Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ 1270-1273
ตอนที่ 1270
เทพตะวัน
โดย
Ink Stone_Fantasy
แค่นิ้วเดียวเท่านั้น เด็กรับใช้ก็กระเด็นออกไป ตกลงพื้นราวกับใบไม้แห้งร่วงโรย เลือดทะลักออกจากปาก นองเต็มพื้น
จะเห็นได้ว่า ท่อนบนของเขาบิดเบี้ยวจนไม่เป็นชิ้นดี เสมือนถูกอุกกาบาตกระแทก ร่างกายยุบลงไปแล้ว
นี่เป็นการโจมตีที่รุนแรง!
เมื่อครู่นิ้วของสือฮ่าวขยายใหญ่ขึ้น ประหนึ่งเซียนโบราณที่ถูกเรียกว่าสงฆ์ในยุคก่อน ฝ่ามือกลายเป็นฟ้าดิน ควบคุมทุกสิ่ง
นิ้วเป็นดั่งเสาค้ำฟ้า ล้มลงไปทับเด็กรับใช้ผู้ยิ่งใหญ่จนบาดเจ็บสาหัส เมื่อล้มลงไปก็ลุกขึ้นไม่ได้อีก พิการเสียแล้ว
กายเนื้อของเด็กรับใช้กระตุก แขนขาหดเกร็ง สั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ประสบกับการโจมตีที่น่ากลัว เสียความสมรรถภาพในการเคลื่อนไหวไปแล้ว
เป็นดั่งที่เฉาอวี่เซิง กระต่ายน้อยและพวกปีศาจสาวตะโกน จัดการเขาได้ภายในนิ้วเดียว อย่างที่คาดการณ์ไว้ ผลลัพธ์เป็นแบบนี้จริง
ที่นี่เงียบสงัด ผู้คนราวกับต้องมนตร์ เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว ต่างก็พูดไม่ออก
นี่หรือฮวง ตอนนี้เขาแข็งแกร่งปานใดกันแน่? ทำให้เด็กรับใช้พิการด้วยนิ้วมือ ทำให้เขาเสียพลังการต่อสู้ไป สะเทือนขวัญยิ่งนัก
ต้องรู้ว่า เด็กรับใช้นามว่าจื่อถงไม่ใช่คนธรรมดา ติดตามอยู่ข้างเทพตะวันม่วง อนุญาตให้เขาจัดระเบียบและอ่านคัมภีร์ที่เทพหนุ่มใช้ในการบำเพ็ญเพียร ได้รับประโยชน์เหนือจินตนาการ
เรียกได้ว่า ในสำนักเซียนและสำนักปราชญ์ตอนนี้ เด็กรับใช้ก็นับว่าเป็นบุคคลเหนือชั้น ถือเป็นผู้กล้าที่โดดเด่นคนหนึ่ง
แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขากลับถูกกำราบด้วยนิ้วมือ คล้ายว่าจะพิการ มันน่ากลัวขนาดไหนกัน? ทำให้ทุกคนตัวสั่นงันงก
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนนี้คือฮวง ผู้คนก็รู้สึกว่าเหตุการณ์ร้ายแรงแล้ว ราชันหนุ่มในอดีต มีลักษณะไร้พ่าย ทุกคนต่างก็คิดว่าเขาตกอับแล้ว ปรากฏว่าเขากลับมาแบบนี้แล้ว!
บรรยากาศที่นี่หนักอึ้งไม่น้อยเลย หลายคนไม่เชื่อว่าเขาไม่มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ ต้องมีโชคชั้นใหญ่อันน่าตะลึงแน่นอน!
ขณะเดียวกัน หลายคนก็มองดวงตะวันสีม่วงบนฟ้า มองเทพหนุ่มคนนั้น ต่างก็อยากรู้ว่าเขาจะมีท่าทีอย่างไร
ที่นี่เงียบงัน ตึงเครียดเล็กน้อย เพราะอาจมีศึกผู้สูงส่งปะทุขึ้นทันทีก็เป็นได้!
จนถึงบัดนี้ แม้ผู้คนจะไม่เข้าใจ แต่ไม่มีทางสงสัยแล้ว สือฮ่าวยังแข็งแกร่งมาก เป็นราชันที่น่ากลัว เพียงแค่ไม่รู้ว่าอยู่ในอันดับผู้สูงส่งหรือไม่
“ฝีมือดี ใช้การหยั่งรู้ดั้งเดิมยับยั้ง เปลี่ยนความเสื่อมโทรมเป็นวิเศษ มีเพียงคนที่คุ้นเคยกับคัมภีร์นี้ เข้าใจอย่างถ่องแท้เท่านั้นที่มีพลังแบบนี้” หลานเซียนพูด
ผู้คนพูดไม่ออก ทราบความจากคำพูดของนางว่าสือฮ่าวใช้วิชาอะไร ไม่คิดว่าจะเป็นคัมภีร์เก่าแก่อย่างการหยั่งรู้ดั้งเดิม
บทแรกของวิชานี้คือชักนำจิต ในสำนักใหญ่ที่เก่าแก่จำนวนน้อยนิดมีเก็บสะสม ทายาทของเผ่าพันธุ์หนึ่งจะมีโอกาสได้ศึกษา จึงไม่นับว่าเป็นความลับอะไร
แต่ว่า ภาพหมื่นเทพเจ้าในบทชักนำจิต ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะพบเจอได้
สือฮ่าวได้มันมาจากแท่นบูชาลึกลับที่รายล้อมไปด้วยกระดูก ในหลุมฝังศพของสุสานตะวันตก ตรงนั้นมีกระดูกมือสีทองกับกะโหลก และภาพหมื่นเทพเจ้ากระดูกขาวสะอาดวางอยู่
สือฮ่าวไม่ได้ศึกษาแค่อักขระชักนำจิตเท่านั้น แต่ยังศึกษาภาพนี้อีกด้วย
และในวัยนี้ คนที่คลุกคลีกับบทแรกของการหยั่งรู้ดั้งเดิม ศึกษาจนถ่องแท้ได้ยากยิ่งนัก มีแค่ผู้เฒ่าบางคนเท่านั้นถึงไปได้ไกล
หลายครั้งที่สือฮ่าวบรรลุธรรมล้วนกระตุ้นการหยั่งรู้ดั้งเดิม ฝังลึกลงในกระดูกแล้ว เข้าใจได้ลึกซึ้งกว่าคนอื่นอย่างที่ใครก็คาดไม่ถึง
ตอนนี้เขาไม่แสดงท่าทีใด ไม่พูดอะไร
ดวงตะวันสีม่วงบนฟ้าเคลื่อนไหวแล้ว แม้เสียงของเทพหนุ่มยังคงสุภาพ แต่กลับยิ่งรู้สึกเข้าไม่ถึง เสมือนยืนอยู่นอกโลก ให้ความรู้สึกเย็นเยือก ไร้ความรู้สึก
“การหยั่งรู้ดั้งเดิมหรือ ว่ากันว่า ต่อให้ไม่มีเคล็ดวิชา เพียงแค่ศึกษาวิชานี้จนถึงขั้นสุดยอด ก็หลอมรวมกับสรรพวิชาได้ ใช้อักขระที่ดั้งเดิมและเรียบง่ายที่สุดกำราบศัตรู ท่าทางจะมีเหตุผลเหมือนกัน” เทพตะวันม่วงพูดแบบนี้
ทุกคนตกใจ นี่เป็นการยอมรับสือฮ่าว ยกย่องความยากลึกหยั่งถึงของวิชานี้หรือ?
หลายคนเคยได้ยินว่า การเริ่มต้นศึกษามันไม่ถือว่าลำบากที่สุด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดอยู่ข้างหลัง หากต้องการศึกษาให้ถ่องแท้ แม้แต่เหล่าผู้เฒ่าก็อับจนหนทาง แค่บทแรกก็เป็นอุปสรรคสำหรับคนมากมายแล้ว
ส่วนบทหลุดพ้นนั้น อย่าว่าแต่ศึกษาเลย อยากหาก็หาไม่เจอ ไม่รู้อยู่ที่ใด ตั้งแต่อดีตยันวันนี้น้อยคนที่จะเคยเห็นมัน
ร่ำลือกันว่า บทหลุดพ้นอยู่ในตำหนักสูงสุด แต่มันล่มสลาย ไม่คงอยู่ตั้งนานแล้ว
“สหายสือ ข้าอยากถามเจ้าหน่อยว่า ไม่มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์จริงหรือ?” เทพตะวันม่วงถามน้ำเสียงจริงจัง
คนอื่นอยากรู้มากกว่าว่า สือฮ่าวมีเมล็ดพันธุ์อะไรกันแน่ ต่างก็ตั้งใจเงี่ยหูฟัง อยากรู้ความจริงให้กระจ่าง
“แม้สำนักเซียนจะเหลือเมล็ดพันธุ์อยู่เม็ดสองเม็ด แต่ได้ยินว่าให้คนอื่นแล้ว ข้าไม่มีโอกาสได้มัน” สือฮ่าวตอบ พูดความจริงว่าไม่เคยได้เมล็ดพันธุ์
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ หลายคนก็ชะงัก ไม่มีเมล็ดพันธุ์หายาก แต่เขาก็ยังประสบผลสำเร็จแบบนี้ หากก่อนหน้านี้เขาได้เมล็ดพันธุ์ จะแข็งแกร่งปานใดกัน?
หลายคนต่างก็ตกใจ พากันอุทานไม่หยุด แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียดายแทนเขา หากเขาไม่มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ ต่อให้ตอนนี้สือฮ่าวแข็งแกร่งปานใด โดดเด่นแค่ไหน ก็ไม่มีทางเทียบกับผู้สูงส่งเหล่านั้นแน่นอน หลังหลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ที่ได้รับ เป็นดั่งบุตรแห่งสวรรค์ ยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการ คนอื่นไม่มีทางสู้ได้แม้แต่นิด!
“เจ้าได้สารีริกธาตุของเซียนโบราณหรือไม่?” ในตอนนี้เอง จู่ๆ มหาโสดาก็โพล่งออกมา เขาไม่ได้เผยร่าง มีบาตรสีแดงลอยอยู่กลางอากาศ เสียงดังมาจากตรงนั้น
ทุกคนตะลึงงัน เข้าใจความหมายของเขาแล้ว เพราะมหาโสดาผงาดได้เพราะเหตุนี้ ได้รับสารีริกธาตุของสงฆ์โบราณมา ถูกมองว่าเป็นผู้สืบทอดเซียนโบราณ
ทุกคนกระจ่างใจ หรือจะเป็นแบบนี้?
“เปล่า” สือฮ่าวตอบ คำตอบทำลายข้อสันนิษฐานของผู้คน
ตอนนี้ ทุกคนต่างก็เชื่อว่า เขาไม่มีวาสนากับเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์จริงๆ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ผู้กล้าคิดว่า ต่อให้สือฮ่าวโดดเด่นมากเท่าใด ก็ต้านทานเทพตะวันม่วงไม่ได้
“ช่างน่าเสียดายจริงๆ คนมีพรสวรรค์แบบสหายสือ กลับไม่มีเมล็ดพันธุ์ของตัวเอง น่าเสียดาย พลาดความรุ่งโรจน์ของชีวิตไปเสียแล้ว”
เทพตะวันม่วงส่ายหน้า มีเสียงเสียดายแว่วมาจากพระอาทิตย์สีม่วง
ศิษย์สำนักเทพสวรรค์สิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกันก็โกรธแค้น คิดว่าสำนักเซียนไม่ยุติธรรม ทอดทิ้งสือฮ่าวได้อย่างไร มอบเมล็ดพันธุ์สองเม็ดนั้นให้คนอื่น
“เป็นเพราะผู้เฒ่าสำนักเซียนเห็นแก่ตัว ไม่คำนึงถึงอัจฉริยะ มอบพันธุ์เซียนให้ทายาทตระกูลอมตะที่มีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับพวกเขา มองข้ามฮวง น่าชังจริงๆ!”
คนของสำนักเทพสวรรค์ไม่พอใจ พูดออกมาอย่างเคียดแค้น
ส่วนเมล็ดพันธุ์สองเม็ดสุดท้ายมอบให้ใครนั้น จนตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ เป็นปริศนาเสมอมา
“สำนักเซียนเที่ยงธรรม โปรดระวังคำพูดด้วย” น้ำเสียงของเทพตะวันม่วงไม่อ่อนโยนอีกต่อไป กลายเป็นจริงจังและเยือกเย็น
ผู้คนตกใจ ต้องรู้ว่า เทพหนุ่มคนนี้มาจากสำนักเซียน เมล็ดพันธุ์หมอกปฐมกาลได้มาจากการเปิดผนึกถ้ำของสำนักเซียน จะเพ่งเล็งสำนักนี้ต่อหน้าเขาได้อย่างไร?
“ช่างน่าเสียดายจริงๆ เดิมทีข้าอยากสู้กับเจ้าสักตั้ง ให้สมดังใจหวัง ดูจากตอนนี้แล้ว เจ้าทำให้ข้าผิดหวังเสียแล้ว” เทพตะวันม่วงทอดมองลงมา
นักพรตหนุ่มบางส่วนถอนหายใจ ฮวงยิ่งใหญ่มากพอแล้ว แม้เมื่อครู่จะลงมือแบบขอไปที แต่ก็ทำให้หลายคนตะลึงงันแล้ว
แต่ในสายตาของเทพตะวันม่วง การไม่มีเมล็ดพันธุ์สูงส่ง เท่ากับไม่มีสิทธิ์จะสู้กับเขา ไม่คู่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา!
แม้น้ำเสียงของเขาจะนุ่มนวล แต่ท่าทางอวดดีและแข็งกร้าวแบบนี้ ทำให้นัยน์ตาของนักพรตหญิงหลายคนเปล่งประกาย รู้สึกว่าเขามีความจองหองแต่กำเนิด ผู้กล้าควรเป็นแบบนี้
ยิ่งไปกว่า ตรงข้ามเขาคือฮวง ตำนานไร้พ่ายในวันวาน วีรกรรมรุ่งโรจน์ แต่เขาแสดงทีท่าเด็ดเดี่ยว อหังการแบบนี้ ทำให้หญิงสาวบางส่วนหวั่นไหวยิ่งกว่าเดิม
“เทพตะวันม่วงเหนือชั้นจริงๆ เป็นผู้สูงส่งแห่งยุค!” มีคนอุทาน
โดยเฉพาะคนที่เป็นปรปักษ์กับสือฮ่าว ตอนนี้ต่างก็ฮึกเหิม อยากให้เทพตะวันม่วงแข็งกร้าว หากลงมือได้จะยิ่งดี กำราบคนที่ทำให้พวกเขากระวนกระวายคนนั้นเสีย
“หากนายท่านลงมือ ย่อมกำราบศัตรูทั้งฮวงได้ เขาสู้ไม่ได้แน่!” แม้แต่เด็กรับใช้คนนั้นก็ทนเจ็บ พูดด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด
ส่วนแรดนอทองที่อยู่ข้างหลังเขาวิตกกังวลยิ่งนัก ไม่กล้าพูดจาส่งเดช หลบอยู่ตรงนั้น
“เทพตะวันแข็งแกร่ง เย้ยปฐพี!” อู๋ไท่และคนของสำนักเซียนกู่ร้องอยู่ตรงนั้น มองข้ามสือฮ่าว
“อวดดีจริงๆ เทพตะวันบ้าบออะไรกัน ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน!” กระต่ายน้อยเดือดดาล โมโหกับคำพูดของพวกเขา
เฉาอวี่เซิงและพวกเฟิ่งหวู่ก็อยากโต้แย้งเช่นกัน แต่กลับรู้สึกว่า เทพหนุ่มคนนี้เป็นดั่งดวงตะวัน มีความสามารถเย้ยโลกาจริง หากเหน็บแนมตอนนี้ เกิดเขาเปิดศึกกับสือฮ่าวขึ้นมา จะทำอย่างไรดี? กลัวสือฮ่าวจะแพ้ ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ตอนนั้น ครั้งที่สือฮ่าวเป็นใหญ่ ไยไม่เห็นพวกกเฬวรากโผล่หัวมา ตอนนี้ต่างก็คิดว่าตัวเองไร้พ่าย ยกตนเป็นผู้สูงส่ง อวดเก่งสิ้นดี ไร้ยางอายจริงๆ!” กระต่ายดวงจันทร์ขบกราม ด่าทอต่อไป
ชิ้ง!
เทพตะวันม่วงดีดนิ้ว ยาเม็ดหนึ่งลอยออกมา ตกลงไปในปากของเด็กรับใช้ กลายเป็นกระแสอุ่น แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย สมานแผลของเขา
นี่เป็นยาขั้นเทพ ปรุงจากสมุนไพรที่ล้ำค่าที่สุดหลายชนิด ยาหลักเป็นยาวิเศษชุบชีวิตคนได้ ได้ผลทันตา เนื้อตัวของเด็กรับใช้เปล่งแสง ความร้อนกระจายไปทั่ว ทำให้กระดูกเชื่อมต่อกัน ลุกขึ้นมาได้ทันที
“นายท่าน ลงมือเถอะ ฮวงจองหองเกินไป ข่มเหงข้าแบบนี้ ถือเป็นการไม่เคารพท่านเช่นกัน!” เด็กรับใช้ร้องขอ บดกรามยามมองสือฮ่าว อยากให้เทพตะวันม่วงกำราบคนคนนี้!
“หุบปาก ถอยไป!” เทพตะวันม่วงตวาด
“เจ้าอยากรบกับข้าไม่ใช่หรือ?” สือฮ่าวถาม
“หากเป็นขั้นนี้ ไม่มีความจำเป็นแล้ว” เทพตะวันม่วงพูดเสียงเรียบ เยือกเย็นไม่น้อย มีท่าทีห่างเหิน เย่อหยิ่งยิ่งนัก
เพราะเป็นอย่างที่เขาพูด สำหรับคนที่ไม่มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ เขาไม่มองเป็นคู่แข่ง ไม่อยากประมือด้วย
สือฮ่าวยกยิ้ม พลางพูดว่า “ไม่ลองจะรู้ได้อย่างไร?”
“ได้!” จู่ๆ เทพตะวันม่วงก็พูดแบบนี้ ทำให้ทุกคนแปลกใจไม่น้อย เขาไม่อยากสู้ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้ตอบรับ
“ข้ารู้ว่า เจ้าแข็งแกร่งที่สุดในขั้นเทพสวรรค์ ก็ดี ข้าจะสู้กับเจ้าด้วยพลังเทพสวรรค์!” เทพตะวันม่วงพูด
ทุกคนตะลึงงัน เขาไม่ใช่คนธรรมดา มีความมั่นใจผิดมนุษย์ จะเปิดศึกกับสือฮ่าวแล้ว!
ต้องรู้ว่า ฮวงรุ่งโรจน์ในขั้นเทพสวรรค์ ไร้เทียมทาน ไม่เคยแพ้มาก่อน สะเทือนอัจฉริยะทุกเผ่าพันธุ์!
ตอนนี้ เทพตะวันม่วงจะเปิดศึกกับเขาด้วยขั้นเทพสวรรค์ ผยองและอหังการปานใดกัน จะใช้มันมาตัดสินแพ้ชนะ
นักพรตหญิงทั้งหลายตื่นเต้นขึ้นมาทันที มีบางส่วนกรีดร้อง คิดว่าเทพตะวันม่วงเด็ดเดี่ยวและแข็งแกร่ง เป็นดั่งราชันแห่งยุค กล้าเผชิญหน้ากับด้านที่แข็งแกร่งที่สุดของศัตรู
“เทพตะวันต้องชนะแน่ ไม่มีทางแพ้พ่าย!” หญิงสาวที่ชมชอบเขาตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ตอนที่ 1271
ฮวงคนเดิม
โดย
Ink Stone_Fantasy
ดวงอาทิตย์สีม่วงลอยกลางนภา สาดแสงเจิดจ้า หมอกนับพันนับหมื่นเส้นปกคลุมอากาศ
“เทพตะวันไร้พ่าย ทำลายตำนานทั้งหมด!” หลายคนตะโกนลั่น พร้อมกับมองพระอาทิตย์สีม่วงบนฟ้า
ในบรรดาคนเหล่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นหญิงสาว รวมถึงไข่มุกของตระกูลใหญ่บางส่วน ต่างก็ตะโกนเรียกเทพจื่อรื่อเสียงดัง ตื่นเต้นยิ่งนัก
ขณะเดียวกัน ก็มีชายบางส่วนเช่นอู๋ไท่ที่แสยะยิ้ม มองสือฮ่าวกลางที่เกิดเหตุ เขาเปี่ยมด้วยความคาดหวัง ปรารถนาอยากเห็นภาพที่ฮวงแพ้พ่าย
เขาแพ้ในสุสานแดน ถูกสือฮ่าวชิงเกราะฟ้าครามไป เคียดแค้นยันทุกวันนี้ คิดอยากแก้แค้นอยู่ตลอดเวลา
เด็กรับใช้ก็ตะโกนลั่นว่า “นายท่าน ต้องกำราบเขา จะฮวงหรือตำนานไร้พ่ายอะไรนั่น ไม่เท่าใดหรอก แค่นายท่านลงมือ เขาต้องตายเป็นแน่!”
แรดนอทองเบิกตากว้าง นัยน์ตาสีทองเปล่งประกาย เขาลุ้นระทึกมาก หากเทพจื่อรื่อกำราบสือฮ่าว เช่นนั้นเขาจะปลอดภัย เขาจึงกู่ร้องเช่นกัน
ตอนนี้เกิดเสียงดังอึกทึก ที่นี่ครึกครื้นอย่างยิ่ง มือดีมากมายต่างเฮโลมา
พระอาทิตย์สีม่วงเคลื่อนไหวช้าๆ เมื่ออยู่ห่างจากสือฮ่าวไม่ไกลมากนักก็หยุดลง ร่างเลือนรางแผ่อานุภาพเย้ยปฐพีออกมา!
เมล็ดพันธุ์หมอกปฐมกาล ได้ชื่อว่าไร้พ่ายในเซียนโบราณ!
คนแต่ละยุคที่ประสานเป็นหนึ่งกับเมล็ดพันธุ์นี้ ต่างก็เป็นหนึ่งในคนที่มีพลังต่อสู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของเก้าสวรรค์สิบพิภพ เรียกได้ว่าโดดเด่น มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับมันมากมายเหลือเกิน!
ตอนนี้ ผู้คนจับจ้อง ทุกคนมองดวงอาทิตย์บนฟ้าไม่วางตา ต่างก็เงยหน้ามองด้วยความเคารพและยำเกรง
เทพจื่อรื่อกลายเป็นจุดเด่น เมื่อยืนกลางอากาศ ร่างเลือนรางเป็นดุจเซียนเย้ยโลกา ไร้เทียมทาน อยู่เหนือวีรชน พระอาทิตย์สีม่วงกระจายเปลวไฟน่ากลัว โชติช่วงยิ่งขึ้น
บางคนตัวสั่นระริก ทนไม่ไหวจะล้มตัวลงกราบคำนับ
เพราะแสงสีม่วงจากดวงอาทิตย์กลายเป็นริ้วคลื่น กระจายออกมา ทำให้ผู้กล้าทั้งหลายตัวสั่น สั่นไปถึงวิญญาณ
อีกฟากหนึ่ง สือฮ่าวนิ่งสงบ ชุดพลิ้วไหวตามลม มันบางและเย็นสบาย ดูมีลักษณะอยู่เหนือโลกีย์ ขาดความอหังการไปสักหน่อย
ตอนนี้ สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ดวงตะวันสีม่วง มองเทพหนุ่มคนนั้น นอกจากพวกเฉาอวี่เซิง ฉางกงเหยี่ยนกับกระต่ายน้อยแล้ว น้อยคนที่มองสือฮ่าว
เพราะผู้กล้าทั้งหลายมีข้อสรุปในใจแล้ว วันนี้ฮวงต้องแพ้เป็นแน่ ต่อให้เขาเคยรุ่งโรจน์ แต่ไม่นานก็จะกลายเป็นหินใต้เท้าของเทพจื่อรื่อ
บางคนถอนหายใจ เสียดายแทนเขา บางทีฮวงอาจสิ้นชื่อแล้วก็เป็นได้
และมีบางคนที่แสยะยิ้ม รอเวลาที่เขาแพ้พ่ายมาเยือน เช่นพวกอู๋ไท่ เด็กรับใช้และแรดนอทอง
“เข้ามาเถอะ สงครามขั้นเทพสวรรค์ ขอข้าดูหน่อยว่าเจ้าเคยแข็งแกร่งปานใดกันแน่ พูดเกินจริงหรือไม่!” เสียงของเทพจื่อรื่อเย็นเยือก นิ่งเฉย ให้ความรู้สึกกดดันจนแทบหยุดหายใจ
“สือฮ่าว!” พวกกระต่ายดวงจันทร์ เฉาอวี่เซิงและเฟิ่งหวู่ที่อยู่ข้างหลังต่างก็ทำหน้ากังวล ต่อให้เป็นศึกขั้นเทพสวรรค์ แต่ก็คาดเดาผลลัพธ์ได้ยาก
เพราะหลังอีกฝ่ายหลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ ร่างกายยกระดับทุกด้าน ยับยั้งจนถึงขั้นเทพสวรรค์ เงื่อนไขร่างกายยังคงอยู่
“ไม่ต้องห่วง” สือฮ่าวยิ้มให้พวกเขา เขาย่างสามขุมเข้าไปหาพระอาทิตย์สีม่วงดวงนั้น
ในที่สุดก็จะเริ่มขึ้นแล้ว ทุกคนลุ้นระทึก มีสายตาเริ่มหันมองสือฮ่าวแล้ว
“เขากล้ารับคำท้าจริงๆ หรือ?” หลายคนของสำนักเซียนพูดขึ้น ฟังดูไม่รื่นหูเอาเสียเลย
“หึหึ เพราะเขาเป็นฮวง อดีตผู้สูงส่ง จะถอยได้อย่างไรเล่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด” อู๋ไท่พูดด้วยความสะใจ ในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง อยากเห็นภาพที่สือฮ่าวแพ้เหลือเกิน
ไม่มีใครหวังในตัวสือฮ่าว ไม่ว่าจะเป็นคนสำนักเซียนที่เป็นปรปักษ์กับเขา หรือพวกคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขา ต่างก็คิดว่าเทพจื่อรื่อหลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์แล้ว ไม่ว่าขั้นไหนก็ไร้เทียมทาน!
“ช่างน่าเศร้า เคยรุ่งโรจน์เหมือนกัน แต่กลับต้องปิดฉากด้วยความเศร้าแบบนี้!” แม้แต่แรดนอทองที่ขี้ขลาดก็พูดขึ้น ตื่นเต้นยิ่งนัก
“แต่ไม่ต้องห่วง นายท่านลงมือ ไม่มีใครขวางได้ นับจากนี้ไป ฮวงต้องเริ่มตกต่ำเป็นแน่!” เด็กรับใช้ยิ้มเยาะ
ตูม!
ในตอนนี้เอง เกิดเสียงดังสนั่น ทำให้ทุกคนปิดปากฉับ เพราะมีพลังเคลื่อนไหว ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน กระวนกระวาย
ดวงตะวันสีม่วงเคลื่อนช้าๆ ราวกับอยู่ไกลนับล้านปี ประหนึ่งค่อยๆ เคลื่อนตัวมาจากจุดลึกของจักรวาล มาเยือนโลกมนุษย์
มันเกิดจากหมอกปฐมกาล มันเก่าแก่ยิ่งนักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คาดเดากาลเวลาไม่ได้!
ตอนนี้มันห่อหุ้มเทพจื่อรื่อ พร้อมกับพลังยากลึกหยั่งถึง ลอยลงมาจะทับสือฮ่าว
หมอกกระเพื่อม สาดแสงสีม่วง ประหนึ่งทะเลคำราม เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวเป็นล้นพ้น
พลังขั้นเทพสวรรค์หรือ?
ผู้คนใจสั่น น่ากลัวกว่าเจ้าสำนักบางคนเสียอีก จะต้านทานอย่างไร เสมือนผู้อมตะกำลังแผดร้อง!
ตึง!
ในตอนนี้เอง สือฮ่าวเคลื่อนไหวแล้ว ยื่นมือออกไปตบมิติช้าๆ หมอกที่แผ่ปกคลุมลงมากระเพื่อมตามแรงของเขา เกิดเสียงลมกรรโชก
หมอกที่ม้วนตัวมาหาเขาต่างก็กระจายตัว เข้าใกล้เขาไม่ได้!
สายตาของทุกคนจับจ้อง ในขั้นเทพสวรรค์ ฮวงมีลักษณะเหนือผู้อื่นจริง แม้แต่เทพจื่อรื่อในดวงตะวันก็ทำอะไรเขาไม่ได้หรือ?
“หากไม่มีอะไรผิดพลาด เดิมทีเจ้ากับข้าไม่มีทางเจอกัน ไม่มีโอกาสได้ประลองกัน แต่ข้าอยากรู้มาตลอดว่า เจ้าในยุคที่รุ่งโรจน์ที่สุด เป็นอย่างไรกันแน่!” เทพจื่อรื่อพูด
ความหมายของเขาชัดเจนมาก หากไม่มีอะไรผิดพลาด ในหมู่มือดีขั้นเจ้าสำนัก เขาไม่อยากประมือกับสือฮ่าว เพราะอีกฝ่ายไม่มีสิทธิ์จะเป็นคู่แข่งของเขา
ตอนนี้ เขายับยั้งตัวเอง ลดพลังให้อยู่ในขั้นเทพสวรรค์ ทั้งสองจึงพอประมือกันได้
“เจ้ามั่นใจเกินไปแล้ว!” สือฮ่าวนิ่งเฉย พูดออกมาแค่นี้ ไม่ได้โต้เถียง
“ฮวง ลงมือสุดความสามารถของเจ้าเถอะ หวังว่าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!” เทพจื่อรื่อตะโกน เสียงของเขาเหมือนฟ้าผ่ายามฟ้าแจ้ง มันดังบาดหู จากนั้นเขาก็พุ่งเข้ามา
ดวงดาราหม่นหมอง ปฐพีสิ้นแสงในพริบตา แผ่นดินสั่นสะเทือน มิติถล่มแล้ว!
หมอกปฐมกาลกลายเป็นดวงตะวันปกคลุมเขา พุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ราวกับดวงดาวในจักรวาลตกลงมา พร้อมกับความกดดันที่ไร้เทียมทาน
โครม!
แสงสีม่วงแผ่ไปทั่ว ท่วมท้นจักรวาลแล้ว!
กลิ่นอายน่ากลัวซัดสาดปานมหาสมุทร มันเป็นพลังไร้พ่าย เปลี่ยนแปลงไม่ได้ กำราบทุกสิ่งได้!
ทุกคนตะลึงงัน นี่เป็นความสามารถที่แท้จริงของเทพจื่อรื่อหรือ? ขั้นเทพสวรรค์ยังไร้พ่ายแบบนี้ หากไม่ยับยั้งล่ะก็ จะน่าตะลึงขนาดไหน?
ผู้กล้าต่างก็เห็นว่า ร่างข้างล่างถูกหมอกปกคลุมจนมองไม่เห็นแล้ว เขาคือฮวง เขาดูบอบบางและสดใสมาก ชวนให้รู้สึกเห็นใจมากเช่นกัน
ปิดฉากเช่นนี้แล้วหรือ? เพราะว่า อานุภาพของเทพจื่อรื่อรุนแรงเหลือเกิน น่ากลัวกว่าสือฮ่าวตอนสู้กับสุนัขนรกหลายเท่าตัว!
ในความคิดของเฉาอวี่เซิง มันช่างน่าสิ้นหวัง พวกกระต่ายดวงจันทร์ เฟิ่งหวู่หน้าถอดสี กังวลตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้ยิ่งรู้สึกว่า สือฮ่าวต้องจบเห่แน่ มีอันตรายถึงชีวิต
“ข้ารู้อยู่แล้วว่า ตอนนี้ฮวงไม่ไหวแล้ว จะเท่าใดกันเชียว ไม่นานต้องถูกนายท่านกำราบแน่!” เด็กรับใช้หัวเราะลั่น
“หึหึ ฮวงก็มีวันนี้เหมือนกัน เห็นหรือยังว่า ควมสามารถของเทพจื่อรื่อแข็งแกร่งกว่าเจ้าในวันวานหลายเท่า เจ้าใช้ไม่ได้แล้ว!” อู๋ไท่หัวเราะ รู้สึกสะใจยิ่งนัก
“นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ก็จะจบแล้วหรือ?” มีคนระเบิดเสียงหัวเราะ
มีแสงสาดออกมาจากดวงอาทิตย์สีม่วง ค่อยๆ แผ่กระจายปกคลุมข้างล่าง
ตอนแรก ตรงนั้นยังเงียบกริบ แต่ตอนหลังผู้คนก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล เพราะหลังพระอาทิตย์ลอยลงมา ก็บดบังตรงนั้น ทำลายล้างไม่ได้หรือ?
เป็นอย่างที่คิด ความกดดันถูกทำลาย ร่างสูงโปร่งประสานอินใต้พระอาทิตย์ กำลังใช้พลังสายฟ้าโจมตีพระอาทิตย์สีม่วง
จากนั้น หมอกและแสงสีม่วงก็แผ่คลุมที่นั่นไม่ได้อีก ถูกทำลายจนหมด!
ตูม!
สุดท้าย สายฟ้าก็ฟาดเวหา บดขยี้จักรวาล ระเบิดเสียงดังก้อง!
ตูม!
ต่อมา ร่างใต้ดวงตะวันก็ชัดเจนขึ้น สือฮ่าวยังคงสดใส แลดูโดดเด่นมาก แต่ยามลงมือกลับอหังการ หมัดที่ดูธรรมดา ไม่เปล่งแสง แต่สะเทือนจนดวงอาทิตย์สีม่วงสั่นไหว จะระเบิดแล้ว!
ผู้คนพรั่นพรึง เงียบสงัดลงทันตา เงียบจนได้ยินเสียงใบไม้ร่วง
มันเกิดอะไรขึ้น? เมื่อครู่ยังเห็นเทพจื่อรื่อควบคุมพระอาทิตย์ กำราบสือฮ่าว ทำไมแค่พริบตาเดียว ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ดวงอาทิตย์จะถูกโจมตีจนแหลกสลายแล้ว!
คนที่เยาะเย้ยและเหน็บแนมเมื่อครู่ปิดปากฉับ ต่างก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งใจ พูดไม่ออกแล้ว
แม้แต่เด็กรับใช้คนนั้นก็เงียบกริบ จดจ้องอย่างลุ้นระทึก อู๋ไท่เหมือนเป็ดที่ถูกเชือดคอหอย หยุดชะงัก ส่วนคนอื่นต่างก๊อกสั่นขวัญแขวน
ฮวง แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนแล้ว!
อยู่ในขั้นเทพสวรรค์เหมือนกัน แต่แข็งแกร่งกว่าเขาในอดีตแล้ว!
หลายคนกระสับกระส่าย ว้าวุ่นใจยิ่งนัก มองสือฮ่าวอย่างไม่รู้จะพูดอะไร อดีตผู้สูงส่งแบนี้ น่าเสียดายเหลือเกิน ไยจึงไม่ได้เมล็ดพันธุ์โบราณ?
ต่อให้อัจฉริยะคนอื่นยังคงก้าวหน้า แปรสภาพเพราะได้รับเมล็ดพันธุ์ ฮวงก็ไม่ตกต่ำ ยังคงมีพรสวรรค์เย้ยปฐพีในขั้นเทพสวรรค์เช่นเดิม
ตึง!
เกิดเสียงดังสนั่นอีกครั้ง สือฮ่าวกางแขนปานคุนเผิงกางปีก ปล่อยอานุภาพไร้เทียมทาน สะเทือนที่นี่!
สะเทือนจนพระอาทิตย์แตกระแหง พุ่งขึ้นฟ้าสูง
ดวงอาทิตย์ระเบิด กลายเป็นหมอกนับพันนับหมื่น กระจายไปทั่วฟ้าดิน หายลับไปในร่างกายของเทพจื่อรื่อที่ยืนอยู่กลางอากาศทันที
“ตกลงกันแล้วว่าจะไม่ใช่พลังของขั้นที่สูงกว่า หมอกพวกนี้ใช้ไม่ได้ มีแต่จะกระทบกับการต่อสู้ของข้า เก็บเดี๋ยวนี้!” เทพจื่อรื่อพูด
ตอนนี้ หมอกทั้งหมดสลายหายไป แต่ยังคงไม่เห็นรูปโฉมของเขา เพราะถูกแสงสีม่วงบดบัง แม้แต่โครงหน้าก็พร่ามัว
แต่ผู้คนเห็นรูปร่างของเขาแล้ว ร่างสูงกำยำ ผมสีม่วงแผ่สยาย นัยน์ตาดุจสายฟ้า เขาองอาจเป็นที่สุด มีความอหังการอย่างยิ่ง
แตกต่างจากความสุภาพยามพูดคุยในตอนแรก ตอนนี้ทรงพลัง ถือตัวและอหังการ
“ฮวง เข้ามาเลย สู้สุดความสามารถ อย่าทำให้ข้าผิดหวัง!” เทพจื่อรื่อทอดมองลงมา
ตูม!
ต่อมา ผู้คนก็รู้สึกเหมือนกระแสไฟกำลังพัวพัน สายฟ้าคำราม ที่นี่มีกระแสไฟกะพริบแปลบปลาบ
ยามเทพจื่อรื่อลงมือ ว่องไวดุจสายฟ้า ปะทะกับสือฮ่าวนับครั้งไม่ถ้วนในพริบตา ปรากฏการณ์แบบนี้ช่างน่าพรั่นพรึง!
ชิ้ง!
เห็นได้ชัดว่า ตัวเขาถูกแสงสีม่วงปกคลุม โชติช่วงยิ่งนัก ทุกครั้งที่เคลื่อนไหวเป็นเหมือนดวงดาวโคจร!
มีกิเลนสีม่วงน่ากลัวตัวหนึ่งปรากฏขึ้นข้างหลัง ราวกับจะทำลายล้างปฐพี คำรามลั่นฟ้าดิน ร่างใหญ่มหึมายิ่งกว่าขุนเขา สูงทะลุชั้นเมฆ
พลังแบบนั้นกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
ผู้คนตกใจ นั่นมันเคล็ดวิชากิเลน!
แค่เทพจื่อรื่อก็ปล่อยหนึ่งในเคล็ดวิชาของสิบอสูร จะเห็นได้ว่าตระกูลของเขามีความเป็นมายิ่งใหญ่ปานใด หมัดกิเลนสะเทือนปฐพี!
เนื้อตัวของสือฮ่าวเปล่งประกาย เจิดจ้าเป็นครั้งแรก เสมือนกลายเป็นคุนเผิง ใช้เคล็ดวิชาสิบอสูรประมือเช่นกัน
ตูม!
พญานกตัวหนึ่งกางปีกบิน บินทะลุชั้นฟ้า แผดร้องสะเทือนโลกา กำราบทุกสิ่งอย่างไร้เทียมทาน!
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ สือฮ่าวเป็นเหมือนปีศาจยืนตระหง่านกลางเวหา มีลักษณะไร้พ่าย
ตอนนี้ ผู้คนหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว ทำไมฮวงน่ากลัวกว่าที่คิดเสียอีก ประเมินไม่ได้เลย พลังที่ปล่อยออกมาต้านทานอานุภาพของเทพจื่อรื่อได้
โฮก…
กิเลนคำราม ใหญ่ยิ่งกว่าขุนเขาเสียอีก แสงสีม่วงสาดไปทั่วทุกหนแห่ง จักรวาลทั้งผืนต็มไปด้วยร่างมหึมาของกิเลน อัปลักษณ์และน่ากลัว
ตูม!
กรงเล็บกิเลนตะปบคุนเผิง ทำให้มิติบริเวณนั้นระเบิด รอยแยกสีดำมากมายลุกลาม ผืนฟ้าแหลกสลาย
คุนเผิงแผดร้อง เนื้อตัวโอนเอน ประหนึ่งจะทะลุเข้าไปในดาราจักร ไกลไม่รู้ตั้งกี่ลี้
สือฮ่าวไม่ถอย แต่โจมตีอย่างกล้าหาญ พุ่งเข้าไปประมืออย่างแท้จริง
ตึง!
ทั้งสองปะทะกัน กรงเล็บกิเลนเจอกับกรงเล็บคุนเผิง บดขยี้มิติ
กิเลนสีม่วงดุจเนินเขาคำรามลั่น สะเทือนชั้นเมฆ สายฟ้าฟาดตามมา มันสูงตระหง่าน อำมหิตเลือดเย็น
จากนั้นมันก็กระโจนใส่คุนเผิง จะสู้กับมันอย่างไม่คิดชีวิต
ชั่วพริบตา ปีกคุนเผิงก็กระทบกัน พลังสีดำและสีทองไหลเวียน หยินหยางปรากฏขึ้น ยามกระทบกัน ก็เกิดแสงสว่างเจิดจ้า
ปัง!
กิเลนถูกโจมตีอย่างหนัก เลือดไหลออกจากมุมปาก เนื้อตัวกระเด็นออกไป
เทพจื่อรื่อก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ร่างกายโอนเอน ลอยตามออกไป
สือฮ่าวกางแขน กลายเป็นคุนเผิงแล้วพุ่งออกไป เกิดการเข่นฆ่าอย่างดุเดือดขึ้นในพริบตา
“โฮก!”
เสียงคำรามแว่วมาจากนภา กิเลนสีม่วงสู้รบโรมรันกับคุนเผิงที่บินขึ้นฟ้าสูงเก้าหมื่นลี้ เลือดสาดกระจาย มิติถล่มทันที
พวกเขากำลังรบกัน เข้าขั้นดุเดือดในเสี้ยววินาที
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองรวดเร็วเหลือเกิน ประมือกันนับร้อยกระบวนท่าในพริบตา แม้เวลาจะสั้น แต่จำนวนการปะทะกลับน่ากลัวจนน่าตกใจ
ผลุบ!
กิเลนแผดเสียง กรงเล็บกิเลนข้างหนึ่งถูกหัก ตกลงไปพร้อมกับเลือดจำนวนมาก
แม้จะเกิดจากเคล็ดวิชา แต่ก็ส่งผลกระทบต่อผู้สำแดงวิชาเช่นกัน เทพจื่อรื่อกระตุก เลือดไหลออกจากหน้าผาก ได้รับแรงกระเทือนที่น่ากลัวสุดแสน
เขาถอยโซเซออกไป ทำไมเป็นแบบนี้?
เขาถูกฮวงโจมตีจนบาดเจ็บเสียแล้ว!
เทพจื่อรื่อตกใจหน้าถอดสี เขาเสียเปรียบเสียแล้ว สำหรับคนที่คิดว่าตนไร้พ่ายในหมู่หนุ่มสาว มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้!
คนอื่นกลับตัวแข็งเป็นหิน ใครก็คิดไม่ถึงว่าจะมีผลลัพธ์แบบนี้ หน้าปากของเทพจื่อรื่อเปื้อนเลือด ได้รับบาดเจ็บแล้ว
“อ๊าก!”
เสียงแผดร้องดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของเทพจื่อรื่อขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นปักษาเทพเจ้า ขนสีม่วงฉูดฉาด ขนหางยาวยิ่งกว่าเทือกเขาเสียอีก
นี่เป็นหงส์สีม่วงใหญ่โตมโหฬาร ขนทุกเส้นมีขนาดเท่าทิวเขา แสงหลั่งไหลไปทั่วร่าง แสงสีม่วงเจิดจ้า แสบตาสุดแสน
ผู้คนแสดงอาการตกใจ ตะลึงอย่างยิ่ง
“เคล็ดวิชาพญาหงส์!”
มีคนอุทานอย่างตกใจ เมื่อใช้ญาณวิเศษที่ร้ายกาจแบบนี้ ใครจะสู้ได้?
ในใจของผู้คน มังกรหรือพญาหงส์ล้วนสะเทือนปฐพี เป็นสิ่งที่เอาชนะไม่ได้ มีความหมายพิเศษ
ตูม!
เมื่อพญาหงส์สีม่วงปรากฏตัว ฟ้าดินก็สิ้นแสง อากาศแปรปรวน น่ากลัวเป็นล้นพ้น เสียงสายฟ้าดังครืนครันขึ้นมาทันที มาเยือนด้วยตัวเอง
สือฮ่าวยังคงเป็นคุนเผิงร่างมนุษย์ อีกหนึ่งเจ้าแห่งวงการของปักษา คุนเผิงปะทะพญาหงส์!
ชิ้ง!
ทั้งสองกลายเป็นสายฟ้า พุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว แสงสว่างระเบิดในพริบตา ม้วนตัวไปทั่วฟ้าดิน จ้องมองไม่ได้
สายฟ้าคำราม ลมพัดกรรโชกดังหวีดหวิว คลื่นเลือดท่วมท้นทั่วจักรวาล มีขนเปื้อนเลือดร่วงมาไม่ขาดสาย เจ้าแห่งปักษาสองตัวกำลังเข่นฆ่า สู้รบกันอย่างดุเดือด
นี่เป็นสงครามใหญ่ โหดร้ายเป็นที่สุด
โฮก!
ทั้งที่เป็นหงส์สีม่วงตัวหนึ่ง แต่กลับปล่อยเสียงคำรามประหนึ่งอสูรออกมา สะเทือนจนทุกคนเลือดลมพลุ่งพล่าน ถึงขั้นมีคนกระอักเลือด
หงส์สีม่วงขยายใหญ่ สูงเสียดฟ้าในพริบตา เสมือนจนไปถึงนอกโลก จากนั้นก็อ้าปากจะเขมือบคุนเผิง
ต้องรู้ว่า คุนเผิงมีขนาดใหญ่กว่าขุนเขาหลายเท่าตัว แต่ตอนนี้มันกลับกลืนลงไปแล้ว
นี่เป็นอานุภาพของพญาหงส์ อหังการเย้ยโลกา จะเขมือบเพื่อกำจัดศัตรู!
ผู้คนมองดูอย่างอกสั่นขวัญแขวน ต่างก็ตะลึงพรึงเพริด
แต่ทว่า ไม่รอให้เด็กรับใช้อุทาน ในตอนนี้เอง ช่องท้องของหงส์ตัวนั้นก็ป่องขึ้น จากนั้นก็มีเสียงสายฟ้าดังขึ้น สุดท้ายระเบิดดังตูม
ตรงนั้นมีแสงสว่างไสว เจิดจ้าสุดแสน คุนเผิงร่างมนุษย์ปรากฏกาย สือฮ่าวประสานอิน ไม่ว่าจะขนหงส์หรืออักขระหงส์ก็ต้านทานไม่ได้!
ปัง!
เขาใช้อินไร้พ่าย ฉีกช่องท้องของพญาหงส์แล้วหลุดออกมา
แม้จะไม่ใช่ท้องของเทพจื่อรื่อ แต่ก็ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน หงส์หดตัว กลับสู่ร่างเดิม จากนั้นก็กระเด็นออกไป!
ปัง!
เทพจื่อรื่อถูกโจมตีกระเด็นออกไปไกล พร้อมกับกระอักเลือด
ศึกสะเทือนฟ้าดิน ไม่มีใครนับได้ว่าประมือกันกี่กระบวนท่าแล้ว เพราะพวกเขารวดเร็วเหลือเกิน ปิดฉากแล้วหรือ?
เทพจื่อรื่อลุกขึ้น ใบหน้าเยือกเย็น อยากจะเปิดศึกอีกครั้ง แต่ก็กัดฟันกร่อด สุดท้ายก็ไม่ทำ!
พวกคนที่เตรียมจะโห่ร้องในตอนแรก ตอนนี้ต่างก็ปิดปากเงียบ พูดอะไรไม่ออก ทำไมถึงเป็นแบบนี้!
“จะสู้อีกไหม?” สือฮ่าวถาม
เมื่อสิ้นประโยคนี้ เทพจื่อรื่อก็ทำหน้าโกรธขึ้น กำมือแน่น
ส่วนคนอื่นกลับไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่ละคนที่เพ่งเล็งสือฮ่าวในตอนแรกปิดปากสนิท
“หึหึ…ฮ่าฮ่า…” กระต่ายน้อยหัวเราะเป็นคนแรก แถมยังระเบิดเสียงดังลั่น
จากนั้นพวกเฉาอวี่เซิงก็พากันหัวเราะ มันช่างบาดหูผู้คนสำนักเซียนมากเหลือเกิน
“ฮ่าฮ่า พวกเราชนะแล้ว ฮวงชนะแล้ว เทพจื่อรื่อสู้ฮวงของสำนักเทพสวรรค์ไม่ได้!” ลูกศิษย์เหล่านั้นของสำนักกู่ร้อง ฮึกเหิมอย่างยิ่ง
“พวกเจ้าอย่าได้ใจให้มาก การประลองครั้งนี้จะเท่าใดกันเชียว!” เด็กรับใช้ตะโกนอยู่ตรงนั้นด้วยความเจ็บใจ
“มีอะไรน่าขำ?!” อู๋ไท่ก็โมโห ระเบิดโทสะใส่ผู้คนสำนักเทพสวรรค์ ตะคอกเสียงดังลั่น
“ปัง!”
สือฮ่าวลงมือ ยังคงใช้แค่นิ้วเดียว มันขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว กดลงบนตัวของเด็กรับใช้อย่างหนักหน่วง ทำให้กระดูกของเขาหัก ตัวกระเด็นออกไป พิการอีกครั้ง
“เจ้า…” เด็กรับใช้เดือดดาล กระอักเลือด ถลึงตาด้วยความแค้น แต่สือฮ่าวไม่แยแสเลยสักนิด เตะเขาจนตัวลอยออกไป
ลงมือต่อหน้าเทพจื่อรื่อ ไม่ไว้หน้าเลย ทำให้เด็กรับใช้เอ็นขาด สะเทือนขวัญทุกคน
“หุบปาก!” สือฮ่าวพูดออกมาแค่สองคำ
“ปัง!”
จากนั้นสือฮ่าวก็ประสานอิน โจมตีแค่ครั้งเดียว ก็ทำให้กระดูกของอู๋ไท่หัก กระเด็นออกไป แทบจะกลายเป็นเนื้อเละ เขาหลบไม่พ้น
“เจ้าด้วย มานี่ มาให้ข้าลองชิมสักหน่อยว่าแรดนอทองรสชาติเป็นอย่างไร” สือฮ่าวพูดกับแรดนอทองที่อยู่ไกลออกไป ทำให้มันตัวสั่นงันงก
ทุกคนตะลึงงัน ฮวงไม่กลัวเกรง ลงมือต่อหน้าเทพจื่อรื่อ ไม่แยแสเขาเลยสักนิด!
ตอนที่ 1272
จองหอง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ใครก็คิดไม่ถึงเลยว่า สือฮ่าวจะชนะ โจมตีเทพจื่อรื่อจนแพ้พ่าย!
“ยังไม่เข้ามาอีกหรือ?” สือฮ่าวปรายตามองแรดนอทอง เสียงยังคงไม่ดัง เป็นเช่นก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ยามทุกคนได้ยิน มันไม่เหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิง
ฮวงชนะ!
ตอนนี้ แม้เขาจะพูดเสียงเรียบ แต่กลับให้ความรู้สึกกดดันอย่างยิ่ง ไม่มีใครมองข้ามเสียงของเขา ต่างก็จริงจัง
แรดนอทองเย็นวาบไปทั้งตัว แถมยังขนลุกขนชัน เสียงนิ่งเรียบเหมือนฟ้าผ่าข้างหูเขา สะเทือนจนเขาแทบจะล้มลงไป
ทำไมเป็นแบบนี้? ฮวงชนะ เทพจื่อแพ้ ผลลัพธ์นี้ทำให้เขาตัวชา ไม่คิดเลยว่าจะปิดฉากแบบนี้
“เจ้าอยากให้ข้าพูดรอบที่สามหรือ?” สือฮ่าวเหลียวมอง ดวงตาปล่อยลำแสงแหลมคมออกมา นัยน์ตาลุ่มลึก เสมือนดุดันขึ้นมาแล้ว
ที่เกิดเหตุเงียบลงทันที เสียงพึมพำ เสียงวิจารณ์หายไป ผู้คนใจเต้นระส่ำ คนไม่น้อยจดจ้องเทพจื่อรื่อที่อยู่ไม่ไกล เขาจะแทรกแซงหรือไม่?
ต้องรู้ว่า ตอนนี้ฮวงกำลังทำตามใจตัวเอง มองข้ามศัตรู ละเลยทุกคน อยากทำอะไรก็ทำเช่นนั้น นี่เป็นความแข็งกร้าวไม่เปิดเผย
“ฮวง ใต้เท้า โปรดอภัยที่ข้าไร้มารยาท ไม่กล้าอีกแล้ว!” แรดนอทองกลัวแล้ว ฝืนใจเดินไปข้างหน้า สองขาสั่นระริก อดสั่นเทิ้มไม่ได้ กำลังก้มหัวให้สือฮ่าว ขอร้องด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
ตอนนี้ เขาเสียใจอย่างยิ่ง อยากตบหน้าตัวเองหลายที ก่อนหน้านี้ไยไม่รอคอยผลลัพธ์เงียบๆ ต้องปากเสียในช่วงเวลาคับขัน เสียดสีและเยาะเย้ยฮวง
ตอนนี้กรรมตามสนองแล้ว ฮวงชนะ ผลลัพธ์แตกต่างจากที่เขาคิดอย่างสิ้นเชิง!
ตอนนี้ฮวงกำลังขานชื่อจะชิมรสชาติของเขา สำหรับเขาแล้วมันน่ากลัวจริงๆ อัจฉริยะแห่งยุค ยกระดับเป็นผู้กล้าขั้นเจ้าสำนักแล้ว แต่กลับต้องตกเป็นอาหาร
โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงข่าวลือต่างๆ ของฮวง ก็อดนึกถึงภาพที่ตัวเองถูกวางอยู่เหนือกองไฟ ย่างจนเป็นสีเหลืองอร่าม แรดนอทองแทบจะทรุดลงกับพื้นแล้ว
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งกลัว เพราะฮวงทำเป็นนิสัย ไม่ใช่ครั้งแรกที่กินศัตรูร่างมนุษย์ สำหรับแรดนอทองแล้ว นี่มันราชันปีศาจที่น่ากลัวที่สุดชัดๆ
“เมื่อครู่เจ้ายังสะใจแท้ๆ อยากให้ข้าถูกสังหารทันที ตอนนี้ร้องขอชีวิต ไยกลับกลอกเช่นนี้?” สือฮ่าวกวาดตามองเขาแวบหนึ่ง
“ใต้เท้าได้โปรดอภัย ข้าไม่กล้าอีกแล้ว!” น่องของแรดทองสั่นระริกไม่หยุด เพราะเขารู้ว่าสถานการณ์เลวร้าย ฮวงเย็นชาขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าจะลิ้มรส จะกินเขา
“ถอดเลย ถอดเลย ไม่สิ กินเลย กินเลย กินให้หมด!” ในตอนนี้เอง กระต่ายน้อยก็ตะโกนขึ้นมา
มันดูสดใสอย่างมาก ผมยาวสีเงินเป็นประกาย ท่าทางอายุราวสิบกว่าปี ดวงตากลมโตแดงดุจลูกแก้ว น่ารักจิ้มลิ้มปานตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ สวยงามและวิจิตร
แต่ตอนนี้มันกำลังโวยวาย ประหนึ่งปีศาจน้อย ทำเอาแรดนอทองตกลงจนก้นจ้ำเบ้า เนื้อตัวเย็นเฉียบ ตกใจเจียนตายแล้ว
“เจ้าคิดว่าเคยเสียดสีเย้ยหยันฮวง แค่ขอโทษแล้วจะหายหรือ อย่างไรก็ต้องให้พวกเราได้ชิมว่ารสชาติเจ้าเป็นอย่างไร” พวกเฉาอวี่เซิงก็ยิ้มกริ่ม พากันพูดแบบนี้
“ใต้เท้าช่วยข้าด้วย!” แรดนอทองมองเทพจื่อรื่อ ราวกับคว้าท่อนไม้ช่วยชีวิตไว้
“สหาย อะไรอภัยได้ก็ควรอภัย แค่ทำให้เจ้าไม่พอใจเล็กน้อยเท่านั้น ไยต้องยกตนข่มท่านเช่นนี้เล่า?” สุดท้ายเทพจื่อรื่อก็เอ่ยปาก
ผู้คนมองไม่ให้คลาดสายตา รอให้เขาออกโรง ดูว่าเขาจะแสดงท่าที เพราะฮวงโจมตีเด็กรับใช้ต่อหน้าเขา กำราบอู๋ไท่ แรดนองทองอย่างไม่ไว้หน้าเลยสักนิด
บรรยากาศของที่นี่หนักอึ้งขึ้นมาทันที ทุกคนกลั้นหายใจ จ้องมองความเป็นไปของเหตุการณ์เงียบๆ
“เจ้าพูดง่ายนัก หากเป็นเจ้า มีคนพูดพล่ามไม่หยุด ด่าทอเจ้า อยากให้เจ้าตาย ไม่ควรตบมันให้ตายหรือ?” สือฮ่าวย้อนถามเสียงสุภาพ จากนั้นก็พูดต่อว่า “ข้ามีเมตตา ไม่อยากฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ขอแค่เนื้อแรดมาชิมสักหน่อยเท่านั้น”
แรดนอทองทั้งกลัวและหมดคำพูด ฮวงเห็นเขาเป็นอาหารเดินได้จริงๆ หรือ? สมกับเป็นราชันปีศาจ!
ยามคนอื่นมองสือฮ่าว สายตาก็แปลกพิลึก คิดว่ายั่วยุเขาไม่ได้ หากมิเช่นนั้น จะกลายเป็นอาหารที่ยังมีชีวิตในสายตาเขา
“สหายไม่เห็นใจผู้อื่น ให้อภัยไม่ได้หรือ?” เทพจื่อรื่อพูดเสียงเฉยชา เนื้อตัวส่องแสงสีม่วงจนแวววาว และมีหมอกห้อมล้อมรอบตัว ขมุกขมัวและเจิดจ้า
“เจ้าพูดง่ายนัก ยามเขาไร้มารยาทกับข้าไยไม่เห็นเจ้าห้ามปราม ตอนนี้จะแสดงความมีคุณธรรมหรือ?” สือฮ่าวเหน็บแนมว่า “เจ้าแพ้แล้ว หากข้าเป็นเจ้าจะเลือกถอยไป ไม่พูดอะไรเลย อยู่เงียบๆ อย่างผู้แพ้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สือฮ่าวก็สาวเท้าไปข้างหน้า นัยน์ตาเป็นประกาย รูปโฉมน่ารัก แลดูโดดเด่น เดินมาถึงตรงกลางของที่เกิดเหตุ กวาดสายตามองรอบทิศอย่างนิ่งสงบ
ท่าทางแบบนี้ บ่งบอกว่าไม่แยแสเทพจื่อรื่อเลยสักนิด!
คำพูดเถรตรงเหลือเกิน ไม่อ้อมค้อมเลยสักนิด บวกกับท่าทางเฉยเมยของเขา มีความสง่างามที่ผสมผสานระหว่างความสงบและแข็งกร้าว
เทพจื่อรื่อหน้าดำหน้าแดง ไม่เคยมีเคยดูถูกเขาแบบนี้มาก่อน ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาสักนิด บอกว่าเขาเป็นผู้แพ้ต่อหน้าธารกำนัล
มันเป็นความอัปยศขนาดไหนกัน? เขารู้สึกหน้าเห่อร้อน ไม่รู้จะเอาหน้าไปไวที่ไหน
ที่ผ่านมา เขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะแพ้ ยิ่งไม่เคยคิดว่า จะถูกคนเย้ยหยันว่าเขาเป็นผู้แพ้อย่างเปิดเผยแบบนี้
ฮวงเถรตรงเหลือเกิน!
“เจ้าจะบีบให้ข้าลงมือ เปิดศึกอีกครั้งหรือ?!” เสียงของเทพจื่อรื่อแหบพร่า ไฟโทสะสุมทรวง ในสายตาเขา นี่เป็นการท้าทายอำนาจของเขา กำลังเหยียบย่ำขีดจำกัดของเขา
“หึ!”
สือฮ่าวแสยะยิ้ม พูดอย่างผ่อนคลายว่า “เพิ่งรบจบไม่ใช่หรือ เจ้าใช้ไม่ได้ สู้ข้าไม่ได้ หรือไม่พอใจ อยากเปิดศึกอีกรอบ?”
ความผ่อนคลายแบบนี้กลับมีแรงกดดันมหาศาล ทำให้ผู้คนเงียบยิ่งกว่าเดิม ใครก็ไม่กล้าพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้า เกรงว่าจะเกิดความเข้าใจผิด เพราะอาจมีสงครามปะทุได้ทุกเมื่อ
เทพจื่อรื่ออึดอัดใจ ไฟโทสะสุมทรวง ความหมายของเขาชัดเจนมาก หากอีกฝ่ายไม่เจียมตัว เขาจะใช้พลังของขั้นที่สูงกว่า!
มันเป็นการข่มขู่อย่างหนึ่ง ซ้ำร้ายเป็นการเตือน!
แต่เหมือนอีกฝ่ายไม่เข้าใจคำพูดของเขา ยังคงเย้ยหยันเขาด้วยท่าทีของผู้ชนะ แฝงเจตนาเยาะเย้ย
ใช่ ทั้งดูถูก จองหองและอวดดี อีกฝ่ายเชิดหน้า กำลังปรายตามองเขา ใช้ความเย่อหยิ่งกับเทพตะวันเช่นเขา
ใจของเทพจื่อรื่อระส่ำระสาย แสงสีม่วงรอบตัวเคลื่อนไหว เริ่มทนไม่ไหวแล้ว มีคนกล้าดูถูกเขาได้อย่างไร? อวดดีเหลือเกิน!
คนอื่นก็เริ่มพูดไม่ออก ฮวงไม่เข้าใจจริงๆ หรือ?
แน่นอนว่า มีคนบางส่วนที่ตกใจเช่นกัน ฮวงไม่กลัวเลย เถรตรง แข็งกร้าวอย่างยิ่ง เผชิญหน้ากับเทพจื่อรื่อโดยตรง นี่เป็นการท้าทายหรือ?
หรือฮวงยังกล้าเปิดศึกอีก? เป็นกลปิดเมือง ตั้งใจทำเป็นวางท่าใหญ่โต หรือมีความสามารถแบบนั้นจริง?
“เจ้ากำลังบีบให้ข้าลงมือ!” เทพจื่อรื่อพูดเสียงเย็นเยือก มันไม่ดัง แต่กลับมีความรู้สึกกดัน
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร อยากลงมือก็เข้ามา คนที่แพ้ให้ข้า ข้าไม่ถือสาหากจะทำให้เจ้าแพ้อีกหลายครั้ง ข้าจะทำให้เจ้าค่อยๆ รู้ตัวช้าๆ” สือฮ่าวพูดอย่างไม่ยี่หระ
ยิ่งเขาใช้น้ำเสียงแบบนี้พูด ก็ยิ่งทำให้เทพจื่อรื่อหน้าแดง ยังดีที่เนื้อตัวถูกแสงสีม่วงบดบัง คนอื่นจึงมองไม่เห็น
เทพจื่อรื่อเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วว่า สือฮ่าวเข้าใจความหมายของเขาหรือไม่ หรือเจ้านี่กำลังสอดแทรกความขบขัน จงใจดูถูกเขา?
เทพจื่อรื่อหน้านิ่งเฉย ไม่ว่าอย่างไร เขาก็อยากสั่งสอนสือฮ่าว แต่ตอนนี้เมื่อเผลอเหลียวหลัง เขาก็เห็นหลานเซียนและพวกชีกู้
หลายคนสูสีกับเขา ต่างก็ถูกยกย่องเป็นผู้สูงส่ง ตอนนี้ทำหน้าแปลกๆ แลดูชอบกล
เทพจื่อรื่อสงบลงทันใด แต่ในใจกลับเคียดแค้นกว่าเดิม เพราะเขารู้ว่า คนพวกนั้นกำลังแอบหัวเราะเยาะเขา แพ้พ่ายแบบนี้ นับเป็นความอัปยศ
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาเหมือนคนที่แพ้ไม่ได้ อยากเปิดศึกอีกครั้ง หากแพร่งพรายออกไป มันไม่ดีแน่ จะทำลายชื่อเสียงของเขา!
เขาเป็นพวกรักศักดิ์ศรี สุดท้ายก็ระงับโทสะ พูดเสียงเรียบว่า “ได้ ครั้งนี้นับว่าข้าแพ้ น่าเสียดาย เจ้ากับข้าเจอกันได้ยาก หากมิเช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้รู้อานุภาพของพันธุ์หมอกปฐมกาลสักหน่อย!”
นี่เป็นความอวดดี และเป็นการข่มขู่ เป็นความเคียดแค้นอย่างหนึ่ง ใช้โอกาสนี้ปลอบใจตัวเอง
“เจ้าคนแพ้ นับว่ารู้จักกาลเทศะ” สือฮ่าวพูดพลางเยื้องย่าง เขายืนอยู่ตรงกลาง ท่าทางเย้ยหยันปฐพี
นี่เป็นการไม่แยแสอย่างชัดเจน ซ้ำยังเป็นความอวดดี ไม่แยแสเทพจื่อรื่อเลยสักนิด ทำเอาอีกฝ่ายโมโหจนแทบกระอักเลือด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สือฮ่าวเจตนา ทุกคนก็มองดูจนหมดคำพูด ฮวงเข้าใจความหมายของเทพจื่อรื่อจริงหรือไม่ ถึงมีปฏิกิริยาและตอบแบบนี้
“ยังไม่ถอยไปอีก!” สือฮ่าวตวาด ตำหนิเทพจื่อรื่อต่อหน้าฝูงชน เขายืนเชิดหน้าอยู่ตรงกลาง กลายเป็นจุดเด่นให้ทุกคนจับจ้อง
ผู้คนตะลึงงัน ต่างก็เงียบกริบ เพราะสถานการณ์ในตอนนี้กลับตาลปัตรแล้ว
“จินเจี่ยวไปกับข้า!” เทพจื่อรื่อโมโห เขาตัดสินใจว่าจะลงมืออย่างไม่คิดอะไรแล้ว จึงใช้แรดนองทองเป็นข้ออ้าง
แต่ทว่า ปฏิกิริยาของแรดนอทองทำให้เขาคาดไม่ถึง ก้มหัวให้สือฮ่าว ตัวสั่นงันงก “ใต้เท้า ขอเพียงไว้ชีวิตข้า ข้ายอมรับผิด”
“อ้อ” สือฮ่าวพยักหน้า
เทพจื่อรื่อโมโหจนเส้นผมตั้งขึ้น กัดฟันจนแทบแหลกละเอียด เจ้าของนี้ช่างไม่มีศักดิ์ศรีเอาเสียเลย ตกใจจนต้องยอมสวามิภักดิ์
“อืม เอาล่ะ เจ้าถอยไปก่อน” สือฮ่าวพยักหน้า จากนั้นก็มองเทพจื่อรื่อ “เจ้ายังมีธุระอีกหรือ หากไม่มีก็ถอยไปเสีย”
ผู้คนตะลึงงัน ผลลัพธ์นี้…จะให้พูดอะไรได้อีก?
มีแค่เทพจื่อรื่อที่หน้าดำหน้าแดง แทบจะลงมือด้วยความมุทะลุ มันทำให้เขาอับอายเหลือทนแล้วจริงๆ
“ฮวง เจ้าอวดดีอะไร แค่ชนะนายท่านในขั้นเทพสวรรค์ หากเป็นขั้นที่สูงกว่าเจ้าไม่ใช่อะไรทั้งนั้น พันธุ์หมอกปฐมกาลจะกดทับเจ้าจนตาย ชาตินี้ก็ไม่มีหวัง!”
เด็กรับใช้ที่อยู่ไกลออกไปตะเกียกตะกายลุกขึ้น ร่างกายครึ่งซีกขาดเหวอะหวะ กระดูกหักไม่รู้กี่ท่อน
“เจ้าไม่ต่างอะไรกับแมลงเลย ตายยากจริงๆ” สือฮ่าวทำหน้าเคร่งขรึม กระทืบเท้าเบาๆ ดังปัง ผิวดินสั่นสะเทือน เด็กรับใช้ตัวลอยขึ้น กระอักเลือด เนื้อตัวโชกไปด้วยเลือด จะปริแตกแล้ว
เทพจื่อรื่อช่วยเขาไว้ในช่วงเวลาสำคัญ มิเช่นนั้นคงกลายเป็นไอสีเลือดไปแล้ว
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ลงมือต่อหน้าข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า คิดว่าข้าใจดีหรือ หากเจ้าอยากพิการ ก็ลองลงมืออีกสิ!” เทพจื่อรื่อพูดเสียงเหี้ยม เย็นเยือกอย่างยิ่ง แตกต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร จะสู้ด้วยขั้นอะไรก็ตามใจเจ้า ข้ากำราบเจ้าครั้งหนึ่งได้ ย่อมกำราบเจ้าอีกสิบครั้ง ร้อยครั้งได้” สือฮ่าวตอบเสียงดัง!
จู่ๆ บ่อโคลนก็สว่างวาบ หมอกควันฟุ้งตลบ ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง ทำให้รู้สึกสบายราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ
“หือ?”
หลานเซียน ชีกู้และมหาโสดาลอยลงไปพร้อมกัน ยืนอยู่กลางบ่อโคลน แม้แต่เทพจื่อรื่อก็หายตัวไปอยู่ในบริเวณนั้น พวกเขาจะช่วงชิงขุมทรัพย์เซียน
ในตอนนี้เอง สือฮ่าวก็เคลื่อนไหว ร่างดุจวิญญาณ ทิ้งร่องรอยไว้ที่เดิม ปรากฏตัวที่ศูนย์กลางของบ่อโคลน
“เจ้ากล้ามาด้วยหรือ?”
มือดีทั้งสองจ้องเขาเขม็ง ชีกู้ มหาโสดา หลานเซียนกับเทพจื่อรื่อยืนกันคนละมุม แต่สือฮ่าวยืนอยู่ตรงกลาง
“เจ้าแข็งแกร่งมาก เอาชนะเทพจื่อรื่อในขั้นเทพสวรรค์ได้ แต่อยากต่อสู้ในขั้นที่สูงกว่า ยังขาดอยู่บ้าง ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า!” มีคนพูดอย่างเฉยชา
เห็นได้ชัดว่า มือดีทั้งสี่ไม่คิดว่าเขาจะแย่งชิงขุมทรัพย์กับพวกเขาที่นี่ได้
สือฮ่าวระเบิดเสียงหัวเราะ “วันนี้ ข้าจะเข้าไปในถ้ำเซียน จะดูสิว่า พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้?!”
เสียงหัวเราะของเขาดั่งสายฟ้าคำราม สะเทือนสี่ทิศ ทำให้หลายคนแทบจะล้มลงกองกับพื้น
ตอนนี้ สือฮ่าวมีพลังอย่างหนึ่ง และมีความเย้ยหยัน ไม่กลัวผู้สูงส่งทั้งสี่ ต่อให้พวกเขารุมล้อม ก็ไม่แยแสเลยสักนิด
“เจ้า…พูดจาใหญ่โตนัก ที่นี่ไม่อนุญาตให้เข้า!” มีคนตะโกน
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร ดูสิว่าใครจะกล้าขวางข้า!” สือฮ่าวตะคอก เสียงเย็นเยือก สะเทือนขวัญผู้คน!
ผู้กล้าทั้งหลายนิ่งงัน ตอนแรกฮวงประลองกับเทพจื่อรื่อ แต่ตอนนี้กลับเผชิญหน้ากับสี่ผู้สูงส่งเพียงลำพัง!
ตอนที่ 1273
ธรรมปลอม
โดย
Ink Stone_Fantasy
บ่อโคลนแยกออก น้ำโคลนกระฉอก ข้างล่างมีพลังเซียนเป็นเส้นๆ ถ้ำสวรรค์จะเปิดแล้ว!
สือฮ่าวยืนอยู่ตรงกลาง ยึดครองตำแหน่งที่ได้เปรียบ พร้อมบุกเข้าไปทุกเมื่อ ย่อมทำให้ผู้สูงส่งทั้งสี่ไม่พออย่างยิ่ง
“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เจ้าคิดว่าล้ำเลิศในขั้นเทพสวรรค์ ก็จะมาอาละวาดที่นี่ได้หรือ?” มีคนพูดเสียงเหี้ยม
“ข้าจะยืนอยู่ที่นี่แหละ ใครจะทำไม? ไม่พอใจก็เข้ามาเปิดศึก!” สือฮ่าวพูดอย่างเยือกเย็น
ตอนนี้ ความจอมปลอมถูกกระชาก ต้องเกิดศึกใหญ่แน่นอน จะเป็นการต่อสู้ระหว่างฮวงกับผู้สูงส่ง แต่เขาจะรับมือไหวหรือ?
ทุกคนต่างก็สงสัย ขั้นเทพสวรรค์แก่กล้า ไม่ได้แปลว่าจะไร้เทียมทานในขั้นที่สูงกว่า
“เจ้าแน่ใจหรือว่าจะต่อสู้กับข้า?” จู่ๆ เทพจื่อรื่อก็ยิ้ม ความโกรธแค้นในตอนแรกหายไป เขาระงับโทสะแล้ว
“ถ้าใช่แล้วอย่างไร” สือฮ่าวเย็นชา
เทพจื่อรื่อมองอีกสามคนที่เหลือ “สหายทุกคนคิดว่าอย่างไร เขามีสิทธิ์จะประลองกับพวกเราไหม?”
“อย่างเขา แค่ไล่ตะเพิดก็พอแล้ว!” มีคนตวาดด้วยกระแสจิต ไม่รู้ว่ามาจากใคร เพราะเสียงทะลุมิติ ดังก้องบ่อโคลน
“เห็นหรือยังว่า เจ้าไม่สำคัญอะไรเลย รีบไสหัวไปเสีย จะได้ไม่หาเรื่องใส่ตัว!” เทพจื่อรื่อยิ้มแย้ม แต่น้ำเสียงกลับเย็นเยือกยิ่งกว่าเดิม
นี่เป็นการลากผู้สูงส่งอีกสามคนเข้ามาเอี่ยว ร่วมเป็นศัตรูกับฮวง ทำให้เขาหมดหนทาง คนอื่นอยากช่วยก็ไม่เป็นผล เพราะหากทำแบบนั้นจะเสี่ยงล่วงเกินผู้สูงส่งทั้งสี่
“เป็นคนต้องรู้จักเจียมตัว อย่าลืมฐานะของตัวเอง รีบไสหัวไปให้ไว!” มีคนพูดอย่างเลือดเย็น
สือฮ่าวเหลียวมองทันใด จ้องบาตรสีแดงใบนั้น มันเป็นของมหาโสดา!
ผู้คนสงสัย หรือมหาโสดาจะเป็นผู้พูดมาตลอด
“เจ้าไม่ยอมไปหรือ รับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!” ขณะเดียวกันเทพจื่อรื่อก็พูดขึ้น ดุดันยิ่งนัก
“เจ้าจะทำอะไรข้าได้!” สือฮ่าวตาต่อตา ฟันต่อฟัน ท่าทีเปลี่ยนไป แตกต่างจากความผ่อนคลายในตอนแรก เย้ยหยันผู้สูงส่งทั้งสี่
“ดี เจ้าอยากตาย พวกเราจะสนองเจ้า!” เทพจื่อรื่อแผ่จิตสังหาร อยากลงมือสุดความสามารถ ใช้พลังของขั้นที่สูงกว่ามานานแล้ว
บวกกับผู้สูงส่งอีกสามคนก็เกิดอารมณ์โมโห เทพจื่อรื่อคิดว่าต่อให้ฮวงมีปีกก็หนีไม่พ้น ไม่ว่าเคล็ดวิชาอะไรก็หนีไม่รอด
“ขั้นธรรมปลอม หลอมรวมกับธรรม โดยมีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์แบบสื่อกลาง สัมผัสธรรม เจ้าไม่มีทางเข้าใจความยิ่งใหญ่แบบนั้นแน่!” เทพจื่อรื่อพูด
ขั้นธรรมปลอม อยู่เหนือขั้นเทพสวรรค์ เข้าใกล้และหลอมรวมกับธรรม หยั่งรู้ความหมายของธรรมชาติ สัมผัสกับธรรมรอบด้าน แม้กระทั่งว่าทำให้คนเกิดภาพมายา เสมือนกลายร่างเป็นธรรม!
คนที่อยู่ในขั้นนี้สามารถบุกเบิกก่อตั้งสำนักได้ จึงถูกยกย่องเป็นเจ้าสำนัก
แน่นอนว่า ไม่ใช่เจ้าสำนักทุกคนจะอยู่ในขั้นนี้ เพราะเจ้าสำนักเป็นแค่สมญานาม ไม่ใช่ขั้นบำเพ็ญที่ถูกต้องแม่นยำ เพียงแค่เจ้าสำนักส่วนใหญ่อยู่ในท่านนี้ก็เท่านั้น
เทพจื่อรื่อระเบิดโทสะ เนื้อตัวส่องแสงสีม่วง เสมือนดวงอาทิตย์ เจิดจ้าพร่าตา ทำให้ลืมตาไม่ขึ้น ปกติหมอกเป็นความสงบสุข แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยจิตสังหาร!
สือฮ่าวแสยะยิ้ม พูดออกมาแค่ว่า “แพ้พ่ายยับเยิน!”
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาเก็บอารมณ์ เพราะบ่อโคลนกำลังกระเพื่อมอย่างแรง ทางเข้าพร้อมเปิดทุกเมื่อ หมอกที่ผุดออกมาจากข้างล่างหนาแน่นขึ้นทุกที
หลังใช้กายเป็นพันธุ์สำเร็จแล้ว สือฮ่าวเองก็ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งถึงปานใด ตอนนี้ผู้สูงส่งทั้งสี่อยู่ตรงหน้า เป็นโอกาสทดลองที่ดีที่สุด
หลานเซียนยิ้ม เอ่ยปากว่า “ฮวง เจ้าแข็งแกร่งมาก ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ขั้นธรรมปลอมนั้นแตกต่าง หากเจ้าไม่ได้หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์ ก็รีบไปจากที่นี่เถอะ จะได้ไม่หาเรื่องใส่ตัว”
นางงดงามยิ่งนัก ใบหน้าเกลี้ยงเกลาขาวผ่องดุจหยก ดั่งเป็นผลงานชิ้นเอกของสวรรค์ หาจุดบกพร่องได้ยาก ดวงตาปานลูกแก้วสีฟ้าแลดูสุกใส
ผมสีฟ้าแผ่สยาย ชุดสีครามพลิ้วไหวตามแรงลม นางยืนอยู่ตรงนั้น ประหนึ่งเซียนจะเหาะไปกับลม
“งั้นหรือ ที่แท้ขั้นธรรมปลอมต้องพึ่งพาเมล็ดพันธุ์งั้นหรือ” สือฮ่าวแสยะยิ้ม ทำท่าเคร่งขรึมขึ้นมา “ที่นี่เป็นขั้นเทพสวรรค์ ถ้ำเซียนเป็นของที่นี่ พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแย่งชิง แถมจะตะเพิดข้า?”
“หากไม่ยอมไปล่ะก็ อาจโดนตีก็ได้นะ” หลานเซียนหยอกล้อสือฮ่าว ท่าทางผ่อนคลายอย่างมาก ไม่เห็นเป็นเรื่องจริงจัง
“ข้าคนนี้ไม่มีของชอบอื่นใด หนึ่งคือกิน ไม่ทราบว่าเจ้าเป็นเผ่าพันธุ์ใด? สองคือชอบแบกหญิงอ้วนกลับบ้าน อย่ายั่วข้า” สือฮ่าวจดจ้องแม่นางหลานเซียน
ผู้คนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก มีคนกล้าพูดกับหลานเซียนเช่นนี้ด้วยหรือ!
สำหรับคำถามแรกของสือฮ่าวนั้น หลานเซียนยังมองข้ามได้ แต่คำว่าหญิงอ้วนนั้นอ่อนไหวเหลือเกิน จึงกัดฟันพูดว่า “ไม่ยอมรับความหวังดี เจ้าได้เห็นดีแน่!”
“คนที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กำราบ!” เสียงเย็นเยือกดังขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้ สือฮ่าวเหลียวมองบาตรใบนั้นอีกครั้ง จ้องมหาโสดาเขม็ง
ตอนนี้ มหาโสดาปรากฏตัวแล้ว ยืนอยู่ตรงนั้น แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่อง ทำให้จ้องมองไม่ได้
เขาเป็นคนที่มีรูปโฉมทั่วไป ผิวเป็นสีเหลือง ประหนึ่งฉาบด้วยกระดาษสีทอง รูปร่างผ่ายผอม พนมมือ สวดมนต์เงียบๆ
บนหัวมีบาตรสีแดงใบหนึ่ง แลดูเก่าแก่ ลอยอยู่กลางอากาศ ปล่อยพลังธรรมออกมาเป็นสายๆ แผ่คลุมเขาไว้
นี่หรือมหาโสดา? ผู้คนแปลกใจ หลายคนเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก เขาธรรมดามาก แต่นอกจากสีผิวแล้ว มองไม่เห็นความวิเศษอะไร
แต่เขากลับได้สารีริกธาตุของสงฆ์โบราณ หลอมรวมกับร่างกาย ต้องบุกเบิกเส้นทางเหนือจินตนาการได้เป็นแน่ อาจเป็นอมตะก็ได้
“ไม่ใช่อาตมาพูด เจ้านี่เป็นคนพูดมาตลอด” มหาโสดาชี้ไปที่บาตร มีกะโหลกขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากตรงนั้น กะทันหันยิ่งนัก และน่ากลัวเหลือเกิน
เพราะหลังกะโหลกยื่นออกมา ก็ขยายใหญ่ขึ้นทันที เป็นดั่งขุนเขาสูงตั้งตระหง่าน บดเบียดเต็มนภา เกล็ดเย็นเยียบ หน้าตาน่ากลัว
ผู้คนตะลึงงัน หลังกะโหลกโผล่ออกมาจากบาตรใบเล็ก ไม่คิดว่าจะขยายใหญ่ได้ถึงขั้นนี้!
“มังกรแดง!”
หลังหลายคนเพ่งพินิจมองแล้ว ก็อดตกใจไม่ได้ มันเป็นมังกรหรือ เนื้อตัวแดงฉานดุจเลือด เกล็ดเหมือนหลอมจากโลหะ ใหญ่โตมโหฬาร
ผู้คนหายใจเข้าดังเฮือก นึกถึงตำนานเรื่องเล่า หลังมหาโสดาได้สารีริกธาตุ เคยตะลุยไปทั่วหล้า ขจัดปีศาจปราบมาร เคยกำราบปีศาจมังกร
“ตัวนี้หรือ ว่ากันว่ามีพลังแก่กล้า ความสามารถน่ากลัว เมื่อผู้เฒ่าสำนักเซียนรู้ไม่ยอมให้สังหารมัน เพราะคิดว่ามันมีพลังต่อสู้ที่หาได้ยาก!”
แม้แต่ผู้เฒ่าสำนักเซียนก็เสียดาย จะเห็นได้ว่าเหนือชั้นปานใด มันเป็นมังกรแดง แต่สายเลือดนับว่าบริสุทธิ์มากแล้ว
“ปีศาจมังกรตัวนี้ของเจ้าหรือที่พูดจาส่งเดชหลายครั้ง หยาบคายกับข้าหรือ?” สือฮ่าวถามเสียงเรียบ
“เป็นข้าแล้วอย่างไร? เจ้าโล้นไม่อยากฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แต่ข้าไม่กลัวเกรง จะมากำราบเจ้า!” มังกรแดงพุ่งออกจากบาตร พุ่งไปหาสือฮ่าวพร้อมกับสายลมคลั่ง
ร่างมันใหญ่โตจนน่าตกใจ ยาวยิ่งกว่าทิวเขาเสียอีก น่ากลัวยิ่งนัก ทำให้ที่นี่สั่นสะเทือนเลือนลั่น มิติแทบจะทลายแล้ว
ปรากฏการณ์ช่างน่าตะลึง ร่างใหญ่ขนาดนี้แต่กลับนอนขดอยู่ในบาตรใบเล็กๆ
ตูม!
ก้อนหินปลิวว่อน น้ำโคลนสาดกระจาย มิติแตกระแหง ที่นี่มองไม่เห็นอะไรเลย เกิดพายุคลั่งสีแดง พร้อมกับกระแสวน กลืนกินสรรพสิ่ง ก้อนหินหนักหลายสิบตันลอยเข้าไปก็กลายเป็นผุยผงทันที
จากนั้นก็มีหลุมดำปรากฏให้เห็นอยู่รำไร!
ปีศาจมังกรตัวนี้น่ากลัวปานใด? ผู้คนจินตนาการความสามารถของมันไม่ออก ถึงว่าตอนนั้นหลังถูกมหาโสดากำราบแล้ว ได้รับความสำคัญจากผู้เฒ่าสำนักเซียน ไว้ชีวิตมัน
ฟ้าดินถล่มทลาย!
นี่แหละความสามารถของปีศาจมังกร มันลงมือจะกำราบสือฮ่าว ทั้งที่ผู้สูงส่งทั้งสี่ยังไม่ทันลงมือด้วยซ้ำ
“ฮ่าฮ่า พลังสมบูรณ์แบบของขั้นธรรมปลอมเจ้าเข้าใจหรือไม่ แค่ปีศาจมังกรลงมือก็ปลิดชีพเจ้าได้แล้ว นายท่านเสียเปรียบเป็นเพราะยับยั้งพลังเท่านั้น”
เด็กรับใช้อนาถสิ้นดี ร่างกายครึ่งซีกเป็นแผลเหวอะหวะ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นอานุภาพของปีศาจมังกร ลมสีแดงปกคลุมที่นี่ เขาก็อดหัวเราะไม่ได้
แต่ทว่า ลมพัดกรรโชกเพียงชั่วพริบตา จู่ ก็หยุดชะงัก ฝุ่นสีแดงเต็มนภาหายไปจนหมด
ตรงกลางเหลือเพียงคนเดียว นั่นก็คือฮวง! ปีศาจมังกรหายไปไหนแล้ว? ทุกคนแปลกใจ เมื่อครู่มันยังสำแดงเดช แข็งแกร่งปานใดกัน
“ปีศาจมังกรล่ะ มันหายไปไหนเสียแล้ว?” เด็กรับใช้ฉงนใจ แม้แต่เขาก็งุนงง
คนอื่นก็สงสัยขึ้นมาชั่วขณะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ช่วยด้วย เจ้าโล้น ไต้ซือ ช่วยข้าด้วย!” ในตอนนี้เอง เสียงร้องของปีศาจมังกรแว่วมา น่าเวทนายิ่งนัก
ผู้คนต่างก็นิ่งงัน ในที่สุดก็เจอมันแล้ว ร่างใหญ่โตประหนึ่งขุนเขา เมื่อครู่ยังอวดดี สะเทือนฟ้าดิน ทว่าตอนนี้…
มันกลายเป็นเข็มขัด พันรอบเอวสือฮ่าว หัวกับหางกลายเป็นปลายเชือก ถูกมัดเข้าด้วยกัน!
ทุกคนมึนงง นี่เป็นปีศาจมังกรในตำนาน แม้แต่ผู้เฒ่าตำหนักเซียนก็เสียดาย และเมื่อครู่ยังน่ากลัวขนาดนั้น กลับถูกกำราบเช่นนี้
“ไม่ธรรมดา” นักพรตชีกู้ที่ปกติแล้วจะเงียบขรึมพูดน้อยเอ่ยปาก สวมชุดสีเทาเก่าๆ ใบหน้าเรียบเฉย
“เจ้าขี้แพ้ จอมอ้วนชุดสีฟ้ากับเจ้าโล้นคนนั้น เข้ามาให้หมด!” สือฮ่าวมองไปข้างหน้า
ผู้คนพูดไม่ออก เขาบ้าไปแล้วหรือ ถึงได้หาเรื่องผู้สูงส่งทั้งสาม
ตูม!
ในตอนนี้เอง เทพจื่อรื่อก็ลงมือ ทนไม่ไหวแล้ว ถูกเหน็บแนมว่าเป็นผู้แพ้ไม่หยุด มันจะกลายเป็นตราบาปของเขาไปตลอดกาล
ขณะที่เขาปล่อยหมัดออกมา มันก็ระเบิดลำแสง ราวกับพระอาทิตย์ระเบิด แสงโชติช่วงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เรื่องน่าตกใจเกิดขึ้นแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับผู้สูงส่งขั้นธรรมปลอมที่หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ สือฮ่าวปล่อยหมัดออกไปโดยตรง ทลายแสงสีม่วงจนสลายตัว!
ตึง!
ตอนนี้ ฟ้าถล่มดินทลาย หมอกกระเพื่อม ห้อมล้อมหมัดของสือฮ่าว เสมือนโลกทั้งใบกลับหัว ถูกทำลาย กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัว
ร่างเฉียดผ่านไป เทพจื่อรื่อคำรามในคอ กำลังแผดร้องด้วยความโกรธแค้น
จากนั้นผู้คนก็เห็น ร่างของฮวงดุจเทพเจ้าสงคราม อาบไฟสีทอง พุ่งไปหาหลานเซียนพร้อมกันอานุภาพมหาศาล
เสมือนมีดวงดาวมากมายไหลเวียนหน้ากำปั้นของเขา เคลื่อนไหว ตอบสนองเขา ผมของเขายาวสยาย นัยน์ตาเยือกเย็น มีลักษณะจะเขมือบปฐพี
ปัง!
หลังปล่อยหมัดออกไป มิติก็ถูกบดขยี้ ชนกับหลานเซียน
แสงสีฟ้าสาดกระจาย ร่างอรชรโอนเอน เต็มไปด้วยความตกใจ ใบหน้างดงามนิ่งงัน ไม่อยากเชื่อเลย
พลังแบบนี้น่ากลัวเหลือเกิน ทำให้ผู้สูงส่งหญิงตะลึงงัน มืองามเจ็บปวดรวดร้าว กำลังกระตุกเบาๆ!
ตึง!
ในตอนนี้เอง สือฮ่าวก็พุ่งไปหามหาโสดา กำปั้นกลายเป็นอินสีเงิน ด้านบนเต็มไปด้วยอักขระหลากชนิด ทั้งคุนเผิง ซวนหนี ประหลาดและน่ากลัว
อินโจมตีมหาโสดา ถูกบาตรขัดขวาง ปรากฏว่าอาวุธชิ้นนั้นเกิดเสียงดังสนั่น จากนั้นก็ระเบิด ถูกทำลายเสียแล้ว!
“สวรรค์ ข้าเห็นอะไรน่ะ นี่มันเรื่องจริงหรือ?!”
มีคนอุทานขึ้นมา ในตอนนี้เอง เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ฮวงโจมตีมือดีทั้งสามเพียงลำพัง!
จินตนาการได้ยากยิ่งนัก หนึ่งคนที่ไม่มีเมล็ดพันธุ์ แต่เขากลับองอาจไร้พ่ายแบบนี้ เขาตัวคนเดียว ต่อสู้กับผู้สูงส่งถึงสามคน อานุภาพสะเทือนจักรวาล สะเทือนขวัญทุกคน
“เขาไม่มีเมล็ดพันธุ์สูงส่ง ทำไมถึง…แข็งแกร่งปานนี้?” เด็กรับใช้หน้าซีด ริมฝีปากสั่นระริก เขาล้มลงกับพื้น เนื้อตัวสั่นเทา รู้สึกถึงความน่ากลัวของฮวงขึ้นมาจับใจ
ขณะที่ทุกคนกำลังตกใจ ก็ฉงนสนเท่ห์เช่นกัน นี่หรือความสามารถที่แท้จริงของฮวง ไม่มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ แต่ทำไมยังมาถึงขั้นนี้ได้?!
ที่นี่เดือดพล่าน!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น