Monster Paradise 1458-1459

ตอนที่ 1458

 

หลินฮวงไม่ให้หลินซินรู้เกี่ยวกับบทสนทนาของเขากับหัวใจจักรพรรดิ


 


ตลอดทั้งวันหลังจากนั้น สองพี่น้องก็เดินไปรอบเมืองหวู่หลิน ทบทวนความทรงจำวัยเด็ก


พวกเขาเดินไปตามเส้นทางเดิมที่เคยเดิน ไปสถาบันสำรองที่เคยเรียน มองร้านสะดวกซื้อใกล้สถาบัน และไปเยือนบ้านที่เปลี่ยนเจ้าของไปแล้ว…


พี่น้องเดินเล่นจนกระทั่งไฟถนนเปิด ก่อนหยุดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวใกล้บ้าน


ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สองพี่น้องเคยมาอุดหนุนบ่อยๆ


 


เจ้าของยังเป็นชายชราคนเดิมจากห้าปีก่อน เทียบกับห้าปีก่อน ผมเขาน้อยลงมาก แถมยังขาวขึ้นด้วย


ธุรกิจของร้านขนาดเล็กเรื่อยๆ มีลูกค้าแค่สองโต๊ะเท่านั้น หลินฮวงและหลินซินหาโต๊ะว่างและรีบสั่งอาหาร


 


“ลุงหลิว ขอก๋วยเตี๋ยวเนื้อสองชาม ขอเพิ่มเนื้อด้วยนะครับ”


“ได้เลย นั่งรอกันสักพักนะ”ชายชราทักทายทั้งคู่และรีบทำอาหาร เห็นได้ชัดว่าจำทั้คู่ไม่ได้


หลังจากนั้น ก๋วยเตี๋ยวก็พร้อม เมื่อลุงหลิวเดินมาที่โต๊ะเพื่อเสิร์ฟ เขาก็เพ่งมองหน้าทั้งคู่และก็อดพิจารณาไม่ได้


วินาทีต่อมา เขาก็อดถามหลินฮวงไม่ได้”พ่อหนุ่ม ทำไมหน้าตาเจ้าถึงคุ้นนัก?”


“ลุงหลิว ข้าเองหลินฮวง”หลินฮวงตอบด้วยรอยยิ้ม


 


จากนั้นลุงหลิวถึงตระหนัก”อ่า…เจ้าโตขึ้นมากขนาดนี้เชียว?ข้ายังจำต้องเจ้าตัวผอมเล็กได้อยู่เลย ตอนนี้เจ้าสูงถึงขนาดนี้แล้ว?”


“ข้าจำได้ว่าเจ้ามีน้องสาวชื่อ….หลินซินนี่?”ลุงหลิวยังจำหลินซินที่ดูโตขึ้นจากเด็กสาวตัวน้อยไม่ได้


 


“นางคือผู้หญิงข้างข้านี่เอง”หลินฮวงตอบ


 


“หลินซิน?!”ดวงตาของลุงหลิวเบิกกว้าง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ”ตอนนั้นเจ้าเป็นแค่พุดดิ้งตัวน้อย แต่เจ้ากลับโตขึ้นขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ เจ้าโตเป็นสาวแล้ว!แถมยังสวยซะด้วย!”


 


หลินซินหน้าแดงเล็กน้อย เขินกับคำชม


 


“ข้าไม่เห็นพวกเจ้ามาหลายปีแล้ว ครอบครัวพวกเจ้าย้ายไปไหนกัน?”“ลุงหลิวถาม


 


“เราอยู่ในเมืองจักรพรรดิ”หลินฮวงตอบด้วยรอยยิ้ม”เราถือโอกาสกลับมาเที่ยวตอนวันหยุดนะ”


“โอ้ เมืองจักรพรรดิ มันไกลไหม?”ลุงหลิวไม่รู้ว่าเมืองจักรพรรดิอยู่ไหน


 


ผู้บ่มเพาะทุกคนอาจรู้จักเมืองจักรพรรดิ แต่สำหรับประชากรทั่วไป มันเป็นปกติที่พวกเขาจะไม่เคยได้ยินชื่อมัน


 


“มันก็ไกลพอสมควร”หลินฮวงยิ้ม


“งั้นก็ขอให้มีความสุขกับวันหยุดนะ”ลุงหลิวตบไหล่หลินฮวง”ในเมื่อมันเป็นโอกาสหายากที่พวกเจ้าสองคนได้กลับมา วันนี้ข้าขอเลี้ยงพวกเจ้าเอง!”


 


“ลุงหลิว ลุงไม่ต้องทำแบบนั้นหรอก ถ้าลุงทำแบบนั้น เราคงไม่กล้ากลับมาที่นี่และกินอีกครั้งหน้า”หลังพูดอย่างนั้น

หลินฮวงก็รีบจ่ายเงินก่อนจะกินต่อ


 


ลุงหลิวคุยกับหลินฮวงสักพัก จากไปเมื่อลูกค้าใหม่มาถึง


หลังกินเสร็จ สองพี่น้องก็กล่าวอำลาลุงหลิวก่อนกลับไปบ้านที่พวกเขาเคยอาศัยตอนเด็ก


 


“น้องอยากอยู่ที่นี่สักคืนไหม?หรือเราควรตรงไปจุดหมายต่อไปดี?”เมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตู หลินฮวงก็หันไปมองหลินซิน


“มาจัดบ้านให้เรียนร้อยและอยู่กันสักคืนเถอะพี่”ความคิดถึงฉายผ่านตาของหลินซิน


 


“เราไม่ต้องทำให้ลำบาก แค่ตั้งเต็นท์และนอนในสวนเล็กๆบนชั้นสามกัน”หลินฮวงเสนอ


 


“ตกลง!”หลินซินเห็นด้วยทันที


พวกเขาสองคนเข้าบ้าน ตรงไปชั้นสามทันที


เมื่อเห็นเถาวัลย์และพืชพันธุ์ที่ปกคลุมทั่วชั้น หลินฮวงก็เอื้อมมือออกไป กดมันเข้ากับกำแพง พืชทั้งหมดเริ่มขยับเหมือนสิ่งมีชีวิต ทำให้พื้นที่ส่วนกลางของสวนปลอดโปร่ง


 


หลินซินทึ่งและถาม”นี่คือความสามารถแบบไหนกัน?”


“กฏวิญญาณพืช สรุปสั้นๆ มันคือพลังกฏเกณฑ์ที่สามารถควบคุมชีวิตของพืชได้”สิ่งที่หลินฮวงไม่บอกนางคือมีความเป็นไปได้ที่พลังประเภทนี้จะทำให้เกิดผลกระทบที่จะปลุกจิตวิญญาณของพืชธรรมดาขึ้น ช่วยให้พวกมันได้รับสติปัญญา


“ข้าสามารถเรียนมันได้ไหม?”หลินซินสนใจมาก


“เจ้าสามารถ ข้าจะสอนเจ้าเมื่อมีเวลา”หลินฮวงตอบสนองอย่างรวดเร็ว


 


ทั้งสองรีบตั้งเต็นท์ นั่งด้านนอก จุดกองไฟ มองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาว


แสงไฟเกือบทั้งหมดในเมืองดับก่อนทั้งสองจะเข้าเต็นท์นอน


….


เช้าวันต่อมา หลังหลินซินไปชั้นสองเพื่ออาบน้ำ หลินฮวงก็ออกจากเต็นท์ เดินตรงไปมุมหนึ่งของสวน


มุมนั้นมีกระถางต้นไม้แตกซึ่งมีต้นไม้เล็กๆงอกอยู่ในนั้น


เมื่อตระหนักว่าหลินฮวงมา ใบไม้และกิ่งก้านของต้นไม้น้อยก็เริ่มสั่น


หลังหลินฮวงใช้กฏวิญญาณพืชเมื่อวาน เขาก็สังเกตทันทีว่าวิญญาณของต้นไม้น้อยตื่นขึ้นแล้วและมันก็ได้รับสติปัญญา


เมื่อเดินไปที่ต้นไม้น้อย  หลินฮวงก็เอื้อมไปหาลำต้นมัน จับมัน ส่งพลังเทวะไป


ต้นไม้น้อยเริ่มเติบโตอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา มันก็เปลี่ยนจากความหนาสองนิ้วเป็นความหนาของถังน้ำ ทำให้กระถางแตกเป็นเสี่ยงๆ


 


“เอาละ หลังจากข้าไม่อยู่ก็ค่อยๆเติบโตเอาละ”หลินฮวงตบลำต้นไม้เบาๆ


 


ต้นไม้ ซึ่งสูง 20-30 เมตรแล้วเขย่าลำต้นมันเล็กน้อยและโมเมนตัมการเติบโตมันก็ช้าลง


 


“ในเมื่อวิญญาณเจ้าตื่นแล้ว นั่นก็เป็นความโชคดีของเจ้า”หลินฮวงพูด”ข้าไม่มีคำขออื่น การปกป้องเมืองนี้ก็พอแล้ว”


 


หลังหลินฮวงพูดจบ เขาก็ยื่นนิ้วออกไป ส่งภาพจำแลงที่เรียกว่า ฟ้าสูงจากสารานุกรมวิญญาณแท้จริงให้มัน


 


ต้นไม้สั่นเล็กน้อย จากนั้นก็คำนับให้หลินฮวง ใบไม้สีเขียวสว่างมันร่วงลงพื้น


หลินฮวงไม่พูดอะไรอีก เขาหันไปเก็บเต็นท์ ดับกองไฟ ลงไปชั้นล่าง


 


หลังเขาลงไป ขนาดของต้นไม้ก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ความเร็วก็ช้าลงกว่าเดิมมาก


 


“น้องอยากไปไหนต่อ?”เมื่อเขาลงไปชั้นสอง หลินฮวงก็ถามหลินซินหลังเห็นว่านางอาบน้ำเสร็จแล้ว


 


“ข้าจะไปเมืองหลวงขาวขจี”หลินซินคิดสักพักก่อนให้คำตอบที่ไม่ทำให้หลินฮวงแปลกใจ”ข้าอยากกลับไปสถาบันนักล่ายุทธ์”


 


ในความเป็นจริง ตอนหลินิซินอยากกลับมาเมืองหวู่หลิน หลินฮวงก็ได้เดาไว้แล้วว่าจุดหมายต่อไปของนางต้องเป็นเมืองหลวงขาวขจีแน่


 


เมืองหวู่หลินมีความทรงจำวัยเด็กของพวกเขาทั้งคู่ ขณะที่เมืองหลวงขาวขจีคือที่ที่พวกเขาโต


 


หลินฮวงกลายเป็นอาจารย์ให้คนอื่นเป็นครั้งแรกในสถาบันนักล่ายุทธ์ ขณะที่หลินซินได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการบนเส้นทางบ่มเพาะในฐานะนักเรียน นางยังใช้ชีวิตที่เมืองนั้นถึงสองปี


 


“ตกลง”หลินฮวงเห็นด้วยทันที”เราสามารถอยู่ในเมืองหลวงขาวขจีได้สักพัก นอกจากสถาบันนักล่ายุทธ์ มีหลายที่ให้ไปเยือนในเมืองหลวงขาวขจี และก็มีอาหารดีๆและสถานบันเทิงมากมาย ถ้าเพื่อนของน้องยังอยู่ในเมืองหลวงขาวขจี น้องก็ชวนพวกเขามากินข้าวหรืออะไรก็ได้”


 


“งั้นเราจะอยู่กันสักสองสามวันเลย”เมื่อนางดยินว่าหลินฮวงพูดถึงเพื่อนนาง อารมณ์ของหลินซินก็สลดลง


 


นางเลือกไปหาเพื่อนนางเพราะนางรู้ว่าหลินฮวงกำลังจะพานางออกโลกกรวดไปด้วย นางไม่รู้ว่าจะได้กลับมาตอนไหน ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับมาอีกหรือเปล่า


 


‘บางทีนี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน’หลินซินพูดในใจ 

 

 


ตอนที่ 1459

 

เมืองหลวงของเขต 7 หรือเลขรหัส 7A1 คือสถานที่ที่รุ่งเรืองสุดในเขต 7


 


เมื่อกลับมาเมืองหลวงขาวขจี หลินฮวงกับหลินซินก็พบโรงแรมใกล้กับสถาบันนักล่ายุทธ์ให้อยู่


 


หลังเช็คอินน ไม่มีใครกลับไปห้อง ทั้งคู่กลับตรงไปสถาบันนักล่ายุทธ์


 


สถาบันนักล่ายุทธ์เปิดแบบสาธารณะ ในความมเป็นจริง สถาบันส่วนใหญ่ในเมืองหลวงขาวขจีก็ด้วย


 


เหนือสิ่งอื่นใด เนื่องจากเมืองหลวงขาวขจีคือเมืองหลวงของเขต 7 มันจึงได้รับการคุ้มครองโดยกึ่งเทพ ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับสถาบันอย่างสถาบันนักล่ายุทธ์ที่มีผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการเป็นผู้หลุดพ้น ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาที่นั่น


 


เมื่อสมาชิกนักบุญขององค์กรมืดชั้นนำโจมตีนักเรียนของสถาบันนักล่ายุทธ์ แม้กระทั่งพวกเขาก็ไม่กล้าบุกเข้าเมืองหลวงขาวขจีตรงๆ


 


แต่ทว่า เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ทางเข้าสถาบัน หลินฮวงก็ต้องแปลกใจ


 


“คุณหลิน?!”


 


หลินฮวงจำได้เช่นกันว่าเขาคือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทำงานมาสี่ปีก่อน


 


แม้จะมีผมขาวบนหัวมากว่าเดิม หน้าตาเขาก็ไม่เปลี่ยนไปมาก


 


หลินฮวงสามารถจำได้เพราะตอนเขาคุยกับยามคนนี้ ลุงคนนี้เคยพูดว่าลูกเขาคือหนึ่งในนักเรียนของชั้นเรียนหลินฮวง


 


สิ่งเดียวที่หลินฮวงจำไม่ได้คือตัวตนของลูกชายลุงยาม


 


หลังคุยกันเล็กน้อย หลินฮวงกับหลินซินก็เดินเข้าสถาบันไป


 


หลังทั้งสองเดินไปห่างพอสมควร หลินซินก็อดบ่นไม่ได้”พี่อยู่ในสถาบันแค่ครึ่งปี ส่วนข้าอยู่ถึงสองปี แต่ลุงยามกลับจำพี่ได้คนเดียว?”


 


“พี่คงหน้าตาดีเกิน”หลินฮวงพูดเล่น


 


หลินซินอดกลอกตาไม่ได้


 


หลินฮวงจึงอธิบาย”ลุงยามคนนั้นเป็นพ่อของหนึ่งในลูกศิษย์พี่”


 


“โอ้ เข้าใจแล้ว”คำอธิบายนี้ทำให้หลินซินโล่งใจ


 


ยังไงซะ จำนวนนักเรียนที่ลงทะเบียนสถาบันนักล่ายุทธ์ก็มีมากประมาณแสนห้าหมื่นคน มีนักเรียนจบการศึกษาหมื่นคนทุกปี ขณะที่จะมีนักเรียนใหม่เข้ามาอีกหมื่นคน มันเป็นปกติที่ยามจะจำได้ไม่หมด ในทางกลับกัน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะจำครูของลูกชายได้


 


ทั้งสามเดินไปบนทางหลัก ผ่านหอพักและโรงอาหารสองแห่ง จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายที่โรงอาหาร เห็นการสอนแสนคุ้นเคยตรงข้ามสนามกีฬา


 


หลังกลับมาสถานที่นี้ในสามปีต่อา หลินฮวงก็รู้สึกคิดถึงแปลกๆ


ไม่เพียงสถานที่นี้จะเป็นที่ที่เขากลายเป็นอาจารย์ แต่มันยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเก็บเกี่ยวความรู้


 


ในความเป็นจริง มันต้องขอบคุณหอสมุดที่นี่เขาถึงมีความรู้รอบด้านของโลกกรวด รวมถึงการพบว่าเขาอยู่ในโลกแบบไหน


 


หลินซินเก็บงำความรู้สึกลึกซึ้งเอาไว้ นางศึกษาที่นี่มาปีครึ่ง ใช้นามสมมติว่าหลิงเยวี่ย หลังจากนั้น นางก็อยู่ในฐานะอาจารย์ครึ่งปี โดยรวม นางอยู่ที่นี่สองปี


จำนวนเวลาที่นางใช้ในเมืองหลวงขาวขจีไม่เพียงจะสูงกว่าเมืองหิมะ แต่แม้กระทั่งเมืองจักรพรรดิด้วย นอกจากเมืองหวู่หลิน สามารถพูดได้ว่านางผูกพันกับที่นี่สุด


 


ยิ่งไปกว่านั้น นางยังมีเพื่อนสนิทหลายคนที่สถาบันนักล่ายุทธ์ รวมถึงกลุ่มนักเรียนที่นางมีความสัมพันธ์ดีด้วย


 


สถาบันนักล่ายุทธ์คือหนึ่งในสถานที่ที่นางชื่นชอบสุด


 


“ข้าไม่ได้กลับมาถึงสองปี นักเรียนในปีของข้าควรจบการศึกษาแล้ว”หลินซินอดถอนหายใจไม่ได้”แม้กระทั่งลูกศิษย์ข้าก็ควรเรียนจบกันแล้ว”


 


ตามระยะเวลาการศึกษาสามปีของระบบการศึกษา นักเรียนส่วนใหญ่ที่สถาบันนักล่ายุทธ์จะจบการศึกษาที่สิ้นปีสาม อย่างไรก็ตาม มักมีนักเรียนจำนวนหนึ่งที่ต้องเรียนซ้ำอีกปี มันผ่านมากว่าสี่ปีแล้วตั้งแต่หลินซินลงทะเบียน แม้ว่านางจะต้องเรียนซ้ำปีหนึ่ง พวกเพื่อนนางก็คงจบกันไปแล้ว ย้อนกลับไปวันนั้น หลินซินอยู่ในห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในเต๋าดาบ โอกาสที่จะต้องเรียนซ้ำปีจากห้องนั้นไม่สูงมาก


 


ขณะสองพี่น้องยืนอยู่ตรงหน้าสถานที่เรียนในอดีต เด็กสาวที่เดินก็พบทั้งคู่ นางตัวแข็งไปสักพักก่อนรีบเดินมา


 


“รุ่นพี่หลิง!”ก่อนนางจะได้เข้าใกล้ เด็กสาวก็ร้องตะโกนเสียงดัง โบกมือให้หลินซิน


 


หลินฮวงหันไปมองทางนั้น เด็กสาวตัวไม่สูง สูงแค่ประมาณ 160 เซนติเมตร ไว้ผมทรงแกะ จากอายุ นางดูเหมือนจะยังเป็นนักเรียน


 


“เจ้า..หยางชาน?!”หลินซินจำอีกฝ่ายได้


 


“รุ่นพี่หลิน เป็นรุ่นพี่จริงๆ?!”เมื่อนางได้ยินคำตอบกลับ เด็กสาวผมแกะก็รีบวิ่งมา เมื่อนางอยู่ตรงหน้าทั้งคู่ นางก็คว้าสองมือของหลินซิน ใบหน้านางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น


 


“หยางชาน ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องจบการศึกษาตอนเดือน 7 หรือ?ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่?”หลินซินอดถามไม่ได้


“ตอนนี้ข้าเป็นอาจารย์ของปี1 ห้อง11 แผนกอาวุธปืน”เด็กสาวผมแกะฉีกยิ้ม


 


“ยินดีด้วยนะ!’หลินซินมีความสุข


 


เด็กสาวผมแกะไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นของหลินซิน แต่เป็นนักเรียนของนาง นอกจากนี้ยังเป็นนักเรียนคนแรกที่สร้างปัญหาให้กับหลินซินในช่วงการสอนครั้งแรก แต่ทว่า หลินซินก็ตอบโต้ด้วยการพานักเรียนไปสนามยิงปืน หลังการสาธิต นางก็สามารถโน้มน้าวนักเรียนทั้งหมดได้ และหยางชานก็กลายเป็นแฟนคลับของนางตั้งแต่นั้น


 


ในเวลาหกเดือนที่หลินซินสอน ไม่มีใครเต็มใจเรียกนางว่า’อาจารย์’เพราะนางเด็กเกิน ภายใต้การยุยงของหยางชาน ทุกคนจึงเรียกนางว่ารุ่นพี่หลิงแทน


ตอนแรก หลินซินประท้วงหลายครั้งก่อนยอมแพ้


 


“และคนคนนี้ข้างรุ่นพี่ก็คือ…แฟนงั้นเหรอคะ?”หยางชานถามด้วยสีหน้าไร้เดียงสาและรอยยิ้มล้อเลียน


“พี่ชายข้าเอง”หลินซินตอบ


 


“อ้า เข้าใจแล้ว”หยางชานตอบ ดูผิดหวัง”งั้นที่พี่กลับมาครั้งนี้เพราะ..”


“ข้าหยุดพักและตัดสินใจใช้เวลาว่างมาเยี่ยมเยือน”หลินซินยิ้ม


 


ทั้งสองคุยกันจนกระทั่งระฆังโรงเรียนดัง จากนั้นหยางชานถึงรีบอำลาและไปสอนต่อ


 


“คนคนนั้นเป็นนักเรียนของน้อง?”หลินฮวงยิ้ม


 


“ใช่แล้ว นางเป็นคนแรกที่กังขาข้า”หลินซินหัวเราะ”นางบอกว่าข้าเพิ่งเรียนจบและไม่มีประสบการณ์การสอน และข้าก็ยังไม่จบจากแผนกอาวุธปืน ดังนั้นนางจึงตั้งคำถาม”


 


“แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อ?”หลินฮวงอยากรู้


 


“จากนั้น ข้าก็พาพวกนักเรียนไปสนามยิงปืน..”หลินซินเลิกคิ้ว พูดไม่จบเพราะไม่ต้องอธิบายต่อ


 


“ไม่เลว สมกับเป็นน้องของพี่”หลินฮวงยกนิ้วโป้ง


 


“ฮี่ ข้าได้รับการยอมรับจากทุกคนตั้งแต่วันแรกที่ทำงาน”หลินซินแซวเขา”ไม่เหมือนบางคนที่นักเรียนต้องวิ่งไปฝ่ายบริหารเพื่อยื่นเรื่องร้องเรียน และยังชนะรางวัลอาจารย์ที่ได้รับความนิยมน้อยสุด!”


 


“แต่หลังจากนั้นพี่ก็ได้รับความนิยมมาก พี่จะบอกให้ นักเรียนต่างอ้อนวอนไม่ให้พี่ลาออก”ปากหลินฮวงกระตุก


 


อดีตยังเป็นเรื่องสดใหม่ในหัวพวกเขา ภาพต่างๆยังคงปรากฏ


 


หลังเดินเล่นรอบสถาบัน พวกเขาก็กลับไปที่พักของอาจารย์ในตอนท้าย


หลินฮวงกับหลินซินเคยพักที่นี่ อาคารสามชั้น


 


สองพี่น้องเฝ้ามองจากระยะไกลแต่ไม่เข้าใกล้


เมื่อพวกเขาออกจากสถาบันนักล่ายุทธ์ มันก็บ่ายแล้ว….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)