Monster Paradise 1371-1382

 Monster Paradise - ตอนที่ 1371


ไม่กี่วันต่อมา หลินฮวงไม่ไปไหนอีก เขากลับพักผ่อน ทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยวและเดินเล่นรอบดาวดาบสวรรค์


แม้เขาจะไม่พบจินอู่ เขาก็คาดไว้อยู่แล้ว เขาไม่ได้สนใจมันมาก


รายละเอียดท่องเที่ยวที่ส่งโดยจอมเทพมีรายละเอียดสูง ทั้งจุดท่องเที่ยวเล็กและใหญ่ถูกเขียนไว้หมด รวมถึงคะแนนแนะนำ3-5ดาว มีร้านอาหารและร้านพิเศษบนดาว รวมถึงราคาปกติของสินค้า


หลินฮวงเดินเล่นทั่วกับสองทาสดาบทั้งวัน และพวกเขาก็สามารถเยี่ยมชมได้แค่หนึ่งในห้า


เช้าวันต่อมา หลินฮวงและสองทาสดาบมาถึงร้านขายงานฝีมือ


ร้านนี้คือร้านแนะนำห้าดาว มันคือร้านขายงานแกะสลัก


งานแกะสลักทั้งหมดได้รับการแกะสลักด้วยเจ้าของเองและงดงามมาก


ตามข้อมูลที่ดาบ11ให้ เจ้าของร้านแค่คนธรรมดาที่ไม่มีศักยภาพบ่มเพาะ แต่เป็นผู้ที่เข้าใจเต๋าดาบผ่านการแกะสลัก แม้มันจะเป็นแค่ขั้นแรกสุดของเต๋าดาบระดับ1 มันก็ยังน่าทึ่ง ต้องรู้ว่าผู้บ่มเพาะดาบหลายคนที่เลื่อนเป็นหลุดพ้นอาจไม่จำเป็นต้องเข้าใจเต๋าดาบขั้น1


หลินฮวงจึงมาที่ร้านด้วยความสนใจทั้งตัวร้านและเจ้าของ


ทันทีที่เขามาถึงประตูร้าน หลินฮวงก็เห็นป้ายไม้’ศาลาหัวใจแกะสลัก’


จากระยะไกล หลินฮวงรู้สึกได้ถึงความหมายที่ลึกล้ำภายใน


แม้มันจะตื้นและบาง มันก็เป็นตัวอักษรที่สามารถแกะสลักได้โดยคนที่เข้าใจเต๋าดาบ


 


“หัวใจแกะสลัก…เจ้าของร้านคนนี้ไม่เลวเลย”หลินฮวงยิ้มและเข้าร้านพร้อมสองทาสดาบ

พื้นที่ร้านไม่ใหญ่ แค่ประมาณ100-130ตารางเมตร


ตู้ขนาดใหญ่หลายตู้ติดอยู่บนผนัง ชั้นวางด้านในเต็มไปด้วยรูปแกะสลักขนาดเท่าฝ่ามือ


ส่วนใหญ่เป็นมอนสเตอร์ต่างๆ มีมนุษย์น้อยมาก แต่ไม่มีรูปสลักไหนที่ซ้ำกัน


นอกจากตู้ติดกำแพง ยังมีโต๊ะใหญ่สองตัวที่วางในห้อง ปูด้วยผ้าดำและใช้เป็นแท่นวางแสดง


รูปแกะสลักบนโต๊ะถูกจัดเรียงอย่างหนาแน่นและพวกมันก็ไม่ได้มีขนาดเหมือนอันในตู้ ตรงนี้ รูปสลักจะมีทั้งเล็กและใหญ่ อันใหญ่สูงประมาณครึ่งเมตรและอันเล็กก็แค่ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ


หลินฮวงมองรูปแกะสลักบนโต๊ะที่ความสูงแตกต่างกันและเลิกคิ้ว


 


“เจ้าของร้าน มีงานบางชิ้นบนโต๊ะที่เจ้าไม่ได้แกะเองด้วยสินะ?”


หลินฮวงกล่าวเช่นนี้เพราะเขารู้สึกว่ารูปแกะสลักส่วนใหญ่บนโต๊ะไม่มีความหมายภายในเหมือนอันที่เจ้าของแกะเอง


“บางอันคือความล้มเหลวของข้า บางอันข้าสะสมมาจากสถานที่ต่างๆ และจำนวนหนึ่งก็ถูกแกะสลักโดยศิษย์ข้า”เจ้าของร้านมองหลินฮวง ดูเหมือนจะแปลกใจกับการรับรู้ของหลินฮวง


หลินฮวงมองโต๊ะ รูปแกะสลักอันหนึ่งพลันดึงดูดความสนใจเขา


มันคืออีกาทองคำสามขาที่มีความสูงเกือบ30เซนติเมตร วัสดุที่ใช้แกะสลักเป็นไม้มะเกลือธรรมดา


การแกะสลักบนตัวอีกาทองดูธรรมดา ปัญหาหลักคือลายเส้นนั้นแข็งกระด้างไป มันดูเหมือนงานของคนฝึกหัด แต่สิ่งที่หลินฮวงสับสนคือกลิ่นอายซ่อนเร้นอยู่ภายใน


หากเขาไม่เข้าใจแก่นแท้เต๋าดาบ มันคงอยากที่จะสัมผัส


สิ่งที่หลินฮวงสับสนยิ่งกว่าคือสัมผัสภายในนั้นแตกต่างจากของเจ้าของร้าน


เขาหยิบรูปแกะสลักอีกาทองขึ้นมาและตรวจดูอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าฐานรูปแกะสลักถูกสลักด้วยคำสองคำ’จิน อู่’!


เมื่อเขาเห็น เขาก็ตกใจ


เขาใช้จิตเทวะเขาทันทีและตรวจสอบมันอย่างถี่ถ้วน


ภายใต้จิตเทวะ ปัญหาของรูปแกะสลักนี้ยิ่งชัดเจน มีปัญหาในรายละเอียด มันให้ความรู้สึกของมือใหม่ที่ยังไม่เรียนการแกะสลัก


นอกจากนั้น หลินฮวงไม่พบอะไร


เพียงเมื่อหลินฮวงกำลังจะถามเจ้าของร้าน เสียงของหยินหยินก็ดังขึ้น


 


“กลิ่นอายของรูปแกะสลักนัก หยินหยินรู้สึกว่ามันคุ้นๆ..”

“มันเกี่ยวกับท่านอาจารย์จอมเทพไหม?”หลินฮวงรีบถาม


“หยินหยินไม่รู้…”หยินหยินยังไม่ให้คำตอชชัดเจน


 


แม้เขาจะไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการจากหยินหยิน แต่หลินฮวงก็เดาว่าแม้วัตถุนี้จะไม่เกี่ยวกับจอมเทพตรงๆ มันก็อาจเกี่ยวกับจินอู่ที่สโมสรกำลังตามหา


เขามองงานแกะสลักไม้อื่นๆ จากนั้นก็ใช้จิตเทวะตรวจสอบ แต่ก็ไม่มีอันไหนที่คล้ายอันนี้


จากนั้นเขาก็เดินไปหาเจ้าของร้านพร้อมรูปสลักอีกาทอง


 


“เจ้าของร้าน อันนี้ราคาเท่าไร?”

เจ้าของเงยหน้าขึ้นมองอีกาทองที่หลินฮวงถือ จากนั้นก็หันกลับไปที่หลินฮวงอีกครั้ง”หากเจ้าอยากได้ ข้าก็จะให้เจ้าฟรีๆ”

“ทำไมละ?มันไม่มีค่าเลยหรือ?”หลินฮวงจงใจถามเพื่อรับเอาข้อมูลเพิ่ม


“นี่เป็นงานของเด็กสองเดือนก่อนที่มาเรียนในชั้นเรียนข้า สำหรับมือใหม่ที่สลักได้ถึงขนาดนี้ตั้งแต่การเรียนครั้งแรก มันก็บ่งชี้แล้ว่าเขามีพรสวรรค์ น่าเสียดาย หลังชั้นเรียนฟรี เขาก็ไม่ได้มาอีก”เจ้าของร้านอธิบาย”หากเจ้าชอบ ก็เอาไปเถอะ”

“ข้าขอรายละเอียดของเด็กนั่นได้หรือไม่?”หลินฮวงถาม


“ทำไมเจ้าถึงถามเรื่องนี้?”เจ้าของร้านมองหลินฮวงอย่างระมัดระวัง


“ข้าคือผู้บ่มเพาะและกำลังมองหาศิษย์ หลังเห็นรูปแกะสลักนี้ ข้าก็คิดว่าเด็กนี่อาจเป็นคนที่ข้ากำลังมองหา”หลินฮวงใช้ข้ออ้างของดาบ11 เมื่อพูดจบ ร่างเขาก็ค่อยๆลอยขึ้นจากพื้น แสดงตนว่าเป็นผู้บ่มเพาะ


เมื่อเจ้าของร้านเห็นเท้าของหลินฮวงลอยขึ้นเหนือพื้น เขาก็ตกตะลึง มันต้องใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะได้สติคืนและถามต่อ”เจ้าแค่มองก็รู้แล้วว่าใครมีศักยภาพบ่มเพาะงั้นหรือ?”

“แค่มองก็พอแล้วสำหรับข้า”หลินฮวงพยักหน้าขณะลอยลงบนพื้น


“งั้นเจ้าช่วยมองดูข้าหน่อยได้หรือไม่?”เจ้าของร้านถามด้วยความละอาย เขาอยู่ในวัย50 แต่ก็ยังฝันจะเป็นผู้บ่มเพาะ


“เจ้าเลือกได้ดีบนเส้นทางสายนักแกะสลัก ไม่ต้องกังวลเรื่องการบ่มเพาะหรอก”หลินฮวงตอบด้วยรอยยิ้ม


 


แม้เขาจะไม่ให้คำตอบชัดเจน เจ้าของร้านก็เข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดหลินฮวง ใบหน้าเขาแดงและไม่กล้าถามต่อ


“ข้าจะถามศิษย์ข้า คนที่เข้าร่วมชั้นเรียนฟรีควรมีรายละเอียดบันทึกไว้”


 


เมื่อพูดจบ เจ้าของร้านก็รีบติดต่อศิษย์เขาและถามข้อมูลส่วนตัวของเด็กที่หลินฮวงสอบถาม


 


“ชื่อของเด็กคืออู่ห่าว เขาอายุ16ปี บ้านเขาอยู่ในถนนอุกกาบาต…”


เมื่อเขาอ่านที่อยู่ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป


“มีอะไรงั้นหรือ?”หลินฮวงสังเกตเห็นและรีบถาม


“ถนนอุกกาบาตเป็นสลัมและมันก็วุ่นวายมาก..”เจ้าของร้านพึมพำ’ไม่แปลกใจที่เขาจะมาเข้าร่วมแค่ชั้นเรียนฟรี..”

“ขอบคุณมาก!”หลินฮวงโยกหินเทวะให้เจ้าของร้านและหายไปพร้อมสองทาสดาบ


 


เจ้าของจ้องทิศทางที่ทั้งสามเคยยืนอย่างงุนงง วินาทีต่อมา เมือ่เขาเห็นหินเทวะสีดำในมือ ดวงตาเขาก็เบิกกว้าง


“นี่…นี่คือ..หะ-หะ-…หินเทวะ?!”


1372 

ถนนอุกกาบาตฟังดูเหมือนชื่อถนน แต่มันเป็นชื่อทั่วไปสำหรับถนนทุกสายในสลัมของดาวดาบสวรรค์


พื้นที่มีชื่อว่าถนนอุกกาบาตเพราะหลายคนที่อาศัยที่นี่จะมีอายุขัยสั้นเหมือนอุกกาบาต หายไปทั้งอย่างนั้น


คนที่อาศัยในถนนอุกกาบาตเป็นชนชั้นทางสังคมที่ต่ำสุดของดาว


องค์กรอาชญากรรม พวกแก๊ง โจร ย่านโคมแดงและธุรกิจมืดทั้งหมดล้วนอยู่แถบนี้


ดาบ11เคยคิดจะกวาดล้างมัน แต่ก็พบทีหลังว่าองค์ประกอบมืดเหล่านี้ไม่อาจกำจัดได้อย่างสมบูรณ์ ต่อให้เขากวาดล้างถนนอุกกาบาต ในไม่กี่ปี ถนนอุกกาบาตก็จะเกิดขึ้นอีก แม้เขาจะทำการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าและลงโทษอาชญากร มันก็แค่จะแยกทั้งถนนอุกกาบาตเป็นถนนอุกกาบาตขนาดเล็กนับไม่ถ้วน


ไม่ว่าดวงอาทิตย์จะสดใสแค่ไหน มันก็จะมีสถานที่ที่แสงเข้าไม่ถึงเสมอ


ท้ายที่สุด ดาบ11ก็คิดได้ ตราบเท่าที่ถนนอุกกาบาตอยู่ภายในการควบคุมเขา เขาก็ไม่ต้องทำอะไร


หัวหน้าอาชญากรต่างๆของถนนอุกกาบาตเป็นคนฉลาด พวกเขาเข้าใจสถานะภายในและจับแนวคิดของดาบ11ไว้ พวกเขายอมแพ้และไม่คิดกล้าทำอะไรจนเกินเลย


แบบนี้ ถนนอุกกาบาตจึงเป็นอย่างที่เป็น


หลังพวกเขาออกศาลาหัวใจแกะสลัก หลินฮวงก็ปรากฏบนถนนอุกกาบาตพร้อมทาสดาบทั้งสอง


หลินฮวงอดขมวดคิ้วกับกลิ่นเหม็นเน่าในอากาศไม่ได้


มีขยะอย่างน้อย20-30ชิ้นบนพื้นถนนแคบๆ


กล่องอาหารกลางวัน กระดาษชำระ ถุงยางอนามัยใช้แล้ว เสมหะสีเขียวหนาบนพื้น..หลินฮวงยังเห็นคราบปัสสาวะบนผนังหลายด้าน ตัดสินจากความสูง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สุนัข


อีกด้านของถนน ผู้ชายรวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆสองสามคน มองทาส302ที่สูงเรียวโดยไม่ตั้งใจ บางคนไม่ปกปิดความตื่นตัวพวกเขาและยังลูบเป้าพวกเขาขณะยิ้มให้ดาบ302ด้วยลักษณะที่น่าขนลุก


ดาบ302ไม่แตกตื่น นางกลับยิ้ม ก้าวขายาวนางในส้นสูงออกไป


วินาทีต่อมา กลิ่นอายจางๆของการตรัสรู้ธาตุลมก็ปรากฏ


 


ทันใดนั้น ลมแรงก็พัดผ่านไปทั่วถนน แรงจนบ้านนับไม่ถ้วนถล่มลงมา


โชคดี ลมหายไปหลังจากนั้นสามถึงห้าวินาที


หลังลมหยุด ขยะทั้งหมดบนพื้นรวมถึงถังขยะที่ล้นไปด้วยน้ำสกปรกและผู้ชายข้างถนนก็หายไป


“ขยะควรถูกเก็บกวาด”ดาบ320กล่าวอย่างไม่แยแสขณะกลับมายืนข้างหลินฮวง


 


แน่นอน หลินฮวงเห็นว่าดาบ302ไม่ได้ฆ่าใคร นางแค่ใช้การตรัสรู้ธาตุลมเพื่อพัดคนเหล่านั้นไปพร้อมขยะ


หลังลมแรงก่อนหน้า เขาก็สามารถสัมผัสได้ว่าอากาศของถนนแคบๆนี้สดชื่นขึ้น


โดยไม่สนประตูและหน้าต่างที่รีบปิดข้างสองฝั่งถนน หลินฮวงนำสองทาสดาบเดินต่อไป


หลังเดินผ่านห้าหรือหกถนน ในที่สุดหลินฮวงก็พบบ้านที่เด็กชายชู่อู่ห่าวอาศัย มันคือส่วนลึกสุดของตรอกเล็กๆที่กว้างไม่ถึงเมตร


ตรอกซอยมืดนี้ไม่มีแสงแดดเลยเกือบ24ชั่วโมง


บ้านของอู่ห่าวถูกแบ่งส่วนอยู่ในสุด พื้นที่กว้างประมาณสิบตารางเมตรตามการตรวจสอบของหลินฮวง


ประตูห้องของอู่ห่าวเปิดออกกว้าง ประตูยังเน่าและพุพัง มีรูขนาดกำปั้นบนนั้นที่สูงประมาณหน้าแข้งคน ซึ่งดูเหมือนจะมาจากการเตะ


แต่ทว่า หลินฮวงยังสังเกตเห็นว่าตรงหน้าบ้านนั้นสะอาดและแทบไร้ที่ติราวกับมีคนเพิ่งทำความสะอาดไป


จากความเข้าใจเบื้องต้นเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ของเด็ก หลินฮวงคิดถึงมันสักพัก บอกให้สองทาสดาบยืนรอและเดินเข้าห้องไปลำพัง


ในห้องเปิด ตามคาด มีแค่หนึ่งเตียง หนึ่งโต๊ะ


วัยรุ่นกำลังนั่งตรงขอบเตียง เขาถือมีดเล่มเล็กและกำลังแกะสลักชิ้นไม้เงียบๆ เศษไม้กระจายทั่วหนังสือพิมพ์บนโต๊ะเขา


หลินฮวงจำต้นแบบที่เด็กหนุ่มแกะสลักได้แต่แรกเห็น มันคืออสูรมังกร แม้จะไม่มีรายละเอียดพอ เขาก็บอกได้ว่ามันคือมังกรเพลิงโบราณ


เด็กไม่สังเกตเห็นการมาของหลินฮวงขณะจดจ่อกับการแกะสลัก หลินฮวงไม่พูดรบกวนเขา เขายืนเงียบๆและดูเด็กแกะสลักมังกรเพลิงโบราณ


มันเกือบบ่ายหลังเด็กแกะสลักรูปทรงพื้นฐานของมังกรโบราณที่เขาถืออยู่เสร็จ


เขาดูเหนื่อย วางของในมือลง เมื่อแหงนมอง เขาก็เห็นหลินฮวงที่ประตูเขา


เขาตกใจเมื่อเห็นหลินฮวง


 


แต่ทว่า เขาก็รีบสงบสติ ขยับนิ้วและส่งมีดแกะสลักในมือขวาเขาลงฝ่ามือเพื่อซ่อนมัน ในเวลาเดียวกัน เขาก็ตื่นตัวและถามหลินฮวงด้วยคำเตือนในน้ำเสียง”เจ้ามาหาใคร?”


หลินฮวงสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆนั่น เขายิ้มและนำรูปแกะสลักไม้ที่เขาได้รับจากศาลาหัวใจแกะสลักขึ้นมา”อีกาทองคำสามขานี่คือผลงานเจ้าสินะ?”


ดวงตาของเด็กหรี่แคบ ไม่ใช่เพราะเขาเห็นรูปแกะสลักไม้ แต่เพราะเขาสังเกตเห็นว่ารูปแกะสลักไม้ในมือหลินฮวงจู่ๆก็ปรากฏออกมา


“เจ้าคือผู้บ่มเพาะและข้าก็แค่คนธรรมดา บอกข้าว่าเจ้าต้องการอะไร อย่าอ้อมค้อมเลย”เด็กจ้องไปทางหน้าต่าง เขาเริ่มวางแผนเส้นทางหลบหนีในหัว


“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย มันแค่ว่าเมื่อข้าไปเยือนศาลาหัวใจแกะสลักวันนี้ ข้าเห็นผลงานเจ้าและคิดว่ามันไม่เลว ดังนั้นข้าจึงมาหา”

“คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือไง?การลงลายของรูปแกะสลักน่าเกลียดมากและเต็มไปด้วย้ขอผิดพลาด ผู้บ่มเพาะอย่างเจ้าคิดว่ามันไม่เลว?”


“ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้าแกะสลักได้ดี สิ่งที่ข้าคิดว่าไม่เลวคือความหมายที่เจ้าทิ้งไว้ในรูปแกะสลัก”หลินฮวงอธิบาย


 


เขาไม่คิดว่าอู่ห่าวจะสงสัยเขา แต่ทว่า หากพิจารณาตามสภาพแวดล้อมที่เด็กหนุ่มอาศัย มันก็เข้าใจได้


“อย่าทำเหมือนข้าเป็นเด็ก”อู่ห่าวชัดเจนว่าไม่เชื่อ”กฏของถนนอุกกาบาตคือห้ามผู้บ่มเพาะทำอะไรกับคนธรรมดาที่ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะ ไม่ว่าเจ้าจะมาหาข้าทำไม เจ้าก็ได้แหกกฏแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับข้า ท่านดาบ11จะต้องส่งคนมาตรวจสอบแน่!”


 


แม้จะมีกฏดังกล่าวในถนนอุกกาบาต คนตายก็เกิดขึ้นทุกวัน มีคนธรรมดาอย่างน้อยร้อยคนที่ตายด้วยสาเหตุต่างๆทุกปี ดาบ11ไม่มีเวลามาตรวจสอบคดีพวกนี้


“อืม ดูเหมือนเจ้าจะไม่เชื่ออะไรก็ตามที่ข้าพูด”หลินฮวงพูดไม่ออกไปสักพัก”งั้น ข้าจะหาคนที่สามารถคุยกับเจ้าได้”


 


กล้ามเนื้อของอู่ห่าวตึงขึ้นขณะจ้องหลินฮวง เพียงเมื่อเขาคิดว่าหลินฮวงมีเพื่อนร่วมงานคนอื่น หลินฮวงก็โทรหาหมายเลขหนึ่งต่อหน้าเขา


ภายในวินาทีที่สายถูกรับ ภาพโฮโลแกรมของคนๆหนึ่งก็ฉายต่อหน้าอู่ห่าว


อู่ห่าวตกตะลึงเมื่อเห็นคนตรงหน้า


 


“ท่าน..ท่านดาบ11!?”


1373

“ท่านคือศิษย์พี่ของท่านดาบ11จริงๆ?!”


หลังได้ยินคำอธิบายของดาบ111 อู่ห่าวก็เชื่อ80% แต่ยังสงสัยอีก20%


“หากข้าอยากทำอะไรเจ้าจริง ข้าคงทำไปแล้ว ไม่ต้องมายืนหน้าประตูเพื่ออธิบายเจ้าหรอก”


“แถม เจ้าไม่ต้องสงสัยว่าดาบ11ในภาพฉายนั้นคือตัวจริงหรือตัวปลอม  ข้าจะพาเจ้าไปวังดาบสวรรค์ เพื่อพบเขาเอง”


 


ด้วยคำพูดของหลินฮวง ในที่สุดอู่ห่าวจึงหมดข้อสงสัย


อู่ห่าวรู้ว่าคนตรงหน้าเขาคือผู้บ่มเพาะ อู่ห่าวไม่สามารถสู้หรือหลบหนีได้ หากหลินฮวงมีเจตนาไม่ดีต่อเขาจริงๆ เขาคงทำมันไปนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาอธิบายให้มากความ ต่อให้หลินฮวงลักพาตัวอู่ห่าว ก็จะมีคนไม่มากที่รู้


สำหรับดาบ11ที่เขาเป็นนั้นจะเป็นตัวจริงหรือไม่ อู่ห่าวเองก็ไม่แน่ใจ แต่ทว่า เมื่อเขาพิจารณามัน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีเจตนาอะไร ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องมาหลอกเด็กธรรมดาอย่างเขาเลย แถมคนที่ปลอมตัวเป็นดาบ11ยังมีน้อยมาก


มีรายละเอียดหนึ่งที่ทำให้อู่ห่าวมั่นใจว่าหลินฮวงไม่คิดร้ายต่อเขาเพราะหลินฮวงยืนอยู่นอกห้อง และไม่ก้าวพ้นประตูเข้ามา


ด้วยความที่เติบโตในสถานที่อย่างถนนอุกกาบาต อู่ห่าวจึงมีความตื่นตัวสูงมากตั้งแต่เด็ก จากมุมมองเขา คนที่เข้าหาเขาต้องมีแผนการอะไรบางอย่าง


นั่นเป็นสาเหตุให้เขาระวังตัวมากตอนเห็นหลินฮวงครั้งแรก


ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าหลินฮวงไม่ได้คิดทำร้ายเขา ในที่สุดเขาจึงวางมีดแกะสลักในมือลง


 


“เชิญนั่ง”อู่ห่าวเพิ่งจำได้ว่าเขาไม่มีที่นั่งในบ้านหลังพูดจบ


นี่ไม่ได้รบกวนหลินฮวงเลย เมื่อเขาเข้าบ้าน เขาก็เห็นแถวรูปแกะสลักตรงขอบหน้าต่าง เขาสุ่มหยิบมันขึ้นมาและศึกษา


รูปแกะสลักนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ แต่มีรายละเอียดที่ชัดเจนกว่าอีกาทองคำสามขาก่อนหน้า ลายเส้นของการแกะสลักยังน่าพึงพอใจกว่า เกือบจะไม่มีข้อตำหนิเลย แม้กระทั่งความหมายภายในรูปแกะสลักก็ยังรุนแรงกว่า


หลินฮวงยังสังเกตเห็นว่าฐานรูปแกะสลักยังสลักด้วยคำสองคำ “จิน อู่”


เขาใช้จิตเทวะเพื่อตรวจสอบรูปแกะสลักที่เหลือและพบคำ’จินอู่”บนฐาน จากนั้นก็ยิ้มและหันไปหาอู่ห่าว


 


“เจ้าใช้นามแฝงหรือ?”

“การใช้ชื่อจริงอาจทำให้ข้าลำบาก”อู่ห่าวอธิบาย”มันไม่ใช่เรื่องแย่ที่จะระวังตัว”


หลินฮวงอยากพูดว่า’เจ้าระวังเกินไป’แต่ก็ระงับไว้


หลังยืนยันว่า’จินอู่’คือนามแฝงของอู่ห่าว หลินฮวงก็มั่นใจเกือบ90%ว่าเด็กนี่คือคนที่สโมสรกำลังมองหา


เมื่อเขาเห็นอู่ห่าวจากประตูก่อนหน้า เขาตระหนักว่าเต๋าดาบของเด็กนี่ทะลวงผ่านขั้น3แล้ว แต่ทว่า ไม่มีร่องรอยกลิ่นอายบ่มเพาะภายในตัวเขาเลย


นี่หมายความว่าเด็กหนุ่มยกระดับเต๋าดาบตัวเองเป็นขั้น3ในเวลาแค่สองเดือน ผ่านการแกะสลัก


หลินฮวงรู้ว่าการยกระดับเต๋าดาบเขายากเพียงใด


เขาต้องใช้เวลากว่าปีเพื่อยกระดับเต๋าดาบเป็นขั้น3ผ่านการฝึกฝนและต่อสู้


เด็กที่ชื่ออู่ห่าวย่อมเป็นสุดยอดอัจฉริยะในเต๋าดาบอย่างไม่ต้องสงสัย!


หลังเขายืนยันถึงพรสวรรค์เต๋าดาบได้ หลินฮวงก็อดถูกล่อลวงไม่ได้


“เจ้าอยากเป็นศิษย์ข้าและเรียนทักษะดาบจากข้าไหม?”


 


เดิมที แผนนำตัวอู่ห่าวเป็นศิษย์แค่ข้ออ้าง หลินฮวงอยากดูว่าคนแบบไหนที่สโมสรกำลังค้นหาและเขามีอะไรพิเศษ


แต่ทว่า หลังเห็นพรสวรรค์เต๋าดาบของอู่ห่าว…ภารกิจของสโมสรแล้วยังไง?มันสำคัญไหม?


 


“ข้าลืมแนะนำตัวไป ข้าชื่อหลินฮวง”หลินฮวงกล่าวเสริม


อู่ห่าวแปลกใจ แต่ทันใดนั้น เขาก็ดูลำบากใจ


“หากเจ้ามีอะไรที่อยากพูด แค่บอกมา”หลินฮวงสังเกตเห็นความลังเลของอู่ห่าว


อู่ห่าวลังเลสักพักแต่ก็อดพูดขึ้นไม่ได้


“หากท่านคือศิษย์พี่ของท่านดาบ11จริง ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อท่านมาก่อน?”

หลินฮวงคิดสักพัก ถามนี้ไม่ใช่อันที่เขาสามารถตอบได้ง่ายๆ


“ข้าจะอธิบายรายละเอียดหลังข้าพาเจ้าไปพบดาบ1 หากเจ้ายังไม่พร้อมเป็นศิษย์ข้าตอนนี้ เจ้าสามารถรอได้จนกว่าเจ้าจะพบดาบ11ก่อนตัดสินใจ”


อู่ห่าวคิดเกี่ยวกับมันก่อนพูดอีกครั้ง


“งั้นข้าขอเปลี่ยนคำถาม ระหว่างท่านและดาบ11 ใครแข็งแกร่งกว่า?”

“ระดับพลังเขาสูงกว่าข้า แต่ข้าควรสามารถเอาชนะเขาได้หากเรามีระดับพลังเท่ากัน”หลินฮวงบอกความจริง ด้วยความสามารถปัจจุบันเขา ต่อให้เขาพบจอมเทพภายใต้สถานการณ์ที่ทั้งคู่มีพลังเท่ากัน เขาย่อมเอาชนะได้


“ข้ามีคำถาม..”อู่ห่าวจ้องหลินฮวง”ข้าไม่มีศักยภาพบ่มเพาะ ท่านแน่ใจนะว่าอยากรับข้าเป็นศิษย์?”

“ไม่มีศักยภาพบ่มเพาะ?”


 


หลินฮวงใช้จิตเทวะเขาตรวจสอบร่างอู่ห่าวทันที พบว่าวิญญาณของเด็กเสียหายหนัก เขาไม่อาจสัมผัสถึงพลังงานต่างๆได้เลย พูดให้ถูก นี่ร้ายแรงยิ่งกว่าคนธรรมดาไร้ศักยภาพ


แต่ทว่า มันไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ หลินฮวงรีบหาเคล็ดบ่มเพาะที่เหมาะกับอู่ห่าวจากความทรงจำจอมเทพ


 


“เจ้าไม่ต้อกังวลเรื่องการไร้ศักยภาพบ่มเพาะ ข้ามีวิธีที่จะทำให้เจ้าบ่มเพาะได้”


ดวงตาอู่ห่าวสว่างขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่หลินฮวงพูด เขารีบลุก เดินไปหาหลินฮวงและหมอบแทบพื้น”ศิษย์น้อมพบอาจารย์!”


“จากวันนี้เจ้า เจ้าคือศิษย์ที่แท้จริงคนแรกของข้า”หลินฮวงพยักหน้าและพยุงอู่ห่าวขึ้น


เหตุผลที่หลินฮวงกล่าวว่า’ศิษย์ที่แท้จริง’ก็เพราะเขาเคยเป็นอาจารย์ที่สถาบันนักล่ายุทธ์และมีนักเรียนมากมาย


 


“มีปัญหาบางอย่างกับร่างเจ้าที่ทำให้เจ้าบ่มเพาะไม่ได้ แต่ทว่า ข้ารู้วิธีที่จะช่วยให้เจ้าเดินบนเส้นทางของการบ่มเพาะ เคล็ดบ่มเพาะนี้เรียกว่าเทพนักดาบ!”


“พูดง่ายๆ เจ้าไม่ต้องบ่มเพาะร่างกายหรือวิญญาณ เจ้าแค่ต้องบ่มเพาะดาบ เมื่อเต๋าดาบเจ้าบรรลุแก่นแท้เต๋าดาบ เจ้าจะสามารถใช้เทพนักดาบเพื่อผสานกับแก่นเทวะเจ้าได้ตรงๆ”


“สำหรับคนทั่วไป มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุเต๋าดาบผ่านการบ่มเพาะดาบอย่างเดียว แต่สำหรับเจ้า มันเป็นไปได้…”


หลังอธิบาย หลินฮวงก็วางปลายนิ้วบนหน้าผากของอู่ห่าวและถ่ายทอดทักษะดาบที่เขาเลือกให้


เหนือสิ่งอื่นใด เด็กหนุ่มแค่คนธรรมดาและจำนวนข้อมูลที่สมองเขาจะรับได้ก็มีจำกัด


หลินฮวงมอบทักษะดาบให้แค่หมื่นชุด ตั้งแต่ระดับธรรมดาถึงตำนาน


 


“เจ้าควรค่อยๆหลอมทักษะดาบเหล่านี้ได้เมื่อเจ้ามีเวลา”หลินฮวงพูดและเหลือบมองรอบห้อง”ตอนนี้ เจ้าไปเก็บของซะ และตามข้ามา”

“เราจะไปไหนกันครับ?”อู่ห่าวถาม


“วังดาบสวรรค์ของดาบ11”


1374

เมื่ออู่ห่าวเห็นดาบ11ยืนตรงหน้าเขาในวังจอมเทพ เขาก็ตื่นเต้นจนพูดไม่ออก

ต้องรู้ว่าเขาเติบโตมาโดยฟังตำนานของดาบ11

โดยธรรมชาติ เด็กหนุ่มที่อยากบ่มเพาะเต๋าดาบต้องพบว่ามันยากจะสงบเมื่อเขาเห็นดาบ11 ผู้บ่มเพาะดาบอันดับ1ของแดนจอมเทพ ตัวเป็นๆ


“ท่านจอมดาบ เด็กคนนี้คือ..”ดาบ11สับสนเมื่อเห็นหลินฮวงนำตัวเด็กหนุ่มมา

“อู่ห่าว ศิษย์ข้า”หลินฮวงแนะนำอู่ห่าว

“ศะ..ศิษย์?!”ดาบ11ตกตะลึงเมื่อเขาได้ยิน เขาไม่คิดว่าจอมดาบผู้นี้จะพบศิษย์เพียงแค่เดินเล่นรอบเมือง

“เสี่ยวห่าว ส่งเสียงหน่อยสิ”หลินฮวงตบไหล่อู่ห่าว

“ท่าน…ท่านดาบ11.”ใบหน้าอู่ห่าวแดงและเขาก็ไม่กล้ามองดาบ11ตรงๆ

“ข้าจำเจ้าได้ เจ้าคือเด็กในวิดิโอก่อนหน้านี้ ชื่อเจ้าคืออู่ห่าวสินะ?”แม้ดาบ11จะมีข้อสงสัยมากมาย เขาก็ยังยิ้มและทักทายอู่ห่าว

อู่ห่าวพยักหน้า

“ต้องขอบคุณเจ้ามาก หากเจ้าไม่ปรากฏบนวิดิโอคอลก่อนหน้า เขาอาจไม่เต็มใจเป็นศิษย์ข้า”หลินฮวงหัวเราะ

“ท่านจอมดาบก็พูดเกินไป”


ตอนนี้อู่ห่าวเพิ่งสังเกตวิธีที่ดาบ11เรียกหลินฮวงและความไม่แน่นอนก็ผุดในหัวใจเขา เขาเหลือบมองหลินฮวงและตั้งคำถามกับดาบ11โดยตรง


“ท่านดาบ11 ท่านและอาจารย์ข้าเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันจริงๆงั้นหรือ?”

ดาบ11มองหลินฮวงหลังได้ยิน

“เจ้าสามารถบอกความจริงกับเขาได้”หลินฮวงพยักหน้า

จากนั้นดาบ11จึงอธิบายสถานการณ์

“ท่านจอมดาบและข้าไม่ใช่ศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน ข้าคือทาสดาบของท่านจอมดาบ..”


ถึงแม้เขาจะยังไม่เดินบนเส้นทางบ่มเพาะ อู่ห่าวก็ยังเข้าใจความหมายของคำว่าทาสดาบ แม้เขาจะไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน แต่เขาก็สามารถเห็นได้ว่าดาบ11เคารพอาจารย์เขามากแค่ไหนโดยไม่มีการเสแสร้ง


“งั้นอาจารย์ข้าก็ทรงพลังมากเลยสิ?”อู่ห่าวคิดสักพักและถาม

“เขาได้รับมรดกจอมเทพและได้รับตำแหน่งจอมดาบคนใหม่ อย่างน้อย ในแง่ของเต๋าดาบ เขาก็ไร้ที่เปรียบ”

“แล้วเทียบกับท่านละ?”อู่ห่าวถามต่อ

“หากเราอยู่ระดับเดียวกัน ข้ามั่นใจว่าไม่มีใครจะเป็นคู่มือให้ท่านจอมดาบได้”ดาบ11รู้ดีถึงความยากของบททดสอบ ถึงแม้เขาจะไม่ได้สู้กับหลินฮวง เขาก็สามารถคาดเดาความสามารถของหลินฮวงได้

หลังได้ยินคำชมจากดาบ11 ในที่สุดอู่ห่าวก็เริ่มมองหลินฮวงด้วยสายตาเทิดทูน

“ตอนนี้เจ้าเชื่อข้าหรือยัง?”หลินฮวงถาม

“ข้าเชื่อท่านแล้ว ข้ารู้ว่าเต๋าดาบของท่านอาจารย์นั้นไร้ที่เปรียบ!”อู่ห่าวหัวเราะ กำหมัดและมองหลินฮวงเป็นแบบอย่างเอาไว้เดิน

“เจ้าปีศาจน้อย ในอนาคตจงใส่ความคิดเหล่านี้ลงในการบ่มเพาะเจ้าด้วยละ นั่นจะดีสุด”หลินฮวงส่ายหัว


หลินฮวงเริ่มหันไปคุยกับดาบ11อีกครั้ง

“พรุ่งนี้คือวันสุดท้ายของการทดสอบจอมเทพ มันไม่ปลอดภัยสำหรับข้าที่จะนำปีศาจน้อยนี่ไปด้วย ข้าจะทิ้งเขาไว้กับเจ้าก่อนเพื่อให้เจ้าคอยชี้แนะเขา ข้าจะกลับมาแดนจอมเทพเพื่อรับตัวเขาครึ่งปีให้หลัง หากช้ากว่านั้น มันก็อาจสองถึงสามปี”

“อาจารย์ ท่านจะไปไหน?”อู่ห่าวรีบถาม

“ข้ายังมีเรื่องต้องจัดการในมหาพิภพและบ้านข้า โลกกรวด”หลินฮวงมองอู่ห่าว”ข้าจะคัดกรองสิ่งที่ข้าอยากสอนเจ้าและส่งมันให้ดาบ11 เมื่อถึงเวลา เขาจะช่วยข้าสอนเจ้า”

เมื่อเขาพูดจบ เขาก็มองดาบ11อีกครั้ง

“สถานการณ์ของอู่ห่าวพิเศษมาก ร่างกายไม่อนุญาตให้เขาบ่มเพาะโดยตรง เขาจำต้องเดินบนเส้นทางเทพนักดาบ..”

“เทพนักดาบ?!”ดาบ11จ้องหลินฮวงด้วยตาเบิกกว้าง ราวกบอยากยืนยันสิ่งที่หลินฮวงพูด

“เขามีพรสวรรค์มากในด้านเต๋าดาบ’หลินฮวงกล่าวแค่นี้และไม่พูดอะไรอีก


เมื่อดาบ11เห็นสายตาของหลินฮวง เขาก็รู้ว่าหลินฮวงไม่ได้พูดเล่น สำหรับคำพูดว่ามี’พรสวรรค์มาก’ ดาบ11รู้ว่ามันมีมากกว่าแค่พรสวรรค์หลังพิจารณาเรื่องนี้

เหนือสิ่งอื่นใด อู่ห่าวเป็นที่ต้องตาของจอมดาบคนใหม่และได้รับการยอมรับเป็นศิษย์ทันที แถมหลินฮวงยังบอกว่าเด็กหนุ่มสามารถเดินบนเส้นทางเทพนักดาบได้ มันพอจะบ่งชี้ว่าปีศาจน้อยตรงหน้าเขาต้องไม่ธรรมดา

ดาบ11ไม่อยากซักถาม หลินฮวงไม่อธิบายแต่เขาก็บ่งบอกได้จากท่าทางเขา ดาบ11ไม่รีบ เหนือสิ่งอื่นใด อู่ห่าวจะอยู่กับเขา ความพิเศษในตัวเขาย่อมเปิดเผยออกมาไม่ช้าก็เร็ว


“ในสองวันข้างหน้า ข้าจะตรวจดูทักษะดาบจากมรดกทั้งหมดที่ข้าได้รับ คัดกรองพวกมัน และส่งพวกมันให้เจ้า จากนั้นเจ้าค่อยส่งมอบทักษะดาบเหล่านี้ให้เขา ร่างเขาจะมีพลังแค่คนธรรมดาและปริมาณข้อมู,ที่สามารถได้รับก็จำกัด เจ้าจะต้องพิจารณาเรื่องการส่งข้อมูลเข้าสมองเขาให้ดี อย่าให้สมองเขาแบกรับมากเกินไป”

“นอกจากทักษะดาบ ความรู้ทางทฤษฏีต่างๆก็ควรสอนเขาด้วย ข้าจะจัดการตารางการสอนเอง จำไว้ว่าต้องมีการทดสอบความรู้ทางทฤษฏีทุกเดือน หากเขาสอบไม่ผ่าน ก็ให้เขาจำใหม่”

“การเรียนคือการเรียน ทำไมเราต้องทดสอบ..”อู่ห่าวพึมพำ

หลินฮวงไม่สนใจเสียงบ่น”ยังมีการต่อสู้จริงๆ เจ้าจะต้องเตรียมการให้เขา แม้เขาจะไม่อาจบ่มเพาะและร่างกายก็อ่อนแอ ตราบเท่าที่เขาไม่ตาย เจ้าก็สามารถจัดการสิ่งที่อยากให้เขาได้ ในเมื่อยาของโลกบ่มเพาะสามารถรักษาปัญหาเรื่องร่างกายได้ มันจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่หากเขาเกิดแขนหรือขาหัก…”

“แขนหรือขาหัก..”อู่ห่าวดูราวกับกำลังจะร้องไห้”อาจารย์ ข้ายังเป็นศิษย์ท่านอยู่อีกหรือ?”

แม้กระทั่งดาบ11ก็เริ่มมองอู่ห่าวด้วยความเห็นใจ

“สามสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ข้าสามารถคิดได้ในตอนนี้ สำหรับที่เหลือ หากเจ้าคิดว่ามีอะไรต้องเสริมไป ก็แล้วแต่เจ้า”

“ขอรับ!”ดาบ11ตอบรับ


เนื่องจากเขาพบผู้สืบทอดจอมดาบแล้ว เป้าหมายสูงสุดของดาบ11ในการมาแดนจอมเทพจึงบรรลุ เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีงานให้ทำมากนัก การช่วยจอมดาบสอนศิษย์เขาก็ถือเป็นงาน

“ใช่ มีอีกเรื่อง เขามีงานอดิเรกคือแกะสลัก ตราบเท่าที่มันไม่รบกวนการฝึกเต๋าดาบ เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมัน”หลินฮวงเตือนดาบ11


หลังจัดการเรื่องอู่ห่าวจบ หลินฮวงก็คุยดาบ11ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนกลับโรงแรมพร้อมสองทาสดาบ

สำหรับอู่ห่าว เขายังอยู่ในวังดาบสวรรค์

เช้าวันต่อมา หลินฮวงส่งทักษะดาบทั้งหมดที่เขาคัดกรองให้ดาบ11 มีทั้งหมด180000ทักษะดาบและสูงสุดก็เป็นแค่ระดับกึ่งบรรพกาล เขายังย้ำว่าทักษะดาบระดับกึ่งบรรพกาลนั้นให้สอนเป็นอันสุดท้าย

มันไม่ใช่ว่าหลินฮวงไม่อยากสอนทักษะดาบระดับบรรพกาลให้อู่ห่าว เขาแค่อยากให้เด็กหนุ่มสร้างรากฐานก่อน

สำหรับแบบการสอนพื้นฐาน หลินฮวงสร้างมันจากการจำลองประสบการณ์การสอนเขาที่สถาบันนักล่ายุทธ์

หลังเตรียมการเสร็จ หลินฮวงก็กลับไปวังจอมเทพแต่เช้าพร้อมสองทาสดาบ

นี่เป็นวันสุดท้ายของการเปิดแดนจอมเทพแล้ว ภายใต้อำนาจของวังจอมเทพ หลินฮวงสามารถตรวจสอบสถานะผู้เข้าร่วมได้

ตามคำสั่งของหลินฮวง วังจอมเทพรีบฉายรายละเอียดของผู้เข้าร่วม

ในรรดาผู้เข้าแดนจอมเทพ300คนเมื่อเดือนก่อน มันเหลือแค่63คน อัตรารอดชีวิตประมาณ20%

หลินฮวงดีใจที่พรรคพวกจากเคียวแห่งความตายยังอยู่

เขายังเห็นคนคุ้นหน้า เทพนักรบ ลาเมลล่าและคนอื่น

แต่ทว่า หลินฮวงคาดไว้แล้ว เหนือสิ่งอื่นใด กลุ่มเทพนักรบและลาเมลล่าคือสุดยอดอัจฉริยะที่ได้รับการบ่มเพาะโดยองค์กรเกรด7 ในแง่ความสามารถรวม พวกเขาต้องติด5อันดับของกระดานเทพเสมือนแน่

เมื่อเขาเห็นคนคุ้นหน้า หลินฮวงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้


“เทพนักรบ ลาเมลล่าและคนอื่นรู้ว่าข้าคือผู้ชนะการแข่งขัน เมื่อพวกเขากลับไปมหาพิภพ ข้าเกรงว่าสิ่งแรกที่พวกเขาจะทำคือแจ้งองค์กรพวกเขา ต่อให้พวกเขาจะไม่มั่นใจว่าข้าสามารถได้รับมรดกจอมเทพหรือไม่ ข้าก็จะยังอยู่ในรายชื่อที่องค์กรเหล่านั้นต้องเฝ้าจับตา”

“นอกจากจะดึงดูดพวกองค์กรเหล่านั้น ข่าวนี้อาจชักนำพวกไรเดอร์มาหาข้า ข้าคือผู้สืบทอดจอมเทพและจ้าวเทวะที่โจมตีจอมเทพก็ต้องสนใจข้าแน่”

“จากมุมมอง ตัวตนของเซี่ยหลินไม่อาจใช้ได้อีกต่อไปแล้ว”

“วิธีที่ดีสุดคือทำให้ตัวตนนี้หายไปหลังการปิดของแดนจอมเทพและปล่อยให้ทุกคนคิดว่าเซี่ยหลินตายไปแล้ว ตราบเท่าที่เซี่ยหลินตายในแดนจอมเทพ ย่อมไม่มีเรื่องเช่นเซี่ยหลินได้รับมรดกจอมเทพ”


หลังพิจารณา หลินฮวงก็ล้มเลิกความคิดที่จะกลับมหาพิภพพร้อมผู้เข้าร่วมคนอื่น

เขาไม่กลับไปแดนจอมเทพเลยจนกระทั่งวันถัดไป แต่ทว่า ผ่านการจับตาดู เขานั่งดูผู้เข้าร่วม63คนออกไปทีละคน…


1375

เขตแดนเทพ เมืองเคียวโลหิต ศูนย์ใหญ่เคียวแห่งความตาย

ชายหนุ่มผมขาวนั่งที่นั่งหลักของห้องประชุม ขมวดคิ้วเป็นปม

ทั้งสามคนรวมถึงดาวหางยืนตรงหน้าโต๊ะประชุม ไม่กล้าส่งเสียง

ทั้งสามเพิ่งกลับจากแดนจอมเทพ นำข่าวที่หลินฮวงล้มเหลวในการกลับมาด้วย


“ข้าคิดว่าลูกพี่เซี่ยอาจไม่จำเป็นต้องตายในแดนจอมเทพ เขาอาจยังเข้าร่วมการทดสอบจอมเทพอยู่ก็ได้ เขาจึงไม่ถูกส่งออกมาพร้อมเรา”โชคชะตาคือแฟนของหลินฮวง เขาเชื่อมั่นว่าเซี่ยหลินต้องไม่ตายอย่างนั้น เมื่อเห็นชายหนุ่มที่นั่งบนที่นั่งหลักม่พูดอะไรนาน เขาก็รวบรวมความกล้าและพูดขึ้น

ชายหนุ่มผมขาวมองทั้งสาม”เอาละ พวกเจ้าสามคนกลับไปก่อน ข้ารู้ทุกอย่างที่ข้าอยากรู้แล้ว”

ทั้งสามขานรับและรีบออกไป

ใต้สวรรค์ไม่ออกห้องประชุมแต่ก้มมองชื่อในสมุดรายชื่อ เซี่ยหลิน


“เดิมเขาเข้าร่วมการแข่งขัน เอาชนะการร่วมมือของพวกเทพนักรบ ได้ที่หนึ่ง ได้รับคุณสมบัติสืบทอดมรดกจอมเทพที่ไม่เคยมีใครทำได้ตลอดสามแสนปี…เจ้า คนที่สร้างปาฏิหาริย์ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าจะมาตายทั้งอย่างนี้หรือ?”

ใต้สวรรค์ไม่มั่นใจว่าเขากำลังพึมพำกับตัวเองหรือหลินฮวง

ครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ทุกคนในเคียวแห่งความตายพากันเชื่อว่าเซี่ยหลินตายไปแล้ว

แม้กระทั่งโชคชะตา ที่มักเชื่อว่าหลินฮวงยังไม่ตายก็ไม่นำเรื่องเซี่ยหลินอาจยังเข้าร่วมในการทดสอบอยู่มาเป็นข้ออ้างอีก

ใต้สวรรค์ ผู้สงสัยว่าหลินฮวงยังอยู่หรือตายไม่มีความหวังใดอีก

แต่ทว่า แต่เช้าของวันนี้ ใต้สวรรค์กำลังประชุมกับสมาชิกเคียวทองแต่ก็พลันได้รับข้อความจากหมายเลขแปลกๆ


“เมืองหมัดเหล็ก 120เมตรจากทางเข้าของสาขาเคียวแห่งความตาย ตู้เก็บของ0613 รหัสผ่าน9527 สิ่งที่เจ้าต้องการอยู่ในนั้น”


ใต้สวรรค์มองมันและจากนั้นก็ดูเหมือนจะเข้าใจ

แม้ข้อความนี้จะไม่มีอะไรระบุ ใต้สวรรค์ก็สังเกตเห็นคำว่า’เมืองหมัดเหล็ก’ได้ทันที

นั่นคือเมืองที่เซี่ยหลินรับภารกิจที่เกี่ยวกับราชินีเผ่าแมลง!

ในความคิดของใต้สวรรค์ ข้อความนี้ถูกส่งมาโดยหลินฮวง

นี่เพราะมีคนไม่มากที่มีหมายเลขติดต่อเขา นอกจากเคียวโลหิตและเคียวทองไม่กี่คนที่เขามีความสัมพันธ์ดีด้วย รวมถึงเหล่าคนรุ่นใหม่ที่โดดเด่นเช่นเซี่ยหลินและดาวหาง


“คุยกันต่อไป ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการ”หลังยืนยันว่าผู้ส่งอาจเป็นเซี่ยหลิน ใต้สวรรค์ก็บอกเคียวทองที่อยู่ก่อนลุกขึ้นทันที เขาเรียกอสรพิษเขียวตัวน้อยออกมาและหายตัวไป

ในห้องประชุม เคียวทองหลายคนมองหน้ากัน

นี่คือครั้งแรกที่พวกเขาเห็นใต้สวรรค์ออกจากการประชุมกลางคัน

หลังผ่านไปไม่กี่นาที ใต้สวรรค์ก็ปรากฏที่ประตูหน้าของเคียวแห่งความตายสาขาเมืองหมัดเหล็ก

เขากวาดตามองรอบๆ และเห็นตู้ล็อคเกอร์ไม่ไกล

ในชั่วพริบตา เขาก็ปรากฏตรงหน้ามัน สายตาเขารีบหาตู้0613

โดยไม่ลังเล เขาป้อนรหัสผ่านในข้อความสั้นๆ

เมื่อป้อนรหัสผ่าน เขาก็ได้ยินเสียงปลดล็อคและประตูตู้ก็เด้งเปิดเอง

ภายในคือกล่องขนาดเท่าฝ่ามือ

ใต้สวรรค์เอื้ออไปหยิบกล่อง เปิดมันทันที

ภายในคือแผ่นโลหะขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ เมื่อเขาเห็นวัตถุ ดวงตาของใต้สวรรค์ก็สว่างวาบ


“เจ้ายังไม่ตาย!”

เขาให้แผ่นเหล็กชิ้นนี้กับหลินฮวงก่อนแดนจอมเทพจะเปิด มันคือตัวบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับมรดก

ใต้สวรรค์รีบเก็บแผ่นเหล็กในมิติเก็บของเขา โดยไม่ลังเล เขาอัญเชิญอสรพิษอีกครั้งและหายไป

เมื่อเขาปรากฏ เขาก็กลับมาที่ศูนย์ใหญ่เคียวแห่งความตายแล้ว

แทนที่จะกลับไปห้องประชุม เขากลับตรงไปวังเขา

ใต้สวรรค์ทำให้มั่นใจว่าประตูของวังเขาปิดแล้วและเปิดใช้มาตรการป้องกันทั้งหมด จากนั้นถึงนำแผ่นโลหะดำออกมาและปล่อยจิตเทวะลงไป

หลังวิสัยทัศน์เขาชัดเจน เขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

เขาเห็นชายคนหนึ่งกำลังถือดาบด้วยมือเดียว แค่การสะบัดดาบง่ายๆของชายผู้นั้น ทั่วทั้งกาแล็กซี่และดวงดาวกลับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

วินาทีต่อมา ทั้งกาแล็กซี่ก็ผันผวนและถูกแยกเป็นสองส่วน ราวกับมีคนตัดกระดาษขาว

ใต้สวรรค์ก้มมองตัวเอง เขาไม่รู้ว่าตอนไหน แต่ตอนนี้เขาถูกตัดเป็นสองส่วนโดยไม่รู้ตัว ทันทีที่โลกตรงหน้าเขามืด จิตสำนึกเขาก็กลับร่าง

เมื่อจิตสำนึกเขากลับ เขาก็หลั่งเหงื่อเย็น สูดอากาศเหมือนคนขาดอากาศ


“นี่คือพลังของระดับเทพสวรรค์จริงๆงั้นหรือ?!”

ถึงแม้ใต้สวรรค์จะรู้ว่าจอมเทพ อัจฉริยะแห่งยุคสมัยแกร่งกว่าเขามาก เขาก็ไม่คิดว่าช่องว่างระหว่างพวกเขาจะมากขนาดนี้

หากเขาพบกับจอมเทพตัวจริง เขาคงถูกฆ่าในชั่วพริบตา!

ใต้สวรรค์ยิ้มขมขื่น

แค่การสะบัดดาบเล่นๆก็ทำให้เขาหมดหนทางต่อต้านแล้ว

เขาต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะสงบสติจากอาการตกใจได้

“เจ้าถึงขั้นสามารถได้รับมรดกของคนเช่นนี้ เจ้ามันสัตว์ประหลาดชัดๆ เซี่ยหลิน”

หลินฮวงออกจากเมืองหมัดเหล็กไปนานแล้ว

เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจำได้ เขาพักในแดนจอมเทพกว่าครึ่งเดือนและเพิ่งมาถึงแดนจอมเทพหนึ่งวันก่อนพร้อมทาสดาบทั้ง68ตน

เนื่องจากตัวตนของเซี่ยหลินไม่อาจใช้ได้อีก เขาจึงสวมหน้ากากพันหน้าและเปลี่ยนใบหน้าเขา

เขาไปเมืองหมัดเหล็กก่อนขณะที่ให้ทาสดาบกระจายตัวและซ่อนในเมืองเกรด3หรือ4รอบเมืองหมัดเหล็ก

หลินฮวงติดต่อหยางหลิงเมื่อเขามาถึงเมืองหมัดเหล็ก ครั้งนี้เขาทำข้อตกลงใหญ่ ไม่เพียงเขาจะต้องการสร้างตัวตนใหม่ แต่เขายังสร้างตัวตนปลอมให้ทาสดาบทั้ง68ตนด้วย

หยางหลิงพูดไม่ออกหลังได้รับงานใหญ่

หลังพักในเมืองหมัดเหล็กคืนหนึ่ง หลินฮวงก็พาดาบ301และดาบ302ไปเมืองเกรด4และเตรียมแผนขั้นต่อไป

นับรวมเวลาในแดนจอมเทพ เขาออกโลกกรวดมาเกือบครึ่งปีแล้ว มันยิ่งทำให้เขากดดันขึ้น

ระดับพลังของหลินฮวงคือจักรพรรดิขั้น9 เขาไม่รู้สึกว่าเขามาถึงจุดสำคัญเลยหลังผ่านไปนาน

เดิมที เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไร แต่ทว่า หลังยอมรับมรดกจอมเทพ ในที่สุดหลินฮวงก็พบทางออกของปัญหา

มันไม่ใช่ว่าความทรงจำมรดกของจอมเทพเต็มไปด้วยสถานการณ์คล้ายกัน แต่วิธีที่จอมเทพจัดการกับปัญหาก็ช่วยให้หลินฮวงพบคำตอบ

ในเมื่อเขายังไม่ถึงจุดสำคัญสำหรับการทะลวงผ่าน เขาก็ต้องกลั่นแก่นเทวะต่อไปจนกว่าจะถึงจุดๆนั้น!


1376

สามวันต่อมา หลินฮวงก็ได้ตัวตนใหม่


ไม่ใช่แค่เขา แต่เป็นทาสดาบทั้ง68ตนด้วย


เนื่องจากทาสดาบใช้ทรัพยากรบ่มเพาะจนหมดแล้ว หลินฮวงจึงปล่อยให้พวกเขาไปสมัครเป็นสมาชิกสำรองที่สาขาของเคียวแห่งความตาย


เหตุผลหลักที่เขาเลือกเคียวแห่งความตายเพราะท่ามกลางองค์กรใหญ่ พวกเขามีกฏน้อยสุด แถมยังใจกว้างมากพอในช่องทางข้อมูลและรางวัล


อีกเหตุผลคือเขตลับและมิติบรรพกาลในมหาพิภพนั้นจะถูกยึดครองโดยองค์กรใหญ่ มีเขตลับและมิติบรรพกาลระดับสูงมากมายที่ถูกองค์กรใหญ่ยึดครองไว้


หากพวกเขาไม่เข้าร่วมองค์กรใดและวิ่งไปทั่วมหาพิภพในฐานะนักผจญภัยอิสระ หลินฮวงและทาสดาบจะไม่มีสิทธิ์เข้ามิติบรรพกาลและเขตลับถึง90%


เมื่อพวกเขาเข้าร่วมองค์กร พวกเขาจะยังมีสิทธิ์เข้าร่วมในการทำธุรกรรมภายใน หากพวกเขาอยากซื้อบางสิ่ง ราคาจะถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับราคาในตลาดมืด


คำสั่งแรกของหลินฮวงคือให้ทาสดาบจำนวนมากเข้าร่วมเคียวแห่งความตายและรับเอาทรัพยากรให้ได้มากที่สุดโดยไม่เผยความสามารถจริง


เหนือสิ่งอื่นใด หากเทพเสมือนหน้าใหม่จำนวนมากที่มีพลังเทียบเท่าเทพนักรบไร้ผู้ต้านเผยตัว มันคงดึงดูดความสนใจจำนวนมาก


สำหรับวิธีซ่อนความสามารถจริงพวกเขา หลินฮวงแนะนำพวกเขาให้อย่ารับงานที่ยากเกิน


สำหรับตัวหลินฮวงเอง เขาไม่นิ่งดูดายตลอดสามวัน เขารวบรวมข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับเขตลับและมิติบรรพกาล


นอกจากการเตรียมการล่าแก่นเทวะ เขายังเตรียมล่าเทพแท้จริงหลังเลื่อนเป็นเทพเสมือน


สามวันผ่านไป ตัวตนใหม่ของหลินฮวงชื่อฮวงหลิน ซึ่งเป็นแค่การสลับชื่อจริงเขา


แต่ทว่า ในเวลาไม่ถึงสามนาทีหลังเขาสวมแหวนตัวตนใหม่ ข้อความก็ผุดขึ้น


หลินฮวงไม่มีเวลาป้อนรายชื่อผู้ติดต่อคนใด ไม่มีใครยกเว้นหยางหลินที่จะรู้หมายเลขติดต่อตัวตนใหม่นี้


เมื่อคิดว่าข้อความอาจส่งมาโดยหยางหลิน หลินฮวงก็รีบเปิดดู


แต่ทว่า แค่เหลือบมองเนื้อหาข้อความก็ทำให้คิ้วเขาขมวดเป็นปม


 


“ขอแสดงความยินดีด้วยกับการได้รับมรดกจอมเทพ แล้ว ภารกิจทั้งสองในแดนจอมเทพเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?

ข้อความมาจากผู้ส่งชื่อ‘สโมสร‘


เมื่อมองข้อความ ปฏิกิริยาแรกของหลินฮวงคือตัวตนปลอมเขาถูกทรยศโดยหยางหลิง หยางหลิงน่าจะเป็นสมาชิกสโมสร


แต่ทว่า เมื่อหลินฮวงคิดอย่างถี่ถ้วน หยางหลิงก็ถือเป็นเพื่อนเขา ตามนิสัยเขา หากเขาเป็นสมาชิกสโมสรจริงๆ หยางหลิงย่อมทักทายหลินฮวงหากเขาอยากเปิดเผยตัวตนเขา


หลังคิด หลินฮวงก็ส่งข้อความหาหยางหลิง


 


“รู้จักสโมสรไหม?”

หลังจากนั้น หยางหลิงก็ตอบ


“คนเหล่านี้ติดต่อข้าและเชิญข้าเข้าร่วม แต่ข้าปฏิเสธ ทำไม?พวกเขาติดต่อเจ้าด้วย?”(หลังจากนี้ผมใช้ข้า เจ้าตลอดเลยนะ)


“พวกเขาเพิ่งส่งข้อความมาหมายเลขใหม่ข้า มันไม่ถึงสามนาทีหลังข้าสวมแหวน..”


หลังหลินฮวงส่งข้อความนี้ หยางหลิงก็เงียบไป หลังจากนั้น วิดิโอคอลก็มาถึง


หลินฮวงสังเกตว่าวิดิโอคอลนี้พิเศษเล็กน้อย มันมีคำว่า‘การเข้ารหัส‘


เขากดปุ่มตอบรับโดยไม่ลังเล


ในวิดิโอ หยางหลิงสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวซึ่งทำให้เขาดูเรียบร้อยมาก


แม้เขาจะยังผอม ใบหน้าเขาก็ดูมีน้ำนวลขึ้นและดูสุขภาพดีกว่าตอนอยู่บนโลกกรวด


 


“เจ้ารู้เกี่ยวกับสโมสรมากแค่ไหน?”หลินฮวงถามทันทีเมื่อหยางหลิงปรากฏ


“ไม่มาก มันควรเป็นพวกใหม่ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน มันเป็นไปได้สูงว่ามันเพิ่งก่อตั้งหลังข้าไปโลกกรวด“

“ไม่กี่วันหลังข้ากลับมหาพิภพ พวกเขาก็เข้าหาและอยากเชิญข้าเข้าร่วม แต่ข้าปฏิเสธ“

“ข้าเริ่มสืบสวน มันใช้เวลาเกือบเดือน แต่ก็ไม่มีความคืบหน้านัก ข้าพบข้อมูลเพียงเสี้ยวเดียว“


“ปัจจุบัน สิ่งเดียวที่ข้ารู้คือองค์กรนี้ก่อตั้งโดยเหล่าสุดยอดอัจฉริยะ ในองค์กรนี้ ไม่ได้มีแค่นักเดินทาง แต่ยังมีพวกสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะและกลับชาติมาเกิดใหม่…”

“พวกกลับชาติเกิดใหม่?นิยายจำพวกที่ตัวเอกไปอยู่ในห้องพระเจ้า แล้วถูกส่งไปทำภารกิจบนโลกต่างๆอะไรแบบนั้น?”ดวงตาหลินฮวงเบิกกว้าง


“ประมาณนั้น“หยางหลิงพยักหน้า


“สิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะ และกลับชาติเกิดใหม่?”หลินฮวงถามอีกครั้ง


“ใช่“หยางหลิงพยักหน้า


“คนเหล่านี้มีอยู่จริง?”หลินฮวงสงสัย


“มีจริง ข้าเคยรู้จักพวกสิ่งชีวิตอมตะหลายคนในอดีต สิ่งมีชีวิตอมตะไม่ได้หายาก สำหรับสิ่งมีชีวิตกลับชาติมาเกิดใหม่ ข้าเคยพบครั้งหนึ่ง มันแค่ว่าห้องพระเจ้าพวกเขามีชื่อต่างกัน และก็ทรงพลังกว่าในนิยาย”


“มีพวกกลับชาติมาเกิดใหม่จริง..”หลินฮวงคิดไม่ถึง”คิดว่ามันเป็นเรื่องที่มีแค่ในนิยายซะอีก”

“เราเองก็เป็นนักเดินทาง มีอะไรให้ต้องแปลกใจ?”


“นั่นก็จริง”หลินฮวงไม่อาจปฏิเสธได้


“ต่อให้คนเหล่านี้จะมีอยู่ แล้วสโมสรหาพวกเขาได้ยังไง?”หลินฮวงสงสัยเรื่องนี้


“ไม่รู้เหมือนกัน แต่การคาดเดาข้าคือผู้ก่อตั้งพวกเขา หรือหนี่งในผู้ก่อตั้งต้องมีความสามารถระบุความสามารถเราหรือสมบัติเรา พวกเขาอาจไม่ต้องมาติดต่อเราหรือเห็นเรา ตราบเท่าที่เราบรรลุเป้าหมายพาะที่พวกเขาตั้งไว้ พวกเขาจะสามารถมองเห็นตัวตนเราจากที่ไหนก็ได้และไม่สนใจการปลอมแปลงใดๆ”


การคาดเดาของหยางหลิงทำให้หลินฮวงเงียบไป


เขาคิดถึงมันสักพักและในที่สุดก็ต้องยอมรับว่าทฤษฏีของหยางหลิงนั้นถูกต้อง


“สำหรับวิธีที่พวกเขาได้รับหมายเลขใหม่เจ้า ข้าสงสัยว่ามันอาจเกี่ยวกับความสามารถพวกเขาในการระบุตัวเรา”หยางหลิงพูดต่อ”ข้าไม่เคยเปิดเผยข้อมูลลูกค้า เจ้าควรรู้เรื่องนี้ดี”


“นั่นคือข้อมูลทั้งหมดที่ข้าสามารถหาได้ ข้าไม่อาจตรวจสอบอะไรได้มากกว่านี้ แถม ข้ามีเรื่องต้องทำจนไม่มีเวลาไปเสียกับมัน”หยางหลิงอธิบาย


 


หลินฮวงเงียบไป เขาสงสัยว่าเขาควรบอกหยางหลิงไหมว่าเขาเข้าร่วมสโมสร แต่สุดท้าย เขาก็ตัดสินใจเก็บข้อมูลไว้กับตัว


หลังจบสาย หลินฮวงก็จ้องหมายเลขแปลกๆบนหน้าสื่อสารสักพักก่อนตอบข้อความ


 


“ข้าได้ฝักดาบของจอมเทพ แต่ข้าอยากรู้—พวกเจ้าตั้งใจจะทำอะไรกับมัน?”

หลินฮวงไม่ปฏิเสธที่เขาพบเด็กชื่อ’จินอู่ เขาแค่ไม่พูดถึง


“ถ้าเราสามารถซ่อมมันได้ งั้นเราก็จะซ่อม หากซ่อมไม่ได้ เราก็จะดูดซับมัน”อีกฝ่ายตอบกลับ พวกเขาไม่คิดว่ามันเป็นความลับ


เมื่อเห็นคำตอบนี้ หลินฮวงก็ขมวดคิ้วเป็นปม พวกเขาฟังดูเหมือนไรเดอร์


“ข้ามีคำถามอื่น อะไรคือความสัมพันธ์ระหว่างสโมสรและไรเดอร์?”หลินฮวงถามตรงๆ


 


หลังข้อความนี้ถูกส่ง มันก็ใช้เวลาประมาณสามสี่วินาทีก่อนอีกฝ่ายจะตอบ


“โดยสังเขป มันถือเป็นศัตรูกัน”

ด้วยคำตอบนี้ ในที่สุดหลินฮวงก็ถอนหายใจโล่งอก


1377

ศัตรูของศัตรูคือมิตร หลังรู้ความสัมพันธ์ระหว่างสโมสรและไรเดอร์ หลินฮวงก็ตัดสินใจแลกเปลี่ยนฝักดาบกับสโมสร


ฝักดาบถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ หยินหยินยังบอกว่ามันไม่มีประโยชน์กับนางแล้วและหลินฮวงก็สามารถใช้มันได้ตามต้องการ


สำหรับหลินฮวง วัตถุนี้มีเพียงสองวัตถุประสงค์ มันสามารถใช้แลกหรือให้เสี่ยวเฮยดูดซับได้


เมื่อพิจารณาถึงความเสียหายของฝัก ต่อให้มันมอบให้เสี่ยวเฮยเพื่อดูดซับ มันก็จะไม่แตกต่างนัก


ดังนั้น แนวทางที่ให้ประโยชน์สุดคือการแลกกับสโมสร


เช้าตรู่ของวันถัดไป หลินฮวงสวมพันหน้าและกินอาหารเช้าด้วยตัวตนใหม่ของเขา หลังจากนั้นก็พาดาบ301และดาบ3202ไปร้านกาแฟ


ร้านกาแฟในแดนเทพลอกเลียนจากโลกมนุษย์


นี่คือร้านกาแฟแค่ในนาม แต่จริงๆแล้ว มีเครื่องดื่มและของหวานทุกประเภท มีน้อยมากที่มาที่นี่เพื่อดื่มกาแฟ ส่วนใหญ่มาสั่งน้ำหวาน


เมื่อเขาได้ยินหลินฮวงสั่งกาแฟดำกับน้ำหวานสองแก้ว เจ้าของก็มองเขาด้วยสายตาแปลกๆ เขายังเน้นย้ำว่า”ท่าน ทางเราไม่มีน้ำตาลนะขอรับ”


เมื่อลูกค้าใกล้ๆได้ยิน พวกเขาก็อดเหลือบมองหลินฮวงไม่ได้


หลินฮวงและสองทาสดาบนั่งใต้ร่มในที่เปิดโล่งสักพัก เมื่อหลินฮวงดื่มเสร็จ มันก็เกือบเก้าโมงแล้ว


บุคคลคนหนึ่งพลันปรากฏตรงโต๊ะที่ทั้งสามนั่ง”ข้าขอนั่งด้วยได้หรือไม่?”

ทั้งสามตกตะลึงไป ไม่มีใครสัมผัสถึงอีกฝ่ายได้เลย


หลินฮวงแหงนมองผู้มาใหม่ คนที่ถามเป็นชายหนุ่มอายุ27หรือ28ปี เขาสูง สวมสูทดำและมีไม้เท้าสีแดงเข้มในมือขวา


สัมผัสของหลินฮวงไม่พบความผันผวนพลังงานจากภายในตัวคนตรงหน้า มันราวกับคนแปลกหน้านี้เป็นแค่คนธรรมดา


สีหน้าของสองทาสดาบแปลกไปขณะสำรวจชายในสูท


สองทาสดาบนั้นเคยเป็นถึงเทพสวรรค์ ต่อให้ระดับพลังจะถูกจำกัดที่เทพเสมือนขั้น9 หากพวกเขาพบกับบุคคลระดับเทพสวรรค์ มันก็ไม่ยากสำหรับพวกเขาที่จะวัดระดับพลังอีกฝ่ายต่อให้อีกฝ่ายจะปกปิดกลิ่นอายไว้ แต่ทว่า คนตรงหน้าพวกเขากลับไม่แตกต่างจากคนธรรมดา


ถึงกระนั้น หลินฮวงหรือสองทาสดาบก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนธรรมดา


คนแปลกหน้าคนนี้ปรากฏโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าและขอนั่งกับพวกเขาทั้งๆที่มีโต๊ะว่าง นี่ยืนยันว่าเขาคือคนที่จะมาทำธุรกรรมกับพวกเขา


“เชิญนั่ง”


หลังนั่ง ชายในชุดสูทก็มองสองทาสดาบ ถอดหมวก เผยให้เห็นผมสั้นสีดำและยิ้มให้หลินฮวง


“ฮวงหลินสินะ?เจ้าสามารถเรียกข้าว่าไม้ดำแข็งได้”


 


เห็นชัดว่านี่ไม่ใช่ชื่อจริงของอีกฝ่าย แต่ทว่า เขายังพูดถึงนามแฝงของหลินฮวงที่เขาเพิ่งใช้ไม่นาน


“สวัสดี”หลินฮวงพยักหน้าและทักทาย


“ข้าขอดูสภาพของสินค้าก่อนได้หรือไม่?”หลังแนะนำตัวเอง ไม้ดำแข็งก็เข้าเรื่อง


“ที่นี่?”หลินฮวงเลิกคิ้วและมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าแปลกๆ


ไม้ดำแข็งยิ้มและพยักหน้า”คนอื่นไม่อาจเห็นหรือได้ยินสิ่งที่เราคุยหรือทำกันหรอก”


 


หลังอีกฝ่ายพูด หลินฮวงถึงสังเกตว่าเขาไม่อาจสัมผัสถึงกลิ่นอายของสองทาสดาบได้


ทั้งคู่นั่งอยู่ข้างเขา ใกล้จนเขาสามารถเอื้อมไปแตะได้ แต่ทว่า พวกเขาดูเหมือนจะเป็นแค่ภาพลวงตาไป


เขาส่งการสื่อสารทางจิตให้ทั้งสอง แต่ไร้การตอบสนอง


 


“เจ้าทำอะไรกับพวกเขา?”หลินฮวงขมวดคิ้ว


“ข้าไม่ได้ทำอะไร ข้าแค่แยกมิติเวลา”ไม้ดำแข็งกล่าวเสริม”เราคือคนที่แยกออกมา พวกเขาไม่เป็นอะไร เราจะตกลงกันได้หรือยัง?”


ไม้ดำแข็งสามารถทำเช่นนี้โดยที่หลินฮวงไม่รู้ตัวได้


แต่ทว่า เมื่อเขาพบว่าอีกฝ่ายทรงพลังแค่ไหน เขาก็โล่งใจ


โดยไม่ลังเล เขานำฝักดาบออกมา


เมื่อเขาเห็นฝักไหม้เกรียมและแตกหัก สีหน้าของไม้ดำแข็งก็แสดงอารมณ์อื่นนอกจากรอยยิ้ม


เขาตกตะลึงและพูดไม่ออก


“มันกลับถูกทำลายถึงขั้นนี้…”เขากล่าวอย่างหมดหนทาง


 


แค่เห็นเขาก็ยืนยันได้ว่าวัตถุเป็นของแท้ แต่ระดับความเสียหายมากเกินกว่าที่เขาคาดไว้


“ข้าไม่อาจทำอะไรได้ มันเป็นเช่นนี้ตอนข้าได้รับมันมา”หลินฮวงยักไหล่


“แร็พเตอร์นั่นทำเกินไปจริงๆ..”ไม้ดำแข็งพึมพำ


“จะดูใกล้ๆไหม?”หลินฮวงส่งฝักดาบให้ไม้ดำแข็ง เขาไม่กังวลว่าอีกฝ่ายจะคว้าและเอามันหนีไป


 


ไม้ดำแข็งลังเลแต่ในที่สุดก็นำชิ้นส่วนวัตถุคาร์บอนที่แตกออกมาสองชิ้น


หลังตรวจสอบอย่างละเอียด เขาก็ถอนหายใจ”มันถูกทำลายจนสิ้นแล้ว มันเป็นได้แค่วัสดุ…”


เมื่อวางฝักดาบบนโต๊ะ ไม้ดำแข็งก็มองหลินฮวง


 


“ฝักดาบนี้ไม่อาจซ่อมได้แล้ว  แม้แต่จิตวิญญาณก็ยังแหลกลสลาย นอกจากการดูดซับมันเป็นวัสดุ ข้าไม่อาจคิดหาทางใช้มันได้อีก เจ้าจะขายยังไง?”

“งั้นผู้อาวุโสเต็มใจจ่ายด้วยอะไร?”หลินฮวงลังเลที่จะเสนอก่อนเพราะไม่รู้ราคาตลาดของนิ้วทองคำ


ไม้ดำแข็งคิด”เจ้าเป็นหน้าใหม่และข้าก็ไม่รู้สึกดีที่จะเอาเปรียบเจ้า ข้าจะยอมขาดทุนและแลกมันกับอาวุธเซียน”

“อาวุธเซียน?”หลินฮวงสับสน


ไม้ดำแข็งสังเกตเห็นความไม่แน่นอนของหลินฮวง


“อาวุธเซียนคือเครื่องมืดชนิดหนึ่งที่ครอบครองความสามารถในการพัฒนาพร้อมกับผู้ใช้มัน หากผู้ใช้คือผู้บ่มเพาะดาบ ผู้ใช้ก็จะสามารถจินตนาการให้มันเป็นดาบ เมื่อรูปแบบดาบมันโตเต็มที่และคงสภาพแล้ว มันจะสามารถสนับสนุนพลังของผู้ใช้ได้เต็มที่ เป็นเหมือนส่วนเสริมของร่างกายเจ้า คล้ายกระดูกที่เติบโตขึ้นภายในตัวเจ้าตั้งแต่เด็ก”

“นอกจากลักษณะทางชีวภาพนี้แล้ว อาวุธเซียนยังมีศักยภาพพัฒนา มันจะได้รับผลจากความเข้มพลังงานภายในตัวผู้ใช้ เมื่อความเข้มข้นพลังงานของผู้ใช้เพิ่มพลังของอาวุธเซียนจะเพิ่มขึ้น เจ้าสามารถเริ่มใช้มันได้จนถึงระดับจ้าวเทวะหรือนานกว่านั้น โดยไม่ต้องเปลี่ยนอาวุธ”


“ตามมูลค่ามันอย่างเดียว อาวุธเซียนไม่ได้ทรงพลังน้อยกว่าอาวุธเต๋าที่ใช้โดยจ้าวเทวะ”

“แล้วในแง่ของราคาละ?”


“เอ่อ..มันจะต้องใช้เวลาเพื่อเลี้ยงดู ดังนั้นในแง่ของราคา อาวุธเซียนจะถูกกว่าอาวุธเต๋า”ไม้ดำแข็งนิ่งไปชั่วขณะ แต่ก็ตอบตามตรง


“นอกจากอาวุธทั่วไป มันสามารถเปลี่ยนเป็นอะไรได้บ้าง?อาวุธเซียนสามารถใช้เป็นเกราะได้ไหม?แล้วอาวุธพลังจิตละ?”หลินฮวงถามอีกครั้ง


“เกราะและอาวุธพลังจิตนั้นเป็นไปได้ แต่หากเจ้าคิดถึงอุปกรณ์ที่มีโครงสร้างซับซ้อนเช่นยานรบหรือวัง งั้นมันก็เป็นไปไม่ดไ”

“ในเมื่อเป็นแบบนี้…สิบอาวุธเซียน”หลินฮวงบอกราคาที่ต้องการ


“นี่มันปล้นกันกลางวันแสกๆชัดๆ!เจ้าเองก็เป็นนักเดินทาง เจ้าควรรู้ว่าต่อให้ฝักดาบนี้ใช้เป็นวัสดุได้ มันก็เพิ่มพลังของนิ้วทองคำได้แค่เล็กน้อย”ไม้ดำแข็งปฏิเสธข้อเสนอหลินฮวง”สาม!”


“แปด!”หลินฮวงเจรจา


“ห้า นั่นคือราคาสูงสุดที่ข้าจะทนได้!”ไม้ดำแข็งกล่าว


“หก!”หลินฮวงเจรจาอีก


“ตกลง!”ไม้ดำแข็งกระแทกมือบนโต๊ะอย่างมีความสุข


“หือ?”หลินฮวงตกตะลึงไป”ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนข้ากำลังขาดทุน”

“หากข้าไม่สงสารเจ้าเพราะเจ้าเป็นหน้าใหม่ คงไม่มีการแลกหกอาวุธเซียนกับวัสดุเช่นนั้น”ไม้ดำแข็งกล่าวอย่างไร้ปราณี มันไม่แน่ใจว่าเขามีความสุขหรือกำลังหลั่งเลือดกันแน่


1378

“ก่อนการทำธุรกรรมอย่างเป็นทางการ ช่วยดูข้อมูลอาวุธเซียนนี้ก่อน หากเจ้าพบว่ามันยอมรับได้ เราจะแลกเปลี่ยนกัน หากเจ้ารับไม่ได้ ข้าจะดูว่ามีของอื่นที่เหมาะไหม”


ไม้ดำแข็งฉายข้อมูลที่เกี่ยวกับอาวุธเซียนซึ่งอธิบายข้อดีและข้อเสีย รวมถึงวิธีใช้งานและทักษะที่ต้องการเพื่อใช้พวกมัน


หลินฮวงใช้จิตเทวะเขาและสแกนผ่านข้อมูล เขาอ่านมันอย่างรวดเร็วและในที่สุดก็ได้ความเข้าใจทั่วไปเกี่ยวกับอาวุธเวียน


ตามทฤษฏี อย่างที่ไม้ดำแข็งบอกไว้ อาวุธเซียนสามารถพัฒนาเป็นอาวุธเต๋าหรือสูงกว่านั้นได้


แต่ทว่า ของชิ้นนี้ถือเป็นของมีตำหนิ หากมันได้รับการเลี้ยงดูภายใต้สถานการณ์ปกติ มันจะพัฒนาช้ามากแต่ทว่า มันมีคุณสมบัติที่สามารถชดเชยข้อบกพร่องนี้ได้ในระดับหนึ่ง


นี่คือลักษณะทางชีวภาพของมัน


ลักษณะทางชีวภาพของอาวุธเซียนจะช่วยให้มันพัฒนาพร้อมผู้ใช้มันราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายผู้ใช้ การเพิ่มในระดับพลังของผู้ใช้จะทำให้อาวุธเซียนเปลี่ยนไปด้วย


ดังนั้น เวลาที่ดีสุดในการเปิดใช้อาวุธเซียนคือตอนเป็นเทพเสมือน ก่อนหน้านี้จะไม่มีประโยชน์เพราะมีเพียงพลังเทวะถึงเปิดใช้งานมันได้


แต่ทว่า หากผู้ใช้เลื่อนเป็นระดับที่สูงกว่าเทพเสมือน งั้นอาวุธเซียนก็จะอยู่ในสภาพถูกจำกัดหลังใช้งาน เสียความสามารถในการเปลี่ยนแปลงไปพร้อมผู้ใช้ มันทำได้แค่รอรับการหล่อเลี้ยงช้าๆภายในตัวจนกระทั่งมันปรับเข้ากับผู้ใช้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นลักษณะทางชีวภาพมันถึงฟื้นคืน


ยิ่งระดับพลังสูง มันยิ่งต้องใช้เวลาหล่อเลี้ยงนาน นั่นทำให้ของประเภทนี้ไร้ประโยชน์ต่อยอดฝีมือระดับเทพสวรรค์หรือจ้าวเทวะ


สำหรับข้อดีสองอย่างของอาวุธเซียนคือศักยภาพการพัฒนามันและความสามารถเก็บพลังงานภายในตัวโดยไม่สูญเสีย คนส่วนใหญ่จะไม่สนใจพวกมันหลังเห็นระยะเวลาเลี้ยงดู


อีกเหตุผลว่าทำไมหลายคนถึงไม่สนใจอาวุธเซียนก็เพราะการพัฒนาของอาวุธเซียนนั้นขึ้นอยู่กับการพัฒนาของผู้ใช้เต็มๆ


หากผู้ใช้ไม่อาจยกระดับเป็นจ้าวเทวะ งั้นอาวุธเซียนภายในตัวพวกเขาก็จะเป็นได้แค่สมบัติเทพสวรรค์ หากผู้ใช้ไม่อาจเลื่อนเป็นเทพสวรค์ได้ งั้นอาวุธเซียนก็จะเป็นได้แค่สมบัติกฏเทพ


แม้ราคาตลาดสำหรับอาวุธเซียนจะไม่สูงเท่าอาวุธเต๋าที่ใช้กันโดยจ้าวเทวะ มันก็ยังเทียบได้กับสมบัติเทพสวรรค์ที่มีราคาแพงสุด


มีคนไม่มากที่สามารถใช้จ่ายเงินเช่นนี้ได้ และต่อให้สามารถ พวกเขาก็ยังต้องชั่งน้ำหนักว่าคุ้มค่าหรือไม่


นอกจากนั้น ลักษณะชีวภาพของอาวุธเซียนยังมีข้อบกพร่องเล็กๆ การผูกมัด


เมื่ออาวุธเซียนถูกกระตุ้น มีเพียงเจ้าของถึงใช้มันได้ มันไม่อาจแลกเปลี่ยนหรือสืบทอดกันได้


ต่อให้อยากขายมันเป็นทรัพยากร มันก็ไม่อาจกระทำได้


อาวุธเซียนจะไม่ยอมรับใครนอกจากเจ้าของ ยิ่งไปกว่านั้น มันสามารถถูกเรียกกลับโดยเจ้าของได้ทุกเมื่อ ทุกที่ ต่อให้เจ้าของจะไม่เรียกมัน ขอแค่ห่างกันระยะหนึ่ง อาวุธเซียนก็จะกลับเข้าตัวเจ้าของมันเอง


โดยสรุป หากมีคนใช้เงินเพื่อซื้ออาวุธเซียน มันก็เทียบเท่ากับการสาดน้ำทิ้ง เงินที่ใช้ไปจะไม่มีวันกลับมา


ต่อให้เจ้าของอยากส่งมอบอาวุธให้ทายาทตนหลังตาย นั่นก็เป็นไปไม่ได้ อาวุธเซียนนั้นจะตายไปพร้อมเจ้าของมัน



หลังอ่านผ่านข้อดีข้อเสีย หลินฮวงก็ก้มหัวและคิดอยู่ห้าวินาทีก่อนตัดสินใจ”ตกลง!”


ในมุมมองเขา ข้อเสียของอาวุธเซียนไม่มีผลต่อเขา


เขามั่นใจมากว่าในฐานะคนที่ครอบครองนิ้วทองคำ มันเป็นแค่เรื่องของเวลาก่อนเขาจะบรรลุระดับจ้าวเทวะ


ดังนั้น นี่จึงเทียบเท่ากับการซื้ออาวุธเต๋าหลายชิ้นล่วงหน้า


ยิ่งไปกว่านั้น เขาสามารถใช้อาวุธเซียนได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้เวลามากเพื่อหล่อเลี้ยงมัน ระดับพลังเขายังไม่ถึงเทพเสมือน แต่เขามีพลังเทวะภายในตัวเขาและสามารถเปิดใช้งานอาวุธเซียนได้ตลอดเวลา


สำหรับการผูกมัด หลินฮวงไม่มีเจตนาจะขายของแบบนี้อยู่แล้ว เขาแค่เสียใจเล็กน้อยที่มันไม่อาจสืบทอดได้


 


“หากมันเป็นคนอื่น มันคงยากจะพูด แต่การทำธุรกรรมนี้เป็นประโยชน์ต่อเจ้าแน่”ไม้ดำแข็งหัวเราะ”เจ้าสามารถใช้พวกมันได้ทันทีหลังนำมันกลับบ้าน เจ้าไม่ต้องใช้เวลาหล่อเลี้ยงพวกมันเลย แค่ปล่อยให้อาวุธเซียนติดตามเจ้าไปเรื่อยๆ”

“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าได้รับมรดกจอมเทพ ซึ่งมากพอจะแสดงว่าเจ้ามีคุณสมบัติจะเป็นจ้าวเทวะ จากนั้นอาวุธเซียนทั้งหกจะต้องกลายเป็นอาวุธเต๋าและจะมีค่าไม่น้อยไปกว่านิ้วทองคำ”


“ผู้อาวุโส ท่านมองข้าสูงเกินไป ตอนนี้ข้าแค่อยากเลื่อนเป็นเทพเสมือนให้เร็วที่สุด”หลินฮวงยิ้มอย่างสุภาพ


 


การถูกชมโดยผู้อาวุโสที่น่าจะเป็นจ้าวเทวะทำให้หลินฮวงมีความสุขมาก แม้เขาจะยังรู้ว่าคำชมจากอีกฝ่ายเป็นเพราะความต้องการในการค้าขายก็ตาม


ทั้งสองคุยกันเล็กน้อยและในที่สุดไม้ดำแข็งก็นำอาวุธเซียนทั้งหกออกมา


อาวุธเซียนที่ยังไม่ถูกกระตุ้นดูเหมือนทรงกลมโลหะเหลวสีเงินที่มีขนาดใหญ่พอๆกับนิ้วหัวแม่มือ


บอลเหล็กทั้งหกลอยเหนือฝ่ามือไม้ดำแข็ง เหมือนกับหยดน้ำสีเงินหกหยด พวกมันหมุนเงียบๆโดยไม่แทรกแซงกัน


หลินฮวงไม่เสียเวลาอีกและส่งเศษไม้เกรียมของฝักดาบให้ไม้ดำแข็ง


ไม้ดำแข้งดีดนิ้วและบอลเหล็กทั้งหกก็เรียงกันเป็นระเบียบ ค่อยๆลอยไปตรงหน้าหลินฮวง พวกมันก่อตัวเป็นวงกลมและเริ่มหมุนรอบๆ ใช้จุดศูนย์กลางของวงกลมเป็นแกน


เมื่อหลินฮวงเอื้อมมือไปเพื่อรับบอลเหล็กทั้งหก ชิ้นส่วนแตกหักทั้งสองส่วนของฝักดาบก็ลอยไปในมือของไม้ดำแข็งเอง เขาไม่ตรวจสอบพวกมันอีกแต่เก็บไป


หลินฮวงตรวจสอบอาวุธเซียนในมือเขาและยืนยันว่าไม่มีอะไรผิดก่อนเก็บ ไม้ดำแข็งรออย่างใจเย็นและไม่พูดอไร


หลังการแลกเปลี่ยนสำเร็จ ทั้งคู่ก็คุยกันสักพัก


ไม้ดำแข็งเริ่มถามถึงข้อมูลการติดต่อของหลินฮวง


 


“ทิ้งไว้เพื่อให้ข้าติดต่อเจ้า เจ้าสามารถติดต่อข้าได้ในอนาคตหากเจ้ามีนิ้วทองคำใดที่ไม่ต้องการ นอกจากนี้ หากเจ้าพบปัญหา ข้าสามารถช่วยเจ้าได้หากข้ามีเวลา มันไม่ฟรีหรอกนะเจ้าจะต้องจ่าย”


หลินฮวงไม่ปฏิเสธ นั่นไม่ใช่เรื่องแ


หลังแลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อ ไม้ดำแข็งก็ไม่อ้อยอิ่งและหายไปทันทีหลังกล่าวลา


เมื่อเขาหายไป หลินฮวงก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสองทาสดาบ และรีบหันไปมอง


 


“ท่านจอมดาบ เกิดอะไรขึ้น?หน้าข้ามีอะไรติดหรือ?”ดาบ302ถาม


“หลังชายในชุดสูทมาถึง พวกเจ้าไม่พบอะไรผิดปกติเลยหรือ?”หลินฮวงถาม


“ชายในชุดสูทอะไร?”ดาบ302ดูสับสน


ข้างๆนาง ดาบ301เองก็สับสน


“เมื่อครู่ชายในชุดสูทดำได้มาที่นี่..”ก่อนหลินฮวงจะพูดจบ เขาก็พลันนึกถึงบางสิ่งและรีบดำไปในมิติเก็บของเขาเพื่อตรวจสอบ


หลังจากนั้น เขาก็ถอนหายใจโล่งอก


บอลเงินทั้งหกลอยเงียบๆภายในมิติเก็บของ


โชคดี อาวุธเซียนไม่ใช่ของปลอม..


 


“ชายในชุดสูทดำ?ข้าไม่เห็นเขาเลย”ดาบ301ส่ายหัว


“ช่างเถอะ”หลินฮวงโบกมือ ความทรงจำของสองทาสดาบดูเหมือนจะถูกลบ


เขาเหลือบมองเวลา เตรียมลุกและออกไป แต่ก็ตกตะลึงหลังเห็นเวลา


“9โมงตรง?!”


เขาจำได้ชัดเจนว่าเขาคุยกับไม้ดำแข็งอย่างน้อย20นาที แต่มันยังเป็น9โมง เวลาเดียวกันที่เขาพบไม้ดำแข็ง


ต้องบอกว่า ในช่วงเวลายี่สิบกว่านาทีระหว่างทั้งคู่ ไม่มีกระแสเวลาในโลกภายนอก


 


“มันเป็นผลของการแยกมิติเวลางั้นหรอ..”หลินฮวงพลันจำคำพูดของไม้ดำแข็งได้”มันแค่การแยกมิติเวลา..เราคือคนที่ถูกแยก”

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่เพียงสองทาสดาบจะจำการมาของไม้ดำแข็งไม่ได้ พวกเขายังไม่รู้ว่าหลินฮวงหายไป20กว่านาที


1379

หลินฮวงได้คิดแล้วว่าเขาจะจัดสรรอาวุธเซียนทั้งหกยังไง


หนึ่งต้องหลอมเป็นดาบ หนึ่งเป็นชุดเกราะและหนึ่งเป็นชุดอาวุธพลังจิต


อีกสามเขาจะให้หลินซิน


สำหรับเรื่องที่ว่าหลินซินจะหล่อเลี้ยงอาวุธเซียนได้ไกลแค่ไหน เขาไม่หวังมาก ต่อให้พวกมันจะบ่มเพาะได้แค่ระดับสมบัติกฏเทพ เขาก็ไม่เสียใจอะไร ตราบเท่าที่อาวุธทั้งสามเขาเป็นอาวุธเต๋า เขาก็ถือว่าได้กำไรแล้ว


ในห้อง หลินฮวงนำบอลเหล็กอาวุธเซียนทั้งสามออกมาและวางพวกมันตรงหน้าเขา


การเปิดใช้งานมันง่ายมาก ผู้ใช้แค่ต้องผสานมันด้วยพลังเทวะจำนวนหนึ่งและอาวุธจะเข้าสู่ภาวะกึ่งตื่น จากนั้นมันก็จะแนบติดกับแหล่งของพลังเทวะด้วยตัวมันเองและเริ่มดูดซับพลังเทวะภายในตัวเจ้าของ


กระบวนการนี้มักกินเวลาสองหรือสามวัน


หลังอาวุธเซียนดูดซับพลังเทวะจนถึงจุดหนึ่ง ผู้ใช้ถึงเริ่มหลอมอาวุธเซียนได้


มันต้องใช้จิตเพื่อสื่อสารกับอาวุธเซียน หลอมมันเป็นรูปแบบที่ต้องการ ซึ่งง่ายกว่าอาวุธทั่วไปมาก


การตีอาวุธต้องใช้งานฝีมือ การหลอมอาวุธเซียนแค่ต้องใช้การสื่อสารทางจิตเพื่อเปลี่ยนมันเป็นรูปแบบที่ผู้ใช้ต้องการ


หลังหลอมสำเร็จ อาวุธเซียนจึงกลายเป็นวัตถุจับต้องได้จริงๆ


เมื่ออาวุธเซียนมีตัวตนจริง ขั้นสุดท้ายคือสร้างการเชื่อมต่อระหว่างตัวมันและเจ้าของ


เจ้าของต้องให้การเข้าถึงกับอาวุธเซียนจนถึงจุดที่เจ้าของและอาวุธเซียนสามารถเชื่อมโยงกันในความสามารถเทวะ ทักษะเทวะ และทักษะอื่น


ตัวอย่างเช่น หลังผู้บ่มเพาะดาบได้รับอาวุธเซียนในรูปแบบของดาบ พวกเขาจะเชื่อมโยงอาวุธเซียนพวกเขาด้วยเต๋าดาบพวกเขารวมถึงทักษะดาบต่างๆพร้อมกับพลังกฏเทพที่เกี่ยวกับทักษะที่ว่าและการตรัสรู้ธาตุอื่นๆ


หลินฮวงชัดเจนดี วัตถุแรกที่เขากำลังจะก่อรูปคือดาบ


เขานำอาวุธเซียนออกมาและวางมันในฝ่ามือ เริ่มผสานพลังเทวะลงไป


พลังเทวะสีแดงเข้มไหลลงบอลเหล็กเงินอย่างต่อเนื่อง เชื่อมกับบอลด้วยเส้นพลังนับแสน


กระบวนการนี้กินเวลาไม่ถึงสามนาทีและบอลเหล็กเงินก้ค่อยๆกลายเป็นสีแดงเข้มเหมือนพลังเทวะภายในตัวหลินฮวง


วินาทีที่สีของบอลเห็กเป็นสีเหมือนกับพลังเทวะของหลินฮวง อาวุธเซียนก็ยกตัวขึ้นจากฝ่ามือหลินฮวง เปลี่ยนเป็นลำแสงสีแดงเข้ม และไหลไปในหน้าอกของหลินฮวง


หลินฮวงพลันส่งจิตสำนึกเข้าร่างเขา เขาอยากดูว่าเกิดอะไรขึ้นในกระบวนการนี้


หลังลำแสงสีแดงเข้มเข้าตัวหลินฮวง มันก็ตรงไปวังชีวิตของโลกภายในตัวเขา


หลังมันบินรอบวัง มันก็ชนกับหนึ่งในกงล้อชีวิต


หลินฮวงรอสักพักและตระหนักว่ากลิ่นอายของอาวุธเซียนอ่อนแรงลงจนกระทั่งมันเงียบสนิท


กระบวนการทั้งหมดกินเวลาแค่สิบวินาที


 


“เกิดอะไรขึ้น?ทำไมมันถึงหยุดนิ่ง?ไม่ใช่ว่ามันควรดูดซับพลังเทวะอย่างบ้าคลั่งหรือ?”

สถานการณ์ที่เกิดภายในตัวหลินฮวงชัดเจนว่าแตกต่างจากสิ่งที่อธิบายไว้


หากมันไม่ใช่ความจริงที่เขาสามารถสัมผัสได้ว่าอาวุธเซียนยังอยู่ หลินฮวงคงสงสัยว่าพลังเทวะและกงล้อชีวิตเขาเผามันไปแล้ว


หลังรอสักพักและยืนยันว่าอาวุธเซียนหยุดทำงานไป หลินฮวงก็ไม่มีทางเลือกนอกจากถอนจิตสำนึกเขาออกมา


“เกิดอะไรขึ้น?ข้าทำอะไรผิด?”

ด้วยความไม่มั่นใจ หลินฮวงจึงหยิบบอลเหล็กที่สองขึ้นมา


เขาลองมันอีกครั้ง


ครั้งนี้ เขาระวังกว่าเดิม


เขาผสานพลังเทวะอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้น บอลเหล็กก็เปลี่ยนเป็นลำแสงสีแดงเข้มและตรงเข้าโลกภายในตัวเขาไป


จากนั้น…มันก็เลือกกงล้อชีวิตและฝังลงในนั้น


ไม่นาน มันก็เหมือนกับก่อนหน้า การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดชะงัก


หลินฮวงพูดไม่ออก


 


“ไม้ดำแข็งขายของปลอมให้ข้า?!”

เขาเริ่มสงสัยว่าอาจมีปัญหากับอาวุธเซียนที่ไม้ดำแข็งขายให้เขา


เขาตัดสินใจลองครั้งสุดท้าย


หลังยืนยันอีกครั้งว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดในสองครั้งก่อน หลินฮวงจึงหยิบอันที่สามขึ้นมา


เขาทำซ้ำเหมือนเดิม


หลังจากนั้น เขาก็ยังได้ผลลัพธ์เดิม


บอลเหล็กอันที่สามเข้าไปในกงล้อชีวิตที่สาม


หลังเขาล้มเหลวการกระตุ้นอาวุธเซียนสามครั้งติด หลินฮวงก็อดส่งข้อความหาไม้ดำแข็งไม่ได้


 


“ผู้อาวุโส ข้าเพิ่งลองใช้อาวุธเซียน ข้าพยายามสามครั้งแต่ก็ล้มเหลว”

ทันทีที่เขาส่งข้อความ ไม้ดำแข็งก็ร้องขอวิดิโอคอล


หลังเชื่อมต่อสาย ไม้ดำแข็งก็กล่าวทันที”พูดตามตรรกะ ด้วยระดับพลังปัจจุบันเจ้า มันเป็นไปไม่ได้ที่อาวุธเซียนจะไม่ทำงาน บอกข้าเกี่ยวกับกระบวนการหน่อย”

“ข้าผสานพลังเทวะลงในอาวุธเซียนและประมาณสามนาที มันก็เข้าไปในตัวข้า หลังจากนั้น…”หลินฮวงอธิบายรายละเอียดทั้งหมด


“ไม่มีปัญหาอะไรในช่วงแรก มันเป็นปกติที่อาวุธเซียนจะเข้ากงล้อชีวิต เหนือสิ่งอื่นผ กงล้อชีวิตเจ้าคือแหล่งของพลังเทวะภายในตัว แต่ตามสิ่งที่เจ้าอธิบาย สภาวะของอาวุธเซียนหลังเกงล้อชีวิตกลับอยู่ในสภาวะจำกัด”


“ความเงียบสงบนี้หมายความว่ามันอยู่ในสภาวะจำกัด?”เมื่อได้ยิน หลินฮวงก็พลันตระหนัก


“ข้อมูลบอกว่าหากระดับพลังของเจ้าของเป็นเทพแท้จริงหรือเหนือกว่านั้น อาวุธเซียนจะถูกจำกัด หากมีไฟเทวะภายในตัว นั่นหมายความว่าการกระตุ้นจะไม่ได้ผลด้วยหรือ?”

“แน่นอนว่าไม่ได้ผล หากมีไฟเทวะในตัวเจ้า งั้นพลังเทวะในตัวเจ้าก็จะถูกกรองโดยไฟเทวะ มันแตกต่างจากพลังเทวะของเทพเสมือน”

“นี่มีอยู่ในข้อมูลเพราะเมื่อคนธรรมดาจุดไฟเทวะ ระดับพลังพวกเขาจะเลื่อนเป็นเทพแท้จริง คนที่เขียนเนื้อหาอาจไม่คิดถึงสถานการณ์ที่มีคนจุดไฟเทวะแต่ยังไม่เลื่อนเป็นเทพแท้จริง”

“พูดให้เข้าใจง่าย อาวุธเซียนจะไม่สามารถตรวจจับระดับพลังของผู้ใช้ได้ มันสัมผัสสิ่งนี้ผ่านความก้าวหน้าของพลังงานภายในร่างกายผู้ใช้”


“ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นขั้น1หรือ9 ตราบเท่าที่ไม่มีไฟเทวะภายในตัว พลังเทวะของเทพเสมือนจะไม่ถูกกรองและเปลี่ยนโดยไฟเทวะ มันจัดว่าเป็นพลังเทวะพื้นฐานสุด รูปแบบดั้งเดิมของอาวุธเซียนจึงสามารถดูดซับพลังเทวะพื้นฐานแบบนี้ได้ตรงๆ หากเราจัดประเภทตามอันดับพลังเทวะ พลังเทวะพื้นฐานนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อพลังเทวะแรกเริ่ม”


“แต่ทว่า หลังถูกกรองด้วยไฟเทวะภายในตัวของเทพแท้จริง พลังเทวะจะผ่านการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน  ตามการจัดอันดับพลังเทวะ มันถูกจัดให้เป็นพลังเทวะขั้นกลาง แม้เจ้าจะไม่ใช่เทพแท้จริง เจ้าก็มีไฟเทวะในตัวซึ่งกรองพลังเทวะเจ้า นี่หมายความว่าพลังเทวะเจ้าเป็นพลังเทวะขั้นกลาง”


“พลังเทวะขั้นกลางและเหนือกว่านั้นไม่ใช่สิ่งที่อาวุธเซียนจะดูดซับได้ตรงๆ”


“งั้นข้าก็ทำได้แค่หล่อเลี้ยงพวกมันและรอให้พวกมันปรับเข้ากับพลังเทวะภายในตัวข้าหรือ?”หลินฮวงดูหมดหนทาง เขาไม่คิดว่าเขาจะทำผิดพลาดเช่นนี้ เดิมเขามีความสุขมาก คิดว่าเขาจะเปิดใช้งานอาวุธเซียนได้ตรงๆ


“ไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ…”ไม้ดำแข็งส่ายหัวหลังได้ยิน”แต่ทว่า เจ้าสามารถถามสโมสรได้–บางทีอาจมีนิ้วทองคำของบางคนที่มีความสามารถในการช่วยยกระดับอาวุธเซียน จากนั้นเจ้าจะสามารถทำให้อาวุธเซียนเจ้าเลื่อนเป็นขั้นสองได้ หากเจ้าสามารถหาคนที่มีความสามารถนี้ได้ ข้าก็สามารถมาช่วยเจ้าเจรจาราคาได้ เหนือสิ่งอื่นใด ข้ายังมีความรับผิดชอบในเรื่องนี้บ้าง”


คำแนะนำที่ไม้ดำแข็งให้ทำให้ดวงตาหลินฮวงสว่างวาบ


บัตรเลื่อนขั้นสิ่งของสามารถแก้ไขปัญหาเขาได้


“ข้าจะชดเชยเจ้าด้วยอาวุธเซียนอื่น แม้มันจะไม่ได้ตั้งใจ ข้าก็ยังโกงเจ้าทางอ้อม แต่ข้ามีแค่อันสุดท้ายแล้ว ข้าไม่มีอีก”หลังเงียบไป ไม้ดำแข็งก็เริ่มเสนอค่าชดเชยให้หลินฮวง


หลินฮวงตกตะลึงไปเมื่อได้ยิน จากนั้นก็รีบพยักหน้า”ผู้อาวุโส ท่านเป็นคนดีมาก!”


1380

หลังจบสายกับไม้ดำแข็งและยืนยันว่าไม่มีปัญหาใดกับอาวุธเซียนแต่เป็นตัวเขาเอง หลินฮวงก็ส่งจิตสำนึกเขาเข้าโลกภายในตัวอีกครั้ง

เขาส่งด้านพลังจิตไปในกงล้อชีวิตและดึงบอลเหล็กอาวุธเซียนออกมา เขาตระหนักว่าแม้มันจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม มันก็เสียความมีชีวิตทั้งหมดก่อนหน้าไปและตกอยู่ในภาวะเฉื่อย


“ไม่มีทางที่อาวุธเซียนแรกเริ่มจะสามารถดูดซับพลังเทวะขั้นกลางของเทพแท้จริงได้ หากข้าเลื่อนเจ้าเป็นขั้น2นั่นควรได้ผล”หลินฮวงพึมพำกับตัวเองขณะจับบอลเหล็กสีแดงเข้มไว้ระหว่างสองนิ้ว

“เสี่ยวเฮย แลกการ์ดเลื่อนขั้นสิ่งของ!”

หลินฮวงไม่ลังเลเลย”มาลองดูกันก่อน”


ทันทีที่พูดจบ บัตรสีทองก็ปรากฏในมือเขา

หลังหลินฮวงขยี้การ์ด การ์ดเลื่อนขั้นสิ่งของก็เปลี่ยนเป็นลำแสงสีทองที่ไหลไปในอาวุธเซียนขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ

หลังจากนั้น บอลเหล็กสีแดงเข้มก็พลันสว่างขึ้นราวกับมันร้อนขึ้น และเริ่มเปล่งแสงสีแดงเจิดจ้า

กลิ่นอายมัน ซึ่งแห้งเฉาจนเกือบตายไปแล้วเริ่มพุ่งสูงด้วยอัตราที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

เวลาผ่านพ้น หลินฮวงจ้องการเปลี่ยนแปลงตาไม่กระพริบ

ตอนแรก บอลเปลี่ยนจากสีแดงเข้มเป็นแดงสด สีมันกลายเป็นสว่างขึ้นจนสุดท้าย มันก็เกือบเหมือนดวงอาทิตย์ดวงน้อยและยากจะมองตรงๆ

กระบวนการทั้งหมดกินเวลาประมาณสามชั่วโมงและสีดวงอาทิตย์ดวงน้อยก็เริ่มหม่น

มันใช้เวลาประมาณสิบนาทีก่อนแสงสีแดงจะค่อยๆกระจาย เยให้เห็นรูปแบบของอาวุธเซียน

อาวุธเซียน ที่ตอนนี้เลื่อนเป็นขั้นสองไม่อยู่ในรูปแบบทรงกลมอีก มันดูเหมือนเมฆสีแดงเข้ม

พูดให้ถูก มันเหมือนเมฆมีชีวิต

มันอยู่ในความว่างเปล่า รูปทรงมันเปลี่ยนสุ่มๆเหมือนหมอกหนา

หลินฮวงใช้จิตสำนึกเขาสัมผัสมันและพบว่ารูปทรงมันเบาบางมาก ไม่มีอุปสรรคเลยราวกับวัตถุเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ามือเขา

ด้วยการควบคุมเมฆ เขาเปลี่ยนมันเป็นหลายรูปแบบ หลังทำความคุ้นเคย หลินฮวงก็เริ่มขั้นตอนการควบคุมและปั้นเมฆให้เป็นรูปทรงที่เขาต้องการ


“ดาบที่ข้าต้องการจะต้องสามารถใช้ประเภทความเร็ว พลังและเต๋าสูงสุดได้พร้อมกัน ดังนั้นรูปแบบต้องเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวมันเอง นอกจากนี้ มันต้องสามารถแบกรับพลังจากแก่นแท้เต๋าดาบ พลังกฏเทพประเภทต่างๆและการตรัสรู้ธาตุ…”

ทีละอย่าง ข้อกำหนดของพิมพ์เขียวถูกเพิ่มขึ้น เมฆสีแดงเข้มขยายตัวภายใต้ความปั่นป่วน มันใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงก่อนเมฆจะหยุดการก่อตัว ในที่สุดก็กลายเป็นวัตถุที่จับต้องได้

หลินฮวงรู้สึกงงงวยเมื่อเห็นผลลัพธ์สุดท้าย

วัตถุตรงหน้าเขาเป็นแค่ด้ามดาบสีแดงเข้ม

ไม่มีใบดาบให้เห็น!


“เกิดอะไรขึ้น?ข้าขอมากไปและทำให้การก่อตัวล้มเหลว?”

ด้วยความสงสัย หลินฮวงเอื้อมมือไปจับด้ามดาบ

ท่ามกลางความไม่มั่นใจ ด้ามดาบเริ่มขยายตัว สร้างเป็นใบดาบแคบสีเงิน


“นี่คือ…”หลินฮวงทำการสะบัดอาวุธสุ่มๆ คลื่นดาบจางๆระเบิดออกมาด้วยความเร็วสูง

เมื่อสังเกตเห็น เขาก็พบความผิดปกติ

วินาทีต่อมา ใบดาบก็พลันเปลี่ยนไปอีกครั้ง ครั้งนี้ เปลี่ยนเป็นดาบเล่มใหญ่

หลินฮวงทำการสะบัดดาบอีกครั้ง หลินฮวงรู้สึกว่าพลังของคลื่นดาบเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย


“เป็นแบบนี้นี่เอง!”ในที่สุดหลินฮวงก็เข้าใจวิธีใช้อาวุธนี้”มันไม่ใช่ว่าไร้ใบดาบ แต่มันคือใบดาบที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจข้า”

“ข้าแค่ต้องวาดร่างคร่าวๆในใจ จากนั้นมันจะเปลี่ยนไปตามความคิดข้าและสร้างใบดาบที่เหมาะสมกับวิถีของพลังงาน”


หลินฮวงไม่คิดว่าอาวุธเซียนจะกลายเป็นแบบนี้

เดิมเขาคิดว่าการเปลี่ยนได้สองหรือสามรูปแบบก็มากพอแล้ว แต่มันกลับทำให้เขาประหลาดใจได้มากกว่านั้น

หลังเล่นกับดาบใหม่สักพัก เขาก็พยักหน้าพอใจ


“ทุกครั้งที่ใบดาบสร้างขึ้น มันดูเหมือนเมฆปั่นป่วน งั้นข้าจะตั้งชื่อเจ้าว่าเนบิวล่า”

หลังเขาตั้งชื่ออาวุธเซียนชิ้นนี้ หลินฮวงก็คิดสักพัก จากนั้นก็เปลี่ยนมันเป็นดาบที่พบเห็นได้ทั่วไป


“ในอนาคต ข้าจะเก็บมันไว้ในรูปแบบดั้งเดิมนี้ ไม่ต้องให้คนอื่นรู้ว่าข้ามีดาบที่สามารถเปลี่ยนรูปบบได้ ยังไงก็ตาม ต่อให้จะเปลี่ยนรูปแบบในการต่อสู้ คนอื่นก็จะเห็นเพียงสองหรือสามแบบเท่านั้น”

หลังส่งดาบกลับกงล้อชีวิต หลินฮวงก็ดึงบอลเหล็กอาวุธเซียนอีกสองออกมา

หลังพิจารณาสักพัก เขาก็นำอันหนึ่งออกมา

“อาวุธเซียนที่ไม้ดำแข็งให้ข้าเป็นค่าชดเชยควรมาถึงในสองวัน หากข้าเอาสามอันให้หลินซิน ข้าสามารถใช้อีกอันเพื่อสร้างอุปกรณ์วิญญาณได้…”


หลังผสานพลังเทวะลงในอาวุธเซียนที่เขานำออกมา อาวุธเซียนชิ้นสี่ก็ตกอยู่ในภาวะเฉื่อยเหมือนสามอันก่อนหน้า

หลินฮวงขยี้การ์ดเลื่อนขั้นสามใบและลำแสงสีทองสามสายก็ไหลไปในบอลเหล็กสามอันตรงหน้าเขา

กว่าสามชั่วโมงผ่านไป อาวุธเซียนทั้งสามเลื่อนขั้นเสร็จเกือบพร้อมกัน

หลินฮวงแบ่งจิตสำนึกเขาเป็นสามส่วน ถืออาวุธเซียนไว้และเริ่มการปั้นรอบใหม่

สำหรับชุดเกราะ หลินฮวงต้องการการป้องกันกายภาพ แต่ยังเสริมการป้องกันวิญญาณไปด้วย

สำหรับอาวุธพลังจิต ข้อกำหนดของหลินฮวงหลากหลายเพราะจำนวนด้ายพลังจิตเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เขายังมีข้อกำหนดเฉพาะสำหรับการผสานอาวุธพลังจิตต่างๆ

ยังมีอาวุธวิญญาณ ความคิดของหลินฮวงคือสร้างมันเป็นของที่มีคุณสมบัติหลากหลายซึ่งเพิ่มพลังวิญญาณ ครอบครองการป้องกันวิญญาณและสามารถอำพรางกลิ่นอายวิญญาณ…

เกราะใช้เวลาไม่ถึง20นาทีเพื่อสร้างและก็เป็นอันแรกที่สร้างเสร็๗

หลังจากนั้น มันก็ใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมงสำหรับอาวุธวิญญาณ

อาวุธพลังจิตใช้เวลานานสุด หลินฮวงต้องใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงเพื่อขึ้นรูปมัน

เมื่อถึงเวลาที่อาวุธเซียนอันสุดท้ายสร้างเสร็จ ด้านนอกก็มืดแล้ว

หลังจ้องอาวุธเซียนเกือบทั้งวัน หลินฮวงก็รู้สึกเหนื่อยล้ามาก


“อย่างน้อยมันก็เสร็จหมดแล้ว!”

แม้เขาจะเหนื่อยาก เขาก็มีความสุขมาก

อาวุธเซียนทั้งสี่ไม่เพียงจะทำงานหมด แต่ยังเลื่อนเป็นขั้นสอง

อาวุธเซียนขั้นสองไม่เพียงจะสามารถดูดซับพลังเทวะขั้นกลางได้ มันยังสามารถพกพาได้ภายในและใช้ประโญชน์จากพลังกฏเทพ พลังตรัสรู้และแก่นแท้เต๋าดาบ มันถือเป็นอาวุธกฏเทพแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นอาวุธกฏเทพที่สร้างขึ้นเพื่อเขา!


“ชุดอุปกรณ์พร้อมแล้ว ข้าสามารถนำอาวุธเซียนเหล่านี้ติดตัวไปฝึกได้เมื่อข้าออกล่าแก่นเทวะ!”หลินฮวงอดรอที่จะใช้อาวุธเซียนเขาไม่ได้ แต่ทว่า ทันทีที่เขาแหงนมอง เขาก็เห็นว่าท้องฟ้านอกหน้าต่างมืดสนิทแล้ว เขาเหลือบมองเวลา มันเป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว

เมื่อได้ยินเสียงท้องร้อง หลินฮวงก็พับเก็บแผนทดสอบอาวุธไปและเรียกสองทาสดาบ

“ฉู่ห่าว หลานเซี่ย มา!ไปหาของกินกัน!”


1381

เขตปกครองน้ำแข็งฟ้าคือเขตปกครองชั้น4(แก้จากเมืองเป็นเขตปกครอง และใช้ชั้นแทนเกรด)


ผู้พิทักษ์ที่นี่เป็นมังกรน้ำแข็งสาวที่มีพลังระดับเทพแท้จริงขั้น9มาหลายปี


แม้ดาวเยือกแข็ง เมืองหลวงของเขตปกครองจะถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งตลอดปี แต่ก็มีความเจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองทั่วไปอื่นๆ


ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากการที่เมืองนั้นตั้งอยู่ใกล้กับสนามรบโบราณ อาณาเขตเยือกแข็ง


ในความเป็นจริง ดาวส่วนใหญ่ภายในเขตอำนาจของเขตปกครองน้ำแข็งฟ้าก็ล้วนปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะ ซึ่งเป็นผลมาจากกลิ่นอายหนาวเย็นที่ปล่อยจากสนามรบโบราณนี้


แม้ดาวเยือกแข็งจะประสบกับฤดูหนาวตลอดปี ตลาดใหญ่สุดบนดาวก็คึกคักเกือบทุกวัน


หิมะโปรยปรายลงมาจากฟ้า ตลาดได้รับการตกแต่ง คนเดินถนนสวมชุดหนาเดินเบียดไหล่กัน และมีเสียงร้องขายของจากร้านค้าข้างทางไม่หยุด


เมื่อเห็นฉากมีชีวิตชีวาตรงหน้า หลินฮวงก็รู้สึกเหมือนเขาได้กลับเมืองหิมะในโลกกรวด


 


“ข้าสงสัยว่าซินเอ๋อร์จะเป็นยังไงบ้าง..”เขาอดพึมพำไม่ได้”และเสี่ยวซวนด้วย…”

หลินฮวงเดินผ่านถนนของตลาดพร้อมสองทาสดาบ ทั้งสามยังทำเหมือนชาวบ้านและสวมชุดหนา ไม่ใช่เพราะพวกเขาหนาว แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นจุดสนใจ


เพราะพลเมืองจำนวนมากในเขตปกครองน้ำแข็งฟ้าไม่ใช่ผู้บ่มเพาะ พวกเขาจึงต้องสวมชุดหนาเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นในสภาพหนาวเย็นเช่นนี้


แม้ผู้บ่มเพาะจะไม่กลัวความหนาวเย็น หากพวกเขาไม่สวมเสื้อผ้าหนา พวกเขาก็จะดึงความสนใจของผู้คนได้ง่ายๆ ดังนั้นผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่จึงแต่งตัวเหมือนคนท้องถิ่น


แน่นอน ยังมีผู้บ่มเพาะบางคนที่ไม่สนใจว่าพวกเขาจะเป็นที่จับตาและยังเลือกสวมใส่เสื้อผ้าบางๆ


หลินฮวงกวาดตามองรอบๆตลาดและสังเกตเห็นคนสามคนในเสื้อผ้าตัวบาง หนึ่งในนั้นคือผู้บ่มเพาะสาวสวมกระโปรงสั้น


ผู้บ่มเพาะจะไม่คิดว่าเรื่องนี้ผิดปกติอะไร แต่คนธรรมดาหลายคนในตลาดกลับพึมพำ


“มันหนาวจะตาย เด็กสาวคนนั้นไม่หนาวเลยหรือ?”

“นางเป็นผู้หญิง แถมยังสวยด้วย”

“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่านางไม่หนาวจริงๆ..”


ดาบ301ได้ยินและอดเหลือบมองดาบ302ข้างๆไม่ได้


นางเองก็ไม่คิดเปลี่ยนชุดตอนมาถึง นางแค่ทำตามหลังหลินฮวงสั่ง


เมื่อนางสังเกตเห็นสายตาของดาบ301 ดาบ302ก็หันไปจ้องเขา


เพื่อลดความอึดอัด ดาบ301กระแอมคอและหันไปถามหลินฮวง”ท่านจอมดาบ มีสถานที่พิเศษอะไรในตลาดนี้งั้นหรือครับ?”

“ไม่มีอะไรพิเศษ มันแค่ตลาดทั่วไป”หลินฮวงอธิบายด้วยรอยยิ้ม”อาณาเขตเยือกแข็งจะเปิดอย่างเป็นทางการในสองวัน เราสามารถหยุดพักกันได้”

“อาณาเขตเยือกแข็ง?ชื่อของมิติบรรพกาลนี้ดูคุ้นๆหู…”ดาบ302ดูเหมือนจะจำอะไรได้


“ข้ารู้จัก นี่คือเศษซากที่หลงเหลือจากสนามรบโบราณ กล่าวกันว่าเป็นเศษซากที่หลงเหลือจากการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือผู้ใช้ธาตุน้ำแข็งระดับจ้าวเทวะสองคน มีจิตวิญญาณน้ำแข็งอาศัยอยู่ในนั้นเป็นจำนวนมาก ข้าเคยมาเมื่อประมาณล้านปีก่อน แต่ก็จำไม่ได้ว่ามีเมืองอะไรใกล้ๆ เมื่อข้าเข้าไป สภาพแวดล้อมมันรกร้าง ไม่มีดาวที่สามารถอาศัยได้เลย…”


“อาณาเขตน้ำแข็งฟ้าก่อตั้งขึ้นสามหมื่นปีก่อน ดาวเยือกแข็งภายในเขตปกครองและดาวอื่นรอบๆมันเปลี่ยนเป็นดาวที่อาศัยได้โดยมังกรฟ้าชื่อน้ำแข็งฟ้า”หลินฮวงอธิบาย เขาได้อ่านข้อมูลมาก่อน


“อ้า เป็นอย่างนี้นี่เอง..”ดาบ301เข้าใจ


“เจ้ามีความทรงจำใดของสนามรบโบราณนี้ไหม?”หลินฮวงรีบถาม


 


แม้เขาจะทำการบ้านมาและซื้อข้อมูลเกี่ยวกับอาณาเขตเยือกแข็งในตลาดมืด หลินฮวงก็ยังอยากได้ยินว่าดาบ301มีข้อมูลที่ล้ำค่าอะไรไหม


“ข้าจำไม่ได้มากนัก ข้าแค่จำได้ว่ามันสามารถเข้าถึงได้อย่างสมบูรณ์ในตอนนั้นและใครก็ตามที่ต่ำกว่าจ้าวเทวะล้วนเข้าไปได้ ตอนนั้นข้าเป็นเทพสวรรค์ ก่อนถึงคราวข้า ยอดฝีมือระดับเทพสวรรค์หลายคนก็ได้เข้าไปแล้ว จากสิ่งที่ข้าจำได้ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรล้ำค่าเป็นพิเศษในนั้น ข้าจำได้แค่ว่ามีจิตวิญญาณน้ำแข็งระดับเทพสวรรค์ ข้ายังเคยล่ามาถึงสองตน”ดาบ301คิดและให้คำตอบ


คำตอบของดาบ301มีค่าต่อหลินฮวงเล็กน้อย เขาขี้เกียจเกินจะถามต่อ”มิตินี้ถูกครองครองโดยวิหารเทพนักรบ เพื่อป้องกันการเสียทรัพยากร จ้าวเทวะของวิหารเทพนักรบจึงตั้งข้อห้ามบางอย่างในนั้น ตอนนี้การเข้าจำกัดพวกที่เป็นเทพสวรรค์”


“ทุกๆ60ปี วิหารเทพนักรบจะเปิดให้พวกตัวเองเข้าไปสองเดือน และจะเปิดต่อสาธารณะทุก120ปี และจะเปิดแค่เดือนเดียว ในช่วงเวลานี้ สมาชิกองค์กรทั้งหมดที่เหนือกว่าชั้น5สามารถใช้เหรียญตัวตนเพื่อเข้าหรือออกได้ สมาชิกองค์กรชั้น5และต่ำกว่าต้องส่งใบสมัครต่อวิหารเทพนักรบ พวกเขาจะเข้าได้เมื่อได้รับอนุมัติ”


“นั่นทำให้ข้าเร่งให้พวกเจ้าทำภารกิจสำรองจากเคียวแห่งความตายและได้รับตัวตนเคียวแห่งความตาย  เพราะวิหารเทพนักรบจะจำเฉพาะสัญลักษณ์ตัวตนอย่างเป็นทางการ มันจึงไม่แตกต่างหากมันเป็นองค์กรชั้น6หรือ7 ต่อให้คนที่เป็นสมาชิกวิหารเทพนักรบ พวกเขาก็จะไม่อาจเข้าได้หากไม่มีสัญลักษณ์”


“ท่านจอมดาบ ท่านมีภารกิจให้เราไหมตอนเข้ามิติ?”ดาบ301ถาม


“ภารกิจพวกเจ้าง่ายมาก เจ้าจะต้องล่ามอนสเตอร์และรับทรัพยากร”หลินฮวงมองทั้งสอง”แม้เจ้าทั้งสองจะอยู่ภายใต้การจำกัดและระดับพลังก็ได้รับผลโดยข้า เจ้าก็ไม่ต้องการทรัพยากรเพื่อบ่มเพาะ แต่เจ้าต้องการเงินสำหรับค่าใช้จ่ายประจำวัน”


“ในอนาคต เจ้าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเจ้าเองตอนกลับมามหาพิภพ เจ้าไม่ต้องบอกข้าว่าล่ามอนสเตอร์ไปมากแค่ไหนและได้เงินจากการขายพวกมันแค่ไหน เจ้าสามารถใช้จ่ายได้ตามใจชอบ”


“หากเจ้าอยากคุยเรื่องภารกิจเฉพาะเจาะจงละก็…ในช่วงการล่าช่วยสังเกตว่ามีมอนสเตอร์เทพเสมือนขั้น9ไหม หากมี อย่าฆ่า แค่บอกให้ข้ารู้“


“ท่านหมายความว่า ท่านอยากล่าเพียงลำพัง?”ดาบ302ถามทันที


“ไม่มีทาง!อย่างน้อยเราคนหนึ่งต้องคอยคุ้มกันท่าน”ดาบ301กล่าวขัด


“มันไม่ใชว่าเจ้าไม่รู้ความสามารถข้า ในสภาพปัจจุบันพวกเจ้า พวกเจ้าไม่อาจช่วยข้าจัดการกับศัตรูคนใดที่ข้าไม่สามารถจัดการได้หรอก มันดีกว่าที่เราจะแยกกันล่าเพื่อรับเอาผลประโยชน์สูงสุด”


เมื่อเห็นสองทาสดาบอยากพูดต่อ หลินฮวงก็กล่าวต่อ


“เจ้าสองคนสามารถตามข้าไปได้ แต่ข้าต้องตั้งกฏ หลังพวกเจ้าออกจากมิตินี้ ข้าจะไม่จ่ายเงินให้พวกเจ้าสักแดงเดียว เจ้าต้องจ่ายค่าอาหารกับโรงแรมเอง ใครที่หาเงินได้ถึงสามารถใช้เงินได้ เจ้าไม่มีสิทธิ์ยืมใคร!หากข้าพบว่ามีใครยืมเงิน ข้าจะส่งคนๆนั้นกลับไปแดนจอมเทพ!”

“งั้นก็แยกกันล่าเถอะ..”ดาบ302เปลี่ยนท่าทางทันทีหลังได้ยิน


“อืม มันเป็นเราเองที่เพิ่มภาระทางการเงินให้ท่านจอมดาบ…”ดาบ301เองก็จำยอม


“ใจเย็น เราไม่ต้องอยู่ในนั้นเต็มเดือน ข้าแค่อยากล่าหาแก่นเทวะ หากมันแร็ว สามวันก็คงพอ หากช้า มันก็ควรใช้เวลาสักสัปดาห์ เมื่อเสร็จงาน ข้าจะติดต่อพวกเจ้าและเราจะออกพร้อมกัน”หลินฮวงยิ้มและตบไหล่ดาบ301


1382

สองวันต่อมา ผู้เข้าร่วมจำนวนมากรวมกันที่ทางเข้าของอาณาเขตเยือกแข็งแต่เช้า


เพราะมันจะเปิดทุก120ปี ต่อให้โควต้าเข้าร่วมจะมีแค่แปดพัน จำนวนผู้ยื่นสมัครจริงก็เกินโควต้า


ในบรรดา8000สิทธิ์ สมาชิกของวิหารเทพเจ้าและสมาชิกอื่นขององค์กรเกรด6และ7ก็มักยึดสิทธิ์จำนวนมากไว้ เหลือแค่5000สิทธิ์ไว้ให้คนอื่น


ในบรรดา5000สิทธิ์ กว่า80%ถูกยึดโดยองค์กรเกรด4และ5 มีสิทธิ์จำกัดไว้ให้องค์กรที่ต่ำกว่านั้นน้อยมาก


หลินฮวงและสองทาสดาบคือสมาชิกองค์กรเกรด6ชั้นนำ เคียวแห่งความตายและก็มีสิทธิพิเศษในการเข้าสู่อาณาเขตเยือกแข็งโดยตรง พวกเขาไม่ต้องต่อแถว


แม้จะมาถึงตอนประมาณแปดโมงเช้า พื้นที่ทางเข้าของอาณาเขตเยือกแข็งก็เต็มไปด้วยคนแล้ว


หลินฮวงยังเห็นคนคุ้นหน้า


ลาเมลล่าต้องห้ามจากตาข่ายคลุมฟ้า ฟรอนเทียร์จากซีโน่ ขนนกแห่งความตายจากศาลาสมบัติและดาวหางจากเคียวแห่งความตาย…


โชคชะตาและแฝดไม่ได้มาด้วย


แต่ทว่า คนในชุดคลุมดำที่ยืนข้างดาวหางกลับคว้าความสนใจเขา คนๆนี้หุ่นเพรียวและหลินฮวงก็ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นชายหรือหญิง ทั้งหมดที่เขาเห็นได้คือหน้ากากภายใต้เงาหมวก


เมื่อเขามองคนในชุดดำ อีกฝ่ายก็หันมามองเขาเช่นกันและริมฝีปากสีแดงสดบนหน้ากากก็ยกขึ้นเล็กน้อย


 


“กำลังยิ้ม?!”


หลินฮวงสามารถสัมผัสได้ถึงดวงตาของอีกฝ่ายที่จับจ้องเขา สิ่งที่แปลกคืออีกฝ่ายกำลังสวมหน้ากากเพื่อปกปิดหน้าตา แต่เขาสามารถสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้ม


 


“หรือว่าจะเป็นเวอชุโอโซ(อัจฉริยะแห่งศิลปะ)?”หลินฮวงเดาตามข่าวลือที่ได้ยินมา


เวอชุโอโซคือรายนามแรกบนกระดานเคียวขาว เขามีส่วนร่วมในการลอบสังหารกว่า700ครั้งและไม่เคยล้มเหลวเลย เคียวแห่งความตายปกป้องข้อมูลส่วนตัวเขาไว้ดีมากและไม่มีอะไรรั่วไหล


หลินฮวงยังสงสัยว่าในสายตาของเคียวโลหิตทั้งเจ็ด ตำแหน่งของเวอชุโอโซคงสูงกว่าใต้สวรรค์


ยังมีข่าวลือภายในเคียวแห่งความตายที่เวอชุโอโซอาจเป็นอัจฉริยะชั้น5ในตำนาน


ก่อนเขาเข้าแดนจอมเทพ หลินฮวงอิจฉาใครก็ตามที่อาจเป็นอัจฉริยะชั้น5ในตำนาน แต่ตอนนี้ เขาไม่รู้สึกอะไรเลย


ปัจจุบัน ภายใต้บัญชาเขา เขามีดาบ1ถึงดาบ12ที่ล้วนเป็นอัจฉริยะชั้น5


โดยไม่สนใจสายตาของอีกฝ่าย หลินฮวงเดินไปทางกลุ่มเคียวแห่งความตายพร้อมสองทาสดาบ


ตัวตนเขาตอนนี้คือฮวงหลิน เขาดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิงด้วยความสามารถของพันหน้า ด้วยสมาชิกเคียวดำมากมายจากเคียวแห่งความตาย เขาจึงไม่กังวลว่าคนรู้จักจะจำเขาได้


ผู้นำเคียวทองเหลือบมองเหรียญตัวตนที่ทั้งสามถือและปล่อยผ่า นทั้งสามยืนที่ปลายค่ายและรอให้มิติเปิดอย่างอดทน


องค์กรเกรด6และ7มาถึงกันแล้ว มีคนประมาณร้อยคนหรือมากกว่านั้นจากเคียวแห่งความตายอย่างเดียว


ในบรรดาองค์กรเกรด7 วิหารเทพเจ้าส่งคนมาน้อยสุด ไม่ถึง200คน  จำนวนผู้เข้าร่วมจากองค์กรเกรด7ที่เหลือคือ300 มันไม่ใช่ว่าวิหารเทพเจ้ากำหนดสิทธิ์สำหรับพวกเขา แต่องค์กรได้ตั้งจำนวนจำกัดเพื่อคุมพฤติกรรมคนของพวกเขา


เหนือสิ่งอื่นใด องค์กรเหล่านี้ยังเข้าถึงมิติบรรพกาลและอาณาจักรลับได้มาก มันไม่ใช่ว่าพวกเขาจะต้องเข้าอาณาเขตเยือกแข็ง หากพวกเขาไม่ทิ้งของไว้ให้องค์กรที่ต่ำกว่าบ้าง นั่นจะทำให้เกิดการวิจารณ์


สมาชิกขององค์กรเกรด6และ7สงบนิ่งมาก


ค่ายขององค์กรที่ต่ำกว่า5ลงไปกลับมีชีวิตชีวา เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาไม่ค่อยได้เข้าร่วมงานใหญ่


 


“เด็กสาวที่เดินเข้าไปยังกลุ่มเคียวแห่งความตายขายาวมาก ดูเหมือนพวกนางจะสูงประมาณสองเมตรใช่ไหม?!”


“ขายาวแล้วไง?นางดูดีเท่าท่านดาวหางงั้นหรือ?นางมีความสามารถเทียบท่านดาวหาง?ท่านหญิงดาวหางเราคืออัจฉริยะอันดับ4บนรายนามเทพเสมือน!นางคือสาวที่ทั้งงามและเก่ง!”

“หากพูดถึงหน้าตา ข้ายังคิดว่านางฟ้าผู้มาจากศาลาสมบัติเองก็ดูดี ดูปีกคู่เล็กๆบนหลังนางสิ พวกมันดูน่ารักมาก..”


เมื่อเวลาประมาณ8โมงครึ่ง จำนวนผู้เข้าร่วมที่ทางเข้าแดนเยือกแข็งก็สูงเกินหมื่น


สิทธิ์เข้ามีเพียง8พัน แต่ทุกครั้งที่มิติเปิด มันบอกไม่ได้ว่ามีกี่คนจากองค์กรเกรด6และ7ที่แสดงตัว ดังนั้น วิหารเทพเจ้าจึงมักสำรองสิทธิ์ไว้1000สิทธิ์ทุกครั้ง และที่เหลืออีก7พันจะสงวนไว้ให้องค์กรเกรด1-5


หากจำนวนผู้เข้าร่วมจากองค์กรเกรด6และ7ไม่ถึงพันหรือพันพอดี งั้น7พันคนที่ลงทะเบียนสำเร็จก็สามารถเข้าได้ แต่ทว่า สถานการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้น  พูดก็พูด จำนวนคนเข้าร่วมจากองค์กรเกรด6และ7มักสูงถึงประมาณสามพัน ดังนั้น ในบรรดาเจ็ดพันที่ว่าง มันมักมีแค่ประมาณห้าพันเท่านั้น


เกือบเก้าโมง บุคคลที่มีหน้าที่รับผิดชอบจากวิหารเทพเจ้าก็มาถึง


มันเป็นชายร่างกำยำสูงสง่าในชุดเกราะทอง


หลายคนจำเขาได้ทันที


สำหรับหลินฮวง คนๆนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้า ตอนเขารวบรวมข้อมูลบนแดนเทพ เขายังรวบรวมข้อมูลขององค์กรชั้นนำต่างๆ


คนๆนี้คือเกาเซี่ยง เขาคือโปรตอสเลือดบริสุทธ์ ระดับพลังเขาถึงจุดสูงสุดของเทพสวรรค์ขั้น9 ความสามารถเขาถือเป็นอันดับ4ท่ามกลางเทพสวรรค์ในแดนเทพ เกือบเท่ากับใต้สวรรค์


อาจกล่าวได้ว่าในมหาพิภพ คนๆนี้คือคนที่แข็งแกร่งสุดภายใต้จ้าวเทวะ


 


“ในแง่ของความสามารถ เขาจะถือเป็นอันดับเท่าไรในหมู่ทาสดาบ?”หลินอวงถามสองทาสดาบข้างเขา


 


เพื่อสอบถาม เขาใช้ระบบส่งข้อความที่ใช้กันระหว่างจอมดาบและทาสดาบ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนดักฟัง


“แข็งแกร่งกว่าเราทั้งคู่มาก แต่ไม่เก่งเท่าผู้อาวุโสที่เหนือกว่าดาบ12ขึ้นไป”ดาบ302พูด


ดาบ301ข้างๆกล่าวเสริม”หากท่านตัดสินใจแง่ของกลิ่นอาย มันคล้ายกับกลิ่นอายของดาบ25 ความสามารถของคนๆนี้คงอยู่ที่ประมาณระหว่างดาบ20และดาบ30”


 


หลังได้ยิน หลินฮวงก็พยักหน้าเงียบๆ สำหรับเขา ความสามารถของเกาเซี่ยงต่ำกว่าดาบ12แน่ เหนือสิ่งอื่นใด ดาบ12คืออัจฉริยะชั้น5 ซึ่งเทียบได้กับราชินีเผ่าแมลง


เจตนาจริงเขาในการถามสองดทาสดาบไม่ใช่เพื่อหาความสามารถจริงของเกาเซี่ยงแต่เพื่อหาว่าทาสดาบของนั้นแข็งแกร่งแค่ไหนในยุคสมัยใหม่นี้โดยใช้เกาเซี่ยงเป็นคนอ้างอิง


ตอนนี้เขาสามารถยืนยันได้ว่าตราบเท่าที่เขาควบคุมแดนจอมเทพได้เต็มที่ ความสามารถของทาสดาบภายใต้บัญชีเขายังกลับสู่จุดสูงสุด มันมากพอจะสร้างองค์กรเกรด6


เกาเซี่ยงของวิหารเทพเจ้าเป็นคนใจร้อน ทันทีที่เขามาถึง เขาก็พูดไม่กี่ประโยค จากนั้นก็เปิดทางเข้า


ผู้เข้าร่วมชุดแรกมาจากองค์กรเกรด7ทั้งห้า นครหลวงเทพ ตาข่ายคลุมฟ้า ซีโน่ ศาลาสมบัติ และวิหารเทพเจ้า ซึ่งมีคนเกือบพัน


หลังจากนั้น มันก็ถึงคราวขององค์กรเกรด6เช่นเคียวแห่งความตาย ทั้ง12องค์กรคือชุดสอง ยึดสิทธิ์กว่าสองพัน


องคืกรที่เหลือเข้าไปตามลำดับ ใช้อีก5พันสิทธิ์


หลังปิดทางเข้า เกาเซี่ยงก็หลับตาและนั่งขัดสมาธิ เขาไม่คิดมองคนสองพันคนที่เหลือ


หลังกลุ่มเจ้าหน้าที่ในวิหารเทพเจ้าปลอบคนหนุ่มที่พลาดการเข้าร่วม ผู้นำขององค์กรก็แยกย้าย พาสมาชิกพวกเขาไป..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)