Monster Paradise 1517-1518
ตอนที่ 1517
ในความว่างเปล่า นกยักษ์สามหัวร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนาขณะหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง
เกล็ดและขนกระจุกใหญ่บนตัวมันไหม้เกรียม ไม่ใช่แค่นั้น แม้กระทั่งหัวหนึ่งของมันยังหายไป
ถ้าหลินฮวงอยู่ที่นี่ เขาอาจระบุได้ว่านกยักษ์ตัวนี้ที่กำลังโดนล่าคือนกฮูกสามตัว มันคือสายพันธ์ผิดปกติจากหุบเหว
นกประเภทนี้สามารถบินได้เร็วมาก ท่าทางและการเคลื่อนไหวของมันเหมือนกับปีศาจ มันเคลื่อนที่ด้วยความเงียบและคาดเดาไม่ได้ สิ่งที่มันถนัดคือเทคนิคลอบสังหาร
นอกจากนี้ แต่ละหัวของมันยังเชี่ยวชาญพลังกฏเกณฑ์แยกกันตั้งแต่เกิด
โดยปกติ พลังกฏเทพเหล่านี้คือประเภทพลัง ลวงตาและพิษ
นกฮูกสามหัวหลายตัวสามารถวิวัฒนาการเป็นเทพสวรรค์และควบแน่นกฏเทพเหล่านี้เป็นห่วงโซ่ลำดับเทพได้
นกฮูกสามหัวตัวนี้ที่โดนล่าคือตัวที่วิวัฒนาการเป็นเทพสวรรค์
เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้นี้เองก็ได้รับความสนใจจากเหล่าเทพสวรรค์ด้านนอกแดนลับ
“ข้าดูเหมือนจะจำได้ว่าตอนแรก นรหลวงเทพได้จัดหานกฮูกสามหัวจำนวนหนึ่งเพื่อจุดประสงค์ในการทดลองด้วยนี่ ใช่ไหม?”ผู้นำของเซโน่ถามขึ้น
“ข้าจำได้เหมือนกัน ตอนแรก เพราะสิ่งนี้ ราคาของนกฮูกสามหัวจึงพุ่งสูงขึ้น หลายคนตรงเข้าเขตลับและมิติบรรพกาลที่เกี่ยวกับหุบเหวเพื่อจับนกฮูกสามหัวเป็นๆ”หัวหน้ากลุ่มของศาลาสมบัติพูดขึ้นมาด้วย”ตอนนั้นเราก็สงสัยว่าทำไมนครหลวงเทพถึงสนใจนกฉูกสามหัว ถึงขนาดตั้งใจเก็บพวกมันนับสิบเพื่อการวิจับ ตอนนี้เรารู้สาเหตุแล้ว”
“จากที่มองดู การทดลองน่าจะล้มเหลว”คนของตาข่ายคลุมสวรรค์ยิ้ม เหลือบมองผู้นำนครหลวงเทพ มันหายากที่จะพบโอกาสขุดเอาความลับของนครหลวงเทพ พวกเขาย่อมไม่คิดปล่อยผ่าน
ผู้นำที่เหลือจากองค์กรอื่นไม่กล้าพูด แต่ส่วนใหญ่ลอบดีใจ
นครหลวงเทพมักมีความภาคภูมิใจในฐานะเลือดบริสุทธิ์มาตลอด ในความเป็นจริง องค์กรในแดนเทพส่วนใหญ่ไม่อนุมัติแนวคิดนี้ สิ่งที่ทำให้คนจากนครหลวงเทพไม่เป็นที่ต้อนรับมากขึ้นคือความจริงที่ว่าสมาชิกของพวกเขามักอวดอ้างความเหนือกว่าในทุกที่ที่ไป
เมื่อเห็นผู้นำของนครหลวงเทพกำลังโดนเผา ส่วนใหญ่ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ
สำหรับเรื่องที่พูดโดยองค์กรระดับเจ็ตด่างๆ ผู้นำเทพสวรรค์ส่วนใหญ่ที่นี่มีความเข้าใจในระดับหนึ่ง
หมื่นปีก่อน นักวิจัยในนครหลวงเทพได้รับแรงบันดาลใจในการทดลองมอนสเตอร์อย่างนกฮูกสามหัว เหตุผลคือหัวทั้งสามของมันเกิดมาพร้อมความสามารถโดยธรรมชาติเพื่อควบคุมพลังกฏเทพสามอย่าง
นักวิจัยจึงมีแนวคิดว่าหากพวกเขาเพิ่มระดับนกฮูกเป็นเทพสวรรค์ มันเป็นไปได้สำหรับมอนสเตอร์นี้ที่จะใช้ห่วงโซ่ลำดับเทพสามสายได้ทันทีที่เป็นเทพสวรรค์ขั้นหนึ่ง
ถ้าการทดลองนี้ประสบผลสำเร็จ ตามลักษณะทางชีววิทยาของนกฮูกสามหัว พวกเขาสามารถศึกษาเพิ่มเติมถึงการก้าวข้ามและการทำลายขีดจำกัดพลังของร่างกายและดวงวิญญาณเพื่อควบคุมห่วงโซ่ลำดับเทพให้มากขึ้น
แต่ทว่า การทดลองนี้กลับล้มเหลวตั้งแต่เริ่ม
หลังนกฮูกสามหัวทั้งหมดควบแน่นห่วงโซ่ลำดับเทพสำเร็จ พวกมันจะยกระดับเป็นเทพสวรรค์โดยตรงหรือไม่ก็ติดที่ระดับเทพแท้จริง ไม่สามารถทะลวงผ่านได้ บางตัวยังประสบกับการเร่งของการกลายพันธ์ุหลังโดนบังคับให่ควบแน่นห่วงโซ่ลำดับเทพที่สองและระเบิดตัวตาย
สำหรับห่วงโซ่ลำดับเทพที่สาม ไม่มีนกฮูกสามหัวสักตัวที่ควบแน่นห่วงโซ่ลำดับเทพได้ถึงสองสายที่ระดับเทพสวรรค์ขั้นหนึ่ง
หลังล้มเหลวไปพันรอบ นครหลวงเทพก็ยอมแพ้ต่อการทดลองนี้
สำหรับเป้าหมายทดลองที่เหลือ พวกเขาโยนพวกมันเข้าแดนนักโทษลับ
“เจ้าหญิงน้อยจากเนฟิลิกไม่เลวเลย”ผู้นำนครหลวงเทพเปลี่ยนเรื่อง เพราะมันคือไคลี่ เจ้าหญิงน้อยแห่งเผ่าเนฟิลิกที่เป็นคนล่านกฮูกสามหัว”ข้าได้ยินว่ามีคนหนุ่มมากพรสวรรค์หลายคนไปสู่ขอนาง?”
รอยยิ้มของผู้นำกลุ่มเผ่าเนฟิลิกเบ่งบาน”มันเป็นความจริง”
“ความสามารถของนางไม่เลวเลย นางถือได้ว่าเป็นเทพแท้จริงชั้นนำ”ผู้นำของวิหารเทพนักรบพยักหน้าพึงพอใจ”ข้าได้ยินว่าเด็กนั่น จ้านกวงดูเหมือนจะสนใจในตัวนาง”
“มันไม่ใช่แค่จ้านกวง จากสิ่งที่ข้ารู้ มีอัจฉริยะหลายคนทีท่ชื่นชอบเจ้าหญิงน้อย”ผู้นำตาข่ายคลุมสวรรค์ยิ้ม”แม้จะมีหลายคนยังไม่แสดงออก ข้าก็คาดหวังว่าหลังการเดินทางนี้ พวกเขาจะเคลื่อนไหวกันแน่”
ตามข้อมูลภายในที่ตาข่ายคลุมสวรรค์ได้รับ หลายองค์กรได้หมายตาไคลี่ไว้แล้ว
อัจฉริยะเทพแท้จริงบางคนยังไม่แสดงเจตนา อยากรอดูว่าเจ้าหญิงน้อยคนนี้เป็นของปลอมหรือทรงพลังจริงๆ
แต่ทว่า ระหว่างการเดินทางนี้เข้าแดนลับ ไคลี่ได้แสดงให้เห็นถึงพลังของนางแล้ว
คาดว่าอัจฉริยะหลายคนที่เอาแต่ดูจากด้านข้างคงลงมือในไม่ช้า
เมื่อได้ยินคนอื่นคุยกัน ผู้นำของเผ่าเนฟิลิกก็แค่หัวเราะโดยไม่แสดงความคิดเห็น
พวกเขาตระหนักชัดว่าเจ้าหญิงน้อยไม่มีความตั้งใจจะแต่งงานกับใคร เมื่อมันเป็นเรื่องของเผ่าเนฟลิก นางกลับไม่ใส่ใจเลย
วิธีการโน้มน้าวให้นางแต่งงานยังเป็นปัญหา
ในแดนลับ ไคลี่ผู้สวมชุดเกราะเงินไม่รู้ว่าโลกภายนอกกำลังคุยกันถึงนาง
ตั้งแต่ที่นางเข้าแดนลับ นางก็ระบายอารมณ์ทั้งหมดผ่านการล่า
นกยักษ์สามหัวตรงหน้านางคือเหยื่อที่ทำให้นางอารมณ์เสียมากสุดตั้งแต่เข้าแดนลับ
แม้จะไม่มีการแสดงออกใดบนหน้านาง แต่ทุกครั้งที่นางโจมตีจะเผยความไม่พอใจของนาง
แม้นกฮูกสามหัวจะไม่ถือว่าทรงพลังสุดในหมู่เทพสวรรค์ขั้นหนึ่งในแดนลับ ความสามารถโดยรวมของมันก็ถือว่าอยู่ด้านบนของห่วงโซ่อาหาร
โดยปกติ เมื่อมันเจอกับนักโทษคนอื่นที่ไม่สามารถเข้าชนะได้ มันสามารถซ่อนตัวหรือวิ่งหนี
แต่ทว่า ต่อหน้าไคลี่ มันไม่มีที่ให้ถอย และมันก็ไม่สามารถซ่อนหรือหลบหนีได้
วิธีการหลบหนีทั้งหมดของมันเปล่าประโยชน์ต่อไคลี่ ในแง่ของความเร็ว มันไม่ได้เหนือไปกว่านางเลย
ตั้งแต่เผชิญหน้าครั้งแรก นกฮูกสามหัวก็ถูกสะกดข่มอยู่ตลอด จนถึงจุดที่มันไม่สามารถเงยหัวได้ด้วยซ้ำ
ห่วงโซ๋ลำดับเทพที่มันใช้ได้คือประเภทพิษ แต่ต่อหน้าการลงทัณฑ์สวรรค์ โซ่เทพของไคลี่ มันพลันโดนทำลายด้วยสายฟ้าทันที
ส่วนที่หลงเหลือเล็กน้อยที่ไม่โดนทำลายก็ถูกแยกออกจากตัวมันด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าของไคลี่ ซึ่งบรรจุไปด้วยพลังลำดับเทพ
สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือความจริงที่ว่าไคลี่สวมชุดเกราะเทพสวรรค์เต็มตัว
ตั้งแต่มงกุฏบนหัวนางจนถึงต่างหู สร้อยคอ ชุดเกราะ รวมถึงหอกในมือนาง แหวนนาง รองเท้าส้นสูงของนาง ทั้งหมดคือสมบัติเทพสวรรค์
ดังนั้น ต่อหน้าเจ้าหญิงน้อยจากเผ่าเนฟิลิก ตัวเลือกเดียวที่นกฮูกสามหัวเหลือคือแหลกลาญ
โซ่เทพ การลงทัณฑ์สวรรค์เป็นอะไรที่อันตรายมาก และมันยังเป็นพลังลำดับเทพที่ทำให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างมาก
ทุกครั้งที่นกฮูกสามหัวโดนฟาด มันจะไม่แตกต่างกับการโดนเฆี่ยนตี
ทุกครั้งที่มันร้องโหยหวน มันเป็นเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากส่วนลึกของหัวใจมัน
ดังนั้น ก่อนมันจะโดนตีมากกว่าสองครั้ง มันก็รู้ว่ามันไม่ใช่คู่ต่อกรของไคลี่และหนี
แต่ทว่า มันไม่คาดคิดว่าจะไม่สามารถหลบหนีได้
นี่เพราะผู้หญิงนางนี้เร็วกว่ามัน..
ไคลี่ไล่ตามด้วยหอกในมือนาง ทุกการโจมตีแต่ละครั้งจากหอกนาง สายฟ้าสีม่วงจะระเบิดจากปลายหอก เปลี่ยนเป็นประกายไฟฟ้านับไม่ถ้วนที่ฟาดใส่นกฮูกสามหัว
หลังไล่ล่าอยู่กว่ายี่สิบนาที ท่ามกลางเสียงร้องน่าสังเวช หัวสุดท้ายของมันก็ระเบิดเป็นสายฟ้าแลบ มันกลายเป็นศพไหม้เกรียม ไร้หัวและล้มกระแทกพื้น…
เมื่อดูฉากนี้ เทพสวรรค์หลายคนนอกแดนลับก็แอบคิด”ช่างป่าเถื่อนนัก!”
ตอนที่ 1518
หลังเลื่อนเป็นขั้นสี่ได้สำเร็จ เพื่อเลี่ยงการดึงดูดความสนใจเพิ่ม หลินฮวงยังคงหมายตานักโทษเทพสวรรค์ขั้นสามเป็นเป้าหมายการล่าของเขาตั้งแต่ต้นจนจบ
เหนือสิ่งอื่นใด มีตัวอย่างสติทช์น้อยมาก ที่เต็มไปด้วยพลังกฏเทพภายในตัว นักโทษขั้นสามส่วนใหญ่ที่เขาล่าจะมอบกฏให้แค่ 15000-20000 เท่านั้น
เนื่องจากอาณาเขตของนักโทษเทพสวรรค์อยู่ไกลจากัน เวลาส่วนใหญ่ของเขาจึงใช้กับการเดินทาง และจำนวนนักโทษเทพสวรรค์ที่เขาฆ่าทุกวันก็มักอยู่ระหว่าง 12 และ 15
ด้วยอัตราล่านี้ เขาจึงใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะสามารถได้รับกฏมากพอเลื่อนเป็นเทพแท้จริงขั้นห้า
ด้วยความที่เขาโดนจำกัดด้วยระยะห่างระหว่างอาณาเขตของนักโทษเทพสวรรค์ แถมยังไม่อาจใช้กฏมิติหรืออะไรก็ได้เพื่อเคลื่อนย้าย ร่วมกับความจริงที่เป้าหมายล่าของเขายังเป็นเทพสวรรค์ขั้นสาม ประสิทธิภาพการล่าของเขาจึงไม่เพิ่มขึ้นมากหลังระดับพลังของเขาเพิ่ม
ผู้นำเทพสวรรค์ด้านนอกแดนลับเห็นว่าเขาเริ่มเชี่ยวชาญการล่ามากขึ้น
มันแค่ว่าหลังผ่านไปหลายครั้ง พวกเขาจึงชินชากับมัน
เทพสวรรค์หลายคนคุยกันว่าทำไมหลินฮวงถึงไม่ท้าทายเป้าหมายที่ยากกว่านี้
“ข้าคิดว่าหลังซิวมู่คุ้นเคยกับการล่าเทพสวรรค์ขั้นสาม เขาน่าจะลองล่าเทพสวรรค์ขั้นสี่ซะอีก แต่มันก็ผ่านมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว และเขาดูเหมือนจะไม่มีเจตนาไปลองดูเลย”
“ข้าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมเขาถึงไม่ไปท้าทายเทพสวรรค์ขั้นสี่?ดูจากนิสัยที่เขาแสดงก่อนหน้านี้ มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ”
“บางทีเขาคงรู้สึกว่าการล่าขั้นสามได้แต้มดีกว่า มันคงเพื่อรักษาอันดับหนึ่งบนกระดานทอง เหนือสิ่งอื่นใด รางวัลของอันดับหนึ่งบนกระดานยังน่าดึงดูดพอสมควร”
“ข้าไม่คิดว่าเขาเป็นคนประเภทที่ยอมแพ้ให้กับการท้าทายแค่เพื่อแต้ม ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้เปรียบมากในเรื่องแต้ม ต่อให้เขานอนเอื่อยสองสามวัน เขาก็ยังไม่มีวันโดนแซง การใช้เวลาครึ่งวันเพื่อพยายามท้าทายคงไม่ส่งผลกับอันดับเขาเลย ต้องมีเหตุผลอื่นที่เขาไม่ไปลอง”
“ทำไมพวกเจ้าต้องคิดอะไรให้ซับซ้อน?บางทีเขาคงรู้สึกว่าเขาไม่แข็งแกร่งพอจะไปท้าทายขั้นสี่และจึงยอมแพ้”
มีบางคนที่หันไปถามใต้สวรรค์
ใต้สวรรค์แค่ยิ้มตอบ”ข้าเองก็ไม่แน่ใจ”
เหล่าเทพสวรรค์เหนื่อยกับการดูหลินฮวงล่าแล้ว พวกเขาจึงเริ่มเปลี่ยนความสนใจไปยังผู้เข้าร่วมคนอื่น
พวกเขาเพิ่งรู้ตัวว่าแม้การทดสอบจะดำเนินมาหนึ่งในสามแล้ว พวกเขาก็เพิ่งสังเกตคนอื่นเป็นครั้งแรก
แต่ทว่า เปรียบเทียบกับหลินฮวง ผลงานของพวกเขาไม่น่าพอใจเลย
ส่วนใหญ่ล่าเทพแท้จริงขั้นเก้า และไม่โดดเด่นอะไร เหล่าเทพสวรรค์แทบหลับตอนดู
แม้นักล่าชั้นนำหลายคนจะล่าเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งหรือสองบ้าง การต่อสู้พวกเขาก็ยากลำบากมาก การต่อสู้ที่สั้นสุดยังใช้เวลากว่าสองชั่วโมง การต่อสู้ที่นานสุดกินเวลาทั้งวันทั้งคืน
ถ้านี่เป็นอดีต ไม่ว่าการต่อสู้เหล่านี้จะนานแค่ไหน มันก็ยังน่าอัศจรรย์ในสายตาเหล่าเทพสวรรค์
เหนือสิ่งอื่นใด การที่เทพแท้จริงล่าข้ามระดับถือเป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา
แต่ทว่า ครั้งนี้เหล่าเทพสวรรค์กลับขมวดคิ้วตอนดู
หลังเห็นความสำเร็จของหลินฮวง มันก็เกิดความรู้สึกตรงกันข้าม นักล่ากลุ่มนี้อ่อนแอมากถ้าไปเทียบกับซิวมู่
หลินฮวงล่าเทพสวรรค์ขั้นสามได้อย่างราบรื่นเหมือนสายน้ำ ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นสักครั้งตลอดกระบวนการ ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้หนึ่งยังกินเวลามากสุดแค่ครึ่งชั่วโมง
เทียบกันแล้ว การล่าของคนอื่นดูน่าอึดอัดไปเลย
แน่นอน มีผู้เข้าร่วมบางคนที่ได้รับความสนใจเช่นกัน
ตัวอย่างเช่นเจ้าแดง
ท่ามกลางนักล่าเทพแท้จริง เจ้าแดงถือว่าเป็นคนที่มีระดับพลังต่ำสุด
นี่เพราะเพื่อแสดงพลังของคนหนุ่มสาว ผู้เข้าร่วมที่ส่งมาโดยองค์กรใหญ่ล้วนเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งสุดของพวกเขา
พวกคนที่อยู่ระดับเทพเสมือนก็ล้วนเป็นเทพเสมือนขั้นเก้า ส่วนเทพแท้จริงก็ล้วนเป็นเทพแท้จริงขั้นเก้า
แต่ทว่า เจ้าแดงเป็นเทพแท้จริงขั้นแปดคนเดียวในกลุ่มเทพแท้จริง
เดิม เนฟิลิกค่อนข้างลังเลที่จะมอบที่ว่างให้เจ้าแดง เพราะถ้านางทำผลงานไม่ดี นางจะทำให้เผ่าเนฟิลิกอับอาย
ไคลี่เป็นคนโต้แย้งเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด บอกว่าถ้าพวกเขาไม่อนุญาตให้เจ้าแดงเข้าร่วม นางก็จะไม่เข้าร่วมด้วย
จากนั้น เผ่าเนฟิลิกถึงต้องจำยอม
เจ้าแดงไม่ถือว่าแข็งแกร่งในหมู่อัจฉริยะเทพแท้จริงเนื่องจากนางเป็นแค่ชนชั้นกึ่งเทพสูงสุด(4.5) ขณะที่อัจฉริยะอย่างน้อยหลายสิบคนเป็นสิ่งมีชีวิตชั้น 5 เทพสูงสุด
แต่ทว่า ผลงานของนางกลับโดดเด่นมาก แม้กระทั่งเทียบได้กับอัจฉริยะชั้นนำ
หลังเข้าแดนลับ นางไม่ได้ลงมือล่าเทพแท้จริงขั้นเก้าทันที แต่นางกลับเข้าอาณาเขตนักโทษขั้นแปด ใช้เวลาสองวันเต็มเพื่อควบคุมนักโทษขั้นแปดกว่าสิบ ในวันที่สาม นางถึงนำนักโทษเหล่านั้นเริ่มโจมตีนักโทษขั้นเก้า
ขณะกลุ่มนักโทษขั้นแปดของนางล้อมศัตรู นางก็หาโอกาสฝังปรสิตใส่พวกมัน
หลังจากนั้น นางก็ใช้เวลาสามวันควบคุมนักโทษขั้นเก้ากว่าสิบก่อนนำกลุ่มเข่นฆ่าไปจนถึงอาณาเขตของเทพสวรรค์ขั้นหนึ่ง
ตลอดห้าวันที่ผ่านมา นางเอาชนะเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งไป 7 ตนแล้ว
นางยังควบคุมได้ถึงสอง
สิ่งที่เหล่าเทพสวรรค์ด้านนอกไม่รู้คือเจ้าแดงสามารถควบคุมได้ทั้งหมด แต่นางจงใจทำให้เหมือนว่านางล้มเหลว เพราะนางกลัวผลที่จะตามมา
แม้กระทั่งผู้นำกลุ่มของเผ่าเนฟิลิกก็ยังเชื่อ นี่เพราะความประทับใจของพวกเขาที่มีต่อความสามารถของเจ้าแดงมักต่ำ และไคลี่ก็มักปกป้องนาง ผลงานของนางครั้งนี้นับว่าเหนือความคาดหมายของพวกเขาไปมากแล้ว
ยังมีเทพสวรรค์บางคนที่เริ่มคุยถึงเจ้าแดง
“เด็กสาวผมม่วงนั่นจากเผ่าเนฟิลิกไม่เลวเลย แม้ระดับพลังของนางจะอ่อนไปหน่อย แต่นางก็ใช้ห่วงโซ่ลำดับเทพได้ แและมันก็ยังเป็นประเภทควบคุมที่สามารถควบคุมเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งได้!”
“ขีดจำกัดของพลังนี้ต่ำไปหน่อย มันไปถึงขีดจำกัดหลังควบคุมเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งได้แค่สอง มันน่าเสียดาย…”
“พลังควบคุมประเภทนี้มักเกี่ยวกับพลังจิต แม้มันจะสามารถควบคุมได้แค่สอง แต่มันก็ยังมีศักยภาพให้พัฒนา เหนือสิ่งอื่นใด ระดับพลังของนางก็แค่เทพแท้จริงขั้นแปด เมื่อนางเลื่อนเป็นเทพสวรรค์ พลังจิตของนางจะผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การควบคุหุ่นเชิดเทพสวรรค์กว่าสิบคงเป็นเรื่องง่ายๆ”
เห็นได้ชัดว่าทักษะการแสดงของเจ้าแดงหลอกเหล่าเทพสวรรค์ได้สนิทใจ
ในความเป็นจริง ถ้ามันไม่ใช่ว่านางต้องพบกับหลินฮวง ตามนิสัยระมัดระวังของนาง นางคงไม่คิดเข้าอาณาเขตเทพสวรรค์เพื่อล่า นางคงเอาแต่เก็บตัว ป้องกันไม่ให้เป็นที่สังเกต
นางเข้าอาณาเขตเทพสวรรค์เพราะตั้งแต่ต้น นางได้คุยกับหลินฮวงและตกลงจะพบเขาที่นั่น
ยิ่งไปกว่านั้น จุดนัดพบที่นางกับไคลี่ตัดสินใจก็อยู่ในอาณาเขตเทพสวรรค์เช่นกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น