Monster Paradise 1470-1472

 ตอนที่ 1470

 

**อัศวินดำโค่นอำนาจถึงตอนที่ 200 กันแล้วนะทุกคน ใครยังไม่อ่านอย่าพลาด สนุกจริงๆ เปิดใจลองอ่านกันหน่อยน้า**


——–


แปดโมงเช้า หลินฮวงกินอาหารเช้าอย่างไม่รีบร้อนก่อนกลับไปวังจักรพรรดิ


 


“มันเกือบถึงเวลาต้องส่งพิกัดแล้ว”


 


เขาเหลือบมองเวลา เปิดรายชื่อในแหวนหัวใจจักรพรรดิ เลือกเจียงฉาน หวงเทียนฟู้ จากนั้นก็ส่งข้อความให้พวกเขา


 


เนื้อหาของข้อความนี้คือพิกัดของอุโมงค์มิติที่นำไปสู่มหาพิภพ


 


หลินฮวงทุ่มความพยายามไปมากกับอุโมงค์มิตินี้


 


ก่อนอื่น เพื่อป้องกันคนของโลกกรวดจากการไปดินแดนเทพ เขาจึงเดินทางข้ามหลานที่ก่อนตั้งจุดเคลื่อนย้ายในดินแดนมนุษย์


 


ก้าวต่อไปคือป้องกันเหล่าเทพเสมือนขั้นต่ำของโลกกรวดไม่ให้ตายหลังพวกเขาไปถึงมหาพิภพ


 


หลังเชื่อมต่ออุโมงค์มิติ เขาลอบดัดแปลงพื้นที่รอบๆบนโลกกรวด ใช้อักขระเทวะ ห่อหุ้มมันด้วยการตรัสรู้ธาตุน้ำแข็ง


 


ถ้าสิ่งมีชีวิตธรรมดาเข้าใกล้อุโมงค์มิติ พวกมันจะถูกแช่แข็ง


 


สำหรับคนที่ยังใช้พลังกฏเทพไม่ได้ มีเพียงคนที่มีพลังเทวะเกินเทพเสมือนขั้น 6(ไม่รวมขั้น6) ถึงสามารถใช้พลังเทวะเพื่อเอาชนะการแช่แข็งและเข้าอุโมงค์มิติได้


ผู้ใช้พลังกฏเทพสามารถต่อต้านการแช่แข็งด้ เนื่องจากการตรัสรู้ธาตุที่หลินฮวงตั้งไว้ในอักขระเทะวก็แค่ระดับแรกเท่านั้น ความหนาวที่แผ่ออกมาไม่ได้มาจากพลังของการตรัสรู้ธาตุเอง มันเป็นแค่ความเย็นที่แยกตัวจากการตรัสรู้ธาตุ


 


สำหรับผู้บ่มเพาะที่ต่ำกว่าเทพเสมือนและใช้พลังกฏเทพไม่ได้ ตราบเท่าที่พวกเขาหนีทัน ความหนาวจากการตรัสรู้ธาตุก็จะสลายหายไปเอง แต่ทว่า ถ้าพวกเขาดึงดัน พวกเขาก็จะถูกแช่แข็ง


 


อย่างไรก็ตาม หลินฮวงไม่บอกใครว่าเขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้ เขาแค่พูดในข้อความที่ส่งไปด้วยว่า”พื้นที่รอบอุโมงค์มิติหนาวมาก เทพเสมือนที่ต่ำกว่าขั้นสูงน่าจะไม่สามารถผ่านได้”


เขาทำไปเพื่อทุกคนในโลกกรวด


 


นี่เพราะแหล่งทรัพยากรส่วนใหญ่ของมหาพิภพถูกยึดโดยองค์กรใหญ่และเล็ก


 


ใครก็ตามที่ต่ำกว่าเทพเสมือนขั้นสูงจะเข้าร่วมองค์กรในมหาพิภพได้ยาก ต่อให้โชคดีเข้าองค์กรระดับ 3 หรือ 4 ได้ พวกเขาก็จะได้แค่งานรับเงินเดือนทั่วไ มันยากมากที่จะได้รับทรัพยากรบ่มเพาะ


 


ถ้าเป็นพวกฉายเดี่ยว ไม่เพียงอัตราเสียชีวิตจะสูงมาก แต่พวกเขายังต้องส่งมอบของอย่างน้อย 50%ทุกครั้งที่เข้าเขตลับของคนอื่น องค์กรโหดเหี้ยมบางแห่งจะรับกว่า 70 % หรือต่อให้โชคดีพบเขตลับไร้เจ้าของ มันก็ยังเต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะบ้าบิ่นไม่กลัวตาย ถ้าไม่มีองค์กรคอยรักษากฏระเบียบ อันตรายก็จะเพิ่มขึ้น


ข้อยกเว้นคือผู้มีพรสวรรค์และศักยภาพน่าทึ่งอย่างเฉินเตา และหวงอู่จื่อ  ระหว่างนี้ คนอื่นต้องผ่านการท้าทาย


 


ถ้าเป็นเช่นนี้ในอดีต หลินฮวงต้องไม่ทามความพยายามมากนัก เขามักเป็นคนที่ไม่ชอบปัญหามาตลอด


 


แต่ทว่า ตอนนี้เขาได้กลั่นโลกกรวด ความคิดของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามีความคิดคลุมเครือที่ว่าคนเหล่านี้เป็นคนของข้า นั่นทำให้เขาทำงานหนักเพื่อเตรียมการเหล่านี้


 


คนที่ได้รับข้อความมีความคิดต่างไป


 


หวงเทียนฟู้กับกู่จื่อไม่สงสัยถึงข้อความที่หลินฮวงส่ง พวกเขายังไม่สงสัยคำเตือน หลินฮวงต้องมีเหตุผลถึงระบุว่าเทพเสมือนที่ต่ำกว่าขั้นสูงไม่ควรลองข้ามอุโมงค์มิติ พวกเขาทำตามที่หลินฮวงพูด หลินฮวงยังบอกพวกเขาว่าอย่าเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้  พวกเขาจึงเก็บมันไว้เป็นความลับอย่างเคร่งครัด


 


อีกด้าน ปฏิกิริยาของเจียงฉานต่างออกไป


 


“เขาส่งพิกัดมาให้ง่ายขนาดนี้?ไม่มีข้อกำหนดหรือการซื้อขาย?”ปฏิกิริยาแรกของเจียงฉานคือสงสัยความถูกต้องของพิกัด หลินฮวงให้ข้อมูลง่ายเกินไป ถึงกระนั้น เขาก็รีบขับไล่ความคิดนี้ทันทีเพราะพิกัดที่ผิดพลาดเปิดเผยได้ง่ายเกินไป ทั้งหมดที่เขาทำคือส่งคนไปตรวจสอบและก็จะรู้ว่าเป็นของจริงหรือปลอม กระบวนการนี้ใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วโมง


 


“พื้นที่รอบอุโมงค์มิติปกคลุมด้วยความเย็น คนที่ไม่ใช่เทพเสมือนขั้นสูงไม่ควรเข้าไป?”เจียงฉานสงสัยคำเตือนนี้”งั้น พวกเทพเสมือนขั้นต่ำและกลางก็จะเข้าอุโมงค์มิติไม่ได้?”


 


สำหรับข้อมูลส่วนนี้ที่บอกว่าห้ามกระจายข้อมูล เจียงฉานไม่สงสัยเลย ข้อมูลนี้ถือเป็นข้อมูลลับสุดยอด เขาจะเอาไปแจกฟรีทำไม?


หลังอ่านข้อความของหลินฮวงสามครั้ง ทวนว่าไม่มีข้อความซ่อน เจียงฉานก็ปิดข้อมูล ติดต่อสองรองหัวหนารวมถึงเจ้าหน้าที่อาวุโสเพื่อจัดประชุม



ตอนเก้าโมงเช้า ทุกคนมารวมกันตรงหน้าวังจักรพรรดิ


หวงเทียนฟู้และเจ้าหน้าที่อาวุโสของขัตติยะมายืนกันเงียบ ๆ


 


นอกจากหลินฮวงกับหลินซิน คุณฟู่ หลินซวน เสี่ยวโม่ เฉินเตาและหวงอู่ฉีต่างมากันครบ


 


สำหรับหยี่เสิ่นและหยี่เยว่หยู่ เล้งเยวี่ยซิน และหลี่หลาง ระดับพลังพวกเขายังเป็นจักรพรรดิ พวกเขายังไม่เป็นเทพเสมือน หลินฮวงจึงไม่อยากพาไปด้วย


 


สำหรับเจ้าอ้วน แม้เขาจะมีศักยภาพดีหลังใช้การ์ดไร้ที่ติ แต่เวลาส่วนใหญ่ของเขาก็ทุ่มกับร้านอาหาร จำนวนเวลาที่เขาอุทิศให้กับการบ่มเพาะน้อยกว่าคนอื่น


 


หลินฮวงมองทุกคน จากนั้นก็พยักหน้า”ไปกันเถอะ!”


 


หลังพูดอย่างนั้น เขาก็ยื่นมือออกไป และวังวนคล้ายหลุมดำก็ก่อตัวขึ้น


 


เฉินตากับคนอื่นผงะ มันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นความสามารถแบบนี้


 


หลินซินกับหลินซวนก้าวนำ หายไปในวังวน คุณฟู่กับคนอื่นตามหลังไป ก้าวไปทีละคน หลินฮวงเป็นคนสุดท้าย


 


ก่อนเข้าวังวน เขาหันมามองพวกหวงเทียนฟู้


 


“ดูแลตัวเองด้วย ฝ่าบาท!’หวงเทียนฟู้กับคนอื่นตะโกน โบกมือลาหลินฮวง


 


จากนั้นหลินฮวงถึงหันกลับ ก้าวเข้าไป


 


หลังจากนั้นไม่นาน วังวนตรงหน้าวังจักรพรรดิก็ค่อย ๆ หายไป


 


“เราไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะกลับมาอีกตอนไหน…”


 


พวกหวงเทียนฟู้เฝ้าดูวังวนหายไปก่อนแยกย้าย


เมื่อก้าวออกวังวน พวกหลินซินก็พบว่าตัวเองอยู่ในทะเลลึก


 


ไม่ไกลออกไปคือซากเรือขนาดใหญ่ที่จมอยู่ใต้ทรายครึ่งหนึ่ง พวกเขาสามารถเห็นได้แค่รูปร่างของเรือใหญ่


 


หลังจากนั้นไม่นาน หลินฮวงก็ก้าวออกมา


 


เขาจ้องซากเรืออับปากตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนหันไปทางหนึ่ง


 


ตอนนี้ หลินซวนขมวดคิ้วเล็กน้อย”มีคนมาที่นี่?!”


 


“มันคือคนของรัฐบาลกลาง ข้าส่งพิกัดให้เจียงฉานครึ่งชั่วโมงก่อน”หลินฮวงอธิบายด้วยใบหน้าสงบ”พวกเขาคงมาตรวจสอบ”


 


ขณะพูด หลินฮวงก็กดมือลงบนไหล่หวงอู่จื่อ ประทับการตรัสรู้ธาตุน้ำแข็งส่วนหนึ่งเข้าตัวเขา


 


คุณฟู่กับหลินซวนเป็นเทพแท้จริงแล้ว ส่วนหลินซินคือเทพเสมือนขั้น 9 เสี่ยวโม่กับเฉินเตาเองก็เป็นเทพเสมือนขั้น 3 แต่ทั้งคู่ใช้พลังกฏเทพได้ หวงอู่จื่อนั้นเพิ่งเป็นเทพเสมือนขั้น 1 และเป็นคนเดียวที่ยังไม่เรียนรู้พลังกฏเทพ เขาจึงเป็นคนเดียวที่ไม่สามารถเข้าอุโมงค์มิติได้เอง


 


หวงอู่จื่อเพิ่งรู้สึกหนาวสั่น แต่ก็ถูกแทนด้วยสัมผัสลี้ลับทันที ก่อนเขาจะได้รับรู้รายละเอียดเพิ่ม กลุ่มคนรัฐบาลกลางก็มาถึง


 


อย่างน่าแปลกใจ หัวหน้าของคนรู้จักเก่าของหลินฮวง กวนจง หัวหน้าหน่วยพิเศษ


 


เมื่อเห็นพวกหลินฮวง สีหน้าของกวนจงก็เปลี่ยนไป


 


“ฝ่าบาท!”อย่างไรก็ตาม เขายังเป็นฝ่ายริเริ่มทักทายหลินฮวง”ท่านจะไปแล้ว?”


 


หลินฮวงเหลือบมองกองทัพของกวนจง มีสมาชิกไม่มาก แค่หกคน และระดับพลังพวกเขาก็ต่างกัน พวกเขาคือเทพเสมือนขั้น 1 3 6 7และ9


 


แม้กวนจงจะเป็นแค่เทพเสมือนขั้น 4 แต่เขาก็มีตำแหน่งสูงสุด


 


“ใช่”หลินฮวงพยักหน้าอย่างไม่แยแส เขาไม่มีความคิดเห็นพิเศษอะไรเกี่ยวกับกวนจง และไม่มีความขัดแย้งอะไรด้วย มันแค่ว่าพวกเขามีจุดยืนต่างกันและยากจะเป็นเพื่อน


 


“งั้น..พวกท่านจะเข้าไปกันก่อนไหมครับ?”แน่นอน กวนจงไม่กล้าข้ามคิวของหลินฮวง


 


“ไม่ต้องห่วง ข้าอยากเห็นผลการสำรวจของเจ้า”หลินฮวงตอบด้วยรอยยิ้ม


 


กวนจงไม่คิดว่าหลินฮวงจะพูดแบบนี้ แต่ก็รีบตอบกลับ


 


“งั้นก็โปรดรอสักครู่ ฝ่าบาท เราจะลองก่อน”


 


เมื่อเขาพูดจบ เขาก็ให้เทพเสมือนขั้น 1 กับขั้น 3 เข้าซากเรือก่อน


 


เทพเสมือนขั้น 1 เข้าใกล้ซากเรือ แต่ก่อนจะเข้าระยะร้อยเมตร ชั้นน้ำค้างแข็งสีขาวก็เริ่มกลั่นตัวบนตัวเขาโดยไม่มีคำเตือน เขาพยายามก้าวเพิ่ม แลละความเร็วที่ตัวเขาถูกแช่แข็งก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันสายเกินจะถอย


 


ตอนนี้ เทพเสมือนขั้น 9 จากรัฐบาลกลางลงมือ เถาวัลย์ยาวตวัดออกมา พันรอบเอวเทพเสมือนขั้น 1 ที่ยังไม่แข็งตัวอย่างสมบูรณ์ กระชากเขาออกมา


 


โชคดี เทพเสมือนขั้น 1 ยังไม่ถูกแช่แข็ง หลังออกซากเรือ ตัวของเขาก็เริ่มละลาย แต่ทว่า ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความกลัว “มันเย็นมาก มันเหมือนความหนาวเย็นที่ทำให้วิญญาณของข้าแข็งตัวไปพร้อมกับร่างกาย..หลังก้าวสองก้าวสุดท้าย ข้าไม่สามารถขยับตัวได้เลย..”


 


หลังเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เทพเสมือนขั้น 3 ก็ยิ่งระวังตัว เขาก้าวช้ากว่าคนแรก


 


ทันทีที่เขาอยู่ในระยะร้อยเมตร ตัวของเขาก็เริ่มแข็ง แต่เขาก็ฝืนสู้กลับโดยใช้พลังเทวะภายในตัว ถึงกระนั้น ความเย็นก็ยังแผ่ซ่าน พลังเทวะของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว..


 


เขาก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว ทันทีที่อยู่ระยะ 50 เมตร ตัวของเขาก็เริ่มแข็ง เมื่อจำได้ถึงความโชคร้ายของเพื่อน เขาก็ไม่กล้าฝืนเดินต่อ เขาตัดสินใจจุดระเบิดไฟเทวะ ส่งร่างเขาให้ลอยกลับไป


 


“ไม่ดี ข้าสามารถทำได้สูงสุดประมาณ 50 เมตร ข้าคิดว่าข้าคงถูกแช่แข็งถ้าก้าวต่ออีกสองก้าว…”ตัวของเขาสั่นสะท้าน เขาหันไปมองกวนจง


 


กวนจงรีบส่งผลึกเทวะเพื่อให้อีกฝ่ายเติมพลัง


 


เทพเสมือนขั้น 3 สามารถไปถึงได้แค่ 50 เมตร ดังนั้นเทพเสมือนขั้น 4 ก็ไม่ควรลอง เขาหันไปพยักหน้าให้เทพเสมือนขั้น 6


 


เทพเสมือนขั้น 6 ดูเคร่งขรึม แต่ก็ยังเริ่มเข้าหาซากเรือ


 


ไม่กี่นาทีต่อมา ในที่สุดเขาก็มาถึงซากเรือ แต่วินาทีที่เขาก้าวเหยียบซากเรือ ชั้นน้ำแข็งก็พลันลุกลานขึ้นขาเขาเหมือนสิ่งมีชีวิต


 


เทพเสมือนขั้น 9 จากรัฐบาลกลางมีเถาวัลย์อยู่ในมือแล้ว พร้อมช่วยเหลือทุกเมื่อ


 


เทพเสมือนขั้น 6 เปิดใช้พลังเทวะภายในตัว แต่หลังต่อต้านสักพัก พลังเทวะของเขาก็หมด เมื่อเห็นน้ำแข็งห่อหุ้มตัวเพื่อนเขา เทพเสมือนขั้น 9 ก็ลงมืออีกครั้ง


 


เพียงเมื่อเถาวัลย์สัมผัสกับเอวของเทพเสมือนขั้น 6 และกำลังจะดึงเขากลับ น้ำแข็งก็เริ่มลุกลามมาที่เถาวัลย์ด้วย วินาทีที่เทพเสมือนขั้น 9 ออกแรงดึง ส่วนเถาวัลย์รอบเอวอีกฝั่งก็ขาด


 


“บัดซบ!”หัวใจของเทพเสมือนขั้น 9 แทบเด้งหลุดออกมา


 


แต่ทว่า วินาทีนั้น ตัวของเทพเสมือนขั้น 6 ก็ลอยขึ้นไปในอากาศราวกับเขาถูกดึงกลับด้วยวัตถุที่มองไม่เห็น


 


คนจากรัฐบาลกลางรีบใช้จิตเทวะ จากนั้นก็พบด้ายพลังจิตที่พันรอบเอวอีกฝ่าย สายตาของพวกเขาหยุดที่หลินฮวง


 


“ไม่ต้องขอบคุณ”หลินฮวงยิ้มให้พวกเขา


 


เขาช่วยอีกฝ่ายเพราะจุดประสงค์ของเขาไม่ใช่การฆ่าคน แต่เป็นการป้องกันคนที่ไม่ทรงพลังพอจากการเร่งรีบไปมหาพิภพ


 


หลังเทพเสมือนขั้น 6 ถูกตัดสิน สีหน้าของเทพเสมือนขั้น 7 ก็ดำมืด แต่ก็ยังก้าวเท้าออกไปอย่างมั่นคง


 


พลังเทวะของเขาพุ่งพล่านไปทั่วทั้งตัว เขาก้าวไปที่ซากยาน ขณะที่เท้าของเขาสัมผัสซากเรือ น้ำแข็งก็เริ่มกลั่นตัวที่ขาสองข้างเขา แค่ก็ถูกพลังเทวะเขายับยั้งไว้


 


เขาลังเลสักพักแต่ตัดสินใจก้าวเดินต่อ หลังเข้ารูในซากเรือ เขาก็เดินลงตามพิกัดที่หลินฮวงมอบให้


 


โชคดี มันค่อนข้างราบรื่น


 


หลังเข้าซากเรือ กลิ่นอายเทพเสมือนขั้น 7 ก็ไม่ลดลงมาก


 


หลังผ่านไปประมาณสิบนาที เขาก็ถอนตัวจากซากเรือ ตัวเขาปกคลุมด้วยน้ำแข็ง แม้เขาจะดูเหนื่อยล้า แต่ก็ยังโล่งใจ


 


“เป็นไงบ้าง?เจ้าเห็นอุโมงค์มิติไหม?”กวนจงถาม


 


“ข้าเห็นมัน”


“ความเย็นรุนแรงแค่ไหน?”เทพเสมือนขั้น 9 ถามจากด้านข้าง


 


“พลังเทวะปัจจุบันข้าสามารถผ่านความหนาวเย็นไปได้ แต่ทว่า แค่การเข้าและออกครั้งเดียวก็ทำให้พลังเทวะข้าแทบหมด”เทพเสมือนขั้น 7 อธิบาย”นอกจากนี้ ยิ่งเข้าใกล้อุโมงค์มิติ ความเย็นยิ่งรุนแรงและยิ่งผลาญพลังเทวะ การคาดเดาของข้าคือเทพเสมือนขั้น 6 จะไม่มีทางผ่านไปได้ต่อให้นำผลึกเทวะติดตัวมามากแค่ไหนก็ตามเพราะอัตราการผลาญพลังเทวะจะสูงกว่า”


 


“ข้าจะไปตรวจสอบ”เทพเสมือนขั้น 9 พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เดินตรงไป คิดตรวจสอบมันเอง


 


แม้เทพเสมือน ขั้น7 จะกลับมาได้ เทพเสมือนขั้น 9 ก็ยังระวังตังมาก มันใช้เวลาประมาณสิบนาทีเขาจึงเดินออกมา


 


เขากลับไปหากวนจง


 


หลังจากนั้น กวนจงก็หันมามองหลินฮวง


 


“ฝ่าบาท ขออภัยที่ทำให้ท่านต้องรอนาน”


 


หลังจากนั้น เขาก็หันไปหาเสี่ยวโม่ เฉินเตาและหวงอู่จื่อ”พวกเจ้าเห็นผลการทดสอบแล้ว ข้าเกรงว่าพวกเจ้าคงผ่านไปไม่ได้”


 


เมื่อเห็นผลลัพธ์ เฉินตากับคนอื่นก็กังวล


 


“ขอบคุณที่เตือน”หลินฮวงพยักหน้าให้กวนจง เขาไม่ปฏิเสธคำพูดของกวนจง แค่นำกลุ่มเขาเข้าไป


 


พวกกวนจงจ้องพวกเฉินเตา อยากดูว่าหลินฮวงจะทำอย่างไร แต่ด้วยความแปลกใจ กลุม่ของหลินฮวงเดินอย่างราบรื่น


 


ภายในซากเรือ เฉินตากับเสี่ยวโม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น วินาทีที่ทั้งคู่เข้าระยะร้อยเมตร พลังกฏเทพภายใต้ตัวเองทำงานเอง แยกความหนาวเย็นออกจากตัว


 


สำหรับหวงอู่จื่อ ผู้ยังไม่เรียนพลังกฏเทพ หลินฮวงได้ประทับการตรัสรู้ธาตุให้เขาเป็นการป้องกัน เพราะเหตุนั้น เขาจึงไม่รู้สึกหนาวเลย


 


คนจากรัฐบาลกลางเฝ้าดูกลุ่มหลินฮวงหายไป วินาทีต่อมา ความผันผวนมิติก็แผ่ออกจากซากเรือ และกลิ่นอายของพวกหลินฮวงก็หายไป


 


กวนจงเงียบไป


 


“พวกเขาทำได้ยังไง?”


ตอนนี้ เทพเสมือนขั้น 9 พูดขึ้น”มันอาจเป็นเพราะพลังกฏเทพ หลินฮวงได้ประทับพลังกฏเทพให้เทพเสมือนขั้น 3 สองคนและเทพเสมือนขั้น 1” 

 

 


ตอนที่ 1471

 

**จากตอนนี้ไปขอเปลี่ยนจากเกรดองค์กรเป็นระดับนะครับ**


 


ดาวฟิสเตอร์เป็นดาวห่างไกลธรรมดาที่ตั้งอยู่ชายแดนระหว่างดินแดนมนุษย์กับหุบเหว


หลินฮวงเลือกสถานที่นี้เป็นจุดแรกในมหาพิภพตามคำแนะนำของเจ้าแดง


สาเหตุหลักมาจากความจริงที่ว่าแม้ดาวจะอยู่ห่างไกล มันก็ตั้งภายในเขตดาวนักล่าปีศาจขององค์กรนักล่าระดับ 6


 


เดิม เมื่อดาวนักล่าปีศาจถูกก่อตั้งโดยองค์กรนักล่า หน้าที่หลักมันคือปกป้องพรมแดนระหว่างเผ่ามนุษย์กับหุบเหว รวมถึงการให้สมาชิกขององค์กรตั้งถิ่นฐานเพื่อใช้ทำธุรกรรมและเป็นที่พักชั่วคราว


 


แต่ทว่า ด้วยจำนวนคนที่มาเข้าร่วมมากขึ้น ศาลาสมบัติซึ่งเป็นองค์กรระดับ 6 ก็เล็งเห็นว่ามันทำเงินได้มากและมาสร้างสาขาในเขตดาวเดียวกัน


 


หลังจากนั้น ทั้งเขตดาวก็กลายเป็นเจริญรุ่งเรืองจนกระทั่งชุดคลุมขาวมาตั้งสาขาขึ้นเพื่อรักษาความสงบ


 


เขตดาวนักล่าปีศาจกลายเป็นเส้นทางชมวิวพิเศษระหว่างมนุษย์และหุบเหว


 


ปัจจุบัน ในเขตดาวนักล่าปีศาจ รวมถึงดาวฟิสเตอร์ ดาว 38 ดวงมีมนุษย์อาศัยและสร้างเป็นห่วงโซ่ระบบนิเวศสมบูรณ์


 


ดาวฟิสเตอร์เป็นแค่หนึ่งในดาวธรรมดาเหล่านี้


 


ถึงกระนั้น ระดับความเจริญก็เทียบได้กับเมืองระดับ A ในโลกกรวด มันแค่ว่าสิ่งก่อสร้างไม่หนาแน่นเท่าและประชากรก็น้อยกว่า


 


แต่ทว่า ผู้บ่มเพาะนั้นมีมากกว่า


 


เมื่อมองรอบๆ พวกคุณฟู่ก็สามารถเห็นเทพเสมือนได้ทั่ว ยังมีเทพแท้จริงเดินบนถนนอีกด้วย


 


นอกจากหลินฮวงแล้ว ทุกคนต่างตกตะลึง


 


“ในมหาพิภพมีเทพแท้จริงมากขนาดนี้เชียว?” คุณฟู่อดถามหลินฮวงไม่ได้


 


หลินฮวงอดยิ้มและส่ายหัวไม่ได้กับคำถามนี้” จริงๆ แล้วก็ไม่ครับ เขตดาวนักล่าปีศาจตั้งอยู่บนขอบสนามรบ จึงมีผู้บ่มเพาะมากกว่า”


“ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีสามองค์กรระดับ 6 อย่างนักล่า ศาลาสมบัติและชุดคลุมขาว รวมถึงองค์กรระดับ 4 กับ 5 อีกด้วย”


 


 


“เจ้ากำลังคิดเลือกดาวนี้เป็นฐานหรือ?” เฉินเตาถาม


คนอื่นหันมามองหลินฮวง


 


“ใช่” หลินฮวงตอบอย่างใจเย็น


 


“ที่นี่อยู่ใกล้กับสนามรบหุบเหว มันเหมาะมากสำหรับการล่ามอนสเตอร์หุบเหว”


“ยิ่งไปกว่านั้น เขตดาวนักล่าปีศาจยังเทียบได้กับเขตดาวระดับห้าขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาย การหาข้อมูลหรือการส่งมอบภารกิจ ทุกอย่างสะดวกสบายมาก ยังมีชุดคลุมขาวที่รับผิดชอบการรักษากฎระเบียบ มันปลอดภัยมาก”


 


“ในโลกมนุษย์ทั้งหมด จำนวนเขตดาวที่มีสภาพแวดล้อมแบบนี้นับได้ไม่ถึงห้านิ้วด้วยซ้ำ”


 


“งั้นเราควรทำยังไงกันต่อ?” หลินซินอดถามไม่ได้


 


“ไปลงทะเบียนตัวตนเราที่เมืองของชุดคลุมขาวกันก่อน ไม่งั้นเราคงไม่สามารถพักในโรงแรมได้” หลินฮวงพูดต่อ” เมื่อเราลงทะเบียนแล้ว อย่าเผยว่าเรามาจากโลกกรวด ให้กรอกว่าเรามาจากโลกขนาดเล็กหมายเลขNF404 สำหรับข้อมูลอื่น สามารถกรอกได้ตามปกติ”


 


 


“NF404คือหมายเลขโลกกรวดเรางั้นเหรอคะ?” หลินซินาม


 


“ไม่ โลกกรวดเราไม่ได้ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ หมายเลขนี้คือของโลกขนาดเล็กใกล้ๆ ที่เชื่อมต่อกับเผ่ามนุษย์”


 


 


“ถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะไม่ถูกเปิดโปงเหรอคะ?” หลินซินรีบถาม


 


“ภายใต้สถานการณ์ปกติก็ไม่ หลายคนจากโลกมนุษย์ได้ลงทะเบียนตัวตนทุกวัน ตราบเท่าที่เราไม่ทำอะไรผิดปกติ ก็ไม่มีใครจะตรวจสอบมัน’


 


 


หลังให้คำแนะนำ หลินฮวงก็รีบพากลุ่มไปดาวพิฆาตมาร อันเป็นฐานทัพของชุดคลุมขาว


 


ขั้นตอนการลงทะเบียนราบรื่นมาก หลังกรอกแบบฟอร์มแล้วจะมีการตรวจร่างกายง่ายๆ เพื่อยืนยันตัวตนของหลินฮวงและคนอื่น เจ้าหน้าที่ชุดคลุมขาวจะมอบแหวนลักษณะคล้ายแหวนหัวใจจักรพรรดิให้พวกเขา ด้วยเหตุนี้ กลุ่มหลินฮวงจึงกลายเป็นพลเมืองของโลกมนุษย์ได้สำเร็จ


 


หลังจากที่พวกเขาได้รับแหวนประจำตัวแล้ว หลินฮวงก็นพพวกเขาไปที่ฐานนักล่าเพื่อลงทะเบียนเป็นกลุ่มนักล่า


 


เมื่อทั้งหมดเสร็จสิ้น หลินฮวงก็หาโรงแรมให้ทุกคนเข้าพัก


 


“ตอนนี้เราได้สร้างกลุ่มนักล่าขนาดเล็กแล้ว ทุกคนสามารถเข้าสนามรบโบราณได้” หลินฮวงพูดจบและเหลือบมองหวงอู่จื่อ” เฉินเตา เสี่ยวโม่ ระดับพลังพวกเจ้าพอๆ กับหวงอู่จื่อ เจ้าสามารถพาเขาไปสำรวจกับพวกเจ้าได้ ในเวลาเดียวกัน ก็สามารถทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมได้”


 


 


“มันจะดีสุดถ้าพวกเจ้าสามารถยกระดับพลังกันได้ อย่าเสียเวลาทำความเข้าใจกับพลังกฏเทพหากยังไม่ถึงระดับเทพเสมือนขั้น 9”


 


หลังพูดจบ หลินฮวงก็หันไปมองหลินซิน” อาจารย์ ต้าซวน ก็จับกลุ่มกับซินเอ๋อร์ไปสำรวจด้วยกันเถอะ’


 


 


“แล้วพี่ละ?” หลินซินรีบถาม


 


“ข้ามีมอนสเตอร์อัญเชิญ” หลินฮวงยิ้ม


 


“ขอข้าสรุปสถานการณ์ปัจจุบันของมนุษย์ในมหาพิภพให้ทุกคนฟังกันก่อน”


 


“โลกมนุษย์มี 3 ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ 7 นิกาย”


 


“สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์คือวังเทพยุทธ์ วิหารอสนีบาต และแดนเทวะ พวกเขาถือเป็นขุมกำลังระดับ 7 ที่ปกครองโดยจ้าวเทวะ พวกเขายังเป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งสุดในโลกมนุษย์”


 


“7 นิกายคือนิกายไท่ชิง นิกายล่องลอย ศาลาสมบัติ ชุดคลุมขาว อาชูร่า นิกายเซียวเหยาและนักล่า”


 


“นิกายไท่ชิงเป็นองค์กรที่แยกตัวมาจากวังเทพยุทธ์ ข้าไม่ขอลงรายละเอียด”


 


 


“นิกายล่องลอยไม่ใช่สำนักชี มันเป็นองค์กรที่ก่อตั้งโดยผู้บ่มเพาะหญิง องค์กรนี้จะรับเฉพาะผู้หญิง”


 


“ศาลาสมบัติเป็นองค์การค้าที่ใหญ่สุดในโลกมนุษย์ รวมถึงองค์กรข่าวกรองที่ใหญ่สุด”


 


“ชุดคลุมขาวเป็นองค์กรจัดการและบังคับใช้ที่ก่อตั้งร่วมกันโดยสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีพวกระดับสูงจากวังเทพยุทธ์ วิหารอสนีบาตและแดนเทวะคอยควบคุม”


 


 


“อาชูร่าเป็นองค์กรนักฆ่าและลึกลับมาก”


 


“นิกายเซียงเหยาคือพันธมิตรผู้บ่มเพาะที่ก่อตั้งโดยผู้บ่มเพาะอิสระ และการจัดการก็หละหลวมมาก”


 


 


“ยังมีนักล่า มันคือองค์กรนักล่าที่ใหญ่สุดในโลกมนุษย์และคอยให้ภารกิจนักล่า”


 


 


“องค์กรนักล่านี้เชื่อมต่อกับรัฐบาลโลกและสมาคมนักล่าของโลกกรวดใช่ไหม?” คุณฟู่อดถามไม่ได้


 


“ถูกต้อง” หลินฮวงพยักหน้า


 


เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของคนอื่น หลินฮวงก็อธิบาย.” นักล่าคือขุมอำนาจเบื้องหลังรัฐบาลกลาง รวมถึงสมาคมนักล่าในโลกกรวด”


 


 


หลังอธิบาย หลินฮวงพูดต่อ


 


“แม้เราจะจัดตั้งกลุ่มขึ้นมาแล้ว ข้าก็แนะนำว่าอย่าเพิ่งรีบออกไปล่า ช่วยใช้เวลาดูข้อมูลทั้งหมดที่ข้าส่งให้ก่อน โดยเฉพาะกับสารานุกรมมอนสเตอร์ของมหาพิภพ มันจะดีสุดถ้าทุกคนจดจำข้อมูลมอนสเตอร์ทั้งหมดได้”


 


ทุกคนพยักหน้า


 


ทั้งหมดยังตระหนักดีว่ามหาพิภพมีมอนสเตอร์มากกว่าโลกกรวด ถ้าพวกเขาพบมอนสเตอร์ที่ไม่คุ้นเคยระหว่างการล่า มันคงอันตรายมาก


 


“นอกจากนี้ ยังมีแพลตฟอร์มโซเชียลมากมายที่ควรลงทะเบียน”


 


หลังหลินฮวงพูดจบ เขาก็รวบรวมข้อมูลต่างๆ และส่งให้ทุกคน



ตอนที่ 1472

 

หลังมอบหมายงานให้พวกหลินซิน หลินฮวงก็รีบติดต่อเจ้าแดง


 


สถานการณ์ของไคลี่ในเผ่าเนฟิลิกยังน่ากังวล


 


“ข้าจัดการธุระทางข้าเสร็จแล้ว ทางเจ้าละ?”


“ไม่ดีนัก..”เจ้าแดงตอบ”ก่อนหน้านี้ ไคลี่เลื่อนเป็นระดับเทพสูงสุดได้ เมื่อข่าวหลุดออกไป บุตรเทวะ

จากองค์กรระดับจ้าวเทวะก็มาสู่ขอทันที ตามสถานการณ์ปัจจุบัน มันเป็นแค่เรื่องของเวลาก่อนเผ่าเนฟิลิกจะตกลงเรื่องการแต่งงาน”


 


หลินฮวงรู้เกี่ยวกับการเลื่อนเป็นเทพสูงสุดของไคลี่ เขาไม่แปลกใจเลย เพราะเผ่าเนฟิลิกคือเผ่าระดับหกขั้นสูงสุด ด้วยทรัพยากรของพวกเขา บวกกับพรสวรรค์และศักยภาพของไคลี่ นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ


 


แม้กระทั่งภายในองค์กรระดับ 7 เทพสูงสุดก็มีศักยภาพพอจะเป็นบุตรเทวะ นี่ทำให้องค์กรระดับ 7 มากมายเต็มใจใช้บุตรเทวะของพวกเขาเพื่อสู่ขอไคลี่


 


เมื่อได้ยิน คิ้วของหลินฮวงก็ขมวดเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ข่าวดี


 


“งั้นข้าจะเรียกพวกเจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้”


 


ก่อนเจ้าแดงจะได้ตอบ การแจ้งเตือนของเสี่ยวเฮยก็ผุดขึ้นตรงหน้าหลินฮวง


 


“้มันไม่เป็นที่แนะนำสำหรับการเรียกการ์ดมอนเตอร์ทั้งสองกลับ เผ่าเนฟิลิกถูกพิทักษ์โดยกึ่งจ้าวเทวะที่น่าจะไม่ยอมให้ไคลี่หายไปภายใต้จมูกเขา ถ้าไคลี่เกิดหายไปอย่างไร้ร่องรอย เผ่าเนฟิลิกจะต้องพยายามออกล่านางแน่ อาจเต็มใจจ่ายราคาสูงเพื่อขอให้จ้าวเทวะจากองค์กรอื่นช่วยกันค้นหา ตราบเท่าที่มีเบาะแสเล็กน้อยทิ้งไว้ มันคงหลบหนีการตรวจจับของพวกเขาไม่ได้…”


 


ทันทีที่หลินฮวงอ่านการแจ้งเตือนของเสี่ยวเฮยจบ เขาก็รีบถามเจ้าแดง


 


“งั้นเจ้ามีทางออกอื่นไหม?”หลินฮวงถาม


 


“ข้ารู้หลายวิธี แต่ส่วนใหญ่เป็นแค่ทางแก้ชั่วคราว ไม่สามารถแก้ปัญหาหลัก”


 


“ตัวอย่างเช่น กลยุทธ์อย่างการแกล้งตายด้วยจักจั่นทองคำ ตอให้ข้าคิดแผนทุกประเภทอย่างไร้ที่ติ มันก็อาจเป็นแค่การละเล่นของเด็กต่อหน้าจ้าวเทวะผู้เห็นผ่านทุกอย่างได้..เว้นแต่ระดับพลังของข้าจะเท่ากับพวกเขา ไม่มีทางออกอื่น”


“ปัจจุบัน ข้าสามารถคิดได้แค่ทางเดียวเพื่อช่วยเหลือไคลี่..”เจ้าแดงหยุดก่อนพูดต่อ”นั่นคือทำให้ไคลี่เลื่อนเป็นมอนสเตอร์ชั้น 6 ระดับจิตวิญญาณแท้จริง!”


 


“เมื่อไคลี่กลายเป็นชนชั้นจิตวิญญาณแท้จริง สถานะของนางในเผ่าเนฟิลิกจะไม่ใช่เบี้ยไว้เพื่อสานสัมพันธ์ุอีก นางจะมีสิทธิ์พูด นางอาจได้รับการเลี้ยงดูให้เป็นผู้นำเผ่าคนต่อไป เผ่าเนฟิลิกจะไม่มีทางยอมให้จิตวิญญาณแท้จริงภายในเผ่าตัวเองแต่งงานกับคนนอกเด็ดขาด พวกเขาจะทุ่มเททั้งหมดเพื่อฝึกฝนนาง ให้นางชักนำเผ่าเนฟิลิก…”


 


“แต่ทว่า แม้วิธีการนี้จะแก้ปัญหาการแต่งงานได้ แต่มันก็ยังมีผล การยกระดับสถานะของไคลี่จะทำให้นางยิ่งออกเผ่าเนฟิลิกได้ยากกว่าเดิม…”


 


เจ้าแดงหยุด


 


“จริงๆแล้ว ต่อให้นางไม่เลื่อนเป็นช้ัน 6 มันก็ยังยากมากสำหรับนางที่จะออกเผ่ามาได้ เทียบกับปัญหาทั้งสอง ปัญหาการแต่งงานกดดันเรามากกว่า”


“ตามสถานการณ์ปัจจุบัน ไคลี่คงทนได้ไม่นาน ถ้าบุตรเทวะคนแรกจากองค์กรระดับ 7 มาถึงเผ่าเนเฟิลิกจะต้องตอบตกลงโดยไม่ลังเลแน่ ต่อให้มันเป็นบุตรเทวะคนที่สองหรือสาม โอกาสที่พวกเขาจะตอบตกลงก็สูงเช่นกัน”


 


“งั้น เจ้ากำลังเสนอว่าเราควรหาทางให้ไคลี่เลื่อนเป็นชั้น 6ก่อนและค่อยหาทางพานางออกมาทีหลังสินะ?”


 


“ใช่”เจ้าแดงพยักหน้าอีกครั้ง”จริงๆแล้ว ถ้าเราไม่นำเรื่องแต่งงานมาพิจารณา ไคลี่คงได้รับการปฏิบัติเหมือนเจ้าหญิงในเผ่าเนฟิลิก สำหรับการนำนางออกมา เราสามารถคิดหาทางแก้ได้ทีหลัง เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือการจัดการกับการแต่งงาน”


 


หลินฮวงเงียบไปก่อนพยักหน้า


 


“ตราบเท่าที่ข้าเลื่อนเป็นเทพแท้จริง อำนาจข้าจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เวลานั้น ข้าสามารถช่วยให้ไคลี่เป็นชั้น 6 ได้ แต่หลังระดับบรรพกาล การเพิ่มชนชั้นจะไม่ได้พี่งพาแค่การ์ดเลื่อนขั้น แต่ยังต้องมีวัตถุดิบอื่น”


 


“อีกสักพัก ข้าจะส่งรายชื่อวัตถุดิบให้เจ้า เจ้าสามารถเริ่มเตรียมการได้ก่อน ส่วนทางข้า ข้าจะเลื่อนเป็นเทพแท้จริงให้เร็วที่สุด”


 


“ก่อนไคลี่จะเลื่อนเป็นชั้น 6 พยายามหาทางถ่วงเวลาไว้”


 


หลินฮวงไม่คิดว่าสถานการณ์ของไคลี่จะร้ายแรงขนาดนี้


 


ตอนแรก เขาไม่คิดว่าการปล่อยไคลี่กลับเผ่าจะกลายเป็นเรื่องแย่ แต่ไม่คิดเลยว่าเผ่าเนฟิลิกจะยอมเสียสละนางเพื่อผลประโยชน์


 


เรื่องนี้ยังทำให้เขาต้องเร่งยกระดับความสามารถ


 


หลังจบการสนทนากับเจ้าแดง หลินฮวงก็ส่งจิตสำนึกไปในตัว ทำการค้นหาอย่างรวดเร็ว


 


เมื่อการ์ดมอนสเตอร์ปรากฏในร่างมอนสเตอร์ จะมีภาพที่สอดคล้องภายในตัวหลินฮวง บนภาพที่แทบจะโปร่งใส เขาสามารถเห็นข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการ์ดมอนสเตอร์ได้


 


ในไม่ช้าเขาก็พบการ์ดของไคลี่และตรวจสอบมัน


 


“การ์ดมอนสเตอร์ : ไคลี่”


 


“ความหายาก : เทพสูงสุด”


..


“เงื่อนไขการยกระดับ”


 


“การ์ดเลื่อนขั้นระดับ 5 ห้าใบ เลือดของจ้าวเทวะ(ผู้ใช้กลิ่นอายสายฟ้า หนึ่งหยด เลือดของเทพสวรรค์(ผู้ใช้บัญญัติสายฟ้า) สิบหยด หัวใจของนางฟ้า(นางฟ้าชั้น 5) 12 ชิ้น…”


 


แค่เหลือบมองวัตถุดิบ หลินฮวงก็ปวดหัวแล้ว ไม่นับการ์ดเลื่อนขั้น เขารู้สึกว่าแม้แต่เผ่าเนฟิลิกก็ยังยากจะรวบรวมวัตถุดิบเหล่านี้


 


เขาอดคิดไม่ได้ว่าความยากของพวกไป่จะเป็นอย่างไร ไคลี่มีเผ่าเนฟิลิกหนุน เขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับนาง สำหรับมอนสเตอร์ตัวอื่น เขากลัวว่าในฐานะเจ้านายมัน เขาต้องหาทางได้รับวัตถุดิบส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง เมื่อคิด เขาก็ยิ่งกดดัน


 


แถมพวกชาโคลเองก็ต้องการวัตถุดิบสำหรับเลื่อนขั้นด้วย ยิ่งไปกว่านั้น มีการ์ดมอนสเตอร์แบบชาโคลกว่าสามสิบใบที่กำลังรอเลื่อนเป็นชั้น 5


 


เมื่อคิดถึงจุดนี้ หลินฮวงก็ไม่กล้าคิดต่อ เขาสะบัดไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป ทำการคัดลอกรายชื่อวัตถุดิบและส่งมันให้เจ้าแดง…

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)