Monster Paradise 1383-1398
1383
หลังเขาผ่านประตูมิติ หลินฮวงก็ตาลายสักพักก่อนได้สติ
เขากวาดตามองรอบๆ ทั้งหมดที่เขาเห็นคือโลกสีขาวบริสุทธิ์
ทุ่งหิมะไร้สิ้นสุดทอดยาวไปไกลสุดลูกตา ไม่มีใครรู้ว่าสถานที่นี้ถูกปกคลุมด้วยหิมะมากี่ปี
ท้องฟ้าด้านบนเป็นสีเทา หิมะสว่างลอยลงมา
ด้วยลมเย็นพัดใส่เขาตรงๆ หลินฮวงรู้สึกหนาวสั่นแม้จะมีไฟเทวะในตัว
“อุณหภูมิในสถานที่นี้ใกล้กับศูนย์สัมบูรณ์แล้ว..”
เขามองรอบๆ ไม่สังเกตเห็นผู้เข้าร่วมคนอื่น มันชัดเจนว่าเขาคือคนเดียวที่ถูกส่งมายังบริเวณนี้
ด้วยการใช้จิตเทวะเพื่อสำรวจภาพแวดล้อมเขา หลินฮวงขมวดคิ้วเล็กน้อย
มิติบรรพกาลนี้จะจำกัดความสามารถตรวจจับของจิตเทวะ แม้ว่าพลังจิตเทวะเขาจะเทียบได้กับเทพแท้จริง รัศมีตรวจจับก็อยู่ที่ประมาณร้อยกิโลเมตร
“เนื่องจากการรับรู้จิตเทวะของฉันถูกจำกัด มันดูเหมือนว่าฉันต้องใช้วิธีอื่นเพื่อหาเหยื่อ”ขณะคิด หลินฮวงก็ได้นำการ์ด
มอนสเตอร์ออกมาแล้ว
เมื่อการ์ดถูกขยี้ มนุษย์กึ่งหุ่นยนต์หัวล้านสูงกว่าสามเมตรก็ค่อยๆก่อตัวขึ้นข้างหลินฮวง
ครั้งนี้ เป้าหมายอัญเชิญของหลินฮวงคือราชาจักรกล(จ้าวสงคราม)
“อย่างแรก ตรวจสอบว่ามีมอนสเตอร์ระดับเทพเสมือนขั้นสูงใกล้ๆไหม?”
หลังเจ้าแดงออกเดินทางไป หลินอวงก็ส่งมอบงานสำรวจให้ราชาจักรกล และราชาจักรกลก็เหมาะกับงานนี้มาก
ราชาจักรกลได้รับคำสั่งและรีบปล่อยแมลงจักรกลคล้ายเกล็ดหิมะจำนวนมากออกไปซึ่งปะปนกับหิมะจริงและลอยไปทั่ว
แมลงจักรกลที่ราชาจักรกลปล่อยสามารถแปลงเป็นรูปแบบใดก็ได้และไม่ปล่อยความผันผวนพลังชีวิตใดๆ พวกมันสามารถหลอกผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ในมหาพิภพได้ง่ายๆ
พลังของราชาจักรกลคือเทพเสมือนขั้น8 มีเพียงผู้ที่เป็นเทพแท้จริงขั้น8ขึ้นไปถึงตรวจจับมันได้
แน่นอน มันยังเป็นไปได้สำหรับผู้บ่มเพาะจำนวนหนึ่งที่มีความสามารถจิตเทวะอันล้ำลึกหรือการรับรู้พิเศษที่จะพบแมลงจักรกลเหล่านี้
เกือบชั่วโมงต่อมา แมลงจักรกลส่งข้อมูลผลการสำรวจเบื้องต้น ราชาจักรกลสร้างแผนที่ขนาดเล็กขึ้นและฉายมัน
แผนที่นี้ครอบคลุมพื้นที่โดยรอบเกือบสามพันกิโลเมตร
“จุดขาวเป็นมอนสเตอร์ระดับเทพเสมือนขั้นต้นและกลาง จุดเหลืองคือเทพเสมือนขั้นสูง และเทพเสมือนขั้น9ก็จะเป็นจุดเหลืองกระพริบ จุดแดงคือมอนสเตอร์เทพแท้จริง สีที่เข้มกว่าก็ยิ่งมีกลิ่นอายรุนแรง”
“แล้วจุดเขียวละ?”หลินฮวงถาม
“นี่คือผู้เข้าร่วม”
“เอาละ งั้นวางแผนเส้นทางการล่าก่อน”
หลินฮวงพูดยังไม่ทันจบ เส้นสีขาวก็เชื่อมต่อกับจุดสีเหลืองส่วนใหญ่บนแผนที่แล้ว
“หากเราใช้เส้นทางนี้ เราสามารถฆ่าเทพเสมือนขั้นสูง76%ได้โดยไม่ต้องย้อนไปมา”ราชาจักรกลอธิบาย
“งั้นก็ไปตามเส้นทางนี้”หลินฮวงพยักหน้าเล็กน้อย
หลังพวกเขากำหนดเส้นทาง ทั้งสองก็ออกเดินทางโดยไม่ลังเล รีบตรงไปหาเป้าหมายแรก
หลังผ่านไปประมาณสามนาที ทั้งสองก็พบเป้าหมายแรก จิ้งจอกเหมันต์
จิ้งจอกเหมันต์เหมือนจิ้งจอกสีขาวหิมะ แต่มันใหญ่กว่าจิ้งจอกบนโลกมาก ไม่รวมหางยาวทั้งสาม มันยาวประมาณสามเมตร
มอนสเตอร์กลายพันธ์ประเภทนี้จะบ่มเพาะความสามารถเทวะธาตุน้ำแข็ง สถานที่เย็นคือที่ที่มันชอบ
ไม่เพียงจะมีความเร็วสูง แต่พลังของกรงเล็บและคมเขี้ยวมันก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าสมบัติเทพ พวกมันยังสร้างเกราะน้ำแข็งคลุมร่างและมีความสามารถป้องกันน่าทึ่ง
นอกจากการใช้กลยุทธ์ระยะประชิด พวกมันยังใช้เทคนิคธาตุน้ำแข็งที่ช่วยให้ต่อสู้ระยะไกลและสนับสนุนได้
อาจกล่าวได้ว่าจิ้งจอกเหมันต์นั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่รอบด้าน
พลังของจิ้งจอกตนนี้คือเทพเสมือนขั้น7 แต่ในแง่ของความสามารถโดยรวม มันต้องใช้ความพยายามมากหากเทพเสมือนขั้น9ทั่วไปอยากล่ามัน
แต่ทว่า จิ้งจอกเหมันต์นั้นโชคร้ายที่มาพบหลินฮวง
สิ่งมีชีวิตนั้นส่งเสียงขู่เตือนก่อนหัวมันจะถูกเจาะด้วยแสงสีเงิน
เกือบจะวินาทีต่อมา แสงสีเงินก็พุ่งกลับมา วนรอบหลินฮวงและตกลงบนฝ่ามือเขา
มันคือมีดบินสีเงินเล่มหนาประมาณสองนิ้ว
หลินฮวงเล่นกับอาวุธในมือสักพักและพยักหน้าพอใจ”นี่ใช้ง่ายมาก!”
มีดบินคือหนึ่งในอาวุธพลังจิตที่หลินฮวงสร้างจากอาวุธเซียนเขา
นี่คือครั้งแรกที่เขาลองใช้มันในการต่อสู้จริง มันใช้งานง่ายกว่าที่เขาคิด
หลินฮวงเดินไปที่ศพของจิ้งจอก ดึงเอาแก่นเทวะสีขาวคล้ายผลึกน้ำแข็งออกมา และเก็บศพมันลงในมิติเก็บของ
หลังโยนแก่นเทวะลงไฟเทวะภายในตัวเขา หลินฮวงก็ขมวดคิ้ว
“มันยังไม่อาจดูดซับอะไรได้..”
เหมือนกับครั้งก่อนๆ วังชีวิตปฏิเสธที่จะดูดซับพลังงานจากแก่นเทวะ
ในตอนแรก หลินฮวงคิดว่าการปฏิเสธดูดซับพลังงานเป็นเพราะพลังเขาพัฒนาเร็วเกินไปและก็ขาดรากฐานที่มั่นคง แต่ทว่า มันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่เขาเลื่อนเป็นจักรพรรดิขั้น9แต่วังชีวิตเขาก็ยังอยู่ในสภาพอิ่มตัว ไม่ยอมดูดซับพลังงานของแก่นเทวะ
แม้วังชีวิตจะดูเหมือนอิ่มตัวอย่างสมบูรณ์ หลินฮวงก็สัมผัสได้ชัดเจนว่าวังชีวิตเขายังไม่สมบูรณ์
หลินฮวงยังพิจารณาว่าบางทีวังชีวิตอาจปฏิเสธที่จะดูดซับพลังงานของแก่นเทวะเพราะมีเงื่อนไขพิเศษที่เขาต้องเติมเต็ม
ครั้งนี้เขาตั้งใจลงมือเองแทนที่จะซื้อแก่นเทวะตรงๆ เผื่อที่ว่าเงื่อนไขเขาอาจเป็นการต้องฆ่ามอนสเตอร์เองและรับเอาแก่นเทวะ แต่ทว่า มันดูเหมือนจะไม่ใช่
เขายืนนิ่งสักพักและคิดก่อนหันไปมองราชาจักรกล”ปรับเส้นทาง ลบเทพเสมือนขั้น7ออกไปจากเป้าหมายการล่า”
แม้ราชาจักรกลจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันก็ยังทำตามที่เขาสั่ง จุดเหลืองบนแผนที่ลดลงไปกว่าครึ่งทันที
เส้นทางใหม่ถูกวางทันที
หลังผ่านไปห้าถึงหกนาที หลินฮวงและราชาจักรกลก็มาถึงตำแหน่งของเป้าหมายที่สอง
มอนสเตอร์เทพเสมือนขั้น8ตนนี้ชื่อว่าปีศาจวัว
ด้วยความสูงกว่าห้าเมตร มันปกคลุมด้วยขนที่หนากว่าปีศาจวัวปกติหลายเท่า ดวงตาสีแดงอมม่วงทั้งสี่มันจ้องหลินฮวงที่เหยียบย่างเข้าอาณาเขตมัน
แต่วินาทีต่อมา แสงสีเงินก็สาดวูบ ก่อนปีศาจวัวจะได้ตอบสนอง แสงสีเงินก็เจาะหน้าผากมันแล้ว
แสงในตาสีแดงอมม่วงทั้งสี่ของมันหม่นแสงลง ร่างใหญ่โตมันล้มกับพื้น
มันเป็นการฆ่าทันที!
หลินฮวงครอบครองจิตเทวะที่ทรงพลังเท่ากับเทพแท้จริง แถมมีดบินพลังจิตยังเทียบได้กับสมบัติเทพสวรรค์ ต่อให้ไม่มีพลังกฏเทพและการตรัสรู้ธาตุ นี่ก็มากพอจะฆ่าผู้บ่มเพาะที่ต่ำกว่าเทพแท้จริง
หลังใช้เวลาไม่กี่วินาทีเพื่อดึงเอาแก่นเทวะจากปีศาจวัว หลินฮวงก็โยนมันเข้าตัวเขาอีกครั้ง
หลังรอสักพัก เขาก็ขมวดคิ้วแน่น
“มันยังไม่ได้ผล..”
“ราชาจักรกล ปรับเส้นทางใหม่อีก ลบเทพเสมือนขั้น8 และเก็บเทพเสมือนขั้น9ไว้!”
ราชาจักรกลฉายแผนที่อีกครั้ง
เส้นทางเปลี่ยนไปอีกครั้ง แต่ตอนนี้ ในบรรดาจุดสีเหลืองมากมาย มันเหลือแค่4จุด..
1384
เมื่อมองจุดสีเหลืองกระพริบสี่จุดบนแผนที่ สีหน้าของหลินฮวงก็ไม่ได้ผ่อนคลายเลย
เขายังไร้เบาะแสว่าเงื่อนไขการพัฒนาวังชีวิตเขาคืออะไร
“ไปกัน เราจะตรงไปจุดที่ใกล้สุดก่อน”
แม้เขาจะไร้เบาะแส เขาก็ยังต้องสานต่อความคิด คัดกรองและแยกความเป็นไปได้ออกทีละอย่าง
ครั้งนี้ เป้าหมายเขาอยู่ไกลออกไป หลินฮวงและราชาจักรกลต้อ งใช้เวลากว่าสิบนาทีก่อนมาถึงตำแหน่งมัน
เป้าหมยาที่สามคือซอมบี้เหมันต์
มอนสเตอร์ตนนี้ดูดุร้าย เต็มไปด้วยขน สูง7-8เมตร สำหรับว่ามันเป็นตัวอะไรในชีวิตก่อนหน้ามัน หลินฮวงไม่อาจบอกได้ แต่ทว่า เขาสามารถยืนยันได้ว่าซอมบี้ตนนี้คืออันเดท พูดตรงๆ มันเป็นอันเดทเทพเสมือนขั้น9
เมื่อสัมผัสกลิ่นอายของผู้บุกรุกได้ ซอมบี้ก็ยกหัว จ้องหลินฮวงและราชาจักรกล มันคำรามอย่างดุเดือดและปล่อยแสงสว่างเหมือนเปลวไฟดุร้าย กลิ่นอายมันทรงพลังมากกว่าเทพเสมือนขั้น9ทั่วไป
“พลังของกลิ่นอายนี้…ระดับบรรพกาล?”หลินฮวงอดเลิกคิ้วไม่ได้เมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายของมัน
เขาแค่แปลกใจเล็กน้อย เหนือสิ่งอื่นใด เขาเป็นสิ่งมีชีวิตระดับบรรพกาลมามากเกินไป
คลื่นแสงของซอมบี้เหมันต์พุ่งถึงจุดสูงสุด มันงอเข่าเล็กน้อย กระโดดขึ้นสูงในอากาศไปทางหลินฮวง
แต่วินาทีต่อมา หลินฮวงก็สะบัดแขนเสื้อเขาเล็กน้อยและคลื่นแสงสีเงินก็บินขึ้นฟ้าไป
คลื่นแสงยิงใส่หน้าผากของซอมบี้ด้วยความเร็วสูงล้ำ เจาะมันโดยไม่มีการต่อต้านใดๆ
ซอมบี้ไม่มีเวลาหลบเลยขณะที่มีดบินพลังจิตเจาะผ่านสมองมันและทะลุออกหลังหัวมัน ร่างที่กระโจนมากระแทกกับน้ำแข็ง ทำให้เกิดหมอกควัน
หลินฮวงจ้องบริเวณที่มีหมอกปกคลุม แต่ก็ต้องขมวดคิ้ว
“มันยังไม่ตาย?”
จุดสำคัญของอันเดทบางประเภทนั้นไม่เหมือนกับมอนสเตอร์ทั่วไป โดยปกติ หัวคืออวัยวะสำคัญของมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ แต่ทว่า แม้หัวมันจะแหลก ซอมบี้เหมันต์ตรงหน้าหลินฮวงก็ยังไม่แสดงถึงกลิ่นอายที่อ่อนแรงลง เห็นได้ชัดว่าหัวมันไม่ใช่จุดสำคัญ
จากภายในกลุ่มหมอก ซอมบี้แผดเสียงร้องโหยหวน ดุร้ายยิ่งกว่าเดิม
เห็นได้ชัดว่าการโจมตีก่อนหน้าของหลินฮวงได้ทำให้มันโกรธ
“มันดูเหมือนว่าจะไม่ฉลาดมาก”ทันทีที่หลินฮวงพูดจบ มีดบินที่เจาะผ่านหัวของซอมบี้ไปก็วกกลับ และแหวกผ่านกลุ่มหมอก
เกือบจะในเวลาเดียวกัน เสียงคำรามของซอมบี้ก็หยุดลง
หลังจากนั้นคู่หนึ่ง ร่างของหลินฮวงก็ค่อยๆลอยลงบนพื้น
ภายในบริเวณที่มีหมอกปกคลุม เขาเห็นศพของซอมบี้ที่หมอบอยู่กับพื้น มีบาดแผลบนหน้าอกฝั่งซ้ายมัน นี่คือผลจากการโจมตีรอบสอง
พลังชีวิตของมันลดลงอย่างรวดเร็ว
หลินฮวงมองอย่างไร้อารมณ์ หลังเก็บมีดบิน เขาก็รีบสกัดเอาแก่นเทวะจากซอมบี้
ขณะโยนแก่นเทวะลงในตัว หลินฮวงก็ส่งจิตสำนึกเขาเข้าไปในตัพร้อมกัน
แก่นเทวะสีฟ้าน้ำแข็งใช้เวลานานกว่าจะละลายภายในเปลวไฟของไฟเทวะ
แต่ทว่า หลินฮวงไม่ต้องรอจนมันกลั่นอย่างสมบูรณ์ เขาเพียงแค่ต้องรอให้พลังงานของแก่นเทวะถูกสกัดออกมา ซึ่งจากนั้นก็จะผสานมันกับวังชีวิตเขา
ครั้งนี้ วังชีวิตไม่ปฏิเสธการดูดซับพลังงานแก่นเทวะ แต่กลับยอมรับมันแทน
หลินฮวง ผู้ไม่คาดหวังอะไรกลับตื่นเต้นหลังเห็น
แต่ทว่า เขาก็รีบสงบสติลง
“งั้นวังชีวิตก็จะดูดซับแค่แก่นเทวะขั้น9 หรืออันนี้มีอะไรพิเศษ?”
หลายเดือนก่อนตอนเขาเลื่อนเป็นจักรพรรดิขั้น9 เขารู้สึกว่าระดับจักรพรรดิยังไม่สมบูรณ์ ตอนนั้น เขาพยายามลองแก่นเทวะขั้น1-9ทีละอัน แต่วังชีวิตก็ปฏิเสธ
ตอนนี้วังชีวิตเต็มใจดูดซับแก่นเทวะขั้น9นี้ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่ามันใช้อะไรเป็นเกณฑ์วัด
หลังคิดครู่หนึ่ง หลินฮวงก็ออกจากโลกภายในตัวเขา
“ไปหาเป้าหมายต่อไป!”
หลังเขาเก็บซอมบี้เหมันต์ลงมิติเก็บของ หลินฮวงและราชาจักรกลก็ตรงไปทางมอนสเตอร์เทพเสมือนขั้น9ตัวที่สอง
หลังผ่านไปประมาณ6-7นาที ทั้งสองก็มาถึงเป้าหมาย
ครั้งนี้ เป้าหมายของพวกเขาคืออีกาหิมะ
นี่คือสายพันธ์ของตระกูลนกกา มันมีขนาดเล็ก ใหญ่กว่าฝ่ามือเพียงเล็กน้อย
แม้มันจะไม่ใหญ่ ระดับพลังของสิ่งมีชีวิตนี้ก็ไม่ได้อ่อนแอ ความเร็วพวกมันสูงกว่ามอนสเตอร์ระดับเดียวกันถึง90% พวกมันยังมีความเชี่ยวชาญในวิชาลับการโจมตีด้วยพลังจิตและมีทักษะสูงในเทคนิคการโจมตีทางจิตร่วมกับธาตุน้ำแข็ง หากพบคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอ พวกมันยังสามารถตรึงวิญญาณของคู่ต่อสู้ได้ด้วยการจ้องมอง
เมื่อสัมผัสถึงการมาของหลินฮวงและราชาจักรกล อีกาหิมะก็แผดเสียงร้องดัง
คลื่นพลังจิตมันกวาดไปเหมือนคลื่นที่มองไม่เห็น กลืนกินหลินฮวงและราชาจักรกล
ทั้งคู่ยอมหใคลื่นพลังจิตเจาะผ่านร่างพวกเขาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึน้
สำหรับหลินฮวง เขาสามารถต่อต้านการโจมตีเช่นนี้ได้โดยสิ้นเชิง
พลังวิญญาณเขาเทียบได้กับเทพแท้จริง และเขาก็ต้านทานการโจมตีทางจิตของระดับเทพเสมือนได้เกือบทุกรูปแบบ ไม่ต้องพูดถึงอีกาหิมะระดับตำนานตนนี้
สำหรับราชาจักรกล มันคือจักรกล มันไม่มีวิญยาณ ดังนั้นย่อมต้านทานการโจมตีทางจิตได้หมด
หลินฮวงขยับมือเล็กน้อย แสงสีเงินยิงออกจากข้อมือเขาและพุ่งไปในปากของอีกาหิมะ ออกจากกะโหลกมันโดยไร้สิ่งกีดขวาง
หลังฆ่าอีกาหิมะ หลินฮวงก็ดึงแก่นเทวะมันออกมาอย่างรวดเร็วและโยนเข้าตัวเขา
หลังจากนั้น เขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง
“มันไม่ดูดซับ?”
แก่นเทวะของอีกาหิมะยังเป็นแก่นเทวะเทพเสมือนขั้น9 แต่วังชีวิตกลับปฏิเสธมัน
แต่ทว่า พลังงานจากแก่นเทวะของซอมบี้เหมันต์กลับได้รับการยอมรับ
“พวกมันล้วนเป็นแก่นเทวะขั้น9 อันหนึ่งถูกดูดซับ แต่อีกอันไม่..”หลินฮวงยืนพิจารณาและวิเคราะห์เหตุผลที่เป็นไปได้”หรือเพราะแก่นเทวะของซอมบี้เหมันต์เป็นของมอนสเตอร์ชั้น4 และอีกาหิมะแค่มอนสเตอร์ชั้น3?”
เขาคิดย้อนกลับไปอย่างถี่ถ้วน หลังเขาเลื่อนเป็นจักรพรรดิขั้น9 เขาพยายามกลั่นแก่นเทวะ สุดท้าย เขาก็ลองแก่นเทวะจากขั้น1-9ทีละอัน และวังชีวิตก็ยังปฏิเสธพลังงานทั้งหมด แต่ทว่า ทั้งหมดที่เขาใช้ตอนนั้นก็ล้วนเป็นแก่นจากมอนสเตอร์ระดับตำนาน ไม่ใช่จากมอนสเตอร์ระดับบรรพกาลที่เป็นชั้น4
“งั้นวังชีวิตก็จะไม่ยอมรับพลังงานจากแก่นเทวะที่ต่ำกว่าชั้น4สินะ?”ดวงตาของหลินฮวงค่อยๆสว่างขึ้น
“ราชาจักรกล มีมอนสเตอร์ชั้น4ในเป้าหมายที่เหลือไหม?”หลินฮวงหันไปถาม
“มีวิญญาณน้ำแข็งที่ควรเป็นชั้น4”
“งั้นก็ไปกัน!เราจะล่าวิญญาณน้ำแข็งเดี๋ยวนี้!”หลินฮวงอดใจรอไม่ไหว
1385
ยักษ์น้ำแข็งคือเผ่าวิญญาณน้ำแข็งที่เกิดจากน้ำแข็งและหิมะ
ขณะเกิดใหม่ พวกมันก็เป็นเทพเสมือนแล้วโดยมีร่างเป็นผลึกสีขาวหิมะ เมื่อเติบโต พวกมันจะสูงกว่าร้อยเมตรและเลื่อนเป็นเทพแท้จริง ร่างพวกมันยังเปลี่ยนเป็นสีฟ้าน้ำแข็ง
มอนสเตอร์ประเภทนี้คือปีศาจธาตุชั้น4 ความสามารถป้องกันมันทรงพลังมาก หากเป็นในหมู่สิ่งมีชีวิตระดับบรรพกาลชั้นเดียวกัน มันยังจัดเป็นชั้นบน นอกจากนี้ มันยังมีความสามารถฟื้นตัวสูงมากและสามารถดึงความชื้นจากอากาศเพื่อรักษาตัวได้
ปัญหายากอีกอย่างคือสิ่งมีชีวิตนี้ไม่มีจุดสำคัญใด พูดให้ถูก ส่วนสำคัญมันคือวัตถุที่เรียกว่าใจน้ำแข็งที่ซ่อนในตัวมัน แต่ทว่า วัตถุนี้ไม่ใช่หัวใจจริงๆ ไม่งั้นมันคงซ่อนภายในหน้าอกเหมือนหัวใจมนุษย์
หัวใจของยักษ์น้ำแข็งสามารถอยู่ส่วนไหนของร่างกายก็ได้ และยักษ์น้ำแข็งทุกตัวก็อาจมีหัวใจน้ำแข็งต่างจุดกัน หัวใจน้ำแข็งอาจอยู่บนเท้า หรือหลังหัวมันก็ได้
เป้าหมายการล่าของหลินฮวงครั้งนี้คือยักษ์น้ำแข็งที่เกือบโตเต็มที่ ระดับพลังมันคือเทพเสมือนขั้น9
เมื่อเขาเข้าใกล้เหยื่อ หลินฮวงก็สามารถเห็นมันได้แต่ไกลด้วยความสูงเกือบร้อยเมตร
ช่วงบนของยักษ์น้ำแข็งดูเหมือนจะถูกหลอมจากก้อนหินที่ใสประดุจน้ำแข็ง
แค่มองหัวและสภาพร่างกาย หลินฮวงก็รู้ว่าผู้บ่มเพาะระดับเดียวกับมอนสเตอร์ตัวนี้จะไม่กล้ายั่วยุมัน
หากไม่มีสมบัติกฏเทพในมือ มันอาจยากที่จะทำลายการป้องกันของมัน สิ่งที่น่ากลัวคือมันครอบครองพลังฟื้นตัวที่แข็งแกร่งมาก
แต่ทว่า สำหรับหลินฮวง การล่าเจ้าตัวนี้ไม่ใช่งานยาก
ก่อนยักษ์น้ำแข็งจะได้สร้างปัญหา หลินฮวงก็เริ่มโจมตีจากระยะไกลแล้ว
ครั้งนี้ เขาระวังตัวกว่าเดิม
มีดบินพลังจิตประมาณร้อยเล่มยิงจากแขนเสื้อเขา แต่ละเล่มเสริมด้วยพลังกฏเทพธาตุไฟ ปีศาจรอยสัก
ไฟดำของปีศาจรอยสักปกคลุมมีดบินทุกเล่ม พวกมันดูเหมือนดาวตกสีดำ
ในเวล่แค่วินาทีเดียว มีดเหล่านี้ก็เปลี่ยนร่างใหญ่โตของยักษ์น้ำแข็งให้พรุนได้
มีดบินแต่ละเล่มที่ปกคลุมด้วยไฟสามารถตัดผ่านการป้องกันของมันง่ายๆราวกับเฉือนผ่านกระดาษ พวกมันเจาะผ่านด้านหน้า ออกด้านหลังง่ายๆ
มันดูเหมือนจะง่ายพอสำหรับหลินฮวงที่จะเจาะการป้องกันของยักษ์น้ำแข็ง แต่เขารู้ว่าหากการโจมตีนี้ไม่เสริมด้วยพลังกฏเทพ มันไม่มีทางที่เขาจะเจาะการป้องกันมันได้
แต่ทว่า ต่อให้การโจมตีของหลินฮวงจะทำให้ยักษ์น้ำแข็งมีรูทั่วตัว มันก็ยังแข็งแกร่งเท่าเดิม
“การโจมตีไม่โดนหัวใจน้ำแข็ง..”หลินฮวงใช้จิตเทวะและพบปัญหาทันที
วินาทีต่อมา มีดบินนับร้อยก็วนกลับ โจมตีอีกชุด
โดยไม่ให้โอกาสมันฟื้นตัว มีดแทงผ่านมันอีกครั้งและรูบนตัวมันก็เพิ่มเป็นสองเท่าในชั่วพริบตา
“ยังไม่โดนอีก?”คิ้วของหลินฮวงเลิกขึ้นขณะสัมผัสว่ากลิ่นอายของมันไม่ลดลงเลย
อีกครั้ง มีดบินพุ่งเจาะผ่านตัวยักษ์น้ำแข็งไป…
ในการโจมตีรอบสามนี้ หลินฮวงสัมผัสว่ามีดบินเล่มหนึ่งของเขาโดนบางสิ่ง เขารีบใช้ด้ายพลังจิตเพื่อกระตุกวัตถุนั้นออกจากภายในตัวยักษ์น้ำแข็ง
วินาทีที่วัตถุหลุดจากตัวมัน หลินฮวงก็พบว่ากลิ่นอายของมันลดลงอย่างรวดเร็ว
หลังหลินฮวงใช้จิตเทวะเพื่อลากวัตถุออกมา เขาถึงรู้ว่ามันเป็นผลึกขาวขนาดเท่ากำปั้นคนทั่วไป
ผลึกโปร่งใส ผิวมันดูราวกับถูกล้อมด้วยวงแหวนหมอกขาวที่ปล่อยกลิ่นอายเย็นฉ่ำ
วัตถุนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นหัวใจน้ำแข็งของยักษ์น้ำแข็ง
เมื่อหัวใจน้ำแข็งถูกดึงอกอ พลังชีวิตของยักษ์น้ำแข็งก็มอดดับลง ร่างมันทรุดลงกับพื้น เปลี่ยนเป็นเนินเขาน้ำแข็ง
หลินฮวงมอบหัวใจน้ำแข็งตรงหน้าก่อนเก็บมันไป หลังจากนั้น ก็ก้าวไปเนินน้ำแข็งเพื่อดึงเอาแก่นเทวะออกมา
หลังโยนแก่นเทวะลงในไฟเทวะ หลินฮวงก็รอด้วยความคาดหวัง
วินาทีที่ไฟเทวะกลั่นพลังงานแก่นเทวะเสี้ยวเล็กๆ มันก็ล่องลอยไปทางวังชีวิตและผสานเข้าไป
แก่นเทวะสีขาวซีดกลิ่นอายเย็นเฉียบลอยไปตรงหน้าวังชีวิต จากนั้นก็ไหลเข้าไปง่ายๆโดยไร้การต่อต้าน
เมื่อเห็นอย่างนี้ ดวงตาเขาก็เป็นประกาย
“วังชีวิตดูดซับมัน!การคาดเดาของฉันถูกต้อง!”
วังชีวิตรับพลังงานจากแก่นเทวะเป็นครั้งที่สอง ยืนยันทฤษฏีก่อนหน้าเขาที่ว่าวังชีวิตจะดูดซับแค่พลังงานจากแก่นเทวะชั้น4!
หลังผ่านไปหลายเดือนโดยไร้เบาะแส ในที่สุดเขาก็พบทาง
เขามีความสุขมาก
“ราชาจักรกล ไม่ต้องกำหนดเป้าไปที่เทพเสมือนอื่นอีก เอาแค่มอนสเตอร์ชั้น4ระดับเทพเสมือนขั้น9”
เมื่อได้รับคำสั่ง มันก็สั่งให้แมลงจักรกลเริ่มการคัดเลือกรอบใหม่
ในชั่วพริบตา สี่วันก็ผ่านไป
หลินฮวงใช้เวลาสี่วันเต็ม แต่ก็ล่ามอนสเตอร์ชั้น4ได้แค่9ตัว
ในความเป็นจริง เวลาต่อสู้นั้นไม่ถึงสามนาทีเลย เขาและราชาจักรกลไม่ได้ใช้เวลาเดินทางนานเช่นกัน เวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการรอ
แม้จำนวนเทพเสมือนในนี้จะไม่น้อย แต่ก็มีเทพเสมือนขั้น9ไม่มาก สำหรับมอนสเตอร์ชั้น4 ยิ่งมีน้อย
ภายในสี่วัน แมลงจักรกลนับแสนของราชาจักรกลสามารถพบมอนสเตอร์ชั้น4ได้แค่9ตน
แต่ทว่า หลินฮวงไม่นิ่งเฉยขณะรอ เขาทุ่มเทกับการกลั่นแก่นเทวะ
หลังผ่านไปสี่วัน แก่นเทวะอันแรกก็กลั่นจนเสร็จ
เมื่อวังชีวิตดูดซับพลังงานจากแก่นเทวะแรกจนหมด หลินฮวงก็สัมผัสได้ถึงระดับพลังที่เพิ่มขึ้น
เมื่อเห็นว่าการรอรายงานจากราชาจักรกลทุกวันนั้นน่าเบื่อเกินไป หลินฮวงจึงฝังตัวเองไว้ในโลกภายในตัวเขาและกลั่นแก่นเทวะ
ราชาจักรกลอยู่ข้างหลินฮวง คุ้มกันเขาขณะสั่งให้แมลงจักรกลทำการค้นหาต่อไป
เวลาผ่านไป24วันทั้งอย่างนัน้
สองวันก่อนมิติจะปิดตัว หลินฮวงลืมตาขึ้น
ใน24วันเหลานี้ เขากลั่นแก่นเทวะได้8อัน หลังใช้พลังทั้งหมดเพื่อเร่งความคืบหน้าของไฟเทวะ มันก็ใช้เวลาประมาณสามวันเพื่อกลั่นแก่นเทวะหนึ่งอัน ตอนนี้แก่นเทวะทั้ง9เขาได้รับการกลั่นจนหมดแล้ว
ในที่สุดหลินฮวงก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าวังชีวิตเขาอิ่มตัวแล้ว ไม่ใช่แค่นั้น แต่ระดับพลังเขายังเพิ่มขึ้น ตอนนี้เขาเป็นจักรพรรดิขั้น10แล้ว
“ในที่สุด!หลังจากนี้ ข้าก็จะเลื่อนเป็นเทพเสมือน!”ดวงตาหลินฮวงเป็นประกาย
เขารู้แล้วว่าจะทำยังไงเพื่อเป็นเทพเสมือน
“ราชาจักรกล หยุดค้นหาเทพเสมือนขั้น9ได้แล้ว มันไม่จำเป็นอีก มิตินี้จะอยู่ได้อีกสองวัน ภายในสองวันนี้ มุ่งเน้นไปที่การหาพิกัดของเทพแท้จริงขั้นต้น เราจะทำการล่ารอบสุดท้าย!”
1386
เพื่อให้ถือเป็นเทพแท้จริง คนต้องจุดไฟเทวะและยังบรรลุความเข้าใจถึงการดำรงอยู่ของพลังกฏเทพหรือพลังตรัสรู้ธาตุ
เพราะพลังเทวะภายในตัวถูกกลั่นโดยไฟเทวะ คุณภาพของพลังเทวะที่ครอบครองโดยเทพแท้จริงจึงเหนือกว่าเทพเสมือน เมื่อรวมเข้ากับพลังกฏเทพและพลังตรัสรู้ธาตุ มันจึงกลายเป็นความจริงที่ทั้งจักรวาลต้องยอมรับ
ดังนั้น เทพเสมือนที่ท้าทายเทพแท้จริงจึงยากพอๆกับการท้าทายสวรรค์
นอกจากอัจฉริยะเทพเสมือนขั้นสูงสุดน้อยคนที่ใช้พลังกฏเทพหรือพลังตรัสรู้ธาตุได้ ถึงพอมีความสามารถท้าทายเทพแท้จริง เทพเสมือนคนอื่นไม่มีโอกาสชนะเทพแท้จริงเลย
หลินฮวงกล้าท้าทายเทพแท้จริงด้วยเหตุผลง่ายๆ
เขายังมีไฟเทวะภายในตัว ด้วยความที่พลังเทวะเขาได้รับการกลั่นด้วยไฟเทวะ มันจึงเทียบได้กับเทพแท้จริงขั้น1 นอกจากนี้ เขายังใช้พลังกฏเทพและการตรัสรู้ธาตุได้ และยังมีพลังของแก่นแท้เต๋าดาบ
ถึงแม้ระดับพลังเขาจะเป็นแค่จักรพรรดิขั้น10 ในทุกแง่มุม เขาไม่ได้ด้อยกว่าเทพแท้จริงขั้นต่ำเลย
หลังเลื่อนเป็นจักรพรรดิขั้น10 สิ่งแรกที่หลินฮวงทำคือเริ่มล่าเทพแท้จริง
ยังเหลือเวลาอีกสองวัน เขาอยากใช้สองวันสุดท้ายนี้เพื่อยกระดับเป็นเทพเสมือน
มันเป็นเรื่องดีที่ราชาจักรกลได้ระบุมอนสเตอร์ระดับเทพแท้จริงไว้ด้วยในระหว่างการค้นหาเทพเสมือน ในเวลานั้น เหตุผลก็เพื่อหลีกเลี่ยงบริเวณเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด ใครจะไปรู้ว่าข้อมูลนั้นจะมีประโยชน์ตอนนี้
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที ราชาจักรกลก็วางแผนเส้นทางล่าที่ดีสุดแล้ว
หลังผ่านไปไม่ถึงสิบนาที หลินฮวงก็ระบุเหยื่อเทพแท้จริงขั้น1ตัวแรก
นี่คือมนุษย์หิมะกำยำ ซึ่งดูน่ารักมาก
อย่างไรก็ตาม ความจริงที่มันคือวิญญาณน้ำแข็งระดับเทพแท้จริงก็ทำให้พลังมันไม่อาจประมาทได้
มันสูงประมาณห้าเมตร ด้วยลักษณะที่เหมือนมนุษย์หิมะที่เด็กๆจะสร้างในวันที่หิมะตก ยกเว้นแค่ว่ามันมีสองขาและถือว่าใหญ่มาก
มนุษย์หิมะกำยำเชี่ยวชาญในการใช้การตรัสรู้ธาตุน้ำแข็ง โดยเฉพาะการโจมตีเวทย์ เพราะพวกมันคือจิตวิญญาณน้ำแข็ง พวกมันจึงสามารถใช้เทคนิคธาตุน้ำแข็งได้มากมาย
แต่ทว่า แม้จะถนัดการโจมตี แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่พวกมันชำนาญ
ความจริงก็คือ มนุษย์หิมะทั้งหมดมีอุปกรณ์ป้องกันแสนน่ากลัว การป้องกันเหล่านี้ไม่เหมือนยักษ์น้ำแข็ง ร่างของมนุษย์หิมะสามารถดูดซับการโจมตีทางพลังงานและกายภาพได้เป็นจำนวนมาก ช่วยลดความเสียหายจริงต่อตัวมัน
นอกจากนี้ มนุษย์หิมะกำยำยังเหมือนยักษ์น้ำแข็ง ติดตั้งอุปกรณ์ที่มีความแข็งแกร่ง ท่ามกลางมอนสเตอร์ระดับเดียวกัน พลังของมันถือว่าเหนือกว่ามาตรฐาน
หากมีคนใสซื่อคิดว่ามนุษย์หิมะแค่ถนัดในเทคนิคโจมตี และมีการป้องกันอ่อนด้อย พวกเขาก็จะตายอย่างน่าสมเพช
เมื่อก้มมองมนุษย์หิมะด้านล่างจากบนฟ้า หลินฮวงก็รู้ว่าอีกฝ่ายรับรู้ถึงเขาแล้ว
มนุษย์หิมะอาจไม่ก้าวร้าว แต่กไม่ได้หมายความว่าพวกมันไร้เขตแดน
มนุษย์หิมะตนนี้ไม่โจมตีหลินฮวงและราชาจักรกลตอนพวกเขาเข้าเขตแดนมันเพราะมันสัมผัสว่าผู้บุกรุกทั้งสองยังไม่ถึงระดับเทพแท้จริงและก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไรนัก อีกเหตุผลคือมนุษย์หิมะคิดว่าทั้งสองแค่คนผ่านทางและไม่ได้มาล่ามัน นี่ยังเกี่ยวข้องกับความจริงที่หลินฮวงไม่ปล่อยจิตสังหารออกมาแต่แรก
แต่ทว่า ผู้บุกรุกตอนนี้กลับเข้าใกล้จุดที่มันอยู่มาก นี่ทำให้มันปกป้องเขตแดนตามสัญชาตญาณ มันประเมินเจตนาของทั้งสองใหม่และยืนยันว่าทั้งคู่กำลังตรงมาทางมัน
เมื่อมันยืนยันว่าหลินฮวงและราชาจักรกลมีเจตนาร้าย ความน่ารักมันก็หายไป ดวงตามันเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดราวกับหมึกแดงเข้มได้หยดลงบนนั้น ปากมันยกขึ้นสูง เปิดกว้างครึ่งหน้า เผยให้เห็นฟันแหลมคม
ร่างของมันขยายใหญ่ไปด้วย ในเวลาไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ มันก็สูงถึงสิบเมตร
แม้เขาจะเคยเห็นคำอธิบายของมันในสารานุกรมมอนสเตอร์ เขาก็ยังตกใจที่เห็นการเปลี่ยนแปลงมันกับตา
“ฉันสงสัยว่าคนเหล่านั้นบนเครือข่ายที่เอะอะทุกวันว่าอยากได้มนุษย์หิมะไปเป็นสัตว์เลี้ยงจะยังอยากได้มันอีกไหม”เขาพึมพำ
วินาทีที่เขาพูดจบ เขาก็พบว่าหมอกขาวซีดเริ่มรวมกันรอบตัวเขาและเขาก็สัมผัสได้ชัดเจนว่าอุณหภูมิของอากาศกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว
“ไม่คิดทักทายเลยและยังโจมตีทันที?”หลินฮวงก่นด่า แต่มือเขากลับไม่ได้ช้าลงเลย
ด้ามดาบสีแดงเข้มปรากฏในฝ่ามือหลินฮวง วินาทีต่อมา ใบดาบสีเงินกว้างหนาก็ก่อตัวขึ้น
ดาบเฉือนผ่านอากาศ ลมแรงส่งเสียงหวีดแหลมและหมอกรอบตัวหลินฮวงก็หายไปทันที อุณหภูมิของอากาศ ซึ่งลดลงอย่างรวดเร็วก่อนหน้ากลับเพิ่มขึ้น
ในความเป็นจริง หมอกขาวที่มนุษย์หิมะสร้างขึ้นคือทักษะเทวะการตรัสรู้ธาตุน้ำแข็ง คลื่นน้ำแข็ง
ทักษะเทวะเฉพาะนี้ปรากฏในรูปแบบหมอกที่สามารถลดอุณหภูมิได้อย่างรวดเร็วเพื่อชะลอความเร็วศัตรู
หากศัตรูอ้อยอิ่งภายในคลื่นน้ำแข็งนานเกินไป พวกเขาอาจถูกแช่แข็งเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง
แต่ทว่า การโจมตีของหลินฮวงก่อนหน้าก็ถูกขับเน้นด้วยธาตุลม มันกวาดไล่คลื่นน้ำแข็งออกไปและนำเขาออกสถานการณ์นั้น
เมื่อเห็นว่าการโจมตีมันถูกทำลายง่ายๆ มันก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
จากสิ่งที่มันสัมผัสก่อนหน้า กลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตตัวน้อยทั้งสองยังไม่ถึงเทพแท้จริงเลย
เดิมมันคิดว่าคลื่นน้ำแข็งจะจัดการผู้บุกรุกทั้งสองได้และเปลี่ยนเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง
มันไม่คิดว่าเพียงการโจมตีเดียวของอีกฝ่ายจะลบการโจมตีของมันได้
แต่ทว่า ช่วงเวลาสั้นๆที่มันตกตะลึงกลับเปิดโอกาสให้หลินฮวง
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับคู่ต่อสู้ระดับเทพแท้จริง หลินฮวงจึงไม่กล้าประมาท ตอนนี้ที่เขาพบจุดอ่อนในการป้องกันของศัตรู เขาย่อมไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไป
ในชั่วพริบตา รูปทรงของดาบเขาก็เปลี่ยนไป กลายเป็นใบดาบยาวและแคบ วินาทีต่อมา คลื่นดาบก็แหวกผ่านท้องฟ้าเหมือนประกายไฟฟ้าสีแดงเลือด
มนุษย์หิมะที่อยู่ไกลไปหลายร้อยเมตรไม่มีเวลาตอบสนองก่อนจะถูกตัดด้วยดาบ
หลินฮวงไม่เก็บรั้งอะไรในการโจมตีนี้ เขาผสานแก่นแท้เต๋าดาบกับธาตุสายฟ้า-ชั่วพริบตา พลังกฏเทพธาตุไฟ-ปีศาจรอยสัก และพลังสังหารเทพ
ด้วยผลของพลังกฏเทพทั้งสี่ การโจมตีนี้จึงพอจะพรากชีวิตของมนุษย์หิมะ
ก่อนหัวของมนุษย์หิมะจะกลิ้งตกพื้น กลิ่นอายของมันก็หายไปจนหมด
ศพขนาดใหญ่ของมันตกลงมากลายเป็นกองหิมะขนาดใหญ่
หลินฮวงไม่คิดว่าจะสามารถฆ่าเทพแท้จริงขั้น1ได้ นี่ทำให้เขาดีใจมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาฆ่าเทพแท้จริงด้วยมือตัวเอง มันยังเป็นครั้งแรกที่เขาพบว่าเขาในตอนนี้ทรงพลังแค่ไหน
“ข้าสามารถฆ่าเทพแท้จริงขั้น1ได้ง่ายๆ ข้าไม่รู้ว่าขีดจำกัดความสามารถข้าขั้นเทพแท้จริงขั้น2หรือ3..”
หลังใช้เวลาหลายนาทีเพื่อดึงไฟเทวะจากภายในศพของมนุษย์หิมะ หลินฮวงก็โยนมันไปในตัวเขา
เมื่อไฟเทวะสีขาวเข้าตัวหลินฮวง มันก็เปลี่ยนเป็นลำแสงที่ไหลไปในกงล้อชีวิต พูดให้ถูก มันไหลไปในหนึ่งในตะเกียงชีวิตและเริ่มรวมเข้ากับไฟเทวะสีแดงเข้มภายในตะเกียง
“ด้วยความเร็วปัจจุบันนี้ มันจะใช้เวลาเกือบเดือน..”
ตามสิ่งที่เขาสัมผัสได้ถึงความเร็วการผสานของไฟเทวะ หลินฮวงเดาว่ามันต้องใช้เวลาเกือบเดือน
เขามอ งกงล้อชีวิตทั้งเก้า มันกลายเป็นชัดเจนมากขึ้นว่าก้าวต่อไปที่เขาควรเดินอยู่ทางไหน…
1387
หลังล่ามนุษย์หิมะสำเร็จ เหยื่อเทพแท้จริงตนสองที่หลินฮวงเลือกคืออินทรีพายุ เทพแท้จริงขั้น2
อินทรีพายุคือมอนสเตอร์ที่บ่มเพาะธาตุลมเป็นหลัก ด้วยธาตุสายฟ้าและน้ำแข็งเป็นตัวหนุน
มอนสเตอร์ประเภทนี้ครอบครองความเร็วที่ถือเป็นชั้นนำแม้กระทั่งในหมู่มอนสเตอร์ระดับเดียวกัน นอกจากนั้น การโจมตีมันยังทั้งรวดเร็วและเกรี้ยวกราด
มันใช้ธาตุลมเพื่อสร้างใบมีดสายลมที่เสริมด้วยการตรัสรู้ธาตุน้ำแข็ง จากนั้น มันก็เสริมใบมีดด้วยธาตุสายฟ้า ด้วยการตรัสรู้ธาตุทั้งสามที่ควบประกอบกัน แม้กระทั้งเทพแท้จริงขั้น3ก็ยังหลบได้ยาก
สำหรับการต่อสู้นี้ หลินฮวงพึ่งพาอาวุธพลังจิตเต็มที่เพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูเขา เขาใช้มีดบินพลังจิตเขาเพื่อจัดการกับใบมีดสายลมของอินทรีพายุ
มีดบินพลังจิตปะทะกับใบมีดสายลมของอินทรีพายุไม่หยุด ซึ่งถูกสนับสนุนด้วยการตรัสรู้ธาตุทั้งสาม
การต่อสู้นี้ดำเนินอยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนหลินฮวงจะจบการต่อสู้ได้
ถึงแม้อินทรีพายุจะแข็งแกร่ง มันก็ใช้การตรัสรู้ธาตุได้แค่สาม ซึ่งทำให้มันด้อยกว่าหลินฮวง
หลินฮวงพัวพันกับมันอย่างดุเดือดถึงครึ่งชั่วโมงเพราะเขาเห็นว่ามันสร้างใบมีดสายลมได้เยอะและเขาก็อยากทดสอบมีดบินพลังจิตชุดใหม่เขานี้
หลังฆ่าอินทรีพายุ หลินฮวงก็สกัดไฟเทวะออกจากตัวมัน
แต่ทว่า เมื่อเขานำไฟเทวะลงในตัว เขาก็ตระหนักว่าไฟเทวะนี้ไม่ได้ไหลไปในกงล้อชีวิตเขา มันตรงไปมุมของโลกภายในตัว หยุดปล่อยพลังงานและเปลี่ยนเป็นกลุ่มไฟ
“เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น หลินฮวงก็แปลกใจ
ก่อนหน้านี้ ไฟเทวะของมนุษย์หิมะไม่ได้แค่ไหลไปในกงล้อชีวิตเอง แต่มันยังได้รับการยอมรับโดยกงล้อชีวิตง่ายๆ
แต่ทว่า ไไฟเทวะของอินทรีพายุกลับกลายเป็นเฉื่อยชาเมื่อเข้าโลกภายใน
หลินฮวงควบคุมกลุ่มก้อนไฟเทวะอย่างสับสนและพยายามโยนมันเข้ากงล้อชีวิต แต่ทว่า เมื่อประกายไฟใกล้กับกงล้อชีวิต ไฟสีแดงเลือดของกงล้อชีวิตก็เริ่มขับไล่มัน
หลินฮวงลองกับกงล้อชีวิตทั้งสิบ ทีละอัน แต่ทั้งหมดก็ตอบสนองเหมือนกัน
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันอีกเนี่ย?”
หลินฮวงพูดไม่ออก อย่างไรก็ตาม หลังเขาคิดถึงมันอีกครั้ง เขาก็พอเดาได้ว่าทำไมวังชีวิตถึงปฏิเสธไฟเทวะ
“ราชาจักรกล ทำการปรับเปลี่ยนเส้นทาง หาเทพแท้จริงขั้น1″
ประมาณ7-8นาทีต่อมา หลินฮวงและราชาจักรกลก็พบเป้าหมายล่าระดับเทพแท้จริงตัวที่สาม
เป้าหมายครั้งนี้คือจิ้งจอกขาว มันคือมอนสเตอร์กลายพันธ์ และระดับพลังมันก็เป็นแค่เทพแท้จริงขั้น1
มอนสเตอร์ตัวนี้มีพลังและความเร็วสูง รวมถึงทักษะในการลอบสังหาร อย่างไรก็ตาม มันไม่มีโอกาสได้แสดงทักษะมันต่อหน้าหลินฮวง
หลังฆ่าจิ้งจอกขาวง่ายๆ หลินฮวงก็ดึงไฟเทวะจากตัวมันและใส่ลงไปในตัวเขาอีกครั้ง
หลังเข้าสู่โลกภายในตัวเขา ไฟเทวะก็เปลี่ยนเป็นลำแสงและไหลเข้ากงล้อชีวิตที่สองง่ายๆ
เมื่อเขาเห็น หลินฮวงก็ยืนยันการคาดเดาเขา
“มันจะยอมรับแค่ไฟเทวะของเทพแท้จริงขั้น1?”
“ราชาจักรกล หาเทพแท้จริงขั้น3ที่ใกล้สุดเดี๋ยวนี้“
เพื่อยืนยันการคาดเดาเขา หลินฮวงเตรียมทดสอบผ่านการลองผิดลองถูก
หลังผ่านไปไม่กี่นาที ทั้งคู่ก็พบเหยื่อเทพแท้จริงตนที่สี่ ซึ่งยังเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งสุดที่หลินฮวงเคยเจอ
มอนสเตอร์เทพแท้จริงขั้น3ตนนี้คือหมีทองคำ
หมีทองคำถือว่าเก่งสุดในหมู่มอนสเตอร์ระดับเดียวกันในแง่ของการป้องกันและการต่อสู้ระยะประชิดมันก็มากพอจะท้าทายยอดฝีมือเทพแท้จริงขั้น3โดยตรง
หลินฮวงคันมือ ครั้งนี้ แทนที่จะใช้มีดบิน เขากลับยกดาบขึ้นเพื่อสู้เอง
โดยไม่เก็บรั้งพลังไว้ เขาปล่อยแก่นแท้เต๋าประเภทพลังทันที!
พลังกฏเทพทั้งหกรวเข้าด้วยกัน พละกำลังเหนือมนุษย์ พลังสังหารเทพ การตรัสรู้ธาตุสายฟ้า –เทพสายฟ้า การลงทัณฑ์สวรรค์ การตรัสรู้ธาตุไฟ –ปีศาจรอยสัก และการตรัสรู้ธาตุไฟ นรก ต่อให้เสริมทั้งหมดนี้กับแก่นแท้เต๋าดาบ มันก็ยังต้องใช้เวลาชั่วโมงเต็มก่อนเขาจะโค่นหมีทองคำได้
“การฆ่าเทพแท้จริงขั้น3นับเป็นขีดจำกัดข้าแล้วจริงๆ“การต่อสู้นี้ช่วยให้หลินฮวงประเมินขีดจำกัดสูงสุดของเขาได้
หลังสกัดไฟเทวะจากภายในตัวหมีทองคำ หลินฮวงก็โยนมันลงภายในตัวเขาอีกครั้ง
เช่นเดียวกับไฟเทวะของอินทรีพายุจากก่อนหน้า ในไม่ช้าไฟเทวะนี้ก็ลอยนิ่งในรูปแบบของประกายไฟ
กงล้อชีวิตทั้งสิบปฏิเสธที่จะดูดซับไฟเทวะนี้ เหมือนก่อนหน้า
หลังเก็บศพของหมีทองคำไว้ในมิติเก็บของเขา หลินฮวงก็หันไปเผชิญหน้ากับราชาจักรกล
“ราชาจักรกล ช่วยข้าหามอนสเตอร์เทพแท้จริงขั้น1อีก“
ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งคู่ก็พบเหยื่อรายต่อไป ครั้งนี้ มันคือเทพแท้จริงขั้น1
หลังฆ่ามัน หลินฮวงก็สกัดไฟเทวะมันออกมา
ขณะหลินฮวงเฝ้าดู ไฟเทวะก็ได้รับการยอมรับโดยกงล้อชีวิตที่สาม
ดังนั้น หลินฮวงจึงยืนยันการคาดเดาเขาได้ กงล้อชีวิตเขาจะยอมรับแค่ไฟเทวะขั้น1
“ราชาจักรกล มาเปลี่ยนเส้นทางกัน เราจะล่ามอนสเตอร์ขั้น1ก่อน!”
ชั่วโมงต่อมา โดยใช้เส้นทางของราชาจักรกลเป็นตัวชี้นำ หลินฮวงก็ล่าเหยื่อเขาได้ถึงเจ็ดตัว
โดยไม่มีข้อยกเว้น ไฟเทวะทั้งเจ็ดได้รับการยอมรับโดยเจ็ดกงล้อชีวิตที่เหลือโดยไม่ยากเลย
เมื่อกงล้อชีวิตทั้งสิบยอมรับไฟเทวะทั้งสิบ หลินฮวงก็รู้สึกชัดเจนราวกับมีการเปลี่ยนแปลงในกล้ามเนื้อเขา
เขายังมีความรู้สึกคลุมเครือว่าตราบเท่าที่ไฟเทวะขั้น1ทั้งสิบในตัวเขาสามารถผสานกับไฟเทวะในตะเกียงชีวิตเขาได้อย่างสมบูรณ์ เขาอาจเลื่อนเป็นเทพเสมือนได้
“ดูเหมือนข้าคงทำได้แค่รอ..”หลินฮวงสัมผัสถึงความเร็วการผสานไฟเทวะในตัวเขาได้และเดาว่าต้องใช้เวลาประมาณเดือน
เขาเหลือบมองเวลา และเตรียมพร้อมแข่งขันกับเวลา
“ราชาจักรกล ช่วยข้าวางเส้นทางใหม่ ยกเว้นมอนสเตอร์ขั้น1ทั้งหมดจากเป้าหมายล่าเรา จากนี้ไป เราจะล่าแค่ขั้น2และ3!”
ราชาจักรกลพยักหน้าและทำงานมัน
ในฐานะสิ่งมีชีวิตประเภทจักรกล มันไม่มีอารมณ์มนุษย์อย่างยินดี โกรธ เศร้าหรือมีความสุข ดังนั้น มันจึงไม่บ่นที่หลินฮวงสั่งให้มันเปลี่ยนเส้นทางตลอดเวลา
วันครึ่งถัดมา หลินฮวงเอาแต่วิ่งหาเทพแท้จริงขั้นสองและสามตามเส้นทางที่ราชาจักรกลทำไว้ ฆ่าทีละตัว
เมื่อเขาพบขั้น2 เขาไม่มีปัญหากับการฆ่าทันที แต่ทว่า เมื่อเขาพบขั้น3 การต่อสู้รุนแรงจะเกิดขึ้นซึ่งกินเวลาประมาณชั่วโมงถึงสองชั่วโมง
เทพแท้จริงขั้นต่ำโดยทั่วไปจะใช้พลังกฏเทพได้กว่าสิบประเภท
ตามจำนวนพลังกฏเทพที่คนทั่วไปจะใช้ได้ หลินฮวงเหนือกว่าเทพแท้จริงขั้น3โดยเฉลี่ย
นี่ทำให้เขาเต็มใจใช้มอนสเตอร์ขั้น3เหล่านี้เพื่อฝึกทักษะต่อสู้
หากเขาพบประเภทพลัง เขาจะเผชิญหน้าตรงๆโดยใช้ประเภทพลัง
เมื่อเขาพบประเภทความเร็ว เขาจะใช้ทักษะดาบความเร็วเพื่อจัดการศัตรู
…
สองวันสุดท้ายในแดนเยือกแข็งผ่านไปชั่วพริบตา
ภายในสองวันที่ผ่านมานี้ หลินฮวงล่าเทพแท้จริงขั้นต่ำได้ว่า60 ท่ามกลางพวกมันคือขั้นหนึ่ง 10ตัว ขั้นสอง 28ตัว และขั้นสาม 23ตัว
นอกจากไฟเทวะขั้น1ที่ถูกดูดซับทั้งหมด ไฟเทวะอื่นภายในตัวเขากลายเป็นประกายไฟ รอหวนกลับมา…
1388
เมื่อพวกเขาถูกส่งออกแดนเยือกแข็ง ผู้เข้าร่วมทั้งหมดก็รวมกันตรงทางเข้าประตูมิติอีกครั้ง
ในบรรดาผู้เข้าร่วมทั้งแปดพัน กว่าเจ็ดพันกลับมาได้ อัตรารอดชีวิตเกิน90% ซึ่งถือว่าสูงมาก
หลินฮวงเหลือบมอง เขาเห็นใบหน้าคุ้นเคยมากมายรวมถึงสองทาสดาบ
เมื่อดาบ301และ302เห็นหลินฮวง พวกเขาก็รีบเข้าหาเขาและใช้บ่วงจิตระหว่างทาสดาบและจอมดาบเพื่อสื่อสาร
“ท่านจอมดาบ!”
“พวกเจ้าสองคนดูเหมือนจะได้ผลกำไรมากจากในนั้นนะ”หลินฮวงหัวเราะ
“เราจับกลุ่มกันล่ามอนสเตอร์ระดับเทพแท้จริง เราทำได้ดีกว่าที่คิดไว้”ดาบ302พูดจบและถามหลินฮวงอย่างไม่มั่นใจ”กลิ่นอายของท่านจอมดาบดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นแต่ทำไมระดับพลังท่านยังไม่ทะลวงผ่านระดับเทพเสมือน?”
เหตุผลที่นางถามเช่นนี้เพราะหากหลินฮวงเป็นเทพเสมือนแล้ว ในฐานะทาสดาบ พลังของพวกนางย่อมเลื่อนเป็นเทพแท้จริง แต่ทว่า ตอนนี้พลังของพวกนางยังเป็นเทพเสมือนขั้น9ไม่เปลี่ยนแปลง
“อืม ข้าพัฒนาขึ้นเล็กน้อย มันควรใช้เวลาไม่นานก่อนจะเลื่อนเป็นเทพเสมือน”หลินฮวงพยักหน้าเล็กน้อยและไม่อธิบายเพิ่มเติม
ขณะคุยกัน เงาร่างหนึ่งก็ลอยมาทางพวกเขาเงียบๆ
หลินฮวงหันไปมองผู้มาใหม่ ผู้สวมชุดคลุมดำและหน้ากากขาว มันคือเวอชุโอโซ ผู้เป็นอันดับหนึ่งบนกระดานเคียวขาว
“ข้าเวอชุโอโซ ขอทำความรู้จักกับท่านได้หรือไม่?”เวอชุโอโซเป็นคนเริ่มทักทาย
เสียงนั้นฟังเหมือนเพศเป็นกลาง ซึ่งทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกแยะว่าผู้พูดเป็นชายหรือหญิง
ตอนนี้ด้วยระยะใกล้ หลินฮวงถึงสังเกตเห็นว่าหน้ากากของอีกฝ่ายเป็นสีขาวเรียบที่ทำจากวัสดุลึกลับ ยกเว้นรอยเปื้อนสีแดงสองรอยตรงปาก มันมีรูตรงไหนให้มองเลย
ผ่านหน้ากาก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดเดาอารมณ์ของอีกฝ่าย
หลินฮวงยังสงสัยว่ามันอาจเป็นภาพลวงตาตอนเขาเป็นริมฝีปากสีแดงยกโค้งขึ้นบนหน้ากากเดือนก่อน
“สวัสดี ข้าฮวงหลิน”แม้เขาจะสงสัยเจตนาของอีกฝ่าย เขาก็ยังตอบด้วยรอยยิ้ม
“เราต่างก็เป็นคนของเคียวแห่งความตาย ข้าสังเกตเห็นว่าพวกเจ้าทั้งสามดูไม่คุ้นหน้า ข้าจึงอยากมาทำความรู้จัก”อีกฝ่ายอธิบาย
แม้จะพูดแบบนี้ เวอชุโอโซก็ดูเหมือนจะไม่มีเจตนาจะสนทนากับสองทาสดาบเลย
“เราเพิ่งเข้าร่วม”หลินฮวงยิ้ม
“งั้นก็โชคดี”หลังเวอชุโอโซพูดจบ เขาหรือนางก็ตบไหล่หลินฮวงและหันไป
‘เวอชุโอโซต้องการอะไร? แค่มาพูดสวัสดี?’หลินฮวงไม่อาจเข้าใจได้
ก่อนหน้านี้ เขาได้ลงทะเบียนกับเคียวแห่งความตายในฐานะเซี่ยหลินและไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์ใดกับเวอชุโอโซนอกจากการเห็นชื่อเขาบนกระดานเคียวขาว
หลินฮวงยังแสดงตัวโดยใช้ตัวตนของฮวงหลิน ผู้บ่มเพาะที่เพิ่งลงทะเบียนไม่นาน แม้กระทั่งดาวหางและคนอื่นก็จำเขาไม่ได้
ดังนั้น เวอชุโอโซที่ริเริ่มมาทักทายจึงทำให้เขาสับสนอย่างมาก
เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาแค่เพราะทั้งสามดูแปลกหน้า
สมาชิกเคียวดำในเคียวแห่งความตายมีจำนวนอย่างน้อยหนึ่งล้าน หากเขาเข้าหาทุกคนที่เขาไม่คุ้นหน้า เขาคงต้องเหนื่อยแน่
ยิ่งไปกว่านั้น ดาวหางและคนอื่นยังดันเผยจุดหนึ่งที่เวอชุโอโซเป็นพวกโดดเดี่ยว เขาเป็นคนที่ไม่สนใจสมาชิกอื่นทั้งหมดในเคียวแห่งความตาย
การที่เวอชุโอโซเข้าหาใครก่อนนั้นขัดกับภาพลักษณ์เขาในเคียวแห่งความตาย
พฤติกรรมของเวอชุโอโอไม่ได้ทำให้แค่หลินฮวงสับสน แต่ยังรวมถึงดาวหางและคนอื่นด้วย และพวกเขาก็อดเหลือบมองมาทางหลินฮวงไม่ได
หลังเหตุการณ์เล็กๆนี้ ผู้เข้าร่วมองค์กรอื่นก็เริ่มแยกย้าย
หลินฮวงยังกลับไปเมืองหมัดเหล็กพร้อมสองทาสดาบ
วินาทีที่เขาเข้าห้อง หลินฮวงก็นำแหวนเก็บของออกมาและโยนมันให้ดาบ301
“นี่คือของที่ข้าได้จากแดนเยือกแข็ง นอกจากศพอสูร ยังมีของส่วนตัวพวกมอนสเตอร์ ช่วยข้าคัดแยกด้วย”
ดาบ301รับแหวนและดูตกตะลึงไป”ท่านจอมดาบ ท่านล่าเทพแท้จริงขั้น3ด้วยตัวท่านเอง?”
“ใช่ มีปัญหาอะไร/”
“ไม่ขอรับ ไม่มี…”ดาบ301รีบส่ายหัว
สำหรับตอนนี้ เขาและดาบ302ใช้พลังกฏเทพได้เก้าประเภท แต่เพราะพลังของพลังเทวะพวกเขาถูกจำกัดไว้แค่เทพเสมือน ความสามารถโดยรวมพวกเขาจึงแค่เทียบได้กับเทพแท้จริงขั้น2
มอนสเตอร์ที่ทั้งคู่ล่าด้วยกันก็คือเหยื่อระดับเทพแท้จริงขั้น2 เมื่อพวกเขาเจอกับเทพแท้จริงขั้น3 พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากอ้อมมันไป
แต่ทว่า หลินฮวงกลับล่าเทพแท้จริงขั้น3 กว่า21ตัวเพียงลำพัง
หลังเขาส่งมอบศพและของให้สองทาสดาบคัดแยก หลินฮวงก็เช่าห้องบ่มเพาะชั้นสูงในโรงแรมและปิดประตูบ่มเพาะเพื่อเริ่มการผสานไฟเทวะ
เวลาผ่านไป ไฟเทวะขั้น1ทั้งสิบและไฟเทวะสีแดงเข้มภายในตัวหลินฮวงค่อยๆผสานกันทุกวัน
สีของไฟเทวะยังเปลี่ยนไปทุกวัน
ขณะเฝ้ามองความคืบหน้า หลินฮวงก็ตั้งตารอดูการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของความสามารถเขาหลังเลื่อนเป็นเทพเสมือน
28วันผ่านไป ในกงล้อชีวิตสีทองทั้งสิบ การผสานไฟเทวะเสร็จสมบูรณ์ในเวลาไม่ถึงสิบนาทีต่อมา
ไฟเทวะสีแดงเข้มกลายเป็นสีแดงเจิดจ้า เหมือนก้อนถ่านที่ติดไฟ
วินาทีที่ไฟเทวะผสานจนสมบูรณ์ กงล้อชีวิตทั้งสิบก็เริ่มขยับเกือบจะพร้อมกันและบินออกวังชีวิตมา
หลังออกวังชีวิต กงล้อชีวิตทั้งสิบก็ล้อมวังชีวิตและเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว ไฟเทวะสีแดงพุ่งออกจากพวกมันเหมือนแม่น้ำและโถมใส่วังชีวิต
ในชั่วพริบตา ทั่ววังชีวิตก็ถูกกลืนโดยคลื่นไฟไร้สิ้นสุ ไม่มีร่องรอยมันให้เห็น
“นี่…การควบแน่นแก่นเทวะ?”
ฉากตรงหน้าเขาเกิดขึ้นด้วยตัวมันเองเมื่อการผสานไฟเทวะเสร็จสมบูรณ์ หลินฮวงไม่มีการควบคุมเหนือมันเลย เขาทำได้แค่เฝ้ามองมัน
กระบวนการควบแก่นเทวะเริ่มขึ้น หลินฮวงรออย่างอดทนด้านข้างๆ
ครั้งนี้ คลื่นไฟเทวะปล่อยออกมาอยู่สิบวันเต็ม
ในที่สุดวังชีวิตของหลินฮวงก็พังถล่ม เปลี่ยนเป็นจุดแสงดาว
อีกสิบวันให้หลัง หลังถูกแช่ในไฟเทวะ จุดแสงดาวนับไม่ถ้วนเหล่านั้นก็ค่อยๆควบรวมกันเป็นผลึกดำขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ ลวดลายเทวะสีแดงเลือดลึกลับเริ่มมองเห็นบนผิวผลึก
จนกระทั่งแก่นเทวะควบแน่นอย่างสมบูรณ์ กงล้อชีวิตถึงหยุดพ่นไฟเทวะ พวกมันเปลี่ยนเป็นลำแสงสิบสายที่ผสานเข้ากับแก่นเทวะ
เมื่อแก่นเทวะก่อตัวขึ้น วงแหวนของพลังเทวะก็พลันกระจายไปทุกทิศทางและเข้าไปทุกมุมของตัวหลินฮวง
ตอนนี้เอง หลินฮวงรู้สึกว่าทุกเซลล์ในตัวเขากำลังผ่านการเปลี่ยนแปลงอย่างดุเดือด แม้กระทั่งลงลึกสู่อนูวิญญาณเขา
การเปลี่ยนแปลงกินเวลาสามวันสามคืนเต็มๆ
เมื่อหลินฮวงลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็รู้สึกราวกับเขาถือกำเนิดขึ้นใหม่
“ในที่สุด ข้าก็เลื่อนเป็นเทพเสมือน!”
1389
“ผู้ใช้ : หลินฮวง”
“เพศ : ชาย”
“อายุ : 20”
“ระดับพลัง : เทพเสมือนขั้น1”
“ฉายา : ผู้สังหารเทพ”
“นิ้วทองคำ : เสี่ยวเฮย แผ่นหิน เพลิงนิรันดร์ หยินหยิน”
“ของผสาน : หัวใจเทพต้นกำเนิด คัมภีร์ดาบหน้าหนึ่ง รังกาแล็กซี่ อาวุธเซียน วังจอมเทพ(การผสานขั้นต้น)..”
“วังชีวิต : สวรรค์แห่งมอนสเตอร์”
“มรดกสืบทอด : จอมเทพ ดาบ2 ดาบ8 ดาบ10 เทพธิดาจอมเวทย์..”
“ความสามารถเทวะ : จั่กจั่นทองคำ ตัวตายตัวแทน..”
“กฏเทพ : พลังเหนือมนุษย์ ความเร็วฑูตสวรรค์ พลังสังหารเทพ”
“การตรัสรู้ธาตุ : ชั่วพริบตา เงาอาทิตย์ นกสวรรค์ ไร้ร่องรอย เทพสายฟ้า การลงทัณฑ์ของสวรรค์ ปีศาจรอยสัก นรก”
“เต๋าดาบ : ระดับแก่นราก(ครอบครองหัวใจดาบ จิตวิญญาณดาบ)”
“ทักษะดาบ : 200000ประเภท”
“ทักษะย่อย : เคล็ดเบือนชะตา ไร้รอยต่อ..”
“ทักษะมอนสเตอร์ : จิตเทวะ การฟื้นฟูเทวะ พลังศักดิ์สิทธิ์ ภูมิต้านทานธาตุ เมล็ดกาฝาก การควบคุมสัมบูรณ์ แสงลงทัณฑ์ กายนักรบอมตะ อนุภาคแวมไพร์ พละกำลังเทวะ การป้องกันเทวะ จ้าวแห่งสายฟ้า กระจกทมิฬ ทักษะต้องห้ามตุ๊กตา อักขระเวทย์ อัศวิน การผสาน การสร้างจักรกล การฟื้นฟูจักรกล ตัวแทนเลือดปีศาจ การปลอมแปลงเทวะ เพลิงปีศาจ เพลิงนรก เพลิงหุบเหว เทพสายฟ้า ฟีนิกส์”
“สิทธิ์อัญเชิญ : ทำงาน(ระดับเทพสูงสุด)”
“จำนวนที่สามารถอัญเชิญได้ : 50”
“หมายเหตุ : ไม่เลว”
…
เมื่อตรวจสอบข้อมูลส่วนตัว หลินฮวงก็พอใจมาก
หลังเลื่อนเป็นเทพเสมือน ไม่เพียงขีดจำกัดสูงสุดของระดับพลังมอนสเตอร์จะเพิ่มเป็นเทพแท้จริง แต่จำนวนมอนสเตอร์ที่เรียกได้ยังเพิ่มจาก30เป็น50
นี่หมายความว่าทันทีที่ไป่และตัวอื่นสามารถเลื่อนเป็นเทพแท้จริงได้ เขาจะสามารถอัญเชิญมอนสเตอร์ระดับเทพแท้จริงได้พร้อมกันถึง50ตัว นี่ไม่รวมรังแมลง
นอกจากการเพิ่มขีดจำกัดสูงสุดของระดับพลัง ขีดจำกัดสูงสุดของทาสดาบยังได้รับการปลดผนึก ทาสดาบทั้ง68 รวมถึงดาบ301กลายเป็นเทพแท้จริงขั้น1ทันที
การเปลี่ยนแปลงในมอนสเตอร์อัญเชิญและทาสดาบล้วนเป็นไปตามการคาดการณ์ของหลินฮวง
สิ่งที่เขาแปลกใจคือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังเขตแดนสวรรค์แห่งมอนสเตอร์ได้วิวัฒนาการเป็นเขตแดนเทพ
“เขตแดนเทพ : สวรรค์แห่งมอนสเตอร์”
“ระยะของเขตแดนเทพ : รัศมี1หมื่นกิโลเมตรจากผู้ครอบครอง”
“ความสามารถเขตแดนเทพ 1 : ภายในรัศมี วิญญาณของมอนสเตอร์อัญเชิญที่ตายจะกลับสู่เขตแดนเทพด้วยร่างมันที่จะได้รับการสร้างขึ้นใหม่และคืนชีพ พวกวิญญาณที่แตกสลายจะต้องฟื้นคืนวิญญาณที่แตกสลายก่อน”
“ข้อจำกัดความสามารถ 1 : มอนสเตอร์อัญเชิญแต่ละตัวสามารถคืนชีพได้แค่ร้อยครั้งภายใน24ชั่วโมง วิญญาณจะสลายเมื่อเกิน100ครั้งและจะไม่สามารถกลับสู่เขตแดนเทพได้”
“ข้อจำกัดความสามารถ 2 : มอนสเตอร์อัญเชิญแต่ละตัวจะฟื้นฟูวิญญาณได้แค่12ครั้งภายใน24ชั่วโมง วิญญาณจะแตกสลายหากมันเกิน12ครั้งและไม่สามารถกลับเขตแดนเทพได้”
“ความสามารถแตกหน่อ : หากผู้ครอบครองเขตแดนเทพตายภายในรัศมี เขาสามารถเลือกใช้มอนสเตอร์อัญเชิญเพื่อตายแทนได้ มอนสเตอร์อัญเชิญที่ถูกเลือกเป็นตัวตายตัวแทนจะไม่สามารถอัญเชิญได้อีกภายใน24ชั่วโมง”
“หมายเหตุ : ผู้ครอบครองเขตแดนเทพสามารถใช้ตัวตายตัวแทนได้แค่12ครั้งภายใน24ชั่วโมง”
….
“ความสามารถเขตแดนเทพ 2 : ภายในระยะของเขตแดนเทพ ผู้ครอบครองและมอนสเตอร์อัญเชิญจะมีพลัง ความเร็วและจิตวิญญาณเพิ่มขึ้น12เท่า มอนสเตอร์อัญเชิญอื่นจะมีพลัง ความเร็ว และจิตวิญญาณลดลง50%”
“หมายเหตุ 1 : ผู้ครอบครองสามารถปิดการเสริมพลังได้ตามใจชอบ”
“หมายเหตุ 2 : ความสามารถลดพลังจะไม่ได้ผลกับสิ่งมีชีวิตที่เกินกว่าระดับของผู้ครอบครองหนึ่งระดับหรือมากกว่านั้น”
…
“ความสามารถเขตแดนเทพ 3 : ภายในระยะของเขตแดนเทพ ผู้ครอบครองสามารถยืมทักษะใดจากมอนสเตอร์ทุกตัวได้อย่างอิสระ”
“หมายเหตุ 1 : การยืมทักษะมอนสเตอร์ที่ผู้ครอบครองมีอยู่แล้วจะไม่ส่งผลให้เกิดการควบรวม”
“หมายเหตุ 2 : ภายใน24ชั่วโมง จำนวนช่องทักษะมอนสเตอร์ของผู้ครอบครองจะเพิ่มเป็นสองเท่าชั่วคราวและจำนวนทักษะยืมสูงสุดต้องไม่เกินกว่าจำนวนช่องทักษะมอนสเตอร์ของผู้ครอบครอง(หากเดิมมี50 ก็ยืมได้อีก50)
…
รัศมีของเขตแดนเทพใหญ่กว่าอาณาเขตของวังชีวิตก่อนหน้านี้ จำนวนการคืนชีพ จำนวนการซ่อมวิญญาณ จำนวนตัวตายตัวแทนและอื่นๆล้วนเพิ่มขึ้น
หลังตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวเขา หลินฮวงก็สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเขาอีกรั้ง เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งทางกาย ทางจิตวิญญาณและจิตเทวะที่เพิ่มขึ้น แม้กระทั่งไฟเทวะก็ยังเปลี่ยนไปตามธรรมชาติมัน
ก่อนหน้านี้มันเทียบได้กับเทพแท้จริงขั้น1 แต่ตอนนี้มันเกือบจะเลื่อนเป็นเทพแท้จริงขั้น3
เขาตรวจร่างเขาอย่างถี่ถ้วนและดูวันเวลา หลินฮวงไม่คิดออกจากการปิดประตูบ่มเพาะตอนนี้ แต่กลับหันความสนใจไปยังกองประกายไฟขั้น2ในตัวเขาแทน
“รากฐานข้าแน่นหนากว่าเดิม มันไม่ควรเป็นปัญหาที่จะเลื่อนเป็นเทพเสมือนขั้น3 ตามความเร็วการผสานไฟเทวะข้า มันจะใช้เวลาประมาณ80วันเพื่อเลื่อนเป็นเทพเสมือนขั้น3 เหลือเวลาแค่สามเดือนครึ่งก่อนข้าจะต้องกลับไปโลกกรวด หลังจากนั้น มันก็คงไม่มีเวลามาเพิ่มพลังอีก ข้าต้องใช้เวลานี้เพื่อเสริมการบ่มเพาะข้า”
หลังเขายืนยันว่าไม่มีปัญหาในการบ่มเพาะต่อ หลินฮวงก็ไม่ลังเล นำก้อนประกายไฟเทวะขั้น2ทั้งสิบออกมา เขาใส่พวกมันลงในกงล้อชีวิตทั้งสิบตามลำดับ
ครั้งนี้ กงล้อชีวิตไม่ปฏิเสธประกายไฟแต่ยอมรับมันทันที
ก้อนไฟทั้งสิบจมลงในตะเกียงชีวิตทั้งสิบ ภายใต้การกระตุ้นของไฟเทวะ พวกมันทำงานอย่างรวดเร็วและเริ่มเผาไหม้อีกครั้งในเวลาไม่กี่วินาที
หลินฮวงหลับตาและเริ่มการผสานไฟเทวะรอบใหม่
อีกเดือนผ่านไป ในตอนท้าย ก้อนไฟขั้น2ทั้งสิบผสานจนเสร็จ ครั้งนี้ รูปทรงและสีของไฟเทวะในตัวหลินฮวงไม่เปลี่ยนไปมากแต่พลังเทวะที่มันปล่อยออกมากลับรุนแรงกว่าเดิม
เมื่อการผสานไฟเทวะสำเร็จ กงล้อชีวิตทั้งสิบก็หมุนวนอีกครั้งและแยกตัวออกจากแก่นเทวะ
กงล้อชีวิตก่อตัวเป็วงกลมบนขอบของแก่นเทวะ พวกมันพ่นไฟเทวะออกมาอีกครั้งและเริ่มการกลั่นรอบใหม่
เวลาผ่านไปอีกสิบวัน กงล้อชีวิตหยุดพ่นไฟเทวะและแก่นเทวะก็เสร็จสิ้นกระบวนการกลั่นรอบใหม่
ตอนนี้หลินฮวงเลื่อนเป็นเทพเสมือนขั้น2แล้ว!
เขาตรวจสอบสภาพร่างกายเขาและมองวัน ก่อนจะทุ่มความสนใจกับประกายไฟเทวะขั้น3ในตัว ไม่ช้า เขาก็เริ่มการบ่มเพาะอีกรอบ..
หลังผ่านไป40วัน หลินฮวงก็เลื่อนเป็นเทพเสมือนขั้น3ได้สำเร็จ
การปิดประตูบ่มเพาะนี้นานกว่าสี่เดือน
หลินฮวงทะลวงผ่านสามขั้นติดและกลายเป็นเทพเสมือนขั้น3
ตอนนี้ มันเหลือเวลาไม่ถึงเดือนก่อนจะครบเวลาหนึ่งปีที่ได้ตกลงไว้…
1390
เมื่อหลินฮวงก้าวออกห้องบ่มเพาะและเห็นดาบ301กับ302อีกครั้ง ทั้งสองก็เป็นเทพแท้จริงขั้น3แล้ว
เมื่อระดับพลังของจอมดาบเพิ่ม มันย่อมปลดผนึกระดับพลังของทาสดาบเอง
สองทาสดาบดีใจมากตอนเห็นหลินฮวงออกมา
“ขอแสดงความยินดีกับท่านจอมดาบที่เลื่อนระดับถึงสามขั้นในเวลาแค่สี่เดือน!”
เมื่อหลินฮวงได้รับมรดกจอมดาบก่อนหน้านี้ เขาก็ได้พิสูจน์ถึงศักยภาพเต๋าดาบเขาและทำให้ทาสดาบเชื่อใจ ตอนนี้ ความเร็วการบ่มเพาะที่น่ากลัวของเขายังทำให้เหล่าทาสดาบยิ่งเคารพหลินฮวงมากขึ้น
“พวกเจ้าทำงานมาหนักมากตลอดหลายเดือนนี้”หลินฮวงพยักหน้า
ทั้งสองรอหลินฮวงมากว่าสี่เดือน และก็จับตามองทุกการเคลื่อนไหวรอบห้องบ่มเพาะเพื่อป้องกันหลินฮวงจากการถูกรบกวน มันเป็นงานที่น่าเบื่อมาก
“ช่วงนี้มีข่าวอะไรไหม?”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร มีข่าวสองชิ้นที่กลายเป็นหัวข้อร้อนแรง หนึ่งคือเผ่าเนฟิลิกได้ประกาศเปิดตัวองค์หญิง สองคือองค์หญิงของเผ่าเนฟิลิกได้เลื่อนเป็นระดับเทพแท้จริงแล้ว”ดาบ302กล่าว”เผ่าเนฟิลิกมีอัตราการสืบพันธ์ต่ำมาก และมีปัญหาในการผลิตลูกหลานสายเลือดบริสุทธิ์ องค์หญิงผู้นี้อาจเป็นลูกนอกสมรสของใครบางคน..”
“องค์หญิงของเผ่าเนฟิลิก..”ความคิดแรกที่ผุดในหัวหลินฮวงคือไคลี่”มีภาพขององค์หญิงผู้นี้ไหม?”
ดาบ302ตกตะลึงกับคำพูดของหลินฮวง และฉายข้อมูลข่าวด้วยสายตาขี้เล่น
หลินฮวงพูดไม่ออกเมื่อเห็นภาพ
มันคือไคลี่จริงๆ!
ในภาพ ไคลี่เปล่งรัศมีของนักรบหญิงผู้หาญกล้า นางสวมเกราะสีม่วงและทองที่เข้ากันอย่างลงตัว หน้ากากบนหน้านางยังถูกถอดออก เผยให้เห็นใบหน้างดงาม
เมื่อเห็นว่าหลินฮวงตกตะลึงอยู่นาน ดาบ302ก็แซว”หากท่านจอมดาบสนใจองค์หญิงน้อยผู้นี้ งั้นอิทธิพลเราคงสูงขึ้น เราสามารถไปเยือนพวกเขาเพื่อขอแต่งงานได้ตรงๆ”
“แต่ทว่า นับตั้งแต่ใบหน้าจริงขององค์หญิงผู้นี้เผยออกมา เผ่าโปรตอสเลือดบริสุทธิ์มากมายก็ได้แห่กันไปหาเผ่าเนฟิลิกตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา จากสิ่งที่ข้าได้ยิน มีคนหนุ่มเลือดบริสุทธิ์กว่ายี่สิบคนจากเผ่าเทวฑูตที่ขอนางแต่งงาน”
“ข้าคิดว่าคนของเผ่าเทวฑูตนั้นไร้เพศซะอีก?”หลินฮวงเลิกคิ้ว
“พวกเขาไม่มีเพศตายตัว แต่สามารถปรับเพศได้ตามความต้องการ”ดาบ301อดพูดแทรกไม่ได้เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้
“การแข่งขันดุเดือดมาก ท่านจอมดาบ…”ดาบ302หัวเราะขณะหยอกล้อ
“ไคลี่คือสหายข้า นางแค่แยกตัวจากข้าชั่วคราวเพราะเหตุผลบางอย่าง”หลินฮวงเหลือบมองดาบ302
“หือ?”ดาบ302ตกใจ
แต่ทว่า หลินฮวงไม่เต็มใจอธิบายอีก เขากลับค้นหาข้อมูลและข่าวเกี่ยวกับไคลี่
มันใช้เวลากว่าครึ่งปีจนกระทั่งไคลี่ได้รับการยอมรับจากเผ่าเนฟิลิก นอกจากเวลาที่ต้องใช้ในการยืนยันตัวแล้ว เวลาส่วนใหญ่ของนางใช้กับการเดินทาง
ประการแรก นี่เพราะเขตกลางนั้นอยู่ห่างไกลมากและการเดินทางก็นานมาก อีกประการคือ เขตกลางไม่ได้เข้าถึงได้ทุกคน เจ้าแดงและไคลี่ต้องใช้เวลาอยู่นานเพื่อให้ได้รับสิทธิ์เข้า
ไม่มีคำอธิบายของเจ้าแดงในข้อมูลเลย หลินฮวงเห็นบทความมากมายกล่าวแค่ว่าองค์หญิงไคลี่มีเพื่อนสนิทสาว แต่ก็แค่นั้น ไม่มีภาพของเจ้าแดงหรือข้อมูลใดๆเลย
“นั่นอาจเป็นเจ้าแดง..”เจ้าแดงมักระวังตัวเสมอ แม้จะไม่มีข้อมูลของนาง หลินฮวงก็มั่นใจว่าเพื่อนลึกลับของไคลี่ต้องเป็นเจ้าแดง
มันเป็นประมาณสี่เดือนก่อนที่ไคลี่ไปถึงเผ่านาง ซึ่งไม่กี่วันหลังหลินฮวงปิดประตูบ่มเพาะพอดี
ในเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เจ้าแดงและไคลี่อาจหยิบยืมแหล่งข้อมูลจากเขตกลางแดนเทพเพื่อตรวจสอบเส้นทางกลับโลกกรวดได้แล้ว
แม้แดนเทพจะกว้างใหญ่ไพศาล เวลาหลายเดือนก็ควรพอให้หาแผนที่ดาวในความทรงจำของฉีหมิงเซี่ยงหากเทียบกับแผนที่ดาวทีละอัน
แต่กลับยังไม่มีข่าวจากเจ้าแดงและไคลี่ มันเป็นไปได้ว่าแผนที่ดาวในความทรงจำของฉีหมิงเสี่ยงที่บันทึกเส้นทางกลับไปโลกกรวดจะไม่อยู่ในแดนเทพ
“หวังว่าเราจะสามารถหาเขตดาวนั้นได้เร็วๆ เหลือเวลาไม่ถึงเดือนแล้ว…”หลินฮวงกังวลมาก แต่ก็ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้
ด้วยสถานะปัจจุบันของไคลี่ มันง่ายสำหรับนางที่จะได้รับข้อมูลเมื่อเทียบกับเขา ในเรื่องนี้ เขาไม่อาจช่วยอะไรได้มาก
เขาส่ายหัวเพื่อกำจัดความคิดรบกวนไป และอัญเชิญราชาจักรกล
เมื่อเห็นราชาจักรกลปรากฏออกมา สองทาสดาบก็ตกใจขณะเตรียมตั้งท่าต่อสู้
“นี่คือราชาจักรกล เป็นมอนสเตอร์อัญเชิญข้า รวมถึงสหายข้า”หลินฮวงรีบอธิบาย
สองทาสดาบได้สติกลับเมื่อได้ยินและคลายท่าทางลง
ดาบ302ดูเหมือนจะคิดอะไรได้และอดถามไม่ได้ว่า”งั้น องค์หญิงของเผ่าเนฟิลิกก็..”
หลินฮวงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่พูดให้มากความ
สองทาสดาบเหลือบมองตากันอย่างตื่นตกใจ
“ราชาจักรกล ช่วยข้าตรวจสอบว่ามีมิติหรือเขตลับอะไรที่เปิดในแดนเทพบ้าง เอาประเภทที่เราสามารถเข้าและออกได้ง่ายๆ มันจะดีสุดหากมอนสเตอร์ในนั้นมีพลังระดับเทพแท้จริง..”
ราชาจักรกลเริ่มค้นผ่านเครือข่ายทันที
“ท่านจอมดาบ เราจะเข้ามิติบรรพกาลกันอีกแล้ว?”ดาบ301ถาม
“เหตุผลหลักก็เพื่อพวกมัน”หลินฮวงชี้ราชาจักรกล”เราแค่จะไปทำการล่าอีกรอบ”
หลังระดับพลังหลินฮวงเพิ่ม ราชาจักรกลและมอนสเตอร์ตัวอื่นก็ยังติดที่เทพเสมือนขั้น9 เพื่อเลื่อนเป็นเทพแท้จริง พวกมันต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อล่าประกายไฟเทวะและจุดไฟเทวะภายในตัว
หลังขีดจำกัดสูงสุดของไคลี่เพิ่มขึ้น นางก็ออกล่าประกายไฟเทวะและจุดไฟเทวะของตัวเองขึ้นเอง
แผนปัจจุบันของหลินฮวงคือปล่อยมอนสเตอร์อัญเชิญทั้งหมดของเขา ให้ล่าอย่างอิสระ และก็ให้พวกมันเลื่อนเป็นเทพแท้จริงให้เร็วที่สุด
สำหรับตัวเขา เขาเตรียมล่าประกายไฟเทวะที่เหนือกว่าขั้น3 จากนั้นก็รอจนกระทั่งเขากลับไปโลกกรวดก่อนค่อยๆกลั่นพวกมัน
เหตุผลที่เขาเลือกมิติลับก็เพื่อให้เขาสามารถเข้าออกได้ง่ายๆ เพื่อให้เขาสามารถออกได้ทันทีก่อนจะครบกำหนดเวลาหนึ่งปี
ในเวลาไม่ถึงสามวินาทีต่อมา ราชาจักรกลก็พบมิติที่ตรงกับความต้องการของหลินฮวง
“มีมิติที่ตรงกับความต้องการท่าน แต่มีปัญหาเล็กน้อย”
“มิติราคะเป็นมิติที่ดำรงอยู่มาก่อนแล้ว ซึ่งตั้งอยู่บนพรมแดนระหว่างแดนเทพและหุบเหว ในมิติเหล่านี้ จะมีสิ่งมีชีวิตหุบเหวจำนวนมากรวมถึงสิ่งมีชวิตมืดที่ถูกทำให้แปดเปื้อนโดยพลังงานหุบเหว โดยปกติ มีเพียงเทพเมือนละเทพแท้จริงถึงท่องอยู่รอบเขตรอบนอก ส่วนเทพสวรรค์ถึงพบได้ในเขตใน..”
“งั้น ปัญหาคืออะไร?”หลินฮวงเลิกคิ้ว
“มีคนไม่มากจากแดนเทพที่ไปมิติเหล่านี้เพื่อฝึก กว่า90%ของคนที่ไปฝึกจะเป็นสมาชิกเผ่าหุบเหว”
“เราจะไปที่นี่ หากพบสมาชิกเผ่าหุบเหวคนใด ก็ฆ่าให้หมด และค่อยหนีจากพวกที่เราไม่สามารถสู้ได้”หลินฮวงตัดสินใจโดยไม่ลังเลเลย
1391
บางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น!
“ข้าจะพาไป่และคนอื่นไปในมิติบรรพกาลและจะกลับมาแดนเทพประมาณสามวันก่อนจะครบเวลาหนึ่งปี สำหรับแผนที่ดาว ทิ้งข้อความไว้หากมีข่าวใด ข้าจะตอบกลับทันทีที่เห็น”
หลังทิ้งข้อความนี้ให้ทั้งเจ้าแดงและไคลี่ หลินฮวงก็นำสองทาสดาบตรงไปที่ตั้งมิติบรรพกาลของราคะ
มิติบรรพกาลของราคะสามารถเข้าถึงได้โดยสาธารณะ
เพื่อป้องกันการรุกรานของสิ่งมีชีวิตเผ่าหุบเหว จ้าวเทวะแห่งแดนเทพจึงตั้งกำแพงกั้นตรงทางเข้าออกเพื่อป้องกันผู้บ่มเพาะทั้งหมดที่มีกลิ่นอายหุบเหวนรกจากการเข้าหรือออก
ทางเข้าและทางออกยังได้รับการพิทักษ์โดยเทพแท้จริงขั้น9สองคน
สองผู้พิทักษ์ของสถานที่นี้ได้รับการแต่งตั้งโดยองค์กรชั้น6และ7
แต่ละครั้ง สององค์กรจะจัดคนๆหนึ่งจากองค์กรพวกเขามาทำหน้าที่นี้ และผู้พิทักษ์แต่ละคนจะปฏิบัติหน้าที่เป็นเวลาสิบปี แน่นอน งานนี้มาพร้อมค่าตอบแทนที่สูง ผู้บ่มเพาะหลายคนจึงอยากสมัครงานนี้
หลังหลินฮวงและสองทาสดาบลงทะเบียนนอกทางเข้า พวกเขาก็ก้าวเข้าไป
“ข้าไม่รู้ว่ารุ่นเยาว์คนนี้มาจากไหน เขาเป็นแค่เทพเสมือนขั้น3และยังกล้าที่จะมามิติแห่งราคะ?”หน่งในผู้พิทักษ์กล่าวขณะมองทั้งสามคนเข้าไป
“เขายังพาคนคุ้มกันระดับเทพแท้จริงมาด้วย เขาต้องเป็นลูกหลานของพวกเลือดบริสุทธิ์แน่”ผู้พิทักษ์อีกคนมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสาม”มันไม่แปลกที่เลือดบริสุทธิ์จะมีอัตราตกตายน้อยมาก ทุกคนจะนำพาผู้คุ้มกันไปด้วยตอนมาฝึก หากพบอันตราย คนคุ้มกันก็จะปกปอง การฝึกแบบนี้จะให้ผลลัพธ์อะไรได้?”
“ดูเทพนักรบไร้ผู้ต้านสิ เขาเป็นอันดับหนึ่งบนกระดานเทพเสมือน ทุกคนรู้ว่าเขาไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์ ต่อให้เขาไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์ เขาก็ยังเป็นนายน้อยในองค์กรซีโน่ พ่อเขาคือเทพสวรรค์ และตระกูลเขาก็ทรงพลังมากกว่าตระกูลเลือดบริสุทธิ์ส่วนใหญ่ แต่เขาไม่เคยนำคนคุ้มกันติดตัวด้วย เขาเข้าร่วมวิหารเทพนักรบตั้งแต่เด็ก ทำการพิชิตเทพเสมือนนับไม่ถ้วน และสร้างชื่อให้ตัวเอง จะมีใครในแดนเทพบ้างที่ไม่รู้จักชื่อเทพนักรบไร้ผู้ต้าน?”
…
แน่นอน หลินฮวงผู้ก้าวเข้าไปแล้วไม่อาจได้รับการสนทนานี้
แต่ทว่า ต่อให้เขาจะได้ยิน เขาก็อาจขี้เกียจเกินจะเถียงด้วย คงแค่หัวเราะ
แม้เขาจะล้มเทพนักรบไร้ผู้ต้านและปล้นมรดกเต๋าดาบมาได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องอวดใคร
หลังเข้ามิติ หลินฮวงก็ใช้จิตเทวะและกวาดพื้นที่รอบๆเพื่อยืนยันว่าไม่มีใครใกล้ๆ จากนั้นก็เรียกมอนสเตอร์อัญเชิญระดับบรรพกาลทั้งหมดออกมา
ไป่ ผู้เป็นกึ่งเทพสูงสุดก็ปรากฏตัวพร้อมกับแลนเซล็อต จอมสังหาร จอมปีศาจ ชาโคล ไทแรนด์ ตัวตลก สายฟ้า ชุดคลุมเลือด อสูรมาลาเชี่ยน อิมพ์ อสรพิษจันทรา อัศวินแห่งความตาย อัศวินอมตะ ราชาจักรกล ราชาเฮอคิวเลี่ยน ปิงหวาง และอสรพิษจันทร์ทมิฬทั้งสอง ซึ่งล้วนเป็นระดับบรรพกาล
นอกจากสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ราชินีเผ่าแมลงทั้งสี่ หนอนหลายตาสองตัว หนอนสุดยอดสมองสองตัว แมลงทองคำสองตัวและข้ารับใช้แมลงจากรังก็ถูกเรียกด้วย
เมื่อเห็นมอนสเตอร์อัญเชิญกว่า30ตัวถูกอัญเชิญพร้อมกัน ดาบ301และดาบ302ก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกไป
นี่คือครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นคนที่สามารถควบคุมมอนสเตอร์ได้มากขนาดนี้พร้อมกัน
สิ่งที่พวกเขาแปลกใจยิ่งกว่าคือมอนสเตอร์เผ่าแมลง
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองสามารถสัมผัสได้จากกลิ่นอายว่ามอนสเตอร์อัญเชิญเกือบทั้งหมดที่หลินฮวงเรียกว่าคือมอนสเตอร์ชั้น4
ทั้งสองยังรู้สึกว่าไป่นั้นแตกต่างและอดเหลือบมองหลายครั้งไม่ได
“พวกเจ้าควรสัมผัสได้ว่าขีดจำกัดสูงสุดของระดับพลังพวกเจ้าเพิ่มขึ้นแล้ว นี่เพราะระดับพลังข้าเลื่อนเป็นเทพเสมือนขั้น3”
“จุดประสงค์ข้าในการเรียกพวกเจ้าทั้งหมดออกมานั้นง่ายมาก คือการปล่อยให้พวกเจ้าออกล่าเพื่อเลื่อนเป็นเทพแท้จริงโดยเร็วที่สุด”
“เราจะอยู่ที่นี่23วันเต็ม มันดูเหมือนจะมีเวลามาก แต่มิตินี้ได้จำกัดวิธีสำรวจเช่นจิตเทวะ นี่จะเพิ่มความยากในการล่า แต่ทว่า หลังครบกำหนด23วัน ข้าหวังว่าจะเห็นพวกเจ้าเลื่อนเป็นเทพแท้จริงกันสำเร็จ”
“ต่อไป เจ้าจะจัดกลุ่มกันเอง ข้าเสนอให้มีสองสามคนต่อกลุ่ม จากนั้นก็ค่อยแบ่งหน้าที่กัน”
หลังผ่านไปไม่กี่นาที มอนสเตอร์ทั้งหมดก็แบ่งกลุ่มกันเสร็จ ไป่และคนอื่นจับกลุ่มกันเป็นสิบกลุ่ม ขณะที่ราชินีทั้งสี่ของเผ่าแมลงสร้างกองทัพใหญ่พร้อมด้วยรังและข้ารับใช้แมลงชั้น4
หลินฮวงแปลกใจที่เห็นการตัดสินใจของเผ่าแมลง แต่ก็ไม่หยุด
หลังพวกมันได้รับแผนที่และข้อมูลของมิติจากหลินฮวง ทั้ง11กลุ่มก็เลือกทิศทางกัน
หลังเขาเฝ้าดูมอนสเตอร์เขาออกไป เขาก็มองไปทางที่เผ่าแมลงไปและพึมพำ”มีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น!”
เขายืนตรงนั้นสักพัก จากนั้นก็หมุนตัวและรีบไปให้ห่างจากทางที่เผ่าแมลงไป พาสองทาสดาบไปด้วย
หลังมาถึงบริเวณที่มอนสเตอร์ระดับเทพแท้จริงอยู่ หลินฮวงก็รีบแยกทางกับสองทาสดาบ
ดาบ301และดาบ302รู้สึกอัดอั้นมากตลอดหลายเดือนมานี้ และครั้งนี้พวกเขาก็ตอบรับการล่าโดยไม่คัดค้าน
หลินฮวงเดินลึกเข้าไปในพื้นที่ล่าและรีบมุ่งไปทางบริเวณของเทพแท้จริงขั้น4
แผนที่การกระจายตัวของมอนสเตอร์จัดทำโดยแดนเทพ มันไม่มีรายละเอียดมากนัก แต่ตำแหน่งและพื้นที่โดยประมาณของมอนสเตอร์กับระดับพลังก็ถูกทำไว้ชัดเจน
ประมาณหนึ่งชั่วโมงหลังเขาเข้ามาในมิติ ในที่สุดหลินฮวงก็มาถึงปลายทางเขา เขาใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะพบเหยื่อตัวแรกที่เมหาะสมกับเขา ผีหน้าขาว
ผีหน้าขาวคือวิญญาณร้ายประเภทหนึ่ง
มอนสเตอร์ประเภทนี้สูงสามถึงห้าเมตรและดูเหมือนผีตัวใหญ่ มันสวมหน้ากากขาวและลอยในอากาศ
หลินฮวงไม่คิดไปสู้กับมันซึ่งๆหน้าในครั้งนี้ ด้วยการสะบัดข้อมือ มีดบินพลังจิตนับร้อยพลันบินออกไป เสริมด้วยกฏเทพความเร็ว ชั่วพริบตาของธาตุสายฟ้า ไร้ร่องรอย เงาอาทิตย์ของธาตุแสง วิหคสวรรค์ของธาตุลม และทักษะดาบความเร็วต่างๆ มีดบินพลังจิตเจาะผ่านร่างของผีหน้าขาวทันที เปลี่ยนมันเป็นตะแกรง
แม้ผีหน้าขาวจะพบหลินฮวงสักพักแล้ มันก็ไม่มีเวลาจะตอบสนองเลยก่อนร่างมันจะถูกเจาะจนพรุน
หลังฆ่าผีหน้าขาว หลินฮวงก็สกัดไฟเทวะมัน เขาเชี่ยวชาญเรื่องนี้จนทำได้ในคราเดียวแล้ว
ตอนนี้ที่การล่าเหยื่อแรกสำเร็จ เขาไม่อ้อยอิ่งแต่หันไปและรีบหาเป้าหมายสอง
…
ในเวลาเดียวกับที่หลินฮวงเริ่มออกล่า ไป่และมอนสเตอร์ตัวอื่นก็ไม่นิ่งเฉย แต่ละตัวเข้าพื้นที่ของเทพแท้จริงเพื่อค้นหาเป้าหมายที่เหมาะสม
มีเพียงเผ่าแมลงถึงแตกต่าง ราชินีทั้งสี่อยู่ในเขตของมอนสเตอร์ระดับเทพเสมือนพร้อมกับรังและข้ารับใช้แมลง
หลังจากนั้น ราชินีทั้งสี่ก็เปิดทางเข้ารังและปล่อยกองทัพเผ่าแมลงหลายร้อยล้านออกมา…
1392 วันสุดท้าย
ยี่สิบวันผ่านไปทันตาเห็น เมื่อเขาเห็นประกายไฟเทวะขั้น6ในตัวถึงสิบ หลินฮวงก็ถอนหายใจยาว
ยี่สิบวันที่ผ่านมา เขาไม่ได้นิ่งเฉยเลย เขาวิ่งไปทั่วบริเวณของมอนสเตอร์ระดับเทพแท้จริงบนรอบนอกของมิติ ค้นหาเหยื่อที่เหมาะกับเขา
ในความเป็นจริง ทุกครั้งที่เขาถึงเป้าหมาย การต่อสู้จะกินเวลาไม่นาน มันล้วนเป็นการฆ่าชั่วพริบตา และใช้เวลาไม่ถึงวินาทีด้วยซ้ำ การต่อสู้ที่นานสุดก็ไม่ถึงสองชั่วโมง
เวลาส่วนใหญ่เขาใช้ไปกับการเดินทาง เลี่ยงเทพแท้จริงขั้นสูงและค้นหาเป้าหมายที่เหมาะสม
“ยังมีเวลาเหลืออีกสามวัน ข้าสงสัยว่าพวกไป่กำลังทำอะไรกัน..”เมื่อมาถึงจุดนี้ ในที่สุดหลินฮวงก็มีเวลาคิดเรื่องอื่นนอกจากการล่า”ยังมีราชินีเผ่าแมลง..”
เขามีความรู้สึกว่าราชินีทั้งสี่อาจสร้างเรื่องขึ้น
สิ่งที่หลินฮวงไม่รู้คือการคาดเดาเขาแม่นยำ
ราชินีทั้งสี่ฆ่าเทพเสมือนทั้งหมดบนเขตรอบนอกเงียบๆอยู่17วัน จนกระทั่งสามวันก่อน พวกมันนำยานรบเผ่าแมลงกว่าสิบและกองทัพเผ่าแมลงใหม่จำนวนมากไปในบริเวณของเทพแท้จริงขั้นต่ำ
หลังกองทัพเผ่าแมลงเข้าบริเวณเทพแท้จริง พวมันก็ไม่ได้เคลื่อนไหวทันที แต่กลับลอบสังหารเทพแท้จริงเผ่าหุบเหวใกล้ๆ จากนั้นก็ระดมรังและยานรบ
จากนั้น สายก็ถูกส่งไปตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการกระจายตัวของมอนสเตอร์
เพียงเมื่อหลินฮวงทำการล่าของเขาเสร็จ สายเผ่าแมลงก็กลับมาพร้อมแผนที่สมบูรณ์ของบริเวณที่มอนสเตอร์เทพแท้จริงอยู่พร้อมด้วยข้อมูล
หลังสายให้ข้อมูล หนอนสุดยอดแมลงก็พูดขึ้น
“พื้นที่ของเหล่าเทพแท้จริงอันตรายกว่าของเทพเสมือนมาก การกระจายตัวของเทพแท้จริงขั้นต่ำ กลางและสูงยังผสมกันมากขึ้น หากเราส่งทัพใหญ่ไปล่า ต่อให้มันจะเป็นแค่การล่าเทพแท้จริงขั้นต่ำ มันก็อาจทำให้พวกขั้นกลางหรือสูงตื่นตัว แต่ทว่า ด้วยพลังปัจจุบันเรา หากเราพบเทพแท้จริงที่สูงกว่าขั้นต่ำ โอกาสที่เราจะชนะนั้นต่ำมากต่อให้เราใช้จำนวนเข้าสู้ ดังนั้น ข้าขอเสนอว่าเราควรแบ่งเป็นหลายๆกลุ่มและลอบฆ่าพวกมัน!”
“หากเราไม่ส่งกองทัพใหญ่ไป ก็จะมีแค่เรา11ตนที่สามารถล่าเทพแท้จริงได้ อย่างมากก็ทำได้แค่จับกลุ่มกันห้ากลุ่ม นอกจากนี้ ตอนนี้เราเหลือเวลาแค่สามวันเท่านั้น การลอบฆ่าจะไม่ได้ผล!”ราชินีขมวดคิ้ว
ราชินีอีกสามพยักหน้า เห็นด้วยกับสิ่งที่นางกล่าว
“เรามีมากกว่า11ที่สามารถเข้าร่วมการล่าได้ แมลงระดับกึ่งบรรพกาลเหล่านี้สามารถช่วยเหลือเราได้ พวกมันสามารถรับผิดชอบหน้าที่ยับยั้งเหยื่อเพื่อให้เราสามารถล่าได้ราบรื่นขึ้น”
‘นอกจากนี้ เราสามารถเข้าร่วมกับพวกไป่และคนอื่นได้ พวกเขาทำงานที่นายท่านมอบให้เสร็จแล้วและก็เลื่อนเป็นเทพแท้จริงกันแล้ว แต่ทว่า พวกเขายังไม่หยุดล่า เราสามารถส่งแมลงระดับกึ่งบรรพกาลพร้อมด้วยเหล่าแมลงไปจับกลุ่มกับพวกเขาและล่าได้ พวกเขาอาจสามารถได้รับผลตอบแทนบ้าง”
หนอนสุดยอดแมลงตัวที่สองรีบกล่าว
“การโจมตีคลื่นแมลงไม่ใช่ว่าจะไร้ผล หากพื้นที่เต็มไปด้วยเหยื่อขั้นต่ำ เราสามารถใช้การโจมตีคลื่นแมลงเพื่อจัดการอย่างรวดเร็ว ตราบเท่าที่เราไม่ทำให้พวกที่เหนือกว่าขั้นสามตื่นตัว”
หลังมันฟังสิ่งที่หนอนสุดยอดสมองตัวที่สองกล่าว หนวดของหนอนสุดยอดสมองตัวแรกก็กระเพื่อมด้วยความตื่นเต้น”สองวันแรกต้องอย่าทำให้มันอึกทึก แต่วันสุดท้าย เราสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้…”
“เอาละ เราจะไปตามที่เจ้าเสนอ พวกเจ้าทั้งสองควรหารือเรื่องรายละเอียดกัน จากนั้นเราจึงค่อยทำตามแผน”ราชินพยักหน้า
ราชินีที่เหลืออีกสามยังไม่คัดค้าน
…
ไม่กี่นาทีต่อมา ไป่และตัวตลกที่จับกลุ่มกันเพื่อล่าเทพแท้จริงขั้นสองก็พบว่ามีทหารแมลงบินมาหาพวกเขา
“มีแมลงตัวน้อยกำลังมา เจ้าอยากฆ่ามันไหม?”ตัวตลกแสยะยิ้ม
ไป่เหลือบมองตัวตลกก่อนถามทหารแมลงอย่างไร้อารมณ์”มีข่าวอะไรจากรัง?”
ทหารแมลงลอบมองตัวตลกและหดร่างมันเล็กน้อย มันบังคับให้น้ำเสียงตัวเองไม่สั่น
“องค์ราชินีทั้งสี่หวังว่าจะได้ร่วมมือกับท่านทั้งสอง รังจะส่งองครักษ์แมลงระดับเทพเสมือนขั้น9มาเพื่อร่วมล่ากับท่าน เรามีแผนที่และข้อมูลมอนสเตอร์ทั้งหมดของทั่วทั้งบริเวณเทพแท้จริงและข้อมูลนี้ก็สามารถแบ่งปันกับท่านได้…”
“เราไม่สนใจข้อมูล แต่ลืมเรื่องจับกลุ่มไปได้เลย ข้าไม่อยากให้ใครมารบกวนเวลาอันงดงามระหว่างข้าและเสี่ยวไป่ไป่..”ตัวตลกแสยะยิ้ม
แต่ก่อนจะได้พูดจบ มันก็ถูกขัดโดยไป่
“เราสามารถจับกลุ่มกันได้ ส่งคนมาเข้าร่วมกับเราให้เร็วที่สุด”
“แม้จะมีข้าแล้ว เจ้าก็ยังอยากได้คนอื่นอีก?หึ เจ้ามันคนใจร้าย!”ตัวตลกแสดงสีหน้าเศร้าโศรก
ไป่ไม่สนใจตัวตลก
ทหารแมลงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเลยจนกระทั่งได้รับคำอนุมัติจากไป่ มันรีบพยักหน้าและรีบบินหนีออกไป
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ไป่และกลุ่มอื่นก็ต้อนรับกำลังเสริมเผ่าแมลง องครักษ์แมลงทั้งหมดถูกจับคู่ให้ลงตัวุสด ตามการวิเคราะห์ของหนอนสุดยอดสมองทั้งสองถึงโครงสร้างของกลุ่มทั้งสิบ เกือบทุกกลุ่มจะมีองครักษ์แมลงจำนวนและความสามารถต่างกัน กลุ่มเล็กน้อยจะมีองครักษ์แมลงห้าตน ส่วนกลุ่มใหญ่สุดมี11
สำหรับตัวเผ่าแมลงเอง สมาชิกทั้ง11ยังแบ่งเป็นสี่กลุ่ม แต่ละราชินีจะไปนำกลุ่มและยังมีองครักษ์แมลงระดับกึ่งบรรพกาลหลายตัวในกองทัพ
การล่ารอบใหม่เริ่มขึ้น ด้วยความช่วยเหลือขององครักษ์แมลง ประสิทธิภาพการล่าจึงเพิ่มขึ้นมาก
หลายกลุ่มเริ่มพยายามล่าเทพแท้จริงขั้น3
ขณะที่มอนสเตอร์อัญเชิญกำลังยุ่งกับการล่าเทพแท้จริงขั้น2และ3 หลินฮวงก็เริ่มการกวาดล้างเทพแท้จริงขั้น6ไปแล้ว
..
เวลาผ่านไปอีกสองวัน
ราชินีและแมลงระดับบรรพกาลตนอื่นเลื่อนเป็นเทพแท้จริงกันสำเร็จ พร้อมกับองครักษ์แมลงกว่าร้อยตัวที่เข้าร่วมการล่า
ไป่ ไทแรนด์และคนอื่นเลื่อนเป็นเทพแท้จริงตั้งแต่ยี่สิบวันก่อนแล้วและตอนนี้ก็เกือบเลื่อนเป็นขั้น2
จากนั้นก็มีบางกลุ่มเริ่มล่าเทพแท้จริงขั้น3
ท่ามกลางทั้งหมด กลุ่มของไป่และตัวตลกหาญกล้าสุด พวกเขาเริ่มพยายามล่าเทพแท้จริงขั้น4
เมื่อวันสุดท้ายมาถึง เผ่าแมลงก็เกรี้ยวกราดมาก
ราชินีทั้งสี่เปิดรังหลักไปสี่ทิศทางและเริ่มปล่อยกองทัพแมลง
กองทัพแมลงกวาดผ่านไปหนึ่งในสามของบริเวณมอนสเตอร์ระดับเทพแท้จริงทั้งหมด…
การล่าอย่างบ้าคลั่งนี้กินเวลาไม่ถึงชั่วโมงก่อนมอนสเตอร์เทพแท้จริงขั้นกลางและสูงจะพบความผิดปกติ
สายเผ่าแมลงที่จับตาดูการเคลื่อนไหวโดยรอบแจ้งราชินีทั้งสี่ทันที ซึ่งทั้งสี่ก็มลังเลเลยที่จะออกคำสั่งถอนทัพ
ในเวลาไม่ถึงห้านาที กองทัพเผ่าแมลงขนาดมหึมาก็หายไปในรัง
1393 บุตรแห่งมารพุทธศาสนา
หลินฮวงกำลังล่าเทพแท้จริงขั้น6ตอนข้อความส่งมาจากรังแมลง มันถูกส่งมาโดยราชินีโดยตรง
เขาแปลกใจแต่ก็ไม่ตรวจสอบมันทันที เขากลับยังสู้กับเหยื่อเขา
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาหลังเขาฆ่าและจัดการกับเป้าหมาย เขาจึงก้มดูข้อความ
“เรียกรังและมอนสเตอร์อัญเชิญกลับให้เร็ว ที่สุด!ออกจากมิติ!”
เมื่อเห็นข้อความนี้ หลินฮวงก็ผงะ หลังจากนั้น เขาก็พลันตอบกลับ”เจ้าทำอะไรลงไป?”
“เราปล่อยฝูงแมลง กระตุ้นยานรบเผ่าแมลง และทำการกวาดล้างเทพแท้จริงขั้นต่ำ”ราชินีตอบกลับ
“(⊙o⊙) … “หลินฮวงตกตะลึง
“มอนสเตอร์ตัวอื่นในบริเวณเทพแท้จริงเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ ตอนนี้เรากำลังซ่อนตัวในรังของกองทัพเรา แต่ทว่า ข่าวดังกล่าวมีแนวโน้มว่าจะกระจายไปทั่วทั้งบริเวณเทพแท้จริงและมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดการลุกฮือครั้งใหญ่ มันไม่ใช่แค่เผ่าแมลง แต่ผู้เข้าร่วมทั้งหมดจะตกเป็นเป้าการล้างแค้นของมอนสเตอร์ท้องถิ่นเหล่านี้”มันคือหนอนสุดยอดสมองที่กล่าวในครั้งนี้
“นี่ยังไม่ใช่สถานการณ์เลวร้ายสุด ในกรณีเลวร้ายสุด ระดับเทพสวรรค์ในขอบเขตชั้นในอาจตื่นตระหนกและเข้ามาเขตด้านนอกเพื่อหยุดเรา..”หนอนสุดยอดสมองอีกตัวกล่าวเสริม
คำพูดของสองหนอนสุดยอดสมองทำให้หลินฮวงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ เขาติดต่อสองทาสดาบทันทีโดยใช้กระแสจิตพวกเขา
“เกิดเรื่องขึ้น บอกพิกัดพวกเจ้ามา ข้าจะพาจุดนัดพบที่เหมาะสม หยุดล่าเดี๋ยวนี้และรีบมาให้เร็วที่สุด”
หลังแจ้งสองทาสดาบ หลินฮวงก็ติดต่อมอนสเตอร์เขา
“ทุกคน หยุดล่าเดี๋ยวนี้!เก็บของที่ล่าได้ทั้งหมด หลังหนึ่งนาที ข้าจะเรียกพวกเจ้ากลับเป็นการ์ด!”
ทันทีหลังเขาแจ้งเตือนมอนสเตอร์ ดาบ301และดาบ302ก็ส่งพิกัดมา
หลินฮวงมองพิกัดสองทาสดาบและตัวเขา จากนั้นก็คำนซรจุดนัดพบที่ใกล้สุดระหว่างทั้งสาม และส่งพิกัดให้สองทาสดาบ
“หยุดทุกอย่างที่กำลังทำและรีบไปยังพิกัด!หากพบมอนสเตอร์ระหว่างทางที่สามารถฆ่าได้ทันที ก็ลงมือซะ อ้อมเอาหากทำไม่ได้ อย่าเสียเวลาไปกับอะไรเด็ดขาด เมื่อไปถึงจุดนัดพบ หากข้ายังไม่ถึง ให้หาสถานที่ซ่อนใกล้ๆ”
หลังส่งข้อความ หลินฮวงก็หันกลับมาสนใจมอนสเตอร์อัญเชิญเขา ทีละตัว เขาเรียกพวกมันทั้งหมดกลับเป็นการ์ดและยังเรียกรังกับเผ่าแมลงกลับ
เมื่อเขาจัดการเสร็จ เขาก็รีบวิ่งไปยังพิกัด
ไม่ถึงสิบนาทีหลังเขาออกเดินทาง เขาพลันสัมผัสได้ถึงลำแสงจิตเทวะที่ตรึงร่างเขาและกลิ่นอายก็เข้าใกล้มาด้วยความเร็วสูง
หลินฮวงไม่สนใจสิ่งนี้ ใช้กฏเทพความเร็วฑูตสวรรค์และการตรัสรู้ธาตุ ร่างเขาเปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีแดงและเร่งความเร็วให้หลุดระยะการรับรู้ของจิตเทวะ
ด้วยระดับพลังปัจจุบันเขา เสริมกับทักษะดาบความเร็วที่เขาเชี่ยวชาญ ความเร็วการบินเขาจึงไม่ต่ำกว่าเทพแท้จริงขั้น6ทั่วไป หากมันคือการต่อสู้ซึ่งต้องใช้การระเบิดความเร็วระยะสั้น เขาจะยิ่งได้เปรียบ จนถึงจุดที่เหนือกว่าเทพแท้จริงขั้น6ส่วนใหญ่
หลังใช้เวลาหลายนาทีเพื่อออกรัศมีการรับรู้ หลินฮวงก็ถอนหายใจโล่งอก แต่ทันใดนั้น คลื่นจิตเทวะสองสายก็กวาดผ่านมาและจับตัวเขาอีกครั้ง
“ดูเหมือนว่ามอนสเตอร์หุบเหวจะเริ่มค้นหาผู้เข้าร่วมแล้ว..”หลินฮวงพลันตระหนักว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เขาถูกพบก่อนหน้านี้ มอนสเตอร์หุบเหวทั้งหมดกำลังใช้จิตเทวะเพื่อค้นหาผู้เข้าร่วม
เมื่อมาถึงจุดนี้ เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเขาถูกล่า แต่เพราะเขารู้ว่าดาบ301และดาบ302อาจพบเจออะไรเหมือนเขา
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเก็บความกังวลที่ยิ่งกว่าไว้ในใจ
หลังเขาเร่งความเร็วออกระยะการรับรู้ของมอนสเตอร์หุบเหวทั้งสอง หลินฮวงก็สวมหน้ากากพันหน้า กลิ่นอายทั้งร่างเขาเปลี่ยนไปและร่างเขาก็เปลี่ยนเป็นประเภทวิญญาณร้ายคล้ายมนุษย์
เมื่อเขาใช้พันหน้าเพื่อปลอมตัวเป็นสิ่งมีชีวิตเผ่าหุบเหว หลินฮวงก็เร่งฝีเท้าและรีบไปยังพิกัดที่ตกลงกันไว้
ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลินฮวงเดินทางอย่างราบรื่น ต่อให้จิตเทวะจะกวาดมาโดนเขาทุกสองหรือสามนาที มันก็อยู่สักพักก่อนเคลื่อนออกไป ดูเหมือนจะปฏิบัติต่อเขาในฐานะเผ่าหุบเหว
มันใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงจนมาถึงพิกัดเป้าหมาย หลินฮวงนั่งบนก้อนหินเพื่อรอให้สองทาสดาบมาถึงอย่างอดทน
เขารู้ว่าทั้งสองต้องมีช่วงเวลาที่ยากลำบากกว่าเขา
หลังผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง สองทาสดาบก็มาถึงในเวลาห่างกันไม่ถึงสามนาที
เมื่อเห็นทั้งคู่มาถึงอย่างปลอดภัย หลินฮวงก็ถอนหายใจ
ทั้งคู่ตกตะลึงตอนเห็นหลินฮวง ตอนแรก พวกเขาจำเขาไม่ได้
หลินฮวงเริ่มทักทายพวกเขาก่อน ลบพันหน้า จากนั้นทั้งสองจึงลบสิ่งที่ใช้เพื่อปกปิดตนเองออก
ตอนนี้ที่ดาบ301และดาบ302มาถึง หลินฮวงจึงไม่คิดเสียเวลาคุย เขาเรียกประตูมิติออกมาและดึงทั้งสองเข้าไป
เมื่อเขาเข้ามิติ เขาได้ใช้ประตูมิติเพื่อกำหนดพิกัดทางเข้าและทางออกไว้แล้ว
นาทีที่พวกเขาก้าวออกประตูมิติ ขนของหลินฮวงก็ตั้งขึ้นเมื่อตรวจพบกลิ่นอายอันตราย โดยไม่คิดลังเล เขารีบลากสองทาสดาบพุ่งออกไปทันที
ลำแสงสีดำพุ่งใส่จุดที่ทั้งสามก้าวออกมาและระเบิดประตูมิติกลายเป็นผุยผงทันที
ไกลออกไป หลินฮวงมองไปยังคนที่โจมตี
อีกฝ่ายสวมชุดคลุมพระสีขาวราวกับหิมะ ยืนเฉียงหน้าให้หลินฮวง แม้เขาจะหัวล้าน หลินฮวงก็ไม่เคยเห็นคนที่หัวเงางามขนาดนี้มาก่อน ครึ่งหน้าเขาสมบูรณ์แบบจนไม่อาจมองเห็นข้อบกพร่องใด
ตอนแรก หลินฮวงผงะเมื่อเห็นศัตรู นี่เพราะอีกฝ่ยาดูเหมือนมนุษย์หนุ่มและกลิ่นอายที่ปล่อยออกมาก็เป็นของผู้บ่มเพาะชาวพุทธที่รักสันติ
“ปฏิกิริยาเจ้าไม่เลวเลย!”มุมปากของใบหน้าที่เห็นได้ครึ่งหนึ่งยกขึ้นและเขาก็ค่อยๆหันมา
เมื่ออีกฝ่ายหันหน้ามาเต็มๆ รูม่านตาหลินฮวงก็หดลง
“บุตรแห่งมารพุทธศาสนา!”
ตามตำนาน บุตรแห่งมารพุทธศาสนาคือวิญญาณร้าย เดิมพวกเป็นผู้บ่มเพาะพุทธระดับสูงด้วยความรู้เชิงลึกทางพุทธศาสนาซึ่งได้รับการเปลี่ยนแปลงหลังปนเปื้อนด้วยพลังงานหุบเหว
ความน่ากลัวของประเภทวิญญาณร้ายคือพวกมันยังรักษาความทรงจำและภูมิปัญญาของการบ่มเพาะทางพุทธไว้ได้ พรสวรร์และศักยภาพของพวกมันเทียบได้กับสิ่งมีชีวิตหุบเหวชั้นสูง ยิ่งไปกว่านี้ ชนชั้นโดยกำเนิดของบุตรแห่งมารพุทธศาสนาคือชั้น4ครึ่งเป็นอย่างต่ำ พวกมันสามารถเลื่อนเป็นชั้น5ได้โดยตรง
สิ่งที่รู้จักมากสุดเกี่ยวกับบุตรมารพุทธคือครึ่งหน้าพวกมันจะเป็นใบหน้าของพระที่สมบูรณ์ ส่วนอีกครึ่งเน่าเปื่อยและปนเปื้อนด้วยพลังงานหุบเหว
ครึ่งขวาของใบหน้าพระชุดขาวตรงหน้าหลินฮวงเหมือนคนพิการและเต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลสีดำ มันล้อมด้วยหมอกดำหนา…
ตอนนี้เอง พระแตกต่างไปจากตอนที่เห็นครึ่งหน้าโดยสิ้นเชิงและทั้งตัวก็เปล่งกลิ่นอายชั่วร้าย
“บุตรแห่งมารพุทธศาสนาระดับเทพแท้จริงขั้น9!”สีหน้าของหลินฮวงเปลี่ยนไป
1394 เผชิญหน้ากับศัตรูสุดแกร่ง
เมื่อเห็นบุตรแห่งมารพุทธศาสนาขวางทางเข้าออกไว้ หลินฮวงจึงกระวนกระวาย
ก่อนหน้านี่ เขากังวลว่าอาจมีคนขวางทางเข้าออกมิติไว้ สถานการณ์นั้นคือสิ่งที่เขากลัวสุด ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ที่เกิดจริงยังเลวร้ายกว่าที่คิดไว้
ท่ามกลางสิ่งมีชีวิตหุบเหว ความสามารถของบุตรแห่งมารพุทธนับเป็นจุดสูงสุดของพวกที่ระดับเดียวกัน
หากนี่เป็นแค่เทพแท้จริงขั้น9ธรรมดา หลินฮวงคงไม่กังวลมากเพราะเขามีการ์ดยกระดับพลังในมือ นี่มากพอให้เขาเพิ่มความสามารถเขาเป็นเทพแท้จริงขั้น9
แต่ทว่า บุตรแห่งมารพุทธตรงหน้าเขาอาจเป็นระดับเทพแท้จริงขั้น9 แต่ความสามารถเขาอาจไม่ด้อยกว่าเทพสวรรค์เลย
เมื่อเจอกับศัตรูที่ทรงพลังเช่นนี้ สมองของหลินฮวงจึงคิดมาตรการโต้ตอบไม่หยุด
ตอนนี้ บุตรแห่งมารพุทธไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร มันกลับถามหลินฮวง”เจ้าเห็นเผ่าแมลงในมิติเหล่านี้ไหม?”
“ไม่”หลินฮวงปฏิเสธ
บุตรแห่งมารพุทธเม้มปาก”เจ้ากำลังโกหก”
“น้องชายผมดำ เจ้าปฏิเสธคำถามข้าเร็วเกินไป เกือบจะไม่ต้องคิดเลย”
“หากเจ้าไม่เคยเห็นเผ่าแมลงจริง เมื่อพระผู้ต่ำต้อยคนนี้ถาม เจ้าควรสงสัยและต้องคิดก่อนตอบ เจ้าต้องรู้สึกไม่มั่นใจว่าทำไมข้าถึงถามคำถามแบบนั้น เจ้ายังต้องอยากรู้ว่าทำไมเผ่าแมลงถึงปรากฏในมิตินี้ แต่ทว่า เจ้าไม่แสดงความสงสัยใด ราวกับเจ้ารู้ว่าเผ่าแมลงอยู่ที่นี่..”
“ดังนั้น พระผู้ต่ำต้อยคนนี้จึงอนุมานได้ว่าเจ้าเห็นเผ่าแมลงมาก่อน…หรือเจ้าเป็นพวกเดียวกับพวกมัน!?”
หลินฮวงคิดสักพัก จากนั้นก็เล่นตามแนวคิดอีกฝ่ายและตอบกลับใหม่
“เอาละ ข้ายอมรับว่าเราเคยเห็นเผ่าแมลง ข้าปฏิเสธมันก่อนหน้าเพราะข้าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระหว่างเจ้าและพวกมัน”
“สำหรับข้อสงสัยของเจ้า มันไร้สาระมาก เจ้าเคยเห็นโปรตอสไปตีสนิทกับสิ่งมีชีวิตเผ่าแมลงด้วยงั้นหรือ?”
บุตรแห่งมารพุทธคิดสักพักและจากนั้นก็พูดอีกครั้ง”ดีมาก ข้าจะเชื่อว่าครั้งนี้เจ้าพูดความจริง”
“ท่ามกลางพวกเจ้าสามคน ใครก็ตามที่ให้ข้อมูลเผ่าแมลงก่อน ข้าจะปล่อยไป สำหรับอีกสอง ข้าทำได้แค่ขอโทษ”
เดิมหลินฮวงคิดหลีกเลี่ยงความขัดแย้งให้มากที่สุด ดังนั้นจึงโกหกและเลี่ยงตัวพวกเขาจากเผ่าแมลง แต่ทว่า ทัศนคติของบุตรแห่งมารพุทธก็ชัดเจนมากจากคำพูด ไม่ว่าพวกเขาสามคนจะมีความข้องเกี่ยวกับเผ่าแมลงไหม อีกฝ่ายก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไป
แม้อีกฝ่ายจะบอกว่าจะปล่อยให้คนหนึ่งรอดไปได้ มันก็คงไม่รักษาสัญญา มันอาจแค่พูดเพื่อหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์
ตอนนี้ที่เขาตรวจสอบท่าทีศัตรูแล้ว หลินฮวงจึงรู้ว่าการต่อสู้เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได
เขาใช้กระแสจิตเพื่อลอบคุยกับสองทาสดาบ
“พวกเจ้าสองคนหนีไป ข้าจะถ่วงเวลาเขาไว้จนกว่าพวกเจ้าจะหนีออกไปได้!”
“ท่านจอมดาบ ข้าเกรงว่าความสามารถเขาคงใกล้เคียงกับเทพสวรรค์ไปแล้ว…”ดาบ301ไม่คิดทิ้งหลินฮวงไว้ลำพัง
‘ข้ามีวิธีช่วยชีวิตข้า หากเจ้าอยู่ก็มีแต่จะเป็นภาระให้ข้า”หลินฮวงไม่กังวลว่าเขาจะหลบหนีได้หรือไม่ เขากังวลแค่ว่าสองทาสดาบจะถูกฆ่า
เหนือสิ่งอื่นใด มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างขั้น3และ9 และความสามารถของทาสดาบก็ยังถูกจำกัด ในสภาพปัจจุบันของดาบ301และดาบ302 หากพวกเขาเผชิญหน้ากับบุตรแห่งมารพุทธ พวกเขาจะถูกฆ่าทันที ไม่มีประโยชน์อะไรให้อยู่
หลังทั้งคู่หนีได้สำเร็จ เขาถึงสามารถหาทางออกการต่อสู้ได้โดยไม่ถูกรั้ง
แม้พวกเขาจะไม่สบายใจที่ต้องทิ้งนายของตนไว้ด้านหลังเพื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือเช่นบุตรแห่งมารพุทธ สองทาสดาบก้ยังรู้ว่าหลินฮวงพูดความจริง ทั้งสองจะเป็นได้แค่ภาระให้เขา
ทั้งสองทาสดาบไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามคำสั่งของหลินฮวง
สายใยทางจิตถือเป็นการสื่อสารระดับจิตสำนึก มันดูเหมือนราวกับพวกเขาคุยกันนาน แต่จริงๆแล้ว มันผ่านไปแค่วินาทีเยว
เมื่อเขาเกลี้ยกล่อมสองทาสดาบได้แล้ว ในที่สุดหลินฮวงจึงหันมาสนใจศัตรูตรงหน้าเขาได้เต็มที่
การ์ดเพิ่มพลังชั่วคราวสามใบปรากฏในมือเขา เขาขยับนิ้วเบาๆและบดขยี้การ์ดทั้งสามใบ พวกมันเปลี่ยนเป็นแสงสีทองที่คนทั่วไปมองไม่เห็นและจมไปในตัวเขา
ทันใดนั้น ระดับพลังเขาก็เริ่มทะยาน!
เทพเสมือนขั้น4!
เทพเสมือนขั้น5!
เทพเสมือนขั้น6!
ก่อนหน้านี้ ตอนเขาเป็นเทพเสมือนขั้น3 ความสามารถเขาพอจะล่าเทพแท้จริงขั้น6 ตอนนี้ระดับพลังเขาทะยานขึ้นอีกสามขั้น ความสามารถเขาจึงเพิ่มขึ้นเป็นเทพแท้จริงขั้น9
บุตรแห่งมารพุทธไม่อาจมองเห็นพลังต่อสู้ที่แท้จริงของหลินฮวงได้ภายใต้การปกปิดของพันหน้า เขาคิดว่าหลินฮวงแค่เลื่อนจากเทพแท้จริงขั้น3เป็นขั้น6ในหนึ่งลมหายใจ และสามารถสัมผัสได้ถึงอันตรายที่เล็ดลอดออกจากตัวหลินฮวง
ความรู้สึกอันตรายนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอยากถอย แต่มันกลับทำให้เขาตื่นเต้น
“เจ้าเป็นแค่ขั้น6แต่กลับคุกคามข้าได้ ความสามารถเจ้าสูงจริงๆ ข้าสงสัยว่าการเพิ่มพลังชั่วคราวนี้จะอยู่ได้นานสักแค่ไหน?”
“มันจะคงอยู่จนกว่าการต่อสู้นี้จะจบ!”หลินฮวงจับด้ามดาบไร้ใบดาบไว้ในมือขวาแน่น จากนั้นใบดาบก็ควบแน่น เปลี่ยนเป็นดาบสีเลือดเล่มยาว
“ดาบเล่มนั้นก็ไม่เลว ดูเหมือนเจ้าจะพอมีสถานะในแดนเทพ สิ่งที่ข้าชอบสุดคือการล่าอัจฉริยะเช่นเจ้า ข้าจะอ่านสมองเจ้า สำรวจความลับเจ้า..”
ขณะที่บุตรแห่งมารพุทธพูด หลินฮวงก็ได้อัดพลังกฏเทพและการตรัสรู้ธาตุบนดาบจนถึงขีดสุด
เขาเปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีแดงและโจมตีทันที!
กระบวนท่านี้นับว่าเร็วสุดเท่าที่เขาเคยใช้มาแล้วตลอดชั่วชีวิต
ด้วยการเสริมของความเร็วฑูตสวรรค์และการตรัสรู้ทักษะดาบความเร็วสูง ดาบยาวจึงเร็วเท่ากับสายฟ้าจริงๆที่ผ่าลงมา เพียงเสี้ยววินาที อาวุธก็มาปรากฏตรงหน้าบุตรแห่งมารพุทธแล้ว
เพียงเมื่อปลายดาบของหลินฮวงพุ่งเข้ามาใกล้และกำลังจะแทงหัวเขา บุตรแห่งมารพุทธก็พลันสะบัดมือใส่อากาศและปลดปล่อยเงาที่กระจัดกระจายนับไม่ถ้วน แม้จะเคลื่อนไหวช้ากว่า แต่นิ้วเขากลับเร็วกว่าหลินฮวง
ปลายนิ้วสีทองสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของปลายดาบสีแดงเลือด
ความรู้สึกที่หลินฮวงสัมผัสได้คือดาบเขากำลังแทงใส่เหล็กแข็งที่ขัดขวางการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเขาไว้
“ความเร็วเจ้าไม่เลว มันใกล้เคียงกับเทพแท้จริงขั้นสูงสุดเลยทีเดียว”
หลังการประเมินนี้ บุตรแห่งมารพุทธก็ดีดนิ้วและปลายนิ้วมันก็แตะเข้ากับปลายดาบสีแดงเลือด
ตอนนี้เอง หลินฮวงรู้สึกถึงพลังจำนวนมหาศาลที่มาจากปลายดาบเขา และอาวุธก็แทบจะหลุดออกจากมือ แขนขวาที่ถือดาบชาด้านและทันใดนั้นร่างเขาก็ถูกส่งลอยออกไป
“แข็งแกร่งมาก!’
หลินฮวงพลันตระหนักถึงพลังของอีกฝ่าย
“ด้วยระดับพลังเทพแท้จริงขั้น6ของเจ้า เจ้ากลับมีความสามารถถึงเพียงนี้ ต่อให้พบกับเทพแท้จริงขั้น9ทั่วไปเจ้าก็ยังสามารถสู้ได้ แต่มันไม่พอหากพบเจอกับเทพแท้จริงขั้นสูงสุด”
“ระดับของแก่นแท้เต๋าดาบเจ้า รวมถึงกฏเทพและการตรัสรู้ธาตุที่เจ้าใช้ยังมีที่ให้พัฒนาอีกมาก”
“น่าเสียดาย เจ้าคงไม่มีโอกาสเช่นนั้นอีก…”
ก่อนเขาจะพูดจบ ร่างของบุตรแห่งมารพุทธก็หายไปและปรากฏห่างจากหลินฮวงไม่ถึงสิบเมตร
เขาโบกมือ’ช้าๆ’ แต่มันกลับดูเหมือนมีแขนเพิ่มขึ้นนับพันในอากาศ ชั้นแขนก่อตัวเป็นคลื่นและยิงไปข้างหน้า
เงาฝ่ามือสีทองนับไม่ถ้วนระเบิด ตอนแรก พวกมันมีแค่ขนาดของฝ่ามือทั่วไป แต่พวกมันกลับขยายขึ้นหลายเท่าเมื่อลอยไปข้างหน้า เมื่อพวกมันเกือบจะถึงตัวหลินฮวง เงาฝ่ามือสีทองก็บดบังท้องฟ้าแล้ว ร่างของหลินฮวงถูกกลืนหายไปในพริบตา…
1395 เจ้าทำอะไรกับข้า?
ฝ่ามือสีทองพลันครอบคลุมจุดที่หลินฮวงยืนอยู่เหมือนกรง
การโจมตีนี้ของบุตรแห่งมารพุทธทำให้หลินฮวงตระหนักถึงช่องว่างระหว่างเขาและเทพแท้จริงขั้นสูงสุด
“นี่คือความสามารถของเทพแท้จริงขั้นสูงสุด?!”
การโจมตีของบุตรแห่งมารพุทธดูเหมือนจะแค่การผลักฝ่ามือง่ายๆ แต่จริงๆแล้วกลับมีพลังกฏเทพและการตรัสรู้ธาตุอย่างน้อย20ควบรวมไว้
กฏเทพและการตรัสรู้ธาตุที่มันใช้ได้ทั้งหมดต้องมีอย่างน้อย20ประเภท นี่คือความแตกต่างอย่างหนึ่ง
นอกจากการควบรวมพลังกฏเทพ บุตรแห่งมารพุทธยังไปถึงระดับในอุดมคติทุกด้าน เช่นพลังและความเร็ว วิธีที่มันใช้และการผสานพลังกฏเทพต่างๆได้ไปถึงจุดที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบ
แค่การโจมตีเดียว หลินฮวงสามารถเดาได้ว่าความสามารถของบุตรแห่งมารพุทธตรงหน้าเขาไปถึงระดับเทพสวรรค์แล้ว และมันก็แข็งแกร่งกว่าตัวเขา
เดิมทีเขาคิดว่าเมื่อเขาเลื่อนเป็นเทพเสมือนขั้น6 ความสามารถเขาจะเทียบได้กับเทพเสมือนขั้น9 ดังนั้นเขาจึงควรสามารถจัดการกับคู่ต่อสู้เขาได้ ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าเขาประเมินพลังของอีกฝ่ายต่ำไป
หลินฮวงขมวดคิ้วขณะเฝ้ามองฝ่ามือสีทองยักษ์ปกคลุมไปทั่ว
“ระยะการโจมตีทั้งกว้างและไร้จุดบอด พื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นคุกไร้ทางหนี..”เขาคิดหาทางอย่างบ้าคลั่ง“แต่ทว่า การโจมตีแบบนี้ที่มีระยะกว้างมักมีจุดบอดในแง่ของการกระจายพลังงาน..”
วินาทีถัดมา ดาบในมือเขาเปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีแดงเลือด และสายฟ้าก็กระหน่ำซัดในจุดเดิมซ้ำๆ
ในชั่วพริบตา ดาบสีแดงเลือดก็กระหน่ำซัดใส่ฝ่ามือสีทองไปนับพันครั้ง
รอยแยกบางๆเริ่มปรากฏ เมื่อจำนวนการโจมตีของหลินฮวงเพิ่ม จำนวนรอยแยกก็เพิ่ม ตัวรอยแยกเองก็ยิ่งขยายใหญ่
เพียงเมื่อฝ่ามือสีทองกำลังจะกดทับลงมา จุดที่เขาโจมตีซ้ำๆก็แหวกเป็นรู
ในชั่วพริบตา รูดูเหมือนจะปรากฏในโดมทองคำที่คลุมฟ้า ฝ่ามือสีทองนับไม่ถ้วนสั่นคลอนท้องฟ้าราวกับสวรรค์กำลังถล่ม
ก่อนบุตรแห่งมารพุทธจะโจมตีได้สำเร็จ หลินฮวงก็พุ่งตัวออกจากรูมาแล้ว
“เจ้าหัวไวไม่เบา”บุตรแห่งมารพุทธยิ้มและชมหลินฮวง”เดิมข้าคิดว่ากระบวนท่าเดียวคงกำราบเจ้าได้ แต่ดูเหมือนข้าจะประเมินเจ้าต่ำไป”
“ข้าเองก็ประเมินเจ้าต่ำไปเหมือนกัน ข้าคิดว่าบุตรแห่งมารพุทธส่วนใหญ่จะเป็นแค่กึ่งเทพสูงสุด แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะโชคดีพอกลายเป็นเทพสูงสุดได้(ชั้น5)”หลินฮวงยังคงสงบนิ่ง การ์ดพิเศษลอบปรากฏในมือขณะที่เขาพูด
“ข้าชื่นชมความกล้าหาญของเจ้ามาก”บุตรแห่งมารพุทธจ้องมองหลินฮวง
“ข้าไม่ได้เสียใจอะไร.”หลินฮวงส่ายหัวและยิ้ม”ข้าพูดว่าข้าโชคดีเพราะในที่สุดข้าก็จะได้มีมอนสเตอร์ระดับเทพสูงสุด”
เขาพูดยังไม่ทันจบตอนขยี้การืดในมือ
การ์ดพลันเปลี่ยนเป็นกลุ่มแสงดาวที่มองไม่เห็นและเคลื่อนเข้าหาบุตรแห่งมารพุทธ
บุตรแห่งมารพุทธไม่พบการรุกล้ำอะไร ขณะที่มันกำลังสงสัยคำพูดของหลินฮวง กลุ่มแสงดาวก็ได้เจาะไปในระหว่างคิ้วมันแล้ว
วินาทีต่อมา บุตรแห่งมารพุทธก็พลันตระหนักว่ามันไม่อาจขยับร่างกายได้ ในเวลาเดียวกัน ร่างของมันที่แข็งแกร่งพอๆกับเทพสวรรค์ก็เริ่มสลายตัวเป็นแสงสีทองด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“เจ้าทำอะไรกับข้า?!”เมื่อเห็นฉากแสนพิศดารนี้ มันก็สูญเสียความเยือกเย็น
ไม่ว่ามันจะดิ้นรนแค่ไหน มันก็ไม่อาจขยับร่างกายได้เลย มันทำได้แค่มองดูร่างกายมันสลายตัว
“ข้าไม่ได้ทำอะไร ข้าแค่ใช้กลอุบายเล็กๆเพื่อทำให้เจ้าเป็นมอนสเตอร์อัญเชิญของข้า”เมื่อหลินฮวงพูดจบ ร่างของบุตรแห่งมารพุทธก็สลายไปจนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว
วินาทีต่อมา บุตรแห่งมารพุทธก็สลายไปจนหมดสิ้น เปลี่ยนเป็นจุดแสงสีทองเล็กๆและควบแน่นเป็นการืดสีทองในฝ่ามือหลินฮวง
การ์ดผนึกได้ผล!
หลังหลินฮวงเลื่อนเป็นเทพเสมือน ขีดจำกัดสูงสุดของรางวัลก็เลื่อนเป็นขั้น4 ตราบเท่าที่เขาล่าเทพแท้จริง เขาก็จะได้รับโอกาสสุ่มการ์ดขั้น4 เขาเพิ่งแลกมันเป็นการ์ดผนึกขั้น4
การ์ดผนึกขั้น4สามารถผนึกมอนสเตอร์ที่มีความหายากระดับเทพสูงสุดหรือต่ำกว่านั้นได้ แม้จะมีโอกาสล้มเหลว แต่การผนึกครั้งนี้ก็สำเร็จ
ในความเป็นจริง หลังการปะทะไปหนึ่งกระบวนท่า หลินฮวงก็รู้ดีว่าเขาไม่อาจต่อกรกับมันได้ อีกฝ่ายเหนือกว่าเขาไม่ว่าจะในแง่ของระดับพลังหรือพลังกฏเทพ
มันนับเป็นปาฏิหาริย์ที่เขารอดมาได้หลังการปะทะครั้งแรก
หากเขาสู้ต่อ หลินฮวงไม่คิดว่าเขาจะรักษาโชคแบบนั้นไว้ได้อีก ด้วยความฉลาดของบุตรแห่งมารพุทธ มันย่อมไม่ทำพลาดแบบเดิม
ดังนั้นหลินฮวงจึงยกเลิกความคิดที่จะสู้กับมันและลอบบดขยี้การ์ดผนึก
เมื่อเห็นการ์ดสีทองในมือเขาก่อตัว หลินฮวงก็อดตรวจสอบข้อมูลมอนสเตอร์ไม่ได้
“การ์ดมอนสเตอร์ : ไร้ชื่อ”
“ความหายาก : เทพสูงสุด”
“ชื่อมอนสเตอร์ : บุตรแห่งมารพุทธ”
“ประเภทมอนสเตอร์ : ประเภทวิญญาณร้าย/เผ่าหลายหน้า”
“ระดับพลัง : เทพแท้จริงขั้น3(เทพแท้จริงขั้น9)”
“สายหลัก : พุทธ”
“ทักษะหลัก : มารพุทธสองหน้า มารพุทธเป็นหนึ่ง..”
“ทักษะรอง : กายพระพุทธรูปวัชราปานี…”
“กฏเทพ : แสงพุทธไร้ขีดจำกัด คมเขี้ยวอสูร..”
“การตรัสรู้ธาตุ : ประกายแสง วัชระ…”
“สิทธิ์การอัญเชิญ : เปิดใช้งาน”
“หมายเหตุการ์ด : แนะนำให้บ่มเพาะอย่างเต็มที่!”
เมื่อเห็นทักษะนับร้อยที่อัดแน่นในช่องทักษะของบุตรแห่งมารพุทธ และรู้ว่าอีกฝ่ายใช้พลังกฏเทพได้กว่าสามสิบชนิด หลินฮวงก็ตาลาย แค่มองคร่าวๆ เขาก็รู้สึกอิจฉามันแล้ว
แต่ทว่า หลินฮวงไม่ได้ดูอย่างละเอียด เขาแค่มองคร่าวๆจากนั้นก็เก็บมันกลับไปในตัวและติดต่อสองทาสดาบ
ดาบ301และดาบ302สังเกตเห็นว่าการต่อสู้ทางฝั่งหลินอวงหยุดชะงัก แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ขณะที่เฝ้ารออย่างกังวล ข้อความของหลินฮวงก็ถูกถ่ายทอดหาพวกเขาและทั้งสองก็รีบกลับไปทางเข้าออกของมิติ
เมื่อดาบ320ตระหนักว่าบุตรแห่งมารพุทธหายไปอย่างไร้ร่องรอย นางก็อดถามไม่ได้”เขาหายไปไหนแล้ว?”
“ข้าจัดการกับเขาไปแล้ว”หลินฮวงไม่มีเจตนาอธิบายอะไรไปมากกว่านั้น
แม้เขาจะไม่ให้คำอธิบายเฉพาะเจาะจง เมื่อสองทาสดาบได้ยิน สมองทั้งคู่ก็ขาวโพลนและจ้องมองหลินฮวงด้วยความเคารพยิ่งขึ้น
“ไปกันเถอะ หากเราไม่ออกไป จะมีสิ่งมีชีวิตหุบเหวมาขวางทางเราเพิ่ม”ทันทีที่หลินฮวงพูดจบ เขาก็ก้าวออกจากมิติไป
สองทาสดาบรีบตามเขาไปและออกมิติไปด้วยกัน
1396 ข่าวร้ายของไคลี่
“เราพบแผนที่ดาวของฉีหมิงเซี่ยงแล้ว เขตดาวตั้งอยู่ที่ส่วนในของเผ่าโปรตอสและหุบเหว พิกัดทำเครื่องหมายด้วยจุดสีแดงบนแผนที่ดาวที่แนบไป แต่ในเรื่องของตำแหน่งเจาะจง เราต้องการให้ท่านเทียบและหาด้วยตัวเองผ่านความทรงจำ..”
หลังเขาออกจากมิติราคะมา หลินฮวงก็กลับไปเมืองหมัดเหล็กพร้อมสองทาสดาบและเห็นข้อความที่ส่งมาโดยเจ้าแดง
ข้อความส่งมาสัปดาห์ก่อน แต่เขาใช้เวลาไปกว่า20วันในนั้นที่สัญญาณสื่อสารถูกแยกอย่างสมบูรณ์ เมื่อเขากลับมาแดนเทพ สัญญาณก็กลับเป็นปกติ ข้อความที่ไม่ได้ส่งมานานจึงถูกส่งมา
“ข้าจะรอท่านในเขตดาวตามพิกัด แต่ไคลี่ไม่สามารถกลับมากับเราได้…”
หลังเขาอ่านเนื้อหาข้อความ หลินฮวงก็ขมวดคิ้ว
ตามคำอธิบายของเจ้าแดง หลังไคลี่กลายเป็นองค์หญิงของเผ่าเนฟิลิก นางก็ได้รับความสนใจจากโปรตอสทั้งหมด นี่เพราะเผ่าเนฟิลิกคือหนึ่งในเผ่าที่ทรงอำนาจสุดในแดนเทพ เว้นแต่เผ่าที่ได้รับการปกป้องโดยจ้าวเทะ ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนสมาชิกและอัตราการสืบพันธุ์ของเผ่ายังต่ำมาก เมื่อไคลี่ปรากฏ นางจึงเป็นอัญมณีของทั้งเผ่า
ดังนั้น ไคลี่จึงตกเป็นเป้าแต่งงานของเผ่าใหญ่มากมาย
ตราบใดที่มีการแต่งงาน มันก็หมายถึงความสัมพันธ์กับเผ่าเนฟิลิก
แม้กระทั่งภายในเผ่าเนฟิลิก พวกระดับสูงบางคนก็อยากแต่งงานกับไคลี่และมีสิทธิ์มีเสียงในเผ่ามากขึ้น
พูดตามตรง ไคลี่ไม่มีเจตนากลับไปเผ่า จุดประสงค์หลักนางในการกลับไปเผ่าเนฟิลิกก็เพื่อได้รับข้อมูลของเผ่าและสำรวจตำแหน่งแผนที่ดาวของฉีหมิงเซี่ยง
แต่ทว่า ตอนนี้เมื่องานเสร็จ นางกลับหนีไม่ได้ ซึ่งเป็นข้อเสียของการกลับไปเผ่า
เจ้าแดงวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียแต่แรก แต่นี่เป็นวิธีที่เร็วและมีประสิทธิภาพสุดในการทำงานที่หลินฮวงมอบหมาย ทั้งสองคาดไว้แล้วว่าคงหลบหนีออกเผ่ามาไม่ได้ เหนือสิ่งอื่นใด สมาชิกของเผ่าเนฟิลิกหาได้ยาก เพื่อป้องกันการเสียสมาชิก เผ่าเนฟิลิกจึงมีกฏห้ามสายเลือดออกจากเผ่าเพียงลำพังหากยังไม่ถึงระดับเทพสวรรค์
ตอนนี้ ในฐานะองค์หญิงของเผ่าเนฟิลิก ไคลี่จึงมียอดฝีมือระดับเทพแท้จริงขั้น9สองคนอยคุ้มครอง นี่ทำให้เจ้าแดงและไคลี่ยากจะติดต่อกับหลินฮวง
นี่เป็นเรื่องจริงภายในเผ่า หากไคลี่กล้าออกจากเผ่า เทพสวรรค์จะออกตามตัวนาง จากนั้นนางคงทำอะไรไม่ได้อีก
ดังนั้นเจ้าแดงจึงปล่อยให้ไคลี่อยู่ในเผ่าเนฟิลิก วางแผนจะกลับไปโลกกรวดกับหลินฮวง
หลังเขาอ่านข้อความของเจ้าแดง หลินฮวงก็คิดก่อนตอบ
“ข้ายังไม่สบายใจที่ต้องทิ้งไคลี่ไว้ลำพังในเผ่า เหนือสิ่งอื่นใด มันไม่แน่ใจว่าเราจะกลับไปโลกกรวดนานแค่ไหน หากมันไม่นาน การรุกรานโลกอาจเกิดขึ้นในหนึ่งหรือสองเดือน หากมันนาน เราอาจต้องรอสองถึงสามปี หากมันแค่ไม่กี่เดือน มันคงไม่ใช่ปัญหาใหญ แต่ตามสถานการณ์ปัจจุบันของไคลี่ หากเราอยู่ในโลกกรวดนาน จะต้องเกิดเรื่องมากมายในแดนเทพแน่”
“หากเจ้าอยู่กับนาง เจ้าสามารถจัดการกับทุกอย่างและช่วยนางออกมาได้ หากเจ้าไม่อยู่ นางคงไม่สามารถรับมืออะไรได้เพียงลำพัง”
“ข้าคิดว่ามันดีสุดหากเจ้าอยู่กับไคลี่ ข้าสามารถกลับไปโลกกรวดได้ลำพัง เมื่อข้าแก้ปัญหาเสร็จ ข้าจะติดต่อพวกเจ้าทันทีที่ข้ากลับมา”
หลังส่งข้อความ เจ้าแดงก็ตอบกลับทันที
“ข้าได้พิจารณาสิ่งที่ท่านกล่าวแล้ว แต่ท่านแน่ใจนะว่าไม่อยากให้ข้ากลับไปโลกกรวดกับท่าน?”
หลินฮวงคิดสักพักและในไม่ช้าก็ตอบกลับ
“ข้าสามารถดูแลตัวเองได้ในโลกกรวด หากข้าพบเรื่องที่ไม่สามารถรับมือได้จริงๆ มันก็ไม่แตกต่างว่าพวกเจ้าจะอยู่ด้วยหรือไม่ ไคลี่ต้องการเจ้ามากกว่าข้า เจ้าสามารถช่วยนางจัดการกับปัญหามากมายที่นางไม่อาจแก้ได้ เจ้าสามารถช่วยนางได้มากกว่า แทนที่จะกลับไปโลกกรวดกับข้า”
“งั้นข้าก็จะอยู่กับไคลี่”เจ้าแดงชัดเจนว่าเขาต้องการอะไร
แต่ทว่า นางก็ยังอดกังวลไม่ได้ว่าหลินฮวงจะสามารถจัดการกับวิกฤตที่โลกกรวดได้ไหม
“เกี่ยวกับการรุกรานโลกกรวด เราได้ข่าวมา โดยทั่วไป เมื่อโลกชั้นสูงบุกโลกกรวด พวกเขาจะใช้วิธีพิเศษเพื่อยับยั้งเจตจำนงค์ของโลก ปรับเสถียรประตูมิติ และทำให้เทพแท้จริงร่อนลงไปได้ ในสภาพที่โลกถูกระงับ ไม่เพียงเทพแท้จริงขั้นต่ำจะสามารถผ่านประตูมิติไปได้ แต่แม้กระทั่งเทพแท้จริงขั้นกลางและสูงก็ยังร่อนลงไปเองได้”
“หากท่านไม่มั่นใจในการรับมือกับเทพแท้จริงขั้นสูง ข้าสามารถหาทางให้เผ่าเนฟิลิกแทรกแซงได้ ด้วยความสัมพันธ์ของไคลี่กับพวกเขา การขอให้เทพแท้จริงขั้น9ช่วยไม่ควรเป็นปัญหา”
“แต่ก็มีข้อดีและเสียเช่นกันในการขอความช่วยเหลือ ข้อเสียคือพิกัดของโลกกรวดจะถูกเปิดเผยต่อเผ่าเนฟิลิกและแม้กระทั่งองค์กรที่ทรงพลังกว่าของแดนเทพ ในฐานะองค์กรชั้นนำของแดนเทพ ทุกการกระทำของเผ่าเนฟิลิกจะเป็นที่จับตา เมื่อพวกเขาแทรกแซง ข่าวย่อมรั่วไหล”
“ตามสามัญสำนึก องค์กรอื่นในแดนเทพไม่น่าจะสนใจโลกกรวดเรา แต่ทว่า มันไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่โลกกรวดเราอาจมีอะไรพิเศษถึงขั้นทำให้เหล่าจ้าวเทวะปราถนา เมื่อความเป็นไปได้นี้เกิดขึ้นจริง เผ่าเนฟิลิกก็ทำได้แค่จำยอม พวกเขาจะไม่ทรยศต่อจ้าวเทวะเพื่อโลกกรวด เพราะมันไม่คุ้มค่า…”
หลังอ่านข้อความยาวของเจ้าแดง หลินฮวงก็รีบตอบ
“ตราบเท่าที่ข้าไม่เจอเทพสวรรค์ ข้าควรรับมือได้”
…
หลังสื่อสารกับเจ้าแดง หลินฮวงก็กดดูไฟล์ที่แนบมากับข้อความของเจ้าแดงและตรวจสอบแผนที่ดาว
ไฟล์แนบมาคือแผนที่ดาวและข้อมูลที่นางกับไคลี่ได้รับจากเผ่าเนฟิลิก
หลินฮวงมองมันและยืนยันส่วนหนึ่งของแผนที่ดาวที่วงกลมด้วยสีแดง การกระจายทางดาราศาสตร์เป็นไปตามความทรงจำของฉีหมิงเซี่ยงในหัวเขา
เขาขยายแผนที่ดาวเพื่อตรวจสอบตำแหน่งของประตูมิติ หลังจากนั้น เขาก็แกะรอยความทรงจำของฉีหมิงเซี่ยงและพบพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง
“มันควรอยู่ในกาแล็กซี่เล็กๆนี้..”เขาทำเครื่องหมายตำแหน่งโดยประมาณ
หลังพบประตูมิติเพื่อกลับไปโลกกรวด หลินฮวงก็รู้ว่าการเดินทางเขาในมหาพิภพกำลังจะจบลง
“ฉูห่าว แจ้งทาสดาบทั้งหมด เราจะไปโลกกรวด”
ดาบ301พยักหน้าทันที”ข้าจะบอกให้พวกเขารู้”
“ท่านจอมดาบ เรากำลังจะออกมหาพิภพไปงั้นหรือ?”ดาบ302รีบถาม
“ข้าจะกลับไปโลกกรวดเพื่อจัดการกับบางสิ่ง”หลินฮวงพยักหน้า”ส่วนมหาพิภพนี้ เราจะกลับมาในไม่ช้า!”
1397 สามวันสุดท้าย
ที่โลกกรวด
มันเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิและอุณหภูมิในเมืองจักรพรรดิก็เริ่มอุ่นขึ้นทีละน้อย ผู้คนถอดเสื้อผ้าตัวหนาจากฤดูหนาวและเริ่มฟื้นคืนชีวิตชีวา
ตอนเช้า ดวงอาทิตย์ขึ้นและท้องฟ้าก็เป็นสีฟ้าใส ไร้เมฆราวกับมันถูกล้างใหม่
ดวงอาทิตย์ส่องลงมา สร้างความอบอุ่นไปทั่ว
เกี๊ยวน้ำร้านดังเปิดให้บริการตามปกติ
มีแขกไม่มากตอนหกโมงเช้า ลุงและป้ายุ่งกับงานปกติ คุยกับแขกเก่าเป็นครั้งคราว
ไม่นาน เด็กสาวผมสั้นและเด็กหนุ่มผิวสีก็เดินมายังร้านเกี๊ยว
“เสี่ยวซินและเสี่ยวโม่มาแล้ว นั่งกันเลยเกี๊ยวยังไม่สุก ป้าจะให้ลุงจะเอามาให้พวกหนูทันทีที่นะ!”ป้าทักทายอย่างกระตือรือร้น ไม่ถามทั้งสองว่าอยากกินอะไรเพราะเธอจำได้ว่าลูกค้าประจำสั่งอะไร
“ค่ะ หนูไม่รีบหรอก”หลินซินตอบด้วยรอยยิ้ม
“เสี่ยวซิน ทำไมวันนี้หนูมาเร็วจัง?”ลุงอ้วนถามด้วยรอยยิ้มขณะทำงาน
“เมื่อวานหนูนานไม่ค่อยหลับ หลังงีบไปสักพัก มันก็เช้าแล้วและหนูก็นอนไม่หลับอีก ดังนั้นหนูจึงลากเสี่ยวโม่มากับหนู”หลิน
ซินอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“คนหนุ่มสาวมักนอนดึกโดยไม่ดูแลสุขภาพ ฟังป้านะ ขอแค่นอนไม่ดึกเกิน หนูจะไม่มีอาการนอนไม่หลับแน่”ป้าอ้วนเริ่มให้คำแนะนำจากประสบการณ์”เมื่อป้ายังสาว ลุงและป้ามักทำงานจนดึกดื่น และก็นอนกันไม่ค่อยหลับ..”
“เจ้าหมายความว่ายังไงว่านอนไม่หลับ?เจ้านอนเหมือนหมูน้อยอยู่ทุกวัน…”ลุงอ้วนพูดเงียบๆ
“เจ้าพูดว่ายังไงนะ?!”พวกเขาเริ่มทะเลาะกัน
“ข้าบอกว่าข้ามักนอนหลับสบาย ข้านอนเหมือนหมูน้อยทุกวัน”ลุงอ้วนหดหัวและแก้ไขคำพูด
“หมูน้อยอะไร?!เจ้ามันหมูยักษ์!เสียงกรนเจ้าสั่นทำให้เตียงสั่นไม่หยุด!”ป้าอ้วนเริ่มวิจารณ์สามี
“ข้าเป็นหมูยักษ์เอง และเจ้าก็เป็นนางฟ้าตัวน้อย น้ำหนักเจ้าแค่2ขีดและมีปีกคู่หนึ่ง ลมแรงสามารถทำให้เจ้าลอยขึ้นฟ้าได้ ตกลงไหม?”ลุงอ้วนหัวเราะ
“พี่ชาย เพลงของเจ้าไม่เลวเลย”
เมื่อได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทของทั้งคู่ ลูกค้าก็อดหัวเราะไม่ได้
เมือ่เห็นสีหน้าของหลินซินเริ่มผ่อนคลาย ในที่สุดเสี่ยวโม่ก็เปิดปาก
‘ไม่ต้องห่วง ฝ่าบาทจะต้องไม่เป็นไร”
“แต่เหลือเวลาอีกแค่สามวันก็จะครบกำหนดหนึ่งปีแล้ว และยังไม่มีข่าวจากพี่ชายเลย..”หลินซินขมวดคิ้วแน่น
“เวลาหนึ่งปีแค่กำหนดการทั่วไป หากเขาล่าช้าเพราะอะไรบางอย่าง มันก็เป็นปกติที่จะเลื่อนไป”เสี่ยวโม่อธิบาย
“สิ่งที่ข้ากังวลก็คือเรื่องนี้แหละ เขาอยู่ในมหาพิภพ ไม่เพียงจะมีเทพเสมือนและเทพแท้จริงที่นั่น แต่ยังมีเทพสวรรค์อีกด้วย”หลินซินแสดงความกังวล
“เจ้าคิดมากไป เจ้าแดงอยู่ข้างฝ่าบาท หากเขาพบปัญหาจริงๆ เจ้าแดงจะต้องช่วยหาทางออกได้แน่ ข้าคิดว่าแม้พวกเขาจะกลับมาไม่ทันหนึ่งปี มันก็คงอาจเป็นเพราะพวกเขาหาทางกลับไม่ได้ ไม่ใช่เพราะพบศัตรูหรอก”เสี่ยวโม่เดา
ทั้งสองคุยกันสักพัก หลังจากนั้น ลุงอ้วนก็มาเสิร์ฟด้วยรอยยิ้ม
“กินให้อร่อยกันเลยนะ ยังมีอีกมากหากพวกหนูไม่อิ่ม”
“ขอบคุณค่ะ!”
…
ก่อนจะเก้าโมงเช้า โต๊ะยาวของห้องประชุมราชวงศ์ในเมืองจักรพรรดิก็ถูกจับจอง
ชายหนุ่มหน้าตาดีนั่งตรงที่นั่งแรก ด้วยความแปลกใจของทุกคน นี่คืออาจารย์ของหลินฮวง คุณฟู่
หวงไป่ยู่และหวงห่าวหยางนั่งอยู่ข้างคุณฟู่
หวงเทียนฟู่(แก้จากเทียนปู้) หวงอู่หนานและหวงตู้ฟู่กับดยุคระดับเทพเสมือนคนอื่นนั่งล้อมโต๊ะประชุมทรงเก่า
ตอนเก้าโมงตรง การประชุมก็เริ่มอย่างเป็นทางการ
หวงเทียนฟู่คือคนแรกที่เปิดปาก”เหลือเวลาอีกแค่สามวันจากกำหนดการหนึ่งปีของฝ่าบาท ไม่ว่าฝ่าบาทจะกลับมาตรงตามกำหนดหรือไม่ เราก็ควรเร่งดำเนินการเตรียมการต่อไป”
“หากฝ่าบาทกลับมาตามแผนที่วางไว้ งั้นก็คงดี แต่ทว่า หากฝ่าบาทไม่สามารถกลับมาทันตามกำหนด งั้นรัฐบาลกลาง สมาคมนักล่าและขุมอำนาจอื่นคงมีความคิดเหมือนกัน ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาจะผนึกกำลังกันเพื่อกดดันเราเพื่อให้ได้รับสิทธิ์สำรวจแดนรกร้างและมิติบรรพกาล…..”
“การประชุมวันนี้ อย่างแรกคือเตรียมการเรื่องการกลับมาของฝ่าบาท แต่ทว่า มันยังจำเป็นต้องวางแผนติดตามเพื่อจัดการกับรัฐบาลกลาง สมาคมนักล่าและขุมกำลังอื่น…”
…
ก่อนบ่ายสาม ทาสดาบทั้ง66 ไม่รวมดาบ301และดาบ302ก็กลับมารวมกันที่เมืองหมัดเหล็ก
หลินฮวงเปิดประตูมิติไปวังจอมเทพและส่งทาสดาบทั้ง68กลับไปวังจอมเทพก่อนเริ่มเดินทางกลับไปลำพัง
ในมหาพิภพ มีเขตดาวนับร้อยทอดยาวข้ามพื้นที่ชายแดนระหว่างแดนเทพและเผ่าหุบเหว ชายแดนของเขตดาวส่วนใหญ่จะถูกปิดกั้นโดยจ้าวเทวะของทั้งสองฝ่ายเพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกเผ่าอื่นเข้ามาในดินแดนตน
มีเพียงห้าเขตสนามรบที่ไม่ถูกปิดกั้นและเป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายเข้าไปได้
มิติแห่งราคะที่หลินฮวงเพิ่งไปก็คือหนึ่งในนั้น
แต่ทว่า ประตูมิติในความทรงจำของฉีหมิงเซี่ยงตั้งในสนามรบอื่นที่เรียกว่ามิติอันเดท
มิติอันเดทคือสนามรบของโปรตอสและเผ่าหุบเหวตั้งแต่ต้นและก็เป้นหนึ่งในสนามรบที่เก่าแก่สุดของแดนเทพ
ตามข่าวลือ สนามรบนี้เดิมเป็นพื้นที่ที่เคยรุ่งเรือง มีดาวมากมาย แต่ทว่า มันถูกทำลายในช่วงการต่อสู้ระหว่างสองจ้าวเทวะและกลายเป็นพื้นที่รกร้าง
นอกจากนั้น ยังมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับมิติอันเดท สิ่งมีชีวิตที่ตายในมิติอันเดทจะกลายเป็นอันเดทหรือสายพันธุ์อมตะ พวกเขาจะอยู่รอดในรูปแบบชีวิตใหม่ กล่าวกันว่ามันเกิดเพราะอิทธิพลของกลิ่นอายที่หลงเหลือโดยสองจ้าวเทวะ
เนื่องจากการขาดทรัพยากรรวมถึงความห่างไกล มีคนไม่มากจากแดนเทพที่จะมาที่นี่เพื่อล่ายกเว้นช่วงสงคราม ดังนั้น จึงมีจุดเคลื่อนย้ายน้อยมากที่เชื่อมต่อกับสถานที่นี้
หลินฮวงใช้เวลาวันครึ่งเพื่อเดินทางมาถึงสนามรบนี้
หลังลงทะเบียนที่ทางเข้าสนามรบ เขาก็ก้าวเข้าไปในโดยไม่ลังเล
หลังเข้า หลินฮวงก็สังเกตเห็นว่าฉากตรงหน้าเขาเริ่มคุ้นเคย ดาวหลายดวงซ้อนทับกับภาพในความทรงจำของฉีหมิงเซี่ยง
หลินฮวงเดินตามเส้นทางในความทรงจำเขา และมันก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งวันเพื่อพบตำแหน่ง
หลังอัญเชิญราชาจักรกลให้ปล่อยหุ่นยนต์ตรวจสอบและทำการสำรวจสำเร็จ หลินฮวงก็เรียกมันกลับเป็นการ์ดและเดินผ่านประตูมิติไป…
1398 หวนกลับ
หลังเขาออกประตูมิติมา หลินฮวงก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างโลกกรวดและมหาพิภพ
บางทีมันคงเพราะกฏของโลกไม่สมบูรณ์ สัมผัสยับยั้งกฏต่างๆของโลกกรวดจึงอ่อนแอกว่ามหาพิภพมาก มันทำให้หลินฮวงรู้สึกว่าเขาไร้เทียมทานในที่นี้
เขาสามารถสัมผัสได้ว่าสภาพมิติของโลกกรวดบอบบาง เขายังรู้สึกว่าเขาสามารถฉีกมิติของโลกนี้ได้ทันทีที่สะบัดดาบ
หลังเขาใช้เวลาเพื่อรับรู้การเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อม เขาก็ขยายจิตเทวะและตรวจสอบสภาพแวดล้อม
หลินฮวงอดขมวดคิ้วไม่ได้หลังปล่อยจิตเทวะออกไป
“นี่คือขอบเหวนรกชั้นสาม?!”
เขาเคยมาขอบเหวนรกชั้นสามและรวบรวมข้อมูลเช่นแผนที่และการกระจายตัวของมอนสเตอร์จากชั้นนี้ ตอนนี้ที่เขากลับมาหลังผ่านไปหนึ่งปี เขาก็จำได้ว่านี่คือที่ไหนหลังใช้จิตเทวะตรวจสอบ
เพียงเมื่อหลินฮวงพบว่านี่คือขอบเหวนรกชั้นสาม ทันใดนั้น เขาก็พบคลื่นความผันผวนด้านหลัง
เขาหันไปมอง มีแขนหนึ่งยื่นออกจากประตูมิติ อันที่เขาเพิ่่งผ่านมา
หลังจากนั้น เจ้าของแขนก็ดึงครึ่งหัวของมันออกมา
มันคืออันเดทยักษ์คล้ายมนุษย์ เมื่อมันเห็นหลินฮวง มันก็เปิดปากกว้างและแสดงฟันสีเหลืองดำ
ปากมันใหญ่พอจะกลืนหลินฮวงในคำเดียว
แต่ทว่า หลินฮวงไม่แสดงความกลัวบนหน้าเลย เขาจ้องมองมัน ไม่ได้ขยับแต่รอให้มันออกมาอย่างอดทน
ตามกลิ่นอายมัน พลังของมันควรเป็นเทพแท้จริงขั้น1
เนื่องจากการขับไล่ของโลกกรวด กระบวนการดึงตัวเองออกจากประตูมิติจึงยากลำบาก
ในความเป็นจริง หากประตูนี้ไม่ถูกเปิดโดยหลินฮวง มันคงไม่สามารถผ่านเข้ามาได้ มันคงไม่รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของประตูมิตินี้ด้วยซ้ำ
หลินฮวงไม่ได้รีบฆ่ามัน แต่กลับรอให้มันออกมาอย่างสมบูรณ์
สำหรับเขา ศพของเทพแท้จริงมีค่ามากกว่าแขนและหัวครึ่งหนึ่ง
แต่ทว่า สิ่งที่หลินฮวงไม่รู้คือม่านพลังที่เขาทำลายไปตอนผ่านประตูมิติได้ส่งสัญญาณเตือนแก่รัฐบาลกลางแล้ว
อันเดทที่พยายามออกจากประตูมิติได้ทำให้สัญญาณเตือนของรัฐบาลกลางแผดเสียงดัง
ที่ศูนย์ลับของรัฐบาลกลาง หัวหน้าหน่วยพิเศษ กวนจงหลั่งเหงื่อเย็น
เขาเพิ่งได้รับข่าวจากคุณฟู่ ผู้ตั้งม่านพลังไว้ว่าหนึ่งในม่านพลังของขอบเหวนรกมีปัญหา ตัวตนที่ทรงพลังได้ผ่านประตูมิติเข้ามาและมีสิ่งมีชีวิตกำลังพยายามผ่านเข้ามาเพิ่ม
“แจ้งผู้ดูแลของขอบเหวนรกว่าม่านพลัง018ถูกทำลายแล้ว มันอาจเป็นฝีมือของสิ่งมีชีวิตที่่ผ่านประตูมิติเข้ามา แจ้งให้คนที่เข้าขอบเหวนรกทั้งหมดออกมา!”
“ออกภารกิจฉุกเฉินสีทองให้สมาชิกทั้งหมดของรัฐบาลกลางบนขอบเหวนรกชั้นสาม แจ้งพวกเขาให้ตรงไปม่านพลัง018 ตรวจสอบสถานการณ์และรายงานข้อมูลที่พวกเขาพบ!อย่างไรก็ตาม ต้องอธิบายสถานการณ์ให้พวกเขาฟังด้วย ภารกิจนี้เสี่ยงถึงชีวิต เราจะรับเฉพาะคนที่อาสาสมัคร หากพวกเขาไม่อาจรับความเสี่ยงได้ ก็บอกพวกเขาว่าอย่ารับภารกิจ”
“นอกจากนี้ แจ้งสมาคมนักล่า ราชวงศ์และขุมกำลังอื่น แจ้งพวกเขาว่าม่านพลัง018ถูกทำลายแล้ว และขอให้พวกเขาส่งคนมาช่วยตรวจสอบ…”
..
หลินฮวงนั่งใกล้กับรอยแยกมิติและรอให้อันเดทตัวโตออกมาอย่างใจเย็น
เมื่อเพื่อนตัวโตออกมาได้เกือบครึ่ง หลินฮวงก็พลันหันไปมองอีกทาง เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่กำลังใกล้เข้ามา
เขาปล่อยจิตเทวะออกไป อีกฝ่ายคือชายหนุ่มที่เพิ่งเลื่อนเป็นจักรพรรดิ เขาจำได้ว่าอีกฝ่ายคือสมาชิกของรัฐบาลกลางเพราะเขาสวมชุดทหาร
“เขากำลังมาทางข้าเพราะม่านพลังถูกทำลาย?”หลินฮวงตระหนักทันทีว่าเขาได้ทำลายม่านพลังที่พวกคุณฟู๋ตั้งไว้ตอนผ่านประตูมิติมา นี่อาจทำให้รัฐบาลกลางเข้าใจผิดคิดว่ามอนสเตอร์ของมหาพิภพได้รุกรานแล้ว
“ข้าควรไปทักทายอาจารย์..”หลินฮวงส่ายหัว”ช่างเถอะ ในเมื่อคนจากรัฐบาลกลางกำลังมา ก็แค่อธิบาย”
ประมาณเจ็ดแปดนาทีต่อมา ชายหนุ่มในชุดทหารก็มาถึง
เมื่อเขาเห็นหลินฮวง เขาก็ผงะเพราะเขาไม่อาจสัมผัสถึงการดำรงอยู่ของหลินฮวงได้เลย
แต่ทว่า หลังเห็นหน้าหลินฮวง เขาก็จำได้ทันที
“ท่านหลินฮวง?!”
“อืม”หลินฮวงพยักหน้าเล็กน้อย
หลังยืนยันตัวตนของหลินฮวง ชายหนุ่มก็หันไปมองรอยแยกมิติและเห็นว่าอันเดทได้นำร่างของมันครึ่งหนึ่งออกจากประตูมิติแล้ว
“อันเดทตนนี้..คือเทพแท้จริง?!”
หากมันไม่ใช่ยอดฝีมือระดับเทพแท้จริง การข้ามมาคงไม่ทำให้เกิดเรื่องใหญ่โตแบบนี้
“เทพแท้จริงขั้น1″หลินฮวงพยักหน้า
หลังได้รับคำยืนยันของหลินฮวง ชายหนุ่มในชุดทหารก็ไม่อาจสงบสติลงได้”ฝ่าบาท ก่อนที่มันจะออกมา เรารีบไปแจ้งเทพเสมือนขององค์กรใหญ่ให้มารุมโจมตีมันกันเถอะครับ!”
“ไม่จำเป็น”หลินฮวงส่ายหัว
“ท่านมีทางอื่นงั้นหรือ?”เขารีบถาม
“ใช่”หลินฮวงพยักหน้า
“ทางออกนั้นคืออะไรครับ?”
“เมื่อมันออกมา ข้าจะฆ่ามัน”วิธีของหลินฮวงนั้นเรียบง่ายและป่าเถื่อน
“เอ่อ…”ชายหนุ่มพูดไม่ออก
เขาไม่คิดว่าความสามารถของหลินฮวงจะมากพอฆ่าเทพแท้จริง เมื่อเห็นว่าหลินฮวงไม่คิดเรียกกำลังเสริม เขาจึงนำอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมา
มันใช้เวลาประมาณสิบวินาทีก่อนสายจะเชื่อมต่อ
หลินฮวงเห็นภาพฉายวิดิโอ
“ท่านครับ ตอนนี้ข้าอยู่ที่รอยแยกมิติ018 ม่านพลังได้ถูกทำลายแล้ว และมีอันเดทระดับเทพแท้จริงพยายามผ่านเข้ามา โปรดแจ้งเทพเสมือนขององค์กรใหญ่ทั้งหมดให้มาล้อมและโจมตีมันจากทุกด้าน…”
“ไม่จำเป็น”หลินฮวงยืนตรงหน้ากล้อง”กวนจง ไม่เจอกันนานเลยนะ ข้าไม่คิดว่าคนแรกที่้ข้าเห็นเมื่อกลับมาโลกกรวดจะเป็นเจ้า”
“ท่าน..หลินฮวง?”กวนจงผงะเมื่อเห็นหลินฮวง
“ทางผ่านนี้เปิดตอนข้ากลับมา ข้าจะแก้ปัญหาที่ก่อเอง ไม่จำเป็นต้องลำบากใคร”หลินฮวงอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“แต่นั่นคือเทพแท้จริง?ฝ่าบาท ท่านแน่ใจนะว่าสามารถจัดการกับมันได้?”กวนจงถามอย่างไม่มั่นใจ หากคนอื่นพูดแบบนี้ เขาอาจคิดว่าคนๆนั้นเป็นบ้า แต่ทว่า มันคือหลินฮวงที่กล่าวแบบนี้ เขาจึงไม่มั่นใจเล็กน้อยเท่านั้น
เหนือสิ่งอื่นใด เขารู้ว่าหลินฮวงมีพลังพอจะฆ่าเทพเสมือนเมื่อปีก่อน ตอนนี้ที่เขาไปมหาพิภพ ความสามารถเขาย่อมพุ่งทะยาน
“มันก็แค่เทพแท้จริงขั้น1 ข้าฆ่ามาไม่น้อยกว่าสิบแล้ว”หลินฮวงพยักหน้า
ประโยคนี้ทำให้กวนจงตาเหลือก เขาไม่คิดว่าหลินฮวงจะพูดเกินจริง
‘ความสามารถเขาเติบโตไปมากแค่ไหนกัน?…”
หลังเขาวางสาย กวนจงก็รายงานข่าวการกลับมาของหลินฮวงและการรุกรานของเทพแท้จริงโดยไม่ลังเล
ในขอบเหวนรก ชายหนุ่มในชุดทหารมองหน้าจอสีดำและพูดไม่ออกไป
เขาไม่คิดว่าแผนเขาในการเรียกกำลังเสริมจะถูกทำลายโดยหลินฮวง
“ฝ่าบาท ท่านเคยฆ่าเทพแท้จริงมาแล้วจริงๆ?”เขายังกังขา
“หากให้นับหมด ข้าฆ่ามากว่าร้อยแล้ว”หลินฮวงพยักหน้า
จากขั้น1-6 จำนวนเทพแท้จริงที่เขาฆ่าเกินหนึ่งร้อยแล้วจริงๆ
แต่ทว่า ในสายตาชายหนุ่ม คำพูดนี้ดูเกินจริง
“งั้นทำไมถึงไม่ลงมือก่อนมันจะออกมาละครับ?”เขาอยากดูว่าหลินฮวงมีความสามารถพอจะฆ่าเทพแท้จริงจริงหรือเปล่า
“ศพทั้งตัวมีค่ามากกว่า”หลินฮวงอธิบาย
“หยุดพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว คุยเรื่องอื่นกันแทนเถอะ”เพื่อป้องกันอีกฝ่ายจากการพูดเรื่องนี้ต่อ หลินฮวงเริ่มเปลี่ยนเรื่อง”อุปกรณ์สื่อสารที่เจ้าใช้สามารถสื่อสารกับด้านนอกขอบเหวนรกได้ มันทำงานได้ยังไง?”
“อุปกรณ์สื่อสารใหม่นี้ใช้เพื่อส่งข้อมูลข้ามพรมแดนผ่านอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลและส่งข้อมูล มันแค่ต้องติดตั้งอุปกรณ์รับส่งตรงทางเข้าและออกของเขตลับหรือมิติบรรพกาล ข้าเองก็ไม่เข้าใจหลักการเฉพาะ”
“คำถามสอง ทำไมเจ้าต้องสวมชุดทหารเมื่อเข้ามาในนี้?”
“หน่วยพิเศษได้ออกภารกิจตรวจสอบ บอกว่ามีอันตรายสูงมาก และมันอาจตายได้ ดังนั้นข้าจึงสวมชุดทหารก่อนมา หากข้าต้องตายจริงๆ อย่างน้อยก็ยังได้ตายในเครื่องแบบนี้!”
“คำถามที่สาม เจ้าโสดหรือเปล่า..?”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น