Monster Paradise 1561-1563

ตอนที่ 1561

 

“ข้าได้รู้จากคนมากมายว่าตามตำนาน มีผู้ก่อตั้งโลกภายใน หนึ่งคือสมาชิกเผ่ามังกร หนึ่งคือจิ้งจอกเก้าหาง สุดท้ายคือพระจากเผ่าพุทธ ประเด็นนี้ข้าสามารถยืนยันได้ทีหลังจากช่องทางใต้ดิน มันไม่ใช่แค่ตำนาน”


 


“แต่ทว่า ผู้ก่อตั้งเหล่านี้ดำรงอยู่แค่สักพักระหว่างการก่อตั้งโลกภายในช่วงแรก ต่อมา พวกเขาก็เงียบหายไป


 


“หลังผู้ก่อตั้งทั้งสามหายไปเบื้องหลัง เทพสวรรค์ขั้นสูงก็โผล่ออกมาทีละคน ส่วนใหญ่เหล่านี้ใช้ชีวิตสั้นๆ สถานการณ์นีดำรงอยู่สามพันปีก่อน เมื่อราชาทั้งหกยึดครองแต่ละดินแดนเพื่อรักษาระบบตรวจสอบและสมดุล”


 


“ท่ามกลางทั้งหก สองในนั้นโผล่มาช่วงแรกๆ แทบจะภายในร้อยปีที่ผู้ก่อตั้งทั้งสามเงียบไป


 


“หนึ่งในสองคือคนสี่หน้าที่มีใบหน้าสี่หน้า แต่ละหน้ามีบุคลิกต่างกัน แต่ละบุคลิกยังมีความสามารถเทวะต่างกัน”


 


“อีกคนคืองูสาวสามหางที่เชี่ยวชาญเทคนิคภาพลวงตาและการสะกดจิต”


 


“สำหรับคนอื่นที่น่าจะครอบครองข้อมูลเกี่ยวกับผนึก ตัดสินตามช่วงเวลา มันน่าจะเป็นสองคนนี้แหละ มันเป็นไปได้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาอาจมีชิ้นส่วนผนึกของเจ้าปราสาทกับตัว…”


 


หลินฮวงสรุปผลการตรวจสอบของเขาคร่าวๆ ในเวลาเดียวกันยังใช้พลังเทวะเพื่อฉายข้อมูลที่เขาพบ


 


แน่นอน มีแค่ทั้งสามที่นั่งบนโต๊ะถึงเห็นได้ เพราะเวอชุโอโวได้สร้างม่านลวงตารอบพื้นที่ที่พวกเขานั่ง


 


คนนอกจะเห็นแค่ทั้งสามกำลังดื่มและคุยกัน


 


จิ่วเจี้ยนพูดขึ้นหลังมองข้อมูลที่หลินฮวงรวบรวมมา


 


“ข้าเองก็พบคล้ายกับหลินเซี่ย”


 


“หลังหาเกี่ยวกับสามผู้ก่อตั้ง ข้าก็ใช้ความพยายามส่วนใหญ่เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาหลังพวกเขาเงียบไป แต่ก็แทบไม่มีผล ทุกอย่างที่ข้าพบยืนยันไม่ได้ มีข่าวลือนับสิบที่ว่าทั้งสามลงเอยอย่างไร”


“ต่อมา เขาได้เปลี่ยนจุดมุ่งเน้นของการตรวจสอบไปยังราชาทั้งหกแทน แต่ทว่า ข้าก็ไม่พบะไรที่เป็นประโยชน์เพราะข้ากังวลว่าจะทำให้อีกฝ่ายตื่นตัว”


 


หลินฮวงอดพยักหน้าไม่ได้ตอนได้ยิน


 


“ข้ามีความคิดเหมือนกับเจ้า เดิมข้าอยากได้รับข้อมูลจากลูกน้องพวกเขา แต่ทว่า หลังพิจารณา ข้าก็ละทิ้งความคิด ข้าไม่อยากทำให้ใครตื่นตัว”


 


‘การเจาะจงลูกน้องพวกเขาเป็นสิ่งที่ถูก แต่เราจะต้องวางแผนให้ดี”เวอชุโอโซพยักหน้า’เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งหกคือยอดฝีมือชั้นนำในหมู่เทพสวรรค์ มันยากเกินไปที่จะจัดการโดยตรง”


 


“ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้หลินเซี่ยจะบีบเป้าหมายลงเป็นแค่คนสองคนตามช่วงเวลา ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่านี่จะถูก ยังมีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองจะไม่รู้อะไรเลยถึงผนึกเจ้าปราสาท และความลับก็ถูกถือครองโดยอีกสี่ เราต้องได้รับข้อมูลเพิ่มก่อนตัดสินใจ”


“เราต้องหาโอกาสจับเป้าหมายเราและทำให้สำเร็จแต่ทีแรก!”


“ถ้าเราล้มเหลวครั้งแรก ที่เหลืออีกห้าจะต้องระวังตัวกว่าเดิม นี่จะเพิ่มความยากของเรา”


“ข้าได้ทำการตรวจสอบบางอย่างในสองวันนี้ ข้อมูลที่ข้าได้รับเหมือนกับที่เจ้าสองคนพูด”


“ผนึกเจ้าปราสาทน่าจะถูกแบ่งเป็นสาวส่วน และก็อยู่ในมือผู้ก่อตั้งโลกภายในทั้งสาม สำหรับการหายตัวไปของทั้งสาม พวกเขาอาจหายไปเพื่อจงใจซ่อนตัวไม่ให้คนชิงผนึกไป บางทีอาจมีเรื่องเกิดขึ้นกับพวกเขา รวมถึงโดนขโมยไปอะไรทำนองนั้น”


 


“ถ้าเป็นแบบนั้น บางคนในหมู่ราชาทั้งหกควรรู้เกี่ยวกับผนึก”


 


“ความเป็นไปได้สองคือชิ้นส่วนผนึกเจ้าปราสาทนั่นอยู่ในการครอบครองของราชาคนใดคนหนึ่ง”


 


“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง งั้นนี่ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเรา นี่เพราะทันทีที่เราระบุได้ว่าคนคนนั้นมีชิ้นส่วน ทั้งหมดที่เราจะต้องทำคือหาทางชิงมาให้ได้”


 


“ความเป็นไปได้ที่สามเลวร้ายสุด ซึ่งคือหลังผู้ก่อตั้งทั้งสามซ่อนตัว ผนึกเจ้าปราสาทได้ตกอยู่ในมือใครก็ไม่รู้ การโผล่ของราชาทั้งหกอาจไม่เกี่ยวกับผนึก และทั้งหกก็อาจไร้เบาะแสเกี่ยวกับผนึกเจ้าปราสาทเช่นกัน”


 


“ถ้าเป็นแบบนั้น มันหมายความว่าทุกสิ่งที่เราทำมาสูญเปล่า เราจะต้องหาเบาะแสใหม่”


“ถ้ามันคือความเป็นไปได้ที่สาม ข้าคิดว่าเราคงไม่ต้องเสียเวลาในเมืองภูตผีนี้อีก แค่ตรงไปหาเมืองต่อไป”สีหน้าของจิ่วเจี้ยนไม่ได้ดูเหมือนเขากำลังพูดเล่น เขาวางแผนทำแบบนั้นจริง


 


แม้จะพูดแบบนั้น พวกเขาก็ต้องลงมือก่อน


 


นี่เพราะ ตามสถานการณ์ปัจจุบันในเมืองภูตผี การค้นหาเบาะแสใหม่อีกครั้งอาจทำได้ยากกว่าการไปเมืองภูตผีใหม่เพื่อมองหาผนึกเจ้าปราสาทอันใหม่


“เหนือสิ่งอื่นใด เรามีเวลาแค่สองวันและข้อมูลที่เราสามคนได้รับก็จำกัด จากข้อมูลจำกัดที่เรามี ความเป็นไปได้ทั้งสามมีโอกาส มากรองรายละเอียดของข้อมูลที่เราได้รับและคุยถึงก้าวต่อไปกันเถอะ”


 


ขณะที่เวอชุโอโซพูด เขาก็คัดแยกข้อมูลที่รวบรวมและส่งมันให้หลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนผ่านคลื่นจิต


 


หลินฮวงก็จิ่วเจี้ยนก็แบ่งปันข้อมูลเช่นกัน


 


ทั้งสามใช้เวลาผสานข้อมูลไม่นานนัก


 


เวอชุโอโซเหลือบมองทั้งสอง”ข้าก่อน”


 


“ไม่มีทางที่เราจะยืนยันได้ว่าความเป็นไปได้ทั้งสามอันไหนจริง แต่ทว่า สิ่งที่น่าเชือ่ถือสุดคือราชาทั้งหก”


“ตามการวิเคราะห์ของหลินเซี่ย เจ้าสี่หน้ากับงูสามหางน่าสงสัยสุดในหมู่ทั้งหก แถม นอกจากช่วงเวลา ไม่มีเบาะแสอื่นที่จะพิสูจน์ว่าอีกสี่มีโอกาสสูงที่จะครอบครองข้อมูลของผนึกเจ้าปราสาท”


 


“ดังนั้น ข้าคิดว่ามันดีสุดที่จะเลือกทั้งสองเป็นเป้าหมายแรก”


 


หลินฮวงพยักหน้าเล็กน้อย


 


ข้างเขา จิ่วเจี้ยนก็พยักหน้าเช่นกัน”ข้าไม่ขอออกความเห็น”


 


“งั้นก็มาพยายามหาข้อมูลเพิ่มจากลูกน้องของทั้งสองคนนี้กัน”เวอชุโอโซพูดต่อ”ก่อนอื่นให้ตรวจสอบรายชื่อลูกน้องพวกมันและหาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับลิ่วล้อเหล่านี้ จากนั้นก็ลงมือเมื่อพวกมันอยู่ลำพัง..”


“มีอีกเรื่องี่เราต้องจำไว้คือ อย่าฆ่าเด็ดขาด”เวอชุโอโซเตือนทุกคน”ลูกน้องเหล่านี้อาจมีบางสิ่งคล้ายระบบเตือนตะเกียงวิญญาณ เมื่อสมาชิกตาย ตะเกียงวิญญาณที่เกี่ยวข้องจะโดนทำลาย เราจะทำให้พวกมันตื่นตัว”


 


หลินฮวงพยักหน้าตอนได้ยิน ในทางกลับกัน จิ่วเจี้ยนกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย


 


“ถ้าเราแยกทางกัน ต่อให้หลินเซี่ยกับข้าจะสอบปากคำพวกมันได้ แต่ก็ไม่มีทางที่เราจะลบความทรงจำได้..”


 


หลินฮวงยังคงเงียบตอนได้ยินจิ่วเจี้ยนพูด เขาไม่อธิบายว่าเขามีเทคนิคเช่นนั้น


 


เวอชุโอโซเหลือบมองจิ่วเจี้ยน”ทำให้สลบ จากนั้นข้าจะจัดการเอง”


“ทำการติดต่อกับลูกน้องคนใดที่เราสามารถคุยด้วยได้ ไม่ว่าสถานะพวกมันจะเป็ฯยังไง เราจะพยายามรับข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับเจ้าสี่หน้าและงูสามหาง มันไม่เป็นไรถ้าเราได้รับข้อมูลซ้ำๆ..”


 


เวอชุโอโซร่างแผนคร่าวๆ หลังจากนั้น ทั้งสามก็เริ่มคุยถึงรายละเอียดเจาะจงว่าจะดำเนินการตามแผนอย่างไร

 

 

 


ตอนที่ 1562 อสูรชุบทอง

 

หน้าเปื้อนสีคือเป้าหมายแรกที่หลินฮวงสนใจ


 


เขาไม่เคยเห็นมอนสเตอร์ตัวนี้ในสารานุกรมมอนสเตอร์มาก่อน แต่ทว่า แวบแรก สิ่งมีชีวิตนั้นเตือนเขาให้นึกถึงตัวละครจีนโบราณ


 


นอกจากจะคล้ายกับตัวละครจีนที่ทาหน้าแล้ว ความประทับใจที่สองของหลินฮวงคือตุ๊กตากระดาษ


 


แม้มอนสเตอร์ตัวนี้จะเป็นมนุษย์ มันก็เหมือนตุ๊กตากระดาษบนโลกที่คนจีนเผาเพื่อบูชาหลุมศพของบรรพบุรุษพวกเขา


 


มันมีขาคู่ เหมือนมนุษย์ แต่ทว่า เท้ามันไม่เคยแตะพื้น มันลอยในอากาศ


 


ตามข้อมูลที่หลินฮวงสามารถขุด หน้าเปื้อนสีคือหนึ่งในลูกสมุนทั้งสามที่ติดตามสี่หน้านานสุด ถ้าวัดตามคุณสมบัติ มันย่อมถือเป็นผู้อาวุโสสุด


 


แต่ทว่า เนื่องจากระดับพลังมันหยุดนิ่งที่ขั้นต้น มันจึงค่อยๆโดนลบจากแวดวงแกนหลักของสี่หน้าและกลายเป็นตัวละครไม่สำคัญ


 


ก่อนหน้านี้มันอยากฝึกหนักเพื่อเสริมฐานบ่มเพาะ แต่ทว่า เนืองจากมันมีพรสวรรค์จำกัด มันจึงทะลวงผ่านเทพสวรรค์ขั้นสี่ไม่ได้ เวลาผ่านไปมันค่อยๆล้มเลิกความพยาพยาม


 


หลินฮวงเลือกมันเป็นเป้าหมายเพราะมันต้องรู้อดีตของสี่หน้ามากสุด มันได้เห็นกระบวนการผงาดของเจ้าสี่หน้า สำหรับอีกเหตุผลคือ เทียบกับคนอื่นในแวดวงขุมอำนาจหลัก มันจัดการได้ง่ายสุด


 


วันนั้น หน้าเปื้อนสีใช้ชีวิตมันตามปกติ ไปถึงดาดฟ้าของอาคาร


 


ระหว่างทาง  มันมีวิธีฆ่าเวลาที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือการฮัมเพลงขณะเดินบนขอบอาคารต่างๆ แขนมันจะแกว่งไม่หยุด และจินตนาการว่ามันกำลังเดินไต่เชือก


 


แต่ทว่า ถ้ามองใกล้ๆ คนจะเห็นได้ว่าเท้ามันสูงจากพื้น 1-2 เซนติเมตร มันไม่เคยแตะพื้นเลย


 


แต่ทว่า วันนี้ ตอนมันปีนขึ้นไปดาดฟ้าและเดินไปไม่กี่ก้าวบนขอบ มันพลันเห็นเงาร่างดำขวางทางมัน


 


มันคือชายในชุดดำ และใบหน้าใต้ฮู้ดดำก็ปกปิดด้วยหน้ากากดำ


 


หน้าเปื้อนสีมองเห็นแค่โครวงร่าง ก่อนมันจะได้เพ่งมองให้ชัด ลำแสงสีดำสองสายก็พลันสว่างใต้ฮู้ด


 


ร่างกายของมันแข็งทันที


 


ชายในชุดดำย่อมเป็นหลินฮวง เขารอทั้งวันทั้งคืนเพื่อให้ได้โอกาสลงมือนี้ อย่างน้อยเขาก็สามารถรอได้จนกว่าหน้าเปื้อนสีจะอยู่คนเดียว


 


ระดับพลังของหน้าเปื้อนสีเป็นแค่เทพสวรรค์ขั้นต่ำ ท่ามกลางเทพสวรรค์ระดับพลังเดียวกัน มันยังถือว่าอ่อนแอสุด ต่อหน้าพลังลำดับเทพของหลินฮวง มันไม่มีความสามารถต่อต้านเลย


 


การดึงความทรงจำของหลินฮวงราบรื่นมาก


 


ภายในเวลาแค่สองนาที หลินฮวงก็คัดลอกความทรงจำของมันได้อย่างสมบูรณ์


 


“มันราบรื่นกว่าที่คิดไว้แหะ.”หลินฮวงเหลือบมองหน้าเปื้อนสี ผู้ยังไม่ได้สติจากการดึงความทรงจำ เขายื่นนิ้วไป แตะระหว่างคิ้วของมัน


 


ตัวของหน้าเปื้อนสีอ่อนยวบ และด้ายพลังจิตของหลินฮวงก็โยนมันเข้าไปเขตแดนเทพภายในตัวเขา


 


หลังตรวจสอบสภาพแวดล้อมด้วยจิตเทวะและแน่ใจว่าเขาไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้ข้างหลัง หลินฮวงก็ไม่อ้อยอิ่ง เขาหายไปในพริบตา


 


“เป้าหมายสองคือ…อสูรชุบทอง”


 


อสูรชุดทองคือมอนสเตอร์หุบเหวที่พบได้ในสารานุกรมมอนสเตอร์


 


มอนสเตอร์ชนิดนี้มักเป็นผู้บ่มเพาะทรงพลังที่ปนเปื้อนด้วยพลังงานหุบเหว หลังกลายเป็นสิ่งมีชีวิตหบุเหวและแช่ในบ่อน้ำพุเลือดหุบเหว พวกมันก็เปลี่ยนเป็นมอนสเตอร์ดังกล่าว


 


พวกมันครอบครองร่างกายที่ทรงพลัง ด้วยพลังที่สามารถเทียบได้กับไททันดวงดาวในยุคโบราณ


 


เป้าหมายนี้ที่หลินฮวงเลิกมีระดับพลังเทพสวรรค์ขั้นแปด แต่พลังของร่างกายมันอาจเป็นกึ่งจ้าวเทวะแล้ว มีน้อยคนมากที่จะสามารถทำลายการป้องกันมันได้


 


มันไม่ใช่ว่าหลินฮวงอยากท้าทายตัวเองด้วยการเลือกเป้าหมายเช่นนี้ เขากลับเลือกเพราะแม้อสูรชุบทองจะมีร่างกายที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน พลังจิตของมันก็ต่ำมาก


 


ตำนานว่ากันว่าบ่อน้ำพุเลือดหุบเหวคือผลผลิตจากบ่อน้ำพุความตาย ซึ่งส่งผลต่อการกัดกร่อนดวงวิญญาณ


 


ทุกคนที่แปลงเป็นอสูรชุบทองจะมีวิญญาณที่เสียหาย


 


อสูรชุบทองส่วนใหญ่ไม่ฉลาด และโง่หรือบ้า..ไม่ว่ายังไง หัวสมองพวกมันก็ไม่ปกติ บางตัวยังเสียความคิดไปโดยสิ้นเชิงระหว่างกระบวนการเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศสำหรับการหลอมหุ่นเชิด


 


จากมุมมองของหลินฮวง มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ถ้ามอนสเตอร์เหล่านี้มีความผิดปกติทางจิตใจ ตราบเท่าที่พวกมันเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่พวกมันเคยเห็นหรือได้ยินไว้ในหัว นั่นก็พอแล้ว


 


นอกจากนี้ เพราะสติปัญญาที่ต่ำ อสูรชุบทองจึงมักเป็นผู้ใต้บังคัญบัญชาที่สี่หน้าไว้ใจสุด


 


มันยังเคยเป็นผู้คุ้มกันของสี่หน้ามาก่อน แน่นอน การเรียกมันว่าผู้คุ้มกันเป็นแค่คำเรียก จริงๆแล้ว มันถือเป็นโล่เนื้อ


 


“มันดูเหมือนข้าจะโชคดี”หลินฮวงเลิกคิ้วเล็กน้อยหลังเหลือบมองผ่านข้อมูล


 


ตามบันทึกตลาดมืด อสูรชุบทองเพิ่งออกศูนย์ใหญ่ของสี่หน้าเมื่อวันก่อน มันดูเหมือนจะออกไปทำภารกิจบางอย่าง


 


เขาเหลือบมองข้อมูลที่ตลาดมืดให้ และตระหนักว่ามีคนค้นพบพิกัดของอสูรชุบทองชั่วโมงก่อน ถึงขั้นแอบถ่ายรูปไว้ด้วยซ้ำ..


 


ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง หลินฮวงก็มาถึงพิกัดที่ในบันทึกตลาดมืดพูดถึง


 


สถานที่แห่งนี้เป็นตลาดแออัดที่มีสิ่งมีชีวิตทุกชนิด


 


บนสองฝั่งถนนมีแผงขายของเต็มไปหมด


 


หลินฮวงกวาดมองและสังเกตว่าพวกเขากำลังขายสินค้าที่เหนือกว่าระดับสมบัติเทพ


 


แต่ทว่า เขาไม่มีกระจิตกระใจอยากต่อรอง เขากลับเหลือบมองและเริ่มค้นหาร่องรอยอสูรชุบทอง


 


มีผู้บ่มเพาะที่เหนือกว่าเทพเสมือนทุกที่ในตลาดนี้ มันเป็นความคิดที่แย่มากถ้าจะใช้จิตเทวะ เขาจึงทำได้แค่ปล่อยเมล็ดกาฝากไปเพื่อค้นหา


 


ภายใต้การควบคุมของหลินฮวง เมล็ดกาฝากไม่ได้ลอยไปสุ่มๆ พวกมันกลับเกาะติดกับสิ่งของต่างๆตลอดทาง


 


หลังปลดปล่อยเมล็ดกาฝากนับพัน หลินฮวงก็สงสัยว่าอสูรชุบทองอาจไม่อยู่แล้วแต่เมล็ดกาฝากก็ส่งภาพมา


 


ภาพแสดงให้เป็นมอนสเตอร์สีทองเข้มตัวสูง มันยืนอยู่ฝนฝูงชน หัวกับไหล่มันสูงกว่าทุกคนและมันก็มองไปรอบๆ


 


“เจอตัวแล้ว!”ดวงตาของหลินฮวงสว่างวาบ

 

 

 


ตอนที่ 1563 ข้าว่าเราควรไปคุยกันทีอื่น

 

หลังพบอสูรชุบทอง หลินฮวงก็ไม่บุ่มบ่าม เขากลับค่อยๆเดินแหวกผ่านฝูงชน เข้าใกล้มันเรื่อยๆและใช้เมล็ดกาฝากเพื่อสังเกตพฤติกรรมมันต่อ


 


อสูรชุบทองดูเหมือนจะมองหาบางอย่างในแผง นี่ทำให้หลินฮวงไม่แน่ใจว่าทำไมมันไม่ใช้จิตเทวะแต่กลับตรวจสอบแผงขายของทีละแผง


 


ในทางทฤษฏี ด้วยตัวตนมัน มันย่อมไม่ต้องกังวลว่าจิตเทวะจะโดนคนอื่นสัมผัสได้


 


‘เจ้าหมอนี่กำลังหาอะไร?’หลินฮวงอยากรู้


 


อสูรชุบทองขยับหัวช้างๆ เพ่งมองแต่ละแผงตามรายทางตาเป็นมัน แม้มันจะพยายามทำตัวไม่แยแส คนนอกทุกคนก็สามารถบอกได้ทันทีว่ามันต้องกำลังหาอะไรบางอย่าง


 


ในโลกภายในนี้ ทุกคนย่อมรู้จักอสูรชุบทอง หลังเห็นท่าทีมัน พวกเขาก็ลอบคาดเดาว่าสี่หน้าอาจได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับของล้ำค่าบางอย่างที่ซ่อนในตลาด นี่อาจเป็นเหตุผลให้อสูรชุบทองถูกส่งมาตรวจสอบ


 


ดังนั้น หลายคนจึงลอบตรวจสอบผ่านแผงลอยทั้งหมดในตลาด พยายามหาเช่นกัน


 


ยังมีเจ้าของร้านบางคนที่ตรวจสอบสินค้าตัวเองอีกครั้ง ดูว่ามีอะไรที่พวกเขาอาจพลาด


 


แม้กระทั่งหลินฮวงก็อดคาดเดาไม่ได้ ถึงแม้จุดประสงค์ของเขาในการมาที่นี่จะไม่เกี่ยวกับการซื้อของ เขาก็ยังเริ่มตรวจสอบของทั้งหมดบนแผงขายระหว่างทาง


 


เหนือสิ่งอื่นใด ทุกสิ่งที่อสูรชุบทอง หรือสี่หน้าหาย่อมมีค่า


 


แม้ว่าหลินฮวงจะใช้มันเองไม่ได้ เ ขาก็ยังขายมันได้ในราคาดี


หลินฮวงเดินรอบตลาดขณะขยับเข้าหาอสูรชุบทองเงียบๆ


 


เวลาผ่านไปสามชั่วโมง และอสูรชุบทองก็ได้เดินรอบทั้งตลาดสองรอบ มองหาของทุกชิ้นบนแผงทุกแผง แต่ทว่า มันก็ไม่ได้ซื้ออะไรสักชิ้น


 


หลินฮวงติดตามมันมานานกว่าสามชั่วโมงและซื้อของชิ้นเล็กๆมาพอสมควร


 


เขาสังเกตเห็นของดีมากมายบนสองฝั่งถนน แม้ส่วนใหญ่จะไม่มีค่าพอให้เขาสนใจ แต่สำหรับเทพแท้จริงธรรมดาส่วนใหญ่ ของเหล่านี้คุณภาพดีมาก ตัวอย่างเช่น เม็ดยาที่สามารถช่วยให้ระดับพลังของคนทะลวงผ่านได้ สมบัติกฏเทพชั้นสูงและของอื่นๆอีกมาก


 


แม้เมืองภูตผีจะคล้ายกับโลกเกมเสมือนจริง แต่ของที่ได้รับจากโลกนี้จะเป็นของจริง แม้ในโลกภายนอกก็ตาม มันมีแม้กระทั่งของวิเศษบางอย่างที่หาไม่ได้ในโลกภายนอก


 


แต่ทว่า หลังเดินรอบตลาดสองรอบตามอสูรชุบทอง หลินฮวงก็ไม่พบอะไรพิเศษที่สามารถกระตุ้นความสนใจของอสูรชุบทองได้


 


ที่แผงขาย ของเกรดสูงสุดคือสมบัติลำดับเทพ ด้วยระดับความสามารถของอสูรชุบทอง ของเหล่านี้ไม่มีประโยชน์เลย


 


‘เจ้าหมอนี่เดินรอบตลาดสองรอบแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะเดินอีกนานแค่ไหน’หลินฮวงอดพึมพำในหัวไม่ได้เมื่อสังเกตเห็นว่าอสูรชุบทองไม่มีทีท่าว่าจะออกตลาด


 


ยิ่งไปกว่านั้น หลินฮวงไม่ใช่คนเดียวที่จับตาดูมันอย่างใกล้ชิด


 


แต่ทว่า บุคคลเหล่านี้แค่สังเกตทุกการเคลื่อนไหวของอสูรชุบทองโดยไม่มีเจตนาโจมตี พวกมันกลับอยากรู้สิ่งที่มันมองหาซะมากกว่าและอยากชิงของก่อนมันจะได้ซื้อ


 


หลังเดินรอบตลาดสองรอบ อสูรชุบทองก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ มันพลันหยุด หมุนตัว เดินตรงมาทางหลินฮวง


 


‘หรือมันรู้ตัวแล้ว?’หลินฮวงตกใจ


 


ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออสูรชุบทองพบว่าเขากำลังติดตามมัน แต่ทว่า เขาก็ยังคงสงบ


 


เขารีบมองสินค้าที่แผงด้านหน้าและแสร้งทำเป็นหยิบบางสิ่งขึ้นมาด้วยสายตาสนใจ จากนั้นก็ถามเจ้าของร้านถึงราคา


 


“ชิ้นนี้ราคาเท่าไร?”หลินฮวงถือเหรียญโบราณไว้ มันดูเก่า เต็มไปด้วยสนิท และเขาก็ไม่รู้จักคำใดที่สลักบนนั้นเลย มีดอกไม้กับนกประทับอยู่สองด้านของเหรียญและงานฝีมือก็ไม่เลว


 


เหรียญโบราณเป็นแค่ของประดับไว้ชื่นชม มันไม่มีพลังงานในนั้นเลย


 


“หมื่นหินเทวะ!”เจ้าของร้านหัวโล่นเหลือบมองหลินฮวงและบอกราคาแสนไร้สาระ


 


“ทำไมเจ้าไม่ปล้นข้าแทนเสียละ?!”หลินฮวงเลิกคิ้วตอนได้ยินราคา ถึงแม้เขาจะไม่ชอบต่อรองเวลาซื้อของ เขาก็สามารถบอกได้ว่าเจ้าของร้านพยายามขูดเลือดขูดเนื้อเขา”ของชิ้นนี้ไม่มีความผันผวนพลังงานเลย มันเป็นแค่ของธรรมดา เจ้ากำลังเรียกราคาสำหรับสมบัติเทพชั้นสูง เจ้าของร้าน นี่คือวิธีทำธุรกิจของเจ้าหรือ?”


“งั้นเจ้ายินดีจ่ายเท่าไร?”เจ้าของร้านยิ้ม ไม่อายเลยแม้แต่น้อย เขากลับถามหลินฮวง


 


“หนึ่งหินเทวะ ข้าจะเอาไปถ้าเจ้ายินดีขายในราคานั้น”หลินฮวงต่อราคาลงไปหนึ่งในหมื่นทันที


 


“เจ้าบอกว่าข้าไม่จริงใจที่ขายสินค้าชิ้นนี้ให้เจ้าตามราคาที่ข้าเรียก แต่เจ้าก็ไม่จริงใจเช่นกันที่จะซื้อมันเนื่องจากเจ้ากำลังต่อราคาเช่นนี้”เจ้าของร้านบ่น


 


“หนึ่งหินเทวะถือว่ากำไรแล้วสำหรับเจ้า ข้ามั่นใจว่าเจ้าคงซื้อของชิ้นนี้มาในราคาที่ถูกมาก”หลินฮวงยังคงยืนกราน


 


ก่อนเจ้าของร้านจะได้เถียง หลินฮวงก็พูดต่อ”มีคนไม่มากที่ชอบเก็บเหรียญโบราณ และเจ้าก็มีแค่เหรียญเดียวในร้าน มันพิสูจน์ว่าเจ้าเองก็รู้ว่ามันขึ้นอยู่กับโชคว่าเจ้าจะขายออกหรือไม่ ดังนั้น ไม่มีทางที่เจ้าจะซื้อเหรียญโบราณมาด้วยราคาสูง เจ้าคงขาดทุนถ้าขายมันไม่ได้ มีแค่คนโง่ถึงทำอะไรแบบนั้น”


 


เจ้าของร้านเตรียมโต้กลับ แต่ก็กลืนคำพูดลงไปหมดหลังได้ยินที่หลินฮวงพูด


 


เขาอยากจะบอกว่าเขาซื้อเหรียญมาในราคาที่สูงมาก แต่ทว่า ถ้าเขาพูดย่างนั้น มันก็เท่ากับยอมรับว่าเขาเป็นคนโง่


 


“งั้น เจ้าช่วยเพิ่มราคาให้ข้าอีกนิดได้ไหม?”หลังพิจารณาสักพัก เจ้าของร้านก็ไม่ยื้ออีก สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเช่นกัน เขาอยากละเลิกกับหลินฮวงแล้ว


 


“งั้นก็สองหินเทวะ ไม่มีต่อรอง”หลินฮวงเพิ่มหินเทวะให้อีกก้อนอย่างใจกว้าง


 


เจ้าของร้านรู้สึกหมดหนทาง แต่ก็พยักหน้าอยู่ดี”ได้ ข้าขาย!”


 


หลินฮวงโยนสองหินเทวะให้เจ้าของร้านและกำลังจะเก็บเหรียญโบราณเข้ามิติเก็บของเขา แต่เสียงทุ้มกังวานก็ดังขึ้น


 


“ข้าอยากได้เหรียญโบราณนี้!เท่าไร?”


 


เสียงนั้นดึงความสนใจของหลายคนทันที


 


ตอนแรก เจ้าของร้านตกตะลึง แต่ก็รีบพูดด้วยรอยยิ้มขอโทษ”ท่านครับ เหรียญโบราณชิ้นนี้ถูกขายให้ชายคนนี้แล้ว”


 


หลินฮวงหันไปมองร่างสูงข้างเขา มันคืออสูรชุบทองที่เขาสะกดรอยตามอยู่กว่าสามชั่วโมง


 


‘เจ้าหมอนี่สนใจเหรียญโบราณที่ข้ากำลังถือ?!’


 


หลินฮวงตกตะลึงเช่นกัน เขาไม่คิดว่าของที่อสูรชุบทองค้นหาอยู่หลายชั่วโมงจะบังเอิญมาอยู่ในกำมือเขาซะอย่างนั้น


 


เขาลดหัวเพื่อศึกษาเหรียญโบราณ จากนั้นก็ลอบตรวจสอบมันด้วยจิตเทวะ แต่ทว่า เขาก็ยังไม่สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ


 


ตอนนั้นเอง อสูรชุบทองหันหัวมามองหลินฮวง


 


“เพื่อน เจ้าช่วยขายเหรียญโบราณนี้ให้ข้าได้ไหม?”หลังยื่นคำขอ อสูรชุบทองก็พูดเสริม”ข้าคือทองชุบ(ชื่อเล่น) คนของท่านสี่หน้า”


 


แววตาแปลกๆแวบผ่านดวงตาของหลินฮวง แม้เขาจะไม่รู้ว่าเหรียญโบราณนี้คืออะไรกันแน่ แต่มันก็เป็นโอกาสให้เขาได้เข้าใกล้อสูรชุบทอง….


 


“ข้าสามารถขายมันให้เจ้าได้ แต่ราคา..ข้าว่าเราควรไปคุยที่ที่คนไม่พลุกพล่านกันดีกว่า..”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)