Monster Paradise 1473-1474
ตอนที่ 1473
หลังสิ้นสุดการสนทนากับเจ้าแดง หลินฮวงก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ตัดสินใจออกไปล่า
“โยนเรื่องอื่นทิ้งไปให้หมดก่อน วันนี้ให้จดจำสารานุกรมมอนสเตอร์ที่เรากำลังจะไปล่ากันก่อนในตอนเช้า!”
หลังส่งข้อความไปยังกลุ่มแชทที่ตั้งขึ้นใหม่ หลินฮวงก็แท็กทุกคน
“เกิดอะไรขึ้น?ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้?”คุณฟู่ถาม
เขาเพิ่งกลายเป็นเทพแท้จริงไม่นานและยังปรับตัวเข้ากับความแปลกใหม่ของการมามหาพิภพ เขาเพิ่งเริ่มผ่อนคลาย ไม่คิดว่าหลินฮวงจะดึงกำหนดการล่าให้เร็วขึ้น
“ไคลี่เจอกับปัญหา ข้าต้องเพิ่มระดับพลังข้าให้เป็นเทพแท้จริงโดยเร็วที่สุด”หลินฮวงอธิบาย
“เมื่อเข้าสนามรบโบราณ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องฆ่ามอนสเตอร์หุบเหวจำนวนมาก จุดสนใจหลักคือการทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม”ในความเป็นจริง หลินฮวงสามารถเข้าสนามรบโบราณทั้งหมดเองได้ แต่เขาไม่สบายใจเล็กน้อยที่จะปล่อยพวกหลินซินให้เข้าสนามรบโบราณเองโดยไม่มีเขาคุม ดังนั้น หลังไตร่ตรอง เขาจึงสั่งให้ออกเดินทางล่วงหน้า
หลังคุยกันในกลุ่มอีกเล็กน้อย หลินฮวงก็ปิดแชท ตรงไปสาขาของศาลาสมบัติเพียงลำพัง
หลังซื้อสำเนาข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับสนามรบโบราณใกล้ ๆ หลินฮวงก็เริ่มดำเนินการอย่างระมัดระวัง
สนามรบกว้างใหญ่นี้ชื่อว่าสนามรบมังกรหุบเหว เดิมมันเป็นสนามรบโบราณหลักที่จ้าวเทวะจากเผ่ามังกรและจ้าวเทวะจากหุบเหวสู้กัน ตอนนี้เป็นช่วงนอกเวลาต่อสู้และทางเข้าสนามรบก็ถูกจำกัดโดยจ้าวเทวะของเผ่ามังกรกับเผ่าหุบเหวให้คนที่ต่ำกว่าเทพสวรรค์สามารถเข้าไปล่าได้
เหตุผลที่สงวนไว้ก็เพื่อฝึกฝนคนเลือดใหม่ให้กับองค์กรใหญ่ต่างๆ
เพื่อป้องกันอัจฉริยะที่ยังไม่โตจากการเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังกว่า สนามรบจึงแบ่งออกเป็นชั้นนอก ชั้นในและชั้นกลาง
มีเพียงเทพเสมือนถึงเข้าชั้นนอกได้ ชั้นในเป็นสนามรบสำหรับเทพแท้จริง ส่วนชั้นกลางคือที่ที่เทพแท้จริงขั้นสูงปะทะกัน
ชั้นกลางกับชั้นในเชื่อมต่อกัน แต่ยอดฝีมือในชั้นกลางจะไม่ออกไปชั้นนอกเพื่อสู้กับเทพแท้จริงขั้นต่ำหรือกลาง
ในอีกด้านหนึ่ง ชั้นนอกและชั้นในเชื่อมต่อกัน แต่มีทางเดียว เทพเสมือนในชั้นนอกสามารถเข้าชั้นในได้ แต่ในทางกลับกัน เทพแท้จริงจากชั้นในไม่สามารถเข้าชั้นนอกเพื่อล่าเทพเสมือนได้
เป็นผลให้ในสนามรบมังกรหุบเหว ยอดฝีมือเทพเสมือนขั้นสูงสุดบางคนจะล่าแถวชายแดนระหว่างชั้นนอกกับชั้นใน บางครั้งก็สู้กับเทพแท้จริง ถ้าพวกเขาพบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ร้ายแรง พวกเขาสามารถหลบหนีไปชั้นนอกได้ทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกล่าโดยเทพแท้จริง
‘ดูเหมือนข้าจะต้องไปแถวชั้นในก่อน ล่าไฟเทวะขั้นเจ็ดหรือแปดให้มากพอ จากนั้นค่อยเข้าชั้นกลาง’เป้าหมายของหลินฮวงชัดเจน’ข้าไม่รู้ว่าจะมีเทพแท้จริงขั้นสูงสุดในชั้นกลางไหม’
หลังอ่านข้อมูลอย่างละเอียด หลินฮวงก็ส่งสำเนาให้พวกหลินซิน
“พวกเจ้าทั้งหมด ดูข้อมูลนี้ ไม่ต้องอ่านทั้งหมด แค่อ่านข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ล่าที่พวกเจ้าจะเข้าไปก็พอ”
หลังจัดการ หลินฮวงก็หลับตา เริ่มบ่มเพาะไร้รอยต่อ รอคอยการเริ่มต้นอย่างอดทน
ตอนแปดโมงเช้า ทุกคนมาพบกันตามเวลาที่กำหนด
“ทุกคนเตรียมตัวเสร็จหรือยัง?”หลินฮวงกวาดตามองทุกคน เขาสามารถสัมผัสได้ว่านอกจากหลินซวนกับเฉินเตา ทุกคนกังวลไม่มากก็น้อย รวมถึงคุณฟู่
หลินซวนไม่กังวล บางทีอาจเพราะความยากลำบากตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเขา
อีกด้าน เฉินเตาไม่ประหม่าเพราะ ในฐานะเจ้าชาย เขาแทบไม่เคยล้มเหลวเลย นี่ทำให้เขามีความมั่นใจอย่างมาก
ส่วนคุณฟู่ หลินฮวงพอเข้าใจได้ เหนือสิ่งอื่นใด คุณฟู่ไม่ได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้น หลังมามหาพิภพ เขาก็ได้เห็นเทพแท้จริงจำนวนมาก ซึ่งทำให้เขาระมัดระวังตัว
สำหรับหลินซินกับเสี่ยวโม่ พวกเขามีประสบการณ์ต่อสู้น้อย และทั้งคู่ก็ไม่เคยไปมิติโบราณใด ๆ
หวงอู่จื่อกังวลเพราะเขาเพิ่งเป็นเทพเสมือน และยังไม่เคยปะทะกับเทพเสมือนคนอื่น
“ไม่ต้องกังวล จุดประสงค์หลักของเราคือการทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม”หลินฮวงให้ความมั่นใจกับพวกเขา”ขอข้าสรุปก่อน”
“เฉินเตากับเสี่ยวโม่ ตามจริงแล้วไม่ควรมีเทพเสมือนที่ใช้พลังกฏเทพได้ในบริเวณชั้นนอก ดังนั้น ข้าเสนอให้พวกเจ้าอย่าใช้พลังกฏเทพเว้นแต่จะจำเป็น พยายามหาเทพเสมือนขั้น 3 หรือ 4 เป็นคู่ต่อสู้เพื่อฝึก ไม่งั้น ประสบการณ์จะไม่นำมาซึ่งผลลัพธ์นัก นอกจากนี้ ข้าได้พิจารณาว่าอู่จื่อเองก็เป็นเทพเสมือนขั้น 1 แล้ว เขาคงลำบากถ้าต้องล่าคนเดียว เขายังต้องพึ่งพวกเจ้าสองคน ซึ่งทำให้ข้าไม่แนะนำให้พวกเจ้าเข้าไปแถวชั้นใน”
หลังหลินฮวงพูดจบ เขาก็หันไปมองหลินซิน หลินซวนกับคุณฟู่
“หลินซิน แม้พวกน้องจะเป็นเทพเสมือนขั้น 9 แต่ด้วยอุปกรณ์น้อง การพบเจอเทพแท้จริงขั้นต่ำไม่ควรเป็นปัญหาใหญ่ น้องสามารถตามอาจารย์กับต้นซวนไปในพื้นที่ชั้นในได้เพราะทั้งคู่ไม่สามารถเข้าพื้นที่รอบนอกได้”
หลังจากจัดเตรียมการเดินทางของทั้งสองกลุ่ม ทั้งหกก็เข้าประตูมิติไปยังสนามรบโบราณ
เมื่อพวกเขาก้าวออกประตูมิติ ทั้งเจ็ดก็ปรากฏที่ทางเข้าสนามรบทันที
จากระยะไกล หลินซินเห็นกลุ่มผู้ชายจับมือกัน เดินผ่านทางเข้า
“พวกเขากำลังทำอะไร?”หลินซินมองอย่างประหลาดใจ
“นี่เพื่อให้ทั้งกลุ่มย้ายไปยังพิกัดเดียวกันได้ ถ้าไม่จับมือกัน ทุกคนจะถูกส่งไปยังสถานที่ต่างๆ”
“เข้าใจแล้ว”หลินซินพยักหน้า แต่พลันถาม”เรามีทั้งเทพเสมือนกับเทพแท้จริง ถ้าเราจับมือกัน เราจะถูกส่งไปพิกัดเดียวกันไหม?”
“ใช่ เราจะถูกส่งไปชั้นใน”หลินฮวงพยักหน้า”เทพเสมือนสามารถเข้าพื้นที่ชั้นในได้ มีแค่เทพแท้จริงที่ไม่สามาถรเข้าชั้นนอกจากชั้นในได้ ถ้าเทพแท้จริงกับเทพเสมือนถูกส่งไปพร้อมกัน พวกเขาจะถูกส่งไปเขตชั้นใน”
“สาวน้อย เจ้าคงไม่ได้อ่านข้อมูลที่ข้าส่งให้สินะ”หลินฮวงพูด
“ข้าอ่านแล้วนะ!”หลินซินส่งเสียงดัง”ข้าแค่ดูไม่ครบ”
มีคนไม่มากที่ทางเข้าสนามรบ ตรงหน้าพวกหลินฮวง มีแค่สามกลุ่ม ทั้งหมดมีแค่เทพแท้จริง
เมื่อเห็นว่ามีเทพเสมือนหลายคนในกลุ่มหลินฮวง กลุ่มอื่นก็เริ่มคุยกันเงียบๆ
สมาชิกหญิงของกลุ่มตรงหน้ามองหวงอู่จื่อกับคนอื่นก่อนลังเลและเดินมาหา
“ระดับอันตรายของสนามรบนี้สูงมาก พื้นที่ชั้นนอกยังโกลาหลกว่าชั้นในซะอีก ข้าเสนอว่าเว้นแต่พวกเจ้าจะเป็นเทพเสมือนขั้นสูง อย่าเข้าไปจะดีกว่า”หลังนางพูดจบ นางก็จงใจหันไปมองหลินฮวง ผู้เป็นเทพเสมือนขั้น 6”เจ้าไม่ควรเข้าไป”
“ขอบคุณสำหรับคำเตือน เราแค่จะเข้าไปดู ถ้าเกิดเรื่องไม่ดี เราจะออกมา”หลินฮวงตอบด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นอย่างนี้ นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไรอีกก่อนกลับไปกลุ่มของนง
“ทำไมเจ้าถึงสนใจพวกมัน?พวกมันแส่หาเรื่องกันเอง”สมาชิกชายแสยะยิ้ม
ชายคนนั้นไม่ได้ใช้คลื่นเสียง ดังนั้นสองกลุ่มด้านหน้าจึงมองมาด้วย
แน่นอนว่าพวกหลินฮวงย่อมได้ยินชัด แต่เขาไม่สนใจ
สองนาทีต่อมา สามกลุ่มด้านหน้าก็ลงทะเบียนเสร็จ เข้าสนามรบโบราณไป
การลงทะเบียนของกลุ่มหลินฮวงเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว
“กลุ่ม NF404”ผู้ดูแลมองกลุ่มหลินฮวงที่แยกเป็นสองกลุ่มและจับมือกันตรงทางเข้า ริมฝีปากเขากระตุกอย่างหน่ายใจ”เด็กอีกกลุ่มที่ขุดหลุมฝังศพตัวเอง”
ตอนที่ 1474
หลังเข้ามาจากทางเข้า หลินฮวงก็ตระหนักว่ามีแค่เฉินเตา เสี่ยวโม่กับหวงอู่จื่อที่ยังอยู่ข้างเขา หลินซินกับอีกสองถูกส่งไปที่อื่น
หลินฮวงเงยหน้าขึ้น มองไปรอบๆ นี่คือหุบเขากว้างใหญ่ ในระยะไกล เราสามารถเห็นเทือกเขาที่ทอดยาวต่อเนื่องกันตรงขอบฟ้า
แต่ทว่า สิ่งที่ผิดปกติสุดคือท้องฟ้า
ท้องฟ้าสีฟ้า-ดำไม่มีดาวสักดวง และปกคลุมด้วยเมฆมืด ไม่มีแสงแดดส่องถึงผืนดินอันกว้างใหญ่นี้ มีแค่สายฟ้าสีเลือดที่แล่บเป็นครั้งคราว
“นี่คือหุบเหวของจริง?”เสี่ยวโม่อดถามไม่ได้
“สนามรบนี้เกิดจากการผสานของทั้งโลกวัตถุและหุบเหว”หลินฮวงอธิบาย
“จิตเทวะของข้าถูกระงับ ข้าสามารถสัมผัสได้แค่สามพันเมตรรอบตัว”เฉินเตาหันมาสนใจปัญหาด้านหน้า
“ข้าสัมผัสได้แค่พันเมตรเท่านั้น”อู่จื่อขมวดคิ้ว
“ยังมีเศษเสี้ยวเจตจำนงของจ้าวเทวะในสนามรบนี้ ใครก็ตามที่ต่ำกว่าเทพสวรรค์จะโดนระงับจิตเทวะให้เหลือประมาณหนึ่งในพันของสภาพปกติ”
หลินฮวงยังกระจายจิตเทวะเขาออกไป มันถูกระงับด้วยพลังลึกลับเช่นกัน แต่เขายังครอบคลุมได้ถึง 1200 กิโลเมตร
“ถึงระยะของจิตเทวะจะไม่กว้าง มันก็ดีกว่าที่จะคงสภาพมันไว้ตลอด ในสนามรบนี้ นอกจากนักล่า ยังมีมอนสเตอร์ประเภทวิญญาณที่วิวัฒนาการจากซากศพและดวงวิญญาณที่ถูกทิ้งไว้ ยังมีสายพันธุ์อันเดธ ปีศาจ และอื่นๆอีกด้วย พวกมันบางตัวเชี่ยวชาญการอำพรางตัว และยากจะตรวจพบได้ด้วยตาเปล่า”
หลินฮวงพูดถึงเรื่องนี้เพราะเขาสังเกตเห็นว่าไม่ไกล มีมอนสเตอร์หลายตัวซ่อนอยู่ แต่ทว่า เขาไม่ตั้งใจลงมือ
มีมอนสเตอร์แค่สิบกว่าตัวเท่านั้น ทั้งหมดเป็นเทพเสมือนขั้นต้น พวกมันเหมาะให้พวกเฉินเตาฝึกฝน
เนื่องจากข้อจำกัดของระยะตรวจจับ แม้จะด้วยการเตือนของหลินฮวง พวกเฉินเตาก็ยังไม่สังเกตเห็นกลุ่มมอนสเตอร์ที่ซ่อนตัวอยู่
อย่างไรก็ตาม มันดูเหมือนกลุ่มมอนสเตอร์จะมีความสามารถรับรู้อื่นและสามารถสัมผัสได้ถึงพวกหลินฮวงจากระยะไกล ไม่ใช่แค่นั้น พวกมันยังลอบมองพวกเขาเงียบๆ
“เราจะไปไหนกัน?”หวงอู่จื่อถามขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังถามหลินฮวง
เมื่อได้ยินคำถามนี้ เฉินเตากับเสี่ยวโม่ก็มองหลินฮวง
หลินฮวงเลิกคิ้ว”อย่ามองข้า ดูแผนที่เอา”
ขณะพูด หลินฮวงก็ฉายแผนที่ เนื่องจากไม่มีตำแหน่งตายตัวภายในสนามรบโบราณ พวกเขาจึงต้องกำหนดตำแหน่งกันเอง นี่ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับหลินฮวง ผู้มีระยะตรวจจับจิตเทวะกว้างขวาง แต่มันยากมากสำหรับพวกเฉินเตา
เมื่อเห็นว่าทั้งสามจ้องแผนที่กันด้วยสีหน้าว่างเปล่า หลินฮวงก็ชี้จุดบนแผนที่”ตอนนี้เราอยู่กันตรงนี้ เรากำลังหันหน้าไปทางนี้”
เมื่อได้ยินหลินฮวงอธิบายตำแหน่งของพวกเขา เฉินเตาก็จ้องเขาและถาม”เจ้ารู้ตำแหน่งเราได้ยังไง?”
“ข้าเคยมาที่นี่แล้ว”หลินฮวงปกปิดความจริงที่ว่าระยะตรวจสอบของจิตเทวะเขากว้างผิดปกติ
ถ้าอยากใช้จิตเทวะเพื่อยืนยันตำแหน่งปัจจุบันของเรา ระยะครอบคลุมของจิตเทวะต้องกว้างถึงขนาดที่พวกเขาสามารถเทียบมันกับแผนที่ได้ถึงรู้ว่าพวกเขาอยู่ไหน
หลังได้รับคำตอบนี้ เฉินเตาก็พยักหน้าและไม่ถามอีก เขาดึงแผนที่ของตัวเองขึ้นมาเช่นกัน
“จากสิ่งที่ข้าเห็น ถ้าเราเดินไปทางนี้ต่อ เราจะเข้าลึกไปบริเวณชั้นนอก”
เมื่อเห็นว่าเฉินเตาเริ่มเป็นผู้นำแล้ว หลินฮวงจึงไม่พูดอะไรอีกและรอให้เฉินเตาพูดจบก่อนเตือนอีก”การกระจายตัวของมอนสเตอร์บนแผนที่ไม่แม่นยำ มอนสเตอร์บางตัวจะอพยพตามธรรมชาติ และบางตัวจะเคลื่อนไหวเนื่องจากอิทธิพลที่มนุษย์สร้างขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น นักล่าหุบเหวยังไม่ล่าตามกฏการกระจายมอนสเตอร์และอาจปรากฏขึ้นที่ไหนก็ได้ มันยังเป็นไปได้ที่มอนสเตอร์ขั้นกลางกับขั้นสูงจะปรากฏในบริเวณของมอนสเตอร์ขั้นต้น สรุปกคือ อย่าเชื่อแผนที่มากนัก ข้อมูลที่มีสามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงได้เท่านั้น”
เฉินเตากับคนอื่นพยักหน้าอย่างเคร่งจรึม เก็บแผนที่ เริ่มบินไปทิศทางที่เฉินเตาเลือกด้วยความเร็วต่ำ
กลุ่มของพวกเขาบินสูงเหนือพื้นไม่ถึงสิบเมตร และก็บินช้ามาก
เหตุผลนั้นเรียบง่าย การบินสูงจะทำให้พวกเขาถูกพบตัวและทำให้ตกเป็นเป้า การบินเร็วยังทำให้อากาศปั่นป่วนและดึงดูดความสนใจโดยไม่จำเป็น
หลินฮวงบินตามหลังทั้งสามอย่างสบายใจ มองเฉินเตากับคนอื่นเข้าใกล้ทิศทางที่มอนสเตอร์ซ่อนตัวอยู่ แต่ทว่า เขาไม่พูดเตือน
นี่เพราะเขารู้ว่าเขาสามารถเตือนพวกเขาได้ครั้งเดียว แต่ไม่สามารถเตือนได้เป็นครั้งที่สองและสาม หลังพบกับมอนสเตอร์ด้วยตัวเอง สิ่งนี้ถึงมอบประสบการณ์ให้พวกเขาจริงๆ
ตอนกลุ่มเข้าใกล้ระยะหนึ่ง เฉินเตาก็พลันขมวดคิ้ว
เขาตรวจไม่พบความผิดปกติใดภายในระยะตรวจจับของจิตเทวะเขา และไม่มีความผิดปกติอะไรในสายตา แต่สัญชาตญาณกลับส่งคำเตือนให้เขา
“รอก่อน!’เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด โบกมือห้ามทุกคนไม่ให้ล้ำไปข้างหน้า
“เกิดอะไรขึ้น?”เสี่ยวโม่งุนงง
“เจ้าพบอะไรผิดปกติงั้นหรือ?”หวงอู่จื่อเพิ่มความระมัดระวังทันที
“ข้าไม่พบอะไรผิดปกติ แต่สัญชาตญาณบอกข้าว่ามีอันตายด้านหน้า”
เฉินเตาพูดจบ และก็ได้ยินเสียงทันที ห่างไปพันกว่าเมตร พื้นเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งเข้าหาพวกหลินฮวงเหมือนคลื่น
คลื่นดินทรายม้วนตัวสูงขึ้น เพิ่มความเร็ว ไม่นาน มันก็ปรากฏตรงหน้าพวกหลินฮวง
หลินฮวงหายตัวไปนานแล้ว ลอบปรากฏเหนือพื้นร้อยเมตร สังเกตปฏิกิริยาของทั้งสาม
เมื่อเห็นคลื่นค่อยๆใกล้เข้ามา ทั้งสามก็ตกตะลึงก่อนตอบสนอง พวกเขาเริ่มหันหลังบินหนีสูงขึ้น
เฉินเตาสงบสุขและปรับเพดานบินให้สูงขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น เขาหรี่ตาและสังเกตสักพัก จากนั้นก็ตั้งท่าสู้
นี่เพราะเขารู้แล้วว่าอะไรกำลังใกล้เข้ามา
หวงอู่จื่อกับเสี่ยวโม่ถอยห่างไประยะหนึ่งด้วยความตื่นตระหนก แต่เมื่อเห็นเฉินเตาไม่ตามมา พวกเขาจึงหยุดหนี
เมื่อเห็นว่าทั้งสามตั้งท่าสู้แล้ว หลินฮวงก็พยักหน้าพอใจ
ไม่นานนัก โมเมนตัมของทรายก็หยุด ฝุ่นฟุ้งกระจาย บดบังมุมมองของหลินฮวง แต่ด้วยจิตเทวะ เขาสามารถสังเกตทุกอย่างเกิดขึ้นด้านหลังม่านทรายได้ชัด
โครงกระดูกกินถูกตัดหัวด้วยเฉินเตากับเสี่ยวโม่ง่ายๆ และจำนวนพวกมันก็ลดลงอย่างรวดเร็ว แม้ความสามารถของหวงอู่จื่อจะโดนจำกัดด้วยระดับพลัง เขาก็สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระภายในฝุ่น ช่วยทั้งสองฆ่าโครงกระดูก
แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ทั้งสามร่วมมือกัน พวกเขาก็มีเคมีดีต่อกันอย่างน่าประหลาดใจ
หลังผ่านไปสามถึงสี่นาที โครงกระดูกดิน 14 ตัวก็โดนตัดหัวทั้งหมด
ทรายที่หมุนวนหยุด ทิ้งหลุมดินไว้
หลินฮวงค่อยๆ ลอยลงมา เขาเหลือบมองเฉินเตาก่อนหันไปหาเสี่ยวโม่กับหวงอู่จื่อ”อย่าตื่นตระหนกตอนเจอกับสถานการณ์แบบนี้ ให้สังเกตก่อน จากนั้นค่อยตัดสินใจ”
หลังคุยกันสั้นๆ หลินฮวงก็อนุญาตให้เฉินเตานำกลุ่มต่อได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น