Monster Paradise 1402-1405

 ตอนที่ 1402

 

หลังการประชุม หลินฮวงก็เดินทางกลับไปวังจักรพรรดิ ดังนั้นข่าวการกลับมาของจักรพรรดิหลินจึงกระจายไปเหมือนไฟป่า ยังมีคนลอบถ่ายรูปเขาไปปล่อยบนเครือข่ายภายในขัตติยะ


เพียงเมื่อหลินฮวงมาถึงทางเข้าวังจักรพรรดิ เขาก็พบคนที่รออยู่ตรงประตูแล้ว


 


“เสี่ยวโม่?มาที่นี่ได้ยังไง?”

“ข้าเพิ่งได้รับข่าวว่าท่านกลับมา ข้าเดาว่าท่านต้องกลับมาวังจักรพรรดิแน่ ดังนั้นข้าจึงมารอ”หลังเสี่ยวโม่ได้รับข่าว เขาก็มารอที่หน้าประตูวังจักรพรรดิ


“ไปคุยข้างในกันเถอะ”หลินฮวงกล่าวขณะผลักเปิดประตูวังและเดินเข้าไป


“เจ้าเปลี่ยนไปมากนะ ระดับพลังเจ้าเป็นเทพเสมือนขั้น3แล้วและกลิ่นอายเจ้าก็ยังเสถียรขึ้นมาก เจ้าคงผ่านการต่อสู้จริงมามากสินะ?”หลินฮวงแสดงความคิดเห็น


“ปีนี้ข้าใช้เวลากว่าครึ่งในทะเลลึกของมหาสมุทรสันติ”เสี่ยวโม่พยักหน้า”แต่มันก็ยากมากที่จะพัฒนาต่อหลังขั้น3 มีมอนสเตอร์น้อยเกินไปที่เหนือกว่าขั้น3ในโลกกรวด”

“เมื่อวิกฤตนี้คลี่คลาย เจ้าสามารถไปมหาพิภพกับข้าได้ ที่นั่น ระดับเทพเสมือนแค่จุดเริ่มต้น”

“นั่นคือที่ข้าวางแผนไว้”เสี่ยวโม่พยักหน้า


 


ทั้งสองเดินไปส่วนลึกของโถงหลัก หลังนั่งลง หลินฮวงก็มองเสี่ยวโม่ด้วยสีหน้าจริงจัง”มีเหตุผลชัดเจนไหมว่าทำไมเจ้าถึงมาหาข้า?”


เสี่ยวโม่เงียบไป มันดูเหมือนเขากำลังเรียบเรียงสิ่งที่อยากพูด


“นับตั้งแต่ข้าเลื่อนเป็นเทพเสมือน11เดือนก่อน ทั้งหมดที่ข้าต้องทำคือหลับและข้าจะฝันแปลกๆ”เสี่ยวโม่กล่าวและหยุดไป เขาเหลือบมองหลินฮวงก่อนพูดต่อ”รายละเอียดของฝันข้าเกี่ยวกับเทพอีกา”

หลินฮวงขมวดคิ้ว”เจ้าจำรายละเอียดเฉพาะของฝันได้ไหม?”

“ฉากในฝันไม่ประติดประต่อ แต่ข้าเห็นร่างจำแลงของเทพอีกาบนมหาสมุทรสันติ เขากำลังวางแผนทำอะไรบางอย่าง”

“แน่ใจนะว่ามันคือร่างจำแลงของเทพอีกา?”หลินฮวงสงสัยเพราะเขาเคยเห็นร่างจำแลงของเทพอีกาหายไปกับตา


“ข้าแน่ใจ แม้เขาจะใช้ร่างมนุษย์ แต่กลิ่นอายก็คล้ายกับข้า”เสี่ยวโม่ ผู้เคยเป็นภูติอีกาย่อมคุ้นเคยกับกลิ่นอายของเทพอีกา


“ข้าเห็นร่างจำแลงของเทพอีกาหายไปกับตาข้าในตอนนั้น แต่ข้าไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่เขาจะใช้จั่กจั่นทองคำลอกคราบ”หลังหลินฮวงพิจารณา เขาก็รู้สึกว่าเจตจำนงค์ของเทพอีกาอาจยังไม่หายไป”งั้น เจ้าก็ใช้เวลาในมหาสมุทรสันติเพื่อหาตัวเขาสินะ?”

“ใช่ เรื่องหนึ่ง มันเพื่อยืนยันว่าฝันข้าเป็นจริงไหม สำหรับอีกเรื่อง ข้ายังอยากกำจัดเขากรณีที่เขาวางแผนร้ายเพิ่ม ข้ายังพิจารณาความจริงที่ข้าต้องเลื่อนเป็นเทพเสมือนและทรัพยากรในโลกกรวดก็มีจำกัด ต่อให้ระดับพลังเขาสูงกว่าข้า มันก็คงไม่มากนัก หากข้าเอาชนะเขาไม่ได้ ข้าก็ย่อมหนีได้ นอกจากนี้ เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะยังมีชีวิต ไม่จำเป็นที่ข้าต้องเผชิญหน้ากับเขาลำพัง ข้าสามารถขอให้หวงเทียนฟู่กับคนอื่นมาช่วยกันฆ่าเขาได้!”


เสี่ยวโม่กลัวว่าหากฝันเขาเป็นแค่ฝันและไม่มีอะไรเป็นจริง การรีบขอกำลังหนุนจากหวงเทียนฟู่คงน่าอึดอัด ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาต้องระบุความจริงให้ได้ก่อน ยืนยันว่าอีกฝ่ายมีอยู่จริง จากนั้นค่อยขอกำลังเสริม


“เจ้าคงหาเขาไม่เจอสินะ?”หลินฮวงเดา


“ใช่..”เสี่ยวโม่ส่ายหัว”ข้าสงสัยว่าเขาอาจลอบจับตาดูการเคลื่อนไหวข้า ในเวลาหกเดือนที่ข้าท่องอยู่หลายส่วนของมหาสมุทรสันติ มีหลายอย่างคล้ายกับฝันข้ามาก แต่หลังค้นหาตามสิ่งที่ข้าเห็น ข้ากลับไม่เจอเขาเลย”

“หากเจ้าสามารถเห็นเขาได้ มันก็เป็นไปได้ว่าเขาอาจเห็นเจ้าเช่นกัน เหนือสิ่งอื่นใด เจ้าเคยเป็นภูติอีกา มันเป็นไปได้ว่าอาจมีการเชื่อมต่อระหว่างเจ้ากับเทพอีกา”


แม้เสี่ยวโม่จะไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าฝันเขาเป็นจริง หลินฮวงก็ยังชื่อว่านี่อาจเกิดจากการเชื่อมต่อพิเศษของเขากับเทพอีกา


“เอาแบบนี้เป็นยังไง ข้าจะให้คนไปมหาสมุทรสันติกับเจ้าและพวกเขาจะช่วยเจ้าแก้ไขเรื่องนี้”หลินฮวงรู้สึกว่ามันถึงเวลาที่จะปลดปล่อยทาสดาบ


“แต่หากฝันข้าแค่ฝันและไม่มีอะไรเป็นจริง พวกเขาจะไม่ว่าอะไรงั้นหรือ?”เสี่ยวโม่ยังอาย


“ไม่เป็นไรอะไร หากมันไม่มีอะไรจริงๆ พวกเขาก็จะถือว่ามันเป็นวันหยุด”หลินฮวงกล่าวและเรียกทาสดาบทั้ง268คนออกมา


 


หลังเลื่อนเป็นเทพเสมือน อำนาจควบคุมทาสดาบเขาก็เพิ่มขึ้น ตอนนี้เขาสามารถอัญเชิญทาสดาบที่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยได้ทั้งหด


เมื่อเขาเห็นคนกว่าสองร้อยปรากฏตัวพร้อมกัน เสี่ยวโม่ก็แค่ผงะ แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอาย สีหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึง


ทาสดาบทั้ง268ได้รับผลโดยระดับพลังของหลินฮวง ความสามารถจริงพวกเขาตอนนี้คือเทพแท้จริงขั้นสาม ต่อให้กลิ่นอายจะไม่แสดงออกมา มันก็มากพอจะทำให้เทพเสมือนทั้งหมดตกใจ


 


“ท่านจอมดาบ!”


เมื่อทาสดาบทั้งหมดถูกเรียกออกมา พวกเขาก็ทักทายหลินฮวงกันอย่างพร้อมเพรียง


“นี่คือโลกกรวดที่กฏไม่สมบูรณ์ ระดับพลังสูงสุดที่สามารถใช้ได้ที่นี่แค่เทพเสมือนขั้น9 หากพวกเจ้าอยากมีอิสระ พวกเจ้าจะต้องผนึกพลังไว้ที่เทพเสมือนขั้น9”


“หากพวกเจ้าไม่อยากอยู่ในโลกกรวด เจ้าสามารถกลับไปแดนจอมเทพได้ก่อน เมื่อข้ากลับไปมหาพิภพ ข้าจะเรียกพวกเจ้าออกมาใหม่”


หลังหลินฮวงพดจบ ไม่มีสักคนที่พูดถึงการกลับไปแดนจอมเทพ พวกเขาต่างผนึกพลังตัวเองกัน


ทาสดาบทั้ง200 ดาบ101-300เพิ่งออกแดนจอมเทพได้เป็นครั้งแรกในรอบแสนปี ตอนนี้ที่พวกเขาได้รับการปล่อยตัว พวกเขาย่อมอยากอยู่ให้นานขึ้น


สำหรับอีก68 ดาบ301และที่เหลือ แม้จะได้ท่องเที่ยวในแดนเทพมาแล้ว นั่นก็ยังไม่ถึงเดือน พวกเขาจึงอยากรู้เกี่ยวกับโลกกรวดมาก


เนื่องจากโลกกรวดมีข้อจำกัด ต่อให้ระดับพลังพวกเขาถูกผนึกไว้ที่เทพเสมือนขั้น9 พวกเขาก็ยังนับว่าเหนือกว่าใคร ดังนั้น โดยไม่ลังเล ทุกคนจึงผนึกความสามารถตัวเองทันที


“คนเหล่านี้…”หลังได้ยินว่าทุกคนกำลังจะผนึกพลังตัวเองให้เป็นเทพเสมือนขั้น9 เสี่ยวโม่ก็ตระหนักว่าคนกว่าสองร้อยคนที่นี่คือเทพแท้จริง


“พวกเขาคือสมาชิกองค์กรที่ข้าก่อตั้งในมหาพิภพ”หลินฮวงสรุปสั้นๆ”แม้องค์กรจะยังไม่ก่อตั้งอย่างเป็นทางการก็เถอะ”

“พวกเขาล้วนเป็นเทพแท้จริง?”ถึงแม้เขาจะเห็นมันด้วยตาตัวเองมาแล้ว เสี่ยวโม่ก็ยังรู้สึกไม่อยากเชื่อ


“พวกเขาล้วนเป็นเทพแท้จริง”หลินฮวงพยักหน้า


 


มันใช้เวลาไม่นานสำหรับทาสดาบในการผนึกพลังตนเอง จากนั้นสัมผัสต่อต้านจากโลกนี้ที่พวกเขารู้สึกก่อนหน้าก็หายไป


“ใครในหมู่พวกเจ้าที่แกะรอยเก่ง?”หลินฮวงถามกลุ่มทาสดาบตรงหน้าเขา


 


ทันทีที่เขาพูด คนกว่าสิบก็ยกมือ


“เอาละงั้น มันจะเป็นพวกเจ้า12คน พวกเจ้าต้องเดินทางไปมหาสมุทรสันติกับเสี่ยวโม่และจัดการปัญหาเรื่องเทพอีกา”หลินฮวงกวาดตามองที่เหลือ”ในโลกกรวดนี้ ข้ามีสององค์กรภายใต้บัญชาข้า หนึ่งคือขัตติยะและอีกหนึ่งชื่อว่าผู้ปลดปล่อย ข้าอยากให้พวกเจ้าที่เหลือ20คนเข้าร่วมกับสององค์กรนี้ชั่วคราว สิบคนต่อองค์กร เหล่าคนที่เข้าร่วมจะถือเป็นแขกระดับสูงสุดและจะสามารถเข้าร่วมการประชุมระดับสูงของทั้งสององค์กรได้..”


ก่อนหลินฮวงจะพูดจบ ทาสดาบจำนวนมากก็ยกมือขึ้นแล้ว


เขาเหลือบมอง ทาสดาบกว่า80%ต่างยกมือขึ้นอย่างพร้อมเพรียง


“ดาบ101และ102 พวกเจ้าเลือกคนของตัวเองให้ครบสิบ เน้นให้ความสามารถเข้าคู่กัน”

มันใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีเพื่อจับกลุ่ม


“ที่เหลือจะนำโดยดาบ103 ในโลกกรวดนี้ สร้างพันธมิตรดาบขึ้นซะ”

“ภารกิจที่ข้ามอบหมายให้พวกเจ้าคือ–หาคนที่มีพรสวรรค์เต๋าดาบในโลกกรวด ให้พวกเขาเข้าร่วมพันธมิตรดาบและฝึกพวกเขาให้เป็นผู้บ่มเพาะดาบที่เก่งกาจ!”

 

 

 


ตอนที่ 1403

 

การสร้างพันธมิตรดาบไม่ใช่สิ่งที่หลินฮวงเพิ่งฉุกคิด


แผนระยะยาวที่เจ้าแดงวาดไว้รวมถึงการบ่มเพาะอัจฉริยะด้วย


แต่ทว่า ข้อเสนอแนะที่เจ้าแดงหยิบยกมาในเวลานั้นคือปล่อยให้ขัตติยะและผู้ปลดปล่อยรับสมัครคนรุ่นเยาว์


ตอนนั้นหลินฮวงยังไม่ได้กลายเป็นทายาทของมรดกจอมเทพ


ตอนนี้ที่เขาได้รับมรดกจอมเทพร่วมกับการสนับสนุนของเหล่าทาสดาบ เขาจึงเห็นว่านี่เป็นโอกาส


นี่คือแนวคิดเลียนแบบจอมเทพและสร้างองค์กรผู้บ่มเพาะดาบล้วนๆ


แต่ทว่า ไม่เหมือนกับจอมเทพที่คัดเลือกผู้บ่มเพาะดาบเก่งๆมาเป็นลูกน้อง หลินฮวงหวังจะทำยิ่งกว่านั้น เขาตั้งเป้าที่จะฝึกผู้บ่มเพาะดาบจากรากหญ้าและค้นพบอัจฉริยะในด้านนี้มากขึ้นเรื่อยๆ


แน่นอน เขาไม่ล้มเลิกความคิดที่จะฝึกผู้ฝึกหัดที่ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะดาบ ทั้งขัตติยะและผู้ปลดปล่อยเองก็ไม่ได้หยุดรับสมัครคนใหม่


พูดตามตรง เมื่อพวกเขาได้ยินว่าหลินฮวงกำลังจะสร้างพันธมิตรดาบ ดวงตาของทาสดาบเกือบทุกคนก็สว่างวาบ พวกเขาไม่คิดว่าหลินฮวงและจอมเทพจะมีวิสัยทัศน์คล้ายกัน ในความเป็นจริง จอมดาบคนใหม่ยังมีวิสัยทัศน์กว้างไกลกว่า


หลังเขาจัดการเรื่องของเสี่ยวโม่และที่ที่ทาสดาบทั้งหมดจะไป หลินฮวงก็ติดต่อหวงเทียนฟู่อีกครั้ง บอกเขาถึงที่พักของเหล่าทาสดาบและจากนั้นก็ขอประตูมิติ


แม้หวงเทียนฟู่จะค่อนข้างแปลกใจกับเหล่าทาสดาบ เขาก็ไม่คัดค้านอะไร


หลังจากได้รับประตูมิติจากหวงเทียนฟู่ หลินฮวงก็นำกลุ่มทาสดาบสิบคนข้ามประตูมิติและปรากฏที่ศูนย์ใหญ่ผู้ปลดปล่อย


ในด้านของผู้ปลดปล่อย จื่อจี้และคนอื่นรู้ข่าวการมาของหลินฮวงตั้งแต่ต้นแล้ว


พวกเขาไม่แปลกใจที่หลินฮวงปรากฏตัว มีแค่เหล่าทาสดาบแปลกหน้าทั้งสิบที่มีกลิ่นอายน่ากลัว ซึ่งทำให้ทุกคนตกใจ


 


“จื่อจี้ เรียกชุดคลุมแดงทั้งหมดมาห้องประชุม1เดี๋ยวนี้!”


หลินฮวงพูดและเดินตรงไปห้องประชุมพร้อมสิบทาสดาบ


จื่อจี้บอกให้ชุดคลุมแดงคนอื่นรีบตามไปขณะเริ่มติดต่อกับชุดคลุมแดงคนอื่นทีละคน


สิบนาทีต่อมา ชุดคลุมแดงทั้งสิบห้าก็มาถึง


แต่ทว่า เมื่อพวกเขาเห็นคนแปลกหน้าสิบคนในห้องประชุม พวกเขาก็ทำการคาดเดาว่าหลินฮวงอาจเคลื่อนไหวครั้งใหญ่


 


“จากวันนี้ไป ทั้งสิบคนนี้จะเป็นแขกอย่างเป็นทางการของผู้ปลดปล่อย ได้รับสิทธิพิเศษและอำนาจของชุดคลุมแดง”หลินฮวงผายมือไปทางทาสดาบทั้งสิบด้านหลังเขา


 


มันไม่แปลกที่จื่อจี้และคนอื่นจะพบว่าทั้งสิบคนนี้คือเทพเสมือนขั้น9 ด้วยคนระดับนี้ที่มาเข้าร่วมผู้ปลดปล่อย ความสามารถโดยรวมขององค์กรย่อมเพิ่มขึ้นมาก แต่ทว่า เหล่าชุดคลุมแดงก็ยังเก็บความกังวลมากมายไว้ในใจ พวกเขากลัวว่าหลินฮวงกำลังวางแผนให้ทั้งสิบคนนี้โค่นล้มอำนาจพวกเขา


 


“ไม่ต้องจัดตำแหน่งให้พวกเขา หากพวกเขาต้องการอะไร แค่ให้ความร่วมมือก็พอ”หลินฮวงพูดเสร็จ หันไปกล่าวกับทาสดาบทั้งสอบ”การประชุมอย่างเป็นทางการจะเริ่มขึ้นต่อจากนี้ พวกเจ้าทั้งสอบสามารถอยู่ได้หากอยากอยู่ หากไม่อยาก พวกเจ้าจะไปทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ”


 


หลังได้ยินคำพูดของหลินฮวง เหล่าชุดคลุมแดง รวมถึงจื่อจี้ก็แอบโล่งใจ


พวกเขาสันนิษฐานว่าหลินฮวงนำคนทั้งสิบเหล่านี้เพื่อมาแทนเหล่าชุดคลุมแดงที่มีอยู่และค่อยๆลบอำนาจพวกเขา


แต่ทว่า ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ต้องจัดตำแหน่งใดให้ผู้มาใหม่ แต่พวกเขายังมีทางเลือกว่าจะรับฟังการประชุมไหม ซึ่งพิสูจน์ว่าหลินฮวงไม่ได้ตั้งใจให้ทั้งสิบคนนี้มาเข้าร่วมผู้ปลดปล่อย


ทาสดาบหลายคนลุกขึ้นและออกไป บรรยากาศที่เดิมหนักอึ้งค่อยๆคลายลง


“จื่อจี้ บอกการขยายตัวของผู้ปลดปล่อยตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาให้ข้าฟัง…”


หลินฮวงพูดถึงหัวข้อหลักของการประชุมอย่างรวดเร็ว


การประชุมกับผู้ปลดปล่อยจบลงหลังผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง


ไม่เหมือนคนของขัตติยะ คนของผู้ปลดปล่อยต่างอยากรู้เกี่ยวกับการเดินทางของหลินฮวงไปมหาพิภพแต่ไม่มีใครกล้าถามเรื่องนี้


หลินฮวงพูดสั้นๆถึงสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินในมหาพิภพ เน้นย้ำว่า’ระดับเทพเสมือนแค่จุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะ’


หลังกำหนดก้าวต่อไปของการพัฒนา หลินฮวงก็ทิ้งทาสดาบไว้และกลับไปเมืองจักรพรรดิลำพัง


ทันทีที่เขากลับเมืองจักรพรรดิ อุปกรณ์สื่อสารเขาก็เริ่มสั่น


เมื่อเขาดึงหน้าเว็บสื่อสารขึ้นมา มันก็เป็นข้อความกลุ่มจากแพลตฟอร์ม ผู้ส่งคือหยี่เสิ่นและเขาก็แท็กหลินฮวง


กลุ่มนี้คือกลุ่มเล็กๆที่หลินฮวงก่อตั้งขึ้นก่อนเขาออกโลกกรวด เพื่อนเขาทุกคนก็อยู่ในนี้


ไม่ใช่แค่เจ้าแดง หยี่เสิ่นและเล้งเยวี่ยซิน แต่เฉินเตา ลั่วหมิง เสี่ยวโม่และคนอื่นก็อยู่ด้วย


ข้อความที่ส่งมาโดยหยี่เสิ่นเขียนไว้ว่า”เจ้ากลับมาแล้ว?!”


หลังจากนั้น หยี่เยว่หยู่และหลี่หลางก็ส่งเครื่องหมายคำถามตามมา


“สถานการณ์เป็นยังไง?พี่ชายเจิ้ง ท่านไปได้ข่าวมาจากไหน?”เจ้าอ้วนหยินหยางยี่ถาม


 


หลังคิดสักพัก หลินฮวงก็เดาว่าหยี่เสิ่นต้องได้รับข่าวจากรัฐบาลกลาง เหนือสิ่งอื่นใด ครอบครัวเขาถือเป็นพวกระดับสูงของฝ่ายทหาร


เนื่องจากสิ่งเหล่านี้คงหลุดออกไปไม่ช้าก็เร็ว หลินฮวงจึงไม่คิดปกปิดและตอบกลับ


 


‘ข้ากลับมาแล้ว”


ทันทีที่ส่งข้อความ ทั้งกลุ่มก็มีคำถามมากมาย


“มียอดฝีมือมากไหมในมหาพิภพ?”

“การใช้ชีวิตในมหาพิภพเป็นอย่างไรบ้าง?”


หลายคำถามเกี่ยวกับมหาพิภพ


เมื่อหลินฮวงเห็นสถานการณ์ เขาก็กดวิดิโอแชท


ทุกคนที่นั่นเข้าร่วม


“ข้าไม่เห็นพวกเจ้าเลยปีหนึ่งเต็มๆ หวังว่าทุกคนจะสบายดีนะ”หลินฮวงทักทายทุกคนก่อน


“เจ้ารู้ว่าไม่เจอเรามาปีหนึ่งและยังไม่คิดทักทายเราตอนเจ้ากลับมา”หลี่หลางหัวเราะ


“ข้ายุ่ง ข้าไม่ได้กลับมาปีหนึ่งและมีงานมากมายรอข้าอยู่ ข้ายุ่งทั้งวันและเพิ่งได้พัก”หลินฮวงอธิบายด้วยรอยยิ้ม


“หากทุกคนว่างในอีกสองวัน หาเวลามาเจอกันสิ แต่ทว่า ข้าอาจสามารถแบ่งเวลาให้ได้แค่วันหรือสองวัน หลังจากนั้น ข้าจะเตรียมปิดประตูบ่มเพาะ ข้าไม่สามารถออกมาได้อย่างน้อยสามเดือน”


“งั้นก็อีกสองวันข้างหน้า ข้าเองก็เตรียมปิดประตูบ่มเพาะเหมือนกัน”ผู้พูดคือเฉินเตา ที่แทบจะไม่เคยส่งข้อความในกลุ่ม


“ข้าเริ่มรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆว่าจะไม่สามารถไล่ตามพวกเจ้าสองคนได้ทัน ข้าคงต้องรอชาติหน้า”เมื่อเห็นหลินฮวงและเฉินเตาพูดถึงการบ่มเพาะ หลี่หลางก็แทบอยากกัดลิ้นตาย


 


คนที่น่ากลัวสุดในโลกนี้คือ-อัจฉริยะที่ฝึกฝนอย่างหนัก


หลินฮวงและเฉินเตาคือคนเช่นนี้


“การกลับชาติเกิดใหม่ก็นับเป็นทักษะ แค่เพราะเจ้าอยากเกิดใหม่เป็นคนดีไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถทำแบบนั้นได้”เจ้าอ้วนยิ้ม


“เจ้าอ้วน ธุรกิจร้านค้าเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”หลินฮวงถามทันที


“ธุรกิจของเจ้าอ้วนเป็นไปด้วยดีมาก มันเกือบกลายเป็นโรงอาหารของขัตติยะ เรายังยากจะได้กินเลย”หยี่เยว่หยู่แซว


“ข้าก็จองที่นั่งให้พวกเจ้าตลอดนี่?ตอนไหนที่ข้าปล่อยให้พวกเจ้าต่อแถว?”เจ้าอ้วนกล่าวสวน


 


เมื่อมาถึงจุดนี้ เล้งเยวี่ยซินก็เชื่อมต่อเข้ามา


“ดีที่เจ้ากลับมา บอกให้ข้ารู้เมื่อเจ้ากำหนดวันรวมตัว วันนี้ข้าไม่ค่อยว่าง ข้าต้องฝึก”


“ไปทำธุระเจ้าเถอะ เราจะบอกให้เจ้ารู้ทีหลัง”หลินฮวงทักทาย


 


เล้งเยวี่ยซินพยักหน้าและตัดการเชื่อมต่อไป


ทุกคนยังคุยกันสักพักก่อนในที่สุดหยี่เจิ้นจะกำหนดเวลารวมตัว


“เราจะนัดเจอกันพรุ่งนี้ ไปเจอกันที่ร้านอาหารของเจ้าอ้วนในเมืองจักรพรรดิตอนเก้าโมงเช้า”

 

 

 


ตอนที่ 1404

 

เจ้าอ้วนเปิดร้านอาหารใกล้กับสาขาหลักของราชวงศ์ในเมืองจักรพรรดิ เนื่องจากความสัมพันธ์เขากับหลินฮวง ตำแหน่งมันจึงดีมาก มันเป็นตำแหน่งที่ดีสุดในเมืองจักรพรรดิและราชวงศ์ก็ไม่เคยเก็บค่าเช่าสักนิด


คนจากราชวงศ์มักมาอุดหนุนร้านของเจ้าอ้วนเพราะรสชาติ เจ้าอ้วนยังไม่เก็บคริสตัลชีวิตเป็นค่าอาหาร เขาแลกมันกับการให้คนของราชวงศ์หาวัตถุดิบมาให้เขาทุกสัปดาห์


เขาอาจเปิดร้านนี้ แต่เขาไม่เคยละทิ้งฝันที่จะเป็นนักล่าอาหาร แต่ตอนนี้เขาตระหนักว่าฝันนี้อยู่คนละทาง


เจ้าอ้วนไม่ได้ล่าวัตถุดิบเองแต่กลับได้รับมันผ่านคนของราชวงษ์ เขารับผิดชอบแค่การเตรียมวัตถุดิบและเปลี่ยนพวกมันเป็นอาหารจานเด็ด


ตรงข้ามกับที่คาดหวัง การร่วมมือแบบนี้กับคนของราชวงศ์ได้พัฒนาฝีมือการปรุงอาหารเขาอย่างรวดเร็วและรายได้เขาก็สูงมาก


ร้านอาหารเขามีผู้บ่มเพาะมากินบ่อยครั้งและเมนูเขาก็ประกอบไปด้วยวัตถุดิบพิเศษที่มีแค่นักล่าอาหารถึงเตรียมการได้อย่างเหมาะสม


ผลกำไรเขามากกว่าผลประกอบการของร้านอื่นหลายเดือน


มีแม้กระทั่งคนธรรมที่ได้ยินว่าเจ้าของร้านอาหารนี้คือนักล่าอาหาร พวกเขาจึงอยากมาลิ้มลองฝีมือของนักล่าอาหารในตำนาน


นี่ทำให้เกิดคิวยาวที่ร้านอาหารทุกวันก่อนเก้าโมงเช้า มันควรเป็นที่รับรู้ว่าเจ้าอ้วนจะไม่บริการมือเช้าที่ร้านเขา


แต่ทว่า วันนี้ เจ้าอ้วนกลับมาถึงร้านเขาตอนประมาณแปดโมงเช้า


เมื่อเห็นว่ามีแถวยาวแล้ว เขาก็ยิ้มและนำป้ายที่เขียนว่า’ปิดชั่วคราว’ออกมา


 


“ขออภัยลูกค้าที่รักทุกท่าน วันนี้ร้านเราปิดให้บริการ ข้าได้จองที่พิเศษไว้ให้เพื่อนเก่า”ก่อนคนที่รอกันจะได้บ่น เขาก็พูดต่อ”หากต่อแถวกันแล้ว พวกท่านจะได้รับคูปองส่วนลด50%จากเด็กเสิร์ฟเรา ด้วยคูปองนี้ ท่านสามารถจองที่ได้หนึ่งตอนไหนก็ได้ภายในปีนี้”


 


คนที่กำลังจะบ่นรีบปิดปากและรีบไปหาเด็กเสิร์ฟเพื่อรับคูปอง


ไม่เพียงพวกเขาจะได้รับส่วนลดครึ่งหนึ่ง แต่พวกเขายังได้รับสิทธิพิเศษจองที่นั่ง ซึ่งหมายความว่าครั้งหน้าที่พวกเขามร้านอาหาร พวกเขาไม่ต้องต่อแถวแบบนี้


หลังเห็นลูกค้าในแถวเดินจากไป เจ้าอ้วนก็นำของตกแต่งที่เตรียมไว้มาและมอบหมายให้เด็กๆในร้านเขาจัดร้าน


หลังจัดเสร็จ มันก็เกือบเก้าโมงพอดี


หยี่เสิ่นและคนอื่นมาถึงทีละคน


เมื่อหลินฮวงมาถึง ทุกคนก็มากันแล้วยกเว้นเล้งเยวี่ยซินและเฉินเตา


“เสี่ยวโม่กับหลินซินละ?”เมื่อเห็นหลินฮวงมาคนเดียว หยี่เยว่หยู่ก็ถาม


“เสี่ยวโม่ไปทำภารกิจ ซินเอ๋อร์กำลังปิดประตูบ่มเพาะ”


หลินฮวงมองหยี่เสิ่นและน้องสาวเขา เขาสังเกตเห็นว่าทั้งสองไม่ได้เปลี่ยนไปมาก พวกเขายังเหมือนเดิม แต่ระดับพลังก็ก้าวหน้าขึ้นพอสมควร


“ดูเหมือนพวกเจ้าสองพี่น้องจะไม่เกียจคร้านกันเลยนะ พวกเจ้าเลื่อนเป็นจักรพรรดิกันแล้ว”

“ปีนี้ ความเร็วการบ่มเพาะเราพัฒนาไปมาก นอกจากนี้ ด้วยคนมากมายที่แข่งขันกับพันธมิตรสวรรค์ เราจึงไม่กล้าหย่อนยาน”หยี่เสิ่นส่ายหัวและยิ้ม หลังใช้การ์ดไร้ที่ติ พรสวรรค์อัจฉริยะและศักยภาพเขาก็เลื่อนเป็นสุดยอดอัจฉริยะ แน่นอน เขาย่อมฝึกหนักกว่าเดิมหลังจากนั้น


 


สำหรับหยี่เยว่หยู่ นางก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพี่ชายตัวเอง จนถึงจุดที่ความสามารถเทียบได้กับห้าเจ้าชายอย่างเฉินเตา ไม่นานหลังหลินฮวงออกโลกกรวด นางก็ยังเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์ภายใต้การแนะนำของหยี่เสิ่น หลังจากนั้น นางก็กลายเป็นคนสำคัญของพันธมิตรสวรรค์ ในสมาคมอัจฉริยะ นางยังติดหนึ่งในสามเทพธิดาที่มีผู้บ่มเพาะชายหลงใหลมากสุด ก่อนหน้านี้ เมื่อนางเลื่อนเป็นจักรพรรดิและออกสมาคมอัจฉริยะ แฟนๆหลายคนยังจัดงานเลี้ยงอำลานางที่ต้นไม้ขั้นบันได


แน่นอน หลินฮวงไม่รู้เรื่องนี้


ตั้งแต่เลื่อนเป็นจักรพรรดิ เขาก็แทบไม่ได้ให้ความสนใจกับสมาคมอัจฉริยะ นับประสาอะไรหลังเขาออกโลกกรวดไป


“การแข่งขันทำให้คนมีแรงจูงใจจริงๆ เดิมข้าเองก็ใช้เฉินเตาเป็นอุดมคติและฝึกหนัก”

ก่อนหลินฮวงจะมาถึงจุดนี้ ห้าเจ้าชายคืออุปสรรคทั้งห้าต่อทุกคนในสมาคมอัจฉริยะ ตอนนั้น หลินฮวงเองก็ฝึกหนักโดยมีเป้าหมายที่จะกลายเป็นแบบเฉินเตา


 


แต่ทว่า หลินฮวงก็ได้ทำลายอุปสรรคนั้นด้วยพลังอันไร้เทียมทานและกลายเป็นจักรพรรดิแห่งสมาคมอัจฉริยะ


หลังคุยกับหยี่เสิ่นและน้องสาวเขาสักพัก หลินฮวงก็หันความสนใจไปหาหลี่หลาง


ไม่เหมือนหยี่เสิ่นและน้องสาวเขา การเปลี่ยนแปลงในตัวหลี่หลางถือว่ามาก ในวิดิโอคอลก่อนหน้า หลินฮวงสังเกตหัวตัดสั้นเกรียนของเขา แต่ตอนนี้เมื่อเจอกับตา เขาก็พบว่ามันดูแปลกตา


 


“ผมเจ้าร่วงหรืออะไร?”หลินฮวงแซว


“เจ้าสิผมร่วง!ตาเจ้าบอดหรือไง?ข้าแค่ตัดสั้น!”หลี่หลางคำราม


“ข้าคิดว่าเจ้าไม่ได้ตัดสั้น แต่อยากเป็นพระซะอีก”

ทันทีที่หลินฮวงกล่าวแบบนี้ สองพี่น้องก็รีบรุม


ต่อมา ศิษย์พี่ลั่วหมิง(ตอนก่อนแปลว่าหลิวหมิง ขอโทษด้วยครับพอดีสับสน)ก็เข้ามาหยุดสถานการณ์


“เอาละ หยุดล้อผมเขาได้แล้ว มันเป็นเรื่องที่อ่อนไหวต่อเขานะ”

“ไม่เป็นไร ยังไงมันก็จบไปแล้ว”หลี่หลางโบกมือและยิ้ม”ก็แค่อกหัก แค่นั้นแหละ”


“หือ?”จากนั้นหลินฮวงถึงเข้าใจว่าทำไมหลี่หลางยังไม่กลายเป็นจักรพรรดิ มันเพราะเขาใช้เวลาไปกับเรื่องรักๆ


“ข้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนโพสต์ข้อความนี้ในกลุ่มทุกวันอยู่หลายเดือน ‘จะมีการพบปะที่ไม่คาดฝันและความสุขที่ไม่คาดคิดในโลกนี้ แน่นอน จะต้องมีการอำลาที่ไม่คาดคิดและการลาจาก’”หยี่เยว่หยู่บ่นข้างๆ


 


ข้างนาง หยี่เสิ่นรีบดึงน้องสาวเขาและส่ายหัว


“ทำไมถึงไม่ทุ่มเทกับการบ่มเพาะ?มหาพิภพเต็มไปด้วยสาวงาม ทันทีที่เจ้าเลื่อนเป็นเทพเสมือน ข้าจะพาเจ้าไปมหาพิภพ ดีไหม?”หลินฮวงยิ้มและตบไหล่หลี่หลาง


หลินฮวงไม่ซักถามถึงรายละเอียด แต่กลับหันไปมองศิษย์พี่เขาอย่างลั่วหมิง


ระดับพลังปัจจุบันของลั่วหมิงถึงจุดสูงสุดของระดับจักรพรรดิทองม่วงแล้ว ห่างจากระดับเทพเสมือนแค่ก้าวเดียวเท่านั้น


“ระดับพลังของศิษย์พี่ก้าวหน้าขึ้นมาก”

“มันต้องขอบคุณเจ้า หลังจากวันนั้น พรสวรรค์และศักยภาพข้าก็เพิ่มขึ้น เดิม ข้าคิดว่าข้าแก่แล้ว  เส้นทางบ่มเพาะจึงยิ่งยาก แต่ข้าไม่คิดเลยว่าความเร็วการบ่มเพาะข้าในปีนี้จะเร็วกว่าตอนข้ายังหนุ่ม”การเพิ่มพรสวรรค์ของลั่วหมิงย่อมเป็นผลมาจากการ์ดไร้ที่ติของหลินฮวง เขามีรากฐานแน่นแล้วและหลังเพิ่มศักยภาพ ไม่เพียงระดับพลังเขาจะพุ่งทะยาน แต่ความสามารถเขาเองก็เพิ่มขึ้นด้วย


“การเตรียมการเลื่อนเป็นเทพเสมือนของท่านเป็นยังไงบ้าง?ท่านมีมอนสเตอร์เป้าหมายหรือยัง?”

“ข้าพบแล้ว การเตรียมการของข้าก็เกือบเสร็จแล้วเช่นกัน ข้าวางแผนจะลงมือสัปดาห์หน้า!”ลั่วหมิงวางแผนไว้นานแล้ว


“ท่านต้องการให้ข้าช่วยไหม?ข้าจะขอให้เทียนฟู่หาคนมาช่วยท่าน”

“ข้าได้ติดต่อหวงเทียนฟู่ก่อนเจ้าจะกลับมาเสียอีก สมาชิกกลุ่มพร้อมไปแล้ว”

“ดีแล้ว”เดิม หลินฮวงกังวลว่าลั่วหมิงจะคัดค้านการล่าเป็นกลุ่ม แต่ตอนนี้มันดูเหมือนเขาจะคิดมากไป


 


ขณะคุยกันสักพัก เล้งเยวี่ยซินและเฉินเตาก็มาถึงเก้าโมงตรงพอดี


หลินฮวงสังเกตเห็นว่าระดับพลังของเล้งเยวี่ยซินได้เลื่อนเป็นจักรพรรดิแล้ว แถมยังเป็นถึงระดับจักรพรรดิทองแดง ซึ่งสูงกว่าหยี่เสิ่นและหยี่เยว่หยู่


สำหรับเฉินเตา เขาได้เลื่อนเป็นเทพเสมือนแล้ว แม้เขาจะเป็นแค่ขั้นหนึ่ง กลิ่นอายเขาก็มั่นคงมาก ยิ่งไปกว่านั้น หลินฮวงยังตระหนักว่าความสามารถจริงของเขานั้นเหนือกว่าเทพเสมือนขั้น1


เมื่อทุกคนมากันครบ เจ้าอ้วนก็เริ่มบริการอาหาร


ทุกคนคุยกันขณะกินดื่ม และในไม่ช้าหัวข้อก็วนมาหาหลินฮวง


 


“หลินฮวง ระดับพลังเจ้าอยู่ที่ระดับใด?”มันคือเฉินเตาที่ถาม


 


เฉินเตาเป็นเทพเสมือนแล้วแต่กลับไม่อาจสัมผัสถึงกลิ่นอายของหลินฮวงได้เลย แต่ทว่า เขามั่นใจมากว่าหลินฮวงต้องเลื่อนเป็นเทพเสมือนแล้ว


เมื่อคนอื่นได้ยิน พวกเขาก็ลดเสียงลง พยายามเงี่ยหูฟัง


“ปัจจุบันข้าเป็นเทพเสมือนขั้น3แล้ว”


ไม่จำเป็นที่หลินฮวงต้องปิดบังอะไรต่อเพื่อนเขา ต่อให้คนนอกรู้ มันก็จะไม่ส่งผลอะไรต่อเขามากนัก


“ขั้น3..”เฉินเตาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบของหลินฮวง”เจ้ารู้เกี่ยวกับปผู้บุกรุกที่อยากโจมตีโลกกรวดมากแค่ไหน?”

“ข้าไม่รู้มาก พื้นที่ตรงกับรอยแยกมิติคือสนามรบระหว่างโปรตอสและเผ่าหุบเหว สนามรบสามารถเข้าถึงได้โดยสมบูรณ์ ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าได้”หลินฮวงยังถามเจ้าแดงถึงคำถามเดียวกัน แต่นางไม่สามารถพบได้ว่าผู้บุกรุกเหล่านี้เป็นใคร “เราไม่อาจตรวจสอบเรื่องนี้ได้อย่างเปิดเผย ยิ่งมีคนรู้ พิกัดของโลกกรวดก็จะยิ่งเปิดเผย ซึ่งหมายความว่าอาจดึงดูดความสนใจของเทพสวรรค์หรือแม้กระทั่งจ้าวเทวะ”


“เราไม่รู้ว่าศัตรูเป็นใคร เรายังไม่รู้อะไรเลยถึงระดับพลังหรือจำนวน การต่อสู้นี้ยากกว่าที่คิด”เฉินเตาดูหมดหนทาง


“สิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้ตอนนี้คือพัฒนาความสามารถเราให้ได้มากที่สุด!”

“เอาละ วันนี้คือวันรวมตัวของเพื่อนๆ เราไม่ควรนำเรื่องเครียดมาคุยกัน…”ลั่วหมิงทำลายบรรยากาศ


 


เมื่อเปลี่ยนเรื่องคุย บรรยากาศจึงสบายขึ้นมาก สุดท้ายทุกคนก็กลับไปเริงร่ากันเหมือนเดิม

 

 

 


ตอนที่ 1405

 

พวกเขาคุยเล่นกันจนดึก


แม้เจ้าอ้วนจะเป็นหัวหน้าพ่อครัว เขาก็แค่จัดเตรียมไม่กี่จานก่อนส่งมอบครัวให้คนอื่นและมาร่วมวงด้วย


หลินฮวงยังได้รับความเข้าใจถึงสถานการณ์ของทุกคนในปีนี้


เล้งเยวี่ยซินยังเข้าสมาคมอัจฉริยะเช่นกัน แต่นางเข้าร่วมพันธมิตรหง เนื่องจากนางใช้การ์ดไร้ที่ติ พรสวรรค์และศักยภาพนางจึงไม่ต่ำกว่าหยี่เยว่หยู่ เนื่องจากหยี่เสิ่นและน้องสาวเขาเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์ พันธมิตรหงจึงทำให้เล้งเยวี่ยซินกลายเป็นตัวเอกของฝ่ายพวกเขาทันที


เหมือนกับหยี่เยว่หยู่ เล้งเยวี่ยซินกลายเป็นหนึ่งในสามเทพธิดาของสมาคมอัจฉริยะ


ถัดจากห้าเจ้าชายและจักรพรรดิหลิน เล้งเยวี่ยซินกับหยี่เยว่หยู่ครองตำแหน่งสองราชินี


แม้หยี่เสิ่นและอัจฉริยะคนอื่นจะไม่ได้อ่อนแอ พวกเขาก็ยังด้อยกว่าสามราชินี


แต่ทว่า สามราชิน็คงชื่อไว้ได้ไม่นาน


ท่ามกลางสามราชินี เล้งเยวี่ยซินคือคนแรกที่เลื่อนเป็นจักรพรรดิและออกสมาคมอัจฉริยะไป หยี่เยว่หยู่ตามไปติดๆ ทะลวงผ่านเป็นจักรพรรดิหลังผ่านไปครึ่งเดือน


หลินฮวงไม่คิดว่าสองสาวจะประสบความสำเร็จมากขนาดนี้


นอกจากสองสาว ทุกคนยังดูเหมือนจะผ่านอะไรมามากเช่นกัน


เฉินเตาเดินทางเพื่อค้นหาความทรงจำเขา รวมถึงบ่มเพาะไปในตัว มันอาจเป็นเพราะผลกระทบของการ์ดไร้ที่ติร่วมกับสถานที่แสนคุ้นเคย แต่ความทรงจำที่เขาเสียไปก็กลับมา90%แล้ว


เขายังริเริ่มไปหาเพื่อนเก่าเขาเช่นถานหลางและเฉิงเถา


เฉินเตายังกล่าวถึงเรื่องแปลกๆ ผู้ใช้แมลงนามหลีเจี่ยได้หายตัวไป เขาหายไปอย่างไร้ร่อยรอยหลังออกสมาคมอัจฉริยะไป


ความคืบหน้าของลั่วหมิงในปีนี้ก็คล้ายกับเสี่ยวโม่ เขาทั้งล่ามอนสเตอร์หรือปิดประตูบ่มเพาะ ระดับพลังเขาจึงพุ่งทะยาน


ไม่เพียงระดับพลังเขาจะเลื่อนเป็นจักรพรรดิทองม่วงขั้นสูงสุด แต่เต๋าดาบเขายังพัฒนาขึ้นมาก ตอนนี้เขามาถึงขั้น6และอยู่ห่างจากแก่นแท้เต๋าดาบแค่ครึ่งก้าว


ด้วยความสามารถปัจจุบันเขา ต่อให้เป็นเทพเสมือนขั้น1เขาก็ยังสู้ด้วยได้


เจ้าอ้วนเปิดร้านอาหารในปีนี้ การทำอาหารทุกวันทำให้เขามีความสุขมาก


ด้วยความช่วยเหลือของคนในขัตติยะ ระดับพลังเขาจึงเพิ่มและธุรกิจก็ราบรื่น


แต่ทว่า สิ่งที่แปลกคือ แม้เขาจะทำงานหนักทุกวัน เขากลับไม่ผอมลงเลย


ตรงกันข้าม หลี่หลางอาจมีชีวิตที่น่าเศร้าสุด


หลังใช้การ์ดไร้ที่ติ พรสวรรค์และศักยภาพเขามาถึงระดับของสุดยอดอัจฉริยะ แต่ระดับพลังเขายังเป็นแค่นิรันดร์ขั้น7 ซึ่งห่างไกลจากหยี่เสิ่นมาก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ให้ความทุ่มเทกับการบ่มเพาะเลย


หลังคุยกันเล็กๆน้อยๆ หลินฮวงก็รู้ว่าหลี่หลางตกหลุมรักสาวนางหนึ่ง แต่นางกลับไม่สนใจเขาเลยตั้งแต่ต้น


เพื่อพิชิตหัวใจของสาวน้อยผู้นั้น เขาจึงเปลี่ยนแปลงตัวเอง


หญิงสาวผู้นั้นบอกว่านางไม่ชอบผู้ชายสวมชุดเด่นๆ เขาจึงทิ้งชุดเดิมทั้งหมดไป นางยังบอกว่านางชอบผู้ชายผมสั้นเกรียน เขาจึงโกนผม…


ทุกวัน เขาพยายามทุกทางเพื่อเอาชนะใจนาง แต่สุดท้ายมันก็เปล่าประโยชน์


มันก็ประมาณหกเดือนมาแล้วที่หลี่หลางถูกปฏิเสธ เขานอนจนกระทั่งบ่ายทุกวัน บางคนยังถึงคืนต่อไป เขาเคยเป็นคนเรียบร้อย แต่ตอนนี้ยังไม่ทำความสะอาดบ้านตัวเองด้วยซ้ำ เขาไม่เคยเปลี่ยนผ้าปูเตียงเลยและไม่สนใจว่าผลไม้ในตู้เย็นจะเน่าไหม…


ท้ายที่สุด หยี่เสิ่นและคนอื่นก็ทนไม่ได้อีกและบังคับลากเขาออกจากบ้าน…


สภาพจิตใจเขาเพิ่งกลับเป็นปกติได้สองเดือนก่อน


ปัญหาเรื่องนี้ไม่ใช่อะไรที่หลินฮวงควรแสดงความคิดเห็น เขาจึงทำได้แค่พูดปลอบไม่กี่คำ เขาบอกหลี่หลางให้อุทิศตัวกับการบ่มเพาะและทำให้ตัวเองยุ่งเพื่อที่จะได้ไม่คิดมาก



เมื่อถึงเวลาที่ทุกคนออกร้านอาหารของเจ้าอ้วน มันก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว


หลินฮวงมึนเล็กน้อยจากการดื่มไวน์มากไป ดังนั้นเขาจึงหลับสนิทจนถึงเช้า


เขาถูกปลุกตอนประมาณเก้าโมงเมื่อคุณฟู่ส่งข้อความมาหาเขา


 


“มากินเข้าช้าวด้วยกันสิ”

หลินฮวงรีบล้างหน้าล้างตาทันที


เมื่อหลินฮวงมาถึงร้านเกี๊ยวน้ำของลุงและป้า คุณฟู่ก็นั่งรออยู่แล้ว เมื่อเขาเห็นหลินฮวง เขาก็โบกมือให้


หลินฮวงเดินไปนั่งตรงข้ามคุณฟู่

“เจ้ากลับมาครั้งนี้ เจ้ายังคิดว่าเกี๊ยวของร้านนี้ยังอร่อยขึ้นไหม?”คุณฟู่ถามด้วยรอยยิ้ม


“มันอร่อยขึ้นจริงๆ”หลินฮวงตกตะลึง พร้อมนึกถึงรสชาติของเกี๊ยว เทียบกันแล้ว มันอร่อยขึ้นจริงๆ”ข้าคิดว่ามันเพราะข้าไม่กลับมาปีหนึ่งเต็มๆและในที่สุดก็ได้ลิ้มรสอีกครั้ง”

“ข้าสอนเคล็ดพวกเขาไปเล็กน้อย”คุณฟู่อธิบายด้วยรอยยิ้ม


“โอ้ เป็นแบบนี้นี่เอง”


 


สำหรับนักล่าอาหารชั้นนำอย่างคุณฟู่ การเตรียมวัตถุดิบทั่วไปเป็นเรื่องง่ายๆ


“ข้ามากินที่นี่บ่อย พวกเขามีข้อบกพร่องในกระบวนการปรุงก่อนหน้านี้ ดังนั้นข้าจึงอดไม่ได้ที่จะเสี้ยมสอน”คุณฟู่สารภาพ


ทั้งสองคอยกันสักพัก จากนั้นลุงอ้วนก็มาพร้อมเกี๊ยวอีกจาน


“คุณฟู่ หากเกี๊ยวของทางเรายังมีส่วนไหนต้องพัฒนาเพิ่ม โปรดบอกให้พวกข้ารู้”


คุณฟู่คีบเกี๊ยวเข้าปาก จากนั้นก็พยักหน้า”การใช้วัตถุดิบทั่วไปจนได้รสชาติเช่นนี้นับว่าเกินมาตรฐานไปแล้ว มันดูเหมือนพวกเจ้าทั้งสองจะฝึกสิ่งที่ข้าสอนไปอย่างหนักเลยสิ”

“ทุกอย่างก็เพราะอาจารย์!”ลุงอ้วนรีบประจบคุณฟู่”ข้าจะกลับไปทำงานของข้า ข้าจะได้ไม่รบกวนเวลาของพวกท่าน”


หลังลุงอ้วนออกไป หลินฮวงกับคุณฟู่ก็กินกันเงียบๆ


หลังเกี๊ยวร้อนๆหมด คุณฟู่ก็วางตะเกียบและกางม่านพลังเพื่อป้องกันเสียงเล็ดลอดออกไป


 


“เรื่องการประชุมเมื่อวาน เจ้าไม่ได้ให้ข้อมูลของผู้บุกรุก เจ้าไม่สามารถสืบเรื่องนี้ได้จริงๆ หรือเจ้าจงใจไม่บอก?”

หลินฮวงวางตะเกียบลงและเงียบไปสักพักก่อนพูดขึ้นอีกครั้ง


“มันเป็นความจริงที่ข้าไม่สามารถสืบสวนเรื่องนี้ได้ แต่ข้าก็ยังปิดบังข้อมูลบางส่วนไว้”

“เจ้าจะบอกข้าได้หรือไม่?”คุณฟู่จ้องตาหลินฮวง


“ก่อนหน้านี้ เรามักคิดว่ากฏของโลกกรวดไม่สมบูรณ์ และพลังของประตูมิติก็ถูกจำกัด เราสันนิษฐานว่าต่อให้ประตูมิติเปิดเต็มที่ ก็คงมีแค่เทพแท้จริงขั้นต่ำที่ผ่านมาได้”

“แต่ในความเป็นจริง มันไม่ใช่แบบนั้น เมื่อมหาพิภพรุกรานโลกกรวด มันจะยับยั้งเจตจำนงค์ของโลกผ่านวิธีพิเศษและเสริมช่องทางมิติ ขีดจำกัดสูงสุดสำหรับการส่งผ่านระดับพลังสามารถเพิ่มได้จนถึงเทพแท้จริงขั้น9…”

เมื่อเขาได้ยิน มือขวาของคุณฟู่ก็สั่นสะท้าน


“เจ้ากำลังบอกว่าเมื่อถึงเวลา จะไม่ได้มีแค่เทพแท้จริงขั้นต่ำ แต่ยังมีเทพแท้จริงขั้นกลางและสูงอีกด้วย?อาจมีแม้กระทั่งเทพแท้จริงขั้นสูงสุด?!”


หลินฮวงพยักหน้า


“งั้นเราควรทำยังไงกัน?ปัจจุบัน เราไม่มีเทพแท้จริงเลย ต่อให้ด้วยเทพเสมือนขั้น9ทั้งสิบที่เจ้านำกลับมา อย่างมากพวกเขาก็ทำได้แค่สร้างค่ายกลต่อสู้เพื่อสู้กับเทพแท้จริงขั้นต่ำ ค่ายกลต่อสู้จะไร้ประโยชน์หากเราพบกับเทพแท้จริงขั้นกลาง นับประสาอะไรกับขั้นสูง”

“ข้านำมามากกว่าสิบ พวกเขามีทั้งหมด268คน และก็ไม่ใช่เทพเสมือนขั้น9 แต่เป็นเทพแท้จริง อย่างไรก็ตาม ความสามารถพวกเขาถูกผนึกไว้”

“เทพแท้จริง268คน?”ดวงตาของคุณฟู่สว่างวาบ”ขั้นอะไร?”

“ปัจจุบันพวกเขาเป็นขั้น3กันหมด”

“ระดับพลังยังต่ำ..”คุณฟู่อดถอนหายใจไม่ได้”แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไร”

“อาจารย์ ท่านไม่ต้องกังวลมากนัก ทุกปัญหาย่อมมีทางออก แทนที่จะกังวลถึงเรื่องที่ยังไม่เกิด มันดีกว่าที่เราจะจัดการปัญหาตอนนี้ ข้าไม่ได้บอกเทียนฟู่และจื่อจี้ถึงเรื่องนี้เพราะข้ากลัวว่าพวกเขาจะกังวลเกินไปและข่าวอาจทำร้ายสุขภาพจิตพวกเขา”

“เจ้าตัดสินใจได้ถูกแล้ว”คุณฟู่เห็นด้วยหลังได้ยิน”หากศัตรูเราเป็นแค่เทพแท้จริงขั้นต่ำ ทุกคนจะรู้สึกว่าหากเราทุ่มสุดตัว เราอาจชนะ แต่หากพวกเขาพบว่าศัตรูเราคือเทพแท้จริงขั้นสูง ข้าเกรงว่าหลายคนอาจยอมแพ้ทันทีเพราะไม่อาจเห็นความหวังได้”

“ข้าจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร ไม่ต้องห่วง?”

“แล้วแผนเจ้าหลังจากนี้คืออะไร?”คุณฟู่ถามอีกครั้ง


“ข้าจะปิดประตูบ่มเพาะเพื่อยกระดับพลังข้า!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)