Monster Paradise 1467-1468
ตอนที่ 1467
ตอนนี้เป็นวันที่สามของเดือนสิบสอง เมืองหิมะถูกเปลี่ยนเป็นโลกสีขาวราวกับหิมะเหมือนเมื่อสี่ปีก่อน
สองพี่น้องมองดูเกล็ดหิมะลอยลงจากฟ้า ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย และประตูบ้านก็ถูกผลักเปิดโดยใครบางคน
คนที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าประตูไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลินซวน
“ข้าคาดไว้แล้วว่าพวกท่านต้องมาถึงวันนี้ ข้าจึงมาก่อนเพื่อเก็บของ ซื้อของสำหรับงานเฉลิมฉลองและตกแต่งบ้าน”หลินซวนยิ้มอบอุ่น
“เจ้ามาถึงเร็วจริงๆ เรามาช้าไปไม่ถึงสิบนาที และเจ้าก็มาก่อนแล้ว”หลินฮวงเดินไปหาหลินซวน
“ก่อนหน้านี้ข้าตั้งพิกัดประตูมิติไว้ เนื่องจากไม่มีอะไรเร่งด่วน ข้าจึงแจ้งหวงเทียนฟู่หลังจบสายและรีบมาทันที”หลินซวนอธิบาย
ตอนนี้ หลินซินมายืนตรงหน้าหลินซวนแล้ว ยืดคอเธอเพื่อแหงนมองชายหนุ่มที่สูงกว่าเธอครึ่งหัว”เสี่ยวซวน…ทำไมมันถึงรู้สึกแปลกๆตอนเรียกเจ้าด้วยชื่อนั้น?”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น น้องก็เรียกเขาว่าต้าซวนซะสิ”หลินฮวงเสนอ
ใบหน้าของหลินซวนดูอึดอัด แต่เขาไม่คัดค้าน ด้วยความที่หนาตาเขาดูแก่กว่าหลินฮวง เขาจึงรู้สึกอึดอัดใจที่ถูกหลินซินเรียกว่าเสี่ยวซวน
“ต้าซวนเรียกได้ไม่กระดากปากกว่า งั้นจากนี้ไป ข้าจะเรียกเจ้าว่าต้าซวน”วินาทีที่หลินซินพูดจบ นางก็รีบพูดเสริม”ชื่อของเจ้าอาจเปลี่ยนไป แต่อย่าลืมว่าข้ายังเป็นพี่สาวของเจ้า ต้าซวน!”
ถึงแม้นางจะเต็มใจให้หลินซวนเปลี่ยนชื่อเรียก แต่หลินซินก็ยังไม่ยอมละทิ้งตำแหน่งพี่สาว
สีหน้าของหลินซวนบ่งบอกว่าเขาไม่มีทางเลือกมากนัก แต่ก็ไม่คัดค้านเช่นกัน
“เอาละ รีบทำความสะอาดบ้านกันดีกว่า”หลินฮวงเสนอ ปัดเป่าความอึดอัดของหลินซวน
เนื่องจากพวกเขาไม่ได้พบกันเลยตลอดสี่ปีและหลินซวนก็ผ่านเรื่องราวมามาก รวมถึงความทรงจำของโม่ขุ่ยที่ตื่นขึ้น การที่จะกลมกลืนกับครอบครัวนี้จึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขา
หลินฮวงเต็มใจให้เวลากับหลินซวนเพื่อปรับตัว
ภายใต้คำแนะนำของหลินฮวง ทั้งสามเริ่มทำความสะอาดกัน
ทั้งสามต้องใช้เวลาทั้งบ่ายก่อนจะทำความสะอาดบ้านจนหมด ทั้งภายในและภายนอก
“ผ้าปูเตียงและผ้านวมในตู้อยู่มาหลายปีแล้ว ใช้อันใหม่เถอะ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็เสื่อมสภาพ ทุกอย่างในตู้เย็นหมดอายุ…”ขณะพูด หลินฮวงยังจดของที่ต้องซื้อ”ทั้งคู่ไปเดินเล่นดูและดูว่าต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง”
หลินซินกับหลินซวนพูดถึงหลายสิ่ง หลินฮวงเขียนทั้งหมดและทำรายการตรวจสอบ
หลินซินกับหลินซวนพูดหลายสิ่ง หลินฮวงเขียนทั้งหมดและทำรายการตรวจสอบ
ทั้งสามไปทานอาหารกลางวัน จากนั้นก็มุ่งตรงไปซูเปอร์มาร์เก็ต พวกเขาซื้อทุกอย่างตามรายการ กลับไปบ้านและทำการตกแต่งอีกรอบ ด้วยอากาศเย็น บรรยากาศแห่งเทศกาลจึงรื่นเริง
หลายวันต่อมา สามพี่น้องไม่ได้ออกไปไหนมากนัก
หลินฮวงใช้เวลาส่วนใหญ่กับการบ่มเพาะไร้รอยต่อและเพิ่มจำนวนด้ายพลังจิตของเขา
หลินซินชักชวนหลินซวนให้มาซ้อมกับนาง แน่นอน สนามฝึกของทั้งคู่ไม่ใช่ในเมืองหิมะ การให้เทพเสมือนขั้น9กับเทพแท้จริงขั้น 1สู้กันต้องเกิดผลพวงที่ทำให้ทั้งเมืองพินาศแน่ สนามต่อสู้ของพวกเขาจึงเป็นเขตแดนเทพของหลินซวน
ในชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปกว่าสัปดาห์
ด้ายพลังจิตของหลินฮวงเพิ่มอีกสองหมื่นเส้น ทำให้จำนวนนวมจึงเป็นสองแสนห้าหมื่น ทักษะการต่อสู้ของหลินซินยังเลื่อนอีกระดับ
ปัจจุบัน ความสามารถของนางไม่อ่อนแอไปกว่าคุณฟู่ก่อนปิดประตูบ่มเพาะเลย
วันปีใหม่ วันแรกของเดือนจันทรคติใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในที่สุดหลินฮวงก็หยุดการบ่มเพาะ หลินซินกับหลินซวนเองก็เช่นกัน
วันปีใหม่เป็นปีใหม่ของยุคใหม่ แต่ทุกคนคุ้นเคยกับการเฉลิมฉลองวันสิ้นสุดปีเก่าของปฏิทินจันทรคติ ดังนั้นวันปีใหม่จึงมีความสำคัญน้อยกว่า
แต่ปัจจุบัน ยังมีเวลาอีกสองเดือนก่อนสิ้นปีจันทรคติ หลินฮวงไม่คิดอยู่ในโลกกรวดนานนัก
ในคืนวันปีใหม่ หลินฮวงเปิดวิดิโอห่อเกี๊ยวให้น้องๆเขาดู
แม้จะมีร้านเกี๊ยวในโลกกรวด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่หลินซินกับหลินซวนได้ทำเกี๊ยวเอง ทั้งคู่สนใจและแสดงความกระตือรือร้นอย่างมาก
อาหารเย็นที่ทั้งสามทานนั้นเรียบง่ายมาก แต่ละคนมีเกี๊ยวหนึ่งชามและก็ไม่ได้กินมากนัก เกี๊ยวที่ยังไม่สุกจะถูกเก็บเข้าช่องแช่แข็ง
คืนนั้น หิมะตกหนักมาก
หลินฮวงและน้องๆของเขานั่งรอบเตาไฟ คุยกันอย่างมีความสุขถึงประสบการณ์น่าขบขันที่พวกเขาพบเจอ
เพียงเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงระฆังส่งท้ายปีเก่า ทั้งสามคนก็เลิกคุย หันไปจ้องมองนอกหน้าต่างพร้อมกัน ด้านนอก ดอกไม้ไฟจำนวนนับไม่ถ้วนทะยานขึ้นฟ้า ระเบิดเป็นแสงสวยงามตระการตา
แม้อุณหภูมิจะต่ำกว่าศูนย์ เมืองหิมะคึกคักและมีชีวิตชีวาแม้จะเป็นเวลาเช้าตรู่
ถนนการค้าที่อยู่ไม่ไกลจากหลินฮวงและย่านเล็กๆของสามพี่น้องเต็มไปด้วยคนที่มาและไป ยังมีหลายคนที่หยุดมองดูดอกไม้ไฟ
ในบ้านสกุลหลิน ทุกอย่างเงียบผิดปกติ
เปลวไฟริบหรี่ในเตาผิงทำให้เกิดแสงสีเหลืองอบอุ่น ส่องใบหน้าทั้งสาม
ไม่มีใครพูดอะไร พวกเขาแค่มองดอกไม้ไฟบนฟ้าเงียบๆ
ดอกไม้แสดงอยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนหยุด จากนั้นหลินฮวงกับน้องๆถึงร้องไห้ออกมา
“สี่ปีก่อน พวกเขาปล่อยการแสดงดอกไม้ไฟที่คล้ายๆกัน”หลินฮวงเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ
“ถูกต้อง ข้าจำได้ชัด มันเป็นอย่างนี้ เราจุดเตาไฟในบ้าน..”หลินซวนพยักหน้า
“ข้าจำได้ว่ามันต่างเล็กน้อย ต้าซวนและข้าวิ่งไปหน้าต่างเพื่อดูดอกไม้ไฟ จากนั้นมันก็เริ่มมีหิมะตก เราจึงวิ่งออกไปด้านอกเพื่อปาหิมะเล่นกัน”หลินซินรำพึง หัวเราะ”ตอนที่เรากลับมาหลังเล่นกันเสร็จ ดอกไม้ไฟก็จบไปนานแล้ว”
หลินซวนหัวเราะเบาๆอย่างเขินอาย แน่นอน เขาจำได้ แต่เขารู้สึกอาย
ทั้งสามคุยกันอย่างเฉยเมยก่อนหลินซวนจะหันมาถามหลินฮวง”เมื่อปีใหม่จบ ท่านจะไปมหาพิภพตอนไหน?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ หลินซินก็เงี่ยหูฟังด้วย
“เราจะอยู่ต่ออีกวัน ในวันที่สาม เราจะกลับไปเมืองจักรพรรดิก่อน ให้ข้าจัดการธุระก่อน จากนั้นเราค่อยไป”หลินฮวงมีแผนการเดินทาง
เมื่อหลินซินได้ยิน นางก็เงียบไป”พี่…ในอนาคต เราจะยังกลับมาโลกกรวดได้ไหม?”
“แน่นอน”หลินฮวงยิ้ม”ถ้าต้องการ พวกเจ้าสามารถกลับมาได้ตามใจชอบ”
“การกลับจากมหาพิภพดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่าย”หลินซินขมวดคิ้วขณะถาม
“ไม่ต้องห่วง ในเมื่อข้าพูดไปแล้ว ข้าก็ต้องทำได้”หลินฮวงหัวเราะและตบไหล่หลินซวน เขาไม่อธิบายเพิ่ม
เมื่อเขาได้ยินหลินฮวงพูดแบบนี้ หลินซวนก็เก็บงำความสงสัยไว้ แต่ก็ไม่ถามต่อ เลือกเชื่อใจหลินฮวงแทน เหนือสิ่งอื่นใด ชายคนนี้สามารถทำหลายสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถบรรลุได้
ตอนที่ 1468
ในวันที่สามของเดือนแรก ในที่สุดวันหิมะตกหนักของเมืองหิมะก็หมดลง เมืองน้ต้อนรับความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ในฤดูหนาว
หลังกินข้าวเช้า สามพี่น้องก็ไม่อู้งานนานเกินไป แต่รีบตรงกลับไปเมืองจักรพรรดิ
เวลาผ่านไปกว่าสองเดือนแล้วระหว่างการรุกรานของนิกายพันงูจนถึงตอนนี้ ตามแผนที่หลินฮวงร่างไว้ มันเกือบถึงเวลาต้องกลับไปมหาพิภพแล้ว
หลังกลับไปศูนย์ใหญ่ขัตติยะ หลินฮวงก็เรียกประชุมทันที
นอกจากคุณฟู่และบางคนที่ยังปิดประตูบ่มเพาะหรือไปสำรวจมิติที่ไม่สามารถติดต่อได้ เทพเสมือนทั้งหมดต่างมาภายในครึ่งชั่วโมง
แม้ว่าหวงเทียนฟู่จะไม่ให้เหตุผลสำหรับการเรียกรวมตัวทุกคน แต่ทุกคนก็เดาได้ว่าจักรพรรดิคงกำลังจะกลับไปมหาพิภพ ครั้งนี้ ตอนหลินฮวงออกเดินทาง มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลับมาโลกกรวดภายในหนึ่งปี เขาอาจหายไปตลอดกาล
หลินฮวงมาถึงในเวลาเก้าโมงเช้า
ทุกคนในห้องประชุมต่างลุกขึ้นยืน
หลินฮวงกวาดตามองทั่ว ด้วยการพยักหน้าเล็กน้อยให้ทุกคน เขาเริ่มพูด
“เชิญนั่ง”
หลินฮวงพูดต่อหลังเห็นว่าทุกคนนั่งลงแล้ว
“ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าคงพอเดาจุดประสงค์ของข้ากันได้แล้ว..ภัยคุกคามของโลกกรวดได้รับการแก้ไขชั่วคราว และวันหยุดของข้าก็แทบหมดลงแล้ว แต่ทว่า ก่อนข้าจะกลับไปมหาพิภพ ข้าอยากพูดถึงแผนของข้าสำหรับขัตติยะในอนาคต”
“อย่างแรก ข้าหวังว่าขัตติยะจะรักษาความเป็นกลางต่อไป ในเมื่อรากฐานขัตติยะคือองค์กรมืด มันก็คงดูเกินจริงไปหน่อยที่จะให้ทุกคนเปลี่ยนตัวเอง กลายเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ข้าไม่อยากเห็นพวกเจ้ากลับสู่ฝ่ายมืด แค่รักษาความเป็นกลางเอาไว้ก็พอ ไม่เอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถ้าพวกเจ้ารู้สึกว่าสิ่งนั้นถูกต้อง ก็ทำซะ ถ้าคิดว่ามันไม่ถูก งั้นก็อย่าทำ ไม่จำเป็นต้องคิดตามใคร…”
“ประเด็นต่อไปของข้าอาจเป็นสิ่งทุกคนควรให้ความสนใจเพิ่ม สิ่งที่ข้าอยากพูดคือข้าจะมอบอำนาจเข้าถึงราชันย์ให้ขัตติยะ ข้าจะไม่ลบการลงทะเบียนของพวกเจ้าออกจากราชันย์ ด้วยความที่ข้ามีที่ว่างมากมายสำหรับองค์กรพันธมิตรภายใต้ราชันย์ และตัวข้าก็ไม่ชอบสร้างองค์กรให้เยอะมากนัก ที่ว่างเหล่านี้จึงอาจถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน”
“หวงเทียนฟู่จะยังรับผิดชอบเรื่องนี้เหมือนเดิม อู่หนานกับตู้ฟู่จะช่วยจัดการสิ่งต่างๆ”
เมื่อพวกเขาได้ยิน พวกหวงเทียนฟู่ก็ถอนหายใจโล่งอก สิ่งที่พวกเขากังวลสุดคือการจากไปของหลินฮวง เพราะนั่นจะเป็นสัญญาณถึงการยุติความสัมพันธ์กับราชันย์ ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเขาจะถูกปฏิเสธการเข้าถึงต่อราชันย์
การเสียการคุ้มครองของหลินฮวงหมายความว่าขัตติยะมีเพียงสองเนทาง แยกตัวออกจากราชันย์ คืนทรัพยากรทั้งหมดที่ได้รับมาหรือกลายเป็นองค์กรพันธมิตรไร้ผู้นำที่อยู่ภายใต้ทรัพยากรต่ำสุด แถม พวกเขายังมีระยะเวลาจำกัดโดยต้องเลือกกลายเป็นขี้ข้าของสมาชิกราชันย์คนอื่น ถ้าพวกเขายืดเวลาเกินไปกว่านี้ ขัตติยะกับสมาชิกมันจะถือเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของราชันย์
“ประเด็นสามคือในอนาคต ข้าหวังว่าขัตติยะจะกลายเป็นฐานฝึกฝนเพื่อเลี้ยงดูคนมีพรสวรรค์ ข้าจะสร้างองค์กรข้าเองในมหาพิภพ และข้าจะขอให้ขัตติยะส่งคนมีความสามารถมาหาข้า แน่นอน มาตรฐานขององค์กรนี้ย่อมสูงกว่า ระดับพลังต่ำสุดจะเป็นเทพเสมือน ในอนาคต มาตรฐานเหล่านี้อาจสูงขึ้น”
เมื่อพวกเขาได้ยิน ดวงตาของใครหลายคนก็สว่างขึ้น
ในฐานะองค์กรพันธมิตรของราชันย์ สมาชิกขัตติยะทุกคนต่างหวังว่าจะได้กลายเป็นสมาชิกของราชันย์จริงๆเข้าในสักวัน แต่ทว่า กระบวนการคัดเลือกของราชันย์ยากมาก ไม่มีใครในขัตติยะเคยผ่านเลย
ถ้าพวกเขาเข้าร่วมองค์กรของหลินฮวง มันก็จะง่ายกว่ามาก
คนส่วนใหญ่ได้เห็นความสามารถของหลินฮวงมาแล้วตอนอยู่ในขอบเหวนรก หวงเทียนฟู่กับบางคนตระหนักดีว่าผู้บ่มเพาะดาบระดับเทพแท้จริงนับร้อยไม่ใช่กำลังเสริมจากมหาพิภพ แต่ข้าทาสดาบของหลินฮวง
นี่เป็นการบอกว่าองค์กรที่หลินฮวงกำลังจะสร้างในอนาคตมีผู้พิทักษ์ระดับเทพแท้จริงนับร้อย นอกจากนี้ ด้วยตัวหลินฮวงเอง การพัฒนาองค์กรเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่หวงเทียนฟู่กับคนอื่นใฝ่ฝันจะเข้าร่วม
แม้แต่คนที่ไม่รู้เกี่ยวกับทาสดาบก็ยังหวังเข้าร่วมด้วย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาได้เห็นตอนหลินฮวงปกครองขัตติยะ และพัฒนามันจนเป็นหนึ่งในหกองค์กรยักษ์ใหญ่
“สี่-ถ้าเป็นไปได้ อย่าเผยความสัมพันธ์ของขัตติยะกับผู้ปลดปล่อย ถึงแม้รัฐบาลกลางกับองค์กรอื่นจะสังเกตเห็นแล้วก็ตาม เว้นแต่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย อย่าเผยมันออกมา”
“ห้าคือข้าหวังว่าจะเป็นขัตติยะพัฒนาอย่างสงบสุข ในเมื่อพวกเจ้าเข้าถึงราชันย์ได้แล้ว พวกเจ้าก็ไม่ขาดทรัพยากรอีก การต่อสู้กันในเรื่องดังกล่าวคงลดลงมาก นอกจากนี้ กฏของโลกยังฟื้นฟู่แล้ว อีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า อัจฉริยะจะถือกำเนิดขึ้นมากมาย นี่จะเป็นช่วงที่ทุกคนได้เห็นความก้าวหน้าของโลกเรามากขึ้น ถ้าไม่จำเป็น อย่าทำให้ไฟลุกลาม”
“แน่นอน การอย่าทำให้ไฟลุกลามอาจฟังดูเป็นการเยาะเย้ยข้า เนื่องจากโดดเด่นมากเกินไป”
การประชุมดำเนินต่อไปนานกว่าชั่วโมง หลินฮวงได้หยิบยกมาเป็นสิบประเด็นและทุกคนก็ฟังอย่างตั้งใจ
“นั่นคือความความหวังทั้งหมดของข้า หลังจากวันนี้ไป ข้าจะไม่ดำรงตำแหน่งจักรพรรดิอีกต่อไป เส้นทางในอนาคตของพวกเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้าอีกแล้ว…”
เมื่อหลินฮวงพูดจบ เขาก็หยิบเอามงกุฏจักรพรรดิ กระบี่จักรพรรดิ และชุดคลุมมังกรออกมา วางบนโต๊ะประชุม
“ฝ่าบาท ไม่ว่าท่านจะเต็มใจยอมรับมันหรือไม่ แต่ท่านก็ยังเป็นจักรพรรดิของเราไปตลอด!”หวงเทียนฟู่พูดคนแรก
“เทียนฟู่พูดถูกแล้ว!นอกจากนี้ ตามกฏของราชันย์ ตราบเท่าที่ขัตติยะยังอยู่ภายใต้ชื่อท่าน ท่านจะเป็นจักรพรรดิของเราตลอดไป!”หวงตู้ฟู้รีบยืนขึ้น
หลินฮวงอดแกล้งพวกเขาไม่ได้”งั้น ตู้ฟู้ ความหมายของเจ้าก็คือ เจ้ายังอยากให้ข้าตัดความสัมพันธ์กับราชันย์งั้นเหรอ?”
ทุกคนหลั่งเหงื่อเย็น แม้แต่หวงเทียนฟู้ที่สงบมาตลอดก็ยังสีหน้าบิดเบี้ยว
“นั่นไม่ใช่..”หวงตู้ฟู้รีบโบกมือ
“ฝ่าบาท ข้ารู้สึกว่าท่านไม่จำเป็นต้องถอนตัวจากตำแหน่งจักรพรรดิเลย ท่านยังบอกว่าในอนาคต ท่านหวังว่าขัตติยะจะกลายเป็นฐานของท่านเพื่อฝึกคนมีพรสวรรค์ ตอนท่านไปมหาพิภพ ต่อให้เราจะไม่สามารถรับใช้ท่านตรงๆได้ อย่างน้อยเราก็สามารถทำอะไรในนามท่านได้ เรายังหวังว่าขัตติยะจะคงฐานฝึกท่านไว้และรักษาความสัมพันธ์เรา”หวงอู่หนานพูดขึ้นเพื่อหยุดหลินฮวง
หลังถูกทุกคนห้ามปราม ในที่สุดหลินฮวงก็ยอมแพ้ แต่ไม่ได้นำของบนโต๊ะประชุมกลับคืน
“งั้นก็ได้ ข้าจะเป็นจักรพรรดิต่อ แต่ข้าจะไม่เก็บอุปกรณ์นี้ไว้อีก ด้วยความสามารถข้า ข้าไม่ต้องการพวกมันแล้ว”
หลังพยายามโน้มน้าวหลินฮวงอย่างยากลำบาก ทุกคนก็ถอนหายใจโล่งอก
ตอนนี้ หวงอู่จื่อที่มาถึงห้องประชุมเป็นคนแรกและไม่ได้พูดอะไรเลยกลับยืนขึ้น
“ฝ่าบาท ข้าอยากเข้าร่วมองค์กรท่านและไปมหาพิภพกับท่าน!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น