดินตั้งแต่ยุคเซียนโบราณ แต่ทุกคนต่างก็ล้มเหลว ไม่มีข้อยกเว้น!


มิหนำซ้ำ จุดจบก็อนาถยิ่งนัก ไม่ตายก็พิการ ไม่มีผลลัพธ์ที่ดีสักครั้ง!


ในสายตาของชาวโลก มันเป็นหุบเขาลึก เขมือบรุ่นหลังทุกคน เป็นเส้นทางไม่มีวันสำเร็จ หากตกลงไปไม่มีจุดจบที่ดีแน่นอน


ต้องรู้ว่า บนเส้นทางนี้มีใครเป็นคนธรรมดาบ้าง? ต่างก็เป็นคนโดดเด่น เป็นอัจฉริยะแห่งยุค เลื่องชื่อลือชา แต่เมื่อเลือกเส้นทางนี้ มันเท่ากับความมืดมน สิ้นชีพ เท่ากับการฆ่าตัวตาย!


มันเป็นเส้นทางที่ยังนับว่ามีปัญหาทางทฤษฎี ยังต้องศึกษา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสำเร็จ ทำให้ผู้สูงส่งไม่รู้ตั้งเท่าใดหยุดชะงัก!


อยากสำเร็จภายในก้าวเดียว            ไม่ง่ายดายปานนั้น มันยากกว่าไต่ขึ้นสวรรค์เสียอีก!


แต่ตรงหน้ามีคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะสำเร็จแล้ว กำลังสำแดงเดชอย่างไร้เทียมทาน โจมตีเทพตะวันม่วงที่มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์แทบจะพิการแล้ว


มันเป็นปรากฏการณ์แบบไหนกัน ทั้งสมจริงแต่ก็เหมือนภาพฝัน ผู้คนรู้สึกว่ามันไม่เสมือนจริง!


หลายคนไม่เชื่อ คิดว่าสือฮ่าวปิดบัง ต้องเป็นเพราะตัวเองหลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์วิเศษที่ไม่มีใครรู้แน่นอน จึงมีพลังต่อสู้แบบนี้


แต่เมื่อผู้คนครุ่นคิด ตั้งแต่อดีตยันวันนี้ เมล็ดพันธุ์ไร้พ่ายมีจำกัด ซ้ำยังถูกกำหนดไว้แล้ว เขาจะไปหาได้จากที่ไหน?


เมล็ดพันธุ์หลายเม็ดที่โด่งดังรวมตัวอยู่ในสำนักเซียน!


และมีอีกหลายเม็ด อยู่ในเขตต้องห้ามที่น่ากลัวที่สุดของเก้าสวรรค์สิบพิภพ เอาออกมาไม่ได้ มีบทสรุปนานแล้ว!


ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อหลายวันก่อน เขตต้องห้ามเหล่านั้นยังมีคนวนเวียน เฝ้ารอด้วยความเจ็บใจ อยากหาโอกาสพิสูจน์ว่าเมล็ดพันธุ์ยังอยู่


เมื่อตัดปัจจัยเหล่านี้ทิ้งไป เมล็ดพันธุ์ของสือฮ่าวมาจากไหน? แม้จะไม่อยากเชื่อ แต่ผู้คนก็จำต้องยอมรับ ฮวง… อาจทำสำเร็จแล้วจริงๆ!


ใช้กายเป็นพันธุ์ สี่คำนี้หนักอึ้งดุจขุนเขา กดทับจนคนแทบหยุดหายใจ หายใจไม่ออก


ตูม!


แสงสว่างสาดส่องกลางสมรภูมิรบ แผ่นดินถล่ม สายฝนเทกระหน่ำ เกิดปรากฏการณ์น่ากลัวต่างๆ ขึ้น


นี่เป็นอานุภาพของสือฮ่าว เมื่อเคลื่อนไหว ดินทรายก็ปลิวว่อน ภูตผีร่ำไห้ เคล้าด้วยปรากฏการณ์น่ากลัวที่มีเทพเจ้าก่อนปฐมกาลทั้งหลายโรยรา


พลังหมัดของเขาดุจคลื่นทะเลคลั่ง เมื่อควงหมัด จักรวาลจะสั่นสะเทือน คลื่นพลังหลั่งไหลทะลุผืนฟ้า ชวนให้อกสั่นขวัญแขวน


“อ๊าก…”


เทพตะวันม่วงร้องลั่น ร่างกายกระตุกอย่างแรง ต้านทานไม่ไหวเลยสักนิด เขากำลังกระอักเลือด รับพลังไร้พ่ายของฮวงไม่ได้


ท่าทางของสือฮ่าวไม่ไวมาก ตอนนี้เขากำลังเยื้องย่าง เดินกลางอากาศทีละก้าว ดั่งจักรพรรดิสวรรค์มาเยือน


ตอนนี้ ทุกคนการเคลื่อนไหวของเขาล้วนน่ากลัว เพราะมันแฝงด้วยพลังของขั้นนี้ ไม่มีสิ่งใดเทียบได้!


ตึง!


ท่าทางของสือฮ่าวเยือกเย็น กางแขนแล้วค่อยๆ ปล่อยหมัดขวาออกไป ทำเอามิติดังสนั่น จากนั้นก็ระเบิดทันใด แสงสว่างไสวพุ่งออกมา เหมือนทะเลกระทบฝั่ง


พลังแบบนี้น่ากลัวเหลือเกิน เทพตะวันม่วงลอยขึ้นราวกับเป็นหุ่นไล่กา ถูกขุนเขาชนเข้าอย่างจัง แทบจะแหลกสลาย กระดูกหักไม่รู้กี่ท่อน


ตอนนี้ สือฮ่าวมีอานุภาพเย้ยโลกา!


เมื่อครู่มหาโสดา หลานเซียนก็ลงมือเช่นกัน แต่ไม่จู่โจมมากนัก จังหวะการโจมตีเชื่องช้าลง ยืนอยู่ไม่ไกล


เวลานี้ เทพตะวันม่วงน่าเวทนายิ่งนัก ถูกสะเทือนจนกระเด็น ตกลงพื้นแล้วกระอักเลือด ถอยหลังโซเซ ผมเผ้ารุงรัง ท่าทางอนาถเหลือเกิน


เขาเป็นถึงผู้สูงส่ง หาได้เคยจนตรอกแบบนี้ ไม่เคยแพ้มาก่อน แต่วันนี้กลับประสบกับความแพ้พ่ายครั้งใหญ่ของชีวิต!


เขาสู้ฮวงไม่ได้ ไม่อาจต้านทานได้!


แม้กระทั่งว่า เทพตะวันม่วงมีความรู้สึกว่า ต่อให้ปล่อยหมอกปฐมกาลออกมาอย่างสิ้นเชิง ก็ไม่เห็นว่าจะเทียบสือฮ่าว หรือสามารถกำราบเขาได้


มันไม่น่าเชื่อเลยสักนิด นี่เป็นสิ่งที่เขาภูมิใจที่สุดของชีวิต สยบเมล็ดพันธุ์เม็ดนี้ได้ แต่กลับไร้ความสามารถต่อหน้าคนอื่น มันทำให้เขาสลดอย่างแท้จริง


ขณะเดียวกัน เขาเคียดแค้นยิ่งกว่า สิ่งที่เขาพยายามเพื่อมัน เมล็ดพันธุ์ที่ล้ำค่าที่สุดกลับมีคนอยู่เหนือกว่า เขามีแต่ความเจ็บใจ!


“อ๊าก…”


 เทพตะวันม่วงคำรามลั่น พยายามตอบโต้สุดความสามารถ แต่ถูกลำแสงเส้นหนึ่งจากหมัดของสือฮ่าวทะลวงหน้าอก ทำให้เกิดเป็นรูที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด ร่างของเขาแทบจะแหลกสลาย


ผู้เฒ่าสำนักเซียนหน้าถอดสี เทพตะวันม่วงแพ้พ่าย สู้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว มิเช่นนั้นต้องตายเป็นแน่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาอยากเห็น


“หยุด!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งตะโกนลั่น


แต่เทพตะวันม่วงราวกับคลุ้มคลั่ง เมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังปราณสีม่วงทั่วร่างเดือดพล่าน ลุกโชนขึ้นมา เขาเริ่มสู้ยิบตา ไม่ยอมถอยหลัง


“ข้าไร้พ่าย สังหาร!” ผมของเขาเปื้อนเลือด นัยน์ตาสีม่วงแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ


ผลุบ!


สือฮ่าวปล่อยหมัดกระแทกลงมาอีกครั้ง เป็นดุจเซียนเทพเจ้าที่ทอดมองปฐพี สูงส่งเกินเอื้อม สะเทือนจนเทพตะวันม่วงกระดูกหักเอ็นขาดอีกครั้ง


“ไยจึงเป็นเช่นนี้?” ตอนนี้ เทพตะวันม่วงล้มหงายหลัง ดวงตาดุจคมมีด จดจ้องอีกฝ่ายที่กำลังเยื้องย่างมาจากข้างหลังอย่างไม่สะทกสะท้าน


เด็กรับใช้ที่อยู่ไกลออกไปหวาดผวา ใบหน้าซีดเผือด เมื่อนึกถึงตอนที่ตนจาบจ้วงฮวง เขาก็อดตัวสั่นไม่ได้


แม้แต่นายท่านของเขายังเป็นเช่นนี้ สู้ฮวงไม่ได้ แต่ก่อนหน้านี้เขากลับท้าทายไม่หยุด รนหาที่ตายชัดๆ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง


อู๋ไท่ก็หน้าถอดสี หลบอยู่ในฝูงชน ขนลุกขนชัน เนื้อตัวเย็นเฉียบ เขาไม่เคยน่ากลัวอย่างเช่นวันนี้มาก่อน


แม้แต่คนที่มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ยังแพ้ ในโลกนี้จะมีกี่คนสู้ฮวงได้? อู๋ไท่ขวัญหนีดีฝ่อ เขาเกิดความคิดชั่ววูบอยากหนีไปทันที


“เทพตะวันม่วงกลับมา ตอนนี้เจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เขาเดินบนเส้นทางนั้นแล้ว ใช้กายเป็นพันธุ์สำเร็จแล้ว!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักเซียนตะโกนลั่น


คำพูดนี้ราวกับมีฟ้าผ่ากลางสมรภูมิ เสียงของเขาไม่ดัง แต่ผลกระทบของคำพูดนี้น่ากลัวเหลือเกิน มันสะเทือนขวัญทุกคน


ก่อนหน้านี้แค่คาดเดาเท่านั้นว่า สือฮ่าวเลือกทางนี้ คล้ายว่าจะสำเร็จ แต่พวกเขาต่างก็ไม่แน่ใจมากนัก


 แต่ตอนนี้ เขาป่าวประกาศแบบนี้ เป็นการยืนยันอย่างไม่ต้องสงสัย ข้อคาดเดาไม่ผิด ฮวง สะเทือนฟ้าดิน อยู่เหนือบรรพบุรุษอย่างแท้จริง เขาทำสำเร็จแล้ว!


ทำสำเร็จเป็นคนแรก ต่อให้ยังมีมลทิน ไม่สมบูรณ์แบบ แต่มันเหนือชั้นเหลือเกิน ทำให้จิตใจของทุกคนระส่ำระสาย!


นี่เป็นตำนาน เป็นเรื่องเล่าขาน ภพหน้าต้องเป็นที่เล่าลือของผู้คนแน่นอน!


ในฐานะของผู้บุกเบิก คนแรกที่ทำสำเร็จบนเส้นทางนี้ ต้องเจิดจรัส รุ่งโรจน์ไปถึงยุคหน้าแน่นอน กลายเป็นบุคคลที่ต้องพูดถึงในประวัติศาสตร์


ผู้คนอิจฉา ขณะเดียวกันก็รู้สึกกลัว เส้นทางนี้ลำบากยากเข็ญ ฮวงทำสำเร็จ โดดเด่นปานใดกัน?


“ใช้กายเป็นพันธุ์ มีคนทำสำเร็จแล้วจริงๆ” เทพตะวันม่วงพึมพำ เขาสิ้นหวังยิ่งนัก ทุกคนที่เลือกเส้นทางนี้ในประวัติศาสตร์มีใครบ้างที่ไม่แข็งแกร่ง ปรากฏว่าล้วนล้มเหลว แต่ศัตรูคนนี้… กลับทำได้!


มันสะเทือนใจเขาเหลือเกิน อย่างหาที่เปรียบไม่ได้!


เทพตะวันม่วงทั้งภาคภูมิใจและเย่อหยิ่ง ปรากฏว่ากลับได้เห็นคนที่วิปริตขนาดนี้ ทำให้ผลสำเร็จอันรุ่งโรจน์ของตัวเองดูไม่โดดเด่นมากนักแล้ว เขาเศร้าสลดใจ


“รีบถอย!” ผู้อาวุโสสำนักเซียนเตือนอีกครั้ง


แต่ทว่า เทพตะวันม่วงดื้อนั้นยิ่งนัก ผมสีม่วงโบกสะบัด คำรามในคอ เขาอยากเรียกเมล็ดพันธุ์หมอกปฐมกาลให้สำแดงเดชเต็มที่ ไม่ใช่บางส่วน แต่เปิดเผยอย่างสมบูรณ์แบบ สู้กับสือฮ่าวครั้งสุดท้าย!


ผู้อาวุโสสำนักเซียนตกใจ จะพุ่งตัวออกไปขวาง


สือฮ่าวเคร่งขรึม ไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด และจะลงมืออีกครั้ง เพื่อสังหารเทพตะวันคนนั้น!


มหาโสดากับหลานเซียนไม่แยแสไม่ได้แล้ว เมื่อครู่ทั้งสองลดความเร็วของฝีก้าว ลงมือช้าลง ถึงขั้นว่าไม่เข้าร่วมศึกสุดท้าย


แต่ตอนนี้จำต้องลงมือ เพื่อขัดขวางฮวง เพราะมาจากสำนักเซียนเหมือนกัน ผู้อาวุโสถึงขั้นเอ่ยปากแล้ว หากพวกเขาไม่ออกโรง มันไม่สมเหตุสมผล


ทั้งสองคนรู้ว่า หากไม่สู้สุดชีวิต หากจังหวะโจมตียังคงเชื่องช้า เทพตะวันม่วงต้องตายเป็นแน่ เพราะเขาไม่มีเวลารวบรวมหมอกปฐมกาล


ตูม!


การต่อสู้ยกระดับ ดุเดือดยิ่งกว่าเดิม


ผู้สูงส่งทั้งสามร่วมมือกัน ปิดล้อมสือฮ่าวแล้วโจมตีเขา


ปัง!


ปรากฏว่ายังคงน่ากลัวมากเช่นเดิม เทพตะวันม่วงถูกสือฮ่าวโจมตีจนกระเด็นออกไป ร่างกายเป็นแผลเหวอะหวะ หากไม่มีเมล็ดพันธุ์สีม่วงโผล่มา ห่อหุ้มเขาไว้ เขาต้องพิการ แม้กระทั่งตายได้


ผู้อาวุโสสำนักเซียนคนหนึ่งหน้าถอดสี ลงมือทันใด คว้าตัวเทพตะวันม่วงมาแล้วป้อนยาทองคำให้เขา ช่วยชีวิตเขาไว้


ทุกคนตะลึงพรึงเพริด ฮวงสู้แบบหนึ่งต่อสาม แต่ยังทำให้เทพตะวันม่วงบาดเจ็บได้ เขียนตำนานไร้พ่ายของตัวเอง ทุกคนต่างก็รู้ว่า นับจากวันนี้ไป ข่าวการกลับมาของฮวง จะแพร่กระจายไปทั่วหล้า


เขากลับมาผงาดอีกครั้งแล้ว!


หายตัวไปสามปี จำศีลสามปี เมื่อหวนกลับมา ยังคงเป็นราชัน เปล่งประกายโชติช่วง!


เทพตะวันม่วงล้มลงไป ไม่รู้เป็นตายร้ายดี ทำให้เป็นที่ฮือฮา ผู้คนอุทาน วิจารณ์กันอย่างทนไม่ได้ ที่นี่ดังจ้อกแจ้กจอแจ


เฉาอวี่เซิงและพวกกระต่ายน้อยยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต่างก็ฮึกเหิม ดีใจยิ่งนัก


ศิษย์สำนักเทพสวรรค์หน้าแดงก่ำ ตื่นเต้นเหลือเกิน ต่างก็กู่ร้องตะโกนก้อง


แม้เป็นคนของสำนักเซียนและสำนักปราชญ์ มีบางคนเป็นปรปักษ์กับสือฮ่าว แต่ตอนนี้จำต้องอุทานกับความองอาจไร้พ่ายของเขา น้อยคนนักที่จะสู้เขาได้!


หวางซีแสดงสีหน้าสับสน เดิมทีนางคิดว่าผ่านไปสามปีแล้ว ฮวงตกต่ำ ไม่เป็นภัยคุกคามแล้ว แต่ตอนนี้ ผลสำเร็จของเขาเหนือความคาดหมาย แม้แต่เส้นทางในตำนานเขายังทำสำเร็จ มันโดดเด่นปานใดกัน? ตระกูลต้องเป็นกังวลแน่แล้ว!


นางก็กำลังคิดว่า จินจ่านที่หมั้นหมายกับนาง แข็งแกร่งปานใดกันแน่ นิพพานหลายครั้ง อยู่บนจุดสูงสุดของวิชาปัจจุบัน จะสู้ฮวงได้หรือไม่?


“ไม่ธรรมดาจริงๆ หากเขาได้เข้าตระกูลอมตะ อบรมบ่มเพาะสุดความสามารถ ผลสำเร็จต้องสะเทือนปฐพียิ่งกว่านี้แน่!” ตาขององค์หญิงเยาเยว่เป็นประกาย นางพูดเสียงเบา จำต้องรายงานตระกูล เพื่อแย่งอัจฉริยะมาครอง!


ฟ้าดินหม่นหมอง มรสุมก่อตัว!


สือฮ่าวสู้กับสองผู้สูงส่ง โจมตีหลานเซียนเป็นหลัก ทำให้นางตกเป็นรอง เกิดเหตุไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อ ดุเดือดยิ่งนัก


ผู้คนตะลึงงัน เวลาเพียงไม่นาน จะมีผู้สูงส่งชอกช้ำใจอีกครั้งแล้วหรือ? ฮวงน่ากลัวเกินไปแล้ว!


“หือ?” ในตอนนี้เอง ใจของสือฮ่าวกระตุก รู้สึกถึงว่ามีบุคคลร้ายกาจอย่างยิ่งปรากฏตัวรอบบ่อโคลน


มีคนมาอีกแล้ว กลิ่นอายสดใสอย่างมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ต้องเป็นผู้สูงส่งขั้นสุดยอดแน่นอน


แม้จะอยู่ในสนามรบ แต่ประสาทสัมผัสของสือฮ่าวยังคงไว ไม่นานเขาก็รู้สึกถึงกลิ่นอายมากมาย กำลังทยอยมา


ตูม!


เพียงชั่วครู่ ก็เกิดเสียงดังสนั่น จู่ๆ บ่อโคลนก็ระเบิด น้ำโคลนสาดกระจาย มีคนกำลังลงมือ อยากเปิดประตูถ้ำเซียน


แท้ที่จริงแล้ว ในตอนนี้เอง แสงสว่างหนาแน่นมากขึ้น หมอกควันตลบอบอวล เมื่อผ่านการโจมตีนี้ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่


บ่อโคลนทรุดลงไป แสงสว่างพวยพุ่ง เสียงสวดมนต์ดังมาเป็นระลอกๆ พร้อมกับเสียงดังของประตู ดินแดนใต้พิภพจะเปิดออกแล้ว!


ซิ่ว!


ตอนนี้ มีหลายร่างพุ่งมา ว่องไวปานสายฟ้า เพียงพริบตาก็หายลับไปในบ่อโคลนแล้ว


“มานี้!”


สือฮ่าวตะโกนลั่น เรียกเฉาอวี่เซิงกับพวกปีศาจสาว และลูกศิษย์ของสำนักเทพสวรรค์ จะพาพวกเขาลงไปด้วย


หลายคนตะลึงงัน จากนั้นก็อิจฉา ฮวงช่างใจกล้ายิ่งนัก ถึงกล้าทำแบบนี้ ใช้พลังของตนปกป้องคนทั้งกลุ่ม จะพาพวกเขาลงไปในถ้ำพร้อมกัน!


คนอื่นใครเล่าจะกล้า?

 

 

 


ตอนที่ 1279

 

ใต้พิภพ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฮวงเรียกพวกพ้องลงไปยังดินแดนใต้พิภพพร้อมกัน มันเป็นความกล้าหาญปานใดกัน คนอื่นทั้งอิจฉาและริษยา บ้าระห่ำเหลือเกิน!


เฉาอวี่เซิง กระต่ายดวงจันทร์ ฉางกงเหยี่ยน ปีศาจสาวและพวกเฟิ่งหวู่ต่างก็ไม่แปลกใจ พากันเหาะมา กระโดดลงไปในบ่อโคลน


ลูกศิษย์สำนักเทพสวรรค์กลับไม่สงบปานนั้น ต่างก็ดีอกดีใจ คิดไม่ถึงเลยว่า ฮวงจะพาพวกเขาไปได้ นี่เป็นโชคชั้นใหญ่ที่คิดไม่ถึงเลย!


พวกเขาไม่ได้คลุกคลีกับสือฮ่าวมากนัก ที่ผ่านมาไม่ได้พูดคุยกัน แต่ตอนนี้กลับเป็นเพราะมาจากสำนักเดียวกัน ทวงความยุติธรรมให้เขาไม่กี่ประโยค ก็ได้รับโอกาสนี้เสียแล้ว


บ่อโคลนมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่ถือว่าเล็ก สามารถจุคนพวกนี้ได้ น้ำโคลนกระจายไปทั่ว ตำแหน่งตรงกลางแยกเป็นหลุมขนาดใหญ่ มีไอผุดขึ้นมา


“ฮวง เจ้าอวดดีเกินไปแล้ว เจ้าเข้าไปเพียงคนเดียวก็เกินพอแล้ว ยังคิดจะพาพรรคพวกเข้าไปอีก!” มีคนแอบพูดในมุมลับ


“ข้าเต็มใจ เจ้ามีสิทธิ์มายุ่งด้วยหรือ?” สือฮ่าวเถียงทันควัน


“สามหาว!” มีแสงสว่างสาดแสง พุ่งขึ้นมาจากดินแดนใต้พิภพ สายฟ้ากะพริบแปลบปลาบ มีคนกำลังโจมตีพวกเขา


“ชิ้ง!”


สือฮ่าวยื่นมือขวาออกไป ฝ่ามือขนาดใหญ่ขึ้น เรียกได้ว่าบดบังฟ้าดิน ปกคลุมปากหลุมทันที คว้าสายฟ้าทั้งหมดไว้


ปลายนิ้วของเขามีกระแสไฟไหลเวียน น่ากลัวสุดแสน!


ตอนนี้ ฝ่ามือของเขามีขนาดใหญ่ดุจเมฆดำ นิ้วมือทั้งห้าเป็นเหมือนเสาค้ำฟ้า สะเทือนขวัญผู้คน


“จักรวาลในมือ!” มีคนถอนหายใจ


บำเพ็ญเพียรมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ได้มีแค่เคล็ดวิชาที่เสถียรเท่านั้น แต่ยังสามารถเรียงอักขระกระดูก ก่อตัวเป็นญาณวิเศษได้ แสดงให้เห็นอยู่ตรงหน้าแล้ว


มือของสือฮ่าวฟาดลงไป ขจัดสายฟ้าทั้งหมด จากนั้นเมื่อพลิกฝ่ามือ ก็เหมือนฟ้าดินถล่ม มีสายฟ้าเทกระหน่ำลงมาจากฝ่ามือ


“นี่มัน…” ทุกคนตะลึงงัน มันตระการตาเหลือเกิน หลายคนต่างก็ชาไปทั้งตัว


“ฮวง บังอาจ!” มีคนตะโกนด้วยความโมโห


“เจ้าอยากโจมตีทุกคนหรือไง?” มีคนพูดเสียงเหี้ยมเช่นนี้


“เลิกพล่ามได้แล้ว พวกเจ้าโจมตีข้าจากข้างล่าง คิดจะซ่อนตัวได้ ข้าเดาไม่ออกว่าเป็นใคร จึงไม่กล้าลงมืองั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!” สือฮ่าวตอบอย่างแข็งกร้าว


ตูม!


สือฮ่าวฟาดมือลงไป เรียกได้ฟ้าถล่มดินทลายอย่างแท้จริง บ่อโคลนถูกทำลาย ชั้นดินข้างล่างสั่นสะเทือน เกิดเสียงดังสนั่น


ซ้ำยังเคล้าด้วยแสงสว่าง เพราะมีถ้ำอยู่ข้างล่าง มีลานของเซียน เมื่อถูกสือฮ่าวโจมตีอย่างแรง ค่ายกลโบราณมากมายฟื้นคืนชีพ ปล่อยพลังอมตะออกมา


ประหนึ่งแหย่รังแตน ทำให้เกิดความโกลาหล!


หลายคนที่พุ่งลงไปก่อนหน้านี้ประสบปัญหา รีบป้องกันเป็นพัลวัน มิเช่นนั้นคงมีอันตรายถึงชีวิตแน่!


ผู้คนบนพื้นอึ้งงัน ฮวงใจกล้าอย่างแท้จริง แข็งแกร่งไร้เทียมทาน มีคนแอบโจมตีเขา เขาจึงทำให้คนพวกนั้นตกอยู่ในอันตรายโดยตรง


“ฮวง เจ้า… ทำเกินไปแล้ว!” มีคนพูดเสียงแข็ง


“พูดพล่ามอะไร คนที่ทำร้ายพวกเจ้าไม่ใช่ข้า คนที่แอบท้าทายข้าต่างหากที่เป็นตัวปัญหา พวกเจ้าอยู่ข้างล่างน่าจะรู้ดีว่าเป็นใคร แต่กลับไม่ถามเขา เห็นข้าอ่อนแอหรือไง? หากไม่พอใจก็เข้ามา!” สือฮ่าวตอบเสียงเรียบ


ผู้คนพูดไม่ออก ช่างห้าวหาญจริงๆ มีเหตุผล แต่ก็อหังการยิ่งนัก กล้ายั่วโทสะ จะตอบโต้อย่างสาสม


คนข้างล่างก็หมดคำพูด ไม่อาจล่วงเกินคนคนนี้ได้จริงๆ บ้าระห่ำเหลือทน หากยังโจมตีต่อไปล่ะก็ คิดว่าฮวงคงกระโจนลงมาเปิดศึกเป็นแน่


ผ่านไปครู่หนึ่ง ใต้พิภพก็สงบลง แผ่นดินไม่สั่นสะเทือนอีกต่อไป มีหมอกควันม้วนตัวไปทั่ว


“พวกเราลงไปกันเถอะ” สือฮ่าวพูด เปิดม่านแสงปกคลุมข้างหน้า จะได้ไม่ถูกลอบโจมตี


แน่นอนว่า เขาก็มีความมั่นใจว่า ตอนนี้คนทั่วไปไม่กล้าบุ่มบ่าม เพราะเขาเอาชนะเทพตะวันม่วงได้ เป็นการข่มขู่อย่างรุนแรงแล้ว


บ่อโคลนลึกมากและกว้างมากเช่นกัน เป็นถ้ำหินย้อยขนาดใหญ่ หินย้อยรูปร่างประหลาดเต็มไปหมด ส่องแสงเจิดจ้า ประหนึ่งหินแกะสลักสวยงาม


“ใต้เท้าฮวง ตลับหินที่เจ้าได้มีอะไรกันแน่?” ลูกศิษย์สำนักเทพสวรรค์คนหนึ่งถามด้วยความสงสัย


สือฮ่าวนึกขึ้นได้ ก่อนหน้านี้มีลำแสงพุ่งออกจากบ่อโคลน ห่อหุ้มตลับหินไว้ เขาได้มันไปครอง และเป็นเหตุให้เขาลงสังเวียน เปิดศึกกับคนอื่น


สือฮ่าวนำออกมาจากสาบเสื้อ มันส่องแสงขมุกขมัว ถูกปิดผนึก ยากจะสะเทือนมันได้


“หือ?” เขาออกแรงอีกครั้ง แต่กลับไม่ได้ผล จากนั้นก็เริ่มทลายอักขระ ทดลองขจัดพวกมันทิ้งให้หมด


“กฎเกณฑ์ของพลัง?” สือฮ่าวนิ่วหน้า เมื่อตรวจสอบถี่ถ้วนแล้ว เขาก็ต้องสะดุ้ง อักขระที่กระจายอยู่ทั่วตลับหินลึกลับยิ่งนัก ก่อตัวเป็นพลังมหาศาล ยับยั้งเขาไว้


“เปิด!” หลังทำความเข้าใจแล้ว เขาก็ตะโกนลั่น ใช้พลังทำลายตลับหินใบนี้


ตูม!


เกิดเสียงดังกึกก้อง สะเทือนจักรวาล ทำให้ทุกคนตะลึงงัน


ยิ่งไปกว่านั้น ดินแดนใต้พิภพแห่งนี้เริ่มแตกระแหง ทำเอาผู้สูงส่งหลายคนที่อยู่ลึกลงไปหน้าดำหน้าแดง แม้แต่หญิงงามอย่างหลานเซียนก็ฉุนเฉียว ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน


“ฮวง เจ้าทำเกินไปแล้ว มีคนลงมือกับเจ้าจริง แต่เจ้าก็ไม่ควรจงใจแก้แค้นหรอกกระมัง?” มีคนตะโกนอย่างเหลืออด


“อืม ครั้งนี้ข้าไม่ระวัง แต่ข้าไม่ขอโทษหรอกนะ ใครใช้ให้พวกเจ้าท้าทายข้าเมื่อครู่” สือฮ่าวตอบ


คนข้างล่างหมดคำพูดแล้วจริงๆ เจ้าคนนี้ช่างต่อกรด้วยยากจริงๆ จองหองเกินไป แต่ในหมู่พวกเขาก็มีคนผิดจริงๆ


แสงสว่างพุ่งขึ้นฟ้า ทำให้ผู้คนบนผืนดินต่างก็ตะลึงพรึงเพริด


ในแดนใต้พิภพ มีหินย้อยกระจายอยู่ทุกหนแห่ง ส่องแสงระยิบระยับ


เฉาอวี่เซิงกับพวกธิดามังกรพากันจดจ้อง มองมือของสือฮ่าว ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ข้างในมีอะไรกันแน่?


สือฮ่าวใช้พลังมหาศาลเปิดตลับหิน ต่อกรกับพลังยิ่งใหญ่ที่แฝงเร้น แท้จริงวิธีที่ได้ผลที่สุดคือใช้กำลังทำลายมัน


หลังเปิดตลับหินแล้ว ก็มีหัวสีขาวยื่นออกมา ตลกขบขันยิ่งนัก


ผู้คนขยี้ตาอย่างตกใจ เพื่อยืนยันว่าตาไม่ฝาด


ในตลับหินที่ลอยออกมาจากถ้ำสวรรค์ มีสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่วัตถุอะไร มันช่างเหลือเชื่อ ผ่านไปกี่ปีแล้ว ยังมีสิ่งมีชีวิตอยู่ข้างในอีกหรือ?


“เต่าตัวหนึ่ง!” จอมอ้วนเฉาอวี่เซิงร้องลั่น


เมื่อเพ่งมอง ทุกคนก็พูดไม่ออก มันเป็นเต่าสีขาวขนาดเท่าฝ่ามือ กระดองแวววาว ประหนึ่งหยกไขมันแพะ แม้แต่ขาก็เป็นเช่นเดียวกัน


ไม่เหมือนกับเต่าทั่วไป มันมีปัญญายิ่งนัก ดวงตาซุกซน


“มันคือเต่าอะไร คงไม่ใช่เต่าเผือกที่กลายร่างจากยาอายุวัฒนะหรอกนะ ข้าจำได้ว่าในสามพันแคว้น เคยมียาวิเศษที่มีเซียนขี่เต่าเผือกอยู่!” กระต่ายน้อยน้ำลายไหล ดวงตาดุจทับทิมแทบจะพ่นไฟแล้ว


คนอื่นได้ยินก็ตกใจ ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!


เพราะมันเป็นตลับหินที่พุ่งออกจากถ้ำเซียน สิ่งที่อยู่ข้างในย่อมเป็นวัตถุล้ำค่า


“พวกเจ้าคิดมากไปแล้ว” สือฮ่าวส่ายหน้า เพราะเขาจำเต่าเผือกตัวนี้ได้ เคยเจอเมื่อสองสามปีก่อน


ตอนนั้น ปรมาจารย์หย่อนเบ็ดที่นี่ อยากล่อสัตว์ที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ออกมา ปรากฏว่ากลับได้เต่าตะกละตัวหนึ่งมาแทน


นี่เป็นเต่าแปดเลิศรส!


แม้จะเทียบยาอายุวัฒนะไม่ได้ แต่ก็โด่งดังจนน่าตกใจ มีชื่อสะเทือนเก้าสวรรค์สิบพิภพ ไม่ใช่แค่อาหารรสเลิศเลื่องชื่อเท่านั้น แต่ยังเป็นยาบำรุงชั้นยอดอีกด้วย


มันถูกยกย่องให้เป็นที่หนึ่งของยาบำรุงเลือด แม้แต่บุคคลขั้นสูงส่งแก่ชรา ร่างกายโรยรา ก็อาศัยมันเรียกเลือดลมได้


“เต่าแปดเลิศรส หายากยิ่งกว่ายาขั้นเทพเสียอีก ประมาณค่าไม่ได้!” หลายคนตะลึง


“นี่เป็นของปรมาจารย์ เก็บไว้ใช้บำรุงเลือดลม” สือฮ่าวพูด เก็บเต่าตัวนี้ลงไปในตลับหินอีกครั้ง


เขาใช้กระแสจิตถามเต่าตัวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่


เต่าแปดเลิศรสมีสติปัญญานานแล้ว ย่อมรู้การสื่อสาร บอกเขาด้วยความกระวนกระวายว่า ตอนที่มันวนเวียนอยู่ในบ่อโคลน ถูกพลังมหาศาลดึงลงไปใต้พิภพ จากนั้นก็ถูกกำราบ


“สัตว์ตัวนั้น!” สือฮ่าวหรี่ตาลง นึกถึงสิ่งมีชีวิตที่ปรมาจารย์อยากจับแต่กลับล้มเหลวมาโดยตลอด


ตึง!


จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังขึ้นในถ้ำหินย้อย บริเวณหนึ่งแตกระแหง ก้อนหินมากมายร่วงลงมา ทำให้ชั้นดินยุบลงไป


ตูม!


ก้อนหินพุ่งขึ้น ฝุ่นควันตลบอบอวล


ในชั้นดินลึก มีอักขระประหลาดกะพริบแปลบปลาบ มีสุสานใต้ดินแห่งหนึ่ง ตระการตาและเก่าแก่ เป็นเหมือนเมืองโบราณ


เมื่อเพ่งพินิจ มันหลอมจากโลหะ


ใหญ่โตมโหฬาร กว้างใหญ่ไพศาล


“ช่างเป็นเมืองที่ใหญ่เสียจริง!” เฟิ่งหวู่อุทาน


“ควรจะพูดว่าเป็นโลกใบเล็ก ถ้ำสวรรค์กว้างขวางแห่งหนึ่ง” ฉางกงเหยี่ยนพูด


ผู้คนเหาะขึ้นไปแล้วทอดมองออกไป รู้สึกว่ามีเหตุผล ในเมืองมีภูเขาบางส่วน ต่างก็มีถ้ำ กำลังกระจายพลังเซียน


มันทำให้ใจสั่นหวั่นไหว นี่เป็นขุมทรัพย์ของเซียน!


หากบุกเข้าไป ต้องมีโชคชั้นใหญ่แน่นอน!


ขณะเดียวกัน สือฮ่าวก็รู้สึกว่า มีกลุ่มพลังที่น่ากลัวหลายกลุ่มอยู่ละแวกนี้ แม้จะปิดบังได้ดี แต่ก็หนีประสาทสัมผัสของเขาไม่พ้น


แน่นอนว่า เป็นผู้สูงส่งเหล่านั้น พวกเขามาถึงที่นี่นานแล้ว แต่ซ่อนตัวอยู่ตลอดเวลา


เมืองใหญ่เป็นสีน้ำเงิน ประหนึ่งผลงานโลหะที่งดงามที่สุด             สิ่งก่อสร้างที่สร้างจากหินสีน้ำเงิน ผ่านไปเนิ่นนานปานนี้แต่ก็ไม่มีร่องรอยของการกัดกร่อน ยังคงเปล่งประกาย


ขณะเดียวกัน ผู้คนก็ตระหนักได้ว่า เมืองเซียนที่ว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญแต่อย่างใด โชคชั้นใหญ่ที่แท้จริงคงซ่อนตัวอยู่ในถ้ำเหล่านั้น


ที่นี่น่าตะลึงอย่างแท้จริง โดยปกติแล้ว มีถ้ำสวรรค์หนึ่งแห่งก็นับว่ามากพอแล้ว แต่ในเมืองนี้กลับมีถึงเก้าแห่ง ต่างก็พ่นพลังเซียน เป็นถ้ำเซียนทั้งเก้า!


นี่เป็นสถานที่สำคัญ เป็นเมืองเซียนแห่งหนึ่ง!


ทุกคนต่างก็ทำหน้าเคร่งขรึม ไม่กล้าบุ่มบ่าม เพราะปรมาจารย์สำนักเทพสวรรค์ค้นพบที่นี่ก่อนแล้ว แต่กลับไม่เคยบุกเข้าไป


แอ๊ด!


มีเสียงแว่วมาจากในเมือง ประตูหินสีน้ำเงินแง้มออก หมอกทะลักออกมา มันลึกลับยิ่งนัก


จากนั้นก็ดังโครม ตรงนั้นยังมีประตูหินอีกบานหนึ่ง มหึมาเช่นกัน ตอนนี้ก็เปิดออกแล้ว เมืองเซียนปรากฏต่อหน้าทุกคนอย่างไม่ปิดบัง


มันพิลึกนัก กาลเวลายาวนานผ่านไป เมืองนี้ไม่สะทกสะท้าน วันนี้กลับเป็นฝ่ายเปิดประตูต้อนรับ!


เหนือกำแพงเมือง อักขระที่กระจายเต็มนภาหายไป มันหมายความว่าอย่างไร กระโดดข้ามกำแพงเข้าไปได้เลยหรือ?


ในอดีต มันเป็นเขตหวงห้าม ผู้ที่กล้าบุกรุก จะถูกอักขระบดขยี้ ต่อให้เป็นผู้สูงส่งก็ต้องตายเช่นกัน!


เมืองเซียนปรากฏให้เห็นแล้ว จะเห็นแสงตะวันอีกครั้งแล้วหรือ?


ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงดังตึกๆ แว่วมา สิ่งมีชีวิตกำลังเยื้องย่างมา มีร่างมนุษย์ สวมเกราะทั้งตัว กระจายพลังเซียน


มันชวนให้ตกใจ สิ่งมีชีวิตที่มีลมหายใจ  เซียนงั้นหรือ?!

 

 

 


ตอนที่ 1280

 

 เมืองเซียน

โดย

Ink Stone_Fantasy

เซียนขนานแท้ เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดนี้หรือ?!


ผู้คนกลั้นหายใจ นิ่งไม่ไหวติง ต่างก็แข็งเป็นหิน หยุดอยู่กับที่


เมืองโบราณแบบนี้ ดำรงอยู่มาไม่รู้กี่หมื่นปีแล้ว ครั้งที่ยุคก่อนล่มสลาย มันก็อยู่มานานแล้ว ทำไมตอนนี้ถึงยังมีสิ่งมีชีวิตอยู่อีกเล่า?


ไม่มีใครกล้าบุ่มบ่าม เกรงว่าจะยั่วโทสะผู้ดำรงอยู่เหล่านั้น หากเป็นเช่นนั้น ต้องเกิดหายนะครั้งใหญ่แน่นอน!


ชุดเกราะดำทะมึน แต่กลับไม่มีคราบสนิม ซ้ำยังส่องแสงโลหะ กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้ว ยังคงสภาพไว้เป็นอย่างดี ทำให้คนรู้สึกถึงของความแหลมคมของทองคำเซียน!


เมื่อมองอาวุธของพวกเขา ล้วนเป็นทวนวงเดือน ดาบขวานสีดำ ต่างก็เป็นอาวุธโบราณ มีกลิ่นอายคาวเลือดราวกับจะเขมือบฟ้าดินแฝงอยู่ในความเก่าแก่


มันชวนให้รู้สึกพรั่นพรึง เพราะอาวุธเหล่านี้ต้องเคยสังหารศัตรูตัวฉกาจแน่นอน ปลิดชีพบุคคลเหนือชั้น มิเช่นนั้นคงไม่มีรังสีอำมหิตเช่นนี้!


พวกเขากระจายพลังเซียน แต่อาวุธกลับน่ากลัวขนาดนี้ ทำให้ทุกคนในที่นี้เคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม


“มีทองคำเซียนมืดมนผสมอยู่!” เฉาอวี่เซิงตะโกนออกมาเสียงดังอย่างใจกล้า


ชุดเกราะกับอาวุธเหล่านั้น มีส่วนผสมของทองคำเซียนมืดมน แฝงอยู่ภายใน มันเป็นความฟุ่มเฟือยปานใดกัน ทองคำเซียนหายาก แม้แต่ในโลกนี้ยังนับมันเป็นเม็ด


เมืองโลหะตระการตากว้างใหญ่ไพศาล ประตูเมืองที่ตั้งตระหง่านเป็นดุจเขาบรรพกาล เงาดำที่ทอดลงมาทำเอาคนแทบหยุดหายใจ


กำแพงเมืองหินสีน้ำเงินยิ่งใหญ่ ยาวต่อเนื่องดุจทิวเขา ตั้งขวางทางข้างหน้า


มีสิ่งมีชีวิตเดินออกมาจากเมือง แม้แต่ใบหน้าก็ถูกเกราะบดบัง มีเพียงดวงตาที่ฉายลำแสงเฉียบแหลม พุ่งออกมาประหนึ่งสายฟ้า เกิดความเจ็บปวดเมื่อกระทบใบหน้า


ตอนนี้ ผู้สูงส่งพวกนั้นที่อยู่ในมุมมืดก็เงียบงัน ไม่กล้าขยับตัว


ตึก ตึก ตึก…


เสียงฝีเท้าดังก้อง เสียงกระทบก้อนหินดังชัดเจนและกังวาน ราวกับดังออกมาจากหัวใจของผู้คน ชวนให้ขนหัวลุก


บอกว่าพวกเขาเป็นบุคคลวิถีเซียนก็ไม่ผิด แต่ตอนนี้กลับกดดันแบบนี้ พวกเขาไม่ปริปากเลย ทำให้ผู้คนรู้สึกสับสนมึนงง


ในตอนนี้เอง หน้าผากของสิ่งมีชีวิตร่างมนุษย์ที่นำหน้าก็ฉีกขาด ดวงตาปรากฏขึ้น ปล่อยลำแสงสีแดง กวาดมองทุกคนทีละคน


“อุ๊ย!” กระต่ายน้อยร้องลั่น


เพราะลำแสงสีแดงกระทบตัวมันก็ใครอื่น ทำให้มันตกใจ ราวกับโดนไฟช็อต เนื้อตัวสั่นระริกไม่หยุด


“เกิดอะไรขึ้น?” คนข้างๆ อุทาน อยากเข้าไปช่วยเหลือ แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกแสงสีแดงผลักออกไป แตะต้องไม่ได้


“สายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดของเซียนโบราณ เข้าได้” ผู้นำพูดเสียงทุ้ม พิลึกนัก คนทั่วไปฟังไม่ออกแน่นอน


เพราะมันเป็นภาษาเซียนโบราณ หายไปนานหลายปีแล้ว แต่ทุกคนที่นี่ล้วนไม่ใช่คนทั่วไป ล้วนเคยเล่าเรียนในสำนัก แม้กระทั่งว่ารู้อักษรของยุคนั้น


ผู้คนประหลาดใจ คนที่เฝ้าประตูเมืองกำลังตรวจสอบงั้นหรือ?


กระต่ายดวงจันทร์กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ดวงตาที่สุกใสยิ่งกว่าทับทิมเปล่งประกาย เตรียมจะเข้าไปทันที


ปรากฏว่ามันถึกม่านแสงดีดออกไปดังตูม เข้าใกล้ไม่ได้


“ทำไมกัน เจ้าบอกว่าข้ามีสายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดไม่ใช่หรือ ไยข้าจึงเข้าไปไม่ได้?” กระต่ายดวงจันทร์ถลึงตา ทำหน้าไม่เข้าใจ ขณะเดียวกันก็บันดาลโทสะ


“มีสายเลือดใดบริสุทธิ์ และเกี่ยวข้องกับเซียนโบราณเท่าลูกกิเลนอีก” สิ่งมีชีวิตที่ถือทวนวงเดือนสีดำพูดเสียงเรียบ เย็นชาไม่น้อย และระคนการกล่าวเตือนและแข็งกระด้าง


ลูกกิเลนในอ้อมอกของกระต่ายดวงจันทร์ดิ้นพล่าน กระโดดลงพื้น สามปีผ่านไป มันเติบโตขึ้นมากแล้ว แต่กลับเกียจคร้าน ปกติยังคงชอบให้อุ้ม ร่างกายยังคงยาวหนึ่งเซี๊ยะกว่า


ลูกกิเลนสีขาวดีอกดีใจอย่างยิ่ง รู้สึกคุ้นเคยกับที่แห่งนี้ตั้งนานแล้ว อยากพุ่งตัวเขาไปในเมืองให้รู้แล้วรู้รอด


“เจ้ามันไร้จิตสำนึก ทิ้งพวกข้าได้อย่างไร!” กระต่ายน้อยโมโห


ลูกกิเลนสีขาวชะงัก กะพริบดวงตากลมโตสุกใสปริบๆ สื่อสารกับสิ่งมีชีวิตที่เฝ้าเมือง กำลังร้องขอให้พวกเขาเข้าไป


ตอนนี้ เนตรที่สามของผู้นำยังคงเปิดอยู่อย่างนั้น กวาดสายตาผ่านทุกคน สุดท้ายก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “เป็นทายาทของผู้จงรักภักดีต่อเซียนโบราณ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอีกแดน ซ้ำยังมีกิเลนนำทาง เข้าได้”


ผู้คนตกใจ ผู้เฝ้าเมืองเหล่านี้ป้องกันสิ่งมีชีวิตต่างแดน นี่เป็นจุดประสงค์ที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือ?!


“เข้าไปได้!” เมื่อเพ่งมองแล้ว พวกเขาก็หลีกทางให้ เป็นสัญญาณให้ทุกคนเดินหน้า


สือฮ่าวและคนอื่นพากันเดินหน้า ผ่านประตูเมืองเข้าไปข้างใน มาถึงที่นี่แล้ว ไม่มีเหตุผลให้ล่าถอย ต่อให้มีอันตรายก็ต้องเสี่ยง


จู่ๆ ดาบขวานสีดำก็ยื่นออกมา ปลายแหลมสาดแสงดำทะมึน เจิดจ้ายิ่งนัก แผ่รังสีอำมหิต แทบจะม้วนตัวไปทั่วเก้าสวรรค์สิบพิภพแล้ว


อาวุธด้ามนี้ปิดทางทันที ขวางอยู่ข้างหน้าคนคนหนึ่ง


“ผู้บุกรุกต่างแดน ศัตรูตัวฉกาจ!” เสียงตะโกนดุจสายฟ้าคำรามดังขึ้น ทำเอาทุกคนสะดุ้งโหยง


ในกลุ่มพวกเขามีจารชนต่างแดนด้วยหรือ? มันชวนให้ทุกคนขนพองสยองเกล้า ไยก่อนหน้านี้ไม่รู้ไม่เห็น


ทุกคนพากันเหลียวมองไปตรงนั้น


“เขามาจากต่างแดนจริง” สือฮ่าวก้าวออกไปแล้วพูดแบบนี้


คนที่ถูกขวางคือมั่วเต้า เป็นคนที่สือฮ่าวกำราบเป็นผู้ติดตามคนนั้น หากแบ่งตามสายเลือดแล้ว เขาเป็นเช่นเดียวกับคนในเก้าสวรรค์สิบพิภพ แต่อาศัยอยู่ต่างแดนเท่านั้น


ตอนนี้ สือฮ่าวทำได้แค่พูดความจริง เพราะเขาก็ไม่รู้ว่ามั่วเต้าจะทรยศ หักหลังในช่วงเวลาสุดท้ายหรือไม่


หากที่นี่สำคัญมากจริงๆ ล่ะก็ เช่นนั้นก็จำต้องห้ามไม่ให้เขาเข้า


ปัง!


ร่างสูงใหญ่ที่สวมดชุดเกราะสีดำทั้งตัวสาวเท้าก้าวมา จากนั้นคว้าตัวมั่วเต้าไว้ เนตรที่สามเป็นประกาย สาดแสงเจิดจ้าออกมา จ้องมั่วเต้าเขม็ง


ผ่านไปชั่วครู่ เขาก็ปล่อยตัวมั่วเต้า


“เข้าไปได้ แต่ให้อยู่ในอาณาเขตของเมืองใหญ่ ห้ามเข้าไปลึกกว่านี้” เขาพูดเสียงแข็ง


ผู้คนถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้แต่สือฮ่าวก็สบายใจ หากครั้งนี้เจอพิรุธบางอย่างจากตัวมั่วเต้า เช่นนั้นก็จำต้องสังหารอย่างไม่ปรานี!


คนกลุ่มนี้มีไม่น้อยเลย ทั้งปีศาจสาว ฉางกงเหยี่ยน เฟิ่งหวู่ เจินกู่ เถิงยีและอีกหลายคน และมีศิษย์ที่เหลือในสำนักเทพสวรรค์อีกด้วย


จากนั้น ผู้สูงส่งที่ซ่อนตัว ไม่เคยโผล่ออกมาเหล่านั้นก็ปรากฏตัว รวมตัวกับหลานเซียน มหาโสดาและชีกู้ เดินมาถึงหน้าประตู


แต่คนพวกนี้มีแสงคุ้มกันกาย มีหมอกควันห้อมล้อม ไม่เผยตัวตนที่แท้จริง


สุดท้าย แม้แต่เทพตะวันม่วงที่บาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไปก็ลงมาแล้ว เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าสำนักเซียนใช้ยาขั้นเทพฟื้นฟูร่างกายให้เขา ไม่ยอมให้เขาพลาดโอกาสนี้


ในเมืองเงียบสงัด ถนนหนทางไร้เงาคน ราวกับทั้งเมืองมีเพียงผู้เฝ้าเมืองลึกลับเหล่านี้เท่านั้น


เงาคนกะพริบ เหล่าผู้เฒ่าของทั้งสามสำนักลงมาแล้ว ปรากฏตัวตรงหน้าประตูเมือง อยากสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตที่สวมชุดเกราะสีดำเหล่านี้


เพียงแต่ว่า สิ่งที่ตอบกลับมีเพียงทวนวงเดือนที่ขวางทางข้างหน้า


“พวกเจ้าแก่เกินไป โชคชั้นใหญ่แทบจะไม่เหลือแล้ว หากให้พวกเจ้า จะไม่ได้ผลเท่าใดนัก รังแต่จะสิ้นเปลือง”


พวกเขาพูดไม่ออก ช่างไม่เกรงใจกันเลย พูดออกมาต่อหน้าต่อตาเช่นนี้


ขณะเดียวกัน ใจของพวกเขาก็หนักอึ้ง เมืองใหญ่ตระการตาแบบนี้ไม่มีโชคชั้นใหญ่แล้วหรือ? ช่างน่าเสียดายจริงๆ


“เดิมนึกว่าจะเป็นหนทางรอดที่ราชันเซียนทิ้งไว้ น่าเสียดายเหลือเกิน” มีคนถอนหายใจเบาๆ


“เสียดายอะไร เมืองนี้ย่อมเป็นหนึ่งในไพ่ที่สำคัญที่สุดแน่นอน” ผู้เฝ้าเมืองพูดเสียงเรียบ


“ที่นี่มีอะไร?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักเซียนจ้องพวกเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย


“เป็นของราชันเซียนสองท่าน แต่ไม่ให้พวกเจ้า จะให้ผู้ที่มีสายเลือดเซียนโบราณที่บริสุทธิ์ที่สุด!” มีคนพูดอย่างเย็นเยือก


ตอนนี้ คนที่เข้าเมืองก็ได้ยินเช่นกัน ต่างก็ตกใจ มรดกของราชันเซียน ที่นี่มีลานของราชันเซียนจริงๆ แถมยังโผล่มาถึงสองคน!


ต้องรู้ว่า ตั้งแต่อดีตยันวันนี้ จะมีราชันเซียนกี่คนกัน ในยุคนี้ไม่มีเลยสักคน!


ในยุคก่อนก็หักนิ้วนับได้ และที่นี่มีถึงสองท่าน พวกเขาทิ้งอะไรไว้?!


สายตาของทุกคนลุกเป็นไฟทันที คาดหวังยิ่งนัก ที่นี่ต้องเป็นแดนของโชคชั้นใหญ่เหนือธรรมชาติแน่นอน ทำให้ทุกคนต่างก็มีความหวัง


เพียงแต่ว่า สิ่งมีชีวิตที่เฝ้าเมืองบอกว่า มันเป็นของทายาทที่มีเลือดบริสุทธิ์ที่สุดเท่านั้น


ในเมืองกว้างขวางยิ่งนัก ใหญ่โตมโหฬาร เป็นเหมือนโลกหนึ่งใบ กว้างกว่ายามมองเข้ามาจากข้างนอกหลายเท่าตัว


“นั่นมันอะไร ส่องแสงระยิบระยับเชียว!”


ในตอนนี้เอง มีคนอุทานขึ้นมา ผู้คนพากันชะเง้อมอง เห็นมีแสงกะพริบตรงปลายทาง หมอกขาวขมุกขมัว ศักดิ์สิทธิ์และวิเศษ


ทุกคนพากันพุ่งออกไปทันที แต่สือฮ่าวกลับรั้งท้าย ป้องกันผู้สูงส่งที่อยู่ข้างหลัง ในกลุ่มของพวกเขา มีแค่คนที่เป็นภัยคุกคามที่สุด คนอื่นหากปะทะกับผู้สูงส่ง คงยากจะต้านทานได้


ฮวง แค่เขาคนเดียว ก็ทำให้ทุกคนหวาดกลัวได้!


เป็นอย่างที่คิด พวกหลานเซียนขมวดคิ้ว ไม่อยากแตกคอกับพวกเขาตั้งแต่แรกเริ่ม จึงไม่ลงมือ ยังคงเดินหน้าตามจังหวะฝีก้าวของตัวเอง


“สวรรค์ บัวชักนำวิญญาณ มีถึงสามต้น!”


เฉาอวี่เซิงร้องเสียงหลง ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย


ข้างหน้ามีลานกว้าง ตรงนั้นมีบ่อน้ำที่ส่องแสงออกมาเป็นระลอกๆ ภายในมีบัวชักนำวิญญาณถึงสามต้น ล้วนเป็นยาขั้นเทพ


“นี่มันยาขั้นเทพ ชนิดเดียวกันแต่ทำไมมีเยอะขนาดนี้? ซ้ำยังอยู่ในที่เดียวกันด้วย!” คนอื่นก็ตกใจไม่แพ้กัน


ยาขั้นเทพ ใช่ว่าจะมีเพียงหนึ่งเดียว เทียบกับยาอายุวัฒนะไม่ได้


แต่ยาขั้นเทพแต่ละชนิดก็มีน้อยจนน่าสงสาร ค้นหาทั่วฟ้าดิน ก็มีเพียงไม่กี่ต้นเท่านั้น และไม่อาจเจริญเติบโตในที่เดียวกันได้ มิเช่นนั้นพลังปราณจะไม่พอหล่อเลี้ยง


ทว่าที่นี่มีถึงสามต้น ล้วนเป็นบัวชักนำวิญญาณ ความวิเศษที่สุดของสมุนไพรชนิดนี้ก็คือ เสริมพลังจิตให้แข็งแกร่ง ขอเพียงมีพลังจิตหลงเหลือเพียงน้อยนิด ก็ทำให้คนคืนชีพได้!


“สุขใจเหลือเกิน โอกาสขัดเกลาดวงจิตวางอยู่ตรงหน้าแล้ว!” หลายคนดีใจ


เฉาอวี่เซิงเถรตรงยิ่งกว่า เขากระโจนลงไปในบ่อเสียแล้ว


“หอมจังเลย มีฤทธิ์ยาบางส่วนของมันละลายลงน้ำ ส่งกลิ่นหอมหวน!” เขากลืนน้ำอึกใหญ่แล้วหัวเราะเสียงดัง


หลายคนก็ลอกเลียนแบบ พากันกระโดดลงไป เพื่อดูดซึมสารอันเข้มข้น


“น้ำนี่หอมมากเหลือเกิน!” ขณะที่เฉาอวี่เซิงกำลังเขมือบคำใหญ่ ก็เอ่ยปากชมเปาะ


“ใครกำลังอวดดี ดื่มน้ำอาบน้ำของข้า?” จู่ๆ ก็มีเสียงอ่อนหวานแว่วมา ทำให้ที่นี่เงียบลงทันที ทุกคนหยุดชะงัก จากนั้นก็กระโดดพุ่งขึ้นฝั่ง ทำท่าหวาดระแวงขึ้นมา


“อยู่ไหน?” เฉาอวี่เซิงยืนอยู่บนฝั่ง ตวาดอย่างโมโห เขาดื่มน้ำเต็มท้อง แต่กลับถูกคนบอกว่า มันเป็นน้ำที่ใช้อาบน้ำ สกปรกเหลือเกิน


“เจ้าอ้วน ระวังหน่อย จะเหยียบข้าแล้ว!” เสียงอ่อนโยนดังมาจากพื้น


เฉาอวี่เซิงก้มหน้า ตั้งใจมองหา ปรากฏว่าเห็นสัตว์ตัวหนึ่งอยู่ตรงปลายเท้า เขาตะลึงงัน จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะ


“เจ้าถั่วงอก ตัวเล็กแค่นี้ ยังกล้าหาเรื่องข้า ระวังข้าจะเหยียบเจ้าให้แบน” เขาพูดพลางหัวเราะเยาะ


“บังอาจดูถูกข้า ข้าทำให้เจ้ากระเด็นภายในหมัดเดียว!” สัตว์ตัวเล็กกระจ้อยที่หากไม่สังเกตอาจมองข้ามได้พูดขึ้น


เฉาอวี่เซิงรู้สึกสนุก จึงย่อตัวนั่งลงแล้วยื่นนิ้วออกไป ดันสัตว์ตัวจิ๋วที่ยาวไม่ถึงหนึ่งหุนบนพื้น


“ตึง!”


แต่ในเวลาต่อมา เขามึนงงแล้ว!


เพราะเขาถูกหมัดโจมตี ราวกับโดนช้างเหยียบ เหมือนมีขุนเขาบรรพกาลกระแทกลงมา เขากระเด็นพุ่งไปยังสุดขอบฟ้า อยากหยุดก็หยุดไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว เหมือนกับกระดูกหักหมดแล้ว


“บัดซบ… ข้าถูกต้นถั่วงอกโจมตีจนตัวลอย ข้า…” เฉาอวี่เซิงสบถ ก่นด่าก่อนจะเป็นลมหมดสติ จากนั้น เขาก็… สลบไปเพราะหมัดนั้น

 

 

 


ตอนที่ 1281

 

 สุดยอดพลัง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ทุกคนพยายามแหงนหน้ามองเฉาอวี่เซิงลอยไปไกล จนกลายเป็นจุดเล็ก ไกลออกไปทุกที่ กระทั่งหายลับไปจากตา


มันน่าตะลึงยิ่งนัก เฉาอวี่เซิงต่างก็เป็นเลิศในขั้นสลักอักขระกับสลักค่ายกล ล้วนทลายขีดจำกัดอย่างน่าเหลือเชื่อ สลักค่ายกลสังหารที่สามแล้ว


เขามีพลังทำลายล้างอันน่ากลัวอย่างยิ่ง แต่ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทำให้ทุกคนตะลึงงัน เขาถูกหมัดโจมตีจนหายไปแล้ว


“สลบไปแล้ว!” ปีศาจสาวพึมพำ


เพราะคนไม่น้อยเห็นสีหน้าพะอืดพะอมของเขาก่อนลับตาไป ถูกหมัดกระแทกจนมึนงง ตาเหลือกแล้วหมดสติไป


“น่าอายจริง!” กระต่ายดวงจันทร์ไม่เห็นใจเลยสักนิด มันสรวลเสเฮฮา เพราะรู้ว่าจอมอ้วนไม่ตาย แค่อาจจะทรมานก็เท่านั้น


ตอนนี้ ทุกคนพากันมองผิวดิน เพื่อมองหาผู้ร้ายตัวจริง!


ผู้คนแข็งเป็นหิน อ้าปากค้าง มันช่าง…น่าเหลือเชื่อเหลือเกิน


ที่นี่เงียบกริบอยู่นาน สีหน้าของทุกคนตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก ราวกับเห็นผีตัวเป็นๆ!


เพราะตอนนี้ทุกคนสังเกตเห็นแล้วว่ามันคืออะไร มันมีขนาดเท่าข้อนิ้ว กำลังทำท่าทางเย่อหยิ่ง กระหยิ่มยิ้มย่อง


มันเป็นมดสีทองตัวหนึ่ง ขนาดประมาณหนึ่งหุน มันนั่นเองที่โจมตีเฉาอวี่เซิงจนกระเด็นออกไป!


“เจ้าอ้วนทึ่ม น่าอายจริง!” กระต่ายน้อยปิดหน้า รู้สึกอายแทนเขา มันทำให้คนหมดคำพูด เป็นแค่มดตัวเดียว แต่กลับทำให้จอมอ้วนเป็นลมด้วยหมัดเดียว


ตอนนี้ จอมอ้วนเฉาไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแล้ว ท่าทางคงจะไกลออกไปหลายสิบลี้เป็นอย่างต่ำ


ทุกคนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เหตุการณ์ตลกเหลือเกิน พิลึกยิ่งนัก อยากหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก


“ไม่พอใจจะมีจุดจบแบบนี้แหละ!” ข้างบ่อน้ำวิเศษ มีแสงสว่างสาดส่อง ไอน้ำตลบอบอวล ตรงนั้นเจิดจ้าอย่างยิ่ง มดตัวนั้นอวดดีเหลือเกิน


ร่างสีทองของมันแข็งแรง ประหนึ่งหลอมจากเม็ดทรายสีทอง ร่างจิ๋วยืนตรงราวกับเป็นมนุษย์ สองแขนกอดอก เชิดหน้า ดวงตาดุจโคมสีทอง เท้าข้างหนึ่งอยู่ข้างหน้า อีกข้างอยู่ข้างหลัง ท่าทางสบายอุรา


“ฮ่าฮ่า…”


ในที่สุด ก็มีคนทนไม่ได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา


ตัวเท่าต้นถั่วงอก แต่ซัดเฉาอวี่เซิงจนกระเด็น ลอยหายลับไป มันช่างน่าขันสิ้นดี ต่อไปจอมอ้วนนั่นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ยังกล้าคุยโวและอวดดีอีกไหม?


“หัวเราะอะไร ไม่พอใจก็เข้ามา!” มดสีทองยื่นมือออกไปข้างหนึ่งปานแขนของมนุษย์ แถมยังมีถึงห้านิ้วอีกด้วย


แน่นอนว่า มันเป็นมดประหลาดตัวหนึ่ง แม้ตัวจะเล็ก แต่พิลึกเล็กน้อย มันกวักมือหาเรื่องผู้คน ความหมายก็คือจะปะทะกับฝูงชนเพียงลำพัง


เมื่อได้ยินเสียงไร้เดียงสาของมัน เห็นกิริยาไร้มารยาทของมัน ทุกคนก็รู้สึกเหลือเชื่อ ตัวเล็กกระจ้อยร่อยปานนั้น ยังกล้าอวดดีอวดเก่งเช่นนี้


“เจ้าบอกว่า เจ้าใช้น้ำบ่อนี้อาบน้ำงั้นหรือ?” ศิษย์คนหนึ่งของสำนักเทพสวรรค์ถาม


“แน่นอน!” มดสีทองตัวนี้พยักหน้า ทำท่าวางก้าม ทั้งที่ยังดูไร้เดียงสา แต่กลับวางท่าสุขุม “บ่ออาบน้ำของข้าเอง พวกเจ้ามาดื่มน้ำในบ่อของข้าทำไม?”


เจ้านี่ช่างน่าตีเสียจริง ทุกคนต่างก็เกิดความคิดวู่วาม อยากพุ่งเข้าไป ใช้ฝ่าเท้าเหยียบมัน คิดว่าคงจะจมดินเป็นแน่


แน่นอนว่า หากเป็นมดทั่วไป คงถูกกระทืบจนเละไปแล้ว


“ดีที่ข้าไม่ดื่ม” กระต่ายดวงจันทร์แลบลิ้น พวกเฟิ่งหวู่ก็โล่งใจ


เพราะเป็นถึงหญิงงาม ต่างก็สงบเสงี่ยม ไม่อาจกระโดดตามลงไปแล้วดื่มให้สาแก่ใจได้ กิริยาแบบนั้นไม่งามเป็นแน่


ตอนนี้ หลายคนปิดปากเงียบ จ้องมดตัวนั้นไม่วางตา อย่างเช่นสือฮ่าว ตั้งแต่เห็นมดสีทองตัวนี้ เขาก็ระแวดระวังมาตลอด


รวมถึงพวกฉางกงเหยี่ยน ปีศาจสาวและมั่วเต้า ที่พากันเพ่งพินิจมอง


“มดเขาสวรรค์!” สือฮ่าวพึมพำ เมื่อเพ่งมองอยู่นาน เขาก็ได้ข้อสรุปแบบนี้


เมื่อคำนี้หลุดออกมา ทุกคนก็ทำหน้าตกใจทันที จากนั้นใจก็เต้นระรัว เป็นมดเซียนชนิดนี้เองหรือ? ไม่น่าเชื่อเลย สูญพันธุ์ไปนานแล้วไม่ใช่หรือ?


ในปฐพี หากบอกว่าใครองอาจเป็นเลิศ ต้องพูดถึงมดเขาสวรรค์ ถ้าสู้กันเรื่องพละกำลัง ไม่มีใครสู้ได้ ถูกขนานนามว่ากวาดล้างศัตรูทั้งปวง


แม้แต่มังกรก็สู้พละกำลังของมันไม่ได้ นี่เป็นเผ่าพันธุ์มดสูงส่งสมชื่อ!


แน่นอนว่า มดเขาสวรรค์ในยุคเซียนโบราณ แตกต่างจากรุนหลังในตอนนี้ หลังพวกมันเจริญวัย ร่างกายจะไม่มีขนาดเท่าเม็ดถั่วแล้ว อย่างน้อยต้องมากกว่าหลายจั้ง


ถึงขั้นว่ายังกลายร่างเป็นมนุษย์ โดยคงลักษณะเฉพาะตัวของมดได้ มันจะน่ากลัวผิดมนุษย์!


พวกมันสามารถย่ำขุนเขาใหญ่ เตะทิวเขาทิ้งได้ตั้งแต่ยังไม่เจริญวัย มีพละกำลังมหาศาลอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!


ผู้คนตั้งใจเพ่งมอง ตระหนักได้แล้วว่ามองข้ามอะไรไป บนหัวของมันมีเขางอกออกมา หากไม่สังเกตล่ะก็ จะมองเห็นได้ยาก


นั่นแหละเขาสวรรค์ของมัน สามารถทลายจักรวาล แยกมิติได้ ว่ากันว่าเขาของมดที่เจริญวัยแล้วจะเป็นหนึ่งในอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดในโลก!


มันยังเยาว์วัย จึงยังเห็นไม่ชัดเจน ไม่งอกออกมาเต็มที่


ร่างสีทองของมันเปี่ยมด้วยกำลัง แม้ขนาดจะเล็กมาก แต่สร้างขอบเขตไร้รูปร่างโดยไม่รู้ตัว มันก่อตัวจากพละกำลังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น


สัตว์ชนิดนี้มีพลังเย้ยโลกา เป็นอันดับหนึ่งของโลกด้วยกำลังขั้นสุดยอด!


หลายคนตกตะลึง ขณะเดียวกันก็หวาดกลัว ได้เห็นมดเขาสวรรค์วัยเยาว์ที่นี่ หรือจะมีราชันมดเจริญวัยอยู่ด้วย?


มันทำให้ทุกคนพรั่นพรึง หนึ่งในสิบอสูรโบราณจะปรากฏกายแล้วหรือ?


สีหน้าของหลายคนเหยเก รวมถึงเหล่าผู้สูงส่งที่อยู่ข้างหลัง ต่างก็ทำหน้าตึงเครียด เพราะนิสัยของสิบอสูรบรรพกาลไม่ค่อยดีนัก มิเช่นนั้นจะได้รับสมญานามนี้หรือ


มีแค่สายตาของสือฮ่าวที่ดูละโมบ จ้องมดสีทองตัวน้อยตาเป็นมัน มุมปากยกขึ้น น้ำลายแทบจะไหลออกมาแล้ว


สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นโชคชั้นใหญ่เหนือธรรมชาติ ปรารถนาแม้แต่ในความฝัน มันหมายถึงเคล็ดวิชาสูงส่งของมัน เป็นสัญลักษณ์ของญาณวิเศษสายพละกำลัง


หากได้ครอบครองมดหนึ่งตัว ความสามารถของสือฮ่าวจะพุ่งทะยาน!


เพราะเขามีกายเนื้อที่แข็งแกร่ง มีพละกำลังมหาศาลอยู่แล้ว เหมือนผู้ฝึกกายยิ่งกว่าผู้ฝึกกายเองเสียอีก หากได้ญาณวิเศษเย้ยปฐพีเช่นนั้นมาครอง ใครจะขวางเขาได้ ต้องเป็นใหญ่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพ ตะลุยไปทั่วแปดดินแดนรกร้างแน่นอน


ขณะเดียวกัน เขาก็มีความสงสัย ตอนที่อยู่ในสามพันแคว้น ยามเซียนโบราณเปิด ชายลึกลับบุกรังของมดเขาสวรรค์ สังหารคนนับแสนชีวิตไม่ใช่หรือ มันเป็นที่อยู่ของมดเขาสวรรค์ไม่ใช่หรือ?


ไยมีที่นี่ด้วย? แถมยังได้เจอมดน้อยอีกด้วย


ท่าทางไม่ได้มีรังแค่ที่เดียว และที่นี่สำคัญมากด้วย!


สือฮ่าวไม่เคยกล้าดูถูกชายลึกลับเลย เพราะเขารู้ว่า คนคนนั้นต้องมีเคล็ดวิชาสุดยอดพลัง และอาจครอบครองเขาโบราณด้วย


ตอนนั้น หากเขาไม่มีภาพหมื่นเทพเจ้า คงถูกเขาโบราณลึกลับจัดการไปแล้ว!


“มดน้อย พ่อแม่เจ้าอยู่ไหน?” นักพรตหญิงคนหนึ่งยิ้ม พลางทักทายมดน้อยที่อยู่ตรงหน้า


“ตัดคำว่าน้อยทิ้ง เรียกข้าว่าอ๋อง ข้าอยู่ที่นี่ พวกเจ้ายังกล้าดูหมิ่น เห็นข้าเป็นเด็กอีกหรือ?” มดสีทองตัวนั้นวางมือไพล่หลัง ยืนเชิดหน้าชูคอ ท่าทางดูสุขุมลุ่มลึก


แต่เสียงของมันอ่อนเยาว์เหลือเกิน มองอย่างไรก็ดูเยาว์วัย


“เจ้าอายุเท่าใดกัน?” มีคนถาม แม้จะรู้ว่าภูมิหลังของมันน่าตะลึง ถึงขั้นว่าน่ากลัว แต่ก็ขาดความยำเกรงในตัวมัน เพราะเล็กกระจ้อยเหลือเกิน


“ข้าอายุมากกว่าหนึ่งยุคสมัยเสียอีก เจ้าว่าข้าอายุเท่าใด?” มดน้อยพูดเสียงเย็นเยือก


“อะไรนะ?” ผู้คนตะลึงงัน


หนึ่งยุค เหลวไหลหรือเปล่า? นั่นมันเนิ่นนานปานใดกัน สมัยนี้ไม่มีคนที่อายุมากขนาดนั้นแล้ว


นอกจากจะเป็นนิพพาน ถือกำเนิดใหม่ มิเช่นนั้นจะมีอายุมากแบบนี้ได้อย่างไร?


ผู้คนเสียวสันหลังวาบ ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเคยได้ยินเรื่องเล่าลือว่า ผู้เฒ่าบางคนช่วงชิงพลังฟ้าดิน ขโมยพลังชีวิตในปฐพี สามารถฟื้นฟูให้กลับไปอ่อนเยาว์อีกครั้งได้


“เม็ดถั่วล่ะ?” ในตอนนี้เอง เฉาอวี่เซิงก็ปรากฏตัว เขาหมดสติไว แต่ก็ฟื้นฟูได้รวดเร็วเช่นกัน เดินกะเผลกกลับมา น่าเวทนาสิ้นดี เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เหมือนเคยโดยฝูงวัวคลั่งเหยียบย่ำ ร่างแทบจะแหลกสลาย บาดเจ็บไม่เบา


 “ข้าอยู่นี่ เจ้าอ้วนยังไม่รีบมาคำนับ กราบไหว้ข้าอีก!” มดน้อยสีทองพูดอย่างจองหอง


เฉาอวี่เซิงโมโห จ้องมันเขม็ง แตกต่างจากความตื่นเต้นของสือฮ่าว เขาอัดอั้นตันใจ เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบๆ ถูกมดตัวหนึ่งซัดจนตัวปลิว จะให้เขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ต่อให้หน้าด้านหน้าทน แต่ก็อับอายยิ่งนัก


“เจ้าอ้วน อย่าวู่ว่าม นั่นมันมดเขาสวรรค์ เจ้าถูกซัดจนตัวลอย ไม่ถือว่าน่าอาย!” สือฮ่าวเตือน


“มดเขาสวรรค์!?” เสียงของเฉาอวี่เซิงเพิ่มขึ้นแปดเท่า ใบหน้าอวบอิ่มค่อยๆ เผยให้เห็นรอยยิ้ม เจิดจ้ายิ่งกว่าดอกไม้เสียอีก


เขาเช็ดน้ำลายอย่างหน้าไม่อาย ยักไหล่ดันสือฮ่าวพลางกระซิบว่า “สายเลือดสุดยอดพลัง มันหมายความว่า ต่อไปเราจะมีเลือดสูงส่งแล้วใช่ไหม?”


“แค่ก!” สือฮ่าวกระแอมไอ ไม่ให้เขาพูดอวดเก่ง


“ฮ่าฮ่าฮ่า…” เฉาอวี่เซิงระเบิดเสียงหัวเราะ สายตาลุกแวว ไม่คับแค้นใจเลยสักนิด กลับเบิกบานใจและตื่นเต้น


ในสำนักปราชญ์ก็มีสายเลือดสุดยอดพลังเช่นกัน แต่ล้วนถูกจินจ่าน ปราชญ์น้อยและชีกู้เอาไปครองแล้ว คนอื่นไม่ได้อะไรเลยสักนิด!


สำหรับผู้ฝึกกายแล้ว อยากแปรสภาพ ปรารถนาจะนิพพาน มันเป็นเลือดที่ล้ำค่าที่สุด สามารถทำให้มีพละกำลังมหาศาล ใช้การเปลี่ยนแปลงอันน่าตะลึงที่สุดมาแปรสภาพทางกายภาพ!


“เจ้าอ้วน เจ้ากระซิบกระซาบอะไร อยากโดนดีหรือ ระวังข้าจะซัดเจ้าด้วยหมัดที่สอง!” มดสีทองพูดอย่างไม่เกรงใจ


เฉาอวี่เซิงเริ่มโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เขาก้มหน้ามองสัตว์ตัวกระจ้อย รูปร่างแตกต่างกันขนาดนี้ ไยพละกำลังไม่สมดุลเอาเสียเลย?


ตึก ตึก ตึก…


เสียงฝีเท้าแว่วมา ผู้เฝ้าเมืองเดินมา ชุดเกราะสีดำฉายความลึกลับและเย็นเยียบ มือถืออาวุธหนัก ประหนึ่งเทพเจ้าสงครามที่น่ายำเกรง


“มีโชคชั้นใหญ่ที่นี่ ช่วงชิงด้วยความสามารถของตัวเอง แต่มรดกสำคัญที่แท้จริง จะเก็บไว้ให้ทายาทของราชันที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุด!”


หนึ่งคนในนั้นพูดออกมาอย่างเถรตรง


ผู้คนมองลูกกิเลนสีขาวกับมดสีทองตัวนั้น กระจ่างใจทันทีว่า สายเลือดเซียนโบราณที่ว่าต้องเป็นพวกมันแน่นอน


“ผู้อาวุโส พวกท่านเป็นเซียนหรือ?” ผู้สูงส่งข้างมหาโสดาคนหนึ่งเอ่ยปาก หมายอยากรู้คำตอบ


ทุกคนต่างก็ตั้งใจฟัง ไม่มีใครไม่อยากรู้


“พวกข้าเป็นแค่ทหารเก่า ตอนนั้นปฐพีนองเลือด พินาศย่อยยับ ผู้กล้าทั้งหลายวายชนม์ จิตของพวกข้ากระเสือกกระสนมาถึงที่นี่ ทำให้ตัวเองกลายเป็นวิญญาณ เพื่อปกป้องครั้งสุดท้าย” มีคนพูดขึ้นมา


ผู้คนได้ยินก็นิ่วหน้า


เสมือนได้ยินเสียงตะโกนสะเทือนฟ้า ศพกองเท่าภูเขา เลือดไหลเป็นทาง ทุกเผ่าพันธุ์เจอกับความพินาศ ไปสู่ตอนจบของชีวิต


ราวกับภาพที่น่ากลัวแบบนั้นกำลังพุ่งมาปะทะหน้า


ทหารเก่าลากร่างมาที่นี่ เพียงเพื่อเป็นเชื้อเพลิง พวกเขาน่าเคารพอย่างแท้จริง


“พยายามทุกวิถีทาง สุดท้ายก็ช่วยทายาทของใต้เท้ามดเขาสวรรค์จนคืนชีพได้ ทำให้มันฟื้นจากการหลับใหลอันยาวนาน ถือกำเนิดในโลกนี้อย่างสมบูรณ์แบบ” อีกคนพูด


ผู้คนรู้แจ้งกระจ่างใจ ต่างก็อดถอนหายใจไม่ได้


“ใต้เท้า สายเลือดเซียนโบราณสำคัญ แต่ไม่ได้หมายความว่าทายาทจะเป็นเหมือนบรรพชน กำลังสำคัญในสงครามวันหน้ามาจากพวกข้า พวกท่านจะมีอคติ ให้พวกข้าตัดขาดจากมรดกที่สำคัญไม่ได้” หลานเซียนพูด พยายามเรียกร้องสุดชีวิต


“ได้ จะให้โอกาสพวกเจ้าสักครั้ง ใครยกหม้อมาตุธาตุใบนี้ได้ ข้าจะยอมรับ!” ผู้นำพูดแบบนี้พลางชี้ทวนวงเดือนออกไปข้างหน้า


ตรงนั้นมีภูเขาลูกหนึ่ง กำลังแผ่พลังเซียนเป็นสาย เห็นได้ชัดว่าตรงนั้นมีถ้ำที่สำคัญอย่างยิ่งอยู่


มีหม้อใบหนึ่งอยู่บนยอดเขา ขนาดไม่ใหญ่มากนัก สูงแค่สามเซี๊ยะ ตั้งอยู่ตรงนั้น กระจายกลิ่นอายเก่าแก่


“หม้อมาตุธาตุ เหมือนข้าเคยได้ยินมาก่อน…” หลานเซียนขมวดคิ้ว


“มันเป็นวัตถุอันดับหนึ่งในเซียนโบราณ หนักอย่างที่จินตนาการไม่ออก เพราะมันเป็นอาวุธของมดเขาสวรรค์ คนทั่วไปอย่าว่าแต่ชูมันขึ้นเลย แม้แต่เคลื่อนย้ายยังทำได้ยาก แค่แตะต้องก็อาจจะตัวกระเด็นได้” มหาโสดาพูด


“มีใครอยากอาสาหรือไม่? ใครทำได้ พวกข้าจะยอมรับเขา!” ทหารเก่าท่านหนึ่งพูดอย่างเฉยชา พวกเขาเป็นวิญญาณ ขาดพลังชีวิตไปนานแล้ว มีเพียงเจตจำนงอยากปกปักรักษาที่อยู่ในร่าง


“ข้าเอง!” ผู้สูงส่งคนหนึ่งก้าวออกมา อยากทดลอง


“ฮวง เจ้าก็ต้องไปด้วยสิ เจ้ามีพละกำลังมหาศาล ข้าคิดว่ามีโอกาสสำเร็จ!” ลูกศิษย์สำนักเทพสวรรค์ต่างก็คาดหวังให้เขาลงมือ


 

 

 


ตอนที่ 1282

 

ออกแรงยกหม้อมาตุธาตุ

โดย

Ink Stone_Fantasy

แสงสีเขียวสาดทอ มีร่างอรชรงดงามกำลังเยื้องย่างไปข้างหน้า รอบตัวนางมีใบไม้ลอยล่อง เปี่ยมด้วยพลังชีวิต


 ยิ่งไปกว่านั้น มีเมล็ดพันธุ์ลอยอยู่กลางอากาศ งอกงามเป็นเถาวัลย์และต้นไม้ ห้อมล้อมนางไว้เพื่อคุ้มกัน


ผู้สูงส่งที่ลงมือคนแรกเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ชุดกระโปรงยาวลากพื้น สะบัดไปมายามเดิน งดงามยิ่งนัก


นางมีผมสีขาว ผิวขาว ดวงตากลมโต สดใสมีชีวิตชีวา นัยน์ตาเป็นสีเขียวเข้ม ประหนึ่งภูตที่มาจากป่าที่ดึกดำบรรพ์ที่สุด


นางงามหยาดเยิ้ม ซ้ำยังมีชีวิตชีวา มีพลังชีวิตที่หนาแน่นจนไม่อาจจินตนาการได้ ราวกับมีแหล่งกำเนิดของชีวิตอันกว้างใหญ่คอยเคียงข้างนาง


 “นางนี่เอง!” มีคนพึมพำเมื่อรู้ว่านางเป็นใคร


 “หญิงคนนี้เป็นใคร?” หลายคนไม่รู้จัก เพราะในบรรดาผู้สูงส่ง มีบางคนที่เก็บตัวเงียบ หลังหลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์แล้ว แม้จะข่าวลืออยู่บ้าง แต่ก็ออกโรงนับครั้งได้


 “หญิงที่ถูกขนานนามว่าเป็นเทพีแห่งชีวิต!” มีคนพูด


 “เพิ่งปรากฏตัว ตอนแรกหลายคนไม่รู้จัก แต่ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักชมเองกับปาก บอกว่านางอาจนั่งแท่นเทพีแห่งชีวิตในยุควิถีเทพ อยู่ยงคงกระพัน”


 ผู้คนตะลึงงัน มันเป็นคำชมที่สูงส่งปานใดกัน เป็นผู้สูงส่งเช่นเดียวกัน นางครอบครองเมล็ดพันธุ์ชนิดไหนกัน?


หลายคนกระซิบกระซาบ มีความลับรั่วไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ


หญิงคนนี้มาจากตระกูลอมตะ เป็นทายาทเซียนโบราณทั้งหมด เคยมีเซียนถือกำเนิด แม้ตอนนี้ศพที่ตายไปก็คงเน่าเปื่อยไปนานแล้ว


แต่ไม่ว่าตระกูลอมตะใดก็มีบุคคลยิ่งใหญ่ ไม่มีใครกล้าดูถูก ยิ่งไม่กล้าท้าทาย พวกเขามีไพ่ตายที่น่ากลัว ตกทอดมาจากเซียน!


 ผู้สูงส่งหญิงที่มาจากตระกูลแบบนี้ย่อมน่ากลัว บวกกับได้รับคำชมจากผู้อาวุโสสำนักเซียน ไม่กลัวไม่ได้


 “นางชื่ออวี่หง”


 ตอนนี้ ผู้คนรู้แล้วว่าตระกูลอวี่ของนาง เป็นตระกูลที่น่ากลัว ไม่ใช่มนุษย์ แต่มีร่างมนุษย์ ไม่มีใครรู้ว่าร่างจริงของพวกเขาคืออะไร รู้แค่ว่ามีพลังเปี่ยมล้น อานุภาพเย้ยโลกา!


 อวี่หงเดินนวยนาด มุ่งหน้าไปทางภูเขาลูกนั้น นางไม่กล้าเหาะเหิน แต่อาศัยสองเท้าเดิน


เพราะที่แบบนี้ไม่ใช่ใครจะกำเริบเสิบสานได้ เล่าลือกันนานแล้วว่า มีค่ายกลกระจายอยู่ทั่ว หากอวดดีเกินไป อาจถูกสังหารได้


 “ไม่ใช่นักพรตต่างแดน เหาะเหินในเมืองได้ แต่อย่าแผ่รังสีอำมหิต” ทหารเก่าที่เฝ้าเมืองคนหนึ่งพูด


 “ดี!” อวี่หงก็ไม่ดื้อรั้น พุ่งขึ้นฟ้าสูงแล้วเหาะไปหาภูเขาลูกนั้นอย่างรวดเร็ว


ผู้คนได้ยินก็เหาะตามกันไป


เมืองมีขนาดใหญ่มาก ภูเขาทั้งเก้าตระการตายิ่งนัก


ภูเขาตรงหน้าใหญ่โตและตระการตา แต่มันกลับไม่ได้สูงจนน่าตกใจ แต่มีลักษณะน่าเกรงขาม ประหนึ่งยอดสูงสุดของวิถีเซียน


มีถ้ำอยู่ตรงสันเขา กำลังแผ่พลังเซียนออกมาเป็นสายๆ แต่ไม่มีใครเข้าใกล้ได้ เพราะมันมีพลังต้องห้ามอันยิ่งใหญ่ ขัดขวางทุกสิ่ง


บันไดหินทอดยาวขึ้นยอดเขา ข้างบนมีหม้อโบราณสูงสามเซี๊ยะใบหนึ่ง หมอกสีขาวทะลักออกมา และมีภาพของดาราจักรอีกด้วย


ราวกับมันเป็นที่เก็บจักรวาล กว้างใหญ่ไพศาล


ตลอดทางเงียบสงบ ไม่มีเหตุไม่คาดฝัน ทุกคนขึ้นมาถึงยอดเขา ปีนขึ้นบนเขาเซียนลูกนี้ ทุกคนต่างก็ใจเต้นระส่ำ


 “ขึ้น!” อวี่หงก้าวไป ออกแรงจับหูหม้อกับขาหม้อไว้ อยากจะยกมันขึ้น


นางดูบอบบาง อ่อนโยนอย่างมาก แต่พละกำลังเปี่ยมล้นอย่างแท้จริง มิติบริเวณนิ้วมือขาวของนางปริแตก ก่อตัวเป็นรอยแยกน่ากลัว ลุกลามไปทั่วบริเวณนี้


แต่นางทำไม่ได้ ต่อให้นางจะมีพลังท่วมท้นท้องฟ้า ก็ยากจะทำให้หม้อใบนี้ขยับได้


 “ไป!”


 อวี่หงตะโกนอีกครั้ง เนื้อตัวเปล่งแสง พลังชีวิตกระเพื่อมดุจมหาสมุทร นางยังใช้เคล็ดวิชาอีกด้วย อักขระทั้งหลายผนึกกำลัง รวมตัวกันเป็นญาณวิเศษที่ยิ่งใหญ่ อยากยกหม้อใบนี้ขึ้น


นางไม่เชื่อหรอกว่า หากใช้ญาณวิเศษของตัวเอง เคล็ดวิชาสะเทือนปฐพีของตระกูลอมตะ จะขยับมันไม่ได้เชียวหรือ?


ครืน!


 เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นที่นี่ สายฟ้าเปล่งประกาย กระแสไฟผนึกกำลัง น่ากลัวเป็นที่สุด ต่อให้ถูกขนานนามว่าเป็นเทพีแห่งชีวิต ก็มีด้านบ้าระห่ำเข่นกัน


ปรากฏว่าหม้อนิ่งไม่ไหวติง ยังคงตั้งตระหง่านบนยอดเขา มีหมอกปฐมกาลตลบอบอวล ดาราจักรกำลังเปล่งแสง


 “ใช้ญาณวิเศษโจมตีหม้อใบนี้มันไร้ประโยชน์ ต่อให้เจ้ายิ่งใหญ่ จะเอาชนะอาวุธที่มีชื่อสะเทือนปฐพีได้หรือ มันขจัดทุกสิ่งได้ จำต้องใช้พละกำลังเท่านั้น” ทหารเก่าคนหนึ่งพูด


ผู้คนกระจ่างใจ มันเป็นอาวุธของมดเขาสวรรค์ แน่นอนว่าย่อมต้องลงมือด้วยพละกำลัง อยากอาศัยเคล็ดวิชานั้น คงไม่มีทางสำเร็จเป็นแน่


อวี่หงพยายามอยู่หลายครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่า นางทำไม่สำเร็จ ทำอะไรหม้อใบนี้ไม่ได้เลยสักนิด


หม้อมาตุธาตุหนักปานขุนเขา นิ่งไม่ไหวติง


“ผู้อาวุโส มันไม่ยุติธรรม มันเป็นอาวุธของเซียน ต่อให้ข้ามีพรสวรรค์เหนือชั้น แต่อย่างไรเสียก็ห่างไกลจากขั้นวิถีเซียนอีกมาก จะยกมันได้อย่างไร!” อวี่หงไม่พอใจ


 “หม้อมาตุธาตุของแท้ เจ้าไม่อาจแตะต้องได้เลยสักนิด มิเช่นนั้นจะถูกสะเทือนจนแหลกเป็นผุยผง นี่เป็นเงาของมัน” ทหารเก่าคนหนึ่งพูด


เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ หลายคนก็ตะลึงงัน นี่ไม่ใช่หม้อมาตุธาตุของจริงหรือ?


ดูแล้วคล้ายคลึงกันจริงๆ ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย ยามสัมผัสด้วยมือ มันเย็นเฉียบเช่นเดียวกัน


            ผู้เฝ้าเมืองพูดทันทีว่า อาวุธของมดเขาสวรรค์ไร้เทียมทาน คงอยู่ในสภาพสมบูรณ์มาจากสงครามเซียนโบราณ เป็นหนึ่งในอาวุธที่น่ากลัวที่สุดของโลก


ไม่พูดถึงมรดกหรือโชคชั้นใหญ่อื่นๆ แค่มีอาวุธชิ้นเดียวอยู่ตรงนี้ ก็เลิศล้ำแล้ว ส่งผลกระทบกว้างไกล มันเป็นอาวุธสูงส่ง!


 หากต่อไปมีศึกใหญ่จริงๆ ล่ะก็ ใครจะมากระตุ้นอาวุธชิ้นนี้ ควบคุมให้มันจู่โจม ต้องมีอานุภาพเย้ยปฐพีแน่นอน!


“เงาของอาวุธชิ้นนี้ก่อตัว จะว่าไม่หนักก็ไม่ใช่ เบาก็ไม่เชิง เป็นน้ำหนักเหมาะสมที่ใต้เท้ามดเขาสวรรค์ในวัยหนุ่มชูขึ้นได้” ทหารแก่นายหนึ่งอธิบาย


ผู้คนอุทาน จิตใจว้าวุ่น สมกับเป็นสิบอสูร น่ากลัวปานนี้ตั้งแต่วัยเยาว์ มีพลังเป็นหนึ่งในหล้า!


 แน่นอนว่า อวี่หงในวัยสาวเทียบกับมดเขาสวรรค์ในวัยเยาว์ไม่ได้


 “ข้าสู้มันไม่ได้!” นางเศร้าสลดไม่น้อยเลย


ผู้สูงส่งคนอื่นที่อยู่ด้านหลังก็ขมวดคิ้ว พวกเขาคาดเดาว่า ตัวเองก็คงสำเร็จได้ยากเช่นกัน


 “ข้าเอง!”


 ในตอนนี้เอง เทพจื่อรื่อก็เอ่ยปาก เขาก้าวออกไปพร้อมกับอาบหมอกปฐมกาล ถูกแสงสีม่วงห้อมล้อม เขาสงบสติอารมณ์ได้นานแล้ว ไม่ปรายตามองสือฮ่าวแม้แต่นิด เตรียมตัวจะยกหม้อแล้ว


 “ขึ้น!”


 เขาแผดเสียงแล้วใช้กำลังสุดความสามารถ กระดูกทั่วร่างดังกรอบแกรบ แสงสีม่วงระเบิด ราวกับสายฟ้าคำราม แต่ก็ไม่เป็นผล!


 หม้อใบนั้นไม่ขยับเขยื้อน ยังคงอยู่ที่เดิมไม่ห่างไปไหน


 “ยกอีก!” เทพจื่อรื่อตะโกนลั่น เมล็ดพันธุ์สีม่วงปรากฏให้เห็น กลายเป็นหมอกปฐมกาล ห่อหุ้มหม้อใบนั้น จะยกมันขึ้น


 “ผลุบ!”


 ปรากฏว่าเรื่องที่ชวนให้พรั่นพรึงก็เกิดขึ้น หมอกสลายตัว เทพจื่อรื่อกระอักเลือดแล้วกระเด็นออกไป


ที่เกิดเหตุเงียบสงัด ผู้คนตะลึงงัน น่ากลัวเหลือเกิน หลังเทพจื่อรื่อใช้เมล็ดพันธุ์สมบูรณ์สุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว ก็ถูกแว้งกัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส


 “ข้าแพ้แล้ว!” เทพจื่อรื่อถอนหายใจ จากนั้นถอยหลังไปช้าๆ เจ็บใจยิ่งนัก แต่ก็ทำอะไรหม้อใบนี้ไม่ได้


 “มีใครจะออกมาอีกไหม?” ทหารแก่ถาม


 “นั่นมันอาวุธของข้า ใครกล้าแตะต้อง!” มดตัวน้อยสีทองที่ยาวไม่ถึงหนึ่งหุนบนพื้นเหยียดปาก ท่าทางเย่อหยิ่ง


 “ข้าขอลองดู!” หลานเซียนก้าวออกมา เนื้อตัวของนางเปล่งแสงสีฟ้า อาภรณ์โบกสะบัด ต่อให้นางพยายามมากเท่าใด ใบหน้าซีดเผือด ก็ทำอะไรหม้อใบนี้ไม่ได้เลยสักนิด


จากนั้น พวกเฉาอวี่เซิงก็พากันก้าวออกไปทดลอง ปรากฏว่าออกแรงจนหน้าแดงก่ำ หม้อใบนี้ก็ไม่ขยับ


 “ข้าขอลองดูหน่อย”


 ในตอนนี้เอง มหาโสดาเอ่ยปาก เขาก้าวออกไปข้างหน้าช้าๆ จับหม้อใบนี้ไว้ จากนั้นก็สวดมนต์ เสียงดังก้องฟ้า


ร่างกายของเขาส่องแสงสีทองโชติช่วง ผิวกายประหนึ่งหลอมจากทองคำ ราวกับกลายร่างเป็นรูปทองอมตะไปเสียแล้ว


ตึง!


 ในตอนนี้เอง ก็เกิดเสียงดังมาจากหม้อมาตุธาตุ


ผู้คนตกใจ มหาโสดาไม่ธรรมดาจริงๆ จะยกมันขึ้นแล้วหรือ?


แต่ก็หยุดเพียงเท่านี้ มหาโสดาปล่อยมือ ไม่ได้ทดลองต่อไป


 “ช่างน่าเสียดาย ทำไมไม่ยกต่อเล่า ทำให้มันเกิดเสียง จวนจะขยับแล้ว ทำไมจึงถอดใจเสียแล้วล่ะ?” หลายคนเสียดาย


 “ข้าทำไม่สำเร็จ” มหาโสดาส่ายหน้า ไม่พูดอะไรมากนัก


ต่อมา ชีกู้ลงมือ นักพรตหนุ่มผู้เงียบขรึม หัวโบราณจากสำนักปราชญ์คนนี้ก้าวออกมา จะยกหม้อใบนี้


 “ตึง!”


 หม้อใบใหญ่ดังครืนครัน ราวกับเสียงสายฟ้าคำราม


ผู้คนแปลกใจ นักพรตพูดน้อยคนนี้ช่างมีพละกำลังยิ่งนัก ไม่คิดว่าจะทำถึงขั้นนี้ได้ ไม่ด้อยกว่ามหาโสดาเลย


เพียงแต่ว่า เสียงหม้อสะเทือนหู ทว่าไม่ขยับ ยกมันไม่ขึ้น


นักพรตชีกู้ถอนหายใจแล้วเดินไปอีกทาง ยอมรับในความแพ้พ่าย


จากนั้นก็มีผู้สูงส่งอีกสองคนก้าวออกมา ปรากฏว่าเป็นเช่นเดิม ไม่มีใครยกมันได้


บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมา ทุกคนเงียบงัน ในยุคนี้ไม่มีใครสู้มดเขาสวรรค์ในวัยเยาว์ได้เลยหรือ?


มันหมายความว่า ยุคนี้สู้เซียนโบราณไม่ได้ คงจะพินาศในเร็ววันแน่แท้


อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ผู้สูงส่งเหล่านั้นก็ปิดปากเงียบกริบ


 “ไม่ต้องเศร้าไป พละกำลังไม่ใช่ทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นพละกำลังยังเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมดเขาสวรรค์ แต่ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่พวกเจ้าถนัด และนี่ใช้เป็นมาตรฐานในการวัดระดับพลังต่อสู้ไม่ได้ เช่นมังกร พละกำลังของมันก็สู้มดเขาสวรรค์ไม่ได้เช่นกัน แต่วัดพลังต่อสู้ของมันได้หรือ? ต้องเป็นหนึ่งไม่เป็นสองในสิบอสูรแน่นอน!” ทหารเก่าคนหนึ่งพูด


ผู้คนได้ยินก็สบายใจขึ้นไม่น้อย มันเป็นเช่นนี้จริง แข็งแกร่งเช่นมังกรก็สู้พละกำลังของมดเขาสวรรค์ไม่ได้ พวกเขาหาต้องรู้สึกล้มเหลวเพราะเหตุนี้


 “นี่เป็นอาวุธของข้าแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีใครใช้มันได้!” มดสีทองยืดอก มองเย้ยหยันสี่ทิศ


น่าเสียดาย ผู้คนจำต้องก้มหน้าถึงจะเห็นมัน


 “ยังมีใครจะลองอีกไหม?” ทหารเก่าคนหนึ่งถาม


ตอนนี้ สายตาของผู้คนจับจ้องที่สือฮ่าว บางทีอาจมีแค่เขาที่พอทำได้


 “ไม่ได้หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์ไร้ที่ติ แต่…เจ้าก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน มันเพราะอะไรกัน?” ทหารแก่คนหนึ่งหน้านิ่วคิ้วขมวด สงสัยยิ่งนัก


 “ข้าจะลองดู” สือฮ่าวตัดสินใจลงมือ ต่อให้ต้องล้มเหลว ก็ต้องลองดูสักตั้ง ประเมินความแตกต่างระหว่างตนกับเผ่าพันธุ์มดเขาสวรรค์สักหน่อย


สายตาของทุกคนรวมอยู่ที่เขา


 “น่าแปลก ไม่ได้หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ แต่ทำไมถึงแข็งแกร่งปานนี้?” ผู้นำของทหารโบราณฉงนใจ เขากำลังเพ่งพินิจมอง


 “ตึง!”


 เสียงโลหะดังกังวานแว่วมา หลังหม้อมาตุธาตุถูกสือฮ่าวจับไว้มั่นแล้ว เขาก็ออกแรง


 “ยก!”


 เขาตะโกนลั่น ใช้สุดยอดพลังของกายเนื้ออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สำแดงความแข็งแกร่งของกายเนื้อหลังฝึกฝนมาอย่างยากเข็ญ!


 แลดูสูงโปร่ง แต่ร่างกายของเขาแข็งแรงอย่างยิ่ง ตอนนี้กำลังพ่นพลังปราณท่วมท้นท้องฟ้าแล้ว!


 ตอนนี้ทุกคนพากันถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว ทำไมกายเนื้อของเขาถึงได้แข็งแกร่งแบบนี้ ก่อตัวเป็นขอบเขตไร้รูปร่าง ส่งผลกระทบต่อกาลเวลาและห้วงมิติ


ผู้คนตะลึงพรึงเพริด!


 ครืน!


 หม้อมาตุธาตุลอยขึ้น ถูกเขายกขึ้นมาแล้ว!


“เป็นไปได้อย่างไร หรือ…จะมีคนในยุคนี้เดินเส้นทางนั้น?!” ทหารแก่พูดเสียงสั่นเครือ


 “ทำไมถึงมีคนยกอาวุธของข้าขึ้นมาได้?” มดสีทองร้องลั่น มันสะดุ้งโหยง คิดว่าตัวเองตาฝาดไป

 

 

 


ตอนที่ 1283

 

คัมภีร์อมตะ

โดย

Ink Stone_Fantasy

มดสีทองขยี้ตา เพื่อยืนยันว่าไม่ได้ตาฝาด ตะลึงอึ้งงัน มันยังไม่เจริญวัย ตอนนี้ยังแตะต้องหม้อใบนี้ไม่ได้


แต่มนุษย์ตรงหน้าคนนี้ ยกหม้อขึ้นก่อนมัน ทำให้มันตกใจยิ่งนัก จากนั้นก็โมโห


 “เจ้านี่มันอะไรกัน? ถึงได้แย่งอาวุธของข้า สนุกนักหรือ ไม่พอใจก็มาประลองกันสักตั้ง!” มันพูดด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด


ตอนนี้ ทุกคนต่างก็อกสั่นขวัญแขวน ไม่คิดว่าฮวงจะน่ากลัวปานนี้ ผู้สูงส่งคนอื่นต่างก็ล้มเหลว ทำอะไรหม้อใบนี้ไม่ได้ แต่เขากลับยกมันขึ้นมาได้


นี่เป็นพลังที่น่ากลัวขนาดไหนกัน เหนือมนุษย์อย่างแท้จริง!


 ผู้คนจับตามองฮวงมานานแล้ว เห็นแล้วว่าเขาไม่เคยตกต่ำ จำศีลสามปี ยังคงแข็งแกร่ง ยังเป็นหนึ่งในผู้สูงส่งของรุ่นนี้


แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า เขาจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้!


 หากเอ่ยถึงเรื่องกายเนื้อ คงอยู่ในสามอันดับแรกกระมัง นอกจากจินจ่านแห่งสำนักปราชญ์ ปราชญ์น้อยที่เน้นเรื่องการฝึกกายมากเป็นพิเศษแล้ว ต่อให้เป็นคนที่ถูกขนานนามว่าไร้พ่ายตลอดกาลของสำนักเซียน ก็คงไม่มีกายเนื้อเนื้อที่แข็งแกร่งขนาดนี้!


“ทั้งๆ ที่เขาสำแดงพลังของเซียนโบราณ เดินบนเส้นทางนี้แท้ๆ แต่กลับไม่ได้หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ ทำถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?”


 ทหารเก่าคนหนึ่งพึมพำ สีหน้าเคร่งขรึม


 “เป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครเดินบนเส้นทางนั้นได้ มันเป็นทางตัน ตามหลักแล้วควรจะสิ้นหวังทุกคนจึงจะถูก” สายตาของผู้นำทหารเก่าลุ่มลึก


พวกเขาดูออกตั้งนานแล้วว่า นักพรตชีกู้ฝึกวิชาปัจจุบัน แตกต่างจากมรดกเซียนโบราณ พลังของเขาเหนือชั้น เพราะวิถีไม่เหมือนกัน ยอมสมเหตุสมผล


แต่ชายหนุ่มที่มีนามว่าสือฮ่าว ใช้พลังเซียนปกคลุมร่างกาย มีอักขระปรากฏขึ้นภายใน เขาเดินบนเส้นทางเซียนโบราณ


และเส้นทางนี้ หากไม่ได้รวมเป็นหนึ่งกับเมล็ดพันธุ์ไร้พ่ายในตำนาน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางสู้มดเขาสวรรค์ได้ พละกำลังไม่มีทางน่ากลัวปานนนี้


 “ผู้อาวุโสทุกท่านคิดถูกแล้ว สหายคนนี้ของข้าดื้อรั้นยิ่งนัก เดินบนทางตันที่พวกท่านพูดกัน แถมยังทำสำเร็จแล้วด้วย อยู่เหนือบรรพชน!” จอมอ้วนเฉาโอ้อวดอยู่ตรงนั้น ทำท่าท่างภูมิใจอย่างมาก เสมือนเป็นเขาเองที่สำเร็จ


ยิ่งไปกว่านั้น เขายังพูดจาใหญ่โต พลางชี้ชาวสำนักเซียน บอกว่าผู้อาวุโสของพวกเขามีตาหามีแววไม่ ตระหนี่ไม่ยอมมอบเมล็ดพันธุ์ให้สือฮ่าว บีบคั้นให้เขาต้องเดินทางตัน


ผู้เฒ่าหลายคนพากันทอดมองจากนอกเมือง เมื่อเห็นฉากนี้ ใบหน้าก็เห่อร้อน


 “เจ้า…ใช้กายเป็นพันธุ์ สืบทอดทางตัน รอดพ้นความตายมาได้หรือ?” ทหารเก่าคนหนึ่งเบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อเลย


 “สำเร็จได้เพราะโชคช่วย” สือฮ่าวพยักหน้า


ทหารเก่าหลายคนแน่นิ่งไปทันที พูดอะไรไม่ออกแล้ว


ตอนนี้ เหงื่อผุดทั่วตัวสือฮ่าว หม้อใบนี้หนักมากจริงๆ ทำเอาสองแขนเขาแทบหักแล้ว หมอกห้อมล้อมทั่วภูเขา กำลังกระเพื่อมตามกัน


มันช่างน่าตกใจ ทุกคนรู้สึกเหมือนยืนไม่มั่น กำลังโอนเอน!


 นี่เป็นถึงภูเขาที่มีค่ายกลของเซียน แต่ตอนนี้ก็เป็นถึงขนาดนี้ จะเห็นได้ว่าหม้อใบนั้นหนักปานใด ช่างน่ากลัวจริงๆ


แถมมันยังเป็นแค่เงา ไม่ใช่หม้อมาตุธาตุของจริง!


“รีบวางลงเถอะ เจ้ายอดเยี่ยมมาก ทำตามเงื่อนไขได้สำเร็จ!” ผู้นำที่เฝ้าเมืองเซียนพูด ร้อนใจยิ่งนัก กลัวว่าสือฮ่าวจะบาดเจ็บเพราะหม้อโบราณหนักเกินไป


ทหารเก่าหลายท่านตื่นจากภวังค์ ตกใจยิ่งนัก มองสือฮ่าวราวกับมองขุมทรัพย์ล้ำค่า ทำให้เขาขนลุก


สือฮ่าววางหม้อลง ทำให้ภูเขาทั้งลูกสั่นสะเทือน ประหนึ่งเกิดแผ่นดินไหว เขารู้สึกชาวาบไปทั้งแขน และปวดเมื่อยไม่น้อยเลย


เขาอดอุทานไม่ได้ เผ่าพันธุ์มดเขาสวรรค์วิปริตเหลือเกิน ใช้ของหนักแบบนี้เป็นอาวุธ คนทั่วไปจะยกขึ้นได้อย่างไร?


ต่อให้แข็งแกร่งแบบเขา ก็ทำได้แค่ยกขึ้น ไม่สามารถควงได้ตามใจชอบ ใช้มันเป็นอาวุธนั้นเป็นไปไม่ได้


สือฮ่าวคิดว่ากายเนื้อของตัวเองแข็งแกร่งมากพอ แต่เมื่อพบกับเผ่าพันธุ์นี้แล้ว เขาก็เข้าใจสำนวนหนึ่งได้ลึกซึ้งแล้ว เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน!


 เหนือคนแข็งแกร่งยังมีคนแข็งแกร่งกว่า!


 เมื่อเห็นเขาทำหน้าไม่พอใจ ไม่มีทีท่าว่าจะภูมิใจเลยสักนิด ทุกคนหมดคำพูด เฉาอวี่เซิงยังช่วยเขาป่าวประกาศให้เขาอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี


 เหล่าผู้สูงส่งเกิดความตื่นตัวขึ้นมา รู้สึกถึงแรงกดดันอยู่ลึกๆ บนเส้นทางของกายเนื้อ พวกเขาถูกฮวงแซงหน้าไปแล้ว หากอยากกำราบหรือเอาชนะ มีเพียงต้องสู้กันด้วยขั้นบำเพ็ญ!


 ตอนนี้เหล่าทหารเก่ากำลังจ้องสือฮ่าวตาเป็นมัน ราวกับกำลังประเมินอัญมณีมูลค่าสูงอยู่


ผู้นำคนนั้นยิ้มทื่อๆ เสมือนรู้ความในใจของเขา “อย่าคิดมากเลย เผ่าพันธุ์มดเขาสวรรค์เป็นที่หนึ่งเรื่องพละกำลังจริงๆ!”


 สือฮ่าวพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก


ผู้นำพูดเสริมว่า “ที่จริง เจ้าก็น่าตะลึงมากเช่นกัน ถึงขั้นเรียกได้ว่าสะเทือนประวัติศาสตร์ เพราะเจ้าไม่เคยหลอมร่างกาย ไม่ใช่ผู้ฝึกกายขนานแท้ หากเจ้าเลือกเส้นทางนั้น ต้องสู้มดเขาสวรรค์ได้แน่นอน แม้กระทั่งว่าอยู่เหนือกว่าด้วยซ้ำ”


 มดสีทองตัวน้อยไม่ชอบใจแล้ว “อะไรกัน เป็นแค่มนุษย์เท่านั้น จะสู้พวกข้าได้อย่างไร รอข้าเจริญวัย ต้องยกหม้อใบนี้ขึ้น ใช้มันเป็นของเล่นได้แน่!”


“เสี่ยวจิงเจ้าไม่เป็นสองรองใคร แข็งแกร่งมากจริงๆ วันหน้าต้องเหนือกว่าบรรพชนแน่นอน แต่มนุษย์คนนี้ก็ไม่ธรรมดา เขาก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน ไม่เห็นว่าจะด้อยกว่าเผ่าพันธุ์เจ้าเลย” ผู้นำพูด


เมื่อได้ยินเขาเอ่ยปากชมขนาดนี้ ทุกคนก็ทำหน้าตกใจ ยกสือฮ่าวให้สูงที่ปานนี้ เทียบเท่ามดเขาสวรรค์ในสิบอสูรแล้ว


 “ข้าก็เคยฝึกวิชาขัดเกลาร่างกายเช่นกัน” สือฮ่าวพูดความจริงเพื่อแก้ให้ถูกต้อง ไม่ได้เดินเส้นทางนี้แต่อย่างใด


 “อ้อ เจ้าเคยฝึกวิชาอะไร?” ผู้นำถามด้วยความตกใจ


 “วิชาขัดเกลากระดูก” สือฮ่าวพูด ปรมาจารย์เป็นผู้ถ่ายทอดให้เขา บอกว่ามาจากสำนักปราชญ์ ส่วนที่เหลือต้องไปค้นหาที่นั่น


 “ไม่เคยได้ยินมาก่อน ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยได้หรือไม่” ผู้นำร้องขออย่างไม่เกรงใจ


ต้องรู้ว่า ไม่ว่าวิชาใดก็ล้วนล้ำค่า จะเผยแพร่ให้คนอื่นง่ายๆ ได้อย่างไร?


แต่สือฮ่าวไม่ลังเลเลยสักนิด แอบใช้กระแสจิตบอกเขา


 “ไม่เลวเลาย แต่ยังไม่พอ มันเป็นคัมภีร์ที่ถือกำเนิดจากคัมภีร์อมตะ สู้คัมภีร์เล่มนั้นไม่ได้” ผู้นำพูด


 “อะไรนะ ท่านรู้จักคัมภีร์อมตะหรือ?” สือฮ่าวยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็มีคนชิงถามก่อนแล้ว แถมยังร้อนใจยิ่งนัก


นักพรตชีกู้นั่นเอง ปกติเขาเงียบขรึม พูดน้อย ราวกับเป็นชายชราหัวโบราณคนหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับตื่นเต้น ลมหายใจถี่กระชั้น


เพราะตอนที่เขาอยู่ในสำนักปราชญ์ เคยมีคนพูดถึงคัมภีร์เล่มนี้ มันมีพลังอันน่าเหลือเชื่อ


 “ข้าไม่รู้ ในเซียนโบราณก็มีน้อยคนที่จะรู้ อย่างมากที่สุดก็มีใต้เท้าสองสามท่านที่เคยศึกษา ส่วนพวกข้ารู้เพียงผิวเผินเท่านั้น” ผู้นำพูดตามความจริง


 “วิชาขัดเกลากระดูกเทียบกับคัมภีร์อมตะแล้ว ห่างไกลกันปานใด?” สือฮ่าวถาม


 “หากจะให้พูดตามตรง ข้าก็บอกได้เพียงว่า หากเทียบกับคัมภีร์อมตะแล้ว บทสวดมนต์ท่อนนี้ของเจ้าตื้นเขินยิ่งนัก ลึกล้ำไม่พอ” ผู้นำพูด


มันช่างน่าตกใจ วิชาขัดเกลากระดูกก็เหนือชั้นมากแล้ว เพราะถึงขั้นได้รับคำชมแบบนี้


 “หากภพนี้ไม่มีวิชาหลอมกายที่สู้คัมภีร์อมตะได้ เช่นนั้นก็สู้ยุคที่แล้วไม่ได้ อันตราย!” ผู้นำถอนหายใจ


 “มีเล่มหนึ่งที่ผู้อาวุโสท่านหนึ่งของสำนักปราชญ์คิดค้น แต่สำนักข้าก็กำลังตามหาคัมภีร์อมตะกันให้ควั่กเช่นกัน ต้องการข้อพิสูจน์” นักพรตชีกู้พูด


 “คัมภีร์อมตะก็เป็นหนึ่งในคัมภีร์ที่สุดยอดที่สุดในยุคเซียนโบราณ ซ้ำยังเป็นตำราสูงส่งบนเส้นทางการฝึกกาย ไม่มีสิ่งใดเหนือกว่า” ทหารเก่าคนหนึ่งกล่าว


จากที่เขาพูด หากฝึกคัมภีร์อมตะสำเร็จ ฟ้าดินก็ทำอะไรไม่ได้ กายเนื้อมีพลัง ต่อให้ดวงจิตดับสูญ ถูกคนโจมตีจนแหลกสลาย กายเนื้อก็จะไม่เน่าเปื่อย ไม่มีวันดับสูญ ถึงขั้นร่ำลือกันว่า หากบรรลุขั้นสุดยอด ต่อให้ดวงจิตแหลกสลาย จะมีสักวัน เมื่อผ่านกาลเวลาอันยาวนานแล้ว กายเนื้อจะสร้างดวงจิตใหม่ได้!


 นั่นหมายความว่า นี่เป็นความอมตะตามความหมายที่แท้จริง!


 ยิ่งไปกว่านั้น มีคนอธิบายอีกว่า หลังผ่านไปหลายล้านปี ดวงจิตที่ถือกำเนิดจากกายเนื้ออีกครั้ง จะไม่ใช่ดวงจิตใหม่เอี่ยม ยังคงมีความทรงจำก่อนสร้างอยู่


เมื่อผู้คนได้ฟังก็ตะลึงงัน


 “สุดยอดยิ่งกว่าคัมภีร์สูงส่งเล่มนั้นของสำนักปราชญ์เสียอีก!” ผู้คนอุทาน


 “แท้ที่จริงแล้ว หากคาดเดาจากคำร่ำลือ คัมภีร์อมตะจัดอยู่ในสามอันดับแรกของเซียนโบราณ เพียงแค่ไม่มีหลักฐานบ่งบอกว่าทำให้คนเป็นอมตะได้จริงๆ” ผู้นำถอนหายใจ


ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่อยู่ในสามอันดับแรก


เมื่อพูดถึงตรงนี้ ทหารเหล่านี้ก็มองสือฮ่าวด้วยสายตาเป็นประกาย มีคนพูดว่า “หากเจ้ามีโอกาสฝึกสำเร็จล่ะก็ บางทีอาจพิสูจน์ได้ เมื่อบรรลุขั้นสุดยอดแล้วจะเป็นอมตะได้จริงหรือไม่!”


 เพราะสือฮ่าวใช้กายเป็นพันธุ์ มีศักยภาพเพียงพออยู่แล้ว หากฝึกคัมภีร์อมตะ ต้องไปได้ไกลแน่นอน!


“คัมภีร์อมตะอยู่ที่ใด?” สือฮ่าวถาม เขาหวั่นไหวขึ้นมาแล้วจริงๆ คิดว่าตัวเองต้องการมันยิ่งนัก


แม้แต่คนอื่นก็นัยน์ตาแววโรจน์ ต่อให้พวกเขาไม่ใช่ผู้ฝึกกาย แต่ขัดเกลาร่างกายสักหน่อยก็จำเป็นเช่นกัน


 “หายไปแล้ว” ผู้นำถอนหายใจ


ผู้คนแปลกใจ ทำให้ผู้คนเกิดความสนใจ ปรากฏว่ากลับให้คำตอบแบบนี้ มันช่างน่าผิดหวังเสียจริง


ผู้นำพูดว่า “ตอนนั้นใต้เท้ามดเขาสวรรค์ก็ทำได้แค่ยกหม้อใบนี้ แต่หลังฝึกวิชาในคัมภีร์อมตะแล้ว ก็สามารถกวัดแกว่งหม้อใบนี้ได้ตั้งแต่วัยเยาว์ มีพลังเย้ยปฐพี!”


 พวกเขาจึงยอมรับสือฮ่าว ยกหม้อใบนี้ขึ้นได้ นั่นหมายความว่า เทียบเท่ามดเขาสวรรค์ที่เคยฝึกคัมภีร์อมตะแล้ว สูสีคู่คี่กัน!


“ไม่หายไปไหนแน่นอน วันหน้าข้าจะต้องศึกษามัน!” มดสีทองตัวนั้นกู่ร้องขึ้นมา


 “พวกข้าตามหาทั่วเมือง ค้นหาทั่วเมืองโบราณแล้ว ก็ไม่เจอคัมภีร์อมตะที่ใต้เท้ามดเขาสวรรค์ครอบครอง ช่างน่าเจ็บใจและน่าเสียดายจริงๆ” ผู้นำถอนหายใจ


ผู้คนต่างก็สิ้นหวัง คัมภีร์ที่สำคัญปานนั้น หากว่าหายสาบสูญ มันช่างน่าเสียดายเหลือเกิน


บางครั้ง แค่ความองอาจมันไม่พอ ทุกเส้นทางที่บุกเบิกใหม่ ล้วนตั้งอยู่บนความรุ่งโรจน์ของบรรพชน ต้องมีประสบการณ์มากพอจึงจะมีแสงแห่งปัญญาบนเส้นทางการฝึกตนที่โชติช่วงยิ่งกว่า


 “ตามการคาดเดาของพวกข้า ความเป็นไปของคัมภีร์อมตะมีความเป็นไปได้อยู่สามประการ หนึ่งคืออยู่ที่นี่ ถูกเก็บไว้ให้ทายาทของมดเขาสวรรค์ รอให้มันเจริญวัยต้องหาเจอแน่นอน สองคือหายไปในสนามรบเมื่อตอนนั้น ใต้เท้ามดเขาสวรรค์ต่อสู้จนฟ้าถล่มดินทลาย สังหารผู้อมตะมากมาย ตัวเองก็บาดเจ็บสาหัส กระทั่งหลั่งเลือดหยดสุดท้าย บางทีของติดตัวบางอย่างคงหายไป สามคืออยู่ในเขตต้องห้ามสักแห่งของเก้าสวรรค์สิบพิภพ!” ผู้นำพูดอย่างจริงจัง


มีความเป็นไปได้สามประการ ยากจะยืนยันได้


แต่ตอนนี้มีโอกาสแล้ว หากอยู่ในเมืองนี้ ทหารพวกนี้หาไม่เจอ ไม่ได้แปลว่าไม่มีอยู่


หากผู้มาเยือนอย่างพวกเขาโชคดีมากพอ บางทีอาจกระตุ้นให้คัมภีร์นี้ปรากฏกายก็เป็นได้!


 

 

 


ตอนที่ 1284

 

 แหล่งขุมทรัพย์

โดย

Ink Stone_Fantasy

คัมภีร์อมตะ มันไม่น่าเชื่อเอาเสียเลย ดูมีความเป็นตำนานสูงยิ่งนัก!


หากฝึกจนถึงขั้นสุดยอด กายเนื้อจะเป็นอมตะ ต่อให้ดวงจิตแหลกสลาย กายเนื้อจะไม่ถูกทำลาย ให้กำเนิดดวงจิตในหลายล้านปีให้หลังได้!


มันเป็นความเหนือธรรมชาติปานใดกัน?


ไม่มีใครไม่ปรารถนา ทุกคนต่างก็จับจ้องเมืองโบราณและกว้างใหญ่แห่งนี้ ด้วยหวังว่าจะได้ประโยชน์


“สือฮ่าวผ่านการทดสอบ ผู้อาวุโสจะให้รางวัลอะไร?” เฉาอวี่เซิงหน้าด้านหน้าทนโพล่งถามออกมาเช่นนี้


“อนุญาตให้เจ้าเข้าถ้ำของใต้เท้ามดเขาสวรรค์ หากเจ้าเจอคัมภีร์อมตะ ก็นับว่าเป็นโชคของเจ้า!” ผู้นำพูด เขาอยากยิ้ม แต่จนใจเพราะเป็นหุ่น สีหน้าท่าทางจึงแข็งทื่อยิ่งนัก


คำสัญญาแบบนี้ทำให้หลายคนอิจฉา กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา แต่คนส่วนใหญ่ก็เข้าใจได้ เพราะนี่เป็นโชคที่ฮวงได้มาเพราะความสามารถของตัวเอง


เพราะคนส่วนใหญ่ในพวกเขาถูกสือฮ่าวพาเข้ามา เช่นปีศาจสาว ฉางกงเหยี่ยนและพวกกระต่ายดวงจันทร์ รวมถึงลูกศิษย์สำนักเทพสวรรค์ด้วย


แต่ก็มีคนบางส่วนอิจฉา แต่ก็จนปัญญา เช่นผู้สูงส่งอย่างเทพจื่อรื่อและหลานเซียนเป็นต้น พวกเขาได้ชื่อว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่กลับเข้าถ้ำไม่ได้


“ข้าพาคนเข้าไปได้ไหม?” สือฮ่าวถาม


“ไม่ได้!” ผู้นำปฏิเสธอย่างจริงจัง


ถ้ำอยู่ที่ใด ภูเขาเซียนที่พวกเขาเหยียบย่ำอยู่นี่หรือ?


ที่นี่มีภูเขาทั้งหมดเก้าลูก ต่างก็แผ่พลังเซียน ดูแล้วมีถ้ำสวรรค์เก้าแก่ง ไม่รู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่กันแน่


“โปรดออกจากภูเขาลูกนี้ ทุกคนห้ามอยู่ที่นี่” ทหารเก่าคนหนึ่งพูด จะพาพวกเขาลงจากเขา


“แม้จะไม่ให้พวกเจ้าเข้าไปในถ้ำของใต้เท้ามดเขาสวรรค์ แต่สถานที่อื่นในเมือง รวมถึงสมุนไพร หินวิเศษนอกเขาสามารถไปลองเสี่ยงโชคได้” ผู้นำเหลียวหลังมาแล้วพูดเช่นนี้


เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ สือฮ่าวก็ไม่รีรอ หันหลังจากไปทันที ผู้คนต่างก็ชะงัก


ชิ้ง!


สือฮ่าวกลายเป็นลำแสง มุ่งหน้าไปทางเข้าเมืองที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่


มีคนไม่น้อยได้สติทันที จึงรีบตามไป แม้แต่แม่นางหลานเซียน อวี่หงที่มาจากตระกูลอมตะก็ไม่เว้น เมื่อรู้ว่าเขาจะทำอะไร ก็ตามหลังไปติดๆ


“บัวชักนำวิญญาณ!” เฉาอวี่เซิงร้องเสียงหลง พุ่งตัวตามผู้คนไป


ตอนเข้าเมือง พวกเขาเห็นน้ำบ่อหนึ่ง ข้างในมียาขั้นเทพสามต้น หล่อเลี้ยงดวงจิตของคน ทำให้วิญญาณแก่กล้า เป็นยาล้ำค่าหายาก


“คนชั่ว เจ้าจะไปทำลายบ่ออาบน้ำของข้าหรือ?!” มดสีทองตะโกนลั่น พุ่งเข้ามิติ ทิ้งภาพสีทองไว้ที่เดิม มันก็ตามไปแล้วเช่นกัน


ตูม!


สือฮ่าวทุ่มสุดความสามารถ ข้างหลังมีปีกคุนเผิงทะลุชั้นฟ้า ซ้ำยังรายล้อมด้วยกระแสไฟ ขณะเดียวกันก็ใช้เคล็ดวิชาจักรพรรดิสายฟ้าเหาะเหิน รวดเร็วยิ่งนัก


เขามาถึงคนแรก ยกมือจะยื่นออกไปคว้าแล้ว


“ชิ้ง!”


มีผู้สูงส่งโจมตีจากข้างหลัง มือดีหลายคนลงมือขัดขวาง หากเป็นยาขั้นเทพชนิดอื่นก็แล้วไป แต่มันเป็นบัวชักนำวิญญาณ มีประโยชน์สำหรับพวกเขาเหลือเกิน


ต่อให้ดวงจิตแหลกสลาย แต่หากกินยาชนิดนี้ได้ทันท่วงที รวบรวมดวงจิตที่แหลกสลายได้ ก่อตัวใหม่ได้ เรียกได้ว่าช่วงชิงพลังฟ้าดิน!


มีสมุนไพรต้นนี้ เทียบเท่ามีชีวิตเพิ่มขึ้นหนึ่งชีวิต!


ตอนแรก สือฮ่าวเคยได้สมุนไพรชนิดนี้มาครอง มอบให้ปรมาจารย์ตอนที่เขาขัดเกลาร่างกาย ใช้ไปหมดแล้ว ยากจะหาเจอได้อีก


“อ๊าก!” มหาโสดาตะโกนลั่น เหนือชั้นอย่างเขาก็ลงมือแย่งชิงแล้ว เสียงสวดมนต์ที่ตกทอดมาจากสงฆ์โบราณดังดุจสายฟ้าคำรามสะเทือนปฐพี


ตูม!


มิติบริเวณที่สือฮ่าวอยู่ถูกฟาดจนแหลกละเอียด เห็นสงฆ์ที่มีกายสีทองปรากฏกายอยู่รำไร ก่อตัวจากอักขระ กำราบทุกสิ่ง


มีคนบอกว่า เสียงพิลึกของสงฆ์โบราณ อาจยกระดับเป็นเสียงสวดมนต์ที่ดังที่สุดในจักรวาลได้ มันมีเหตุผลจริงเสียด้วย


แต่สือฮ่าวไม่กลัว กายเนื้อไม่เสียหาย หลังเปิดถ้ำสวรรค์หนึ่งเดียวแล้ว เขาก็ยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง สรรพวิชารุกรานไม่ได้!


ขณะเดียวกัน เขาก็เปิดฉากตอบโต้ ถ้ำสวรรค์หนึ่งเดียวหดเล็กลงจนกลายเป็นจุด จากนั้นก็ระเบิดทันใด กระจายไปทั่วทุกสารทิศ


ตูม!


จุดแสงดุจดาราจักรระเบิด พุ่งไปหามหาโสดา


เหมือนดาราจักรพลิก เกิดปรากฏการณ์ต่างๆ นานา ตระการตาน่าตะลึง ทำให้ทุกคนต่างก็หวาดผวา


“อ๊าก!”


มหาโสดาแผดเสียง ซ้ำยังประสานอิน ร่างกายเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง ประหนึ่งนักบวชที่บรรลุเป็นสงฆ์ กำลังนั่งสมาธิอยู่ตรงนั้น


ตูม!


ริ้วคลื่นสีทองระเบิด ลำแสงปานดาบกำลังพุ่งสะเปะสะปะกลางอากาศ ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยลำแสง เจิดจ้ายิ่งนัก


สือฮ่าวบีบเขาจนล่าถอย จากนั้นก็ลงมือเด็ดดอกบัวชักนำวิญญาณสามต้นทันที ว่องไวยิ่งนัก เสียงผลุบดังสามครั้ง ถูกหักแล้วปิดผนึกในขวดหยกในพริบตา


เขาไม่ทำลายราก เก็บมันไว้แบบนั้น เพราะมันหายากเหลือเกิน จะทำลายรากแห่งชีวิตของพวกมันไม่ได้แม้แต่ต้นเดียว


ผู้สูงส่งคนอื่นเจ็บแค้นใจ มีคนลงมือแล้วเช่น่กัน


ซิ่ว ซิ่ว ซิ่ว


ลำแสงสีฟ้าลอยมา พร่างพรายเป็นที่สุด มันเป็นลูกศร แต่ละด้ามยาวร่วมสิบลี้ ใหญ่จนน่าตกใจ พุ่งทะลุก้อนเมฆ ทะลวงมิติ พุ่งไปหาสือฮ่าวอย่างรวดเร็ว


มันเป็นศรวิเศษ ผู้กล้าขั้นธรรมปลอมหยั่งรู้หลักธรรมฟ้าดิน ก่อตัวเป็นศรวิเศษสะท้านโลกา!


หลานเซียนดูสดใส เป็นดั่งนางฟ้านางสวรรค์ แต่ตอนนี้เมื่อลงมือ ก็น่ากลัวและน่าตกใจ ท่วงท่างดงามราวกับกำลังเต้นระบำ อาภรณ์สีฟ้าโบกพลิ้ว พลังโจมตีน่ากลัว


นางเป็นคนปล่อยศรพวกนี้ ไม่ได้ยิงจากคันธนู เพียงแค่สะบัดมือ แสงสีฟ้าก็พุ่งออกมาเต็มนภา สุดท้ายพุ่งไปหาสือฮ่าวทั้งหมด


มีพลังทำลายล้างน่าสะพรึง ผู้กล้าเหนือขั้นเทพสวรรค์ที่เห็นฉากนี้ต่างก็หน้าถอดสี เพราะศรแบบนี้ไม่อาจต้านทานได้ สามารถสังหารบุคคลขั้นธรรมปลอมได้!


“พวกเจ้าลงมือ พันธนาการเขา ชิงบัวชักนำวิญญาณมา!” หลานเซียนส่งกระแสจิตบอกผู้สูงส่งคนอื่น


บัวชักนำวิญญาณหนึ่งต้นเท่ากับหนึ่งชีวิต ไม่มีใครไม่แยแส ต่อให้ต้องล่วงเกินฮวงผู้ยิ่งใหญ่ ก็ไม่ยี่หระแล้ว นางจึงร่วมมือกับคนอื่น


หลายคนลงมือ ลำแสงสาดกระจาย ก่อตัวเป็นม่านแสงน่ากลัว แผ่คลุมฟ้าดิน กำลังพุ่งไปหาสือฮ่าว เพื่อทำการพันธนาการเวลา จองจำเขาไว้!


ทุกคนตะลึงงัน ผู้สูงส่งร่วมมือจะกำราบสือฮ่าวแบบนี้ เรื่องเกิดขึ้นกะทันหันเกินไปแล้ว!


ตอนนี้ทหารเก่าทั้งหลายนิ่งไม่ไหวติง ไม่มีทีท่าว่าจะลงมือ ต่างก็มองดูงเงียบๆ


เปรี๊ยะ!


กระแสไฟท่วมท้นท้องฟ้า สายฟ้าโชติช่วงกะพริบดุจมังกรกระเพื่อม เอ่อท่วมสือฮ่าวเส้นแล้วเส้นเล่า มันเป็นภาพลวงตา เขาไม่ได้สำแดงเคล็ดวิชาจักรพรรดิสายฟ้าแต่อย่างใด


ตอนนี้ มีประตูปรากฏขึ้นในตัวเขาบานแล้วบานเล่า ต่างก็แง้มออก ปล่อยลำแสงสีเขียวออกมา


จากนั้นเขาก็เปิดถ้ำสวรรค์หนึ่งเดียว ซ้ำยังร่ายมนตร์ กระตุ้นการหยั่งรู้ดั้งเดิม ก่อตัวเป็นอักขระน่ากลัว


ถ้ำสวรรค์หนึ่งเดียวเจิดจ้าดุจพระอาทิตย์ แผ่ปกคลุมเขา เขายืนอยู่กลางแสงสว่าง สรรพวิชาไม่อาจรุกราน พันธนาการมิติของเหล่าผู้สูงส่งทำอะไรเขาไม่ได้


เพราะถ้ำสวรรค์หนึ่งเดียวเต็มไปด้วยอักขระดั้งเดิม กระจายอยู่ทุกอณู ปานสวมชุดเกราะไร้เทียมทาน


บวกกับประตูในร่างกายปล่อยแสงสีเขียวออกมาไม่หยุด เสริมพลังให้ไม่ขาดสาย สือฮ่าวใช้สามวิธีต้านทานการโจมตีของพวกเขา


“มีอะไรอีก สำแดงออกมาให้หมด!” สือฮ่าวพูดเสียงแข็ง


ศรสีฟ้ายาวสิบลี้พวกนั้นน่ากลัวเป็นที่สุด พุ่งทะลุมิติไปอยู่ตรงหน้าสือฮ่าวทั้งหมด แต่กลับถูกขวางด้วยถ้ำสวรรค์


ยิ่งไปกว่านั้น ศรขนาดใหญ่พวกนี้กำลังหักเป็นท่อนๆ นอกถ้ำสวรรค์ จากนั้นก็ระเบิดเป็นจุณ ช่างเป็นภาพที่น่ากลัว!


ถ้ำสวรรค์หนึ่งเดียว อักขระการหยั่งรู้ดั้งเดิม แสงสีขาวที่ไหลออกมาจากประตูในตัว สามสิ่งผนึกกำลัง ขจัดการโจมตีเหล่านี้ ไม่มีสิ่งใดเข้าใกล้ได้!


ผู้คนตะลึงงัน อ้าปากค้าง


แม้แต่เหล่าผู้สูงส่งก็พรั่นพรึง รู้สึกสิ้นไร้ไม้ตอก คนคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน!


“ฟิ้ว!”


สือฮ่าวหายตัวไปในพริบตา จากนั้นลำแสงก็ระเบิด เพราะตอนนี้เขาโผล่มาอยู่ข้างๆ เหล่าผู้สูงส่งแล้วลงมืออย่างดุเดือด


ผู้คนชะงัก บ้าระห่ำปานใดกัน กล้าบุกเดี่ยวเข้าไปในกลุ่มผู้สูงส่ง ประมือกับพวกเขาเพียงลำพัง!


ทุกคนรู้ดีว่า นับจากวันนี้ไป ชื่อของฮวงต้องสะเทือนเก้าสวรรค์สิบพิภพเป็นแน่ หากเขาเติบโตขึ้นมาอย่างราบรื่น ต้องเป็นหนึ่งในผู้กล้าที่แข็งแกร่งที่สุดแน่นอน


ตึง!


หลังประมือกันหลายสิบครั้ง พวกเขาก็แยกย้าย สือฮ่าวจากไปอย่างองอาจ มุ่งหน้าสู่ถ้ำของมดเขาสวรรค์ พวกเขาไม่ขัดขวาง เพราะรู้ดีว่าไม่มีความหมาย ไม่มีทางชิงบัวชักนำวิญญาณกลับมาแล้ว


“คนชั่ว ทำลายบ่ออาบน้ำของข้า เอาหมัดไปกิน!”


มีจุดสีทองโผล่มากลางอากาศกะทันหัน จากนั้นก็ตวัดกำปั้น พุ่งไปหาสือฮ่าว


“ปัง!”


เสียงหมัดดังก้อง หนึ่งร่างถูกซัดจนลอยไปยังเส้นขอบฟ้า


“อ๊าก…” เสียงร้องไกลออกไปทุกที มันเป็นลำแสงสีทอง มดสีทองถูกสือฮ่าวตอบโต้ด้วยหมัด ถูกซัดจนลอยออกไป


“ฮ่าฮ่า…” เฉาอวี่เซิงหัวเราะไม่หยุด รู้สึกเหมือนได้ระบายอารมณ์แล้ว ตะโกนบอกว่า “เจ้าเม็ดถั่ว เป็นอย่างไรบ้าง ถูกคนซัดจนลอยไปไกลสุดขอบฟ้า เรียกสติสักหน่อยเถอะ”


บนภูเขาทั้งเก้าลูกเต็มไปด้วยปากถ้ำปานรังผึ้ง ต่างก็ปล่อยพลังเซียนออกมาจนขมุกขมัว หมอกสีขาวกระเพื่อม แลดูเป็นมงคล


สือฮ่าวมาถึงที่นี่ โดยมีทหารเก่าหลายคนนำทาง


ส่วนคนอื่นก็ตามมาถึงที่นี่เช่นกัน ทำได้แค่มองตาละห้อย เดินหน้าไม่ได้อีกแล้ว เพราะข้างหน้าก็คือถ้ำของใต้เท้ามดเขาสวรรค์แล้ว


“พวกเจ้าแบ่งให้เท่าๆ กัน เสริมสร้างพลังจิตกันหน่อย!” สือฮ่าวหันหลัง ยื่นตลับหยกสองอันให้ฉางกงเหยี่ยนกับพวกเฉาอวี่เซิง


ข้างในบัวชักนำวิญญาณสองต้น เป็นยาขั้นเทพหายาก!


เขาเก็บไว้หนึ่งต้น เพื่อใช้ป้องกันอุบัติเหตุ


ตอนนี้หากกินยาชนิดนี้ เพื่อหล่อเลี้ยงดวงจิต มันไม่มีความหมายมากนัก เพราะเคยทำมาแล้ว มีภูมิต้านทานเสียแล้ว


สือฮ่าวหันหลัง มุ่งหน้าเดินไปยังถ้ำแห่งนี้ มันเป็นที่อยู่ของใต้เท้ามดเขาสวรรค์ เป็นอุโมงค์ที่สำคัญอย่างยิ่ง


“อ๊าก คนชั่ว หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” มดสีทองพุ่งกลับมาจากฟากฟ้า โวยวายว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร ดูถูกข้าที่ยังไม่เจริญวัยหรือ? หากมีปัญญาก็มารบกันอีกครั้งในหลายปีข้างหน้า อีกอย่าง อย่าเข้าไปในบ้านข้า!”


สือฮ่าวยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่พอใจก็คอยติดตามข้า ประลองกันได้ทุกเมื่อ มีปัญญาก็เข้ามา!”


“ไอ้เวร เจ้า…หยุดเดี๋ยวนี้นะ ได้ ข้าจะท้าทายเจ้าอีก!” มดสีทองหายใจฟึดฟัดแล้วพุ่งออกไป


ผู้คนถอนหายใจ ทั้งอิจฉาและรู้สึกจนปัญญา


ผู้คิดว่า แม้มดเขาสวรรค์สีทองตัวนี้จะมีชื่อ แต่ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับสือฮ่าว ก็เป็นเหมือนกระต่ายน้อยตัวหนึ่งชัดๆ จะตกอยู่ในกำมือเขาแล้ว!


ภายในภูเขา เป็นเหมือนเขาวงกตขนาดใหญ่ อุโมงค์มากเหลือคณานับเชื่อมต่อกัน หลงทางได้ง่ายดายยิ่งนัก


สือฮ่าวเดินเตร่อยู่กับมดตัวน้อย ใช้เวลากว่าหนึ่งวันหนึ่งคืน กว่าจะเดินทั่วทุกซอกทุกมุม แต่กลับไม่เจอคัมภีร์อมตะ


แต่ข้างในมีวัตถุล้ำค่าอยู่บ้าง แต่ขนย้ายได้ยาก เพราะหนักดุจจักรวาล


“เจ้าเป็นทายาทมดเขาสวรรค์ ไม่สงสัยเลยหรือว่า คัมภีร์อมตะที่เก็บไว้ให้เจ้ามีอยู่หรือไม่? ซ่อนอยู่ที่ใดกันแน่” สือฮ่าวถาม


“หากข้ารู้ คงฝึกจนบรรลุไปนานแล้ว!” มดน้อยไม่สบอารมณ์


ไม่นานมันก็เบิกตากว้างด้วยความกลัว บ่นพึมพำว่า “มีอยู่ที่หนึ่ง เจ้ากล้าเข้าไปกับข้าไหม?”


มีเส้นทางโบราณอยู่ในถ้ำลึก ทอดยาวไปหาผนังถ้ำ หลังมดน้อยสีทองมาถึงที่นี่ ก็ใช้เขาน้อยๆ บนหัวมัน เขาสีทองที่ยังเติบโตไม่เต็มที่สัมผัสแผ่วเบา ผนังถ้ำก็เกิดการตอบสนอง สุดท้ายก็แยกออกเป็นประตูบานหนึ่ง


“นี่มันที่ไหนกัน?” เมื่อสือฮ่าวก้าวเท้าเข้าไปก็หวาดผวา ขนลุกขนชัน


เพราะบนพื้นมีคราบเลือด และยังมีเกล็ดและขนมากมาย เมื่อยืนอยู่ตรงนี้ ตัวเขาแทบจะปริแตก ร่างจะแหลกสลายอย่างควบคุมไม่ได้!


ครู่หนึ่งเขาก็เข้าใจ นี่เป็นเลือดและขนของผู้สูงส่ง!


ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเห็นขาข้างหนึ่งของมด มันเป็นสีทองเคล้าด้วยลวดลายซับซ้อน เสมือนทำลายล้างฟ้าดินได้


ไม่นานเขาก็รู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม เพราะเห็นปีก เขาประหลาดและเลือดหลากสีสันเพิ่มมากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อของเขาคลายตัว จะระเบิดที่นี่แล้ว!


สุดท้าย เขาก็เห็นหัวมด เป็นสีทองโชติช่วง ประหนึ่งดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ตั้งอยู่บนพื้น!


“ใต้เท้ามดเขาสวรรค์?!” สือฮ่าวร้องเสียงหลง อดอุทานออกมาไม่ได้


นี่มันอะไรกัน เป็นสถานที่ซึ่งใต้เท้ามดเขาสวรรค์ต่อสู้กับศัตรูจนสิ้นชีพวายชนม์หรือ?

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)