Monster Paradise 1554-1556
ตอนที่ 1554
หวายกับกิ่งไม้นับไม่ถ้วนพัวพัน ปกคลุมทั้งท้องฟ้า ซัดเหมือนคลื่น
หลินฮวงกับอีกสองเหมือนเรือลำน้อยสามลำที่แล่นผ่านคลื่นทะเลปั่นป่วน ดูราวกับจะจมได้ตลอดเวลา
ต่อหน้าศัตรูที่น่าจะเป็นกึ่งจ้าวเทวะ ทั้งสามไม่แสดงความกลัวเลย
หวายนับไม่ถ้วนบดขยี้เป็นฝุ่นผงเมื่อโดนคลื่นดาบของหลินฮวงกลืนกิน
ในขณะเดียวกัน เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยน ผู้อยู่ด้านหลังเขาทั้งสองด้านก็ไม่สะกดกลั้นเช่นกัน คลื่นกระบี่กับคลื่นฝ่ามือปกคลุมท้องฟ้าด้วยแสงสว่างสีขาวและทอง
ทั้งคู่ใส่พลังเต็มที่เพื่อเปิดโอกาสให้หลินฮวงได้โจมตี
ทั้งสามล้อมศัตรูอยู่ด้านหน้า และฉีกคลื่นการโจมตีด้วยพลัง
ถ้ามองจากด้านบน มันราวกับเส้นด้ายสีทอง แดงและขาวกำลังสู้กับกระแสน้ำปั่นป่วนโดยไม่หยุดชะงักสักนิดระหว่างทาง
อึดใจต่อมา ด้ายก็โผล่พ้นเหนือคลื่น
หลินฮซงกับอีกสองเห็นตัวการที่ทำการโจมตีได้ มันคือเถาวัลย์จิตวิญญาณความตาย
ภายในป่าต้นเฟอร์ปีศาจรัตติกาลที่ตอนนี้ย่อยยับ เถาวัลย์จิตวิญญาณยักษ์ดูเหมือนจะจ้องทั้งสามเหมือนงู
หลินฮวงกับอีกสองยังไม่เห็นทั้งตัวมัน แต่แม้มันจะหลบซ่อนในเงามืด พวกเขาก็ยังสามารถเห็นเกล็ดบนตัวมันที่ดูเหมือนมังกรได้
ถ้าไม่ใช่เพราะจิตเทวะมีสัมผัส พวกเขาอาจคิดว่ามันคือมอนสเตอร์เผ่ามังกรไปแล้วถ้าไม่เห็นกับตาตัวเอง
แต่ทว่า เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนรู้ดีว่าเถาวัลย์จิตวิญญาณความตายตัวนี้มีเกล็ดเช่นนี้บนผิวมันน่าจะเพราะมันกินมอนสเตอร์เผ่ามังกรหรือศพมอนสเตอร์เผ่ามังกรไป
เมื่อมันเห็นพวกหลินฮวงเข้าใกล้ พลังกับความถี่การโจมตีของมันก็พุ่งถึงจุดสูงสุดแทบทันที
แต่ทว่า หลินฮวงก็ได้ตั้งท่าป้องกันแล้วและกระจกก็ปรากฏเป็นโล่ด้านหน้าทั้งสาม ขวางการโจมตีทั้งหมด
หวายกับกิ่งก้านนับไม่ถ้วนสะท้อนกลับตอนพวกมันฟาดใส่กระจก ดีดใส่ร่างใหญ่โตของเถาวัลย์จิตวิญญาณความตาย
“เจ้าตัวนี้ไม่ใช่กึ่งจ้าวเทวะ!”หลินฮวงยืนยันได้ทันทีที่เห็นว่ากระจกได้ผล เขาแบ่งปันข่าวกับพวกเวอชุโอโซผ่านคลื่นเสียง
เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนได้มีข้อสงสัยตอนทั้งสามสามารถฉีกผ่านคลื่นหวายได้แล้ว แต่ทว่า พวกเขายังพิจารณาว่าเนื่องจากพวกเขาเพิ่งโจมตีกัน เถาวัลย์ก็อาจไม่ได้เอาจริง พลังโจมตีมันจึงอ่อนแอ
แต่ทว่า ตอนนี้ทั้งสามแทบจะเดาได้แล้ว
ด้วยตรรกะปกติทั้งหมด มันเป็นไปไม่ได้ที่เถาวัลย์จิตวิญญาณนี้จะออมมือ ตอนนี้ พลังของการโจมตีมันต้องเป็นมาตรฐานปกติ อาจแกร่งขึ้นด้วยซ้ำ
แต่ทว่า การโจมตีมันทำลายการป้องกันของกระจกหลินฮวงไม่ได้ มันชัดเจนว่าระดับพลังมันยังไม่ถึงกึ่งจ้าวเทวะ
ทั้งสามถอนหายใจโล่งอกหลังยืนยันว่าเถาวัลย์จิตวญญาณความตายไม่ใช่กึ่งจ้าวเทวะ แต่เป็นแค่ยอดฝีมือระดับเก้าขั้นสูงสุด
พวกเขามองหน้ากันและมันดูเหมือนว่าพวกเขาจะอ่านความตื่นเต้นในดวงตากันและกันได้
ตอนนี้ พวกเขาไม่หลงเหลือความกลัวที่จะสู้กับจ้าวเทวะอีก ความกระตือรือร้นในการล่าของทั้งสามพลันพุ่งทะยาน
พวกเขาไม่เคยพบเทพสวรรค์ระดับเก้าขั้นสูงสุดมาก่อน มันเป็นศัตรูที่ทรงพลังสุดที่พวกเขาเคยสู้ ซึ่งทำให้ความตั้งใจต่อสู้พวกเขาพุ่งทะยาน
เถาวัลย์จิตวิญญาณความตายยังสัมผัสได้ถึงเจตนาของทั้งสามและเริ่มโกรธ
หวายนับไม่ถ้วนสะบัดมาจากทุกทิศทาง กระหน่ำใส่พวกเขาเหมือนพายุฝน
หลินฮวงขยับนิ้วเล็กน้อยและกระจกก็เปลี่ยนเป็นทรงกลมทันที ห่อหุ้มตัวเขา เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยน มันตอบโต้การโจมตีรอบนี้ได้อย่างไร้ที่ติ
“พลังเทวะกับพลังกฏเทพเจ้ามากพอป้องกันการโจมตีเช่นนี้ได้ด้วย?”เวอชุโอโซอดถามไม่ได้
นอกจากนี้ จิ่วเจี้ยนเองก็มีข้อสงสัยเหมือนกัน เขามองหลินฮวงด้วย
“ข้าจะบอกล่วงหน้าถ้าข้าทนไม่ไหว”สีหน้าหลินฮวงไร้ความกังวล”ข้าไม่ใช่คนที่ดื้อรั้นจนกลัวการยอมรับความพ่ายแพ้”
ทั้งคู่โล่งใจเพราะสามารถบอกได้จากสีหน้าหลินฮวงว่าเขารับมือได้
ในความเป็นจริง การโจมตีของเถาวัลย์จิตวิญญาณความตายก็คงอยู่ไม่นานเช่นกัน
มันดูเหมือนจะสัมผัสว่าการโจมตีมันทำลายการป้องกันของหลินฮวงไม่ได้และเลิกพยายามหลังผ่านไปห้านาที
เหนือสิ่งอื่นใด การโจมตีด้วยความถี่เช่นนี้จะสร้างภาระให้มากอย่างมาก
สำคัญสุด ทักษะป้องกันของหลินฮวงนั้นป่าเถื่อน การโจมตีมากมายถูกสะท้อนกลับ ผลกำไรไม่ได้ชดเชยกับความสูญเสีย แม้การโจมตีที่สะท้อนจะไม่สามารถทำร้ายเถาวัลย์ได้ในระดับกายภาพ แต่พลังเทวะกับพลังลำดับเทพมันก็ลดลงเพื่อป้องกันตัวมันเอง
เมื่อสังเกตเห็นว่าการโจมตีของเถาวัลย์จิตวิญญาณความตายอ่อนลง หลินฮซงพลันสลายกระจกที่ห่อหุ้มตัวพวกเขา
เขาไม่รู้ว่าเวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนคิดอะไรอยู่ในใจ แต่สำหรับเขา มันคือสมบัติ
เถาวัลย์จิตวิญญาณความตายระดับเทพสวรรค์ขั้นสี่ก่อนหน้ามอบพลังกฏเทพกว่าแสนให้เขา จำนวนกฏภายในเถาวัลย์ระดับเก้าขั้นสูงสุดย่อมประเมินไม่ได้
แต่ทว่า สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือเวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนจะสู้กับมันด้วย
ทันทีที่กระจกสลาย เวอชุโอโซก็เปิดฉากโจมตีเถาวัลย์ก่อนหลินฮวงจะได้ตอบสนอง
ฝ่ามือขาวคล้ายหยกฟาดออกไป เปลี่ยนเป็นเงาฝ่ามือนับหมื่นในอากาศ ระเบิดใส่เถาวัลย์จิตวิญญาณความตาย
แทบจะทันทีกับที่เวอชุโอโซโจมตี คลื่นกระบี่สีทองนับไม่ถ้วนควบแน่นตรงหน้าจิ่วเจี้ยน พุ่งใส่เถาวัลย์เหมือนพายุ
หลินฮวงเองก็สับสนว่าทำไมทั้งสองถึงกระตือรือร้นยิ่งกว่าเขา
โดยปกติ เขาย่อมไม่ล่าช้า ถ้าพวกเขาฆ่ามอนสเตอร์ตัวนี้ เขาอาจต้องใช้เวลาหลายวันเพื่อชดเชยสิ่งที่เสียไปนี้
เขาโจมตีโดยไม่ลังเลและมันก็เป็นการโจมตีที่ทรงพลังมาก
เขาอัดพลังลำดับเทพ 11 สายและกฏสวรรค์เต๋าดาบลงไป
แสงสีแดงเลือดส่องสว่างบนดาบ
พลังของการโจมตีเหมือนดวงอาทิตย์สีแดงเลือดที่ตกใส่โลก แม้กระทั่งหมอกรอบหลินฮวงก็ยังสลายไป
ในขณะเดียวกัน เจตจำนงมหาเต๋าที่ถือดาบเหนือหัวเขาก็ทำเหมือนกันกับเขา
ดาบในมือมันเปล่งแสงสีแดงที่ส่องสว่างออกไปไกลสุดลูกตา
คลื่นแสงสีแดงสองสาย หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กค่อยๆผสานกัน เมื่อหลินฮวงสะบัดดาบ คลื่นแสงก็เปลลี่ยนเป็นคลื่นดาบไร้เทียมทานที่ระเบิดออกไป
เถาวัลย์จิตวิญญาณความตายดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามร้ายแรง มันละทิ้งการรับมือกับการโจมตีของเวอชุโอโซและจิ่วเจี้ยน ส่งหวายทั้งหมดของมันออกไป พยายามป้องกันตัวมันจากหลินฮวง
แต่ทว่า หวายทั้งหมดกลับเปลี่ยนเป็นผุยผงเมื่อคลื่นดาบพุ่งผ่าน พวกมันไม่สามารถขวางการโจมตีได้เลย แถมการโจมตีก็ไม่ช้าลงแม้แต่น้อย
เมื่อสัมผัสว่าการป้องกันมันล้มเหลว เถาวัลย์จิตวิญญาณความตายก็คิดหนี แต่ทว่า มันไม่สามารถหนีได้ทันเพราะมันตัวใหญ่เกิน
แทบจะทันทีกับที่ความคิดหนีเข้าหัว ตัวมันก็โดนคลื่นดาบสีแดงเลือดกระแทก คลื่นดาบเจาะผ่านตัวมันโดยไม่ต้องพยายามอะไร ทิ้งหลุมใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าเมตรบนตัวมัน
เถาวัลย์จิตวิญญาณความตายสัมผัสได้ถึงพลังลำดับเทพน่ากลัวที่วิ่งเข้าแผลมัน ลุกลามไปทุกทิศทาง
ในขณะเดียวกัน ตัวมันก็เริ่มสลาย เริ่มจากจุดที่โดนโจมตี…
หลินฮวงรู้สึกพอใจอย่างที่ไม่เคยมีขณะสัมผัสได้ถึงพลังกฏเทพเกือบสามล้านที่ไหลเข้าตัวเขาเหมือนคลื่น ความรู้สึกมันดีกว่าตอนแช่น้ำพุร้อนในช่วงฤดูหนาวกว่าหมื่นเท่า
ตอนศพของเถาวัลย์จิตวิญญาณความตายสลาย หลินฮวงผู้เพิ่งกลืนพลังกฏเทพทั้งหมดก็พลันรู้สึกถึงจิตเทวะอันยิ่งใหญ่ที่กวาดผ่าน
การยับยั้งที่มาจากคลื่นจิตเทวะทรงพลังกว่าเถาวัลย์ที่ตายไปแล้วนี้มาก
จิ่วเจี้ยนกับเวอชุโอโซสัมผัสได้เช่นกัน เส้นประสาทที่คลายแล้วรัดตึงใหม่ ภายใต้พลังของการยับยั้งนี้ ทั้งคู่งอเข่าลงเล็กน้อยและลมหายใจก็ติดขัด
ตอนที่ 1555
เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นยับยั้งน่าหวาดกวั่น หลินฮวง จิ่วเจี้ยนกับเวอชุโอโซต่างหน้าเปลี่ยนสี
เถาวัลย์จิตวิญญาณความตายเมื่อสักครู่คือตัวตนระดับเทพสวรรค์ขั้นสูงสุด การยับยั้งปัจจุบันทรงพลังมากจนต้องเป็นระดับต่อไป เห็นได้ชัดว่าเป็นกึ่งจ้าวเทวะอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้หลินฮวงจะอยากรู้ถึงความแตกต่างระหว่างความสามารถของเขากับกึ่งจ้าวเทวะมากแค่ไหน เขาก็รู้เต็มอกว่าศัตรูที่มาใหม่นั้นไม่ใช่อะไรที่เขาจะรับมือได้ เขาเริ่มคิดหาทางถอย
เขากล้าโจมตีโดยไม่ลังเลตอนเผชิญหน้ากับเถาวัลย์จิตวิญญาณความตายเพราะการยับยั้งจากสัตรูไม่ทรงพลังพอจะทำให้เขายอมแพ้ แต่การยับยั้งครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเขาพบเจอกับพลังไร้เทียมทาน
ความมีเหตุผลของเขาบอกเขาว่าเขาไม่มีโอกาสชนะเลยถ้าต้องสู้กับมันซึ่งๆหน้า ทันทีที่พวกเขาสู้ จะมีเพียงข้อสรุปเดียว คือความตาย
ขณะที่เขากำลังจะบอกเวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนให้ถอยผ่านคลื่นเสียง เสียงของเวอชุโอโซก็มาถึงก่อน
“อย่าคิดว่าศัตรูจะทรงพลังแค่ไหน ยิ่งเจ้าคิด ศัตรูก็จะยิ่งทรงพลังตาม!”
หลินฮวงตกตะลึงตอนได้ยิน แต่ก็ตอบสนองทันที”ภาพลวงตา?!”
“จะคิดแบบนั้นก็ได้”เวอชุโอโซตอบสนอง
ตอนนั้นเองหลินฮวงเห็นเวอชุโอโซยกเลิกเทคนิคป้องกันเขา เข่าเขาที่เริ่มงอค่อยๆเหยียดตรง วินาทีต่อมา เขาก็ยืนขึ้นราวกับไม่ได้รับผลกระทบอะไร
“เราพบทางเข้าเมืองภูตผีแล้ว”สายตาของเวอชุโอโซดูเหมือนจะเจาะทะลุผ่านหมอก
“เราสามารถคุยถึงทางเข้ากันได้ทีหลัง ตอนนี้เรามาจัดการกับปัญหาด้านหน้าก่อนดีไหม?”หลินฮวงถาม
“เถาวัลย์จิตวิญญาณความตายที่เราเจอก่อนหน้าและมอนสเตอร์ตัวนี้คือผู้พิทักษ์เมืองภูตผี พูดง่ายๆ พวกมันคือภาพลวงตาที่เมืองภูตผีสร้าง”
“งั้น เถาวัลย์ที่เราฆ่าก่อนหน้านี้ก็คือภาพลวงตาด้วย?”คิ้วของหลินฮวงเลิกขึ้นตอนได้ยิน เขามีข้อสงสัย
การแจ้งเตือนที่มาจากเสี่ยวเฮยเป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะเดียวกัน พลังกฏเทพจำนวนมากที่เข้าตัวเขาก็ยังเป็นของจริงเช่นกัน
ถ้ามันเป็นภาพลวงตา เสี่ยวเฮยย่อมไม่ให้การแจ้งเตือน
เวอชุโอโซดูเหมือนจะสังเกตเห็นความสงสัย จากนั้นเขาก็อธิบายต่อ”มันไม่ใช่ภาพลวงตากระจอกๆ แต่เป็นภาพลวงตาจริงที่คล้ายกับความสามารถของข้า”
“ถ้าคนที่ตกภายใต้มนตร์คิดว่ามันเป็นจริง มันก็จะกลายเป็นจริงและสามารถแทรกแซงกับความเป็นจริงได้ ถ้าพวกเขายืนยันว่ามันเป็นของปลอม มันก็อาจเป็นแค่ภาพลวงตาธรรมดา”
“เจ้าจะบอกว่าเราเสียแรงเปล่าที่ฆ่าเถาวัลย์ไปก่อนหน้านี้?เพราะเราสามารถเมินมันได้?”หลินฮวงพูดไม่ออก
“ถูกต้อง ถ้าเรายืนกรานจะเชื่อว่ามันไม่จริง มันจะเป็นแค่ภาพ”เวอชุโอโซพยักหน้า”ทางเดียวที่จะผ่านผู้พิทักษ์เมืองภูตผีได้คือการเชื่อว่าพวกมันไม่มีจริง”
“แล้วเราจะฆ่าผู้พิทักษ์ทั้งหมดด้วยพลังได้ไหม?”หลินฮวงสงสัย
“เปล่าประโยชน์ ผู้พิทักษ์ใหม่จะปรากฏทุกครั้งที่ผู้พิทักษ์โดนฆ่า ความสามารถพวกมันจะทรงพลังขึ้นด้วยและจำนวนก็เช่นกัน”เวอชุโอโซอธิบาย”ในทางทฤษฏี ไม่มีข้อจำกัดถึงความสามารถของมัน”
“แถม ไม่มีใครเบื่อหน่ายพอจะมาเมืองภูตผีเพื่อฆ่าผู้ทักษ์เล่น”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุย หลินฮวงก็สังเกตเห็นว่าอีกด้าน จิ่วเจี้ยนได้ยืนขึ้นแล้วเช่นกัน เขายกเลิกเทคนิคป้องกันเขา เมินคลื่นยับยั้งรุนแรงนี้
ตอนนั้นเอง ต้นเฟอร์ปีศาจรัตติกาลขนาดยักษ์ได้ยื่นกิ่งก้านมัน ใบไม้นับไม่ถ้วนปกคลุมท้องฟ้า ล้อมทั้งสามไว้
กิ่งไม้หนาแน่นเหมือนหนวดนับไม่ถ้วน พุ่งใส่หลินฮวงกับอีกสองจากทุกทิศทาง
“เจ้าต้องเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าการโจมตีนี้เป็นแค่จินตนาการและกึ่งจ้าวเวที่โจมตีไม่ใช่ของจริง!”เวอชุโอโซพูดกับหลินฮวงทันทีผ่านคลื่นเสียงเมื่อเห็นกิ่งก้านพุ่งใส่พวกเขาเหมือนคลื่น
เวอชุโอโซพอเข้าใจความสามารถของหลินฮวงคร่าวๆ แม้หลินฮวงจะทรงพลัง เขาก็ยังห่างไกลจากกึ่งจ้าวเทวะ
ถ้าหลินฮวงโดนโจมตี เขาจะตายจริง!
ขณะที่จิตเทวะของเขาสัมผัสได้ถึงกิ่งก้านนับไม่ถ้วน หลินฮวงก็ไม่สามารถสงบสติลงได้ เขาอยากโต้กลับการโจมตีด้วยดาบตามสัญชาตญาณ เขาไม่สามารถเมินภัยคุกคามนี้ได้
วินาทีต่อมา กิ่งก้านนับไม่ถ้วนก็เจาะผ่านหมอก พวกมันทะลุตัวเวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนไปทันทีราวกับพวกมันเพิ่งผ่านเงาสองเงา
ทั้งคู่ไม่ป้องกันหรือหลบอะไร แถมยังไม่แสดงอาการว่าโดนโจมตี
วินาทีต่อมา กิ่งก้านนับร้อยก็พุ่งมาด้านหน้าหลินฮวง เขาเรียกกระจกขึ้นมากันตามสัญชาตญาณ
แต่ทว่า กระจกคงอยู่ไม่ถึงวินาทีก่อนจะแตกสลาย กิ่งก้านแทงทะลุผ่านเหมือนมีดเจาะกระจก
หลินฮวงกระอักเลือด นี่คือผลสะท้อนกลับจากกระจก
นี่ยังเป็นครั้งแรกของหลินฮวงที่กระจกถูกทำลายจากการโจมตี
กิ่งไม้เจาะทะลุกระจกง่ายๆและพุ่งเข้าหาหลินฮวงต่อ
เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนตื่นตระหนก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
หลินฮวงหลับตาลงเล็กน้อยเมื่อเห็นกิ่งไม้พุ่งเข้ามาและขยับริมฝีปาก อารมณ์ของเขาสงบลงในไม่ช้า
วินาทีต่อมา เมื่อเขาลืมตาขึ้น กิ่งไม้ก็ทะลุผ่านระหว่างคิ้วเขาไป แต่ทว่า ไม่มีร่องรอยของเลือดเลย จากนั้น ตัวของเขาก็ถูกกิ่งไม้นับไม่ถ้วนพุ่งใส่ แต่มันราวกับพวกมันพุ่งผ่านเงา
จากนั้นหลินฮวงถึงยกมือขึ้นปาดเลือดที่มุมปาก เขาพยักหน้าให้เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยน”มันจบแล้ว!”
“เจ้าทำได้ยังไง?”จิ่วเจี้ยนอดถามไม่ได้
เขารู้ว่าถ้าเขาอยู่ในสถานการณ์เป็นตายหลังการป้องกันโดนทำลาย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเปลี่ยนความคิดของเขาทันที
“มันแค่เคล็ดลับเล็กๆน้อยๆของผู้บ่มเพาะชาวพุทธ”หลินฮวงอธิบายอย่างใจเย็น
ในความเป็นจริง เขารู้เต็มอกว่าถ้าเขาไม่มีมอนสเตอร์อัญเชิญอย่างบุตรเทวะมารพุทธ มันคงยากสำหรับเขาที่จะหลบหนีความตาย
เขายืมความสามารถลับทำสมาธิของบุตรเทวะมารพุทธเพื่อล้างความคิดในใจทั้งหมดเพื่อให้สงบสติลงได้ จากนั้นก็จินตนาการว่าการโจมตีนั้นเป็นภาพลวงตา ตั้งจิตมุ่งมั่นว่ากึ่งจ้าวเทวะนั้นไม่มีอยู่จริง
กระบวนการทั้งหมดกระชั้นชิดาก ถ้าเกิดผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เขาจะต้องใช้ตัวตายตัวแทนและคงคืนชีพใหม่ไปแล้ว
โชคดี เขาจัดการได้โดยไม่ผิดพลาด ซึ่งทำให้เขาหลบหนีการโจมตีมาได้แบบหวุดหวิด
“เราจะทำไงกันต่อ?”หลินฮวงแหงนหน้ามองเวอชุโอโซ
“ง่ายมาก นึกถึงทางเข้าเมืองภูตผี”ทันทีที่เวอชุโอโซพูดจบ เขาก็แสดงท่าทางด้วยมือ และประตูสีทองอร่ามก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขา”เราแค่ต้องเปิดประตูและเข้าไป”
เมื่อเขาพูดจบ เวอชุโอโซก็เปิดประตูที่ปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ ดึงแขนหลินฮวงกับจิ่วเจี้ยน ก้าวผ่านประตูไปโดยตรง…
ตอนที่ 1556
หลังพิจารณาว่าถูทงกับหลานหลิงอาจไม่สามารถทนบททดสอบของเมืองภูตผีได้ เวอชุโอโซจึงไม่ติดต่อทั้งคู่ และบอกพวกเขาให้ตามมา เขากลับนำหลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนผ่านประตูไปทันที
หลินฮวงคิดว่าพวกเขาจะไปถึงเมืองภูตผีทันทีที่ก้าวผ่านประตู แต่ทว่า สิ่งที่เข้าสายตาพวกเขากลับเป็นพื้นที่ขาวโพลน
ท่ามกลางวคามสงสัยของหลินฮวง เวอชุโอโซพูดขึ้น
“ทุกคนต้องออกแบบตัวละครตัวเองก่อนเข้าเมืองภูตผี เจ้าสามารถจินตนาการว่าตัวเองเป็นเผ่าใดก็ได้ เมื่อเจ้าเข้าเมือง รูปลักษณ์เจ้าจะเป็นอะไรก็ตามที่เจ้าจินตนาการ”
“นอกจากเผ่าและหน้าตา เจ้ายังต้องกำหนดบุคลิก งานอดิเรก…นอกจากนี้ ทักษะ ความสามารถเทวะ กฏ พลังลำดับและข้อมูลอื่นๆของเจ้าด้วย”
“เมื่อเสร็จ เราจะเข้าเมืองกัน เราต้องเล่นตัวละครตามบุคลิกที่เราสร้าง ถ้าเราเล่นออกนอกกรอบ เราจะโดนเตะออกเมืองทันที”
“เหมือนRPG?”หลินฮวงคิดกับตัวเอง มันฟังดูคล้ายกับเกมสวมบทบาทที่เขาเคยเล่นในอดีต
แต่ทว่า ในสถานที่นี้ บุคคลจะเล่นได้บทบาทเดียว ไม่ใช่ตัวละครเกมบนคอมพิวเตอร์หรือมือถือ
“ข้าสสามารถนำทักษะ ความสามารถเทวะ และอื่นๆทั้งหมดของข้าเข้าเมืองได้ไหม?”หลินฮวงหยิบยกประเด็นที่เขาสงสัยสุดออกมา
“ในทางทฤษฏี มันต้องเข้ากับตัวละครเจ้า”เวอชุโอโซยิ้มขณะส่ายหัว”เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าตัวละครเจ้าเป็นมอนสเตอร์งู มันก็ไม่สมเหตุสมผลที่เจ้าจะกำหนดตัวเองเป็นผู้บ่มเพาะดาบหรือกระบี่”
“แต่ทว่า มีช่องโหว่อยู่”เวอชุโอโซพูดต่อ”ตัวอย่างเช่น ตัวละครข้าคือสัตว์ประหลาดสวมหน้ากาก สำหรับทักษะและความสามารถเทวะของข้า ข้าครอบครองเทคนิคพิศดารและน่าเหลือเชื่อ ภูมิหลังตัวละครข้ามีความลึกลับ แม้จะไม่มีการตั้งค่าเป็นรูปธรรมถึงทักษะกับความสามารถเทวะข้า แต่ทว่า ข้าได้รวมความสามารถตัวเองไว้ด้วย ด้วยแผ่นตัวละครแบบนี้ ความสามารถส่วนใหญ่ของข้าจะใช้ได้ตอนเราเข้าเมืองภูตผี”
“หรือเจ้าจะทำตามที่ข้าพูดก็ได้”นอกจากพวกเขา จิ่วเจี้ยนก็พูดขึ้น”ข้าได้กำหนดตัวเองเป็นจ้าวแห่งศาสตราวุธ โดยที่ข้าใช้อาวุธได้ทุกชนิด ตัวละครของข้าจึงรวมถึงทักษะทั้งหมดของข้าในฐานะผู้บ่มเพาะกระบี่ ข้ายังสามารถใช้เทคนิคผู้บ่มเพาะที่ไม่ใช่สายกระบี่ได้อีกด้วย”
สิ่งที่ทั้งคู่พูดได้มอบแรงบันดาลใจให้หลินฮวง ไม่ช้าเขาก็เริ่มออกแบบตัวละครเขา
“ตัวละคร : ลึกลับ”
“เผ่า : น่าจะเป็นโปรตอส โปรตอสแปดเปื้อน หรือมนุษย์
“บุคลิก : สวมชุดคลุมดำและหน้ากากดำ
ระดับพลัง : ไม่รู้
ทิศทางบ่มเพาะ : ไม่รู้
เขตแดนเทพ : ไม่รู้
ทักษะ : ไม่รู้
ความสามารถเทวะ : ไม่รู้
กฏ : ไม่รู้
พลังลำดับเทพ : ไม่รู้
….
เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนสังเกตว่าหลินฮวงมีชุดคลุมดำทับตัว ร่างกายของเขายังดูสง่างามกว่าเดิมและกลิ่นอายของเขาก็เต็มไปด้วยความลึกลับ เมื่อตระหนักว่าตอนนี้เขาเข้าใจการออกแบบตัวละครแล้ว พวกเขาก็ไม่พูดอะไรอีกและเริ่มตั้งค่าตัวละครตนเอง
อึดใจต่อมา จิ่วเจี้ยนก็เปลี่ยนเป็นพระพุทธเจ้าหลายแขน ผมยาวของเขาที่แต่เดิมมัดรวบไม่มีอีก เขาหัวล้าน หัวของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากการโกนหัว ชุดคลุมเขียวของเขาเปลี่ยนเป็นจีวรสีเทาของพระ
รูปร่างหน้าตาเขายังเหมือนเดิม 60-70% แต่เสน่ห์ของเขานั้นคนละโลก ใบหน้าของเขามีความเศร้าจางๆราวกับเขาผ่านความผันผวนทั้งหมดของชีวิตมาแล้ว
ข้างๆพวกเขา เวอชุโอโซดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูหรูหราขึ้นและหน้ากากก็เป้นสีทอง เขาถือไม้เท้าสีดำ ให้ความรู้สึกของนายน้อยร่ำรวย แต่ทว่า กลิ่นอายของเขาไม่เย็นชาและห่างเหินเหมือนเดิม มันกลับดูน่าเข้าหาและอบอุ่น
“เจ้า..ไม่กลัวว่าจะโดนจำได้งั้นเหรอ?”หลินฮวงอดถามได้ ตอนนี้เสียงเขาทุ้มและแหบขึ้นมาก
เหตุผลที่เขาถามเพราะอัจฉริยะชื่อดังในแดนเทพจะอยู่ในรายกราล่าของแต่ละเผ่า เวอชุโอโซคือยอดฝีมือที่ติดอันดับในหมู่เทพแท้จริงชั้นนำ เป็นเป้าหมายของหลายเผ่านอกแดนเทพ แน่นอน เขาอยู่ในรายชื่อล่าของหุบเหวด้วย
“ไม่ต้องห่วง ในเมืองภูตผี มีตัวตนทุกรูปแบบ มีคนไม่มากที่จะสังเกตเรา ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้มี พวกเขาก็จะเชื่อมโยงกับข้าไม่ได้”เวอชุโอโซสงบ เขาไม่กังวลเลย
ทันทีที่พวกเขาพูดจบ เวอชุโอโซก็หันไปมองจิ่วเจี้ยนด้านข้างเขา”เกิดอะไรขึ้น?เจ้าคิดว่าเจ้ามีผมมากไปหรือมีแขนน้อยไป?”
“ข้าอยากดูว่ามันรู้สึกยังไงตอนกวัดแกว่งกระบี่หลายเล่มในมือ แต่ข้าคิดว่าการเปลี่ยนเป็นมอนสเตอร์หุบเหวหลายแขนจะน่าเกลียดไป”จิ่วเจี้ยนอธิบาย”ข้าจึงคิดถึนพระพุทธเจ้าพันมือ”
“หัวล้านนี้ไม่น่าเกลียดเหรอ?!”เวอชุโอโซหยอกล้อ
“เจ้าเชื่อไหมว่าข้าจะใช้กระบี่ข้าชำแหละเจ้า?”จิ่วเจี้ยนจ้องเวอชุโอโซ
เมื่อเห็นว่าทั้งสองจะสู้กันเพราะความไม่เห็นพ้อง หลินฮวงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้าวไปคั่นระหว่างทั้งคู่
“เรามีเรื่องเร่งด่วนในมือ มาออกแบบตัวละครให้เสร็จและเข้าเมืองกันเถอะ!’
ตอนนี้เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนถึงสังเกตว่าไม่เพียงหลินฮวงจะปกคลุมด้วยชุดคลุมดำ แต่กลิ่นอายของเขายังลึกลับจนยากหยั่งถึง
เวอชุโอโซมองความมืดภายใต้ฮู้ดและตรวจสอบมันโดยใช้จิตเทวะ แต่พบว่ามันโดนป้องกัน”เจ้ากำลังสวมหน้ากากเหมือนกัน?”
แม้เขาจะไม่เห็นหน้ากาก เวอชุโอโซก็เดาได้
“ใช่”หลินฮวงตอบกลับ
เขาได้ผสานพันหน้าเข้ากับตัวละครนี้ เสริมความลึกลับของตัวละครเขา
“เจ้าออกแบบตัวละครและทักษะเจ้าเสร็จแล้ว?”เวอชุโอโซไม่ยึดติดกับการเปลี่ยนแปลงของหลินฮวงและถามเรื่องอื่นแทน
หลินฮวงพยักหน้า”จากนี้ไป ข้าชื่อเฮอร์มิท”
“งั้นข้าจะเป็นพันมือ”จิ่วเจี้ยนประกาศชื่อใหม่
“ขอข้าคิดก่อน”เวอชุโอโซกลับยังไม่ให้ชื่อทันที เขากลับคิดสักพักพลางลูบคาง”งั้นเรียกข้าว่าหน้ากาก”
“หรือเจ้าจะเรียกข้าว่าเสี่ยวเมี่ยนเมี่ยนก็ได้”เวอชุโอโซพูดกับจิ่วเจี้ยนและหลินฮวงด้วยรอยยิ้มหลังคิดชื่อได้(เมี่ยนจูแปลว่า’หน้ากาก)
หลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนหมุนตัวและเดินไป ไม่คิดสนใจเวอชุโอโซ
“เจ้าไม่ชอบงั้นเหรอ?ถ้าไม่ชอบ งั้นก็เรียกข้าเสี่ยวจูจูแทน”
“ไปกันเถอะ หมึกน้อย”หลินฮวงเมินชื่อน่าสะอิดสะเอียนทั้งสองและมอบชื่อเล่นให้แทน
“ข้าชอบนะ”จิ่วเจี้ยนยกนิ้วโป้งให้หลินฮวง
“ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าจะทรยศข้า เจ้าปีศาจหัวล้าน เรารู้จักกันมานานมาก แต่ตอนนี้เจ้ากลับไปสุมหัวกับเด็กนี่จนตั้งชื่อเล่นให้ข้างั้นเรอะ?!”
“มีสามสิ่งที่ข้าอยากแก้ไข”จิ่วเจี้ยนพูด”อย่างแรก ข้าโกนหัว ไม่ได้หัวล้าน การโกนหัวกับหัวล้านนั้นคนละเรื่อง สอง ร่างหลักข้ารู้จักร่างหลักเจ้ามาหลายปี แต่นี่เป็นแค่ครั้งสองที่เราทั้งคู่พบกัน เราไม่ได้สนิทกันมาก สาม มันไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนตั้งชื่อ ข้าแค่เห็นด้วย”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น