Monster Paradise 1503-1505
ตอนที่ 1503
“เขาหลุดออกจากสิ่งนั้นได้ไง?! ”
“ข้าเองก็ไม่รู้ เขายอมจำนนต่อภาพลวงตา จากนั้นก็ทำลายออกมา หรือเขาไม่ตกเป็นเหยื่อของภาพลวงตาตั้งแต่แรก?! ”
“พลังวิญญาณของเขาคงไม่แข็งแกร่งไปกว่าเนตรปีศาจหรอกมั้ง?! ”
ด้านนอกแดนลับ กลุ่มเทพสวรรค์เห็นการโต้กลับของหลินฮวง และใบหน้าพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ แม้กระทั่งใต้สวรรค์ก็ไม่เว้น
พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าทำไมหลินฮวงถึงไม่ได้รับผลกระทบจากภาพลวงตาของเนตรปีศาจ
ด้วยพลังของเนตรปีศาจและผลของห่วงโซ่ลำดับเทพสองสาย ภาพลวงตาที่มันสร้างจะส่งผลต่อเทพสวรรค์ขั้นสองจำนวนมากถ้าไม่ระวัง
แต่ทว่า สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือพลังวิญญาณของหลินฮวงนั้นแข็งแกร่งกว่าเนตรปีศาจ และจิตวิญญาณของเขายังได้รับการปกป้องด้วยอาวุธเซียนประเภทวิญญาณที่เทียบได้กับสมบัติเทพสวรรค์ขั้นสูง
นี่ทำให้หลินฮวงมีภูมิคุ้มกันต่อการโจมตีประเภทวิญญาณอย่างสมบูรณ์
ภาพลวงตาของเนตรปีศาจถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว แต่อาวุธเซียนก็ต่อต้านมัน
หลินฮวงยังยืนอยู่กับที่หลังเนตรปีศาจใช้ภาพลวงตา ไม่ใช่เพราะเขาโดนจับเข้ากับภาพลวงตา แต่เพราะเขาเสียสมาธิไปกับการตรวจสอบผลของอาวุธเซียน
เขาพบว่าเมื่อพลังวิญญาณของเขาใกล้เคียงกับเทพสวรรค์ขั้นสาม อาวุธเซียนจะต้านทานการโจมตีประเภทวิญญาณทั้งหมดจากขั้นหนึ่งถึงสามได้ ยิ่งไปกว่านั้น ผลของอาวุธเซียนนี้ยังเพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับพลังวิญญาณตัวเขา
เมื่อพบเจอคู่ต่อสู้อย่างเนตรปีศาจ ซึ่งถนัดแค่พลังจิต คนอื่นจะไม่แตะต้องมัน แต่สำหรับหลินฮวง พวกมันเหมือนอาหารบนเขียง
เหล่าคนที่อยู่ด้านนอกต่างงุนงง แต่หลินฮวงกลับอารมณ์ดีมาก
การจัดการกับเนตรปีศาจไม่เพียงช่วยให้เขาเลื่อนเป็นขั้นสองได้สำเร็จ แต่มันยังช่วยให้เขาคิดหาหนทางก้าวหน้าต่อได้
‘กลายเป็นว่า การเลื่อนขั้นของข้าขึ้นอยู่กับจำนวนกฏภายในตัวข้า..ขั้นแรก มากกว่าสามหมื่นกฏ และข้าก็สามารถเลื่อนเป็นขั้นสองได้เมื่อรวบรวมถึงเก้าหมื่น ข้าไม่รู้ว่าต้องมีกฏมากแค่ไหนเพื่อเลื่อนเป็นขั้นสาม’
แม้หลินฮวงจะบ่นในใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่เสียหายอะไร
ตอนนี้ที่เขารู้แล้วว่าต้องทำไงเพื่อเลื่อนระดับ ก็ไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดถึงตัวเลขเฉพาะเจาจง นอกจากนี้ ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือล่าเทพสวรรค์ต่อ ปล้นกฏจากพวกมัน ตราบเท่าที่จำนวนพอ ระดับพลังเขาจะเพิ่มขึ้นเอง
เขาแค่ต้องปล่อยให้มันดำเนินต่อไปตามครรลอง
หลังได้รับความทรงจำจากศพเนตรปีศาจ ซึ่งเปลี่ยนเป็นกองเนื้อเน่าเปื่อยและเก็บศพมันไป หลินฮวงก็มุ่งตรงไปหาเป้าหมายต่อไป
ด้านนอกแดนลับ ใต้สวรรค์ผู้ชนะเดิมพันอีกครั้งเก็บแหวนไปภายใต้สายตาอิจฉาของทุกคน
มีคนไม่กี่คนที่ยังสนทนาถึงเทคนิคที่ซิวมู่ใช้เพื่อหลบการโจมตีของเนตรปีศาจ
ใต้สวรรค์ยังคงรักษาสีหน้าเฉยเมย ไม่เข้าร่วมการสนทนาเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าหลินฮวงทำได้ไง
แต่ทว่า ศึกนี้ได้คลายความกังวลทั้งหมดที่เขามี
การสามารถฆ่าเนตรปีศาจได้หมายความว่าความสามารถของหลินฮวงเพียงพอให้เขาอาละวาดไปทั่ว
เขาไม่ต้องกังวลถึงการถลำลึกของหลินฮวงอีก
ไม่มีใครวางเดิมพันระหว่างการล่าสองครั้งต่อไปของหลินฮวง
ประสิทธิภาพของหลินฮวงยังมั่นคงและแข็งแกร่ง คู่ต่อสู้ใดที่พบกับเขาจะโดนกำจัดภายในเสี้ยวพริบตา
ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงวัน เขาก็ได้ฆ่าเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งไปถึงสิบ สะสมแต้มได้มากกว่าพันและทิ้งห่างทุกคน
ผู้เข้าร่วมคนอื่นในแดนลับเริ่มมึนงงกับเรื่องนี้
ไม่มีใครสามารถเดาได้ว่าม้ามืดเช่นหลินฮวงจะทรงพลังถึงขั้นบดขยี้อัจฉริยะขององค์กรอื่นได้ แม้กระทั่งเทพแท้จริงชั้นนำที่มีความสามารถเทียบเท่ากับเทพสวรรค์ก็ยังโดนกดจนโงหัวไม่ขึ้น
หลังฆ่าเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งไปถึงสิบ เส้นทางบินของหลินฮวงก็กลายเป็นประเด็นในหมู่เทพสวรรค์ด้านนอกอีกครั้ง
“เส้นทางนี้ของซิวมู่–ไม่ใช่ว่าเขาพยายามล่าเทพสวรรค์ขั้นสองอีกงั้นหรือ?! ”
“ดูจากทิศทางแล้ว มันดูเหมือนเขากำลังมุ่งตรงไปหาเทพสวรรค์ขั้นสอง! ”
“เพราะเขารู้สึกว่าเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งไม่ท้าทายพอ เขาจึงอยากไปหาคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขึ้น?! ”
“เขาสามารถฆ่าเนตรปีศาจ ซึ่งมากพอพิสูจน์ความสามารถเขา ข้าคิดว่ามันคงไม่ยากสำหรับเขาที่จะล่าเทพสวรรค์ขั้นสองทั่วไป”
“ตัดสินจากผลงานของเขาก่อนหน้า เขาอาจยังเหลือพลังงานอีกมาก ข้าอยากดูขีดจำกัดของเขาจริงๆ ”
น่าแปลกใจ ครั้งนี้ ไม่มีเทพสวรรค์คนใดกล้าโต้แย้งถึงพลังของหลินฮวง
ด้วยการตบหน้าพวกเขาซ้ำๆ ผู้นำของวิหารเทพนักรบและนครหลวงเทพจึงไม่ออกความเห็นอีก ไม่มีใครแน่ใจว่าพวกเขาคิดเห็นอย่างไรกับเป้าหมายล่าของหลินฮวง
ด้วยความที่ทุกคนกำลังมองโลกในแง่ดีถึงผลลัพธ์ การเดิมพันจึงไม่เกิด
ทุกคนจ้องภาพวิดิโอ หลินฮวงบินอย่างราบรื่นกว่าชั่วโมงและในที่สุดก็เข้าอาณาเขตของเทพสวรรค์ขั้นสอง
หลังการต่อสู้รุนแรงกินเวลากว่าครึ่งชั่วโมง เขาก็จัดการศัตรูได้
คะแนนของหลินฮวงเพิ่มขึ้นสองร้อย
เทพสวรรค์ที่เฝ้าดูการต่อสู้นี้ต่างตื่นตกใจ
นี่เพราะหลินฮวงใช้แค่ห่วงโซ่ลำดับเทพสายฟ้าอย่างเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
“การสามารถฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสองได้ถือว่าไม่เลวเลย มันเท่ากับบันทึกพลังต่อสู้สูงสุดที่เคยมีมา”
“เขาต้องพึ่งพามีดบินพลังจิตจำนวนมากเพื่อบดขยี้ศัตรู วิธีนี้อาจไม่ได้ผลกับเทพสวรรค์ขั้นสองชั้นนำเพราะมีโอกาสสูงที่จะโดนข่มด้วยความเร็วหรือพลังป้องกัน”
“พลังเทวะของซิวมู่รวมถึงปริมาณพลังเทวะของเขาเกินกว่าเทพแท้จริงทั่วไป แต่ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ยังมีจำกัด เหนือสิ่งอื่นใด เขาเป็นแค่เทพแท้จริง ถ้าเขาพบคู่ต่อสู้ที่สามารถผลักดันเขาได้ เขาก็อาจแพ้ ยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อ เขายิ่งเสียเปรียบ”
ขณะที่เทพสวรรค์จำนวนมากด้านนอกแดนลับกำลังคุยกัน ก็เกิดความโกลาหลภายในแดนลับเช่นกัน
ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นต่างให้ความสนใจกับแต้มที่พุ่งทะยานของหลินฮวง
ทุกคนสังเกตเห็นมันเมื่อแต้มของเขาเพิ่มขึ้นสองร้อย
“ถ้าแต้มเขาเพิ่มขึ้นสองร้อยในคราเดียว ก็หมายความว่าเขาฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสองได้สำเร็จ?! หรือเขาฆ่าเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งสองตัวพร้อมกัน?! ”
“ชายคนนี้เริ่มล่าเทพสวรรค์ขั้นสองแล้ว! มันยังเป็นวันแรกอยู่เลย! ”
“เห้ เห้ ทำไมต้องหดหู่ขนาดนี้?! เดิมข้าวางแผนจะอยู่เฉยๆ อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ข้ากลับอับอายเล็กน้อยถึงความขี้เกียจเพราะเจ้า”
“เขาไม่ได้โกงจริงๆ หรือ?! ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อซิวมู่มาก่อน?! ”
แน่นอน ไคลี่กับเจ้าแดงเองก็สังเกตเห็นผลงานของหลินฮวงบนกระดานคะแนน
ไคลี่สวมชุดเกราะต่อสู้พร้อมหอกในมือ ยืนนิ่งเป็นหินขณะจ้องชื่อซิวมู่บนกระดาน ไม่ทำการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน
ที่ไหนสักแห่ง เจ้าแดงเหลือบมองกระดานก่อนละสายตา มุมปากของนางขยับขึ้นเล็กน้อย
ตอนที่ 1504
หลังหลินฮวงฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสองสำเร็จ อัจฉริยะขององค์กรใหญ่ก็นั่งกันก้นไม่ติด
เทพแท้จริงขั้นสูงสุดจำนวนมากที่ใช้พลังกฏเทพถึงขั้นสมบูรณ์ได้หยุดอุ่นเครื่องและทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม พวกเขาเริ่มเข้าเขตเทพสวรรค์ทีละคน
พวกเขารู้ว่าถ้าพวกเขาไม่เริ่มฆ่าเทพสวรรค์ตอนนี้ พวกเขาจะโดนซิวมู่ทิ้งห่างมองไม่เห็นฝุ่น
สำหรับเทพแท้จริงหลายคนที่ต่ำกว่านั้น พวกเขาเริ่มเล่นเกมฆ่านักโทษเทพแท้จริง พวกเขาทำงานหนักขึ้นเพื่อให้แต้มล่าสุดท้ายพวกเขาดีขึ้น
รวมถึงซิวมู่ มีเทพแท้จริงขั้นสูงสุดไม่เกินสิบ ต่อให้จะไม่สามารถเอาชนะคนเหล่านี้ได้ มันก็ยังดีถ้าได้ติดสิบอันดับแรก ถ้านี่ไม่ได้ผล การติด 20 อันดับแรกก็ยังดี
สำหรับพวกที่ต่ำกว่าเทพแท้จริง เทพเสมือนหลายคนไม่ได้สนใจกระดานทองนัก
แต่ทว่า พวกเขาก็เห็นแต้มอันดับหนึ่งบนกระดานทองที่แตะสี่หลักไปแล้ว ในขณะเดียวกัน อันดับหนึ่งยังมีเลขแค่หลักเดียวอยู่เลยบนกระดานเงิน การจะขึ้นสิบอันดับแรกบนกระดานเงินไม่ได้ยากขนาดนั้น
สิ่งนี้ได้กระตุ้นใครหลายคน
เหนือสิ่งอื่นใด มันไม่เหมือนกับความแตกต่างอย่างมากของคะแนนบนกระดานทอง ความเหลื่อมล้ำของคะแนนบนกระดานเงินยังไม่กว้างมาก มันยากมากที่จะบอกว่าสุดท้ายใครจะชนะ
ด้านนอกแดนลับ เทพสวรรค์กำลังเพลิดเพลินกับการแสดง
เมื่อเห็นว่าจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันของทุกคนถูกสุมโดยหลินฮวง พวกเขาก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องดี
แดนลับเป็นเวทีให้บุคคลได้แสดงความสามารถและนำชื่อเสียงมาสุ่องค์กรตน
ผู้นำทั้งหมดขององค์กรใหญ่หวังว่าผู้เข้าร่วมที่พวกเขานำมาด้วยจะเป็นดาวเด่น เหนือสิ่งอื่นใด ผู้เข้าร่วมเหล่านี้คือขุมกำลังหลักขององค์กรในปัจจุบันและในอนาคต
หลินฮวงไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เขานำมาเลย
เขายังคงมุ่งหน้าหาเป้าหมายต่อตามปกติ หลังฆ่าเสร็จ เขาก็มองหาเป้าหมายต่อไป กระบวนการนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก…
สำหรับการฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสองทั้งหมด เขาใช้ห่วงโซ่ลำดับเทพสายฟ้าตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ใช้อื่นใด
แม้เขาจะใช้แค่ห่วงโซ่ลำดับเทพเส้นเดียว แต่ก็มีมีดบินพลังจิตนับหมื่นที่เต็มไปด้วยพลังกฏเทพ จำนวนสูงสุดของพวกมันยังมากถึงแปดหมื่น เป็นการชนะด้วยจำนวนอย่างแท้จริง
นี่ทำให้ผู้นำเทพสวรรค์ด้านนอกแดนลับต่างงุนงง
ในแง่หนึ่ง พวกเขาประหลาดใจกับการควบคุมพลังจิตของหลินฮวง ในอีกด้าน พวกเขายังตกใจกับพลังจิตของหลินฮวงและพลังเทวะที่มากมายของเขา ในขณะเดียวกัน ผู้นำเทพสวรรค์บางคนยังตกตะลึงกับความร่ำรวยของหลินฮวง
เหนือสิ่งอื่นใด สมบัติเทพสวรรค์ที่ใช้โดยเทพสวรรค์ไม่ถูกเลยและสมบัติอาวุธพลังจิตเช่นนี้ก็มีค่ามาก ไม่ใช่แค่นั้น ทุกคนสามารถบอกได้ว่าอาวุธพลังจิตชุดนี้ที่หลินฮวงใช้ไม่ใช่ระดับต่ำ
มีบางคนเดาว่าซิวมู่อาจเป็นลูกหลานของใต้สวรรค์หรือเหล่าเคียวโลหิตในเคียวแห่งความตาย
ในแดนลับ หลินฮวงยังคงดำเนินการฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสองอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเทพสวรรค์ขั้นสองทุกตนที่โดนเขาฆ่า เขาสามารถปล้นพลังกฏเทพได้ประมาณหมื่นประเภท หลังฆ่าไปกว่าสิบตัวติด พลังกฏเทพในตัวเขาก็พุ่งทะยานไปกว่าแสนสอง แต่ระดับพลังของเขายังไม่มีท่าว่าจะเลื่อนขั้น
เขาให้ความสนใจกับจำนวนกฏในตัวมาก ตลอดจนกระทั่งฆ่านักโทษคนที่ 18 เมื่อจำนวนกฏในตัวของเขาแตะ สองแสนเจ็ดหมื่นประเภท ระดับพลังของเขาถึงเลื่อน
เขาเลื่อนจากขั้นสองเป็นขั้นสาม!
“เพิ่มทีละสามเท่างั้นเหรอ?!”หลินฮวงมีความคิดคร่าวๆถึงกฏความก้าวหน้า
เมื่อเขาเลื่อนเป็นเทพแท้จริงในตอนแรก เขามีกฏสามหมื่นประเภทในตัว เลื่อนเป็นขั้นสองตอนมีกฏเก้าหมื่นประเภท และการเลื่อนเป็นขั้นสามก็ใช้กฏเทพถึงสองแสนเจ็ดหมื่นประเภท ถ้าคำนวณตามรูปแบบนี้ การเลื่อนเป็นขั้นสี่ของเขาควรต้องการกฏเทพถึง 811000 ชนิด
ด้วยการคำนวณนี้ในหัว หลินฮวงจึงดำเนินการล่าต่อ
แต่ทว่า เปา้หมายล่าเขาเริ่มเพิ่มจากเทพสวรรค์ขั้นสองเป็นขั้นสาม
ไม่มีเหตุผลพิเศษสำหรับเรื่องนี้ แค่เพราะความจริงที่ว่าเทพสวรรค์ขั้นสามมีกฏมากกว่าภายในตัวก็เท่านั้น
เมื่อตระหนักว่าการเคลื่อนไหวของหลินฮวงผิดปกติไปอีกครั้ง เทพสวรรค์ทั้งหมดด้านนอกแดนลับจึงให้ความสนใจกับเขาอีกครั้ง
“เส้นทางบินของซิวมู่ดูเหมือนจะตรงไปยังอาณาเขตของเทพสวรรค์ขั้นสาม…”
“ชายคนนี้คงไม่คิดว่าเขาจะฆ่าเทพสวรรค์ขัั้นสามได้หรอกมั้ง?!”
“เขาใช้ห่วงโซ่ลำดับเทพได้แค่เส้นเดียวและอยากฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสาม ข้าเกรงว่ามันจะยากไป”ผู้นำของนครหลวงเทพส่ายหัว ไม่ได้มองในแง่ดีเกี่ยวกับพฤติกรรมของหลินฮวง
“อย่างมาก ความสามารถของเขาก็แค่ขั้นสอง เพื่อฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสอง เขาพึ่งพามีดบินทั้งหมดเพื่อทำให้ศัตรูเหนื่อย ถ้าเขาอยากใช้กลยุทธ์เดียวกันกับขั้นสาม ข้ากรงว่าสุดท้ายเขาจะเหนื่อยจนตายไปเอง”ผู้นำของวิหารเทพนักรบส่ายหัว
“มันดูเหมือนจะไม่มีผู้เข้าร่วมคนใดเคยท้าทายเทพสวรรค์ขั้นสามมาก่อนเลยสินะ?!ไม่ว่าซิวมู่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ แค่ความพยายามนี้ของเขาก็หมายความว่าเขาเหนือกว่าผู้เข้าร่วมทั้งหมดที่เคยมีมาแล้ว”ตอนนี้ ผู้นำของซีโน่พลันสนับสนุนหลินฮวง
“เจ้ารู้ได้ไงว่าซิวมู่จะไม่มีไพ่ตายอื่นให้แสดงอีก?”ผู้นำของตาข่ายคลุมสวรรค์แสดงรอยยิ้มขี้เล่น เมื่อพวกเขาพูด พวกเขายังจงใจเหลือบมองใต้สวรรค์ แต่น่าเสียดาย พวกเขาไม่สามารถหาเบาะแสอะไรได้
จากองค์กรระดับ 7 ทั้งห้า 4 ในนั้นได้ระบุแล้วว่าพวกเขาหนุนใคร
เมื่อสัมผัสว่าหลายคนกำลังลอบมองเขา ผู้นำของศาลาสมบัติก็หัวเราะเบาๆ
“ข้าไม่ขอออกความเห็น ถ้าผู้เข้าร่วมเหล่านี้เกิดเป็นจ้าวเทวะเข้าสักวัน พวกเขาจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ของศาลาสมบัติล้ำค่าเรา แต่ทว่า ถ้าพวกเจ้าอยากเถียงกัน ข้าก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะเป็นเจ้าภาพและเปิดการเดิมพันรอบใหม่”
“มาเพิ่มเงินเดิมพันกันในรอบนี้ ข้าจะรับแค่สมบัติเทพสวรรค์ขั้นสูง เริ่มด้วยสามชิ้น!”
“คนที่สนใจสามารถร่วมเล่นได้”
วินาทีที่ผู้นำของศาลาสมบัติพูด ทุกคนก็เงียบไป
เงินเดิมพันเริ่มต้นเหล่านี้ทำให้ผู้นำเทพสวรรค์ขององค์กรระดับห้าตั่วสั่นสะท้าน พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะพูด เพราะสมบัติเทพสวรรค์ขั้นสูงทั้งหมดที่พวกเขามีกับตัวมีแค่ 3-5 ชิ้นเท่านั้น
สำหรับผู้นำขององค์กรระดับหก พวกเขายังเงียบด้วย สำหรับส่วนใหญ่ นี่เหมือนกับการตัดคอตัวเอง
สำหรับองค์กรระดับเจ็ด พวกเขาไม่พูดอะไรมาก
มันไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สามารถจ่ายได้ แต่พวกเขาไม่แน่ใจว่าจะชนะไหม
ผู้นำของวิหารเทพนักรบกับนครหลวงเทพที่ดูถูกหลินฮวงก่อนหน้าก็ยังลังเล
แม้พวกเขาจะบอกว่าหลินฮวงทำไม่ได้ พวกเขาก็ยังมีความรู้สึกคลุมเครือในใจว่าเขาอาจมีไพ่ตายเพิ่ม บางทีเขาอาจฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสามได้จริง
และถึงแม้ผู้นำของซีโน่กับตาข่ายคลุมสวรรค์จะพูดสนับสนุนหลินฮวง ตรรกะพวกเขาก็บอกพวกเขาว่าโอกาสชนะของหลินฮวงไม่สูง เขาอาจไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสามได้สำเร็จและแค่อยากลองดู
ทันทีที่ผู้นำของศาลาสมบัติล้ำค่าพูด ไม่มีใครตอบสนองไปสักพัก
หลังจากนั้น เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร ใต้สวรรค์ถึงก้าวออกไป นำแหวนเก็บของออกมา
“ข้าเดิมพันว่าซิวมู่จะชนะ!”
ทุกคนเหลือกตามองใต้สวรรค์
แต่ทว่า ผู้นำของศาลาสมบัติล้ำค่าไม่รับของมาจากใต้สวรรค์ เขากลับเหลือบมองคนอื่นแทน”มีใครจะเดิมพันอีกไหม?!ถ้าไม่มี การเดิมพันรอบนี้ก็เล่นไม่ได้”
ไม่มีใครตอบกลับเป็นเวลานาน
แม้กระทั่งผู้นำขององค์กรระดับเจ็ดก็ยังหลบสายตา
“ถ้าไม่มีใครร่วม งั้นก็โทษข้าไม่ได้”ผุ้นำของศาลาสมบัติผายมือให้ใต้สวรรค์
เมื่อเห็น ใต้สวรรค์ก็เก็บแหวนไปและไม่พูดอีก
ผู้นำเทพสวรรค์หลายคนลอบเดาว่าพวกเขาโดนใต้สวรรค์หลอกหรือเปล่า หรือว่าซิวมู่มีความสามารถพอจะฆ่าเทพสวรรค์ขั้นสามจริงๆ?!
ตอนที่ 1505
สติทช์เป็นวิญญาณร้ายที่กำเนิดในหุบเหว ตอนมันเกิด มันอ่อนแอ รูปร่างมันเป็นกองเนื้อขนาดเท่ากำปั้น มันไม่มีฟันหรือกรงเล็บ อาจเรียกได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำสุดของห่วงโซ่อาหารในนั้น
มันยังจำได้ชัดตอนมันพุ่งทะยานจากการกินชิ้นส่วนกระดูกในช่วงวัยเด็ก
มันเป็นชิ้นส่วนกระดูกที่เต็มไปด้วยพลังเทวะ บางทีชิ้นส่วนกระดูกร้าวนี้คงหลุดจากปากของเทพบางคน ผู้โดนล่าโดยตัวตนที่แกร่งกว่า
พลังเทวะที่หลงเหลือภายในชิ้นส่วนกระดูกช่วยให้สติทช์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าอัศจรรย์ตั้งแต่เด็ก
มันไม่เพียงหลุดจากรูปแบบชีวิตดั้งเดิม แต่มันยังเสริมสร้างสัญชาตญาณโดยธรรมชาติอีกด้วย
มันสามารถกลืนกิน เปลี่ยนเนื้อของสิ่งมีชีวิตให้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมันได้
แม้ความสามารถนี้จะทำให้สติทช์แข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ทำให้ร่างกายมันพัฒนาไปในทางที่ผิดปกติมากขึ้น
ตาเก้าสีและแม้กระทั่งรูปร่างที่แตกต่างกันตั้งแต่หัวจรดเท้า มันได้ปล้นลูกตาเหล่านี้จากมอนสเตอร์อื่นและเปลี่ยนเป็นส่วนหนึ่งของตัวมัน
ด้านล่างหัวมันมีหัวสวยๆอีกหลายหัว ชาย หญิง โปรตอส มนุษย์และฑูตสวรรค์ด้วย…
ในขณะเดียวกันก็มีปีกรูปร่างและขนาดต่างๆกว่าสิบบนหลังมัน
บางปีกมีขนหลากสี บางปีกมีเกล็ดทรงต่างๆ บางปีกดูเหมือนปีกค้างคาวไร้ขน…
ด้านหน้าปีกค้างคาว มีหนวดกว่าสิบเส้นที่มีความหนาและรูปร่างต่างกัน
บางเส้นปกคลุมด้วยของเหลวเหนียว บางเส้นเนียนเหมือนหยก บางเส้นมีเข็มทั่ว และบางเส้นมีพิษ
ด้านล่างหนวด มีปากขนาดใหญ่เต็มไปด้วยไฟกว่าสิบปาก
ลงไปกว่านั้นคือขาต่างๆ มีขาหน้า ขาหลัง แต่ทั้งหมดมีกรงเล็บแหลม
ขาทั้งหมดของมัน และแม้กระทั่งโครงสร้างส่วนใหญ่ของร่างกายต่างปล้นมาทั้งนั้น
โดยรวม มันดูเหมือนของเล่นที่ใครบางคนประกอบมั่วๆ
ไม่มีอะไรในร่างกายที่เข้ากันเลย แต่สิ่งที่แปลกคือมันทำงานด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์
สติทช์ถูกนครหลวงเทพขังไว้ในแดนลับมากว่าหมื่นปี
แต่ทว่า ในฐานะเทพสวรรค์ขั้นสาม มันจึงไม่เคยโดนใครท้าทายมาก่อน
แต่วันนี้ มันพลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอ่อนแอที่ปรากฏภายในอาณาเขตมัน
“กลิ่นอายนี้…มันคือเทพแท้จริงขั้นเก้า?”
“มันคงไม่ใช่ผู้เข้าร่วมหรอกมั้ง?!”
“ผู้เข้าร่วมกำลังมา ผู้เข้าร่วมกำลังมา…”
“ผู้เข้าร่วมมายั่วยุเราจริงด้วย นี่น่าสนใจมาก!”
“ส่วนไหนของร่างกายผู้เข้าร่วมที่เราควรเก็บ?”
สติทช์ตื่นเต้นมาก หัวหลายหัวมันคุยกัน ตะโกนและส่งเสียงดัง
อึดใจต่อมา ผู้เข้าร่วมก็มาถึง
สติทช์สำรวจผู้บุกรุกคนนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นี่เป็นผู้เข้าร่วมชาย ทั้งตัวปกคลุมด้วยชุดคลุมดำ ใบหน้าเขาซ่อนอยู่ใต้ปีกหมวก
มันคือหลินฮวงที่ปลอมตัวเป็นซิวมู่
“เขาน่าเกลียด อย่าเก็บหัว”
“มือของเขาดูดี เอามือนั่นเถอะ!”
“ขาของเขายาวมาก น่าสะสม!”
หัวทั้งหลายเถียงกัน
นี่เป็นนิสัยของสติทช์ด้วย แต่ละครั้งที่มันฆ่าเหยื่อ มันจะต้องหยิบเอาชิ้นส่วนหนึ่งจากอีกฝ่ายมาเป็นถ้วยรางวัลและทำให้มันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมันเอง
เมื่อพวกเขาเห็นหลินฮวงเลือกสติทช์เป็นเป้าหมาย เทพสวรรค์ด้านนอกแดนลับก็คุยถึงเรื่องนี้
“สติทช์ไม่ใช่จะจัดการง่ายๆ แม้มันจะไม่ฉลาด แต่ท่ามกลางนักโทษเทพสวรรค์ ความสามารถโดยรวมของมันก็ถือเป็นชั้นบน”ผู้นำนครหลวงเทพพูด
“นี่คือมอนสเตอร์เย็บติดในตำนานใช่ไหม?ข้าจำได้ว่าเจ้าหมอนี่เหมือนจะใช้ห่วงโซ่ลำดับเทพได้เจ็ดหรือแปดสาย แต่ก็ไม่สามารถใช้ได้อย่างอิสระ”ผู้นำของวิหารเทพนักรบถาม
“ใช่ มันสามารถปล้นห่วงโซ่ลำดับเทพของคนอื่นได้ แต่ทว่า มันสามารถใช้พร้อมกันได้แค่สาม แถม การใช้พลังลำดับเทพของมันก็ยังไม่ดีนัก วิธีต่อสู้ของมันเอนเอียงไปทางการข่มด้วยพลัง”ผู้นำของนครหลวงเทพพยักหน้า
“ในระดับหนึ่ง ทั้งสองยับยั้งกัน มอนสเตอร์ตัวนี้ถนัดต่อสู้มือเปล่า และซิวมู่ก็ถือว่าข่มมันได้ ในทางกลับกัน ความอดทนของมันดูเหมือนจะไร้สิ้นสุด ถ้าซิวมู่ไม่ระเบิดลพังโจมตี สติทช์ก็คงยื้อจนเขาหมดแรง”ผู้นำซีโร่แสดงความเห็น
ขณะที่พวกเขากำลังแสดงความเห็น บางคนก็เหลือบมองใต้สวรรค์ พยายามดูสีหน้าเขา แต่ทว่า ใต้สวรรค์ยังคงรักษาสีหน้าสงบดั่งเดิม
ในแดนลับ เมื่อเห็นสติทช์ หลินฮวงก็อดผงะไม่ได้
เขาเคยเห็นมอนสเตอร์จำพวกนี้มาบ้าง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมอนสเตอร์แปลกประหลาดแบบนี้
อวัยวะต่างๆของสิ่งมีชีวิตประเภทต่างๆถูกจับยัดเข้าด้วยกันบนร่างกายเดียวกัน ไร้ซึ่งความกลมกลืนใดๆ
แต่ทว่า สิ่งที่แปลกจริงคือกลิ่นอายของมันไม่มีความขัดแย้ง ความผิดปกติใดๆเลย ซึ่งทำให้คนอื่นรู้สึกว่ามันเกิดมาเพื่อเป็นแบบนี้
“เราไม่เคยเห็นผู้เข้าร่วมมาก่อน!”
“เราตัดสินใจสะสมทั้งตัวเจ้าเป็นตัวอย่าง”
“แม้เจ้าจะน่าเกลียด แต่ในฐานะผู้เข้าร่วมคนแรกที่ท้าทายเรา เจ้ามีค่าให้สะสม”
“ผู้เข้าร่วม เจ้าควรรู้สึกเป็นเกียรติ เราจะเก็บศพทั้งหมดของเจ้าไว้”
“ใช่ ภายใต้สถานการณ์ปกติ เราจะเลือกอวัยแค่หนึ่งหรือสองส่วนเท่านั้น”
“ส่วนที่เหลือจะโดนโยนทิ้ง!”
หลายหัวหันมาพูดและหลินฮวงก็อดอยากรู้ไม่ได้ว่าหัวของพวกมันทำงานแยกกัน หรือมีสมองเดียวคอยสั่งการและหัวเหล่านี้เป็นแค่หุ่นเชิดเท่านั้น
ข้อมูลเกี่ยวกับสติทช์ได้รับการกล่าวถึงในเนื้อหาที่ใต้สวรรค์ส่งมา
แม้ข้อมูลในเนื้อหาจะไม่มีรายละเอียดนัก มันก็พอแล้ว
เขารู้ว่ามอนสเตอร์ตัวนี้สามารถกลืนศัตรู ปล้นพลังกฏเทพและห่วงโซ่ลำดับเทพได้ เขายังรู้ว่ามอนสเตอร์ตัวนี้มีห่วงโซ่ลำดับเทพถึงแปดสาย แต่ใช้พร้อมกันได้มากสุดแค่สามสาย
เหตุผลว่าทำไมเขาถึงเลือกสติทช์เป็นเป้าหมายแรกเพราะเขารู้สึกว่าจำนวนกฏภายในตัวมันควรสูงกว่าเทพสวรรค์ขั้นสามทั่วไไป การฆ่ามันจะช่วยให้เขาปล้นกฏได้เพิ่ม และเร่งความเร็วการเลื่อนระดับของเขา
แต่ทว่า ในสายตาเทพสวรรค์ด้านนอก หลินฮวงได้เลือกคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยาก
แม้สติปัญญาของมันจะไม่สูง มันก็มีพลังสูง ไม่ว่าจะมองยังไง สติทช์ก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงท่ามกลางนักโทษระดับเทพสวรรค์ขั้นสาม
ผู้นำเทพสวรรค์เกือบทั้งหมดรู้สึกว่าซิวมู่เลือกคู่ต่อสู้ได้ไม่ค่อยฉลาดนัก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น