Monster Paradise 1557-1558

ตอนที่ 1557

 

หลินฮวงได้จินตนาการภาพมากมายว่าเมืองภูตผีจะเป็นอย่างไร แต่ทว่า มันไม่มีอะไรเหมือนที่เขาคิดไว้เลยตอนเขาเข้าเมืองมาจริงๆ


 


มันแตกต่างจากสถานที่อื่นในหุบเหว มันคึกคักมาก ยังมีแม้กระทั่งตึกระฟ้าที่คล้ายกับโลกมนุษย์มาก


 


ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งมีชีวิตต่างๆอยู่บนถนน เขาคงคิดว่าเขากลับไปโลกกรวด


 


“ทำไมถึงมีคนมากขนาดนี้?”หลินฮวงสับสน


 


เหตุผลเพราะผู้พิทักษ์อย่างเดียวก็มากพอจะสกัดคนส่วนใหญ่ไม่ให้เขา


 


“ในความเป็นจริง มีคนนอกน้อยมากในเมืองภูตผี ส่วนใหญ่คือประชากรท้องถิ่น”เวอชุโอโซอธิบาย”ส่วนหนึ่งของประชากรและสิ่งก่อสร้างที่นี่สร้างโดยผู้ครอบครองผนึกเจ้าปราสาท ขณะที่ส่วนหนึ่งถูกสร้างโดยเมืองภูตผีเอง”


 


เมื่อได้ยินคำอธิบาย คำว่าNPCก็ผุดขึ้นในหัวหลินฮวงทันที


 


ถ้าเขามองเมืองภูตผีเป็นRPG งั้นประชากรเหล่านี้ก็คือNPCของโลกนี้อย่างไม่ต้องสงสัย สำหรับหลินฮวง คนนอกอย่างเขาก็คือผู้เล่น


 


“งั้นพวกเขาแตกต่างกับผู้เล่นยังไง ข้าหมายถึงคนนอกกับประชากรท้องถิ่นนะ?”หลินฮวงเกือบถามความแตกต่างระหว่างผู้เล่นกับNPC


 


“ไม่มีวิธีบอกได้”เวอชุโอโซส่ายหัวและยิ้ม”แต่ทว่า ภายใต้สถานการณ์ปกติ พวกหน้าตาและรูปแบบเกินจริงมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นคนนอก แต่ทว่า วิธีกำหนดเช่นนี้ก็ไม่ได้เต็มร้อย”


 


“ข้าสงสัยว่าผนึกเจ้าปราสาทที่เจ้าตามหาอยู่ในมือคนนอกหรือเปล่า?”หลินฮวงถามอีกครั้ง


 


“มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด..”เวอชุโอโซส่ายหัว”มีสิ่งมีชีวิตจริงที่ต้องใช้เพื่อกระตุ้นผนึกเจ้าปราสาทให้สร้างเมืองภูตผี”


 


“แต่ทว่า ผนึกเจ้าปราสาทอาจไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่เป็นชิ้นส่วนหลายชิ้น ตราบเท่าที่เราสามารถรวมพวกมันเป็นหนึ่ง เราจะสามารถใช้มันได้ ถ้าเป็นแบบนั้น ชิ้นส่วนอาจอยู่ในมือคนหลายคน”


 


“นอกจากนี้ ผนึกเจ้าปราสาทต้องอยู่ภายในเมืองภูตผี แต่ผู้ครอบครองผนึกอาจไม่อยู่ มีความเป็นไปได้ที่คนคนนั้นอาจให้ประชากรท้องถิ่นดูแลผนึก เหนือสิ่งอื่นใด ประชากรหลายคนคือตัวละครที่คนคนนั้นสร้าง และยังเป็นคนที่เขาสามารถไว้ใจได้สุด ดังนั้น ผนึกเจ้าปราสาทจะไม่อยู่กับคนนอก”


 


“งั้นแผนเจ้าละ?”เมื่อได้ยินคำอธิบายของเวอชุโอโซ หลินฮวงก็เดาว่าภารกิจอาจยากกว่าที่เขาคิด


 


“ถ้ามีเจ้าปราสาทในเมืองนี้ ก็ต้องมีโอกาสที่ผนึกจะอยู่กับเจ้าปราสาท แม้จะไม่อยู่ เขาก็ต้องรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับผนึก”


 


“ถ้าไม่มีเจ้าปราสาทสักคน แต่มีกลุ่มคนดูแล เราก็จะหาคนที่มีตำแหน่งสูงสุด ต่อให้เราไม่เจอผนึกเจ้าปราสาทโดยตรง เราก็ควรหาข้อมูลได้บ้าง”


 


“สิ่งที่ข้ากังวลสุดคือไม่มีใครดูแลเมือง หรือผู้ดูแลเป็นแค่หุ่นเชิด ที่ไม่มีใครรู้ว่าใครคือผู้สร้างเมือง”


 


เวอชุโอโซหยิบยกความเป็นไปได้มากมาย”ไม่ว่ายังไง สิ่งแรกที่เราต้องทำตอนนี้คือรวบรวมข้อมูล รวบรวมให้ได้มากที่สุดที่จะทำได้เกี่ยวกับเมืองนี้”


 


“เราจะแยกตัว?”หลินฮวงถาม


 


เขาถามเพราะการแยกกันหาจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าอยู่ด้วยกัน


 


“ข้าเห็นด้วยกับการแยกกันหา”จิ่วเจี้ยนพยักหน้า


 


พวกเขาไม่อยู่ในบึงหมอกอีก พวกเขาไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทาง


 


ทั้งสามมีสไตล์ต่างกัน แน่นอน พวกเขาย่อมใช้คนละวิธีเพื่อรวบรวมข้อมูล ในทางทฤษฏี แม้พวกเขาจะรวบรวมข้อมูลซ้ำกัน ปริมาณข้อมูลก็จะเพิ่มขึ้น


“เราจะแยกตัวกันสองวัน ระหว่างสองวัน รวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด ถ้าเจออะไรสำคัญ อย่าบุ่มบ่ามทำอะไรคนเดียว.


 


“เราจะเจอกันใต้อาคารที่สูงสุดสองวันให้หลัง เราจะคุยกลยุทธ์เราหลังรวมข้อมูลที่เราแต่ละคนได้รับมา”เวอชุโอโซสรุปแผน


 


หลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนเห็นด้วย


 


ต่อมา ทั้งสามก็แยกตัวและมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกเขาเลือก


 


หลินฮวงเลือกเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวังหลังแยกออกจากกลุ่ม


 


เหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีใครรู้ว่ามีจ้าวเทวะกี่คนในเมืองนี้


 


ตามคำอธิบายของเวอชุโอโซ ถ้าผู้ปกครองครองผนึกเจ้าปราสาทเป็นยอดฝีมือจ้าวเทวะ เขาสามารถสร้างประชากรระดับจ้าวเทวะได้ รวมถึงตั้งอำนาจทางเข้าเมืองให้เป็นจ้าวเทวะ


 


ถ้ามีจ้าวเทวะจริงในเมืองนี้ ไม่เพียงโอกาสพวกเขาในการรับเอาผนึกจะน้อยมาก มันยังหมายความว่าพวกเขาอยู่ในเมืองที่อันตรายอย่างมาก


 


ต้องรู้ว่าคนนอกในเมืองภูตผีก็คือผู้เล่น แต่พวกเขาไม่มีชีวิตที่สอง ผู้เล่นสามารถคืนชีพได้หลังตาย แต่ทว่า คนนอกจะตายจริงถ้าพวกเขาตายในเมือง


 


ถึงแม้หลินฮวงจะใช้ตัวตายตัวแทนกับมอนสเตอร์เขาได้ แต่พอเจอกับพลังเทพของจ้าวเทวะ เขาจะไม่สามารถคืนชีพได้


 


ในขณะเดียวกันสำหรับเวอชุโอโซกับจิ่วเจยน แม้พวกเขาจะมีวิชาเอาตัวรอดที่ร่างหลักทิ้งไว้เพื่อป้องกันการโจมตีระดับจ้าวเทวะ มันก็ยังมีข้อจำกัด


 


หลินฮวงระวังตัวมากเผื่อกรณีที่มีจ้าวเทวะดูแลเมืองนี้


 


เขาไม่รู้สึกถึงการตรวจจับของจิตเทวะใด เขาจึงระวังตัวเป็นพิเศษที่จะไม่กระจายจิตเทวะเขาออกไป


 


เขามองไปรอบๆ มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบปรากฏรอบเขา


 


มีสิ่งมีชีวิตหุบเหว มอนสเตอร์เผ่าแมลง เผ่ามนุษย์และโปรตอส.


 


ท่าทางแปลกๆของเขาในชุดคลุมดำดูธรรมดาสุดในหมู่ฝูงชน เขาจึงไม่ดึงดูดความสนใจใด


 


เขาโล่งใจที่พบว่าไม่มีสายตาจับจ้องเขา


 


ไม่นานเขาก็เหลือบไปเห็นร้านกาแฟใกล้ๆ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย


 


“ที่นี่มีร้านกาแฟด้วยเหรอ?!”


 


เมืองภูตผีแห่งนี้คล้ายกับเมืองมนุษย์มาก นั่นทำให้เขาเกิดสงสัยเล็กน้อยว่าผู้ครอบครองผนึกเจ้าปราสาทจะเป็นมนุษย์ หรือบางทีก็คงเป็นคนที่อยู่ในโลกมนุษย์มาสักพัก


 


เขาเดินไปร้านกาแฟ นั่งอยู่ใต้ร่มไม้ในบริเวณกลางแจ้ง สั่งกาแฟหนึ่งแก้ว


 


ไม่ช้า พนักงานสาวหูกระต่ายก็นำกาแฟมาให้เขา


 


ถ้าเขาอยู่ที่อื่น หลินฮวงอาจไม่สามารถอดกลั้นและมองนางได้ แต่ทว่า เขาเห็นสิ่งมีชีวิตหลากหลายประเภทมาแล้ว เช่นนั้น สาวหูกระต่ายตรงหน้าเขาจึงดูธรรมดา


 


เขาไม่ลืมว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไรตอนสาวหูกระจายนำกาแฟมาเสิร์ฟ ประกายสีแดงพุ่งผ่านตาเขาตอนเขาสบตากับสาวหูกระต่าย


 


เขาสามารถอ่านความทรงจำของนางได้


 


เขาทำมันโดยการหยืบยิมทักษะของตัวตลก


 


แต่ทว่า สาวหูกระต่ายไม่รู้ตัว นางแค่วางกาแฟลงพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนเดินออกไป


 


ในเวลาเดียวกัน หลินฮวงก็หยิบกาแฟขึ้นจิบ เริ่มดึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากความทรงจำที่เขาอ่าน

 

 

 


ตอนที่ 1558

 

มันใช้เวลาแค่ชั่วขณะสำหรับหลินฮวงในการอ่านข้อมูลที่เขาได้รับจากความทรงจำของพนักงานสาวหูกระต่าย แต่ทว่า เขาไม่สามารถได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากนัก


พนักงานสาวหูกระต่ายคือคนธรรมดาไร้ฐานการบ่มเพาะ ความทรงจำนางจึงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้บ่มเพาะ


 


“คนธรรมดาในเมืองนี้ไม่มีความรู้ถึงการดำรงอยู่ของผู้บ่มเพาะเลย?”หลินฮวงขมวดคิ้วเล็กน้อย


 


นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิด ตามสมมติฐานก่อนหน้า เขาคิดว่าน่าจะมีผู้บ่มเพาะอยู่มากในหมู่ประชากร นอกจากนี้ การต่อสู้ขนาดเล็กแม้เพียงเล็กน้อยจะทำให้เกิดความผิดปกติ


 


แต่ทว่า ในความทรงจำของสาวหูกระต่าย สำหรับนาง ความผิดปกติเหล่านี้ส่วนใหญ่ถทอเป็นปรากฏการณ์ทางสภาพอากาศ เหตุการณ์แปลกประหลาดเหล่านี้ส่วนน้อยถูกมองว่าเป็นเครื่องจักรที่มนุษย์สร้างขึ้น


 


ไม่มีอะไรเป็นประโยชน์ในความทรงจำของสาวหูกระต่าย ยกเว้นแผนที่ สามัญสำนึก และความรู้ของโลกปัจจุบันนี้


 


“มันดูเหมือนข้ายังต้องหาผู้บ่มเพาะก่อน..”หลินฮวงเคาะโต๊ะเบาๆด้วยนิ้ว ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบด้วยมือขวา


 


หลังขบคิดสักพัก เขาก็ปล่อยเมล็ดกาฝากไร้รูปร่างและไร้สีออกไปทุกทิศทาง


 


หลินฮวงไม่กล้าใช้จิตเทวะ แต่เขาสามารถใช้เมล็ดกาฝาก นี่เพราะมันยากสำหรับเมล็ดกาฝากที่จะโดนค้นพบถ้าไม่ใช้จิตเทวะ


 


แน่นอน เขาไม่กระจายพวกมันในวงกว้าง แต่กลับควบคุมเมล็ดกาฝากให้อยู่ในรัศมีห้ากิโลเมตรรอบตัวเขา


 


เหนือสิ่งอื่นใด ยิ่งเมล็ดกาฝากกระจายไปกว้าง ความเป็นไปได้สูงที่จะพบยอดฝีมือก็สูง แถม วัตถุประสงค์ของเขาคือรวบรวมข้อมูล เขาไม่อยากดึงดูดปัญหาที่ไม่จำเป็น


 


หลินฮวงดื่มกาแฟ จับตาดูภาพที่เมล็ดกาฝากนับร้อยส่งกลับมาเงียบๆ


 


ภายในห้านาที เขาสังเกตเห็นคนสองสามคนที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้บ่มเพาะ


 


เนื่องจากเขาไม่ใช้จิตเทวะในการตรวจจับ คนเหล่านี้จึงไม่มีความผันผวนพลังงานแผ่จากพวกเขาเลย หลินฮวงสามารถทำการคาดเดาพื้นฐานได้จากภาพที่เมล็ดกาฝากส่งมาเท่านั้น


 


สำหรับหลินฮวง เพื่อสังเกตแก่นแท้ ปราณ จิตวิญญาณและอื่นๆของคน มันเป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ


 


หลังจับตามองคนที่มีศักยภาพเหล่านี้ หลินฮวงก็มีความคิดและละทิ้งแผนปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาโดยตรง เขากลับควบคุมเมล็ดกาฝากให้แทรกซึมตัวของผู้ต้องสงสัย


 


มีคนสี่คนที่โดนแทรกซึมด้วยเมล็ดกาฝาก แต่ทว่า มีแค่หนึ่งคนที่เป็นผู้บ่มเพาะจริง ขณะที่คนอื่นเป็นแค่คนธรรมดา


 


หลินฮซงรู้สึกอายเล็กน้อยที่พบเรื่องนี้จากเมล็ดกาฝาก


 


แต่ทว่า เขาหน้าหนาพอและหายจากอาการนั้นอย่างรวดเร็ว เขาเริ่มดึงข้อมูลที่เมล็ดกาฝากดึงจากความคิดของผู้บ่มเพาะ


 


ผู้บ่มเพาะตนนี้เป็นมอนสเตอร์ตะกอน


 


มอนสเตอร์ประเภทนี้คือสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนก้อนโคลนสีน้ำตาลเข้ม มันไม่มีแก่นแท้ ปราณ หรือจิตวิญญาณที่จำแนกได้เลย ต่อให้หลินฮวงยืนต่อหน้ามัน เขาก็ไม่สามารถมองเห็นใบหน้ามันได้


 


เหตุผลที่เขาจับมอนสเตอร์ตัวนี้เพราะมันคือมอนสเตอร์ตัวเดียวภายในระยะของเมล็ดกาฝากเขา


 


มอนสเตอร์ตะกอนตัวนี้คือเทพเสมือนขั้นเจ็ด ในที่สุดหลินฮวงก็สามารถสกัดข้อมูลมีประโยชน์จากความทรงจำมันได้


 


ในเมืองภูตผีแห่งนี้ อัตราส่วนของคนธรรมดาต่อผู้บ่มเพาะคือ 9:1 ผู้บ่มเพาะปะปนกับคนธรรมดาเหล่านี้อย่างกลมกลืน


 


สิ่งที่ทำให้หลินฮวงสงสัยมากขึ้นคือในความทรงจำของมัน ความสามารถต่อสู้ที่ต่ำสุดในหมู่ผู้บ่มเพาะในโลกนี้คือเทพเสมือน ไม่มีผู้บ่มเพาะที่ต่ำกว่านั้น บุคคลที่ต่ำกว่าเทพเสมือนคือคนธรรมดา


 


ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ต้น คนธรรมดาจะโดนตัดขาดจากข้อมูลเกี่ยวกับผู้บ่มเพาะในโลกนี้


 


คนธรรมดาไม่ชื่นชมผู้บ่มเพาะ หรือไม่เคารพพวกเขา พวกเขาไม่รู้เลยว่ามีผู้บ่มเพาะอยู่ในโลกด้วย


 


ต่อให้คนธรรมดาเหล่านี้ได้เห็นบางสิ่งเกี่ยวกับผู้บ่มเพาะโดยบังเอิญ พวกเขาก็จะลืมมันไปเอง


 


ในขณะเดียวกัน สำหรับผู้บ่มเพาะ กฏที่ไม่ต้องพูดคือทักษะและความสามารถเทวะพวกเขาไม่ควรแสดงต่อหน้าคนธรรมดา และห้ามโจมตีพวกเขา


 


มอนสเตอร์ตะกอนไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงโจมตีคนธรรมดาไม่ได้ แต่ทว่า จากข้อมูลในความทรงจำมัน มันชัดเจนว่าเรื่องแย่ๆอาจเกิดถ้าพวกมันฆ่าคนธรรมดา


 


ดังนั้น คนธรรมดากับผู้บ่มเพาะจึงอยู่กันอย่างสันติในสภาพการอยู่ร่วมที่แปลกประหลาดเช่นนี้


 


หลินฮวงคิดว่าโครงสร้างทางสังคมดังกล่าวค่อนข้างน่าสนใจแม้จะเห็นได้ชัดว่าเป็นโครงสร้างที่ประดิษฐ์ขึ้นมา


 


สิ่งที่ทำให้เขาสนใจมากขึ้นคือเมื่อเขาอ่านข้อมูล เขาก็ตระหนักว่าเมืองนี้แตกต่างจากเมืองอื่นที่เขาเคยเห็น


 


“มีโลกภายในที่เหมือนภาพกลับหัว”ขณะที่หลินฮวงพึมพำเสียงเบา ความอยากรู้ก็เปล่งประกายในดวงตาเขา


 


เขาดึงข้อมูลพิเศษเล็กน้อยจากความทรงจำของมอนสเตอร์ตะกอนได้


 


ตอนนี้ เขากำลังมองแค่พื้นผิวเมือง ในขณะเดียวกัน มีเมืองที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน


ทันทีที่ผ่านประตู ผู้บ่มเพาะจะเข้าโลกภายในเมืองนี้ได้


 


เมืองนั้นเหมือนกับเมืองนี้ทุกประการ แต่ทว่า ไม่มีคนธรรมดา มีแค่ผู้บ่มเพาะ


 


มีตลาดสำหรับการซื้อขาย และช่องทางรับข้อมูลต่างๆ ไม่ใช่แค่นั้น การฆ่าและการต่อสู้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ


 


เทียบกับเมืองด้านบนแสนสงบสุข แม้จะมีกฏในโลกภายในนี้เช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งคือการพัฒนาของความบ้าคลั่งและความปรารถนา


 


ผู้บ่มเพาะสู้กันอย่างขมขื่นด้านใน แต่ทันทีที่พวกเขากลับมาบนพื้นผิว พวกเขาจะกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมของคนทั่วไป


 


ชีวิตแสนสงบสุขในโลกมนุษย์


 


หลินฮวงยังคาดเดาเงียบๆว่าผู้ถือผนึกของเจ้าปราสาทเมืองภูตผีอาจเป็นคนหลายบุคลิก


 


หลังอ่านความทรงจำของมอนสเตอร์ตะกอน สิ่งที่ทำให้หลินฮวงผิดหวังคือเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับผนึกเจ้าปราสาท หรือผู้ถือมัน


 


ความทรงจำของมันขาวโพลนสำหรับเรื่องนี้


 


แม้จะไม่มีเบาะแสชี้ตรงไป หลินฮวงก็ไม่รู้สึกท้อ อย่างน้อย ตอนนี้เขาก็พบการดำรงอยู่ของโลกภายใน รวมถึงวิธีเข้า การหาเบาะแสเพิ่มเป็นแค่เรื่องของเวลา


 


เหนือสิ่งอื่นใด มอนสเตอร์ตะกอนเป็นแค่เทพเสมือน ถือเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในเมืองนี้ ถ้าหลินฮวงมองเมืองภูตผีเป็นเกม มอนสเตอร์ตะกอนก็แค่สิ่งมีชีวิตตัวน้อย


 


ด้วยการคิดแบบนักออกแบบเกม พวกเขาจะไม่เก็บข้อมูลสำคัญมากไว้ภายในมอนสเตอร์เช่นนี้


ตามแนวทางการออกแบบเกมทั่วไป ยิ่งมอนสเตอร์ทรงพลัง ข้อมูลยิ่งมาก


นอกจากนี้ เกมนี้ยังเป็นเกมใหม่ แผนที่ยังเป็นแบบลับ ซึ่งจะมอบรางวัลให้ผู้เล่นมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย


 


หลินฮวงไม่กังวลเลยถึงการได้รับข้อมูลเพิ่มภายหลัง


 


จากความคิดของมอนสเตอร์ตะกอน เขาดึงพิกัดที่ใกล้สุดของทางเข้าโลกด้านใน โดยไม่ลังเล เขาหายตัวไปในพริบตา..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)