Monster Paradise 1600-1601

 ตอนที่ 1600 เราจะเช่าที่ในเขตดาวนักล่าปีศาจ


 


ตอนหลินฮวงออกวังจอมเทพ เวลาก็ผ่านไปสามวันครึ่งในโลกภายนอก


 


หลินฮวงรีบมองวันที่ จากนั้นก็ก้าวผ่านประตูมิติและกลับไปเขตดาวนักล่าปีศาจ


 


เขาเลือกเขตดาวนักล่าปีศาจเป็นสถานีชั่วคราวของเขาเพราะมันห่างไกลจากเขตหลักของโลกมนุษย์ และไม่อยู่ใต้อํานาจขององค์กรใหญ่ใด ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีทรัพยากรพอและเหมาะกับการพัฒนาในอนาคต


 


อีกเหตุผลสําคัญคือทาสดาบภายใต้บัญชาของหลินฮวงคือโปรตอสหรือสมาชิกจากเผ่าอื่น มีมนุษย์ไม่ถึงสิบ ถ้าตัวตนพวกเขาโดนพบโดยองค์กรมนุษย์ เรื่องราวจะลําบาก


 


ไม่มีเวลาให้ล่าช้า หลินฮวงระบุตุแหน่งพวกหลินซินได้ผ่านจิตเทวะทันที


 


นี่คือวังที่ก่อสร้างบนภูเขาสูง


 


หลินฮวงพุ่งผ่านค่ายกลดาบหลายแห่งในชั่วพริบตาและเข้าสวนวัง


 


แทบจะทันทีกับที่เขาปรากฏ ทาสดาบก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเขาและรีบมาต้อนรับเขา


 


มีทาสดาบแค่สี่ที่ประจําการที่นี่ นําโดยดาบ 12 หลินฮวงสังเกตเห็นว่าดาบ 12 ได้ปลอมระดับพลังตัวเองเป็นเทพสวรรค์ชั้นหนึ่ง ขณะที่อีกสามปลอมเป็นเทพแท้จริงขั้นสูง


 


หลินฮวงผงะตอนแรกแต่ก็ตระหนักถึงเหตุผลทันที


 


“ยินดีต้อนรับกลับ ท่านจอมดาบ!”


 


“จุดรวมตัวนี้ที่พวกเขาพบไม่เลวเลย” หลินฮวงชมเชย


 


“ศูนย์ใหญ่ของพันธมิตรดาบต้องน่าประทับใจไม่น้อย” ดาบ12 หัวเราะ ขณะที่หัวล้านของเขาเปล่งแสง


 


“เจ้าตั้งพันธมิตรดาบแล้วหรือ?” หลินฮวงเลิกคิ้ว


 


แม้เขาจะกลับเขตดาวนักล่าปีศาจบ้าง แต่ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้ เขายุ่งกับธุระตัวเอง เดิมเขาตั้งใจมาพันธมิตรดาบตอนเขามีเวลามาแบ่งเนื่องจากมันไม่เร่งรีบ เขาไม่คิดเลยว่า ดาบ12จะตั้งมันแล้ว เขาเพิ่งนึกได้ว่าเขาพูดเรื่องนี้กับดาบ12ระหว่างการคุยเล่นก่อนหน้า เกี่ยวกับการอยากตั้งพันธมิตรดาบในเขตดาวนักล่าปีศาจ


 


“ข้าคิดว่าข้าควรตั้งมันก่อน ข้าจึงไปลงทะเบียน จากนั้นก็ซื้อที่ดินส่วนนี้”ดาบ12อธิบายทันที “สุดท้าย เพราะข้าลงทะเบียนในนามเทพสวรรค์ นักล่าจึงระบุว่าพันธมิตรดาบเป็นองค์กรระดับ4ทันที..”


 


หลินฮวงพยักหน้า


 


เมื่อระดับพลังของเขาเลื่อนเป็นขั้นสิบ พลังของทาสดาบก็เลื่อนเป็นเทพสวรรค์ชั้นเก้า ความสามารถพวกเขาแทบกลับสู่จุดสูงสุดแล้ว


 


แต่ทว่า เพื่อป้องกันการเป็นจุดสนใจ ดาบ 12 จึงแสดงแค่ความสามารถระดับเทพสวรรค์ชั้นหนึ่งตอนเขาตั้งพันธมิตรดาบ ทาสดาบขึ้นเองก็ปกปิดพลัง


 


เนื่องจากดาบ12เป็นมนุษย์ รวมถึงยอดฝีมือเทพสวรรค์ มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่การลงทะเบียนของเขาจะผ่านการอนุมัติ


 


หลังตรวจสอบภูมิหลัง เจ้าหน้าที่ก็ยังเข้าหาดาบ12ด้วยข้อเสนอว่าจะตั้งเขาเป็นผู้พิทักษ์ของเขตดาบนักล่าปีศาจ


 


ทุกสิบปี นักล่าจะมอบหมายเทพสวรรค์ให้เป็นผู้พิทักษ์ของเขตชนบทเช่นนี้ นอกจากนี้ ไม่มีใครเต็มใจที่นี่ ถ้ามันไม่ใช่พรมแดนที่ต้องมีผู้พิทักษ์ นักล่าคงทิ้งที่นี้ไปนานแล้ว


 


แม้ทั้งเขตดาวจะถือว่าเจริญ ผลกําไรจริงก็ต่ำ ผลกําไรกว่าครึ่งต้องมอบให้ผู้พิทักษ์


 


ตอนนี้ จู่ๆเทพสวรรค์ที่กําลังจะตั้งองค์กรดันปรากฏ นักล่ายังยิ่งมีความสุขที่เขาคิด     “เช่า” ที่ดิน อย่างน้อยพวกเขาก็จะมาช่วยแบ่งเบาภาระให้


 


ดาบ12เห็นด้วยหลังพิจารณา เหตุผลเพราะถ้าเขากลายเป็นผู้พิทักษ์ มันจะดีต่อการพัฒนาพันธมิตรดาบในเขตดาวนักล่าปีศาจ


 


สําหรับองค์กรระดับ6อย่างนักล่า องค์กรขนาดเล็กที่มีสมาชิกไม่ถึงสิบคนนําโดยเทพสรรค์ขั้นหนึ่ง ไม่มีนัยสําคัญอะไรพอจะเป็นภัยคุกคาม


 


ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากความเอื้ออาทรของนักล่าไม่ใช่ใครนอกจากดาบ12และพันธมิตรดาบ


 


นี่ยังดึงดูดเทพแท้จริงจํานวนมากให้เข้าร่วมพันธมิตรดาบ แต่พวกเขาก็ไม่ผ่านบททดสอบที่ดาบ12ตั้งไว้กันเลย


 


ไม่แปลกใจที่องค์กรอื่นบนดาวนี้จะหายไปหมด สุดท้ายหลินฮวงก็เข้าใจว่าทําไมองค์กรเพียงหยิบมือที่พิทักษ์ดาบก่อนหน้าจึงไม่อยู่อีกแล้วตอนเขาใช้จิตเทวะตรวจ


 


เห็นได้ชัดว่า พวกเขาหลีกทางให้องค์กรพันธมิตรดาบและย้ายออกไป


 


ตอนหลินฮวงกําลังคุยกับดาบ12 หลินซินก็ปรากฏตัวตรงหน้าหลินฮวงในชั่วพริบตา นางเองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเขา


 


“พี่ใหญ่”


 


หลินฮวงเงยหน้า หลินซินในตอนนี้สวมชุดฝึกสีดํารัดรูปที่เผยให้เห็นเรือนร่างน่ามอง


 


เขายังสังเกตเห็นว่าหน้าผากกับคอของนางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ นางต้องกําลังซ้อมกับใครบางคนอยู่


 


หลินซวนตามหลินซินมาติด ๆ


 


เห็นได้ชัดว่าหลินซินต้องซ้อมมือกับหลินซวนอยู่แน่


 


หลินฮวงแค่ต้องเหลือบมองก็ระบุระดับพลังทั้งคู่ได้


 


หลินซินกลายเป็นเทพแท้จริงขั้นหนึ่งแล้ว ขณะที่หลินซวนเป็นขั้นสาม


 


“ไม่เลว พวกเจ้าสองเป็นเทพแท้จริงกันแล้ว” หลินฮวงพยักหน้าพอใจ


 


“ข้าเพิ่งเลื่อนเมื่อสองวันก่อน” หลินซินลอยไปที่ดวงจันทร์แล้วกับคําชมของหลินฮวง


 


ในความเป็นจริง แม้นางจะไม่อธิบาย หลินฮวงก็สามารถมองออกได้จากคลื่นพลังของนาง


 


“เจ้าเองก็พัฒนาขึ้นเยอะ มันแค่ไม่กี่เดือน แต่เจ้าก็เลื่อนอีกสองขั้นแล้ว” หลินฮวง มองหลินซวน


 


เขากลับมาที่นี่ไม่กี่ครั้งประมาณสามเดือนก่อน แต่หลินซวนก็มักอยู่ในสมรภูมิมังกรหุบเหว ดังนั้นหลินฮวงจึงไม่อาจบอกความก้าวหน้าของเขาได้เลย


 


“มันยังอีกห่างไกลห่างเทียบกับเจ้า” หลินชวนสามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่อัดแน่นในตัวหลินฮวง ตอนนี้ เขามองหลินฮวงเป็นแบบอย่างให้ไล่ตาม


 


“เฉินเตากับเสี่ยวโม่ไปไหน?” หลินฮวงถาม จิตเทวะของเขาตรวจหาพวกเขาไม่เจอ


 


แต่ทว่า เขาเดาคําตอบได้ทันทีที่คําพูดหลุดออกปาก


 


“จะไปไหนได้เล่า?” หลินซินเม้มปาก


 


ข้างนาง หลินซวนอธิบาย “เสี่ยวโม่บอกว่าเขาจะไม่ออกสมรภูมิมังกรหุบเหวจนกว่าจะ เลื่อนเป็นเทพเสมือนขั้นเก้า เฉินเตาบอกว่าเขาอยากเป็นเทพแท้จริงให้เร็วที่สุด หวงอู่จื่อก็ไปกับพวกเขา”


 


“มันไม่ใช่เรื่องแย่ที่พวกเขามีความทะเยอทะยาน” หลินฮวงพยักหน้า


 


หลังจากนั้นเขาก็ถาม” แล้วเฒ่าฟู่ละ?”


 


นับตั้งแต่คุณฟู่เลื่อนเป็นเทพแท้จริงขั้นสอง เขาก็รู้สึกว่าความเร็วการบ่มเพาะเขาเริ่มช้าลง ต่อมา เขาก็ออกเดินทางหลังอําลาพวกหลินฮวง


 


แต่ทว่า มีทาสดาบคอยติดตามเขาลับๆ ด้านหนึ่งมันเพื่อรับประกันความปลอดภัย อีกด้านมันเพื่อรายงานการกระทําของคุณฟู่


 


“ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี” ดาบ 12 บอกข้อมูลที่เขาได้รับ” เขาเข้ามิติบางแห่ง มันเป็นแค่ซากมิติ ระดับเทพแท้จริงขั้นเก้าที่ทิ้งไว้โดยคนที่เลื่อนเป็นเทพสวรรค์ไม่สําเร็จ มันไม่อันตรายมาก”


 


หลินฮวงพยักหน้าหลังได้ยิน สําหรับเขา คุณฟู่ไม่ใช่แค่อาจารย์ แต่เป็นครอบครัว


 


หลังรายงานทุกอย่างแก่หลินฮวง ดาบ 12 ก็จากไปพร้อมสามทาสดาบ


 


พอทาสดาบไป หลินซินก็ทําตัวเหมือนเด็ก วิ่งวนรอบหลินฮวง อยากรู้ว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง


 


หลินซวนไม่แสดงท่าที่จะไปไหนเช่นกัน เขาเดินตามหลังสองพี่น้องเงียบๆ


ตอนที่ 1601 วินาทีที่เขาเคลื่อนไหว ศัตรูของเขาจะแพ้


 


หลังส่งหลินซินกับหลินซวนไป หลินฮวงก็นั่งลําพังในสวนและตรวจสอบสถานะของการ์ดมอนสเตอร์เขา


 


มันเกือบห้าเดือนแล้วตั้งแต่เขาปล่อยมอนสเตอร์ให้ไปหาทรัพยากรบ่มเพาะกันเอง ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ไม่เคยไปดูความคืบหน้าของพวกไปเลย


 


ตอนนี้ที่เขามีเวลา เขาถึงเริ่มตรวจสอบผ่านการ์ดทีละใบ


 


การ์ดมอนสเตอร์ใบแรกที่เขาดูคือไคลี่ นางได้เป็นมอนสเตอร์ขั้นหก จิตวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว โดยไม่ต้องสงสัย นางแข็งแกร่งสุด


 


สี่เดือนก่อนหรือนานกว่านั้น ไคลี่ได้เลื่อนเป็นเทพสวรรค์แล้ว ตอนนี้ ในเวลาแค่สี่เดือน พลังของนางกลับทะลุเป็นเทพสวรรค์ชั้นหก


 


ความเร็วเช่นนี้ถือได้ว่าน่ากลัวมาก


 


การยกระดับพลังของหลินฮวงก็ถือว่าเร็วพอเช่นกัน แต่ห้าเดือนที่ผ่านมา เขาแค่เลื่อนจากข์ นหกเป็นสิบ นอกจากนี้ เขาได้เลื่อนเป็นขั้นหกก่อนไคลี่จะปิดประตูบ่มเพาะเลื่อนเป็นเทพสวรรค์ซะอีก


 


แต่ทว่า เขารู้สึกสบายใจอีกครั้งหลังคิดให้ดี


 


ไคลี่เป็นจิตวิญญาณบริสุทธิ์ นางยังมีผู้สนับสนุนเป็นองค์กรระดับหก เผ่าเนฟิลิก


 


ถ้านางต้องการทรัพยากรบ่มเพาะใด นางแค่ต้องขอ


 


ยิ่งไปกว่านั้น ตามสถานการณ์ปัจจุบัน เผ่าเนฟิลิกได้ตั้งความหวังให้ไคลี่รีบเลื่อนเป็น เทพสวรรค์ขั้นเก้าโดยไว้เพื่อให้นางปกป้องตัวเองได้


 


เหนือสิ่งอื่นใด ความสามารถของเทพสวรรค์ชั้นเก้าจิตวิญญาณบริสุทธิ์จะเทียบได้กับกึ่งจ้าวเทวะ หรืออาจทรงพลังกว่าด้วยซ้ำ


 


สําหรับความกังวลใดเกี่ยวกับรากฐานบ่มเพาะที่อ่อนแอ ปัญหาเช่นนั้นจะไม่มีอยู่กับตัวตนระดับจิตวิญญาณบริสุทธิ์


 


ถ้าสิ่งมีชีวิตเป็นจิตวิญญาณบริสุทธิ์โดยเนื้อแท้ พวกเขาจะเกิดมาเพื่อเป็นข้าวเทวะ


 


แม้ไคลจะเพิ่งยกระดับหลังเกิด นางก็ไม่ต้องการรากฐานใดก่อนนางจะเลื่อนเป็นจ้าวเทวะ เพราะมากสุด นางแค่ต้องหาประสบการณ์ต่อสู้จริงเพื่อทําความคุ้นเคยกับการเพิ่มพลังในทุกแง่มุมอันเป็นผลจากการยกระดับพลังอย่างรวดเร็วของนางเท่านั้น


 


หลินฮวงพอใจมากกับการพัฒนาของไคลี่


 


“ด้วยอัตรานี้ นางจะเลื่อนเป็นขั้นเก้าภายในสามเดือน”


 


หลังตรวจสอบข้อมูลของไคลี่ หลินฮวงก็หันความสนใจไปยังเจ้าแดง


 


ตามคาด ระดับพลังของเจ้าแดงพุ่งทะยานเช่นกัน ตอนนี้นางเลื่อนเป็นเทพสวรรค์ขั้นห้า


 


เห็นได้ชัดว่านางได้รับผลประโยชน์จากการอยู่กับไคลี่


 


ระดับพลังของนางที่เลื่อนน่าจะเป็นเพราะทรัพยากรของเผ่าเนฟิลิก


 


ในฐานะเพื่อนคนสนิทของไคลี่ ปัจจุบัน เจ้าแดงอาจถูกมองเป็นเหมือนเจ้าหญิงเช่นกัน


 


หลินฮวงไม่กังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับรากฐานของเจ้าแดงเลย เหนือสิ่งอื่นใด นางได้เลื่อนเป็นเทพสูงสุดแล้ว(ขั้นห้า)


 


ทั้งหมดที่นางต้องทําคือเสริมรากฐานตัวเองเล็กน้อยตอนนางไปถึงระดับเทพสวรรค์ชั้นเก้า


 


เมื่อเขาตรวจสอบความก้าวหน้าของเจ้าแดง หลินฮวงก็มองมอนสเตอร์ตัวอื่นที่เป็นเทพสูงสุดเช่นกัน


 


มอนสเตอร์ระดับห้า เทพสูงสุดสามตัว จอมสังหาร เกล็ดดํา และกู่หรงได้เลื่อนเป็น เทพสวรรค์ชั้นสี่


 


นี่ไม่ทําให้หลินฮวงแปลกใจอะไร ทั้งสามเป็นเทพสวรรค์แล้วก่อนเขาปลดปล่อยพวกมัน นอกจากนี้ พวกมันยังจับกลุ่มกันตอนได้รับอิสระให้เลือกกลุ่ม เนื่องจากทั้งสามคือสิ่งมีชีวิตระดับห้า ระดับพลังพวกมันจึงอยู่ที่เทพสวรรค์เช่นกัน นี่หมายความว่าความสามารถพวกมันไกลเกินมอนสเตอร์ตัวอื่น พวกมันจึงไม่สามารถจับกลุ่มกับที่เหลือได้


 


ตามคาด เมื่อพวกมันจับกลุ่มกัน การพัฒนาของพวกมันจึงเด่นชัด


 


หลังเขาตรวจสอบความก้าวหน้าของกลุ่มจอมสังหาร หลินฮวงก็ดูไปกับเถิงหราน


 


เนื่องจากไปกับเถิงหรานเป็นกึ่งเทพสูงสุด พวกมันจึงใช้เวลาเดือนหนึ่งเพื่อเลื่อนเป็นเทพสูงสุด หลังหลินฮวงใช้การ์ดเลื่อนขั้นกับพวกมัน ดังนั้น ทั้งสองจึงล่าทรัพยากรช้ากว่าคนอื่น


 


อย่างไรก็ตาม ไปกับเถิงหรานก็เลื่อนเป็นเทพสวรรค์ชั้นสี่แล้ว ซึ่งหมายความว่าพวกเขาตามทันกลุ่มของจอมสังหารทันในแง่ความก้าวหน้า


 


ไม่ต้องพูดอะไรเกี่ยวกับเถิงหราน มันเป็นเทพสวรรค์ชั้นหนึ่งอยู่แล้วก่อนเลื่อนเป็นเทพสูงสุด


 


แต่ทว่า ไป่ก็มีของ ก่อนเลื่อนเป็นเทพสูงสุด มันก็ได้เป็นเทพแท้จริงขั้นเก้าแล้ว


 


กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาได้ใช้เวลาไม่ถึงสี่เดือนเพื่อเลื่อนผ่านห้าขั้นพลัง


 


หลินฮวงจินตนาการได้ว่าไปต้องพยายามมากแค่ไหนเพื่อให้ไล่ตามพวกไคลี่ทัน


 


หลังหันความสนใจจากการ์ดของไป หลินฮวงก็ตรวจสอบตัวตลก ที่ระดับพลังเป็นรองแค่ไป


 


“เจ้าหมอนี่” หลินฮวงตกตะลึงตอนเห็นการ์ดของตัวตลก


 


เขาตกใจกับตัวตลกที่เลื่อนเป็นกึ่งเทพสูงสุดแล้ว


 


ตัวตลกไม่ใช่แค่ตัวเดียว แลนเซล็อตกับชาโคลก็ด้วย


 


เขานึกย้อนกลับไปและจําได้ว่าทั้งสามจับกลุ่มกัน


 


มันดูเหมือนพวกมันจะพบโชคลาภก้อนโตถึงขั้นยกระดับชั้นชีวิตได้


 


ยิ่งไปกว่านั้น การเพิ่มของระดับพลังทั้งสามยังไม่ได้ช้าไปกว่าไปนัก พวกมันเลื่อนเป็นเทพสวรรค์ขั้นสามกัน ต้องรู้ว่าห้าเดือนก่อน พวกมันเป็นแค่เทพแท้จริงขั้นเจ็ดและแปด พวกมันยังไม่ถึงขั้นเก้าเลย


 


ตัวที่ยกระดับเร็วมากก็คือราชินีเผ่าแมลงทั้งหลาย


 


เหมือนตัวตลกและอีกสอง พวกมันเลื่อนเป็นเทพสวรรค์ชั้นสาม


 


แต่ทว่า หลินฮวงไม่แปลกใจกับความก้าวหน้าของเผ่าแมลง


 


พวกมันมีทั้งเผ่าแมลงคอยสนับสนุน


 


นอกจากนี้ นอกจากราชินีเองแล้ว ราชาแมลงทั้งหลายก็เลื่อนเป็นขั้นสองด้วย ยังมีอสูรแมลงกว่าพันตัวที่เลื่อนเป็นเทพสวรรค์


 


จํานวนนี้ไกลเกินความคาดหวังของหลินฮวง


 


หลังดูความคืบหน้าของเผ่าแมลง หลินฮวงก็หันความสนใจไปยังมอนสเตอร์ที่เหลือ


 


แม้ไทแรนด์ สายฟ้า กับแม่มดจะไม่เร็วเท่าตัวตลก ไปกับตัวอื่น ความก้าวหน้าก็ไม่น่าสมเพช พวกมันเลื่อนเป็นเทพสวรรค์กันแล้ว


 


หลินฮวงพอใจกับความก้าวหน้าของเหล่ามอนสเตอร์เขามาก


 


แม้ไคลี่ ไปกับที่เหลือจะไม่สามารถเข้าร่วมในการต่อสู้ที่ระดับเขาได้ แต่ด้วยความก้าวหน้า อีกไม่นานพวกมันคงเป็นเทพสวรรค์ชั้นเก้ากัน


 


พอถึงเวลานั้น พวกมันจะกลายเป็นผู้ช่วยที่ทรงพลังของเขา


 


มอนสเตอร์อัญเชิญยังต้องการเวลาเพื่อพัฒนา แต่มันไม่ใช่ว่าหลินฮวงไม่มีลูกน้องไว้ใช้งาน 


 


ตั้งแต่เขาเลื่อนเป็นเทพแท้จริงขั้นสิบ ระดับพลังของทาสดาบแทบทั้งหมดของเขาก็ปลดผนึก เต็มที่ พวกเขาฟื้นกลับเป็นเทพสวรรค์ขั้นเก้ากันแล้ว


 


นอกจากดาบ 1-10 ที่เขายังใช้ไม่ได้ เขามีทาสดาบทั้งหมด


 


ทาสดาบทั้งหมด 358 ล้วนเป็นเทพสวรรค์ขั้นเก้า


 


ไม่ใช่แค่นั้น ยังมียอดฝีมือกึ่งเทพสูงสุด 25 คนและเทพสูงสุดถึงสองในหมู่พวกเขา


ดาบ 1กับดาบ 12 คือยอดฝีมือระดับห้าในมหาพิภพ ความสามารถพวกเขายืนอยู่ด้านบน ในความเป็นจริง พวกเขาอาจเป็นรองแค่ใต้สวรรค์


 


หลินฮวงทบทวนความสามารถตัวเองด้วยเช่นกัน โดยไม่ใช้ไพ่ตาย เขาอาจอยู่ระดับเดียวกันกับดาบ 11 และดาบ 12


 


ยังมีเส้นแบ่งระหว่างตัวเขากับยอดฝีมือเทพสวรรค์ขั้นสุดยอดอย่างดาบ 1 และใต้สวรรค์


 


ในความเป็นจริง พลังเช่นนั้นถือว่ามากพอจะครอบงําองค์กรระดับห้าทั้งหมดในมหาพิภพ


 


แต่ทว่า นี่ไม่พอสําหรับหลินฮวง


 


ยิ่งเขาทรงพลัง ยิ่งเขารู้ว่าถึงจ้าวเทวะกับจ้าวเทวะน่ากลัวแค่ไหน เขาก็ยิ่งกลัวองค์กรไรเดอร์มากเท่านั้น


 


หลินฮวงไม่เคยขี้ขลาด หรือโดนศัตรูข่มขู่ แต่ทว่า มันเป็นนิสัยของเขาที่จะเตรียมตัวก่อนลงมือ ถึงขั้นจะเอาชนะพวกมันถ้าเป็นไปได้ ตอนเขารู้สึกว่าเวลาจวนตัว เขาก็จะริเริ่มโจมตี ทําลายล้างศัตรูก่อน


 


แต่ทว่า ถ้าเขามีพลังไม่พอ เขาก็จะอดทนรอหาโอกาสโจมตี


 


เหมือนกับเกมหมากรุก วินาทีที่เขาเคลื่อนไหว คู่ต่อสู้ของเขาจะแพ้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)