Monster Paradise 1524-1526
ตอนที่ 1524
หลังให้รางวัล ใต้สวรรค์ก็ไล่ทุกคนออกไปยกเว้นหลินฮวง
ช่วงเวลาแห่งความเงียบเข้าปกคลุม ใต้สวรรค์พูดขึ้น”เจ้ารู้ไหมว่าทำไมเราถึงยอมแหกกฏของเคียวแห่งความตาย และทำให้เจ้าเป็นแขกรับเชิญ?”
‘เพราะข้าโดดเด่นพอไม่ใช่เหรอ?!’หลินฮวงอยากตอบแบบนี้ แต่ทว่า เขาก็คิดว่ามันฟังดูโอหัง เขาจึงเปลี่ยนคำตอบ
“ข้าไม่รู้”
“ตัวตนของเจ้าเป็นภัยคุกคามต่อองค์กรส่วนใหญ่ในแดนเทพ”ใต้สวรรค์พูด”มีคนน้อยมากในแดนเพี่เต็มใจเห็นอัจฉริยะมนุษย์ถือกำเนิด”
“งั้นทำไมเคียวแห่งความตายถึงไม่คิดเหมือนกัน?”หลินฮวงไม่คิดว่าใต้สวรรค์อยากจัดการเขาด้วยการพูดแบบนี้ ถ้าใต้สวรรค์อยากลงมือ เขาคงทำไปตั้งแต่ปีก่อน
“เพราะเรากำลังมองปัญหาจากมิติที่สูงขึ้น”แม้ใต้สวรรค์จะไม่พูดตรงๆ คำพูดต่อไปของเขาก็ได้เผยความลับของเคียวแห่งความตาย”มนุษย์กับโปรตอสไม่ใช่ศัตรูกัน เราเป็นพันธมิตรกันในจักรวาล ด้วยศัตรูร่วมกัน”
“ศัตรูร่วมกัน?!ท่านหมายถึงสิ่งมีชีวิตหุบเหวหรือเผ่าแมลง?”
“มันเป็นอะไรที่ทรงพลังยิ่งกว่า….”ใต้สวรรค์พูดเช่นนั้น ไม่เต็มใจเปิดเผยมากกว่านี้
หลินฮวงขมวดคิ้วและเงียบไปสักพักหลังได้ยินคำตอบนี้ เขารู้ว่าใต้สวรรค์คงไม่บอกต่อให้เขาถามเพิ่ม เขาจึงเปลี่ยนเรื่องและถามคำถามเกี่ยวกับบางสิ่งที่เขาอยากรู้
“บางทีสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดที่ท่านกำลังบอกข้าสามารถอธิบายได้ถึงท่าทีเป็นมิตรของเคียวแห่งความตายและตัวท่านเองที่มีต่อข้า แต่มันไม่อธิบายว่าทำไมเคียวแห่งความตายถึงยอมแหกกฏ ไม่ว่าจะมองยังไง สิทธิ์เคียวทองที่ข้าได้รับนั้นให้ผลประโยชน์กับข้ามากกว่าที่เคียวแห้งความตายจะได้รับจากข้า”
“ยิ่งไปกว่านัั้น พวกท่านควรรู้ดีว่าในฐานะมนุษย์ ข้าไม่สามารถเดินเตร็ดเตร่ในแดนเทพได้ตลอด สุดท้าย ข้ายังต้องกลับโลกมนุษย์ ตัดสินจากความสัมพันธ์ปัจจุบันระหว่างมนุษย์กับโปรตอส ไม่ว่าข้าจะประสบความสำเร็จแค่ไหนในโลกมนุษย์ ข้าก็สามารถตอบแทนท่านได้น้อยมาก”
“เราไม่ได้กำลังมองที่มหาพิภพ แต่เป็นจักรวาล เจ้ามีศักยภาพที่่จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับมหาเทพ(จ้าวเทวะ) ตราบเท่าที่เจ้าไม่ตาย เราจะได้พันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต ตอนนั้น แม้เจ้าจะไม่ได้ตอบแทนเรา แต่การมีอยู่ของเจ้าก็สามารถป้องกันไม่ให้คนจำนวนมากตายในสงครามได้ นั่นคือคุณค่าแท้จริงในตัวเจ้า”
จากคำพูดเหล่านี้ ในที่สุดหลินฮวงก็ตระหนักถึงจุดยืนของเคียวแห่งความตาย เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
เขาพลันนึกถึงบางสิ่ง
“ทำไมท่านไม่ให้การปฏิบัติแบบเดียวกันกับเวอชุโอโซล่ะ?จากที่ข้ารู้ ศักยภาพของเขาไม่น้อยไปกว่าข้าเลย”
“เขาแตกต่างจากเจ้า”ใต้สวรรค์ส่ายหัว เขาลังเลเล็กน้อยแต่ยังตัดสินใจพูด”เขาคือการกลับชาติมาเกิดของผู้ทรงอำนาจ”
“การกลับชาติมาเกิดอาจดูเหมือนมีศักยภาพไม่ธรรมดา แต่มีข้อจำกัดอยู่ มันยากมากสำหรับเขาที่จะก้าวข้ามผ่านระดับที่เขาเกิดมา.”
“ศักยภาพไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งสำคัญสุด เรากังวล”
“เราไม่แน่ใจว่าอดีตของเวอชุโอโซเป็นยังไง เขาจงใจปิดบังข้อมูล เราไม่สามารถหาเบาะแสเจอ เราไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ว่าเขาเป็นมิตรหรือศัตรู ไม่ว่าเขาจะเคยทรงพลังแค่ไหน เราก็ไม่กล้าลากเขาเข้าแวดวงหลัก”
สิ่งที่ใต้สวรรค์พูดสมเหตุสมผล
หลินฮวงคิดกับตัวเองสักพักพลางขมวดคิ้วแต่ก็ไม่พูดอะไร
เขาตระหนักถึงภูมิหลังของเวอชุโอโซและรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาคือสิ่งมีชีวิตกลับชาติเกิดใหม่จริง ตัวตนของเวอชุโอโซแค่ร่างแยกเพื่อปลอบตัวเป็นการกลับชาติเกิดใหม่ของผู้ทรงอำนาจ
เขายังรู้ว่าเวอชุโอโซเป็นสมาชิกของสโมสร เหมือนกับเขา มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะไม่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมนุษย์และโปรตอส
แต่ทว่า เขาไม่สามารถบอกมันกับใต้สวรรค์ได้
การทำเช่นนั้นเท่ากับการเปิดเผยภูมิหลังของเวอชุโอโซ มันยังเป็นการเปิดเผยตัวตนเขาในฐานะสมาชิกสโมสรด้วย
ในทางกลับกัน เขายังพิจารณาว่าเวอชุโอโซน่าจะมีเหตุผลส่วนตัวที่ปิดบังข้อมูลนี้จากเคียวแห่งความตาย
หลินฮวงไตร่ตรองสักพักแต่ไม่แสดงความคิดเห็นกับเรื่องนี้
“ถ้าเขาพูดตรงไปตรงมากว่านี้ เขาอาจกลายเป็นพันธมิตรที่ทรงคุณค่าอีกคน”ใต้สวรรค์พูด
“เราจะจัดการเรื่องของเวอชุโอโซเอง เจ้าควรสนใจกับเรื่องตัวเองก่อน”ใต้สวรรค์มองหลินฮวง”ระดับพลังเจ้าเลื่อนจากเทพแท้จริงขั้นหนึ่งเป็นขั้นหกในเดือนเดียว พูดตามตรง นั่นน่ากลัวมาก อย่างไรก็ตาม ระดับพลังเจ้าถือว่าต่ำไปหากเทียบกับความสามารถเจ้า ข้าขอเสนอให้เจ้าปิดประตูบ่มเพาะเพื่อปรับรากฐานให้มั่นคงก่อนเลื่อนเป็นเทพสวรรค์ อย่าเร่งรีบเข้าระดับเทพสวรรค์ ถ้ารากฐานเจ้าไม่เสถียร ปัญหาจะเลวร้ายในอนาคตและจะส่งผลต่อการเลื่อนระดับพลังในอนาคต”
“ข้ารู้”แม้หลินฮวงจะพูดแบบนี้ เขาก็รู้ดีกว่าใครอื่นว่าไม่มีเทพแท้จริงที่สามารถแข่งขันกับเขาได้ในแง่ของรากฐาน
หลังทั้งคู่คุยกันเกือบครึ่งชั่วโมง ใต้สวรรค์ก็ขอตัวลา
หลินฮวงยังออกจากศูนย์ใหญ่เคียวแห่งความตาย ตรงไปยังเขตดาวนักล่าปีศาจ
เมื่อเขาไปถึง คุณฟู่กับหลินซินก็ได้ออกสมรภูมิมังกรหุบเหวมาแล้ว ไม่ใช่แค่นั้น พวกเขายังปิดประตูบ่มเพาะ
ในกลุ่มสามคน หลินซวนเป็นคนเดียวที่ยังอยู่ในสมรภูมิมังกรหุบเหว
ในขณะเดียวกัน กลุ่มเทพเสมือนสามคนของเฉินเตา เสี่ยวโม่กับหวงอู่จื่อก็ได้เข้าสมรภูมิมังกรหุบเหวเป็นครั้งที่สองแล้วหลังเติมเสบียง
หลังตรวจสอบว่าพวกเขาปลอดภัยดี หลินฮวงก็ไม่คิดไปหาพวกเขา แต่ตรงกลับไปวังจอมเทพ
การฝึกอู่ห่าวราบรื่นมาก อู่ห่าวเพิ่งเลื่อนเป็นจักรพรรดิ แต่เขาใช้ทักษะดาบระดับต่ำกว่าบรรพกาลที่หลินฮวงเลิกให้เขาได้หมดแล้ว
เขายังทะลวงผ่านแก่นแท้เต๋าดาบระดับแรก ยุทธ์แท้
หลินฮวงไม่ได้สอนอู่ห่าวถึงทักษะดาบระดับสูงขึ้น แต่กลับส่งทักษะดาบระดับต่ำกว่าบรรพกาลนับล้านที่ยังไม่ได้คัดเลือกให้
ถึงแม้เจ้าหนูนี่จะเก่งในเต๋าดาบ ทักษะดาบจำนวนนี้ก็พอให้เขาต้องฝึกไปสักพัก
หลังจัดการเรื่องศิษย์เขา อู่ห่าว หลินฮวงก็เข้าวังจอมเทพ
เมื่อเข้าข้างใน เขานั่งลงและตรวจสอบสภาพของมอนสเตอร์เขา
มอนสเตอร์เทพสูงสุดสามตัวของเขา จอมสังหาร เกล็ดดำ และกู่หรงได้เลื่อนเป็นเททพสวรรค์แล้ว
ท่ามกลางมอนสเตอร์กึ่งเทพสูงสุด เถิงหรานได้เลื่อนเป็นเทพสวรรค์เช่นกัน แต่ทว่า ไป่ยังเป็นเทพแท้จริงขั้นเก้า
ตัวอื่น ตัวตลก ชาร์โคล แลนเซล็อต ราชินีเผ่าแมลงกับอื่นๆได้เลื่อนเป็นเทพแท้จริงขั้นสูง ตัวที่ระดับพลังต่ำสุดคือเทพแท้จริงขัั้นเจ็ด ส่วนระดับพลังสูงสุดคือตัวตลก ที่เลื่อนเป็นเทพแท้จริงขั้นเก้า
“ข้าสามารถเริ่มเตรียมวัตถุดิบสำหรับพวกตัวตลกได้แล้ว ระดับบรรพกาลนัั้นต่ำไปหน่อย..”หลินฮวงมองการ์ดมอนสเตอร์และสายตาก็หยุดที่ไป่กับเถิงหราน
เขาขยับนิ้วเล็กน้อย และการ์ดมอนสเตอร์ทั้งสองก็เปลี่ยนเป็นประกาย รวมกันที่ปลายนิ้วเขา
วินาทีต่อมา การ์ดสองใบก็เปลี่ยนเป็นกลุ่มก้อนแสง รวมกันเป็นสองร่าง
หนึ่งมีผมขาวประดุจหิมะ สวมชุดคลุมดำที่มีลวดลายสีแดงคล้ายมีชีวิต ดวงตาของเขาเป็นสีดำ เขามีผลึกสีแดงเลือดระหว่างคิ้ว ททั่วตัวของเขาปกคลุมด้วยหมอกสีแดง
อีกร่างมีผมสีอง ผมแต่ละเส้นให้ความรู้สึกเหมือนงูที่สามารถกินคนได้ ดวงตาของเขาเป็นรูม่านตางู ซึ่งทำให้คนที่จ้องมองกลัว การปรากฏตัวของเขาทำให้อากาศโดยรอบเย็นลง
“เจ้าทั้งคู่คือมอนสเตอร์กึ่งเทพสูงสุด…”การ์ดเลื่อนขั้นระดับสี่ 10 ใบปรากฏในมือหลินฮวง แต่ไป่กับเถิงหรานมองไม่เห็น”กึ่งเทพสูงสุดไม่นับเป็นอะไรในมหาพิภพ ดังนั้น เขาจึงเรียกพวกเจ้าทั้งสองมาเพื่อทำให้พวกเจ้าเป็นเทพสูงสุด”
สีหน้าของไป่สงบ เขารู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง
ในทางกลับกัน เถิงหรานกลับตกใจ แม้มันจะสื่อสารกับมอนสเตอร์ตัวอื่นระหว่างนี้และรู้ว่าหลินฮวงมีวิธียกระดับชีวิตของมอนสเตอร์เขา เถิงหรานก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับมันด้วย
มอนสเตอร์กึ่งเทพสูงสุดไม่ต้องใช้วัตถุดิบ พวกมันสามารถใช้การ์ดเลื่อนขั้นได้โดยตรง ดังนั้น หลินฮวงจึงไม่ว่าอะไรที่จะให้เถิงหรานมีความอาวุโสในหมู่มอนสเตอร์
เขามีนิ้วทองคำ เสี่ยวเฮยอยู่แล้ว เขาจึงไม่สงสัยความภักดีของมอนสเตอร์เขาเลย
ขณะที่เขาบดขยี้การ์ดสิบใบในมือ การ์ดก็รวมกันเป็นลำแสงสีทองสองสาย ซึ่งเจาตะัวไป่กับเถิงหราน
ร่างของทั้งคู่เปลี่ยนเป็นรังไหมขนาดใหญ่สองอันด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า…
ตอนที่ 1525
มีรังไหมสองอันในวังจอมเทพ หนึ่งแดง หนึ่งม่วง ทั้งคู่มีลวดลายเฉพาะบนนั้น
หลินฮวงสังเกตพวกมันสักพักเพื่อยืนยันว่าทั้งสองอยู่ในสภาพมั่นคงก่อนละสายตา
เขารู้ว่าไป่กับเถิงหรานจะไม่ออกมาจากรังไหมในเร็ววัน
หลังจัดการเรื่องของไป่และเถิงหราน เขาก็คิดเล็กน้อยและส่งจิตสำนึกเข้าตัว เขาเริ่มมองการ์ดของตัวตลก ชาร์โคล แลนเซล็อต และมอนสเตอร์ชั้นสี่ตัวอื่น จำวัตถุดิบทั้งหมดที่พวกมันต้องการ
ต่อมา เขาส่งรายชื่อวัตถุดิบเหล่านี้ให้มอนสเตอร์แต่ละตัวผ่านคลื่นเสียง
หลังเขาส่งรายชื่อออกไปหมด หลินฮวงก็พูดผ่านคลื่นเสียงอีกครั้ง
“เนื่องจากสิทธิ์ระดับพลังเทพสวรรค์เข้าถึงได้แล้ว ระดับพลังพวกเจ้าคงพอให้พวกเจ้าทำอะไรก็ได้ตามใจชอบในมหาพิภพ”
“ทั้งหมดที่พวกเจ้าจะต้องทำคือหาทางได้รับวัตถุดิบเลื่อนขั้นในอนาคตด้วยตัวเอง ถ้าพวกเจ้าหาวัตถุดิบหายากไม่เจอจริง พวกเจ้าสามารถมาหาข้าและแลกด้วยของที่มีมูลค่าเดียวกันได้”
“นอกจากนั้น พวกเจ้าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายประจำวันกันเองแล้ว ข้าจะไม่ให้อาหารและบริการที่พักกับพวกเจ้าอีกต่อไป แน่นอน พวกเจ้าสามารถมาหาข้าเพื่อแลกของได้ถ้าต้องการ เหนือสิ่งอื่นใด พวกเจ้าเป็นมอนสเตอร์ของข้า ข้าย่อมไม่คิดค่าธรรมเนียม.”
“เพื่อให้พวกเจ้าได้รับทรัพยากรบ่มเพาะและวัตถุดิบเพียงพอ ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าท่องอย่างอิสระในมหาพิภพนับจากนี้ไป แต่ทว่า อิสรภาพนี้มาพร้อมกับข้อแม้ พวกเจ้าต้องจับกลุ่มกันอย่างน้อยสองคน นอกจากนี้ เว้นแต่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย สมาชิกของกลุ่มเดียวกันไม่สามารถแยกตัวได้”
“พวกเจ้าต้องคุยกันเองในเรื่องนี้และส่งรายชื่อกลุ่มให้ข้าภายในสามวัน นับจากนั้น พวกเข้าจะต้องย้ายไปอยู่กลุ่มตัวเอง สำหรับคนที่จับกลุ่มไม่ได้ในช่วงสามวันนี้ ข้าจะเรียกกลับเป็นการ์ด”
“นอกจากนี้ เรื่องสุดท้าย มียอดฝีมือมากมายในมหาพิภพ ดังนั้นอย่าสร้างปัญหา ถ้าพวกเจ้าเกิดตอแยยอดฝีมือกึ่งจ้าวเทวะหรือจ้าวเทวะเข้า และโดนฆ่า ข้าคงไม่สามารถคืนชีพพวกเจ้าได้”
หลินฮวงมีเหตุผลอื่นอีกที่สามารถปลดปล่อยมอนสเตอร์เขาได้โดยไม่ต้องกังวล นอกจากการยอมให้พวกมันเลื่อนระดับเป็นเทพสวรรค์กันเอง เขาสามารถคืนชีพพวกมันได้ด้วยพลังกฏเทพเขาภายในแดนเทพถ้าพวกมันโดนฆ่า
แต่ทว่า พลังกฏเทพของแดนเทพไม่สามารถคืนชีพได้ถ้าพวกมันถูกฆ่าด้วยพลังสวรรค์
“จงอย่าทำตัวโดดเด่นนัก ถ้าเจ้าคิดจะสร้างปัญหา ให้พิจารณาก่อนว่าจะรับมือได้หรือไม่”หลินฮวงพูดย้ำกับตัวตลก
ท่ามกลางมอนสเตอร์ทั้งหมด เขากังวลตัวตลกสุด
มอนสเตอร์นั้นใช้เวลาส่วนใหญ่ในการ์ด แม้จะเป็นตอนอัญเชิญ พวกมันก็ทำทุกอย่างภายใต้การตรวจสอบของหลินฮวง เขาสามารถเห็นทุกอย่างที่ตัวตลกทำได้ แต่ตอนนี้ที่ตัวตลกเป็นอิสระ หลินฮวงจึงคาดเดาได้ว่าเจ้าหมอนี่ต้องทำตัวไม่ดีแน่
มอนสเตอร์ทั้งหมดตกตะลึงตอนได้ยินเสียงของหลินฮวง
อย่างแรก พวกมันไม่คิดว่าพวกเมันจะได้เป็นอิสระ ในทางกลับกัน นายของพวกมันยังหยุดจัดหาแหล่งบ่มเพาะและเลื่อนขั้นให้พวกมันด้วย พวกมันต้องพึ่งพาตัวเองแล้ว
การได้รับแหล่งทรัพยากรเป็นเรื่องทำได้ แต่มีความยากมากในการรับเอาทรัพยากรเลื่อนขั้น
การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งที่พวกมันไม่คิดฝัน แต่พวกมันก็ต้องทำความคุ้นชิน
พวกมันยังตระหนักว่ายิ่งชนชั้นพวกมันสูง ความยากในการได้รับวัตถุดิบยิ่งยาก มันเป็นภาระใหญ่หลวงสำหรับนายพวกมันเช่นกัน
เมื่อจำนวนมอนสเตอร์เพิ่มขึ้น ภาระก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ดังนั้น มอนสเตอร์เหล่านี้จึงเข้าใจว่าทำไมหลินฮวงถึงทำแบบนี้
ในไม่ช้าพวกมันก็เริ่มปรับตัวแลกเปลี่ยนเป็นคงาน
เหนือสิ่งอื่นใด ก่อนหน้านี้พวกมันต้องพึ่งพาใครสักคนให้ดูแล แต่ตอนนี้พวกมันต้องดูแลตัวเอง
เมื่อการคุยกับเหล่ามอนสเตอร์จบ หลินฮซงก็ได้รับคำถามจากพวกชาร์โคล และเขาก็ตอบพวกมันทีละตัว
มอนสเตอร์เริ่มจับกลุ่มกันหลังจากนั้น
ภายในสิบนาที หลินฮวงก็ได้รับรายชื่อกลุ่ม
ประมาณชั่วโมงต่อมา ส่วนใหญ่ก็จับกลุ่มกันแล้ว
ตอนนั้นเอง หลินฮวงได้รับคลื่นเสียงจากตัวตลก
“มันไม่ใช่ว่าข้าไม่เต็มใจจับกลุ่ม ข้าพยายามติดต่อไป่เป็นชั่วโมงแล้ว แต่เขาไม่สนใจข้า..”
หลินฮวงอดเลิกคิ้วไม่ได้ตอนได้ยินเสียง
“ไป่กำลังยกระดับ เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยเดือนเพื่อยกระดับชนชั้น เจ้าควรหาคนอื่น”
“ข้าไม่อยากจับกลุ่มกับใคร ข้าจะรอจนกว่าเขาจะออกมา”ตัวตลกยืนกราน”เขาทำเกินไปแล้ว!ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะไปทำการยกระดับชนชั้นเงียบๆโดยไม่พูดอะไรกับใครสักคำ!”
“อย่ารอไป่ ความสามารถของเขาจะล้ำหน้าเจ้าหลังเขาออกมา ถ้าพวกเจ้าสองคนจับกลุ่มกัน ศัตรูที่เจ้าสู้จะไม่ทำให้เขาได้รับอะไร และเจ้าจะทำได้แค่นั่งข้างๆขณะที่เขาสู้กับคู่ต่อสู้เก่งๆ กลุ่มอย่างนั้นคงไม่ดีสำหรับเจ้าสอง”
หลังพูดแบบนั้น หลินฮวงก็เหลือบมองรายชื่อกลุ่มที่ส่งมาก่อนพูดต่อ”เข้าร่วมกลุ่มชาร์โคลกับแลนเซล็อตไป ข้าจะรู้สึกโล่งใจมากขึ้นถ้าทั้งคู่จับตาดูเจ้า”
“มันราวกับท่านมองว่าข้าจะทำเรื่องแย่ๆ”ตัวตลกรำคาญ ไม่คิดว่าตัวเองจะโดนสั่งให้ไปอยู่กลุ่มอื่น
แต่ทว่า เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ เขาทำได้แค่ยอมรับด้วยความรู้สึกเสียใจ
อีกด้าน แลนเซล็อตกับชาร์โคลงงงวย พวกมันเลือกจับกลุ่มกันสองคนและไม่คิดว่าจะมีใครอื่นมาร่วมด้วย กลุ่มสองคนจึงกลายเป็นสาม
พวกมันคิดว่ามันคือตัวตลกที่เลือกทำแบบนี้และถามเขาผ่านคลื่นเสียงทันที
“ไม่ใช่ว่าเจ้ามักจับกลุ่มกับไป่งั้นเหรอ?ทำไมถึงเลือกเราแทนล่ะ?”
“ไป่กำลังยกระดับชนชั้นอยู่..”ตัวตลกไม่สนใจอธิบาเยพิ่ม
“งั้น เราก็เป็นตัวเลือกที่สอง?”ชาร์โคลหน้ามุ่ย
“ไม่”ตัวตลกปฏิเสธ
“งั้นทำไมเจ้าถึงเลือกเรา?”ชาร์โคลถามต่อ
“นายท่านสั่ง”ตัวตลกตอบ
“อ่อ..”ชาร์โคลไม่คาดคิดถึงคำตอบนี้
“เนื่องจากกลุ่มถูกตัดสินแล้ว ก็มาคุยกันว่าเราจะเจอกันที่ไหน”ตอนนั้น แลนเซล็อตที่ฟังอยู่พูดขึ้น”มาแบ่งปันพิกัดของเรากัน”
พวกมันทั้งสามไม่คัดค้านการจัดเตรียมของหลินฮวง
ตัวตลกเป็นคนแรกที่พูดหลังทั้งสามแบ่งปันพิกัดกัน
“พวกเจ้าอยู่มุมไหนกัน?”
“เราอยู่ชายแดนเขตดาวนักล่าปีศาจ ทำไมเจ้าถึงไปไกลนัก?!”ชาร์โคลกะพริบตาปริบๆ พิกัดของตัวตลกอยู่ใกล้เขตใจกลางของแดนเทพมาก
“ทรัพยากรใดจะไม่มีที่ใจกลาง?”ตัวตลกยิ้ม”ข้าจะบอกให้ว่าเขตใจกลางคืออะไร มันเป็นสถานที่ที่ได้รับการพัฒนาสุดในแดนเทพ มันมีทรัพยากรมากสุด เราสามารถได้รับทรัพยากรง่ายกว่าสถานที่อื่นมาก เรายังสามารถได้รับวัตถุดิบหายาก”
“นั่นเข้าท่า…”ชาร์โคลพยักหน้าเล็กน้อยขณะใช้กรงเล็บลูบคาง
ในขณะเดียวกัน แลนเซล็อตก็เงียบตามเคย…
ตอนที่ 1526
หลังส่งการแจ้งเตือนอนุญาตให้มอนสเตอร์เป็นอิสระ ในที่สุดหลินฮวงก็เริ่มจดจ่อกับตัวเอง
รางวัลที่เขาได้รับจากการเดินทางนี้ถือว่ามากสุดในชีวิตเขาแล้ว
ไม่ใช่แค่ว่าเขาได้เลื่อนจากเทพแท้จริงขั้นหนึ่งเป็นเทพแท้จริงขั้นหก แต่รางวัลที่เขาได้รับจากนครหลวงเทพกับเคียวแห่งความตายยังสูงล้ำ
“1สมบัติมีดบินพลังจิตระดับเทพสวรรค์ชั้นนำ 13 สมบัติเทพสวรรค์ขั้นสูง 41 สมบัติเทพสวรรค์ขั้นกลาง และ87 สมบัติเทพสวรรค์ขั้นต้น…ข้าสามารถแลกของเหล่านี้กับศพเทพสวรรค์กว่า 400 เป็นทรัพยากรอื่นได้”
“แต้ม 194610 แต้มมีค่าเท่ากับเหรียญทองแดนลับ…ตามอำนาจซื้อของเหรียญทองแดนลับ สมบัติเทพสวรรค์ขั้นสูงจะมีราคาประมาณหมื่นเหรียญทอง ข้าสามารถแลกของเหล่านี้กับทรัพยากรดีๆมากมายได้”
หลินฮวงนับรางวัลเขา จากนั้นก็พบว่านอกจากมรดกพลังจิตระดับกึ่งจ้าวเทวะและชิ้นส่วนเขตแดนเทพระดับกึ่งจ้าวเทวะ ของที่เหลือไร้ประโยชน์ต่อเขา เขาทำได้แค่ใช่พวกมันแลกทรัพยากรอื่น
เขาสนใจในมรดกพลังจิตระดับกึ่งจ้าวเทวะมาก
เขาบ่มเพาะไร้รอยต่อจนถึงระดับสูงสุดแล้ว ซึ่งคือระดับสิบ ตอนนี้มันสามารถบ่มเพาะได้เองโดยไม่ต้องให้เขาริเริ่มกระบวนการ จำนวนของด้ายพลังจิตเขาเพิ่มขึ้นเองที่ 1000 เส้นต่อชั่วโฒง
เท่าที่เขากังวล มรดกพลังจิตระดับกึ่งจ้าวเทวะมาหาเขาได้ในเวลาเหมาะเจาะมาก
ขณะที่เขาแช่จิตสำนึกลงในมรดก จิตสำนึกของเขาก็ปรากฏในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
เขางุนงงตอนแรกแต่ในไม่ช้าก็ตระหนักว่าดาวนับไม่ถ้วนตรงหน้าเขากำลังขยับแบบแปลกๆ
วิถีการเคลื่อนไหวของดาวดูเหมือนจะถูกควบคุมโดยมนุษย์ ผู้กำลังใช้ดาวเพื่อโจมตีสัตว์อสูรตัวยักษ์ทีละดวง…
หลินฮวงดำดิ่งไปกับฉากแสนพิศดารนี้
จิตสำนึกของเขากลับเขาร่างหลังผ่านไปนาน แต่เขากลับไม่สามารถสงบสติตัวเองลงได้
“พลังจิตสามารถใช้แบบนั้นได้ด้วย?!”
ในภาพความทรงจำ หลินฮวงได้เห็นกึ่งจ้าวเทวะผู้นี้กำลังควบคุมอาวุธพลังจิตด้วยวพลังจิตและเปลี่ยนพวกมันเป็นดวงดาวก่อนโจมตี
การโจมตีโดยตรงนี้ไม่ใช่วิชาธรรมดา แต่เขาได้ปลดปล่อยลักษณะทั้งหมดของดวงดาว เปลี่ยนพวกมันเป็นรูปแบบต่างๆ
เขาได้ใส่การตรัสรู้ธาตุไฟลงในอาวุธพลังจิต เปลี่ยนพวกมันเป็นดาว จากนั้นก็ดึงทุกอย่างด้วยพลังจิต และก่อให้เกิดกลุ่มก้อนอุกกาบาตที่แผดเผาทุกอย่าง
เขายังผสานการตรัสรู้ธาตุมืด และพลังลำดับกลืนกินเข้าไปในอาวุธพลังจิต เปลี่ยนพวกมันเป็นหลุมดำแสนน่ากลัว อีกครั้ง เขาใช้พลังจิตเพื่อสร้างค่ายกลกลืนกิน กลืนทุกอย่างเข้าไป
…
สิ่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้หลินฮวง
ในระดับหนึ่ง อาวุธเซียนจะยิ่งเหมาะกับการหลบหลีกระดับสูงเช่นนี้
ไม่เหมือนสมบัติเทพสวรรค์ที่เป็นได้แค่วัตถุเสมือน อาวุธเซียนพลังจิตของหลินฮวงสามารถสร้างให้เป็นของจับต้องได้จากจินตนาการ เนื่องจากไม่ใช่วัตถุเสมือน มันจึงมีผลกระทบมากกว่า
อาวุธเซียนระดับสามมีพลังพอจะปรากฏเป็นวัตถุจริงในสวรรค์ รวมถึงดาวและหลุมดำ
นอกจากนั้น อาวุธเซียนยังเทียบเท่ากับอวัยวะของร่างกาย มันสามารถแปลงพลังงานกฏ พลังลำดับเทพได้ 100% โดยไม่ขาดหาย นั่นทรงพลังกว่าสมบัติกฏเทพและสมบัติเทพสวรรค์มาก
เขาต้องยอมรับว่ามรดกชิ้นนี้ได้เปิดประตูใหม่ให้เขา
บางทีมันอาจเป็นเรื่องยากสำหรับคนส่วนใหญ่ที่จะได้รับมรดกนี้เพื่อเรียนสิ่งที่อยู่ข้างใน แต่หลินฮวงมีรากฐานมั่นคงอย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนด้ายพลังจิต ความหนาแน่น หรือการควบคุม เขาสามารถทำได้
เขาสามารถคาดเดาได้ว่าการใช้มรดกนี้เป็นรากฐานในอนาคต เขาจะพบวิธีใช้พลังจิตมากขึ้น
นอกจากวิธีใหม่ในการใช้พลังจิต ยังมีวิธีสร้างภาพจิตเทวะในมรดก
มีทั้งหมด 108 ภาพจำแลงด้วยอักขระที่ซับซ้อนมาก
อักขระแต่ละตัวมีผลเสริมสร้างและปรับแต่งจิตเทวะ
เมื่อภาพจำแลงถูกสร้างสำเร็จ ผนึกเทวะจะรวมเข้าด้วยกัน และจิตเทวะของคนจะได้รับการเสริมพลัง
ตามบันทึกในมรดก ถ้ามีคนสามารถสร้างภาพทั้งหมด 108 ภาพได้ พลังของจิตเทวะพวกเขาจะไปถึงระดับจ้าวเทวะทันที
หลินฮวงแค่ดูวิธีสร้างภาพคร่าวๆ และโดยไม่ลังเล เขาปรับกระแสเวลาในวังจอมเทพให้เร็วกว่าโลกภายนอกพันเท่า จากนั้นก็ปิดประตูบ่มเพาะ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในวังจอมเทพ
การจำแลงภาพของหลินฮวงประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงแรก เขาใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีในการสร้างสิบภาพแรก
จากภาพ 11-20 เวลาที่เขาใช้ในการสร้างจะนานขึ้น โดยรวมแล้ว เขาใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง
เขาใช้เวลาทั้งหมดอย่างน้อย 15 ชั่วโมงกับภาพ 21-30
ต่อมา เขาใช้เวลาเกือบสัปดาห์กับภาพที่ 31-40
เขาใช้เวลากว่าสองเดือนกับภาพ 41-50
หลังจากนั้น เขาก็ใช้เวลากว่า 600 วันกับภาพที่ 51-60
จากนั้นเขาก็ใช้เวลาอย่างน้อย 17 ปี กับภาพที่ 61-70..
เวลาในโลกภายนอกผ่านไปเกือบสัปดาห์
แต่ทว่า หลินฮวงยังไม่หยุด เขาจำแลงภาพต่อไปเรื่อยๆ…
…
ไป่กับเถิงหรานได้ออกจากรังไหมเร็วกว่าปกติ ประสบความสำเร็จในการเลื่อนเป็นเทพสูงสุดแล้ว
หลินฮวงไม่มีเวลาไปตรวจสอบข้อมูลการ์ดของทั้งคู่ เขาส่งทั้งคู่ออกวังจอมเทพไปทันทีระหว่างพัก
จากนั้นทั้งคู่ก็จับกลุ่มกันและเริ่มออกเดินทางไปหาทรัพยากร
…
ขณะที่หลินฮวงอยู่ท่ามกลางการปิดประตูบ่มเพาะ เหตุการณ์ใหญ่ได้เกิดขึ้นในเผ่าเนฟิลิก
เหตุการณ์ที่เป็นปัญหาคือเจ้าหญิงน้อยไคลี่ได้ยกระดับชีวิตเป็นจิตวิญญาณแท้จริงหลังปิดประตูบ่มเพาะกว่าเดือน กลายเป็นโปรตอสจิตวิญญาณแท้จริงตนแรกในยุคนี้
เจ้าแดงเองก็ออกจากการปิดประตูบ่มเพาะเช่นกัน ประสบความสำเร็จในการเป็นเทพสูงสุด
แต่ทว่า ข่าวการยกระดับของไคลี่ไม่กระจายออกไป มีแค่ชนชั้นสูงของเผ่าเนฟิลิกไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้
พวกเขาแค่บอกกับสาธารณะว่าเจ้าหญิงน้อยไคลี่ได้กลายเป็นเทพสวรรค์ระหว่างปิดประตูบ่มเพาะ
แม้กระทั่งสมาชิกเผ่าเนฟิลิกก็ยังไม่รู้เรื่องนี้
ความก้าวหน้าของไคลี่เป็นข่าวที่เหมือนระเบิดสำหรับเบื้องบนของเผ่าเนฟิลิก
พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครจากเผ่าเนฟิลิกสามารถประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้ เพราะไม่มีใครมีคุณสมบัติและศักยภาพที่จะเลื่อนเป็นสิ่งมีชีวิตระดับจิตวิญญาณแท้จริง
ถึงแม้ไคลี่จะแสดงศักยภาพโดดเด่นแต่แรก แต่ในสายตาเผ่าเนฟิลิก นางยังห่างไกลจากการเป็นจิตวิญญาณแท้จริง
ดังนัั้น นางจึงโดนปฏิบัติเหมือนเบี้ยไว้ใช้แต่งงานมาตลอด
แต่ทว่า ไคลี่กลับใช้การกระทำเพื่อตบหน้าทุกคน
ความก้าวหน้าของนางทำให้สถานะของนางในเผ่าเนฟิลิกทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดในพริบตา
ก่อนหน้านี้ นางถูกปฏิบัติเหมือนเจ้าหญิงน้อยที่ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ตอนนี้ ในสายตาชนชั้นสูงของเผ่าเนฟิลิก นางได้กลายเป็นราชินีที่ทุกคนเต็มใจมอบความจงรักภักดีให้…
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น