Monster Paradise 1489-1491
ตอนที่ 1489
หลังส่งดาบ11-100เข้าโลกกรวดเพื่อให้พวกเขาสามารถได้รับสัญลักษณ์ ตอนนี้จำนวนกฏในเขตแดนเทพของหลินฮวงจึงเพิ่มเป็น 45000 ประเภท
นอกจากนี้ ระดับพลังของทาสดาบยังเลื่อนเป็นเทพสวรรค์หลังเขากลายเป็นเทพแท้จริง เป็นผลให้ ห่วงโซ่ลำดับเทพ 422 สายถูกเพิ่มเข้ากับกฏโลกของเขตแดนเทพเขา
ที่ขั้นแรก เทพแท้จริงบางคนจะใช้ได้แค่สองห่วงโซ่ลำดับเทพ ดังนั้นจำนวนนี้จึงเกินความคาดหมายของหลินฮวง
‘การเพิ่มขึ้นของห่วงโซ่ลำดับเทพทำให้บัญญัติเทพของข้ายิ่งแข็งแกร่ง’ แม้กระทั่งความเร็วที่กฏโลกกำลังวิวัฒนาการก็ยังเพิ่มขึ้นนับร้อยเท่า…’หลินฮวงขมวดคิ้วเล็กน้อย และไตร่ตรอง”ระดับพลังข้ายังเลื่อนขึ้น แต่ระดับพลังข้ายังติดที่เทพแท้จริงขั้นหนึ่ง..’
เขากำลังก้าวสู่เส้นทางบ่มเพาะใหม่ เขาได้สร้างวิธีการของตัวเองเพื่อยกระดับเป็นเทพแท้จริง แน่นอน ไม่มีใครชี้แนะวิธีบ่มเพาะต่อจากนี้ให้เขาได้ เขาทำได้แค่คิดหาทางเอง
‘ปัจจุบัน มีหลายทิศทางให้ข้าเดิน ข้าสามารถยกระดับกฏที่ข้าใช้เป็นระดับสมบูรณ์ ข้าสามารถพัฒนาแก่นแท้เต๋าดาบให้เป็นกฏสวรรค์เต๋าดาบและบ่มเพาะไร้รอยต่อเพื่อเพิ่มพลังจิตเทวะ ข้ายังสามารถสะสมกฏโลกและห่วงโซ่ลำดับเทพ…’
ความคิดของหลินฮวงค่อย ๆ ชัดเจน แม้วิธีที่เขาสามารถเพิ่มพลังได้จะยังไม่ชัดเจน แต่ก็มีอีกหลายทางเพื่อเพิ่มความสามารถเขา เขายังคาดการณ์ว่าวิธีเพิ่มระดับพลังของเขาควรจะเป็นหนึ่งในเส้นทางพัฒนาเหล่านี้
‘ตัวข้าในปัจจุบันควรแข็งแกร่งพอจัดการกับเทพสวรรค์ขั้นสี่ ถ้าข้ายืมพลังของห่วงโซ่ลำดับเทพ ข้าคงสู้กับขั้นห้าได้’หลินฮวงประเมินความสามารถโดยรวมเขาใหม่
ทาสดาบระดับเทพสวรรค์ 358ตน-นี่คือขุมกำลังอันดับหนึ่ง
ไคลี่ จอมสังหาร กู่หรง และเกล็ดดำ(สิ่งมีชีวิตผสานแห่งน้ำพุหุบเหว)คือชั้น 5 ทั้งหมดเป็นเทพแท้จริงขั้นเก้า มันเป็นแค่เรื่องของเวลาก่อนพวกมันทั้งสี่จะเลื่อนเป็นเทพสวรรค์ พวกมันถือเป็นขุมกำลังอันดับสอง
ท่ามกลางการ์ดมอนสเตอร์ชั้น 4.5 เถิงหราน(ผู้นำนิกายพันงู)ได้รับการสร้างร่างใหม่ให้เป็นเทพแท้จริงขั้นเก้า เจ้าแดงคือขั้นหก ส่วนไป่คือขั้นสี่ แต่ทว่า โดยปราศจากข้อจำกัดด้านระดับพลังของหลินฮวง มันคงไม่ยากสำหรับทั้งสองที่จะวิวัฒนาการเพิ่มเติม ทั้งสามเป็นขุมกำลังอันดับสาม
ตัวตลก ชาโคล ราชินีเผ่าแมลง และตัวอื่นคือชั้น 4 และระดับพลังพวกมันก็คือเทพแท้จริงขั้นสามหรือสี่ ยังมีที่ว่างให้พวกมันพัฒนาอีกมาก
ภายใต้บัญชาของสี่ราชินีคือราชาแมลงชั้น 4 และนักสู้เผ่าแมลงที่เป็นระดับเทพแท้จริงเช่นกัน
เนื่องจากสวรรค์แห่งมอนสเตอร์ มอนสเตอร์อัญเชิญของเขาจึงไม่สามารถตายได้ ไม่กี่วันต่อมา หลินฮวงสวมหน้ากากพันหน้าและไปเยือนสนามรบโบราณหลายแห่งในแดนเทพ ปลดปล่อยมอนสเตอณ์ทั้งหมดเพื่อให้พวกมันออกล่า เพิ่มระดับพลังตัวเอง
หลินฮวงใช้เวลาสองสามวันกับการเพิ่มพลังมอนสเตอร์เขาก่อนติดต่อเจ้าแดงอีกครั้ง
“สถานการณ์ของไคลี่เป็นยังไงบ้าง?”
“เนื่องจากนางคือเทพสูงสุด นางจึงยกระดับพลังได้เร็ว ตอนนี้นางเป็นเทพแท้จริงขั้นเก้าแล้ว”เจ้าแดงตอบ จากนั้นก็พูด”ข้าจะให้ไคลี่ระงับการยกระดับพลังนางไปชั่วคราว เราควรคว้าโอกาสนี้เพื่อขอวัตถุดิบจำนวนมากเพราะเราต้องปิดประตูบ่มเพาะ ตอนนี้ เรายังขาดวัตถุดิบสองประเภทที่ต้องการเพื่อเลื่อนเป็นชัั้น 6 แต่เราควรสามารถหาได้ภายในเดือนนี้”
“แล้วท่านละ?ท่านเลื่อนเป็นเทพแท้จริงแล้วหรือยัง?”เจ้าแดงสอบถาม
“ข้ายกระดับแล้ว และพวกเจ้าก็สามารถเลื่อนเป็นมอนสเตอร์ชั้น 6 ได้”หลินฮวงพยักหน้า”แต่ทว่า ถ้าการ์ดมอนสเตอร์ไม่ถูกเรียกกลับ งั้นก็มีข้อจำกัดด้านระยะทางในการใช้การ์ดเลื่อนขั้น ดังนั้นไคลี่ต้องอยู่ภายในวิสัยทัศน์ของข้าเพื่อให้การ์ดเลื่อนขั้นมีผล นั่นทำให้เจ้าต้องจัดเตรียมให้ข้าได้พบกับนาง”
“นั่นไม่ใช่ปัญหา”เจ้าแดงพยักหน้า”เดือนหน้า แดนลับจะเปิดขึ้นในแดนเทพ และมีแค่องค์กรระดับ 5 ขึ้นไปถึงมีสิทธิ์เข้าร่วม องค์กรใหญ่ต่างก็ส่งอัจฉริยะของตัวเองไป เมื่อถึงเวลา ข้ากับไคลี่จะไปเข้าร่วมด้วย ท่านสามารถเข้าร่วมผ่านเคียวแห่งความตายโดยใช้ตัวตนของเซี่ยหลิน พวกเขาน่าจะไม่ปฏิเสธท่าน”
“ข้าจะส่งรายละเอียดเกี่ยวกับแดนลับนี้ให้ท่านทีหลัง”
หลังคุยเรื่องสำคัญเสร็จ ทั้งสองก็คุยเล่นกันอีกสักพักก่อนวางสาย
เจ้าแดงส่งเอกสารเกี่ยวกับแดนลับมา ทันทีที่ได้รับ หลินฮวงก็เปิดพวกมัน เริ่มตรวจสอบข้อมูล
หลังตรวจดู หลินฮวงก็มีความเข้าใจทั่วไปถึงแดนลับ
แดนลับนี้ที่เจ้าแดงพูดถึงคือโลกขนาดเล็กที่นครหลวงเทพใช้ขังนักโทษ ทุกๆสองสามร้อยปี เมื่อจำนวนนักโทษในโลกขนาดเล็กสะสมถึงระดับหนึ่ง นครหลวงเทพจะส่งคนไปที่นั่นเพื่อเก็บกวาด ในความเป็นจริง การเก็บกวาดนี้จะปล่อยให้เทพสวรรค์ไม่กี่คนเข้าไปเพื่อเข่นฆ่านักโทษ
ต่อมา นครหลวงเทพรู้สึกว่าวิธีการนี้ยุ่งยากไป ถึงแม้จะมีเทพสวรรค์อยู่ท่ามกลางนักโทษด้วย แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นแค่เทพเสมือนกับเทพแท้จริง สมาชิกของนครหลวงเทพต่างเป็นโปรตอสเลือดบริสุทธิ์ พวกเขามองว่ามันเป็นเรื่องน่าอับอายที่ให้เทพสวรรค์ไปเข่นฆ่าเทพเสมือนกับเทพแท้จริง
ดังนั้น บางคนจึงมีความคิดปล่อยให้เทพเสมือนกับเทพแท้จริงของนครหลวงเทพเข้าไปทำการทดสอบ ดำเนินการแข่งขัน
หลังผ่านมาหลายงาน พวกระดับสูงของนครหลวงเทพก็รู้สึกว่าการแข่งขันนี้ที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกตัวเองนั้นยังไม่น่าตื่นเต้นพอ พวกเขาจึงตัดสินใจเปิดแดนลับให้องค์กรระดับ7และเชิญอัจฉริยะขององค์กรอื่นให้เข้าร่วม หลังจากนั้น มันก็ค่อยๆนับรวมองค์กรระดับหกด้วย และค่อยๆพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้
นักโทษในแดนลับยังค่อยๆคุ้นเคยกับเกมนี้
ตามคำขอของนครหลวงเทพ นักโทษได้รับอนุญาตให้โจมตีนักล่าระดับเดียวกันได้ แต่ทว่า เทพแท้จริงถูกห้ามจากการโจมตีเทพเสมือน ส่วนเทพสวรรค์ก็ห้ามโจมตีเทพแท้จริงกับเทพเสมือน พวกเขาสามารถสู้กลับได้ก็ต่อเมื่อนักล่าของแดนเทพโจมตีพวกเขาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านักโทษรอดชีวิตจนจบการล่า พวกเขาจะได้รับส่วนแบ่งจากการปล้นชิงของนักล่าที่พวกเขาฆ่าได้ นครหลวงเทพยังส่งคนไปช่วยพวกเขาปลดผนึกแหวนเก็บของด้วย
สิ่งนี้เป็นตัวกระตุ้นให้นักโทษเข้าร่วมเกมนี้
สิ่งสำคัญสุดคือเทพเสมือนกับเทพแท้จริงที่รอดชีวิตจากเกมล่าสามครั้งติดต่อกันจะได้รับการปล่อยตัว แน่นอน นี่ไม่ใช่การปล่อยตัวแบบไร้เงื่อนไข หลังพวกเขาออกจากคุก พวกเขาต้องเซ็นสัญญานาย-ทาสกับสมาชิกของนครหลวงเทพเพื่อกลายเป็นข้ารับใช้เทพของพวกเขา
เดิมหลินฮวงค่อนข้างอยากรู้ว่าทำไมนครหลวงเทพถึงมีนักโทษมากขนาดนี้
แต่หลังอ่านเอกสารจนจบ เขาก็พบว่าเกมนี้ได้พัฒนาจนถึงจุดที่ไม่เพียงนครหลวงเทพเท่านั้น แต่องค์กรใหญ่ก็ยังส่งนักโทษให้นครหลวงเทพ
เช่น วิหารเทพนักรบ หลังจากสงครามแย่งชิงดินแดนทุกครั้งที่พวกเขาเข้าร่วม ไม่ว่ามันจะเป็นขนาดเล็กหรือใหญ่ พวกเขาจะนำนักโทษจำนวนมากกลับมาด้วย
ในแดนลับ จำนวนนักโทษที่วิหารเทพนักรบนำมาคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรนักโทษทั้งหมด
หลินฮวงไม่รู้สึกลำบากใจอะไรกับการล่านักโทษเหล่านี้เพราะส่วนใหญ่มาจากหุบเหว เผ่าแมลงและเผ่าอื่นที่มีสายพันธ์ุต่างกัน มีมนุษย์ด้วย แต่พวกเขามีจำนวนน้อยมาก เขาแค่ต้องทำให้แน่ใจว่าตัวเองจะไม่เป็นฝ่ายเข่นฆ่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธ์ุก่อน
ตอนที่ 1490
เพื่อช่วยให้ไคลี่กลายเป็นชั้น 6 จิตวิญญาณแท้จริง หลินฮวงต้องเดินทางไปแดนลับ
หลินฮวงเคยเข้าแดนจอมเทพภายใต้ตัวตนของเซี่ยหลิน สุดท้าย แม้เขาจะแกล้งตายและไม่ถูกส่งออกมา แต่หลายองค์กรในแดนเทพก็พอเดาได้ว่ามันไม่ใช่เขาไม่ถูกส่งออก แต่เขาได้รับมรดกของแดนจอมเทพและซ่อนตัวต่างหาก
แม้เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเกือบปีแล้ว แต่ก็ยังมีหลายคนในแดนเทพที่มองหาเวี่ยหลิน หวังยึดมรดกจอมเทพ
ดังนั้น ตัวตนของเซี่ยหลินจึงไม่สามารถใช้ได้อีก อย่างน้อยก็ต่อหน้าสาธารณะ
หลังอ่านข้อมูลที่เจ้าแดงให้ หลินฮวงก็ไตร่ตรองสักพักก่อนติดต่อใครบางคน
เสียงรอสายยังไม่ดังด้วยซ้ำ การสื่อสารก็เชื่อมต่อแล้ว และเสียงผุ้ชายก็ดังจากอีกด้าน
“เซี่ยหลิน?!”
“ผู้อาวุโสใต้สวรรค์ ข้าต้องการความช่วยเหลือ”หลินฮวงเอ่ยปากขอทันที
“ว่ามา”ใต้สวรรค์ไม่ลังเล
“ข้าอยากเข้าแดนลับของนครหลวงเทพในเดือนหน้า”หลินฮวงเข้าเรื่อง
“มันไม่ยากสำหรับข้าที่จะช่วยให้เจ้าผ่านเข้าไป แต่ทว่า เจ้าควรรู้ว่าถ้ามีคนจำเจ้าได้ แม้กระทั่งเคียวแห่งความตายก็ปกป้องเจ้าไม่ได้”ใต้สวรรค์ตอบตรงๆ
หลินฮวงเคยเลือกไม่ยอมรับการคุ้มครองของเคียวแห่งความตาย แต่เลือกหายตัวไปทันทีที่ได้รับมรดกจอมเทพ ซึ่งทำให้พวกระดับสูงของเคียวแห่งความตายไม่พอใจ
หากตัวตนของหลินฮวงถูกเปิดเผยระหว่างการเข้าร่วมนี้ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเคียวแห่งความตายที่จะก้าวออกมาช่วยเหลือเขาเว้นแต่เขาจะเต็มใจยอมละทิ้งมรดกจอมเทพ แต่ทว่า ใต้สวรรค์รู้ว่าหลินฮวงไม่มีทางทำแบบนั้น
“ข้ารู้ ข้าจะเปลี่ยนชื่อ และข้าจะเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้ข้าด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ระดับพลังข้าเลื่อนเป็นเทพแท้จริงแล้ว ไม่ควรมีใครประติดประต่อข้ากับเซี่ยหลิน”
“เนื่องจากเจ้าร้องขอ ข้าก็จะช่วย”ใต้สวรรค์ไม่ถามเพิ่ม”หาสาขาเคียวแห่งความตายและไปสมัครด้วยตัวตนใหม่ จากนั้นบอกชื่อใหม่กับข้า หลังจากนั้น ข้าจะส่งจดหมายเชิญหาเจ้าเอง”
หลังจบสายกับใต้สวรรค์ หลินฮวงก็โทรหาหยางหลิง
น่าแปลก อุปกรณ์สื่อสารแจ้งเตือนว่า”หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่เปิดใช้บริการ”
หลินฮวงขมวดคิ้ว ขณะที่พยายามจะโทรใหม่ ก็มีสายจากหมายเลขไม่คุ้นเคย
เขาต่อสายทันที
“เข้าเรื่อง”เสียงนั้นเป็นเสียงของหยางหลิง
“ทำไมหมายเลขเจ้าถึงไม่เปิดใช้บริการ?”หลินฮวงถาม
“ข้าเจอปัญหาเล็กน้อย”หยางหลิงดูเหมือนไม่เต็มใจพุดมากกว่านี้”แล้วเจ้าต้องการอะไร รีบบอกมา.
หลังลังเลสักพัก หลินฮวงก็ตัดสินใจไม่ถามเพิ่ม เขาบอกหยางหลิงว่าเขาต้องการอะไร”ข้าอยากได้ตัวตนปลอมในแดนเทพ ตัวตนที่ข้าสามารถใช้ลงทะเบียนกับเคียวแห่งความตายได้”
“งั้นครั้งนี้ข้าจะทำให้เจ้าหลายตัวตน”หยางหลิงพูด”แค่ส่งภาพกับข้อมูลส่วนตัวหลังปลอมตัวให้ข้าก็พอ นอกจากนี้ อย่าติดต่อข้าถ้าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน”
เมื่อได้ยินหยางหลิงพูดแบบนี้ หลินฮวงก็ตระหนักว่าปัญหาที่เพื่อนของเขากำลังเผชิญอาจไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
“มีอะไรให้ข้าช่วยไหม?”
หยางหลิงเงียบไปก่อนตอบด้วยเสียงต่ำ”มันเป็นไปได้ที่ข้าจะถูกพวกไรเดอร์จับตามอง…เจ้าช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก แค่ทำให้แน่ใจว่าเจ้าจะไม่โดนไปด้วย”
หลังพูดแบบนี้ เขาก็หยุด แต่ไม่วางสาย เขาดูเหมือนจะลังเลก่อนพูดต่อ”ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับข้า ช่วยดูแลหงซวงด้วย”
หลังได้ยินคำพูดเหล่านี้ หลินฮวงก็กะพริบตาด้วยความแปลกใจ เพียงเมื่อเขากำลังจะถามถึงหงซวง หยางหลิงก็ตัดสายไปแล้ว
‘อย่าบอกนะว่าเขาเกิดรักหงซวงจริงๆ…’
ไม่ว่ามันจะเป็นร่างกายหรือหน้าตา หงซวงถือเป็นสาวงาม แต่ทว่า นิสัยของนางมักทำให้หลินฮวงไม่อยากเข้าใกล้นาง
ต่อให้เขาจะมั่นใจว่าความสามารถในตอนนี้ของเขาเหนือกว่าหงซวงมาก เขาก็ยังระวังต่อผู้หญิงคนนี้
ดูจากสภาพของหยางหลิงแล้ว เขายิ่งรู้สึกว่านางน่ากลัวเข้าไปอีก
เขาส่ายหัว ละทิ้งเรื่องของหยางหลิงกับหงซวงไว้ชั่วคราว เขาสวมพันหน้า ปลอมเป็นหน้าตาต่างๆ และถ่ายรูป
หลังจากนั้น เขาก็ตั้งตัวตนสำหรับหน้าตาใหม่ต่างๆและส่งรูปให้หยางหลิง
วินาทีต่อมา หยางหลิงก็ตอบกลับ
“สามวัน เจ้าสามารถไปรับพวกมันได้ที่แผนกต้อนรับของโรงแรม”
หลินฮวงตกใจ เขาลืมบอกหยางหลิงว่าเขาอยู่ดาวไหน แม้โรงแรมที่เขาพักจะเป็นโรงแรมผิดกฏหมายซึ่งไม่ต้องยืนยันตัวตน แต่มันเห็นได้ชัดว่าหยางหลิงรู้ว่าเขาอยู่ไหน
เพื่อหลีกเลี่ยงการพลาดพัสดุที่หยางหลิงจะส่งมา หลินฮวงจึงไม่ปิดประตูบ่มเพาะ เขาแค่บ่มเพาะไร้รอยต่อ
หลินฮวงไม่รู้ว่ามันเพราะเขาได้พัฒนาเป็นเทพแท้จริงแล้วหรือเปล่า แต่เขาสังเกตเห็นว่าการบ่มเพาะไร้รอยต่อของเขาเร็วกว่าเดิมสิบเท่า
นับตั้งแต่เขาก้าวสู่ระดับเจ็ดของไร้รอยต่อ ในอดีต อัตราการเพิ่มด้ายพลังจิตของเขาอยู่ที่สองร้อยต่อชั่วโมง แต่ทว่า ตอนนี้จำนวนเพิ่มเป็นสามพันต่อชั่วโมง
ในช่วงเวลาหนึ่งวัน จำนวนด้ายพลังจิตก็เกินกว่าสามแสนไปแล้ว และการบ่มเพาะไร้รอยต่อยังก้าวสู่ระดับแปด
หลังจากนั้น ความเร็วการบ่มเพาะไร้รอยต่อของเขาก็ลดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังสร้างได้ถึงสองพันเส้นต่อชั่วโมง
สามวันผ่านไปทั้งอย่างนั้น หลังกินข้าวเช้า หลินฮวงก็ไปรับพัสดุจากหยางหลิง
เมื่อเปิด ภายในเขาก็พบแหวนตัวตนสี่วง แต่ละวงมีรูปทรงต่างกัน
เขาลองแต่ละอันและตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาก่อนเก็บสามวงไปและสวมอีกวง หลังจากนั้น เขาก็ตรงไปสาขาของเคียวแห่งความตาย
หลังผ่านไปสิบนาที เขาก็ได้รับสถานะสมาชิกสำรองของเคียวแห่งความตาย
“ชื่อ : หวงมู่”
“เผ่า : ไม่รู้”
“ระดับพลัง : เทพแท้จริงขั้นเก้า”
“การบ่มเพาะ : พลังจิต”
…
“ตราบเท่าที่ข้าใช้การปลอมตัวมากพอ จะไม่มีใครรู้ว่าข้าเป็นใคร!”หลินฮวงยิ้ม
การไม่รู้เผ่าเป็นเรื่องปกติในแดนเทพ มีหลายเผ่าในแดนเทพ และเด็กหลายคนก็กำพร้าหลังคลอด โดยไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นของเผ่าใด
สำหรับระดับพลัง หลินฮวงปลอมตัวเป็นเทพแท้จริงขั้นเก้าเพื่อเลี่ยงการดึงดูดความสนใจหากเขาพัฒนาเร็วเกินไป
สำหรับเส้นทางบ่มเพาะ เนื่องจากทุกคนรู้ว่าเขาคือผู้บ่มเพาะดาบตอนเขาอยู่ในแดนจอมเทพ เขาจึงไม่สามารถใช้ดาบได้อย่างเปิดเผย ไม่งั้น ผู้คนอาจสงสัยว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเซี่ยหลิน ผู้ได้รับมรดกจอมเทพ นอกจากนี้ ผู้ควบคุมยังหายากมากในแดนเทพ เขาจึงต้องเลือกว่าเป็นผู้ใช้พลังจิต
หลินฮวงทำสำเนาข้อมูลตัวตนนี้และส่งต่อให้ใต้สวรรค์
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ใต้สวรรค์ก็ส่งจดหมายเชิญมาโดยตรงโดยไม่พูดอะไรสักคำ
แต่ทว่า หลินฮวงยังตอบกลับ”ขอบคุณ!”
ตอนนี้ที่เขาได้รับจดหมายเชิญเข้าแดนลับ หลินฮวงจึรู้สึกเหมือนภาระโดนยกออกจากบ่า
เขาเดินลงไปเช็คเอาท์ออกจากห้องพัก จากนั้นก็กลับไปวังจอมเทพ
หลังตั้งค่าการแจ้งเตือนสำหรับวันออกเดินทาง หลินฮวงก็บดขยี้การ์ดห้องแห่งกาลเวลา ก้าวเข้าไปในนั้นอีกครั้งเพื่อทำการปิดประตูบ่มเพาะ
ตอนที่ 1491
หลินฮวงนั่งสมาธิในห้องแห่งกาลเวลา รอบนี้เขาบ่มเพาะไร้รอยต่อ
เหนือสิ่งอื่นใด เนื่องจากเขาอยากปรากฏตัวในฐาะนผู้ใช้พลังจิต เขาจึงตั้งใจใช้ช่วงเวลาแค่เดือนเศษนี้เพื่อเสริมพลังจิตเทวะของเขาให้พอเผชิญหน้ากับคนอื่นได้
หลังบ่มเพาะไร้รอยต่อจนเลื่อนเป็นระดับแปด ความเร็วที่ด้ายพลังจิตเพิ่มจำนวนก็ลดเป็น 2000 ต่อชั่วโมง แต่ทว่า เทียบกันก่อนเขาเป็นเทพทแ้จริง ความเร็วนี้ถือว่าสูงมาก
สามวันที่ผ่านมาของการบ่มเพาะได้ช่วยให้ด้ายพลังจิตของเขาเพิ่มจำนวนเป็น 370000เส้น
ตอนนี้ที่เขาเข้าห้องแห่งกาลเวลา เขาจึงไม่มีเวลาให้เสีย เขายังไม่สนใจเสียสละเวลาไปกิน ดื่ม หรือนอน อุทิศตัวให้กับการบ่มเพาะไร้รอยต่อ
ด้ายพลังจิตเพิ่มขึ้นในอัตรา 48000 เส้นทุกวัน
ในเวลาแค่ 13 วัน จำนวนก็เพิ่มเป็นหนึ่งล้าน ช่วยให้เขาขึ้นสู่ระดับใหม่ ระดับเก้า!
ตอนนี้ ความเร็วที่ด้ายพลังจิตของหลินฮวงเพิ่มขึ้นลดลงเป็น 1000 ต่อชั่วโมง
แม้จะเป็นแบบนี้ หลินฮวงก็ไม่หยุดบ่มเพาะ
ความเร็วต่อวันที่ด้ายพลังจิตของเขาเพิ่มจำนวนคงที่ 24000 เส้น
ในห้องแห่งกาลเวลา เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า
หลินฮวงใช้เวลาไม่ถึง 84 วันเพื่อให้ด้ายพลังจิตของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสามล้าน และในที่สุดก็สร้างความก้าวหน้าอีกครั้งในการบ่มเพาะไร้รอยต่อ มาถึงระดับสิบในตำนาน
ตอนนี้ ไร้รอยต่อ ซึ่งหลินฮวงได้รับจากฉีหมิงเซี่ยงได้มาถึงจุดสิ้นสุดของกระบวนการบ่มเพาะแล้ว
ตามความเป็นจริง เมื่อฉีหมิงเซี่ยงได้รับไร้รอยต่อ เขาได้บ่มเพาะจนถึงระดับเก้าเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าระดับสิบนั้นเป็นอย่างไร
แต่ทว่า ตอนนี้ ความประทับใจของหลินฮวงต่อระดับนี้ลึกซึ้งมาก
เขารู้สึกได้ชัดว่าหลังถึงระดับสิบแล้ว จิตเทวะเขาดูเหมือนจะครอบครองความสามารถแยกตัวเอง เขาไม่ต้องใช้จิตสำนึกเป็นตัวนำเลย
อัตราการเพิ่มด้ายพลังจิตของเขาไม่ลดลงอีก รักษาอัตราที่ 1000 ต่อชั่วโมง
ตามความเร็วแบบนี้ หลินฮวงประเมินจำนวนด้ายพลังจิตของเขาคงเกินสิบล้านภายในหนึ่งปี
การบ่มเพาะไร้รอยต่อได้เข้าสู่โหมดอัตโนมัติ และหลินฮวงก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าเป็นแบบนั้น ตราบเท่าที่ไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้น เขาสามารถอนุญาตให้ไร้รอยต่อบ่มเพาะโหมดอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์ และเขาสามารถทุ่มเทเวลากับพลังงานกับเรื่องอื่นได้ เขาแค่ต้องตรวจสอบเป็นครั้งคราว
หลังออกจากสถานะบ่มเพาะไร้รอยต่อ หลินฮวงก็บดขยี้การ์ดห้องแห่งกาลเวลาอีกใบ ยืดเวลาไปร้อยวัน
หลังตรวจสอบโหมดอัตโนมัติของไร้รอยต่อเป็นเวลาหลายนาทีและมั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไร จากนั้นเขาถึงเปลี่ยนความสนใจไปยังเต๋าดาบ
แม้การปลอมตัวของเขาในแดนเทพครั้งนี้จะไม่อนุญาตให้เขาใช้ดาบได้อย่างเปิดเผย เต๋าดาบก็คือเส้นทางบ่มเพาะหลักของเขา เนื่องจากเขามีเวลาพิเศษ สิ่งแรกที่เขาทำก็คือพัฒนาเต๋าดาบเขา
หลินฮวงดำดิ่งจิตสำนึกเข้าความทรงจำของจอมเทพ หลินฮวงเริ่มเรียนทักษะดาบอย่างรวดเร็ว
เขาไม่รู้ว่ามันเพราะการยกระดับสู่เทพแท้จริง หรือเพราะการบ่มเพาะไร้รอยต่อที่ทำให้จิตเทวะของเขาแข็งแกร่งขึ้น หรืออาจเพราะเต๋าดาบของเขาวิวัฒนาการเป็นจิตแท้…แต่ตอนนี้หลินฮวงตระหนักว่าความเร็วการเรียนรู้ทักษะดาบของเขาเร็วกว่าเมื่อก่อน
เดิมที เขาเรียนรู้ทักษะดาบระดับบรรพกาลได้แค่ 350 ประเภทต่อวัน แต่ทว่า โดยพื้นฐานแล้วเขาต้องมองแค่แวบเดียวเพื่อเรียนทักษะใหม่ นี่เพราะแค่มองครั้งเดียว จิตใจของเขาก็สามารถสรุปการทำงานของทักษะดาบทั้งหมดได้ แม้กระทั่งว่าเขาสามารถแก้ไขและดัดแปลงทักษะดั้งเดิมได้ด้วยตัวมันเอง
ภายในระยะเวลาหนึ่งวัน เขาเรียนทักษะดาบระดับบรรพกาลแปดพันกว่าชนิด
เขาใช้เวลาไม่ถึงเก้าวันในการเพิ่มจำนวนทักษะดาบเดิมที่เขาใช้ได้จากสามแสนเป็นกว่าล้าน
แม้จำนวนทักษะดาบที่ใช้ได้จะเกินล้าน หลินฮวงก็ยังไม่สามารถไปถึงระดับกฏสวรรค์ได้
เขาไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ แค่มองจำนวนทักษะดาบที่เขาใช้ได้ก่อนเปลี่ยนความสนใจไปยังทักษะดาบระดับสูงกว่านั้น-ทักษะดาบระดับเทพสูงสุด!
ความเร็วการเรียนรู้สำหรับทักษะดาบระดับเทพสูงสุดลดลงทันตาเห็น และเขาก็เรียนทักษะได้ประมาณหนึ่งพันห้าร้อยต่อวัน
หลินฮวงบ่นเกี่ยวกับความเร็วการเรียนรู้ เหนือสิ่งอื่นใด พวกมันคือทักษะดาบระดับเทพสูงสุดที่บรรจุกฏ
มันยากสำหรับเทพแท้จริงทั่วไปที่จะใช้ทักษะดาบได้นับร้อย ต่อให้พวกเขาจะเก่งด้านดาบก็ตาม
แต่ทว่า เขาสามารถเรียนทักษะดาบได้นับพันต่อวันอยู่ดี
เขาหลับตา ทำสมาธิ ค้นทักษะดาบเหล่านี้ในหัวขณะทำการจำลองพวกมันในหัว
จำนวนทักษะดาบระดับเทพสูงสุดที่เขาใช้ได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ภายในห้องแห่งกาลเวลา เวลาผ่านไปสองเดือน
จำนวนทักษะดาบระดับเทพสูงสุดที่หลินฮวงใช้ได้ก็ทะลุแสน
ตอนนี้ มันราวกับเขาทำลายผ่านอุปสรรคในใจ ในชั่วพริบตา เขาก็มีมุมมองชัดเจนขึ้น
ภายในตัวเขา แก่นแท้เต๋าดาบระดับจิตเทะแตกละเอียด เปลี่ยนแปลงและควบเป็นพลังเจตจำนงที่คล้ายกับเจตจำนงโลกกรวด
ตอนนี้ วิญญาณดาบภายในตัวหลินฮวงลืมตาขึ้นและคำราม
หลังทะลุไปถึงระดับจิตแท้ วิญญาณดาบที่เดิมมีความสูงเกือบเท่ากันกับหลินฮวงกลับขยายใหญ่เป็นยักษ์สูงภายในไม่กี่วินาที ดาบสีแดงเลือดในมือยักษ์ยังขยายใหญ่ขึ้นด้วย
บนดาบยักศ์ ลวดลายผนึกสีทองส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง และลวดลายสีทองคล้ายสิ่งมีชีวิตก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า วินาทีต่อมา แสงสีทองบนดาบก็หายไป ผนึกเหล่านั้นค่อยๆปรากฏขึ้นใหม่บนสองฝั่งของด้ามดาบ แม้พวกมันจะคล้ายกับอันเดิม แต่ก็มีความซับซ้อนขึ้น
หลินฮวงพยายามมองลวดลายผนึกนั่นอีกครั้ง แต่เขาก็ยังตาลายและละสายตาออกทันที
“เต๋าดาบระดับกฏสวรรค์?!”
หลังสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงภายในตัว หลินฮวงก็สามารถรู้สึกได้ว่าเต๋าดาบของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก
เขารู้สึกว่าเขาจะไร้เทียมทานตราบเท่าที่เขามีดาบในมือ
แต่ทว่า เขายังรู้ว่านี่เป็นแค่ภาพลวงตา
เต๋าดาบกฏสวรรค์มีสามระดับ ดาบสวรรค์ หัวใจสวรรค์ และเต๋าสวรรค์
เต๋าสวรรค์นั่นถือว่าไร้เทียมทานอย่างแท้จริง มันเป็นระดับที่ดาบเดียวสามารถพิชิตได้ทั่วโลก
แน่นอน ไม่มีใครไร้เทียมทานอย่างแท้จริง แต่นี่ถือเป็นสภาวะจิตใจ
เมื่อพวกเขามาถึงระดับกฏสวรรค์ ผู้บ่มเพาะดาบจะควบแน่นพลังดาบโดยอัตโนมัติ
ในโลกนี้ พลังดาบไม่ใช่สิ่งล่วงตาอย่างที่อธิบายไว้ในนิยาย แต่เป็นพลังประเภทหนึ่งที่ได้มาจากอำนาจกดขี่ทางวิญญาณ พูดให้ง่ายขึ้น มันคือเทคนิคโจมตีที่ได้รับจากเต๋าดาบ
ผู้บ่มเพาะดาบระดับกฏสวรรค์จะปล่อยพลังดาบพวกเขาได้โดยไม่ต้องยกนิ้วด้วยซ้ำ และนี่ก็มากพอจะทำให้ยอดฝีมือระดับเทพแท้จริงหลายคนบาดเจ็บสาหัส
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เต๋าดาบระดับกฏสวรรค์คือห่วงโซ่ลำดับเทพประเภทหนึ่ง แต่พิเศษกว่า
การแบ่งระดับมันยังแตกต่างจากห่วงโซ่ลำดับเทพ นอกจากนี้การมีพลังคล้ายกับห่วงโซ่ลำดับเทพ มันจึงครอบครองลักษณะหลายอย่างของตัวดาบอีกด้วย…
หลังสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงภายในตัว หลินฮวงก็เหลือบมองเวลาที่เหลือในห้องแห่งกาลเวลา มันยังเหลือเวลาอีก 27 วัน
เขาไม่ตั้งใจเสียเวลานี้และยังนั่งสมาธิ เรียนรู้ทักษะดาบเพิ่มและพัฒนากฏสวรรค์
ตอนนี้ที่เขาเลื่อนระดับแก่นแท้เต๋าดาบเป็นกฏสวรรค์ เขาจึงรับรู้ด้วยว่าความเร็วการบ่มเพาะทักษะดาบเขาเพิ่มขึ้น ตามเวลาที่เขาใช้กับการเรียนรู้ เขาประเมินคร่าวๆว่าทักษะดาบระดับเทพสูงสุดที่เขาเรียนได้ต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 3000
เขายังสามารถเข้าใจทักษะดาบเทวะบางอย่างที่เดิมไม่สามารถเข้าใจได้เลย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น