Monster Paradise 1406-1409

 1406

 

ปิดประตูบ่มเพาะ

หลังกินข้าวเช้ากับคุณฟู่ หลินฮวงกลับวังจักรพรรดิไปและแจ้งหวงเทียนฟู่ จื่อจี้กับทาสดาบว่าเขากำลังปิดประตูบ่มเพาะ


เมื่อเสร็จสิ้น เขาก็กางม่านพลังรอบวังจักรพรรดิ ปิดประตูบ่มเพาะและเริ่มกลั่นไฟเทวะในตัวเต็มกำลัง


ภายในครึ่งวันหลังหลินฮวงปิดประตูบ่มเพาะ ข่าวการกลับมาของฝ่าบาทก็กระจายไปทั่วขัตติยะ


ความปั่นป่วนเกิดขึ้นบนเครือข่ายออนไลน์


เหนือสิ่งอื่นใด ปีก่อน หลินฮวงเป็นคนที่ทรงอิทธิพลสุดในการจัดอันดับของสื่อและเครือข่ายออนไลน์


เขาออกโลกกรวดไปปีหนึ่งและหายไปจากสาธารณชน ตอนนี้ที่เขากลับมา หลายคนจึงคิดว่าชื่อ’หลินฮวง’อาจกลับมาครอบงำโลกอีกครั้ง


เมื่อหลินฮวงหายไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเขาไปไหน ตอนนั้น เขาไม่เปิดเผยข่าวที่ว่าเขาออกโลกกรวด มีเพียงพวกระดับสูงขององค์กรใหญ่ถึงรับรู้


แม้จะมีควาคิดเห็นที่แสดงบนเครือข่ายว่าหลินฮวงไปมหาพิภพ แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ


แต่ครั้งนี้ มีคนบนเครือข่ายที่ให้ข่าวการกลับมาของจักรพรรดิ


กระทู้เขียนว่า’การกลับมาของจักรพรรดิ’ ไม่เพียงจะระบุวันที่ที่หลินฮวงกลับมา แต่มันยังเผยว่าเขาฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพแท้จริงตอนกลับมาอีกด้วย


ตอนแรก การตอบกลับในกระทู้ลุกเป็นไฟ บอกว่าคนเขียนแต่งเรื่องขึ้น


แต่ทว่า ข่าวการกลับมาของหลินฮวงก็ได้รับการยืนยันในเวลาต่อมา ไม่ใช่แค่นั้น แต่มันยังเผยว่ารัฐบาลกลางได้ขอให้องค์กรใหญ่ระดมยอดฝีมือระดับเทพเสมือน แต่ทว่า เจ้าหน้าที่ก็ได้ส่งข้อความมาบอกว่าวิกฤตคลี่คลายแล้ว


มีข่าวมากมายเริ่มปรากฏ ทั้งจริงและปลอม สุดท้ายทุกคนก็เริ่มเชื่อว่าหลินฮวง ได้กลับมาแล้วตจริงๆ


มีคนมากขึ้นเริ่มเชื่อว่าหลินฮวงไปมหาพิภพ


เช่นนั้น การพูดคุยรอบใหม่เกี่ยวกับหลินฮวงจึงเริ่มต้นขึ้นบนโซเชียลมีเดีย


หนึ่งในกระทู้ที่ถูกพูดคุยมากสุดคือ’มหาพิภพเป็นอย่างไร?’


ทางฝั่งขัตติยะ พวกระดับสูงถูกคุกคามโดยสื่อ


ในโลกบ่มเพาะ มหาพิภพคือสถานที่ที่มีอยู่แค่ในตำนาน ไม่มีใครเคยกลับมาหลังไปที่นั่น


สื่อและผู้บ่มเพาะอยากถามหลินฮวงว่ามหาพิภพในตำนานเป็นอย่างไร


แต่ทว่า คำตอบของขัตติยะก็มีแค่ประโยคเดียว


“ฝ่าบาทกำลังปิดประตูบ่มเพาะ เราไม่รู้แน่ชัดว่าเขาจะออกมาตอนไหน”


มีเพียงรัฐบาลกลาง สมาคมนักล่าและองค์กรชั้นนำอื่นถึงได้รับข้อมูลจากขัตติยะ


ข้อมูลเกี่ยวกับมหาพิภพ ซึ่งเป็นส่วนที่หลินฮวงเล่าให้พวกเขาฟังตอนประชุม ก่อนเขาจะปิดประตูบ่มเพาะ เขาได้บอกหวงเทียนฟู่ว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังข่าวนี้ เพราะมันจะช่วยให้รัฐบาลกลางและองค์กรใหญ่ตระหนักถึงวิกฤตที่พวกเขากำลังเผชิญ


แต่ทว่า ข้อมูลนี้ไม่รวมส่วนที่เขาพูดกับคุณฟู่


หลังได้รับข่าวเกี่ยวกับมหาพิภพจากขัตติยะ องค์กรชั้นนำทั้งหมดก็จัดการประชุมทันทีเพื่อหารือถึงการพัฒนาในอนาคตและกลยุทธ์โต้ตอบ


หลังจากนั้น องค์กรทั้งหมดก็ได้รับข่าวคล้ายๆกัน


ระดับจักรพรรดิ กึ่งเทพและเทพเสมือนทั้งหมดภายในองค์กรเริ่มทำการสำรวจมิติบรรพกาลกันอย่างเมามัน ต้องการได้รับทรัพยากรบ่มเพาะให้ได้มากที่สุด


ขัตติยะและผู้ปลดปล่อยก็ไม่เว้น


เมื่อพวกเขาพบความผิดปกติที่เกิดในองค์กรชั้นนำ องค์กรอื่นก็เริ่มสอบถาม ดังนั้นคนมากขึ้นจึงเริ่มรู้ถึงข้อมูลของมหาพิภพ



ขณะที่หลินฮวงกำลังปิดประตูบ่มเพาะ หลินซินก็ทำเหมือนกัน


นางกินแก่นเทวะหนึ่งอันทุกๆสองหรือสามวัน


หลังนางกินแก่นเทวะเทพเสมือนขั้น1ไปสิบสองอันติด นางก็เริ่มควบแน่นแก่นเทวะภายในตัว…


ในขณะเดียวกัน เสี่ยวโม่ก็อยู่ในมหาสมุทรสันติ


ด้วยทาสดาบทั้ง12 เขากำลังค้นหาสถานที่ซ่อนตัวของเจตจำนงค์เทพอีกา


ทาสดาบคนอื่นก็ปรับตัวเข้ากับบทบาทพวกเขาอย่างรวดเร็ว


ดาบ101และดาบ102กลายเป็นองครักษ์คนใหม่ของหลินฮวง และทั้งสองก็คอยจับตาดูทางเข้าวังจักรพรรดิตลอดเวลา


ทาสดาบทั้ง20ที่อยู่ในขัตติยะกับผู้ปลดปล่อยยังพบตำแหน่งตัวเองภายในองค์กร บางคนเข้าร่วมการประชุมต่างๆและยังมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ บางคนที่ไม่สนใจอะไรจะทุ่มกับการหาทรัพยากรบ่มเพาะอย่างเดียว


สำหรับกลุ่มที่สร้างพันธมิตรดาบ พวกเขาเริ่มกระจายไปทั่วเขตปลอดภัยต่างๆ ใช้วิธีการต่างๆเพื่อค้นหาคนหนุ่มสาวมากพรสวรรค์



ในวังจักรพรรดิ การกลั่นไฟเทวะของหลินฮวงเป็นไปอย่างราบรื่น


ไฟเทวะที่ได้รับการกลั่นมั่นคงขึ้นทุกวัน


เกือบเดือนต่อมา ประกายไฟเทวะทั้งสิบส่วนก็ผสานกันจนสมบูรณ์


ไฟเทวะภายในตัวหลินฮวงเปลี่ยนไปอีกครั้งและแก่นเทวะก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้งภายใต้การปรับแต่งของไฟเทวะ


หลังเลื่อนเป็นเทพเสมือนขั้น4ได้สำเร็จ หลินฮวงก็ไม่มีเจตนาจะพักผ่อน เขานำประกายไฟเทวะขั้น5ทั้งสิบส่วนออกมา โยนพวกมันเข้าไปในตัวและเริ่มการกลั่นกับผสานรอบใหม่



ในวันเดียวกัน หลินซิน ผู้อยู่ห่างจากหลินฮวงไปไม่กี่ร้อยเมตรควบแน่นแก่นเทวะได้สำเร็จแล้ว


ท่ามกลางความรู้สึกของการเลื่อนเป็นเทพเสมือน หลินซินรู้สึกได้ว่าตัวเองแกร่งขึ้นนับสิบเท่า


 


“ข้าแข็งแกร่งขึ้นมากขนาดนี้หลังเลื่อนเป็นเทพเสมือน?”

ไม่เพียงระดับพลังนางจะเพิ่ม แต่ร่างกายและจิตวิญญาณนางยังผ่านการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่แปลกใจและน่าดีใจยิ่งก่านั้นคือนางดูเหมือนจะได้รับความทรงจำสืบทอดของแก่นเทวะทั้ง12ด้วย


นางยังสามารถใช้ทักษะทั้งหมดของเจ้าของแก่นเทวะทั้ง12ได้


หลังเลื่อนเป็นเทพเสมือน หลินซินก็คิดที่จะบอกข่าวดีนี้กับพี่ชายนางทันที แต่เมื่อนางเปิดหน้าข้อความ นางก็เห็นข้อความที่หลินฮวงส่งมาเกือบเดือนก่อน


 


“พี่ชายได้ปิดประตูบ่มเพาะ งั้นข้าก็จะทำเช่นกัน”


หลินซินคิดสักพักและนั่งลงอย่างเหมาะสม


นางนำแก่นเทวะเทพเสมือนขั้น2ออกมาและโยนมันเข้าปาก…


..


หนึ่งเดือนผ่านไปนับตั้งแต่ข่าวการกลับมาของหลินฮวง แต่เขาก็ไม่เคยปรากฏตัว ความนิยมของชื่อเขาบนเครือข่ายได้จางหายไปนานแล้ว เนื่องจากสื่อไม่ได้รับการตอบาสนอง ความสนใจของทุกคนจึงย้ายไปหัวข้ออื่น


แต่ทว่า สิ่งที่ผู้บ่มเพาะธรรมดาส่วนใหญ่ไม่รู้คือขณะที่พวกเขากำลังซุบซิบ ข้อมูลที่หลินฮวงได้แบ่งปันตอนเขากลับมาก็ทำให้องค์กรใหญ่ทั้งหมดเข้าสู่สภาพพร้อมรบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


แม้กระทั่งองค์กรที่มักมีความขัดแย้งกันก็เลิกทะเลาะกันชั่วคราว พวกเขาเริ่มทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาความสามารถโดยรวมขององค์กรเพื่อให้อยู่รอดจากสงครามที่ใกล้เข้ามา


รัฐบาลกลาง สมาคมนักล่าและองค์กรชั้นนำอื่นต่างกำลังแข่งกับเวลาและไม่กล้าผ่อนคลาย…

 

 

 


ตอนที่ 1407

 

เลื่อนเป็นเทพเสมือนขั้น6

หลินฮวงทุ่มสมาธิเขากับการกลั่นและผสานไฟเทวะอย่างเต็มที่โดยไม่สนใจสิ่งใด


เขาไม่รู้ว่าการรุกรานจะเกิดขึ้นตอนไหน เขาทำได้แค่แข่งกับเวลาเพื่อพัฒนาพลังต่อสู้เขาให้เร็วที่สุด


ในชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปอีกสองเดือน


หลินฮวงกลั่นและผสานประกายไฟเทวะขั้น6จนเสร็จแล้ว ด้วยการหลอมของไฟเทวะ ในที่สุดแก่นเทวะเขาก็เลื่อนเป็นขั้น6


เขาใช้เวลาเกือบสามเดือนเพื่อเพิ่มระดับพลังเขาจากเทพเสมือนขั้น3เป็นเทพเสมือนขั้น6


เนื่องจากเขาไม่ได้รับไฟเทวะขั้นสูงกว่านี้มา เขาจึงไม่สามารถดำเนินการบ่มเพาะต่อได้


เขาใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงเพื่อปรับตัวให้เข้ากับพลังใหม่ สุดท้าย หลินฮวงก็เปิดประตูของวังจักรพรรดิและก้าวออกมา!


หลังจากสามเดือนของการปิดประตูบ่มเพาะ เขาก็กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ พลังเขาก้าวกระโดดไปอีกระดับ


วินาทีที่เขาเปิดประตูวัง ดาบ101และดาบ102ที่ยืนตรงหน้าประตูมาตลอดสามเดือนก็หันมาโค้งคำนับให้เขา


แม้พวกเขาจะไม่สอดรู้สอดเห็นสถานะบ่มเพาะของหลินฮวงในวังจักรพรรดิ แต่เหล่าทาสดาบย่อมสัมผัสได้เองทุกครั้งที่ระดับพลังของจอมดาบก้าวหน้าขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด การก้าวหน้าทุกครั้งของจอมดาบจะทำให้ระดับพลังพวกเขาคลายผนึกเรื่อยๆ


ทั้งคู่มั่นใจว่าหลินฮวงได้เพิ่มระดับอีกสามขั้นในเวลาสามเดือนนี้


 


“ขอบใจพวกเจ้ามาก ข้าคงไม่ได้ปิดประตูบ่มเพาะอีกครั้งในเร็วๆนี้ พวกเจ้าสามารถไปทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ”


หลินฮวงพยักหน้าให้ทั้งสอง


แต่ทว่า ทั้งคู่ไม่จากไป แต่กลับเดินมาด้านข้างหลินฮวง เป็นการยอมรับหน้าที่องครักษ์อย่างเงียบๆ


เรื่องนี้ได้รับการกล่าวโดยดาบ1 จอมดาบต้องมีคนคุ้มกันอย่างน้อยสองคนตลอดเวลา


หลินฮวงสังเกตเห็นการพัฒนา แต่ไม่พูดอะไร


เมื่อเขาปล่อยจิตเทวะออกไป เขาก็พบหวงเทียนฟู่กับคนอื่น จากนั้นก็หายตัวไปปรากฏในห้องทำงานเขาอย่างรวดเร็ว


“ฝ่าบาท!”


การปรากฏตัวเงียบๆของหลินฮวงทำให้หวงเทียนฟู่ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็รีบตั้งสติ


“มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในช่วงที่ข้าปิดประตูบ่มเพาะ?”

“ไม่มีอะไรสำคัญขอรับ”


หวงเทียนฟู่จัดเรียงความคิดก่อนพูดอีกครั้ง


“เราได้ทำตามคำแนะนำท่านและแบ่งปันข้อมูลของมหาพิภพให้รัฐบาลกลางกับองค์กรชั้นนำอื่น หลังจากนั้น ข่าวก็รั่วไหลไปอีก ตอนนี้ ผู้บ่มเพาะระดับหลุดพ้นกว่า80%ล้วนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับประเภทศัตรูที่พวกเขาจะต้องเผชิญ ดังนั้น ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา ทุกคนจึงทุ่มเทกับการหาทรัพยากรและพัฒนาความสามารถพวกเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย”


“องค์กรใหญ่ต่างๆลดมาตรฐานเขาและเริ่มรับคนเพิ่ม การขยายคลื่นลูกใหม่และการพัฒนาเริ่มขึ้น คนจำนวนมากที่กระจัดกระจายต่างเริ่มเข้าร่วมองค์กร”


“มีคนคอยเฝ้าดูขอบเหวนรกตลอดเวลา-แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่สำหรับเรา การไม่มีข่าวนับเป็นข่าวดี”


“มีอีกเรื่องที่เกี่ยวกับท่าน ฝ่าบาท”

“มีอะไร?”หลินฮวงถามอย่างแปลกใจ


“ข่าวการกลับมาของท่านจากมหาพิภพรั่วไหลออกไป มันกลายเป็นหัวข้อร้อนแรง โดยทั่วไป ผู้บ่มเพาะทุกคนรู้เกี่ยวกับมันแลว”หวงเทียนฟู่ลอบมองหลินฮวง แต่ก็ไม่เห็นอารมณ์ใดบนใบหน้าเขา


“หากมันรั่วไหล ก็ปล่อยมันไป ไม่ช้าก็เร็วผู้คนต้องรู้อยู่แล้ว มันไม่ส่งผลกับข้า”หลินฮวงไม่สนใจเรื่องแบบนี้


“ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องเล็กน้อยขอรับ ตอนนี้ องค์กรเกือบทั้งหมดกำลังยุ่งอยู่กับการหาทรัพยากรบ่มเพาะและคนที่ขัดแย้งกันก็ตกลงจับมือกันภายใต้อิทธิพลของแรงกดดันภายนอก ไม่มีใครทำอะไรเลย ข้ากล้าพูดเลยว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สงบสุขในรอบร้อยปี”


“ขัตติยะเป็นอย่างไรบ้าง?”หลินฮวงถาม


“เราเป็นคนแรกที่ได้รับข่าวและจึงเตรียมพร้อมมากสุด ปัจจุบันเราครอบครองแดนรกร้างและมิติบรรพกาลมากสุด ในแง่ของการขยับขยาย การรับสมัครคนใหม่เราด้อยกว่าแค่สมาคมนักล่าและรัฐบาลกลาง เราเป็นอันดับสาม”


“แล้วผู้ปลดปล่อยละ?”หลินฮวงถามต่อ


“แดนรกร้างและมิติบรรพกาลที่พวกเขาครอบครองนับเป็นอันดับสอง แต่การขยับขยายช้ากว่าเรา ข้าไม่รู้รายละเอียดมากนัก ท่านอาจต้องถามจื่อจี้เอง”


หลินฮวงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กระจายจิตเทวะออกไป เขาพบบ้านที่หลินซินอาศัยยังปิดอยู่และนางก็ไม่อยู่ด้านนอก


“ซินเอ๋อร์ยังปิดประตูบ่มเพาะอยู่อีกงั้นหรอ?”

“ขอรับ นางยังไม่ออกมา”หวงเทียนฟู่พยักหน้า


“เด็กสาวคนนี้ นางคิดจะเป็นเทพเสมือนขั้น9ในคราเดียวเลยหรือไง..”หลินฮวงคิด


“เสี่ยวโม่เองก็ยังไม่กลับมางั้นหรอ?”

“ขอรับ”หวงเทียนฟู่ส่ายหัว


หลินฮวงขมวดคิ้วเล็กน้อย



มหาสมุทรสันติกว้างใหญ่ไพศาล ครอบครองพื้นที่กว่า70%ของทั้งโลกกรวด มันยังเชื่อมต่อกับ8เขตปลอดภัยจาก12เขตปลอดภัย


สภาพแวดล้อมใต้ทะเลมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะพื้นที่ทะเลลึก


เสี่ยวโม่และทาสดาบทั้ง12แยกย้ายกันค้นหาอยู่สามเดือนโดยไร้ผลลัพธ์ใดๆ


ในช่วงเวลานี้ เขาค่อยๆพัฒนาวิธีควบคุมความฝันเขาภายใต้การแนะนำของทาสดาบ


เขาเห็นภาพมากขึ้นเรื่อยๆ


แต่ทว่า เขารู้ว่าเทพอีกาก็สามารถสอดแนมเขาได้เช่นกัน


นั่นทำให้ทุกครั้งที่เขาพบสถานที่ซ่อนมัน เขาจะมักช้าไปหนึ่งก้าว


แม้กระทั่งตัวเสี่ยวโม่เองก็เริ่มสงสัยว่าภาพที่เขาเห็นในฝันแค่ภาพลวงตาและไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นจริง

หลังผ่านไปสามเดือน เขาก็เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ


ทันใดนั้น จิตเทวะเกรี้ยวกราดก็กวาดผ่านไปทั่วโดยไม่มีการยับยั้งเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกกลัวเข้ากลืนกินหัวใจของเสี่ยวโม่และขนของเขาก็ตั้งชัน


 


“เป็นจิตเทวะที่แข็งแกร่งมาก!”จิตเทวะทรงพลังจนเขาหายใจไม่ออกและเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องมีพลังระดับเทพแท้จริงเป็นอย่างต่ำ


ทันทีที่เขาตรวจพบมัน เขาก็สังเกตเห็นรังสีจิตเทวะจับเข้ากับตัวเขา


ก่อนเขาจะมีเวลาตอบสนอง ร่างหนึ่งก็ปรากฏห่างออกไปไม่ไกล


“ฝ่าบาท?!”

หลินฮวงปรากฏตรงหน้าเสี่ยวโม่


“ในที่สุดข้าก็พบเจ้า”

“ท่าน…ทำไมถึงมาที่นี่?”เสี่ยวโม่ตอบสนองหลังหยุดนิ่งไป


“ข้าเพิ่งออกจากการบ่มเพาะ หลังพบว่าเจ้าไม่ได้กลับมาเลยตลอดสามเดือน ข้าจึงมาดู เหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีสัญญาณสื่อสารในมหาสมุทรสันติ ข้าจึงไม่มีทางเลือกนอกจากมาหาเจ้าด้วยตัวเอง”หลินฮวงอธิบาย


“เจ้าไม่พบเทพอีกาเลยงั้นหรือ?”เขาไม่อ้อมค้อม


“ไม่ ข้าสงสัยว่าเขาจะคอยสอดแนมข้ามากกว่าที่ข้าสอดแนมเขา เขาอาจรู้สิ่งที่เราพูดคุย สิ่งที่เราทำ เราไปไหน เช่นนั้น เราจึงมักก้าวช้าไป เราไม่อาจไล่ตามเงาเขาได้ทันด้วยซ้ำ ข้าเริ่มสงสัยว่าฝันที่ข้าเห็นเปาจริงหรือแค่ภาพหลอนที่สร้างขึ้นภายใต้อิทธิพลของเทพอีกา”


“หากเป็นแบบนั้น..”หลินฮวงลูบคางและครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเสี่ยวโม่”เจ้าพอมีสิ่งของใดบ้างที่มีกลิ่นอายของเทพอีกาดำติดตัวไหม?”


เสี่ยวโม่พิจารณาคำถาม”พลังเทวะข้ามีต้นกำเนิดเดียวกันกับเทพอีกาและควรมีความคล้ายคลึงกันในระดับหนึ่ง นั่นพอหรือไม่?”

“เราสามารถลองดูได้”หลินฮวงพยักหน้า


 


เสี่ยวโม่ยื่นนิ้วออกมาและปล่อยรังสีพลังเทวะ


พลังเทวะสีดำสนิทโค้งงอเหมือนงูตัวเล็ก เกาะติดนิ้วของหลินฮวงและในที่สุดก็หยุดนิ่งบนฝ่ามือของหลินฮวง


หลังจิตเทวะของหลินฮวงถูกปล่อยออกมา เขาก็สแกนพลังเทวะอย่างละเอียด


 


“มาลองดูกันก่อน หากมันไม่ได้ผล เราค่อยคิดหาทางอื่น”

ขณะพูด จิตเทวะอันไร้เทียมทานเขาก็กวาดออกไปอีกครั้ง มันกวาดข้ามไปทั่วมหาสมุทรสันติเกือบจะในทันที


หลังจากนั้นไม่นาน มุมปากของหลินฮวงก็ยกโค้งขึ้น”เจอตัวแล้ว!”

 

 

 


ตอนที่ 1408

 

เจ้ายังคิดแบบนั้นอยู่อีกไหม?

เมื่อมองสภาพแวดล้อมคุ้นเคยตรงหน้า เสี่ยวโม่ก็ผงะ


“นี่คือตำแหน่งที่ข้าเห็นร่างจำแลงเทพอีกาในฝันข้า..”


หลินฮวงพาเสี่ยวโม่กระโดดข้ามช่องว่างไปยังสถานที่ที่จิตเทวะตรวจพบร่างจำแลงเทพอีกา มันกลับเป็นสถานที่แรกที่เสี่ยวโม่เห็นร่างจำแลงเทพอีกาในฝันเป็นครั้งแรก


เมื่อเขามามหาสมุทรสันติเป็นครั้งแรกเพื่อสำรวจ พื้นที่แรกที่เขาค้นหาคือที่นี่


อย่างไม่คาดคิด สถานที่ที่จิตเทวะหลินฮวงตรวจพบคือสถานที่เดียวกัน


เสี่ยวโม่เองก็รีบกระจายจิตเทวะออกไป แต่ก็ยังไม่พบอะไร


เขาสามารถสัมผัสได้ถึงแค่ราชาทะเลระดับเทพเสมือนในร่องลึกใต้สมุทรตรงหน้า แต่มันไม่มีกลิ่นอายของเทพอีกาเลย


 


“ข้าพบแค่ราชาทะเลตัวหนึ่ง…”เสี่ยวโม่มองหลินฮวงอย่างสงสัย


“มันมีราชาทะเลแค่ตัวเดียวจริงๆ”หลินฮวงกล่าวขณะเดินไปขอบผาเหนือร่องสมุทร ก้มมองลงไปและตะโกน”ออกมา!เราเจอตัวเจ้าแล้ว หลบซ่อนต่อไปก็เปล่าประโยชน์”


จากนั้นเสียงหนึ่งก็ดังจากร่องสมุทร


ราวกับเกิดแผ่นดินไหว น้ำทะเลเริ่มกระเพื่อมอย่างรุนแรง


วินาทีต่อมา ร่างใหญ่โตก็โผล่หัวขนาดใหญ่ออกจากร่องลึกสมุทร หลังมันมาถึงความสูงของหลินฮวงและเสี่ยวโม่ มันก็ก้มมองพวกเขา


นี่คือมอนสเตอร์ที่คล้ายกับงูทะเลบนโลก แต่มันใหญ่กว่าหลายเท่า แค่หัวมันก็สูงกว่าร้อยเมตรแล้ว


แถบสีแดงและม่วงดูเหมือนจะเป็นการประกาศว่า’ข้ามีพิษ’


อย่างไรก็ตาม สายตาของหลินฮวงไม่ได้จับจ้องสิ่งเหล่านี้ แต่เป็นบนหัวมัน


มีร่างหนึ่งยืนอยู่บนนั้น แม้มันจะดูเล็กจ้อยมาก แต่สายตาของผู้บ่มเพาะก็พิเศษ


แต่ทว่า เสี่ยวโม่เอาแต่จับจ้องราชาทะเลตรงหน้าเขาหลังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเทพอีกา


ร่างนั้นยืนบนหัวของราชาทะเล จับจ้องหลินฮวงและเสี่ยวโม่ด้านล่าง สีหน้าไม่แสดงความกลัวหรืออะไรที่ถูกศัตรูพบ มันกลับสงบนิ่ง


 


“จักรพรรดิแห่งขัตติยะ..ข้าประเมินความเร็วการบ่มเพาะเจ้าต่ำไป”


หลินฮวงและเสี่ยวโม่มองหน้ากัน และรู้ว่าเสียงนั้นคือเสียงของเทพอีกาจากหนึ่งปีก่อน


ตัวตนของหลินฮวงถูกประกาศ เห็นได้ชัดว่าตลอดหนึ่งปี เทพอีกาไม่ได้หยุดการค้นหาข้อมูลของโลกภายนอกเลย


 


“ตั้งแต่ข้าเดินบนเส้นทางผู้บ่มเพาะ หลายคนต่างก็ประเมินความเร็วบ่มเพาะข้าต่ำไป เจ้าไม่ใช่คนแรกและจะไม่ใช่คนสุดท้าย”หลินฮวงกล่าวอย่างหน้าด้าน แต่ยังไงซะ มันก็คือความจริง


“ตรงกันข้าม เจ้าหลบซ่อนในมหาสมุทรสันติมานานกว่าปีและดูเหมือนจะไม่มีความคืบหน้าอะไร ระดับพลังเจ้าก็แค่เทพเสมือนขั้นสอง และร่างกายที่ยึดครองก็มีพรสวรรค์ระดับปานกลาง ข้าอยากรู้ว่าทำไมเจ้าถึงไม่เคลื่อนไหวเลยตลอดปี เจ้าเสียเวลาไปกับอะไรกันแน่?”


คำพูดของหลินฮวงเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน เป้าหมายเขาเรียบง่าย เขาต้องการยั่วยุศัตรูและบีบเค้นข้อมูลออกมา


 


“หลินฮวง อย่าคิดว่าเจ้ายิ่งใหญ่แค่เพราะเจ้าเลื่อนเป็นเทพเสมือนขั้นสาม ในมหาพิภพ ระดับเทพเสมือนก็แค่พวกรากหญ้า และไม่มีความแตกต่างอะไรไม่ว่าจะเป็นขั้น1-9 หากเจ้าไปมหาพิภพมาแล้วจริงๆ เจ้าควรรู้เรื่องนี้ดี”

“สำหรับระดับพลังของกายข้าและศักยภาพ มันไม่นับเป็นอะไร เป้าหมายของร่างจำแลงข้าไม่ใช่การเอาชนะยอดฝีมือทั้งหมดในโลกกรวดนี้หรือยึดครองโลกนี้”


“งั้นภารกิจจริงเจ้าคืออะไร?”หลินฮวงถาม


“เจ้าจะรู้ในไม่ช้า…”เทพอีกาแสยะยิ้ม


 


เมื่อสิ้นเสียง ราชาทะเลใต้เขาก็พลันขยับ และร่างมันก็เริ่มพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว


ครั้งนี้ ในที่สุดหลินฮวงก็พบสิ่งผิดปปกติ


“ความผันผวนมิตินี้…”


 


หลินฮวงใช้จิตเทวะเขาและพบว่าส่วนลึกสุดของร่องสมุทรใหญ่โตนี้ ซึ่งก่อนหน้าถูกบดบังโดยราชาทะเลกลับมีรอยแยกมิติขนาดใหญ่


รอยแยกมิติก่อตัวอย่างมั่นคงแล้ว เชื่อมต่อกับปลายทางที่เขาไม่อาจรู้ได้


“ประตูมิติ?!”จากนั้นเสี่ยวโม่ก็ตรวจพบความผิดปกติเช่นกัน


“เจ้าอยากรู้ว่าข้าทำอะไรไปบ้างตลอดปีสินะ?”เทพอีกาหัวเราะเหมือนคนบ้า”นี่คือคำตอบ!”

“จงออกมา!”


ด้วยเสียงคำรามดังสนั่น พลังเทวะจำนวนมหาศาลเริ่มไหลไปในรอยแยกมิติ


ทางเชื่อมนั้นเริ่มเปล่งแสงสีขาว


เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของเสี่ยวโม่ก็เปลี่ยนไป แต่ทว่า ข้างๆเขา หลินฮวงกลับตีหน้ามึนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ในชั่วพริบตา กลิ่นอายระดับเทพแท้จริงก็โผล่ออกมาจากทางเชื่อมมิตินั้น


จากนั้น เงาร่างหลายร่างก็พยายามบีบตัวเองออกจากรอยแยกมิติ


แตกต่างจากอันเดทที่หลินฮวงพบในขอบเหวนรกก่อนหน้า มอนสเตอร์ระดับเทพแท้จริงเหล่านี้แค่ต้องใช้เวลาสักพักก่อนจะจุติมาในโลกกรวดได้สำเร็จ


เมื่อเห็นการมาของมอนสเตอร์เหล่านี้ หลินฮวงก็หรี่ตาลงเล็กน้อย


เทพอีกาชัดเจนว่าคุ้นเคยกับการรุกรานโลกกรวดและก็ยับยั้งเจตจำนงของโลกกด้วยวิธีพิเศษ


มอนสเตอร์ทั้งหกที่จุติลงมามีตั้งแต่ขั้น1-3


เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมอนสเตอร์ทั้งหก ใบหน้าของเสี่ยวโม่ก็ขาวซีด


 


“หลินฮวง หนีไป ข้าจะหยุดพวกมันไว้เอง!”

เขากังวลจนลืมเรียกหลินฮวงว่าฝ่าบาท


แต่ทว่า หลินฮวง ผู้ยืนข้างๆเขากลับก้าวไปข้างหน้า ขวางกลิ่นอายของเทพแท้จริงทั้งหกไว้


เสี่ยวโม่ ผู้กังวลจนแทบสติหลุดไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของทั้งหกอีก


 


“ข้าคิดว่าเจ้าจะลงมาด้วยตัวเองเสียอีก ไม่คิดเลยว่าจะระวังตัวมากขนาดนี้”หลินฮวงเหลือบมองเทพแท้จริงทั้งหกและมองเทพอีกาอีกครั้ง”มีแค่ลูกสมุนหกตัวนี้งั้นหรือ?”

“แม้มันจะแค่พวกชั้นต่ำ มันก็มากพอจะจัดการกับพวกเจ้าสองคน”เทพอีกายิ้มอย่างมั่นใจ


“งั้นหรือ?”สีหน้าของหลินฮวงยังคงเฉยชา


 


ตอนนี้เอง มอนสเตอร์ทั้งหกก็พลันล้มลงพร้อมกัน และพลังชีวิตพวกมันก็สลายหายไป


สีหน้าของเทพอีกาแข็งค้าง มันใช้จิตเทวะตรวจสอบและสังเกตเห็นว่ามอนสเตอร์ทั้งหกเหล่านี้มีรอยดาบอยู่ตรงระหว่างคิ้วพวกมัน


ไม่เพียงชีวิตพวกมันจะถูกพรากไป แต่แม้กระทั่งดวงวิญญาณพวกมันก็ยังถูกดาบฟาดฟัน


 


“เจ้ายังคิดแบบนั้นอยู่อีกไหม?”หลินฮวงถามด้วยรอยยิ้ม แหงนหน้าขึ้นสบตากับเทพอีกา

 

 

 


ตอนที่ 1409

 

เกมจิตวิทยา

“เกิดอะไรขึ้น?เขาทำได้ยังไง!?”


เมื่อมันเห็นมอนสเตอร์ระดับเทพแท้จริงถูกฆ่าภายในเสี้ยวพริบตา เทพอีกาก็ตะลึงงัน ด้วยระดับพลังของเทพเสมือนขั้นสอง วิสัยทัศน์เขาจึงไม่เร็วพอจะมองตามการเคลื่อนไหวของหลินฮวง


 


‘เขาแค่เทพเสมือนขั้นสาม ไม่ว่าจะอัจฉริยะแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถฆ่าเทพแท้จริงได้…งั้น มีเพียงความเป็นไปได้เดียว-ต้องมีคนแทรกแซงเรื่องนี้ คนที่ทำมันต้องเชี่ยวชาญการลอบสังหารมากถึงสามารถฆ่าเทพแท้จริงได้ในชั่วพริบตา ใครก็ตามที่ลงมือต้องเป็นเทพแท้จริงขั้น4หรือไม่ก็แกร่งกว่านั้นเป็นแน่…”

ระดับพลังของหลินฮวงภายใต้การปลอมแปลงของพันหน้ายังเป็นเทพเสมือนขั้นสาม ดังนั้นเทพอีกาและเสี่ยวโม่จึงคิดว่าเขาเป็นแค่เทพเสมือนขั้นสาม


แต่ทว่า ในความคิดของเทพอีกา มันไม่เชื่อว่าหลินฮวงจะฆ่าเทพแท้จริงได้ในชั่วพริบตา ดังนั้น มันจึงสรุปได้ว่า หลินฮวงมียอดฝีมือระดับเทพแท้จริงเบื้องหลังและคนๆนั้นต้องมีพลังอย่างน้อยเทพแท้จริงขั้นกลาง


หลังคิดอย่างถี่ถ้วน สีหน้าของเทพอีกาก็ยิ่งบิดเบี้ยว


 


“เทพแท้จริงทั้งหกที่ส่งไปสำรวจเส้นทางล้วนตาย หรือว่ามันจะเกิดากความไม่เสถียรของประตูมิติ?”


 


ลูกสมุนทั้งหกที่ถูกส่งไปสำรวจเส้นทางถูกฆ่าทันที มันจึงทำให้เทพอีกา ผู้อยู่ในมหาพิภพสัมผัสได้ แต่ก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าใครเป็นคนทำ


ในสถานการณ์ปัจจุบัน ประตูมิติที่ไม่เสถียรคือคำอธิบายเดียว


เทพอีกาดำเนินการตรวจสอบและสรุปแล้วว่าไม่มีเทพแท้จริงในโลกกรวด


หากมันเป็นแค่เทพแท้จริงขั้น1ที่ถูกสังหารโดยอัจฉริยะระดับเทพเสมือนในโลกกรวดหรือถูกซุ่มโจมตีด้วยกลุ่มเทพเสมือน ความเป็นไปได้ของสถานการณ์นี้ก็สูง


แต่ทว่า เขาได้ส่งเทพแท้จริงไปถึงหกตน และยังมีเทพแท้จริงขั้น2กับ3ปะปนอยู่ด้วย ไม่ควรมีใครในโลกกรวดที่สามารถบ่มเพาะอัจฉริยะระดับเทพเสมือนจนถึงขั้นฆ่าเทพแท้จริงขั้น3ได้ และต่อให้พวกมันจะถูกล้อมและซุ่มโจมตีโดยกลุ่มเทพเสมือน เทพแท้จริงทั้งหกก็ไม่ควรถูกฆ่าในชั่วพริบตา


ดังนั้น คำอธิบายที่สมเหตุสมผลเดียวคือประตูมิติที่ไม่เสถียร


พายุมิติอาจถล่มและระเบิดร่างของทั้งหก มันยังเป็นไปได้ว่าวังวนมิติในเส้นทางอาจกลืนกินทุกคนไป….


แต่ทว่า การอนุมานเหล่านี้ไม่ได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงเลย


เหตุผลว่าทำไมหลินฮวงถึงฆ่าลูกสมุนทั้งหกที่ส่งมาสำรวจเส้นทางในชั่วพริบตาก็เพื่อทำให้เทพอีกาสงสัยเขา


หากเทพอีกามั่นใจว่าไม่มีปัญหากับประตูมิติ เขาอาจระดมกองทัพใหญ่และส่งลงมา ซึ่งไม่สถานการณ์ที่ดีต่อหลินฮวง


องค์กรใหญ่ในโลกกรวดต่างก็ยุ่งอยู่กับการรุกรานที่จะมาบนขอบเหวนรก


หากการบุกจากเทพอีกามาถึงล่วงหน้า มันจะทำให้ยอดฝือระดับเทพเสมือนในโลกกรวดต้องแยกกำลังคน ตอนนั้น เมื่อสงครามขอบของเหวนรกแตกหัก ทุกอย่างจะหลุดออกกรอบ


เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะนี้ หลินฮวงหวังว่าเขาจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องเทพอีกาได้เพียงลำพัง


มันแตกต่างจากประตูมิติในขอบเหวนรกที่อยู่มานานแล้วจนเสถียร ประตูมิตินี้บนมหาสมุทรสันติเห็นได้ชัดว่าเพิ่งสร้างเสร็จไม่กี่วันและยังไม่ได้เปิดใช้งานด้วยซ้ำ


เทพแท้จริงทั้งหกที่ถูกส่งลงมาเป็นการทดสอบเพื่อยืนยันความเสถียรของประตูมิติ


กลยุทธ์ของหลินฮวงเรียบง่าย ตราบเท่าที่เขาสร้างสถานการณ์ว่าการทดสอบล้มเหลวหลายครั้งและหลอกเทพอีกาให้เชื่อว่าประตูมิติมีปัญหา เขาก็จะไม่รีบระดมทัพลงมา


เมื่อมันยืนยันว่าประตูมิติผิดพลาด เทพอีกาก็จะเลื่อนแผนการบุกรุกออกไปก่อน


ความล่าช้านี้เพียงพอให้หลินฮวงทำลายจุดยึดพิกัดของทางเชื่อมมิติบนมหาสมุทรสันติ


หลังจากนั้น ตราบเท่าที่ร่างจำแลงและลูกสมุนเขาถูกจัดการ มันก็จะตัดความเป็นไปได้ใดที่พวกเขาจะสร้างจุดยึดพิกัดอีกครั้ง จากนั้นแผนรุกรานของเทพอีกาก็จะถูกทำลาย


เพียงเมื่อร่างจำแลงเทพอีกากำลังกังวลว่าควรล้มเลิกการรุกรานนี้หรือไม่ ประตูมิติก็ผันผวนอีกครั้ง


“มาอีกแล้ว!”เสี่ยวโม่จ้องประตูมิติ กังวลมากกว่าเคย


มีเพียงหลินฮวงถึงยังสงบ


ความพยายามครั้งที่สองของเทพอีกาเป็นไปตามการคาดการณ์ของเขา


แสงสีขาวส่องผ่านประตูมิติและคราวนี้มีแค่กลิ่นอายเดียวที่ข้ามมา


เทพอีกาและเสี่ยวโม่ไม่อาจบอกได้ชัดว่าผู้ที่ผ่านประตูมิติมามีระดับพลังเท่าไร


จากนั้น หัวของร่างนั้นก็หมุนโค้งในอากาศและศพไร้หัวขนาดใหญ่ก็ล้มลง….


เทพอีกาส่งมาแค่คนเดียว มันคือแองคิโลซอรัสระดับเทพแท้จริงขั้น4ที่มีพลังป้องกันสูงส่ง


เมื่อเห็นแองคิโลซอรัสถูกตัดหัวในชั่วพริบตา ร่างจำแลงเทพอีกาก็ยิ่งตกใจกว่าเดิม


ยังมีกลิ่นอายที่หลงเหลือบนศพของแองคิโลซอรัส มันสามารถบอกได้ว่านี่คือกลิ่นอายของเทพแท้จริงขั้น4 ในแง่ของพลังป้องกันอย่างเดียว มอนสเตอร์ตัวนี้นับว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพแท้จริงขั้น5 แม้กระทั่งเทพแท้จริงขั้น6ก็ไม่สามารถฆ่ามันได้ง่ายๆ…


แต่ทว่า ความเป็นจริงตรงหน้ามันกลับไม่เป็นอย่างนั้น


ร่างจำแลงเทพอีกาเริ่มหวาดกลัว”หรือว่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินฮวงจะเป็นเทพแท้จริงขั้นสูง?!แต่ในโลกกรวดที่กฏไม่สมบูรณ์นี้ เทพแท้จริงขั้นสูงจะอยู่นานขนาดนี้ได้ยังไง?!”


ร่างจำแลงเทพอีกาหลั่งเหงื่อเย็น และเริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์ในโลกกรวดนี้อาจซับซ้อนกว่าที่มันคิด


ตอนนี้เอง ความกระวนกระวายของเสี่ยวโม่พลันเปลี่ยนเป็นความสับสน


เขาหันไปมองหลินฮวงแต่ก็ปัดเป่าความคิดที่แวบเข้ามาออกไปทันที ต่อให้เขามั่นใจในความสามารถของหลินฮวง เขาก็ยังไม่เชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือหลินฮวง ทั้งเขาและเทพอีกาต่างได้ข้อสรุปเดียวกัน-ต้องมีคนลอบลงมืออยู่เบื้องหลัง!


มีเพียงหลินฮวงถึงยังแสดงสีหน้าไม่แยแส


แต่ทว่า เขารู้ดีว่าหลังฆ่าผู้สำรวจชุดสอง งานเขาก็เสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง


เทพอีกาแทนผู้สำรวจหกคนด้วยผู้สำรวจแค่คนเดียวในชุดสองเพื่อทดสอบความเสถียรของประตูมิติ ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาส่งทั้งหกมา มีความเป็นไปได้ที่จำนวนอาจส่งผลต่อความเสถียรของประตูมิติ  หากผู้สำรวจคนหนึ่งส่งมาได้สำเร็จ มันก็หมายความว่าช่องทางขนส่งนั้นมีปัญหา


ยิ่งไปกว่านั้น เขายังจงใจเลือกแองคิโลซอรัสเพื่อกำจัดความเป็นไปได้ที่ว่าผู้สำรวจชุดแรกจะถูกสังหาร ต่อให้แองคิโลซอรัสจะมีพลังระดับเทพแท้จริงขั้น4 แต่การป้องกันมันเทียบได้กับเทพแท้จริงขั้น6 แม้มันจะพบเจอกับเทพแท้จริงขั้น6 มันก็ยังยื้อเวลาได้เกือบชั่วโมง


มีอยู่สองความเป็นไปได้ที่มันจะถูกฆ่าภายในเสี้ยวพริบตา


หนึ่งคือโลกกรวดนี้มีเทพแท้จริงขั้นสูง


อีกหนึ่งคือประตูมิตินั้นไม่เสถียร และแองคิโลซอรัสก็ถูกฉีกด้วยกฏมิติ


เทพอีกา ผู้อยู่ไกลออกไปในมหาพิภพนั้นคิดว่าอย่างหลังมีโอกาสมากกว่า


 


“เขาจะยอมแพ้หรือส่งคนลงมาอีก….”หลินฮวงจ้องประตูมิติและรอผลของเกมรอบนี้อย่างอดทน…

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)