Monster Paradise 1532-1533
ตอนที่ 1532
อย่างรวดเร็ว เวลาหลายวันผ่านไปอีกครั้ง
ไม่ช้าก็ถึงวันที่หลินฮวงกับเวอชุโอโซนัดหมายกัน
ตอน 8 โมง 50 นาที หลินฮวงได้ไปถึงตำแหน่งที่ตกลงกันไว้หลังอาหารเช้า นั่งร้านกาแฟริมหาด ที่อยู่ค่อนข้างไกลจากเมืองหมายเลข3
มันเป็นกลางเดือนมิถุนายน พื้นที่แถวนี้ที่ร้านกาแฟตั้งได้เริ่มต้นช่วงฤดูร้อนแล้ว
มีชายหญิงแต่งชุดว่ายน้ำอยู่ทั่วชายหาด หลินฮวงผู้อยู่ในชุดคลุมดำจึงดูโดดเด่นมาก เขาถูกคนเหลือบมองอยู่ตลอดเวลา
หลินฮวงเมินสายตาเหล่านั้น เขาพบที่นั่งและจับจอง จากนั้นก็สั่งกาแฟแก้ว รอให้เวอชุโอโวมา
ไม่ช้า กาแฟของเขาก็มาถึงในมือของพนักงานเสิร์ฟในชุดเมด
หลินฮวงยกถ้วยขึ้นและจิบ เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ก่อนวางถ้วยลง
เขาคิดว่าคงมีแค่คำพูดเดียวที่สามารถอธิบายกาแฟถ้วยนี้ได้ดีสุดคือ-มันกินไม่ได้เลย
มันไม่ได้พูดเกินจริงที่จะบอกว่านี่เป็นกาแฟที่แย่สุดที่เขาเคยลิ้มรสตั้งแต่มาโลกนี้
เขายังเกิดสงสัยว่าร้านนี้รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไง
‘อย่าบอกนะว่าสาวสวยในชุดเมดคือจุดขาย!?’
ตอน 9 โมงตรง ไม่มีใครสักคนในกลุ่มที่เวอชุโอโซพูดมาถึง
“เขาเทข้างั้นเหรอ?”หลินฮวงเลิกคิ้ว แต่ทว่า หลังพิจารณาสักพัก เขาก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรให้เสียหายเนื่องจากเขาได้รับชิ้นส่วนผนึกดาบมาแล้ว
หลังคิดสักพัก เขาก็คิดว่าเขาควรส่งข้อความหาอีกฝ่าย
“เจ้าอยู่ไหน?เรานัดเจอกัน 9 โมง ทุกคนอยู่ไหน?!”
“เรากำลังไป”เวอชุโอโซตอบทันที
หลินฮวงทำได้แค่รออย่างอดทน เหนือสิ่งอื่นใด เขาได้รับของมาแล้ว ไม่จำเป็นที่เขาต้องโกรธแค่เพราะอีกฝ่ายมาช้าไม่กี่นาที
สิ่งที่เขาคิดว่ามันแปลกคือไม่เพียงเวอชุโอโซจะมาสาย แต่คนอื่นก็ยังมาไม่ถึงเช่นกัน
หลังเขาปิดหน้าสื่อสาร หลินฮวงก็สัมผัสได้ถึงคลื่นมิติไม่ไกล
วังวนสีดำเปิด และคนสองคนก็เดินออกมา
หนึ่งในนั้นเป็นชายหัวล้านกล้ามโตที่สูงกว่าสองเมตร เขามีใบหน้าหยาบกระด้างและสวมชุดเกราะทอง
ในขณะเดียวกัน อีกคนเป็นหญิงสาวตัวเล็กในชุดคลุมฟ้า ที่ความสูงยังไม่ถึง 1.4 เมตรด้วยซ้ำ นางดูเหมือนเด็กน้อย
หลินฮวงมีความคิดคร่าวๆถึงตัวตนของทั้งคู่
ผู้มาใหม่ทั้งสองสังเกตเห็นว่าหลินฮวงนั่งอยู่นอกร้านทันทีที่เข้ามา พวกเขาเดินตรงมาหาเขา
“ข้าเดาว่าเจ้าคงเป็นซิวมู่สินะ?ข้าถูทง”ชายกำยำในชุดเกราะทองยื่นมือออกมาทันที
หลินฮวงยื่นมือไปเช่นกัน จับมือกับถูทง
หญิงสาวในชุดฟ้าดูเหมือนจะขี้อายเล็กน้อย นางจ้องหลินฮวงเหมือนลูกแมว
“นี่คือหลานหลิง”เมื่อสังเกตเห็นเช่นนั้น ชายในชุดเกราะทองจึงรีบแนะนำพวกของเขา
“สวัสดี”หลินฮวงทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นผู้บ่มเพาะดาบ?”ถูทงดูเหมือนจะค่อนข้างสนใจ
“ใช่แล้ว”หลินฮวงพยักหน้ายอมรับ
แม้สถานะของซิวมู่ในเคียวแห่งความตายจะเป็นแค่ผู้ใช้พลังจิต เวอชุโอโซก็มองเขาออกโดยสิ้นเชิง ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่ต้องปิดบังสถานะผู้บ่มเพาะดาบจากทั้งคู่
“ข้าเป็นผู้บ่มเพาะสายต่อสู้ มาสู้กันตอนเรามีโอกาส การประลองของผู้บ่มเพาะดาบและกระบี่คืออะไรที่ข้าชอบสุด!”ถูทงดูกระตือรือร้น
ถ้าไม่ใช่ว่าเวลาและสถานที่ไม่เหมาะ เขาอาจท้าหลินฮวงสู้ซะตอนนี้ไปแล้ว
ตรงข้ามกับถูทง หลานหลิงผู้ยืนอยู่ด้านข้างเงียบตลอด
นางฟังการพูดคุยของพวกเขา แต่ไม่แสดงท่าทีอยากเข้าร่วมด้วยเลย
ขณะที่หลินฮวงกับถูทงคุยกัน คลื่นมิติอีกระลอกก็ปรากฏ
ทั้งสามหันไปมองทางนั้นแทบจะพร้อมกัน
บุคคลในชุดเขียวเดินออกมาจากวังวนสีดำ
หลินฮวงไม่ต้องคิดก็พอบอกได้ว่านี่ควรเป็นสมาชิกคนที่สาม
นี่เพราะเขาสัมผัสได้ถึงเจตจำนงกระบี่แข็งกร้าวภายในตัวอีกฝ่าย อย่างน้อยมันก็ทรงพลังพอๆกับเจตจำนงดาบของเขา บางทีอาจทรงพลังกว่าด้วยซ้ำ
“ผู้บ่มเพาะดาบ?”ชายในชุดเขียวลืมตา มองหลินฮวงทันทีที่ก้าวออกมา
วินาทีต่อมา เขาก็ก้าวเดินและปรากฏตรงหน้าทั้งสาม
“ผู้อาวุโสกระบี่”ถูทงกับหลานหลิงยืนขึ้นแทบพร้อมกัน
“เรียกข้าว่าจิ่วเจี้ยน(กระบี่9)ดีกว่า”จากนั้นชายในชุดเขียวก็ละสายตาจากหลินฮวงมามองทั้งคู่
เห็นได้ชัดว่าทั้งสามรู้จักกัน
เมื่อสังเกตเห็นแบบนี้ หลินฮวงก็ยืนขึ้นทันที ริเริ่มแนะนำตัวเอง”ข้าน้อยคือซิวมู่”
“ข้ารู้จักเจ้า เวอชุโอโซได้พูดถึงเจ้าไว้มาก”จิ่วเจี้ยนพยักหน้าเล็กน้อย
เขาเหมือนคนวัย 30 ต้นๆ แต่ก็ยังหน้าตาเด็ก ถ้าเขาบอกว่าเขาอายุ 27หรือ 28 ผู้คนก็คงเชื่อ แต่ทว่า กลิ่นอายของเขากลับเย่อหยิ่งและสูงส่งอย่างมาก
“เขายังมาไม่ถึงอีก?”จิ่วเจี้ยนมองและถามถูทงกับหลานหลิง
“เกรงว่าจะเป็นเยี่ยงนั้น..”ถูทงตอบทันที แต่ก็ลอบสงสัย’ทำไมถึงถามข้าในเมื่อข้าไม่ใช่คนแรกที่มาถึง?’
“ข้าได้ส่งข้อความเร่งเขาแล้ว”หลินฮวงพูดขึ้น”ทำไมพวกเจ้าไม่สั่งเครื่องดื่มก่อนละ?ขอแค่ไม่ใช่กาแฟก็พอ รสชาติกาแฟของที่นี่เหมือนขยะไม่มีผิด”
ทั้งสามสั่งเครื่องดื่มกัน จากนั้นทั้งสี่ก็นั่งด้วยกันและรอเวอชุโอโซอย่างอดทน
เมื่อเครื่องดื่มมาถึง ทั้งสามก็ลองจิบ จากนั้นก็วางลงทันที
“คงแย่เหมือนกันสินะ?”หลินฮวงอดถามไม่ได้
“อย่างที่เจ้าบอก รสชาติมันเหมือนขยะ”จิ่วเจี้ยนแสดงความคิดเห็น
ด้านข้างเขา ถูทงกับหลานหลิงพยักหน้าถี่ยิบ
ไม่มีใครสั่งกาแฟ พวกเขาสั่งเครื่องดื่มกันคนละชนิด
ความจริงที่ร้านสามารถทำเครื่องดื่มสี่ชนิดให้แย่พอๆกันได้ทำให้หลินฮวงรู้สึกถึงความชื่นชมแปลกๆ
ตอนนี้เขายิ่งสงสัยว่า’ร้านนี้อยู่รอดมาได้ยังไงกัน?!’
ทั้งสี่รอจนถึง 9 โมง 15 แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของเวอชุโอโซ
หลินฮวงไม่ว่าอะไร แต่จิ่วเจี้ยนดึงหน้าแล้ว ถูทงกับหลานหลิงยังจ้องมองเขาไม่ละสายตา พวกเขาดูกังวลมาก
“เดี๋ยวข้าจะเร่งเขาให้อีกครั้ง”เมื่อเห็นแบบนี้ หลินฮวงก็โทรหาเวอชุโอโซอีกครั้ง และเขาก็รับสายแทบจะทันที
“เจ้าช่วยรีบหน่อยได้ไหม?เราสี่คนมาถึงนานแล้ว ทุกคนกำลังรอเจ้าอยู่”
“เดี๋ยวนี้แหละ!เดี๋ยวนี้แหละ!”เวอชุโอโซวางสายทันทีหลังพูดแบบนั้น
เวอชุโอโซบอกว่าจะมาทันที แต่ทั้งสี่ก็ยังต้องรออีกกว่าสิบนาที
ตอน 9 โมงครึ่ง ในที่สุดเวอชุโอโซก็มาถึง
“ขอโทษด้วยทุกคน ข้ามาสาย”แม้จะพูดแบบนั้น แต่สีหน้าของอีกฝ่ายก็ไม่ได้รู้สึกผิดเลย
“ในบรรดานิสัยดีๆทั้งหมดที่เจ้าสามารถเรียน เจ้ากลับเลือกนิสัยแย่ๆของร้างต้นเจ้าอย่างการมาสาย”จิ่วเจี้ยนพูดด้วยความโกรธ
“อาจิ่ว อย่าโกรธสิ”หลินฮวงขนลุกตอนได้ยินเวอชุโอโซเรียกจิ่วเจี้ยน
แต่ทว่า เรื่องแปลกคือจิ่วเจี้ยนแค่ประท้วงด้วยสายตาแทนที่จะใช้คำพูด
“อา ถูถูกกับหลานหลาน ไม่เจอกันนานเลยนะ!”เวอชุโอโซทักทายถูทงกับหลานหลิงอย่างร่าเริง
ทั้งคู่ดูทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้แก้ไขมัน
ตอนนี้เอง เวอชุโอโซหันมามองหลินฮวง
ก่อนจะได้พูด หลินฮวงก็พูดขึ้นก่อน”เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น อย่าบังอาจเรียกข้าด้วยชื่อแบบนั้น”
จากนั้นเวอชุโอโซก็ปิดปากด้วยใบหน้าบึ้งตึง
ตอนที่ 1533
เมื่อทั้งห้าก้าวออกวังวนมิติ ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงที่กว้าง
หลินฮวงเห็นหลุมดำขนาดใหญ่ด้านหน้าพวกเขา เหมือนลูกตาขนาดใหญ่ที่ลอยในอากาศ เขาอดรู้สึกทึ่งและชื่นชมไม่ได้
มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหุบเหวของจริง
เขาเคยเห็นรูปและวิดิโอมาก่อนและสามารถนึกภาพได้ แต่ทว่า ตอนนี้ที่เขาเห็นมันเอง เขาก็ยังอดทึ่งไม่ได้
สิ่งที่แปลกคือเขามีภาพคลุมเครือที่เหมือนเขากำลังจ้องสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่โต
“พวกเจ้ารู้สึกไหมว่าทางเข้าดูเหมือนลูกตาที่กำลังจ้องมองเรา?”หลินฮวงอดถามไม่ได้
เขานึกถึงบางสิ่งที่เขามักได้ยิน ถ้าจ้องเข้าหุบเหวนาน หุบเหวจะจ้องเจ้า
“ทุกคนต่างรู้สึกเช่นนี้ตอนเห็นหุบเหวเป็นครั้งแรก มันแค่ภาพลวงตา”จิ่วเจี้ยนอธิบาย”เจ้าจะไม่รู้สึกแบบนี้อีกตอนมาครั้งหน้า”
“ทำไมภาพลวงตาเช่นนี้จึงเกิด?”หลินฮวงไม่เข้าใจ
“ข้าไม่รู้ มันเป็นเหมือนกันทุกคน”ก่อนจิ่วเจี้ยนจะได้พูด เวอชุโอโซก็ตอบคำถามโดยตรง”ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับเรื่องนี้นัก”
ตอนนี้ หลานหลิงยกแขนบอบบางขึ้น”ขะ-ข้ารู้…”
หลินฮวงกับคนอื่นมองนาง
จากนั้นหลานหลิงถึงพึมพำเสียงเบา”ขะ-ข้าเคยเห็นงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง”
“พูดง่ายๆ ในความเป็นจ ริง หุบเหวมาพร้อมการยับยั้งทางจิตที่รุนแรงมาก ซึ่งทำให้เกิดความกลัวในจิตใต้สำนึกเรา ดังนั้น จิตใต้สำนึกเราจึงมองมันเป็นภัยคุกคาม ส่งผลให้เราเห็นภาพลวงตาครั้งแรกที่เห็นหุบเหว”
“สำหรับว่าทำไมภาพลวงตาถึงเกิดแค่ครั้งแรก คำอธิบายบอกว่าจิตใต้สำนึกเราจะโดนต้อนรับด้วยการยับยั้งจากหุบเหวหลังการมาเยือนครั้งแรก เมื่อความกลัวโดนลบออกจากจิตใต้สำนึก เราจะไม่มองมันเห็นภัยคุกคามอีก”
แม้คำอธิบายของหลานหลิงจะมีเหตุผล หลินฮวงก็รู้สึกว่าเขายังไม่โดนโน้มน้าว
ตอนนั้น ถูทงจึงเข้าร่วมด้วย
“ข้าเห็นคำอธิบายบนเครือข่ายที่รวบรวมเรื่องแบบนี้ไว้มาก กระทู้บอกว่าหุบเหวคือสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่หลับใหลอยู่ ทางเข้าแต่ละทางเข้าคือหนึ่งในตาของมัน ตาเหล่านี้จะทดสอบทุกคนที่เข้าตัวมัน ดังนั้น เราจึงรู้สึกว่าโดนจ้องมอง
“สำหรับว่าทำไมเราถึงรู้สึกแค่ครั้งแรก มันเพราะมันมีความทรงจำ มันจะจ้องแค่คนแปลกหน้า ถ้าคนที่เข้าหุบเหวเป็นครั้งสองหรือสาม พวกเขาจะผ่านไปได้เลย”
หลังไดยิน หลินฮวงก็รู้สึกว่าคำอธิบายของถูทงเข้าท่ากว่า เพียงเมื่อเขากำลังจะเห็นด้วย เขาก็ได้ยินเสียงเยาะเย้ยของเวอชุโอโซ
“มีแค่เจ้าเท่านั้นถึงเชื่อเรื่องไร้สาระนี้ ถูถู”
“คำอธิบายนี้ได้รับความนิยมมาก แต่มันก็เป็นของปลอม”หลานหลิงพยักหน้าและอธิบาย”กาแล็กซี่ที่ใหญ่สุดได้ค้นพบผ่านประวัติของจักรวาลว่าขนาดขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิตคือสามเขตดาว”
“ในขณะเดียวกัน หุบเหวครองพื้นที่อย่างน้อยหนึ่งในสี่ของจักรวาลและนี่ก็คือส่วนหนึ่งของมันภายในจักรวาล รูปแบบสมบูรณ์มันอาจใหญ่กว่าทั้งจักรวาลซะอีก ตามขนาดมันอย่างเดียว มันไม่ถือเป็นสิ่งมีชีวิต ต่อให้มันเป็นตัวตนที่เหนือกว่าจ้าวเทวะ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุมร่างกายใหญ่โตขนาดนี้”
“นอกจากนี้ ตัดสินตามมวล ไม่มีโครงสร้างชีวิตที่สามารถรองรับมวลร่างกายขนาดนี้ได้ ต่อให้ผู้บ่มเพาะต่อสู้ที่เหนือกว่าจ้าวเทวะก็ยังไม่สามารถควบคุมร่างกายที่มีมวลแบบนี้ได้”
หลินฮวงเงียบไป แม้คำอธิบายของหลานหลิงจะสมเหตุสมผลมาก แต่เขารู้สึกว่าคำอธิบายของถูทงก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน
“เอาล่ะ เวลามีค่า เข้าไปกันได้แล้ว”เวอชุโอโซไม่เสียเวลากับเรื่องนี้อีก
แต่ทว่า เขาไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้
จากนั้นเขาก็ยื่นมือขวาไปจับมือซ้ายของจิ่วเจี้ยน
“อย่าคิดอะไรตอนเราเข้าไป แค่มองไปข้างหน้า”
เขาจงใจพูดกับหลินฮวงเพราะคนอื่นเคยเข้าไปก่อน
พวกเขาทั้งห้าจับมือกัน เข้าไปพร้อมกัน
หลินฮวงสามารถรู้สึกได้ว่าพวกเขาเข้าใกล้หลุมดำมากขึ้นเรื่อยๆ ตรงหน้าเขา ทุกอย่างเป็นสีดำ เมื่อพวกเขาเข้าสู่ความมืด พวกเขาไม่สามารถเห็นอะไรได้เลย
แต่ทว่า เขาทำตามคำเตือนของเวอชุโอโซ ซึ่งคือมองไปข้างหน้า บินต่อไปเรื่อยๆ
หลินฮวงลอบคำนวณเวลา มันผ่านไปเกือบนาทีแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็เห็นลำแสงปรากฏไม่ไกล
ทั้งห้าบินไปทางแหล่งแสงพร้อมกัน เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ แสงก็สว่างขึ้นด้วย
สุดท้าย พวกเขาก็ออกจากความมืด
หลินฮวงกวาดตามอง ท้องฟ้ามืด ด้านหน้าพวกเขาเป็นพื้นดินสีดำ เขาไม่มีทางระบุตำแหน่งเขาได้เลย
ขณะที่เขากำลังจะกระจายจิตเทวะ เสียงของเวอชุโอโซก็ดัง
“ซ่อนกลิ่นอายเจ้าซะ อย่าเพิ่งปล่อยจิตเทวะออกมา”
แม้หลินฮวงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ได้ยินความจริงจังในน้ำเสียง
ตอนนั้นเอง ในที่สุดเขาก็รู้ว่าคนอื่นมีสีหน้าไม่พอใจบนหน้า
“เกิดอะไรขึ้น?”หลินฮวงรีบถาม
“เวลาเข้าปกติของแต่ละทางเข้าหุบเหวควรเป็นสิบวินาที”จิ่วเจี้ยนตอบ
“สิบวินาที?!แต่การเข้าของเรากินเวลาอย่างน้อยหนึ่งนาทีนี่?”หลินฮวงเลิกคิ้ว แม้เขาจะไม่รู้สาเหตุ เขาก็รู้ได้ว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติ
“บางทีคงมีคนทำอะไรบางอย่างตอนเราเข้ามา หรือมันอาจเป็นผลกระทบของการต่อสู้ระหว่างจ้าวเทวะ ข้าหวังว่ามันจะเป็นอย่างหลัง”เวอชุโอโซอธิบายอย่างจริงจัง”ถ้ามันเป็นอย่างแรง มีโอกาสสูงที่เราห้าคนจะตายกันที่นี่”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น