Monster Paradise 1410-1425
ตอนที่ 1410
หลังแองคิโลซอรัสถูกฆ่าตาย มันก็ใช้เวลากว่าสิบวินาทีประตูมิติถึงส่งความผันผวนอีกครั้ง
หลินฮวง ผู้จ้องประตูมิติเงียบๆไม่คิดรอดูว่ามอนสเตอร์ตัวใดจะออกมา เขาเริ่มโจมตีทันที
เขารู้ว่าเกมรอบนี้คือตัวตัดสิน
หลังเสร็จสิ้นการสังหารนี้ แผนของเทพอีกาจะถูกขัดขวางเป็นครั้งที่สาม มีโอกาสสูงที่เขาจะไม่พยายามตรวจสอบเป็นครั้งที่สี่ และมันก็มีแนวโน้มว่าเขาอาจยอมแพ้ต่อการรุกรานนี้
ในความว่างเปล่า ตัวดาบสีแดงพลันเปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีม่วง พุ่งแหวกผ่านอากาศ
หลินฮวงไม่ออมแรงในการโจมตีนี้เลย
แม้แองคิโลซอรัสก่อนหน้าจะเป็นแค่เทพแท้จริงขั้น4 มันก็มีพลังป้องกันที่เทียบได้กับเทพแท้จริงขั้น6
แต่ทว่า แม้กระทั่งผู้สำรวจหนังหนาแบบนั้นก็ยังถูกฆ่าตายทันที ผู้สำรวจชุดสามที่ส่งมาโดยเทพอีกาย่อมแข็งแกร่งกว่านั้นและอาจครอบครองความสามารถพิเศษ
หลังได้ข้อสันนิษฐานนั้น หลินฮวงจึงไม่กล้าออมแรงเลยแม้แต่น้อย
แก่นแท้เต๋าดาบ การตรัสรู้ธาตุและพลังกฏเทพถูกรวมเข้าด้วยกัน
ปลายดาบกลายเป็นสายฟ้าสีม่วงและทะลุผ่านม่านแสงสีขาวจากประตูมิติที่ยังไม่สลายหายไป วินาทีต่อมา ศพที่ถูกผ่าเป็นสองส่วนก็ล้มลงกับพื้น
หลินฮวงเพิ่งตระหนักว่าสิ่งมีชีวิตที่เขาฆ่าไปคือนักล่ามิติ
นักล่ามิติคือมอนสเตอร์ประเภทมิติที่เชี่ยวชาญกฏมิติ
ตัดสินจากกลิ่นอายที่หลงเหลือจากศพ ระดับพลังของนักล่ามิตินั้นเทียบได้กับเทพแท้จริงขั้น7
ตอนนี้หลินฮวงพอมีความคิดคร่าวๆถึงเจตนาของเทพอีกาแล้ว
ด้วยความที่ผู้สำรวจก่อนหน้าตายติดกันถึงสองครั้ง เทพอีกาจึงส่งนักล่ามิติมา
ในแง่หนึ่ง ระดับพลังของนักล่ามิติตนนี้สูงถึงขั้น7 และความแข็งแกร่งโดยรวมก็เหนือกว่าแองคิโลซอรัสมาก ยิ่งไปกว่านั้น มันยังใช้พลังที่เกี่ยวข้องกับมิติ ดังนั้นต่อให้มันพบศัตรูระดับเทพแท้จริงขั้น9 มันก็จะไม่ถุกฆ่าง่ายๆ
ในทางกลับกัน หากมีปัญหากับประตูมิติจริงๆ งั้นอัตรารอดชีวิตของนักล่ามิติก็ยังสูงกว่ามอนสเตอร์ประเภทอื่นเพราะพลังมิตจิมิมัน ตราบเท่าที่นักล่ามิติสามารถกลับมาแบบเป็นๆได้ พวกเขาก็จะสามารถระบุปัญหาได้และพิจารณามัน แต่ทว่า หากนักล่ามิติไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ นั่นก็หมายความว่าประตูมิตินั้นไม่เสถียรและไม่มีความหวังในการใช้มัน
แต่ทว่า ในช่วงการตรวจสอบชุดสามนี้ เทพอีกาได้คำนวณพลาดอีกครั้ง
เขาไม่คิดว่าจะมีใครในโลกกรวดที่สามารถฆ่านักล่ามิติระดับเทพแท้จริงขั้น7ได้
เขายิ่งคาดไม่ถึงว่าจะมีใครในโลกกรวดที่คำนวณการเคลื่อนไหวเขาตั้งแต่ต้น ชักนำเขาไปสู่ทางผิดๆและปล่อยให้เขาได้รับข้อสรุปที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อเห็นว่านักล่ามิติถูกฆ่าภายในชั่วพริบตา ร่างจำแลงเทพอีกาก็ตาเหลือก
ร่างจำแลงเทพอีกาครอบครองความทรงจำของเทพอีกาส่วนหนึ่ง มันจึงรู้ดีว่านักล่ามิติตนนี้เชี่ยวชาญการหลบหลีกมาก เทพแท้จริงขั้น9ทั่วๆไปไม่มีทางฆ่ามันได้ง่ายๆ นับประสาอะไรกับการฆ่ามันในชั่วพริบตา
แต่คนที่อยู่เบื้องหลังหลินฮวงกลับสามารถทำได้
“หรือจะเป็นเทพแท้จริงขั้นสูงสุดที่อยู่เบื้องหลังเขา?!”
ขณะพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ร่างจำแลงเทพอีกาก็หดหู่ใจ ระดับพลังต่อสู้ของร่างจริงมันอยู่ที่เทพแท้จริงขั้น9เท่านั้น และภายในขั้น9 พลังมันถือว่าอยู่ใกล้จุดสูงสุดเท่านั้น
ตอนนี้ มันดูเหมือนว่าคนเบื้องหลังหลินฮวงเองก็เป็นเทพแท้จริงขั้น9 ที่พลังไม่ได้ด้อยไปกว่าร่างจริงของมัน ในความเป็นจริง มันอาจแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ
ทันใดนั้น มันก็ตระหนักว่าการพิชิตโลกกรวดนี้ยากกว่าที่มันคิดไว้มาก
ต่อให้ร่างจริงมันจุติลงมาเอง มันก็ยิ่งน่าอับอายหากเขาไม่สามารถสู้กับเทพแท้จริงขั้น9เบื้องหลังหลินฮวงได้ นอกจากนี้ การเตรียมการล่วงหน้าที่มันเฝ้าพยายามทำมาทั้งปีกลับสูญเปล่า
แต่ทว่า หลังคิดอย่างรอบคอบ ในไม่ช้ามันก็พบปัญหาอื่น
“ในโลกกรวดนี้ ไม่มีทางที่เทพแท้จริงจะสามารถอยู่ได้นาน ต่อให้ใช้วิธีพิเศษเพื่อขัดขวางเจตจำนงของโลกไว้ มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งระดับพลังสูง พวกเขาก็ยิ่งถูกปฏิเสธด้วยเจตจำนงของโลก ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาที่พวกเขาสามารถอยู่ได้สั้นลง หากข้าคำนวณตามร่างจริงข้า เทพแท้จริงขั้น9ที่ลงมายังโลกกรวดจะสามารถอยู่ได้มากสุดแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น”
เมื่อคิดได้แบบนี้ ร่างจำแลงเทพอีกาก็รู้สึกเหมือนตัวเองประสบความสำเร็จครั้งใหญ่
“ยอดฝีมือเบื้องหลังหลินฮวงสามารถอยู่ได้อีกไม่นาน ตราบเท่าที่เรารุกรานหลังเวลาของเขาหมดลง ปัญหาก็จะหมดไป…”
แต่ทว่า สิ่งที่มันไม่รู้ก็คือ’ยอดฝีมือเบื้องหลังหลินฮวง’ที่มันจินตนาการนั้นคือตัวหลินฮวงเอง
ในฐานะชาวพื้นเมืองของโลกกรวด ร่วมกับความจริงที่ระดับพลังเขายังไม่ถึงเทพแท้จริง หลินฮวงจึงสามารถอยู่ในโลกกรวดได้ตามใจชอบ
เขาเลื่อนสายตาออกจากศพสองส่วน หันกลับไปมองประตูมิติอีกครั้ง
เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเทพอีกาจะไม่ส่งผู้สำรวจออกมาอีก แต่ก็ยังต้องระวังไว้
หลังการตรวจสอบที่ไร้ผลลัพธ์ทั้งสามครั้ง หลินฮวงเกือบแน่ใจว่าเทพอีกาคงยกเลิกแผนรุกรานแล้ว
มันเป็นไปไม่ได้ที่เทพอีกาจะเร่งรวมกองทัพใหญ่และส่งพวกมันผ่านประตูมิติโดยปราศจากการตรวจสอบปัญหา
ตามตรรกะปกติ หากแม้แต่นักล่ามิติก็ยังไม่สามารถผ่านประตูมิติได้ งั้นมันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับคนอื่นที่จะเดินทางผ่าน นับประสาอะไรกับกองทัพใหญ่
เช่นเดียวกับที่หลินฮวงคาดไว้ เวลาผ่านไปหลายนาที และก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดจากประตูมิติ
เขายืนตรงนั้น รออยู่หลายนาที และเมื่อเห็นว่าประตูมิติไม่เปล่งแสงอีก เขาก็รู้ว่าเขาชนะเกมจิตวิทยาแล้ว!
เขาจงใจสร้างสถานการณ์ว่าประตูมิตินั้นมีปัญหา หลังการตรวจสอบอย่างรอบคอบสามครั้ง ในที่สุดเทพอีกาก็ตกหลุมพรางเขา และเชื่อในสถานการณ์หลอกๆ
เมื่อเห็นว่าประตูมิติไม่สว่างขึ้น ร่างจำแลงเทพอีกาก็ค่อยๆหมดกำลังใจ
มันสามารถมองเห็นได้ชัดจากทางฝั่งของโลกกรวดว่าประตูมิติไม่มีปัญหาอะไร แต่ร่างจริงมันกลับยอมแพ้ต่อการรุกราน
มันไม่ยากสำหรับมันที่จะเข้าใจการกระทำของร่างหลัก หากมันไม่เห็นฉากตรงหน้ากับตาตัวเอง มันก็คงได้ข้อสรุปเดียวกันกับร่างหลักมัน
“ข้าเกรงว่าร่างหลักเจ้าคงไม่คิดยุ่งกับโลกกรวดอีกแล้ว”หลังยืนยันว่าร่างหลักเทพอีกาล้มเลิกการรุกรานแล้ว หลินฮวงจึงหันไปยิ้มให้กับร่างจำแลงเทพอีกา
แม้รอยยิ้มเขาจะดูอบอุ่นและสง่างาม ร่างจำแลงเทพอีกาก็รู้สึกหนาวลงสันหลัง แม้จะแบบนั้น สีหน้ามันกลับยังสงบและไม่แยแส
‘หลินฮวง มาสู้กับข้าตัวต่อตัวหากเจ้าแน่จริง อย่าดีแต่พึ่งพาผู้ช่วย!”
นี่คือทางรอดเดียวที่มันคิดได้ หากคนเบื้องหลังหลินฮวงลงมือ มันอาจถูกฆ่าทันที
“ตัวต่อตัว?!”หลินฮวงอดเลิกคิ้วไม่ได้ มันแทบไม่ได้การเรียกร้องเช่นนี้เลย”เจ้าแน่ใจนะว่าอยากสู้กับข้าตัวต่อตัว?”
“หรือเจ้ากลัว?!”ร่างจำแลงเทพอีกาจ้องหลินฮวงอย่างแน่วแน่
มุมปากของหลินฮวงยกโค้งขึ้นหลังได้ยินคำยั่วยุนี้ แสงอาทิตย์ดันส่องบนแก้มเขาพอดี และภายใต้การผสมผสานของแสงและเงา เขาจึงดูหล่อเหลากว่าที่เคย
“งั้น..ก็ตามใจเจ้า”
ตอนที่ 1411
หลินฮวงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเมื่อได้ยินอีกฝ่ายท้าเขาสู้ตัวต่อตัว
เพราะพันหน้า ระดับพลังที่เขาแสดงออกไปจึงเป็นแค่เทพเสมือนขั้น3 แต่ระดับพลังจริงเขาเป็นเทพเสมือนขั้น6แล้ว
สำหรับร่างจำแลงเทพอีกา ระดับพลังมันแค่เทพเสมือนขั้น2
ระดับพลังมันอย่างเดียวก็ต่ำกว่าหลินฮวงถึงสี่ขั้นแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น หลินฮวงยังสามารถโค่นเทพแท้จริงขั้นกลางได้ตอนเขาเป็นแค่เทพเสมือนขั้น3 ตอนนี้ที่เขาเลื่อนเป็นเทพเสมือนขั้น6 พลังต่อสู้จริงเขาจึงไม่ด้อยไปกว่าเทพแท้จริงขั้น9ทั่วไป ถึงกระนั้น นี่ก็ยังไม่ถือเป็นหนึ่งในไพ่ตายเขา
ต่อให้เทพอีกาจุติลงมาเอง ก็มีโอกาสสูงที่เขาจะตายเมื่อต้องเจอกับหลินฮวง นอกจากนี้ คู่ต่อสู้ปัจจุบันเขายังเป็นแค่ร่างจำแลงเทพอีกา และระดับพลังก็แค่เทพเสมือนขั้น2เท่านั้น
ร่างจำแลงเทพอีกามีความสุขมากเมื่อได้ยินว่าหลินฮวงตกลงรับคำท้ามัน
แม้หลินอวงจะเป็นเทพเสมือนขั้น3ซึ่งมีระดับพลังเหนือกว่ามัน มันก็ไม่กลัวเลย
“ในเมื่อมันคือการต่อสู้ตัวต่อตัว งั้นก็มาตั้งกฏกันล่วงหน้า ในระหว่างการต่อสู้ อนุญาตให้ใช้วิธีการใดก็ได้ หากเจ้าแพ้ เจ้าต้องปล่อยข้าไปอย่างไร้บาดแผล”
“ไม่มีปัญหา แต่หากเจ้าแพ้ละ?”หลินฮวงถามด้วยรอยยิ้ม
“ข้าจะเลิกตั้งพิกัดเส้นทางมิติ และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับแผนการบุกรุกโลกกรวดของร่างหลักข้าอีก”ร่างจำแลงเทพอีกาพยายามเสนอทางรอดให้ตัวเอง
“เจ้าไม่ต้องลำบากขนาดนั้น ทั้งหมดที่เจ้าต้องทำคือยอมเสียสละชีวิตเจ้า”หลินฮวงกล่าวพร้อมบอกความต้องการเขาเป็นนัยๆ
สีหน้ามันสลดลง แต่ก็รู้ดีว่ามันไม่ทางเลือก หากมันอยากรอด มันต้องชนะ!
ในไม่ช้ามันก็สงบสติลง และความมั่นใจก็กลับคืนมาเมื่อนึกถึงไพ่ตายมัน
“งั้นก็มาสู้กันเลย ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาคำพูด!หากข้าชนะ เจ้าต้องปล่อยข้าไปอย่างปลอดภัย”
“ไม่ต้องห่วง ขอแค่เจ้าชนะ ข้าจะปล่อยเจ้าไปแน่!”หลินฮวงพยักหน้า
ทั้งสองได้ข้อตกลงกันอย่างรวดเร็วและเสี่ยวโม่ก็ก้าวหลบออกไป
เขามั่นใจมากในความสามารถของหลินฮวง หากคู่ต่อสู้ของหลินฮวงเป็นเทพแท้จริง งั้นเสี่ยวโม่อาจกังวลบ้าง แต่ทว่า อีกฝ่ายแค่เทพเสมือนขั้น2 และระดับพลังเพียงอย่างเดียวก็นับว่าต่ำกว่าหลินฮวงแล้ว
เมื่อเสี่ยวโม่ได้ยินร่างจำแลงเทพอีกาเสนอการต่อสู้ตัวต่อตัว ในหัวใจเขากลับเยาะเย้ยต่อมัน
หลินฮวงยืนตัวตรง ไม่คิดขยับก่อน
ความแตกต่างในพลังระหว่างตัวเขาและร่างจำแลงเทพอีกาสูงเกินไป หากเขาโจมตีก่อน อีกฝ่ายคงไม่มีโอกาสเลย นอกจากนี้ หลินฮวงยังอยากดูว่าอีกฝ่ายมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรที่ทำให้มันมั่นใจนักหนา
ร่างจำแลงเทพอีกาเต็มไปด้วยความมั่นใจ มันยังใช้ไพ่ตายออกมาทันที
มันยืนบนหัวราชาทะเลและรูม่านตาก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท
วินาทีต่อมา ดวงตาของราชาทะเลใต้เท้ามันก็กลายเป็นสีดำสนิทเช่นกัน และมันก็เปิดปากกว้าง
เพียงเมื่อหลินฮวงคิดว่าราชาทะเลกำลังจะโจมตี เงาร่างจำนวนมากก็พุ่งออกจากปากมัน
หลินฮวงหรี่ตามองและเห็นว่าพวกมันคือมอนสเตอร์ทะเล ทั้งหมดมีพลังระดับเทพเสมือน ตัวที่มีพลังต่ำสุดคือเทพเสมือนขั้น1 ส่วนระดับสูงสุดคือเทพเสมือนขั้น4 และพวกมันยังมีกันมากกว่าสามสิบตัว
เมื่อเห็นแบบนี้ ในที่สุดหลินฮวงก็รู้ว่าความมั่นใจของมันมาจากไหน
“นี่คือสิ่งที่ทำให้เจ้ากล้าท้าทายข้า?”
“มอนสเตอร์ทั้งหมด34ตัวคือเทพเสมือน สามตัวมีพลังของเทพเสมือนขั้น4 เจ้าสามารถยอมแพ้ได้เสียตอนนี้ก่อนที่ข้าจะโจมตี”ร่างจำแลงเทพอีกาคิดว่าตัวมันนั้นไร้เทียมทานแล้ว
“มันดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่รู้จักข้าดีพอ”หลินฮวงส่ายหัวและยิ้ม”เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าคือผู้ควบคุม?”
จากนั้นหลินฮวงก็ดีดนิ้ว
วินาทีต่อมา เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้าหลินฮวง
มันคือชายผมขาวสวมชุดดำ และมีเส้นเลือดวิ่งไหลบนเสื้อผ้า
ผู้ที่ถูกอัญเชิญในครั้งนี้ก็คือไป่
กลิ่นอายเทพแท้จริงของมันเผยออกมาชั่วขณะก่อนที่ไป่จะยับยั้งกลิ่นอายมัน รีบผนึกพลังมันเป็นเทพเสมือนขั้น9
ถึงกระนั้น ทันทีที่กลิ่นอายเทพเสมือนขั้น9ของไป่เล็ดรอดออกมา ร่างจำแลงเทพอีกาก็อ้าปากค้าง
แน่นอน มันรู้ว่าหลินฮวงคือผู้ควบคุม แต่มันมักคิดว่าไม่ว่ามอนสเตอร์ของหลินฮวงจะแข็งแกร่งแค่ไหน ระดับพลังก็ยังต้องถูกจำกัด เหนือสิ่งอื่นใด ระดับพลังของมอนสเตอร์อัญเชิญจะถูกจำกัดโดยระดับพลังของผู้ควบคุม แต่ทว่า มอนสเตอร์ตรงหน้ามันกลับมีกลิ่นอายที่เหนือยิ่งกว่านายของมันเสียอีก
“ไว้ชีวิตแค่เขา ที่เหลือจัดการให้หมด”
เมื่อสิ้นสุดเสียง ร่างของไป่ก็พุ่งตรงไปในฝูงมอนสเตอร์ เปิดฉากสังหารอยู่ฝ่ายเดียว
ในเวลาไม่ถึงสามวินาที มอนสเตอร์ระดับเทพเสมือนทั้ง34ตัวก็ถูกฆ่าตาย รวมถึงราชาทะเลใต้เท้าร่างจำแลงเทพอีกาด้วย
เช่นเดียวกับที่หลินฮวงกล่าว ไม่มีวิญญาณสักดวงที่ถูกละเว้น!
เสี่ยวโม่ ผู้เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ไม่ไกลก็ตกตะลึงเหมือนกัน เขาสัมผัสได้ชัดว่ามอนสเตอร์ที่ถูกควบคุมโดยร่างจำแลงเทพอีกามีพลังที่เหนือกว่าเขา แต่ทว่า มอนสเตอร์อัญเชิญแค่ตัวเดียวของหลินฮวงกลับฆ่าล้างพวกมันได้ง่ายๆราวกับพวกมันเป็นเพียงฝูงไก่กา
ร่างจำแลงเทพอีกาที่ก่อนหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจตอนนี้เป็นเหมือนนายพลไร้กองทัพ มันยังเสียที่ยืนไปด้วย
สีพลันถูกระบายออกจากหน้าของมัน มันได้ใช้ไพ่ตายไปแล้ว เดิม มันคิดว่าหากมันใช้ไพ่ตายตั้งแต่เริ่มต้น มันจะชนะได้โดยไม่ต้องวุ่นวายนัก แต่เรื่องราวกลับกลายเป็นอย่างนี้ไปได้
หลังฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมด ไป่ก็เหลือบมองไปทางเทพอีกา ไป่ไม่ได้โจมตีต่อและกลับไปยืนข้างหลินฮวง
แม้ไป่จะไม่พูดอะไรสักคำ มันก็ยังทำให้ร่างจำแลงเทพอีกาประสาทแทบแตก
โดยเฉพาะเมื่อดวงตาสีแดงเลือดจ้องมองมัน เทพอีกาสามารถรู้สึกได้ถึงความกระหายเลือดของอีกฝ่าย หากมันไม่ใช่ว่าคำสั่งของหลินฮวง เกรงว่ามันคงถูกเฉือนเป็นชิ้นๆไปแล้ว
“เจ้าแพ้แล้ว”หลินฮวงยิ้ม
เพียงเมื่อมันกำลังจะเปิดปากปฏิเสธ มันก็พลันเห็นว่าหลินฮวงได้หายไปโดยที่มันไม่รู้ตัว
เกือบจะพร้อมกัน มันก็รู้สึกถึงความเย็นเล็กน้อยที่คอมัน
มันหันหัวไปมองทางขวา เห็นหลินฮวงยืนอยู่ตรงนั้น ดาบสีเงินเล่มบางในมือหลินฮวงตอนนี้อยู่ด้านหน้าคอของมัน และดาบก็ได้ตัดไปในเนื้อมันประมาณหนึ่งมิลลิเมตร แผลบนคอมันเริ่มหลั่งเลือด
“บอกแผนการของเทพอีกามา”เสียงอันแน่วแน่ของหลินฮวงดังขึ้น
“ต่อให้ข้าบอกหรือไม่บอก ข้าก็ตายอยู่ดี ทำไมข้าถึงควรบอกเจ้า?”มันยังเลือกต่อต้าน
“ตราบเท่าที่เจ้าบอกข้า เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องตาย”หลินฮวงหันไปมองร่างจำแลงเทพอีกา”ต่อให้เจ้ามีชีวิต เจ้าก็จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ใบหน้ามันก็ซีดเซียว มันไม่รู้ว่ามันควรดีใจที่ได้ยินหรือรู้สึกอับอายจากถ้อยคำดูถูก
แต่ทว่า มันก็ลังเลอยู่แค่ชั่วขณะก่อนตัดสินใจได้
“ข้าจะไม่พูดอะไร”
ในฐานะร่างจำแลงเทพอีกา แม้มันจะมีเจตจำนงเป็นของตัวเอง แต่จิตสำนึกมันก็ยังภักดีต่อร่างหลัก ผลประโยชน์ของร่างหลักสำคัญกว่าชีวิตมัน
นี่คือสิ่งที่หลินฮวงคาดไว้แต่แรก
“ดี หากเป็นแบบนั้น ข้าคงต้องใช้วิธีอื่น”
ทันทีหลังหลินฮวงพูดเช่นนี้ สิ่งมีชีวิตหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้าเขา
มันคือสิ่งมีชีวิตคล้ายแมวลักษณะแปลกๆ คล้ายกับเสือเขี้ยวดาบจมูกยาว
หลังถูกอัญเชิญ รูม่านตาของสิ่งมีชีวิตนั้นก็จับจ้องร่างจำแลงเทพอีกาและเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ราวกับมันแช่ในน้ำหมึก
ร่างจำแลงเทพอีกาพลันหยุดขยับ และรูม่านตามันก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท
หลังจากนั้นไม่นาน สมเสร็จฝันร้ายก็ส่งเสียงฮึดฮัด
รูม่านตาของร่างจำแลงเทพอีกาหม่นหมอง และเปลี่ยนเป็นสีแดง
ดวงตาคู่แดงนั้นพลันจับจ้องหลินฮวง
จากนั้น ลำแสงสีแดงเลือดก็พุ่งจากรูม่านตาของมัน แหวกผ่านอากาศเหมือนสายฟ้าฟาด
ความเร็วของการโจมตีนี้ไม่ด้อยไปกว่าเทพแท้จริงขั้น9
มันเห็นได้ชัดว่าคนที่โจมตีไม่ใช่ร่างจำแลงเทพอีกาอีก แต่เป็นร่างหลักเทพอีกา
หากมีใครจากโลกกรวดเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ ทั้งหมดที่พวกเขาสามารถทำได้คือหลับตาและรอความตาย
แต่ทว่า นี่คือหลินฮวง
มุมปากหลินฮวงยกโค้งขึ้นเล็กน้อยและสะบัดดาบในมือโดยไม่ลังเล
คลื่นดาบพลันเปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีแดงและระเบิดด้วยความเร็วที่เหนือยิ่งกว่าการโจมตีของเทพอีกา
แสงสีแดงสองสายปะทะกัน และพลังเทวะไร้สิ้นสุดก็พวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง ส่องสว่างไปทั่วทั้งท้องฟ้า
แสงสีแดงแพรวพราวเปล่งประกายอยู่กว่าสิบนาทีก่อนจะค่อยๆสลายหายไป
มันเหลือแค่หลินฮวงที่ยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม ส่วนร่างจำแลงเทพอีกากลับสลายเป็นฝุ่นผงไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าร่างจำแลงเทพอีกาไม่สามารถรองรับพลังของเทพอีกาได้ หลังปลดปล่อยการโจมตี ร่างมันก็ไม่สามารถทนต่อพลังงานได้และระเบิดตัวตายไป
เมื่อเห็นว่าร่างจำแลงเทพอีกาสลายหายไปแล้ว หลินฮวงจึงหันหัวไปมองทางประตูมิติ
เขาปล่อยแก่นแท้เต๋าดาบ พลังกฏเทพและพลังตรัสรู้ธาตุเต็มแรง บีบอัดการโจมตีทั้งหมดไปที่ประตูมิติ
ไม่เหมือนกฏมิติของขอบเหวนรกที่มีรอยแยกมิติสะสมตลอดหลายร้อยล้านปี กฏมิติของประตูมิติที่สร้างขึ้นใหม่นี้ยังไม่เสถียรดี
ภายใต้อิทธิพลของพลังกฏเทพต่างๆ กฏมิติของประตูมิติจึงยิ่งไม่เสถียร
เมื่อเห็นว่าภายในประตูมิติกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง หลินฮวงจึงไม่ล้มเลิกความพยายาม เขากลับปลดปล่อยการโจมตีไม่หยุด สาดทุกการโจมตีใส่มัน
เขาทำอยู่อย่างนั้นกว่าครึ่งชั่วโมง สุดท้ายประตูมิติก็สั่นคลอนและพังทลายลง
รอยแยกมิติในโลกกรวดยังถูกปิดตัวด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในเวลาไม่ถึงสามนาที รอยแยกก็หายไปอย่างสมบูรณ์
จากนั้นหลินฮวงถึงเก็บดาบเขาไปพร้อมกับถอนหายใจยาว
ตอนที่ 1412
ถอนรากถอนโคน
หลังจัดการกับเรื่องของเทพอีกาและทำการตรวจสอบว่าไม่มีปัญหาอะไรอีก จากนั้นหลินฮวงถึงพาตัวเสี่ยวโม่และกลุ่มทาสดาบกลับไปเมืองจักรพรรดิ
เรื่องของเทพอีกาได้รับการแก้ไขชั่วคราว แม้สมเสร็จฝันร้ายจะถูกขัดจังหวะตอนมันกำลังอ่านความทรงจำ มันก็ยังสามารถได้รับข้อมูลส่วนหนึ่งมาบ้าง
ในวังจักรพรรดิ หลินฮวงได้ตรวจสอบความทรงจำที่สมเสร็จได้รับมาก่อนก้มมองเสี่ยวโม่ด้านล่าง
“เรื่องของเทพอีกาถือว่าจบลงแล้ว เขาไม่น่าจะบุกซ้ำภายในอนาคตอันใกล้นี้ เสี่ยวโม่ เจ้าสบายใจได้แล้วและไปทำเรื่องส่วนตัวเถอะ แต่หากเจ้าพบความผิดปกติใด อย่าลืมบอกให้ข้ารู้ทันที”
หลังเขาพูดจบ หลินฮวงก็หันไปมองทาสดาบทั้ง12ที่ได้รับมอบหมายให้ติดตามเสี่ยวโม่
“ภารกิจที่ข้ามอบหมายให้พวกเจ้าลุล่วงแล้ว หลังจากนี้ พวกเจ้าควรเข้าร่วมพันธมิตรดาบ จากนั้น ก็รายงานดาบ103และปล่อยให้เขาจัดการสิ่งต่างๆตามที่เห็นว่าสมควร”
หลังส่งเสี่ยวโม่และคนอื่นไป หลินฮวงก็หรี่ตาลง หลังไตร่ตรองสักพัก เขาก็กดหมายเลข
ครู่ต่อมา ภาพวิดิโอก็เชื่อมต่อ ภาพที่ฉายคือเจียงฉาน ประธานแห่งรัฐบาลกลาง
“จักรพรรดิหลิน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”ตามเคย เจียงฉายสวมชุดสูทหรู สวมรอยยิ้มจริงใจบนหน้า
กว่าปีก่อน หลินฮวงเป็นแค่ผู้เยาว์ในสายตาเขา แต่ทว่า ตอนนี้ที่ขัตติยะเติบโตจนเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ หลินฮวงซึ่งอยู่ในตำแหน่งจักรพรรดิจึงถือได้ว่าทัดเทียมกับเขาแล้วในแง่ของสถานะ
“มันก็ผ่านมากว่าปีแล้วที่เราไม่ได้พบกัน”หลินฮวงยิ้มและพยักหน้า”ประธานเจียง ข้าจะไปเยี่ยมและระลึกความหลังกับท่านวันอื่นเมื่อข้ามีเวลา วันนี้ข้าจะขอเข้าเรื่องโดยไม่คุยเรื่องยิบย่อย เหตุผลที่ข้าติดต่อท่านมาวันนี้เกี่ยวกับเรื่องการรุกรานของเทพอีกา”.
“การรุกรานของเทพอีกา?!”เจียงฉานผงะเมื่อได้ยิน
“ปีก่อนเทพอีกาส่งร่างจำแลงเขาลงมา พวกท่านควรรู้เรื่องนี้สินะ?”หลินฮวงถามเพราะต่อให้รัฐบาลกลางไม่ได้ร่วมสู้ด้วยในตอนนั้น การปะทะกันระหว่างเทพเสมือนก็คงไม่อาจเล็ดรอดหูตาของรัฐบาลกลางไปได้
“ไม่ใช่ว่าร่างจำแลงเทพอีกาถูกทำลายไปแล้วงั้นหรือ?”เจียงฉานรู้เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นจริงๆ
“เรามักคิดว่าร่างจำแลงของเทพอีกาถูกทำลายไปแล้ว ข้าเพิ่งพบเรื่องนี้ตอนข้ากลับมาว่ามันหลบหนีไปด้วยจั่กจั่นทองคำลอกคราบ มันซ่อนในมหาสมุทรสันตินานเป็นปี เราต้องใช้เวลานานถึงสามเดือนเพื่อหาสถานที่ซ่อนมันและเราก็เพิ่งฆ่ามันไปสิบนาทีก่อน”
“ก่อนข้าจะฆ่ามัน ข้ายังสามารถได้รับข้อมูลจำนวนหนึ่งและแผนของเทพอีกา อีกสักพัก ข้าจะจัดการข้อมูลนี้เป็นเอกสารและส่งมันให้ท่าน นอกจากนั้น ยังมีวิดิโอที่ข้าถ่าย มันคือประตูมิติที่เปิดโดยร่างจำแลงเทพอีกา ข้าได้ทำลายมันไปแล้วและเทพอีกาก็ไม่ควรนำกองทัพผ่านมาได้สักพักหนึ่ง”
“แต่ทว่า สิ่งที่เทพอีกาทิ้งไว้ในโลกเราต้องไม่ได้มีแค่ร่างจำแลงเดียวเป็นแน่ หากพวกมันสามารถเปิดประตูมิติแรกได้ มันก็เป็นไปได้ว่าจะมีอันที่สองและสาม…”
“ท่านอยากเปิดศึกกับอีกาม่วงงั้นสินะ?!”เจียงฉานเข้าใจเจตนาของหลินฮวงทันที
“มันไม่ใช่ว่าข้าอยากจัดการกับอีกาม่วง แต่เราต้องกำจัดภัยอันตรายซ่อนเร้นนี้ทิ้ง”หลินฮวงจงใจเน้นคำว่า’เรา’
“ตราบเท่าที่อีกาม่วงดำรงอยู่ แผนการเปิดประตูมิติเพื่อต้อนรับการมาของเทพอีกาก็จะยังคงอยู่ตลอดไป”
หลินฮวงจ้องเจียงฉาน มันชัดเจนว่าหลินฮวงตัดสินใจไปแล้ว
เจียงฉานไตร่ตรองสักพัก”ท่านอยากให้รัฐบาลกลางทำอะไร?”
“มันง่ายมาก กระจายข่าวความพยายามที่ล้มเหลวของอีกาม่วงเพื่อปลดปล่อยเทพอีกา ขัตติยะสามารถจัดการเรื่องที่เหลือได้ ตอนนี้ความสนใจหลักของทุกคนอยู่ที่การพิชิตมิติบรรพกาลและแดนรกร้าง รัฐบาลกลางคงไม่สามารถเป็นขุมกำลังหลักเพื่อเก็บกวาดงานได้”
“แล้วทำไมท่านไม่ส่งเอกสารมาก่อนละ ข้าจะจัดประชุมหารือและติดต่อท่านไปทีหลัง”เจียงฉานเลือกดำเนินการอย่างระมัดระวัง
“งั้นก็เอาตามนั้น”
หลังวางสายกับเจียงฉาน หลินฮวงก็ใช้เวลาหลายนาทีจัดการเอกสารและจากนั้นก็ส่งให้เจียงฉานไปพร้อมวิดิโอ
เมื่อข้อมูลถูกส่ง เขาก็คิดสักพักและส่งต่อสำเนาเอกสารเดียวกันไปให้หวงเทียนฟู่และจื่อจี้ จากนั้นก็โทรหาสองหมายเลขพร้อมกัน
ไม่นาน สายก็เชื่อมต่อ ทั้งหวงเทียนฟู่และจื่อจี้ตกใจ นี่คือครั้งแรกที่หลินฮวงโทรหาพวกเขาพร้อมกัน
“ดูเอกสารที่ข้าเพิ่งส่งให้พวกเจ้าไป อีกไม่กี่วันข้างหน้า ระดมคนเตรียมพร้อมเปิดศึกกับอีกาม่วง เราจะกำจัดพวกมัน!”
“กำจัดอีกาม่วง?!”หวงเทียนฟู่ไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมหลินฮวงถึงหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน ตามความเข้าใจที่เขามีต่อหลินฮวง หลินฮวงไม่ใช่คนที่ชอบสร้างปัญหา
จื่อจี้เองก็เลิกคิ้วเช่นกัน แม้จะไม่ถาม สีหน้าเขาก็แสดงออกถึงความสับสน
“ร่างจำแลงเทพอีกาได้สร้างประตูมิติบนมหาสมุทรสันติ หากข้าพบช้าไป เทพอีกาคงลงมาพร้อมกองทัพเทพแท้จริงไปแล้ว สำหรับข้อมูลเฉพาะ พวกเจ้าสามารถดูได้บนเอกสารที่ข้าแนบไป”
“ข้าได้ติดต่อรัฐบาลกลางแล้ว เมื่อพวกเขาประกาศ ขัตติยะก็สามารถเคลื่อนไหวได้ทันที ผู้ปลดปล่อยสามารถเข้าร่วมด้วยได้ทีหลัง แค่ต้องรอให้องค์กรอื่นเข้ามาก่อน’
“อีกเรื่อง พวกเจ้าสองคนลอบรวบรวมกำลังคนไว้ด้วยกันก็พอ อย่าเผยรายละเอียดการเคลื่อนไหวใดๆเด็ดขาด นี่คือการป้องกันไม่ให้ข่าวรั่วไหลออกไปจนทำให้พวกอีกาม่วงหนีไปหลบซ่อนก่อนเราจะลงมือ”
เมื่อเขาออกคำสั่ง หลินฮวงก็วางสาย
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดเขาก็ได้รับคำขอสื่อสารจากเจียงฉาน
หลังสายเชื่อมต่อ ภาพของเจียงฉานก็แสดงให้เห็นชัดว่าเขาอยู่ในห้องประชุมและไม่ได้มีเขาแค่คนเดียว
“จักรพรรดิหลิน ขอบคุณที่รอ เราได้อ่านเอกสารและหารือแผนเบื้องต้นแล้ว…”
การประชุมทางวิดิโอกับรัฐบาลกลางกินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนสิ้นสุดลง
ในที่สุดมันก็ได้รับการตัดสิน อีกาม่วงจะถูกกวาดล้างโดยกองทัพที่นำโดยรัฐบาลกลาง
ตามคาด ทิศทางหลักการหารือของพวกรัฐบาลกลางยังเป็นการกระจายผลประดยชน์
หลินฮวงโยนงานหลังจากนี้ให้หวงเทียนฟู่และคนอื่น จากนั้นก็ปิดประตูบ่มเพาะอีกครั้ง
มันใช้เวลาสามวันในการกลั่นไฟเทวะของนักล่ามิติ ในบรรดาประกายไฟเทวะขั้น7ทั้งสิบส่วน ส่วนแรกได้รับการกลั่นเรียบร้อยแล้ว
แม้เขาจะไม่ได้เลื่อนเป็นเทพเสมือนขั้น7 หลินฮวงก็สามารถเพิ่งระดับพลังขั้นหนึ่งได้สั้นๆโดยไม่มีผลข้างเคียง
หลังกลั่นไฟเทวะ เขาก็ได้สอบถามความคืบหน้าการหารือกับรัฐบาลกลางจากหวงเทียนฟู่ เมื่อเขารู้ว่าเรื่องต่างๆเป็นไปด้วยดีและพวกเขาก็พร้อมลงมือแล้ว เขาจึงโล่งใจและปิดประตูบ่มเพาะต่อไป
ในวังจักรพรรดิ เขาบดขยี้การ์ดเห็นแจ้งทีละใบ เรียนรู้ทักษะดาบมากขึ้นทุกวัน….ห
ตอนที่ 1413
ห้องแห่งกาลเวลา
เนื่องจากเขาใช้การ์ดเห็นแจ้ง ความเข้าใจทักษะดาบของหลินฮวงเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าและจำนวนทักษะดาบใหม่ที่เขาเชี่ยวชาญก็เกินกว่าสามพันเกือบทุกวัน
หลังผ่านไปเกือบเดือน จำนวนทักษะดาบทั้งหมดที่เขาใช้ได้ก็เพิ่มจากเดิมสองแสนเป็นสามแสน
ภายใต้สถานการณ์ปกติ การเช่ยวชาญทักษะดาบสามแสนอันหมายถึงการเลื่อนเป็นแก่นแท้เต๋าดาบระดับ3
แต่ทว่า หลินฮวงไม่สามารถบรรลุความก้าวหน้า
เขายังตระหนักดีว่าการเลื่อนระดับขั้นแก่นแท้เต๋าดาบต้องใช้โอกาส เขาจึงไม่คิดบ่มเพาะทักษะดาบต่อ ดังนั้น เขาจึงหันทิศทางการบ่มเพาะไปยังพลังกฏเทพแทน
เขาบดขยี้การ์ดเห็นแจ้งอีกใบและเริ่มบ่มเพาะรอบใหม่
ความเร่งด่วนของสถานการณ์เป็นเพราะการรุกรานของมหาพิภพที่ใกล้เข้ามา
อีกเหตุผลคือเขาพบว่าพลังเขายังห่างไกลจากเทพแท้จริงขั้นสูง
ท่ามกลางเทพแท้จริงของมหาพิภพ ความสามารถของเทพอีกาถือเป็นช่วงกลางของขั้นสูง ไม่ห่างไกลจากเทพแท้จริงชั้นนำ ถึงกระนั้น เทพอีกาก็ยังใช้พลังกฏเทพได้ถึง108แบบ
แน่นอน หลินฮวงยังรู้ว่าเทพอีกาไม่ได้บ่มเพาะพลังกฏเทพทั้ง108ถึงจุดสูงสุด ไม่งั้นเขาคงเป็นเทพแท้จริงอันดับต้นๆไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเทพอีกาเชี่ยวชาญพลังกฏเทพทั้ง108แค่ผิวเผิน
ถึงกระนั้น จำนวนพลังกฏเทพที่เทพอีกาใช้ได้ก็ยังทำให้หลินฮวงอิจฉา
นี่ทำให้เขาอุทิศตัวเองกับการบ่มเพาะพลังกฏเทพทันทีหลังเต๋าดาบเขาทะลวงผ่านไม่สำเร็จ
แต่ทว่า สิ่งที่หลินฮวงไม่รู้คือในระหว่างการปิดประตูบ่มเพาะเขา หลายสิ่งได้เกิดขึ้นบนโลกภายนอก
ในวันที่สองของการปิดประตูบ่มเพาะ รัฐบาลกลางได้ประกาศถึงอีกาม่วง ประกาศว่าองค์กรได้สมรู้ร่วมคิดกับเทพอีกาแห่งมหาพิภพเพื่อพยายามบุกโลกกรวดแต่ล้มเหลว
เมื่อข่าวนี้กระจายออกไป ผู้บ่มเพาะทั้งหมดก็ตกอยู่ในความโกลาหล
ผู้บ่มเพาะรู้กันดีว่าอีกาม่วงคือหนึ่งในองค์กรมืดชั้นนำและสมาชิกมันก็ได้ทำสิ่งน่ารังเกียจมากมาย แต่ทว่า ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะร่วมมือกับยอดฝีมือของมหาพิภพเพื่อพยายามบุกโลกกรวด
การกระทำของอีกาม่วงได้กระตุ้นความเกลียดชังของสาธารณชนทันที
แค่หนึ่งนาทีหลังรัฐบาลกลางประกาศ สมาคมนักล่าและขัตติยะก็ได้ออกมาประณามอีกาม่วงและเข้าร่วมกับฝ่ายเรียกร้องให้มีการกวาดล้างอีกาม่วง
เมื่อเห็นว่ายักษ์ใหญ่ทั้งสามได้ออกมาแสดงจุดยืน องค์กรอื่น ทั้งใหญ่และเล็กรีบทำตามและเข้าร่วมกองกำลังขับไล่
ในเวลาไม่นาน อีกาม่วงก็กลายเป็นสิ่งน่ารังเกียจและถูกผู้บ่มเพาะทุกคนประณาม
วันเดียวกับที่รัฐบาลกลางออกประณาม พวกเขาได้รวมกลุ่มเทพเสมอืนและบุกตรงไปหาอีกาม่วง
สมาคมนักล่าและขัตตะได้เตรียมกลุ่มเทพเสมือนของตนและเข้าร่วมการกวาดล้างด้วย
ทางฝั่งขัตติยะ มีทาสดาบสองคนที่เข้าร่วมกลุ่มกวาดล้างอีกาม่วง
มีทั้งหมด37คนในกลุ่มเทพเสมือน ระดับพลังต่ำสุดคือเทพเสมือนขั้นสอง สูงสุดคือสองทาสดาบที่ระงับพลังไว้ ทั้งคู่คือเทพเสมือนขั้น9
ด้วยกลุ่มดังกล่าว มันใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีและต้องใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยเพื่อทำลายศูนย์ใหญ่อีกาม่วง
สำหรับคนในอาคาร แน่นอน ไม่มีใครรอดชีวิต
รัฐบาลกลางนำกลุ่มไปกวาดล้างศูนย์ใหญ่อีกาม่วง ภายในไม่กี่วัน องค์กรใหญ่ต่างๆ
ในเวลาแค่สามหรือสี่วัน สาขาอีกาม่วงเกือบทั้งหมดถูกกำจัด สิ่งเดียวที่หลายคนได้ยินล่วงหน้าคืออีกาม่วงรู้ตัวและหนีไปก่อนสาขาจะถูกบุก
ครึ่งเดือนต่อจากนั้น องค์กรใหญ่ต่างๆก็ได้ปิดล้อมอีกาม่วงอย่างแข็งขัน ยพายามรับส่วนแบ่งจากการปล้นสะดม
หลังจบเรื่องของอีกาม่วง รัฐบาลกลางและองค์กรอื่นก็เริ่มสำรวจมิติบรรพกาลต่อ สะสมทรัพยากรกันอย่างเมามันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม
ในขณะเดียวกัน ขัตติยะและผู้ปลดปล่อยก็ยังคงค้นหาว่าสมาชิกอีกาม่วงที่เหลือหลบซ่อนอยู่ไหนและกำจัดพวกเขาด้วยวิธีที่ทั้งเปิดเผยและแอบแฝง
หลายวันผ่านไป จำนวนการตรัสรู้ธาตุที่หลินฮวงใช้ได้ก็เพิ่มขึ้นทุกเดือน ได้รับผลกระทบโดยการ์ดเห็นแจ้ง
ในชั่วพริบตา สามเดือนก็ผ่านไปทั้งอย่างนั้นและหลินฮวงก็ใช้การตรัสรู้ธาตุได้อีกสิบ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเดิม
เขาไม่ได้ออกจากการปิดประตูบ่มเพาะทันที แต่กลับโทรหาหวงเทียนฟู่ก่อน
“สถานการณ์ของโลกภายนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”
“สามเดือนที่ผ่านมาสงบดีครับ ยกเว้นช่วงการกวาดล้างอีกาม่วง องค์กรใหญ่ทั้งหมดได้กลับสู่สภาวะเดิม ภายใต้ความพยายามร่วมกันของเรากับผู้ปลดปล่อย สมาชิกอีกาม่วงที่หลบหนีไปได้ถูกจัดการอย่างสมบูรณ์แล้ว”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากที่ขอบเหวนรกครับ องค์กรใหญ่ทั้งหมดตอนนี้มีคนคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด ต่อให้เป็นเสียงมด เราก็ยังรู้”
“การสำรวจมิติบรรพกาลและการหาทรัพยากรเป็นไปอย่างราบรื่น ยกเว้นเดือนแรกที่เทพเสมอืนส่วนใหญ่เข้าร่วมการกำจัดอีกาม่วง ความคืบหน้าถึงชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ตอนนี้ก็กลับเป็นปกติแล้วครับ”
“แต่ทว่า มีเรื่องที่ข้าคิดว่าท่านควรรู้ รัฐบาลกลางอาจตระหนักถึงการดำรงอยู่ของทาสดาบ ในขณะที่เข้าร่วมการปิดล้อมศูนย์ใหญ่อีกาม่วง ดาบ168ได้ลงมือ แม้ระดับพลังจริงเขาจะถูกปกปิดได้ทันเวลา เขาก็ยังเป็นที่สังเกตเห็น”
“หากพวกเขารู้ งั้นก็ปล่อยให้รู้ไป”หลินฮวงไม่สนใจ”ขอแค่ไม่ทำตัวเด่นเกินไปก็พอ”
“มีอะไรเกิดขึ้นทางฝั่งผู้ปลดปล่อยไหม?”หลินฮวงถามอีกครั้ง
“นอกจากตอนจื่อจี้โทรหาข้าก่อนหน้าเพื่อคุยเรื่องการปราบปรามอีกาม่วง เราไม่ได้ติดต่อกันเลยครับ หลังรัฐบาลกลางและองค์กรอื่นถอนตัวจากการปิดล้อม คนของผู้ปลดปล่อยก็ปลอมตัวเองเป็นสมาชิกขัตติยะเพื่อเข้าร่วมการตามล่า คนนอกทุกคนต่างคิดว่าการตามล่าเป็นฝีมือเราขัตติยะเพียงลำพัง บทบาทของผู้ปลดปล่อยไม่ได้ถูกเปิดเผย”
“ข้าไม่รู้อะไรมากถึงสถานการณ์ทางฝั่งเขา และก็ไม่มีข่าวพวกผู้ปลดปล่อยบนเครือข่าย ข้าคิดว่าท่านควรถามจื่อจี้เองโดยตรง’”
หลินฮวงพยักหน้า”โอ้ ใช่ หลินซินออกมาหรือยัง?”
“ยังครับ คุณฟู่ได้ตรวจสอบแล้วเมื่อเดินก่อนและนางก็ยังปิดประตูบ่มเพาะอยู่”
“แล้วเสี่ยวโม่ละ?มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นไหม?”หลินฮวงยังไม่สบายใจเรื่องเทพอีกา
“เสี่ยวโม่ได้ปิดประตูบ่มเพาะตั้งแต่เขากลับมาเมื่อสามเดือนก่อน และยังไม่ได้ออกมาเลยครับ”หวงเทียนฟู่ตอบกลับ
“งั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหา…”หลินฮวงพึมพำเสียงเบา
“ฝ่าบาท ท่านจะออกจากการปิดประตูบ่มเพาะตอนไหน?”หวงเทียนฟู่อดถามไม่ได้
“ข้ายังไม่แน่ใจ..”หลินฮวงยังไม่พอใจกับการพัฒนาความสามารถเขาตลอดสามเดือนนี้และไม่เต็มใจออกจากการปิดประตูบ่มเพาะ”ข้าอาจต้องการเวลาอีกสักพัก”
หลังวางสายกับหวงเทียนฟู่ หลินฮวงก็คุยกับจื่อจี้เรื่องผู้ปลดปล่อย
นอกจากการเข้าร่วมกองกำลังกวาดล้างอีกาม่วง ทุกอย่างทางฝั่งผู้ปลดปล่อยก็ปกติดีเช่นกัน
หลังวางสายกับจื่อจี้ หลินฮวงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ความไม่พอใจเขาไม่ได้มาจากโลกภายนอก แต่มาจากภายในตัวเขาเอง
ปัจจุบัน ระดับพลังเขาไม่อาจพัฒนาได้อีก เขาทำได้แค่พัฒนาแก่นแท้เต๋าดาบและฝึกพลังกฏเทพกับพลังตรัสรู้ธาตุ
แต่ทว่า ต่อให้เขาใช้การ์ดเห็นแจ้ง การยกระดับแก่นแท้เต๋าดาบและการควบคุมพลังกฏเทพก็ยังต้องใช้เวลานาน
ตอนนี้สิ่งที่เขาขาดสุดคือเวลา
เวลาผ่านไปปีครึ่งแล้วจากสามปีที่เขาคาดการณ์ไว้ และการรุกรานมหาพิภพอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ต่อให้การรุกรานไม่เริ่มไปอีกปีครึ่ง แต่ตามความคืบหน้าการบ่มเพาะเขา เวลาปีครึ่งคงไม่พอให้เขาพัฒนาอะไรขึ้นมากนัก
“เสี่ยวเฮย นอกจากการ์ดเห็นแจ้ง มีการ์ดอะไรอีกไหมที่สามารถเพิ่มความเร็วการบ่มเพาะฉันได้และยังไม่ทับกับผลของการ์ดเห็นแจ้ง?”หลินฮวงถาม
“มีอยู่มาก แต่อันที่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันของเจ้าสุดจะเป็นการ์ดสิ่งของ ห้องแห่งกาลเวลา”
ตอนที่ 1414
ปิดประตูบ่มเพาะอย่างต่อเนื่อง
“ห้องแห่งกาลเวลา?”
“การ์ดห้องแห่งกาลเวลาคือการ์ดไร้ขีดจำกัดสี่ดาวที่สามารถเปิดใช้งานได้หลังท่านเลื่อนเป็นเทพเสมือน ระดับต่ำสุดมันก็ยังเป็นสี่ดาว.”
“ห้องแห่งกาลเวลาจะก่อตัวขึ้นใช้การ์ด มันจะเห็นได้และใช้งานได้โดยผู้ใช้เท่านั้น คนอื่นจะไม่สามารถเห็นหรือแตะต้องได้ หรือแม้แต่รับรู้การมีอยู่ของมัน”
“ในห้องแห่งกาลเวลาสี่ดาว ความเร็วของเวลาที่ปรับได้ช้าสุดคือ1%ของโลกภายนอกและเร็วสุดก็คือร้อยเท่าของโลกภายนอก แต่ทว่า การปรับต้องทำภายในสามนาทีแรกที่เข้าห้องแห่งกาลเวลา เมื่อตั้งค่าแล้ว มันจะไม่สามารถแก้ไขได้”
“การ์ดห้องแห่งกาลเวลาจะมีอายุการใช้งาน24ชั่วโมง มันจะหายไปเองหลังหมดเวลา แต่ทว่า การ์ดสามารถซ้อนทับกันได้ และแต่ละใบจะเพิ่มเวลา24ชั่วโมง”
“ระดับต่ำสุดคือสี่ดาว งั้นก็มีห้าดาวด้วย?”หลินฮวงรีบถาม”กระแสเวลาของห้องแห่งกาลเวลาห้าดาวเป็นยังไง?”
“สำหรับห้องแห่งกาลเวลาห้าดาว ความเร็วเวลาที่ปรับได้ช้าสุดคือหนึ่งต่อพันและเร็วสุดคือพันเท่า ในแง่อื่นๆจะเหมือนกับห้องแห่งกาลเวลาสี่ดาว”
เมื่อได้ยิน หลินฮวงก็ใช้เวลาพิจารณาสักพัก
ตั้งแต่เลื่อนเป็นเทพเสมือนและเปิดใช้บ่อการ์ดสี่ดาว เขาก็ไม่ได้ฆ่าเทพแท้จริงสักเท่าไร เขาสะสมการ์ดสี่ดาวได้แค่115ใบเท่านั้น เพื่อผนึกบุตรแห่งมารพุทธ เขาใช้การ์ด10ใบเพื่อแลกกับการ์ดผนึก ทำให้เขาเหลือแค่105ใบ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง การแลกเปลี่ยนการ์ดห้องแห่งกาลเวลาจะแลกได้มากสุดสิบใบ การใช้แต่ละครั้งจะเท่ากับการบ่มเพาะร้อยวัน ดังนั้นสิบใบก็จะเป็นพันวัน
“โชคดี ข้าเป็นแค่เทพเสมือน ดังนั้นข้าจึงต้องใช้แค่การ์ดเห็นแจ้งสามดาว มันควรจะพอ”
เมื่อคิดได้ เขาก็ลงมือทันทีและกล่าวกับเสี่ยวเฮย”ข้าจะขอแลกการ์ดห้องแห่งกาลเวลาก่อนห้าใบ”
“ท่านยืนยันหรือไม่ที่จะใช้โอกาสสุ่มการ์ด4ดาว50ใบกับการ์ดห้องแห่งกาลเวลา5ใบ?”
“ยืนยัน!”
“กำลังใช้โอกาสสุ่มการ์ดสี่ดาวx50 กำลังแปลง..”
“ขอแสดงความยินดีด้วย ท่านได้รับการ์ดห้องแห่งกาลเวลาx5!”
หลินฮวงหยิบการ์ดออกมาตรวจสอบ
ด้านหน้าการ์ดเป็นกระท่อมไม้เรียบง่ายกำลังลอยในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาว
หลินฮวงพลิกการ์ดและตรวจข้อมูลด้านหลัง
คำอธิบายนั้นสอดคล้องกับที่เสี่ยวเฮยได้กล่าว
แต่ทว่า มีสิ่งหนึ่งที่เสี่ยวเฮยไม่ได้หยิบยกขึ้นมา ซึ่งก็คือห้องแห่งกาลเวลามีคุณสมบัติกักขัง
คุณสมบัตินี้จะเพิ่มความเร็วเวลาไปอีกร้อยเท่าของขีดจำกัดสูงสุดทั่วไปในกระแสเวลาของการ์ด กล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณสมบัติกักขังของห้องแห่งกาลเวลาสี่ดาวสามารถเพิ่มกระแสเวลาได้ถึงหมื่นเท่าของโลกภายนอก
อย่างไรก็ตาม ภายใต้คุณสมบัติกักขัง ทุกสิ่งมีชีวิตจะถูกปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งหมดยกเว้นความรู้สึกเรื่องเวลา นี่หมายความว่าพวกเขาจะรู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนเท่านั้น แม้กระทั่งสัมผัสพวกเขาที่มีต่อพลังเทวะ ไฟเทวะและพลังกฏเทพต่างๆของตนก็ยังถูกปิดกั้น กมันเป็นไปไม่ได้ที่จะบ่มเพาะภายใต้สภาพเช่นนี้
“คุณสมบัติกักขังนี้คือวิธีลงโทษสินะ?”หลินฮวงอดถามไม่ได้
“ห้องแห่งกาลเวลาเดิมเป็นของที่สร้างขึ้นเพื่อลงโทษ ห้องแห่งกาลเวลาอันแรกถูกใช้เพื่อลงโทษคนชั่ว”
“กล่าวอีกนัยหนึ่ง ข้าสามารถใช้การ์ดเพื่อกักขังคนไว้ข้างในได้สินะ?”หลินฮวงพบวิธีใช้แบบใหม่
“ใช่ แต่การ์ดสี่ดาวสามารถขังได้สูงสุดแค่เทพแท้จริง และจะใช้ได้เพียงวันเดียว เมื่อหมดระยะเวลา ห้องแห่งกาลเวลาจะหายไปเองและอีกฝ่ายจะได้รับการปลดปล่อย”
“อ่า ดูเหมือนจะมีค่าใช้จ่ายสูงเลยทีเดียว”หลินฮวงพูดไม่ออก
แม้อีกฝ่ายอาจรู้สึกว่าถูกขังเป็นเวลาหมื่นวัน แต่ในความเป็นจริง โลกภายนอกนั้นผ่านไปแค่วันเดียว
การใช้การ์ดประเภทนี้เพื่อจับศัตรูค่อนข้างไร้ประสิทธิภาพ
เมื่อพิจารณาแล้วว่าเขาอาจไม่มีพอจะใช้กับตัวเองด้วยว้ำ หลินฮวงจึงล้มเลิกความคิดที่จะใช้มันเพื่อกักขังศัตรู
หลินฮวงรู้สึกเบื่อที่จะคุยกับเสี่ยวเฮยแล้วและรีบขยี้การ์ดห้องแห่งกาลเวลา
การ์ดพลันเปลี่ยนเป็นจุดแสงดาวเล็กๆ ซึ่งควบแน่นกันเป็นกระท่อมไม้เรียบง่ายตรงหน้าเขา ห่างออกไปไม่ถึงสองเมตร
กระท่อมดูเหมือนภาพบนหน้าการ์ด เรียบง่ายมาก จากด้านนอก การตกแต่งภายในอาจกว้างประมาณสิบตารางเมตร ซึ่งวางได้แค่เตียงเท่านั้น
แต่ทว่า ตามประสบการณ์ของหลินฮวง แม้มันจะดูทรุดโทรมและมีขนาดเล็กจากภายนอก ภายในมันอาจไม่เป็นเหมือนด้านนอก เหนือสิ่งอื่นใด มีของมิติมากมายที่ภายนอกดูธรรมดา แต่มักมีของยิ่งใหญ่อยู่ภายในนั้น
หลินฮวงไม่คิดให้มากความ เขาผลักเปิดประตูและเดินเข้าไป
ทันทีที่เขาเข้าไป เขาก็ผงะทันที
เมื่อมองไรอบๆ เขาก็พบว่าภายในห้องถูกจัดวางให้เหมือนกระท่อมเล็กเรียบง่าย ซึ่งเกือบเหมือนกับที่เห็นจากภายนอก
พื้นที่ทั้งหมดมีประมาณสิบกว่าตารางเมตรและไม่มีเตียงนอน นับประสาอะไรกับโต๊ะ เก้าอี้หรือม้านั่ง มันแค่ห้องเปล่าที่มีพื้นกับเพดาน เว้นแต่ประตูไม้ กำแพงไม่มีอะไรเลย ไม่แม้แต่หน้าต่าง
“กระท่อมนี้แย่กว่าห้องที่ฉันเคยอยู่ตอนเรียนจบวิทยาลัยซะอีก…อย่างน้อยห้องนั้นก็มีหน้าต่างกับเตียง”หลินฮวงคิดว่ากระท่อมจะสอดคล้องกันทั้งภายในและภายนอก
แต่ทว่า เขาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว เหนือสิ่งอื่นใด เขามีเวลาแค่สามนาทีเพื่อกำหนดความเร็วกระแสเวลา หากเขาไม่ทำภายในสามนาที กระแสเวลาจะเป็นเหมือนกับโลกภายนอก ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้การ์ดเล่น
“กำหนดความเร็วของเวลา”
ทันทีที่หลินฮวงพูดจบ หน้าปัดโปร่งแสงก็ปรากฏตรงหน้าเขา
“ความเร็วของเวลา”
“โลกภายนอก : ห้องแห่งกาลเวลา =1:1”
หลินฮวงขยับนิ้วไปยังตัวเลขด้านหลังและเริ่มรูดขีน้
ตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทีละหนึ่ง 1 2 3….
หลินฮวงเลื่อนไปที่100ก่อนจะไม่สามารถปัดขึ้นได้อีก
ตอนนี้ อัตราส่วนเวลาบนหน้าปัดเปลี่ยนไป
“โลกภายนอก : ห้องแห่งกาลเวลา = 1:100”
หลังเขาปรับเสร็จ กล่องข้อความโปร่งแสงก็ผุดขึ้นตรงหน้าหลินฮวงอีกครั้ง
“ล็อคความเร็วของเวลาหรือไม่?”
“ใช่”หลินฮวงคิดและยังตัดสินใจเหมือนเดิม
“กำหนดความเร็วของเวลาปัจจุบันเป็นความเร็วเริ่มต้นหรือไม่?”
“ใช่”หลินอวงคิดสักพักและเลือกใช่
หลังตั้งเวลา หน้าปัดด้านหน้าเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว จู่ๆหลินฮวงก็พบว่ามีนาฬิกาบนกำแพงตรงข้ามประตูไม้ เขาไม่รู้ว่ามันปรากฏตอนไหน
เขามั่นใจว่ามากตอนเขาเข้าห้อง ไม่มีการตกแต่งใดๆบนกำแพงเลย เป็นแค่กำแพงสีขาวว่างเปล่าสี่ด้านผนัง
แต่ทว่า เขาสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่านาฬิกาแขวนไม่ได้แสดงเวลา มันกลับกำลังนับถอยหลัง
“การนับถอยหลังเริ่มขึ้นแล้ว?”
หลินฮวงเลิกคิ้วและนั่งขัดสมาธิทันที ควบคุมลมหายใจ จากนั้นก็หยิบการ์ดเห็นแจ้งออกมา หลังบดขยี้มันหลินฮวงก็หลับตาลงและเริ่มบ่มเพาะการตรัสรู้ธาตุรอบใหม่…
ตอนที่ 1415
หลินฮวงออกจากการปิดประตูบ่มเพาะ
เวลาในโลกภายนอกผ่านไปทีละวัน และเวลาของหลินฮวงก็เร็วขึ้นร้อยเท่า เวลาด้านนอกที่ผ่านไปทุกวัน เขาจะบ่มเพาะในห้องแห่งกาลเวลาเป็นเวลาร้อยวัน
ผ่านการเร่งของห้องแห่งกาลเวลา จำนวนพลังกฏเทพที่เขาใช้ได้ก็พุ่งสูงขึ้นแทบทุกวัน
เขาใช้เวลาแปดวันเพื่อเรียนการตรัสรู้ธาตุใหม่86อัน จากนั้นก็สองวันเพื่อเรียนพลังกฏเทพใหม่24อัน
เมื่อมาถึงจุดนี้ พลังกฏเทพที่เขาใช้ได้ก็มากถึง120แล้ว
ความเชี่ยวชาญของเทพแท้จริงที่มีต่อพลังกฏเทพแบ่งเป็นสี่ระดับ ชั่วขณะ ชำนาญ ควบคุมและสมบูรณ์
หลินฮวงใช้การ์ดเห็นแจ้งเพื่อเลื่อนพลังกฏเทพทั้งหมดเป็นระดับควบคุม ซึ่งยังเป็นขีดจำกัดปัจจุบันของการ์ดเห็นแจ้ง เพื่อให้ถึงระดับสมบูรณ์ หลินฮวงประเมินว่าตามมาตรฐานปัจจุบันเขา ทุกพลังกฏเทพเขาต้องใช้การ์ดเห็นแจ้งเพิ่มอย่างน้อยหนึ่งใบ มันอาจต้องใช้สองหรือสามใบเพื่อเข้าถึงความสมบูรณ์
ในความเป็นจริง พลังกฏเทพสมบูรณ์คือรากฐานของการสร้างบัญญัติเทพ
แต่ทว่า เทพแท้จริงคนใดที่สามารถเข้าถึงพลังกฏเทพระดับสมบูรณ์ได้ก็เทียบเท่ากับการก้าวสู่ระดับเทพสวรรค์ไปครึ่งตัวแล้ว ท่ามกลางเทพแท้จริง นี่ถือเป็นจุดสูงสุด
หลินฮวงค่อนข้างพอใจกับความสามารถปัจจุบันเขา พลังกฏเทพทั้ง120ล้วนเป็นระดับสมบูรณ์และความสามารถเขาก็นับเป็นเทพแท้จริงชั้นนำแล้ว ต่อให้เขาไม่เก่งเท่าเทพแท้จริงขั้นสูงสุด อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามาก
แม้เทพอีกาจะมีพลังกฏเทพ108ชนิด ตามความสามารถทั่วไปเขา หลินฮวงเดาว่าพลังกฏเทพทั้ง108น่าจะอยู่ระดับเลือนรางเท่านั้น มีไม่มากที่อยู่ในระดับควบคุม
หลังสิบวันของการปิดประตูบ่มเพาะในห้องแห่งกาลเวลา ความสามารถโดยรวมของหลินฮวงก็พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง และความรู้สึกไม่มั่นคงก่อนหน้าเขาก็ลดน้อยลงแล้ว
“น่าเสียดาย หากข้ามีการ์ดห้องแห่งกาลเวลาอีก มันควรเป็นไปได้ที่จะยกระดับเต๋าดาบข้าเป็นขั้นความเป็นจริง”หลินฮวงยังรู้สึกว่ามันน่าเสียดาย แต่เขาก็เหลือแค่โอกาสสุ่มการ์ด4ดาว5ครั้ง ซึ่งไม่พอจะแลกเป็นการ์ดห้องแห่งกาลเวลา
ขณะเฝ้าดูห้องแห่งกาลเวลาตรงหน้าค่อยๆสลายตัวหายไป หลินฮวงก็ส่ายหัวและรวบรวมความคิดเขา
ตอนนี้เอง แหวนสื่อสารเขาเริ่มสั่นไม่หยุด
เนื่องจากสัญญาณสื่อสารถูกขวางโดยห้องแห่งกาลเวลา ข้อความจากก่อนหน้านี้จึงถูกสะสมไว้จนกระทั่งตอนนี้
หลินฮวงกดดูหน้าสื่อสารและพบว่าสามวันก่อน คุณฟู่ จื่อจี้และหวงเทียนฟู่ได้พยายามติดต่อเขา
สายแรกมาจากหวงเทียนฟู่ตอนประมาณแปดโมง สายสองมาจากจื่อจี้จากตอนประมาณเก้าโมง และสายสามมาจากคุณฟู่ตอนประมาณเที่ยง
หลินฮวงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเดาว่าคงมีเรื่องเกิดขึ้นแน่
เมื่อเห็นว่ายังมีข้อความที่ไม่ได้อ่านอีกมากในกล่องจดหมาย เขาก็รีบตรวจสอบ
ข้อความแรกถูกส่งมาโดยคุณฟู่ตอนประมาณตี5.15
“ศิษย์รัก ผนึกที่ขอบเหวนรกประสบกับความผันผวนผิดปกติ เราสงสัยว่ามันอาจถูกก่อกวนโดยกองกำลังภายนอก ข้าได้แจ้งรัฐบาลกลางแล้ว โปรดออกจากการปิดประตูบ่มเพาะให้เร็วที่สุด!”
ข้อความสองมาจากหวงเทียนฟู่ตอน8โมง22นาที
“ฝ่าบาท ผู้พิทักษ์ที่ขอบเหวนรกได้ส่งข่าวมาว่าผนึกของรอยแยกสามมิติสามอันเกิดความผันผวน และความผันผวนทางมิติของรอยแยกทั้งสามก็ยิ่งรุนแรง ข้าได้เรียกรวมเทพเสมือนของขัตติยะแล้ว”
ข้อความสามส่งมาโดยจื่อจี้ตอน8โมง41นาที
“ฝ่าบาท ผนึกของขอบเหวนรกแตกแล้ว ข้าได้เรียกรวมเทพเสมือนทั้งหมดแล้ว เรากำลังรอคำสั่งท่าน”
ข้อความสี่ส่งมาโดยคุณฟู่ตอนบ่าย
“ศิษย์รัก ข้าจะไปขอบเหวนรกเพื่อตรวจสอบสถานการณ์กับคนจากรัฐบาลกลาง ข้าจะแจ้งเจ้าและเทียนฟู่ถึงรายละเอียดทีหลัง”
ข้อความหลังจากนั้นถูกส่งมาโดยคุณฟู่พร้อมแนบรูปและวิดิโอ
หลินฮวงกดดูทั้งหมด ยิ่งเขาดู เขาก็ยิ่งขมวดคิ้ว
ในรูปที่คุณฟู่ส่งมา จำนวนผนึกที่แตกยังคงเพิ่มขึ้น
ตอนแรก มีเพียงสามผนึกที่ถูกทำลาย วันต่อมา มันกลายเป็นเจ็ด และในวันที่สาม มันกลายเป็น12…
ในวันที่สาม เทพเสมือนชุดแรกเริ่มถูกส่งมาผ่านรอยแยกมิติ
โชคดี รัฐบาลกลางเตรียมการมาดี ร่วมกับคุณฟู่ที่เป็นเทพเสมือนขั้น9 พวกเขาจัดตั้งค่ายกลรบและฆ่าศัตรูชุดแรกทันที
หลังค้นผ่านวิดิโอและรูปที่คุณฟู่ส่งมา หลินฮวงก็ไม่ลังเลและผลึกเปิดประตูวังจักรพรรดิออกไป
ดาบ101และดาบ102ทักทายเขาทันที
“พวกเจ้า เรียกรวมทาสดาบทั้งหมดและรีบไปขอบเหวนรกชั้นสามให้เร็วที่สุด!”
เมื่อเขาออกคำสั่ง หลินฮวงก็ใช้จิตเทวะและปรากฏในห้องทำงานของหวงเทียนฟู่ทันที
“ฝ่าบาท ท่านออกมาแล้ว!”
เมื่อเห็นหลินฮวง ในที่สุดหวงเทียนฟู่ก็ถอนหายใจ
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
แม้เขาจะได้รับข้อความแนวหน้าจากคุณฟู่ทุกวัน หลินฮวงก็ยังอยากรู้สถานการณ์จากทางฝั่งหวงเทียนฟู่
“มันไม่ดีนัก มีผนึกถูกทำลายมากขึ้น และตลอดสองวันที่ผ่านมา มหาพิภพได้เริ่มส่งคนมาตรวจสอบสถานการณ์ทางฝั่งนี้”สีหน้าหวงเทียนฟู่ไม่สู้ดี
“เมื่อวาน ข้าขอให้ท่านไป่ยู่และตู้ฟู่พาเทพเสมือนครึ่งหนึ่งไปขอบเหวนรก ยังมีทาสดาบ7ตนไปกับพวกเขาด้วย”
หลินฮวงสังเกตเห็นว่านอกจากดาบ101และดาบ102ที่เฝ้าตรงทางเข้า ยังมีทาสดาบคอยเฝ้าหลินซินอยู่ด้วย
“แล้วทางฝั่งผู้ปลดปล่อยละ?”หลินฮวงถาม
“พวกเขาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเรา พวกเขายังส่งเทพเสมือนครึ่งหนึ่งไป”หวงเทียนฟู่อธิบาย”เมื่อวานรัฐบาลกลางได้ประกาศข่าวต่อโลกบ่มเพาะ และองค์กรที่มีเทพเสมือนก็ได้ส่งคนมาหนุนทัพแล้ว”
“ดีมาก”หลินฮวงพยักหน้า
“หลินซินและเสี่ยวโม่ยังไม่ออกมาอีกงั้นหรอ?”เขาถามอีกครั้ง ใช้จิตเทวะ และพบว่าพวกเขายังปิดประตูบ่มเพาะ
“ไม่ครับ พวกเขาปิดประตูบ่มเพาะกันตลอดและไม่เคยออกมาเลย”หวงเทียนฟู่ส่ายหัว
“ข้าจะเดินทางไปขอบเหวนรก หากข้าไม่ออกคำสั่ง ก็ไม่จำเป็นต้องส่งคนมาเพิ่ม”หลินฮวงพูดพร้อมกับส่งข้อความไปหาจื่อจี้ ให้คำสั่งคล้ายๆกัน
หลังปิดหน้าสื่อสาร หลินฮวงก็เรียกประตูมิติออกมาและแหงนมองหวงเทียนฟู่”เจ้าต้องดูแลศูนย์ใหญ่ขัตติยะไปก่อน หากข้าต้องการกำลังเสริมจริงๆ ข้าจะแจ้งเจ้า”
ทันทีที่เขาพูดจบ ก่อนหวงเทียนฟู่จะได้ตอบสนอง หลินฮวงก็หายไปแล้ว
หวงเทียนฟู่เปิดปากเพื่อจะพูดบางอย่าง แต่ก็เห็นว่าหลินฮวงได้เข้าประตูมิติไปแล้ว
ประตูมิติค่อยๆปิดตัว หลินฮวงยืนอยู่อีกฝั่งของมันแล้วและโบกมือให้หวงเทียนฟู่ด้วยใบหน้าสงบนิ่งราวกับเขาแค่จะไปเที่ยว…
ตอนที่ 1416
คุยกับรัฐบาลกลาง
เมื่อเขาก้าวออกประตูมิติ หลินฮวงก็ได้มาอยู่ตรงทางเข้าขอบเหวนรกแล้ว
หลังเก็บประตูมิติ เขาก็ทิ้งดิ่งไปในขอบเหวนรก ไปปรากฏตรงทางเข้าชั้นสอง
“กฏมิติที่ระดับควบคุมสะดวกจริงๆ”หลินฮวงพึมพำเสียงต่ำก่อนก้าวผ่านทางเข้าชั้นสอง
เมื่อก้าวเข้าชั้นสอง เขาก็ก้าวเท้าอีกก้าวและไปปรากฏตรงทางเข้าชั้นสาม
เมื่อชั้นสามของขอบเหวนรก หลินฮวงก็ปล่อยจิตเทวะและพบตำแหน่งพวกเขาคุณฟู่ในเวลาไม่นาน
วินาทีถัดมา ร่างเขาก็ปรากฏตรงจุดที่พวกคุณฟู่อยู่
คุณฟู่และเหล่าทาสดาบตอบสนองทันทีที่สัมผัสได้ถึงการมาของอีกคน พวกเขารีบหันไปมอง
“ศิษย์รัก?!”เมื่อคุณฟู่เห็นว่ามันเป็นหลินฮวง เขาก็กล่าว”เจ้าออกจากการปิดประตูบ่มเพาะแล้ว?”
“ครับ”หลินฮวงพยักหน้า เดินไปหาคุณฟู่”ข้าเพิ่งออกจากการปิดประตูบ่มเพาะวันนี้ และเห็นข้อความที่ท่านทิ้งไว้ สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
เหตุผลที่หลินฮวงถามก็เพื่อถามความคืบหน้าจากเมื่อวาน เพราะวันนี้คุณฟู่ยังไม่ได้ส่งข้อความมาหาเขา
“ไม่ค่อยดีนัก”คุณฟู่ได้ยินคำถามและสีหน้ามีความสุขของเขาก็หายไป”ปัจจุบันมีรอยแยกกว่า30จุดบนขอบเหวนรกชั้นสามนี้ ซึ่งมากกว่าสองปีก่อนมาก”
“นี่เป็นเรื่องปกติ ในอดีต มีบางรอยแยกหลบซ่อน พวกมันปกปิดอยู่ภายในหน้าผาหินหรือลึกลงไปใต้ดิน มันยากที่จะตรวจพบหากพวกมันไม่ปล่อยความผันผวนใดๆ”หลินฮวงแสดงความคิดเห็น
“ปัญหาคือตั้งแต่เมื่อวาน มหาพิภพได้พยายามส่งคนมาสำรวจ ยิ่งไปกว่านั้น ระดับพลังของผู้สำรวจที่ส่งมายังสูงขึ้นเรื่อยๆ และมันก็ยิ่งยากจะจัดการ”คุณฟู่แสดงความกังวล”หากรอยแยกทั้ง30นี้ส่งคนมาพร้อมกัน เราคงไม่มีกำลังคนพอจะรับมือ”
เนื่องจากเทพเสมือนส่วนใหญ่จากองค์กรใหญ่เป็นแค่เทพเสมือนขั้นต้น พวกเขาจึงต้องร่วมมือกันและสร้างค่ายกลต่อสู้
ตอนนี้ นอกจากคุณฟู่ ทุกคนยังเตรียมพร้อมต้อนรับศัตรู มีทาสดาบ7คนจากกลุ่มขัตติยะและทาสดาบ5คนจากกลุ่มผู้ปลดปล่อยที่ปลอมเป็นเทพเสมือนขั้นต้น แต่ละคนได้สร้างค่ายกลต่อสู้
ยกเว้นคุณฟู่ ปัจจุบันมีเพียง28กลุ่มในขอบเหวนรกชั้นสาม
“ไม่ต้องห่วง กำลังเสริมจะมาถึงในสองวัน”หลินฮวงกล่าวอย่างสบายใจ
เขาไม่กังวลเลยเพราะมีทาสดาบกว่าสองร้อยกำลังเดินทางมา
ทาสดาบเหล่านี้คือเทพแท้จริงขั้น6 ทันทีที่เจตจำนงของโลกกรวดถูกยับยั้ง ระดับพลังพวกเขาก็จะคลายผนึกเช่นกัน
ตอนนี้ที่นักสำรวจยังไม่ถูกส่งมา การปรากฏตัวของหลินฮวงจึงดึงดูดความสนใจของทุกคน
เหนือสิ่งอื่นใด ก่อนหน้านี้เขาไปมหาพิภพมา เขาถือเป็นคนดังของโลกบ่มเพาะ เป็นคนที่มียอดค้นหามากสุดของโลก คนทั้งหมดที่นี่ล้วนเป็นผู่บ่มเพาะชั้นยอด ต่อให้พวกเขาไม่เคยพบหลินฮวงมาก่อน ใบหน้าเขาก็ไม่ใช่แปลกหน้าอะไร แถมยังมีคนที่เคยพูดคุยกับเขาด้วย
ทาสดาบทั้งเจ็ดของขัตติยะมาทักทายหลินฮวงพร้อมสมาชิกคนอื่น
“ฝ่าบาท!”
ทั้งเจ็ดไม่ได้เรียกหลินฮวงว่าจอมดาบเพราะเขาสั่งไว้ ตอนนี้พวกเขากำลังปลอมเป็นสมาชิกขัตติยะ มันจึงเหมาะสมกว่าที่จะเรียกเขาเช่นนี้
หลินฮวงพยักหน้าเล็กน้อย สายตาเขาสลับไปมาระหว่างสมาชิกขัตติยะ จากนั้นก็เหลือบไปมองทางผู้ปลดปล่อยซึ่งมีทาสดาบทั้งห้า
เมื่อหลินฮวงละสายตาออกจากผู้ปลดปล่อย ตงฟางไป่ รองประธานของรัฐบาลกลาง ผู้นำกลุ่มรัฐบาลกลางก็เดินมาพร้อมกับกวนจง
“จักรพรรดิหลิน หากไม่ได้พบท่านวันนี้ ข้าคงคิดว่าข่าวการกลับมาของท่านครึ่งปีก่อนเป็นข่าวปลอม”ตงฟางไป่ทักทายหลินฮวงอย่างสุภาพ
“หัวหน้าตงฟาง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”หลินฮวงทักทายเขาด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ”ข้าปิดประตูบ่มเพาะตั้งแต่กลับมา ข้าเคยพูดไว้ว่าหากข้ามีเวลา ข้าจะไปเยือนรัฐบาลกลางและจิบชากับท่าน แต่ข้าก็ไม่มีเวลาเลย”
“ข้าเพิ่งออกจากการปิดประตูบ่มเพาะก็วันนี้ เดิมข้าวางแผนจะหยุดพัก แต่ก็ได้รับข้อความเสียก่อนจึงรีบรุดหน้ามา”
“ท่านเป็นคนที่งานรัดตัวเสียจริง”ตงฟางไป่จับมือกับหลินฮวง
“มันก็ยังจัดการได้ มันไม่ยุ่งเท่ากับงานของพวกท่านหรอก”
“ปกติเราก็สบายดี แต่ช่วงนี้งานนั้นยุ่งมาก”ทั้งสองพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนตงฟางไป่จะเข้าเรื่อง”แม้เราจะเตรียมการไว้แล้ว การเตรียมการของเราทั้งหมดก็ยังไม่พอ”
“จักรพรรดิหลิน ท่านมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการรุกรานนี้ไหม?”
“ข้อเสนอแนะข้าเรียบง่าย มาร่วมมือกัน หยุดเถียงกัน พยายามสุดความสามารถเพื่อจัดการกับศัตรูภายนอก หากมีความขัดแย้ง ก็ปล่อยให้เป็นไปตามนั้น ตอนนี้เราไม่อาจเสียเวลาไปกับปัญหาภายในได้ ศัตรูเราทรงพลังมากกว่าเดิม โลกกรวดอาจตกเป็นดินแดนบริวารของคนอื่นหากเราไม่ระวัง”
เนื่องจากการสนทนาของทั้งสองไม่ได้กระทำผ่านคลื่นเสียง ทุกคนจึงได้ยินคำพูดของหลินฮวง
หลายคนเห็นด้วย แต่ก็มีคนที่ดูถูกเหยียดหยาม
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น ทุกคนควรละทิ้งความแค้นใจไว้ชั่วคราวและร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้”ตงฟางไป่ยิ้ม
“เอาเป็นว่าเราอย่ามาคุยเรื่องเครียดๆกันเลย จักรพรรดิหลิน ข้าไม่เจอท่านมากว่าปีแล้ว ท่านจะไม่เชิญข้าไปจิบชาด้วยกันหน่อยหรือ?”
ทันทีที่ตงฟางไป่กล่าวเช่นนี้ หลินฮวงก็เข้าใจว่าเขาอยากคุยเป็นการส่วนตัว
คุณฟู่เหลือบมองและหลินฮวงก็เหลือบไปเห็นเต็นท์ที่อยู่ไม่ไกล เขายิ้มและพยักหน้า”หากท่านไม่รังเกียจก็เชิญ”
หลินฮวงนำตงฟางไป่และพวกเขาเข้าไปในเต็นท์ เหล่าทาสดาบกำลังจะตามมาแต่คุณฟู่ก็ส่งสายตาให้หยุด มีเพียงตัวเขาถึงตามเข้าไป
เต็นท์นี้ดูธรรมดาจากด้านนอก แต่จริงๆแล้วมันคือสมบัติเทพประเภทวังของคุณฟู่ และมันก็มีระดับเกือบเท่ากับวังจักรพรรดิ
การตกแต่งภายในสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่ามันคือบ้านของคุณฟู่ หลินฮวงเคยมาที่นี่หลายครั้งในอดีต
“คุณฟู่ วังนี้ต้องแพงมากแน่ๆ!”ตงฟางไป่เห็นของระดับสูงมากมาย แม้กระทั่งเขาก็ยังอดอุทานไม่ได้
“เมื่อข้าซื้อมันมา ข้าใช้เงินเก็บข้าไปเกือบหมด”คุณฟู่ยิ้ม
สีหน้าของหลินฮวงไม่แยแส เขาไม่พูดอะไร เขามีสมบัติเทพสวรรค์ที่เหล่าเทพสวรรค์ใช้ นอกจากนี้ เขายังสะสมสมบัติกฏเทพไว้มาก เขายังมีอาวุธเซียนเจ็ดชิ้น เมื่อนำมันออกมา แค่ชิ้นเดียวก็มีค่ามากกว่าวังนี้แล้ว
ผู้คนพากันเดินเข้าโถง หลังจับจองที่นั่ง คุณฟู่ก็นำชุดชาล้ำค่าของเขาออกมา
ในที่สุดตงฟางไป่ก็น่งตัวตรงและเริ่มการสอบถามหลินฮวง
“หลินฮวง ท่านอยู่ในมหาพิภพมาปีหนึ่งเต็มๆ ท่านย่อมรู้อะไรมากกว่าเรา ช่วยบอกเราตรงๆ ระดับความสามารถของผู้บุกรุกครั้งนี้เป็นอย่างไร?ทักษะของพวกเขาเหนือกว่าเทพแท้จริงขั้นต่ำหรือไม่?”
หลินฮวงเหลือบมองคุณฟู่ คิดว่าเขาคงพูดอะไรบางอย่างกับรัฐบาลกลางมาบ้าง แต่ทว่า คุณฟู่กลับส่ายหัว บ่งชี้ว่าเขาไม่ได้พูดอะไร
ตงฟางไป่และคนอื่นๆสังเกตเห็นท่าทางเหล่านี้”จากที่ดูแล้ว พวกท่านคงปกปิดบางอย่างไว้จริงๆ”
หลินฮวงจำต้องพยักหน้า”ในเมื่อการรุกรานเริ่มขึ้นแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องปิดบังอีก”
“การรุกรานโลกชั้นต่ำโดยมหาพิภพมักเกิดขึ้นโดยเทพแท้จริงขั้นสูง ในหลายกรณี ผู้ริเริ่มคือเทพแท้จริงขั้น9ที่มีองค์กรอิสระของตนเอง มันอาจเป็นการร่วมมือของขุมกำลังระดับเทพแท้จริงขั้น9หลายองค์กรด้วยซ้ำ…”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของหลายคนก็สลดลง
ตอนที่ 1417
90%
ชั้นสามของขอบเหวนรก
เมื่อเห็นตงฟางไป่นำกลุ่มรัฐบาลกลางไปเต็นท์ของขัตติยะ เกือบทุกคนก็รู้ว่านั่นไม่ใช่แค่การจิบชาทั่วไป
หลายคนลอบเดาว่ารองหัวหน้ารัฐบาลกลางกับจักรพรรดิแห่งขัตติยะจะคุยเรื่องอะไรกัน
สิ่งที่ทำให้หลายคนแปลกใจคือพวกตงฟางไป่กลับเดินออกจากเต็นท์ในเวลาไม่ถึงสิบนาทีด้วยใบหน้าขมขื่น
“เกิดอะไรขึ้น?ทำไมคนของรัฐบาลกลางถึงทำหน้าแบบนั้น?!”
“สีหน้าเหล่านั้น…หรือว่าการเจรจาจะไม่ไปสวย?”
“ตามตำนาน รองหัวหน้ารัฐบาลกลางตงฟางไป่ไม่เคยแสดงความรู้สึกเขามาก่อน ต่อให้เขาเจอเรื่องพิเศษแค่ไหน ใบหน้าเขาก็จะไม่แสดงความผิดปกติ สิ่งที่คุณฟู่กับหลินฮวงพูดในวันนี้ถึงกับทำให้เขาไม่สามารถควบคุมการแสดงสีหน้าได้เชียว?!”
เมื่อพวกเขาเห็นสีหน้าของตงฟางไป่และคนอื่น ทุกคนก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากนั้น ผู้คนก็เห็นหลินฮวงกับคุณฟู่เดินออกมา ดูราวกับไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น ความอยากรู้ของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
พวกนอกรีตเองก็พูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน
“หัวหน้า ไปถามสิว่าเกิดอะไรขึ้น”เด็กสาวผมม่วงแทงศอกใส่ซุนจ้าว
“ข้าไม่ไป!”ซุนจ้าวรีบละสายตาออกจากค่ายของพวกขัตติยะทันที
“เห็นได้ชัดว่าเจ้าเองก็อยากรู้ ทำไมถึงไม่ไปถามละ?”เฉาหยากล่าว
“ข้าไม่ได้อยากรู้”ซุนจ้าวรีบหันเดินไปทางเต็นท์เขาด้วยใบหน้าเย็นชา
“ดูสายตาของเจ้าที่ทรยศปากตัวเองสิ อย่าคิดว่าข้าไม่เห็นมันแค่เพราะเจ้าสวมหน้ากาก สายตานั่นกำลังบอกว่า’เกิดอะไรขึ้น ข้าอยากรู้จริงๆ!’..”
“หุบปาก หากเจ้าอยากรู้ก็ไปถามเองสิ!”ซุนจ้าวเดินตรงไปเต็นท์เขา
เมื่อเห็นว่านางไม่สามารถโน้มน้าวหัวหน้าตัวเองได้อีก เฉาหยาก็ยิ้มและหันไปมองรองหัวหน้า โจวตง
ก่อนนางจะได้พูดอะไร โจวตงก็แคะขี้มูกออกมาด้วยนิ้วก้อย แหงนหน้าขึ้นและดีดนิ้วก้อยเขาด้วยสีหน้าเฉยเมย”เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังยุ่ง?ไปถามเองสิ!”
หลังเขาพูดจบ เขาก็ยัดนิ้วก้อยเข้าไปในรูจมูกอีกข้าง
เฉาหยาไม่พอใจ นางละสายตาจากโจวตง จากนั้นก็มองไปทางหลินฮวง
อาจเพราะเขารู้ว่ามีคนจ้องเขา หลินฮวงจึงหันหัวไปสบตากับเฉาหยาที่กำลังจ้องมองเขาอยู่
เฉาหยาถึงกับผงะ นางลังเล จากนั้นก็ค่อยๆเดินไปทางฝั่งของขัตติยะ
“ฝ่าบาท ท่านช่วยบอกข้าถึงเรื่องที่ท่านคุยกับตงฟางไป่ได้หรือไม่?”เฉาหยาตัดสินใจถามตรงๆ”ข้าแค่อยากรู้ หากท่านไม่พูดอะไร งั้นก็แค่ลืมๆไปซะ ถือว่าข้าไม่เคยถาม”
นางไม่ได้ใช้คลื่นเสียง ดังนั้นทุกคนจึงได้ยินคำพูดนางชัดเจน พวกรีบเงี่ยหูฟัง รอให้หลินฮวงตอบคำถามนี้
หลินฮวงเหลือบมองกลุ่มของตงฟางไป่ที่กำลังเดินห่างออกไป ตงฟางไป่เพิ่งบอกว่าหลังเขารายงานเรื่องนี้ต่อรัฐบาลกลาง ข่าวจะถูกประกาศทันที หากพวกเขายังคงปกปิดความจริง ผู้คนคงหมดสิ้นขวัญกำลังใจตอนเทพแท้จริงขั้นกลางหรือขั้นสูงจุติลงมา
หากมันประกาศเสียตอนนี้ แม้มันจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจบ้าง มันก็ยังมอบเวลาให้ทุกคนเตรียมใจ
“รัฐบาลกลางจะทำการประกาศในอีกสองวันข้างหน้า”หลินฮวงไม่ใช้คลื่นเสียงและมองข้ามเฉาหยาไปหาผู้คนด้านหลังนาง”ข้าสามารถเผยได้เพียงเรื่องเดียว หากเราอยากจัดการกับวิกฤต ทุกคนต้องเตรียมพร้อมกันให้มากกว่านี้”
แม้หลินฮวงจะไม่ได้พูดอะไรเฉพาะเจาะจง แต่คนส่วนใหญ่ก็เงียบไปกับคำพูดเหล่านั้น
แม้กระทั่งโจวตง ผู้กำลังแคะจมูกก็ยังหยุดมือเขาชั่วขณะ
มีการพูดคุยมากมายก่อนหน้านี้เพราะหลายคนคิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย และอาจเกี่ยวข้องกับรัฐบาลกลางกับขัตติยะเท่านั้น
แต่ทว่า คำพูดของหลินฮวงก็บ่งชี้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับทุกคน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ประเด็นที่พูดคุยระหว่างเขากับตงฟางไป่ในเต็นท์ไม่ได้เกี่ยวแค่กับทุกคนที่นี่ แต่อาจเกี่ยวกับทั้งโลกกรวด
เมื่อนึกถึงสีหน้าของตงฟางไป่ ทุกคนก็พอเดาได้ว่านั้นไม่ใช่ข่าวดี
เดิมเฉาหยามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่นางก็เงียบไปเมื่อได้ยินคำตอบนี้ โดยไม่ถามเพิ่มเติม นางพยักหน้าเล็กน้อย จากั้นก็หมุนตัวเดินกลับไปค่ายของพวกนอกรีต
คนส่วนใหญ่ที่นี่รู้ว่าหลินฮวงเคยอยู่ในมหาพิภพมา และความเข้าใจเขาก็เหนือกว่าทุกคนในโลกกรวด ในเมื่อเขาพูดแบบนั้น นั่นหมายความว่าเขาต้องรู้อะไรบางอย่าง นอกจากนี้ ด้วยตำแหน่งจักรพรรดิ ผู้นำของหนึ่งในหกองค์กรใหญ่ คำพูดเขาจึงมีน้ำหนักมากสำหรับทุกคน
หลายคนติดต่อศูนย์ใหญ่พวกเขาทันทีเพื่อรายงานคำพูดของหลินฮวง
ทางฝั่งรัฐบาลกลาง ตงฟางไป่พาพวกเขาเข้าเต็นท์ไป กลับไปวังและติดต่อหาเจียงฉาน
หลังจากนั้นไม่นาน สายก็เชื่อมต่อ
เมื่อเห็นสีหน้าของพวกตงฟางไป่บนภาพฉาย หัวใจของเจียงฉานก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“เกิดอะไรขึ้น?!เกิดการรุกรานแล้ว?!”
“ยัง”
เมื่อตงฟางไป่พูดเช่นนี้ เจียงฉานก็ถอนหายใจโล่งอก แต่ก็ได้ยินประโยคถัดมา
“มีข่าวร้ายกว่านั้น!”
หัวใจของผู้นำรัฐบาลกลางเริ่มเต้นกระหน่ำอีกครั้ง
“หลินฮวงบอกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงความตื่นตระหนก เขาจึงปิดบังข้อมูลไว้ ระดับพลังสูงสุดของผู้รุกรานไม่ใช่เทพแท้จริงขั้น3 แต่เป็นเทพแท้จริงขั้น9 นอกจากนี้ มันอาจไม่ใช่เทพแท้จริงขั้น9แค่คนเดียว..”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเจียงฉานก็ซีดขาวไร้สีเลือด
ในเวลาเดียวกับที่เจียงฉานกำลังคุยกับตงฟางไป่ คุณฟู่เองก็คุยกับหลินฮวงผ่านคลื่นเสียง
“มันดูเหมือนว่าระดับพลังเจ้าจะไม่พัฒนาขึ้นเลยจากการปิดประตูบ่มเพาะครั้งก่อน”
“การปิดประตูบ่มเพาะรอบนี้ไม่ใช่เพื่อยกระดับพลัง แต่เป็นการฝึกพลังกฏเทพเพิ่ม”
“แล้วความสามารถเจ้าละ?เจ้าเคยบอกไว้ว่าหากเทพแท้จริงขั้น9ลงมาจริงๆ เจ้าไม่อาจรับประกันได้ว่าจะชนะ แล้วตอนนี้เป็นอย่างไร?”คุณฟู่ถามอีกครั้ง
“มันไม่ควรเป็นปัญหาแล้ว”หลินฮวงยิ้ม
“เจ้ามั่นใจแค่ไหน?”คุณฟู่ถามย้ำ
“90%”หลินฮวงมั่นใจมาก
“90%?!”คุณฟู่ถามอย่างไม่แน่ใจ เขากลัวว่าหลินฮวงจะจงใจหลอกเพื่อให้เขาสบายใจ
“ตราบเท่าที่ข้าไม่เจอพวกกึ่งเทพสวรรค์ ข้าควรสามารถรับมือได้”หลินฮวงไม่ปิดบังอะไรจากคุณฟู่
“ดี!”
ในที่สุดคุณฟู่ก็รู้สึกโล่งใจหลังได้ยินคำเหล่านี้ เขารู้จักศิษย์เขาดี และหากหลินฮวงกล่าวเช่นนั้น งั้นเขาก็ต้องมั่นใจมาก
ตอนที่ 1418
ข่าวร้าย
เมื่อความจริงเปิดเผยต่อรัฐบาลกลาง เจียงฉานก็ได้จัดการประชุมทางวิดิโอทันที
ผลลัพธ์สุดท้ายของการหารือคือสถานการณ์จริงจะถูกแบ่งปันให้กับเทพเสมือนทั้งหมด แต่จะไม่เปิดเผยต่อพวกระดับล่าง
มีบุคคลที่ต่ำกว่าเทพเสมือนมากมหาศาล หากข่าวกระจายออกไป มันมีแต่จะทำให้เกิดความตื่นตระหนกในวงกว้าง ซึ่งยากต่อการควบคุม
นอกจากนี้ สงครามนี้กับผู้รุกรานยังเป็นการต่อสู้ระหว่างเหล่าเทพ ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับเหล่ายอดฝีมือระดับเทพเสมือนเท่านั้น มันไม่สำคัญว่าคนทั่วไปจะรับรู้ถึงสถานการณ์หรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สงบ การปกปิดความจริงจึงเป็นทางออกที่ดีสุด
หลังกำหนดแผนปฏิบัติการของพวกเขา ตอนบ่ายของวัน ตงฟางไป่ก็รวมกลุ่มคนในขอบเหวนรก
เมื่อเทพเสมือนหลายคนเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของตงฟางไป่ พวกเขาก็สามารถเดาได้แล้วว่าเรื่องที่จะประกาศย่อมไม่ใช่ข่าวดี
“สิ่งที่ข้าอยากประกาศครั้งนี้คือข่าวร้าย หลังได้ยินมัน ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ตื่นตระหนก”
“ระดับพลังสูงสุดของผู้รุกรานที่เรากำลังเผชิญครั้งนี้ไม่ใช่เทพแท้จริงขั้นต่ำ แต่เป็นเทพแท้จริงขั้นสูง มันอาจเป็นเทพแท้จริงขั้น9..”
ทันทีที่ตงฟางไป่กล่าวเช่นนี้ เกือบทุกคนก็สับสน
ขั้นต่ำกับสูงนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ไม่มีเทพแท้จริงในโลกกรวด หากศัตรูเป็นเทพแท้จริงขั้นต่ำ พวกเขาอาจสามารถพึ่งพาคุณฟ่และเทพเสมือนขั้นสูงคนอื่นได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ อาจยังมีโอกาสชนะบ้าง
แต่ทว่า หากศัตรูคือเทพแท้จริงขั้นสูง มันหมายความว่าจะไม่มีโอกาสพลิกกระดานเลย
ไม่ว่าค่ายกลจะแกร่งแค่ไหน มันก็ยังมีขีดจำกัด
ตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบันของโลกกรวด ต่อให้คุณฟู่ ผู้เป็นเทพเสมือนขั้น9และเทพเสมือนขั้นสูงหลายคนร่วมมือกันสร้างค่ายกล ระดับสูงสุดที่พวกเขาจะสำแดงได้ก็แค่เทพแท้จริงขั้น3
หากพวกเขาพบเทพแท้จริงขั้น4 พวกเขาก็แทบไม่มีความสามารถสู้กลับแล้ว นับประสาอะไรกับเทพแท้จริงขั้นสูง
“เราจบสิ้นแล้ว กลับบ้านไปนอนกันเถอะ อย่างน้อยก็ยังหาความสุขใส่ตัวได้บ้าง”
“แล้วเรามาที่นี่เพื่ออะไร?ทุกอย่างที่เราทำมาตลอดนั้นทำไปเพื่ออะไร?”
“หากศัตรูเป็นแค่ขั้นต่ำ เราอาจมีหวังบ้าง แต่ด้วยเทพแท้จริงขั้นสูง มันไม่หลงเหลือความหวังใดเลย!”
..
เมื่อเห็นความสามัคคีตลอดหลายวันที่ผ่านมาสลายหายไป ตงฟางไป่ก็กำหมัด เขาคาดไว้แล้วว่าสถานการณ์แบบนี้คงเกิด
“พลังของศัตรูเหนือกว่าเรา เราสามารถพูดได้ว่าเราแทบไม่มีโอกาสชนะเลย แต่ทุกคนจะเต็มใจส่งมอบโลกเรา บ้านเกิดเราให้กับผู้รุกรานเหล่านั้นหรือ?!”
“เมื่อโลกเรากลายเป็นโลกบริวาร ทรัพยากรทั้งหมดของเราจะกลายเป็นของผู้รุกราน ไม่ใช่แค่แร่ธาตุต่างๆ แกนผลึกในมอนสเตอร์และแม้กระทั่งแก่นเทวะในตัวเราก็จะตกเป็นเป้าหมายล่าของพวกมัน”
“ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บ่มเพาะบางคนอาจถูกขายเป็นทาส และผู้บ่มเพาะหญิงก็อาจตกเป็นเป้าสุด พวกมันไม่สนใจว่าสิ่งมีชีวิตของโลกบริวารจะอยู่หรือตาย พวกมันจะเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นคนของเรา”
“มันเป็นไปได้ว่าหลังผ่านไปร้อยปี พวกมันจะใช้ทรัพยากรทั้งหมดของโลกนี้จนหมด เพื่อป้องกันเราจากการล้างแค้น พวกมันจะฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกเรา!”
“พวกเจ้าอยากให้อนาคตของเรากลายเป็นแบบนั้นหรือยังไง?!”
“เราอาจตายหากเราต่อต้าน แต่ถ้าเราไม่ต่อต้าน พวกเราทุกคน หรือแม้แต่ลูกหลานเราจะมีชีวิตที่เลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย!’
…
แม้แต่หลินฮวงก็ยังได้รับผลกระทบโดยคำพูดนี้
หลายคนที่หมดสิ้นความหวังแล้วถูกจุดประกายไฟขึ้นใหม่
การต่อต้านอาจนำไปสู่ความตาย แต่อย่างน้อยมันก็ได้ตายอย่างสมศักดิ์ศรี
แทนที่จะถูกตามล่าเหมือนสุนัข มันดีกว่าที่จะสู้ตายเหมือนหมาป่า
แต่ทว่า มีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้รับแรงบันดาลใจจากคำพูดของตงฟางไป่และเลือกถอนตัว
“หัวใจจักรพรรดิจะส่งข่าววันนี้ไปยังแหวนหัวใจจักรพรรดิทั้งหมดของเหล่าเทพเสมือน แต่มันจะถูกส่งไปในรูปแบบเข้ารหัส ข้อความไม่สามารถส่งต่อได้และจะถูกลบเองภายในสิบวินาทีหลังถูกอ่าน หวังว่าทุกคนจะไม่เผิดเผยข่าวนี้ต่อสหายหรือญาติพี่น้องเพื่อหลีกเลี่ยงความตื่นตระหนก”
“หากพบว่ามีใครจงใจกระจายข่าวนี้ เราจะประหารชีวิตคนๆนั้นทันที!”
จริงๆแล้ว ตงฟางไป่ได้เก็บความลับบางอย่างไว้ เช่น หัวใจจักรพรรดิจะคอยจับตาดูแหวนหัวใจจักรพรรดิของเทพเสมือนทุกคน คำหลักทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการรุกรานของมหาพิภพจะถูกปิดกั้น และข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะถูกลบโดยอัตโนมัติ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังตงฟางไป่พูดจบ รัฐบาลกลางก็ออกประกาศต่อเทพเสมือนทั้งหมด
ด้านนอกขอบเหวนรก ทุกคนที่อ่านประกาศนี้ต่างตกตะลึง
เมื่อพวกเขาได้สติ ข่าวก็ถูกลบไปแล้ว หลายคนติดต่อรัฐบาลกลางเพื่อขอความชี้แจง ทุกคนที่ได้รับคำตอบต่างใจสลาย
ด้านข้างของขอบเหวนรก คนเจ็ดคนกำลังพยายามถอนตัวจากปฏิบัติการ
สำหรับคนที่อยู่ ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่เพราะถูกหว่านล้อมด้วยคำพูดของตงฟางไป่ แต่เป็นเพราะทุกคนได้วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของเรื่องนี้แล้ว
หากพวกเขาอยู่และต่อต้าน อย่างน้อยพวกเขาก็ได้สู้
หากพวกเขาไม่ต่อต้าน พวกเขาคงใช้ชีวิตอย่างไร้สาระได้สักพัก เมื่อผู้รุกรานชนะ ไม่ช้าพวกเขาก็คงถูกกำจัดไปเช่นกัน ความเป็นไปได้มีอยู่สองอย่าง ไม่ถูกล่าก็เป็นทาส
คนที่สามารถกลายเป็นเทพเสมือนได้คือยอดฝีมือในแง่ความคิดพวกเขา หลังต่อสู้มานับไม่ถ้วน พวกเขาแทบไม่เคยถอย ดังนั้น ต่อให้พวกเขาจะรู้ว่าโอกาสชนะนั้นเป็น0 ส่วนใหญ่ก็ยังเลือกกัดกระสุนและต่อสู้กับมัน สำหรับพวกเขา การถอยโดยไม่สู้เป็นเส้นทางของผู้อ่อนแอ
เมื่อเห็นว่าคนส่วนใหญ่อยู่ หลินฮวงก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย เขาเองก็กังวลว่าข่าวอาจทำให้ทุกคนท้อใจ เหนือสิ่งอื่นใด ศัตรูของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าและแทบไม่มีโอกาสชนะเลย โชคดี สภาพจิตของทุกคนมั่นคง บนหน้าหลายๆคน เขายังเห็นถึงความมุ่งมั่น
“ทุกคนมีกำลังใจกันมาก อย่างน้อยนี่ก็เป็นข่าวดี”คุณฟู่ยิ้ม
“ครับ ข้าเองก็กังวลว่าจิตใจของทุกคนจะแหลกสลายก่อนสงครามเริ่ม”หลินฮวงยิ้มและพยักหน้า”แต่จากที่เห็น คนเหล่านี้ไม่กลัวเลย”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุย จู่ๆก็ความผันผวนทางมิติก็บังเกิดขึ้น
เกือบจะพร้อมกัน ความผันผวนถูกรายงานในสามสถานที่ที่ต่างกัน หลินฮวงสำรวจสภาพแวดล้อมด้วยจิตเทวะทันทีและพบว่ามีรอยแยกมิติ8แห่งกำลังปล่อยความผันผวน…
ตอนที่ 1419
ข้าคือผู้ควบคุม
เมื่อความผันผวนมิติกระจาย กลุ่มเทพเสมือนในขอบเหวนรกก็กลับไปยังพื้นที่ที่พวกเขาเฝ้าปกป้อง สร้างค่ายกลและเข้าสู่สภาวะพร้อมรบ
หลินฮวงใช้จิตเทวะ ความหนาแน่นของกลิ่นอายเบื้องหลังความผันผวนมิติแค่เทพเสมือนขั้นต้น ดังนั้นเขาจึงเมินเฉย
เมื่อเขามาถึง มีค่ายกลทั้งหมด28ค่ายกล ต่อให้คนเจ็ดคนถอนตัวไป หลังปรับโครงสร้างใหม่ ตอนนี้ก็ยังมีถึง26กลุ่ม ซึ่งมากพอจัดการกับผู้รุกรานทั้งแปด
คุณฟู่ไม่ได้ลงมือใดๆแต่กลับเฝ้าดูอยู่เงียบๆ
ไม่กี่อึดใจต่อมา นักสำรวจก็คลื่อนผ่านรอยแยกมิติทั้งแปดเกือบจะพร้อมกัน
ทั้ง26กลุ่มที่สร้างค่ายกลไม่ลังเล พวกเขาเคลื่อนไหวทันทีและฆ่านักสำรวจทั้งแปดภายในไม่กี่วินาที
อันตรายถือว่าผ่านไปชั่วคราว
แต่ทว่า สีหน้าคุณฟู่ไม่ผ่อนคลายเลย
“วันนี้มีนักสำรวจมากกว่าเมื่อวาน เมื่อวาน อย่างมาก ก็มีการเคลื่อนย้ายพร้อมกันมากสุดแค่สาม แต่วันนี้กลับมีถึงแปด”
“นั่นเพราะพวกเขากำลังเพิ่มการทดสอบ”หลินฮวงไม่แปลกใจอะไร มีคำอธิบายโดยละเอียดในข้อมูลที่เจ้าแดงจัดหาให้
“อุโมงค์มิติกว่า30ที่นี่ถูกใช้มาหลายครั้งแล้ว ภายใต้สถานการณ์ปกติ อุโมงค์มิติที่สัมผัสกับกฏมิติมานานไม่น่ามีปัญหาด้านความเสถียร ต่อให้มีปัญหา มันก็แค่ยิบย่อย”
“สิ่งที่พวกเขาทำเมื่อวานไม่ใช่เพื่อทดสอบว่าอุโมงค์มิติมีประสิทธิภาพไหม แต่เป็นการทดลอง เมื่อวานพวกเขาพยายามใช้อุโมงค์มิติทีละอัน บางอันยังถูกทดลองมากกว่าครั้ง และนักสำรวจทั้งหมดก็ถูกฆ่าภายในชั่วพริบตา ในแง่ของความน่าจะเป็นที่อุโมงค์มิติจะเสียหาย นี่เป็นไปได้น้อยมากและพวกเขาก็ต้องรู้เรื่องนี้ดี”
“หากข้าเดาไม่ผิด พวกเขาจะต้องเดาได้ว่ามีใครบางคนทางฝั่งเรากำลังแทรกแซง ดังนั้น วันนี้พวกเขาจึงควรจะทำการทดลองหลายครั้งเพื่อพิจารณาว่ามีคนฆ่านักสำรวจของพวกเขาหรือไม่”
“จากสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้นำของผู้รุกรานต้องมีนิสัยที่ขี้ระแวงมาก”
“หากข้าเป็นผู้นำของผู้รุกรานเหล่านี้ ข้าจะเพิ่มจำนวนนักสำรวจและระดับพลัง อย่างน้อยสุด ข้าจะหาอุโมงค์ที่ข้ามั่นใจเต็มร้อย เมื่อข้าพบอุโมงค์เช่นนั้น ข้าจะใช้มันทำการรุกรานรอบแรก!”
เมื่อเขาได้ยิน สีหน้าของคุณฟู่ก็ยิ่งจริงจัง
หลังเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ถาม”เจ้าอยากเรียกกำลังเสริมไหม?”
หลินฮวงคิดสักพัก”เราสามาถรเรียกหาพวกเขาได้ตอนนี้เลย ใช่ หากไม่มีอะไรผิดพลาด สงครามนี้ควรเริ่มอย่างเป็นทางการภายในสองวันข้างหน้า”
เมื่อคุณฟู่ได้ยินแบบนี้ เขาก็รีบติดต่อรัฐบาลกลาง
หลินฮวงยังส่งข้อความหาหวงเทียนฟู่และจื่อจี้
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา รัฐบาลกลางก็ส่งการแจ้งเตือนไปยังทุกองค์กรที่มีเทพเสมือน แจ้งให้ทุกคนทราบถึงสถานการณ์ในขอบเหวนรก และเรียกเชิญพวกเขามาเข้าร่วมกองกำลังต่อต้าน
เมื่อเทพเสมือนส่วนใหญ่เห็นข่าว พวกเขาก็รีบเก็บของและออกเดินทางมาขอบเหวนรก
แน่นอน ยังมีคนที่เลือกรอดู
ทางฝั่งจักรวรรดิ นอกจากหวงเทียนฟู่และทาสดาบที่คอยปกป้องหลินซิน รวมถึงเสี่ยวโม่ที่ยังปิดประตูบ่มเพาะ เทพเสมือนทั้งหมดล้วนถูกส่งมา
ทางฝั่งผู้ปลดปล่อย นอกจากจื่อจี้ รวมถึงทาสดาบทั้งห้า เทพเสมือนคนอื่นเองก็ถูกส่งมาเช่นกัน
แต่ทว่า ในช่วงครึ่งชั่วโมงระหว่างตอนคุณฟู่แจ้งข่าวให้รัฐบาลกลางและทำการประกาศ ผู้รุกรานอีกสามระลอกก็มาถึง
ทั้งสามระลอกเกิดขึ้นพร้อมกันบนรอยแยกมิติ8หรือ9แห่ง แต่ละระลอกจะออกมาไม่ซ้อนทับรอยแยกเดิม
มีผู้รุกรานมาถึงทั้งหมดสี่ระลอก และอุโมงค์มิติทั้ง33ก็ถูกทดสอบ
หลินฮวงเดาว่าอีกฝ่ายอาจมีอุโมงค์กว่า33แห่งในมหาพิภพและควรมีอุโมงค์มิติบางอันที่ได้รับความเสียหายหนัก ส่งผลให้เคลื่อนย้ายไม่สำเร็จ
หลังการทดสอบ ทุกคนก็ตื่นตัวเต็มที่และพร้อมรับมือกับการมาของนักสำรวจอีกระลอก
โชคดี ก่อนระลอกห้าจะมาถึง เทพเสมือนก็เริ่มมาสมทบแล้ว
เทพเสมือนหลายคนได้ระบุตำแหน่งทางเข้าขอบเหวนรกไว้ บางคนยังเอาของใช้ชีวิตประจำวันใส่แหวนและออกเดินทางทันที พวกเขาจึงมาถึงเร็วกันมาก
เทพเสมือนที่เพิ่งมาใหม่เหล่านี้เข้าสู่สภาวะพร้อมรบอย่างรวดเร็วและจัดตั้งค่ายกล
เมื่อนักสำรวจระลอกห้ามาถึง ค่ายกลก็เพิ่มเป็น29อัน
แต่ทว่า ในการบุกรอบนี้ จำนวนอุโมงค์มิติที่ปล่อยความผันผวนกลับเพิ่มขึ้นสองเท่าจาก8เป็น16
วินาทีต่อมาหลังความผันผวนมิติเกิดขึ้น หลินฮวงก็เลิกคิ้ว
“นักสำรวจได้เปลี่ยนจากเทพเสมือนขั้น3เป็นขั้น4!”
จิตเทวะเขาตรวจพบว่าระดับพลังของอีกฝ่ายสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้กังวลนัก ยกเว้นทาสดาบสองกลุ่ม ค่ายกลต่อสู้ปัจจุบันทั้ง29มีเทพเสมือนขั้น3เป็นกลาง และพลังของค่ายกลทั้งหมดก็เกือบถึงเทพเสมือนขั้น5 ยังมีสามกลุ่มที่ใช้เทพเสมือนขั้น4เป็นแกน และพลังของค่ายกลก็เทียบเคียงได้กับเทพเสมือนขั้น6 ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนของค่ายกลยังมากกว่าศัตรูถึงสองเท่า
การตัดสินของหลินฮวงถูกต้อง ศัตรูทั้ง16นี้ถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว
เมื่อนักสำรวจระลอกที่หกมาถึง ค่ายกลต่อสูทั้ง29ในโลกกรวดก็เพิ่มเป็น31
นักสำรวจทั้ง17จากระลอกใหม่นี้เองก็ถูกฆ่าอย่างง่ายดายเช่นกัน
มันค่อนข้างง่ายที่จะต้านทานผู้รุกรานทีละระลอก
แต่ทว่า สีหน้าของทุกคนกลับไม่ผ่อนคลายเลย เพราะพวกเขารู้ว่าการรุกรานรอบใหม่ต้องยากขึ้น
“เรามีกำลังคนไม่พอ..”คุณฟู่กำลังจะเข้าไปร่วมสู้แต่ก็ถูกหยุดโดยหลินวง
“อาจารย์ ท่านลืมความชำนาญของข้าไปหรือเปล่า?”หลินฮวงถามด้วยรอยยิ้ม
คุณฟู่ดูแปลกใจ แต่จากนั้นหลินฮวงก็บดขยี้การ์ดมอนสเตอร์จำนวนหนึ่ง
ทีละตัว มอนสเตอร์อัญเชิญได้รับการปลดปล่อยและยืนกันตรงหน้าเขา
หลินฮวงอัญเชิญมอนสเตอร์อัญเชิญมาทั้งหมดสิบตัว ชุดคลุมเลือด ปีศาจมาลาเชี่ยน อิมพ์ อสรพิษจันทรา อัศวินแห่งความตาย อัศวินอมตะ ราชาเฮอคิวเลี่ยน ปิงหวาง และอสรพิษจันทร์ทมิฬสองตัว
มอนสเตอร์ทั้งสิบไม่ถือว่าเก่งสุด แต่ระดับพลังพวกมันเป็นเทพแท้จริงขั้น3แล้ว(หลังบรรลุระดับเทพแท้จริง การ์ดมอนสเตอร์ที่ต่ำกว่าเทพสูงสุดจะไม่เพิ่มระดับพลังตามเจ้านายอีก พวกมันต้องล่าเองเพื่อเพิ่มระดับพลังตน”
เมื่อสัมผัสได้ถึงการปฏิเสธของโลกร่วมกับคลื่นเสียงที่หลินฮวงส่งมา เหล่ามอนสเตอร์จึงรีบผนึกพลังตัวเองเป็นเทพเสมือนขั้น9
การปรากฏตัวอย่างฉับพลันของมอนสเตอร์ทั้งสิบดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
ตอนที่ 1420
อัญเชิญเพิ่ม
“ข้าได้ยินว่าหลินฮวงไม่ใช่แค่ผู้บ่มเพาะดาบ แต่ยังเป็นผู้ควบคุมด้วย ข้ามักคิดว่าผู้ควบคุมไม่ใช่สายถนัดเขา แต่มอนสเตอร์เขากลับทรงพลังถึงเพียงนี้!”
“ทั้งหมดนี้คือมอนสเตอร์อัญเชิญของหลินฮวงจริงๆ?!ตัดสินจากกลิ่นอายพวกมัน เห็นได้ชัดว่าพวกมันคือเทพเสมือนขั้นสูง!”
“เขาไม่ใช่จักรพรรดิแค่ฉากหน้า หากมอนสเตอร์ทั้งสิบเหล่านี้ร่วมมือกัน ข้าเกรงว่าทั้งโลกกรวดคงไม่มีใครสู้เขาได้!”
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของชุดคลุมเลือดและตัวอื่น ทุกคนก็เริ่มคุยกัน
แม้คนส่วนใหญ่จะบอกได้ว่าทั้งสิบคือเทพเสมือนขั้นสูง แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะรู้ชัดว่าทั้งสิบคือเทพเสมือนขั้น9
ทางฝั่งรัฐบาลกลาง สีหน้าของตงฟางไป่เปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะกลับคืนสภาพปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กวนจงที่ยืนอยู่ด้านข้างขมวดคิ้วเล็กน้อย พึมพำเสียงต่ำ”เขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อปีครึ่งก่อนมาก….”
ทางฝั่งนอกรีต ซุนจ้าวรีบละสายตาจากกลุ่มมอนสเตอร์อัญเชิญ หันไปมองโจวตงและเฉาหยา”ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต พวกเราต้องไม่เป็นศัตรูกับขัตติยะเด็ดขาด!”
“มอนสเตอร์ทั้งสิบทรงพลังถึงขนาดนั้นเชียว?”เฉาหยาอดถามไม่ได
“พวกมันไม่ใช่ได้มีระดับแค่เทพเสมือนขั้น9 แต่พวกมันล้วนเป็นมอนสเตอร์กลายพันธุ์สี่ครั้ง!”เหตุผลที่ซุนจ้าวรู้เรื่องนี้เพราะเขามีสมบัติเทพประเภทตรวจจับ เพียงแค่แวบเดียวก็ทำให้เขาหมดแรงยืนแล้ว
“ทั้งสิบเป็นพวกกลายพันธุ์สี่ครั้ง?!”เฉาหยาแทบจะตะโกนลั่น
มอนสเตอร์กลายพันธุ์สี่ครั้งหาได้น้อยมากในโลกกรวด นางไม่เคยเห็นสักตัวแม้จะใช้เวลาหลายสิบปีในการค้นหา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้นางตกใจมากเมื่อเห็นพวกมันสิบตัวพร้อมกัน
ถึงแม้คนอื่นจะไม่รู้รายละเอียดชัดเจนถึงมอนสเตอร์ทั้งสิบเหล่านี้ แต่ก็ยังมีบางคนที่สามารถสัมผัสระดับพลังพวกมันได้ พวกเขาตระหนักดีว่า ในโลกกรวดนี้ จักรพรรดิแห่งขัตติยะนั้นไร้คู่ต่อกร พวกเขาลอบติดต่อกับผู้นำกองกำลังตนเงียบๆและส่งข่าวกลับไป
หลินฮวงสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเหล่านี้ แต่ก็ไม่พยายามหยุดอะไร เขารู้ดีว่ามันเป็นแค่เรื่องก่อนเวลาก่อนที่พลังเขาจะถูกเปิดเผย
ต่อให้มันถูกปิดไว้ตอนนี้ มันก็จะเปิดออกมาอยู่ดีตอนสงครามเริ่มขึ้น มันไม่แตกต่างกันมากนัก
หลินฮวงละสายตาจากกลุ่มอื่น มาหยุดที่มอนสเตอร์ทั้งสิบตรงหน้าเขา
“ข้าคิดว่ารอบนี้พวกเจ้าคงไม่ต้องลงมือเอง แต่เมื่อความผันผวนรอบหน้ามาถึง พวกเจ้าทั้งหมดต้องลงมือ โจมตีพวกมันทันทีที่มาถึง และสังหารทิ้งหากทำได้ อย่าคิดว่านี่เป็นเหมือนเกม นี่คือสงคราม!”
“ปัจจุบัน เจตจำนงของโลกกรวดยังไม่ถูกข่มเต็มที่ ดังนั้นระดับพลังพวกเจ้าจึงถูกจำกัดไว้ที่เทพเสมือนขั้น9ชั่วคราว พวกเจ้าสามารถปลดปล่อยพลังได้เต็มที่เมื่อเจตจำนงโลกถูกยับยั้งอย่างสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลา พวกเจ้าจะไม่รู้สึกถึงการปฏิเสธอีกต่อไป”
ชุดคลุมเลือดและตัวอื่นพยักหน้า อดทนรอให้การต่อสู้เริ่มขึ้น
ไม่นานหลังหลินฮวงพูดจบ นักสำรวจระลอกเจ็ดก็มาถึง
แต่ทว่า การรุกรานระลอกนี้เหนือความคาดหมายของทุกคน ความผันผวนมิติส่งมาจากอุโมงค์มิติทั้ง33จุดพร้อมกัน
แม้กระทั่งหลินฮวงและคุณฟู่ก็ยังตกตะลึง
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าควรลงมือในรอบนี้ด้วย”หลินฮวงเปลี่ยนความคิดทันทีและสั่งมอนสเตอร์เขา
หลังได้รับคำสั่งให้ลงมือ ชุดคลุมเลือดและตัวอื่นก็พุ่งออกไป รีบไปยังตำแหน่งของรอยแยกมิติ!
วินาทีที่ชุดคลุมเลือดและตัวอื่นลงมือ เหล่าผู้บ่มเพาะที่สร้างค่ายกลต่อสู้ทั้ง31ก็ทำการเคลื่อนไหวเช่นกัน เคลื่อนไปทางรอยแยกมิติ23จุดที่เหลือ พวกเขารู้ว่าพลังของมอนสเตอร์อัญเชิญตัวเดียวนั้นเหนือกว่าพวกเขาทั้งหมดรวมกันเสียอีก และไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ
ผ่านความผันผวนมิติ จิตเทวะของหลินฮวงสัมผัสดึ้งเทพเสมือนขั้น4ที่ถูกส่งมา
เขาโล่งใจเล็กน้อย หากพวกมันแข็งแกร่งขึ้น ค่ายกลต่อสู้ระดับเทพเสมือนจากโลกกรวดคงยากที่จะฆ่าพวกมัน
ไม่นาน เทพเสมือนขั้น4ทั้ง33ก็ถูกส่งมาและถูกซุ่มโจมตีทันที
ชุดคลุมเลือดและมอนสเตอร์ตัวอื่นทำการสังหารทันที ไม่คิดรอให้พวกมันก้าวออกมาทั้งตัว
ทางฝั่งผู้บ่มเพาะนั้นช้ากว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถฆ่าพวกมันได้ภายในไม่กี่วินาที
ขณะที่ทุกคนกำลังจะถอนหายใจโล่งอก มอนสเตอร์หลายตัวก็คลานออกจากกองซากศพ
ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตกใจ พวกเขาก็เห็นอสรพิษจันทราขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือเปิดปากมันกว้าง แรงดูดทรงพลังพลันปกคลุมมอนสเตอร์ที่คืนชีพทั้งสามและพวกมันก็ถูกกลืนหายไปในพริบตา
“ไม่คิดเลยว่าจะมีสายพันธุ์อันเดทซ่อนตัวอยู่ด้วย!’
ตงฟางไป่และคนอื่นหลั่งเหงื่อเย็น
สายพันธุ์อันเดท…การฆ่าพวกมันในเวลาอันสั้นนั้นยากมาก เว้นแต่จะใช้พลังกฏเกณฑ์หรือวิธีพิเศษ หากมันไม่ใช่ว่าเจ้างูน้อยนั่นกลืนสายพันธุ์อันเดททั้งสามไป เกรงว่าเหล่าคนในมหาพิภพคงตัดสินใจว่าอุโมงค์มิติที่อันเดททั้งสามใช้นั้นไม่มีปัญหา
ต้องขอบคุณเจ้างูน้อยที่ลงมือได้ทันท่วงที พวกเขาจึงชนะเกมจิตวิทยาในรอบนี้
“ในการสำรวจรอบหน้า พวกมันต้องเพิ่มจำนวนหรือระดับพลังเป็นแน่ มันดูเหมือนว่ามอนสเตอร์อัญเชิญสิบตัวคงจะไม่พอรับประกันความปลอดภัยของเรา…”การ์ดจำนวนหนึ่งปรากฏในมือหลินฮวง
บุตรแห่งมารพุทธ มอนสเตอร์ชั้น5(เทพสูงสุด) ไป่ผู้เป็นชั้น4.5(กึ่งเทพสูงสุด) และชาโคล ไทแรนด์ ตัวตลก แลนเซล็อต จอมสังหาร จอมปีศาจ ราชาจักรกล สายฟ้าและแม่มดที่เป็นมอนสเตอร์ชั้น4ล้วนถูกเรียกออกมา
เหล่านี้คือการ์ดมอนสเตอร์ทั้งหมดในการครอบครองของหลินฮวงที่เป็นมอนสเตอร์ระดับบรรพกาลและเหนือกว่านั้น นอกจากการ์ดเผ่าแมลง
หลังการ์ดถูกบดขยี้ มอนสเตอร์ทั้ง11ก็ก่อตัวตรงหน้าหลินฮวงอย่างรวดเร็ว
บุตรแห่งมารพุทธสวมชุดขาว ใบหน้าครึ่งหนึ่งเป็นพระ ครึ่งหนึ่งเป็นปีศาจ แต่ทว่า ตอนนี้ กลิ่นอายที่ปล่อยออกจากตัวมันไม่ได้ดุร้ายหรือเกรี้ยวกราดเลย ระดับพลังมันนับว่าสูงสุด ตอนถูกผนึก ระดับพลังมันคือเทพแท้จริงขั้น9 และมันก็ยังเป็นยอดฝีมือครึ่งก้าวเทพสวรรค์ ตอนนี้ ระดับพลังมันได้รับผลโดยเจ้านายและถูกระงับไว้ที่เทพแท้จริงขั้น6
สายตาของหลินฮวงหยุดที่บุตรแห่งมารพุทธ”นับแต่นี้เป็นต้นไป ชื่อของเจ้าคือ-กู่หรง”
“ขอบคุณนายท่านที่มอบชื่อให้ข้า!”
บุตรแห่งมารพุทธประกบฝ่ามือเข้าด้วยกันและก้มหัวให้หลินฮวง เหมือนกับพระที่บรรลุการตรัสรู้
หลังหลินฮวงพูดจบ รังสีแสงสีทองก็พลันสว่างจากระหว่างคิ้วของบุตรแห่งมารพุทธ และใบหน้าครึ่งปีศาจก็เริ่มรักษาด้วยความเร็วสูง ในชั่วพริบตา ใบหน้าส่วนนั้นก็กลายเป็นเรียบเนียนประดุจหยกเหมือนใบหน้าอีกครึ่งซีก
แสงประหลาดสว่างวาบในดวงตาของบุตรแห่งมารพุทธ พลังงานหุบเหวที่ทำให้มันต้องทนทุกข์มานานวันได้หายไปอย่างสมบูรณ์
มันเพ่งดูการบ่มเพาะและตระหนักว่าพลังงานไม่ได้หายไปหมด แต่กลับอยู่เฉยๆ นอกจากนั้น พลังงานที่เดิมไร้การควบคุมกลับอยู่ภายใต้การควบคุม
หลังตรวจสอบสั้นๆ กู่หรงก็คืนสติกลับสู่ความเป็นจริงและกดฝ่ามือเข้าด้วยกัน ก้มให้หลินฮวงอีกครั้ง แม้จะไม่พูดอะไร หลิน ฮวงก็เข้าใจเหตุผลของการกระทำนี้
หลังพยักหน้าคืนให้กู่หรง สายตาของหลินฮวงก็หยุดที่ไป่กับตัวตลก
ท่ามกลางทั้ง11 นอกจากกู่หรง ไป่และตัวตลกมีระดับสูงสุด ทั้งคู่คือเทพแท้จริงขั้น4 ส่วนแลนเซล็อต ชาโคลและคนอื่นคือเทพแท้จริงขั้น3
ระดับพลังของทั้ง11แสดงออกมาแค่ตอนถูกอัญเชิญ และพวกมันก็ผนึกพลังตัวเองภายใต้การกระตุ้นของหลินฮวง มันถูกระงับให้เป็นเทพเสมือนขั้น9
เมื่อมองมอนสเตอร์ทั้ง11ที่จู่ๆก็ปรากฏตรงหน้าหลินฮวง เทพเสมือนจำนวนมากก็พูดไม่ออก…
ตอนที่ 1421
ระลอกที่แปด
“เขาอัญเชิญมอนสเตอร์มาอีก11ตัว?!”
“พวกมันดูเหมือนมนุษย์ พวกมันคงไม่ใช่โปรตอสหรอกนะ?!”
ทุกคนเริ่มคุยกัน พวกเขาสังเกตได้อย่างรวดเร็วว่ากู่หรง ไป่ ตัวตลก ไทแรนด์ แม่มดและตัวอื่นมีลักษณะคล้ายมนุษย์มาก
ตามความรู้ที่พวกเขามี พวกเขาสรุปได้ทันทีว่าไป่และคนอื่นคือโปรตอส
ในความเป็นจริง โปรตอสมีสามรูปแบบและครอบครองร่างมนุษย์ แต่ทว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะครอบครองร่างมนุษย์สมบูรณ์
โปรตอสคือชื่อทั่วไปของกลุ่มชนเผ่าต่างๆที่ถูกเรียกร่วมด้วยกันโดยชื่อนั้น ชนเผ่าที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์และเต็มใจเข้าร่วมโปรตอสจะถูกเรียกว่าโปรตอส
ถึงกระนั้น บางเผ่าในมหาพิภพที่ครอบครองสามรูปแบบและมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ทั้งหมดสำหรับการเข้าร่วมก็ยังไม่เข้าร่วมเพื่อรักษาเอกราชของเผ่าตน
ยังมีบางเผ่าที่อยู่มานานก่อนการก่อตั้งโปรตอส แม้พวกเขาจะไม่เข้าร่วมโปรตอส แต่โปรตอสที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ก็ยังให้ความเคารพพวกเขา
ตัวอย่างเช่น ชนเผ่าผู้สังเกต ที่ดำรงอยู่มาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณ นอกจากนี้ยังมีรูปแบบมนุษย์สมบูรณ์ ไม่มีใครรู้ว่นี่เป็นเพราะความสะดวกสบายหรือเหตุผลอื่น แต่ผู้สังเกตทั้งหมดจะดูเหมือนชายวัยกลางคนหัวล้าน แม้แต่หน้าตาก็ยังคล้ายกัน70-80% สิ่งเดียวที่แตกต่างคือความสูงและรูปร่าง
ยังมีตำนานในแดนเทพซึ่งอ้างว่าผู้บ่มเพาะมนุษย์หัวล้านเคยมาเยือนแดนเทพโดยบังเอิญและได้รับการต้อนรับอย่างสุภาพเพราะถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้สังเกต
แต่ทว่า คนในโลกกรวดไม่รู้เรื่องนี้ นอกจากหลินฮวงและทาสดาบ ทุกคนรวมถึงคุณฟู่อาจไม่เคยเห็นโปรตอสตัวจริง ข่าวที่โปรตอสดูเหมือนมนุษย์แค่ถูกส่งต่อผ่านคำบอกเล่า
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่รู้ว่าสมาชิกส่วนใหญ่ของทางขัตติยะและผู้ปลดปล่อยที่ร่วมสร้างค่ายกลนั้นเป็นโปรตอสตัวจริง ยังมีโปรตอสเลือดบริสุทธิ์สองคนในหมู่พวกเขา!
หลินฮวงเลือกเพิกเฉยต่อความคิดเห็นของทุกคน
“พวกเจ้า11คน คุ้มกันอุโมงค์มิติคนละอัน ฆ่าใครก็ตามที่ข้ามผ่านมาทันที ไม่สำคัญว่าจะมีมากแค่ไหน”
เมื่อได้รับคำสั่ง กู่หรง ไป่และคนอื่นก็เลือกรอยแยกมิติเพื่อป้องกัน
มอนสเตอร์อัญเชิญทั้งสองชุดที่ถูกเรียกมาโดยหลินฮวงยึดครอง21จุดและทุกคนก็หมดความกังวล
นี่ไม่ใช่เวลามาสู้เพื่อแย่งทรัพยากร ทุกคนไม่มีกำลังคนพอ และนักสำรวจก็จะเพิ่มจำนวนและพลังขึ้นเรื่อยๆ การปรากฏของมอนสเตอร์อัยเชิญได้ช่วยลดภาระมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนหวัง
ค่ายกลทั้ง31มอบหมายงานให้ตัวเองใหม่เพื่อจัดการรอยแยกมิติที่เหลืออีก12
แต่ทว่า หลินฮวงก็ต้องขมวดคิ้วขณะมองรอยแยกมิติทั้ง12ที่ไม่ได้รับการปกป้องจากมอนสเตอร์
ท่ามกลางค่ายกลทั้ง31 สามอันมีเทพเสมือนขั้น4เป็นแกน และพลังของค่ายกลก็เกือบเท่าเทพเสมือนขั้น6 ที่เหลือมีเทพเสมือนขั้น3เป็นแกน พลังต่อสู้พวกเขาแค่เกือบถึงเทพเสมือนขั้น5
ด้วยพลังเช่นนี้ หากพวกเขาพบมอนสเตอร์ระดับเทพเสมือนขั้น6 พวกเขาย่อมแพ้แน่
หลินฮวงลังเล เขาควรเรียกอสูรแมลงมาเติมเต็มทั้ง12จุดนี้ไหม หรือจะเปิดเผยพลังของทาสดาบ?
เหตุผลที่เขาลังเลที่จะเรียกแมลงออกมาเพราะผู้ควบคุมทั่วไปไม่มีทางควบคุมเผ่าแมลงได้
ผู้ใช้แมลงอาจเคยถูกมองเป็นสายย่อยของผู้ควบคุม แต่ก็ได้แยกตัวออกมานานแล้วและพัฒนาเป็นระบบที่แตกต่าง
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ไม่มีผู้ควบคุมจะเสียเวลาไปเรียนเรื่องของผู้ใช้แมลง พวกเขาจะใช้เวลาหามอนสเตอร์เพิ่มเพื่อยกระดับพลัง
อีกเหตุผลคือคนจากมหาพิภพ รวมถึงโลกกรวดนั้นมีความประทับใจแย่ต่อเผ่าแมลง นั่นทำให้จำนวนผู้ใช้แมลงนั้นน้อยกว่าผู้ควบคุม
หลินฮวงกำลังพิจารณาว่าเขาควรเปิดเผยพลังของทาสดาบไหม
เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อพลังของทาสดาบเผยออกมา มันจะได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง และคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่บางคนจะสังเกตเห็นผู้บ่มเพาะดาบระดับเทพเสมือนคนใหม่ในผู้ปลดปล่อย หากพวกเขาขุดลึกลงอีก มันคงม่ายากที่จะพบความสัมพันธ์ระหว่างหลินฮวงกับผู้ปลดปล่อย
หากนี่เป็นช่วงเลวาอื่น หลินฮวงคงไม่สนใจนัก
แต่ทว่า นี่คือช่วงสงคราม และหลินฮวงก็ไม่อยากกระตุ้นความสงสัยของรัฐบาลกลาง สมาคมนักล่าและขุมกำลังอื่นพร้อมกันและทำให้เกิดความไม่ลงรอย
ขณะที่หลินฮวงยังพิจารณาว่าเขาควรจะเรียกแมลงหรือเผยพลังของทาสดาบ…
ผู้รุกรานระลอกที่แปดก็มาถึงแล้ว!
มีอุโมงค์มิติ33แห่งที่ปล่อยความผันผวนมาพร้อมกัน
เมื่อหลินฮวงส่งจิตเทวะเขาไปตรวจสอบจำนวนกับระดับพลัง เขาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
นักสำรวจที่ถูกส่งมาครั้งนี้คือเทพเสมือนขั้น5 แต่ทว่า ความแตกต่างที่มากกว่าคือจำนวนที่ส่งมานั้นเพิ่มจากหนึ่งเป็นสิบ!
คนที่สองที่ตรวจพบคือคุณฟู่ สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยและร่างเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศทันที ลอยอยู่เหนือกลุ่มผู้บ่มเพาะทั้งสิบสอง เตรียมพร้อมยื่นมือเข้าช่วย
เมื่อเขาเห็นแบบนี้ หลินฮวงก็คิดจะเปิดปากเพื่อหยุด แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร
หลังเห็นคุณฟู่ลงมือ เทพเสมือนหลายคนก็ค่อยๆสัมผัสได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์ และใบหน้าพวกเขาก็ขาวซีด
บางคนยังเห็นหลินฮวงผู้นั่งนิ่งมาตลอดเวลากลับแสดงท่าทางอยากจะเคลื่อนไหวเล็กน้อย
แต่ทว่า ทุกคนไม่คัดค้านอะไรต่อท่าทีเขา เหนือสิ่งอื่นใด เขาได้ส่งมอนสเตอร์อัญเชิญทั้ง21มาช่วยสู้แล้ว สำหรับผู้ควบคุม การควบคุมมอนสเตอร์มากขนาดนั้นย่อมเป็นภาระต่อร่างกาย
นอกจานกี้ ยังมีความเห็นพ้องต้องกันโดยปริยายในหมู่ผู้บ่มเพาะว่าคนที่เป็นผู้ควบคุมจะไม่มีความแข็งแกร่งสูงนัก และส่วนใหญ่จะพึ่งพามอนสเตอร์เพื่อสู้อย่างเดียว ดังนั้น บนสนามรบ มันจึงเป็นปกติสำหรับผู้ควบคุมที่จะเรียกมอนสเตอร์อัญเชิญมาสู้เป็นแนวหน้า ส่วนตัวเองพวกเองจะอยู่แนวหลัง
แม้กระทั่งกวนจงกับคนอื่น ผู้รู้ถึงพลังของหลินฮวงก็ยังมีความคิดเดียวกันตอนเห็นเขาไม่เข้าร่วม ‘ตามคาด การอัญเชิญมอนสเตอร์ระดับเทพเสมือนขั้น9พร้อมกันมากขนาดนี้ก็ยังเป็นภาระต่อหลินฮวง’
แน่นอน การกระทำเล็กน้อยของเขากลับทำให้หลายคนมองเขาผิดๆ
เขาไม่ใช่ผู้ควบคุมจริงๆด้วยซ้ำ เขาพึ่งพาการ์ดมอนสเตอร์เพื่ออัญเชิญมอนสเตอร์ ซึ่งไม่สร้างภาระให้เขาแม้แต่น้อย
เหตุผลที่เขาไม่เคลื่อนไหวเองเพราะเขารู้ดีว่าต่อให้ค่ายกลทั้ง31จากโลกกรวดไม่อยู่ ไป่ และตัวอื่นก็มีความสามารถพอจะจัดการปัญหาทั้งหมดได้!
ตอนที่ 1422
วิญญาณต่อสู้เผยตัว!
กู่หรงยืนอยู่ตรงหน้ารอยแยกมิติด้วยตาที่ปิดครึ่งหนึ่ง ราวกับเขากำลังเพิกเฉยความผันผวนมิติตรงหน้าที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด เขาสวมชุดคลุมพระสีขาว เสื้อผ้าเขากระพือตามแรงลมที่เกิดจากความผันผวน ทำให้เขาดูเหมือนเทพเจ้า
วินาทีที่ผู้รุกรานมาถึง เขาก็พลันลืมตาขึ้น
แม้จะไม่ขยับร่างกาย แต่ร่างของมอนสเตอร์ระดับเทพเสมือนทั้งสิบกลับเริ่มสลายตัวทีละนิ้วทันทีที่พวกมันปรากฏ ไม่ใช่แค่ร่างพวกมัน แต่แม้กระทั่งวิญญาณพวกมันก็ยังสลายตัวอย่างรวดเร็ว
ในชั่วพริบตา นักสำรวจทั้งสิบก็หายไป ไม่เหลือแม้แต่เลือดสักหยด
ไม่ไกลจากกู่หรง ไป่สวมชุดดำสนิท ผมขาวมันปลิวตามแรงลม
มันจ้องรอยแยกมิติ ด้วยใบหน้าที่ปราศจากอารมณ์
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ความผันผวนก็มาถึงจุดสูงสุดและเงาสิบร่างก็ค่อยๆเผยตัว
ตอนนี้เอง ไป่ชี้นิ้วไปในอากาศและเลือดสิบสายก็พุ่งออกมาเหมือนสิ่งมีชีวิต ทันใดนั้น มันก็พุ่งใส่ร่างของผู้มาใหม่ทั้งสิบ
วินาทีต่อมา ร่างทัง้สิบก็เริ่มเหี่ยวเฉา และเพียงไม่กี่อึดใจ พวกมันก็กลายเป็นศพแห้งเหี่ยว แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด หลังผ่านไปประมาณครึ่งวินาที ศพแห่งก็เริ่มย่อยสลายด้วยตัวมันเอง เปลี่ยนเป็นเศษฝุ่น
ไทแรนด์ตรงไปตรงมามากกว่าใคร
ทันทีที่นักสำรวจทั้งสิบถูกส่งมา มันก็กระโจนไป ชกทีละตัว บดขยี้พวกมันเป็นเศษเนื้อ
ในทางกลับกัน ชาโคลกลับเปิดปากกว้างและพ่นเพลิงมังกรออกมา แผดเผาผุ้รุกรานทั้งหมดเป็นเถ้าถ่าน
ส่วนทางด้านราชาจักรกล มันกลับวางป้อมปืนขนาดเล็กไว้ตรงหน้ามัน
วินาทีที่นักสำรวจมาถึง ป้อมปืนนับสิบก็แผดเสียงคำรามพร้อมกัน และเปลวไฟก็ได้กลืนผู้รุกรานทั้งสิบ
เมื่อถึงเวลาที่ประกายไฟดับ มอนสเตอร์ทั้งสิบก็กลายเป็นเนื้อบดไปแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าลักษณะเดิมองพวกมันเป็นอย่างไร
เมื่อเห็นว่าพวกมันไม่หลงเหลือแม้แต่ซากศพ หลินฮวงก็อดร่ำร้องในใจไม่ได้’ช่างเสียเปล่าจริงๆ!’
แลนเซล็อต จอมสังหารและตัวอื่นมีแผนการมากกว่าและใช้วิธีสังหารแบบเดิม ความแตกต่างคือความเร็วการสังหารของพวกมันเหนือกว่าเดิมมากและก็กำจัดศัตรูได้ภายในไม่กี่วินาที
นั่นคือทั้งหมด ยกเว้นตัวลก ที่เป็นคนโอ้อวดสุด
วินาทีที่ผู้รุกรานทั้งสิบมาถึง ตัวตลกก็ควบคุมร่างพวกมันและส่งพวกมันเดินกลับไปแดนเทพเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ไม่มีใครรู้
มอนสเตอร์อัญเชิญทั้ง21กำจัดศัตรูได้แทบจะทันที
แต่ทว่า ทางฝั่งของผู้บ่มเพาะไม่ได้ราบรื่นแบบนั้น
ต่อให้พวกเขาจะมีมากกว่า แต่ก็มีเพียงสามกลุ่มที่มีเทพเสมือนขั้น4เป็นแกนถึงสามารถฆ่าได้อย่างหมดจด แต่ทว่า พวกเขาสามารถฆ่าได้แค่สองหรือสามผู้รุกราน
เมื่อเห็นแบบนี้ คุณฟู่ก็ลงมือ
แต่ทว่า ตอนนี้อง คลื่นพลังสีแดงเลือดนับร้อยสายกลับระเบิดมาพร้อมกัน ก่อนการโจมตีของคุณฟู่จะไปถึง คลื่นพลังเหล่านั้นก็พุ่งทะลุร่างมอนสเตอร์ที่เหลือ112ตัวไปแล้ว
อย่างน่าประทับใจ คนที่โจมตีคือไป่ ผู้จัดการงานตัวเองเสร็จแล้ว
ก่อนหน้านี้ หลินฮวงได้ย้ำว่าหากจัดการทางตัวเองเสร็จแล้ว พวกมันควรยื่นมือมาช่วยเหลือทางอื่น
ดังนั้น หลังเสร็จภารกิจแรก มันจึงหันมาจับจ้องนักสำรวจที่เหลือทั้งหมดและลงมือทันที!
คลื่นพลังเจาะไปในตัวของมอนสเตอร์เหมือนสายฟ้าฟาดและสิ่งมีชีวิตก็แห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็วเป็นซากศพแห้งด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ก่อนจะสลายตัวไป
เมื่อเห็นแบบนี้ คุณฟู่ก็ถอนการโจมตีด้วยสีหน้าอึดอัดใจ
เหล่าเทพเสมือนที่สร้างค่ายกลเผยสีหน้างุนงงตอนเห็นฉากตรงหน้า
การโจมตีเช่นนี้ทำให้พวกเขาตกใจ
มอนสเตอร์ที่พวกเขาหลายคนรุมกลับถูกจัดการได้ง่ายๆ นี่ทำให้ทุกคนมีความเข้าใจใหม่ต่อพลังของหลินฮวง
“นั่นคือเทพเสมือนขั้น5 และพวกมันยังถูกฆ่าในชั่วพริบตา!เป็นความสามารถที่น่ากลัวมาก!”
“ข้าบอกแล้ว มอนสเตอร์ผมขาวนั่นดูเหมือนมนุษย์มาก มันต้องเป็นโปรตอสแน่!พวกเจ้ายังสงสัยกันอีกไหม?!”
“มอนสเตอร์ผมขาวนั่นอาจเป็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งสุดภายใต้หลินฮวงแล้วก็ได้?หรือจะมีตัวที่แข็งแกร่งกว่านี้?”
..
ขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน กำลังเสริมอีกระลอกก็มาถึง
กำลังเสริมชุดนี้ประกอบด้วยคนกว่า20 หลินฮวงเห็นหน้าคุ้นเคย เหล่านั้นคือทาสดาบภายใต้บัญชาเขา
เหตุผลที่ทาสดาบมาสายเพราะส่วนใหญ่ไม่เคยมาขอบเหวนรก นับประสาอะไรกับการระบุพิกัด
พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากเดินทางมาเองผ่านประตูมิติทีละอัน จากนั้นก็ค่อยบินมา
มีเพียงผู้ใช้กฏมิติได้ถึงมาถึงก่อนใคร แต่ก็มีคนเช่นนั้นน้อยมากในหมู่ทาสดาบ นี่ทำให้ทาสดาบมาถึงช้ากว่ากำลังเสริมจากขุมกำลังอื่น
ณ จุดนี้ นับรวมทาสดาบทั้ง20ที่อยู่ เทพเสมือนกว่า260จากโลกกรวดต่างถูกส่งมา
เกือบ80%ของเทพเสมือนจากโลกกรวดได้รวมกันที่ชั้นสามขอบเหวนรก
ตัดสินจากสถานการณ์ก่อนหน้า เห็นได้ชัดว่ากองกำลังขนาดเล็กที่ประกอบด้วยคน7-8คนไม่พอจะรับมือกับการรุกรานอีก
ตงฟางไป่จึงเริ่มหารือเรื่องการจัดค่ายกลใหม่
ในฐานะจักรพรรดิแห่งขัตติยะ หลินฮวงย่อมเข้าร่วมด้วย แต่เขาไม่ได้แสดงความเห็นใดๆเลย
เขายังคงพิจารณาว่าเขาควรเรียกแมลงออกมาหรือเผยพลังของทาสดาบ
ตงฟางไป่สังเกตเห็นว่าหลินฮวงกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างและอดถามไม่ได้”จักรพรรดิหลิน หากท่านมีความเห็นใด โปรดแจ้งให้เราทราบ”
“ข้า…”เพียงเมื่อหลินฮวงกำลังจะพูด ความปั่นปวนก็พลันมาจากภายในตัวเขา มันคือเพลิงนิรันดร์(นิ้วทองคำของฉีหมิงเซี่ยง)ที่ส่งข้อความหาเขา’ข้าสามารถให้พลังงานวิญญาณแก่รูปแกะสลักเทพได้”
เหตุผลที่หลินฮวงไม่เคยคิดใช้วิญญาณต่อสู้รูปแกะสลักเทพเพราะพวกมันมีกันแค่สิบ ส่วนรอยแยกมิติที่เหลือมีอีก12 แม้จะยังมีรูปแกะสลักเทพที่ไม่ได้ใช้มากมาย แต่เขาก็ไม่มีทางใช้พวกมันได้และคนอื่นก็ไม่มีทางปลดปล่อยพลังพวกมันได้ต่อให้ใช้มัน
แต่ทว่า ตอนนี้เพลิงนิรันดร์กลับกล่าวเช่นนั้น เขาจึงเรียกรูปแกะสลักเทพออกมาเพิ่มอีกสองอันและปิดกั้นรอยแยกมิติทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
“ปล่อยอุโมงค์มิติที่เหลือทั้ง12ให้ข้า พวกท่านสามารถใช้เวลานี้ฝึกฝนค่ายกลและเริ่มเตรียมการสำหรับสงครามได้”หลินฮวงพิจารณาสักพักก่อนตัดสินใจพูดอย่างเปิดเผย
ทุกคนตกตะลึง
คุณฟู่กังวลเล็กน้อย”มันไม่เป็นไรจริงๆหรือ?”
“ข้าสามารถจัดการได้”หลินฮวงพยักหน้า จากนั้นก็เรียกวิญญาณต่อสู้ทั้งสิบออกมา อย่างจิ้งจอกเก้าหาง รวมถึงรูปแกะสลักเทพอีกสองที่ได้รับพลังงานจากเพลิงนิรันดร์
ภายใต้คำสั่งของหลินฮวง วิญญาณต่อสู้ทั้ง12รีบเข้าไปประจำตำแหน่งใกล้กับรอยแยกที่เหลืออีก12และกลายเป็นผู้พิทักษ์คนใหม่
ตอนที่ 1423
จุดบอดในความรู้ของคุณฟู่
รอยแยกมิติทั้ง33ล้วนได้รับการจัดการโดยมอนสเตอร์อัญเชิญและวิญญาณต่อสู้ ดังนั้นเหล่าเทพเสมือนจากโ,กกรวดจึงสามารถพักหายใจได้
หลายคนมองหลินฮวงด้วยอารมณ์ซับซ้อน ความสามารถเขาเหนือกว่าที่ทุกคนคิด พวกเขาล้วนตกใจกับความจริงที่ว่าหลินฮวงทรงพลังแค่ไหน และในเวลาเดียวกัน พวกเขายังกลัวเขา
ทุกคนตระหนักว่าต่อให้เป็นเทพเสมือนทั้งหมดของโลกกรวด การป้องกันของพวกเขาย่อมแตกในไม่ช้า แต่ทว่า ด้วยการคงอยู่ของหลินฮวง ผู้รุกรานจากมหาพิภพย่อมล้มเหลวจนกว่าเทพแท้จริงจะมาถึง
อย่างไรก็ตาม มอนสเตอร์ทั้ง33ที่หลินฮวงอัญเชิญมานับเป็นภัยคุกคามใหญ่ต่อทุกคน เขาสามารถฆ่าเทพเสมือนทั้งหมดของโลกกรวดได้ง่ายๆเหมือนการพลิกฝ่ามือหากเขาต้องการ(คนส่วนใหญ่คิดว่าวิญญาณต่อสู้คือมอนสเตอร์อัญเชิญ)
รัฐบาลกลางตกใจสุดกับความสามารถสุดจินตนาการของหลินฮวง ไม่ใช่เพราะเขาแกร่งเกิน แต่ยังเพราะเขาคือจักรพรรดิแห่งขัตติยะ นี่นับเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา
กว่าแปดร้อยปี รัฐบาลกลางเป็นตัวแทนของทั้งโลกกรวด ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่อยากให้ตำแหน่งพวกเขาถูกองค์กรอื่นชิงไป
ด้วยความกังวลนี้ในใจ ตงฟางไป่จึงอดถามหลินฮวงไม่ได้
“จักรพรรดิหลิน หากเราโชคดีชนะศึกนี้ ท่านคิดจะทำอะไรต่อ?”
คำถามนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
คุณฟู่เลิกคิ้ว เหลือบมองตงฟางไป่ด้วยความไม่พอใจ
คำถามของตงฟางไป่อาจดูสุ่มๆ แต่คนที่ตาถึงจะเข้าใจความหมายเบื้องหลัง
“หากเราโชคดีชนะ?”หลินฮวงหันมามองตงฟางไป่“ในศึกนี้ เราต้องชนะ ไม่มีทางเลือกอื่น!”
ทุกคนตกตะลึงกับคำพูดของหลินฮวง แต่ก็รีบฟื้นสติ พวกเขาต่างรู้สึกว่าหลินฮวงกำลังเปลี่ยนเรื่องและจงใจหลีกเลี่ยงคำถาม
เพียงเมื่อตงฟางไป่กำลังจะหัวเราะและปล่อยเรื่องให้ผ่านไป หลินฮวงก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“หากท่านกำลังถามถึงแผนส่วนตัวข้าหลังสงคราม ข้าคิดพาซินเอ๋อร์กับคนอื่นไปมหาพิภพกับข้า โลกกรวดไม่มีทรัพยากรบ่มเพาะที่ข้าต้องการอีก แต่ทว่า นี่คือบ้านข้า หากเรามีเวลาในอนาคต ข้าจะพาพวกซินเอ๋อร์กลับมาเที่ยว และพบกับเพื่อนเก่าเพื่อกินหรือดื่ม“
แน่นอน หลินฮวงรู้ถึงเจตนาของตงฟางไป่ ดังนั้นเขาจึงให้คำตอบที่ตงฟางไป่อยากได้ยินสุด
สำหรับความจริง นั่นคือสิ่งที่เขาคิดทำอยู่แล้ว ในสถานการณ์ปัจจุบันเขา มันไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ในโลกกรวดต่อ มีเพียงมหาพิภพถึงจะทำให้ระดับเขาพัฒนาต่อได้
ยิ่งไปกว่านั้น มีโอกาสสูงที่หลินซินจะสามารถทะลวงผ่านระดับเทพเสมือนได้หลังการปิดประตูบ่มเพาะครั้งนี้ เมื่อพวกเขาไปมหาพภพ นางน่าจะมีความสามารถพอปกป้องตัวเองบ้าง
ระดับพลังของคุณฟู่มาถึงขั้น9แล้ว หากเขาอยากประสบความสำเร็จจนเป็นเทพแท้จริง เขาต้องไปมหาพิภพเท่านั้น
สำหรับคนของขัตติยะและผู้ปลดปล่อย หลินฮวงรู้สึกว่าหากบางคนอยากเดินทางไปกับเขา เขาจะพาไปด้วย หากไม่ เขาก็จะปล่อยพวกเขาไว้ที่นี่
หลังได้รับการตอบสนองเช่นนี้จากเขา ตงฟางไป่ก็ถอนหายใจโล่งอก
เขาไม่สงสัยคำพูดของหลินฮวงเพราะเขารู้ว่าจุดประสงค์หลักของการเดินทางหลินฮวงนั้นคือเพื่อเพิ่มพลัง ตอนนี้ที่เขากลับมา มันย่อมไม่มีทรัพยากรในโลกกรวดที่เหมาะสมกับเขาอีก
แม้คำตอบของหลินฮวงจะทำให้รัฐบาลกลางพึงพอใจ ตงฟางไป่ก็ยังต้องแสดงสีหน้าเฉยเมย
“ยังไงซะนี่ก็คือบ้านเกิดเรา และครอบครัวเราก็ล้วนอยู่ที่นี่ หากข้าไปมหาพิภพเข้าสักวัน ตัวข้าเองก็อจอยากกลับมาพบเพื่อนและครอบครัวบ้าง“
เมื่อผู้คนรอบๆได้ยินว่าหลินฮวงคิดจะไป พวกเขาก็มีความคิดผสมปนเปกัน
บางคนพิจารณาว่าพวกเขาควรไปกับหลินฮวงไหม
เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาเป็นเทพเสมือนแล้ว ในโลกกรวด พวกเขามีข้อจำกัดมาก มีทรัพยากรไม่มากที่จะช่วยให้พวกเขาพัฒนาต่อได้
พวกเขาไม่เคยเดินทางไปมหาพิภพเพราะก่อนหน้านี้มีหลายคนที่ไปและไม่เคยกลับมาอีก บางคนทิ้งตะเกียงวิญญาณและของเช่นนั้นไว้ก่อนออกเดินทาง และตะเกียงวิญญาณก็มอดดับไป บ่งชี้ว่าพวกเขาตายแล้ว นี่พอจะพิสูจน์ว่าการไปมหาพิภพนั้นอันตรายมากแค่ไหน
แม้จะเป็นเช่นนั้น หลินฮวงก็ไม่เพียงจะไปมหาพิภพ แต่เขายังกลับมาได้ นี่พิสูจน์ว่าเขามีเส้นทางที่ปลอดภัย
ยังมีบางคนที่รู้สึกว่าการจากไปของหลินฮวงจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ขัตติยะเสื่อมถอย
พวกเขารู้สึกว่าองค์กรตนอาจมีโอกาสได้รับตำแหน่งของขัตติยะ หนึ่งในยักษ์ใหญ่
ทุกคนต่างมีความคิดของตน
ในไม่ช้ารอยแยกมิติก็เริ่มส่งสัญญาณความผันผวนอีกครั้ง
ระลอกที่เก้าเริ่มขึ้นไม่นานหลังจากนั้น
คราวนี้ อุโมงค์มิติทั้ง33เปิดขึ้นพร้อมกัน
ระดับพลังของนักสำรวจเลื่อนขึ้นอีกครั้ง และจำนวนก็ยังเพิ่มขึ้นด้วย!
ระดับพลังของนักสำรวจทั้งหมดเพิ่มเป็นเทพเสมือนขั้น6 และจำนวนก็ยังเพิ่มเป็น20ต่ออุโมงค์มิติ!
หากมันไม่ใช่พเราะหลินฮวงสนับสนุนอุโมงค์มิติด้วยวิญญาณต่อสู้ เทพเสมือนของดลกกรวดย่อมได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีรอบนี้แน่
จาก33ค่ายกล 28ค่ายกลถูกนำโดยเทพเสมือนขั้น3 และพลังก็แค่เทียบได้กับเทพเสมือนขั้น5 หากพวกเขาเจอกับกลุ่มเทพเสมือนขั้น6 ค่ายกลย่อมแตก
แต่ทว่า ต่อหน้าไป่กับมอนสเตอร์ตัวอื่น เทพเสมือนขั้น6ไม่นับเป็นอะไร
เพียงแค่ยกแขนขึ้น เทพเสมือนขั้น6กว่า600ก็ถูกกำจัดทันที ไม่หลงเหลือสักตัว การต่อสู้ทั้งหมดกินเวลาไม่ถึงครึ่งวินาทีตั้งแต่ต้นจนจบ
เทพเสมือนทั้งหมดทำได้แค่แสดงสีหน้าตื่นตระหนก
จากสิ่งที่ทุกคนเห็น ผู้รุกรานที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขามากกลับเปรียบเสมือนมดต่อหน้ามอนสเตอร์อัญเชิญของหลินฮวง ระดับพลังมันแตกต่างกันเกินไป!
แม้แต่คุณฟู่ก็ยังรู้สึกสลดใจ
เขาไม่คิดว่ากลุ่มเด็กน้อยที่ต้องการคำสอนของเขาในอดีตจะทรงพลังกว่าตัวเขาแล้ว ในฐานะเทพเสมือนขั้น9 คุณฟู่รู้สึกว่าเขามีโอกาสน้อยมากที่จะชนะมอนสเตอร์อัญเชิญสักตัวของหลินฮวง
“ศิษย์รัก มอนสเตอร์อัญเชิญของเจ้า พวกมันคือมอนสเตอร์ระดับบรรพกาลกันหมดเลยสินะ?”
คุณฟู่อดถามไม่ได้
“ส่วนใหญ่คือบรรพกาล แต่ยังมีกึ่งเทพสูงสุดและเทพสูงสุดด้วย”หลิฯฮวงพยักหน้าตอบ
“ว่าไงนะ?!”คุณฟู่กลืนน้ำลาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องกึ่งเทพกับเทพสูงสุด เขามักคิดว่าระดับบรรพกาลคือขีดจำกัด
“ไป่คือกึ่งเทพสูงสุด และกู่หรงคือเทพสูงสุด”เมื่อเขาพูดจบ หลินฮวงก็กลัวว่าคุณฟู่จะไม่รู้ว่าใครคือกู่หรง”กู่หรงคือพระน้อยที่สวมเสื้อคลุมพระสีขาว”
‘มีระดับเทพสูงสุดด้วย?!’คุณฟู่กรีดร้องในใจ แต่ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ศิษย์ตัวเองรู้ว่าเขาไม่รู้ถึงการมีอยู่ของมอนสเตอร์ที่เหนือกว่าบรรพกาล เขายังลอบมองหลินฮวงและเมื่อไม่พบปฏิกิริยาใดๆ เขาก็พยักหน้าอย่างสงบ”พระน้อยดูแข็งแกร่งจริงๆ ข้าไม่คิดว่าเขาจะเป็นถึงเทพสูงสุด”
ตอนที่ 1424
มหาพิภพไม่ใช่จุดหมายสุดท้ายของข้า!
ไป่และคนอื่นจัดการกับมอนสเตอร์ระลอกที่9ได้อย่างง่ายๆ ซึ่งสุดท้ายก็ทำให้เทพเสมือนของโลกกรวดเห็นความสามารถแท้จริงของหลินฮวงได้
นี่ยังกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนเกี่ยวกับมหาพิภพ
จากสิ่งที่พวกเขาเห็น ความสามารถของหลินฮวงเพิ่มขึ้นมากหลังผ่านไปหนึ่งปีในมหาพิภพ และตอนนี้เขาก็นับว่าไร้เทียมทานแล้วหลังกลับมาโลกกรวด
หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขาจะก้าวหน้าเช่นนี้ไหมหากพวกเขาเดินทางไปมหาพิภพ
แต่ทว่า สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือหลินอวงสามารถบรรลุความก้าวหน้าดังกล่าวได้เพราะเขาอาศัยนิ้วทองคำ ด้วยพลังต่อสู้ระดับเทพเสมือนขั้นต้นของพวกเขา การเอาชีวิตรอดในมหาพิภพนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
หลังมอนสเตอร์ระลอกที่9มาถึง เหล่าทาสดาบก็มาถึงขอบเหวนรกกันเพิ่ม
คิ้วของกวนย่นเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าไม่คุ้นเคยหลายสิบที่มีพลังระดับเทพเสมือน
ในฐานะหัวหน้าหน่วยพิเศษของรัฐบาลกลาง เขามีข้อมูลเกี่ยวกับโลกกรวดทั้งหมด ต่อให้มันเป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลกลางจะรวบรวมข้อมูลของเทพเสมือนทั้งหมดในโลกกรวด แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องมีบันทึกของเทพเสมือนกว่า95% อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเทพเสมือนกว่า50คนที่เพิ่งมาถึงนี้ นอกจากพวกเขาเหล่านี้ ยังมี5หรือ6คนที่เขาไม่รู้จักท่ามกลางกลุ่มกำลังเสริมก่อนหน้านี้
แต่คนแปลกหน้าเหล่านี้กลับดูเหมือนจะรู้จักหลินฮวง บางคนยังก้าวไปทักทายเขา
ด้วยความสงสัยนี้ กวนจงจึงหันสายตาไปทางค่ายขัตติยะ ดวงตาเขากวาดไปทั่วบริเวณและพบว่ามีอีก9คนที่เขาไม่รู้จัก เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเขาไม่เคยเห็นข้อมูลของทั้งเก้าคนนี้ในฐานข้อมูล
หลังพบความผิดปกตินี้ กวนจงก็แจ้งตงฟางไป่ทันที
ตงฟางไป่ขมวดคิ้วหลังได้ยิน
“ทำไมเจ้าถึงเพิ่งรู้?”
“อย่างแรก ขัตติยะคือพันธมิตร ข้าจึงไม่ได้ให้ความสนใจทางฝั่งพวกเขานัก แถม หลินฮวงกับคุณฟู่ยังอยู่ที่นั่น พวกเขาสามารถขัดขวางสัมผัสข้าได้ง่ายๆ ดังนั้นข้าจึงพยายามเลี่ยงการมองไปทางนั้น ข้าเพิ่งได้เหลือบมองเมื่อสักครู่และพบว่ามีคนแปลกหน้ามากมายทางฝั่งของขัตติยะ”
“เจ้าคิดว่าคนเหล่านี้เป็นคนของหลินฮวงหรือเปล่า?”ตงฟางไป่ถาม
“พวกเขาอาจไม่ใช่ลูกน้องเขา แต่ก็ต้องมีความสัมพันธ์กันแน่!”กวนจงไตร่ตรองสักพักก่อนพูดต่อ”ข้ายังสงสัยว่าคนเหล่านี้อาจไม่ใช่คนของโลกกรวดเรา!”
“ทำไมเจ้าถึงพูดแบบนั้น?”ตงฟางไป่ถามด้วยความงงงวย
“ข้าแสร้งทำเป็นเหลือบมองไปตรงนั้นเพื่อสังเกตและพบว่าแหวนหัวใจจักรพรรดิบนมือคนเหล่านี้ล้วนเป็นสินค้าตลาดมืด คนส่วนใหญ่คงไม่พบความแตกต่าง แต่หลังทำงานในสายข่าวมานาน ข้าสามารถบอกได้ถึงความแตกต่างระหว่างของตลาดมืดและแหวนหัวใจจักรพรรดิทั่วไป”
“งั้นตัวตนของคนเหล่านี้ก็เป็นของปลอม?!”ดวงตาของตงฟางไป่เบิกกว้าง เขารีบหันไปมองหลินฮวง
ตอนนี้เอง หลินฮวงเองก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงสายตาของตงฟางไป่และมองเขากลับ
เมื่อพวกเขาสบตากัน ตงฟางไป่ก็ยิ้มและพยักหน้าให้หลินฮวง จากนั้นก็รีบเบือนหน้าหนี
หลินฮวงเลิกคิ้ว”แปลก”
“ทำไมเราถึงไม่ไปถามหลินฮวงตรงๆละครับว่าคนเหล่านี้มาจากไหน?”กวนจงถาม
“เจ้าคิดว่าเขาจะบอกความจริงไหมหากเขาซ่อนแผนการลับไว้?”ตงฟางไป่ส่ายหัว
“งั้นเราควรทำอย่างไรกันดี?เราไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์เลย เราควรรายงานเรื่องนี้หรือไม่?”กวนจงถามอีกครั้ง
“แจ้งเรื่องนี้กับเฒ่าเจียงก่อน บอกเขาถึงข้อสงสัยของเจ้า”ตงฟางไป่ครุ่นคิดสักพักก่อนตัดสินใจผลักส่งปัญหานี้ให้เจียงฉาน
กวนจงพยักหน้า หลังกลับไปเต็นท์เขา เขาก็ติดต่อเจียงฉานทันที เล่าทุกอย่างที่เขาพบว่าแปลก
หลังได้ยินสิ่งนี้ เจียงฉานก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง”
เพียงเมื่อมอนสเตอร์ระลอกสิบมาถึง แหวนสื่อสารของคุณฟู่ก็ดังขึ้น เขาเปิดหน้าสื่อสาร พบว่าคนโทรมาก็คือเจียงฉานจากรัฐบาลกลาง
หลังสับสนอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กดรับสาย
“มีเรื่องอะไร เสี่ยวเจียง?”
“เฒ่าฟู่ ข้าได้ยินจากกวนจงว่ามีเทพเสมือนแปลกหน้าได้ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาดูเหมือนจะรู้จักหลินฮวงด้วย ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม?”
“ข้ารู้ กำลังเสริมเหล่านี้เป็นคนที่หลินฮวงนำกลับมาจากมหาพิภพ ทั้งหมดมีมากกว่าสองร้อยคน”คุณฟู่พยักหน้า เขาเดาไว้แล้วว่ารัฐบาลกลางต้องถามถึงเรื่องนี้
“กว่าสองร้อย และทั้งหมดยังเป็นเทพเสมือน?!”เจียงฉานตกตะลึง ตามสิ่งที่เขาได้ยินจากกวนจง ตอนนี้มีคนแปลกหน้าปรากฏแค่ประมาณ70คนเท่านั้น
“พวกเขาทั้งหมดเป็นเทพแท้จริง”คุณฟู่แก้ไข
“หือ?”เจียงฉายคิดว่าเขาหูฝาด”ว่าไงนะ ทั้งหมดเป็นเทพแท้จริง?!”
“ใช่ มีมากกว่าสองร้อยคนและทั้งหมดก็เป็นเทพแท้จริง”คุณฟู่ยืนยันอีกครั้ง
เจียงฉานอ้าปากค้าง ไร้คำพูดที่เล็ดลอดออกมา
หากหลินฮวงนำยอดฝีมือระดับเทพเสมือนกว่าสองร้อยกลับมา เขาอาจสงสัยว่าหลินฮวงกำลังวางแผนโค่นล้มอำนาจรัฐบาลกลาง หรือแม้กระทั่งกำจัดองค์กรอื่นด้วย เช่นนั้น ขัตติยะก็จะเป็นผู้ปกครองโลกกรวด
แต่ทว่า เนื่องจากคนที่หลินฮวงนำกลับมาล้วนเป็นเทพแท้จริง เขาจึงไม่เกิดความสงสัยเช่นนั้น เพราะหากหลินฮวงอยากปกครองโลกจริงๆ การนำเทพแท้จริงกว่าสองร้อยกลับมาก็มากพอจะกำจัดองค์กรทั้งหมดในโลกกรวดแล้ว ไม่จำเป็นที่เขาต้องมาเสียเวลาวางแผนร้ายอะไรเลย
“เทพแท้จริงเหล่านี้..เราสามารถเชื่อใจพวกเขาได้ไหม?”เจียงฉานถามหลังรวบรวมสติ”เป็นไปได้ไหมว่าองค์กรบางแห่งจากมหาพิภพกำลังใช้หลินฮวงเพื่อแทรกแซงโลกเรา..”
“คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของหลินฮวง พวกเขาจะเชื่อฟังคำสั่งเขาทุกอย่าง จากการสังเกตของข้า ข้าเองก็ไม่พบปัญหาอะไร”คุณฟู่เผยข้อมูลอีกส่วน ซึ่งทั้งเขาและหลินฮวงได้ตกลงกันแล้วว่าสามารถเปิดเผยได้
เขาและหลินฮวงเดาไว้แล้วว่าทาสดาบต้องเป็นที่สังเกตในไม่ช้าก็เร็ว หลินฮวงไม่มีเจตนาจะปกปิดตัวตนของทาสดาบอยู่แล้ว หากพวกเขาเป็นกำลังเสริมที่เขาหยิบยืมมาจากมหาพิภพ พวกเขาคงกังวลใจ แต่ทว่า หากคนเหล่านี้เป็นคนของหลินฮวงเอง งั้นความกังวลของทุกคนก็จะลดลง อย่างน้อยหลินฮวงก็เป็นคนท้องถิ่นและคงไม่มีใครอยากให้บ้านเกิดตัวเองถูกทำลายหรือยึดครอง
“ข้าขอคุยกับหลินฮวงหน่อยได้หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหา”คุณฟู่หันภาพฉายไปทางหลินฮวงที่อยู่ไม่ไกล
“หลินฮวง คนเหล่านี้เชื่อใจได้จริงๆหรือ?”เจียงฉานถามเขาตรงๆ
“พวกเขาเป็นคนของข้า ไม่มีปัญหาอะไรแน่”หลินฮวงพยักหน้า
“งั้นข้าขอถามอีกคำถาม ข้าหวังว่าเจ้าจะตอบตามตรง”สีหน้าของเจียงฉานดูจริงจัง หลังเงียบไปสักพัก เขาก็จ้องตาหลินฮวง”ข้าเชื่อใจเจ้าได้หรือไม่?”
หลินฮวงพยักหน้า”ท่านสามารถวางใจได้ นี่คือบ้านข้า ข้าก็เหมือนกับพวกท่าน ข้าไม่อยากให้ความสงบสุขของโลกกรวดถูกทำลาย”
“ข้ามีแค่สองจุดประสงค์ในการกลับมา หนึ่งคือแก้วิกฤตในโลกกรวด สองคือนำเพื่อนสนิทกับครอบครัวข้าไปกับข้า”
“มีอีกเรื่องที่ท่านสามารถวางใจได้ ข้าไม่มีแผนอะไรเกี่ยวกับโลกนี้ ต่อให้จะมีปัญหาบ้างในการพัฒนารัฐบาลกลางตลอดแปดร้อยปี แต่โดยรวม รัฐบาลกลางก็ถือว่าทำสุดความสามารถแล้ว หากข้าเป็นหัวหน้ารัฐบาลกลาง ข้าคงไม่สามารถจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยขนาดนี้”
“ถ้าข้าเป็นผู้นำองค์กร ข้ายังพอจัดการได้ แต่ทว่า หากข้ากลายเป็นผู้ปกครองโลก ข้ารู้ดีว่าข้าไม่สามารถทำได้ ด้วยตำแหน่งท่าน ท่านมีหลายสิ่งให้ต้องกังวล ไม่ใช่แค่เรื่องผู้บ่มเพาะ แต่ท่านยังต้องคำนึงถึงพลเมืองธรรมดาอีกนับไม่ถ้วน….”
“สำหรับตัวข้า ข้าอยากมุ่งเน้นการพัฒนาตัวเอง ข้าชอบสำรวจสิ่งที่ไม่รู้จัก และข้าก็สนุกกับการรู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นรวมถึงความตื่นเต้นที่เกิดทุกๆการต่อสู้..”
“ข้าไม่เชื่อว่ามหาพิภพจะเป็นจุดหมายสุดท้ายของข้า ข้าอยากไปสู่จักรวาลที่กว้างใหญ่กว่ามหาพิภพ…”
ตอนที่ 1425
เทพเสมือนขั้นสูงเป็นได้แค่เบี้ย
หลังสิ้นสุดการโทรกับหลินฮวง เจียงฉานก็เงียบไปอยู่นาน
เมื่อเขายังเด็ก เขาเคยคิดเช่นกันว่าหากวันหนึ่งเขาเป็นเทพเสมือน เขาต้องไปมหาพิภพเพื่อดูโลกกว้างที่แท้จริง
แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปและระดับพลังบ่มเพาะเขาเพิ่มขึ้น เขากลับก้าวสู่ตำแหน่งนี้ในรัฐบาลกลางและต้องละทิ้งความฝัน
เขาคิดว่าเขาคงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีก
แต่ทว่า การสนทนาของเขากับหลินฮวงในวันนี้ก็ทำให้เขานึกถึงความฝันเมื่อนานมาแล้ว
“ข้าเป็นเทพเสมือนแล้ว แต่ข้ากลับไม่สามารถไปเยือนมหาพิภพได้…”เจียงฉานพูดกับตัวเองด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว
เขารู้ว่าหลินฮวงไม่มีแผนอะไรทีเกี่ยวกับโลกกรวดเลย
สำหรับหลินฮวง โลกกรวดเล็กเกินไป เวทีของเขาตั้งอยู่บนทะเลดวงดาวอันกว้างใหญ่ไพศาล!
หลังจากนั้นไม่นาน เจียงฉานก็ติดต่อตงฟางไป่และอธิบายบทสรุปให้เขาฟัง
ตงฟางไป่และกวนจงพูดไม่ออกหลังได้ยิน
“เฒ่าเจียง เจ้าไม่ได้หูฝาดแน่นะ?เขาบอกว่าเขาพาเทพแท้จริงมากว่า200เนี่ยนะ?!”
“คุณฟู่คือคนที่พูดเอง มันไม่ควรเป็นเรื่องโกหกเจียงฉานพยักหน้า
ตงฟางไป่ครุ่นคิดสักพักก่อนถาม”คิดว่าเราจะไว้ใจหลินฮวงได้ไหม?”
เจียงฉานพยักหน้าโดยแทบไม่ลังเล
“ข้าไม่คิดว่าหลินฮวงจะเป็นปัญหานัก เขาคือพลเมืองของโลกกรวดเรา และย่อมไม่อยากให้บ้านเกิดตัวเองตกเป็นของคนอื่น แถม เขาดูเหมือนจะไม่มีความปรารถนาใดต่อสถานะหรืออำนาจ หากเขาอยากยึดโลกกรวดจริงๆ ด้วยความสามารถเขาคนเดียวก็ทำได้แล้ว สุดท้ายคือเขาอายุเพียง20ปี ความปรารถนาเขาในการสำรวจยังเต็มเปี่ยม และสำหรับเขา โลกกรวดนั้นเล็กเกินไป”
หลังได้ยินแบบนี้ ตงฟางไป่ก็เงียบไปก่อนพยักหน้า”ข้าเข้าใจแล้ว งั้นเราควรจัดการกับเรื่องนี้ยังไง?ทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น?”
“ใช่”เจียงฉานพยักหน้า”นอกจากนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับกำลังหนุนก็ให้รู้แค่เราสาม ไม่ต้องบอกฝ่ายอื่น ยิ่งคนรู้มาก ก็ยิ่งมีโอกาสเกิดปัญหาอื่นๆตามมาเท่านั้น ผู้คนอาจใช้สิ่งนี้เป็นโอกาสในการปลุกปั่นปัญหา ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ความสามัคคีนั้นสำคัญสุด”
“ข้าเข้าใจ”ตงฟางไป่เห็นด้วย
“แล้วสถานการณ์ทางขอบเหวนรกเป็นอย่างไร?”เจียงฉานสอบถามหลังคุยเรื่องหลินฮวงจบ
ใบหน้าของตงฟางไป่เปลี่ยนไปหลังได้ยินคำถามนี้
“สำหรับตอนนี้ ผู้รุกรานระลอก10กำลังพยายามฝ่าเข้ามา ระลอก10ที่มานั้นมีมากถึง990ตน และระดับพลังก็ยังเป็นถึงเทพเสมือนขั้น7….”
ใบหน้าของเจียงฉานดำมืด
“แต่ทว่า ผู้พิทักษ์ปัจจุบันของรอยแยกมิติทั้ง33ล้วนเป็นมอนสเตอร์อัญเชิญของหลินฮวง และพวกมันต่างก็เป็นเทพเสมือนขั้น9”นี่คือสิ่งที่ตงฟางไป่รู้สึกอับอาย เขามีคนมากกว่าสองร้อย แต่ทั้งหมดกลับเป็นได้แค่คนดู
“ระดับเทพเสมือนขั้น9…ดูเหมือนจะทนได้อีกไม่นานนัก”สีหน้าของเจียงฉานไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย”การเตรียมการก่อนสงครามเป็นอย่างไรบ้าง?”
“การเตรียมการเสร็จสิ้นแล้ว”ตงฟางไป่ตอบ
“ดี”เจียงฉานพยักหน้า”นั่นคือไพ่ตายเรา..มันดีกว่าที่จะไม่ใช้เว้นแต่จะอยู่ในสถานการณ์วิกฤตถึงขีดสุด”
“เข้าใจแล้ว”ตงฟางไป่พยักหน้า
..
ย้อนกลับไปที่ค่ายขัตติยะ หลังวางสายกับเจียงฉาน คุณฟู่ก็อดถามหลินฮวงไม่ได้
‘เจ้าคิดพาซินเอ๋อร์ไปจากโลกกรวดหลังสงครามจริงหรือ?”
“ข้าอาจพักสักเดือนหรือสองเดือนก่อนไป”หลินฮวงพยักหน้า”เราต้องจัดเตรียมแผนในอนาคตสำหรับขัตติยะกับผู้ปลดปล่อยก่อน.”
“นอกจากนี้ ยังมีหลายพื้นที่ในโลกกรวดที่เรายังไม่ได้ไป ซินเอ๋อร์อาจจะยังอยากไปเยือนสถานที่เหล่านั้น ก่อนไป เราควรไปเที่ยวรอบโลกก่อนเพราะเราไม่รู้ว่าครั้งหน้าที่เรากลับมาจะผ่านไปนานแค่ไหน”
“อาจารย์ ท่านควรมากับเรา ไปมหาพิภพกับข้า!”หลินฮวงพลันเปลี่ยนเรื่องและกล่าวกับคุณฟู่อย่างตื่นเต้น
คุณฟู่ลังเล เขาไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ตอบรับ
“ทางฝั่งโลกกรวด ตราบเท่าที่เรากำจัดผู้นำของผู้รุกรานได้ การรุกรานเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีกในอนาคต เหนือสิ่งอื่นใด ตำแหน่งทางเข้าของอุโมงค์มิติที่เชื่อมต่อมหาพิภพกับโลกกรวดนั้นห่างไกลกันมาก โดยปกติแล้วมันไม่ได้ถูกค้นพบกันง่ายๆ”
“ไม่ใช่แค่นั้น แต่โอกาสเกิดสงครามภายในโลกกรวดหลังศึกนี้ก็แทบเป็นไปไม่ได้ ตราบเท่าที่หกองค์กรใหญ่สามารถหาสมดุลกันได้ พวกเขาควรรักษาสันติภาพไว้ได้เป็นเวลานาน”
“นอกจากนี้ ข้าคิดว่าท่านควรคิดถึงตัวเองบ้าง อาจารย์ ท่านไม่สามารถปกป้องโลกกรวดไปได้ตลอด อนาคตของโลกนี้ควรตกอยู่ในมือของคนรุ่นหลัง”
“ตอนนี้เจ้าหายดีจากบาดแผลแล้ว และระดับพลังท่านก็ถึงเทพเสมือนขั้น9แล้ว ไม่มีทางที่ท่านจะเลื่อนขั้นความสามารถได้อีกในโลกกรวด แต่ทว่า ในมหาพิภพ ไม่เพียงท่านจะกลายเป็นเทพแท้จริงได้ แม้แต่เทพสวรรค์ก็ยังเป็นไปได้!หากท่านอยากกลับมาโลกกรวด ท่านก็สามารถผนึกลพังตัวเองและกลับมาได้”
คุณฟู่ถูกโน้มน้าว
“ข้าจะพิจารณาข้อเสนอเจ้าตอนเราชนะสงคราม แต่ทว่า สำหรับตอนนี้ เราต้องให้ความสำคัญกับสงครามก่อน”
“โอ้ใช่ ภายใต้สถานการณ์ปกติ หากมีผู้รุกรานพยายามทดสอบอุโมงค์มิติแต่ไม่สำเร็จ พวกเขาจะชะลอการเริ่มของสงครามไหม?เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาจะล้มเลิกการรุกราน?”คุณฟู่สงสัย
“หากมันเป็นอุโมงค์มิติเปิดใหม่และการทดสอบก็ยังล้มเหลวซ้ๆ งั้นผู้รุกรานอาจละทิ้งการบุกรุกชั่วคราว”
“แต่ทว่า อุโมงค์มิติทั้ง33ของขอบเหวนรกดำรงอยู่มานานมาก และก่อนหน้าก็มีหลายกรณีที่ประสบความสำเร็จในการเคลื่อนย้าย ในแง่ของความน่าจะเป็น แม้จะมีปัญหากับอุโมงค์มิติ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดปัญหากับทั้งหมด ผู้รุกรานจากมหาพิภพต้องรู้อย่างแน่นอนว่าสาเหตุของความล้มเหลวเป็นเพราะการแทรกแซงจากฝั่งเรา ดังนั้น พวกเขาย่อมไม่ยอมแพ้ต่อการรุกราน”
“พวกเขาจะไม่ชะลอการเริ่มสงคราม พวกเขาทดสอบเช่นนี้เพราะการยับยั้งโลกกรวดยังไม่บรรลุผลดี เมื่อเจตจำนงโลกกรวดถูกยับยั้ง พวกเขาถึงเริ่มสงครามเต็มรูปแบบ”
“แต่พวกเขาไม่รู้ว่าอุโมงค์มิติใดได้ผล พวกเขาจะไม่เสียหายครั้งใหญ่หากทำสงครามภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หรือ?”คุณฟู่ถามอย่างสงสัย
“พวกเขาจะส่งเทพเสมือนขั้นต้นและกลางจำนวนมากมาเพื่อปูทาง และจะไม่ทดสอบด้วยคนแค่ไม่กี่สิบแบบนี้ พวกเขาจะส่งมานับหมื่นผ่านแต่ละรอยแยก เมื่อพบอุโมงค์ที่พวกเขาสงสัยว่าใช้งานได้ พวกเขาจะส่งเทพเสมือนขั้นสูงจำนวนมากมาเป็นการสำรวจรอบสอง หลังส่งพวกเบี้ยมาสองรอบ เทพแท้จริงจะเข้ามาเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้น พวกเขาจะมาถึงพร้อมกองทัพและกำจัดโลกกรวดทั้งหมด..”
“เทพเสมือนขั้นสูงเป็นแค่เบี้ย?”คุณฟู่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ในมหาพิภพ เทพเสมือนแค่จุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะ มีเผ่าที่ทรงพลังมากมายในมหาพิภพที่มีลูกหลานเป็นเทพเสมือนตั้งแต่เกิด พอโต พวกเขาจะกลายเป็นเทพแท้จริงเอง สำหรับบางเผ่าชั้นนำ ทารกแรกเกิดอาจเป็นเทพแท้จริงเลยด้วยซ้ำ และจะเลื่อนเป็นเทพสวรรค์ตอนโตเต็มวัย”
“นอกจากนี้ มหาพิภพยังเชื่อมต่อกับโลกขนาดเล็กนับไม่ถ้วน และทรัพยากรที่มีก็มากกว่าโลกขนาดเล็กนับล้านเท่า กฏและลำดับนั้นสมบูรณ์ เต็มไปด้วยพลังงานหลากประเภท และการบ่มเพาะก็ง่ายกว่ามาก การเป็นเทพเสมือนที่นั่นง่ายกว่าโลกกรวดนับร้อยเท่า จำนวนเทพเสมือนในมหาพิภพมากกว่าจำนวนผู้หลุดพ้นทั้งหมดในโลกกรวดเราซะอีก”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น