Monster Paradise 1546-1548

ตอนที่ 1546

 

เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงพลังกฏเทพกับพลังลำดับเทพจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้าตัว หลินฮวงก็รู้สึกพอใจมาก แต่ก็ยังงุนงงในเวลาเดียวกัน


 


จำนวนพลังกฏเทพที่เขาปล้นจากวิบัติเผ่าอายันเกินกว่าเทพสวรรค์ตนใดที่เขาเคยฆ่า มีพลังกฏเทพกว่าเจ็ดแสนประเภท ซึ่งมากกว่าที่เขาได้รับจากเทพสวรรค์ตัวอื่นนับสิบเท่า แถมยังมีห่วงโซ่ลำดับเทพกว่า 18 ประเภท


 


นี่ทำให้หลินฮวงคาดเดา’นี่คือลักษณะพิเศษของเผ่าอันยา หรือนิสัยของความโลภที่ปล้นพลังกฏเทพและลำดับเทพ?’


 


ขณะเขาครุ่นคิดถึงคำถามนี้ ถูทงกับหลานหลิงก็มองเขา สีหน้าพวกเขาตกใจอย่างที่สุด


 


พวกเขารู้ว่าหลินฮวงทรงพลัง แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้


 


แค่การฟาดดาบเพียงครั้งเดียว เขาฆ่ามอนสเตอร์ที่จิ่วเจี้ยนกับเวอชุโอโซทำได้แค่สูสีหลังร่วมมือกัน แม้การโจมตีจะเป็นการลอบโจมตีแทนจู่โจมซึ่งๆหน้า มันก็เพียงพอจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถของหลินฮซง


 


สายตาของจิ่วเจี้ยนยังเร่าร้อน เขารู้ว่าหลินฮวงเป็นผู้บ่มเพาะดาบ แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่เคยเห็นหลินฮวงใช้ดาบ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นและมันก็ทำให้เขาตกตะลึง


 


แม้กระทั่งจิ่วเจี้ยนเองก็ไม่มั่นใจเต็มที่ว่าจะฆ่าวิบัติเผ่าอายันได้


 


ยิ่งเป็นแบบนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าหลินฮวงเป็นคนที่คู่ควร


 


ในกลุ่ม เวอชุโอโซดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่ไม่แปลกใจ เขาแค่เหลือบมองหลินฮวงก่อนเบือนหน้าหนี


 


“ไปกันเถอะ จะมีพวกวิบัติเผ่าอายันมามากขึ้นถ้าเรายังอ้อยอิ่ง”หลังเขาสกัดพลังกฏเทพกับพลังลำดับเทพในตัววิบัติจนหมด หลินฮวงก็มุ่งหน้าไปเป้าหมายต่อไป


 


เขามีความกระตือรือร้นมากขึ้นในการตามล่าพวกความโลภหลังได้รับพลังกฏเทพกับพลังลำดับเทพมากมายจากวิบัติตัวนี้


 


เขาไม่ได้ปกปิดเทคนิคตรวจสอบเขาเลยและเริ่มนำ เส้นทางที่พวกเขาใช้ส่วนใหญ่ผ่านพื้นที่ที่มีความโลภระดับกลาง


 


เมื่อสังเกตเห็นว่าหลินฮวงเริ่มสู้ถี่ขึ้น พวกเวอชุโอโซก็คิดแค่ว่าเขาอยากจบการต่อสู้ให้เร็วขึ้น พวกเขาไม่รู้ว่าเขากำลังทดสอบจำนวนพลังกฏเทพและพลังลำดับเทพที่เขาได้รับจากความโลภต่างๆ


 


หลังทดสอบกว่าสิบรอบ เขาก็ยืนยันได้ว่ายิ่งความสามารถของความโลภทรงพลัง พลังกฏเทพกับพลังลำดับเทพก็ยิ่งปล้นได้มาก


 


โดยเฉพาะความโลภที่มีแก่นแท้พลัง ซึ่งเพิ่มจำนวนพลังกฏเทพภายในตัว


 


หลินฮวงยังสามารถปล้นพลังกฏเทพกว่าสองแสนประเภททจากความโลกเทพสวรรค์ขั้นสี่ได้


 


แต่ทว่า พวกเขาได้อยู่ในพื้นที่รวมตัวของความโลภหนึ่งวันเต็มและหลินฮวงก็ไม่รู้สึกดีที่จะพาทุกคนเตร็ดเตร่แถวนี้อีก หลังยืนยันการคาดเดา เขาก็ไม่รีรอ เขานำคนอื่นไปพื้นที่ต่อไป มันเป็นพื้นที่รวมของความตะกละ


 


มอนสเตอร์เหล่านี้เที่เรียกว่าความตะกละถูกปนเปื้อนด้วยพลังหุบเหวและความตะกละ


 


มอนสเตอร์เช่นนี้จะอยู่ในสภาพหิวโหยตลอดกาล พวกมันกระตือรือร้นที่จะกินทุกวินาทีของชีวิต


 


มีแค่อาหารถึงทำให้พวกมันมีความสุขได้


 


นอกจากนี้ สิ่งที่น่ากลัวเกี่ยวกับมอนสเตอร์เหล่านี้คือพวกมันไม่ต้องคิดหรือบ่มเพาะ พวกมันสามารถเติบโตได้ผ่านการกิน


 


พวกมันสามารถได้รับสารอาหารจากอาหารทุกอย่างที่พวกมันกิน


 


ในความเป็นจริง  ความตะกละไม่ใช่พวกเดียววในดินแดนความตะกละ ยังมีหยิ่งยโสอยู่ด้วย


 


แต่ทว่า หลินฮวงเลือกตรงไปจุดที่พวกความตะกละอยู่


 


เขาทำเช่นนี้เพราะเขาคิดว่าพวกตะกละบางตัวอาจครอบครองความสามารถปล้นพลังกฏเทพและห่วงโซ่ลำดับเทพจากศพเหยื่อ เหมือนกับความความโลภ


 


เขายังคาดเดาว่าพลังกฏเทพกับพลังลำดับเทพภายในความตะกละอาจมีมากกว่าวิบัติอื่นๆ


 


ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจยืนยันมัน


 


หลังเข้าอาณาเขตของความตะกละ ความตะกละตัวแรกที่พวกหลินฮวงเจอเป็นก้อนเนื้อยักษ์


ก้อนเนื้อมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสามเมตร มันลอยกลางอากาศ ปากขนาดต่างๆมีอยู่ทั่วตัวมันรวมถึงหนวดขนาดต่างๆ


 


หนวดแต่ละเส้นเป็นอวัยวะรับรู้พิเศษ และพวกมันก็สัมผัสได้ถึงการปรากฏของพวกหลินฮวงแล้ว


 


หนวดนับไม่ถ้วนยืดอย่างรวดเร็ว พุ่งไปทางหลินฮวงเหมือนแส้


 


มันละโมบจนอยากจับทั้งหมดในคราวเดียวและกลืนพวกเขาลงไปพร้อมกัน


 


แต่ทว่า สิ่งที่ทักทายมันคือประกายไฟฟ้าสีแดงที่เร็วกว่าหนวดมันนับร้อยเท่า


 


โดยไม่รอให้คนอื่นตอบสนอง หลินฮวงชิงโจมตีก่อน


 


เหตุผลของเขาในการริเริ่มง่ายมาก เขาแค่อยากยืนยันการคาดเดาของเขา


 


ความตะกละขั้นสี่ตัวนี้ค่อนข้างโชคร้าย มันยื่นหนวดมันมา แต่ก็โดนมีดบินพลังจิตของหลินฮวงเจาะจนพรุน


 


แค่การปะทะครั้งเดียว มันก็จบ


 


มันเกิดขึ้นไม่ถึงครึ่งวินาที


 


หลังสังเกตเห็นว่าหลินฮวงคว้าโอกาสโจมตี พวกเวอชุโอโซก็รู้สึกว่าเขาอยากออกจากดินแดนหุบเหววิบัติให้เร็วที่สุด


 


ในขณะเดียวกัน หลินฮวงก็รู้สึกได้ถึงพลังกฏเทพและพลังลำดับที่พุ่งเข้ามาในตัวของเขาอย่างรวดเร็วหลังเขาฆ่าความตะกละ


 


เช่นเดียวกับที่เขาคาดไว้ จำนวนพลังกฏเทพที่เขาได้รับจากความตะกละเหนือกว่าเทพสวรรค์ขั้นสี่ทั่วไปมาก


 


อย่างไรก็ตาม ความตะกละตัวเดียวไม่สามารถพิสูจน์ได้ ความตะกละตัวนี้อาจเป็นกรณีพิเศษ


 


เพื่อยืนยัน เขาต้องใช้ความตะกละมากขึ้นเป็นข้อมูลอ้างอิง


 


“ไปกันเถอะ ยืนนิ่งกันทำไม?”หลินฮวงไม่คิดเหลียวแลความตะกละ ซึ่งยังไม่เปลี่ยนเป็นอารมณ์ด้านลบเต็มที่ เขาดีดตัวเองทันที มุ่งหน้าไปยังตำแหน่งของเป้าหมายสอง


 


พวกเวอชุโอโซเหลือบมองความตะกละที่ตาย ตามหลินฮวงไปหลังมั่นใจว่ามันจะไม่คืนชีพ


 


ในการล่าสองสามครั้งต่อมา หลินฮวงยืนยันการคาดเดาของเขาได้


 


ในทางปฏิบัติแล้ว ความตะกละทั้งหมดมีพลังกฏเทพกับพลังลำดับเทพมากกว่ามอนสเตอร์ระดับพลังเดียวกัน แต่ทว่า ความตะกละส่วนใหญ่เหล่านี้อยู่ในสภาพสับสน


 


การกินเป็นสิ่งเดียวในหัวพวกมัน และการใช้พลังลำดับเทพก็เป็นไปตามสัญชาตญาณ ต่อให้พวกมันจะเก็บงำพลังที่เหนือกว่าวิบัติอื่นไว้ พวกมันก็ทำได้แค่แสดงเพียงเล็กน้อย


 


แต่ว่า นี่ทำให้ง่ายต่อหลินฮวง ประสิธิภาพการปล้นพลังกฏเทพของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า


 


พวกเวอชุโอโซยังเฝ้าดูเขาเข่นฆ่ามอนสเตอร์อย่างกระตือรือร้นเงียบๆ


 


พวกเขาตามติดเขาตลอดทางและมองเขาเฉิดฉาย


 


ในขณะเดียวกัน หลินฮวงเข่นฆ่าอย่างรวดเร็วทุกที่ที่เขาไป บางครั้งเขาไม่หยุดเดินด้วยซ้ำ แค่ใช้มีดบินพลังจิตกำจัดศัตรูจากระยะไกล


 


ในไม่ช้าพวกเวอชุโอโซก็ตระหนักว่าหลินฮวงกำลังตั้งใจฆ่าความตะกละ นี่เพราะจำนวนความตะกละที่พวกเขาพบวันนี้มากกว่าจำนวนวิบัติที่พวกเขาพบในพื้นที่อื่น


 


ภายในระยะสั้นๆของวัน หลินฮวงก็ได้ฆ่าความตะกละไปกว่าสองร้อยตัว


 


แต่ละตัวมอบพลังกฏเทพให้เขาอย่างต่ำแสนและมากสุดถึงแปดแสน


 


จำนวนพลังกฏเทพที่ความตะกละกว่าสองร้อยตัวมอบให้ช่วยให้เขาเลื่อนจากขั้นเจ็ดเป็นขั้นแปดได้สำเร็จ


 


ถ้ามันไม่ใช่เพราะพวกเวอชุโอโซคอยตามเขาอยู่ เขาคงจะล่าในพื้นที่นี้จนกระทั่งเลื่อนเป็นขั้นเก้า


 


แต่ทว่า เมื่อพิจารณาว่าเขามาพร้อมกลุ่ม เขาจึงทำได้แค่ละทิ้งความคิดนั้น หลังเสร็จสิ้นการล่าหนึ่งวันเต็ม จากนั้นเขาถึงออกอาณาเขตความตะกละด้วยความรู้สึกไม่พอใจ….

 

 

 


ตอนที่ 1547

 

“เรา…ออกดินแดนหุบเหววิบัติแล้ว?”


 


เวอชุโอโซถามเช่นนี้เพราะเขาสามารถสัมผัสได้ชัดว่าอารมณ์ด้านลบซึ่งปะปนอยู่รอบตัวพวกเขาตลอดเวลาได้หายไป


 


ในไม่ช้าคนอื่นก็สังเกตเห็นเช่นกัน


 


“ข้าคิดว่างั้น”หลินฮวงเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แม้เขาจะสัมผัสได้ว่าอารมณ์ด้านลบรอบตัวพวกเขาหายไป เขาก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปาก”เราจะไปไหนกัน?”


 


“เจ้าสัมผัสอะไรได้บ้าง?”เวอชุโอโซถาม


 


“มีกลุ่มยักษ์กินเนื้อทาง 10 นาฬิกา ประมาณ 600 กิโลเมตร”


 


“ทาง 11 นาฬิกา ประมาณ 1100 กิโลเมตรด้านหน้ามีป่าพิษย่อยสลาย”


 


“มีกลุ่มหมาไนกินศพทาง 12 นาฬิกา ประมาณ 500 กิโลเมตร”


 


“มีบึงหมอกพิษทาง 1 นาฬิกา ประมาณ 1300 กิโลเมตร แต่สถานการณ์แน่ชัดไม่อาจทราบ”


 


“ทาง 2 นาฬิกา ประมาณ 800 กิโลเมตรมีกลุ่มมอนสเตอร์วิญญาณความตายขนาดใหญ่”


“ถ้าเรามุ่งหน้าไปทาง 9 นาฬิกาและ 3 นาฬิกา เราจะกลับไปดินแดนหุบเหววิบัติ”


 


หลินฮวงหันไปมองเวอชุโอโซ สังเกตว่าพวกเขากำลังขมวดคิ้ว เขาจึงอถามไม่ได้”เจ้าไม่มีจุดหมายปลายทางในหัวสินะ?”


จากนั้นเวอชุโอโซถึงมองเขา”สถานที่ที่ข้าอยากไปเรียกว่าเมืองภูตผี วัตถุประสงค์ของข้าคือการปลดผนึกของผู้เฝ้าปราสาท ข้ารู้พิกัดแน่นอนของเมืองภูตผีหลายแห่ง ปัญหาคือข้าไม่แน่ใจว่าตอนนี้เราอยู่ไหน นั่นเพราะมีดินแดนวิบัติกว่าร้อยจนถึงพันในหุบเหว และยังมีวงกตแมลงปีศาจมากกว่านั้น แม้จะมีเมืองภูตผีมากมาย มันก็ไม่ง่ายที่จะพบเจอสักเมือง”


 


“งั้นเราควรไปทางไหน?”หลินฮวงถาม


 


เวอชุโอโซลังเลก่อนตัดสินใจ”บึงพิษ”


 


หลินฮวงอดขมวดคิ้วไม่ได้เมื่อได้ยินคำตอบของเขา


 


“เจ้าอาจอยากคิดให้ดีกว่านี้ นั่นอาจเป็นสถานที่ที่อันตรายสุดในบรรดาตัวเลือก เทคนิคตรวจจับของข้าจะโดนขวางในหมอกเช่นกัน และเราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น”


 


“แค่ไป เราสามารถเห็นรายละเอียดที่เหลือได้ด้วยการมองกับตาอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ทางเข้าของเมืองภูตผีมักอยู่ในที่ที่พบได้ยาก”เวอชุโอโซนั้นไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้แล้ว”ถ้ามีเมืองภูตผีแถวนี้จริง ทางเข้าน่าจะอยู่ในบึง มาลองเดิมพันกัน!”


 


“พวกเจ้าทุกคนคิดว่าไง?”หลินฮวงเหลือบมองคนอื่น


 


“เนื่องจากเมืองภูตผีคือจุดหมายเรา ไม่ว่ายังไง เราก็ยังต้องหาทางเข้าให้ได้ ตำแหน่งทางเข้าอื่นอาจไม่ปลอดภัยพอๆกับบึงอยู่แล้ว”สิ่งที่หลานหลิงพูดเป็นสิ่งที่หลินฮวงไม่คาดคิด


 


สำหรับเขา นางเป็นเด็กสาวขี้อาย


 


“ข้าคิดว่าหลานหลิงพูดถูก”ถูทงเห็นด้วยทันที


 


“ไปกันเถอะ”จิ่วเจี้ยนตรงไปตรงมากว่า


 


เนื่องจากเขาเห็นว่าทุกคนตกลงกันได้แล้ว หลินฮวงจึงไม่ค้านอีก


 


เขาไม่กังวลเลยว่าเขาอาจตาย เหนือสิ่งอื่นใด เขามีความสามารถจากสวรรค์แห่งมอนสเตอร์ ตราบเท่าที่เขาไม่โดนจ้าวเทวะฆ่า เขาจะคืนชีพมาพร้อมพลังเต็มที่


 


เขาตั้งใจหยิบยกประเด็นนี้ตั้งแต่แรกเนื่องจากเขากังวลว่าถูทงกับหลานหลิงอาจไม่มีความสามารถพอ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทั้งสองเห็นด้วย เขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้อีก


 


หลังกำหนดทิศทางได้ พวกเขาก็ตรงไปบึงหมอก


 


“เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรา ในความเป็นจริง มีบึงหมอกเช่นนี้มากมายในหุบเหว มันไม่ควรเป็นปัญหาตราบเท่าที่เราระวัง”หลานหลิงพูดกับหลินฮวงผ่านคลื่นเสียงขณะที่เดินทาง”นอกจากนี้ คาถาตรวจจับข้ายังได้ผลดีในพื้นที่หมอกแบบนั้น”


 


หลินฮวงพยักหน้าเล็กน้อยแต่ไม่ตอบ


 


ทั้งหมดรีบเดินทางและในไม่ช้าก็ถึงบึงหมอกที่หลินฮวงพูดถึงก่อนหน้านี้


 


หมอกขาวปกคลุมพื้นที่สุดลูกหูลูกตา หนาเท่าเมฆ


 


พวกเขาไม่สามารถเห็นอะไรได้เลย


 


ถ้ามีใครเดินเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ทว่า พวกเขาอาจตกลงในบึงทันทีและโดนพิษกัดกร่อนจนตาย


 


พวกหลินฮวงจึงหยุดตรงหน้าหมอก


 


เวอชุโอโซกับคนอื่นมองหลานหลิง


 


นางเองก็ตระหนักว่ามันถึงเวลาที่นางต้องแสดงความสามารถ


 


นางถกแขนเสื้อสองข้างขึ้น ประสานมือเป็นชุดกันอย่างรวดเร็ว


 


วินาทีต่อมา อักขระคล้ายงูตัวเล็กก็ปรากฏบนแขนนางทันที เลื้อยคลานอย่างรวดเร็วเหมือนพวกมันมีชีวิต


 


นางกดฝ่ามือสองข้างลงบนพื้นและอักขระก็เริ่มมุดลงดิน


 


หลังจากนั้น นางก็นั่งสมาธิและหลับตา


 


หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดหลานหลิงก็ลืมตาขึ้นช้าๆ แต่ทว่า นางอดขมวดคิ้วไม่ได้”เทคนิคตรวจสอบของข้าพบว่ามีการขวางในพื้นที่หมอกนี้”


“เจ้าตรวจสอบได้ไกลแค่ไหน?”เวอชุโอโซถามทันที


 


“ระยะทางนั้นสั้นกว่าวงกตแมลงปีศาจ มากสุด 10 กิโลเมตร”หลานหลิงพูด”หมอกนี้ดูเหมือนจะมีความสามารถดูดซับคาถาและหักเหพวกมัน ยิ่งข้าตรวจสอบ คาถาของข้ายิ่งเสื่อมเร็ว”


 


“ถ้าข้าเดาไม่ผิด คาถาเจ้าไม่ใช่สิ่งเดียว”หลินฮวงปล่อยจิตเทวะออกมาขระพูด ตามคาด มันประสบกับการขวางกั้นอย่างรุนแรง


 


เขาสามารถสัมผัสได้ชัดว่าหมอกกำลังดูดซับพลังจิตเทวะเขา เมื่อจิตเทวะเขาโดนหมอกกลืน มันจะหายเข้าไปอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งการตอบรับข้อมูลก็ยังได้รับผลกระทบด้วย


 


“ข้าไม่สามารถใช้จิตเทวะได้เช่นกัน”หลินฮวงรายงานผลการทดลองของเขา จิตเทวะของเขาสามารถขยายได้เพียงประมาณพันเมตรในหมอกนี้


 


เวอชุโอโซกับคนอื่นพยายามใช้จิตเทวะพวกเขาเช่นกันหลังได้ยินสิ่งที่หลินฮวงพูดและได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว


 


“เราทำได้แค่พึ่งพาเจ้าแล้ว”ถูทงยิ้มให้หลานหลิง


 


“นำทางเลย เสี่ยวหลานหลาน”เวอชุโอโซหันไปมองหลานหลิงเช่นกัน


 


นางพยักหน้าทันที”เข้าไปในบึงจากทาง 12 นาฬิกา และตรงไปเรื่อยๆ”


 


“แต่ระวังตัวด้วย บึงเต็มไปด้วยคางคกและกบลูกศรพิษจำนวนมาก ถ้าเราโดนโจมตี มันคงไม่คุกคามชีวิต แต่ถ้าเราเกิดตกลงไปในบึง มีโอกาสสูงที่เราจะแปดเปื้อนด้วยพลังงานหุบเหวหนาแน่นและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตหุบเหว”


 


“อย่าทำให้มันฟังดูน่ากลัวนักสิ?”ถูทงฝืนยิ้ม”สถานที่นี้อันตรายมากพอแล้ว พอเจ้าพูดแบบนี้ ข้ายิ่งไม่อยากเข้าไป”


 


“แล้วสภาพหุ่นเจ้านั่นมันอะไร!”หลานหลิงเม้มปาก”เจ้าดูดี แต่ไร้ประโยชน์”


 


“ข้าจะนำทางเอง”หลินฮวงอาสา


 


เขาไม่ทำเช่นนี้เพื่ออวดแต่เขาครอบครองกระจก เทคนิคป้องกันที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ


 


ถ้าเขานำ นี่จะช่วยลดการสูญเสียของสมาชิก


 


“เราสองจะอยู่แนวหลัง”จิ่วเจี้ยนพยักหน้า


 


โดยปกติ เขาหมายถึงเขากับเวอชุโอโซตอนพูดว่าเราสอง


 


เมื่อทั้งสามรับตำแหน่ง อีกสองจึงย่อมต้องยืนตรงกลาง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ปลอดภัยสุด

 

 

 


ตอนที่ 1548

 

หลินฮวงก้าวเข้าไปในพื้นที่หมอกกัน ร่างของเขาลอยขึ้นในอากาศเล็กน้อยประมาณหนึ่งเมตรเหนือบึงน้ำข้างใต้


 


เขาเลือกความสูงระดับนี้เพราะหมอกหนาแน่นเกินไป ยิ่งสูง เขาจึงยิ่งไม่สามารถเห็นพื้นผิวของบึงได้


 


ในพื้นที่หมอกนี้ จิตเทวะของทุกคนโดนจำกัดหนัก ข้อมูลที่พวกเขาสัมผัสได้อาจไม่สมบูรณ์ สำหรับตอนนี้ พวกเขาทำได้แค่พึ่งพาสายตา


 


ถึงแม้จิตเทวะของหลินฮวงจะทรงพลัง ระยะสัมผัสของเขาก็จำกัดแค่ประมาณพันเมตรเท่านั้น ยิ่งไกล เภาพจะยิ่งเลือนราง ภาพบางภาพยังบิดเบือน เขาจึงไม่มีทางระบุได้ว่าพวกเขาอยู่ไหน


 


นี่ทำให้หลินฮวงหงุดหงิดเพราะการจำกัดจิตเทวะเช่นนี้ไม่เพียงส่งผลต่อการควบคุมมีดบินพลังจิต แต่ยังทำให้พลังของเขาลดลง


 


“ระวังตัวด้วย”เวอชุโอโซขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดกับทุกคนผ่านคลื่นเสียง”พื้นที่หมอกทุกแห่งมีผลต่างกัน ตอนนี้ ไม่มีใครรู้ว่าหมอกนี้ทำอะไรได้นอกจากส่งผลต่อเทคนิคตรวจจับเรา เช่นจิตเทวะ เนื่องจากเราไม่แน่ใจว่าหมอกนี้มีภัยคุกคามอะไรอีก ก็จงรักษาการป้องกันไว้ตลอดเวลา”


 


ก่อนพวกหลินฮวงจะเข้าพื้นที่หมอก พวกเขาได้เปิดใช้งาเกราะภายในตัวแล้ว ชั้นป้องกันที่สร้างโดยเกราะนี้จะห่อหุ้มร่างกายภายนอกเขาเอง


 


เวอชุโอโซเตือนพวกเขาอีกครั้งเพื่อป้องกันพวกเขาจากการเผลอเรอ


 


ทั้งหมดพยักหน้า


 


หลินฮวงผู้อยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่มพลันลดความเร็วการบิน มองผ่านหมอกหนาในทิศทางหนึ่ง


 


ในความเป็นจริง สายตาเขาไม่สามารถเห็นผ่านหมอกหนาได้ แต่จิตเทวะของเขาสามารถสัมผัสได้ว่าพื้นที่ด้านหน้าเป็นจุดรวมตัวของกบลูกศรพิษ


 


กบลูกศรพิษเป็นมอนเสตอร์ประเภทที่เกิดมาเป็นเทพสวรรค์ แต่ทว่า ไม่เหมือนมอนสเตอร์เทพสวรรค์ส่วนใหญ่ พวกมันชินกับการอยู่เป็นกลุ่ม


 


เสียงร้องของพวกมันสามารถส่งไปได้ไกล ดึงดูดมอนสเตอร์ชนิดเดียวกันให้มารวม


 


เห็นได้ชัดว่ากบลูกศรพิษที่ปนเปื้อนด้วยพลังงานหุบเหวยังคงนิสัยเก่า พวกมันยังชอบอยู่เป็นกลุ่ม


 


“สถานการณ์ด้านหน้าเป็นยังไง?”ถูทงรีบถาม เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นว่าหลินฮวงชะลอความเร็ว


 


“มีกบลูกศรพิษด้านหน้า อย่างน้อย50ตัว”หลินฮวงพูดอย่างสงบ


 


“เราสามารถอ้อมได้ไหม?”ถูทงอยากรู้


 


แต่ทว่า มันไม่ใช่หลินฮวงที่ตอบคำถามนี้ มันกลับเป็นหลานหลิง”เราไม่สามารถอ้อมได้ ไม่เพียงกบลูกศรพิษจะอยู่ด้านหน้า แต่ยังมีคางคกลุ่มหลงและงูพันขา ทั้งบึงดูเหมือนจะแบ่งแยกเป็นดินแดนต่างๆโดยมอนสเตอร์ต่างๆ ไม่มีพื้นที่ใดปลอดภัย”


 


ถูทงพูดไม่ออกหลังได้ยิน


 


“เราไม่ต้องอ้อม แค่ตรงไปข้างหน้า”เวอชุโอโซเสนอ”ถ้าทุกคนสามารถระวังตัวขึ้นมากกว่านี้ นั่นคงดี”


 


หลังจากนั้นหลินฮวงก็นำทุกคนบินไปข้างหน้า


 


แต่ทว่า ก่อนพวกเขาจะได้บินไปไกลกว่านั้น คลื่นแสงคล้ายลูกศรดำก็พุ่งใส่พวกเขาเหมือนสายฟ้า


 


มันคือเทคนิคอันเป็นเอกลักษณ์ของกบลูกศรพิษ ทักษะศรพิษ


 


พูดง่ายๆ พวกมันอัดพิษในตัวเป็นศรเล็ก จากนั้นก็ฝังพลังเทวะ พลังกฏเทพและพลังลำดับเป็นลูกศรเหล่านี้ ยิงออกจากปาก


 


การโจมตีเช่นนี้ไม่เพียงมีพิษที่สามารถฆ่ายอดฝีมือระดับพลังเดียวกันได้ง่ายๆ แต่มันยังเร็วมาก มันแทบเทียบได้กับผู้บ่มเพาะธนูระดับพลังเดียวกัน สิ่งน่ากลัวสุดคือกบลูกศรพิษสามารถใช้เทคนิคมันได้เรื่อยๆจนกระทั่งพวกมันหมดพิษในตัว


 


ในขณะเดียวกัน กบลูกศรพิษปนเปื้อนด้วยพลังงานหุบเหวที่น่ากลัวยิ่งกว่าลูกศรพิษ เนื่องจากพวกมันมีชั้นพลังงานหุบเหวภายในตัว ความสามารถกัดกร่อนพวกมันถูกยกระดับขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย


เมื่อเห็นศรพิษบินเข้าหาพวกเขา พวกเวอชุโอโซก็เตรียมการโต้ตอบ แต่พวกเขาสังเกตเห็นว่าหลินฮวงไม่ได้ชักดาบเลย


 


เพียงเมื่อพวกเขาคิดว่าเขากำลังเตรียมสู้ด้วยมีดบินพลังจิต พวกเขาก็เห็นหลินฮวงยื่นนิ้วไปในอากาศ


 


แค่ดีดนิ้วเบาๆ ระลอกดำก็ปรากฏในอากาศ ระลอกค่อยๆกระจายกลายเป็นกระจกโค้งขนาดใหญ่ บังพวกเขาทั้งห้าไว้ด้านหลัง


 


เวอชุโอโซกับคนอื่นสามารถเห็นศรพิษโจมีตพวกเขาขณะมองผ่านกระจกโค้งได้ ไม่มีใครคิดว่าเทคนิคป้องกันของหลินฮวงจะดี นี่เพราะเทคนิคเช่นนี้ต้องผลาญพลังเทวะจำนวนมากเมื่อมันโดนล้อม ไม่ว่าหลินฮวงจะทรงพลังแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีพลังเททวะมากกว่ากบศรพิษ


 


ดังนั้น ในทางทฤษฏี พลังเทวะของหลินฮวงคงจะหมดลงในไม่ช้าและโล่คล้ายกระจกก็คงสลายหายไป


 


‘เขาวางแผนจะบุกไปข้างหน้าพร้อมโล่?’พวกเวอชุโอโซไม่หยุดพฤติกรรมฆ่าตัวตายของหลินฮวงเพราะพวกเขาล้วนมีความเข้าใจผิดเหมือนกัน


 


แต่ทว่า ไม่ช้า พวกเขาก็เห็นบางสิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจ


 


เมื่อศรพิษกระทบกระจก พวกมันดีดสะท้อนกลับไปททันทีโดยไม่หยุดชะงัก ไม่ว่าพวกมันจะยิงมาจากทางไหน พวกมันจะถูกส่งกลับไป


 


ทั้งกลุ่มยังสามารถได้ยินเสียงร้องของพวกกบ


 


พวกเวอชุโอโซพูดไม่ออก


 


ภายใต้สถานการณ์ปกติ ยิ่งมีกบศรพิษโจมตีมาก การโจมตีพวกมันยิ่งทรงพลัง


 


แต่ทว่า ครั้งนี้ การโจมตีของกบศรพิษเริ่มอ่อนแอไม่นานหลังเริ่ม


 


ไม่เพียงความถี่ของการโจมตีจะลดลงด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่พลังพวกมันยังหมดลงอย่างรวดเร็ว


 


แม้กระทั่งเสียงร้องของพวกกบก็เริ่มลด กลายเป็นอ่อนแรง


 


สองนาทีต่อมา ทั้งบึงก็ตกอยู่ในความเงียบหลังเสียงร้องสุดท้ายจากพวกกบดัง


 


ถูทงกับหลานหลิงมองหลินฮวง ปากทั้งคู่อ้าค้าง ขณะที่อีกด้าน สีหน้าของจิ่วเจี้ยนเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย สีหน้าของเวอชุโอโซไม่สามารถเห็นได้เพราะหน้าเขาอยู่ใต้หน้ากากา แต่ทว่า คนอื่นก็พอเดาได้ว่าเวอชุโอโซคงตกใจเช่นกัน


 


ตั้งแต่ต้นจนจบ หลินฮวงถือโล่แปลกๆคล้ายกระจก เขาไม่ทำอะไรเลย และฝูงกบก็โดนกำจัดหมดภายในเวลาไม่ถึงสามนาทีท


 


วิชานี้น่ากลัวมาก!


 


ถ้าพวกเขาไม่เห็นกับตาตัวเอง บางทีพวกถูทงคงไม่เชื่อว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขาจริงๆ


 


เมื่อสังเกตเห็นว่ากบศรพิษเงียบไปแล้ว หลินฮวงจึงปล่อยจิตเทวะออกมาตรวจสอบรอบหนึ่ง เขาเรียกกระจกเก็บหลังมั่นใจว่าพวกกบตายหมดแล้ว เก็บศพด้วยด้ายพลังจิตทีละศพ วางพวกมันในมิติเก็บของต่อหน้าคนอื่น


 


ในทที่สุดคนอื่นก็พบจำนวนที่แน่นอนของกบศรพิษ พวกมันมี 58ตัว


 


“ไปกันเถอะ”หลินฮวงเหลือบมองคนอื่นด้านหลังหลังเก็บศพไปแล้วรีบตรงไปข้างหน้า


 


เวอชุโอโซกับคนอื่นตามเขาไปทันที


 


“ทักษะนั่นที่เจ้าใช้…มันสามารถป้องกันการโจมตีที่ทรงพลังสุดได้ในระดับไหน?”จิ่วเจี้ยนลังเลสักพักแต่ในที่สุดก็ถามออกมา


 


.”สิบเท่าของการโจมตีที่แข็งแกร่งสุดของข้า”หลินฮวงไม่ปกปิดความจริงนี้ มันไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอยู่แล้ว ในความเป็นจริง ไม่มีใครรู้ว่าเขาโจมตีได้รุนแรงสุดแค่ไหน


 


แม้กระทั่งเวอชุโอโซก็ยังเลิกคิ้วภายใต้หน้ากากหลังได้ยิน


 


“แล้วการสะท้อนละ?มันสะท้อนการโจมตีได้มากแค่ไหน?”จิ่วเจี้ยนถามอีกครั้ง


 


“เท่ากัน”คำตอบของหลินฮวงนั้นกระชับ


 


แต่ทว่า พวกถูทงกลับสูดหายใจเข้าอย่างแรงตอนได้ยิน…

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)