Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 941-944
ราชันเร้นลับ 941 : ดำเนินไปอย่างสมเหต...
เมื่อพบชายวัยกลางคนที่แต่งตัวเป็นนักบวช แอนเดอร์สันผงะเล็กน้อย พลันรู้สึกว่าพันธนาการบางอย่างภายในใจถูกทำลายทันที เศษเสี้ยวความทรงจำนับไม่ถ้วนล้นทะลักผ่านบาเรียที่มองไม่เห็นและพุ่งออกไป ราวกับอารมณ์ที่ถูกเก็บงำไว้เป็นเวลานานในที่สุดก็ระเบิดออกมา
มันจำได้แล้วว่า เกิดอะไรขึ้นในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา จำได้ว่า งานที่ครึ่งเทพมอบหมายให้ทำคืออะไร!
ย้อนกลับไปในบายัม หลังจากที่มันได้พบกับครึ่งเทพตามจิตใต้สำนึก มันติดตามอีกฝ่ายออกจากหมู่เกาะรอสต์ มุ่งหน้าไปยังแหล่งกบดานแห่งหนึ่งด้วยเรือ
ณ ที่นั่น มันเห็นนักบวชอยู่ด้านข้าง จับมันนอนในโลงศพโบราณท่ามกลางของเหลวที่ผสมด้วยวัตถุดิบวิเศษและบ่อเลือดที่แปลกประหลาด ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของตนทีละนิด
หลังจากปล่อยให้กัดเซาะนานกว่าหนึ่งเดือน ‘ดักแด้’ สีแดงเข้มก่อตัวขึ้นภายในร่างกายมัน จากนั้น ความทรงจำของมันก็เริ่ม ‘ถูกจองจำ’ พร้อมถูกส่งมายังไบลัมตะวันตก ขณะเดียวกันก็ถูกฝังการชี้นำทางจิตว่า ตนไม่สามารถออกจากไบลัมตะวันตกได้ก่อนที่ความทรงจำจะกลับคืนมา
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ภารกิจที่ครึ่งเทพมอบให้มันยังไม่จบ ทั้งหมดเป็นแค่การเตรียมการ!
ฉากแล้วฉากเล่ากะพริบผ่านสายตา แอนเดอร์สันพบตัวเองกำลังยืนเล่นฮาร์โมนิก้ากลางถนน จองโรงแรมกับเดนิส มุ่งหน้าไปยังโบสถ์ปัญญาความรู้เพื่อรับยันต์ ‘ชำนาญภาษา’ จากนั้นก็มายังแคว้นเหนือ ตลอดกระบวนการทั้งหมดจนถึงปัจจุบัน มีนักบวชที่อ่อนโยนและเรียบง่ายรายนี้คอยอยู่ข้างๆ มันตลอดเวลา
ระหว่างมื้ออาหาร ชายคนนี้นั่งโต๊ะถัดไป ขณะเช่าโรงแรม ชายคนนี้กำลังนอนหลับอยู่ในห้องถัดไป ขณะเดินไปตามถนน ชายคนนี้คอยเดินเคียงข้างมัน ขณะเล่นฮาร์โมนิก้าและแสดงหุ่นกระบอก ชายคนนี้กำลังมองเข้ามาอย่างอ่อนโยน!
และทั้งหมดที่กล่าวมา แอนเดอร์สันไม่ทันสังเกตเห็นเลยสักนิด คนรอบข้างก็เช่นกัน ไม่มีใครสนใจหรือร้องทัก ราวกับไม่เคยเห็นนักบวชคนนี้มาก่อน!
ความเย็นเยียบจากก้นบึ้งหัวใจแผ่ซ่านไปยังกระดูกก้นกบ ลุกลามเข้ามายังหัวใจแอนเดอร์สัน ประสบการณ์เช่นนี้รุนแรงจนทำให้มันแทบบ้า แทบจะคลุ้มคลั่งคาที่
เดนิสซึ่งอยู่ห่างจากแอนเดอร์สัน รีบออกห่างจากอินซ์·แซงวิลล์ผู้สวมชุดนักบวชสีดำ พลางหันไปมองนักบวชธรรมดาที่กำลังหลับตาสวดมนต์บางบท ส่วนตัวมันรีบก้มศีรษะอย่างรวดเร็ว ท่องภาษาเฮอร์มิสโบราณเสียงต่ำ
“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย… ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกสีเทา… ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ”
ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน มันได้รับวิวรณ์จากมิสเตอร์ฟูล ให้แสร้งทำเป็นยุ่งวุ่นวายใกล้ๆ กับแอนเดอร์สัน หากพบสถานการณ์ไม่ชอบมาพากลให้รีบสวดวิงวอนทันที
แม้จะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ทราบว่าต้องเจอกับใคร แต่เดนิสซึ่งรักชีวิตตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร ตัดสินใจลงมือทำโดยไม่ประนีประนอม ไม่สนว่าตนจะคิดมากเกินไปจนเข้าใจเรื่องอื่นผิดเป็น ‘ความผิดปรกติ’ ที่มิสเตอร์ฟูลหมายถึง!
เพื่อการนั้น มันจงใจสวมถุงมือที่สร้างจากตะกอนพลังกรอซาย ให้แน่ใจว่าตัวเองลงมือทำก่อนแล้วค่อยคิดทีหลัง ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวคือเรื่องดีที่สุด!
ในเวลาเดียวกัน อินซ์·แซงวิลล์ชะงักฝีเท้า ดวงตาสีน้ำเงินเข้มข้างหนึ่ง เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยข้างหนึ่ง กำลังสะท้อนภาพของนักบวชสวมเสื้อคลุมสีขาวเรียบง่ายและสร้อยไม้กางเขนสีเงิน
เมื่อสมองประมวลผล ปากของมันแผดเสียงอย่างโกรธเกรี้ยว:
“อาดัม!”
บุตรแห่งพระผู้สร้าง ราชาเทวทูตอาดัม!
ยังไม่ทันที่อินซ์·แซงวิลล์จะพูดจบ นักบวชแสนธรรมดาๆ ฝั่งตรงข้ามลืมตาขึ้น รูม่านตาสีอ่อนถูกย้อมด้วยทองคำบริสุทธิ์
เพียงพริบตา เสาหินสีดำสนิทผุดขึ้นจากความว่างเปล่า ตั้งเด่นตระหง่านอยู่รอบๆ จนกลายเป็นวิหารที่งดงาม
ภายในวิหาร ทุกต้นเสา ทุกเพดานโค้ง ทุกพื้นผิวของโดม ล้วนทำมาจากกระดูกของสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ พวกมันเรียงตัวกันแน่นชิด ดวงตาจากกะโหลกหันมามองอินซ์·แซงวิลล์อย่างพร้อมเพรียง กึ่งกลางของทุกสิ่งคือไม้กางเขนยักษ์ที่สูงหลายร้อยเมตร
ด้านหน้าไม้กางเขนมีร่างอันคลุมเครือของบุคคลหนึ่งยืนอยู่ สายตาคล้ายกับกำลังจ้องมองทุกสิ่งด้วยความอาทร
ที่นี่คือวิหารกระดูก แต่บรรยากาศมิได้มืดมน ทุกหนแห่งล้วนเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์
ตามผนัง หน้าต่าง ประตูวิหารต่างมีใบหน้าโปร่งใสและบิดเบี้ยวนูนออกมา คล้ายกับวิญญาณนับไม่ถ้วนถูกผนึกอยู่ด้านใน ส่งผลให้ผู้วิเศษผู้วิเศษมิอาจสัมผัสถึงการมีอยู่ของพวกมันในโลกวิญญาณและโลกดารา!
จัตุรัสและผู้คนที่เดินผ่านไปมาล้วนอันตรธานหาย คล้ายกับถูกกีดขวางจากวิหารกระดูกที่ปรากฏตัวกะทันหัน
ปากกาขนนกโบราณในมืออินซ์·แซงวิลล์ลอยขึ้น เขียนบนชุดนักบวชสีดำของมันอย่างรวดเร็ว:
“แอนเดอร์สัน·ฮู้ดเป็นเพื่อนของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ จึงถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษจากโอโรเลอุส ด้วยสาเหตุที่ไม่แน่ชัดบางประการ โอโรเลอุสได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่!”
ทันทีที่ปากกาขนนกเขียนเครื่องหมายตกใจ แสงสว่างพลันเจิดจ้าบนกระจกหน้าต่างหลากสีของวิหารกระดูก กลายสภาพเป็นมายาแสนบริสุทธิ์หลายชั้น
ข้างใต้ปีก ร่างของบุคคลที่มีผมสีเงินยาวเริ่มก่อตัวในท่าคุกเข่าสวดวิงวอน จากนั้นก็ค่อยๆ เหยียดร่างกายยืนตรง
ชายคนดังกล่าวสวมเสื้อคลุมลินินเรียบง่าย ใบหน้าสง่างามและอ่อนนุ่ม ไม่ใช่ใครนอกจากราชาเทวทูต ‘ผู้กลืนหาง’ โอโรเลอุส!
ดวงตาที่ไม่แยแสของโอโรเลอุสเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็สะท้อนภาพนักบวชผู้อ่อนโยน
ไม่ว่าจะในรูม่านตาของมัน ฝ่าเท้าของมัน บนปีกแห่งแสงที่ซ้อนทับอยู่ข้างหลังมัน กงล้อทรงกลมที่ลึกลับเริ่มผุดขึ้นทีละหนึ่ง ก่อนจะเรียงตัวบรรจบกันเป็นสายธารมายาอันยาวไกลคล้ายงู เชื่อมต่อกันจากหัวถึงหาง
วิหารกระดูกถูกย้อนเวลากลับไปเป็นเสาหินสีดำที่เด่นตระหง่าน รอบๆ ยังคงมองเห็นจัตุรัสอย่างเลือนราง
ฉวยโอกาสดังกล่าว โอโรเลอุสเตรียมบินหนีออกจากที่นี่ อินซ์·แซงวิลล์เห็นดังนั้นจึงไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนให้สภาพแวดล้อมกลายเป็นสีสันฉูดฉาดและเข้มข้น ซ้อนทับกันหลายชั้น
ขณะผู้พิทักษ์ราตรีรายนี้กำลังจะเข้าสู่โลกวิญญาณ มันเห็นไม้กางเขนสูงกว่าร้อยเมตรตกลงมาจากเบื้องบน
กางเขนตกลงมายังใจกลางของวิหารที่ยังก่อตัวไม่สมบูรณ์ ร่างอันคลุมเครือที่กำลังถือมันเงยหน้าขึ้น
แสงอันเจิดจ้าไม่สิ้นสุดพลันสว่างไสว กลืนกินโอโรเลอุสและอินซ์·แซงวิลล์ที่ถือปากกาขนนก
วิหารกระดูกที่เต็มไปด้วยกระดูกของสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงวิญญาณที่บิดเบี้ยวอีกนับไม่ถ้วน ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง
…
ขณะได้ยินเสียงวิงวอนมายา ไคลน์กำลังอยู่ในห้องของโรงแรมและกำลังคิดถึงกิจวัตรที่แสนน่าเบื่อ
มันยืนขึ้นทันที ตรงไปยังหน้าต่าง มองออกไปเห็นจัตุรัสไม่ไกล
บนจัตุรัส ผู้คนกำลังสัญจรผ่านไปมา ใจกลางมีน้ำพุกำลังพวยพุ่ง มีเสียงดนตรีก้องกังวาน ทุกสิ่งคล้ายกับอยู่ในภาวะปรกติ แต่สิ่งที่ผิดแผกอย่างชัดเจนก็คือ แอนเดอร์สันกำลังคุกเข่าลงข้างหนึ่งด้วยสีหน้าแข็งทื่อ ส่วนเดนิสกำลังหลับตาด้วยอาการสั่นเทาพร้อมกับสวดวิงวอน
ไคลน์ไม่มัวคิดมาก รีบทำตามแผนที่เคยวางไว้บนมินิเหนือสายหมอก ควบคุม ‘ผู้ชนะ’ เอ็นโซที่อยู่ห่างไปร้อยกว่าเมตรให้เดินเข้าไปในสำนักงานโทรเลข – มันเป็นคนสั่งให้เดนิสเลือกพักอาศัยอยู่ใกล้ๆ สำนักงานโทรเลข!
พร้อมกันนั้น มันนำฮาร์โมนิก้านักผจญภัยออกมาจ่อปาก พ่นลมเป่า
ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ถือสี่เศียรเจ้าของผมสีทองดวงตาสีแดงเดินออกจากความว่างเปล่า ดวงตาทั้งแปดหันไปทางจัตุรัสอย่างพร้อมเพรียง
“ถึงเลียวนาร์ด·มิเชล เขาน่าจะยังอยู่ในขอบเขตใกล้ๆ เดิม” ไคลน์หยิบจดหมายกับเหรียญทองที่เตรียมไว้นานแล้ว ยื่นให้มิสผู้ส่งสาร
ทั้งคำพูดและการกระทำของไคลน์ในปัจจุบัน แข็งทื่อราวกับหุ่นเชิด เป็นการทำตามคำสั่งที่กำหนดไว้ล่วงหน้า หากเงื่อนไขไม่ตรงกับที่ตั้งไว้ มันจะเข้าฌานเพื่อดึงสมาธิกลับมา
นี่คือวิธีที่ชายหนุ่มเรียนรู้จากเสียงร้อง ‘อุแว๊’ ของวิล·อัสติน หากต้องการรับมือกับ 0-08 อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องวางแผนและกำหนดความคิดไว้บนมิติหมอก เมื่อกลับสู่โลกแห่งความจริงให้ลงมือตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้เท่านั้น!
และจากคำสวดวิงวอนหนึ่งของเดนิสในอดีต ไคลน์ใช้ ‘ภาพ’ จับตามองแอนเดอร์สันและสังเกตเห็นนักบวชคนหนึ่งที่ค่อนข้างคุ้นตา กำลังยืนอยู่ข้างกายแอนเดอร์สันตลอดเวลา
พิจารณาถึงความสัมพันธ์อย่างลับๆ ระหว่างสมาคมแปรจิตและสภานักสิทธิ์สนธยา เชื่อมโยงกับข้อมูลในไดอารี่ของจักรพรรดิโรซายล์ ไคลน์ฉุกคิดบางสิ่งได้ และเริ่มมั่นใจว่าจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในอนาคต:
ผู้นำสูงสุดแห่งสภานักสิทธิ์สนธยา บุตรชายของพระผู้สร้าง ‘เทวทูตจินตภาพ’ อาดัม กำลังตามหา 0-08!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีโอกาสสูงที่อินซ์·แซงวิลล์กำลังเล็งเป้าหมายเป็นแอนเดอร์สัน!
จากนั้น ไคลน์ปรับเปลี่ยนแผนการของตนเสียใหม่บนมิติหมอก แสร้งทำเป็นไร้เดียงสา ดำเนินกิจวัตรประจำวันต่อไปในสถานะ ‘หุ่นเชิดคนแสดง’
ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์งับจดหมายด้วยหนึ่งในศีรษะ จากนั้น ดวงตาทั้งแปดจ้องหน้าไคลน์อย่างลึกซึ้งนานสองวินาที
ไคลน์พยักหน้ารับเล็กๆ โดยไม่กล่าวคำใด เพียงมองผู้ส่งสารของตนกลับเข้าไปในโลกวิญญาณ
ภายในสำนักงานโทรเลขคูคัว ‘ผู้ชนะ’ เอ็นโซส่งข้อความ ที่อยู่ปลายทาง และ ‘ทองเฟิร์ล’ ให้เจ้าหน้าที่พร้อมกับกำชับว่าเป็นกรณีเร่งด่วน
“ไบลัมตะวันตก แคว้นเหนือ เมืองคูคัว อินซ์·แซงวิลล์ปรากฏตัว”
คลื่นวิทยุเดินทางด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้ข่าวดังกล่าวถูกส่งต่อไปยังสำนักงานต่างๆ ของโบสถ์รัตติกาลในไบลัมตะวันตกและไบลัมตะวันออก
…
ไบลัมตะวันออก
“ทำไมคุณเอาแต่เตร็ดเตร่รอบๆ วิหาร ไม่ยอมออกไปสืบสวนเพิ่มเติม?” ดาลีย์ถามเลียวนาร์ดเสียงเรียบ
เลียวนาร์ดครุ่นคิดสักพัก ตอบอย่างตรงไปตรงมาและเคร่งขรึม:
“รอฟังข่าว”
ดาลีย์พยักหน้าครุ่นคิด มิได้ถามเพิ่มเติม
หลังจากนั้นเธอก็เงียบไป เลิกล้อเล่นหรือยุแหย่เลียวนาร์ด คล้ายกับรอบางสิ่งเช่นกัน
ทันใดนั้น สัมผัสวิญญาณของเลียวนาร์ดถูกกระตุ้น รีบมองไปทางซ้าย
ในฐานะ ‘ผู้เฝ้าประตู’ ดาลีย์มองไปยังทิศทางดังกล่าวก่อนเลียวนาร์ดเสียอีก
จดหมายโผล่ขึ้นจากที่ไหนไม่มีใครทราบ มันตกลงบนพื้นใต้โคมไฟถนน
เลียวนาร์ดไม่ปิดบังจากดาลีย์ เพียงก้มลงหยิบจดหมายและแกะซอง
เนื้อหาของจดหมายแสนเรียบง่าย มีเพียงถ้อยคำหนึ่งบรรทัด:
“ไบลัมตะวันตก แคว้นเหนือ เมืองคูคัว จัตุรัสคืนชีพ พิกัด…”
สีหน้าเลียวนาร์ดพลันเคร่งขรึม หันไปหาดาลีย์และกล่าว:
“มาดาม ช่วยกลบเกลื่อนที่อยู่ให้ผมด้วย”
ขณะกล่าว ถุงมือข้างซ้ายกลายเป็นสีโปร่งใส มือขวายัดลงไปในกระเป๋าเสื้อและกำยันต์ ‘โจรปล้นดวง’
ดาลีย์เงียบงันสักพัก กล่าวอย่างจริงจัง:
“พาฉันไปด้วย… ย้อนกลับไปในตอนนั้น อย่างน้อยคุณยังได้สู้ แต่ฉันกลับไม่ได้ทำอะไรเลย”
สีหน้าของเลียวนาร์ดเริ่มแปรเปลี่ยน พะงาบปากเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็มิได้กล่าวสิ่งใด เพียงคว้าไหล่ของดาลีย์
ถนนซึ่งมีผู้คนบางตา ทั้งสองอันตรธานหายไป
…
หลังจากยืนดูผู้ส่งสารกลับไปและยืนยันว่ามีการส่งโทรเลขอย่างน้อยหนึ่งสำเนาแล้ว ไคลน์ถอยหลังสี่ก้าวทันที ส่งตัวเองเข้าสู่หมอกสีเทา
มันนั่งหลังตรงบนเก้าอี้พนักสูงของเดอะฟูล จากนั้นก็โบกมือเพื่อเสกให้ไพ่ทรราช คทาเทพสมุทร และยันต์สีเทาเงินลอยมาหาอย่างพร้อมเพรียง
เพียงพริบตา ชายหนุ่มอยู่ในสภาพสวมมงกุฎและชุดสันตะปาปา ในมือถือคทากระดูก
ท่ามกลางสายฟ้าสีเงินสว่างรอบกาย ไคลน์แผ่พลังวิญญาณไปยังจุดแสงที่เป็นตัวแทนของเดนิส
ราชันเร้นลับ 942 : คำสาปแห่งเทพ
เมื่อพลังวิญญาณของไคลน์สัมผัสกับจุดแสง ทันใดนั้น แสงสว่างก็ขยายเป็นภาพขึ้นมาตรงหน้าชายหนุ่ม
เดนิส ในสภาพสวม ‘ผ้าคลุมเงา’ กำลังก้มหัววิงวอนริมจัตุรัส เอ่ยนามเต็มอันสูงส่งของเดอะฟูลเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ
จากจุดดังกล่าว ไคลน์ขยายฉากออก มองหาร่างของอินซ์·แซงวิลล์
สิ่งเห็นผ่านหมอกสีเทา แตกต่างอย่างชัดเจนกับที่เห็นด้วยตาเปล่า ณ จุดหนึ่งใจกลางจัตุรัส วิหารหลังใหญ่ที่สร้างจากกระดูกผุดขึ้น ด้านในมืดสนิท ยากจะมองเห็นสิ่งใด
ฉวยโอกาสดังกล่าว ไคลน์ตอบสนองคำวิงวอนของเดนิส:
“อยู่ให้ห่างจากที่นี่ หาที่ซ่อนตัว”
ขณะกล่าวอย่างเชื่องช้า ไคลน์สวมมงกุฎและเสื้อคลุมสันตะปาปาสีน้ำเงินเข้ม ยกมือซ้ายขึ้นพร้อมกับเปลี่ยนให้อัญมณีสีน้ำเงินด้านบนคทากระดูกส่องแสง
เสียงหวีดแหลมพลันกังวานรอบ ‘จัตุรัสคืนชีพ’ ในโลกความจริง สายลมกระโชกพัดผ่านหนักหน่วง ส่งผลให้ผู้คนสัญจรไปมาหรือผู้ที่กำลังพักผ่อนหย่อนใจ ต้องรีบหากำบังลม แม้แต่แอนเดอร์สันที่อยู่ในสภาพแข็งทื่อ ก็ยังกลับมาเป็นปรกติ รีบกุมท้องด้วยมือข้างเดียวพร้อมกับวิ่งออกจากเขตอันตราย
เพียงไม่กี่วินาที จัตุรัสคืนชีพกลายเป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่า คนที่เอาแต่เดิน ไม่ยอมวิ่งหนี ล้วนถูกพัดพาไปด้วยสายลมกระโชก สัมผัสถึงความรู้สึกของการบิน
เกิดความเงียบงันขึ้นภายในพื้นที่ว่างเปล่า แต่เพียงไม่นานก็มีแสงสว่างจากหน้าต่างของวิหารกระดูก จุดแสงขยายขนาดขึ้นและอลังการมากขึ้นเรื่อยๆ
หน้าต่างกระจกหลากสีสันพลันแตกละเอียดอย่างเงียบงัน แสงฟ้าอ่อนที่คล้ายดาวตก พวยพุ่งออกมาพร้อมกัน
เปลวไฟดังกล่าวก่อตัวกลายเป็นรางอินซ์·แซงวิลล์สวมชุดนักบวชสีดำ ดวงตาข้างหนึ่งมีสีน้ำเงินเข้ม ส่วนอีกข้างเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย มันย่อตัวลงเล็กน้อย
เพียงผู้พิทักษ์ราตรีรายนี้ปรากฏตัว ปากของมันอ้ากว้างอย่างมิอาจควบคุม เปล่งเสียงคุยกับปากกาขนนกโบราณในมือ
“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า… ไอ้งั่งที่ไม่ยอมฟังคำแนะนำ… เรื่องราวแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น! ข้าไม่รู้ว่าเจ้าหวาดกลัวสิ่งใด แต่ถ้าเมื่อครู่ปล่อยให้ข้าสวดวิงวอนถึงพระองค์ แอบกลับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกุหลาบไถ่บาปและร่วมมือกับ ‘งู’ ตัวนั้น การวางกับดักก็จะสำเร็จลุล่วง และคนที่จะถูกล่าก็คืออาดัม ไม่ใช่พวกเรา!”
ปากกาขนนกที่หม่นหมองและชำรุดเล็กน้อยรีบลอยขึ้น เขียนลงบนพื้นว่างบนเสื้อผ้าอินซ์·แซงวิลล์
“เซารอน ไอน์ฮอร์น เมดีซีผู้หงุดหงิดกับความอับอายขายหน้า โยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้ ‘ปากกาอัลเซอร์ฟอร์ด’ แต่ในความเป็นจริง ตัวเขาเองต่างหากที่ห้ามมิให้ตัวเองสวดวิงวอนถึง ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ เพราะไม่ว่าจะเซารอนหรือไอน์ฮอร์น พวกเขาก็ไม่อยากกลายเป็นสาวกของเทพมารนั่น”
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้อาการทางจิตของวิญญาณมารรุนแรงขึ้น! เรื่องนี้สมเหตุสมผลมาก เป็นคำวินิจฉัยจากจิตแพทย์ที่เชี่ยวชาญและมืออาชีพ!”
“อินซ์·แซงวิลล์” ขมวดคิ้วทันที สัญชาตญาณสั่งให้ยกมือซ้ายขึ้น กดศีรษะตัวเองลง
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่เคยหม่นหมอง กลับคืนความสดใสอย่างรวดเร็ว ใบหน้ารูปปั้นแกะสลักโบราณกลับมาขึงขัง
ทันใดนั้น หลังจากหลบหนีออกจากวิหารกระดูกสำเร็จ ด้านหน้าของมันกลับมิใช่จัตุรัส หากแต่เป็นขั้นบันไดโบราณที่สร้างจากหิน ปลายทางนำไปสู่ยอดเขาสูงตระหง่าน ปลายทางมีไม้กางเขนยักษ์และเทวทูตนับไม่ถ้วนวนเวียนโดยรอบ
เพียงพริบตา สายฟ้าสีเงินขนาดมหึมาพุ่งแหวกผ่านท้องฟ้าสูง ตรงเข้าหาอินซ์·แซงวิลล์
รอยแยกจำนวนมากพลันปรากฏรอบๆ มิติปิดผนึก น้ำพุและดอกไม้บนจัตุรัสเริ่มสะท้อนบนกระจกตาสีน้ำเงินเข้ม
ร่างของอินซ์·แซงวิลล์พลันเลือนหาย เหลือทิ้งไว้เพียงวิญญาณโปร่งใสและคลุมเครือ โดยหลังจากถูกฟ้าผ่า ร่างวิญญาณก็สลายไปทันที
‘ผู้พิทักษ์ราตรี’ รายนี้ไม่มีเวลาพอจะพิจารณาเกี่ยวกับภัยอันตรายที่ซุ่มซ่อนอยู่ภายนอก รีบฉวยโอกาสแปลงร่างเป็นเปลวไฟ แหวกผ่านรอยแยกของมิติออกไป
สำหรับมัน ไม่ว่าจะมีอะไรรออยู่ ก็คงไม่เลวร้ายไปกว่าบุตรแห่งพระผู้สร้าง อาดัม ราชาเทวทูตย่อมต้องเป็นตัวตนที่น่ากลัวยิ่งกว่า รับมือได้ยากกว่า!
เมื่อเห็นแสงไฟลุกโชนขึ้นใจกลางจัตุรัส เมื่อเห็นอินซ์·แซงวิลล์หลุดพ้นจากโลกมายาและปรากฏกายด้วยผมสีทองเข้มและฝ่ามือสีซีด ไคลน์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย นั่งตัวตรงโดยไม่รู้ตัว
ฉากนับไม่ถ้วนพลันแล่นผ่านสมอง ภาพของตนที่เคยถูกแทงด้วยหัวใจและฉากรองเท้าหนังมันเงา ภาพของดันน์·สมิทกำลังส่งยิ้มพร้อมกับขยิบตาซ้าย ภาพของบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬกลายเป็นซากปรักหักพัง
มุมปากไคลน์ยกขึ้น เผยรอยยิ้มเจือความเย้ยหยัน
จากนั้น มันกล่าวด้วยเสียงต่ำเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ:
“อับโชค!”
บนฝ่ามือขวา ยันต์สีเงินอมเทาลุกโชนด้วยแสงสีดำ
นี่คือยันต์ที่ไคลน์สวดวิงวอนถึง ‘เทพธิดารัตติกาล’ โดยตรง สร้างจากเลือดของวิล·อัสตินและโลหะล้ำค่า
เป็นขวัญที่มันเตรียมไว้ให้อินซ์·แซงวิลล์
ลูกศรแห่งการแก้แค้น
คำสาปแห่งเทพ!
ไคลน์ลุกขึ้นยืน ขยับไหล่พลางสะบัดแขนขวา เคลื่อนย้ายแสงสีดำเข้าไปรวมกับเศษเสี้ยวพลังของมิติเหนือสายหมอก จากนั้นก็โยนเข้าไปในฉากหน้าจอคำวิงวอนของเดนิส เล็งใส่อินซ์·แซงวิลล์โดยตรง
…
ในวินาทีที่อินซ์·แซงวิลล์กลับมายังจัตุรัสคืนชีพ มันเห็นความมืดโผล่ขึ้นจากอากาศอันว่างเปล่า ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า เปลี่ยนให้ทัศนวิสัยมืดมนสุดขีด
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นในพริบตาและจบลง ทุกสิ่งรอบตัวกลับเป็นปรกติ แทบไม่มีส่วนใดแตกต่างไปจากเดิม ทว่า ในฐานะผู้พิทักษ์ราตรีที่สามารถสร้างความโชคร้ายแก่ผู้อื่นได้ในระดับหนึ่ง อินซ์·แซงวิลล์ ‘ได้กลิ่น’ ออร่าแสนอันตราย จึงรีบเหยียดฝ่ามือซ้ายโดยไม่ลังเล โคจรพลังของวิญญาณมารมารวมกับพลังของ ‘ผู้เฝ้าประตู’ ในร่างกาย ส่งตัวเองเข้าสู่โลกวิญญาณ เตรียมใช้เป็นเส้นทางหลบหนี
ทว่า ทั้งดอกไม้สีแดงสดรอบตัวมัน สระน้ำพุสีขาวโพลน ลายกระเบื้องปูพื้นสีดำเข้ม กลับไม่แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีสันฉูดฉาดอย่างที่ควร ไม่ต้องพูดเรื่องการซ้อนทับ
พลัง ‘กระสวยวิญญาณ’ ของอินซ์·แซงวิลล์ล้มเหลว!
ดวงตาของมันพลันหยุดนิ่ง เริ่มเข้าใจถึงเหตุผลเบื้องหลัง นั่นเพราะวิญญาณมารในตัวมันกำลังทะเลาะกันเอง ไม่ให้หยิบยืมพลังอำนาจ:
“เห็นไหม? หากพวกเจ้าฟังข้าตั้งแต่แรก เหตุการณ์แบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น!”
“เหลวไหล! ถ้าจะให้ข้าเชื่อใน ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ ขอยอมตายดีกว่า!”
“ฟังเจ้าแล้วได้อะไรขึ้นมา สภาพของเจ้าก็ไม่ต่างจากพวกเราในตอนนั้น ถูกอลิสต้า·ทูดอร์จับมาปรุงเป็นโอสถและดื่มเหมือนกัน!”
“พวกเจ้าประมาทเกินไปแล้ว ไม่คิดบ้างหรือว่าคำสาปในคราวนี้มีออร่าเทพแฝงอยู่อย่างเข้มข้น? แก่นแท้ของพลังก็สูงมากเช่นกัน ด้วยสภาพปัจจุบันของเรา ไม่มีทางหลบพ้นแน่นอน คึฮ่าฮ่า! เถียงเข้าไป! เถียงข้าเข้าไป! พวกเราจะตายไปพร้อมกัน!”
…
ได้ยินเช่นนั้น เส้นเลือดบนหน้าผากอินซ์·แซงวิลล์พลันปูดโปน โกรธจัดในเรื่องที่วิญญาณมารเซารอน ไอน์ฮอร์น เมดีซีมัวแต่ทะเลาะกันเองในช่วงเวลาวิกฤติ ไม่ยอมจัดลำดับความสำคัญเกี่ยวกับอันตราย
ในฐานะอดีตอาร์ชบิชอป ในฐานะผู้วิเศษที่คอยปกป้องเถ้ากระดูกเทพให้โบสถ์รัตติกาล อินซ์·แซงวิลล์ไม่ปล่อยให้ความโกรธครอบงำสติ เชื่อโดยสัญชาตญาณว่าแสงสลัวเมื่อครู่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังของ ‘เทพธิดารัตติกาล’ และเชื่อว่า การทะเลาะเบาะแว้งอย่างกะทันหันของเซารอน ไอน์ฮอร์น เมดีซี คือสิ่งที่เกิดจากผลกระทบของพลังดังกล่าว ไม่อย่างนั้น ลำพังการเขียนของ ‘ปากกาอัลเซอร์ฟอร์ด’ คงไม่รุนแรงพอจะทำให้วิญญาณมาร ‘เทวทูตสีชาด’ ทะเลาะกันเองโดยไม่สนใจบริบทของเหตุการณ์!
มันหันหลังกลับ วิ่งเต็มฝีเท้าไปยังทางออกหนึ่งของจัตุรัสคืนชีพ พยายามสื่อสารกับวิญญาณในละแวกใกล้เคียงเพื่อใช้พลังสำหรับหลบหนี ทว่า ที่นี่กลับไม่มีวิญญาณแม้แต่ดวงเดียว!
ทันใดนั้น ร่างหนึ่งย่างกรายออกจากเงามืดริมจัตุรัสว่างเปล่า ภายนอกดูคล้ายลูกครึ่งโลเอ็นไบลัม ใบหน้าอวบอิ่ม สวมเสื้อผ้าหลวม เหน็บเรเพียร์เล่มบางไว้ข้างเอว
ไม่ใช่ใครนอกจาก ‘พลเรือเอกขุมนรก’ ลูเธอร์ไวล์!
เป็นหุ่นเชิดที่ปรกติแล้วจะไม่มีความคิดใดๆ !
หลังจากขว้างยันต์ ‘คำสาปแห่งเทพ’ ไคลน์ลงมือทำตามแผน กลับสู่โลกแห่งความจริง ควบคุมสองหุ่นเชิด!
มันบังคับให้ ‘ผู้ชนะ’ เอ็นโซหลบมุมใกล้ๆ และหยิบของที่เตรียมไว้ออกมา เริ่มประกอบพิธีธรรมสังเวยและรับมอบ ขณะเดียวกันก็บังคับให้ ‘พลเรือเอกขุมนรก’ ลูเธอร์ไวล์ออกจากจุดซ่อนตัวเพื่อเผชิญหน้ากับอินซ์·แซงวิลล์
‘พลเรือเอกขุมนรก’ ผู้ไม่หลงเหลือเค้าเดิมอีกต่อไป ยกมือขวาขึ้น เปลี่ยนให้แขน ปลายแขน และนิ้วของตนพร่ามัวอย่างรวดเร็ว ตามด้วยการเหยียดยาวออกไปหาเป้าหมาย
นี่คือพลังที่สามารถดึงวิญญาณออกจากเป้าหมายได้โดยตรง เป็นพลังที่หยิบยืมมาจากสิ่งมีชีวิตในโลกแห่งความตาย!
ฝ่ามือของลูเธอร์ไวล์เปลี่ยนเป็นสีซีด เหนือศีรษะอินซ์·แซงวิลล์ ร่างหนึ่งถูกกระชากขึ้นอย่างมิอาจควบคุม
อย่างไรก็ตาม อินซ์·แซงวิลล์ เคยเป็น ‘ผู้เฝ้าประตู’ มาก่อน มันรีบสร้างประตูทองแดงลึกลับและมายาภายในดวงตา ดึงร่างวิญญาณที่กำลังจะลอยออกไปให้กลับคืนมา
เดิมที หากพิจารณาถึงระดับและความแข็งแกร่งของมัน ความพยายามครั้งนี้ควรจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก แต่ด้วยเหตุผลบางประการ มันกลับทำผิดพลาดหลายต่อหลายครั้ง เกือบจะปล่อยให้ ‘พลเรือเอกขุมนรก’ ลงมือสำเร็จ เกิดสถานการณ์คล้ายคลึงกับ ‘กระดานหก’ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ
ทันใดนั้น ร่างสองร่างโผล่ขึ้นด้านข้างลูเธอร์ไวล์ คนหนึ่งคือชายผมดำดวงตาสีเขียว เลียวนาร์ด·มิเชล กำลังสวมถุงมือโปร่งใสไว้ข้างซ้าย อีกหนึ่งคือดาลีย์·ซิโมเน่ผู้ทาขอบตาและแก้มเป็นสีฟ้า
พวกมันมาถึงในเวลาสุดเหมาะเจาะ ความโชคร้ายของศัตรูย่อมหมายถึงความโชคดีของฝ่ายตน!
สิ่งแรกที่ดาลีย์เห็นคือบุคคลที่เธอไม่มีวันลืม เปลวไฟแห่งความเกลียดชังพลันลุกโชนในดวงตา
แต่เธอมิได้ลงมือสุ่มสี่สุ่มห้า ยืนสังเกตสภาพแวดล้อมอยู่ด้านหลังลูเธอร์ไวล์สักพักก่อนจะกางแขนออก
ประตูทองแดงลวดลายพิสดารผุดขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตูแง้ม
นี่คือประตูสู่โลกแห่งความตาย ประตูที่เต็มไปด้วยสิ่งเย้ายวนสำหรับสิ่งมีชีวิตอันเดดทุกชนิด!
แรงดึงดูดสุดทรงพลังที่ยากอธิบายพลันพวยพุ่ง ร่างวิญญาณเหนือศีรษะอินซ์·แซงวิลล์หลุดออกจากร่างโดยสมบูรณ์
เป็นร่างโปร่งแสงของชายสวมชุดเกราะสีดำเปื้อนเลือด ใบหน้าหล่อเหลา ยังหนุ่มยังแน่น ผมสีแดง บนใบหน้ามีร่องรอยการถูกกัดกร่อนจนเห็นกระดูก กึ่งกลางคิ้วมีเครื่องหมายคล้ายธง
มันไม่ตกใจที่ตนถูกดึงออกจากตัวอินซ์·แซงวิลล์ ทำเพียงส่งเสียง ‘โย่’ และกล่าว
“วันนี้ช่างโชคร้าย พวกเราเคยตายด้วยกันมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้กำลังจะเกิดขึ้นซ้ำสอง? แถมยังเป็นในตอนที่ถูกควบคุมโดยเจ้าไก่อ่อน”
บนแก้มซ้ายของมัน เนื้อฉีกออกเป็นทางยาวพร้อมกับขยับพูดคล้ายปาก:
“ช่างเถอะ ก่อนอื่นก็ต้องเก็บกวาดขยะรอบๆ …”
ยังไม่ทันจบประโยค ชายในชุดเกราะสีดำเปื้อนเลือดเริ่มเหยียดฝ่ามือ ดาบมายาเล่มยาวที่เปื้อนสนิมสีแดงถูกดึงออกจากร่างกาย
พลังสะกดข่มที่หนักอึ้งพลันท่วมท้นบรรยากาศ วิญญาณมารตนดังกล่าวสลัดหลุดจากแรงดึงของลูเธอร์ไวล์และดาลีย์·ซิโมเน่ได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็รีบพุ่งตัวลง พยายามกลับเข้าไปในตัวอินซ์·แซงวิลล์
ทันใดนั้น เสียงสากๆ คล้ายกระดาษทรายของ ‘พลเรือเอกขุมนรก’ ลูเธอร์ไวล์ถูกเปล่งอย่างเคร่งขรึมเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ:
“โชคชะตา!”
Home Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ราชันเร้นลับ 943 : องก์ที่สาม
ราชันเร้นลับ 943 : องก์ที่สาม
“โชคชะตา!”
ท่ามกลางน้ำเสียงสากๆ ในจุดที่พลเรือเอกขุมนรกลูเธอร์ไวล์และผู้พิทักษ์ราตรีอินซ์·แซงวิลล์ยืนพลันดำมืด คล้ายกับถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำจำนวนสองก้อน
ยันต์ ‘โจรปล้นดวง’ !
ไคลน์ใช้ ‘หนอนกาลเวลา’ ที่พาลีส·โซโรอาสเตอร์หามาให้ เพื่อสร้างยันต์ ‘โจรปล้นดวง’ !
เพื่อมิให้ถูก ‘0-08’ ตระหนักถึง มันวางแผนซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังมาตั้งแต่ต้น ไม่เพียงแต่จะให้ยุบพองหิวโหยกับเลียวนาร์ด·มิเชล แต่ยังมอบยันต์โจรปล้นดวงให้กับหุ่นเชิดด้วย!
ดังนั้น บุคคล ‘ผู้น่าสงสาร’ ที่ถูกวิญญาณมารเข้าสิง จึงเปลี่ยนเป้าจากอินซ์·แซงวิลล์กลายเป็นลูเธอร์ไวล์
พลเรือเอกขุมนรกถูกเซารอน ไอน์ฮอร์น เมดีซีซึ่งสวมชุดเกราะสีดำเปื้อนเลือดเข้าสิงทันที ดวงตาทั้งสองข้างพลันปกคลุมไปด้วยเส้นเลือดฝอยจำนวนมาก
ณ ห้องพักในโรงแรม ไคลน์บงการหุ่นเชิดอย่างใจเย็น ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อยทั้งที่ถูกอิทธิพลของวิญญาณมารเล่นงาน ลูเธอร์ไวล์ยกมือทั้งสองข้างฉีกเสื้อผ้าตัวเอง ถอดหน้ากากปลอบวิญญาณออกและนำขึ้นมาปกปิดใบหน้า
ขณะเดียวกัน เมื่อได้ยินคำพูดของวิญญาณมาร ‘เทวทูตสีชาด’ เมื่อครู่ และได้เห็นสภาพที่แท้จริงในปัจจุบันของอีกฝ่าย ดาลีย์·ซิโมเน่ที่ถูกแรงกดดันมหาศาลเล่นงาน คล้ายกับเริ่มเข้าใจบางสิ่ง ไม่เพียงจะไม่ปิด ‘ประตูโลกแห่งความตาย’ เธอกลับยอมกัดฟัน ทุ่มพลังทั้งหมดขยายช่องว่างให้กว้างขึ้น
ทั้งแขนเปื้อนเลือดปราศจากผิวหนัง ทั้งหนวดรยางค์เรียบมีฟัน เถาวัลย์เขียวเข้มที่มีใบหน้าทารก พลันยื่นออกจากด้านหลัง ‘ประตูโลกแห่งความตาย’ และจับลูเธอร์ไวล์
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้พลเอกขุมนรกได้รับอิสระคืนมา ซึ่งเดิมที มันคิดจะทำสิ่งนี้ด้วยตัวเองหากไม่เกิดอุปสรรคขึ้นมาเสียก่อน ฉวยโอกาสขณะที่ร่างกายยังไม่ถูกทำลายโดยเซารอน ไอน์ฮอร์น เมดีซี เพียงแค่เนื้อเริ่มเน่าโดยยังไม่หลุด ร่างกายชักกระตุกแผ่วเบาก่อนที่จะกระโดดไปทางบานประตูมายา!
มันถูกท่อนแขน หมวดรยางค์ เถาวัลย์ และวิญญาณที่อยู่หลังประตูพันธนาการร่างกายและแขนขา ท่ามกลางความรู้สึกชาที่กำลังแล่นไปทั่วร่าง ลูเธอร์ไวล์อาศัยแรงเฮือกสุดท้ายกระโดดพรวดเข้าไปในประตูที่เปิดกว้างขึ้นจากเดิม ส่งตัวเองเข้าสู่โลกวิญญาณ
ดาลีย์เห็นเช่นนั้นรีบชักมือกลับ ประตูทองแดงมายาที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ลึกลับมิอาจคงสภาพไว้ได้อีกต่อไป
โครม!
ประตูมายาที่ยากอธิบายปิดสนิท พลเรือเอกขุมนรกพร้อมด้วยเซารอน ไอน์ฮอร์น เมดีซี รวมถึงสิ่งมีชีวิตจากโลกแห่งความตายในร่างกาย ล้วนถูกตัดขาดออกจากโล่งแห่งความจริงโดยสิ้นเชิง
นี่คือกุญแจสำคัญในแผนของไคลน์
แยกวิญญาณมาร ‘เทวทูตสีชาด’ ออกจากอินซ์·แซงวิลล์!
แม้มันจะเชื่อว่าวิญญาณมารเทวทูตสีชาดเป็นปัจจัยทำให้อินซ์·แซงวิลล์ขาดเสถียรภาพ แต่ก็ยังไม่พร้อมจะล้างแค้นครึ่งเทพที่มีวิญญาณมารซึ่งเกิดจากการร่วงหล่นของราชาเทวทูตและเทวทูตลำดับ 1 อีกสองตน – ไม่มีใครคาดได้ว่า ‘นักวางแผน’ จะมีเจตนาเช่นไรในสถานการณ์แบบนี้
ดังนั้น ไคลน์จึงคิดแผนโดยพิจารณาจากยันต์โจรปล้นดวงและพลังพิเศษของหุ่นเชิดลูเธอร์ไวล์ การมีดาลีย์เข้ามาช่วยทำให้แผนการทั้งหมดราบรื่นขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น ไม่ถูกขัดจังหวะ ประสบความสำเร็จในการส่งวิญญาณมาร ‘เทวทูตสีชาด’ เข้าสู่โลกแห่งความตาย!
ด้วยวิธีนี้ แม้ฝั่งตรงข้ามจะสามารถสิงร่างพลเรือเอกขุมนรกและเดินทางกลับมายังโลกความจริงได้ด้วยพลังกระสวยวิญญาณ แน่นั่นคือเรื่องราวในอนาคตอีกยาวไกล เนื่องจากการเดินทางออกจากโลกแห่งความตายไม่ใช่เรื่องง่าย เทพธิดารัตติกาลครอบครองอำนาจบนเส้นทางมรณาไว้บางส่วนแล้ว ไม่มีทางปล่อยให้วิญญาณมารของเทวทูตสีชาดหลบหนีออกมาอย่างราบรื่น
สังเวยหุ่นเชิด ยันต์ระดับสูง และสมบัติวิเศษสองชิ้นเพื่อแลกกับการกีดกันวิญญาณมารเทวทูตสีชาดออกจากสนามรบ สำหรับไคลน์ แม้จะน่าเสียดายไปแล้ว แต่ก็คุ้มค่าเป็นอย่างมาก!
สำหรับ ‘ความอับโชค’ ที่อินซ์·แซงวิลล์ได้รับ ในแง่หนึ่งถือเป็นสภาวะต่อเนื่อง ไม่ใช่สิ่งที่จะหายไปในช่วงเวลาสั้นๆ ในอีกแง่หนึ่ง เนื่องจากถูก ‘คำสาปแห่งเทพ’ เล่นงาน ถึงยันต์โจรปล้นดวงจะมีอัตราความล้มเหลว แต่ไคลน์ก็บังคับให้ ‘ผู้ชนะ’ เอ็นโซเสริมดวงให้ลูเธอร์ไวล์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ทุกสิ่งที่ทำในช่วงเวลาดังกล่าวจะประสบความสำเร็จอย่างราบรื่น
สำหรับสถานการณ์ตรงหน้า เลียวนาร์ดไม่เคยคาดคิดมาก่อน แต่มันก็เข้าร่วมกับหน่วยถุงมือแดงมาแล้วเกือบหนึ่งปี มีประสบการณ์มากมายในโลกเหนือธรรมชาติ ปราศจากความตะลึงหรือลังเล รีบหันไปจ้องหน้าอินซ์·แซงวิลล์ที่กำลังยืนผงะ
เมื่อกระจกตาของมันสะท้อนภาพอินซ์·แซงวิลล์ที่สวมชุดคลุมนักบวชสีดำ ใบหน้าเลียวนาร์ดพลันบิดเบี้ยว ประหนึ่งกำลังเผชิญแผลใจที่คอยตามหลอกหลอนตนมานาน
แผลใจที่เคยพยายามอย่างสุดความสามารถแต่ก็สูญเปล่า แผลใจที่ได้เห็นหัวหน้าและไคลน์ตายไปแล้วหลังจากได้สติกลับคืนมา
เลียวนาร์ดยกมือซ้ายขึ้น เลื่อนถุงมือหนังมนุษย์ขึ้นมาบนหน้าผาก มืออีกข้างกำลังกำยันต์โจรปล้นดวงพร้อมกับคำรามเสียงต่ำ
“โชคชะตา!”
ท่ามกลางภาษาเหนือธรรมชาติที่ดังกังวาน หน้าถุงมือข้างซ้ายของเลียวนาร์ดปรากฏหนังสือมายาสีใส ตามด้วยเสียงท่องมนต์อย่างเคร่งขรึม: “ข้าบรรลุ ข้าประจักษ์ ข้าบันทึก”
สายฟ้าสีเงินสว่างเส้นแล้วเส้นเล่า กระหน่ำผ่าลงมาและกลืนกินร่างเลียวนาร์ด
พายุสายฟ้า!
ขณะเดียวกัน เลียวนาร์ดชักลูกโม่ออกมาจ่อขมับพร้อมกับลั่นไก
มันกำลังฆ่าตัวตาย แต่ด้วยอำนาจของยันต์โจรปล้นดวง ชะตากรรมของมันจะถูกสลับที่กับอินซ์·แซงวิลล์!
นี่คือวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่มันจะคิดออกเมื่อพิจารณาว่าตนมียันต์โจรปล้นดวงและยุบพองหิวโหย เป็นวิธีที่ต้องใช้ความกล้าอย่างมาก!
ทันใดนั้น สายฟ้าสีเงินจำนวนมากเริ่มเลือนหาย ความมืดมิดโดยรอบกลับคืนสภาพปรกติ เลียวนาร์ด·มิเชลได้สติตื่นและพบว่าตนกำลังยืนอยู่ในจุดเดิม ฝ่ามือซ้ายมิได้ยกขึ้น ในมือขวายังมียันต์โจรปล้นดวงถืออยู่
ทั้งหมดที่มันทำเมื่อครู่เป็นเพียงความฝัน!
ทันใดนั้น ภายในดวงตาสีน้ำเงินเข้มของอินซ์·แซงวิลล์ ความมืดเริ่มเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าราวกับกำลังจะบอกว่า: ทำไมถึงคิดว่าตัวเองไม่ได้กำลังฝัน?
อันที่จริง ก่อนที่เซารอน ไอน์ฮอร์น เมดีซีจะหลุดออกจากร่าง อินซ์·แซงวิลล์ได้สร้างโดมความฝันขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อดึงศัตรูทั้งหมดในละแวกใกล้เคียง แต่น่าเสียดาย ชายพกเรเพียร์กลับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ส่งผลให้ความพยายามของมันต้องกลายเป็นหมัน
เนื่องจากสัมผัสวิญญาณถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง แถมการเผชิญหน้าระหว่างสองราชาเทวทูตก็สามารถยุติลงได้ทุกเมื่อ อินซ์·แซงวิลล์จึงไม่ลังเลที่จะสร้างโดมความฝันขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้เลียวนาร์ด·มิเชลและดาลีย์·ซิโมเน่ที่เพิ่งมาถึงถูกดึงเข้าสู่โลกความฝันโดยปริยาย
จากนั้น มันหยิบ ‘ปากกาอัลเซอร์ฟอร์ด’ ขึ้นมาเขียนบนเสื้อผ้าบริเวณแขน
“ในวันนี้ อินซ์·แซงวิลล์อยู่ในสภาพที่พร้อมมาก สามารถควบคุมร่างสัตว์ในตำนานได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้สามารถหลบหนีได้ด้วยการทุ่มเทพลังทั้งหมด!”
ในวินาทีที่คำสุดท้ายถูกตวัด ปากกาขนนกทรงโบราณพลันร่วงหล่นพร้อมกับร่างกายอินซ์·แซงวิลล์ที่เริ่มแปรสภาพ
ดวงตาของมันกลายเป็นสีดำสนิทราวกับหมึกดำ ลวดลายลึกลับจำนวนมากผุดขึ้น ก่อตัวเป็นสัญลักษณ์ลึกลับ แปลกประหลาด และบิดเบี้ยว
บริเวณเอวและซี่โครง เสื้อคลุมพองออกพร้อมกับมีมือไร้หนังสี่ข้างพุ่งพรวดออกมา เลือดสดกำลังดีดดิ้นไปพร้อมกับเส้นเลือดที่พัวพัน
แขนดังกล่าวถูกปกคลุมด้วยขนสีขาวอย่างรวดเร็ว ออร่าแห่งความตายพลุ่งพล่านเข้มข้น
ในเวลาเดียวกัน ฟันของอินซ์·แซงวิลล์ค่อยๆ เหยียดยาวอย่างแหลมคมทีละซี่ ร่างกายคล้ายกับกำลังอัดแน่นไปด้วยใบหน้าเล็กๆ จำนวนมหาศาล
เพียงพริบตา ผู้พิทักษ์ราตรีทิ้งตัวลงบนพื้น กลายเป็นสัตว์ประหลาดพิสดารแปด ‘ขา’ ซึ่งปกคลุมไปด้วยขนนกสีขาว!
รอบๆ จัตุรัสแปรสภาพกลายเป็นยามค่ำคืน แมลงในดินและสิ่งมีชีวิตเล็กๆ บนพื้นหินต่างตายคาที เข้าสู่การหลับใหลอันเป็นนิรันดร์
นี่คือการผนึกกำลังระหว่างพลังในขอบเขตความตายและรัตติกาล!
ขณะดาลีย์·ซิโมเน่และเลียวนาร์ด·มิเชลกำลังจะตายและเข้าสู่ห้วงนิทรานิรันดร์ เสียงฟ้าร้องพลันดังสนั่นจากด้านบน
สายฟ้าสีเงินฟาดลงมาทีละเส้น แปรสภาพบริเวณโดยรอบให้กลายเป็นผืนป่าสายฟ้า ท่วมท้นร่างกายอินซ์·แซงวิลล์ที่อยู่ในร่างสัตว์ในตำนาน
หลังจากเนรเทศวิญญาณมารเทวทูตสีชาดออกไป ไคลน์มิได้นิ่งเฉย ทำตัวราวกับหุ่นเชิดที่ถูกตั้งคำสั่งไว้ล่วงหน้า รีบเดินถอยหลังที่ก้าวทวนเข็ม ส่งตัวเองเข้าสู่มิติหมอก สวมมงกุฎและเสื้อคลุมสันตะปาปาพร้อมกับเสกให้คทาเทพสมุทรลอยมาอยู่ในมือ!
นี่คือองก์ที่สามของบทละคร หลังจากอาดัมสยบพลังของ 0-08 และหลังจากวิญญาณมารเทวทูตสีชาดออกห่างจากอินซ์·แซงวิลล์ด้วยยันต์โจรปล้นดวง ศัตรูของตนต้องเผชิญหน้ากับความเกรี้ยวกราดของเทพสมุทรที่แข็งแกร่งทัดเทียมลำดับ 4!
ไคลน์ทราบดี ลำพังพลังของตนคงไม่สามารถจัดการกับผู้วิเศษลำดับ 4 ไหว จึงวางแผนขจัดผู้ช่วยของอินซ์·แซงวิลล์และเตรียม ‘ลงทัณฑ์’ อีกฝ่ายด้วยสายฟ้าจากมิติหมอก เป็นสถานการณ์แบบเดียวกับเมื่อครั้งที่สู้กับโจนาส·โคลเกอร์แห่งเส้นทางจักรพรรดิมืดกลางทะเล
แม้ว่าตนจะมิอาจดับลมหายใจครึ่งเทพที่มีพลังชีวิตสูงได้ตามลำพัง แต่ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการยื้อเวลาให้เบื้องบนของโบสถ์รัตติกาลนำสมบัติปิดผนึกออกปฏิบัติการ!
ในแผนนี้ มีสองปัจจัยที่ยากจะควบคุม
ประการแรก ไคลน์เดาไม่ได้ว่า 0-08 จะมีอิทธิพลมากน้อยเพียงใด แผนสำรองสำหรับเรื่องนี้คือการให้เอ็นโซเตรียมสวดวิงวอนเพื่อนำ ‘การเดินทางของกรอซาย’ กลับมายังโลกความจริง เมื่อหนังสือเล่มดังกล่าวถูกอัญเชิญลงมายังชายขอบสนามรบ ไคลน์เชื่อว่ามีโอกาสที่จะดึงดูดความสนใจจากปากกาขนนกนั่นได้ไม่มากก็น้อย ส่งผลให้มันหนีจากอินซ์·แซงวิลล์ เพราะท้ายที่สุด มันเชื่อว่าปากกาขนนกคือสมบัติปิดผนึกในเส้นทางผู้ชม ควรจะหันมาสนใจหนังสือวิเศษที่มังกรจินตภาพเป็นผู้ประพันธ์
ประการที่สอง อาดัม บุตรแห่งพระผู้สร้าง ไคลน์ไม่ทราบว่าเทวทูตรายนี้มีพลังมากเพียงใด แต่ก็ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะสามารถสยบ 0-08 จัดการวิญญาณมารเทวทูตสีชาดและอินซ์·แซงวิลล์ไปพร้อมๆ กันได้!
สำหรับปัจจัยเหล่านี้ ไคลน์ไม่มีแผนการรองรับ ทำได้เพียงสวดวิงวอนถึงเทพธิดาและขอพรจากพระองค์
บรึ้ม!
ผืนป่าสายฟ้ากระหน่ำลงมาอีกครั้ง ท่วมท้นไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างที่แข็งแกร่ง
ทันใดนั้น ความมืดมิดอันเข้มข้นล้นทะลักออกจากช่องว่างสายฟ้า กลืนกินแสงสีเงินทั้งหมด
ถัดมา ‘ขา’ ทั้งแปดของอินซ์·แซงวิลล์ขยับอย่างบ้าคลั่งเพื่อพาเจ้าของร่างหนีออกจากพื้นที่
มันไม่ทราบว่าอีกฝ่ายโจมตีมาจากไหน ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ใช้พลังพายุสลายฟ้า ทำได้เพียงกล้ำกลืนโทสะพร้อมกับวิ่งไปทางอาคารหลังหนึ่งริมจัตุรัสด้วยความเร็วสูงจนเกิดภาพตกค้าง
ทว่า เสียงฟ้าร้องยังคงคำรามสนั่น สายฟ้าเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งดักทางหนี ต้อนอินซ์·แซงวิลล์ให้อยู่แต่ภายในจัตุรัส
ดาลีย์และเลียวนาร์ดตื่นจากความฝันแล้ว แต่แสงของสายฟ้าส่งผลกระทบต่อทัศนวิสัย ช่วยให้ทราบเพียงว่า ปัจจุบันอินซ์·แซงวิลล์กลายร่างเป็นสัตว์ในตำนาน แต่รายละเอียดยังไม่ชัดเจน
ร่างสัตว์ในตำนาน… เนื่องจากทั้งสองมีพื้นฐานความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับค่อนข้างแน่น จึงทราบถึงอันตรายได้ทันที รีบหลับตาลงและหาจุดซ่อนตัว
เมื่อตระหนักว่าตนคงหนีไม่พ้นจากสายฟ้าไปอีกสักพัก อินซ์·แซงวิลล์ตัดสินใจเหยียด ‘ขา’ ออกไปหยิบปากกาขนนก 0-08 พร้อมกับเขียนบนตัวขณะวิ่ง
“ตัวตนลึกลับเกิดสนใจในการต่อสู้ เกิดเห็นใจอินซ์·แซงวิลล์เป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจช่วยเหลือเขาโดยการพาออกไปทางโลกวิญญาณ!”
ราชันเร้นลับ 944 : องก์ที่สี่
ท่ามกลางจัตุรัสคืนชีพที่ปกคลุมไปด้วยรอยไหม้และรอยร้าว สภาพแวดล้อมรอบตัวมืดมนลงกะทันหัน ทวีความอึมครึมและเย็นชา แม้แต่สายฟ้าสีเงินสว่างก็มิอาจขจัดปัดเป่าความรู้สึก
ดาลีย์ตระหนักว่าตัวตนลึกลับสักตนกำลังเดินทางมาจากโลกวิญญาณ เข้าใกล้ที่นี่อย่างมาก พร้อมกับเกิดลางสังหรณ์ว่าอินซ์·แซงวิลล์จะหลบหนีไปได้อย่างง่ายดายด้วยความบังเอิญที่คาดไม่ถึงเช่นนี้
เธอรู้สึกหนาวเย็นจนยากจะควบคุม ราวกับได้ย้อนเวลากลับไปสมัยเพิ่งเป็นผู้วิเศษใหม่ๆ
ณ ตอนนั้น เนื่องด้วยอุบัติเหตุบางประการ เด็กสาววัยสิบเก้าปีต้องสูญเสียครอบครัวและลงเอยด้วยการดื่มโอสถ กลายเป็นผู้เก็บซากศพและถูกรับเข้าหน่วยเหยี่ยวราตรี
ผลของโอสถและบาดแผลจากการสูญเสียครอบครัว ทำให้เธอมีความสุขกับบรรยากาศที่หมองหม่นและเย็นเยียบ มีบ่อยครั้งที่อดใจไม่ไหว ต้องเตร็ดเตร่ไปที่สุสานและนอนหลับหน้าหลุมศพ
เรื่องนี้ทำให้เธอกลายเป็นคนแปลก ผู้คนมักหลบหน้าโดยสัญชาตญาณ ไม่เพียงอุณหภูมิร่างกายจะลดลง แต่จิตใจก็ยังทวีความเย็นชาราวกับจะกลายเป็นน้ำแข็ง
เธอหวาดกลัวความรู้สึกเช่นนี้ เธอยังอยากเป็นคนธรรมดา จึงใช้ความหลงใหลที่ผู้ชายมีต่อเรือนร่างของตน ควงหนุ่มไม่ซ้ำหน้าเพื่ออาศัยความอบอุ่นจากร่างกายต่อสู้กับความหนาวเย็นทางจิตใจ
ท่ามกลางชีวิตที่เสื่อมโทรมและโสมม เธอได้พบกับชายคนนั้น ชายที่คอยรับฟังทุกสิ่งอย่างอ่อนโยน คอยอยู่เคียงข้างและหยิบยื่นความช่วยเหลืออย่างใจเย็น ชายที่เผชิญหน้ากับเรื่องตลกทางเพศแล้วเขินอา ชายผู้อ้าแขนรับข้อบกพร่องของพวกพ้องด้วยทัศนคติที่ซื่อตรง ชายผู้ทำตัวไม่ถูกหลังจากถูกหยอกล้อหนแล้วหนเล่า ชายผู้เก็บซ่อนความเจ็บปวดและโศกเศร้าจนไรผมหลุดร่วงก่อนวัยอันควร ชายผู้ก้าวเท้าออกไปเป็นคนแรกเมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย ปล่อยให้เพื่อนร่วมทีมอยู่ด้านหลังอย่างปลอดภัย
เธอเปลี่ยนไป เริ่มแต่งหน้าให้ดูมีอายุ เลิกควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า แต่ยังคงหลอกล้อด้วยมุกตลกทางเพศเล็กๆ น้อยๆ เพื่อทำให้คนรอบข้างมองว่ายังไม่เปลี่ยนไป
ทว่า ทุกสิ่งกลับสายเกินไป เธอไม่ได้เห็นผู้ชายคนนี้สวมบทบาทอย่างสมบูรณ์และย่อยโอสถ เลื่อนเป็นลำดับ 6 เธอไม่ได้เห็นชายคนนี้เป็นฝ่ายออกปากชวนเต้นรำเป็นคู่เปิดงาน และไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมศึกสุดท้ายในชีวิตเขา หมดโอกาสได้บอกความรู้สึกที่เก็บซ่อนภายในใจ
เราทำพลาดมาตลอด ไม่เคยทำอะไรทันสักอย่าง… แต่วันนี้ เราจะไม่ทำผิดซ้ำสอง… สีหน้าดาลีย์ทวีความหม่นหมอง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยอย่างอ่อนโยนเจือความเศร้า
ด้วยดวงตาที่ปิดสนิท เธอดึงขวดโลหะออกจากช่องลับกระเป๋าเสื้อ เปิดผาและกระดกดื่มของเหลวภายใน
ขอบตาและแก้มสีฟ้าพลันส่องแสง ผิวพรรณใสขึ้นเล็กน้อย มวยผมที่เคยเกล้าขึ้น คลายออกจากกันและดันเสื้อคลุมหัวออก สยายออกไปทุกทิศทาง
“ถึงวิญญาณผู้เร่ร่อนในความว่างเปล่า สัตว์วิญญาณระดับสูงแห่งโลกเบื้องบน ผู้ชมเหตุการณ์ที่มิอาจคาดเดา” ดาลีย์ท่องคาถาอย่างรวดเร็วอย่างสั้นกระชับแต่ทรงพลัง “ตัวข้า ขอวิงวอนในนามของข้า ขอทำพันธสัญญากับท่าน ขอให้ท่านออกไปจากที่นี่!”
ด้านหลังอินซ์·แซงวิลล์เจ้าของแปดขาและมีขนนกสีขาวปกคลุม ร่างหนึ่งปรากฏกาย เป็นกลุ่มก้อนเนื้อสีเลือดที่มีสายตาจำนวนมากฝังอยู่บนแขนที่มีสายพันธุ์แตกต่างกันไป
ขณะเตรียมคว้าร่างอินซ์·แซงวิลล์และลากเข้าสู่โลกวิญญาณ ร่างดังกล่าวชะงักกะทันหัน สายตาจ้องมองดาลีย์·ซิโมเน่
บนผิวของดาลีย์ เกล็ดงูสีเข้มจำนวนมากผุดขึ้น ตามรอยแยกของเกล็ดมีขนนกสีขาวผุดแซม
เธอทรุดคุกเข่าอย่างอ่อนแรงและเจ็บปวด แต่ก็ยังคงสติเอาไว้ได้
บนร่างอินซ์·แซงวิลล์ ปากกาขนนกเขียนด้วยตัวเอง
“สิ่งมีชีวิตลึกลับปรากฏกายที่จัตุรัสคืนชีพและเตรียมพาอินซ์·แซงวิลล์เข้าสู่โลกวิญญาณ แต่เรื่องนั้นไม่เกิดขึ้น มันถูกดึงดูดโดยดาลีย์·ซิโมเน่เนื่องจากมีรสนิยมโน้มเอียงไปทางมนุษย์ มันปล่อยมือจากอินซ์·แซงวิลล์และยอมรับข้อเสนอของดาลีย์·ซิโมเน่”
“คาดไม่ถึงเลยว่า ในด้านพลังการสื่อวิญญาณ อินซ์·แซงวิลล์ที่เป็นครึ่งเทพจะพ่ายแพ้ต่อดาลีย์·ซิโมเน่ผู้อยู่ในลำดับ 5 แม้ว่าสตรีผู้นี้จะลงทุนใช้ยาวิเศษ ‘บุปผาวิญญาณ’ และยอมจ่ายด้วยค่าตอบแทนแสนแพง แต่โอกาสที่เธอจะเอาชนะอินซ์·แซงวิลล์ผู้เป็นเจ้าของปากกาอัลเซอร์ฟอร์ดนั้นต่ำมาก”
“อินซ์·แซงวิลล์ช่างโชคร้าย เขากำลังเผชิญเหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์”
ท่ามกลางพายุสายฟ้า ภายในดวงตาสีเข้มของอินซ์·แซงวิลล์มีสัญลักษณ์ลึกลับปรากฏขึ้น ส่งผลให้ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มส่องสว่าง จากนั้น มันใช้ ‘มือ’ จับปากกาขนนกและเขียนลงบนตัวอีกครั้ง
“อีกหนึ่งตัวตนลึกลับถูกดึงดูดให้เข้ามาใกล้ๆ และพยายามเข้าสู่โลกความจริง…”
เขียนถึงตรงนี้ ปากกาชะงักกะทันหัน ลงมือเขียนต่อด้วยตัวเอง
“มาแล้ว! มีตัวตนลึกลับกำลังมาที่นี่! เธอคือไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์! แต่ว่า ไรเน็ตต์·ไทเคอร์ทำการขับไล่สิ่งมีชีวิตวิญญาณทั้งหมดในละแวกใกล้เคียง เธอเหลือบมองอินซ์·แซงวิลล์ด้วยหางตาก่อนจะถอนสายตากลับ จากนั้นก็เดินจากไปพร้อมกับลาดตระเวนในละแวกใกล้เคียง”
“อินซ์·แซงวิลล์โชคไม่ดีเอาเสียเลย! ดวงซวยชะมัด!”
ทันใดนั้น ร่างกายของอินซ์·แซงวิลล์ที่ขยับตลอดเวลาด้วยความเร็วสูงพลันชะงัก คล้ายกับถูกโจมตีเข้าอย่างจัง
เปรี้ยง!
สายฟ้าสีเงินเส้นหนาๆ ผ่าลงมายังสัตว์ประหลาดแปดขาด้วยความหนักหน่วง อินซ์·แซงวิลล์กระเด็นเสียหลักพร้อมกับส่งเสียงคำรามต่ำที่ฟังดูไม่เหมือนมนุษย์
ภายในดวงตาที่มืดสนิท แสงสีแดงเข้มที่ส่องสว่างพลันระเบิดกระจัดกระจาย กลายเป็นจุดแสงสีแดงที่ดูกระหายเลือด โหดร้าย และบ้าคลั่ง
“อินซ์·แซงวิลล์มิอาจคงสติไว้ได้ เหตุและผลสูญสิ้นไปเกือบทั้งหมด” ยิ่งปากกานกที่ชำรุดเล็กน้อยลงมือเขียน สีของมันก็ยิ่งหม่นหมองลงก่อนจะแน่นิ่งโดยสมบูรณ์
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องที่ทำให้ทุกคนสั่นกลัว ความมืดแผ่ขยายไปทุกทิศ ดึงดาลีย์·ซิโมเน่และเลียวนาร์ด·มิเชลเข้าสู่โลกความฝันในเวลาเดียวกัน
ทว่า เสียงคำรามของสายฟ้าได้ปลุกทั้งสองให้ตื่นจากภวังค์
อินซ์·แซงวิลล์ขยับขาทั้งแปดเดินถอยหลังจนเกิดเป็นภาพตกค้าง จากนั้นก็รีบปรี่เข้าหาดาลีย์·ซิโมเน่ที่อยู่ในสภาพใกล้คลุ้มคลั่งเต็มที หวังทำลายเหยี่ยวราตรีที่คอยพังแผนการหลบหนีของตนหนแล้วหนเล่าอย่างโหดเหี้ยม
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
สายฟ้าจากเบื้องบน ผ่าลงมาเพื่อกีดขวางเจตนาของอินซ์·แซงวิลล์
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ขาทั้งแปดที่ปกคลุมด้วยขนสีขาว ซึ่งตอนนี้มีรอยไหม้เกรียมเจือจาง เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงในท่าหมอบต่ำ ขยับตัววนเวียนไปรอบๆ จัตุรัสเพื่อหาโอกาสฆ่าเลียวนาร์ดและดาลีย์
ด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดที่ยังหลงเหลือ อินซ์·แซงวิลล์พบว่าความถี่ของสายฟ้าลดลงจากเดิมมาก!
บุคคลที่กระหน่ำยิงสายฟ้าใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว พลังวิญญาณของมันใกล้เหือดแห้ง!
หัวของมันเริ่มเต้นแรง มุมปากยกขึ้นพร้อมรอยยิ้ม อินซ์·แซงวิลล์วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดพลางพึมพำภาษาฟุซัคโบราณ
“พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!”
ดูเหมือนว่า มันหลงลืมความคิดที่จะหลบหนี
ทุกคนต้องตาย… เลียวนาร์ด·มิเชลไม่ได้ยินสิ่งใดนอกจากประโยคดังกล่าว มันไม่สามารถลืมตา จึงมิอาจระบุตำแหน่งปัจจุบันของอินซ์·แซงวิลล์ และมิอาจใช้พลังวิญญาณกำหนดเป้าหมาย
ในวินาทีนี้ เลียวนาร์ดรู้สึกราวกับถูกย้อนเวลามาที่เมืองทิงเก็น ในบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬ ย้อนกลับมายังช่วงเวลาที่ได้ปะทะกับเมกูสอย่างดุเดือด ช่วงเวลาที่มันอ่อนแอและไร้ค่า
ณ ตอนนั้น ใจมันอยากจะช่วยหัวหน้าและไคลน์ อยากเอาชนะความกลัว อยากให้ชายชราในร่างมอบคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการต่อสู้ ทว่า เนื่องด้วยลำดับที่ต่ำเกินไป เลียวนาร์ดหมดสติคาที่ หมดสิทธิ์เข้าร่วมการต่อสู้หลังจากนั้น ทำได้เพียงตื่นมาและพบศพพวกพ้องสองคน ทำได้เพียงโยนความผิดทั้งหมดให้ตัวเอง ยอมเผชิญหน้ากับญาติผู้ตายที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
มันรักชีวิตสบายๆ ในเมืองทิงเก็น มันคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกของโลก คิดว่าไม่จำเป็นต้องพยายามมากมายอะไร เมื่อยิ่งคิดถึงความรู้สึกเหล่านั้น เลียวนาร์ดยิ่งโกรธตัวเองที่ไม่ยอมรีบทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน
ด้วยตาที่ปิดสนิท แต่ยังพอมองเห็นแสงกะพริบจากเปลือกตา เลียวนาร์ดกำมือแน่นพร้อมกันตะโกน
“ตาแก่…! ตาแก่!”
ในตอนนี้ ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา ผู้ช่วยอย่างพาลีส·โซโรอาสเตอร์กำลังอยู่ในสภาวะหลับใหล
ลมหายใจเลียวนาร์ดเริ่มติดขัด ศีรษะของมันขยับไปตามแสงกะพริบของเปลือกตาตามธรรมชาติ จากนั้นก็ตะโกนด้วยเสียงที่ค่อนข้างแหบเจือความสั่นเครือ
“ตาแก่…! ตาแก่…! ตาแก่!!”
เสียงตะโกนค่อยๆ แผ่วลงและถูกกลบด้วยเสียงฟ้าร้อง เลียวนาร์ดลดศีรษะลงด้วยความอับอายและเจ็บปวด
ริมฝีปากสั่นระริก กำปั้นคลายออกและกำใหม่ ร่างกายแข็งทื่อเช่นนี้นานหลายวินาที
ทันใดนั้น สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนเป็นขึงขัง ปากอ้ากว้างพร้อมกับพ่นภาษาเฮอร์มิสโบราณอย่างนอบน้อม
“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย… ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกสีเทา… ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ!”
เพียงสิ้นสุดคำวิงวอน ภาพประหลาดพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
อินซ์·แซงวิลล์ที่กลายเป็นแมงมุมหรือไม่ก็หมาป่าประหลาด กำลังวิ่งส่ายไปมาด้วยความเร็วสูงเพื่อหลบสายฟ้า ในบางครั้งก็พยายามโจมตีตัวมันหรือดาลีย์
และแตกต่างจากการมองด้วยตาเปล่า อินซ์·แซงวิลล์ในนิมิตของเลียวนาร์ดค่อนข้างพร่ามัว ตัวทั้งตัวถูกย้อมด้วยสีแดง ใช้ระบุตำแหน่งได้เพียงอย่างเดียว
เลียวนาร์ดตกตะลึงในตอนต้น แต่จากนั้นก็หัวเราะทั้งน้ำตา หยดของเหลวสีใสไหลอาบข้างแก้ม
โดยไม่รีรอ มันยกมือซ้ายขึ้นมาวางบนหน้าผาก มือขวากำยันต์โจรปล้นดวงแน่นกระชับ
“โชคชะตา!”
ท่ามกลางภาษาโบราณที่ก้องกังวาน เลียวนาร์ดสร้างหนังสือมายาโปร่งใสขึ้นตรงหน้าพร้อมกับท่องมนต์ “ข้าบรรลุ ข้าประจักษ์ ข้าบันทึก” จากนั้นก็เปิดไปยังหน้าหนึ่ง สมาธิจดจ่ออยู่กับสัตว์ประหลาดแปดขาที่ปกคลุมด้วยขนนกสีขาว
สายฟ้าสีเงินฟาดผ่าลงมาอย่างเกรี้ยวการ์ด เลียวนาร์ดโยนยันต์โลหะออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพร้อมกับตะโกน
“ลงนรกไปซะ! อินซ์·แซงวิลล์!”
คำพูดนี้ มันรอคอยมาแสนนาน ผ่านการซักซ้อมในใจนับครั้งไม่ถ้วน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น