Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ 1248-1255
บทที่ 1248 น้ำพุเหลือง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ผลไม้สีทองสว่างไสวสุดแสน รูปร่างคล้ายคลึงกับลูกไหน แต่ตอนนี้มันกำลังส่องแสงราวกับดวงตะวัน เจิดจ้ายิ่งนัก
กลิ่นหอมโชยแตะจมูก ชวนให้เคลิบเคลิ้ม ในความหอมที่แทบจะทำให้ลุ่มหลง ราวกับต้นฝิ่นที่ดึงดูดจิตใจของคนทั่วไปอย่างแสนสาหัส
มือของสือฮ่าวแทบจะสัมผัสกิ่งไม้สีทอง เด็ดผลไม้ลูกนั้นมาแล้ว ลำแสงเจิดจ้าสาดทอลงบนแขนของเขาแล้ว
จู่ๆ ความเย็นเยือกสุดขีดก็ทำให้ผิวหนังของเขาหดเกร็ง ขนลุกชูชันขึ้นมาทันที เขาถอยหลังเป็นพัลวัน อักขระผุดขึ้นจากท่อนแขน ก่อตัวเป็นม่านแสงแล้ว!
นี่เป็นความสงบ เป็นความศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่เงียบวิเวก และหอมกรุ่น ทุกอย่างล้วนสวยงาม แต่เพียงชั่วอึดใจ สือฮ่าวก็รู้สึกถึงอันตรายที่น่ากลัว
ราวกับอยู่ในความฝัน พลันก็รู้สึกว่ามีอสรพิษคืบคลานเข้ามาใกล้ อ้าปากเผยให้เห็นคมเขี้ยว จะเขมือบเขา ตกจากสวรรค์ลงไปในนรก กลายเป็นฝันร้ายในพริบตา
สือฮ่าวรวดเร็วมากพอ แต่ก็มีลำแสงสีทองทะลุมิติ พุ่งใส่แขนของเขาแล้วกัดกร่อน
เคร้ง!
เสียงโลหะกระทบกันดังบาดแก้วหู นี่เป็นการปะทะในช่วงเวลาอันสั้นแต่กลับอันตราย แมลงสีทองไม่กี่ตัว น่ากลัวเป็นที่สุด กำลังกัดแทะสือฮ่าว เมื่อเจอกับอักขระก็เกิดประกายไฟแตกกระจาย
ม่านแสงอักขระที่ก่อตัวจากเคล็ดวิชาทะลวงพวกมัน ค่อยๆ แหลกสลายหายไป น่ากลัวยิ่งนัก วิชาที่สือฮ่าวสำแดงในตอนนี้มีอย่างไหนที่ไม่สะเทือนปฐพีบ้าง?
แม้อักขระจะป่นปี้ แต่สุดท้ายก็เป็นอุปสรรคต่อความเร็วของพวกมัน สือฮ่าวเคลื่อนตัวหลบ เปิดถ้ำสวรรค์ ยืนอยู่นอกรัศมีสิบจั้งแล้วเพ่งพินิจมอง
มันเป็นแมลงสี่ตัว ยาวครึ่งเซี๊ยะ เนื้อตัวเป็นสีทอง ยามอยู่เฉยจะวิเศษเช่นเดียวกับกิ่งไม้ของผลน้ำพุเหลือง และไม่ครู่มันไม่มีพลังชีวิต จะแผ่รังสีอำมหิตแค่อยากเคลื่อนไหวเท่านั้น
เมื่อออกจากต้นผลน้ำพุเหลือง แมลงสี่ตัวก็กางปีกโปร่งแสง เผยคมเขี้ยวสีขาว มีเสียงดังปานอสรพิษแลบลิ้น
“ซิ่ว!”
ช่างรวดเร็วเหลือเกิน ปีกโปร่งแสงของพวกมันฉีกมิติ พุ่งเข้ามาประชิดอย่างง่ายดาย จากนั้นก็พ่นหมอกสีทองใส่สือฮ่าวทันที
หมอกพวกนี้กัดกร่อนห้วงมิติ ส่วนเขี้ยวของพวกมันก็แหลมคมยิ่งกว่า สามารถกัดกระดูกเทพสวรรค์ให้หักได้ ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อกายเนื้อของเจ้าสำนักถึงชีวิต
วิธีโจมตีของแมลงสี่ตัวมีหลากหลาย กลายเป็นลำแสงสี่เส้นพุ่งไปพุ่งมา เพียงชั่วพริบตาก็โจมตีสือฮ่าวหลายร้อยกระบวนท่าแล้ว
สือฮ่าวปน้าถอดสี แมลงพวกนี้โหดเหี้ยมอย่างยิ่ง ปล่อยเคล็ดวิชานานาชนิดออกมา ทุกครั้งที่พวกมันกัดแทะ จะทำให้มิติแยกออก กดทับจนถ้ำสวรรค์หนึ่งเดียวของเขาบิดเบี้ยว
ยืนยันได้ว่า หากเทพสวรรค์คนอื่นมาที่นี่ แม้แต่แมลงตัวหนึ่งก็ต้านทานไม่ได้ จะถูกสังหารในทันที ปราศจากข้อกังขาใด
สิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดในสถานที่พิเศษล้วนไม่ธรรมดา ยิ่งใหญ่และดุร้ายเป็นที่สุด ทั้งที่เป็นแค่แมลงเท่านั้น!
แน่นอนว่า หากคนอื่นเห็นคงจะไม่คิดเช่นนี้ มันเป็นแมลงน้ำพุเหลืองในตำนาน มัดจะมีต้นกำเนิดมาจากขุมนรก หนึ่งในสิบแมลงที่เลื่องชื่อลือชา!
ของแบบนี้มีการเจริญเติบโตไร้ขีดจำกัด กลายเป็นแมลงเซียนได้
แมลงพวกนี้ไม่ได้ถือกำเนิดในสถานที่น่ากลัว แต่อยู่ในละแวกยาขั้นเทพ นับว่าเป็นการกลายพันธุ์ แม้ตอนนี้จะเป็นศพ แต่ก็เป็นศพเซียน มีพลังมงคล ทำให้พวกมันดูแตกต่างจากเดิม ยามเกาะบนต้นไม้ไม่ขยับเขยื้อน จะกระจายกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์
ชิ้ง!
ลำแสงสีทองสี่เส้นพุ่งมา พร้อมกับกรีดร้อง เสียงแหลมบาดหูยิ่งนัก จินตนาการไม่ออกเลยว่ามันมาจากแมลงสี่ตัว มันเหมือนกับภูตผีร่ำไห้ ชวนให้ขนหัวลุก
เมื่อสือฮ่าวลงมือ ก้านหลิวพุ่งออกไปไม่หยุด มันก่อตัวจากอักขระ กลายเป็นโซ่ระเบียบ บดขยี้แมลงสี่ตัว
แมลงน้ำพุเหลืองกางปีกดังพรึ่บพรั่บ ทำให้มิติกับผืนดินเกิดการตอบสนอง จากนั้นมิติก็ถล่ม
ตึง!
มีดวงแสงปะทุ เกิดการระเบิดครั้งรุนแรง พลังวิเศษเดือดพล่าน มิติกำลังดับสูญ น่ากลัวเป็นล้นพ้น
หากคนอื่นอยู่ที่นี่ ไม่รู้จักแมลงน้ำพุเหลืองล่ะก็ คงจะตะลึงพรึงเพริด ไม่อยากจะเชื่อ ทั้งที่เป็นแค่แมลง แต่กลับอหังการถึงเพียงนี้
โซ่ระเบียบสีทองจู่โจม ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว ปะทะกับแมลงไม่หยุด แมลงสี่ตัวกรีดร้อง ความสงบในตอนแรกมลายหายไป แฝงกลิ่นอายของปรโลก พุ่งจู่โจมต่อเนื่อง
ตูม!
ระเบิดของวิชาเทพหลิวหวดแมลงตัวหนึ่งจนกระเด็นออกไป ตกลงไปในทะเลสีทองดังตูม เกิดคลื่นเป็นระลอก ไอน้ำพวยพุ่ง
อีกสามตัวกรีดร้องพร้อมกับกระพือปีก โหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิม
ตูม!
สือฮ่าวสำแดงวิชาคุนเผิง จากนั้นเขาก็ประสานอิน ปักษาตัวแล้วตัวเล่าปรากฏตัว พุ่งทะลุมิติไปหาแมลงสามตัวนั้น ทำให้แมลงทั้งสามชุลมุนวุ่นวาย
เมื่อสำแดงเคล็ดวิชาหลายชนิดแล้ว สือฮ่าวพบว่าวิชาคุนเผิงเหมาะแก่การต่อกรกับแมลงน้ำพุเหลืองที่สุด มีการยับยั้งตามธรรมชาติของเผ่าพันธุ์ นกกำราบแมลง
แมลงหลายตัวกระจายแสงโชติช่วง จากนั้นตัวก็ขยายใหญ่ขึ้น สุดท้ายก็อ้าปาก ปล่อยเส้นใยสีขาวออกมาประหนึ่งใยแมงมุม จะพันธนาการสือฮ่าว
พวกมันเชื่อมต่อกันเป็นตาข่าย ปกคลุมปักษาเทพเจ้าที่ปรากฏกายกลางอากาศ และจะกำจัดสือฮ่าว มีเสียงร้องของแมลงดังระงม
ปัง!
สือฮ่าวคว้าตาข่ายไว้แล้วออกแรงกระชาก พบว่ามันทนทานผิดปกติ ฉีกขาดได้ยาก ต่อให้เขาคำรามลั่น ก็ขาดเพียงสองเส้นเท่านั้น
ชิ้ง!
สายฟ้าเส้นแล้วเส้นเล่าผนึกกำลัง เขาสำแดงวิชาจักรพรรดิสายฟ้า โจมตีแมลงสามตัว
ยิ่งไปกว่านั้น วิชาคุนเผิงถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อคุนเผิงถูกจองจำไม่ขาดสาย เขาจึงถอดใจ กระตุ้นอักขระอื่นๆ โจมตีพวกมัน
สือฮ่าวไม่คิดเลยว่า แมลงสามตัวจะทำให้ต้องทุ่มเทสุดพลัง สิ้นเปลืองวิธีการปานนี้ แต่ก็ไม่อาจสังหารพวกมันได้
แน่นอนว่า หากคนอื่นรู้ ต้องสูดหายใจดังเฮือก รู้สึกเนื้อตัวเย็นเยือก หากแมลงชนิดนี้ปรากฏตัว หายนะจะบังเกิด
ขอเพียงเจริญเติบโต เขมือบสิ่งมีชีวิต ฉีกกายเนื้อและดวงจิต จะต้านทานไม่ได้ แค่แมลงไม่กี่ตัวเช่นนี้ ก็สามารถกวาดล้างมือดีขั้นเทพสวรรค์ได้อย่างไร้เทียมทาน
ซิ่ว!
จู่ๆ ก็มีแสงทองพุ่งออกจากแม่น้ำเส้นนั้น จะโจมตีสือฮ่าว พุ่งตรงมาที่ช่องท้องของเขา มันเป็นตัวที่สือฮ่าวเคยหวดจนกระเด็นออกไป
นัยน์ตาของสือฮ่าวเยือกเย็น เก็บถ้ำสวรรค์เข้าไปในท้องทันที ปล่อยให้แมลงพุ่งมา จากนั้นก็ทำให้ถ้ำสวรรค์ระเบิดในพริบตา
ตอนที่เขาบรรลุเคยสัมผัสได้ว่า ชั่วอึดใจที่ขีดจำกัดระเบิด จะก่อตัวเป็นพลังน่ากลัวเหนือจินตนาการ สามารถทำลายทุกสิ่งกีดขวางให้ราบคาบได้
เป็นอย่างที่คิด แมลงตัวนั้นเพิ่งพุ่งเข้ามา ก็เผชิญหน้ากับการระเบิดของขีดจำกัดพอดี พลังหยินหยางพุ่งชน พลังความเป็นและความตายปะทุ ทำให้แมลงติดอยู่ในวังวนพายุคลั่ง
ผลุบ!
แมลงตัวนี้แหลกละเอียด เลือดและเนื้อสาดกระจาย แมลงน้ำพุเหลืองตัวแรกถูกสังหารแล้ว
มันทำให้เกิดความตื่นตระหนก อีกสามตัวต่างก็ตกตะลึง
แต่ไม่นานพวกมันก็สงบนิ่งดังเดิม กรีดร้องพลางแผ่รังสีอำมหิตน่ากลัว กระโจนใส่สือฮ่าวทั้งหมด พร้อมกับใช้ตาข่ายป้องกันตัว ต่อต้านเคล็ดวิชาของสือฮ่าว ใช้กายเนื้อพุ่งเข้าประชิด จะมุดเข้าไปในตัวสือฮ่าว
“เคร้ง!”
มีกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งออกจากหน้าผากของสือฮ่าว ขยายใหญ่ทันที ฟันแมลงที่พุ่งหาหน้าผากของเขาเข้าอย่างจัง ขาดเป็นสองท่อนทันที
มันเป็นกระบี่เซียนต้าหลัว อย่างน้อยสือฮ่าวก็ยังไม่เคยเห็นกระบี่ที่คมกริบกว่ามัน และแข็งแรงกว่ามัน เขาปล่อยให้กระบี่พุ่งออกมา ปะทะกับแมลงตัวนี้พอดี จึงปลิดชีพมัน
อีกสองตัวหวาดหวั่นพรั่นพรึง เมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองตัวถูกฆ่าอย่างต่อเนื่อง หนึ่งตัวในนั้นลังเลเล็กน้อย เริ่มเชื่องช้าลง
สือฮ่าวพนมมือ รวดเร็วดุจสายฟ้า หนีบแมลงตัวนี้ไว้แม่นและแม่นยำ ดังครืนครัน เกิดประกายไฟแตกกระเด็น
แมลงตัวนี้กรีดร้อง พยายามพุ่งเข้าไปในกายเนื้อของสือฮ่าว มันแข็งแรงจนน่าตกใจ มันควรจะเจริญเติบโตในนรก น่ากลัวเป็นที่สุด
เลือดไหลออกจากฝ่ามือสือฮ่าว พร้อมกับเสียงดังกรอบแกรบ แมลงตัวนั้นเสียดสีกับกระดูก ทำให้รู้สึกเจ็บปวด
แมลงอีกตัวเห็นก็ดีใจ พุ่งมาทันใด อยากมุดเข้าไปในตัวสือฮ่าว เพื่อใช้พิษฆ่าเขาเช่นกัน
ผลุบ
มีเสียงดังขึ้นเบาๆ เสมือนมีอะไรบางอย่างถูกบดขยี้ สือฮ่าวพลิกฝ่ามือ ของเหลวร่วงลงมา แมลงที่มุดเข้าไปในฝ่ามือของเขาถูกฉีกจนแหลกลาญ
เมื่อครู่ แมลงเข้าไปในตัวเขา แต่ถูกกระดูกขัดขวาง ทำให้ขยับไม่ได้ ถูกบีบจนแหลกละเอียด
ก่อนหน้านี้สือฮ่าวใช้ไผ่พ้นภัยอาบชำระกาย ขัดเกลากระดูก ทำให้แข็งแกร่งถึงขั้นจินตนาการไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ครั้งนี้อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันได้
ยิ่งไปกว่านั้น พิษของแมลงน้ำพุเหลือง ทำอะไรเขาไม่ได้!
ไผ่พ้นภัยสามารถกำจัดความชั่วร้ายทุกประการได้ ทั้งคำสาปและพิษ
ฝ่ามือสือฮ่าวก็เป็นแผลเช่นกัน ผิวหนังถูกทะลวง เลือดไหลออกมา พร้อมกับแสงสว่างแวววาวและเจิดจ้า หลังพลังแบบนี้แผ่ซ่าน ก็ทำให้แมลงตัวสุดท้ายสั่นระริก
กลิ่นอายของไผ่พ้นภัย ทำให้มันแตกตื่น!
ชิ้ง!
สือฮ่าวลงมือจับมันไว้ จากนั้นยกมือมามองอย่างถี่ถ้วน มันเป็นแมลงวิเศษ
“ไม่รู้ว่าหากผีเสื้อจักรพรรดิคืนชีพจะสั่งแมลงพวกนี้ได้ไหม?” สือฮ่าวละล้าละลัง ไม่เก็บมันไว้ ออกแรงบีบจนมันผิดรูป ทำให้กายเนื้อของมันกรอบแกรบ สุดท้ายก็แหลกสลาย
ผลุบ!
เขาหิ้วกระบี่เซียนต้าหลัว จากนั้นตวัดขึ้น ฟันมันจนแหลกละเอียดเป็นเนื้อสับ จะได้ไม่คืนชีพอีกครั้ง
ในที่สุดที่นี่ก็สงบลง สือฮ่าวสังเกตอย่างถี่ถ้วน ไม่มีแมลงน้ำพุเหลืองแล้ว มีแค่พืชสีทองสามต้น แผ่รัศมีเจิดจ้า
ต้นแรกไม่มีผลไม้ มีเพียงกิ่งไม้ เห็นได้ชัดว่าถูกแมลงน้ำพุเหลืองกินไปแล้ว
ต้นที่สองที่ผลไม้สามลูก ต้นที่สามมีห้าลูก ต่างก็เป็นสีทอง บาดตาเป็นที่สุด กลิ่นหอมชวนให้ลุ่มหลง เคลิบเคลิ้ม
สือฮ่าวสำรวจรอบตัว หลังมั่นใจว่าไม่มีอันตรายแล้ว เขาก็เด็ดผลไม้สีทองลงมา จากนั้นก็กลืนลงท้องไป
“เกี่ยวข้องกับน้ำพุเหลืองไหม?”
สือฮ่าวไม่เข้าใจ ผลไม้วิเศษเหลือเกิน มันทำให้จิตใจผ่อนคลาย จมดิ่งอยู่ข้างใน ทำให้เลิกคิดถึงเรื่องราวร้ายๆ
ไม่ว่าจะมองอย่างไร มันก็เป็นเรื่องดีงาม ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับนรกหรือน้ำพุเหลืองเลยสักนิด
เมื่อเทียบกันแล้ว ที่นี่ปลอดภัยว่าบริเวณไผ่พ้นภัยมาก และไม่มีเรื่องที่อันตรายมากเป็นพิเศษเกิดขึ้น
สือฮ่าวางใจ เริ่มกัดกินผลไม้ ชั่ววินาทีที่เข้าปาก กลิ่นหอมก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เมื่อเปลือกของมันปริแตก กลิ่นหอมก็พุ่งทะยาน เนื้อตัวของเขาก็กระจายกลิ่นหอมประหลาด กลายเป็นคนที่มีกลิ่นอายหอมหวน
ยิ่งไปกว่านั้น ลำแสงมากมายพุ่งขึ้น ไหลเวียนในกายเนื้อ จากนั้นก็ไหลไปบรรจบกันที่หน้าผากของเขา
สือฮ่าวตะลึงพรึงเพริด ลำแสงจำนวนมหาศาลกำลังผนึกกำลัง รวมตัวกันในกระดูก ห้วงความคิด ดวงจิตของเขากำลังแข็งแกร่งมากขึ้น!
เขาสำแดงวิชาวิเศษ ไม่มีทางปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปเด็ดขาด
ผลน้ำพุเหลืองมีประโยชน์ ส่งผลกระทบต่อพลังจิต ทำให้มันเติบโต มีร่างสว่างไสวปรากฏขึ้นตรงหน้าผากของเขา นั่งขัดสมาธิ สวดมนต์ส่งเสริมกำลังอยู่ตรงนั้น!
…………………………………………………………………………………………………….
บทที่ 1249 บรรลุธรรม
โดย
Ink Stone_Fantasy
ร่างนั่นมีขนาดไม่ใหญ่ นั่งขัดสมาธิอยู่หน้ากระดูกหน้าผาก แต่กลับสง่างาม เหมือนสือฮ่าวราวกับแกะ แต่เคร่งขรึมและน่ายำเกรงกว่าเขามากโข
เขาเป็นเหมือนเทพเจ้าปฐมกาล และเป็นเหมือนเซียน นิ่งไม่ไหวติง ปากกำลังสวดมนต์ เปล่งแสงสว่างออกมาเส้นแล้วเส้นเล่า เคล้าด้วยหมอกขมุกขมัว
จากนั้น พลังเซียนสามเส้นก็ไหลเวียน ห้อมล้อมร่างที่มีขนาดสูงเท่ากำปั้น ขับให้เขาแลดูน่าเกรงขามยิ่งกว่าเดิม ไม่อาจรุกรานได้
สือฮ่าวดำดิ่งอยู่ในภวังค์สมาธิ วิชาหลอมจิตกำลังสำแดง ทำงานด้วยตัวมันเอง สร้างดวงจิตของเขา ชักนำพลังของผลน้ำพุเหลืองเข้ามา ขัดเกลาพลังจิตของตัวเอง
บทสวดมนต์ลึกลับ ตั้งแต่การหยั่งรู้ดั้งเดิมไปจนถึงวิชาวัฏจักร ค่อยๆ ไหลเวียน ปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็กลายเป็นอักษร ประทับตราลงบนร่างนั้นทั้งหมด
มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มหัศจรรย์ สือฮ่าวรู้สึกว่าตนกำลังบรรลุ กำลังหยั่งรู้ พลังทั้งหลายไหลผ่านหัวใจของเขา ชัดเจนยิ่งขึ้น เข้าใจลึกซึ้งกว่าเมื่อก่อน
หลายสิ่งหลายอย่างคิดว่าครอบครองมันแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งพบว่า มันลึกซึ้งได้มากกว่านั้น บัดนี้จิตกำลังยกระดับ ทำให้พลังบรรลุธรรมของเขาก้าวหน้า ขั้นบำเพ็ญเพียรกำลังเพิ่มขึ้น
ไม่คิดว่าจะทำเช่นนี้ได้ด้วย!
นี่เป็นโชคชั้นใหญ่เหนือจินตนาการ แค่ผลน้ำพุเหลืองผลเดียว ก็ทำให้จิตของสือฮ่าวกำลังแข็งแกร่ง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าตะลึง
ร่างสูงเท่ากำปั้นลอยอยู่กลางอากาศ นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าสือฮ่าว หลุดออกจากร่าง กำลังหยั่งรู้หลักการและกฎเกณฑ์ท่ามกลางธรรมชาติ
เพียงชั่วพริบตา จู่ๆ วิชาหลอมจิตก็หยุดลง มีแค่ร่างนั้นกำลังสวดมนต์ตามสัญชาตญาณ ซึมซับพลังทั้งหลาย!
สือฮ่าวไม่ขยับตัว มีเพียงร่างสูงเท่ากำปั้นที่ก่อตัวจากจิตนั่งอยู่ตรงนั้น แท้จริงแล้วมันคือตัวเขา ตอนนี้เขากำลังสวดมนต์ต่างๆ นานา
แสงสว่างกะพริบแปลบปลาบ เขาจมอยู่ในภาวะประหลาดและอธิบายไม่ได้ ราวกับกำลังเวียนว่ายตายเกิด กำลังผ่านการเกิดใหม่อันยาวนาน เขาอีกคนกำลังเดินมาจากมิติอันเลือนราง จะมีชีวิตอยู่ในภพนี้!
การหยั่งรู้ดั้งเดิมกำลังสำแดง ชัดเจนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ที่ผ่านมาเขาบำเพ็ญเพียรไม่หยุด เมื่อพลังแก่กล้าขึ้นเขาถึงได้เข้าใจ แต่ตอนนี้มันกำลังเชื่อมต่อและบรรจบกัน ลึกล้ำ ลึกซึ้งกว่าที่จินตนาการไว้เสียอีก!
ในอดีตคิดว่าหยั่งรู้อย่างถ่องแท้แล้ว แต่ตอนนี้ดูแล้วยังไม่ถึงแก่นแท้ ห่างไกลมากโข กระทั่งบัดนี้ เขาถึงบรรลุคัมภีร์ม้วนนี้อย่างถ่องแท้!
การหยั่งรู้ดั้งเดิมไม่ใช่เคล็ดวิชา ไม่ใช่วิชาสวรรค์ เป็นวิชาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก หลักการที่ดั้งเดิมที่สุด เมื่อครอบครองมันจึงจะเข้าใกล้แก่นแท้ของจักรวาลแห่งนี้ได้
มันเปลี่ยนความสลับซับซ้อนเป็นสั้นกระชับ ทำให้ทุกความวิเศษก่อตัวเป็นรูปร่างได้ เห็นทุกความลี้ลับเป็นเรียบง่าย
เปลี่ยนซับซ้อนเป็นง่ายดาย หลักการกระชับอย่างยิ่ง!
มันไม่ใช่ปัญหาของการศึกษามันแล้วเข้าใจความหมายของมัน แต่เป็นการเข้าใจความหมายแก่นแท้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เข้าใจเชิงอักษร!
ชั่ววินาทีที่จิตใจบรรลุ สือฮ่าวมีความรู้สึกกระจ่างใจพลัน ทุกอย่างชัดเจนปานนั้น เมื่อย้อนกลับไปมองสิ่งที่ตัวเองเคยศึกษา มันไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว
“คัมภีร์ที่ล้ำค่าที่สุด ของที่เลอค่าที่สุดอยู่กับข้าตลอดมา เพียงแค่ไม่เข้าใจอย่างสิ้นเชิงก็เท่านั้น” เขารู้สึกได้
บางทีอาจไม่ใช่แค่เขา ทุกคนในโลกล้วนไม่เคยรู้จักแก่นแท้ของการหยั่งรู้ดั้งเดิม มันทำให้คนคนหนึ่งมองโลก มองพลังทั้งหลายในปฐพีด้วยสายตาที่แตกต่างจากเมื่อก่อนได้
เปลี่ยนเสื่อมโทรมเป็นมหัศจรรย์! ในวันวาน สือฮ่าวเคยสัมผัสได้บางส่วน แต่เมื่อเทียบกับตอนนี้มันเป็นแค่ผิวเผิน!
ตอนนี้เขาเข้าใจอย่างแท้จริงแล้วว่า อะไรคือเปลี่ยนความเสื่อมโทรมเป็นความวิเศษ อักขระที่เรียบง่ายที่สุด สามารถสร้างญาณวิเศษที่อัศจรรย์ที่สุดได้เช่นกัน เคล็ดวิชาที่ธรรมดาก็มีวันที่เปล่งประกายได้เช่นกัน
ไม่มีอักขระที่ไร้ประโยชน์ และไม่มีเคล็ดวิชาที่อานุภาพเบาบาง เพียงแค่ยังไม่ถึงวันเจิดจรัสของมันก็เท่านั้น
แน่นอนว่าหากญาณวิเศษแข็งแกร่งมากพอ จุดเริ่มต้นอาจสูงกว่า
การหยั่งรู้ดั้งเดิมไม่ปฏิเสธญาณวิเศษสูงส่งเช่นวิชาคุนเผิงหรือวิชาจักรพรรดิสายฟ้า มีแต่จะทำให้วิชาเหล่านี้แข็งแกร่งมากขึ้น ขับเคลื่อนด้วยพลังที่ดั้งเดิมที่สุด
“ข้าจะแข็งแกร่งกว่าเดิม!”
สือฮ่าวมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง เขามีการหยั่งรู้อย่างลึกซึ้ง ราวกับตื่นจากความฝัน บรรลุธรรมในพริบตา
ก่อนหน้านี้ เขาก็จองหองพองขน คิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในขั้นเทพเจ้า!
จนตอนนี้เขาเพิ่งเข้าใจว่า ตอนนั้นอวดดีเกินไป มีเพียงการเข้าใจอย่างถ่องแท้ ณ ตอนนี้ เขาถึงได้รู้สึกว่าหนึ่งในไม่กี่คนที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว
และเขาเชื่อว่า เคยมีคนศึกษาพลังแบบนี้ แม้จะไม่ผ่านการหยั่งรู้ดั้งเดิม ผ่านวิชาอื่นก็บรรลุได้เช่นกัน ย่อมมีสักวันที่จะตื่นรู้
สำหรับสือฮ่าวแล้ว การหยั่งรู้ดั้งเดิมไม่ใช่คัมภีร์ไร้พ่ายแต่อย่างใด แต่เป็รนคัมภีร์ที่มีประโยชน์มากที่สุด กระตุ้นก้นบึ้งของหัวใจเขา ทำให้เขาบรรลุ
ทุกอย่างกะทันหันเช่นนี้ หลังกินผลน้ำพุเหลืองแล้ว ชั่ววินาทีที่ดวงจิตแก่กล้า และร่ายมนต์นั้น เขาก็อาศัยสิ่งนี้หยั่งรู้แก่นแท้จนถ่องแท้
ผลน้ำพุเหลืองไม่ใช่สิ่งสำคัญ เป็นแค่การกระตุ้น หากไม่มีโชคชั้นใหญ่ในครั้งนี้ สักวันมันก็จะถูกกระตุ้นด้วยสิ่งอื่น
เพียงแต่ว่าครั้งนี้ประจวบเหมาะ ทำให้เขาหยั่งรู้ล่วงหน้าเท่านั้น สะสมมาเพียงพอแล้ว ขาดเพียงแสงแห่งปัญญาเท่านั้น
ดวงจิตหยั่งรู้ คัมภีร์ส่งเสริม อักขระประทับตราลงบนร่างสูงเท่ากำปั้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนเบียดเสียดยัดเยียด ทำให้เขาดูศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขามมากขึ้น
วิชาหลอมจิตถูกขจัด ตอนนี้ไม่ทำงาน มีแค่สัญชาตญาณของสือฮ่าวที่กำลังสวดมนต์อยู่เท่านั้น
หลังการหยั่งรู้ดั้งเดิมถ่องแท้แล้ว จึงเริ่มสวดวิชาจักรพรรดิสายฟ้า วิชาหกสงสารวัฏ ราวกับเป็นวัฏจักร วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เหมือนกำลังหมุนเวียน…” กระทั่งสุดท้าย สือฮ่าวเกิดความรู้สึกเหมือนกำลังเกิดใหม่ เคล็ดวิชาหรือวิชาสวรรค์ทุกชนิด เหมือนเคยผ่านการศึกษามาแล้ว เพียงแค่ลืมเลือนไปในชาติก่อนเท่านั้น ตอนนี้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
พลังเซียนที่ห้อมล้อมดวงจิตลอยขึ้นเหนือศีรษะโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นดอกไม้ หนึ่งในนั้นมีสิ่งมีชีวิตอยู่ข้างใน กำลังทำสมาธิ สวดมนต์ เคล้าด้วยชิ้นส่วนของกาลเวลา ไม่ใช่ของภพนี้ ไม่ใช่อนาคต แต่คงอยู่ในอดีตที่ผ่านไปแล้วตลอดกาล
ดอกไม้ที่ก่อตัวจากพลังเซียนสามเส้นของสือฮ่าว มีหนึ่งดอกแตกต่างจากดอกอื่นอย่างสิ้นเชิง มีสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดอยู่ข้างใน
มันเหมือนตัวเขา ตัวเขาที่มีชีวิตอยู่ในอดีต วันวานที่ผ่านพ้นไปนานแล้ว
เพียงแค่ตอนนี้มันถูกเชื่อมต่อ เกิดการตอบสนองกับเขา เขารู้สึกถึงวัฏจักร ความรู้สึกเลือนรางเหมือนเขาเคยศึกษาสรรพวิชาในปฐพี ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากสิ่งนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่เขาบรรลุการหยั่งรู้ดั้งเดิมเมื่อครู่ ก็เกิดประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอดีตอย่างใหญ่หลวง
สิ่งมีชีวิตตนนั้นกำลังสวดมนต์ ถูกชิ้นส่วนของกาลเวลาห่อหุ้ม สูงส่งเกินเอื้อม เย้ยหยันเขาในภพนี้อย่างเยือกเย็นและไร้ความรู้สึก
มันทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวน มีประสบการณ์ที่ยากจะอธิบายได้ ทั้งหวาดกลัว ตื่นเต้นและรู้สึกแปลกใหม่ หลากหลายเต็มไปหมด
“ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดที่แท้จริง มีเพียงการวิวัฒนาการของแก่นแท้ชีวิตเท่านั้น…” กระทั่งตอนนี้ สือฮ่าวก็ไม่เชื่อทฤษฎีของการเกิดใหม่มากเท่าใดนัก เขากำลังอธิบายด้วยความเข้าใจของตัวเอง
การบรรลุธรรม การหยั่งรู้ขั้นที่ลึกซึ้งเป็นล้นพ้น!
นี่เป็นการเก็บเกี่ยวที่ใหญ่ที่สุดของสือฮ่าวในตอนนี้ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในดอกไม้เชื่อมต่อกับดวงจิต ศึกษาความหมายของธรรมนับพับนับหมื่นอย่างต่อเนื่อง สัมผัสความผันแปรอันโชกโชน ว่อกแว่กเพียงเสี้ยววินาที ราวกับผ่านไปแล้วนับร้อยชาติ วิเศษเหลือเกิน
อักขระนานาชนิดกระเพื่อมเหนือดวงจิตของสือฮ่าว
แต่ท้ายที่สุด มันเหลือเพียงหนึ่งบทที่สำคัญที่สุด ซึ่งก็คือการหยั่งรู้ดั้งเดิม กลายเป็นธาตุแท้ สิ่งอื่นเป็นเพียงเครื่องประดับ ลอยอยู่ข้างบน
สรรพวิชาผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงความดั้งเดิมเท่านั้นที่แท้จริงยิ่ง!
กระทั่งสุดท้าย การหยั่งรู้ดั้งเดิมกลายเป็นอักขระที่ซับซ้อนที่สุด ลอยลงมาจากดวงจิต ประทับลงบนดอกไม้ที่มีสิ่งมีชีวิตลึกลับอาศัยอยู่
อักขระเหล่านี้จะสลักลงบนกายของสิ่งมีชีวิตตนนั้น
จากนั้น ญาณวิเศษชนิดอื่นก็สว่างไสวขึ้นมา ไม่ใช่แค่ปรากฏขึ้นบนผิวกาย แต่มันเริ่มสลักลงในดวงจิต กระทั่งสุด้ทายก็หลุดร่วง ลอยไปประทับตราลงบนดอกไม้ที่อยู่ตรงกลางเหล่านั้น
“เอ๊ะ?” สือฮ่าวประหลาดใจ เขาตื่นจากภวังค์แล้ว
การวิวัฒนาการอันวิเศษ สิ่งหนึ่งเป็นอดีต อีกสิ่งเป็นปัจจุบันหรือ? ดอกไม้สองดอกให้ความหมายที่ต่างกัน
ส่วนคัมภีร์พวกนั้นก็กำลังละทิ้งด้วยความเจาะจงหรือ?
สือฮ่าวรู้สึกเหมือนตนคว้าอะไรบางอย่างไว้ได้ แต่ก็พลาดอะไรบางอย่างไป น่าเสียดายที่เขาตื่นจากภวังค์แล้ว ทุกอย่างสิ้นสุดลง อันตรธานหายไปแล้ว
ไม่รู้ว่าครั้งหน้าต่อไปหากเข้าสู่สภาวะนี้อีก ต้องรอถึงเมื่อใด
การเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ เขาเข้าใจการหยั่งรู้ดั้งเดิมอย่างถ่องแท้ นี่เป็นธาตุแท้!
“ดอกไม้อีกสองดอกจะให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตเมื่อใด? บางทีเมื่อถึงตอนนั้น ทุกอย่างจะแปรเปลี่ยนเป็นชัดเจน ข้าก็จะสำเร็จ!” สือฮ่าวพึมพำ
นี่เป็นสัญชาตญาณของเขา เป็นนิมิตอย่างหนึ่ง
เขารู้สึกว่าขั้นตอนเมื่อครู่เป็นแค่การวิวัฒนาการบางอย่าง ไม่ใช่ทั้งหมด มีเพียงการหยั่งรู้ดั้งเดิมและสิ่งมีชีวิตที่เหมือนดำรงอยู่ในอดีตประสานเป็นหนึ่งถึงจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์
วิชาอื่นและดอกไม้อีกสองดอกยังไม่สมบูรณ์
ตอนนี้เสียงสวดมนต์หยุดลงแล้ว และวิชาหลอมจิตเริ่มทำงาน ทำจิตให้แข็งแกร่ง ดูดซึมประโยชน์จากผลน้ำพุเหลืองต่อไป
เป็นเช่นเดียวกับตอนที่อยู่หน้าต้นไผ่พ้นภัย การเก็บเกี่ยวของสือฮ่าวไม่ใช่ยาขั้นเทพ แต่เป็นการหยั่งรู้อันอัศจรรย์!
ตอนนั้น เขาบำเพ็ญเพียรจนเกิดเค้าโครงของเส้นทาง และเข้าใจการหยั่งรู้ดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิงที่นี่ ซ้ำยังเชื่อมต่อกับสิ่งมีชีวิตในดอกไม้ ประหนึ่งวนเวียนอยู่ในวัฏจักร
“ข้าแข็งแกร่งขึ้นแล้ว!”
สือฮ่าวรู้สึกถึงความวิเศษของการหยั่งรู้ดั้งเดิมได้อย่างถ่องแท้ รู้สึกว่าควบคุมวิชาทั้งหลายได้ตามใจชอบ ราบรื่นกว่าเมื่อก่อน สามารถสำแดงอานุภาพที่เกินจินตนาการได้
เขารู้สึกว่า หากออกไปต่อสู้กับคนอื่นในขั้นเทพสวรรค์ตอนนี้ มันต้องวิเศษมากเป็นแน่ ไม่เป็นอันตราย เขาปรารถนาอยากจะทดลองผลสำเร็จของตนยิ่งนัก
เพียงแต่ว่า เขายังไปไม่ได้
ต่อมา ผลน้ำพุเหลืองก็สำแดงอานุภาพที่พึงมี ดวงจิตของสือฮ่าวกำลังแปรสภาพ!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด เขาสะลึมสะลือ ดวงจิตกำลังแข็งแกร่ง เสมือนจมดิ่งอยู่ในภวังค์
แต่ทว่า ความเย็นเยียบในเวลาต่อมาทำให้เขาสะดุ้งตื่นจากภวังค์
ชั่ววินาทีที่ลืมตา เขาก็เห็นแม่น้ำสีทองเคล้าด้วยพลังความตาย พลังชีวิตดับสูญ หลั่งไหลยังเส้นขอบฟ้าอันกว้างใหญ่และเวิ้งว้าง
รอบข้างเต็มไปด้วยศพ ไม่รู้ว่ามีมากเท่าใด กระจัดกระจายเป็นแผ่นดินกระดูกอันน่ากลัว ล้วนเป็นกระดูกเก่าแก่ แทบจะกลายเป็นผุยผงแล้ว
มันทำให้สือฮ่าวประหวั่นพรั่นพรึง เกิดอะไรขึ้น ที่นี่ที่ใด?
“ผลน้ำพุเหลือง…”
เขากระจ่างใจในพริบตา รู้ทันทีว่า ทำให้ผลไม้ชนิดนี้ถึงมีชื่อนี้ มันมีเหตุผลของมัน!
ผลน้ำพุเหลืองที่ดูศักดิ์สิทธิ์ สาดแสงสว่างในตอนแรก เขามองข้ามธาตุแท้ไป เห็นเพียงด้านที่สว่างไสวของมัน กระทั่งตอนนี้เขาเพิ่งตื่นรู้ว่ามันคือผลน้ำพุเหลือง
ณ ปลายทางของแม่น้ำสีเหลือง มีหน้าผาขนาดใหญ่ ข้างล่างมีภูเขาไฟใหญ่โตมหึมา ปากปล่องดำสนิท ราวกับขุมนรก
น้ำไหลลงไปข้างล่างอย่างเงียบเชียบ
มันคือนรกหรือ? ข้างในมีอะไร เสมือนสือฮ่าวได้ยินเสียงปีศาจกำลังคำราม และมีภูตผีมากเหลือคณานับกำลังดิ้นรน
ประหลาดยิ่งนัก เดิมทีปลายทางของแม่น้ำอยู่ไกลแสนไกล แต่ตอนนี้สือฮ่าวกลับมองเห็นหน้าผา เห็นขุมนรกกลางปล่องภูเขาไฟ
………………………………………………………………………………………………………………
1250 นรก
โดย
Ink Stone_Fantasy
น้ำพุเหลืองไหลหลั่ง นรกกว้างใหญ่ไพศาล
สือฮ่าวครุ่นคิด เขาอยู่ในความฝัน หรือถูกบีบบังคับมายังดินแดนประหลาดแห่งหนึ่ง?
กระดูกจำนวนมหาศาลกระจายอยู่ทั่วแผ่นดินโล่งกว้าง มากเหลือคณานับ เมื่อสายลมพัดมา ผงกระดูกก็ลอยขึ้นราวกับเม็ดทราย ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวเป็นที่สุด!
มันเป็นดินแดนแห่งความตาย ปราศจากสิ่งมีชีวิต ไม่เห็นพลังชีวิต มีเพียงความตายและความเสื่อมโทรม
สือฮ่าวหยิกตัวเอง เพื่อให้รู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ เจ็บจังเลย เขาเบิกตัวกว้าง รู้สึกว่าไม่น่าเชื่อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
เขา…มาถึงบริเวณนรกหรือ?
สือฮ่าวตกใจจริงๆ ทุกอย่างมันช่างเหลือเชื่อ ไม่นานก่อนหน้านี้ที่นี่ยังศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง แต่ตอนนี้กลับวังเวง เต็มไปด้วยกลิ่นอายความตายแบบนี้
เขากระทืบเท้าเบาๆ กระดูกบนพื้นลอยขึ้น ระเบิดกลางอากาศ ต้านทานแรงอันดุดันของเขาไม่ได้ ผงกระดูกขาวสะอาดโปรยปรายลงมา
สือฮ่าวไม่เข้าใจว่า ทำไมกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ ผลน้ำพุเหลืองมีอานุภาพแบบนี้ พาเขามายังอีกแดนหนึ่งหรือ?
เขาเดินไปข้างหน้า ตัดสินใจว่าจะดูให้แน่ชัด เขากางปีกคุนเผิง พร้อมกับควบสายฟ้า พุ่งผ่านฟากฟ้ากว้างไกล อยู่เหนือแผ่นดินที่เต็มไปด้วยพลังความตายแห่งนี้ ประหนึ่งเทพเจ้าเหินเวหา
หน้าผาตั้งตระหง่านตรงเส้นขอบฟ้า ปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ข้างล่างเขมือบทุกสิ่งปานหุบเหว
“เอ๊ะ?”
สือฮ่าวสะดุ้ง เขารู้สึกถึงพลังกลืนกินจะเขมือบเขา พลังมหาศาล ไร้สิ่งใดเทียบ ซ้ำยังต้านทานได้ยาก
เชารีบถอยหลังทันที ไม่อยากเป็นฝ่ายถูกกระทำ ต่อมาสือฮ่าวก็เดินห่างออกไปไกลแล้ว จึงทอดมองลงไปในปล่องภูเขาไฟด้วยเนตรสวรรค์
มีเสียงโหยหวนแว่วมาจากที่นั่นเป็นระลอกๆ เห็นปีศาจหลายตัวถูกโซ่พันธนาการ เลือดไหลอาบตัว กำลังคำรามและดิ้นทุรนทุราย
และมีวิญญาณวีรชนที่เหลือแต่โครงกระดูก เนื้อเน่าแปะอยู่ประปราย กำลังร้องโหยหวนอยู่ตรงนั้น น่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก เสมือนทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
ยิ่งไปกว่านั้น มีลาวากำลังหลั่งไหล มีภูตผีตกลงไป กลายเป็นควันเบาบางอย่างต่อเนื่อง ถูกเผาจนไม่เหลืออะไรเลย
มันไม่ใช่ลาวาทั่วไป แต่เจือกลิ่นคาวเลือด ได้กลิ่นตั้งแต่อยู่ไกลๆ นี่มันนรกอันวังเวงและน่ากลัวเป็นที่สุด
สือฮ่าวสูดหายใจดังเฮือก ถอยหลังไม่หยุด เขาฉงนสนเท่ห์ เข้ามาได้อย่างไรกันแน่?
จู่ๆ ปล่องภูเขาไฟมหึมาก็ระเบิด นรกโกลาหล สิ่งที่พ่นออกมาไม่ใช่ลาวา แต่เป็นกระดูก วิญญาณ หมอกดำเต็มนภา เสียงโหยหวนของสัตว์ประหลาดสะเทือนเลือนลั่น กระดูกกลายเป็นทุกอย่างของแดนนี้!
“สวรรค์!” สือฮ่าวอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้ ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยกระดูก พลังความตายท่วมท้นฟากฟ้า วิญญาณมากเหลือคณานับ กำลังลอยล่องไปทั่วฟ้าดิน
เขาเกิดสังหรณ์ใจไม่ดี จากนั้นก็รู้สึกว่าผืนแผ่นดินกำลังสั่นสะเทือนอย่างแรง ฟ้าดินกำลังพลิกผัน ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว
ฟิ้ว!
นรกในปล่องภูเขาไฟเกิดเสียงดังหวีดหวิว หมอกดำพุ่งทะลุฟ้า จากนั้นแสงสีเลือด สุดท้ายหมอกดำก็แผ่กระจาย
“ไม่!”
สือฮ่าวร้องเสียงหลง แม้จะขัดขืน ทอดมองอยู่ไกลๆ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ แดนมรณะทั้งผืนสั่นไหว ถูกพลังยิ่งใหญ่กระชาก จะจมหายไปในภูเขาไฟแล้ว
บนแผ่นดินกว้างใหญ่ แม้จะมีภูเขาสูงหร็อมแหร็ม ไม่มากเท่าใดนัก แต่ละลูกตระการตาและสูงทะลุฟ้า แต่ตอนนี้กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอันประหลาด ภูเขาลอยไปทางนรกที่อยู่ในปล่องภูเขาไฟราวกับเป็นฝุ่นผง
ไม่เพียงเท่านั้น กระดูก ก้อนหินอื่นๆ ก็เกลือกกลิ้ง ถูกดูดเข้าไปในนรก!
มันช่างน่าพรั่นพรึง แผ่นดินกว้างใหญ่ ไกลสุดลูกหูลูกตา ทัศนียภาพนับไม่ถ้วน แต่ตอนนี้กลับรวมเข้าด้วยกัน ตกลงไปในหุบเหวของภูเขาไฟ
มันไม่สอดคล้องกฎเกณฑ์ธรรมชาติเลยสักนิด อย่างน้อยขุนเขาบางส่วนก็ดูกว้างใหญ่กว่าภูเขาไฟ แต่ตอนนี้กลับถูกดูดเข้าไปเสียแล้ว
ตรงนั้นเหมือนหลุมดำ กลืนกินสรรพสิ่ง!
สือฮ่าวหลบหลีกไม่ได้ หนีไปไม่ได้ ถูกดูดเข้าไป ตกลงไปนรกมืดมนด้วยเช่นกัน
ตูม!
เขาไหลลงไปพร้อมกับก้อนหิน กระดูกและภูเขา หลายสิ่งหลายอย่างกระแทกตัวเขานับครั้งไม่ถ้วน หากเป็นคนทั่วไปคงเละเทะไปนานแล้ว
เนื้อตัวของสือฮ่าวเปล่งประกาย เปิดถ้ำสวรรค์หนึ่งเดียวคุ้มกันตัวเอง ไม่ให้ของพวกนั้นพุ่งชน แต่มันก็เทกระหน่ำลงมาไม่หยุด ภูเขาทั้งหลายบนพื้นดันตัวขึ้นมา เสมือนถูกอุกกาบาตพุ่งชน
ทำให้เขาแบกรับแรงกดดันมหาศาล ต่อให้เป็นเทพสวรรค์ ก็มีช่วงเวลาที่หมดแรงเช่นกัน
ยังดีที่สือฮ่าวยิ่งใหญ่มากพอ ต้านทานไว้ได้ทั้งหมด ปล่อยให้ภูเขานับพันนับหมื่นลูกกระแทกลงมาไม่ขาดสาย สรรพวิชาทำอะไรเขาไม่ได้ อักขระส่องประกายตามตัว บดขยี้ยอดเขาทั้งหลายจนกลายเป็นผุยผง!
ขณะเดียวกัน ยังมีภูเขามากมายตกลงมาจากที่ห่างไกล จมหายไปในลาวาแดงฉาน บางส่วนกลายเป็นเถ้าถ่านทันที บางส่วนก็จมลงไปราวกับเป็นเศษหิน เกิดริ้วคลื่นกระจายตัว
สือฮ่าวขนลุกขนชัน นี่มันอะไรกัน ลาวาจำนวนมหาศาล เขมือบทุกสิ่งทุกอย่างได้ ทำลายสรรพสิ่ง
เขามองเห็นแม้กระทั่งภูตผีปีศาจ ภายใต้การพุ่งชนของก้อนหินขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากลาวา พลันก็กรีดร้อง กลายเป็นหมอกควัน
สุดท้ายก็สงบลงเล็กน้อย ทุกสิ่งถูกเขมือบมาจนหมดสิ้นแล้ว ไม่มีของร่วงลงมาอีก โลกใต้พิภพปรากฏให้เห็นซึ่งๆ หน้าสือฮ่าวอย่างแท้จริง
เกิดเป็นเกาะที่ก่อตัวจากกระดูกกองแล้วกองเล่าโผล่ขึ้นเหนือลาวา ตำหนักโบราณสีดำปรากฏให้เห็น มีภูตผี วิญญาณเข้าออก
นอกจากนี้ มีแผ่นดินดำสนิทลอยอยู่บนผิวลาวา ข้างบนเต็มไปด้วยรูพรุนจำนวนมาก มันเป็นโพรงหิน มีภูตผีผลุบๆ โผล่ๆ นี่มันปรโลกชัดๆ
ผ่านไปไม่นาน เกาะกระดูกบางส่วนจะจมหายไป แผ่นดินสีดำก็แหลกสลาย ตกลงไปในลาวาสีแดง กลายเป็นผุยผง
ปีศาจเทพเจ้าทั้งหลายโหยหวน ดิ้นพล่าน กระดูกขาวมากมายยื่นออกมาจากลาวา แต่ไม่นานก็ละลายอย่างรวดเร็ว
ขุมนรกเป็นเช่นนี้นี่เอง!
มีเสาหินขนาดใหญ่โผล่พ้นออกมาจากทะเลลาวา สูงทะลุชั้นฟ้า ด้านบนมีปีศาจเทพสวรรค์ถูกพันธนาการ ได้รับความทรมาน ถูกเปลวไฟแผดเผา ถูกกระบี่ฟาดฟัน
บางส่วนถูกตัดลิ้น บางส่วนหัวหลุดออกจากบ่า ไม่สิ้นลมทันที ยังดิ้นรนอยู่ตรงนั้น
เรื่องน่ากลัวทั้งหลายกำลังเกิดขึ้น สือฮ่าวขนหัวลุก เขาสงสัยไม่น้อยเลยว่า มันเป็นเรื่องจริงหรือ? มีดินแดนประหลาดเช่นนี้อยู่ด้วย มันโหดเหี้ยมเหลือเกิน!
ตูม!
จู่ๆ ก็มีตำหนักสีทองลอยขึ้นมาจากทะเลลาวา ความร้อนระอุแผ่ซ่าน แถมยังมีพลังวิถีเซียน มีสิ่งมีชีวิตแผ่กระจายหมอกเซียน มันถูกพันธนาการด้วยโซ่ห้าเส้นที่สองแขนสองขากับกะโหลก ตรึงมันกลางอากาศ
ตอนนี้ สือฮ่าวรู้สึกถึงพลังวิถีเซียนอย่างแท้จริง!
แต่เหตุการณ์ต่อไปทำให้เขาตะลึงงัน โซ่ห้าเส้นกลายเป็นทองคำเซียนห้าสี สีสันแตกต่างกันออกไป ถูกตรึงจนตัวเหยียดตรง เริ่มกระชากคนคนนั้นแล้ว
“อ๊าก…” สิ่งมีชีวิตตนนั้นร้องลั่น หมอกเซียนกระจายตัว พลังศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่เหนือคำบรรยายกำลังซัดสาด อยากจะหลุดพ้น
ปรากฏว่า เสียงผลุบก็ดังต่อเนื่อง เลือดพุ่งกระฉูด โซ่ห้าเส้นถูกดึงจนตึง กระชากแขนขาและกะโหลกของมันจนขาด เลือดชุ่มโชก อนาถสิ้นดี
“นั่นเป็นเซียนหรือ?” สือฮ่าวตกตะลึง รู้สึกถึงกลิ่นอายแข็งแกร่งอย่างชัดเจน แต่สิ่งมีชีวิตตนนั้นก็ถูกแยกร่างเสียแล้ว
เสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นแว่วมา สิ่งมีชีวิตที่ถูกฉีกร่างตกลงไปในลาวาพร้อมกับตำหนักสีทอง และทองคำเซียนห้าสีที่พันธนาการมัน
ตอนนี้ กลิ่นคาวเลือดโชยมา ฉุนจมูกยิ่งนัก
มันคำราม กู่ร้องตะโกนก้อง แต่กลับทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็ตกลงไปในทะเลลาวา ถูกกัดกร่อนช้าๆ เนื้อตัวที่เปล่งประกายแปรเปลี่ยนเป็นดำสนิท พลังเซียนถดถอย พลังความตายกระเพื่อม
กระทั่งสุดท้าย มันจมหายไปโดยสิ้นเชิง มีเพียงฟองอากาศผุดออกมา จากนั้นหมอกสีดำก็แผ่ท่วมท้นท้องฟ้า
สิ้นชีวิตเช่นนี้เลยหรือ? สือฮ่าวเห็นฉากนี้ รู้สึกเนื้อตัวเย็นเฉียบ เหน็บหนาวเหลือเกิน
ไยจึงเห็นเรื่องแบบนี้ ทุกอย่างกะทันหันยิ่งนัก น่ากลัวจนทำให้เขาสั่นงันงก ไม่อยากเชื่อเลย
“ข้าไม่เชื่อ!” เขาตะโกนลั่น
เสียงตูมดังขึ้น เกาะที่ก่อตัวจากกระดูกโผล่ขึ้นจากลาวา ลาวาสีแดงไหลหลั่ง มีโซ่ผุดออกจากเกาะแล้วพันธนาการทันที
สือฮ่าวดิ้นพล่าน แต่หลีกหนีไม่พ้น และกระชากให้ขาดไม่ได้ เป็นเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตวิถีเซียนเมื่อครู่นี้ ถูกพันธนาการแล้วกระชากร่าง
แขนขาและลำคอของสือฮ่าวถูกโซ่เย็นเยียบพันธนาการ รัดแน่นเข้าไปในเลือดเนื้อ ร่างกายถูกดึงจนเหยียดตรง ขยับตัวไม่ได้เลย
ชีวิตเปราะบางเช่นนี้เองหรือ? เขาจะถูกกระชากร่างแล้ว!
ไม่นานก่อนหน้านี้ สือฮ่าวยังเปี่ยมด้วยพลัง เพราะเขาพบหนทางของตัวเอง แถมยังได้โชคชั้นใหญ่คับฟ้า เย้ยหยันรุ่นเดียวกัน แต่ตอนนี้กลับจนตรอกเช่นนี้ จะตายอยู่ในนรกแล้ว
ตอนแรกเขาไม่เชื่อว่านี่เป็นความจริง แต่ตอนนี้โซ่เย็นพันรอบคอเขา รัดแน่นจนลำคอแทบขาด มันสมจริงเหลือเกิน
“ลงทัณฑ์ของนรก!” เขาได้ยินเสียงที่อำมหิตและเลือดเย็นดังมาจากก้นบึ้งของทะเลลาวา จากนั้นโซ่ก็ถูกกระชากจนเป็นเหมือนกระบี่ เริ่มฉีกร่างของเขา
ผลุบ!
เกิดเสียงดังขึ้น สือฮ่าวรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวจนทนไม่ได้ เขาอดทนไม่เปล่งเสียง เลือดพุ่งกระฉูดขึ้นสูง
เสี้ยววินาทีสุดท้าย เขาเห็นหัวของตัวเองถูกกระชากจนหลุด แขนขาก็ขาดแล้ว ถูกแยกเป็นหลายชิ้น
นี่เป็นความเจ็บปวดเกินคำบรรยาย ทำให้เขารู้สึกทรมาน เขาจะตายแบบนี้ได้อย่างไร?
ใครทำแบบนี้กับเขา? สือฮ่าวแค้นใจ และรู้สึกโกรธเกรี้ยว เขาอยากแหงนหน้าคำรามจนทนไม่ไหว ปิดฉากแบบนี้มันอนาถเหลือเกิน
แต่ว่า เขาเปลี่ยนแปลงอะไรได้? แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่คล้ายว่าจะเป็นเซียนยังถูกฉีกกระชาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขา
“เจ็บใจนัก!” สือฮ่าวคำรามลั่นประหนึ่งปีศาจคลั่ง
แขนขาและกะโหลกของเขาก็ตกลงไปในลาวาพร้อมกับเกาะกระดูก ความร้อนซัดมา แผดเผาร่างกาย เลือดเนื้อแห้งเหือดโดยพลัน ลาวาเหล่านี้ปลิดชีพเทพเจ้าได้!
ต่อมาไม่นาน เลือดเนื้อของสือฮ่าวก็หายไป เหลือเพียงกระดูก
“หึหึ ฮ่าฮ่า…”
ตอนนี้ สือฮ่าวหมดสิ้นความเศร้าสลด และไม่โมโหอีกต่อไป แต่กลับยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะ
“ข้าไม่เชื่อว่านี่เป็นความจริง แม้มันจะสมจริงอย่างมาก ทำให้แยกไม่ออกว่าเป็นจริงหรือเท็จ แต่ข้าเชื่อว่า ทุกอย่างเป็นภาพลวงตา เกิดขึ้นในจิตของข้า” สือฮ่าวพูดเสียงเรียบ เขาสงบลงแล้ว
“มีบททดสอบอะไรอีก เข้ามาให้หมด!” เขาแผดคำราม
ต่อมา กระบี่เซียนเล่มหนึ่งก็พุ่งมา พร้อมกับแสงสว่างไสว ทิ่มแทงหน้าผากของเขาแล้วตรึงดวงจิตของเขาในพริบตา ทำให้เขาหน้ามืด ตกอยู่ในภวังค์อันมืดมิด ราวกับสิ้นชีพไปแล้ว
“ผลน้ำพุเหลืองไม่ธรรมดา สมชื่อจริงๆ ทำให้ข้าคิดว่าตัวเองอยู่ในนรก ตายไปเสียแล้ว” ท่ามกลางความมืด เขายังคงพึมพำอยู่
“ใช่ การขัดเกลาที่ทรมานที่สุด ประสบการณ์ที่ยากลำบากที่สุด จึงจะขัดเกลาสร้างจิตที่แข็งแกร่งได้ นี่หรือผลน้ำพุเหลือง? เข้ามาเลย!”
สือฮ่าวตะโกนลั่น เขาเชื่อมั่นว่าประสบการณ์นี้ไม่ใช่ของจริง ต่อให้ตอนนี้พิสูจน์และแยกแยะได้ยากก็ตาม
ปรมาจารย์สำนักเทพสวรรค์ไม่ได้บอกเขาว่าผลน้ำพุเหลืองมีความวิเศษอย่างไร บอกเพียงว่าช่วยทำให้ดวงจิตแข็งแกร่งได้ ตอนนี้เขากำลังรู้แจ้งท่ามกลางความทุกข์ทรมาน ประสบการณ์ที่ว่าไม่เป็นความจริง เป็นแค่การขัดเกลา
“ข้าจะแข็งแกรงขึ้น นรกเข้ามาเลย!” เขาตะโกนเสียงดัง
1251 อินสี่ภพ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ท่ามกลางความมืด สือฮ่าวรู้สึกว่าศีรษะ ลำตัวและแขนขาแยกออกจากกัน ตกลงไปในลาวา แผดเผาจนเหลือเพียงกระดูก เจ็บปวดรวดร้าวยิ่งนัก
แต่เขาเชื่อมั่นว่ามันเกิดจากการขาดสติสัมปชัญญะ ไม่ใช่ความจริง!
ทั้งนรก ภูตผีร่ำไห้และภาพที่เซียนถูกแยกร่างอะไรพวกนั้น เป็นของปลอมทั้งนั้น ล้วนเป็นภาพลวงตา
เขาเชื่อมั่นว่ายังยืนอยู่ที่เดิม เพียงแค่จมดิ่งอยู่ในโลกของจิต จึงมีภาพต่างๆ นานาเหล่านี้ มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่ตกใจกับสรรพคุณของผลน้ำพุเหลืองไม่ได้
เพราะมันสมจริงเหลือเกิน แทบจะไม่มีช่องโหว่อะไรเลย ราวกับกำลังประสบกับความโหดเหี้ยม ไม่เหมือนภาพมายาเลย
เขาคำรามลั่น อยากตื่นจากฝันร้าย ได้สติกลับคืนมาและควบคุมทุกอย่างโดยสิ้นเชิง!
ต่อให้นี่เป็นการขัดเกลาดวงจิต เป็นบททดสอบจำเป็นต่อการสร้างพลังจิตอันยิ่งใหญ่ให้เขา เขาก็อยากเป็นฝ่ายควบคุม ไม่ใช่ถูกกระทำให้ติดแหง็กอยู่ตรงนี้
ความมืดปกคลุมที่นี่ จิตของสือฮ่าวเลือนรางกว่าเดิม เสมือนจะแหลกสลาย ตกอยู่ในความว่างเปล่าตลอดกาล!
“ทุกอย่างเป็นความลวง ยังไม่ได้สติ!” สือฮ่าวตะโกนลั่น
เพียงแต่ว่า ยามเขาอ้าปาก ลาวาร้อนระอุจะทะลักเข้ามา และไหลออกทางลำคอ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีเลือดเนื้อแล้ว มีแค่กะโหลกและกระดูกแขนขาลอยอยู่ในของเหลวสีแดงเท่านั้น
ไยจึงสมจริงแบบนี้? ทำไมยังตื่นไม่ได้
สือฮ่าวพยายาม ทดลองตื่นครั้งแล้วครั้งเล่า ใช้วิธีการต่างๆ กระตุ้น แต่สติของเขากลับเลือนรางลงทุกที แทบจะสลายหายไปแล้ว
“ไม่ไหว ติดอยู่ในความมืดแบบนี้ ข้าจะไม่ตื่นตลอดไปหรือ?” จิตของสือฮ่าวพึมพำด้วยความอ่อนแรง รู้สึกพรั่นพรึงขึ้นมาบ้างแล้ว
ความทุกข์ของเขามีมากเหลือเกิน สิ่งที่เผชิญพิลึกสุดแสน หากจมอยู่ในทะเลลาวา อยู่ในสภาพไร้สติอย่างสิ้นเชิงแบบนี้ จะเกิดเหตุไม่คาดฝันหรือไม่?
แม้นี่จะเป็นโลกแห่งจิต อยู่ในความฝัน แต่หากได้รับอันตราย มันจะกระทบต่อการบำเพ็ญเพียรหรือไม่?
“น่าขัน นี่เป็นนรกของจริง ผลน้ำพุเหลืองเชื่อมต่อโลกความเป็นและความตายได้ มันอักขระประหลาดกลุ่มหนึ่งแฝงเร้นอยู่ ชั่ววินาทีที่ถูกเขมือบ เปิดพิกัดของมิติได้ ลากเจ้าลงสู่นรก”
ในความมืด มีเสียงเย็นเยือกดังขึ้น ปราศจากคลื่นอารมณ์ เสมือนเป็นผู้ตัดสิน
“ทำไมถึงเรียกว่าผลน้ำพุเหลือง นั่นเป็นเพราะมีพิกัดนรกซ่อนเร้นอยู่ เปิดประตูแดน พาเจ้ามุ่งหน้าสู่นรกได้ หากเจ้าตายอยู่ที่นี่ เช่นนั้นก็สูญสิ้นชีวิต หากว่ารอดไปได้ จิตจะได้รับการขัดเกลา”
คนคนนั้นพูดโดยปราศจากอารมณ์ใด
สือฮ่าวมึนงง จิตของเขายิ่งใหญ่มาก แต่ความทุกข์เมื่อครู่ช่างทรมานเหลือเกิน กระชากตัวแยกร่าง มีลาวาที่แผดเผาปีศาจเทพเจ้าได้ทะลักเข้ามา มันทรมานเหลือเกิน
ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วว่า มันไม่ใช่ห้วงความฝันที่เกิดจากผลน้ำพุเหลืองหรือ? นี่เป็นประสบการณ์จริงอย่างนั้นหรือ อักขระที่ซ่อนอยู่ในผลน้ำพุเหลือง เปิดประตูมิติได้จริงหรือ?
สือฮ่าวประหวั่นพรั่นพรึง น่ากลัวเหลือเกิน
แต่เขาก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี ผลน้ำพุเหลืองเหนือธรรมชาติเกินไปแล้วกระมัง
ไม่ว่าอย่างไร เขาจะปล่อยให้สติดับวูบไม่ได้ ไม่ว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่จะเป็นความจริงหรือมายา คงสติเท่านั้นจึงจะเป็นประโยชน์กับเขา มิเช่นนั้นจะเป็นปัญหาใหญ่
“ผลุบ!”
จากนั้นก็รู้สึกเหมือนกระดูกแหลกสลาย ถูกลาวาเผาทำลายจนสิ้นแล้ว ดวงจิตของเขากำลังปริแตก แยกออกเป็นหลายชิ้นแล้วหม่นแสงอย่างรวดเร็ว
“ไยจึงสมจริงแบบนี้ ข้าจะตายแล้วหรือ?” สือฮ่าวยังคงไม่เชื่อ แต่ความเจ็บปวดที่ดวงจิตแยกสลาย และสังหรณ์ใจเหมือนกำลังจะตายมันสมจริงเหลือเกิน
กระทั่งสุดท้าย เขายืนหยัดไม่ไหว ความมืดมิดอันเวิ้งว้างปกคลุมเขา ดวงจิตแหลกสลาย รู้สึกเหมือนตนไม่ดำรงอยู่อีกต่อไป จะดับสูญตลอดกาลแล้ว
ตอนนี้ เขาไม่มีแม้แต่กำลังจะขบคิด ไม่ไหวแล้วจริงๆ กลับคืนสู่ธุลีดิน สูญสลายไปชั่วนิรันดร์
สุดท้ายก็เกิดเสียงดังตูม สติของเขาดับสูญ ความมืดมิดท่วมท้นที่นี่
“วิปริตเหลือเกิน!” ชั่ววินาทีสุดท้าย สือฮ่าวก็ปล่อยดวงจิตอ่อนแรงสุดท้ายของตนออกมา หากเป็นโลกมายา มันไม่เหมือน แยกไม่ออกเลยสักนิด
หากเป็นความจริง เช่นนั้นเขาต้องตายเป็นแน่
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เกาะกระดูกผุดขึ้นกลางลาวา ผิวน้ำแดงฉาน เสมือนผ่านไปนานหลายปี ตรงนั้นมีเปลวไฟวูบไหว
ไฟวิญญาณปรากฏขึ้น สว่างโชติช่วงยิ่งนัก แตกต่างจากดวงอื่น
“ข้าเป็นใคร?” เขาปล่อยกระแสจิตอันเลือนรางออกมา
จากนั้นเขาก็เห็นกระบี่หม่นหมองเล่มหนึ่ง กับโครงกระดูกผุแตก และชุดเกราะจักรพรรดิสายฟ้าสนิมเขรอะ มันช่างคุ้นเคยเหลือเกิน
“ข้าจำได้ เมื่อมองพวกมัน ราวกับผ่านชีวิตของคนคนหนึ่ง” วิญญาณดวงนั้นพึมพำเช่นนี้ จากนั้นก็อุทานออกมาอย่างทนไม่ได้ เสมือนเจ็บปวดยิ่งนัก พยายามหวนคิดถึงอะไรบางอย่าง
ผ่านไปเช่นนี้หลายปี มีไฟวิญญาณบางส่วนปรากฏขึ้นบนเกาะกระดูกแล้วมอดดับ มีเพียงดวงนี้ที่พิเศษ วนเวียนรอบกระบี่และชุดเกราะ
กระทั่งวันหนึ่ง เขาเห็นกระดูกที่มีลักษณะพิเศษสองชิ้นท่ามกลางของเหล่านั้น เกิดความทรงจำใหม่ขึ้นมา
“การหยั่งรู้ดั้งเดิม ภาพหมื่นเทพเจ้า…”
เขากำลังระลึกความทรงจำอย่างเจ็บปวด จากนั้นก็ดิ้นรนสุดชีวิตด้วยความเจ็บแค้นใจ เจือด้วยความสิ้นหวัง
“ข้าเป็นคนที่มีชื่อว่าฮวง ข้าเป็นจักรพรรดิ ข้าชื่อสือฮ่าว?” ราวกับเขากำลังพึมพำ และเหมือนกำลังซักถามแก่นแท้ที่อยู่ในก้นบึ้งของวิญญาณ
เพียงแต่ว่า เขานึกรายละเอียดไม่ออก มีเพียงความทรงจำคร่าวๆ และเลือนราง เขาทรมานมาก อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีตกันแน่
เขาครุ่นคิด ดิ้นรนเช่นนี้ทุกวัน เผชิญหน้ากับวัตถุที่ไม่อาจทำลายได้ เขาพยายามฟื้นความทรงจำ มีชิ้นส่วนกะพริบเป็นครั้งคราว ทำให้เขาจำเรื่องราวในอดีตได้มากขึ้น
ผ่านไปปีแล้วปีเล่า เวลาสิ้นเปลืองที่สุดเมื่ออยู่ที่นี่ มันไร้ราคา ล่วงเลยผ่านไปไม่หยุด
เพียงพริบตาก็ผ่านไปหลายสิบปี วิญญาณวนเวียนรอบของเหล่านี้ จำเรื่องราวได้มากขึ้นเรื่อยๆ อดีตของเขาค่อยๆ ชัดเจนมากขึ้น
“ข้าชื่อสือฮ่าว กินผลน้ำพุเหลืองแล้วตกลงไปในนรก อดทนผ่านไปไม่ได้ จึงตายอยู่ที่นี่…”
เมื่อรู้ความจริงแล้ว วิญญาณดวงนี้ก็ตะลึงงัน ทั้งสุขทั้งทุกข์ที่เคยเผชิญ เรื่องราวต่างๆ ญาติมิตรในวันวาน ทุกอย่างผ่านไปแล้ว
เขาร้องออกมาอย่างทนไม่ได้ ประหนึ่งภูตผี ดังสะท้อนก้องที่นี่อยู่เนิ่นนาน!
เมื่อนึกถึงส่วนหนึ่งในชีวิต เขาก็เจ็บแค้นใจ เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ ต้องมาตายเช่นนี้หรือ? ยังไม่ทันได้บอกลาคนที่รัก ฝังร่างตัวเองไว้ที่นี่คนเดียวเงียบๆ
“มันไม่ใช่ความจริง!” เขาตะโกนลั่น
กาลเวลาผ่านไป เขารู้สึกเหมือนผ่านไปปีแล้วปีเล่า กระทั่งผ่านไปหลายร้อยปี ดวงใจที่เจ็บปวดของเขาจึงจะสงบลง
“กาลเวลาไม่ปรานีใคร ร้อยปีผ่านไป สิ่งที่ข้าเผชิญเป็นเรื่องจริงหรือ?” เมื่อคิดถึงอดีต สือฮ่าวก็หยุดชะงัก ความโชคดีสุดท้ายในใจเขาก็ไม่คงอยู่อีกแล้ว ร้อยปีผ่านไป เวลาไม่ใช่ของปลอม ยังมีอะไรให้พูดอีก ช่างโหดร้ายเหลือเกิน
“ข้าอยากกลับที่โลกมนุษย์ ไปพบครอบครัว ไปหาคนคุ้นเคย!” วิญญาณดวงนี้กำลังเคลื่อนไหว ปล่อยคลื่นพลังอันรุนแรงออกมา
“หากความปรารถนาแก่กล้ามากพอ จะส่งเจ้าไปเกิดใหม่ได้” เสียงเรียบในทะเลลาวาดังขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นก็มีวงแหวนปรากฏขึ้น พลังวัฏจักรตลบอบอวล ลอยขึ้นกลางลาวาอันร้อนระอุแล้วหมุนไม่หยุด ด้านบนมีพื้นที่หลายแห่ง ระบุภพภูมิที่ต้องเกิดใหม่
วิญญาณดวงนั้นถูกดูดเข้าไปในวงแหวนดังฟิ้ว จากนั้นก็ตกลงไปหลุมดำที่ถูกมันเปิด ถูกส่งไปเกิดใหม่แล้ว
อดีตทั้งหลายเมื่อชาติก่อน ปรากฏขึ้นในใจไม่ขาดสาย ทั้งทุกข์และสุข ทั้งใบหน้าและรอยยิ้มของผู้คน ความสุขและความอาลัยในชีวิต ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
สือฮ่าวถอนหายใจ ชาตินี้ผ่านไปแล้วหรือ? เจ็บใจนัก
“ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ข้ายังอยากกลับไปดูโลกใบนั้น ดูว่าคนเหล่านั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
เขารู้สึกขมขื่นและอาลัย ถูกหลุมดำเขมือบลงไป บดขยี้เขาเป็นวิญญาณอันบริสุทธิ์ดวงหนึ่ง จะส่งเขาไปเกิดใหม่แล้ว
ต่อมา เขาก็รู้สึกเหมือนเปลี่ยนเป็นทารกน้อย ยังไม่ถือกำเนิด อยู่ในครรภ์แม่ ถูกพลังปราณหล่อเลี้ยง ยังไม่แปดเปื้อนความชั่วร้าย
“เกิดใหม่พร้อมกับความทรงจำหรือ?” สือฮ่าวขบคิดเงียบๆ ใช้การหยั่งรู้ดั้งเดิม บำเพ็ญวิชาเทพหลิว ดูดซึมพลังปราณดั้งเดิมจากฟ้าดิน
เขามาที่นี่เพราะต้องการทำตนให้แข็งแกร่ง แต่กลับพบว่ายากเย็นยิ่งนัก
“ผลน้ำพุเหลือง…ช่างวิปริตเสียจริง!”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ขณะที่ทารกกำลังจะเกิด จู่ๆ ก็มีแสงแห่งปัญญากะพริบ ราวกับบรรลุแล้ว เขาเชื่อมั่นว่า ไม่มีการเกิดใหม่แบบนี้
“แม้ข้าจะไม่เข้าใจ ร้อยปีจะผ่านไปรวดเร็ว สมจริงเช่นนี้ได้อย่างไร แต่ข้าใช้สมาธิก็แยกจริงเท็จไม่ออก ข้าเชื่อว่า นี่เป็นความฝัน สิ่งที่ข้าเผชิญไม่ใช่ความจริง ข้าคือฮวง ข้าชื่อสือฮ่าว ข้าต้องตื่น!”
น่าเสียดายที่เขาไม่ฟื้นคืนมา ในเวลาต่อมา เขาก็เวียนว่ายตายเกิด ที่นี่ไม่มีพลังปราณเพียงพอ ตกอยู่ในยุคสมัยที่สิ้นกาล
มีเพียงการดูดซึมพลังปราณในครรภ์แม่เท่านั้นที่ได้ผล หลังกำเนิดแล้วก็ยากจะดูดซึมได้มากขึ้น
สุดท้าย เขามีอายุหนึ่งร้อยหกสิบปีแล้ว นับว่าอายุยืนยาว แต่เมื่อเทียบกับชาติก่อน ยุคสิ้นกาลนี้ช่างขมขื่นเหลือเกิน บำเพ็ญเพียรไม่ได้
ต่อมา สือฮ่าวก็เริ่มเวียนว่ายตายเกิด เกิดใหม่อีกครั้ง
ตอนนี้เขาไม่พูดไม่จา กำเนิดใหม่พร้อมกับความทรงจำ ผ่านความแก่ชราและความตาย เวลาส่วนใหญ่เขามักจะเงียบงัน ไม่พูดอะไร
กระทั่งมีภพหนึ่งที่เขาตกนรกอีกครั้ง ได้ยินเสียงไร้เมตตาอีกครั้ง “เกิดใหม่หลายครั้ง เจ้ามีความรู้สึกอย่างไร?”
“ผลน้ำพุเหลือง เจ้าพิสดารยิ่งนัก!” สือฮ่าวพูดแบบนี้
สุดท้ายปฐพีก็โกลาหล แผ่นดินแตกทลาย ลาวาพุ่งทะลัก ส่งสือฮ่าวออกไปจากขุมนรก
สือฮ่าวได้สติกลับคืนมา ยืนอยู่ละแวกต้นไม้เจิดจ้าสามต้น มีแสงสว่างสาดส่อง โชติช่วงและบริสุทธิ์ ผลน้ำพุเหลืองแขวนอยู่ข้างบน
“มันเป็นความฝัน!” สือฮ่าวอุทาน ขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจ เพราะพลังจิตของเขาเพิ่มพูน แข็งแกร่งขึ้นมากโข!
ดวงจิตเช่นนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นในขั้นเทพสวรรค์ เขาพึงพอใจเหลือเกิน!
แต่ไม่นานนัยน์ตาของเขาก็แววโรจน์ จากนั้นรูม่านตาก็หด ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นมาทันที
ชั่ววินาทีที่ก้มหัว เขาเห็นภาพกลางฝ่ามือ มันมีขนาดเล็กและสมจริงอย่างมาก ภาพสี่ชิ้น ล้วนเป็นอินสงสารวัฏ!
“นี่มันอะไรกัน?!” สือฮ่าวร้องลั่น!
มันไม่แตกต่างกับอินที่ประทับในวัฏสงสารเลยสักนิด หนึ่งรูปนับว่าเกิดใหม่หนึ่งครั้ง
ตอนนี้ บนฝ่ามือของเขามีทั้งหมดสี่รูป และเขาเกิดใหม่ในห้วงความฝันอันสมจริงมาแล้วสี่ครั้ง
ในตำรากระดูกภพนี้มีบันทึกอยู่เลือนราง ส่วนในตำราหยกของเซียนโบราณนั้นมีอธิบายไว้ เคยมีคนพูดว่า มีการเกิดใหม่ เพียงแต่ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะทำได้ มีแค่อัจฉริยะสะเทือนปฐพีส่วนน้อยที่มีโอกาสเกิดใหม่ จะมีอินวัฏสงสารประทับไว้เป็นเครื่องพิสูจน์
แต่ว่า น้อยยิ่งนักที่จะมีอินสลักอยู่!
1252 แดนวิญญาณวีรชนหลับใหล
โดย
Ink Stone_Fantasy
อินสี่ภพในฝ่ามือซ้ายมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่กลับซับซ้อนอย่างมาก ประหนึ่งท้องฟ้ายามราตรีอันลึกล้ำ และเหมือนวงแหวนเวียนว่ายตายเกิดหดตัว
อินวัฏจักรสี่ภพ พร่าเลือนยิ่งนัก แต่ก็สมจริงเหลือเกิน!
สือฮ่าวตะลึงงัน นี่มันเรื่องอะไรกัน? สิ่งที่เขาประสบเป็นเรื่องจริงหรือ? แต่ไยตอนนี้กลับยืนอย่างสุขกายสบายดีอยู่ตรงนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง!
เพียงเสี้ยววินาที เขานึกไปต่างๆ นานา ยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ตรงนี้ ราวกับแข็งเป็นหินท่ามกลางกาลเวลา
คล้ายจะจำได้ว่า ตอนที่เขาบำเพ็ญเพียรพลังเซียนสองเส้น เกือบจะสิ้นชีพ ติดอยู่ในกรงขังดำมืด มองเห็นดวงจิตลึกลับที่ถูกจองจำมากมาย
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเห็นการเกิดใหม่ในสถานที่อันมืดมิดแห่งนั้นอีกด้วย!
“เกิดใหม่ในพริบตา รวบรวมสมาธิในเสี้ยววินาที ก็เป็นการเกิดใหม่หนึ่งครั้ง” สือฮ่าวพึมพำ ในใจสับสนวุ่นวาย
วัฏจักร การเกิดใหม่ นี่เป็นหัวข้อที่จริงจังยิ่งนัก ทำให้อัจฉริยะมากเหลือคณานับงุนงง ไร้คำตอบมาเนิ่นนาน ไม่ว่าใครก็อธิบายไม่ได้
คนทั่วไปลุ่มหลงได้ง่ายนัก บางคนงมงาย คิดว่ามีสวรรค์และนรก มีภพก่อนและชาตินี้ แต่นักพรตจะเชื่อเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?
ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งเชื่อในตัวเอง ไม่เชื่อโชคชะตา ฟ้าลิขิตที่ว่า นักพรตเดินสวนทางกับจักรวาล เพราะต้องการเปลี่ยนแปลงชะตา
มิเช่นนั้น นักพรตจะเป็นอมตะ อายุยืนกว่าคนทั่วไปได้อย่างไร
เพียงแต่ว่า กาลเวลาผันผ่าน ล่วงเลยไปเนิ่นนาน กลับไม่มีใครไขปริศนาของการเวียนว่ายตายเกิดได้ ไม่เชื่อว่ามีจริงหรือไม่
พูดว่าไม่มี แต่บางครั้งก็มีคนที่วิญญาณคืนชีพเช่นชิงยี และมีอัจฉริยะที่มีอินสงสารวัฏปรากฏให้เห็นเช่นสือฮ่าวในตอนนี้!
หากพูดว่ามีวัฏสงสาร แต่กลับไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้โดยตรง ใครจะเชื่อว่าเซียนที่สิ้นชีพในยุคใดยุคนี้จะกลับชาติมาเกิด?
บางทีวัฏสงสารอาจเป็นแค่เพียงร่องรอยของกาลเวลา เป็นการเดินทางอันแสนวิเศษของจิตที่ลอยล่อง เป็นประสบการณ์มายาหลังวิญญาณออกจากร่าง
สือฮ่าวครุ่นคิด พิจารณาและหาข้อสรุป
เขาไม่อยากคิดถึงความหมายที่แท้จริงของอดีตชาติ ชาตินี้และอนาคตมากเท่าใดนัก เพราะมันขัดแย้งกับความคิดของเขา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด กว่าเขาจะเงยหน้าขึ้น ตื่นจากภวังค์เงียบงันแบบนี้
“ชั่ววินาทีที่ข้าเหม่อลอย จิตใจไม่สงบ รู้สึกว่าทุกประสบการณ์ในตอนนี้เคยเกิดขึ้นในอดีต มันนับเป็นการเกิดใหม่หรือไม่?” สือฮ่าวยิ้มเยาะ
บางครั้งเขารู้สึกว่าเรื่องที่กำลังทำ เคยเกิดขึ้นแล้ว เสมือนคุ้นเคย มันนับว่าเป็นวัฏจักรหรือไม่
เขาส่ายหน้า นี่ไม่ใช่ความลับที่เขาควรไขในตอนนี้ มันเป็นขอบเขตของเซียน มีเพียงตัวเองดำรงอยู่ในฟ้าดินได้ยาวนาน ค่อยใคร่ครวญการเวียนว่ายตายเกิด จึงจะมีความหมาย
ตอนนี้สิ่งที่เขาจะทำมีแค่การสร้างความแข็งแกร่งเท่านั้น!
“พลังจิตน่าตะลึงอย่างแท้จริง” สือฮ่าวพึมพำ แม้แต่ตัวเขาเองก็เอ่ยปากชมไม่หยุด เทพสวรรค์ทั่วไปไหนเล่าจะมีดวงจิตที่น่ากลัวเช่นนี้
สือฮ่าวยืนอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง หน้าผากส่องแสง มีร่างเดินออกมาจากกระดูกหน้าผาก สาดแสงสว่างไสว ลำแสงนับหมื่นพุ่งออกมา หมอกห้อมล้อม ศักดิ์สิทธิ์และเหนือชั้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
มันยืนอยู่หน้าหว่างคิ้วของสือฮ่าว ส่องแสงราวกับดวงตะวัน เป็นผู้สูงสุดในขั้นเทพสวรรค์แน่นอน แต่ไหนแต่ไรมา น้อยคนที่จะมีดวงจิตทัดเทียบเขาในขั้นนี้
มันแผ่ความน่าเกรงขามโดยไม่รู้ตัว!
นอกจากนี้ ดวงจิตสูงเท่ากำปั้นยังมีอักขระกระดูกหลากหลาย ก่อตัวเป็นชุดเกราะตามธรรมชาติและคอยคุ้มกันมัน
“การหยั่งรู้ดั้งเดิม” สือฮ่าวรำพัน ลวดลายเหล่านี้เป็นอักขระของการหยั่งรู้ดั้งเดิม ตอนนี้หลอมเป็นหนึ่งเดียวกับดวงจิตของเขา กลายเป็นชุดเกราะสูงส่ง
ดวงจิตกลับเข้ามายังศีรษะ สือฮ่าวมีกำลังเต็มเปี่ยม ไต่สูงถึงระดับขั้นสุดยอด!
ไม่ว่าจะเป็นกายเนื้อหรือจิต สือฮ่าวล้วนยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเส้นทางของตัวเอง หากเจอสุนัขนรกอีกครั้ง เขาเชื่อมั่นว่าไม่มีทางรบลำบากปานนั้นแล้ว
ตอนนี้ เขาเชื่อมั่นว่ากวาดล้างศัตรูได้ ตอนนี้จะมีใครสู้เขาในขั้นเทพสวรรค์ได้?!
สือฮ่าวนำหม้อหยกไขมันแกะออกมา เก็บผลน้ำพุเหลืองที่เหลือ บนต้นแรกเกลี้ยงไปนานแล้ว ถูกแมลงน้ำพุเหลืองกินจนหมดสิ้น เดิมทีต้นที่สองมีสามผล แต่เขากินไปผลหนึ่ง ต้นที่สามยังมีทั้งหมดห้าผล
ผลไม้ทั้งเจ็ดเป็นสีทองอร่าม ส่งกลิ่นหอมหวนชวนให้ลุ่มหลง แต่กลับอันตรายเป็นที่สุด ใครเล่าจะคิดว่า เมื่อกินมันแล้วจะเหมือนกับการเวียนว่ายตายเกิด
หากพลาดท่า อาจทำให้คนคนหนึ่งจมอยู่ข้างใน ถอนตัวไม่ขึ้น ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาตลอดกาล
กระทั่งตอนนี้ สือฮ่าวยังคงสงสัยว่ามันเป็นความฝันหรือความจริงกันแน่? เพราะอินสี่ภพบนฝ่ามือสะดุดตาเหลือเกิน เตือนความจำเขาตลอดเวลา!
เขาไม่ได้กินผลที่สอง เพราะปรมาจารย์เคยกำชับว่า กินผลน้ำพุเหลืองเพียงหนึ่งผลก็พอแล้ว หากกินมากไปก็ไม่เกิดประโยชน์
“เจ็ดลูกที่เหลือมอบให้คนอื่นได้ แต่ต้องคอยคุ้มกันพวกเขา มิเช่นนั้นจะเกิดปัญหาได้ง่าย” สือฮ่าวพูด เขาหันหลังแล้วไปจากที่นี่
เขาไม่ขุดต้นไม้ทั้งสามต้น เพราะเอาไปจากที่นี่ก็จะเฉาตาย เขาเคยได้ยินมาว่า สถานที่ซึ่งมีผลน้ำพุเหลืองต้องเต็มไปด้วยพลังหยิน น่ากลัวเป็นที่สุด
มันหมายความว่า ต้องเป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยซากศพและกระดูก
แต่สาเหตุที่ที่นี่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นเพราะกระดูกเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตทั่วไป คงเป็นศพเซียน แม้จำนวนจะไม่มาก แต่กลับมีสรรพคุณวิเศษ
“ไม่ว่าจะเป็นที่นี่ หรือหุบเขาที่อยู่ไม่ไกล ล้วนมีศพที่สงสัยว่าจะเป็นเซียน เสียดายที่ความสามารถในตอนนี้ของข้าเข้าใกล้ไม่ได้” สือฮ่าวพูด
มิเช่นนั้น เขาไม่ถือสาหากต้องเป็นคนขุดสุสานสักหน ดูสิว่ามีในตัวของสิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งจะวัตถุล้ำค่าวิถีเซียนหลงเหลือหรือไม่
เขาเดินกลับทางเดิมครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนทิศทาง สำรวจเนินเขาแห่งนี้ ดูว่ามีโชคชั้นใหญ่อีกไหม เพราะมันมีนามว่าเนินเขาเซียน
ไม่นานเขาก็มาถึงป่าหินแห่งหนึ่ง ก้อนหินตั้งระเกะระกะ มีทั้งหินที่ตั้งตรงประหนึ่งกระบี่สวรรค์ บ้างก็เหมือนวัวแก่นอนหมอบขวางทางเดิน บ้างก็ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้าราวกับคุนเผิงกางปีก
มิหนำซ้ำ บริเวณนี้ยังมีหมอกเซียนรายล้อม ชวนให้คนอยากเข้าใกล้อย่างอดใจไม่ไหว
สือฮ่าวเดินเข้ามา สำรวจข้างหน้าตามความรู้สึก สุดท้ายก็เดินลึกเข้ามาในป่าหิน ที่นี่ภูเขาลูกหนึ่ง ไม่สูงมากนัก แต่กลับดูทรงพลัง
“เอ๊ะ ชายชราคนนั้นอีกแล้ว!”
สือฮ่าวเห็นชายชราที่เจอก่อนหน้านี้ วนเวียนอยู่ที่นี่ แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายไม่ปริปาก เสมือนเขากำลังตั้งใจฟังเสียงสวดมนต์บางอย่าง ทำการหยั่งรู้ที่นี่
สือฮ่าวก็ได้ยินเช่นกัน มีเสียงสวดมนต์แว่วมาเป็นระลอกๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่เสียงสวดมนต์จากคนคนเดียว หลากหลายยิ่งนัก ถึงขั้นว่าเอะอะโวยวาย ดังอย่างต่อเนื่อง ภูเขาทั้งลูกถูกฉาบด้วยรัศมีประหลาดชั้นหนึ่ง
สือฮ่าวพุ่งขึ้นฟ้าดังฟิ้ว เหยียบลงบนภูเขาแล้วมองหลังเขา จากนั้นก็ขนหัวลุก ถอยหลังทันที
ด้านหลังของภูเขามีหมอกดำปกคลุมจนมืดสลัว แต่ก็มีหมอกเซียนปะปนอยู่บ้าง เงาดำตะคุ่ม เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต
พวกมันครวญคราง คำรามท่ามกลางความมืดมน
ขณะเดียวกัน สิ่งมีชีวิตพิเศษบางส่วนก็นั่งสมาธิ นิ่งไม่ไหวติง กำลังสวดมนต์ รอบกายของพวกมันรายล้อมไปด้วยผู้ติดตาม นั่งลงและทำสมาธิไปตามๆ กัน
วิญญาณวีรชน!
วิญญาณวีรชนมากมายเช่นนี้ เบียดเสียดยัดเยียดราวกับเป็นทะเลกระดูก รวมตัวกันอยู่ที่นี่ทั้งหมด
วิญญาณวีรชนส่วนใหญ่ไม่สมบูรณ์ มีแค่วิญญาณวีรชนยิ่งใหญ่ที่สวดมนต์เหล่านั้นมีสมบูรณ์ หากจะพูดว่าสวดมนต์ สู้พูดว่าสำแดงเคล็ดวิชา กำราบสมุนจะเหมาะสมกว่า
“นี่เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง!” สือฮ่าวตกตะลึง สักวันหากปล่อยวิญญาณวีรชนเหล่านี้ออกไป ฟ้าดินต้องถอดสีแน่นอน
“เจ้าเพ่งมองให้ดี ข้างหลังสุดมีวิญญาณหลายตนเปลี่ยนเป็นสีทอง ปราศจากพลังหยินแล้ว ไม่ด้อยกว่าก่อนตายเท่าใดนัก” ชายชราโผล่มาข้างๆ แล้วพูดกับสือฮ่าวแบบนี้
สือฮ่าวลืมตาขึ้น และเห็นท่ามกลางหมอกดำ มีแสงทองปะปนอยู่ในกลุ่มวิญญาณวีรชน สว่างโชติช่วง ประดุจเป็นดวงอาทิตย์ที่ลุกโชนในม่านรัตติกาล
มันทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวน วิญญาณแทบจะหยุดนิ่ง สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แผ่พลังเซียน หาใช่พลังความตาย!
“วิญญาณวีรชนพวกนี้แข็งแกร่งเหลือเกิน หากพวกมันออกจากที่นี่ล่ะก็ ใครจะขวางได้?” สือฮ่าวเสียวสันหลังวาบ อย่าว่าแต่วิญญาณที่ส่องแสงทองเลย ต่อให้เป็นลูกสมุนพวกนั้น หากว่าพุ่งเข้ามา ก็ยากจะต้านทานได้ ไม่ใช่แค่สือฮ่าวจะตายอยู่ที่นี่ โลกหล้าก็โกลาหลเป็นแน่!
ชายชราพูดว่า “ที่นี่ชื่อว่าเนินเขาเซียน แท้จริงแล้วเป็นสุสานโบราณ ฝังร่างสิ่งมีชีวิตมากมายหลังศึกใหญ่ รวมถึงเซียนด้วย! บางส่วนกลายเป็นวิญญาณ ทำให้ที่นี่น่ากลัว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ต้องเป็นกังวล พวกมันออกไปไม่ได้ เพราะมีพลังผนึกที่นี่ไว้!”
สือฮ่าวเหาะขึ้นไปสูงกว่าเดิม และได้เห็นกระดาษสีเหลืองติดอยู่อีกฟากหนึ่งของภูเขา ด้านบนสลักอักษรเซียนโบราณว่า ผนึก
เป็นแค่กระดาษเก่าๆ ใบหนึ่ง ผ่านร้อนผ่านหนาวจนเหลือง แต่ยังมีอานุภาพยิ่งใหญ่ปานนี้ กำราบวิญญาณวีรชนมากเหลือคณานับที่นี่ ไม่มีใครย่างกรายเข้ามาได้แม้แต่ก้าวเดียว!
“คล้ายว่าจะเคยมีคนพูดไว้ คนมีวาสนาในรุ่นหลังจะมาเปิดผนึกที่นี่ พาวิญญาณวีรชนเหล่านี้ไปร่วมศึก เพียงแต่ต้องระวัง หากพลาดท่าวิญญาณจะแยกแยะไม่ออกว่าเป็นพวกเดียวกันหรือศัตรู” ชายชราพูด
เขาเป็นคนที่ถูกสลักบนผนังหิน ภายหลังเกิดมีปัญญาขึ้นมา ไม่มีทางรู้เรื่องในอดีตทั้งหมด แต่สิ่งที่เปิดเผยก็นับว่าสะเทือนปฐพีแล้ว
สือฮ่าวมองวิญญาณเหล่านั้นอย่างเหม่อลอย ดวงแสงสีทองข้างในน่ากลัวเป็นที่สุด หากของพวกนั้นหลุดออกไปต้องน่ากลัวอย่างยิ่ง
“นอกจากนี้ เหมือนข้าจะเคยได้ยินเสียงหนึ่งบอกข้าว่า ให้ข้าบอกคนรุ่นหลัง ใต้พิภพผืนนี้มีผู้สูงสุดที่น่ากลัวยิ่งกว่าหลับใหลอยู่” ชายชราพูด
สือฮ่าวเหลียวมองเขาทันที จิตใจว้าวุ่นยิ่งกว่าเดิม
“ว่ากันว่า คงจะเป็นผู้กล้าสูงส่งในหมู่วิญญาณ เป็นวิญญาณสูงสุดตั้งแต่ยุคเซียนโบราณ อดีตชาติของเขายาวไกลจนจินตนาการไม่ออก!” ชายชราบอกเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม วิญญาณวีรชนที่นี่เป็นดาบสองคม
“ข้าจะจำไว้!” สือฮ่าวพูด หากมีทางเลือก เขาไม่อยากมาที่นี่ แต่หากมีวันนั้นจริง เขาก็อาจจะมาเยือนแล้วปลดพันธนาการโดยที่ไม่เกรงกลัวอะไร
สือฮ่าวหันหลังจากไป ไม่สดับฟังเสียงสวดมนต์ที่วุ่นวายพวกนั้นอีก มันไม่มีความหมายกับเขามากนัก
“ลาก่อน ข้าจะไปบำเพ็ญเพียร ใช้กายเป็นพันธุ์ ต้องสำเร็จแน่นอน!” สือฮ่าวตัดสินใจหวนกลับสำนักเทพสวรรค์ ไปจากเนินเขาเซียน เพื่อบุกเบิกเส้นทางนิพพานของตัวเอง
1253 กลียุค
โดย
Ink Stone_Fantasy
เส้นทางที่กลับมาราบรื่นอย่างมาก ระหว่างทาง สือฮ่าวเจอคนรู้จักบางส่วน เช่นสวนคุน หวางซีและเยาเยว่ รวมถึงนักพรตยิ่งใหญ่ของสองสำนักด้วย
“เขากลับมาแล้ว เวลายังมีเหลือเฟือ หรือเขาจะได้ไพ่พ้นภัยที่อยู่ในเนินเขาเซียนแล้ว?” อัจฉริยะคนหนึ่งของสำนักเซียนพึมพำ นัยน์ตาเป็นประกาย
คนอื่นได้ยินก็พากันมองมาด้วยใจที่ว้าวุ่น พวกเขาทุ่มเทแรงกายและใจ ร่วมมือกันฝ่าเข้ามาถึงหน้าประตู แต่อีกฝ่ายกลับผ่อนคลายยิ่งนัก จะจากไปเสียแล้ว
“สหาย ได้อะไรหรือไม่” คนหนึ่งจากสำนักเซียนถามด้วยรอยยิ้ม
สือฮ่าวปรายตามองเขาแวบหนึ่งแล้วตอบว่า “ได้มาบ้าง”
“คงไม่ได้เจอไผ่พ้นภัยจริงๆ หรอกนะ?” ดวงตาขององค์หญิงเยาเยว่สุกใส เดิมทีงดงามดุจเซียน แต่ตอนนี้กลับดูซุกซนนิดหน่อย
สือฮ่าวส่งยิ้ม ไม่ตอบอะไร แต่มันกลับทำให้ผู้คนเกิดความสงสัย แต่ละคนต่างก็ทำหน้าฉงน ในใจระส่ำระสายยิ่งนัก
“เจ้าคงไม่ได้เจอไผ่พ้นภัย แถมยังเอามันมาด้วยหรอกนะ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งของสำนักเซียนถามอย่างจริงจัง
สือฮ่าวไม่ตอบ หันหลังแล้วเดินจากไป เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกคนพวกนี้
“หยุดนะ!” หลังถูกมองข้าม ชายสำนักเซียนคนนั้นก็โมโห จึงตวาดเสียงดังลั่น
สือฮ่าวไม่แยแส ยังคงเดินต่อไปข้างหน้า ใกล้จะเดินพ้นจากประตูแล้ว
ชิ้ง!
เมื่อชายคนนั้นยกมือ ก็มีลำแสงพุ่งออกจากฝ่ามือ แบ่งเป็นห้าสี เจือกลิ่นอายของทองไม้ดินน้ำไฟ กระบี่ปัญจธาตุแบบนี้ เป็นญาณวิเศษโบราณอย่างหนึ่ง
ทว่า ลำแสงห้าสีไม่ได้พุ่งไปหาสือฮ่าว แต่พุ่งลงบนก้อนหินข้างเขาก้อนหนึ่ง ถูกฟันจนเป็นสองท่อน จากนั้นก็แหลกเป็นผุยผง
ลำแสงกระบี่ดุจสายรุ้ง ทลายฟากฟ้าได้!
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” สือฮ่าวหันมามองเขาแล้วถามเสียงเรียบ
ทุกคนต่างก็ตกใจ เพราะวีรกรรมของสือฮ่าวน่าตะลึง หลังเอาชนะสุนัขนรกได้ มีลักษณะอันดับหนึ่งในขั้นเทพสวรรค์อย่างเช่นตอนนี้ จะมีใครกล้าท้าทาย?
อัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่กว่าบรรลุนานแล้ว จัดอยู่ในแนวหน้า รอคอยฮวงอยู่ตรงนั้น ตอนนี้มีเทพสวรรค์จำนวนน้อยที่กล้ายั่วยุเขา
“สหายอย่าเข้าใจผิด สหายคนนี้หุนหันพลันแล่น เมื่อครู่ตื่นเต้นไปหน่อย” อีกคนของสำนักเซียนรีบชี้แจงทันที
ส่วนชายหนุ่มคนนั้นก็ได้สติคืนมา เนื้อตัวเย็นวาบ เขารู้สึกว่าตนมุทะลุเกินไป ปกติลูกศิษย์สำนักเซียนถือตัวได้ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนย่อมได้รับการเคารพ แต่ไม่ใช่กับคนคนนี้ เขาเป็นปีศาจ!
ฮวงคนนี้เข้าร่วมได้ทั้งสำนักเซียนและสำนักปราชญ์ แต่เพราะผู้อาวุโสทั้งสองสำนักให้สิทธิพิเศษกับเขาได้ไม่มากพอ จึงพิโรธ ละทิ้งทั้งหมด
สำหรับผู้มีพรสวรรค์ที่มองข้ามสำนักเซียนกับสำนักปราชญ์ได้ เขาไม่มีความกล้าจะท้าทาย ไม่กล้าพูดจาล่วงเกินจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ เมื่อชายคนนั้นได้สติ ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
“ซิ่ว!”
สือฮ่าวลงมือ กระบี่เหินเวหา รวดเร็วเกินคาดคิด ฟันมงกุฎทองของชายหนุ่มคนนั้นจนร่วง พร้อมกับมีเส้นผมกระจุกหนึ่งร่วงลงมา
“เจ้า…” ชายหนุ่มคนนี้หน้าถอดสี อยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกคนข้างๆ ดึงแขนไว้ จึงปิดปากเงียบไม่พูดไม่จา
“อย่าใช้กระบี่ชี้หน้าคนอื่นตามอำเภอใจ มิเช่นนั้นข้าจะเข้าใจผิดว่าเจ้าจะเปิดศึกกับข้า” สือฮ่าวมองเขาแวบหนึ่งแล้วหันหลังเดินจากไป
ผู้คนพูดไม่ออกอยู่นาน ลักษณะท่าทางของฮวงยังคงไม่เปลี่ยน ไม่แยแสความน่าเกรงขามของสองสำนัก ใครกล้าท้าทายเขา ต่อให้เป็นศิษย์คนสำคัญของผู้อาวุโสทั้งสองสำนักก็ต้องสั่งสอน
“พอเถอะ ไม่ลงมือกับเจ้าก็ดีมากแล้ว” คนข้างๆ ห้ามปราม
ชายหนุ่มหน้าซีดเผือด ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ คับแค้นใจแต่ไม่กล้าเอ่ย แม้พลังเซียนสามเส้นจะได้มาจากการทุ่มเทแรงกายแรงใจผู้อาวุโสของตระกูลอมตะ ได้รับการประทานมา แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็นับว่าเป็นคนที่มีพลังเซียนสามเส้น แต่ศักดิ์ศรีและความน่ายำเกรงกลับถูกคนเหยียบย่ำเสียแล้ว
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่า เขาจะไม่มีเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ ผลสำเร็จวันหน้าต้องน่าตะลึงมากแน่นอน” ชายหนุ่มแสยะยิ้ม
ตอนนี้ใครๆ ก็รู้ว่า ฮวงต้องการเมล็ดพันธุ์ไร้ที่ติ จึงจะเหมาะสมกับพรสวรรค์ของเขา แต่สองสำนักเตรียมให้เขาไม่ได้ ตอนนี้สถานภาพของเขากระอักกระอ่วนใจยิ่งนัก หากรวมเป็นหนึ่งกับเมล็ดพันธุ์ สามารถคาดการณ์ผลสำเร็จในวันหน้าได้ ไม่เพียงพอจะได้รับความสำคัญ
“ต่อให้เจ้าอวดี จองหองมากเท่าใด ก็จะจำกัดอยู่แค่ในขั้นเทพสวรรค์ ข้าจะรอเจ้าในขั้นที่สูงกว่า เป็นบุคคลเจ้าสำนักเช่นเดียวกัน ดูสิว่าเจ้าจะเอาอะไรมาเฉิดฉาย!” เสียงของชายหนุ่มเย็นเยือก แต่กลับพูดอย่างสบายอารมณ์
แน่นอนว่า ประเด็นหลักเป็นเพราะสือฮ่าวเดินจากไป ทลายพลังกำบังของประตู ไปจากที่นี่แล้ว
แต่ผู้คนต่างก็พากันพยักหน้า ไม่ต้องพูดถึงเมล็ดพันธุ์หยินหยางหรือต้นอ่อนของต้นไม้โลกเลย แม้แต่เมล็ดพันธุ์ที่ด้อยกว่า ฮวงก็ไม่มีปัญญาได้มาครอง ต่อไปหากต้องการประมือกับบุคคลขั้นสุดยอด มันช่างยากเย็นเหลือเกิน
ไม่ว่าจะเป็นราชันสวรรค์น้อยหรือคนอื่นๆ ต่างก็หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์สูงส่งแล้ว เย้ยหยันรุ่นเดียวกัน ไร้เทียมทานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ไร้มลทินยิ่งกว่าเดิม รวมเป็นหนึ่งกับเมล็ดพันธุ์ ไม่มีใครต้านทานได้
“น่าเสียดาย เขาไม่เลือกสวามิภักดิ์กับตระกูลอมตะ บางทีอาจเฉิดฉายก็เป็นได้” หวางซีก็เอ่ยปาก นางคิดว่าหนทางข้างหน้าของสือฮ่าวน่ากังวล สูญเสียสิทธิ์แย่งชิงอันดับหนึ่งของรุ่นหนุ่มสาว! เพราะในเมื่อเลือกวิชาโบราณแล้ว ต้องมีเมล็ดพันธุ์ที่ล้ำค่าที่สุด แต่เขาไม่มี
“ไม่แน่สำนักเทพสวรรค์อาจจะมีเมล็ดพันธุ์โบราณก็ได้” มีคนกระซิบเสียงเบา
“ตั้งแต่อดีตยันวันนี้ เมล็ดพันธุ์สมบูรณ์หายากยิ่งนัก เรียกได้ว่ามีจำนวนจำกัด เมล็ดพันธุ์โบราณหลายเม็ดเห็นแสงตะวัน ถูกขุดออกมา เขาจะไปหาที่ไหนได้อีก น่าเสียดายจริงๆ” องค์หญิงเยาเยว่พูดแบบนี้
ตอนนี้ทุกคนคิดว่าหนทางข้างหน้าของสือฮ่าวต้องขรุขระเป็นแน่ จะสูญสิ้นรัศมีที่เคยมี ไม่มีทางเป็นตำนานในวันหน้าได้
ผู้คนรู้ว่า เขาในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของการแปรสภาพ แต่กลับไม่มีความหวัง หากไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ นับจากนี้ไป จะเป็นช่วงขาลงของเขา
“ต่อให้เขาได้ไผ่พ้นภัยไปก็ไม่มีประโยชน์มากนัก แม้จะขัดเกลาจนมีกายที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในหล้า ก็ต้านทานคนที่หลอมรวมเป็นหนึ่งกับพันธุ์เซียนไม่ได้ วันหน้าจะมีวิชาไร้พ่าย ทำลายธรรมกายทั้งปวงได้” มีคนพูดพลางแสยะยิ้ม
ไม่มีใครคาดหวังกับอนาคตของสือฮ่าว แม้ตอนนี้จะหวาดกลัวเขา แต่หากเพียงพ้นจากขั้นเทพสวรรค์ ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลง!
“ไปกันเถอะ!” พวกเขาเดินหน้าต่อไป เพื่อไปแสวงโชคเหนือธรรมชาติเช่นไผ่พ้นภัย
ระหว่างทางกลับ สือฮ่าวเจอเพื่อนเก่าหลายคน พบว่าเฉาอวี่เซิงว่างเว้นที่สุด ตื่นจากภวังค์การต่อสู้กับวิญญาณวีรชน เป็นฝ่ายออกตามหาวิญญาณเหล่านั้น ไม่คิดว่าจะกำลังลักจำ
เขามีฝีมือวิเศษ สำรวจความทรงจำของวิญญาณ และศึกษาวิชาโบราณของพวกมันได้
“นี่หรือผลน้ำพุเหลือง?” เฉาอวี่เซิงไม่กล้ากิน เพราะเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากสือฮ่าว เขาก็รู้สึกพรั่นพรึง เผชิญหน้ากับการเกิดใหม่สี่ครั้ง สมจริงเช่นนั้น สะเทือนขวัญเขายิ่งนัก
เขาตัดสินใจว่าจะเก็บผลไม้ลูกนั้นไว้ก่อน ต่อไปจะขอคำแนะนำจากผู้เฒ่าสำนักปราชญ์ ไม่ก็นำไปให้อาจารย์ที่โลกมนุษย์ดู จากนั้นค่อยกินมัน
“ข้ากินเอง!” กระต่ายดวงจันทร์กระโดดเข้ามาพอดี ไม่ได้ยินบทสนทนาก่อนหน้านี้ของพวกเขา คิดว่าเป็นผลไม้วิเศษ จึงแย่งไปแล้วกัดทันที
“อร่อยเหลือเกิน ข้าชอบกินเจที่สุด!” กระต่ายน้อยเบิกตากว้าง สะบัดผมสีเงินที่ยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าเกลี้ยงเกลาเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบเต็มไปด้วยความเบิกบานใจ
แต่ต่อมาไม่นาน มันก็งุนงง จากนั้นก็นิ่งไม่ไหวติง ตกอยู่ในความเงียบงัน
“วิญญาณล่ะ ไปไหนเสียแล้ว?” เฉาอวี่เซิงร้องลั่น
กระต่ายน้อยตัวแข็งทื่อ ไม่เห็นดวงจิตแล้ว วิญญาณในร่างหายไป เหลือเพียงกายเนื้อ
กิเลนน้อยในอกมันร้องเสียงหลง เห็นได้ชัดว่าตกใจเช่นกัน แม้แต่วิญญาณก็หายไปแล้ว มันหมายความว่าคนคนหนึ่งได้ตายไปแล้ว
“บ้าระห่ำเหลือเกิน!” สือฮ่าวทำหน้าจริงจัง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นผลลัพธ์หลังจากที่มีคนกินผลน้ำพุเหลืองเข้าไป
เมื่อครู่นี่เอง เขารู้สึกรางๆ ราวกับมิติถูกฉีก เสมือนมีขอบเขตสีดำพุ่งผ่านไป แต่เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นเป็นจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ดวงจิตของกระต่ายน้อยหายไปแล้ว มันร้ายแรงยิ่งนัก!
“หรือผลน้ำพุเหลืองจะพพาคนไปเกิดใหม่ได้?” สือฮ่าวพึมพำ
เขากับเฉาอวี่เซิงเฝ้าอยู่ตรงนี้ ไม่กล้าไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว แม้กระทั่งว่าไม่กล้าแตะต้องกระต่ายน้อย ด้วยกลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน
ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน กระต่ายดวงจันทร์เป็นเหมือนหญิงสาวที่ถูกแกะสลัก วิจิตรและงดงาม ผิวขาวหยวกดุจดั่งกระเบื้องเคลือบ แต่ไร้ดวงจิต ไม่ขยับเขยื้อน
ในที่สุด ยามอู่ ช่วงเวลาที่แสงแดดเจิดจ้าที่สุด ก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น!
ความมืดปกคลุมที่นี่ในเสี้ยววินาที กายเนื้อของกระต่ายน้อยเลือนราง หายไปแล้ว
สือฮ่าวกับเฉาอวี่เซิงอยากห้าม แต่ไม่ทันเสียแล้ว ซ้ำยังถูกพลังลึกลับผลักกระเด็นออกไป กระต่ายน้อยอันตรธานหายไปแล้ว
“ไปไหนแล้ว?” เฉาอวี่เซิงตะโกนลั่น
ไม่นานความมืดก็จางหาย ร่างของกระต่ายน้อยปรากฏขึ้น ยังคงยืนอยู่ที่เดิม แถมแพขนตายาวยังสั่นระริก จากนั้นมันก็ลืมตาขึ้น
มันงงงวย เหม่อลอยเล็กน้อย ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น
“ตื่น” สือฮ่าวปลูก ดึงมันออกจากภวังค์ ให้มันฟื้นคืนมา
“เจ้าเจออะไร เห็นอะไร?” เฉาอวี่เซิงถาม
กระต่ายน้อยเห็นสองคนตรงหน้าแล้ว แต่ยังคงมึนงง เห็นได้ชัดว่าประสบการณ์เมื่อครู่ทำให้มันตกใจไม่น้อยเลย อ้าปากค้าง จากนั้นก็กรีดร้อง “ข้าตกใจแทบแย่ เหมือนกับมีวงแหวนบ้าๆ ส่งข้าไปเกิดใหม่ น่าแปลก ทำไม…ข้าจำอะไรไม่ได้เลย มีแค่ความทรงจำเลือนราง”
สือฮ่าวรีบดึงมือของมันมาดู เพื่อตรวจสอบว่ามีอินวัฏสงสารหรือไม่ แต่กลับพบแต่ความว่างเปล่า
“เจ้าลองตรวจสอบดูด้วยตัวเอง ดูว่าตามตัวมีตราประทับอะไรหรือไม่” สือฮ่าวพูด
“ตรงนี้!” กระต่ายน้อยชี้ไปที่ขาขวา ถลกกระโปรง เผยให้เห็นร่องรอยบนขา เหมือนกับเป็นแผลจากไฟลวก พร่ามัวไม่ชัดเจน
กระต่ายดวงจันทร์โมโห “ใครลอบทำร้ายข้า อยากให้ข้าเสียโฉม!”
สือฮ่าวแปลกใจ มันเป็นรอยแผล ราวกับพยายามลบล้างอะไรบางอย่าง จึงไม่รู้ว่าใช่อินวัฏจักรหรือไม่ มันมีพลังประหลาดแฝงอยู่ ขจัดทุกสิ่งแล้ว
“เจ้าเจออะไรกันแน่?” สือฮ่าวถาม
“เหมือนจะเป็นเวียนว่ายตายเกิด บนเส้นทางของวัฏสงสาร ข้าจำได้ว่าเห็นหม้อใบหนึ่ง หลอมจากทองคำเซียนหลายชนิด สาดแสงเก้าสี แถมยังมีมาตุธาตุไหลเวียน หม้อเต็มไปด้วยเลือด ไหลลงมาไม่หยุด ตอนที่พุ่งออกมามีพันธนาการจักรวาลหลุดออกมาด้วย เหมือนข้าจะเห็นภาพบางอย่าง เป็นภาพของสงคราม น่ากลัวเกินจินตนาการ แถมข้ายังเห็นเงาเลือนรางในหม้อ มันคุ้นเคย เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ข้านึกไม่ออก”
กระต่ายน้อยพูดออกมาในอึดใจเดียว ทำให้สือฮ่าวทั้งกลัวและตกใจ ทุกอย่างพิลึกเหลือเกิน สิ่งที่กระต่ายน้อยเจอไม่ค่อยเหมือนเขามากนัก
หม้อที่นางเห็นทำให้สือฮ่าวใจเต้นระส่ำ เพราะเขารู้จักหม้อใบนั้น มันไม่ใช่ของชาตินี้ และไม่ได้อยู่ในอดีตชาติ
ยุคนี้ช่างแปลกเหลือเกิน เกี่ยวพันกับเรื่องราวมากมาย ทั้งยุคเซียนโบราณและอนาคต มีพลังทั้งหลายปะปน เกี่ยวพันกัน ทำให้ฟ้าดินผืนนี้โกลาหล
“ใช้กระแสจิตฉายออกมาให้ข้าเห็นชัดเจน ขอข้าดูหน่อย!” สือฮ่าวพูด เขาอยากเห็นประสบการณ์ของกระต่ายน้อย
1254 จับตาดู
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตูม!
หม้อใบหนึ่งมีขนาดใหญ่โต ภายในมีหมอกกระเพื่อม ทำให้มันดูลึกล้ำผิดปกติ ราวกับเป็นจักรวาลอันเวิ้งว้าง
ไม่ผิด ภายในมีดาราจักร ดวงอาทิตย์และดวงดาวกำลังส่องแสงระยิบระยับ ประดับประดาอยู่ตรงนั้น ฝังลึกอยู่ในหมอกของหม้อ ทำให้มันแลดูตระการตาและกว้างใหญ่ไพศาล
“หม้อใบนี้…” นัยน์ตาของสือฮ่าวแววโรจน์ นี่เป็นภาพที่เขาเห็นจากพลังจิตของกระต่ายน้อย
เป็นหม้อใบที่เขาเคยเห็น เพียงแต่ว่าตอนนี้มันน่ากลัวกว่าเดิม มันเปิดเผยธาตุแท้ จมอยู่ในจักรวาล ประหนึ่งเขมือบระบบสุริยะอันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาได้
ทุกครั้งที่เห็นหม้อใบนี้ สือฮ่าวจะว้าวุ่นใจ รู้สึกว่าต่อไประหว่างเขากับมันต้องเกิดเรื่องไม่ธรรมดา มีบุญกรรมสัมพันธ์กันแน่นอน!
“หญิงคนนั้น!”
จู่ๆ สือฮ่าวก็เห็นว่า มีหญิงชุดขาวยืนอยู่หลังหม้อ งดงามยิ่งนัก สองมือกำลังประสานอิน ปล่อยหม้อใหญ่ออกมา
ร่างของนางพร่าเลือนเล็กน้อย ใบหน้าสวมหน้ากากสำริด เปื้อนคราบน้ำตาและคราบเลือด มันช่างตราตรึงใจคนนัก สะเทือนใจไปตามๆ กัน
“นางนั่นเอง!”
สือฮ่าวเคยตามชาวสำนักเทพสวรรค์ไปที่สนามรบเซียน เคยเข้าไปยังดินแดนประหลาดแห่งหนึ่ง เห็นผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในอดีตอันยาวไกลจะลงมือจัดการอัจฉริยะยุคนี้ ปรากฏว่ามีหญิงสาวโฉมงามที่อยู่ตอนล่างของสายน้ำแห่งกาลเวลาลงมือ ขัดขวางเขาไว้
เป็นหญิงที่อยู่หลังหม้อคนนี้นี่เอง ไม่คิดว่านางจะเป็นควบคุมหม้อใบนี้
“เอ๊ะ ยังมีคนอื่นอีก!”
สือฮ่าวเห็นร่างเลือนรางอีกสามร่าง ล้วนเป็นผู้ชาย หนึ่งคนในนั้นยืนอยู่บนระฆัง กระตุ้นมันปล่อยคลื่นระฆังให้แผ่กระจาย ราวกับผืนทะเลซัดสาด ไหลหลั่งเข้าไปในหม้อ
พวกเขากำลังผลักหม้อใบนี้ ให้มันพุ่งมาอย่างรวดเร็ว
หม้อเต็มไปด้วยคราบเลือด ไม่รู้ว่าผ่านศึกสงครามประเภทไหนมา ทะลุกำแพงดินแดน ข้ามสายน้ำแห่งกาลเวลามาด้วยความน่ากลัว พบเจอกับการสกัดโจมตีนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังพุ่งตรงมาดังเดิม
ตูม!
สุดท้ายก็สั่นสะเทือน หม้อใหญ่หายไป กระต่ายน้อยได้สติคืนมา
สือฮ่าวไม่เห็นหญิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในหม้อผ่านกระแสจิตของมัน แต่กลับเห็นคนที่ลงมืออยู่หลังหม้อ มันพิลึกนัก ยากจะอธิบายได้
ทั้งที่เป็นภาพที่จิตของกระต่ายน้อยสัมผัส แต่สิ่งที่สือฮ่าวเห็นกลับแตกต่างจากมัน!
“มันไม่มีเหตุผลเลย” กระต่ายน้อยโวยวาย เพราะสิ่งที่สือฮ่าวบรรยายไม่เหมือนกับที่มันเห็น
“เจ้าลองคิดดูอีกสักหน่อยว่า เจ้าเห็นอะไร ได้ยินอะไรอีก” สือฮ่าวซักไซ้ เรื่องนี้ไม่ธรรมดา ทั้งสองเห็นแตกต่างกัน มันชวนให้ฉงนใจ
“ข้าลืมไปหมดแล้ว” กระต่ายน้อยรู้สึกผิดมาก มันเผชิญกับอะไรกันแน่? ลืมเลือนไปจนสิ้นแล้ว ต่อให้ดวงจิตเคยประสบเหตุราวกับเวียนว่ายตายเกิด อยู่ในห้วงความฝัน แต่ก็จำอะไรไม่ได้แล้ว
“ลองคิดดูหน่อย!” สือฮ่าวมีสีหน้าเคร่งขรึม
“มีเสียงอยู่บ้าง ตามมาด้วยหม้อลอยมา มันเปล่งแสง เสียงเบาบางแต่ยาวนาน เหมือนกับแว่วมาจากสุดขอบโลก ราวกับว่า…” กระต่ายน้อยพยายามนึกย้อนกลับไป หน้านิ่วดูเจ็บปวดอย่างมาก กำลังค้นหาความทรงจำที่อยู่ลึกเข้าไป
“เหมือนว่ามันกำลังสื่อสารกับข้า บอกว่ามีคนคนหนึ่งข้ามผ่านกองกระดูกของสรรพสิ่ง เหยียบย่ำเศษกระดูกทั้งหลาย เดินเหินในพื้นที่มืดใย ลอยล่องผ่านผืนทะเล ขจัดสิ่งชั่วร้ายที่คงอยู่มาเนิ่นนาน เป็นการเดินทางที่โดดเดี่ยวเดียวดาย สู้ศึกเพียงลำพัง พวกเขาอยากถามว่าคนคนนั้น…”
จู่ๆ กระต่ายน้อยก็ร้องไห้ขณะที่กำลังเล่า “ข้าควรนึกออกบ้างสิ ตอนนั้นเศร้าเสียใจมาก ทั้งที่ได้ยินเรื่องสำคัญ แต่ตอนนี้…กลับจำอะไรไม่ได้เลย”
ยิ่งมันพยายามอยากเห็นอะไรในความทรงจำมากเท่าใด มันก็ยิ่งไม่มีประโยชน์ สุดท้ายทุกอย่างก็พร่าเลือน มองไม่เห็นอะไรเลย
สือฮ่าวทดลองล้วงความทรงจำของมัน ค้นหาประสบการณ์เหล่านั้น แต่ก็ไม่ได้อะไรเลย เพราะมันเลือนราง เต็มไปด้วยพลังของกาลเวลา
เฉาอวี่เซิงก็อยากลองช่วยเหลือสือฮ่าว
“ช่างเถอะ” สือฮ่าวส่ายหน้า เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “จักรวาลพลิกผัน รบกวนหยินหยาง ทำให้กาลเวลาวุ่นวาย ความทรงจำเหล่านั้นไม่คงอยู่นาน เราไม่มีทางมองเห็น”
สิ่งสำคัญคือ มันสวนทาง ขัดแย้งกับกาลเวลา ความทรงจำเหล่านั้นจึงเลือนหาย
“พวกเจ้าจะไปเนินเขาเซียนหรือ?” สือฮ่าวถาม
“ช่างมันเถอะ ในเมื่อเจ้าส่งโชคมาถึงที่แล้ว พวกเราจะเข้าไปอีกทำไม?” เฉาอวี่เซิงไร้ยางอายสิ้นดี
สือฮ่าวแบ่งน้ำไผ่พ้นภัยให้พวกเขา มอบผลน้ำพุเหลืองให้เฉาอวี่เซิงหนึ่งลูก จากนั้นก็เดินทางกลับพร้อมกัน ระหว่างนี้ก็เจอฉางกงเหยียน จึงแบ่งของเหลวให้เขาด้วยส่วนหนึ่ง
“นั่นมันฮวงนี่นา!”
เมื่อออกจากเนินเขาเซียน มาถึงยอดเขาแล้ว หลายคนก็พากันอุทาน แน่นอนว่าต่างก็รู้จักเขา
ตอนนี้ วิหารทองที่ลอยเหนือยอดเขาหายไปแล้ว ร่องรอยเทพเจ้าทั้งหลายสลายหายไป ไม่มีวี่แววแล้ว
“เจ้าหนุ่ม เจ้าไม่มาสำนักเซียนจริงหรือ ที่นั่นต่างหากที่เป็นสถานที่แปรสภาพของเจ้า” ชายชราสำนักเซียนคนหนึ่งพูด
“หากไม่มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ ข้าไปก็ไม่มีความหมาย” สือฮ่าวตอบ
“งั้นก็ไปสำนักปราชญ์” ชายชราอีกคนของสำนักปราชญ์ยื่นไมตรี
สือฮ่าวยิ้ม มันทั้งขมขื่นและหน่ายใจ เหล่าผู้เฒ่าของสำนักปราชญ์ตัดสินใจนานแล้ว เลือดพลังมดเขาสวรรค์และเลือดสิบอสูรอื่นๆ ถูกแจกจ่ายจนหมดเกลี้ยงแล้ว เขาไปแล้วอย่างไร?
โชคชั้นใหญ่ทั้งหลายไม่มีส่วนของเขาแล้ว อัจฉริยะที่ถูกสองสำนักบ่มเพาะครองโชคชั้นใหญ่ทั้งหมดแล้ว หากเขาเข้าไป ก็ไม่มีทางแบ่งทรัพยากรมาให้เขา
เมล็ดพันธุ์สุดท้าย และโชคชั้นสุดท้ายที่สองสำนักเก็บไว้ มีเพียงพอสำหรับสองสามคน กำหนดไว้แล้วว่าจะให้ทายาทของตระกูลอมตะ
“ลาก่อนท่านผู้อาวุโส!” สือฮ่าวเดินลงเขาทันใดโดยไม่ลังเล ค่อยๆ เลือนหายไป
“ไม่ธรรมดา ภูเขาลูกนี้มีบันไดนับแสนขั้น แถมยังกระจายแรงกดดันมหาศาล บดขยี้เทพสวรรค์ได้ แต่เขากลับลงไปได้ง่ายดายเช่นนี้ กายเนื้อต้องแข็งแกร่งปานใดกัน?” ชายชราคนหนึ่งหายใจเข้าดังเฮือก
พวกเขาเชื่อว่าตัวเองในวัยหนุ่ม ไม่มีความสามารถแบบนี้ เมื่อเทียบกับสือฮ่าว มันห่างกันถึงสิบเท่า!
หลายคนเสียดายที่ปล่อยอัจฉริยะคนนี้ให้หลุดมือ ทิ้งไว้ที่สำนัก ปล่อยเขาไปตามยถากรรม ทลายขีดจำกัดด้วยตัวเอง มันน่าเสียดายไม่ใช่หรือไง
“ผู้ยิ่งใหญ่พวกนั้นต้องเสียใจเป็นแน่ ข้าสังหรณ์ใจว่า ฮวงคนนี้มีศักยภาพกว่าที่เราจินตนาการไว้ อาจจะเก่งกาจกว่าสิ่งมีชีวิตที่ได้รับความสำคัญพวกนั้นเสียอีก!” ชายชราคนหนึ่งแอบพูดพร้อมกับแสดงสีหน้าจริงจัง
สือฮ่าวใช้เวลาหลายวันตอนเดินขึ้นเขา แต่ยามลงมากลับรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด มาถึงตีนเขาในชั่วพริบตา
เพราะผ่านการอาบชำระจากน้ำไผ่พ้นภัยแล้ว และเขาบรรลุธรรมที่นั่น กายเนื้อจึงแข็งแกร่งมากขึ้น อักขระและแรงกดดันจากภูเขาลูกนี้ทำอะไรเขาไม่ได้
สือฮ่าวจากไป ออกจากพื้นที่แห่งนี้ มุ่งหน้ากลับสำนักเทพสวรรค์
ผู้คนบนภูเขาต่างพากันวิจารณ์
อัจฉริยะหนุ่มสาวก็ย้อนกลับมาถึงยอดเขาแล้ว
“เฮ้อ น่าเสียดาย อย่าว่าแต่ไผ่พ้นภัยเก่าแก่ต้นนั้นเลย ต้นไผ่ธรรมดายังไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ”
“ช่างเถอะ อย่าพูดแบบนี้เลย ที่นี่มีไผ่พ้นภัยกี่ต้นกัน อายุน้อยที่สุดก็หลายหมื่นปีแล้ว ไม่มีคำว่าธรรมดา”
“ฮวงได้ไผ่พ้นภัยที่เก่าแก่ที่สุดจริงหรือ ไม่อยากเชื่อเลย มันเป็นโชคชั้นใหญ่ปานใดกัน ว่ากันว่าแต่ไหนแต่ไรมามีเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นไผ่ต้นนั้น”
พวกเขาต่างก็รู้สึกเสียดาย แน่นอนว่าอิจฉาและโกรธแค้นสือฮ่าว เจ็บใจยิ่งนัก
“ไม่เป็นไร แม้ฮวงจะได้น้ำไผ่พ้นภัยที่เก่าแก่ที่สุดไปแล้วอย่างไร เขาไร้พ่ายในขั้นเทพสวรรค์ ไม่ได้แปลว่าเขาจะไร้เทียมทานในขั้นที่สูงกว่า ต้องรู้ว่า อยากกลายเป็นบุคคลขั้นสุดยอดในขั้นต่อไป จำต้องใช้เมล็ดพันธุ์ในการทลาย เขามีหรือ?”
“ใช่ ต่อไปในปฐพีจะไม่มีตัวเอกเช่นเขา มีแต่จะขับให้คนอื่นสูงเกินเอื้อม หากไม่มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ เขาไม่มีทางสำเร็จ”
“ในการช่วงชิงความเป็นใหญ่ของผู้กล้าขั้นเจ้าสำนัก คงจะไม่เห็นเงาของเขาแล้ว ตอนจบถูกกำหนดไว้แล้ว!”
“หึ เจอกันในขั้นต่อไป ดูสิว่าเขาจะเย้ยหยันเหล่าผู้กล้าได้ไหม หากว่าไม่ได้ ก็ยอมจำนนแต่โดยดีเถอะ หากมิเช่นนั้น คนที่อยากแก้แค้นเขานั้นมีมากโขเชียวล่ะ!”
หลายคนแสยะยิ้ม เพราะสือฮ่าวเคยกำราบจนพวกเขาหายใจไม่ออก โดยเฉพาะคนที่เป็นปรปักษ์กับเขา ตอนนี้ต่างก็รู้สึกสบายอุรา
สือฮ่าวจากไป ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า บางคนรอสมน้ำหน้าเขา ต่างก็รู้ว่าเขาไม่มีเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสม
“ใช้กายเป็นพันธุ์ มาเริ่มกันเถอะ!” เขาพึมพำ หลายวันต่อมาก็กลับมาถึงสำนักเทพสวรรค์ และได้เข้าพบปรมาจารย์
สำนักเงียบลงมาก เพราะคนโดดเด่นไปกันหมดแล้ว บ้างก็เข้าสำนักเซียน บ้างเข้าสำนักปราชญ์ เหลือเพียงนักพรตที่ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมแค่ไม่กี่คน
คนมีไม่มากแล้ว สำนักเทพสวรรค์กว้างใหญ่ ไม่ว่าเดินไปที่ใดล้วนเงียบสงัด เป็นภาพที่วังเวงใจ
“เจ้าทำได้ดีมาก” ปรมาจารย์ยอมรับในการฝึกฝนของสือฮ่าวครั้งนี้
ใต้ตีนเขาวิเศษ ปรมาจารย์เตรียมบ่อสมุนไพรไว้นานแล้ว ข้างๆ มีหม้อหลายใบที่ต้มสมุนไพร กำลังสาดแสงสว่างไสว
กลิ่นยาหอมหวนจนแยกแยะไม่ออกโชยมาปะทะหน้า
“เวลาจากนี้ไปคาดการณ์ยากนัก น้อยสุดไม่กี่เดือน มากสุดบางทีอาจยาวนานถึงสิบปี!” ปรมาจารย์มีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
“ข้ารู้!” สือฮ่าวพยักหน้า เขาเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมจะทลายขีดจำกัดแล้ว
เขานำผลน้ำพุเหลืองและไผ่พ้นภัยออกมา เพราะปรมาจารย์อาจต้องใช้มันยามปรุงยา
“เจ้าตื่นเต้นหรือไม่? คนข้างนอกต่างก็จับตามอง อยากรู้ว่าเจ้าจะหลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์อย่างไร อยากดูว่าเจ้าจะเดินไปถึงขั้นไหน!” ปรมาจารย์พูดเสียงหนักแน่นอย่างยิ่ง
นี่เป็นเรื่องจริงที่คาดเดาได้ ขอเพียงสือฮ่าวจำศีล สำนักอยากปิดเป็นความลับก็ทำไม่ได้ ลูกศิษย์ที่เหลือต้องแพร่งพรายแน่นอน
ตอนนี้สือฮ่าวอยู่แนวหน้า น้อยคนจะเทียบได้ หลายคนรู้ดีว่า เขาไม่มีเมล็ดพันธุ์ อย่างไรก็ต้องปล่อยวาง จะสำเร็จได้อย่างไร?
หลายคนกำลังรอสมน้ำหน้าเขาอยู่!
ในความเป็นจริงแล้ว ในวันนั้นเอง สือฮ่าวเพิ่งเริ่มเตรียมตัว ข่าวก็แพร่สะพัดแล้ว
ตระกูลอมตะบางส่วน และเหล่าอัจฉริยะของสองสำนักต่างก็รู้ข่าวแล้ว
“สือฮ่าวจะจำศีลแล้ว อยากรู้จริงๆ ว่าเขาจะสร้างวีรกรรมได้อีกหรือไม่!”
“หึ ในที่สุดก็จะเริ่มแล้ว เป็นการเริ่มต้นของจุดจบของเขา หรือจะเดินไปสู่ความรุ่งเรือง มาจับตาดูกัน!”
1255หนทางการแปรสภาพอันน่าขนลุก
โดย
Ink Stone_Fantasy
สือฮ่าวยังไม่ทันได้บำเพ็ญเพียร ก็เป็นที่จับตามองแล้ว!
“ข้ากำลังรอเจ้าเสร็จสิ้นการบำเพ็ญ จะแข็งกร้าวแบบนั้นอีกไหม? อย่าแตกแถวล่ะ มิเช่นนั้นเจ้าจะอนาถสิ้นดี ได้ลิ้มรสที่ถูกคนอื่นกำราบเพียงแค่พลิกฝ่ามือ!” มีคนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ฮวง เจ้าไม่มีเมล็ดพันธุ์สูงส่ง ไม่มีเลือดมดเขาสวรรค์ที่สะเทือนปฐพี เจ้าจะเอาอะไรมาสู้ ดูสิว่าเจ้าจะรักษาวีรกรรมอันเกริกก้องได้อีกไหม!”
“ฮ่าฮ่า ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ผ่านขั้นเทพสวรรค์ให้ได้ เรามาเจอกันในขั้นเจ้าสำนัก ดูสิว่าใครจะหัวเราะจนหยดสุดท้าย คาดหวังยิ่งนัก ข้าอดใจรอไม่ไหวแล้ว!”
คนที่ชิงชังสือฮ่าวหลายคน ต่างก็รอคอยผลลัพธ์ สือฮ่าวในขั้นเทพสวรรค์ กดทับในใจพวกเขาปานภูเขาลูกใหญ่ มีไม่กี่คนที่สู้ได้ พวกเขาหวังว่าจะเกิดเหตุกลับตาลปัตรในขั้นที่สูงกว่า
เมื่อถึงตอนนั้น จะไม่อยู่ใต้อาณัติของสือฮ่าวแล้ว บางทีพวกเขาอาจอยู่เหนือสือฮ่าว ทุกคนรู้ดีว่าในการบำเพ็ญเพียรของเขาครั้งนี้เต็มไปด้วยอุปสรรค
ที่จริงแล้วหลายคนต่างก็สงสัยมากว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีเมล็ดพันธุ์สูงส่ง ฮวงจะกล้าทลายขีดจำกัดได้อย่างไร ไม่กลัวทำลายเส้นทางของตัวเองหรือ?
ต้องรู้ว่า เมื่อเดินหน้าแล้วจะต้องเดินต่อไป หากเขาตัดสินใจแล้ว จะหันหลังกลับไม่ได้ ถ้าไม่สำเร็จ ก็จะพิการ ถึงขั้นว่าสิ้นชีพวายชนม์!
“สือฮ่าว ในเมื่อเจ้าเลือกเส้นทางนี้แล้ว ขอให้เจ้าปลอดภัย!”
แต่ก็มีคนเป็นห่วงสือฮ่าวเหมือนกัน เช่นพวกชิงยี ต่างก็กังวล จู่ๆ สือฮ่าวก็จำศีลกะทันหัน ไม่มีเมล็ดพันธุ์ จะเดินหน้าอย่างไร?
“เขาคงจะไม่ตายหรอกนะ ข้ารู้สึกอยู่ตลอดว่าเขาคล้ายกับคนที่อาจารย์สะลึมสะลือ นอนหลับอุตุทั้งวันของข้าพูดไว้ยิ่งนัก” เฉาอวี่เซิงกระซิบกระซาบ
ข้างนอกวิจารณ์กันเซ็งแซ่ แต่ในสำนักเทพสวรรค์กลับเงียบสงบ
สือฮ่าวเตรียมทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว ปรับตัวเองให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทุกอณูรูขุมขนเปล่งประกาย สาดแสงสว่างออกมา
เขามีกำลังเต็มเปี่ยม พลังจิตอันล้นเหลือกลายเป็นเปลวไฟสีเงินผุดออกจากหน้าผาก โชติช่วงอย่างยิ่ง สุดท้ายดวงไฟพลังจิตก็ก่อตัวเป็นร่างมนุษย์จิ๋ว ลอยอยู่ตรงนั้น
ปรมาจารย์ตกใจอย่างยิ่ง “ไฟแห่งพลังที่รั่วไหลออกมาจากจิตของเจ้าทำได้ขนาดนี้แล้ว สร้างอีกดวงจิตหนึ่งได้แล้ว!”
ตอนนี้ บ่อสมุนไพรหลายบ่อบนพื้นเกิดริ้วคลื่น ภายในเต็มไปด้วยยาขั้นเทพและแร่หายากหลายชนิด เช่นใบไม้ของต้นเทพสวรรค์ แปดกิเลน ฝุ่นอวกาศเลือดเซียน…
ไม่ว่าชนิดไหนก็ประมาณค่าไม่ได้ หากข้างนอกล่วงรู้ ต้องมีคนตาร้อน ผู้กล้าทั้งหลายจะเข่นฆ่าไม่คิดชีวิตเป็นแน่
“ลงไปในบ่อแรกก่อน!” ปรมาจารย์พูด
สือฮ่าวนั่งลง กลิ่นยาหอมแตะจมูก รูขุมขนเปิด ยาเดือดพล่านทำเอาเขาตัวสั่นระริก มันไม่ได้ร้อนธรรมดา แต่เป็นเหมือนเหล็กเหลว สือฮ่าวถึงกับทำหน้าเหยเก
หากว่ากันตามกายเนื้อในตอนนี้ของเขา แม้แต่อาวุธมีคมก็ยากจะทำอะไรได้
“ทรายเลือดเซียน!” สือฮ่าวตาลายเล็กน้อย
มันไม่ใช่สมุนไพรทั่วไป แต่เป็นผลผลิตที่เกิดจากทรายชนิดหนึ่งละลาย เมื่อหยดลงบนตัวเขา อุณหภูมิสูงกว่าลาวาเสียอีก!
ว่ากันว่า ฝุ่นชนิดนี้หายาก เป็นเศษชิ้นส่วนของดวงดาวที่ถูกย้อมด้วยเลือดของเซียนที่ตายจากการรบ เมื่อกาลเวลาผ่านไป มีพลังปราณน้อยนิดหลงเหลือ กลายเป็นฝุ่นผงแวววาวโปร่งแสง
ฝุ่นผงเหล่านี้ถูกปรมาจารย์ใช้หม้อสีเขียวต้มจนละลายแล้ว ตอนนี้กลายเป็นน้ำ ถูกเทรดหัวสือฮ่าว ทำให้เขาพูดไม่ออก ป่าเถื่อนเกินไปแล้ว!
หากเป็นเทพเจ้าทั่วไป คงจะถูกแผดเผา กลายเป็นกระดูกไปนานแล้ว
หลังฝุ่นผงโปร่งแสงละลาย กลายเป็นของเหลวสีแดงแล้ว ก็สาดแสงสว่าง ราวกับมีเลือดของเซียนกำลังรินไหล
มันมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ แต่ก็มีกลิ่นหอมหวนเช่นกัน!
“ท่าทางตำนานจะเป็นความมจริง ฝุ่นพวกนี้ถูกย้อมจากเลือดเซียนจริงๆ” ปรมาจารย์พึมพำ
สือฮ่าวเบ้ปาก รสชาติแบบนี้มันไม่สนุกเอาเสียเลย มีคนใช้ของเหลวที่ร้อนกว่าลาวาไม่รู้กี่เท่าราดหัว นี่มันฆ่ากันชัดๆ
เห็นได้จากจุดนี้ว่า กายเนื้อของเขาแข็งแกร่งปานใด แม้แต่เส้นผมก็ไม่ละลาย เป็นประกายเงางาม มีแสงสว่างไหลผ่านผิวหนัง ดูดซึมส่วนสำคัญจากฝุ่นอวกาศเลือดเซียน
“หากมีเลือดเซียนของแท้ ราดลงบนตัวเจ้าแบบนี้ เจ้าคงละลายเป็นลิ่มเลือด ไม่เหลืออะไรตั้งนานแล้ว ยังดีดูดซึมผ่านฝุ่นอวกาศ ทั้งยังผ่านการหล่อเลี้ยงจากกาลเวลา กำจัดสิ่งชั่วร้ายแล้ว เหลือเพียงส่วนสำคัญ เจ้าถึงใช้ได้”
ปรมาจารย์ถอนหายใจ ของสิ่งนี้ล้ำค่าเหลือเกิน ใช้ทีละนิดก็ลดน้อยลงทีละหน่อย ในจักรวาลมีไม่มากแล้ว
น่าแปลกนัก อุณหภูมิสูงปานนี้ ยามของเหลวสีแดงไหลลงไปในบ่อสมุนไพร มันไม่ทำลายยาชนิดอื่น กลับกันมันผสมผสานกัน ทวีความหอมมากขึ้น
สือฮ่าวสงสัยว่า ไม่ใช่อุณหภูมิร้อนระอุที่ทำให้เขาเจ็บปวดรวดเร็ว แต่เป็นส่วนสำคัญอันน้อยนิดในเลือดเซียนกำลังทิ่มแทงผิวกายเขา!
เขาอดทนต่อความเจ็บปวด ผลุบๆ โผล่ๆ ในบ่อสมุนไพร ร่างกายราวกับโดนมีดเฉือน ถูกขัดเกลาต่อเนื่อง กระทั่งสุดท้ายปรมาจารย์ยังชักดาบออกมาฟันตัวเขาอีกด้วย
หน้าสือฮ่าวแทบเขียวแล้ว ปรมาจารย์มีพลังปานใดกัน หนึ่งดาบตวัดลงมาจะไม่ทำให้เขาดับสูญทั้งกายและจิตหรือ?
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะควบคุมแรง เจ้ารีบใช้วิชาขัดเกลากระดูกเร็วเข้า!” ปรมาจารย์เตือน
ต่อมา สือฮ่าวรู้แล้วว่าอะไรคือเจ็บร้าวไปถึงกระดูก ปรมาจารย์ตวัดดาบลงมา ลำแสงเจิดจ้าก็ลอยลงมาราวกับเป็นดาราจักร แต่ไม่ระคายผิวหนังของเขา บาดลึกลงไปในกระดูกทั้งหมด
การควบคุมพลังแบบนั้น และการแสดงให้เห็นถึงฝีมือ มันช่างน่าทึ่ง
สือฮ่าวครวญครางทันที เจ็บมากจริงๆ ไม่รู้ว่ากระดูกแตก ไขกระดูกไหลออกมากี่ท่อนแล้ว เหงื่อกาฬผุดทั่วตัวเขา ความเจ็บปวดที่ประสบตอนเจอไผ่พ้นภัยเกิดขึ้นอีกครั้งแล้ว
“ข้ากำลังทดสอบผลลัพธ์ของเจ้า ดูสิว่าสิ่งที่เจ้าได้จากเนินเขาเซียนเพียงพอหรือยัง ตรวจสอบและอุดช่องโหว่ ช่วยให้เจ้าบรรลุความสมบูรณ์แบบ!” ปรมาจารย์พูด
จะไม่สมบูรณ์แบบได้หรือ? ใช้ทั้งใบของต้นเทพสวรรค์ แปดกิเลนกับฝุ่นอวกาศเลือดเซียน นำของเหล่านี้มาขัดเกลาร่างกาย ไม่อยากแข็งแกร่งคงเป็นไปไม่ได้
ชีวิตอันน่าเศร้าของสือฮ่าวเริ่มขึ้นแล้ว ถูกขัดเกลาร่างกายใหม่อีกครั้ง ตอนแรกเขาไม่ปริปากเลยสักนิด จนสุดท้ายเมื่อปรมาจารย์ใช้ดาบฟันกระดูก ตัดเส้นเลือดของเขา ทำลายนับครั้งไม่ถ้วน ใช้สมุนไพรอาบชำระไม่หยุด สุดท้ายก็ทำให้เขาคำรามออกมาอย่างทนไม่ได้
ช่วงเวลาแบบนี้ดำเนินมาสิบวันแล้ว
จากนั้นปรมาจารย์ก็ให้เขานั่งลงในหม้อใบหนึ่งแล้วสาดน้ำไผ่พ้นภัยลงมา หนึ่งวันหนึ่งคืนผ่านไป สือฮ่าวก็เปี่ยมด้วยพละกำลัง เมื่อผ่านการขัดเกลาครั้งนี้ กายภาพแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมากโข!
จะให้เทพสวรรค์สู้กับเจ้าสำนักหรือ? สือฮ่าวมีความมั่นใจอย่างยิ่ง ตอนนี้แม้จะอยู่ในขั้นเทพสวรรค์ แต่กลับมีความคิดชั่ววูบอยากจะต่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
“ลงไปในบ่อที่สอง” ปรมาจารย์ไม่ให้เวลาเขาได้หายใจ ชี้บ่อสว่างไสวบ่อที่สอง ตรงนั้นมีไอสีขาวกำลังระเหย
เมื่อสือฮ่าวลงไป ก็ขนลุกขนชันทันที!
ข้างในไม่ได้มีแค่สมุนไพรหลากหลายชนิดเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยแมลง ล้วนเป็นสัตว์ประหลาดดึกดำบรรพ์ มีพิษร้ายแรง!
แม้ของเหลวภายในไอสีขาวจะเจิดจ้า แต่แค่มองก็น่ากลัวแล้ว ไม่วิเศษแต่อย่างใด กลิ่นคาวเลือดโชยแตะจมูก แมลงยั้วเยี้ยช่างสยดสยอง
ขณะเดียวกัน หม้ออีกใบที่อยู่ข้างๆ นั้นเดือดแล้ว น้ำในหม้อกระฉอกออกมาไม่หยุด แมลงทั้งหลายที่อยู่ข้างในหายากยิ่งนัก บางส่วนยังมีชีวิตอยู่ ต้องใช้หม้อวิเศษต้มมัน
สือฮ่าวรู้สึกตัวชาเล็กน้อย แต่ก็นั่งลงไปเงียบๆ
ปรมาจารย์เทน้ำและแมลงในหม้อลงมา เนื้อตัวของเขาเปียกชุ่ม และไหลลงไปในบ่อที่สอง
“ยังมีชีวิตอยู่!”
สือฮ่าวรู้สึกได้ว่า แมลงในน้ำที่ถูกเทลงมาจากหม้อไม่มีตัวไหนที่ตายแล้ว ล้วนเกาะตามตัวเขาแล้วเริ่มกัด
ชั่ววินาทีที่เขาลืมตา เนื้อตัวก็เต็มไปด้วยแมงป่องขาว หางทิ่มลงไปในเนื้อแล้ว มันแหลมคมจนน่าตกใจ ทนทานกว่าอาวุธวิเศษเสียอีก
ปรมาจารย์ตวาดว่า “อย่าต่อต้าน ปล่อยให้พวกมันทิ่มแทง อย่าทำให้พวกมันตายเด็ดขาด นี่เป็นแมงป่องหยกขาว ล้ำค่าและหายาก ต่างก็เป็นสัตว์หายากที่มีสายเลือดสูงส่ง!”
สือฮ่าวหมดคำพูด แถมยังต้องเป็นฝ่ายให้ความร่วมมือ ปล่อยให้แมงป่องเหล่านี้ทิ่มแทงเขา
ต่อมา เขาก็ผ่อนคลาย มิเช่นนั้นอาจทำให้แมงป่องหยกขาวพวกนี้ตายได้ แม้ส่วนใหญ่จะบรรลุขั้นเทพแล้ว แต่ก็อาจถูกกายเนื้อขั้นเทพสวรรค์ของสือฮ่าวสะเทือนจนตัวแตกตายได้เช่นกัน
“อ๊าก…” สือฮ่าวกรีดร้อง
แมงป่องมีพิษร้ายแรง ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเขา ถูกแมงป่องสีขาวปกคลุมจนมิด เหลือแค่ดวงตา ไม่รู้ว่ามีหางแมงป่องมากมายเท่าใดทิ่มแทงผิวกาย
เนื้อตัวมีแต่แมงป่อง แถมยังถูกทิ่มแทง ไต่ยั้วเยี้ยทั่วร่าง ช่างน่าขนหัวลุก!
หากเป็นผู้หญิงคงกรีดร้อง อาเจียนออกมานานแล้ว ยังดี สือฮ่าวเป็นคนใจกล้า ไม่สะทกสะท้าน เพราะเขาเคยกินเนื้อแมงป่องมาแล้ว
เพียงแต่ว่า ความเจ็บปวดรวดร้าว และความรู้สึกว้าวุ่นเหล่านั้น ก็ยังทำให้เขาไม่สบายตัวอยู่ดี
ประเด็นคือเจ็บปวด มันทำให้เทพสวรรค์ตายได้ เพราะนี่เป็นแมลงมีพิษขั้นเทพ รวมตัวกันมากมายขนาดนี้ ไม่กลัวคงไม่ได้
ต่อมาไม่นาน แมงป่องหยกขาวแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน เพราะถูกเลือดของสือฮ่าวย้อม สุดท้ายพิษก็หวนกลับเข้าสู่ร่างกายสือฮ่าวอีกครั้ง เขากลิ้งไปกลิ้งมา โอดโอยอย่างทนไม่ได้
“อ๊าก…”
สุดท้ายเขาก็ร้องลั่น แมลงมีพิษชนิดนี้มุดเข้าไปในร่างกาย มันทำให้เขาเหลืออด หลังพิษกลับเข้ามาแล้วก็แทบจะกัดกร่อนอวัยวะและเลือดเนื้อของเขาจนหมดสิ้น
เขาใช้วิชาขัดเกลากระดูก กระดูกแขนขาดังกรอบแกรบไม่หยุด พวกมันกำลังสร้างเลือด ชะล้างเส้นเลือดทั่วร่าง แม้แต่กะโหลกก็ไม่เว้น สร้างเลือดเทพสวรรค์ใหม่อีกครั้ง!
สุดท้ายเมื่อผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ก็สิ้นสุดความทรมานแบบนี้ แมงป่องทั้งหมดตายจนหมดสิ้น พิษสลายหายไป
แต่เพียงชั่วครู่ สือฮ่าวก็รู้สึกหน้ามืด เพราะเห็นตะขาบจำนวนมหาศาล ล้วนเป็นสีทองและมีปีก กำลังเทกระหน่ำลงมาจากหม้อใหญ่ ร่วงลงบนตัวเขาทั้งหมด
ตะขาบจำนวนมากกำลังเคลื่อนไหว ไต่ไปทั่วทุกอณูของร่างกาย สือฮ่าวรู้สึกเนื้อตัวเย็นเฉียบ จากนั้นความเจ็บปวดก็เข้ามาจู่โจม
“ปรมาจารย์ ต้องชะล้างกายเช่นนี้หรือ?” เขาเริ่มทนไม่ไหวแล้ว
“แน่นอน การขัดเกลาร่างกาย ต้องใช้วิธีชั่วร้ายนานาชนิด ผ่านการทรมานทั้งหมด จึงจะทดสอบได้ว่าแข็งแกร่งหรือไม่ ต่อไปอย่าเป็นคนด้อยความสามารถ ความจริงอันตรายกว่านี้เป็นหมื่นเท่า” ปรมาจารย์พูดเสียงเรียบ
เป็นเช่นนี้สิบวันสิบคืน สือฮ่าวถูกทรมานโดยแมลงมีพิษที่น่ากลัวที่สุดสิบชนิด สุดท้ายก็ใช้สมุนไพรแช่ตัว เพื่อฟื้นฟูร่างกาย
ผลลัพธ์ดียิ่งอย่างที่คิด แมลงสิบชนิดเป็นวัตถุล้ำค่า เป็นวัตถุดิบชั้นสูงที่ใช้ขัดเกลาร่างกาย ตอนนี้มียาขั้นเทพหลากชนิดคอยเสริม จึงเกิดประสิทธิภาพอันน่าตะลึง
“ปรมาจารย์ ข้าจะใช้กายเป็นพันธุ์ได้เมื่อใด?” สือฮ่าวรู้สึกว่าตัวเองเตรียมพร้อมแล้ว พร้อมจะแปรสภาพทุกเมื่อ
“เจ้าอยู่ระหว่างทางแล้ว แม้จะยังไม่ได้อยู่ในขั้นที่สำคัญ แต่อยู่บนเส้นทางแล้ว อยากใช้กายเป็นพันธุ์ ย่อมต้องให้ทุกด้านบรรลุขั้นสุดยอด เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในขั้นเทพสวรรค์ มิเช่นนั้นจะมีความหวังจะชนะหรือ?” ปรมาจารย์เข้มงวดอย่างยิ่ง
ตลอดยี่สิบกว่าวันมานี้ ข้างนอกเกิดเรื่องน่าตะลึงมากมาย
“ข่าวใหญ่ อัจฉริยะท่านหนึ่งของสำนักเซียนเพิ่งทลายขีดจำกัด หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์ไร้ที่ติ นิพพานขั้นสูงของชีวิต เขาทำสำเร็จแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีมลทินเลยสักนิด ความไร้พ่ายสะเทือนปฐพี!”
“คนของสำนักปราชญ์ก็หลอมรวมกับเลือดพลังมดเขาสวรรค์และเลือดนิพพานของหงส์สำเร็จแล้ว แถมยังรวมสิบถ้ำสวรรค์เป็นหนึ่งอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน สลักค่ายกลปฐมกาลลงในตัว กายเนื้อยกระดับแล้ว!”
ข่าวน่าตะลึงบางส่วนแพร่สะพัด มีคนทลายขั้นเทพสวรรค์ บรรลุขั้นที่สูงกว่าอย่างต่อเนื่อง ทำการยกระดับที่สมบูรณ์แบบที่สุด
แต่ฮวงในเวลานี้ เป็นอย่างไรกันแน่? ทุกคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอ
หลายคนแสยะยิ้ม ไม่มีพันธุ์สวรรค์สูงส่ง เขาจะสู้คนพวกนั้นได้อย่างไร ต้องได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้แน่นอน!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น