Monster Paradise 1426-1435

 ตอนที่ 1426

 

พันธมิตรดาบ

ผู้รุกรานระลอก11มาถึง ระดับพลังพวกมันเป็นเทพเสมือนขั้น8แล้วแม้จำนวนจะยังเป็นแค่30ต่อหนึ่งอุโมงค์มิติ


มอนสเตอร์อัญเชิญตัวอื่นเริ่มมาถึงขีดจำกัดของพวกมัน ยกเว้นก็แต่กู่หรง ไป่และตัวตลก


ด้วยระดับพลังพวกมันที่เป็นเทพเสมือนขั้น9 ชาโคลกับไทแรนด์จึงไม่มีปัญหาอะไรกับมอนสเตอร์ระดับเทพเสมือนขั้น8 แต่ทว่า มันก็ยังยากเล็กน้อยสำหรับพวกมันที่จะทำการสังหารทันทีเนื่องจากความแตกต่างพลังแค่ขั้นเดียว


ในการจัดการกับผู้รุกรานระลอกนี้ ความเร็วการฆ่าโดยรวมของมอนสเตอร์อัญเชิญยังช้าลงมาก ในระลอกก่อนหน้า แลนเซล็อตและตัวอื่นกำจัดศัตรูได้ในเวลาไม่ถึงสองวินาที แต่ทว่า ในระลอกนี้ หลินฮวงเดาว่าพวกมันคงต้องใช้เวลากันไม่ต่ำกว่า7วินาที


คุณฟู่และเหล่าทาสดาบต่างสังเกตเห็นความผิดปกติ


คิ้วของคุณฟู่ขมวดเล็กน้อย เขารู้ว่าความสามารถเขาด้อยกว่าแลนเซล็อตและตัวอื่นซะอีก ต่อให้เขาร่วมสู้ เขาก็ไม่มีทางสร้างผลลัพธ์ที่ดีกว่าได้


 


“ท่านจอมดาบ ท่านอยากให้เราลงมือเลยไหมขอรับ?”ดาบ101ถาม


“ไม่จำเป็น”วินาทีที่คำพูดของหลินฮวงหลุดออกจากปาก แสงสีแดงเลือดประมาณสิบก็พุ่งออกจากแขนเสื้อเขาเหมือนสายฟ้าฟาด


พวกมันคืออาวุธพลังจิตที่วิวัฒนาการจากอาวุธเซียนเมื่อไม่นานมานี้ ระดับของพวกมันคล้ายกับสมบัติกฎเทพ


ในความเป็นจริง อาวุธเซียนนั้นไม่ได้ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหลินฮวง แต่เป็นภายในตัวเขา หลินฮวงแค่ชินกับการปล่อยมีดบินพลังจิตจากแขนเสื้อ


 


แสงสีแดงแหวกผ่านท้องฟ้าเหมือนสายฟ้า กวาดเข้าบริเวณสนามรบที่ไป่กับตัวอื่นอยู่ ก่อนที่ทุกคนจะได้ตอบสนอง แสงสีแดงก็เจาะผ่านร่างของผู้รุกรานทีละตัวง่ายๆ


ในเวลาแค่ครึ่งวินาที มอนสเตอร์ระดับเทพเสมือนขั้น8เกือบครึ่งก็ตายกันหมด เหลือไว้ไม่ถึงร้อยให้พวกแลนเซล็อตฝึกฝน


หลังแสงสีแดงพุ่งออกไปและฆ่าเป้าหมาย พวกมันก็บินกลับมา หายไปในแขนเสื้อหลินฮวง


แม้เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นเร็วมาก แต่เหล่าเทพเสมือนก็ยังเห็นทุกอย่าง


 


“นั่นเป็นฝีมือของหลินฮวง?!”

“แสงสีแดงนับสิบเหล่านั้นควรเป็นมีดบินพลังจิตใช่ไหม?!”

“ไม่ใช่ว่าเขาเป็นเทพเสมือนขั้น3หรือไง?ทำไมเขาถึงสามารถฆ่าเทพเสมือนขั้น8ได้ง่ายดายเช่นนั้น?เราไม่ได้กำลังพูดถึงเทพเสมือนขั้น8 หนึ่งหรือสองตัว แต่เรากำลังพูดถึงเทพเสมือนขั้น8นับพัน!”


..


สำหรับคนส่วนใหญ่ นี่คือครั้งแรกที่พวกเขาเห็นหลินฮวงลงมือ


แม้กระทั่งตงฟางไป่ กวนจงและทุกคนจากรัฐบาลกลางผู้คาดเดาความสามารถของหลินฮวงไว้แล้วก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อ


 


“ข้ามักคิดเสมอว่าพลังของหลินฮวงมาจากเหล่ามอนสเตอร์อัญเชิญของเขาเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าความสามารถตัวเขาจะน่ากลัวถึงเพียงนี้”


“พอข้าลองมานึกคิดดีๆ ข้อมูลของเขาดูเหมือนจะระบุไว้ด้วยว่าเขาเป็นผู้ใช้พลังจิต แต่ข้าไม่คิดว่าพลังจิตเขาจะทรงพลังขนาดนี้”ตงฟางไป่คร่ำครวญ”การที่สามารถเจาะผ่านร่างของเทพเสมือนขั้น8ได้ง่ายๆ…ข้าเชื่อว่าอาวุธพลังจิตของเขาต้องเทียบได้กับสมบัติกฏเทพเป็นอย่างต่ำ”


“ความสามารถเขาเติบโตขึ้นมากในสองปี”สีหน้าของกวนจงดูซับซ้อน เมื่อเขาสอดแนมตระกูลเว่ยสองปีก่อน กวนจงได้เห็นพลังของหลินฮวงกับตาตัวเอง มันมีเพียงพระเจ้าถึงรู้ว่าหลินฮวงในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าสองปีก่อนมากแค่ไหน


 


แต่ทว่า ยิ่งความสามารถจริงของหลินฮวงสูง รัฐบาลกลางก็ยิ่งกังวลน้อยลง ยิ่งเขาแกร่ง เขาย่อมไม่คิดรั้งอยู่บนโลกกรวดเป็นแน่



อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่รู้ว่าการโจมตีของหลินฮวงครั้งนี้ยังห่างไกลกับความสามารถจริงของเขา


หลินฮวงไม่ได้อัดพลังกฎเทพ การตรัสรู้ธาตุหรือแก่นแท้เต๋าดาบลงในการโจมตีเลย สิ่งเดียวที่หลินฮวงใช้คือพลังเทวะของเทพเสมือนขั้น9เพื่อควบคุมมีดบิน


แต่ทว่า แม้กระทั่งการโจมตีแสนเรียบง่ายแบบนั้นก็ยังพอจะฆ่าเทพเสมือนทั้งหมดที่นี่


คุณฟู่บอกได้ว่าหลินฮวงยังไม่ได้เอาจริง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าใช้พลังไปกี่ส่วน


มีเพียงเหล่าทาสดาบและมอนสเตอร์ของหลินฮวงถึงรู้ว่าหลินฮวงยังไม่ได้ยกนิ้วขึ้นด้วยซ้ำ


สิ่งที่หลินฮวงแสดงออกมาก็แค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง แต่มันก็มากพอจะทำให้ทุกคนตกตะลึงแล้ว


เหล่าคนที่เคยคิดว่าหลินฮวงได้รับตำแหน่งนี้มาเพราะมอนสเตอร์อัญเชิญกลับตระหนักว่าจักรพรรดิผู้นี้จากขัตติยะนั้นทรงพลังกว่าที่พวกเขาคิด


ฝูงชนเริ่มคุยกันอย่างร้อนแรง พยายามเดาว่าความสามารถจริงของหลินฮวงทรงพลังแค่ไหน


ในขณะเดียวกัน หลังเรียกมีดบินเขากลับ หลินฮวงก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า เขาหลับตา ทำสมาธิต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ก่อนการรุกรานระลอก12 กำลังเสริมอีกสองชุดก็มาถึง ส่วนใหญ่คือทาสดาบกว่า56คน


ร่วมกับทาสดาบกว่า70ที่มายังขอบเหวนรกแล้ว จำนวนของทาสดาบรวมจึงมากถึง133 นี่หมายความว่าทาสดาบเกือบครึ่งได้มารวมกันที่นี่แล้ว


ในความเป็นจริง นอกจากรัฐบาลกลาง องค์กรอื่นเองก็เริ่มพบความผิดปกติ


แม้จะไม่มีคลังข้อมูลเหมือนรัฐบาลกลาง องค์กรชั้นนำส่วนใหญ่ก็มีสายข่าวของตนและดังนั้นจึงเข้าถึงข้อมูลของเทพเสมือนส่วนใหญ่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น โลกกรวดเองก็มีเทพเสมือนไม่มาก ดังนั้นพวกเขาจึงเคยพบหน้ากันบ่อย


แต่ทว่า ทาสดาบเหล่านี้กลับแปลกหน้าอย่างยิ่ง พวกเขาไม่เคยพบกับคนใดมาก่อน หากมันแค่คนแปลกหน้าไม่กี่สิบ พวกเขาคงไม่คิดมาก แต่จุดสำคัญคือจำนวนคนจากทางค่ายพันธมิตรดาบนั้นเกินกว่าร้อย ซึ่งจำนวนของเทพเสมือนทั้งหมดในขอบเหวนรกรวมกันแล้วมีเพียง371คน และเหล่าคนจากค่ายพันธมิตรดาบเพียงแห่งเดียวก็มากถึงหนึ่งในสามแล้ว


แม้แต่ผีเสื้อลึกลับ องค์กรที่เชี่ยวชาญการรวบรวมข้อมูลก็ยังมีบันทึกของเทพเสมือนแค่361คนเท่านั้น(มีเทพเสมือนไม่มากก่อนหลินฮวงออกเดินทาง เกือบครึ่งมาจากกึ่งเทพที่เลื่อนเป็นเทพเสมือน) เทพเสมือนที่ถูกบันทึกไว้ในคลังของรัฐบาลกลางยิ่งน้อยกว่า มีเพียง353 ไม่ต้องพูดถึงองค์กรอื่นๆ


อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ จำนวนเทพเสมือนในขอบเหวนรกกลับมากถึง371


ยกเว้นทาสดาบ19คนจากขัตติยะและปผู้ปลดปล่อย มีทาสดาบทั้งหมด114คนรวมกันทางค่ายพันธมิตรดาบ


เมื่อเห็นเทพเสมือนแปลกหน้านับร้อยรวมตัวกันในค่ายแปลกๆ ทุกคนก็เต็มไปด้วยความสงสัย จำนวนของเทพเสมือนเหล่านี้เกือบมากกว่าเทพเสมือนทั้งหมดในรัฐบาลกลางและสมาคมนักล่ารวมกันเสียอีก


หลายองค์กรพยายามหาข้อมูลด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ข้อมูลเดียวที่พวกเขาได้รับก็คือกลุ่มคนนี้เป็นขององค์กรใหม่ชื่อพันธมิตรดาบ


เมื่อพบว่าคนจากรัฐบาลกลางไม่มีปฏิกิริยาอะไร หลายคนก็สันนิษฐานว่าพันธมิตรดาบคงเกี่ยวกับรัฐบาลกลาง หรืออาจเป็นองค์กรลับที่ก่อตั้งโดยรัฐบาลกลาง


มีคนไม่มากที่สังเกตเห็นว่าคนจากพันธมิตรดาบได้ทำท่าทักทายหลินฮวง และพากันเดาว่าพันธมิตรดาบอาจเกี่ยวข้องกับเขา


บางคนยังปล่อยให้จินตนาการวิ่งอย่างบ้าคลั่ง พูดล้อเล่นว่านั่นอาจเป็นกำลังเสริมที่หลินฮวงเรียกมาจากมหาพิภพ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องล้อเล่นนี้คือเรื่องจริง

 

 

 


ตอนที่ 1427

 

นิกายพันงู

มหาพิภพ ในมิติอันเดท


เก้าอี้สีทองหรูหราลอยอยู่กลางอากาศ พนักพิงและที่วางแขนมีลวดลายคล้ายงู บนจุดสูงสุดของพนักพิงถูกแกะสลักด้วยงูจางอางสองหัวกำลังแยกเขี้ยว


คนที่นั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้นี้คือชายผมทอง เขาเพิ่งหยุดเขย่าขาและสีหน้าก็ดูไม่พอใจ


 


“ท่านผู้นำนิกาย การส่งคนผ่านอุโมงค์มิติทั้ง35ของเราล้มเหลวอีกแล้ว”บุคคลสวมชุดขาวหัวงูกล่าวในภาษามนุษย์ขณะตวัดลิ้น


“เป็นไปได้ไหมว่าอุโมงค์มิติจะทำงานผิดพลาด?”หญิงสาวขายาวยืนอยู่ด้านข้าง นางดูอายุประมาณ17หรือ18ปี แวบแรก หน้าตานางดูไม่ต่างจากมนุษย์นัก แต่ทว่า หากให้ดู ดวงตานางจะเป็นแนวตั้งแบบสัตว์เลื้อยคลาน


“นั่นเป็นไปไม่ได้ ต่อให้อุโมงค์มิติมีปัญหา มันก็ต้องไม่ใช่กับทั้ง35พร้อมกัน”ชายผมทองไม่เห็นด้วย


“แต่กฏของโลกกรวดไม่สมบูรณ์!มันเป็นไปได้ยากมากที่เทพเสมือนจะเป็นเทพแท้จริง หากอุโมงค์มิติไม่เกิดปัญหา พวกมันจะสามารถฆ่าเทพเสมือนขั้นสูงมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน?”หญิงสาวขายาวถาม”ยิ่งไปกว่านั้น สี่เดือนก่อน มีสัญยาณว่าพวกมันเพิ่งมีเทพเสมือนเพิ่มขึ้น300คน แต่ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่ามีคนได้เลื่อนเป็นเทพแท้จริงแล้ว”

“หากเป็นแค่ผู้บ่มเพาะของโลกกรวดนั่น พวกมันย่อมไม่สามารถต้านทานเราได้ แต่หากพวกมันมีคนนอกช่วยละ?”ชายผมทองมองหญิงสาวข้างเขา”กฏมิติภายในอุโมงค์มิติ35คงอยู่มาเนิ่นนานจนเสถียรแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่เทพแท้จริงจะสามารถทำลายได้ ต่อให้จะมีบางอันเสียหาย มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่อุโมงค์มิติทั้ง35จะเกิดความผิดปกติพร้อมกัน”


“เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว ข้าคิดว่ามันต้องมีคนที่คอยขัดขวางเราโดยการฆ่าคนของเราแน่!’ชายผมทองประกาศด้วยความมั่นใจ


“แต่หน่วยสอดแนมเราล้วนเป็นเทพเสมือนขั้น8แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถพบสิ่งใดได้เลย หากเป็นแบบนี้ต่อไป เราจะต้องส่งเทพเสมือนขั้น9และเราก็มีพวกมันแค่ประมาณสามร้อยเท่านั้น”หญิงสาวพูดต่อ”ท่านมีแผนอย่างไรในการบุกรอบต่อไป?ส่งเทพเสมือนขั้น9ทั้งหมดลงไปงั้นหรือ?!”

“หากมีคนกำลังฆ่าพวกมันจริงๆ การที่สามารถฆ่าเทพเสมือนขั้น8เกือบพันได้ในชั่วพริบตานี้ก็ย่อมทำให้มันมีความสามารถพอเทพเสมือนขั้น9เช่นกัน”ชายหัวงูข้างๆกล่าวเสริม


ชายผมทองครุ่นคิดเงียบๆ”ส่งเทพเสมือนขั้นสูงหนึ่งร้อยตัวกับเทพเสมือนขั้นกลางสามร้อยตัวไปทุกๆอุโมงค์มิติ นอกจานกี้ แบ่งเทพเสมือนขั้น9เป็นสิบกลุ่มและส่งพวกมันไป10อุโมงค์แบบสุ่มซะ”


“หากมันมีปัญหากับอุโมงค์มิติ การสั่งการของท่านก็เหมือนการเอาเทพเสมือนครึ่งหนึ่งของเราไปตายเล่น”หญิงสาวขายาวยังคิดว่าชายผมทองนั้นตัดสินใจผิด


“ปัจจุบัน เจตจำนงของโลกกรวดยังไม่ถูกระงับ หรือเจ้าอยากให้ข้าส่งเทพแท้จริงไปสำรวจ?”ชายผมทองโต้กลับ


 


หญิงสาวพลันเสียคำพูดไป


ตอนนี้พวกนางมีเทพแท้จริงกันแค่30 หากพวกนางตั้งใจเข้าโลกกรวดขณะที่เจตจำนงโลกยังอยู่ พวกนางก็ไม่มีทางเลือกนอกจากผนึกพลังตัวเองเป็นเทพเสมือน ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น มันไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย


“แล้วหากเรายังไร้เบาะแสหลังการสำรวจระลอกนี้ละ?”หญิงสาวขายาวถามหลังเงียบไปสักพัก


ชายผมทองนั่งไขว่ห้าง ตกอยู่ในความเงียบเป็นเวลานาน”เราจะจัดการเรื่องนี้ทีหลัง”


ในโลกกรวด การบุกระลอกที่12ของมอนสเตอร์ช้ากว้ารอบก่อนถึงสิบนาที


เพียงเมื่อทุกคนในโลกกรวดกำลังคิดว่ามหาพิภพยอมแพ้แล้ว ความผันผวนในอุโมงค์มิติทั้ง33แห่งก็เกิดขึ้นพร้อมกัน


ในฐานะผู้พิทักษ์ ไป่และกลุ่มของมันเพิ่มสมาธิเป็น120% เตรียมพร้อมเคลื่อนไหว


แม้จะรู้ว่านักสำรวจชุดนี้ต้องแข็งแกร่งกว่าเดิม แต่ก็ไม่มีใครมีความคิดถอยหนี


เมื่อตรวจพบความผันผวน ทุกคนก็ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในหัวไป


ทุกคนรู้ว่าการบุกครั้งนี้คือกุญแจสำคัญ


แม้กระทั่งคุณฟู่ก็ยังนั่งไม่ติดเก้าอี้ หากหลินฮวงไม่หยุดเขาจากการทำแบบนั้น คุณฟู่คงเข้าร่วมสู้ด้วยไปแล้ว


หลินฮวงคือคนเดียวที่ยังนั่งบนเก้าอี้เขา เขาไม่ได้ยืนขึ้นแต่ก็ไม่ได้ทำสมาธิต่อ เขาจับจ้องอุโมงค์มิติที่อยู่ไม่ไกลตาไม่กะพริบ


ครูต่อมา ในที่สุดเหล่ามอนสเตอร์ก็มาถึง


หลินฮวงทำการตรวจสอบด้วยจิตเทวะเขาและรู้สึกแปลกใจ เดิมเขาคิดว่าการบุกระลอกนี้ต้องประกอบไปด้วยเทพเสมือนขั้น9 แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นการผสมผสานระหว่างเทพเสมือนขั้นกลางและสูง โดยมีเทพแท้จริงขั้น9เพียงหนึ่งร้อยเท่านั้น


 


‘นี่หมายความว่าอย่างไร?พวกมันขาดแคลนเทพเสมือนขั้น9?’


ขณะที่หลินฮวงกำลังแสดงความคิดเห็นเย้ยหยันในใจเงียบๆ เขาก็สะบัดแขนเสื้อ ปล่อยแสงสีแดงสดออกไป


คราวนี้ จำนวนมีดบินพลังจิตที่เขาปล่อยออกไปมากกว่ารอบที่แล้ว มันมีทั้งหมด3ร้อยกว่าเล่ม


มีดบินพลังจิตสีแดงพุ่งออกมาทีละเล่มราวกับสายฟ้าฟาดสีแดงนับร้อยสายกำลังฟาดผ่าลงมา ในชั่วพริบตา สนามรบก็ถูกปกคลุมไปด้วยพวกมัน


ไม่มีสักทางเข้าจากอุโมงค์มิติทั้ง33ที่เล็ดลอด


แสงสีแดงเลือดทะลุผ่านตัวของผู้บุกรุกในชั่วพริบตา ไม่เพียงมีดบินจะกำจัดกายหยาบทั้งหมดของผู้บุกรุก แต่มันยังทำลายดวงวิญญาณของผู้บุกรุกอีกด้วย


มันไม่สำคัญว่าผู้บุกรุกจะเป็นสายพันธุ์อันเดทหรือประเภทวิญญาณ เมื่อมีดบินพุ่งผ่านร่างพวกมัน พวกมันจะตายทันที


ในเวลาไม่ถึงครึ่งวินาที มีดบินของหลินฮวงก็กำจัดผู้บุกรุกนับหมื่นจนสิ้นซาก เหลือไว้แค่ประมาณสิบกว่าตัวที่กำลังสู้กับมอนสเตอร์อัญเชิญเขา


สองวินาทีต่อมา ไป่ แลนเซล็อตและตัวอื่นก็สามารถกำจัดศัตรูตัวเองได้สำเร็จ ทำลายกองกำลังรุกรานจนย่อยยับ


ด้วยเหตุนี้ การบุกระลอก12จากมหาพิภพจึงล้มเหลวอีกครั้ง!



เมื่อเห็นผลลัพธ์สุดท้ายของความพยายาม เทพแท้จริงกว่า30รวมถึงชายผมทองก็นิ่งเงียบ


“แล้วเราจะรายงานสถานการณ์นี้ว่าอย่างไร?”หลังเงียบอยู่นาน ชายหัวงูก็อดเปล่งเสียงไม่ได้


“นับตั้งแต่ภารกิจนี้ถูกมอบหมยาให้กับนิกายพันงู เราก็เลี่ยงไม่ได้แล้ว ท่านปู่และท่านทวดของข้าเองก็ดำเนินภารกิจเดียวกันและได้ทำลายอารยธรรมของโลกกรวดด้วยมือของพวกเขาเอง  พวกเจ้าคิดว่าข้าจะวิ่งแจ๋นไปรายงานความล้มเหลวของข้าหรือยังไง?!”


 


เมื่อสังเกตเห็นความเป็นปรปักษ์ในคำพูดของชายผมทอง ชายหัวงูก็ลดหัวลง ไม่กล้าพูดอะไรอีก


“ไม่ว่าพวกมันจะต่อต้านหรือดิ้นรนสักแค่ไหน มดก็ยังเป็นมด”จิตสังหารของชายผมทองเดือดพล่าน”เมื่อมาตรการยับยั้งของเราได้ผล เราจะเริ่มบุกอย่างเป็นทางการ!”


“แต่เรายังไม่สามารถหาได้ว่าอุโมงค์มิติไหนที่เสถียร”คำพูดของหญิงสาวผมยาวถูกขัดด้วยการจ้องมองจากชายผมทอง


“หุบปาก!ข้าได้ตัดสินใจไปแล้ว!”


 


ปล.(ไม่ได้แปลผิดนะครับ ในมหาพิภพมี35อุโมงค์มิติจริงๆ ส่วนโลกกรวดนั้นมีแค่33)

 

 

 


ตอนที่ 1428

 

การตื่นของอู่โม่

ขอบเหวนรกชั้นสาม


ตงฟางไป่นำกวนจงและคนอื่นไปทางฝั่งขัตติยะ ไปหาหลินฮวงเพื่อถามคำถามเ


 


“ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆจากอุโมงค์มิติเลย เป็นไปได้ไหมว่าทางนั้นจะยอมแพ้แล้ว?”

หลินฮวงหันไปมองตงฟางไป่และไม่สนใจใบหน้าที่คาดหวังของอีกฝ่าย


“การขาดการเคลื่อนไหวอาจเป็นเพราะพวกมันเสียเทพเสมือนมากเกินไป พวกมันตระหนักดีว่าการสำรวจนั้นเปล่าประโยชน์และละทิ้งความพยายามเพิ่มเติม แต่ทว่า นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะยอมแพ้ ข้าเดาว่าพวกมันคงกำลังรอให้เจตจำนงโลกถูกยับยั้งอย่างสมบูรณ์ก่อนส่งกองทัพหลักมา!”


 


ตงฟางไป่ยังค่อนข้างลังเลที่จะยอมแพ้หลังได้ยินคำพูดของหลินฮวง


“ท่านหมายความว่าถึงแม้จะไม่สามารถระบุได้ว่าอุโมงค์มิติไหนใช้งานได้ พวกมันก็ยังจะบุกอยู่ดี?”

“ถ้าตามความเข้าใจข้าก็ใช่”หลินฮวงพยักหน้า


“พวกมันไม่กลัวว่าอุโมงค์มิติทั้งหมดจะมีปัญหาหรือ?”กวนจงอดขมวดคิ้วถามไม่ได้


“ประการแรก ความน่าจะเป็นที่อุโมงค์มิติทั้ง33จะทำงานไม่ได้นั้นต่ำมาก สอง เมื่อกองทัพหลักพวกมันมาถึง มันจะเป็นโอกาสสำหรับการสำรวจ ตราบเท่าที่พวกมันส่งคนมามากพอและเราไม่อาจฆ่าได้ทัน พวกมันก็จะระบุได้ว่าอุโมงค์มิติไหนใช้งานได้ ถึงตอนนั้น เทพแท้จริงก็จะจุติลงมา”


“ดังนั้น ตราบเท่าที่เราสังหารกองทัพหลักพวกมันได้เร็วพอ เทพแท้จริงก็จะไม่มา!นั่นจะลบความเสี่ยงทั้งหมดออกไปได้!”ดวงตาของตงฟางไป่เป็นประกาย


หลินฮวงมองตงฟางไป่และส่ายหัว”มันไม่ง่ายขนาดนั้น”


“ถ้าเทพแท้จริงไม่มาและพวกมันยอมแพ้ต่อการรุกรานนี้ หลังพวกมันระดมเทพเสมือนเพื่อสร้ากองทัพหลักได้อีก เมื่อนั่นเกิดขึ้น ผู้รุกรานก็มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นและมีจำนวนมากขึ้น”

“แต่ทว่า หากเทพแท้จริงพวกมันลงมาพร้อมกัน เราก็จะจัดการกับปัญหาในอนาคตได้”


 


เหล่าคนจากรัฐบาลกลางมีสีหน้าซับซ้อน


พวกเขาย่อมไม่อยากให้เทพแท้จริงมา ในฐานะผู้บ่มเพาะของโลกกรวดที่ไม่สามารถเป็นเทพแท้จริงได้ พวกเขาจึงมองเทพแท้จริงด้วยความเคารพ


แต่ทว่า พวกเขายังรู้ว่าหลินฮวงนั้นพูดจริง หากการรุกรานครั้งนี้ล้มเหลว โอกาสที่ศัตรูจะพยายามบุกอีกในอนาคตก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ เมื่อเกิดขึ้น ศัตรูพวกเขาจะเตรียมการมามากกว่านี้


หากพวกเขาสามารถกำจัดศัตรูทั้งหมดได้ในคราเดียว พวกเขาก็จะทำลายศัตรูได้จนถึงรากหญ้า


สิ่งเดียวก็คือตงฟางไป่กับกลุ่มเขาไม่มีความมั่นใจนักในการรับมือกับเทพแท้จริงขั้นสูง นี่สร้างความกระอักกระอ่วนทางจิตใจให้กับพวกเขา


หลังได้รับข่าวที่ไม่ค่อยน่าพึงพอใจจากหลินฮวง ตงฟางไป่ก็นำทุกคนกลับไปค่ายตนด้วยสีหน้าลำบากใจ


ตงฟางไป่รีบให้กวนจงติดต่อเจียงฉานที่เมืองแรกแสนห่างไกล รายงานถึงสถานการณ์ล่าสุด


การตอบสนองของเจียงฉานคือ”หากเทพแท้จริงมาถึง เจ้าควรร่วมมือกับขัตติยะ เหนือสิ่งอื่นใด หลินฮวงเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถรับมือกับเทพแท้จริงขั้นกลางและสูงได้ ข้าจะพยายามติดตามผลการต่อสู้และกระตุ้นเทพเสมือนให้เข้าร่วมการต่อสู้”



ทางฝั่งขัตติยะ คุณฟู่อดคร่ำครวญไม่ได


“ข้าไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องดีหรือร้ายที่ศัตรูของเราหยุดการสำรวจ”


“ย่อมเป็นเรื่องดี”หลินฮวงยิ้ม”ความจริงที่พวกมันหยุดการสำรวจแสดงให้เห็นว่าพวกมันไม่อาจรับการสูญเสียได้ จากจำนวนที่พวกมันเสีย เราสามารถประมาณการจำนวนผู้บุกรุกทั้งหมดในครั้งนี้ได้คร่าวๆ”


“การโจมตีระลอกสุดท้าย พวกมันส่งเทพเสมือนขั้น9มาแค่ร้อย ข้าเดาว่าครั้งนี้พวกมันคงมีเทพเสมือนขั้น9แค่ประมาณสามร้อย ไม่ควรเกินกว่าสี่ร้อย ตามจำนวนเหล่านี้ พวกมันไม่ควรมีเทพแท้จริงมากนัก ข้าเดาว่าคงมีไม่ถึงร้อยด้วยซ้ำ”


“การวิเคราะห์เพิ่มเติมของข้อมูลนี้บ่งชี้ว่าผู้บุกรุกมาจากองค์กรชั้น4หรือเหนือกว่านั้น”

“หากมันเป็นองค์กรชั้น4 ผู้นำก็จะเป็นแค่เทพแท้จริงและเทพแท้จริงในองค์กรก็มีจำกัด ตราบเท่าที่เรากำจัดผู้รุกรานทั้งหมดในได้คราเดียว พวกมันคงไม่มีกำลังพอจะพยายามทำการรุกรานรอบสอง”


“หากมันเป็นองค์กรที่เหนือกว่าชั้น4 การต่อสู้คงไม่จบหากพวกมันล้มเหลวในการบุกรุกนี้ พวกมันจะรีบรวมพลและกลับมาใหม่!แม้กระทั่งเทพสวรรค์ก็ไม่สามารถมาที่นี่ได้โดยตรง พลังของการุบกรุกครั้งถัดไปจะต้องเหนือกว่าความพยายามในปัจจุบันมาก”


 


หลังฟังคำพูดของหลินฮวง คุณฟู่ก็เงียบไปก่อนพูดต่อ


“ข้าหวังว่าโชคจะอยู่ข้างเรา ให้ผู้บุกรุกที่เราเผชิญอยู่มาจากองค์กรชั้น4”


“ข้าเองก็หวังไว้อย่างนั้น ไม่งั้น ข้าจะต้องอยู่ที่นี่นานขึ้นหลังจัดการกับผู้บุกรุกระลอกนี้”หลินฮวงไม่กังวลถึงจำนวนของผู้บุกรุก เขากังวลว่าเขาจะไม่สามารถกำจัดปัญหาได้อย่างหมดจด



ในชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปอีกสองวัน


ทาสดาบที่เหลือมาถึงทีละคน ยกเว้นทาสดาบคนเดียวที่ได้รับงานคุ้มกันหลินซิน ทาสดาบอีก267ล้วนมาถึงขอบเหวนรกกันหมด จำนวนพวกเขาเกินกว่าจำนวนเทพเสมือนทั้งหมดในโลกกรวดเสียอีก”


เมื่อเห็นจำนวนคนทางฝั่งค่ายพันธมิตรดาบ ผู้คนก็ยิ่งปั่นป่วน


ไม่เคยมีเทพเสมือนมากขนาดนี้ในโลกกรวดมาก่อน ส่วนใหญ่ เทพเสมือนจะพบกันบ่อย มันยากที่จะเห็นคนแปลกหน้า แต่ในพันธมิตรดาบ ทั้งหมดล้วนเป็นคนแปลกหน้า นี่ย่อมทำให้เกิดการถกเถียงมากมาย


ทาสดาบไม่ได้สนใจการซุบซิบเหล่านี้


หลินฮวงเองก็ไม่ใสใจเช่นกัน ถึงแม้เขาจะรู้ความจริงในเรื่องนี้ก็ตาม


ลึกลงไป หลินฮวงตระหนักดีว่าเมื่อทาสดาบแสดงความสามารถที่แท้จริงของพวกเขา มันจะทำให้ทุกคนยิ่งตกตะลึงกว่านี้ เมื่อเวลานั้นมาถึง คำวิจารณ์ทั้งหมดจะกระจายไปเหมือนควัน


ในวันที่สาม หลินฮวงรู้สึกได้ถึงความผันผวนผิดปกติภายในตัวเขา


เขาส่งจิตสำนึกเขาไปตรวจสอบและพบว่าแหล่งความผันผวนนั้นคือเลือดเทพแท้จริงของอู่โม่


อู่โม่กำลังสัญญาณของการตื่นขึ้น!


นับตั้งแต่สู้กับเจตจำนงของจอมเทพสองปีก่อน พลังงานวิญญาณของนางก็หมดลงอย่างสมบูรณ์ อู่โม่ยังอยู่ในสภาพหลับใหล แม้หลังหลินฮวงไปมหาพิภพ สังหารเทพแท้จริงนับไม่ถ้วนและทำให้ร่างนางเต็มไปด้วยพลังงานจนถึงจุดอิ่มตัว นางก็ไม่เคยตื่น


หลินฮวงรู้ว่าเขาไม่อาจใจร้อนได้ มีหลายเหตุผลที่นางไม่ตื่น และหลินฮวงก็ไม่พยายามฝืนปลุกนาง เขาแค่รออย่างอดทน


แต่ตอนนี้ นางกลับเริ่มแสดงอาการตื่นขึ้น ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะนางสัมผัสได้ว่าโลกกรวดอยู่ภายใต้การรุกรานหรือด้วยเหตุผลอื่น


 


“ช่างเหมาะเจาะจริงๆ เราจะมีเทพแท้จริงอีกคนมาร่วมสู้”หลินฮวงพึมพำเสียงต่ำ


 


เขารีบถอนจิตสำนึกกลับและตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ เมื่อตระหนักว่าไม่มีใครสังเกตเห็นความผันผวนผิดปกติที่มาจากภายในตัวเขา หลินฮวงก็ลุกขึ้นยืน มุ่งตรงไปวังจักรพรรดิซึ่งอำพรางเป็นเต็นท์


การจากไปอย่างกะทันหันของเขาดึงดูดความสนใจคนจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีใครคิดมากนัก


ดวงตาของคุณฟู่จับจ้องหลินฮวงจนกระทั่งหลินฮวงเข้าเต็นท์ไป เขาเองก็รู้สึกแปลกใจ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจนัก

 

 

 


ตอนที่ 1429

 

เร็วเกินไป

หลังกลับวังจักรพรรดิ หลินฮวงก็รอให้กลิ่นอายของอู่โม่ภายในเลือดเทพแท้จริงค่อยๆแข็งแกร่งขึ้น


หลังผ่านไปประมาณสองสามนาที กลิ่นอายของอู่โม่ก็พุ่งถึงจุดสูงสุด นางตื่นขึ้นจากการหลับใหลที่กินเวลานานเกือบสองปี


“พี่สาวโมโม่!”หลิอนฮวงทักทายอู่โม่ทันที


“หลินฮวง..”อู่โม่ควบแน่นร่างโปร่งแสงของนางอย่างรวดเร็ว และตรวจสอบสภาพตัวเอง”พลังงานวิญญาณข้าถูกเติมอย่างสมบูรณ์!”


หลินฮวงยิ้มและพยักหน้า ตอนเขาฆ่าเทพแท้จริงในมหาพิภพ นอกจากการส่งพลังวิญญาณให้วิญญาณต่อสู้ทั้งสิบ พลังส่วนเกินจะถูกเติมเข้าตัวอู่โม่ สภาพสูงสุดของนางเป็นแค่เทพแท้จริงขั้นสาม ดังนั้นพลังงานวิญญาณนางถูกเติมเต็มไปนานแล้ว


“เจ้าไปมหาพิภพมาแล้วหรือ?”อู่โม่ตอบสนองทันที เพราะโลกกรวดนั้นไม่มีทางเติมพลังงานนางได้เต็มที่แบบนี้


“ข้าไปมาแล้ว และก็กลับมาแล้ว”หลินฮวงพยักหน้า”ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”

“ค่อนข้างดี วิญญาณข้าเกือบฟื้นคืนสู่จุดสูงสุด ข้ารู้สึกดีขึ้นกว่าสองปีก่อนซะอีก”อู่โม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม”ข้าขาดแค่ร่างกาย”

“ข้าเตรียมไว้ให้ท่านแล้ว มันคือกายโปรตอส”หลินฮวงกล่าว ดึงร่างอกจากที่เก็บของ มันเป็นหญิงสาวในชุดดำ


“นางคือพวกจอมเวทย์และระดับพลังก่อนตายคือเทพแท้จริงขั้น5 เมื่อข้าฆ่านาง ข้าคิดว่าร่างกายนางนั้นเหมาะกับท่านมาก ข้าเก็บร่างนี้ไว้ตลอดเพราะข้าไม่แน่ใจว่าท่านจะตื่นตอนไหน”


เมื่อหลินฮวงพูด เขาก็อัญเชิญหยดเลือดของเทพแท้จริงออกจากตัวอู่โม่


“กลิ่นอายที่หลงเหลืออยู่ในศพทรงพลังมาก เจ้าเป็นคนฆ่านางจริงๆหรือ?”อู่โม่แปลกใจเล็กน้อย


“ใช่”หลินฮวงพยักหน้า


 


ร่างวิญญาณของอู่โม่ลอยอยู่กลางอากาศ เท้านางไม่แตะพื้น จ้องหลินฮวงเขม็ง นางกำลังวิเคราะห์เขาและในไม่ช้าก็พบความผิดปกติ”ระดับพลังเจ้าเป็นแค่เทพเสมือนขั้น3 แต่ดูเหมือนเจ้าจะใช้พลังกฏเทพได้ มันไม่ใช่เป็นไปไม่ได้หากเจ้าจะฆ่าเทพแท้จริง แต่ร่างนี้เป็นถึงเทพแท้จริงขั้นกลาง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นถงึโปรตอส…”


 


ในเมื่อพวกเขาอยู่บนโลกกรวด พันหน้าของหลินฮวงจึงถูกใช้แค่อำพรางระดับพลัง มันไม่ได้ปลอมหน้าตาเขา หรือความผันผวนของพลังกฏเทพในตัว


“ข้าปิดระดับพลังไว้ จริงๆแล้วข้าเป็นเทพเสมือนขั้น6”หลินฮวงอธิบาย


“งั้นข้าก็จะถือว่าเจ้าฆ่านางไปละกัน”อู่โม่พูดขณะเม้มปาก


 


หลินฮวงอดยิ้มไม่ได้ แต่ก็ไม่ให้คำอธิบายเพิ่มเติม


“ลองดูว่าร่างมันเหมาะไหม หากมันไม่เหมาะ เราสามารถเปลี่ยนเป็นร่างอื่นได้”


อู่โม่พยักหน้า ร่างวิญญาณนางเข้าไปในเลือดเทพแท้จริงและเข้าควบคุม หยดเลือดเปลี่ยนเป็นกระแสแสงสีทองม่วงและไหลไปในศพ


วินาทีต่อมา พลังชิตก็ค่อยๆเริ่มเติมเต็มศพนั้น


หลังผ่านไปประมาณ5-6นาที พลังชีวิตในศพก็มาถึงจุดสูงสุด


อู่โม่ค่อยๆลืมตาขึ้น ลุกขึ้นนั่งและจากนั้นก็ก้มมองมือกับตัวนาง


 


“ร่างนี้รู้สึกดีจริงๆ!มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าร่างเดิมของข้า และความเข้ากันได้ก็มากถึง85% มันควรสูงกว่านี้เมื่อข้าคุ้นชินกับมัน”


อู่โม่พอใจกับร่างกายใหม่นี้


“งั้นก็ดีแล้ว”หลินฮวงยิ้มและพยักหน้า


หลังสัมผัสกับร่างหม่ของนางอยู่สักพัก อู่โม่ก็รีบสงบความตื่นเต้นและถาม”สถานการณ์ในโลกกรวดเป็นอย่างไรบ้าง?การรุกรานเริ่มขึ้นแล้วหรือยัง?”


“หลายวันก่อน พวกคนในมหาพิภพได้ทำการทดสอบอุโมงค์มิติ แต่โชคดี การทดสอบล้มเหลว พวกมันอาจพยายามยับยั้งเจตจำนงของโลกกรวดอยู่ ข้าเดาว่าหลังการยับยั้งสำเร็จ พวกมันคงลงมาพร้อมกองทัพโดยตรง..”หลินฮวงบรรยายสถานการณ์ของโลกกรวดให้ฟังสั้นๆ


 


อู่โม่ถามคำถามเพิ่มถึงการรุกรานของโลกกรวดที่กำลังจะมาถึงและหลินฮวงก็ตอบทุกคำถาม


“ตามสัมผัสการปฏิเสธที่ข้าสัมผัสได้จากเจตจำนงโลก ข้าเดาว่ายังมีเวลาอีกพอสมควรก่อนเจตจำนงจะถูกยับยั้ง ข้าอยากใช้เวลาหลาวันนี้เพื่อกลับไปเกาะลอยฟ้าและดึงข้อมูลบางอย่าง หลังข้าได้สิ่งที่ข้าต้องการ ข้าจะเร่งกลับมาทันที”อู่โม่รู้สึกได้ถึงการปฏิเสธจากเจตจำนงโลก และผนึกระดับพลังนางเป็นเทพเสมือนขั้น9


“งั้นก็ไปเถอะ”หลินฮวงไม่คัดค้าน


“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะทอดทิ้งหรือ?”อู่โม่ฉีกยิ้มกว้างจนแทบมองไม่เห็นตา


“ข้าไม่กลัว”หลินฮวงส่ายหัว


 


ในความเป็นจริง มีบางอย่างที่เขาไม่ได้พูดออกมาเสียงดัง’มันไม่ว่าท่านจะทอดทิ้งหรือไม่ ตราบเท่าที่ข้าอยู่ การรุกรานนี้จะต้องล้มเหลว’


“ไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับมาก่อนเจตจำนงโลกถูกยับยั้ง!”อู่โม่กล่าวและตรงไปทางประตูวังจักรพรรดิ


หลินฮวงส่งนางออกไป


คุณฟู่ตกใจมากเมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกจากเต็นท์


หลายคนหันมามองทางนาง สายตาเต็มไปด้วยความอยากรู้


 


“มอนสเตอร์อัญเชิญอีกตัว?”

“ข้าไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น นางดูเหมือนภรรยาลับซะมากกว่า”


“นางออกมาไม่ถึงสิบนาทีหลังจักรพรรดิหลินเข้าเต็นท์ไป นั่นเร็วเกินไป”


 


ฝูงชนเริ่มพูดพล่อย


อู่โม่เหลือบมองรอบๆ โดยธรรมชาติ นางได้ยินเสีบงทุกคน แต่นางก็ไม่ได้ใสใจและหันกลับไปถามหลินฮวง


“ก่อนหน้านี้ เจ้าไม่ได้พูดว่ามีเทพเสมือนมากขนาดนี้ในยุคนี้ นี่ไม่ถือว่า’ไม่มาก’!”


‘มีกว่าสองร้อยที่ข้านำมาจากมหาพิภพเป็นกำลังเสริม กว่าครึ่งถูกแปลงจากกึ่งเทพในปีนี้”หลินฮวงอธิบาย


“เอาละ ข้าจะกลับไปเกาะลอยฟ้าก่อน”อู่โม่ไม่สอบถามเพิ่มเติม


 


หลังพูดแบบนั้น ร่างของนางก็ลอยขึ้นไปในอากาศ พุ่งไปทางออกขอบเหวนรก


ฉากนี้ทำให้ทุกคนตะลึงงัน


“หญิงสาวคนนั้น…”หลังอู่โม่หายลับไปในท้องฟ้า คุณฟู่ถึงได้สติและถามหลินฮวง


“นั่นคืออู่โม่ เทพธิดาจอมเวทย์ที่ข้าบอกท่านก่อนหน้านี้”


“โอ้ ข้าจำได้ นั่นคือคนจากเกาะมังกร”คุณฟู่จำได้ว่าหลินฮวงเคยพูดถึงเทพแท้จริงของเผ่าอู่”ข้าจำได้ว่านางหลับใหลในตัวเจ้า งั้น นางก็ตื่นขึ้นแล้ว?”

“นางเพิ่งตื่นขึ้น”


‘ทำไมนางถึงบินหนีไป?พวกเจ้าสองคนทะเลาะกันหรือ?”คุณฟู่สอบถาม


“ข้าไม่มีความสัมพันธ์แบบนั้นกับนาง…”หลินฮวงจับได้ว่าหลินฮวงคิดพูดอะไร และกล่าวด้วยใบหน้าหน่ายใจ”นางจากไปเพราะนางอยากกลับไปเกาะลอยฟ้าและหาบางสิ่ง”

“โอ้”คุณฟู่แสดงสีหน้าว่า’ข้าเข้าใจ’

 

 

 


ตอนที่ 1430

 

การกลับมาของหลินซวน

ในช่วงเวลาไม่กี่วันหลังการเดินทางของอู่โม่ หลินฮวงก็รู้สึกได้ว่าเจตจำนงโลกกรวดกำลังอ่อนแอลง


ทุกวัน เขานั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าเต็นท์ ดูเหมือนจะหลับตาทำสมาธิตลอดเวลา แต่ในความเป็นจริง เขากำลังลอบบ่มเพาะไร้รอยต่อเพื่อเสริมพลังจิตเขา


ด้ายพลังจิตเขาเพิ่มขึ้นประมาณ 4800 เส้นทุกวัน จำนวนด้ายพลังจิตรวมเขาเพิ่มจากสองแสนเป็น230000แล้ว


หลินฮวงรู้ว่าสงครามของจริงกำลังจะเริ่มขึ้น!

มันเป็นวันนี้ที่คนคุ้นหน้าของหลินฮวงได้มายังขอบเหวนรก


เมื่อเห็นคนคนนี้ปรากฏตรงหน้าเขา หลินฮวงก็ลังเลไปชั่วขณะ


ตรงกันข้าม คุณฟู่กลับร้องอุทานหลังตกตะลึงไปสักพัก


 


“โม่ขุ่ย?!”


ชายคนนั้นพยักหน้าให้คุณฟู่”ข้าคือหลินซวน โม่ขุ่ยคือชื่อของร่างหลักข้า และข้าก็เป็นแค่ร่างโคลนของเขา”


“เสี่ยวซวน มันเป็นเจ้าจริงๆ?!”ตอนนี้หลินฮวงถึงกล้าเรียกชื่อเขาเต็ฒปาก


 


เหตุผลที่หลินฮวงไม่แน่ใจถึงตัวตนของผู้มาใหม่เพราะหลินซวนนั้นดูเหมือนคนอายุ 25-26 ปี แถมระดับพลังเขาก็ยังเทพเสมือนขั้น9แล้ว


เมื่อหลินฮวงพบหลินซวนตอนแรก เขาเป็นแค่เด็กอายุ 10 ขวบ ภายใต้สถานการณ์ปกติ ปัจจุบันเขาควรเป็นแค่เด็กหนุ่มอายุ 13หรือ14


แต่ตอนนี้ หลินซวนกลับดูโตยิ่งกว่าเขาซะอีก


 


“มันเป็นข้าเอง..”หลินซวนหันมามองหลินฮวงด้วยสายตาซับซ้อน เขาไม่รู้ว่าจะเรียกหลินฮวงว่าอย่างไรอีก


“เจ้าโตขึ้นมาก ดูโตเสียยิ่งกว่าข้าซะอีก”หลินฮวงยิ้มและตบไหล่หลินซวน


“ข้าปรับอัตราการเติบโตข้าเล็กน้อย ดังนั้นร่างกายข้าจึงเป็นของคนอายุ 25 ปีแล้ว”หลินซวนอธิบาย


“นั่งลงก่อนสิ”หลินฮวงนำเก้าอี้อีกตัวออกมาให้หลินซวน ลากเขามานั่งตรงหน้าเต็นท์


 


จริงๆเขาอยากนำหลินซวนเข้าวังจักรพรรดิไปเพื่อคุย แต่การรุกรานสามารถเริ่มได้ทุกเมื่อ ดังนั้น เขาจึงจำต้องนั่งคุยกันนอกเต็นท์เพื่อให้สามารถจับตาดูการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา


“แล้วเจ้าไปที่ไหนมาตลอดสามสี่ปี”

“ข้าใช้เวลาส่วนใหญ่ในดินแดนต้นกำเนิด ตามหาอดีตข้าและฟื้นคืนความทรงจำ”

“แล้วเจ้ารู้เรื่องทั้งหมดหรือยัง?”

“รู้แล้ว ข้าได้ทำการสืบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด”หลินซวนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ลดหัวก้มมองพื้น”ผลลัพธ์คือข้าเป็นแค่ร่างโคลนที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ”

“เสี่ยวซวน มันไม่สำคัญว่าเจ้ามาจากไหน สิ่งสำคัญคือโม่ขุ่ยนั้นก็คือโม่ขุ่ย และเจ้าก็คือเจ้า เจ้ามีความคิดเป็นอิสระ และก็มีประสบการณ์กับมุมมองที่แตกต่าง เจ้าสามารถใช้ชีวิตได้ตามใจชอบ เจ้าอาจมาจากโม่ขุ่ย แต่เจ้าไม่ใช่เขา และเจ้าก็ไม่ใช่ตัวแทนของเขา อย่าใช้ชีวิตภายใต้เงาเขา…”หลินฮวงปลอบเสี่ยวซวน


 


หลังเรียนรู้ถึงสถานการณ์ของโม่ขุ่ยจากคุณฟู่ เขาก็ได้คาดเดาผลลัพธ์นี้ไว้แล้ว


“ท่านไม่ต้องปลอบข้าหรอก ข้าได้ยอมรับมันไปแล้ว”หลินซวนมองหลินฮวง”เมื่อข้าพบเรื่องนี้ มันก็ยากที่จะทำใจยอมรับ  ข้าปล่อยให้ตัวข้าจมปลักอยู่อย่างนั้นหลายปี ตอนนี้ แม้ข้าจะไม่สามารถปล่อยวางได้อย่างสมบูรณ์ ข้าก็ดีขึ้นมากแล้ว”


 


“งั้นก็ดีแล้ว”หลินฮวงไม่พูดมาก


“ข้าได้ยินว่า…ท่านไปมหาพิภพมา มันเป็นอย่างไรบ้าง?”หลินซวนอดถามไม่ได้


ในอดีต เขาลอบติดตามการเคลื่อนไหวของหลินฮวงกับหลินซินตลอด หลังหลินฮวงไปมหาพิภพ เขาก็ลอบไปเมืองจักรพรรดิ ค่อยจากมาหลังมั่นใจว่าหลินซินอยู่อย่างปลอดภัย


 


“ปีหนึ่งของข้าในมหาพิภพเต็มไปด้วยประสบการณ์มากมาย เวลาส่วนใหญ่ของข้าใช้ไปกับการบ่มเพาะและเพิ่มพลังข้า”

“ที่นั่นมียอดฝีมือมากแค่ไหน?”หลินซวนถามอีกครั้ง


“มากมหาศาล ในมหาพิภพ เทพเสมือนก็แค่จุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะ หลังจากนั้น ยังมีเทพแท้จริง เทพสวรรค์และแม้กระทั่งจ้าวเทวะ”

“งั้น ระดับพลังของพวกที่รุกรานโลกเราละ?่ท่านรู้หรือยัง?”


“ข้าไม่ได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอะไรตอนข้าอยู่ในมหาพิภพ แต่ทว่า ผ่านการทดสอบในช่วงเวลานี้ ข้าพอจะประมาณได้ว่าคู่ต่อสู้เราาควรเป็นองค์กรชั้น 4 กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้นำของพวกมันต้องเป็นเทพแท้จริงขั้น 9หรือไม่ก็แกร่งกว่านั้น”

“กฏของโลกเราไม่สมบูรณ์ การมาของเทพสวรรค์จะทำให้โลกพังพินาศ ดังนั้นพวกมันจึงส่งมาได้มากสุดแค่เทพแท้จริงขั้น9”หลินซวนแสดงความคิดเห็น จากนั้นก็พูดต่อ”ข้าควรสามารถจัดการกับเทพแท้จริงขั้น 3 ได้ แต่ข้าไม่คิดว่าข้าจะรับมือกับพวกที่แข็งแกร่งกว่านั้นได้ หากเป็นเช่นนั้น เมื่อเทพแท้จริงขั้นกลางกับสูงมาถึง….”

“ไม่ต้องห่วง ข้ามีแผนรับมือ”ทันทีที่หลินฮวงกล่าวแบบนั้น หลินซวนก็จ้องเขา


ถึงแม้เขาจะไม่ถาม แต่มันก็เขียนชัดบนหน้าเขา


“เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ พี่…หลินซินเป็นอย่างไรบ้าง?”หลินซวนเกือบหลุดคำว่า’พี่สาวซิน’ออกมาด้วยความเคยชิน


“ข้าปิดประตูบ่มเพาะไปไม่นานหลังกลับมาโลกกรวด นางเองก็ปิดประตูบ่มเพาะไม่นานหลังข้าทำ และยังไม่ออกมาเลย”

“เทพเสมือนทั้งหมดของขัตติยะถูกส่งมา แล้วในเมืองจักรพรรดิจะยังปลอดภัยหรือ?”หลินซวนถามอีกครั้ง


 


“ไม่ต้องห่วง ข้าทิ้งคนคุ้มกันไว้กับนาง”หลินฮวงลอบคิดในใจ’งั้นเจ้าก็ยังคิดถึงเราอยู่ เจ้ายังกังวลถึงความปลอดภัยของหลินซิน’


“โอ้ ดีแล้ว”จากนั้นหลินซวนถึงโล่งใจ เขาเร่งมาขอบเหวนรกทันทีหลังจัดการธุระเสร็จโดยไม่หยุดแวะเมืองจักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงอดสงสัยไม่ได้หลังไม่เห็นหลินซินอยู่ข้างหลินฮวง


 


ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน อู่โม่ก็กลับมา


นางดูมีชีวิตชีวากว่าเดิม ดูเหมือนว่านางจะปรับตัวเข้ากับร่างใหม่ได้แล้ว


“ที่เกาะลอยฟ้าเป็นอย่างไรบ้างที่สาวโมโม่”หลินฮวงถาม


“มันยุ่งมาก ข้าต้องใช้เวลาหลายวันเพื่อจัดการ หากมันไม่ใช่ว่าสงครามกำลังจะเริ่ม ข้าคงสอนบทเรียนให้เจ้าพวกโง่นั่นไปแล้ว!”อู่โม่โกรธ จากนั้นก็สังเกตเห็นหลินซวน”แล้วพ่อรูปหล่อคนนี้เป็นใคร?”


“หลินซวน”หลินฮวงแนะนำ จากนั้นก็กล่าวเสริม”น้องชายข้าเอง”


 


หลินซวนเหลือบมองหลินฮวงหลังได้ยิน เขาไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของหลินฮวง แต่แค่ยิ้มและพยักหน้าให้อู่โม่


“น้องชายเจ้า?ทำไมเขาถึงดูโตกว่าเจ้าละ?”อู่โม่ถามตรงๆ


“เขาแค่โต้เร็วกว่าข้าก็เท่านั้น”หลินฮวงสวนกลับ จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่อง”สงครามกำลังจะเริ่มแล้ว ท่านเข้ากับร่างใหม่ได้หรือยัง?”

“ความเข้ากันได้เพิ่มเป็น 93%แล้ว”อู่โม่ตอบด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่านางพอใจกับร่างใหม่มาก”ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ยังไม่มีใครถูกส่งมาเลยตั้งแต่ที่ท่านไป”


“นั่นถือเป็นข่าวดี มันหมายความว่าวกเจ้าทำให้พวกมันเสียหายครั้งใหญ่ตอนทดสอบ”อู่โม่เลิกคิ้ว


“ข้าเองก็คิดแบบนั้น”หลินฮวงพยักหน้าเห็นด้วย


 


หลังคุยกันไม่กี่คำ ความผันปวนมิติรอบใหม่ก็พลันส่งมาจากอุโมงค์มิติที่นิ่งเงียบมาหลายวัน…


ทุกคนในขอบเหวนรกหยุดสิ่งที่พวกเขากำลังทำทันทีและมองอุโมงค์มิติ


ทุกคนรู้ว่าสงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!

 

 

 


ตอนที่ 1431

 

หยิบยืมกองทัพ

หกวันก่อน..


มหาพิภพ ในมิติอันเดท


จากที่น่ังเขาบนเก้าอี้งูสีทอง สีหน้าของชายผมทองดูไม่พอใจอย่างยิ่ง


การสำรวจทั้ง12ระลอกของเขาล้มเหลว ไม่เพียงแค่นั้น แต่กองทัพเขายังถูกกำจัดจนหมด


ไม่สำคัญว่าเขาจะส่งเทพเสมือนไปมากแค่ไหน ในโลกกรวดที่กฏไม่สมบูรณ์นี้ก็เหมือนหลุมดำที่ดูดกลืนทุกอย่าง ไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลย ไม่มีข้อมูลแม้แต่ส่วนเดียวที่สามารถส่งกลับมาได้


 


“ทั้งกลุ่มถูกกำจัดภายในเสี้ยววินาทีอีกแล้ว เรายังไม่รู้ว่าอุโมงค์มิติไหนที่มีปัญหา ท่านวางแผนจะทำอย่างไร?”หญิงสาวขายาวหันหัวมาทางชายผมทอง”รอให้การยับยั้งสัมฤทธิ์ผลก่อน จากนั้นก็ส่งทัพหลักไปโดยตรง โดยที่ไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางฝั่งนั้นเป็นอย่างไรหรือ?”

ชายผมทองเงียบไปโดยไม่ตอบคำถามนาง หลังจากนั้น เขาก็ค่อยๆเปิดปากพูด แต่ คำตอบที่เขาให้ก็ยังไม่เกี่ยวกับคำถาม”อีกไม่กี่วัน ทุกคนจะเคลื่อนทัพพร้อมกัน ตามจับสิ่งมีชีวิตหุบเหวทั้งหมดในมิติอันเดทมาที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธ์ุอันเดทหรือประเภทวิญญาณก็ตาม!”


“ท่านกำลังคิดใช้พวกมันเพื่อทำการสำรวจ?”ดวงตาของหญิงสาวขายาวเป็นประกายเมื่อได้ยินคำตอบของเขา ในความเป็นจริง นี่เป็นแผนการที่ดี อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องส่งคนตัวเองไป


 


“ข้าไม่เชื่อว่าพวกมันจะยังสามารถฆ่าเหล่าอันเดทและพวกวิญญาณนับล้านได้ในพริบตา!”ชายผมทองแค่นเสียง


หลังคิดกลยุทธ์นี้ได้ ทั้งกลุ่มก็ใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพื่อหารือรายละเอียด จากนั้นก็แยกกันไปดำเนินตามแผนใหม่นี้


 


เวลาปัจจุบันในมหาพิภพ มิติอันเดท


บนเก้าอี้ประจำของเขา ชายผมทองได้เรียกรวมตัวทุกคนอีกครั้ง


หกวันที่ผ่านมา ไม่มีเทพแท้จริงหรือเทพเสมือนคนใดได้พักผ่อน


เทพแท้จริงจะออกล่าลำพัง ส่วนเทพเสมือนจะล่าเป็นกลุ่ม ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตหุบเหวใดที่ถูกพวกเขาจับได้ ทั้งหมดจะถูกจับโยนเข้าเขตแดนเทพของพวกเขา


และวันนี้ ในที่สุดทุกคนก็เลิกการล่า พวกเขาทุกคนกลับมารวมตัวกันหน้าอุโมงค์มิติ


 


“เทพแท้จริง รายงานจำนวนเชลยที่จับได้มา!เทพเสมือน นับจำนวนทั้งหมดที่กลุ่มพวกเจ้าล่าได้แล้วค่อยรายงาน”

ชายผมทองกวาดตามองรอบๆและถ่ายทอดคำสั่งเขาออกไป


 


“งั้นข้าจะขอประกาศเป็นคนแรก ตลอดหกวัน ข้าสามารถจับมอนสเตอร์เทพแท้จริงได้ทั้งหมด 311 ตัว ท่ามกลางพวกมัน มีขั้นสูง 53 ตัว ขั้นกลาง 193 ตัวและขั้นต่ำ 65 ตัว”


หญิงสาวขายาวเป็นคนที่สอง


“ข้าจับมอนสเตอร์เทพแท้จริงได้ทั้งหมด 287 ตัว  มีขั้นสูง 41 ตัว ขั้นกลาง 147ตัวและขั้นต่ำ 99 ตัว”


คนที่สามคือชายหัวงู


“ของข้าเป็นมอนสเตอร์เทพแท้จริง 265 ตัว  มีขั้นสูง 43 ตัว ขั้นกลาง 159 ตัวและขั้นต่ำ 63 ตัว”



เทพแท้จริงทั้ง37พากันประกาศผลลัพธ์ตัวเองอย่างภาคภูมิ


ชายหัวงูยังทำหน้าที่ประกาศผลรวม


 


“จำนวนมอนสเตอร์เทพแท้จริงที่จับได้ทั้งหมด 4981ตัว แบ่งเป็น มอนสเตอร์เทพแท้จริงขั้นสูง 347 ตัว ขั้นกลาง 1819 ตัวและขั้นต่ำ 2815 ตัว จำนวนมอนสเตอร์ระดับเทพเสมือนทั้งหมดคือ 2,860,000 แบ่งเป็นขั้นสูง 338,000 ตัว….”


 


ใเวลาสั้นๆแค่หกวัน ทุกคนสามารถจับเชลยได้มากถึง 20 เท่าของจำนวนตน


 


“อย่างแรก ผนึกทางออกทั้งหมดในพื้นที่เพื่อป้องกันพวกมันจากการหลบหนี!หลังจากนั้น ตามจำนวนอุโมงค์มิติ ให้จัดสถานที่ ผนึกมันเพื่อสร้างเป็น35หน่วย”ชายผมทองสั่ง


 


เทพแท้จริงหลายคนซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการกางม่านพลังลงมือทันที พวกเขาร่วมมือกันเพื่อผนึกทั้งพื้นที่ จากนั้นก็สร้างผนึกมิติที่สองรอบอุโมงค์มิติ


 


“ทุกคน ทำเครื่องหมายกับเทพเสมือนที่หมดที่จับมาได้ด้วยตราประทับชีวิต อย่าพลาดเด็ดขาด เมื่อเรียบร้อย ส่งเทพเสมือนที่พวกเจ้าจับมาได้ไปรวมกับทั้ง 35 หน่วยซะ เมื่อการเคลื่อนย้ายเสร็จสมบูรณ์ ตราประทับของใครที่ไม่ถูกกำจัดหลังผ่านไปกว่าห้าวินาทีต้องรายงานข้าทันทีว่ามาจากไหน จากนั้นเราก็จะระบุได้ว่าอุโมงค์มิติใดปลอดภัย”


“หัวหน้าขาว คำนวณสัดส่วนให้พอดี จำนวนไม่ต้องเจาะจง ขอแค่ทั้ง 35 กลุ่มมีจำนวนพอๆกันก็พอแล้ว…”


 


หลังชายผมทองสั่งการ เทพแท้จริงทั้ง35ก็เลือกอุโมงค์มิติ และก้าวเข้าไปในพื้นที่ปิดผนึก


ชายผมทองและชายหัวงูเป็นแค่สองคนที่ไม่ได้เข้าไปยุ่งและยังยืนอยู่กับที่


หลังจากทุกคนเข้าพื้นที่ปิดผนึก กลิ่นอายของชายผมทองก็เริ่มพุ่งทะยาน ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที มันก็พุ่งถึงจุดสูงสุด เหมือนหินที่ถูกโยนลงบนผิวทะเลสาบ กลิ่นอายท่วมท้นของเขากระเพื่อมและกระจายไปทุกทิศทาง


ในบรรดาแท้แท้จริงทั้งหมด30คน มีเพียงสามคนที่เป็นเทพแท้จริงขั้น 9 นอกจากชายผมทอง


ทั้งสามคนนี้มีความไวต่อการระเบิดกลิ่นอายของชายผมทองมากสุด พวกเขาสามารถตรวจจับสิ่งที่คนนอกไม่สามารถเพราะพลังที่สูงล้ำกว่า


พลังของชายผมทองตอนนี้ใกล้เคียงกับระดับเทพสวรรค์แล้ว มันเกินกว่าเทพแท้จริงขั้น 9 ทั่วไป


เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน่าสยดสยองนี้ เกือบทุกคนก็รู้สึกว่าหัวใจตนเองเต้นผิดจังหวะ แม้แต่การหายใจก็ยังลำบากขึ้น


ตอนนี้เอง ชายผมทองส่งเสียงคำราม


 


“เริ่มได้!’


 


เหมือนระเบิดที่จุดชนวน เสียงเขาดังไปทุกมุม สะท้อนอยู่ในหูของทุกคน


วินาทีที่เขาออกคำสั่ง กลิ่นอายที่ใกล้เคียงกับเทพสวรรค์ก็ปกคลุมไปทั่ว


ตอนนี้เอง เทพแท้จริงทั้ง 35 ที่เข้าไปบริเวณอุโมงค์มิติของพวกเขาแล้วได้เปิดใช้งานเขตแดนเทพตนเอง ปล่อยมอนสเตอร์เทพเสมือนทั้งหมดที่พวกเขาจับมา


ความคิดเดียวที่ครอบงำสิ่งมีชีวิตหุบเหวนับล้านเหล่านี้คืออิสรภาพ


อย่างไรก็ตาม วินาทีถัดมา พวกมันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายคุกคามที่ปล่อยออกจากชายผมทอง


กลิ่นอายนี้อันตรายมาก!


สิ่งีชีวิตทั้งหมดเริ่มวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งจากจุดที่ชายผมทองอยู่ พยายามหลบหนีออกจากดินแดนนี้!


แต่ทว่า ผนึกที่สร้างขึ้นโดยการร่วมมือของเทพแท้จริงหลายคนไม่ใช่สิ่งที่เทพเสมือนจะทำอะไรได้ มอนสเตอร์นับล้านระเบิดการโจมตีใส่ผนึก น่าเสียดาย ผลกระทบเดียวที่มันทำได้คือระลอกคลื่นบนม่านพลัง


เมื่อความพยายามล้มเหลว ในที่สุดพวกมันก็ตระหนักถึงความจริง ท้ายที่สุด พวกมันก็เลือกกรูกันไปทางอุโมงค์มิติใกล้ๆ เหนือสิ่งอื่นใด ยิ่งพวกมันสามารถออกจากสถานที่นี้ได้เร็วเท่าไร มันก็ยิ่งดี!


ใครจะไปสนใจสถานการณ์อีกด้านของอุโมงค์มิติ พวกมันสามารถรู้ได้เมื่อหลบหนีออกจากที่นี่!


ในเวลาไม่ถึงห้านาที กลุ่มมอนสตเอร์นับล้านก็เข้าอุโมงค์มิติไปจนหมด!


 


“ข้าอยากดูว่าพวกเจ้าจะยังฆ่ามอนสเตอร์เทพเสมือนกว่าสามล้านได้ในคราวเดียวอีกไหม!”เมื่อเห็นมอนสเตอร์ทั้งหมดที่เข้าอุโมงค์มิติไปแล้ว ชายผมทองก็ฉีกยิ้ม

 

 

 


ตอนที่ 1432

 

เปิดม่านแห่งสงคราม

ในขอบเหวนรกชั้นสาม ความผันผวนครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าเดิม


 


เมื่อเขาพบความผิดปกติ หลินฮวงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้


 


ภายใต้สถานการณ์ปกติ ความผันผวนจากอุโมงค์มิติจะเกิดขึ้นตามจำนวนคนที่ถูกส่งมา แต่ทว่า ความผันผวนครั้งนี้กลับเหนือกว่าที่หลินฮวงคาดไว้


 


‘ตามแรงผันผวน เกรงว่าจำนวนที่ส่งมาครั้งนี้อาจมากกว่าเดิมนับร้อยเท่า!’


 


จำนวนเหล่านี้ทำให้หลินฮวงผวา


 


ตามจำนวนนักสำรวจที่ส่งมาหกวันก่อน ความพยายามครั้งสุดท้ายควรเป็นขีดจำกัดพวกมันแล้ว ไม่งั้น พวกมันคงไม่หยุดชะงักกลางคันเช่นนี้


 


แต่ตอนนี้ มันดูเหมือนศัตรูจะใช้กำลังคนไปไม่ถึง 1%เลยกับการสำรวจ


 


แม้จะไม่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังสถานการณ์ หลินฮวงก็รีบตั้งสติ ผลักคำถามเขาออกไป กลับไปให้ความสนใจกับการต่อสู้


 


‘มีผู้รุกรานอย่างน้อยล้านในระลอกนี้ แถม. อาจมากเกินกว่าสองล้านด้วยซ้ำ’หลินฮวงประเมินคร่าวๆจากความผันผวน’ต่อให้ทาสดาบ ไป่และคนอื่นปลดผนึกพลัง พวกมันก็ไม่มีทางฆ่าผุ้รุกรานทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น ผู้รุกรานจะต้องรู้ว่าอุโมงค์มิติทั้งหมดใช้งานได้ หลังจากนั้น เหล่าเทพแท้จริงก็จะลงมา’


 


‘ปัญหาใหญ่ตอนนี้ก็คือจำนวนเทพเสมือนที่มีนั้นเกินกว่าสมมติฐานข้า มันเป็นไปได้ว่าศัตรูอาจมีเทพแท้จริงมากกว่าที่ข้าคิดไว้…”


เดิมเขาประเมินว่าจำนวนเทพแท้จริงในหมู่ศัตรูคงมีไม่เกินร้อย แต่ตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบัน พวกมันอาจมีมากกว่าร้อย


 


พูดตรงๆ การมาของเทพเสมือนนับล้านในระลอกนี้ไม่ได้ทำให้หลินฮวงเป็นกังวลเลย เขากังวลถึงเหล่าเทพแท้จริงที่จะมาถึงซะมากกว่า


เหนือสิ่งอื่นใด จำนวนเทพแท้จริงทางฝั่งเขานั้นมีจำกัด


 


นอกจากตัวเขาและกองทัพมอนสเตอร์เขา มันมีทาสดาบแค่สามร้อยกว่าคน


 


หากเทพแท้จริงเผยตัวมามากเกินไปและฝั่งหลินฮวงไม่สามารถต้านได้ เทพเสมือนในโลกกรวดก็อาจถูกกวาดล้างจนหมด


 


เมื่อแนวป้องกันนี้ในขอบเหวนรกแตกพ่าย เหล่าเทพแท้จริงก็จะกรีฑาทัพสู่แผ่นดินหลักของโลกกรวด เมื่อพวกมันผ่านขอบเหวนรกไป พวกมันจะสามารถใช้พลังจิตเทวะและพบตำแหน่งที่ตั้งเมืองได้ง่ายๆ


 


ยุคแห่งการบ่มเพาะอาจเผชิญหน้ากับการทำลายล้างอีกครั้ง


 


วินาทีที่ความเป็นไปได้เหล่านี้ผุดขึ้น หลินฮวงก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่กดทับตัวเขา


 


ในขณะเดียวกัน ความผันผวนมิติจากอุโมงค์มิติก็ยิ่งรุนแรงขึ้น


 


หลินฮวงและคุณฟู่ไม่ใช่คนเดียวที่สั่งเกตเห็นความผิดปกติ เทพเสมือนคนอื่นเองก็พบมันเหมือนกัน


 


ท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงของหลินฮวงพลันระเบิดออกมาเหมือนฟ้าผ่า


 


“จงฟัง ทุกองค์กร!ใช้วิธีโจมตีแบบวงกว้างทั้งหมดที่มีออกมาซะ!มันไม่สำคัญว่าจะเป็นความสามารถเทวะ ทักษะเทวะ อาวุธหรืออุปกรณ์ใด ตราบเท่าที่พวกมันมีผลโจมตีแบบวงกว้าง จงใช้พวกมัน!กองทัพศัตรูครั้งนี้อาจมีมากเกินกว่าล้าน!”


 


แม้หลินฮวงจะไม่ใช่ผู้นำรัฐบาลกลาง แต่ทุกคนก็ได้เห็นถึงความสามารถเขามาแล้ว เช่นนั้น พวกเขาจึงเชื่อใจเขาสนิทตอนเขาพูดเช่นนี้และเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้


 


หลังเขาตะโกนออกคำสั่ง หลินฮวงก็หันไปสั่งมอนสเตอร์เขา


“พวกเจ้าถอยออกมา หยุดคิดถึงวิธีการฆ่าศัตรูแบบทันทีและสลับมาใช้การโจมตีแบบวงกว้าง เจ้าอาจปลดผนึกพลังได้หากจำเป็น!”


 


หลังได้รับคำสั่ง เหล่ามอนสเตอร์ก็เริ่มถอยออกห่างอุโมงค์มิติ


 


ทันทีหลังไป่และตัวอื่นถอยออกมา ความผันผวนที่แผ่จากอุโมงค์มิติก็พุ่งถึงจุดสูงสุดเกือบพร้อมกัน


 


วินาทีต่อมา คลื่นผู้บุกรุกก็กรูกันออกมาอย่างบ้าคลั่ง


 


วินาทีที่พวกมันเผยตัว สิ่งมีชีวิตหุบเหวทั้งหมดที่ถูกบังคับให้เข้าอุโมงค์มิติโดยนิกายพันงูก็พบว่าพวกมันถูกเหล่าเทพเสมือนระดับต่ำรุมจับจ้อง


 


หลังพบที่ระบายอารมณ์ใหม่ มอนสเตอร์นับล้านก็พุ่งเข้าหาเหล่าเทพเสมือนของโลกกรวดกันอย่างบ้าคลั่ง


 


แม้หลินฮวงจะบอกพวกเขาไว้ล่วงหน้าแล้ว เหล่าเทพเสมือนในโลกกรวดก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้ตอนเห็นจำนวนพวกมัน


 


มอนสเตอร์อัญชิญภายใต้หลินฮวงเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเล


 


กู่หรงลอยขึ้นำแบนฟ้า หลับตาและประกบมือขณะท่องบทสวด เสียงสวดนั้นเริ่มสะท้อนไปทั่ว รัศมีสีทองแผ่ออกจากตัวมัน ปลดปล่อยออกไปทุกทิศทาง เมื่อคลื่นพลังกวาดผ่านสิ่งมีชีวิตหุบเหวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอันเดทหรือวิญญาณ พวกมันจะกรีดร้องโหยหวนและสลายเป็นเถ้าถ่าน


 


ในฐานะผู้บ่มเพาะสายพุทธ พลังเทวะของกู่หรงถือเป็นขั๋วตรงข้ามกับพลังงานด้านลบ


 


ต่อให้มันจะมีระดับพลังแค่เทพเสมือนขั้น1 มันก็ยังป้องกันเทพเสมือนขั้น3ได้ นับประสาอะไรกับระดับพลังเทพเสมือนขั้น9อย่างตอนนี้


ที่ใดก็ตามที่คลื่นรัศมีสีทองแผ่ออกไป มอนสเตอร์ระดับเทพเสมือนเหล่านั้นจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งวินาที


 


นอกจากกู่หรง ผลงานของไป่เองก็โดดเด่น


มันไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ


แต่ทว่า อากาศรอบตัวมันกลับกระเพื่อม อนุภาคแวมไพร์ไร้สีลอยอยู่ทั่ว แต่เมื่อใดก็ตามที่อนุภาคโดนตัวมอนสเตอร์ พวกมันจะจมเข้าไป หลังจากนั้นไม่นาน มอนสเตอร์จะเริ่มระเบิดทีละตัว เปลี่ยนเป็นปีศาจเลือดด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า


 


ปีศาจเลือดแต่ละตัวจะมีพลังใกล้เคียงเดิม พวกมันเปลี่ยนเป็นนักรบภายใต้บัญชาของไป่และเริ่มโจมตีผู้รุกรานแทน


 


ใกล้กับไป่ ตัวตลกเองก็สามารถควบคุมมอนสเตอร์กลุ่มใหญ่ได้ด้วยพลังของมัน


 


สิ่งที่แตกต่างจากไป่คือตัวตลกนั้นหัวเราะลั่นขณะบินผ่านทะเลกองทัพมอนสเตอร์


 


มอนสเตอร์ทั้งหมดจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายเมื่อตัวตลกบินผ่านและเริ่มโจมตีกันเองอย่างบ้าคลั่ง


 


ครั้งนี้ มันกลายเป็นว่า ใครก็ตามที่ได้ยินเสียงหัวเราะของมันจะอยู่ในสภาพขาดสติ


 


ในอีกบริเวณหนึ่ง แลนเซล็อตในชุดเกราะสีแดงเต็มตัวกำลังควบคุมดาบบินนับหมื่น ส่งพวกมันเฉือนผ่านกองทัพมอนสเตอร์ ทุกการโจมตี มันจะฆ่าผู้รุกรานไปได้นับหมื่น


 


ทางฝั่งของชาโคลยิงรุนแรง


อะไรก็ตามที่สัมผัสกับเพลิงมังกรดำมันจะสลายหายไป หลงเหลือไว้เพียงเถ้าถ่าน


 


ไทแรนด์ยิ่งป่าเถื่อน มันใช้วิธีตรงไปตรงมา เปลี่ยนตัวเองเป็นยักษ์สวรรค์สูงเสียดฟ้า ทุกย่างก้าว มันจะก้าวไปไกลกว่าแสนเมตร บดขยี้ทุกอย่างจนแหลกเละ


 


ในศึกนี้ ผลงานของราชาจักรกลนับว่ามากสุด


วินาทีที่กองทัพมอนสเตอร์มาถึง มันก็เรียกหุ่นยนต์นับล้านออกมา กราดยิงฝูงมอนสเตอร์ที่กรูออกมาจนพรุน


 


มันยังเป็นคนเดียวที่กำจัดผู้รุกรานทั้งหมดในอุโมงค์มิติได้ในเวลาไม่ถึงห้าวินาที เร็วเสียยิ่งกว่ากู่หรง ไป่และตัวอื่น


 


มอนสเตอร์ตัวอื่นอย่างแม่มดก็ทำได้ดีเช่นกัน แม้จะไม่มีใครปลดผนึกพลังตัวเอง พวกมันก็ยังถือว่าไร้เทียมทาน


 


เมื่อเหล่าเทพเสมือนของโลกกรวดเห็นว่ามอนสเตอร์อัญเชิญของหลินฮวงร้ายกาจแค่ไหน ขวัญกำลังใจพวกเขาก็พุ่งทะยานและพวกเขาก็เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย!

 

 

 


ตอนที่ 1433

 

อาวุธสังหารเทพแท้จริง

“สายพันธุ์อันเดทและวิญญาณมากถึงเพียงนี้?!”


 


หลินฮวงขมวดคิ้วแน่นเมื่อตรวจพบกลิ่นอายผู้รุกราน แต่นั่นก็เกิดขึ้นไม่นาน


 


“หรือพวกมันจะจับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จากมิติอันเดทมา!”


 


ความคิดวิ่งเข้าหัวหลินฮวง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมการรุกรานครั้งนี้ถึงเกินกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้


 


สิ่งเดียวที่มิติอันเดทมีอยู่มากคือเผ่าอันเดทและวิญญาณ ตลอดหกวันที่ผ่านมา ผู้รุกรานจากมหาพิภพคงจับมอนสเตอร์ท้องถิ่นจำนวนมากจากมิติอันเดทมาเป็นทัพหน้า


 


นี่ยังอธิบายได้ถึงความโกรธของเหล่ามอนสเตอร์หลังพวกมันถูกส่งมาที่นี่


 


ใครก็ตามที่ถูกลักพาตัวและจากนั้นก็ถูกบังคับให้เข้าสนามรบย่อมรู้สึกแบบเดียวกัน


 


หลินฮวงพอใจอย่างมากกับผลงานของพวกไป่ แต่ทว่า เขาเลือกจะนั่งข้ามสนามและเฝ้าดูในครั้งนี้ ไม่คิดเคลื่อนไหวใดๆ


 


เนื่องจากม่านได้ยกขึ้นแล้ว จึงไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องทำการสังหารทันทีอีก


 


ความจริงที่ว่าอุโมงค์มิตินั้นใช้งานได้ย่อมถูกพบโดยศัตรูไม่ช้าก็เร็ว


 


ในช่วงเวลาเช่นนี้ เขาชอบจะหย่อนยานเพื่อให้ผู้รุกรานเข้าใจผิด ประเมินความแข็งแกร่งของโลกกรวดผิดพลาด แสดงถึงความอ่อนแอเพื่อล่อให้ศัตรูเทพแท้จริงเข้าร่วมการต่อสู้เร็วขึ้น


 


หากโลกกรวดเริ่มสู้ด้วยพลังที่กดขี่เกินไป มันอาจทำให้ผู้รุกรานระวังตัวขึ้น การล่าสิ่งมีชีวิตหุบเหวเพื่อส่งมาเป็นแนวหน้าเป็นผลมาจากการที่โลกกรวดแสดงพลังมากเกินไปในช่วงสำรวจ หลินฮวงไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นอีก


 


แม้มอนสเตอร์อัญเชิญจะยังไม่ใช้ความสามารถเต็มที่และเหล่าทาสดาบก็ยังปิดซ่อนพลังไว้ แต่กลุ่มเทพเสมือนในโลกกรวดก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว


 


พวกเขาใช้การโจมตีระยะไกลหลายประเภท


 


สำหรับรัฐบาลกลาง พวกเขานำอาวุธสังหารเทพแท้จริงออกมาทันที


 


แตกต่างจากอาวุธสังหารเทพที่หลินฮวงมี มันสามารถสร้างความเสียหายให้ได้แค่กึ่งเทพ อาวุธสังหารเทพแท้จริงของรัฐบาลกลางนั้นมีปากกระบอกปืนที่ทำจากหินเทวะเป็นส่วนประกอบหลัก ตัวอาวุธยังใช้ผลึกเทวะเป็นแหล่งพลังงานและเทพเสมือนก็ต้องผสานพลังเทวะตัวเองลงไปเพื่อให้มันทำงาน


 


ถ้าเทพเสมือนขั้น4ใช้อาวุธสังหารเทพแท้จริง พลังมันก็จะมากพอกำจัดเทพเสมือนขั้น6 นอกจากนี้ อาวุธสังหารเทพแท้จริงยังเป็นแบบวงกว้าง นี่ทำให้ไม่ต้องเล็งเป้า ตราบเท่าที่เป้าหมายอยู่ในระยะโจมตี พวกมันจะบาดเจ็บสาหัสต่อให้ไม่ตายก็ตาม


 


แต่ทว่า อาวุธเช่นนี้ก็มีข้อบกพร่องร้ายแรง ยิ่งระดับพลังของผู้ใช้สูง พลังที่ปล่อยมาก็ยิ่งมาก แต่ทว่า จำนวนของผลึกเทวะที่ใช้ก็ยิ่งมากขึ้นเช่นกัน


 


สำหรับพวกเขา ผลึกเทวะถือเป็นของหายากมากในโลกกรวด หากไม่ใช่ว่ารัฐบาลกลางได้รับผลึกเทวะจำนวนมากผ่านช่องทางของขัตติยะ ผลึกเทวะที่รัฐบาลกลางมีคงทำให้พวกเขาใช้อาวุธสังหารเทพแท้จริงได้แค่ไม่กี่ครั้ง


 


นอกจากรัฐบาลกลาง องค์กรชั้นนำอื่นก็นำไพ่ตายออกมา


 


นักล่าระดับเทพเสมือนทุกคนในสมาคมนักล่านำจิตวิญญาณอสูรสองหรือสามตัวที่มีพลังใกล้เคียงกับพวกเขาออกมา


 


จิตวิญญาณอสูรคล้ายกับมอนสเตอร์อัญเชิญ แต่จิตวิญญาณอสูรไม่มีร่างกาย ดังนั้น พวกมันจึงต้านทานการโจมตีกายภาพได้ทุกประเภท แต่มีระยะเวลาเรียกออกมา


 


หลังจิตวิญญาณอสูรนับร้อยถูกเรียกออกมา ซึ่งยังรวมตัวกันเป็นค่ายกลต่อสู้ขนาดมหึมา มีรูปร่างเป็นมอนสเตอร์คล้ายมนุษย์ถือดาบยักษ์-ภาพจำแลงของค่ายกลนั้นครอบครองความสามารถที่เหนือเสียยิ่งกว่าเทพเสมือนขั้น9


 


ทุกการสะบัดดาบ ไม่ว่าคลื่นดาบจะผ่านไปทางไหน ศพมอนสเตอร์จะกองเป็นพะเนิน


 


ทางฝั่งผู้ปลดปล่อย เทพเสมือนกว่า30คนได้สร้างค่ายกลต่อสู้ รวมกันเป็นรูปทรงของพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่


 


พระพุทธรูปทองคำมีความสูงมากกว่าหมื่นจั้ง มีการท่องบทสวดออกจากปาก


 


เสียงนั้นดังสะท้อนไปทั่ว ร่างของมอนสเตอร์เริ่มลุกเป็นไฟด้วยไฟสีแดงแปลกๆ


 


ไม่นานนัก ร่างของมอนสเตอร์ก็เบ่งบานเป็นดอกบัวสีแดงน่าหลงใหล สนามรบดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสระบัว


 


ทางฝั่งนักฆ่าเงา ค่ายกลต่อสู้พวกเขารวมกันเป็นเทพแห่งความตายชุดดำ


 


วิธีการของเทพแห่งความตายชุดดำนั้นค่อนข้างแปลกประหลาด


 


ด้านใต้ชุดคลุมดำ เงาของมอนสเตอร์ที่บุกรุกเข้ามานับไม่ถ้วนเหมือนมีชีวิต พันรอบร่างที่มาของเงาตัวเอง ลากพวกมันไปสู่ความมืดไร้สิ้นสุดภายใต้ชุดคลุมดำ


 


แต่ทว่า ใครก็ตามที่ถูกลากเข้าไปใต้ชุดคลุมดำจะเสียสัญญาณชีวิตทั้งหมดราวกับร่างกายและดวงวิญญาณพวกมันจมอยู่ในหุบเหวไร้สิ้นสุด


ในขณะเดียวกัน ผีเสื้อลึกลับก็ได้รวมตัวกันเป็นมอนสเตอร์คล้ายกับผีเสื้อสีแดงอมม่วง


 


มอนสเตอร์ผีเสื้อมีปากยาวกว่าร้อยเมตร แม้มันจะเล็กกว่าเงาค่ายกลอื่นๆ มันก็มีความซับซ้อนและสวยกว่า


 


ขณะที่ปีกของผีเสื้อกระพือ ประกายแสงดาวจะกระจัดกระจายไปทั่ว


 


แต่ วินาทีที่พวกมอนสเตอร์สัมผัสกับแสงดาวที่โปรยลงมาเพียงเล็กน้อย ร่างของพวกมันจะเริ่มเน่าเปื่อยทันที มีตุ่มหนองนับไม่ถ้วนผุดขึ้นจนกระทั่งเหลือแค่กองเลือด



หลินฮวงตรวจดูรอบๆและสังเกตว่าแต่ละองค์กรทำได้ดีพอสมควร


 


แต่ทว่า สิ่งที่ต้องตาเขาสุดไม่ใช่รัฐบาลกลาง สมาคมนักล่าหรือนักฆ่าเงา แต่เป็นผีเสื้อลึกลับ


 


‘แสงดาวนั่น..มันดูเหมือนจะไม่ใช่สารพิษ มันเหมือนพลังงานประเภทมลพิษมากกว่า..’


 


หลินฮวงสังเกตเห็นว่าร่างกายมอนสเตอร์ที่รุกรานนั้นเน่าเปื่อยและมีตุ่มหนองผุดขึ้นหลังสัมผัสแสงดาว ไม่ใช่เพราะสารพิษ มันเป็นการกลายพันธุ์ที่เกิดจากมลพิษทางพลังงาน


 


แม้จะปิดบังไว้ ผีเสื้อลึกลับก็ล้มเหลวในการปิดบังมันจากหลินฮวงผู้ใช้พลังกฏเทพได้


 


ตลอดมา หลินฮวงไม่สนใจองค์กรใหญ่นี้มากนัก แต่ตอนนี้ มันดูเหมือนผีเสื้อลึกลับจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่าหุบเหว


 


แต่ทว่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสงคราม หลินฮวงไม่มีแผนซักผ้าสกปรกของผีเสื้อลึกลับตอนนี้


 


หลินฮวงมีอีกเหตุผลที่ไม่อยากหาเรื่องตอนนี้ แค่เพราะผีเสื้อลึกลับมีทักษะที่เกี่ยวกับหุบเหว มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาอยู่ทางฝั่งเผ่าหุบเหว ตัวอย่างนั้นคือตัวหลินฮวงเอง เขาคือเจ้านายราชินีเผ่าแมลงและมีกองทัพเผ่าแมลงรวมถึงรังกาแล็กซี่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาอยู่ข้างเผ่าแมลง


 


‘ข้าหวังว่าพวกเขาจะแค่หยิบยืมความสามารถเหล่านี้มาใช้’หลินฮวงพึมพำ


 


นอกจากองค์กรใหญ่ต่างๆ องค์กรอื่นเองก็ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเช่นกัน พวกเขาไม่มีใครหย่อนยานกันเลย


 


ทุกคนเข้าใจดีว่าถ้าพวกเขาแพ้ศึกนี้ มันจะเทียบเท่ากับการยอมยกโลกกรวดให้ผู้รุกราน ไม่มีใครอยากเป็นทาส และก็ไม่อยากเห็นบ้านเกิดตัวเองถูกทำลายล้าง ดังนั้น พวกเขาจึงต้องทุ่มสุดตัว


 


ครั้งนี้ แม้แต่คุณฟู่ก็ยังถกแขนเสื้อและร่วมสู้ด้วย


 


คุณฟู่ปล่อยพลังเต็มที่โดยไม่มีการเก็บรั้งไว้ พุ่งใส่ฝูงมอนสเตอร์โดยตรงในชุดเกราะเต็มตัว


 


หลินฮวงยังปล่อยจิตเทวะคลุมตัวคุณฟู่เพื่อจับตาดูการเคลื่อนไหวของคุณฟู่


 


แน่นอน สนามรบไม่มีใครที่หย่อนยานเลย


 


นอกจากมอนสเตอร์อัญเชิญของหลินฮวง เหล่าทาสดาบเองก็ไม่ได้ปล่อยพลังเต็มที่ ไม่มีใครปลดผนึกระดับพลังตัวเองเป็นเทพแท้จริง


นอกจากนี้ยังมีอู่โม่และหลินซวน


 


ทั้งคู่รู้ว่าบทสรุปของการต่อสู้ทั้งหมดไม่ใช่ปัจจุบัน พวกเขาต่างรักษาพลังเทวะไว้เพื่อเตรียมรับมือกับเหล่าเทพแท้จริง สำรับพวกเขา ศึกนี้เป็นแค่การอุ่นเครื่องและไม่ต้องให้ความสนใจมากนัก


 


ในขณะเดียวกัน หลินฮวงไม่ได้ทำการเคลื่อนไหวใดๆ ถึงกระนั้น ก็ไม่มีใครบ่น


ทุกคนได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของเขามาแล้ว พวกเขาจึงแค่คิดว่าเขาคงเก็บพลังไว้สำหรับศึกสุดท้าย


 

 

 


ตอนที่ 1434

 

การมาถึงของเทพแท้จริง

มหาพิภพ มิติอันเดท


 


มอนสเตอร์หุบเหวนับไม่ถ้วน สายพันธุ์อันเดท และประเภทวิญญาณกรูกันผ่านอุโมงค์มิติ


 


เถิงหรานนั่งบนเก้าอี้สีทองหรูหรา ผมสีทองเขากระเซิงเล็กน้อย ลำตัวเขาเอนไปข้างหน้า และดวงตาก็จับจ้องอุโมงค์มิติไม่ละสายตา


 


อึดใจต่อมา มีคนรายงานอย่างต่อเนื่องว่าพวกมอนสเตอร์ที่ส่งไปนั้นอยู่รอดได้นานกว่า 5 วินาที


 


จำนวนคนรายงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเถิงหรานก็ผ่อนคลายและมุมปากก็ยกโค้งขึ้น


 


“ข้ารู้แล้ว อุโมงค์มิติไม่มีปัญหา มันเป็นคนจากโลกกรวดที่ปั่นหัวเรา!”


 


เหตุผลที่เขาสามารถยืนยันได้เพราะหากอุโมงค์มิติมีปัญหาจริงๆ ไม่ว่าคนจะเข้าไปมากแค่ไหน พวกมันก็ควรตายทันที สำหรับอุโมงค์มิติทางไกลที่ทอดข้ามโลกเช่นนี้ เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับกฏมิติ พลังของพายุมิติและรอยแยกมิตินั้นจะเกินกว่าที่ร่างกายเทพแท้จริงรับได้ หากนักสำรวจปกติดีหลังผ่านไปสามวินาที มันก็สันนิษฐานได้ว่าการเคลื่อนย้ายนั้นสำเร็จ เถิงหรานจงใจขยายระยะเวลาเป็นห้าวินาทีเพื่อรับประกันความปลอดภัย


สิบวินาทีหลังส่งไป


ชายหัวงูให้รายงานถึงสถิติ”โดยพื้นฐาน เราสามารถสรุปได้ว่ามีอุโมงค์ที่ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ 30 แห่ง อีกสองที่ส่งไปตายทันทีและอีกสามตายภายใน5-7วินาที”


 


มีทั้งหมด 35 อุโมงค์มิติบนมหาพิภพ แต่ทางออกสู่โลกกรวดมีแค่ 33 อันเท่านั้น


 


สำหรับอุโมงค์ที่มีปัญหาอีกสามแห่ง พวกมันคืออุโมงค์ที่ได้รับการปกป้องโดยราชาจักรกล กู่หรง และไป่


 


“อุโมงค์ทั้งสามนั้นอาจถูกคุ้มกันโดยยอดฝีมือ มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”เถิงหรานตัดสินใจอย่างรวดเร็ว”แต่ก็ให้หลีกเลี่ยงพวกมันซะ อุโมงค์ 30 แห่งก็พอให้ใช้งานแล้ว”


 


หลังพูดจบ เถิงหรานก็หันไปทางชายหัวงู”ส่งเทพแท้จริงที่จับได้เข้าไปซะ”

ชายหัวงูพยักหน้าและส่งคลื่นเสียงไปหาเหล่าเทพแท้จริง จากนั้นก็เริ่มการส่งกองทัพระลอกใหม่ไป


 


เทพแท้จริงทั้ง 37 รวมถึงเถิงหรานได้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มอย่างรวดเร็ว และเทพแท้จริงที่พวกเขาจับได้ก็ถูกส่งผ่านอุโมงค์มิติไป



โลกกรวด ขอบเหวนรกชั้นสาม


 


หลินฮวงพลันเงยหน้าขึ้น มองไปทางอุโมงค์มิติ


 


ผู้รุกรานระดับเทพเสมือนนับล้านถูกส่งมาประมาณสิบวินาทีก่อน แต่ความผันผวนก็ถูกส่งมาจากอุโมงค์มิติอีกครั้ง


 


ครั้งนี้ ความผันผวนถูกปล่อยออกจากอุโมงค์มิติแค่ 30 แห่ง


 


แต่ทว่า หลินฮวงคาดว่ามีโอกาสสูงที่เทพแท้จริงจะมาพร้อมกับระลอกนี้


 


เจตจำนงของโลกกรวดถูกยับยั้งอย่างสมบูรณ์แล้วและจะไม่ตื่นขึ้นเร็วๆนี้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง การมาของเทพแท้จริงจะไม่ถูกปฏิเสธอีก และผู้รุกรานก็สามารถมาได้ด้วยพลังระดับเทพแท้จริง ความสามารถพวกเขาไม่ถูกจำกัดอีก


 


แม้คุณฟู่และเทพเสมือนคนอื่นจะยุ่งอยู่ พวกเขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติอย่างรวดเร็ว


 


หลายคนเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและสีหน้าพวกเขาก็ซีดเซียว


 


เสียงของหลินฮวงพลันดังไปทั่วอากาศ


 


“ทุกคน เตรียมพร้อม เทพแท้จริงควรจะมาถึงในระลอกนี้!อย่าปิดบังอะไร หากมีไพ่ตายที่ยังไม่ใช้ มันถึงเวลานำออกมากันแล้ว!”


 


ตั้งแต่ต้น เขารู้ว่าท่ามกลางเทพเสมือนมากมายของโลกกรวด กว่า 30 กำลังปกปิดพลังแท้จริงไว้ นอกจานกี้ยังมีสองคนจากผู้ปลดปล่อย และอีกกว่าหกคนที่ครอบครองพลังเทียบเท่ากับเทพเสมือนขั้นสูง สองในหกเหล่านี้คือเทพเสมือนขั้น 9 และมาจากรัฐบาลกลางกับนักฆ่าเงา


 


รวมถึงสองคนจากผู้ปลดปล่อย โลกกรวดสามารถสร้างค่ายกลต่อสู้ได้อย่างน้อย 8 อันที่สามารถสู้กับเทพแท้จริงได้ แต่ทว่า อย่างมากพวกเขาก็สู้ได้แค่เทพแท้จริงขั้น 3


 


หลินฮวงยังคาดเดาว่านอกจากค่ายกลต่อสู้ องค์กรชั้นนำอื่นควรมีวิธีการอื่น


 


หลังแจ้งเตือน หลินฮวงก็ถ่ายทอดคำสั่งเขาไปยังทาสดาบและมอนสเตอร์อัญเชิญทั้งหมด”ปลดผนึกระดับพลัง เตรียมเผชิญหน้ากับเทพแท้จริง!”


เมื่อได้ยินคำสั่งของหลินฮวง มอนสเตอร์อัญเชิญก็ปลดผนึกพลังกันทันที


 


กลิ่นอายพวกมันจากเดิมเทพเสมือนขั้น9ทะลุไปถึงระดับเทพแท้จริง กลิ่นอายที่น่ากลัวปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง


 


เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังจากมอนสเตอร์อัญเชิญ เหล่าเทพเสมือนจากโลกกรวดก็ตกตะลึง


 


โดยเฉพาะ เหล่าเทพเสมือนขั้นสูงที่ปกปิดพลังแท้จริงไว้ พวกเขาคือคนที่สามารถสัมผัสพลังระดับเทพแท้จริงของเหล่ามอนสเตอร์อัญเชิญได้


 


“กลิ่นอายนี้ เทพแท้จริง?!”


 


“มอนสเตอร์อัยเชิญภายใต้บัญชาของหลินฮวงล้วนเป็นเทพแท้จริง?!”


“หลินฮวงแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่ถึงสามารถควบคุมเทพแท้จริงได้มากถึงขนาดนี้?!”


 


ขณะที่ทุกคนยังตกใจ กลิ่นอายที่น่ากลัวก็ส่งมาอีก


 


ทุกคนหันไปมองทางนั้น มันคือทางฝั่งของพันธมิตรดาบ คลื่นพลังที่น่ากลัวของเต๋าดาบพุ่งขึ้นฟ้า และกลิ่นอายแต่ละอันก็มากพอจะฉีกสวรรค์…


 


“กลุ่มนั้นจากพันธมิตรดาบ…พวกเขาเป็นเทพแท้จริงกันหมด?!”


 


“พลังของคนเหล่านี้ยังเหนือกว่ามอนสเตอร์อัญเชิญของหลินฮวงซะอีก!”


“ผู้บ่มเพาะดาบเหล่านี้โผล่ออกมาจากไหนกัน?!”


แม้กระทั่งพวกรัฐบาลกลางที่รู้ข่าวจากหลินฮวงล่วงหน้าก็ยังไม่สามารถปกปิดความตกใจบนหน้าได้ตอนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเหล่าคนจากพันธมิตรดาบ


 


“กำลังเสริมกลุ่มนี้ที่หลินฮวงนำกลับมาจากมหาพิภพน่ากลัวมาก!”


เมื่อเห็นว่าพลังของเหล่าทาสดาบและมอนสเตอร์อัญเชิญเขาคลายกันหมดแล้ว หลินฮวงก็โบกมืออีกครั้ง และเรียกอสูรแมลงระดับบรรพกาล ยกเว้นราชินีเผ่าแมลงออกมา


 


ราชาตะขาบสวรรค์ หนอนหลายตาสองตัว หนอนสุดยอดสมองสองตัว แมลงทองคำสองตัว ทาสแมลง และองครักษ์แมลงแมงมุมสี่ตัว – เมื่อมอนสเตอร์ทั้ง12ถูกอัญเชิญออกมา มันก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน


 


“เผ่าแมลง?!”


 


“อย่าตกใจ นี่คือมอนสเตอร์ที่ข้าปราบมาจากมหาพิภพ!”หลินฮวงรีบอธิบาย


 


แม้ผู้ควบคุมจะไม่ค่อยทำสัญญากับแมลง แต่ก็ไม่มีกฏห้ามว่าผู้ควบคุมต้องใช้มอนสเตอร์อื่นนอกจากแมลง นอกจากนี้

หลินฮวงไปมหาพิภพมา บางทีผู้ควบคุมของมหาพิภพเองก็คงควบคุมแมลงได้ เช่นนั้น หลายคนจึงผ่อนคลาย


 


ไม่ว่ายังไง มันไม่สำคัญว่ามอนสเตอร์ของหลินฮวงจะเป็นชนิดใด ตราบใดที่เขายังเป็นมนุษย์และมอนสเตอร์ที่เขาเรียกออกมานั้นสู้เพื่อมนุษย์ก็พอแล้ว ทำไมพวกเขาควรสนใจว่าเขาจะเรียกตัวอะไรออกมา?


 


ร่างของแมลงทั้ง 12 ก่อตัวกันอย่างรวดเร็วตรงหน้าหลินฮวง ระดับพลังของวกมันคือเทพแท้จริงขั้น3


 


 


ก่อนมอนสเตอร์แมลงของหลินฮวงจะได้เข้าร่วมการต่อสู้ การเคลื่อนย้ายจากอุโมงค์มิติก็เสร็จสมบูรณ์..


 


มอนสเตอร์เทพแท้จริงนับพันได้มาถึงแล้ว!

 

 

 


ตอนที่ 1435

 

รังกาแล็กซี่!

หลินฮวงใช้จิตเทวะกวาดรอบๆ และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นความตกใจ


 


มอนสเตอร์ระดับเทพแท้จริงเกือบห้าพันได้มาถึงแล้ว!


 


การคาดการณ์เขาหลุดไปมาก ก่อนหน้าเขาเดาว่าอีกฝ่ายคงมีเทพแท้จริงไม่เกินร้อย แต่จำนวนจริงกลับมากกว่านั้น 50 เท่า ซึ่งเท่ากับตบหน้าเขา


 


อย่างไรก็ตาม หลินฮวงยังสังเกตเห็นว่าเทพแท้จริงส่วนใหญ่เกือบห้าพันเหล่านี้คือสายพันธุ์อันเดทและวิญญาณ มีจำนวนน้อยที่เป็นสิ่งมีชีวิตหุบเหว ไม่มีใครเป็นโปรตอสจากแดนเทพ


 


นี่เป็นการยืนยันการคาดเดาก่อนหน้าเขาด้วย ผู้รุกรานได้จับมอนสเตอร์จำนวนมากจากมิติอันเดทมาเป็นทัพหน้า ไม่เพียงเทพเสมือน แต่ยังรวมถึงเทพแท้จริงด้วย


 


โชคดี ในบรรดาเทพแท้จริงเกือบห้าพัน ส่วนใหญ่เป็นขั้นต่ำและกลาง มีขั้นสูงไม่มาก แค่สามร้อย และท่ามกลางเหล่านั้น มีแค่สามที่เป็นขั้น 9


 


เมื่อาเห็นเหล่าทาสดาบพุ่งเข้าสนามรบอย่างไม่เกรงกลัว หลินฮวงก็เปิดใช้จิตเทวะเขาและมีดบินพลังจิตกว่าสามร้อยก็พุ่งออกจากแขนเสื้อเขา ซึ่งเหมือนกับสายฟ้าสีเลือด สร้างเป็นเส้นพรมแดนไม่ให้เหล่ามอนสเตอร์เข้าใกล้


 


ในความเป็นจริง ด้วยพลังของหลินฮวงที่เกือบถึงขีดจำกัดของเทพแท้จริง มันไม่ยากสำหรับเขาที่จะกำจัดเทพแท้จริงขั้นสูงเหล่านี้ภายในเสี้ยวพริบตา เหตุผลที่เขาแค่ขัดขวางและไม่ยอมฆ่าพวกมันก็เพื่อหลีกเลี่ยงกาเรปิดเผยพลังเขาต่อศัตรูจากมหาพิภพที่ยังไม่มา


 


หากเขาสามารถสังหารเทพแท้จริงขั้นสูงเหล่านี้ได้ทันที โอกาสที่ศัตรูจะเรียกกำลังเสริมมาก็ยิ่งมาก


 


ทุกคนจากโลกกรวดต่างเป็นสักขีพยานถึงฉากที่หลินฮวงจัดการกับเทพแท้จริงขั้นสูงด้วยความสามารถตัวเขาเอง


 


แม้คนส่วนใหญ่จะไม่สามารถบอกระดับพลังที่เฉพาะเจาะจงของกลุ่มมอนสเตอร์ที่หลินฮวงขวางทางไว้ได้ พวกเขาก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน่ากลัวที่ปล่อยออกมาจากมอนสเตอร์เหล่านี้


 


กลิ่นอายแต่ละกลิ่นอายเหมือนเปลวไฟปีศาจกลุ่มใหญ่ในสายตาของตงฟางไป่และคนอื่น หัวใจพวกเขาเต้นกระหน่ำเพียงแค่เห็นพวกมัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแค่พวกมันสักตัวก็คงมีพลังพอจะกวาดล้างทั้งโลกกรวด


 


แต่ทว่า หลินฮวงกลับพึ่งพาแค่มีดบินพลังจิต และสามารถขวางทางมอนสเตอร์เหล่านี้จากการเข้าร่วมสนามรบได้


 


คนที่ประเมินพลังหลินฮวงไว้สูงมากแล้วยังพบว่าตัวเองประเมินต่ำไป


 


“มอนสเตอร์กว่าสามร้อยที่ถูกหลินฮวงขวางไว้อาจเป็นเทพแท้จริงขั้นสูง แต่เขากลับหยุดทั้งหมดได้ลำพัง…ข้าต้องประเมินพลังเขาใหม่อีกแล้ว”ตงฟางไป่พึมพำ”โลกกรวดนั้นเล็กเกินไปสำหรับเขาจริงๆ”


ตอนนี้ตงฟางไป่เชื่อคำพูดของเจียงฉานแล้วจริงๆที่ว่า’โลกกรวดนั้นเล็กเกินไปสำหรับหลินฮวง’


 


“ปัจจุบัน สถานการณ์ยังไม่สู้ดี จำนวนผู้รุกรานระดับเทพเสมือนและเทพแท้จริงเหนือกว่ากองทัพเรา หลินฮวงคนเดียวสามารถขวางเทพแท้จริงขั้นสูงไว้ได้หมด แต่พวกพันธมิตรดาบมีคนไม่ถึงสามร้อยและมอนสเตอร์อัญเชิญของหลินฮวงก็มีแค่ไม่กี่สิบ จำนวนของผู้รุกรานระดับเทพแท้จริงมากกว่าพวกหลินฮวงเกือบสิบเท่า”


 


“แถมยังมีระดับเทพเสมือน ศัตรูมีเทพเสมือนกว่าสองล้าน ส่วนเรามีแค่สองร้อยกว่า ก่อนผู้รุกรานระดับเทพแท้จริงจะมาถึง หลินฮวงและคนอื่นยังพอช่วยเหลือได้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีเวลามา เราต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มากกว่าหมื่นเท่าเพียงลำพัง..”กวนจงรู้สึกสิ้นหวังมาก


 


แต่ทว่า ตอนนี้เอง หลินฮวงได้เคลื่อนไหวอีกครั้ง


 


ภายในความว่างเปล่า รังกาแล็กซี่ขนาดใหญ่ที่เทียบได้กับดวงจันทร์พลันลอยลงสู่สนามรบ


 


รูปทรงของรังนี้เหมือนกับไข่ ลอยเด่นในอากาศสูงเหนือพื้นสิบเมตร มีหลุมไร้ก้นบึ้งจำนวนนับไม่ถ้วนบนผิวมัน ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกขนลุก


 


เหตุผลหลักที่หลินฮวงเรียกรังออกมาเพราะจำนวนนั้นต่างกันเกินไป และทาสดาบกับมอนสเตอร์อัญเชิญเขาก็ยุ่งกับศัตรูระดับเทพแท้จริงจนไม่มีเวลามาช่วยเหลือเทพเสมือนของโลกกรวด ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการอัญเชิญอสูรแมลงออกมาก่อนหน้านี้ ร่วมกับแรงกดดันจากจำนวนผู้รุกราน ความเกลียดชังของทุกคนที่มีต่อกองทัพเผ่าแมลงควรลดลงมาก หลินฮวงรู้สึกว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมในการเรียกกองทัพเผ่าแมลงออกมา


 


ถึงกระนั้น คนส่วนใหญ่ก็ยังผงะตอนเห็นรังกาแล็กซี่พลันปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า


 


“เผ่าแมลง?!”

“รังนี้มาจากไหน?!”


 


เพียงเมื่อทุกคนกำลังสับสน แมลงนับไม่ถ้วนก็กรูกันออกจากรังเหมือนคลื่นมหาสมุทร แห่กันไปหาศัตรู


จากนั้นถึงหลินฮวงถึงพูดขึ้น


 


“อย่าตื่นตระหนก ทุกคน ข้าเป็นคนนำรังนี้มาจากมหาพิภพเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงครามนี้”


 


คำโกหกของหลินฮวงทำให้ทุกคนสบายใจ


 


หากเขาบอกทุกคนว่ารังนี้อยู่ในการครอบครองเขามานานแล้วและเขากำลังเลี้ยงดูกองทัพเผ่าแมลง มันอาจทำให้ผู้คนสงสัยว่าเขาอาจกำลังวางแผนร้ายอยู่


 


มันง่ายกว่าที่คนจะยอมรับว่ารังนั้นคือสมบัติที่เขาซื้อมาในราคาสูงเพื่อสงคราม


 


สิ่งสำคัญสุดคือทุกคนไม่คิดว่ารังนี้จะสามารถหาได้จากโลกกรวด และมูลค่ามันย่อมสูงมาก ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้สงสัยกับคำพูดของหลินฮวง


 


ภายในรัง นอกจากราชินีทั้งหก(สองคือจักรพรรดินีแมงมุม) ยังมีแมลงฟักไข่ระดับบรรพกาลอีกสิบตัว


 


เดิม กองทัพเผ่าแมลงส่วนใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยอสูรแมลงนับร้อยล้านจะมีระดับจักรพรรดิทองม่วงหรอกึ่งเทพ แต่หลังกลับโลกกรวด ประมาณสามแสนตัวได้กลายเป็นเทพเสมือน นอกจานกี้ ผ่านการล่าของหลินฮวงในมหาพิภพตลอดปี เขาได้รับศพเทพเสมือนจำนวนมากและราชินีทั้งหกก็ได้ให้กำเนิดนักสู้เผ่าแมลงระดับเทพเสมือนอีกกลุ่มใหญ่ นี่ทำให้จำนวนกองทัพเผ่าแมลงเพิ่มขึ้นเป็นล้าน


 


ภายในกองทัพเผ่าแมลงนี้ ส่วนใหญ่คือเทพเสมือนขั้นต้น แต่ยังมีเทพแท้จริงกว่า 20 ที่ถูกตั้งครรภ์โดยราชินีทั้งหก ใช้ศพเทพแท้จริงเป็นวัตถุดิบหลัก


 


หลินฮวงไม่กังวลเรื่องความสูญเสียที่เผ่าแมลงอาจประสบในสงครามเลย ตราบเท่าที่ร่างของนักสู้เผ่าแมลงไม่เสียหายเกินไป พวกมันยังสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้หลังตาย อย่างมาก พวกมันก็ต้องใช้วัตถุดิบและพลังงาน สำหรับเผ่าแมลง ศพอสูรเกือบทุกประเภทสามารถใช้เป็นวัตถุดิบเพาะพันธุ์ได้ นี่ยังเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เผ่าแมลงออกอาละวาดไปทั่ว


 


หลังศึกนี้ จำนวนสมาชิกกองทัพเผ่าแมลงภายใต้หลินฮวงอาจเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ ไม่ใช่ลดลง


 


ทันทีที่กองทัพเผ่าแมลงเข้าร่วมรบ ทุกคนจากโลกกรวดก็พลันรู้สึกได้ว่าภาระบนบ่าพวกเขาถูกยกออก


 


การเข้าร่วมของนักสู้เผ่าแมลงระดับเทพแท้จริงกว่า 20 ได้ช่วยลดแรงกดดันของพวกไป่ แต่ก็เล็กน้อย เหนือสิ่งอื่นใด ความแตกต่างด้านจำนวนยังสูงไป


 


โชคดี เทพแท้จริงศัตรูที่ถูกส่งมาร่วมมือกันไม่เป็น ซึ่งทำให้เหล่าทาสดาบและมอนสเตอร์อัญเชิญมีโอกาสพักหายใจบ้าง


 


แม้จะเป็นแบบนั้น ผู้รุกรานก็ยังคงได้เปรียบอย่างมากเนื่องจากความแตกต่างด้านจำนวน ถึงแม้การต่อสู้รอบนี้จะก้ำกึ่งอยู่ชั่วคราว แต่หากเป็นแบบนี้ต่อไป ความพ่ายแพ้ของโลกกรวดก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)