Monster Paradise 1475-1477
ตอนที่ 1475
หลังประสบกับการโจมตีรอบแรกจากโครงกระดูกดิน พวกเฉินเตาก็เริ่มปรับตัวได้
เฉินเตากับหวงอู่จื่อคือคนที่โดดเด่นสุดในโลกกรวด พวกเขาผ่านการต่อสู้มานับไมถ้วน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ดังนั้น หลังกลายเป็นคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม ความมั่นใจพวกเขาจึงฟื้นกลับมา
สำหรบเสี่ยวโม่ แม้จะไม่มีประสบการณ์มากเท่าทั้งสอง ระดับพลังของเขาก็ยังเป็นเทพเสมือนขั้น 3 และเขาก็ใช้พลังกฏเทพได้ ความสามารถโดยรวมเขาด้อยกว่าเฉินเตาเล็กน้อยเท่านั้น มันยากจะหาคนที่แข่งกับเขาได้ในหมู่เทพเสมือนขั้นต้น เมื่อเห็นว่าหวงอู่จื่อดูไร้ความกลัวแม้จะเป็นเทพเสมือนขั้น 1 เสี่ยวโม่ก็รีบปรับตัวตาม
พวกเขาเดินทางกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งสามยังกลายเป็นคุ้นเคยกับกระบวนการล่ามากขึ้น
หลินฮวงคอยตามหลังพวกเขาตลอด เขาไม่ลงมืออะไร แทบจะไม่พูดด้วยซ้ำ เขาแค่สรุปข้อผิดพลาดพวกเขาและจุดพัฒนาสำหรับทุกการปะทะ
เฉินเตากับอีกสองพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทบทวนข้อผิดพลาดของตัวเองซ้ำๆ
หลังพวกเขาเดินทางไปได้ไกลหลายพันกิโลเมตรและกำลังจะถึงชายแดนของพื้นที่เทพเสมือนขั้นต้น หลินฮวงก็เหลือบมองพวกเฉินเตาเงียบๆ มุมปากของเขายกโค้งขึ้นเล็กน้อย
เขาสัมผัสได้ว่ามีกลุ่มนักล่าหุบเหวอยู่ไม่ไกล ทั้งหมดเป็นเทพเสมือนขั้นกลางตั้งแต่ขั้น 4-6
แต่ทว่า เขาไม่วางแผนบอกพวกเฉินเตา
ตอนนี้ ทั้งสามผ่านการต่อสู้มานับสิบแล้ว และความมั่นใจก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลินฮวงรู้สึกว่าตอนนี้ มันเป็นเวลาให้พวกเขาเจอของแข็งบ้าง
ขณะที่หลินฮวงกับอีกสามเดินทางต่อ ในไม่ช้ากลุ่มนักล่าหุบเหวก็เริ่มสัมผัสได้ถึงพวกเขา แต่ทว่า เนื่องจากความแตกต่างในขอบเขตจิตเทวะ พวกเฉินเตาจึงไม่พบอะไรผิดปกติ
ด้วยจิตเทวะของเขา หลินฮวงสามารถเห็นคนเจ็ดคนจากอีกลุ่มที่แยกเป็นสองกลุ่มได้ กลุ่มหนึ่งทำการอ้อมจากด้านหลัง พวกเขาวางแผนโจมตีจากทั้งด้านหน้าและหลัง
เมื่อระยะห่างระหว่างสองกลุ่มลดลง พวกเฉินเตาก็พบความผิดปกติแทบจะพร้อมกัน แต่ตอนนี้ พวกเขาอยู่ห่างจากนักล่าหุบเหวด้านหน้าไม่ถึงสามพันเมตร
“มันคือนักล่าหุบเหว!”
ทันทที่เฉินเตาพูดจบ มอนสเตอร์หุบเหวสามตัวตรงหน้าก็โผล่ออกมา ปรากฏตรงหน้าหลินฮวงและอีกสาม ขวางทางพวกเขาไว้
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพวกมัน พวกเฉินเตาก็หน้าดำ
นี่เพราะศัตรูของพวกเขามีสองเทพเสมือนขั้น 5 และเทพเสมือนขั้น 6
“นี่เราโชคดีพอมาเจอกลุ่มมนุษย์เด็กเลยงั้นหรือ”หัวหน้าศัตรู เทพเสมือนขั้น 6 มีลำตัวคล้ายมนุษย์ หัวล้าน กล้ามเป็นมัด เว้นแต่ว่ามันมีดวงตาคล้ายลูกแก้ว 8 ลูกบนหน้า ซึ่งทำให้มันดูน่ากลัวมาก อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่ใหญ่สุดระหว่างตัวมันกับมนุษย์คือมันไม่มีขาด้านล่าง แต่กลับเป็นหนวดสีแดงนับสิบ
“เทพเสมือนขั้น 3 สามคนกับเทพเสมือนขั้น1 ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงเข้าสนามรบโบราณมังกรหุบเหว”มอนสเตอร์ตัวหนึ่งยืนขึ้นด้วยสองขา ถ้ามองรูปร่าง คนอาจคิดว่ามันคือมนุษย์ชายตัวสูง แต่ทว่า ตัวมันปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำ-ฟ้าหนา และแม้กระทั่งดวงตาสองดวงบนหัวมันก็ยังเป็นตาปลา
“ข้าหวังว่าคนอย่างพวกมันจะมาที่นี่บ่อยขั้น เราจะได้มีของอร่อยกิน มนุษย์รสชาติอร่อยกว่ามอนสเตอร์ในสนามรบนี้มาก”มอนสเตอร์ที่พูดมีร่างกายบิดเบี้ยว หัวมันมีขนาดถึงครึ่งหนึ่งของร่างกายมัน มันมีตัวคล้ายนกซึ่งปกคลุมด้วยขน ยกเว้นหัวมัน
เฉินเตาเหลือบมองหลินฮวง เห็นว่าเขาไม่คิดลงมือ และรู้ว่าเขาทำได้แค่พึ่งพาพวกพ้องอีกสองคนเท่านั้น
เขาเริ่มคิดมาตรการโต้ตอบในหัว
ศัตรูมีสองเทพเสมือนขั้น 5 และเทพเสมือนขั้น 6 ส่วนกลุ่มพวกเขา หวงอู่จื่อเป็นแค่เทพเสมือนขั้น 1 ซึ่งหมายความว่าเขาทำได้แค่พึ่งพาตัวเขากับเสี่ยวโม่
แม้เขากับเสี่ยวโม่จะใช้พลังกฏเทพได้ ทุกครั้งที่พวกเขาใช้พลังเทพเสมือนเพื่อกระตุ้นพลังกฏเทพ มันก็ยังทำให้ร่างกายพวกเขาต้องรับภาระและผลาญพลังเทวะจำนวนมาก
ปัญหาที่น่ากดดันสุดคือแม้จะด้วยพลังกฏเทพ มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถออกอาละวาดในหมู่เทพเสมือนได้ มันคือความจริงที่พลังกฏเทพสามารถฆ่าเทพเสมือนขั้น 9 ได้ แต่เสี่ยวโม่กับเฉินเตาเป็นแค่เทพเสมือนขั้น 3 ถ้าพวกเขาโดนศัตรูโจมตี มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะตายทันที
‘ขึ้นอยู่กับว่าพลังเทวะข้าแข็งแกร่งแค่ไหน ข้าสามารถเปิดใช้พลังกฏเทพได้มากสุดสามครั้ง ถ้าเสี่ยวโม่สามารถใช้พลังกฏเทพได้สอง เราก็มีสามโอกาสเพื่อโจมตีและสองเพื่อป้องกัน เราไม่สามารถเสียโอกาสได้สักครั้ง!’
กลยุทธ์ที่แตกต่างแวบผ่านอย่างรวดเร็วในหัวเ ฉินเตา เขาลงเอยด้วยการเลือกตัวเลือกที่ดีสุดและสื่อสารมันกับเสี่ยวโม่ผ่านเสียง
แต่ทว่า ขณะที่ตัดสินใจแบบนี้ เขาไม่รู้ว่ามีผู้ซุ่มโจมตีสี่คนด้านหลัง
หลังการถ่ายทอดเสียงจบ การต่อสู้ก็เริ่มขึ้น
เฉินเตาเปิดฉากโจมตีด้านหน้า พุ่งใส่เทพเสมือนขั้น 6
มอนสเตอร์หนวดหัวเราะอย่างน่ากลัว”เขาเป็นของข้า พวกเจ้าอย่าขยับ”
ทันทีที่มันพูดจบ หนวดสีแดงนับไม่ถ้วนใต้เอวของมันก็เปลี่ยนเป็นเงากระจัดกระจายทั่วท้องฟ้า
ทันใดนั้น ทั่วทั้งพื้นที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นคลื่นหนวดที่กลืนกินเฉินเตา
ตอนเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น สีหน้าของหวงอู่จื่อก็เปลี่ยนไป แต่ทว่า เขาสังเกตเห็นสีหน้าเงียบสงบของเสี่ยวโม่ และอารมณ์ของเขาก็สงบลง
ทะเลหนวดสีแดงในความว่างเปล่าคงอยู่ได้ชั่วขณะก่อนลำแสงสีทองจะพุ่งออกมา วินาทีถัดมา หนวดที่ปกคลุมท้องฟ้าก็โดนทำลายจนหมดสิ้น
มอนสเตอร์หนวดไม่ใช่คนเดียวที่ประหลาดใจ มอนสเตอร์หุบเหวอีกสองก็ยังตกตะลึงด้วย
ตอนนี้ เสี่ยวโม่พลันหายตัวไป
แทบจะพร้อมกัน เงามืดค่อยๆห่อหุ้มรอบตัวมอนสเตอร์ปากใหญ่
“ช่วยข้าด้วย”เมื่อมอนสเตอร์ปากใหญ่กรีดร้อง ร่างกว่าครึ่งมันก็โดนเงาดำกลืนกินไปแล้ว
มอนสเตอร์เกล็ดปลาอีกด้านกำลังจะยื่นมือออกไปช่วยเหลือมอนสเตอร์ปากใหญ่ แต่ทว่า เมื่อมันสัมผัสตัวมอนสเตอร์ปากใหญ่ เงาดำก็เริ่มคลืบคลานมาหามันด้วย มันรีบกระชากแขนมันโดยไม่ลังเล กระโดดถอยห่างจนกระทั่งออกไปไกลพอสมควร
หลังจากนั้น มันก็เฝ้าดูมอนสเตอร์ปากใหญ่โดนเงาดำกลืนกินอย่างสมบูรณ์ พลังชีวิตของมันค่อยๆแห้งเหือด
อีกด้าน มอนสเตอร์หนวดปล่อยเสียงร้องน่าหดหู่
มอนสเตอร์เกล็ดปลาหันหัวไปทางนั้น เห็นหนวดทั้งหมดบนฟ้าโดนลบล้างจนหมด แม้แต่ตัวของมอนสเตอร์หนวดก็ยังโดนตรึงด้วยแสงสีทองเจิดจ้า
ขณะที่เสียงโหยหวนแผ่วเบาลง พลังชีวิตของมอนสเตอร์หนวดก็สลายหายไป ศพของมันล้มลงกับพื้น
เมื่อมันเห็นว่ามอนสเตอร์หนวดกับมอนสเตอร์ปากใหญ่ตายทีละตัว มอนสเตอร์เกล็ดปลาก็เริ่มหนี แต่ก็เห็นลำแสงสีทองพุ่งเข้าหามันจากจุดที่มอนสเตอร์หนวดล้มลงเสียก่อน
ลำแสงสีทองมาถึงความเร็วสูงสุด ทะลุผ่านตัวมอนสเตอร์เกล็ดปลาไปในทันใด
ก่อนแสงสีทองจะสลายหายไปหมด เงาร่างมนุษย์ก็ค่อยๆเผยตัวออกมา
มันคือเฉินเตา!
เขาถือดาบไว้ในมือหนึ่ง แต่หน้าอกของเขากระเพื่อมอย่างรุนแรง มือขวาที่ถือดาบของเขาสั่นเล็กน้อย
เขาใช้พลังกฏเทพเพื่อโจมตีติดต่อกันสองครั้ง ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาต้องรับภาระหนัก มันยังทำให้พลังเทวะของเขาแทบหมดลง
เมื่อสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตของมอนสเตอร์ทั้งสามสลายหายไปแล้ว เฉินเตากับเสี่ยวโม่ก็ถอนหายใจโล่งอก แต่เสียงของหลินฮวงกลับดังขึ้นเสียก่อน
“การต่อสู้ยังไม่จบ”
ตอนที่ 1476
เมื่อได้ยินเสียงเตือนของหลินฮวง เฉินเตากับอีกสองก็ตกใจ
ตอนนี้ นักล่าหุบเหวทั้งสี่ด้านหลังวิ่งมา
ทั้งสี่สัมผัสได้ถึงความผันผวนจากการต่อสู้ที่นี่ พวกเขาไม่เข้าร่วมเพราะพวกเขาไม่คิดว่าเพื่อนตัวเองจะต้องการความช่วยเหลือ และอีกอย่าง พวกเขาอยากปิดกั้นทางหนีของพวกหลินฮวง
เมื่อความผันผวนของการต่อสู้จบ พวกเขาจึงขี้เกียจเกินกว่าจะใช้จิตเทวะเพื่อตรวจสอบก่อนพุ่งตรงมาสนามรบนี้
นี่เพราะ ในสายตาของทั้งสี่ การล่านี้ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลย สำหรับพวกเขา มันเป็นการเข่นฆ่าอยู่ฝ่ายเดียว
ความแตกต่างระหว่างเทพเสมือนขั้น3กับขั้น5ไม่ใช่อะไรที่จะหักล้างได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มมนุษย์นี้ยังมีเทพเสมือนขั้น 1 พ่วงมาด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้ยังกินเวลาไม่ถึงครึ่งนาที เป็นสิ่งที่พวกเขาทั้งสี่คาดไว้
เมื่อทั้งสี่วิ่งไปยังจุดปะทะ พวกเขาก็คิดว่าจะแบ่งผลพลอยได้กันอย่างไร แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ และเห็นว่าพวกหลินฮวงยังมีชีวิต พวกเขาก็ตกตะลึง
คำถามเดียวผุดขึ้นในหัวพวกเขาแทบจะพร้อมกันว่า’เกิดบ้าอะไรขึ้น?!’
ตอนนี้ เฉินเตาส่งเสียงหาเสี่ยวโม่โดยไม่ลังเล”ตอนนี้แหละ!”
เฉินเตาอาศัยจังหวะตอนที่ทั้งสี่กำลังมึนงง ร่างของเขาแปลงเป็นลำแสงสีทองอีกครั้ง ใช้พลังเทวะที่หลงเหลือเพื่อเร่งการตรัสรู้ธาตุแสงของเขา เขามุ่งเป้าไปยังเทพเสมือนขั้น 6 ที่มีพลังสูงสุด
เกือบจะพร้อมกัน เสี่ยวโม่เองก็ลงมือ ปลดปล่อยพลังเต็มพิกัด ร่างของเขาหายไปในอากาศธาตุอีกครั้ง
นักล่าหุบเหวทั้งสี่ผงะ แต่ก่อนจะได้สติ พวกเขาก็เห็นลำแสงสีทองเจาะผ่านตัวมอนสเตอร์เกราะดำในหมู่พวกเขาแล้ว
ไม่ไกลนัก มอนสเตอร์หลายตาระดับเทพเสมือนขั้น 5 ยังโดนรัดด้วยเงาดำ
“ช่วยข้าด้วย”มอนสเตอร์หลายตาที่โดนรัดด้วยเงาดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าเวทนา
นักล่าหุบเหวทั้งสองที่ไม่โดนโจมตีตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น คนหนึ่งลังเลว่าจะช่วยดีหรือไม่ ส่วนอีกคนนั้นหนีไปโดยไม่คิดซ้ำสอง
แม้เทพเสมือนขั้น 5 ตนนี้จะไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นและทำไมมนุษย์ทั้งสองจึงแสดงพลังเช่นนั้นออกมาได้ แต่พวกพ้องทั้งสองของมันเก่งกว่ามันมาก นอกจากนี้ สหายทั้งสามก่อนหน้ายังตายหมด มันจึงตัดสินใจเลือกหนีแทน
เมื่อเห็นว่าเพื่อนมันหนีไปแล้ว เทพเสมือนขั้น 4 ที่เดิมลังเลก็สูญเสียความกล้าหาญ หันหนีไปอีกทาง
บนสนามรบ แม้เฉินเตาจะตัดหัวมอนสเตอร์เกราะดำได้สำเร็จ พลังเทวะของเขาก็หมดลงอย่างสมบูรณ์ เขาไม่เหลือแรงพอจะขยับร่างกายด้วยซ้ำ
อีกด้าน มอนสเตอร์หลายตากำลังถูกเงาดำกลืน แม้เสี่ยวโม่จะยังมีพลังงานเหลือบ้าง เขาก็ไม่สามารถไล่ตามมอนสเตอร์ทั้งสองที่หลบหนีได้
เมื่อหลินฮวงเห็นแบบนี้ ในที่สุดเขาก็ลงมือ ลำแสงสีแดงสองสายยิงออกจากแขนเสื้อเขา สิ่งเหล่านี้ตัดผ่านอากาศ ทะลุตัวของนักล่าหุบเหวทั้งสองที่กำลังหนีแบบไม่ลืมหูลืมตา
เมื่อด้ายพลังจิตของหลินฮวงพันรอบศพทั้งสองและนำพวกมันกลับมา ในที่สุดเสี่ยวโม่ก็ฆ่ามอนสเตอร์หลายตาสำเร็จ
เสี่ยวโม่สูดลมหายใจ แม้พลังเทวะของเขาจะไม่หมด มันก็ไม่พอจะให้เขาใช้พลังกฏเทพรอบสาม
สภาพของเขาดีกว่าเฉินเตาแค่เล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าหลินฮวงฆ่ามอนสเตอร์สองตัวสุดท้ายแล้ว เฉินเตาก็นอนแผ่กับพื้น หอบหายใจอย่างหนัก
หลินฮวงใช้จิตเทวะเพื่อตรวจสภาพร่างกายของทั้งคู่ แม้เฉินเตาจะหมดเรี่ยวแรง แต่ก็ไร้ผลกระทบใดๆ เสี่ยวโม่เองก็เช่นกัน
“ถือซะว่านี่เป็นการต่อสู้ของวันนี้ เราจะหาที่พักกันก่อน”ทันทีที่หลินฮวงพูด หวงอู่จื่อก็จับเฉินเตาแบกขึ้นหลัง ก่อนเหลือบมองเสี่ยวโม่
“ข้าไม่เป็นไร พลังเทวะของข้าแค่เกือบหมดเท่านั้น”เสี่ยวโม่โบกมือ
หลังเก็บกวาดสนามรบ หลินฮวงก็พาทั้งสามไปหาถ้ำเพื่อพักอาศัยชั่วคราว
หวงอู่จื่อวางเฉินเตาลงบนพื้น สีหน้าเขาดูกังวลเล็กน้อย”เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ขณะแบกเฉินเตา เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีแรงแม้แต่จะยกนิ้วด้วยซ้ำ
“เขาไม่เป็นอะไร แค่ออกแรงมากไป หลังพักผ่อน เขาจะหายดี”หลินฮวงอธิบาย
เสี่ยวโม่นั่งลงข้างเฉินเตาขณะพิงผนังถ้ำด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย
จริงๆแล้ว เขาเองก็ปวดระบมไปทั้งตัว แต่สภาพร่างกายของเขายังไม่ถึงจุดที่เกินขีดจำกัด
“ข้าจะสรุปผลการต่อสู้ของพวกเจ้าให้ฟัง”
“ก่อนอื่น พวกเจ้าไม่ระมัดระวังพอ แม้ขอบเขตจิตเทวะจะไม่กว้างเท่าอีกฝ่าย พวกเจ้าก็ยังมีวิธีอื่นให้ตรวจจับ ถ้าพวกเจ้าพบความผิดปกติอะไร พวกเจ้าควรรีบใช้วิธีการเหล่านั้นเพื่อดูว่ามีศัตรูซุ่มโจมตีไหม พวกเจ้าจะได้เตรียมตัวล่วงหน้าได้”
“สอง พวกเจ้าตัดสินใจได้เด็ดขาดมาก ความร่วมมือของเฉินเตากับเสี่ยวโม่ดีมาก พวกเจ้ามีความเข้าใจกันโดยปริยายระหว่างต่อสู้ ไม่ใช่แค่นั้น พวกเจ้ายังไว้ใจกันด้วย นี่เป็นเรื่องที่ดี”
“สาม เฉินเตานั้นทำผิดพลาดร้ายแรง ไม่มีอะไรผิดกับการต่อสู้จนหมดแรง แต่ทว่า เราต้องเหลือโอกาสรอดให้ตัวเองด้วย ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลว่าการโจมตีเดียวคงไม่พอกำจัดศัตรู ดังนั้นเจ้าจึงไม่กล้าเก็บออมแรงไว้เลย แต่ทว่า ผลลัพธ์นี้ก็ทำให้เจ้าเสียเรี่ยวแรงทั้งหมด เนื่องจากพลังเทวะเจ้าหมด ต่อให้เจ้ามีไพ่ตายช่วยชีวิต เจ้าก็ไม่สามารถใช้มันได้ ในแง่ของการแบ่งสัดส่วนพลังเทวะ เจ้ายังต้องฝึกให้มากกว่านี้”
“ถ้าข้าไม่ลงมือ เมื่อมอนสเตอร์ทั้งสองรู้ตัวว่าไม่มีใครไล่ตาม พวกมันจะต้องกลับมาตรวจสอบแน่ นั่นเพราะในสนามรบโบราณนี้ ถ้ามีพลังเหลือ พวกเขาจะไล่ล่าศัตรูที่หลงเหลือเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา มันเป็นปกติที่จะล้มเหลวในการไล่ล่า แต่พวกเจ้าไม่คิดไล่ล่าพวกมันเลย สิ่งนี้ย่อมทำให้พวกมันเกิดสงสัย เมื่อพวกมันสงบสติได้ มีโอกาสสูงที่พวกมันจะกลับมาตรวจสอบ พวกมันอาจไล่ล่าพวกเจ้ากลับ..”
หลินฮวงทำการสรุปผลการต่อสู้ทั้งหมด ชี้ให้เห็นปัญหาบางอย่าง จากนั้นก็นำแหวนเก็บของสามวงออกมาจากมิติเก็บของเขา
“มีผลึกเทวะจำนวนหนึ่งภายในแหวน แต่ก็ไม่มาก พวกมันควรพอให้พวกเจ้าเติมพลังเทวะระหว่างการฝึกฝนนี้”
หลินฮวงพูดต่อ”โดยส่วนตัว คำแนะนำของข้าคือพวกเจ้าไม่ควรเข้าไปลึกกว่านี้ มันดีกว่าที่จะถอยห่างออกไปสักระยะ ถ้าพวกเจ้าสามารถยกระดับพลังได้ ให้รีบเพิ่มพลัง ถ้าสามารถเพิ่มความสามารถในแง่อื่นได้ ถ้าพวกเจ้าเอาแต่สำรวจลึก ไม่เพียงจะเจอเทพเสมือนขั้นกลาง พวกเจ้าอาจเจอกลุ่มเทพเสมือนขั้นสูงได้”
หลังพักผ่อนทั้งวัน เสี่ยวโม่ก็กลับสู่สภาพสูงสุด แม้ตัวของเฉินเตาจะไม่ฟื้นฟูดี เขาก็ยังฟื้นได้ถึง 80%
หลินฮวงให้คำแนะนำกับพวกเขาอีกสองสามคำก่อนจากไป ออกเดินทางด้วยตัวเองเข้าส่วนลึก
หลังเฉินเตากับอีกสองเห็นหลินฮวงจากไป พวกเขาก็ปฏิบัติตามคำแนะนำ มุ่งหน้ากลับไปทิศทางที่พวกเขามา
ตอนที่ 1477
หลังแยกตัวออกจากกลุ่มของเฉินเตา หลินฮวงก็ออกเดินทางต่อโดยไม่หยุด เคลื่อนเข้าไปชั้นใน
มอนสเตอร์ทั้งหมดที่เขาพบระหว่างทางจะโดนฆ่าด้วยมีดบินพลังจิตทันที ความเร็วของหลินฮวงไม่ช้าลงเลย หลังฆ่ามอนสเตอร์ระหว่างทาง เขาก็ขยายด้ายพลังจิต รวบรวมของที่ตก ไม่ให้โอกาสใครได้หยิบพวกมัน
ต่อให้ศพกับแก่นเทะของเทพเสมือนจะไม่มีประโยชน์ พวกมันก็ยังขายเป็นเงินได้
หลินฮวงใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีเพื่อเดินทางเข้าชั้นใน
ที่ชายแดนระหว่าชั้นในกับชั้นนอก เขาเปลี่ยนเส้นทางอีกครั้ง เร่งความเร็วตามแนวเจต ค้นหาร่องรอยของกลุ่มหลินซิน
หลินซินเป็นเทพเสมือนขั้น 9 และทั้งคุณฟู่กับหลินซวนก็เป็นเพียงเทพแท้จริงขั้น 1 ตามความสามารถพวกเขา พวกเขาคงอยู่ได้แค่เส้นขอบระหว่างชั้นในกับชั้นนอก ถ้าเข้าไปลึกกว่านั้น ความเสี่ยงจะเพิ่ม
หลินฮวงไม่ปกปิดร่องรอยของเขาเลย ภายใต้การปลอมแปลงของพันหน้า ปัจจุบันเขากำลังแสดงพลังเทพเสมือนขั้น 9
ที่ระดับพลังเช่นนี้ การเดินทางตามแนวเขตของเขาจึงดึงดูดยอดฝีมือหลายคน
ไม่รวมพวกที่ระวังตัวจำนวนน้อยมาก แทบทั้งหมดไม่ลังเลที่จะโจมตีหลินฮวง
แต่ทว่า มันคงไม่ต้องบอกว่าทุกคนโดยหลินฮวงฆ่าแทบจะทันทีไม่ว่าจะเป็นเทพเสมือนขั้นสูงหรือเทพแท้จริงขั้นต่ำ
หลังเดินทางสักพัก มอนสเตอร์ที่ตายด้วยมือของหลินฮวงก็มากกว่าจำนวนมอนสเตอร์ที่เขาพบเจอตรงชั้นนอกถึงสองเท่า
‘แถวชายแดนมีคนเยอะขนาดนี้เชียว?’
หลินฮวงขยายจิตเทวะเขา พบว่าความหนาแน่นของมอนสเตอร์แถวนี้มากกว่าชั้นนอกมาก ยังมีมนุษย์กับนักล่าหุบเหวมากกว่าถึงสิบเท่า
หลังเดินทางตามชายแดนนานกว่าสิบนาที ในที่สุดเขาก็จับตำแหน่งพวกหลินซินได้ผ่านจิตเทวะ
ทั้งสามกำลังล่ามอนสเตอร์สายพันธุ์ผิดปกติระดับเทพแท้จริงขั้น 1
หลินฮวงปรากฏบริเวณนั้น ซ่อนตัวเองเงียบๆ
หลินซินถือปืนสีเงินไว้ในมือขวา เดินวนแถวขอบการต่อสู้ นางไม่ยิงรัวแต่กลับโจมตีเป็นครั้งคราวเล็งจุดอ่อนศัตรู
บ่อยครั้ง ก่อนศัตรูจะโจมตี นางจะขัดขวางการโจมตีของมันตรงๆ บางครั้ง มันเป็นการต่อสู้แสนดุเดือดระหว่างสายพันธุ์ผิดปกติ คุณฟู่กับหลินซวน แต่วินาทีที่มันเผลอ หลินซินจะเปลี่ยนเป็นโหมดซุ่มยิงเพื่อเพิ่มพลังโจมตี…
นางเข้าใจจังหวะการต่อสู้ และความแม่นยำของนางก็สูงล้ำ ถ้านางพัฒนาขึ้นอีกสักหน่อย หลินฮวงรู้สึกว่านางอาจสามารถบรรลุแก่นแท้ปืนได้
หลินซินทำหน้าที่สนับสนุนได้ดีมาก ภายใต้การแทรกแซงอย่างต่อเนื่องของนาง สายพันธุ์ผิดปกติสามารถแสดงความสามารถได้ไม่ถึง 70%และโดนคุณฟู่กับหลินซวนฆ่าอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาเห็นว่าการต่อสู้จบและหลินซวนกำลังเก็บของ ในที่สุดหลินฮวงก็เดินออกมา เผยตัวเอง
เมื่อตระหนักถึงการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของใครบางคน ทั้งสามก็ตื่นตัว แต่ในไม่ช้าก็พบว่ากลิ่นอายนี้เป็นของหลินฮวง
“พี่!”ใบหน้าของหลินซินเต็มไปด้วยความสุข
“น้องทำได้ดีมาก”หลินฮวงชมเชย
“ท่านมาถึงตอนไหน?”หลินซวนถาม
“ตอนเพิ่งเริ่มพอดี”หลินฮวงไม่ปิดบังความจริง”ข้าไม่อยากแทรกแซงจังหวะการต่อสู้ ข้าจึงดูเฉยๆ”
แม้พวกเขาจะไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของหลินฮวงระหว่างการต่อสู้ คุณฟู่กับหลินซวกน็ไม่แปลกใจนัก เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาเคยเห็นหลินฮวงกระทืบเทพแท้จริงขั้น 9 มาแล้ว
“ข้าคิดว่าเรื่องทางพวกเฉินเตาคงเป็นไปด้วยดีสินะ?”คุณฟู่ถามด้วยรอยยิ้ม
ความจริงที่หลินฮวงอยู่นี่หมายความว่าทางนั้นต้องไม่มีอะไรร้ายแรง
“จะพูดอย่างนั้นก็ได้”หลินฮวงพยักหน้า”ปัญหาหลักของพวกเขาคือระดับพลังที่ต่ำเกินไป แต่นอกจากนั้น ไม่มีปัญหาใหญ่”
“แล้วพวกเจ้าละ?ระหว่างทางข้ามาที่นี่ ข้าพบว่าการกระจายตัวของมอนสเตอร์แถวนี้หนาแน่นกว่าชั้นนอกมาก และยังมีมนุษย์กับนักล่าหุบเหวอยู่ทั่วทุกที่ คนที่มีพลังสูงสุดคือเทพแท้จริงขั้น4 “
หลินฮวงสังเกตเห็นว่าทั้งสามยังอยู่ในสภาพดี ดังนั้นพวกเขาอาจไม่เจอปัญหามากนัก
“อืม เราอยู่ที่นี่แค่วันเดียว เราจึงยังไม่พบยอดฝีมือ มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งสุดที่เราพบคือประภเทวิญญาณขั้นสอง แต่ทว่า ความยากการล่ามันไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก มันแค่ต้องใช้เวลา”คุณฟู่พูดด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ แม้ประเภทวิญญาณเมื่อวานจะเป็นขั้นสอง มันก็โง่มาก!”หลินซินอดเยาะเย้ยมันไม่ได้”ไม่ว่าใครจะโจมตีมัน มันจะไล่ตามคนคนนั้น มันตลกมาก”
“มอนสเตอร์สติปัญญาต่ำแบบนั้นมีน้อยมาก”หลินฮวงส่ายหัวหลังได้ยิน”พวกเจ้าแค่โชคดี ถ้ามันเป็นพวกที่ฉลาดกว่านี้ มันคงยากกว่าการล่าขั้น 1 หลายเท่า”
“เหมือนกับสายพันธุ์ผิดปกติก่อนหน้า ถ้ามันเป็นขั้นสอง พวกเจ้าคงไม่สามารถเจาะผ่านการป้องกันมันได้เลย ปืนของน้องคงทำอะไรมันไม่ได้ด้วย”หลินฮวงมองหลินซินอีกครั้ง
“น้องใช้ปืนได้เก่ง แต่อย่าทิ้งทักษะดาบ ถ้าพี่จำไม่ผิด ตอนแรก เส้นทางบ่มเพาะหลักของน้องคือดาบ และปืนก็แค่สายรอง ถ้าน้องพบกับคู่ต่อสู้ที่เหมาะสม น้องต้องใช้โอกาสนั้นขัดเกลาทักษะต่อสู้ประชิดของน้อง อย่าปล่อยให้เส้นทางบ่มเพาะหลักกลายเป็นจุดอ่อน…”
“อืม..”หลังได้รับคำบ่น รอยยิ้มบนหน้านางก็หายไปทันที
“ซินเอ๋อร์ทำได้ดีมาก อย่าพูดรุนแรงนักสิ”คุณฟู่ตัดสินใจปกป้องหลินซิน
“มันไม่เป็นไร ปัญหาหลักของเจ้าคือเจ้ายังขาดประสบการณ์ต่อสู้จริง เจ้าจะเก่งขึ้นหลังต่อสู้”หลินซวนปลอบหลินซิน
หลินฮวงไม่พูดอะไรเพิ่มเติมหลังจากนั้น
“ท่านเตรียมเข้าชั้นในโดยตรง?”หลินซวนหันมาถามหลินฮวง เขาทำมันเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“ข้าไม่รีบ ข้าจะไปพร้อมพวกเจ้าสักพัก”หลินฮวงส่ายหัว จากนั้นก็หันไปจ้องหลินซิน”ข้าอยากเห็นว่าพวกเจ้าจะปรับตัวกันยังไง”
“ทำไมพี่ต้องมองข้าด้วย?ข้าปรับตัวได้ดีอยู่แล้ว!”หลินซินเม้มปาก
หลินฮวงละสายตา จากนั้นก็พูด”ระหว่างทางมานี่ ข้าพบยอดฝีมือแถวแนวเขตมากกว่าที่คิด ข้าเห็นห้ากลุ่มที่มีสมาชิกระดับเทพแท้จริงขั้นกลาง ท่ามกลางห้ากลุ่ม กลุ่มที่แข็งแกร่งสุดคือกลุ่มนักล่าหุบเหว พวกเขามีเทพแท้จริงขั้น 4 สามคน และเทพแท้จริงขั้น 3 ห้าคน ..ถ้าเจอ พวกเจ้าคงหนีไม่พ้น”
เมื่อได้ยิน ไม่เพียงคุณฟู่กับหลินซวนจะเงียบไป แต่หลินซินก็ด้วย
สิ่งที่ทั้งสามไม่รู้ก็คือขณะที่หลินฮวงพูด เขาลอบขยี้การ์ดมอนสเตอร์แม่มด ให้นางหลบไปด้านข้างและคอยแอบดูพวกเขา
“ข้าจะอยู่กับพวกเจ้าสักพัก จากนั้นเราจะออกเดินทางกันพรุ่งนี้เช้า”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น