Monster Paradise 1399-1401
1399
หลังเขาเฝ้าดูหลินฮวงจากไป ความคิดของฉีหงยังสับสน
ไม่กี่นาทีก่อน ฝ่าบาทยังคุยเล่นกับเขาถึงทุกสิ่ง ไม่สนใจภัยคุกคามของมอนสเตอร์เทพแท้จริงตรงหน้าเลย
แต่ทว่า วินาทีที่อันเดทระดับเทพแท้จริงโผล่ออกจากมิติโดยสมบูรณ์ จุดสีแดงก็ปรากฏระหว่างคิ้วัน ร่างใหญ่โตมันล้มลง ยกฝุ่นบนพื้นขึ้น
ตั้งแต่ต้นจนจบ ฝ่าบาทดูเหมือนจะไม่ได้ขยับตัวเลย เขาไม่ได้ขยับจากจุดที่ยืนด้วยซ้ำ
หลังจากนั้น หลินฮวงก็เดินไปเก็บศพ จากนั้นก็เดินไปหน้าผาเพื่อทำท่าทางมือซับซ้อนและปิดผนึกรอยแยกมิติใหม่ กระบวนการทั้งหมดกินเวลาไม่ถึงนาที
แม้กระทั่งตอนหลินฮวงกล่าวลาฉีหง ฉีหงก็ยังไม่ได้สติ
เมื่อเขาได้สติ หลินฮวงก็หายไปแล้ว
“โลกนี้มีตัวตนที่ทรงพลังขนาดนี้ด้วย?เขาสามารถฆ่าเทพแท้จริงได้ภายในเสี้ยวพริตา..”
ฉีหงติดต่อกับหัวหน้าหน่วยพิเศษอีกครั้ง
“ฉีหง มันเป็นยังไงบ้าง?”เมื่อเห็นลูกน้องเขาโทรหาเขาอีกครั้ง กวนจงก็รู้ว่าเรื่องราวอาจได้รับการแก้ไขแล้ว
“ฝ่าบาทฆ่อันเดทและซ่อนแซมรอยแยกมิติเรียบร้อยแล้วครับ?”ฉีหงตอบ
กวนจงเงียบไปก่อนถาม”มีบันทึกการต่อสู้ไหม?” “ไม่ครับ”ฉีหงส่ายหัว
ในภาพฉาย กวนจงขมวดคิ้วและกำลังจะถามว่าทำไมฉีหงถึงไม่บันทึกแต่ฉีหงก็ชิงพูดก่อน”มันเป็นการสังหารชั่วพริบตา ผมยังไม่เห็นเขาขยับตัวหรือทำอะไรด้วยซ้ำตอนอันเดทตาย..”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ริมฝีปากของกวนจงก็สั่น เขาสูดหายใจลึกและกล่าวกับฉีหง”งั้นหยุดการเข้าร่วมขอบเหวนรกของเจ้าชั่วคราว กลับมาและเขียนรายงานทั้งหมด หลินฮวงทำอะไร?เขาพูดอะไรบ้าง?ทุกอย่างต้องได้รับการบันทึก รายงานจะต้องถูกส่งให้ข้าก่อนบ่าย4โมงครึ่ง!”
…
หลังเขาวางสายกับลูกน้อง กวนจงที่นั่งบนโต๊ะก็นวดขมับ ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและกระวนกระวาย
“ชักไม่มั่นใจแล้วสิว่าการกลับมาของหลินฮวงครั้งนี้เป็นเรื่องดีหรือร้าย..”
แม้เขาจะพยายามประเมินความสามารถของหลินฮวง ความสามารถจริงของหลินฮวงก็ยังทำให้เขาตกใจ
แม้กระทั่งอันเดทระดับเทพแท้จริงขั้น1ก็นับเป็นตัวตนที่ทรงพลังไร้เทียมทานในโลกกรวดแล้ว เพื่อขับไล่มอนสเตอร์ตัวนี้ มันอาจต้องทุ่มเทพเสมือนทั้งหมดในโลกกรวดเพื่อจัดการ
แต่ทว่า หลินฮวงกลับสังหารมันได้ในเสี้ยวพริบตา ซึ่งหมายความว่าความสามารถจริงของหลินฮวงต้องไม่น้อยไปกว่าเทพแท้จริงขั้น3หรือสูงกว่านั้น
ในโลกกรวด ความสามารถแบบนี้หมายความว่าหลินฮวงนั้นไร้คู่ต่อกร!
เขานั่งบนเก้าอี้และสงบลงเล็กน้อย จากนั้นกวนจงก็กดหน้าสื่อสารและตรวจดูรายชื่อติดต่อทีละชื่อ ในที่สุดก็หยุดที่’ประธานเจียงฉาน’
….
เมื่อพวกเขาได้รับการแจ้งเตือนจากรัฐบาลกลาง เหล่าเทพเสมือนของสมาคมนักล่า ขัตติยะ(ราชวงศ์ ตอนก่อนแปลผิดเดี๋ยวไปแก้น้า)และองค์กรอื่นก็เข้าสู่สภาวะพร้อมรบและรวบยอดฝีมือระดับเทพเสมือนทั้งหมด
ในห้องประชุมของขัตติยะ เทพเสมือนทั้งหมดมารวมตัวกัน พวกเขาเตรียมหารือเรื่องของขอบเหวนรก แต่ก็ได้รับข่าวจากรัฐบาลกลางซะก่อน
“ผู้บุกรุกถูกฆ่าแล้ว รอยแยกมิติในขอบเหวนรกยังได้รับการซ่อมแซมด้วย…. “สถานการณ์มันยังไงกันแน่?รัฐบาลกลางเล่นอะไร?”หวงตู้ฟู่แสดงความไม่พอใจ”สิบนาทีก่อน เขาบอกว่าความสามารถของผู้บุกรุกน่ากลัวมากและขอให้เรารวมตัวเทพเสมือน เขาสั่งให้เราเตรียมพร้อมจัดตั้งกองทัพร่วมเพื่อพิชิตผู้บุกรุกของขอบเหวนรก แต่ตอนนี้ที่เรารวมตัว เขากลับบอกว่าผู้บุกรุกถูกฆ่าแล้ว เขากำลังปั่นเราเล่นหรือไง?!” “ภายใต้สถานการณ์ปกติ รัฐบาลกลางจะไม่พูดสุ่มๆ ข้อมูลพวกเขาจะได้รับการตรวจสอบโดยหน่วยพิเศษ นอกจากนี้ คนแรกที่ปิดผนึกรอยแยกคือข้า ข้ายังสัมผัสได้ว่าม่านพลังแตก การปรากฏตัวของผู้บุกรุกไม่ควรผิดพลาด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นควรมีแค่รัฐบาลกลางถึงรู้”คุณฟู่ไม่คิดว่าวิกฤตจะคลี่คลายง่ายๆแบบนี้
“สิ่งที่แปลกไปกว่านั้นคือรัฐบาลกลางไม่มีคำอธิบายถึงวิกฤตที่คลี่คลาย แค่ส่งการแจ้งเตือนเท่านั้น ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจงใจซ่อนบางอย่างเอาไว้’สัญชาตญาณของหวงเทียนฟู่แม่นยำมาก
กองกำลังอื่นมีความรู้สึกคล้ายกันเมื่อได้รับการแจ้งเตือนครั้งสอง พวกเขาทั้งหมดงุนงงกับการแจ้งเตือนที่ไร้คำอธิบายของรัฐบาลกลาง
รัฐบาลกลางไม่ยอมอธิบายว่ามันคือหลินฮวงที่จัดการกับเทพแท้จริง นั่นมีแต่จะเพิ่มชื่อเสียงให้ขัตติยะและหลินฮวง
ดังนั้น พวกเขาจึงส่งการแจ้งเตือนให้คนอื่นโดยไม่อธิบายใดๆ
…
เมื่อหลินฮวงออกขอบเหวนรก เขาก็กำลังจะอัญเชิญประตูมิติเพื่อกลับไปเมืองจักรพรรดิโดยตรง แต่ก็พบว่าประตูมิติไม่อาจอัญเชิญได้
จากนั้นเขาก็จำได้ว่าประตูมิติที่มีพิกัดของเมืองจักรพรรดิถูกทำลายไปโดยบุตรแห่งมารพุทธ
ก่อนเขาจะออกโลกกรวด เขาเก็บประตูมิตินี้ไว้อันเดียวเท่านั้น
เขายืนตรงทางเข้าขอบเหวนรกอย่างหมดหนทาง”มันดูเหมือนว่าข้าต้องโทรหาเทียนฟู่และคนอื่นให้มารับ หากข้าเดินทางเอง มันอาจต้องใช้เวลาเกือบครึ่งเดือน”
เหนือสิ่งอื่นใด เมืองจักรพรรดิเคยเป็นองค์กรมืด ไม่ค่อยมีประตูมิติทางไกลภายนอกที่เชื่อมต่อกับมันนัก หากเขากลับไปเมืองจักรพรรดิจากขอบเหวนรกผ่านประตูมิติเหล่านั้น เขาคงต้องใช้ประตูมิติมากมายเพื่อไปให้ถึง
หลังเขาคิดสักพัก หลินฮวงก็เปลี่ยนเป็นแหวนหัวใจจักรพรรดิของโลกกรวด กดหน้าสื่อสาร ค้นหาชื่อของ’หวงเทียนฟุ่’
หลังจากนั้นไม่นาน ภาพฉายก็ปรากก
ไม่เพียงแต่หวงเทียนฟู่ แต่คุณฟู่และคนอื่นทั้งหมดก็อยู่ที่นั่นในห้องประชุม
“ฝ่าบาท?!”
“อยู่กันพร้อมหน้าเลยนะ”หลินฮวงยิ้มและโบกมือให้ทุกคน”อาจารย์ก็อยู่ด้วยงั้นหรอ?” “ศิษย์ข้า เจ้ากลับมาโลกกรวดแล้ว?”คุณฟู่รู้สึกแปลกๆ”ทำไมเจ้าไม่กลับมาเมืองจักรพรรดิโดยตรงละ?” “เอ่อ..”สีหน้าของหลินฮวงดูเขินอายเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าจะมีคนมากขนาดนี้”ประตูมิติข้าถูกทำลาย ข้าโทรหาเทียนฟู่เพื่อขอให้เขามารับ ไม่คิดเลยว่าทุกคนจะอยู่กันพร้อมหน้า” “ข้าจะไปรับเจ้าเอง เจ้าอยู่ไหน?”คุณฟู่กล่าว
“ตอนนี้ข้าอยู่ด้านนอกขอบเหวนรกแล้ว”หลินฮวงพูดและย้ายมุมกล้อง เผยให้เห็นทางเข้าขอบเหวนรกด้านหลังเขา
“ในขอบเหวนรก?”สีหน้าของคุณฟู่และคนอื่นเปลี่ยนไป
“ใช่ ข้าเพิ่งออกจากชั้นสาม”หลินฮวงพยักหน้า
“ม่านพลังที่ข้าตั้งไว้ เจ้าคือคนที่ทำลายมันหรือเปล่า?”หลังได้ยินหลินฮวงพูดถึงชั้นสามของขอบเหวนรก คุณฟู่ก็พลันตระหนักว่าผู้บุกรุกที่ว่าอาจเป็นหลินฮวง
“มันเป็นข้าเอง แต่ข้าได้ผนึกมันใหม่แล้ว”หลินฮวงพูดไม่ออก เขารู้ว่ารัฐบาลกลางต้องรายงานข่าว
“มีมอนสเตอร์ตัวอื่นผ่านมากับเจ้าไหม?”คุณฟู่ถาม
“มีอันเดท แต่ข้าจัดการมันไปแล้ว”
หลังได้ยินคำอธิบายของหลินฮวง ทุกคนในขัตติยะก็เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลกลางถึงไม่อธิบายอะไร
“ข้าจะไปรับตัวเจ้า เราจะคุยกันเมื่อเจ้ากลับมา”ก่อนเขาจะวางสาย คุณฟู่ก็ได้อัญเชิญประตูมิติและก้าวเข้าไปแล้ว
ตอนที่ 1400
ทันทีที่หลินฮวงวางสาย ก็มีความผันผวนไม่ไกล เขาแหงนมองและคุณฟู่ก็ก้าวออกจากประตูมิติด้วยรอยยิ้มบนหน้า
“อาจารย์!” หลังเห็นคุณฟู่อีกครั้ง เขาก็รู้สึกราวกับได้พบครอบครัว
“เจ้าหนู ดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนไปเลยนะ…”คุณฟู่มองหลินฮวง”แต่ข้าไม่อาจบอกพลังของเจ้าได้ผ่านกลิ่นอายที่หนาแน่นนี้..” “ข้าใช้บางอย่างเพื่อปกปิดกลิ่นอาย ระดับพลังจริงของข้าแค่เทพเสมือนขั้น3”เขาไม่มีอะไรต้องปิดบังต่ออาจารย์เขา นอกจากนี้ ระดับพลังเขาก็ไม่ใช่ความลับอะไรนัก
“ไม่เพียงจะเลื่อนเป็นเทพเสมือนในหนึ่งปี แต่ยังเป็นถึงขั้น3 ความคืบหน้าในการบ่มเพาะเจ้าเร็วมาก”คุณฟู่อิจฉาความเร็วการบ่มเพาะของหลินฮวง
“อาจารย์ กลิ่นอายท่านมั่นคงขึ้นและดูเหมือนจะหนุ่มกว่าเดิม”หลินฮวงเองก็สังเกตเห็นว่าหน้าตาของคุณฟู่ดูดีกว่าปีก่อน เวลาหนึ่งปีทำให้เขาปรับร่างกายให้เข้ากับพลังของเทพเสมือนขั้น9ได้และยังคืบหน้าเล็กน้อย
“อืม ด้วยความสัมพันธ์ของเรา เราไม่ใช่คนแปลกหน้ากัน ไม่มีอะไรต้องมาปิดบังกัน”คุณฟู่ยิ้มและส่ายหัว”กลับไปกันก่อนและค่อยคุยเมื่อเราถึงเมืองจักรพรรดิ”
หลังเขาพูดจบ เขาก็ดึงตัวหลินฮวงก้าวเข้าไปในประตูมิติ
ต่อมา คลื่นความผันผวนก็ปรากฏในห้องประชุมของศูนย์ใหญ่ขัตติยะ
จากนั้น เงาสองร่างก็ก้าวออกมา
เมื่อพวกเขาเห็นหลินฮวง ทุกคนในห้องประชุมก็ยืนขึ้น
หลินฮวงกวาดตามอง ยิ้มและพยักหน้า”นั่งลงกันเถอะ”
หวงไป่ยู่และหวงห่าวหยางผู้นั่งอยู่ข้างซ้ายขวาคุณฟู่รีบขยับเก้าอี้พวกเขา หวงเทียนฟู่และคนอื่นก็เช่นกัน
หลังหลินฮวงและคุณฟู่นั่งลง หลินฮวงก็ถามหวงเทียนฟู่ด้วยความแปลกใจ”ทำไมวันนี้ถึงมีคนมากขนาดนี้?เกิดอะไรขึ้น?” “มันเกี่ยวกับเรื่องที่ท่านทำลายรอยแยกมิติ เมื่อเรามันว่าม่านพลังถูกทำลาย รัฐบาลกลางก็ตื่นตระหนกและแจ้งขุมกำลังต่างๆ พวกเขาขอให้เราระดมพลเทพเสมือนให้เร็วที่สุด บอกว่าเราต้องร่วมมือกันฆ่าผู้บุกรุก”คุณฟู่อธิบาย
“อืม ข้าต้องขอโทษด้วยที่สร้างปัญหา”หลินฮวงตะลึง เขาไม่คิดว่ารัฐบาลกลางจะอ่อนไหวขนาดนี้
“งั้น ในเมื่อทุกคนก็อยู่กันครบ งั้นก็มาประชุมด้วยกันเลย เหนือสิ่งอื่นใด ข้าเองก็หายไปถึงหนึ่งปีเต็มๆ ช่วยเล่าให้ข้าฟังหน่อยว่าปีนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง”หลินฮวงตรงเข้าประเด็น
“หลังฝ่าบาทจากไป ทิศทางหลักเราก็คือการทำตามกำหนดการที่ฝ่าบาทวางไว้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากยกเว้นการปรับเปลี่ยนตามเงื่อนไขจริง” “ปีนี้ การร่วมมือระหว่างทุกองค์กรและเรายิ่งแน่นแฟ้น ตลาดค้าขายและเขตภารกิจที่เราตั้งพัฒนาเต็มที่และกลายเป็นตลาดการค้าที่ใหญ่สุดของโลก ผ่านความพยายามที่ขัตติยะเราทุ่มเท เราจึงครอบตำแหน่งอง์กรอันดับ6”
“ในอดีต เราต้องสำรวจมิติบรรพกาลอะไรเอง แต่ในปีนี้ รัฐบาลกลาง สมาคมนักล่า พวกนอกรีตและผู้ปลดปล่อยได้ร่วมมือกับเรา..” “แม้บางองค์กรจะลอบค้าหาข่าวการกลับมาของฝ่าบาท แต่ก็ไม่มีใครทำจริงจัง ปีนี้ ทุกคนยังถูกผูกมัดด้วยกฏ บางครั้ง จะมีคนแหกกฏปรากฏขึ้น และเราก็จะจัดการทันที…”
“เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร จำนวนสมบัติเทพที่ครอบครองโดยองค์กรใหญ่จึงเพิ่มขึ้น กึ่งเทพหลายคนเลื่อนเป็นเทพเสมือนผ่านคุณฟู่ จำนวนเทพเสมือนขององค์กรใหญ่จึงเพิ่มขึ้น” “นอกจากนี้ จักรพรรดิหลายคนยังประสบความสำเร็จในการเลื่อนเป็นเทพเสมือนเพราะอิทธิพลของเคล็ดบ่มเพาะโบราณ ทั้งรัฐบาลกลางและสมาคมนักล่าจึงเริ่มใช้เคล็ดบ่มเพาะโบราณกับคนกลุ่มใหญ่…”
ขณะเขาฟังรายงานของหวงเทียนฟู่ หวงอู่หนานผู้นั่งข้างเขาก็จะอธิบายเสริมเป็นครั้งคราว ตอนนี้หลินฮวงรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นแล้ว
“พวกเจ้าทำได้ดีมาก ดีกว่าที่ข้าคิดไว้…”หลินฮวงพยักหน้าด้วยความพอใจ”หลังข้ากลับมา ก็ไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไร แค่ทำตามแผนเดิม”
เหตุผลว่าทำไมทิศทางการพัฒนาถึงไม่เปลี่ยนเพราะทิศทางเดิมถูกตั้งไว้โดยเจ้าแดง ตอนนี้ที่เจ้าแดงไม่อยู่ หลินฮวงจึงไม่คิดปรับเปลี่ยนอะไรเอง
แม้เขาจะยังมีตัวตลกอยู่ หลินฮวงก็ไม่คิดเปลี่ยนแผนเพราะเขารู้สึกกลัวเมื่อคิดถึงการปล่อยให้ตัวตลกวางแผน
“วิกฤตการรุกรานอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เรายังไม่อาจผ่อนคลายได้ พยายามพัฒนาความสามารถกันต่อไปก่อนวิกฤตจะมาถึง ต่อให้มันแค่การเพิ่มความสามารถเอาตัวรอดก็ตาม…” “ข้าอยู่ในแดนเทพของมหาพิภพมาหนึ่งปีเต็ม และมียอดฝีมือหลายคนที่รากฐานแน่น ระดับเทพเสมือนแค่จุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะ ในแดนเทพของมหาพิภพ ระดับเทพเสมือนเป็นได้แค่ผู้พิทักษ์เมืองขั้น1และ2 มีเพียงเทพเสมือนขั้นสูงถึงมีคุณสมบัติพิทักษ์เมืองขั้น2 สำหรับเมืองขั้น3 ผู้พิทักษ์ต้องเป็นเทพแท้จริง..” คำอธิบายของหลินฮวงต่อมหาพิภพดึงความสนใจของทุกคน
“ในองค์กรขั้น(เกรด)5และ6 ระดับเทพเสมือนจะเป็นได้แค่สมาชิกนอก และบางคนก็ยังเป็นได้แค่สมาชิกสำรอง..” “ฝ่าบาท เหนือกว่าเทพแท้จริง ยังมียอดฝีมือระดับเทพสวรรค์จริงๆหรือขอรับ?”ดยุคคนหนึ่งอดถามไม่ได้
“แน่นอนว่ามี แม้กระทั่งในมหาพิภพ ระดับเทพสวรรค์ก็ยังถือได้ว่าเป็นพวกชั้นสูง ผู้พิทักษ์ของเมืองขั้น5หรือผู้นำองค์กรขั้น5คือเทพสวรรค์ สำหรับองค์กรที่ไร้เทพสวรรค์ พวกเขาจะไม่มีทางเป็นเมืองหรือองค์กรขั้น5ได้ สำหรับองค์กรขั้น6 ผู้นำต้องเป็นเทพสวรรค์ขั้นสูงสุด และอาจเป็นยอดฝีมือกึ่งจ้าวเทวะ”
“สำหรับจ้าวเทวะ พวกเขาคือตัวตนที่ทรงพลังสุดในมหาพิภพ โปรตอสคือหนึ่งในเผ่าที่ทรงอำนาจสุดในมหาพิภพ แต่จำนวนจ้าวเทวะทั่วทั้งแดนเทพมีแค่ประมาณเจ็ดคนเท่านั้น…”
หลินฮวงอธิบายสบายๆ แต่หัวใจทุกคนกลับเต้นกระหน่ำ
การประชุมนี้กินเวลาเกือบสองชั่วโมง เว้นแต่หวงเทียนฟู่ที่อธิบายการเปลี่ยนแปลงในโลกกรวดตลอดปี เวลาส่วนใหญ่คือการฟังหลินฮวง
คนของขัตติยะมีความอยากรู้และมีคำถามมากมายเกี่ยวกับมหาพิภพ
ท้ายที่สุด หลังพบหลินฮวงที่กลับมาจากมหาพิภพ คำถามแปลกๆย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติ
หลินฮวงใจเย็นและตอบทุกคำถามที่สามารถตอบได้
ต่อมา มันคือหวงเทียนฟู่ที่ไม่สามารถทนได้อีก เขาหยุดคำถามทุกคนและเร่งให้จบการประชุม หากพวกเขายังเฝ้าถามต่อไป การประชุมนี้อาจไม่จบสักที
นี่อาจเป็นการประชุมแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งขัตติยะที่ทุกคนไม่เต็มใจเดินออกห้องไป
ปล.จบกลุ่มแล้วนะทุกคน รักทุกคนน้า สามารถติดตามอ่านต่อได้ที่เว็บเลยนะค้าบ
ตอนที่ 1401
“พี่…”
เมื่อหลินฮวงออกห้องประชุม เขาก็พบกับหลินซินที่ยืนรอหน้าประตู
แน่นอน เขารู้ว่าหลินซินมารอเขากว่าชั่วโมงแล้ว เขาเดาว่าหวงเทียนฟู่และคนอื่นคงปล่อยข่าวการกลับมาของเขาออกไป
เขาไม่สามารถออกจากการประชุมได้กลางคัน หลินซินเองก็ไม่รบกวนการประชุม เธอรอด้านนอกเงียบๆ
ตอนนี้ที่เขาเห็นหลินซินอีกครั้ง หลินฮวงก็สังเกตเห็นว่าระดับพลังนางคือจักรพรรดิขั้นสูงสุดแล้วและความหนาแน่นของกลิ่นอายก็ใกล้เคียงกับเทพเสมือน
“พี่ไม่ได้เจอน้องแค่ปีเดียว แต่น้องสูงขึ้นมากเลยนะ”หลินฮวงยิ้ม เอื้อมมือไปลูบหัวหลินซิน
ปีที่แล้วหลินซินสูงแค่1.6เมตร ปีต่อมา นางสูงเกือบ1.7เมตรแล้ว ผมยาวประบ่าของนางถูกมัดเป็นหางม้าและความไร้เดียงสาบนหน้าก็ถูกแทนด้วยความเป็นผู้ใหญ่ นางเติบโตเป็นหญิงสาวที่สูงเพรียวและสง่างาม
หลินซินไม่พูดอะไร น้ำตายังคงเอ่อล้นออกจากตาเธอ
“ดูสิ พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย ทำไมน้องถึงร้องไห้กันเล่า?”หลินฮวงยิ้มและมองหลินซิน หลังไม่เจอนางมาปีหนึ่ง นิสัยของเด็กสาวคนนี้ก็ดูมั่นคงขึ้นมาก นางคงผ่านประสบการณ์มามาก
“หนูไม่ได้ร้อง!”หลินซินปิดตาด้วยฝ่ามือ เช็ดน้ำตาอย่างลืมตัว
น้ำตานางหายไปแล้วแต่ตายังแดงก่ำ
“ไม่เป็นไร น้องไม่ได้ร้อง มันยังไม่นับเป็นการร้องไห้จนกว่าน้ำตาจะร่วงลงพื้น”หลินฮวงกล่าวขณะส่งทิชชู่ให้นาง
หลินซินยื่มมือมารับ เช็ดน้ำตาจากหางตา จากนั้นก็แหงนมองหลินฮวงอีกครั้ง
“พี่ หวังว่าปีที่ผ่านมาพี่จะสบายดีนะ”
แม้นางเธออยู่นอกห้องประชุม นางก็ไม่สามารถได้ยินอะไรในห้องประชุมเลย นางรู้แค่ว่ามียอดฝีมือมากมายในมหาพิภพและหลินฮวงคงต้องทนทุกข์อย่างมากเพราะเขาจากไปด้วยระดับพลังที่ต่ำกว่าเทพเสมือน
“ก็ไม่เลวร้ายอะไร”หลินฮวงส่ายหัว”แม้จะมียอดฝีมือมากมายในมหาพิภพ พี่ก็ไม่ใช่คนที่จะสร้างศัตรูโดยไร้เหตุ ในความเป็นจริง เวลาส่วนใหญ่ของพี่ใช้กับการบ่มเพาะแสนน่าเบื่อกับการเดินทาง มันไม่ใช่นิยายที่ตัวเอกจะเจอกับการตามล่าไร้เหตุผล”
“ตรงกันข้าม น้องสิที่เปลี่ยนไปมาก ไม่เพียงจะเป็นจักรพรรดิขั้นสูงสุด แต่เต๋าดาบน้องยังเลื่อนเป็นขั้น5…อืม มันดูเหมือนว่าน้องจะไม่ขี้เกียจในการบ่มเพาะเต๋าดาบเลย พี่ไม่รู้ว่าการบ่มเพาะปืนน้องเป็นอย่างไรบ้าง”
“ข้าไม่ได้ขี้เกียจในด้านนั้นเหมือนกัน”หลินซินกล่าว”ข้าได้รับการจัดอันดับบนกระดานผู้ใช้ปืนด้วย”
“โอ้ ไหนพี่ขอดูหน่อย”หลินฮวงนำกระดานออกมาตรงหน้าทันที หลังเหลือบมอง แววตาเขาก็เปลี่ยนไป
อย่างน่าประทับใจ ชื่อของหลินซินอยู่ในอันดับหนึ่งของบรรดาผู้ใช้ปืนระดับจักรพรรดิ
หลินซินลอบสังเกตสีหน้าของหลินฮวง ฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นความประหลาดใจของพี่ชายตัวเอง
“หือ ไม่เลวเลย น้องเป็นอันดับหนึ่ง ดูเหมือนว่าน้องจะไม่ได้หย่อนยานเลย”หลินฮวงชมนาง
“ข้าไม่สามารถเลื่อนเป็นเทพเสมือนได้ ข้าจึงใช้เวลาส่วนใหญ่กับการฝึกเทคนิคปืนและทักษะดาบ”หลินซินพึมพำเสียงต่ำ
“ไม่สามารถเลื่อนเป็นเทพเสมือนได้?”หลินฮวงตกตะลึง”น้องเลื่อนระดับพลังโดยการกินคริสตัลชีวิตไม่ใช่งั้นหรอ?หากน้องตามเคล็ดบ่มเพาะ ในทางทฤษฏี น้องแค่ต้องแทนคริสตัลชีวิตด้วยบางสิ่งที่มีพลังเทวะ เช่นหินเทวะและคริสตัลเทวะ”
“ไม่ ข้าลองทั้งหินเทวะและคริสตัลเทวะแล้ว แต่กลับไม่มีการตอบสนองเลย”หลินซินส่ายหัว”คุณฟู่ขอให้ข้าลองล่ามอนสเตอร์ระดับเทพเสมือนด้วย แต่ก็ยังไม่มีการตอบสนองใดๆหลังการล่า”
“สถานการณ์เช่นน้องเห็นได้ชัดว่าต้องมีเงื่อนไขพิเศษ”หลินฮวงขมวดคิ้วและขบคิด”น้องลองกินแก่นเทวะหรือยัง?”
“กินแก่นเทวะ?!”ดวงตาของหลินซินเบิกกว้างเมื่อได้ยิน”พวกเขาบอกว่าแม้กระทั่งเทพแท้จริงก็ยังทำลายแก่นเทวะไม่ได้ ของแบบนี้จะสามารถกินจริงๆได้หรือ?”
“ผู้บ่มเพาะทั่วไปเองก็ไม่กินคริสตัลชีวิตเช่นกัน แต่น้องกินได้ ใครจะไปรู้?”หลินฮวงบ่น”หากน้องไม่อยากลอง เราจะคิดหาทางอื่นกันแทน”
“งั้น..มาลองดูกัน”หลินซินลังเลแต่ก็พยักหน้า
หลินฮวงสุ่มหยิบแก่นเทวะเทพเสมือนขั้น1จากมิติเก็บของเขาและส่งมันให้หลินซิน
หลินซินรับมา สีหน้านางค่อนข้างแปลก
แก่นเทวะนี้เป็นสีแดงสนิทพร้อมแถบสีดำไม่กี่เส้น มันดูเหมือนอัญมณี
หลินซินนำแก่นเทวะมาตรงหน้าและศึกษามันสักพัก จากนั้นก็หลับตาและยัดมันเข้าปาก
“หากน้องไม่สามารถกัดมันได้ งั้นก็อย่าฝืน และอย่ากลืนมันลงไปตรงๆ”หลินฮวงรีบกล่าวเสริม
เขาสังเกตเห็นว่าสีหน้าของหลินซินดูแปลกไป”พี่พูดช้าไป มันไหลลงไปแล้ว”
“..”หลินฮวงพูดไม่ออก”น้องไม่รู้สึกอยากอาเจียนหรือสำลักเลยงั้นหรอ?”
“ไม่ค่ะ ผิวสัมผัสมันเหมือนพุดดิ้งเลย มันละลายทันทีที่ข้าเอามันเข้าปากและข้าก็เผลอกลืนลงไป”
“พุดดิ้งอะไร…ข้ายังไม่สามารถกัดสิ่งนี้ได้เลย”แก่นเทวะระดับเทพเสมือนอาจบอกได้ว่าเป็นอะไรที่แข็งสุดในตัวเทพเสมือน แข็งยิ่งกว่าสมบัติเทพ ต่อให้มันเป็นแค่เทพเสมือนขั้น1 แก่นเทวะในตัวก็แข็งแกร่งจนมีเพียงพลังกฏเทพถึงทำให้เสียหายได้
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมหลินฮวงถึงแทบตาเหลือกเมื่อได้ยินหลินซินบอกว่ามันเหมือนพุดดิ้ง
“น้องรู้สึกถึงอะไรไหม?หรือน้องต้องใช้เวลากลั่น?”เมื่อเห็นว่าหลินซินไม่ได้ทำท่าเหมือนกินของสกปรกไป หลินฮวงก็ถามอีกครั้ง
“ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลจริงๆ!”หลินซินส่งจิตสำนึกตัวเองเข้าไปในตัวสักพักก่อนตอบสนอง”แก่นเทวะสลายตัวเองในตัวข้าไม่เพียงจะมีพลังเทวะจำนวนมากไหลออกมา แต่มันยังทิ้งความทรงจำสืบทอดไว้มาก แก่นเทวะอันหนึ่งดูเหมือนจะไม่พอ..”
ทันทีที่หลินซินพูดจบ หลินฮวงผู้ยืนข้างๆก็คว้าแก่นเทวะเทพเสมือนขั้น1ออกมาเป็นกอง
“แก่นเทวะเหล่านี้ควรทำให้น้องอิ่มได้”
หลินซินรับแก่นเทวะมา โยนพวกมันเข้าไปในปากทีละอัน และกลืนพวกมันไปอย่างรวดเร็วราวกับกำลังกินเยลลี่
นางกินแก่นเทวะไปเก้าอันติดก่อนจะหยุด
“มันดูเหมือนจะอิ่มตัวแล้ว ข้ารู้สึกว่าพลังเทวะภายในตัวข้าอยู่ในจุดอิ่มตัว ข้าต้องกลับไปบ้านและเริ่มปิดประตูบ่มเพาะ!”
หลังพูดจบ นางก็ส่งแก่นเทวะที่เหลือคืนให้หลินฮวง
“เก็บไว้เถอะ เผื่อน้องต้องใช้อีก”หลินฮวงไม่รับมันมา เขากลับส่งแหวนมิติให้น้องสาวเขา”มีแก่นเทวะเทพเสมือนขั้น1-9อยู่ในนี้ แถมยังมีคริสตัลเทวะด้วย เอาพวกมันไปใช้เถอะ”
“ขอบคุณค่ะ พี่!”หลังหลินซินขอบคุณหลินฮวง นางก็รีบวิ่งออกไป
นางแทบรอไม่ไหวที่จะก้าวสู่อาณาจักรระดับเทพเสมือน
‘เด็กคนนี้-ร่างกายช่างน่าอิจฉาจริงๆ’ขณะเขามองหลินซินวิ่งออกไป หลินฮวงก็อดถอนหายใจไม่ได้’ข้าเองก็อยากมีร่างกายแบบนี้ ไม่เพียงจะกินนอนได้จนถึงระดับเทพแท้จริง แต่ข้าอาจกินได้จนถึงระดับเทพสวรรค์!’
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น