Monster Paradise 1478-1479
ตอนที่ 1478
“พวกเจ้าใช้พลังกฏเทพกันได้ แต่จากสิ่งที่ข้าเห็นจากการต่อสู้ ยังมีช่องว่างให้พวกเจ้าพัฒนาอีกมาก”
“การใช้พลังกฏเทพผลาญพลังเทวะไปมาก ที่ระดับพลังปัจจุบันเจ้า เจ้าไม่สามารถใช้พลังกฏเทพได้อย่างไร้ขีดจำกัด ดังนั้น เจ้าต้องเรียนรู้การตัดสินใจอย่างแม่นยำเมื่อใช้มันและควรใช้พลังกฏเทพประเภทไหน…”
“ตามการต่อสู้สุดท้ายที่ข้าเห็น หลินซินคือคนที่ใช้มันได้แม่นยำสุด ถึงแม้นางจะใช้พลังกฏเทพได้ประเภทเดียวก็ตาม แน่นอน นี่ยังเพราะนางใช้พลังกฏเทพได้ประเภทเดียวกัน ดังนั้นนางจึงต้องการกำหนดช่วงเวลาการกระทำ นอกจากนี้ นางยังเข้าใจจังหวะต่อสู้ได้เป็นอย่างดี
“หลินซวน เจ้าใช้พลังกฏเทพได้มากสุด หกประเภท แต่ในความเป็นจริง เจ้าถือว่าอ่อนแอสุด ไม่เพียงเจ้าจะทำผิดพลาด แต่บางครั้งเจ้ายังลังเล นี่เป็นตราบาป…”
“ข้อเสนอส่วนตัวข้าคือเจ้าต้องจำแนกพลังกฏเทพที่เจ้าใช้ให้ได้ เมื่อข้าเริ่มสู้ ข้าจะจำแนกพลังกฏเทพที่ข้ามีเป็นสามประเภทหลัก พลัง ความเร็วและอื่นๆ จากนั้นข้าจะแยกพวกมันจากหนึ่งในหมวดหมู่เหล่านี้และใช้พวกมัน ต่อให้มันไม่เหมาะสม มันก็ยังถือเป็นพลังกฏเทพประเภทเดียวกันกับที่เจ้าอยากใช้”
“เมื่อจำนวนพลังกฏเทพที่เจ้าใช้ได้เพิ่ม เจ้าสามารถดึงพวกมันจากหมวดหลักเพื่อแยกพวกมันเป็นหมวดย่อยต่างๆและกลุ่มกฏที่มีผลเดียวกัน…”
“แน่นอน มีหลายคนที่พบปัญหานี้ พวกเขาได้รับประสบการณ์มาจากการต่อสู้จริง แต่ทว่า นี่จะขึ้นอยู่กับศักยภาพส่วนตัว คนส่วนใหญ่ต้องใช้เวลานานเพื่อให้ชินกับพลังกฏเทพเพราะมันต้องฝึกซ้ำๆให้สามารถตัดสินได้ทันทีในการต่อสู้…”
หลินซิน หลินซวนกับคุณฟู่ฟังอย่างเงียบๆ ในระยะยาว จำนวนกฏที่พวกเขาใช้ได้ต้องเพิ่ม และการจัดหมวดนี้ก็จะกลายเป็นประโยชน์ในไม่ช้า
“เนื่องจากการใช้พลังกฏเทพจะผลาญพลังเทวะจำนวนมาก และพลังเทวะภายในตัวเจ้าก็จำกัด เจ้าไม่สามารถใช้กฏเทพได้ทุกครั้งที่โจมตี กฏควรใช้ภายในบริเวณกระบี่…”
หลินฮวงวิเคราะห์ปัญหาพวกเขา และทั้งสามก็ตั้งใจฟัง
ไม่เหมือนกลุ่มของเฉินเตา ความสามารถโดยรวมของกลุ่มหลินซินอยู่ที่ระดับต่ำสุดภายในบริเวณชั้นใน พูดตรงๆ กลุ่มนักล่าเกือบทั้งหมดในชั้นในแกร่งกว่าพวกเขา
เหนือสิ่งอื่นใด แม้ระดับพลังของกลุ่มเฉินเตาจะไม่สูง แต่ทั้งเฉินเตากับเสี่ยวโม่ต่างใช้พลังกฏเทพได้ ต่อให้พบเทพเสมือนขั้นกลางภายในบริเวณชั้นนอก พวกเขาก็สามารถปกป้องตัวเองได้
แต่ทว่า ในบริเวณชั้นใน ทุกคนต่างใช้พลังกฏเทพได้ นอกจากนี้ ระดับพลังพวกเขายังแกร่งกว่ากลุ่มของหลินซิน
นั่นทำให้หลินฮวงอดกังวลถึงทั้งสามไม่ได้ และนั่นทำให้เขาต้องปล่อยแม่มดไว้คอยดูแล
ก่อนออกเดินทางต่อ หลินฮวงช่วยทั้งสามทบทวนการต่อสู้และชี้ปัญหา เขายังให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับวิธีใช้พลังกฏเทพตามสถานการณ์ต่อสู้จริง
ภายใต้การแนะนำของหลินฮวง ทั้งสามเริ่มคุ้นเคยกับการใช้พลังกฏเทพมากขึ้น
หลินฮวงอยู่ร่วมกับพวกเขาหนึ่งวัน ระหว่างนี้ ทั้งสี่ยังพบการโจมตีของกลุ่มนักล่าหุบเหว ผู้นำคือเทพแท้จริงขั้นสี่
แม้กลุ่มของหลินซินจะไม่สามารถพลิกกระแสได้ แต่ประสิทธิภาพก็ดีกว่าตอนแรกมาก
สุดท้าย หลินฮวงได้ก้าวเข้ามา จบการต่อสู้
เช้าวันถัดไป หลินฮวงอำลาทั้งสามและตรงไปบริเวณชั้นใน
เหตุผลที่เขาสามารถทิ้งทั้งสามได้อย่างพอใจเพราะพวกเขามีแม่มดคุ้มกัน นอกจากนี้ หลังการชี้แนะและการฝึกพิเศษ การใช้พลังกฏเทพของพวกเขาก็อยู่ในระดับน่าพึงพอใจแล้ว มันเปล่าประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ
หลังแยกมันจากกลุ่มของหลินซิน หลินฮวงได้มุ่งตรงไปจุดหมายของเขา
เมื่อนิกายพันงูบุกรุกโลกกรวด เขาได้สะสมไฟเทวะขั้นเจ็ดกับแปดมามากพอ แต่เขาใช้ไปแค่ไฟเทวะขั้นหก
ครั้งนี้ จุดประสงค์ของเขาในการเข้าสนามโบราณมังกรหุบเหวก็เพื่อล่าหาไฟเทวะที่เหลือพอให้เขาทะลวงผ่านเทพเสมือนขั้นเก้าได้ในทีเดียว
ขณะเดินตามเส้นทางที่แสดงบนแผนที่ หลินฮวงยังโจมตีมอนสเตอร์ระดับเทพแท้จริงระหว่างทาง เขาฆ่าพวกมันหมด จากนั้นก็ใช้จิตเทวะเพื่อดึงเอาแก่นออกมาเก็บ
เขาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเพื่อเดินทางข้ามทั้งบริเวณชั้นใน แต่ถ้าเป็นกลุ่มของหลินซินอาจต้องใช้เวลาครึ่งเดือน
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น หลินฮวงยังปลอมตัวเป็นเทพแท้จริงขั้นเก้าโดยใช้พันหน้า
สนามรบของมังกรหุบเหวไม่ค่อยมีนักเดินทางเดี่ยวและชั้นกลางก็ไม่แตกต่าง แต่ทว่า การเดินทางเดี่ยวมักเป็นสัญญาณของความสามารถทรงพลัง
แม้กระทั่งในบริเวณส่วนกลางที่เทพแท้จริงขั้นเก้ามีอยู่ทั่ว ยอดฝีมือส่วนใหญ่ยังมาเป็นกลุ่ม
ส่วนกลางของสนามรบมังกรหุบเหวไม่ได้ตั้งในสถานที่เดียวกันกับชั้นในและชั้นนอกแต่เป็นพื้นที่แยก พูดให้ถูก มันเป็นอีกเศษสนามรบ แต่ทว่า เศษนี้ถือว่าเล็ก โครงสร้างมันคล้ายกับมิติบรรพกาล
แม้การผสานของเศษสองสนามรบโบราณจะหายาก มันก็ยังพอพบเจอได้ มีทั้งแบบธรรมชาติและแบบที่เกิดจากฝีมือใครบางคน
สนามรบมังกรโบราณถือได้ว่าเป็นแบบธรรมชาติ
มันอาจบอกได้ว่าเศษสนามรบทั้งสองได้ชนกันและสร้างเป็นโครงสร้างแบบนี้
การยืนตรงขอบผา หลินฮวงลดหัวลง ก้มมองมัน
กว่าสิบเมตรใต้เท้าเขา ทุกอย่างปกคลุมด้วยหมอกสีเทา ป้องกันทุกสิ่งจากการตรวจสอบ
แม้กระทั่งจิตเทวะของเขาก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้
“นี่ควรเป็นมัน…”
หลินฮวงเก็บแผนที่ไป เขารู้ว่าเขาพบสถานที่ที่ถูกต้องแล้ว
ด้านล่างหน้าผานี้คือทางเข้าชั้นกลาง
ตามข้อมูลที่มอบให้โดยศาลาสมบัติ ชั้นกลางแตกต่างจากส่วนอื่นของสนามรบ
ด้วยความที่เศษสนามรบนี้ของชั้นกลางคือสนามรบที่สองจ้าวเทวะสู้กัน ไม่เพียงทรัพยากรที่นี่จะมั่นคงกว่า แต่แรงโน้มถ่วงมันยังสูง และกฏมิติก็ยังใช้งานไม่ได้
นอกจากนั้น ความหนาแน่นของพลังงานหุบเหวยังสูง แม้กระทั่งพลังงานในอากาศก็ยังเป็ฯประเภทที่มนุษย์ไม่สามารถดูดซับได้เลย มันต้องแยกออกโดยใช้พลังเทวะ ถ้าผู้บ่มเพาะไร้ความสามารถเข้ามา พวกเขาคงเปลี่ยนเป็นปีศาจหรืออะไรจำพวกนั้น
แต่ทว่า สภาพแวดล้อมเช่นนั้นถือว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะกับสิ่งมีชีวิตหุบเหวอย่างยิ่ง เช่นนั้น มอนสเตอร์หุบเหวจำนวนากจึงอาศัยในชั้นกลาง และจำนวนนักล่าจากหุบเหวก็สูงกว่านักล่ามนุษย์
หลินฮวงพยายามตรวจสอบ เขาไม่พบอะไร แต่เขาคาดไว้อยู่แล้ว
เขาสูดหายใจลึก ก้าวไปข้างหน้า กระโดดลงหน้าผาไป
ตอนที่ 1479
หลังมาถึงชั้นกลาง หลินฮวงก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างพื้นที่นี้กับที่สนามรบโบราณมังกรหุบเหว
แรงโน้มถ่วงที่นี่รุนแรงกว่า และกฏมิติก็ยังวุ่นวาย
หลินฮวงขยายจิตเทวะเขา พบว่ามันถูกยับยั้ง รัศมีของจิตเทวะเขาเหลือประมาณ 120 กิโลเมตร ซึ่งเป็นแค่หนึ่งในสิบของสนามรบโบราณมังกรหุบเหว
แต่ทว่า สิ่งนั้นที่ทำให้หลินฮวงไม่สบายใจสุดคืออากาศที่ปนเปื้อนด้วยพลังงานหุบเหวหนาแน่นที่พยายามเจาะตัวเขาผ่านทุกรูขุมขนและเซลล์ผิว
‘ด้วยพลังงานหุบเหวหนาแน่นเช่นนี้ ข้าเกรงว่าแม้กระทั่งเทพแท้จริงขั้นเจ็ดหรือแปดก็คงไม่สามารถต้านทานได้นานนัก’เมื่อสัมผัสได้ถึงความเร็วการเผาผลาญพลังเทวะเพื่อต่อต้านพลังงานหุบเหว หลินฮวงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
สภาพแวดล้อมนี้เทียบได้กับสวรรค์ของพวกมอนสเตอร์หุบเหว
โดยไม่รอให้เขาปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ หลินฮวงยกหัวขึ้น จ้องมองไกลออกไป
ทันทีหลังสแกนพื้นที่ด้วยจิตเทวะ เขาสังเกตเห็นมอนสเตอร์หลายตัวใกล้ๆ เขายังสัมผัสได้ชัดว่าเขาโดนจับตา
มอนสเตอร์ที่จ้องเขามีสายตาน่ากลัวมาก พวกมันยังไม่พยายามปกปิดเจตนาร้ายเลย
มุมปากของหลินฮวงยกขึ้นเล็กน้อย จากระยะไกล เขามองมอนสเตอร์ตัวแรกที่กำลังเข้าใกล้เขาด้วยความเร็วสูง
แทบจะทันที มอนสเตอร์ตัวนั้นกระโดดข้ามระยะทางประมาณสิบกิโลเมตร เปิดปากที่เต็มไปด้วยเลือด กระโจนใส่หลินฮวง
หลินฮวงยืนนิ่งราวกับเขาโดนหยุดด้วยความกลัว มีแค่แสงสีแดงที่พุ่งจากแขนเสื้อเขา
วินาทีถัดมา หัวของมอนสเตอร์ปากใหญ๋ผิวแดงก็ระเบิด ตัวมันล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง ปัดกลุ่มควันและฝุ่นขึ้นฟ้า
ตอนนี้ มอนสเตอร์อีกสองตัวเพิ่งมาถึง ก่อนพวกมันจะได้ลงมือ พวกมันได้เห็นฉากนี้ตรงหน้าพวกมันและสัญชาตญาณพวกมันก็บอกพวกมันให้หนี
แต่ทว่า มันสายเกินไปแล้ว
ทันทีที่หลินฮวงยกหัวขึ้น ดวงตาของเขาก็กวาดมองมอนสเตอร์สองตัวที่หลบหนี คลื่นแสงสีแดงสองสายยิงออกจากแขนเสื้อเขาอีกครั้ง
“มันแย่ที่มีขั้นเก้าแค่ตัวเดียว ข้ายังขาดอีกสาม…”หลินฮวงบ่นด้วยความเสียใจ มองกงล้อชีวิตของเขาดูดซับไฟเทวะขั้นเก้าไปอีกหนึ่ง
หลังเก็บศพของมอนสเตอร์ทั้งสามไป เขาก็ไม่อยู่ต่อ แต่เคลื่อนไปส่วนลึกของชั้นกลางอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทาง เขาพบมอนสเตอร์หลายตัวที่พยายามลอบโจมตีเขา แต่หลินฮวงยังฆ่าพวกมันทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เขาเสียใจที่ไม่มีตัวใดเป็นขั้นเก้า กงล้อชีวิตภายในตัวเขาปฏิเสธไฟเทวะเหล่านั้น
ในความเป็นจริง ระหว่างทาง หลินฮวงยังสัมผัสได้ถึงมอนสเตอร์จำนวนมากด้วยจิตเทวะ แต่เขายังไม่ริเริ่มการโจมตีใด เพราะการล่าพวกมันไม่มีประโยชน์ พวกที่เขาฆ่าคือพวกที่โจมตีเขาก่อน
หลังเดินทางอยู่กว่าสิบนาที ในที่สุดหลินฮวงก็พบเทพแท้จริงขั้นเก้า ซึ่งเป็นสายพันธ์ุผิดปกติ
มันดูเหมือนมนุษย์ผู้ชายกล้ามโต แต่ขนาดมันยังขยายกว่าสามเมตร หน้าอกกับหลังมันเต็มไปด้วยรูที่พ่นก๊าซเขียวกัดกร่อน
มือขวามันดูเหมือนแขนมนุษย์ปกติและกำลังถือดาบใบกว้าง อีกแขนผิดรูปและปูดบวม ยาวกว่าสองเมตร ขนาดของแขนนี้แทบเทียบได้กับเอวมัน และมันยังปกคลุมด้วยเกล็ดสีฟ้าอมเขียว
หลินฮวงไม่เคยเห็นสายพันธ์ุผิดปกติอย่างนี้ในสารานุกรมมอนสเตอร์มาก่อน แต่เขายังสามารถบอกได้ว่ามันต้องเคยเป็นมนุษย์มาก่อน
มันโดนกัดกร่อนโดยพลังงานหุบเหวจนถึงจุดที่วิญญาณมันเองก็โดนกัดกร่อนด้วยหลังตัวมันบิดเบือนอย่างสมบูรณ์ ดังนั้น มันจึงเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดทั้งภายในและภายนอก
มอนสเตอร์ที่เกิดจากมนุษย์แปดเปื้อนมักเป็นชั้นนำในหมู่มอนสเตอร์
เมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายของมอนสเตอร์ตัวนี้ หลินฮวงยังกลายเป็นระมัดระวังขึ้น
จากมุมมอง อีกฝ่ายต้องเคยเป็นผู้บ่มเพาะดาบมาก่อนตาย และเนื่องจากมันกล้าเข้าชั้นกลาง นั่นหมายความว่ามันต้องไม่อ่อนแอ
โดยปกติ มันไม่น่าจะเป็นเทพแท้จริงขั้นเก้าที่โดนกัดกร่อนด้วยพลังงานในชั้นกลาง ดังนั้น หลินฮวงจึงมุ่งมั่นว่าอีกฝ่ายต้องโดนกัดกร่อนหลังพบการต่อสู้ครั้งใหญ่จนพลังเทวะมันหมด
จนถึงตอนนี้ หลินฮวงซ่อนตัวใกล้ๆ สังเกตในที่ลับ
แต่ทว่า สายพันธ์ุผิดปกติพลันมองไปในทิศทางของหลินฮวง วินาทีต่อมา เต๋าดาบของมันก็เริ่มแผ่ออกมา
“เต๋าดาบระดับจิตแท้?!”หลินฮวงตกใจ อีกฝ่ายเองก็มาถึงแก่นแท้เต๋าดาบระดับสามเหมือนกับเขา
ตอนนี้ เต๋าดาบภายในตัวหลินฮวงดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลโดยพลังงานของอีกฝ่าย ผันผวนเล็กน้อย
ทันทีทันใด เขารู้สึกว่าเต๋าดาบของมันจับเข้ากับเขา
หลินฮวงกระโจนขึ้นจากพุ่มไม้ เขาไม่คิดว่าเต๋าดาบของเขาจะทรยศเขาอย่างนี้
เขามองสายพันธ์ุผิดปกติด้านหน้า สายตาเขาจริงจังขึ้น
ความจริงที่เต๋าดาบภายในตัวเขาสามารถตอบสนองพลังงานของอีกฝ่ายได้หมายความว่าเต๋าดาบของอีกฝ่ายต้องอยู่ระดับเดียวกับเขา
แต่ทว่า หลินฮวงไม่โดนข่มขู่เลยแม้แต่น้อย
ทั้งคู่มีแก่นแท้ระดับเท่ากัน เขาไม่เชื่อว่าเขาจะอ่อนแอกว่าอีกฝ่าย
ภายใต้การดึงของพลังงานอีกฝ่าย เต๋าดาบทั้งสองฝ่ายไหลออกจากตัว เริ่มพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว
สุดท้าย สายพันธ์ุผิดปกติก็ยังอ่อนแอว่า
ภายใต้การกดขี่จากเต๋าดาบของหลินฮวง สุดท้ายมันก็ทนไม่ไหวอีกและโจมตี
ดาบใบกว้างในมือมันฟันมาข้างหน้าเหมือนลมกระโชกแรง สร้างคลื่นดาบนับหมื่นในชั่วพริบตา คลื่นดาบสีดำสนิทมันควบแน่นกันเหมือนคลื่น พุ่งใส่หลินฮวงเหมือนสึนามิ
การโจมตีนี้มากพอจะเฉือนเทพแท้จริงขั้นเก้าเป็นชิ้นๆ
อย่างไรก็ตาม หลินฮวงไม่หวั่นเกรงเลย ในความเป็นจริง เขายังดีใจ เขาไม่พบคู่ต่อสู้ที่คู่ควรมานานแล้ว
วินาทีนั้นเอง ดาบสีแดงใบแคบก็ควบแน่นกันในมือหลินฮวง เขาเคลื่อนไหวเล็กน้อย และดาบใบแคบก็แทงไปด้านหน้า
ลมสีแดงเลือดเหมือนพายุยิงออกจากปลายดาบ
พายุขยายทันทีที่มันสัมผัสกับอากาศ เริ่มแยกตัวอย่างรวดเร็ว ขยายเป็นพายุขนาดใหญ่สิบสองลูก
ถ้ามียอดฝีมือเต๋าดาบระดับจิตแท้ พวกเขาคงมองออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับการโจมตี ในความเป็นจริง เขาปลดปล่อยการโจมตีแบบเดียวกันถึงสิบสองครั้ง แต่วิถีการโจมตียังเหมือน และความเร็วของพวกมันยังสูงมาก มันดูเหมือนเขาทำการโจมตีแค่ครั้งเดียว
เหมือนเสาสูงเสียดฟ้าสิบสองเสา พายุทั้งสิบสองข่มสึนามิ จากนั้นก็ทำลาย…
ทุกอย่างในเส้นทางของพายุสีแดงเลือดเปลี่ยนเป็นฝุ่น…
มีมอนสเตอร์ขั้นเจ็ดกับแปดมากมายที่ได้รับผลกระทบ พวกมันโดยพายุกลืนเข้าไป
คลื่นพลังงานน่ากลัวปลดปล่อยไปทุกทิศทาง ดึงดูดความสนใจของนักล่าคนอื่น
“ข้าไม่เคยเห็นการโจมตีแบบนี้มาก่อน ดูเหมือนจะเป็นผู้มาใหม่”
“แก่นแท้เต๋าดาบที่ทรงพลังถึงขั้นนั้น…นั่นคือผู้บ่มเพาะดาบระดับแก่นแท้!”
“มันมาจากทางนั้น…จะมีใครสามารถล่าสัตว์ประหลาดแบบนั้นได้ด้วยเหรือ?!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น