Monster Paradise 1484-1485
ตอนที่ 1484
หลังฆ่ากลุ่มปีศาจรัตติกาลของมอนสเตอร์ทั้งสาม หลินฮวงก็ไม่ทำอะไรให้วุ่นวาย
นี่เป็นสิ่งที่เขาจงใจทำ
ต่อให้มีมอนสเตอร์แถวนี้ที่สัมผัสได้ถึงความผันผวนพลังงานจากการต่อสู้ มันก็แค่ชั่วขณะ
ยิ่งไปกว่านั้น พื้นที่ล่าใกล้กับแกนกลางยังถูกแบ่งกัน แม้กระทั่งจิตเทวะของเจ้าของพื้นที่ล่าอีกสองแห่งใกล้ๆก็สามาตถตรวจสอบได้แค่ขอบเขตของตัวเอง มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่ล่าของกลุ่มปีศาจรัตติกาล
เมื่อเห็นหลินฮวงตัดหัวทั้งสาม ปีกเงาก็ละทิ้งกลอุบายทั้งหมดของมัน
ตอนแรก เมื่อมันนำทางให้หลินฮวง มันไม่ได้มีเจตนาดีนัก
มันพาหลินฮวงมาหากลุ่มปีศาจรัตติกาลเพราะมันรู้สึกว่าทั้งสามนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าหลินฮวง ถ้าทั้งสองฝ่ายสู้กันเอง มีโอกาสสูงที่ทั้งสองฝ่ายจะบาดเจ็บ และมันจะเป็นคนที่ได้รับผลประโยชน์
สิ่งที่มันไม่คาดคิดคือพลังของหลินฮวงเกินกว่าจินตนาการมัน
แม้กระทั่งกลุ่มที่แข็งแกร่งอย่างปีศาจรัตติกาลก็ยังโดนฆ่าง่าย ๆ
เราควรรู้ว่าแม้กลุ่มของปีศาจรัตติกาลจะไม่ได้ทรงพลังสุดในแกนกลาง มอนสเตอร์ทั้งสามก็เข้าขากันได้ดี พลังโดยรวมของพวกมันน่าประทับใจมาก เกือบจะอยู่ในห้าอันดับของกลุ่มทั้งหมดในแกนกลาง
นี่ทำให้ทั้งสามสามารถยึดครองพื้นที่ล่ารอบนอกแกนกลางได้
เมื่อสัมผัสได้ถึงไฟเทวะชั้น 5 ทั้งสามภายในตัวเขา หลินฮวงก็มั่นใจว่าการคาดเดาก่อนหน้านี้ของเขาถูกต้อง
ไฟเทวะชั้น 4 ของเขาอิ่มตัวแล้ว แต่ไฟเทวะชั้น 5 ยังดูดได้ต่อ
‘ข้าสะสมไฟเทวะชั้น 5 ได้แปดแล้ว ตามพฤติกรรมของกงล้อชีวิต มันควรอิ่มตัวหลังอีกสอง..’หลินฮวงทำการคำนวณ
“สถานการณ์ของเหยื่อชุดต่อไปเป็นอย่างไร?”หลินฮวงถาม
“เป้าหมายต่อไปที่ข้าเลือกให้ท่านเป็นกลุ่มสองคน หนึ่งคือปีศาจยักษ์ หนึ่งคือวิญญาณเน่าสลาย..”
หลินฮวงไม่ใช่ไม่คุ้นเคยกับมอนสเตอร์ทั้งสองเพราะพวกมันมีอธิบายในสารานุกรม
ปีศาจยักษ์คือยักษ์ขนดำและสูงประมาณสิบเมตร เหตุผลว่าทำไมมันถึงโดนเรียกว่าปีศาจเพราะหน้ามันมีแค่อวัยวะเดียว ปากยักษ์ 6 แฉกที่สามารถเปิดได้เหมือนดอกไม้บาน ด้านในแต่ละปากเต็มไปด้วยฟันแหลม นอกจากนี้ ยังมีลิ้นที่เต็มไปด้วยเข็มพิษ ลิ้นนี้เป็นอาวุธที่สามารถยิงออกจากปากและขยายออกไปได้เป็นพันเมตร มันเร็วกว่างวงช้าง
ความสามารถป้องกันมันยังน่าตกใจ มันมีกล้ามเนื้อแขนหนาสี่ชั้น สำหรับมือมัน พวกมันคล้ายกับกรงเล็บเหล็ก
สำหรับวิญญาณเน่าสลาย มันคือมอนสเตอร์สีเขียวรูปร่างคล้ายตะกอน ทั่วตัวมันแผ่ฟองกลิ่นเน่าเหม็นตลอดเวลา มันสามารถเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ใดก็ได้ที่มันต้องการตอนสู้ แต่รูปแบบทั่วไปสุดของมันคือบ่อตะกอนที่มีหนวดนับไม่ถ้วน
ตัวมันปกคลุมด้วยพิษถึงตาย ต่อให้จะโดนหนวดมันจิ้มเล็กน้อย พิษก็ยังมากพอทำให้สิ่งมีชีวิตระดับเดียวกับมันตาย
กลุ่มมอนสเตอร์สองตัวนี้ถือว่าน่ากลัว พวกมันถือเป็นอันดับสามภายในชั้นกลาง
แม้พวกมันจะมีแค่สอง ความสามารถพวกมันก็เหนือกว่ากลุ่มปีศาจรัตติกาล
หลินฮวงตามหลังปีกเงา หลังเดินทางอยู่สองหรือสามนาที พวกมันก็มาถึงดินแดนของปีศาจยักษ์และวิญญาณเน่าสวลาย
ก่อนหลินฮวงจะเห็นมอนสเตอร์ทั้งสอง กลิ่นเหม็นในอากาศก็ลอยมาแต่ไกล
นี่คือกลิ่นที่ปล่อยออกจากตัววิญญาณเน่าสลาย ไม่เพียงแต่จะเหม็นจนน่าสะอิดสะเอียน แต่ยังมีพิษร้ายแรงอีกด้วย
แม้จะไม่คำนึงถึงพิษ แต่นอกจากปีศาจยักษ์ ก็คงมีน้อยมากที่เต็มใจร่วมมือกับวิญญาณเน่าสลาย นี่เพราะสิ่งมีชีวิตหุบเหวส่วนใหญ่ไม่สามารถทนต่อกลิ่นได้ ส่วนปีศาจยักษ์นั้นไม่มีสัมผัสกลิ่น แถมตัวมันยังมีภูมิคุ้มกันต่อสารพิษส่วนใหญ่
หลินฮวงรีบปิดระบบทางเดินหายใจนอกร่างกาย จากนั้นเขาถึงปิดกลั้นกลิ่นเหม็นได้ ความจริงคือความอดทนต่อกลิ่นเหม็นเขานั้นสูงมาก แม้จะต้องเจอกับซากศพเน่าเปื่อยต่างๆและอวัยวะภายใน เขาก็ไม่ตอบสนองมากนัก แต่ทว่า กลิ่นเหม็นแบบนี้เกินขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิตมากมายไปมาก ทำให้พวกเขาต้องอาเจียน นี่ไม่ใช่ประเด็นว่าใครจะทนกลิ่นได้
ปีกเงาใช้จิตเทวะคลุถมตัวเอง ไม่เต็มใจยอมให้ร่างกายมันสัมผัสกับกลิ่นนี้
“ถ้าเจ้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำไมถึงยังเลือกเหยื่อแบบนี้?”หลินฮวงลอบก่นด่าปีกเงาในใจ
วินาทีต่อมา ทั้งคู่ก็เห็นมอนสเตอร์สองตัวด้านล่าง
ปีศาจยักษ์ ซึ่งเดิมนั่งพิงเนินเขาลูกเล็กยืนขึ้น เงยหน้าที่ไร้ใบหน้ามองมาทางหลินฮวง
ไม่ไกลจากมัน บ่อตะกอนสีเขียวที่มีฟองยังขยายหนวดมันทีละเส้นเหมือนหน่ออ่อนที่กำลังงอก
ทันใดนั้น หนวดนับร้อยก็พุ่งขึ้น ยิงใส่หลินฮวงกับปีกเงา
แทบจะพร้อมกัน ปีศาจยักษ์ก็กระโดดขึ้น
แม้ขนาดตัวมันจะใหญ่โต ความเร็วมันก็ไม่ได้ช้า มันปรากฏเหนือหลินฮวงกับปีกเงาแทบจะทันที
หลินฮวงไม่คิดว่ามอนสเตอร์ทั้งสองจะเลือกโจมตีก่อน
เขาแปลกใจไปชั่วขณะแต่ก็ตอบสนองทันที
ดาบในมือของเขาชักออกจากฝักมันอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเป็นคลื่นดาบสองสายที่ต่างกัน
คลื่นดาบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับทะเลเลือด ม้วนตัวไปบนพื้น บดขยี้ด้วยพลังมหาศาลใส่วิญญาณเน่าสลายด้านล่าง ในขณะเดียวกัน คลื่นดาบอีกสายเปลี่ยนเป็นจันทร์เสี้ยวสีเลือด ระเบิดใส่ปีศาจยักษ์ด้านบน
คลื่นจากทะเลเลือดบดขยี้วิญญาณเน่าสลายเหมือนสึนามิ ทุกที่ที่มันผ่าน หนวดทั้งหมดของวิญญาณเน่าสลายจะโดนกำจัดทันที ก่อนที่มันจะได้หลบหนี มันก็จมอยู่ใต้ทะเลเลือด เสียงร้องโหยหวนของมันดังอยู่ได้สองวินาทีก่อนดับลง
อีกด้านหนึ่ง จันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดที่หลมคมอย่างน่ากลัวได้โจมตีปีศาจยักษ์
ปีศาจยักษ์ดูเหมือนจะรับรู้ถึงอันตรายของการโจมตีนี้และรีบหดแขนขาทั้งสี่ไว้ด้านหน้ามัน ซ้อนกันเป็นรูปโล่ เสริมด้วยพลังกฏเทพหลายชนิด
จากมุมมองมัน ด้วยความสามารถป้องกันแต่กำเนิดของมันรวมถึงพลังกฏเทพ มันมั่นใจว่าจะสามารถป้องกันตัวเองต่อทุกการโจมตีได้ ยกเว้นแต่พวกเทพแท้จริงขั้นสูงสุด
แต่ทว่า วินาทีต่อมา ใบหน้ามันก็ต้องสั่นกระตุก
นี่เพราะมันเห็นว่าตอนคลื่นดาบสัมผัสแขนมัน พลังกฏเทพนับสิบที่มันเสริมตัวเองได้สลายไปทีละชั้น
จันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดไม่พบการต่อต้านเลย มันตัดแขนขาทั้งสี่ของปีศาจยักษ์ด้านหน้าลำตัวมัน ก่อนจะผ่านร่างของมันไปเหมือนตัดเต้าหู้…
มันเป็นการฆ่าชั่วพริบตาอีกครั้ง!
ปีกเงินมองหลินฮวงด้วยความกลัวและความเคารพที่เพิ่มขึ้น
ตอนนี้ หลินฮวงไม่สนใจสิ่งรอบตัว เขาจมลงไปในโลกตัวเองและมองกงล้อชีวิตทั้งสิบ
ในกงล้อชีวิตทั้งสอบ ไฟเทวะชั้น 5 ทั้งสิบเต็มแล้ว
เดิมหลินฮวงกังวลว่าเขาต้องล่ามอนสเตอร์ต่ออีกไหมหลังสองตัวนี้ แต่ทว่า ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันไม่จำเป็นเมื่อสัมผัสได้ถึงความพึงพอใจที่แผ่จากกงล้อชีวิต
หลังไฟเทวะชั้น 5 เข้ากงล้อชีวิต เขาก็เตรียมพร้อมสำหรับการเป็นเทพแท้จริงแล้ว
ที่เหลือก็แค่การกลั่นและดูดซับ…
เขาถอนจิตสำนึกออก เหลือบมองปีกเงาข้างๆ”เจ้าเป็นอิสระแล้ว”
ปีกเงาตกใจตอนได้ยิน”ท่านไม่ต้องการล่าต่ออีกแล้วหรือ?”
“ไม่”หลินฮวงส่ายหัว”ข้ากำลังจะออกจากสนามรบโบราณมังกรหุบเหว”
หลังพูดแบบนี้ เขาก็ไม่มองปีกเงาอีก เขาส่งด้ายพลังจิตออกไป รวบรวมของบนพื้นก่อนพุ่งตรงไปทางออกของชั้นกลาง
ปีกเงายืนนิ่งด้วยความงงงวย มองหลินฮวงจากไป หลังหลินฮวงหลุดออกระยะจิตเทวะมัน มันถึงได้สติและพึมพำกับตัวเอง”ข้าเกรงว่ามนุษย์คงกำลังจะสร้างเรื่องน่าตกใจขึ้นมาในยุคนี้…”
ตอนที่ 1485
เมื่อออกจากชั้นกลางของสนามรบมังกรหุบเหว หลินฮวงก็ค้นหาหลินซินกับคนอื่นโดยใช้จิตเทวะ เขาทักทายพวกเขาและแนะนำอีกครั้งก่อนออกสนามรบโบราณไปทันที
สิ่งที่หลินซินและคนอื่นงุนงงคือหลินฮวงได้ทิ้งพวกเขาไปแค่ครึ่งวัน และเขาก็ล่าเสร็จแล้ว
หลินฮวงสบายใจที่จะปล่อยพวกหลินซินไว้เพราะ หนึ่ง กลุ่มของหลินซินมีแม่มดคอยปกป้อง นี่มากพอจะจัดการกับสถานการณ์อันตรายมากมาย สอง หลินซินตอนนี้ยังมีนิ้วทองคำ หัวใจจักรพรรดิในตัวนาง ความปลอดภัยของนางจึงเป็นสิ่งที่หลินฮวงไม่ต้องกังวลมากนัก
สำหรับกลุ่มของเฉินเตา แม้ระดับพลังพวกเขาจะไม่สูงมาก ทั้งคู่ก็ใช้พลังกฏเทพกันได้แล้ว ตราบเท่าที่ไม่ประมาทเดินลึกเข้าไป ก็ควรไม่มีปัญหา
หลินฮวงย้ายออกไปลำพังจากประตูมิติของสนามรบโบราณ และนายทะเบียนที่เห็นเขาก็ผงะ หลินฮวงไม่สนใจสายตาอีกฝ่ายและเคลื่อนย้ายออกไปในพริบตา
เมื่อเห็นหลินฮวงจากไป ปากของนายทะเบียนก็กระตุก”ตามคาด เข้าไปเจ็ด รอดแค่หนึ่ง”
เนื่องจากในอดีตมีหลายกรณี นายทะเบียนจึงสันนิษฐานไปเองว่ากลุ่มของหลินฮวงตายตอนเขาเห็นหลินฮวงออกมาคนเดียว
โดยธรรมชาติ หลินฮวงไม่รู้ว่าเขาทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อนายทะเบียน แน่นอน ต่อให้รู้ เขาก็ไม่สนใจ
หลังทิ้งระยะห่างออกจากทางเข้าสนามรบโบราณมังกรหุบเหวไปพอสมควร หลินฮวงก็พบดาวเคราะห์ไร้คนอาศัย จากนั้นก็เปิดทางเข้าสู่วังจอมเทพ ก้าวเข้าไป
ด้านหน้าวังจอมเทพ ดาบ 1 นั่งขัดสมาธิอยู่ เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวตัวยาวและหลับตา
เมื่อสัมผัสถึงการกลับมาของหลินฮวงได้ เขาก็ลืมตาขึ้น
“ท่านจอมดาบ”เมื่อเขาเห็นหลินฮวงก้าวออกจากประตูมิติ ดาบ 1 ก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับ
“ดาบ1”หลินฮวงพยักหน้าเล็กน้อย
เขารู้ว่าที่ดาบ 1 มานั่งตรงนี้ไม่ใช่เพราะเขา แต่เพราะอีกฝ่ายกำลังเฝ้าวังจอมเทพ
เขาตบไหล่ดาบ 1 เอื้อมมือไปผลักเปิดประตูวัง”ข้ากำลังจะปิดประตูบ่มเพาะสักพัก ถ้ามีใครมีเรื่องอะไร ค่อยบอกข้าตอนข้าบ่มเพาะเสร็จ”
“ขอรับ ท่านจอมดาบ!’
ดาบ 1 ก้มหัวเล็กน้อย ยกหัวขึ้นช้าๆหลังหลินฮวงก้าวเข้าโถงใหญ่ไป และประตูก็ปิดด้านหลังเขา เขาหันมา ดาบ 1 กลับไปท่าเดินด้านหน้าทางเข้าอีกครั้ง ตาของเขาปิดลง คล้ายกับพวกนักพรตเต๋า
เมื่อเขาเข้าวังจอมเทพ หลินฮวงก็นั่งขัดสมาธิ แค่ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบไฟเทวะภายในตัวก่อนนำการ์ดห้องแห่งกาลเวลาออกมา
ด้วยแรงกดแค่เล็กน้อยจากนิ้ว การ์ดเปลี่ยนเป็นจุดแสงสีทองที่กลั่นตัวเป็นรูปห้องไม่ไกลจากเขานัก
หลินฮวงผลักประตูทันทีและเดินเข้าไป
ภายในการ์ดห้องแห่งกาลเวลา 4 ดาว ความเร็วของเวลาจะช้ากว่าโลกภายนอกร้อยเท่า
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีทางลัดสำหรับการกลั่นไฟเทวะ มันต้องใช้เวลาเท่านั้น
ภายในห้องแห่งกาลเวลา ประตูไม้ค่อยๆปิดลงและสร้างเป็นผนังขาว
เนื่องจากหลินฮวงได้นั่งขัดสมาธิแล้ว โดยปราศจากการล่าช้า เขารีบกระตุ้นไฟเทวะภายในตัวเพื่อกลั่นอย่างรุนแรงและผสาน…
ภายในนั้น เวลาผ่านไปทีละวัน
อัตราความคืบหน้าการกลั่นไฟเทวะของหลินฮวงเพิ่มขึ้นทุกวันเช่นกัน
ในชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปสามเดือน ระดับพลังของหลินฮวงทะลวงผ่านจากเทพเสมือนขั้น 6 เป็นเทพเสมือนขั้น 9
แต่ทว่า หลินฮวงยังพบว่าการกลั่นไฟเทวะชั้น 5 นั้นช้ากว่าไฟเทวะชั้น 4
เมื่อเห็นว่าเวลาเหลืออีกสิบวัน หลินฮวงจึงขยี้การ์ดอีกใบเพื่อยืดเวลาเป็น 110 วัน
จากนั้นเขาก็หลับตา ทำการกลั่นไฟเทวะชั้น 5 สิบดวงสุดท้าย
เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังเขากลั่นไฟเทวะชั้น 5 ทั้งสิบเหล่านี้จนเสร็จ แต่เขารู้ว่าเขาเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว
เวลาผ่านไปทีละวัน ไฟเทวะหลากสียิ่งสูงขึ้น ไฟเทวะของตัวหลินฮวงเองก็ยังเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มจนกระทั่งมันกลายเป็นสีเลือด
ขั้นตอนการกลั่นนี้กินเวลาหนึ่งร้อยวันเต็ม แม้กระทั่งนานกว่าไฟเทวะ 30 ดวงจากขั้น 7-9ที่หลินฮวงกลั่นก่อนหน้า
เมื่อเห็นว่าไฟเทวะสุดท้ายผสานเข้ากับไฟเทวะสีเลือดของเขาแล้ว หลินฮวงก็พ่นลมหายใจยาวออกมา’ในที่สุด…”
เขาสามารถสัมผัสได้ว่าไฟเทวะภายในตัวเขาผสานกันอย่างสมบูรณ์แล้ว จนถึงจุดที่เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ไฟเทวะทั้งสิบเหล่านี้ดูเหมือนจะมาถึงขีดจำกัดของพวกมันและไม่สามารถทรงพลังไปได้กว่านี้แล้ว
ตามการผสานไฟเทวะจนถึงสภาพสมบูรณ์ พลังเทวะภายในตัวหลินฮวงเริ่มหมุนกลับไปไฟเทวะเขาเพื่อการกลั่นเพิ่มเติม จากนั้นพลังเทวะที่ได้รับการกลั่นนี้ก็เริ่มหมุนเวียนกลับเข้าตัวเขา เปลี่ยนแปลงทุกเซลล์ แม้กระทั่งในระดับอะตอม ไม่เพียงแค่นั้น อนุภาคทุกอนุภาคที่ประกอบเป็นวิญญาณของเขายังผ่านการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วราวกับมันโดนตัวเร่งปฏิกิริยา
เกือบทุกวัน หลินฮวงรู้สึกได้ชัดว่าตัวเขากำลังแกร่งขึ้น
กระบวนการทั้งหมดกินเวลาสิบวัน พลังเทวะของหลินฮวงโดนไฟเทวะทั้งสิบกลั่นนับร้อยครั้งก่อนถึงจุดสูงสุด หลังการกลั่นและการเปลี่ยนแปลง หลินฮวงก็รู้สึกว่าตัวเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมถึงสิบเท่า เขายังรู้สึกว่าความแข็งแกร่งร่างกายปัจจุบันเขานั้นอาจเทียบได้กับร่างกายของเทพสวรรค์
เขาแช่จิตสำนึกเข้าตัว สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงภายในตัวเอง
เขารู้ว่าเขายังไม่เลื่อนเป็นเทพแท้จริง แต่เขาก็รู้ว่าเขาแข็งแกร่งกว่าเทพแท้จริงไปมากแล้ว
“นี่คือเทพเสมือนขั้น 10 หรือเปล่า..”
หลังเหลือบมองการ์ดตัวละครเขา หลินฮวงก็รู้ว่าเขาเลื่อนเป็นเทพเสมือนขั้น 10
ในอดีต ผู้บ่มเพาะกับเทพเสมือนสามารถไปถึงได้แค่ขั้น 9 เหนือกว่านั้น พวกเขาจะเป็นเทพแท้จริงแล้ว
แต่ทว่า หลินฮวงได้มาถึงจุดสูงุสดของระดับเทพเสมือน เทพเสมือนขั้น 10
“ถ้าเป็นแบบนี้ แล้วข้าจะเลื่อนเป็นเทพแท้จริงได้ยังไง?”
หลินฮวงถามกับตัวเองด้วยคำถามนี้ แต่ทันใดนั้น ความคิดแปลกๆก็ผุดขึ้นในหัวเขา เขาสามารถสร้างบัญญัติเทพได้!
“สร้างบัญญัติเทพ?”
แน่นอน หลินฮวงเคยได้ยินถึงมันมาก่อน มันคือสิ่งที่มีแค่เทพสวรรค์ถึงครอบครอง
ภายใต้สถานการณ์ปกติ การยกระดับจากเทพแท้จริงเป็นเทพสวรรค์ต้องใช้กฏเทพอย่างน้อยหนึ่งประเภทให้ถึงระดับสมบูรณ์ ตามด้วยการพัฒนาเพิ่มเติมและผสานกฏเทพที่มองไม่เห็นให้เป็นห่วงโซ่ลำดับเทพ
การสร้างห่วงโซ่ลำดับเทพเท่ากับการก้าวข้ามขีดจำกัดสู่เทพสวรรค์ เทพสวรรค์จะรวมสิ่งเหล่านี้เข้ากับโลกภายในตัวเองและใช้พวกมันเพื่อรับกฏ หลังจากนั้น พวกเขาจะใช้ห่วงโซ่ลำดับเทพเป็นลำต้นและกฏที่ได้รับมาเป็นกิ่งก้านเพื่อสร้างเครือข่ายกฏภายในตัวเอง เจตจำนงของเครือข่ายกฏนี้ที่แทรกซึมไปทั่วโลกคือบัญญัติเทพ จริง ๆ แล้ว ในระดับหนึ่ง มันคือเจตจำนงโลกประเภทหนึ่ง มันไม่ถือเป็นของธรรมชาติ แต่เป็นเจตจำนงโลกที่คนสร้างขึ้น
ที่ระดับเทพสวรรค์ คนสามารถสร้างห่วงโซ่ลำดับเทพได้มากสุด 9 สาย แต่มีบัญญัติเทพแค่หนึ่ง
ห่วงโซ่ลำดับเทพทั้งเก้านี้คือกระดูกสันหลังทั้งเก้าของบัญญัติเทพ และกฏประเภทต่างๆที่ได้รับจากลำดับเทพคือส่วนหนึ่งของบัญญัติเทพ
ตามหลักเหตุผลแล้ว การสร้างบัญญัติเทพจะเกิดขึ้นหลังเป็นเทพสวรรค์
แต่ตอนนี้ มันกลายเป็นหนทางให้หลินฮวงเป็นเทพแท้จริง
“ข้าเป็นแค่เทพเสมือน ข้าจะสร้างบัญญัติเทพได้ยังไง?”หลินฮวงครุ่นคิด ไม่สังเกตเลยว่าห้องแห่งกาลเวลากำลังสลายตัว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น