Monster Paradise 1497-1499
ตอนที่ 1497
หลังได้รับความทรงจำของไป๋หลิน หลินฮวงก็มุ่งตรงไปยังบริเวณที่นักโทษเทพสวรรค์อยู่
เขาไม่อยากเสียเวลา นักโทษทั้งหมดที่เขาพบเจอระหว่างทางโดนฆ่าด้วยการโจมตีเดียว ไม่คิดรอให้พวกเขาพูดด้วยซ้ำ
ในเวลาสั้นๆไม่ถึงชั่วโมง เขาได้ฆ่านักโทษระดับเทพแท้จริงขั้น 9 ไปกว่าสิบคน ตอนนี้ครองตำแหน่งสูงสุดบนกระดานทองของนักล่าด้วยสิบแต้ม
อันดับสองและสามมีแค่สามแต้มเท่านั้น ส่วนอันดับ 4-9 มีแค่สองแต้ม
ในความเป็นจริง นักล่าส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มต้นการล่า ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ที่จิตเทวะพวกเขาโดนจำกัดอย่างหนัก บุคคลส่วนใหญ่เพิ่งพบนักโทษคนแรกและยังไม่พบเป้าหมายล่าที่สอง
เหตุผลที่หลินฮวงพบนักโทษจำนวนมากเพราะหนึ่ง เขาได้รับความทรงจำของไป๋หลิน และดังนั้นจึงรู้ตำแหน่งโดยประมาณของนักโทษใกล้เคียง อีกเหตุผลคือเพราะพลังของจิตเทวะเขาเทียบได้กับเทพสวรรค์ และระยะตรวจจับยังมากกว่าเทพแท้จริงคนอื่น
นอกเหนือจากสองปัจจัยนี้แล้ว เขายังแตกต่างจากนักล่าคนอื่นในแง่ความระมัดระวัง เขาไม่สนใจว่าเขาจะโดนนักโทษในแดนลับพบไหม ภายในหนึ่งชั่วโมง ระยะทางที่เขาเดินก็มากกว่านักล่าคนอื่นนับร้อยเท่าแล้ว
ชื่อซิวมู่กลายเป็นที่คุ้นเคยสำหรับนักล่าทุกคนในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
“ข้าไม่รู้ว่าเพื่อนคนนี้โผล่มาจากไหน แต่เขาแข็งแกร่งมาก!”
“เรามาดูความสามารถของเขากันดีกว่า ถ้าประสิทธิภาพการล่าแบบนี้ไม่ใช่เพราะเขาโกง งั้นเขาก็อาจมีเทคนิคประเภทตรวจจับพิเศษ ถ้าข้ารู้แต่แรก ข้าคงเรียนมันมาเช่นกันหรือซื้อสมบัติกฏเทพประเภทตรวจจับด้วย”
“ตามความเร็วการล่าของเขา นักโทษทั้งหมดที่โดนเขาพบอาจโดนฆ่าทันที เขาล่านักโทษสิบคนที่ระดับเดียวกันในเวลาไม่ถึงชั่วโมง นั่นเฉลี่ยประมาณ 5 นาทีกว่าต่อคน นั่นยังไม่นับรวมเวลาเดินทาง..”
สิ่งที่นักล่าคนนี้ไม่รู้คือเวลาเฉลี่ยห้านาทีกว่าที่หลินฮวงใช้ไปสำหรับการฆ่าแต่ละครั้งยังไม่รวมถึงเวลาที่เขาใช้ไปในการอ่านสมองของศพด้วย
ความโดดเด่นของหลินฮวงดึงดูดความสนใจจากนักล่าภายในแดนลับไม่พอ แต่แม้กระทั่งเทพสวรรค์ด้านนอกแดนลับก็ยังตกใจ
“นักโทษระดับเทพแท้จริงขั้น 9 ทั้งหมดถูกฆ่าในชั่วพริบตา เขายังไม่ใช่มีดบินเล่มที่สองด้วยซ้ำ”
“เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีมีดบินระดับเทพสวรรค์นี้แค่เล่มเดียวหรือเขามีครบชุด ถ้าเขามีครบชุด งั้นทุกคนก็ไม่จำเป็นต้องสู้อีก เขาคงเป็นอันดับหนึ่งแน่ ทุกคนทำได้แค่แข่งกันเพื่ออันดับสอง”
“สุดท้าย เขาเป็นแค่เทพแท้จริง พลังของจิตเทวะมีจำกัด และก็เช่นกันกับพลังเทวะเขา สำหรับเขา การใช้มีดบินพลังจิตเล่มหนึ่งที่มีพลังเช่นนั้น ข้าเดาว่ามันคงสุดความสามารถเขาแล้ว ต่อให้เขามีครบชุด เขาก็คงไม่สามารถใช้ได้หมด พลังเทวะของเขาไม่สามารถรองรับการผลาญระดับนั้นได้หรอก”ผู้นำเทพสวรรค์ของวิหารเทพนักรบชี้ถึงปัญหา
“ยิ่งไปกว่านั้น เขาอาจใช้กฏระดับควบคุมได้ไม่มากนัก ปัจจุบัน มันดูเหมือนว่าจำนวนกฏที่เขาแสดงออกมาตอนนี้จะมีแค่ 28 กฏ ถ้าเขาใช้ได้แค่นี้ งั้นความสามารถโดยรวมก็ยังควรต่ำกว่าพวกชั้นนำเล็กน้อย”
ตอนนี้ ผู้นำเทพสวรรค์ของนครหลวงเทพพูดขึ้น”ปัจจุบัน เราเพิ่งเข้าสู่ช่วงเริ่มต้น เมื่อคนอื่นทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมได้ พวกเขาก็อาจเข้าดินแดนเทพสวรรค์เพื่อล่านักโทษระดับเทพสวรรค์ นั่นถึงจะเป็นเวลาที่การแข่งขันเริ่มขึ้น!”
ในฐานะเทพสวรรค์ที่มีอัจฉริยะชั้นนำมากมายภายในกลุ่ม พวกเขาจึงไม่อยากเห็นม้ามืดอย่างหลินฮวงเฉิดฉาย
แน่นอน พวกเขาพูดแบบนี้เพราะพวกเขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีอย่างแท้จริงเกี่ยวกับผลงานที่ตามมาของหลินฮวง
เหนือสิ่งอื่นใด เมื่ออัจฉริยะของพวกเขาเริ่มการล่าเทพสวรรค์ แต้มพวกเขาจะเพิ่มเป็นร้อย ซึ่งเร็วกว่าการเก็บทีละแต้ม
ต่อให้หลินฮวงยังรักษาความเร็วการล่านี้ มันต้องใช้เวลาเกือบเก้าชั่วโมงเพื่อสะสมแต้มให้ถึงร้อย
มันง่ายกว่ามากที่จะได้รับแต้มโดยการล่าเทพสวรรค์ คนแค่ต้องฆ่าเป้าหมายหนึ่งเพื่อรับเอาร้อยแต้ม
แม้ช่วงต้นของการล่าจะน่าตกใจ เทพสวรรค์ส่วนใหญ่ก็ไม่มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับผลงานภายหลังของหลินฮวงเช่นเดียวกับผู้นำกลุ่มระดับเทพสวรรค์ขององค์กรระดับเจ็ด
ใตสวรรค์ไม่ปฏิเสธการวิเคราะห์ของพวกเขา
ประการหนึ่ง มีความจริงบ้างในคำพูดพวกเขา อีกประการ เขาไม่รู้ความสามารถจริงในปัจจุบันของหลินฮวง
เหนือสิ่งอื่นใด หลินฮวงที่เขารู้จักคือผู้บ่มเพาะดาบ หลินฮวงไม่ใช้ดาบของเขาเพื่อเลี่ยงความสงสัย
ใต้สวรรค์ไม่สนใจเข้าร่วมหัวข้อนี้ แต่เมื่อการพูดคุยเข้มขัน เขาก็ยิ้ม นำแหวนเก็บของออกมา จากนั้นก็ดึงสมบัติเทพสวรรค์ทั้งหมดที่เขาได้รับจากการพนันก่อนหน้า วางไว้ด้านหน้าเขา ตรวจสอบพวกมันทีละชิ้นโดยไม่สนใจคนอื่น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผู้ชมก็ลดเสียงลง
แม้กระทั่งผู้นำขององค์กรระดับเจ็ดก็ยังยิ้มอึดอัดและหยุดพูด
แต่ทว่า ตอนนี้ ผู้นำเทพสวรรค์คนหนึ่งกลับพึมพำ
“ไม่ใช่ว่าเขากำกลังวางแผนจะล่าเทพสวรรค์อย่างงั้นเหรอ?!”
แม้เขาจะพูดเสียงเบา แต่ทุกคนก็ได้ยินมันชัดเจน พวกเขารีบหันไปมองภาพ
ในไม่ช้า ทุกคนก็พบหัวข้อหลักของการสนทนา-หลินฮวง
ปัจจุบัน หลินฮวงกำลังอยู่ใกล้พรมแดนระหว่างเขตเทพแท้จริงและเขตเทพสวรรค์
เส้นทางที่เขาใช้ไม่ใช่เส้นตรง แต่เป็นเส้นทางคดเคี้ยวแทน เขายังล่าเป้าหมายบางส่วน ทำให้ทุกคนไม่ตระหนักถึงจุดหมายปลายทางเขาแต่แรก
แต่ตอนนี้ ยิ่งเขาเข้าใกล้บริเวณพรมแดง ในที่สุดทุกคนก็ตระหนักถึงเป้าหมายจริง
เมื่อเส้นทางของหลินฮวงเปิดเผย สีหน้าของผู้นำเทพสวรรค์สองคนจากวิหารเทพนักรบและนครหลวงเทพก็เปลี่ยนเป็นอับอาย
หลังพวกเขาเพิ่งคาดเดาว่าความสามารถของหลินฮวงอาจไม่ดีพอจะโค่นเทพสวรรค์และแต้มการล่าของเขาอาจโดนคนอื่นแซงในไม่ช้า การกระทำของหลินฮวงก็เหมือนการตบหน้าของพวกเขาโดยตรง
เขาไม่จำเป็นต้องอุ่นเครื่อง แค่ตรงไปเขตเทพสวรรค์แต่วันแรกที่เข้าแดนลับ
ใต้สวรรค์เองก็แหงนมองเช่นกัน ใบหน้าเบื่อหน่ายของเขามีรอยยิ้มเพิ่มขึ้นมา ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าใต้สวรรค์คงรู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าหลินฮวงจะทำแบบนี้
แต่ในความเป็นจริง การแสดงออกบนหน้าเขาเป็นสิ่งที่เหลืออยู่จากการตรวจสอบสมบัติเทพสวรรค์ เขาเองก็สับสนเช่นกันตอนเห็นหลินฮวงมุ่งตจรงไปเขตเทพสวรรค์
หลังจากนั้น เขาก็สังเกตเห็นใครหลายคนกำลังมองเขา ใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมและอิจฉา ใต้สวรรค์ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อควบคุมการแสดงออกบนหน้าเขา ขณะบังคับให้ตัวเองยับยั้งความประหลาดใจ
เขายังมีรอยยิ้มจางๆบนหน้าขณะละสายตาจากภาพและค่อยๆเก็บสมบัติเทพสวรรค์เข้าแหวน แต่ความคิดก็ยังเต็มไปด้วยความงุนงง
‘ชายคนนี้ยังน่าประทับใจมากขนาดนี้แม้จะไม่ใช้ดาบ?!’
ตอนที่ 1498
บริเวณพรมแดนของแดนลับถูกแบ่งอย่างชัดเจน
นี่เป็นพื้นที่ทับซ้อนกันที่นครหลวงเทพจงใจตั้งขึ้นเพื่อป้องกันผู้เข้าร่วมจากการบังเอิญเข้าส่วนเทพสวรรค์โดยไม่ตั้งใจ
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ถ้านักล่าเดินเท้าเข้ามายังบริเวณที่นักโทษอยู่น้อย ไม่ช้าพวกเขาก็จะตระหนักว่าอาจก้าวข้ามเขตแดนไปแล้ว
แน่นอน หลังก้าวข้าม นักโทษจะเรียนรู้อย่างรวดเร็วเพื่อใช้ประโยชน์จากมัน นักโทษที่บาดเจ็บบางคนจะซ่อนตัวเพื่อรักษาแผล เพื่อเลี่ยงความขัดแย้งภายในที่มากเกินระหว่างนักโทษ นครหลวงเทพจึงยอมรับพฤติกรรมนี้ไปโดยปริยาย แต่ทว่า หลังฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บได้ นักโทษต้องออกจากพื้นที่นี้
เมื่อเวลาผ่านไปป พรมแดนจึงกลาเยป็นที่ชุมนุมของคนเช่นผู้สูงอายุและผู้อ่อนแอ นักโทษที่นี่มีโอกาสน้อยที่จะเล่นงานนักล่าก่อน
ท่ามกลางนักล่า มักมีข้อตกลงโดยปริยายว่าจะไม่ทำร้ายนักโทษแถวพรมแดน
เหนือสิ่งอื่นใด ทุกอย่างที่พวกเขาทำจะเห็นได้จากภายนอก การโจมตีพวกอ่อนแอไม่ดีต่อชื่อเสียงพวกเขา
นอกจากนี้ คนที่เข้าร่วมแดนลับเพื่อล่ายังเป็นความภาคภูมิใจขององค์กรใหญ่ พวกเขาจะไม่ลดตัวไปทำเรื่องแบบนั้นอยู่แล้ว
การรังแกคนอ่อนแอเป็นเรื่องที่จะทำให้พวกเขาโดนล้อเลียนไปอีกนาน
แน่นอน หลินฮวงรู้ถึงกฏที่ไม่ต้องพูดนี้ จากวินาทีที่เขาก้าวเท้าเข้าพรมแดง จิตเทวะเขาก็สัมผัสได้ถึงนักโทษที่กระจัดกระจาย แต่เขาก็เลือกผ่านไป
เขาไม่ทำเช่นนั้นเพื่อชื่อเสียงเขา แต่เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรในการรังแกคนอ่อนแอ
ทีละคน นักโทษมากมายแถวพรมแดนสัมผัสได้ถึงหลินฮวง แน่นอน พวกเขารู้ว่าบุคคลที่ผ่านบริเวณนี้อันตรายเกินจะไปยั่วยุ พวกเขาต่างปิดซ่อนกลิ่นอายตัวเองและหดตัวเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็น
แม้โอกาสที่อีกฝ่ายจะโจมตีนั้นไม่สูง พวกเขาก็อาจพบพวกหัวร้อนที่ทำทุกอย่างเพื่อล่าและเก็บแต้ม
เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของหลินฮวงถอยห่างไป นักโทษที่กำลังพักฟื้นจากบาดแผลก็ถอนหายใจโล่งอก
ตามความทรงจำที่ได้รับจากนักโทษเทพแท้จริงหลายคน หลินฮวงใช้เวลากว่าสิบนาทีผ่านพรมแดนก่อนเข้าเขตของเทพสวรรค์แห่งแดนลับ
เมื่อเขาย้างก้าวเข้าสู่เขตเทพสวรรค์ เขาก็พลันขยายขอบเขตการตรวจจับของจิตเทวะจนถึงสูงสุด ตรวจสอบสภาพแวดล้อม หัวของเขาแยกแยะตำแหน่งตัวเองได้ชัดตามภูมิประเทศด้านหน้า
‘ข้าไม่ได้หลงไปจากตำแหน่งที่คาดไว้ ประมาณสองร้อยกิโลเมตรด้านหน้าที่นี่ ข้าควรพบมอนสเตอร์ค้างคาว’
หลังมั่นใจว่าไม่พลาดอะไร ร่างของหลินฮวงก็ลอยขึ้นฟ้า เร่งความเร็วไปยังเป้าหมายระดับเทพสวรรค์ตัวแรก
เป้าหมายการล่าแรกที่เขาจับคือนักโทษสายพันธ์ุผิดปกติที่เหมือนค้างคาว
นักโทษตนนี้เดิมเป็นฑูตสวรรค์ หลังโดนพลังงานหุบเหวกัดกร่อน ร่างกายมันก็ผิดปกติอย่างรุนแรง ปีกที่เคยขาวของมันผลัดขนออก เปลี่ยนเป็นปีกค้างคาวน่าเกลียดที่ปกคลุมด้วยหูด แม้กระทั่งรูปลักษณ์มันก็ยังเปลี่ยนจากฑูตสวรรค์แสนภาคภูมิเป็นสิ่งมีชีวิตน่าเกลียดที่ปกคลุมด้วยตุ่มหนอง โครงสร้างกระดูกของมันยังผิดรูปไปเช่นกัน
แม้กระทั่งดวงวิญญาณของมันก็ยังบิดเบี้ยว ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นผลจากพลังงานหุบเหว ถ้ามีคนตรวจสอบโดยใช้พลังกฏเทพประเภทตรวจสอบวิญญาณ พวกเขาจะเห็นว่าแก่นชีวิตมันไม่ใช่ของฑูตสวรรค์อีกแล้ว แต่เป็นมอนสเตอร์หุบเหว
แม้มันจะยังมีจิตสำนึกดั้งเดิมอยู่ในระดับหนึ่ง แต่จิตสำนึกปัจจุบันมันก็โดนครอบงำด้วยความบ้าคลั่ง
มันยังเคยโจมตีอดีตเผ่าพันธ์ุตัวเองกว่าครั้งและแพร่เชื้อพลังงานหุบเหวใส่คนอื่น
นักโทษระดับเทพสวรรค์ส่วนใหญ่ในแดนลับนี้จะไม่โจมตีนักล่าด้วยความตั้งใจของตัวเอง แต่มีนักโทษบางคนที่คล้ายกับสายพันธ์ุผิดปกติตัวนี้ที่เสียสติพื้นฐานไป และจะโจมตีทุกสิ่งมีชีวิตที่เข้าใกล้พวกมัน
นี่ทำให้นครหลวงเทพอยากแบ่งแยกระหว่างเขตของเทพสวรรค์และเทพแท้จริงหใ้ชัดเจน เพื่อป้องกันผู้เข้าร่วม
ด้านนอกแดนลับ เมื่อเทพสวรรค์เห็นจุดหมายของหลินฮวง ในไม่ช้าพวกเขาก็รู้ว่าเป้าหมายการล่าของหลินฮวงคืออะไร
สีหน้าของเทพสวรรค์หลายคนเปลี่ยนไป
แม้กระทั่งใต้สวรรค์ก็ยังอดขมวดคิ้วไม่ได้
“ผู้อาวุโสใต้สวรรค์ ท่านอยากเสนอให้เขาเปลี่ยนเป้าหมายไหม?”ผู้นำเทพสวรรค์ของนครหลวงเทพสังเกตเห็นปฏิกิริยาของใต้สวรรค์และอดถามไม่ได้
สำหรับนักล่าที่ล่าเทพสวรรค์ นครหลวงเทพได้มอบอำนาจให้ทุกองค์กรใช้การแจ้งเตือนได้หนึ่งครั้งกับผู้เข้าร่วม
แต่ทว่า ในความเป็นจริง มีคนไม่มากที่ใช้สิทธิ์นี้
โดยปกติแล้ว เมื่อผู้เข้าร่วมเลือกเป้าหมายที่ไม่เหมาะสม ผู้นำจะเสนอให้พวกเขาเปลี่ยนเป้าหมาย
แต่ใต้สวรรค์กลับส่ายหัว”มันไม่จำเป็น เขาควรรู้ตัวว่ากำลังทำอะไร”
เขายังสังเกตเห็นว่าหลินฮวงได้อ่านความทรงจำของนักโทษเหล่านั้น และต้องได้รับข้อมูลเกี่ยวกับนักโทษเทพสวรรค์มาบ้าง เนื่องจากหลินฮวงมุ่งตรงไปหาอีกฝ่าย นี่ก็หมายความว่าเขาต้องมั่นใจ
การปฏิเสธของใต้สวรรค์เป็นอะไรที่ทุกคนไม่คาดคิด
นี่เพราะไม่ว่าจะมองยังไง การต่อสู้ก็ไม่ดีต่อหลินฮวงเลย
สายพันธ์ุผิดปกติตัวนี้เคยเป็นฑูตสวรรค์ มันมีความเชี่ยวชาญในกฏกับห่วงโซ่ลำดับเทพประเภทความเร็ว พวกที่เดินทางสายความเร็วนั้นเรียกได้ว่าเป็นดาวข่มผู้ใช้พลังจิต
ในทางกลับกัน สายพันธ์ุผิดปกติตัวนี้ยังหลงเหลือสติอยู่บ้างและสามารถเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่งได้ตลอดเวลา มันมีความเป็นไปได้สูงที่ความสามารถมันจะเพิ่มขึ้นตามสภาพจิตใจที่ผิดปกติ ดังนั้น มันจึงอันตรายยิ่งกว่านักโทษระดับเทพสวรรค์ทั่วไป
ทุกคนคุยกับอย่างเผ็ดร้อนถึงการต่อสู้นี้ ส่วนใหญ่ไม่มองในแง่ดีนัก แม้ว่าพวกเขาจะโดนหลินฮวงตบหน้ามามากแล้วก็ตาม
ตอนนี้ เทพสวรรค์อีกคนดีดตัวขึ้น
“เนื่องจากทุกคนกำลังถกเถียงกัน ข้าก็ขอเริ่มการเดิมพัน สำหรับรอบนี้ เราจะเดิมพันว่าซิวมู่นั้นจะชนะหรือแพ้…:”
“ใครที่อยากเดิมพันว่าซิวมู่ชนะ ให้วางของที่อยากเดิมพันลงในแหวนบนมือซ้ายข้า คนที่อยากเดิมพันว่าดาวเจิดจรัสชนะ(ชื่อไรฟะ) ให้วางของลงในแหวนบนมือขวาข้า…”
การเดิมพันรอบใหม่เริ่มขึ้นอีกครั้ง
ทุกคนวางของเดิมพันลงในแหวนทีละคน แต่กว่า 90%เลือกแหวนบนมือขวา มีแค่สองคนที่ลงข้างหลินฮวง และก็ลงแค่สมบัติเทพสวรรค์ขั้นต้น
เมื่อทุกคนวางเดิมพันกัน ใต้สวรรค์จึงเหลือบมองกลุ่มคนที่มองเขาอีกครั้งและนำแหวนเก็บของเขาออกมา
แหวนวงนี้ไม่เพียงแต่รวมถึงสมบัติเทพสวรรค์ขั้นสูงสิบชิ้นที่เขาใช้เดิมพัน แต่ยังรวมถึงของทั้งหมดที่เขาชนะจากการเดิมพันด้วย
เมื่อเห็นว่าใต้สวรรค์ลงเงินก้อนโตอีกครั้ง ทุกคนก็อดเลิกคิ้วไม่ได้
เหล่าคนที่วางเดิมพันแล้วรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
มีอีกหลายคนที่ยังไม่ลงเดิมพัน พวกเขารีบทำตามใต้สวรรค์ทันที แต่ทว่า พวกเขาไม่กล้าลงเยอะและโยนแค่สมบัติเทพสวรรค์ขั้นต้นหนึ่งหรือสองชิ้น
การเดิมพันรอบใหม่ปิดตัวพอดีกับตอนที่หน้าจอแสดงว่าหลินฮวงได้เข้าสู่ระยะตรวจจับของสายพันธ์ุผิดปกติตัวนั้นแล้ว…
ตอนที่ 1499
ในความว่างเปล่า หลินฮวงสามารถเห็นเป้าหมายแรกเขาได้จากระยะไกล
“มันน่าเกลียดกว่าที่ข้าคิดไว้…”
ก่อนหน้านี้ เขาได้อ่านเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของมันในภาพความทรงจำของเทพแท้จริงมาแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นมันกับตา เขาก็ยังอดบ่นไม่ได้
เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะร่างกายของดาวเจิดจรัสยิ่งย่ำแย่หรือเพราะเหตุผลบางประการ
หลินฮวงสามารถเห็นได้ชัดว่าส่วนที่เปิดเผยของร่างกายปกคลุมด้วยตุ่มหนองหลายขนาด หัวมันยังบวมจนดูเหมือนพร้อมระเบิด
ตั้งแต่หัวจรดเท้า มันไม่หลงเหลือความเป็นฑูตสวรรค์แม้แต่น้อย
ถ้าหลินฮวงไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับดาวเจิดจรัสจากการอ่านความทรงจำเทพแท้จริง เขาคงสงสัยว่าสายพันธุ์ผิดปกติตัวนี้ตรงหน้าเขาคือมอนสเตอร์หุบเหวตั้งแต่เกิด
แม้กระทั่งหอกศักดิ์สิทธิ์ในมือขวามันก็ยังเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทหลังปนเปื้อนด้วยพลังงานหุบเหว
ในระดับหนึ่ง ดาวเจิดจรัสไม่ใช่ฑูตสวรรค์อีก มันยังละทิ้งความเป็นสิ่งมีชีวิตไปส่วนหนึ่งและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตกึ่งอันเดธ
หลินฮวงยังสังเกตเห็นความผิดปกติของกลิ่นอายมัน แต่ไม่ตรวจสอบเพิ่มเติม
เขาเคยเห็นเทพสวรรค์มามากแต่ไม่เคยสู้ด้วยมาก่อน
สายพันธ์ุผิดปกติตัวนี้ตรงหน้าเขาคือคู่ต่อสู้เทพสวรรค์ตัวแรก
ดังนั้น หลินฮวงจึงระมัดระวังมาก
นี่คือครั้งแรกที่เขาเอาจริงหลังเข้าสู่สถานที่นี้
ด้านนอกแดนลับ ดวงตาของเทพสวรรค์เกือบทุกคนจับจ้องหน้าจอที่แสดงหลินฮวง ตอนนี้ ผู้เข้าร่วมคนอื่นทั้งหมดไม่อยู่ในสายตาเทพสวรรค์เหล่านี้เลย
ในภาพ หลังทั้งสองพบกัน ทั้งคู่ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา
คนที่โจมตีก่อนคือดาวเจิดจรัส
ในสภาพปัจจุบันมัน มันเสียความสามารถแยกแยะระหว่างมิตรหรือศัตรูไปแล้ว โดยไม่ลังเล มันจะโจมตีทุกสิ่งมีชีวิตที่เข้าอาณาเขตมัน และแน่นอน หลินฮวงก็ไม่เว้น
บนหลังมัน ปีกค้างคาวนับสิบพลันกระพือ พริบตาต่อมา ร่างมันก็หายไป ทิ้งพายุลมหมุนไว้ตรงจุดที่มันเคยอยู่ ซึ่งกระจายออกไปทุกทิศทางเหมือนระลอกน้ำ
“เร็วมาก! ”บางคนในหมู่เทพสวรรค์ที่จับจ้องการต่อสู้อยู่พลันร้องอุทานออกมา
แม้ดาวเจิดจรัสจะเป็นเทพสวรรค์ขั้นหนึ่ง ความเร็วปัจจุบันที่มันสำแดงออกมาก็เทียบเท่ากับขั้นสาม
วินาทีที่ดาวเจิดจรัสแสดงความเร็วอันน่าตกใจ เทพสวรรค์หลายคนที่เฝ้ามองการต่อสู้ต่างก็คิดว่าซิวมู่น่าจะโดนฆ่า
แต่ทว่า มันกลับไม่เป็นแบบนั้น
หลินฮวงได้เตรียมพร้อมรับการโจมตีอย่างฉับพลันมาแล้ว เขาเดาไว้แล้วว่าอีกฝ่ายน่าจะชิงลงมือก่อน
วินาทีที่ดาวเจิดจรัสลงมือ เขาก็ลงมือเช่นกัน
เขาสะบัดแขนเสื้อเขาเล็กน้อย และลำแสงสีแดงคล้ายสายฟ้านับร้อยสายที่มีความเร็วไม่ด้อยไปกว่าดาวเจิดจรัสก็พุ่งออกมา
เมื่อเหล่าเทพสวรรค์ที่เฝ้าดูการต่อสู้เห็น หลายคนก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้
“มีดบินของซิวมู่เร็วมาก!? ความเร็วของพวกมันเกินกว่าระดับเทพแท้จริงไปแล้ว พวกมันเร็วพอๆ กับการเคลื่อนไหวของดาวเจิดจรัสเลย! ”
“มีดบินแต่ละเล่มประกอบไปด้วยพลังกฏเทพประเภทควบคุมนับร้อย! เขาเชี่ยวชาญกฏระดับควบคุมได้มากถึงขนาดนี้เชียว?! ”
“พลังของมีดบินเขาเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ แม้จะด้วยพลังเช่นนี้ การควบคุมของเขาก็ยังแม่นยำอย่างมาก จิตเทวะของเขาอาจไปถึงระดับเทพสวรรค์แล้ว! ”
“ด้วยระดับความสามารถปัจจุบันของเขา เขาอาจยังมีโอกาสสู้กับเทพสวรรค์ขั้นหนึ่งทั่วไป แต่ทว่า อย่างที่บอก คู่ต่อสู้ของเขาคือดาวเจิดจรัสที่สามารถข่มเขาได้ อย่างน้อยตอนนี้ ข้าก็ยังไม่เห็นโอกาสที่เขาจะชนะเลย”
“เขาผสานพลังกฏเทพใส่มีดบินพลังจิตไปมากขนาดนั้น มันจะผลาญพลังเทวะเขาไปมาก แถม เขายังควบคุมมีดบินนับร้อยพร้อมกัน ซึ่งจะยิ่งผลาญพลังเทวะเขาไปแบบเท่าทวีคูณ เขาจะทนได้อีกนานแค่ไหน ไม่ต้องพูดถึงว่าพลังโจมตีเขาจะสามารถทำร้ายดาวเจิดจรัสได้หรือไม่”
บนหน้าจอ มีดบินนับร้อยของหลินฮวงก่อตัวเป็นตาข่ายในอากาศ พุ่งตรงใส่ดาวเจิดจรัสเพื่อห่อหุ้มมัน
ในความว่างเปล่า ร่างของดาวเจิดจรัสไหววูบ หลบสายฟ้าสีแดงเลือดทั้งหมด และเข้าประชิดหลินฮวงต่อ
สายฟ้าสีแดงนับร้อยสายยิงออกจากแขนเสื้อหลินฮวงอีกครั้ง บังคับให้ดาวเจิดจรัสต้องถอยห่างออกไป
แต่ทว่า หลังหลบการโจมตีจากมีดบินระลอกสอง ดาวเจิดจรัสก็หมุนตัว มุ่งกลับมาหาหลินฮวงใหม่
กลิ่นอายรอบตัวมันเริ่มไม่ค่อยมั่นคงกว่าเดิม บ่งชี้ว่ามันเกิดอารมณ์ด้านลบหลังโดนบังคับให้ต้องถอย
แต่ทว่า หลินฮวงยังไม่สะทกสะท้าน หลังดาวเจิดจรัสเข้าใกล้อีกครั้ง เขาก็สะบัดแขนเสื้ออีกครั้งและสายฟ้าสีแดงเลือดอีกร้อยสายก็พุ่งออกมา
ดาวเจิดจรัสหลบอีกครั้ง
หลังการโจมตีทั้งสามครั้ง เทพสวรรค์ด้านนอกแดนลับก็ขมวดคิ้ว
“เขาตั้งรับ? มันดูเหมือนเขากำลังโดนข่มในแง่ของความเร็ว”
“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีนัก ซิวมู่ไม่สามารถโจมตีด้วยวิธีนี้ไปได้เรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น อารมณ์ด้านลบของดาวเจิดจรัสยังมีแต่จะเพิ่ม ไม่ช้าก็เร็ว มันจะฝืนพุ่งเข้าใส่โดยไม่คำนึงถึงการโจมตีของมีดบินพลังจิต ตัดสินจากพลังปัจจุบันของมีดบิน อย่างมากก็คงแค่ทำให้เกิดรอยช้ำบนตัวดาวเจิดจรัสก็เท่านั้น”
ผู้นำเทพสวรรค์จากนครหลวงเทพอดหันไปมองใต้สวรรค์ไม่ได้”ผู้อาวุโสใต้สวรรค์ ท่านอยากให้เขาถอนตัวและเลือกเป้าหมายอื่นหรือไม่? ”
สายตาของใต้สวรรค์จับจ้องกับหน้าจอ สีหน้าของเขาไม่สามารถอ่านได้ เมื่อเขาได้ยินคำถามจากอีกฝ่าย เขาก็ส่ายหัว”ข้าเชื่อว่าเขารู้ตัวว่ากำลังทำอะไร”
บนหน้าจอ หลินฮวงได้ใช้วิธีการเดียวกันเพื่อบังคับให้ดาวเจิดจรัสถอยออกไปกว่าสิบครั้ง
มันดูเหมือนเขาจะไม่มีหนทางอื่นในการรับมือกับอีกฝ่ายเลย แต่ที่น่าแปลกก็คือ สีหน้าของเขาไม่แสดงถึงความตื่นตระหนกเลย ในความเป็นจริง เขายังดูสงบด้วยซ้ำ
หลังพุ่งเข้าใส่ หลบ จากนั้นก็ถอยอยู่หลายสิบครั้ง ความโกรธของมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่หลินฮวงกลับยังคงสงบนิ่งเช่นเคย
นี่คือเทพสวรรค์ตัวแรกที่เขาต่อสู้ด้วย ดังนั้น ตั้งแต่ต้น เขาจึงไม่ตั้งใจรีบปิดฉาก
ถึงแม้เขาจะสามารถทำได้ถ้าทุ่มสุดตัว เขาก็ยังไม่คิดเปิดเผยไพ่ตายของเขาขณะโดนจับตามอง
ตามความเป็นจริง ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาเลือกดาวเจิดจรัสเป็นเป้าหมายล่า หัวสมองของเขาก็ได้กำหนดกลยุทธ์การล่าดาวเจิดจรัสไว้แล้ว
ตอนนี้ ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น