Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 847-850
ราชันเร้นลับ 847 : ชื่อที่ซ่อนอยู่ในเอกสาร
ภายในรถม้าที่แล่นผ่านสี่แยกถนนเบิร์คลุน เลียวนาร์ด·มิเชลกำลังสนทนาในหัวข้อเกี่ยวกับดอน·ดันเตส เป้าหมายการสืบสวนในคราวนี้ ร่วมกับถุงมือแดงอีกสองคน
“ฉันยังไม่เคยปฏิสัมพันธ์กับสุภาพบุรุษรายนี้โดยตรง มีเพียงการสอบปากคำคนรับใช้และเพื่อนบ้าน” ซินดี้ สตรีผมยาวสีไวน์แดงเริ่มเกริ่นเกี่ยวกับผลการสอบสวน “ทางนี้ยืนยันได้เบื้องต้นว่า ดอน·ดันเตสยังคงทำตัวตามปรกติตั้งแต่เมื่อคืนถึงตอนเช้า เขาเข้านอนตอนห้าทุ่มกว่าและตื่นประมาณเจ็ดโมงครึ่ง บุรุษรับใช้ที่เป็นคนเตรียมเสื้อผ้าช่วยยืนยันเรื่องนี้ ไม่มีความผิดใดเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว… แน่นอน ในบางวันอาจมีการตื่นขึ้นมากินมื้อดึกหลังเที่ยงคืน บางวันอาจตื่นก่อนเจ็ดโมงเพื่อไปเดินเล่น แต่นั่นไม่ใช่กิจวัตร”
บ๊อบ ถุงมือแดงอีกหนึ่งคน พยักหน้ารับ
“จากข้อมูลดังกล่าว ดอน·ดันเตสไม่มีปัญหา”
เลียวนาร์ด·มิเชลผู้กำลังนั่งอยู่ในท่าผ่อนคลาย ยิ้มมุมปากและพูด
“อาจจะตรงกันข้ามเลยก็ได้… จากข้อมูลสรุปในปัจจุบัน คนงานที่หายตัวไปถูกสวมรอยระหว่างเวลาห้าทุ่มยี่สิบถึงสามสิบห้าของเมื่อคืน ในเช้าวันถัดมา คนร้ายลอบแทรกซึมเข้าไปในประตูยานิสช่วงหกโมงเช้า ทางวิหารตรวจพบปัญหาตอนเจ็ดโมงยี่สิบ แต่ก็จับมือใครดมไม่ได้… กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในช่วงเวลาที่คนร้ายก่อเหตุ ดอน·ดันเตสกำลังนอนหลับโดยไม่มีพยานยืนยันตัว”
“สมเหตุสมผล…” ซินดี้มองหน้าเลียวนาร์ดด้วยความประหลาดใจ
ตามภาพจำของเธอ แม้เพื่อนร่วมทีมรายนี้จะมีข้อสันนิษฐานที่แม่นยำและตรงจุดเสมอ แต่ก็ไม่ค่อยอธิบายรายละเอียดเหมือนเมื่อครู่มากนัก ชอบทำตัวเป็นนักกวีเกียจคร้านที่จะกระตือรือร้นเป็นครั้งคราว
บ๊อบผู้มีคางเรียวแหลม ขมวดคิ้วพลางส่ายหน้า
“ถ้าจะอ้างเหตุผลของคุณ ไม่มีใครในรายชื่อนี้ที่บริสุทธิ์แม้แต่คนเดียว พวกเขาล้วนหลับสนิทโดยไม่มีพยานยืนยัน ต่อให้อาศัยร่วมกับภรรยาหรือสามี แต่ก็คงกำลังหลับอยู่พร้อมกัน… แล้วก็ ผมคิดว่าคนร้ายไม่น่าจะกล้าและบ้าบิ่นขนาดนั้น หลังจากลอบแทรกซึมประตูยานิสและหลบหนีออกมาได้อย่างราบรื่น บรรลุภารกิจที่เป็นราวกับปาฏิหาริย์ เขาจะยังอาศัยอยู่ใกล้ๆ โดยไม่เปลี่ยนตัวตนเลยหรือ? นั่นเสี่ยงเกินไปสำหรับคนร้ายที่รัดกุมและรอบคอบ เว้นเสียแต่ยังมีแผนการบางอย่างในใจ หรือไม่ก็ยังอาลัยอาวรณ์กับบางสิ่งใกล้ๆ … แต่จะมีอะไรเทียบได้กับสิ่งของภายในประตูยานิสอีกหรือ? สิ่งใดเทียบได้กับวัตถุดิบหลัก สูตรโอสถ และสมบัติปิดผนึกภายในนั้น?”
ถ้าไม่ใช่เพราะฉันรู้ว่าเขาคือตัวปัญหา ก็คงมีความคิดแบบเดียวกันกับนาย… เลียวนาร์ดครุ่นคิดสักพัก ยกเท้าขวาขึ้นมาไขว่ห้างและพูด
“ผมแค่จะบอกว่าพวกเราไม่ควรรีบตัดดอน·ดันเตสออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัย… นอกจากนั้น หัวหน้ายังบอกด้วยว่าคนร้ายอาจเสียชีวิตแล้วภายในประตูยานิส ถึงดอน·ดันเตสจะไม่ใช่คนร้าย แต่เขาก็อาจเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด… อา คุณไม่คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหน่อยหรือ? หลังจากเขาย้ายมาได้ไม่ถึงสองเดือน วิหารนักบุญแซมมวลต้องเผชิญกับเหตุร้ายแรงในระดับหลายร้อยปี… ไม่เพียงเท่านั้น เขายังแวะมาที่วิหารนักบุญแซมมวลบ่อยเกินไป มีโอกาสมากที่จะคอยสอดส่องเวรยาม… เหนือสิ่งอื่นใด ไม่กี่วันที่ผ่านมาเพิ่งเกิดเหตุระเบิดภายในท่อระบายน้ำของถนนเบิร์คลุน”
ซินดี้รวบผมยาวสีไวน์แดง
“เหตุผลของคุณฟังขึ้น ฉันคิดว่าเราควรต้องเน้นสืบสวนเขา”
บ๊อบดึงขอบถุงมือสีแดงข้างซ้ายขึ้นพลางกล่าว
“จริงอยู่ที่มีความบังเอิญเกิดขึ้นมากมาย… แต่ความบังเอิญไม่ได้บ่งชี้ว่าดอน·ดันเตสคือตัวปัญหา การไปวิหารทุกวันของเขาเพื่อฟังบิชอปเทศนา อย่างมากก็ทำให้ทราบโครงสร้างอาคารเพียงผิวเผิน แต่มิอาจเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกอย่างเวลาที่ผู้คุมจะเข้าไปทำงานในประตูยานิส หรือขั้นตอนการดำเนินงานของเหยี่ยวราตรี”
“ถึงบอกไงว่าเขาอาจจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด” เลียวนาร์ดยักไหล่
มันเองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมดอน·ดันเตสถึงรู้กระบวนการภายในของเหยี่ยวราตรีอย่างทะลุปรุโปร่ง
ซินดี้เสริม
“อย่างไรก็ดี พวกเราต้องตรวจสอบเขาในเชิงลึก… รอจนถึงตอนเที่ยงค่อยเข้าไปถามเขาโดยตรงในฝันดีไหม? ได้ยินว่าเขามีนิสัยชอบงีบตอนกลางวัน”
เลียวนาร์ดยกมือขวาขึ้นโบกแผ่วเบา
“ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น… ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยทำการสืบสวนตามธรรมเนียมกับเขา… ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยเข้าฝันเขา เราเคยทำแล้วแต่ไม่พบปัญหา… ถ้าเขาบริสุทธิ์ พวกเราก็จะเสียเวลาเปล่า… แต่ถ้าเขาคือตัวปัญหา พิจารณาจากการที่เคยถูกสอบปากคำมาก่อนและไม่เปิดเผยความผิดปรกติ แปลว่าเขามีวิธีปกปิดความลับในความฝัน และเราก็จะถูกหลอกอีกครั้ง… ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำคือการคอยจับตามอง สอดส่องว่าเขาติดต่อกับใครบาง ระหว่างนั้นก็รอการสอบสวนของแคว้นเดซีย์เกี่ยวกับตัวจริงของเศรษฐีรายนี้ เมื่อมีเบาะแสเพิ่มเติมค่อยดำเนินการสอบสวนด้วยวิธีการขั้นสูงกว่าเดิม”
ซินดี้ถึงกับอึ้ง อดไม่ได้ที่จะกล่าวติดตลก
“หายากนะเนี่ย… การที่คุณวิเคราะห์คดีแบบเอาจริงเอาจัง”
นอกจากนั้น แนวคิดและกระบวนการก็ยังชัดเจน มีระเบียบแบบแผนมาก!
เลียวนาร์ดเงียบไปสักพัก หัวเราะกับตัวเอง
“อาจเป็นเพราะ… ผมเคยเจออะไรที่คล้ายกันมาก่อน”
ทันใดนั้น ซินดี้สัมผัสได้ว่าดวงตาเลียวนาร์ดหมองลงกะทันหัน
เธอไม่สานต่อประเด็นเก่า
“ถ้าอย่างนั้นมาผลัดกันเฝ้าจับตามองดอน·ดันเตส เริ่มที่ฉัน”
“ตกลง” เลียวนาร์ดพยักหน้าพลางหันไปทางบ๊อบ “คุณไปตรวจสอบเอกคดีระเบิดท่อระบายน้ำเมื่อไม่กี่วันก่อน ยืนยันให้แน่ใจว่าไม่มีเบาะแสอะไรเพิ่มเติม ส่วนผมจะกลับไปอ่านแฟ้มคดีอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียง”
หลังจากแบ่งงานเสร็จ ถุงมือแดงทั้งสามแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง ในหมู่พวกมัน เลียวนาร์ดกลับไปยังห้องใต้ดินของวิหารนักบุญแซมมวลเพื่อตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับคดีบนถนนเบิร์คลุน รวมถึงแฟ้มเอกสารเกี่ยวกับชุมนุมแสงเหนือในกรุงเบ็คลันด์ตลอดสามปีหลัง
สำหรับอย่างหลัง เลียวนาร์ดทำการสืบสวนตามคำแนะนำของปรสิตในร่างกาย
นามของเดอะฟูลถูกเผยแพร่ครั้งแรกโดยชุมนุมแสงเหนือ นั่นหมายความว่า ชุมนุมแสงเหนือเกี่ยวข้องกับตัวตนลึกลับนี้ หรือไม่ก็ถูกองค์กรที่มีเดอะฟูลอยู่เบื้องหลังเล่นงานจนเกิดความเสียหาย!
กลับถึงห้องทำงาน เลียวนาร์ดสลัดคราบคนขี้เกียจพร้อมกับอ่านเอกสารปึกใหญ่อย่างตั้งใจ
ในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับชุมนุมแสงเหนือ มันคุ้นเคยกับคดีลาเนวุสมากที่สุด เอกสารระบุไว้ว่าในคดีดังกล่าว พระผู้สร้างแท้จริงล้มเหลวในการเสด็จลงมายังโลกมนุษย์ด้วยเหตุผลที่อธิบายไม่ได้ ผู้ลงมือคือชายลึกลับที่ชอบล่าอาชญากรเป็นงานอดิเรก ต้องสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับ ‘จอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด’ เพราะเหยื่อส่วนใหญ่จะถูกโปรยไพ่ทาโรต์หลังจากฆ่า มีคดีเดียวที่ปราศจากไพ่ทาโรต์คือการสังหาร ‘ผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย’ เจสัน·บีเลียลในท่อระบายน้ำ และนั่นเป็นเพราะเลียวนาร์ดไปถึงจุดเกิดเหตุเร็ว ทำให้ไม่มีเวลาตกแต่งศพ
เป็นอีกครั้งที่เลียวนาร์ดได้เห็นชื่อเชอร์ล็อก·โมเรียตี้เป็นส่วนหนึ่งของคดีแบบห่างๆ
มิสเตอร์ X แห่งชุมนุมแสงเหนือถูกลอบสังหารในชุมนุมลับของตัวเอง… มีพลังครึ่งเทพปรากฏขึ้น… ดอน·ดันเตสอยู่ในกรุงเบ็คลันด์… ทุกอย่างสอดคล้องกันมาก…
มิสเตอร์ A แห่งชุมนุมแสงเหนือและนิกายแม่มดร่วมมือกันสร้างโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์ และนักสืบเชอร์ล็อกก็หายตัวไปหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว…
มิสเตอร์ A คือผู้ลอบสังหารราชทูตอินทิส เบเคอร์ลัน·ฌอง·มาติน…
…
เลียวนาร์ดอ่านไล่ไปทีละคดี แต่ก็ไม่พบข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติม
หลังจากลูบหน้าผาก มันตัดสินใจเปลี่ยนแนวทางการสืบสวน เริ่มตรวจสอบคดีที่เกี่ยวข้องกับจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดแทน
คดีลาเนวุส… คดีแรกที่มีการโปรยไพ่ทาโรต์ประดับศพ… เดอะฟูลคือจุดเริ่มต้นของไพ่ทาโรต์…
คดีคาพิน… พลังที่จอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดแสดงให้เห็น ชายคนนั้นไม่มีความจำเป็นต้องเลียนแบบใคร… แต่ก็ยังโปรยไพ่ทาโรต์ลงบนศพ…
คดีผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย เจสัน·บีเลียล… เราได้เห็นจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดกับตา ทำให้เขาไม่มีเวลาโปรยไพ่…
นอกจากเรื่องที่เป็นเหตุการณ์สำคัญและมีเหยื่อเป็นอาชญากร ความเชื่อมโยงระหว่างสามคดีนี้คืออะไร? เลียวนาร์ดเค้นสมองครุ่นคิดและพบเพียงว่า นักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้เกี่ยวข้องกับคดีลาเนวุสกับคาพิน
แล้วคดีของผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย?
เลียวนาร์ดเปิดอ่านเอกสารที่เหลือทีละหน้า จนกระทั่งพบบรรทัดหนึ่งที่ไม่เด่นมาก
“เหยื่อที่ถูกคนร้ายโจมตีประกอบด้วยนักสืบไอเซนการ์ด·สแตนธอน นักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้”
สีหน้าแววตาเลียวนาร์ดเผยความตื่นเต้นทันทีที่พบความคืบหน้า
มันย้อนกลับไปเปิดอ่านคดีที่เกี่ยวข้องกับชุมนุมแสงเหนือใหม่อีกครั้งโดยไม่พลาดรายชื่อผู้เกี่ยวข้องทุกคน และหลังจากตรวจสอบจนแน่ใจ มันพบชื่อหนึ่งในทุกๆ คดี
คดีมิสเตอร์ A แห่งชุมนุมแสงเหนือลอบสังหารราชทูตอินทิส… ราชทูตอินทิสเป็นผู้นำหน่วยข่าวกรองอินทิสในภารกิจแย่งชิงพิมพ์เขียวของเครื่องหาผลต่าง… เบาะแสของพิมพ์เขียวเครื่องหาผลต่างมาจากสายลับคนหนึ่งที่ปลอมตัวเป็นนักสืบเอกชน…
มีรายงานว่า นักสืบเอกชนคนอื่นเกือบถูกฆ่าโดยแก๊งอันธพาลที่ได้รับคำสั่งจากราชทูตอินทิสโดยตรง… นักสืบเอกชนอีกแล้ว… เลียวนาร์ดลุกพรวดและเดินออกจากวิหารนักบุญแซมมวล ตรงไปยังสถานีตำรวจที่เคยรับทำคดีดังกล่าว
แม้ว่าเอกสารส่วนใหญ่จะถูก MI9 ลบออกไป แต่เลียวนาร์ดก็ยังพบชื่อของผู้แจ้งความ
“เชอร์ล็อก·โมเรียตี้!”
ตอนนี้เราค่อนข้างมั่นใจแล้วว่า ยอดนักสืบรายนี้ต้องมีส่วนพัวพันกับโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์ในฐานะผู้เกี่ยวข้องแบบห่างๆ! เขาและดอน·ดันเตสสังกัดองค์กรลับที่ศรัทธาเดอะฟูล? มุมปากเลียวนาร์ดยกขึ้นเล็กน้อยขณะครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจกลับไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อยืนยันข้อสันนิษฐาน
…
บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ภายในห้องนอนใหญ่
ไคลน์ที่งีบหลับในช่วงบ่ายมิได้เผชิญการ ‘สอบปากคำ’ ของเหยี่ยวราตรี แต่เป็นการ ‘กลับไป’ ยังหมู่บ้านสายหมอกอีกครั้ง ชายหนุ่มเห็น ‘แม่มดสิ้นหวัง’ พานาเทียที่แสยะยิ้มจนเห็นฟันขาวและคราบเลือดตามซอกฟัน เห็นพานาเทียถูกแขวนกลางอากาศในสภาพดวงตาเหลือกขึ้น สีหน้าสิ้นหวังสุดขีด
ศพที่ถูกแขวนเรียงราย เห็ดยักษ์พิสดารแสนน่ากลัว กลุ่มก้อนหนอนแมลงโปร่งใสยุบพองนับไม่ถ้วน ฉากแล้วฉากเล่าแล่นผ่านสมองจนไคลน์สะดุ้งตื่น
หลังจากลูบขมับ ไคลน์พบว่าสภาพจิตใจของตนเข้าขั้นเลวร้าย นี่ไม่ใช่ปัญหาที่พลังของมิติหมอกจะรักษาได้ตามลำพัง
ครุ่นคิดสักพัก ชายหนุ่มตัดสินใจเข้าห้องน้ำและส่งตัวเองเข้าสู่มิติเหนือสายหมอก เสกเกอร์มัน·สแปร์โรว์ขึ้นมาสวดวิงวอน
“ได้โปรดถามมิสจัสติสว่า เธอว่างเร็วที่สุดตอนไหน ผมจำเป็นต้องได้รับการบำบัดอาการทางจิต”
ราชันเร้นลับ 848 : ความซวยมาเยือนปลาในคู
กรุงเบ็คลันด์ เขตราชินี ภายในคฤหาสน์สุดหรูของตระกูลฮอลล์
หลังจากลองชุดราตรีทั้งสามแบบของวันนี้ ออเดรย์นั่งบนเก้าอี้เบาะหนังพลางครุ่นคิดว่าควรจับคู่กับเครื่องประดับชิ้นใด ชอบแบบไหนมากกว่า ความคิดเห็นของมารดาเป็นเช่นไร?
ทันใดนั้น หญิงสาวมองเห็นหมอกสีเทาสุดลูกหูลูกตาและร่างคลุมเรือผู้มองลงมาจากด้านบนราวกับปกครองโลกใบนี้
ภาพถัดมาเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่กำลังสวดวิงวอนท่ามกลางสายหมอกสีเทา ถ้อยคำดังกล่าวดังกังวาน
สำหรับออเดรย์ การได้เห็นฉากเหล่านี้นอกจากจะไม่แปลกใจยังช่วยมอบความสุข ความกังวลเล็กๆ ที่ชุมนุมทาโรต์ต้องเลื่อนออกไปหนึ่งสัปดาห์ สลายเป็นปลิดทิ้งทันที
นึกแล้วเชียวว่าต้องไม่มีอะไร! อา… มิสเตอร์เวิร์ลมีอาการทางจิตจริงๆ เขาคงตกอยู่ในภาวะตึงเครียดเป็นเวลานาน ไม่อย่างนั้นคงไม่จองตัวเราล่วงหน้า… ออเดรย์ถอนหายใจ นึกทบทวนเวลาว่างของตัวเอง
ขณะครุ่นคิด สายตาออเดรย์กวาดมองไปทั่วห้องที่มีสาวใช้กำลังทำงานขะมักเขม้น จนกระทั่งเห็นซูซี่ โกลเดนรีทรีเวอร์ตัวใหญ่ที่กำลังนั่งหน้าประตู
ออเดรย์ยกมุมปากเล็กน้อยอย่างมิอาจควบคุม ก่อนจะลดศีรษะลงพลางสวดวิงวอนตอบกลับ
“ช่วยบอกกับมิสเตอร์เวิร์ลว่า ช่วงนี้ดิฉันกำลังว่าง ให้เขานัดหมายเวลาและสถานที่มาได้เลย เอ่อ แต่ต้องไม่ใช่ตอนกลางคืน และต้องไม่เกินเขตตะวันตกของกรุงเบ็คลันด์”
ระหว่างนี้ ซูซี่ที่กำลังมองสาวใช้ทำงาน สัมผัสได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมาทางเธอ จึงรีบหันไปมองออเดรย์อย่างหวาดระแวง แต่สุดท้ายก็ไม่พบความผิดปรกติจากอีกฝ่าย
…
เหนือสายหมอก ท่ามกลางพระราชวังที่คล้ายถิ่นพำนักของคนยักษ์
ช่วงนี้กำลังว่าง… ไม่สะดวกกลางคืน… ไม่ไกลจากที่พักของตน… ไคลน์ลูบหน้าผากพลางตีความคำตอบของจัสติส
ความคิดแรกในหัวก็คือ นัดหมายทันทีไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ เมื่ออีกฝ่ายยืนยันจุดนัดพบก็จะใช้ยุบพองหิวโหย ‘เที่ยว’ ไปแถวนั้นทันที แต่หลังจากครุ่นคิดสักพัก ชายหนุ่มพบปัญหา
ดอน·ดันเตสกำลังถูกสอบสวนโดยเหยี่ยวราตรี หากใช้ท่องเที่ยวส่งเดชอาจทำให้ความลับแตก
รอสักสองสามวัน? หรือว่า… หลังจากไตร่ตรองสักพัก ไคลน์เสกเกอร์มัน·สแปร์โรว์ออกมาสวดวิงวอน
“ได้โปรดบอกกับมิสจัสติสว่า พวกเราจะรักษากันวันนี้ บนมิติเหนือสายหมอก”
…
เห…? ดวงตาออเดรย์พลันเบิกกว้าง เธอพบว่าคำตอบจากมิสเตอร์เวิร์ลค่อนข้างเหนือความคาดหมาย
ถ้าเป็นแบบนั้น เธอจะส่งซูซี่ไปทำงานแทนได้ยังไง!
นอกจากนั้น ภายในวังของมิสเตอร์ฟูล เราไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดของอีกฝ่ายได้ชัดเจน นั่นจะเป็นอุปสรรคในการบำบัดอาการป่วยทางจิต นับเป็นการรักษาที่ขาดประสิทธิภาพ… ออเดรย์รวบรวมความสุขุม ถ่ายทอดความไม่สบายใจไปยังเดอะฟูล ให้อีกฝ่ายส่งต่อไปถึงเดอะเวิร์ล
เพียงไม่นาน เธอได้รับคำตอบ
“ผมจะบอกให้มิสเตอร์ฟูลยกเลิกการอำพรางบุคคล พวกเราจะใช้วิธีอื่นในการปกปิดรูปลักษณ์”
ทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ? สิทธิพิเศษของข้ารับใช้? อา… การถ่ายทอดข้อความระหว่างเรากับมิสเตอร์เวิร์ลที่เกิดขึ้นหลายครั้งติดต่อกัน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นบทสนทนายาว ถ้ามัวโต้เถียงเกรงว่าคงเป็นการรบกวนมิสเตอร์ฟูลมากเกินไป… ออเดรย์เปลี่ยนความคิด เลิกโต้แย้งหรือตั้งคำถาม
“ตกลง… ห้าทุ่มครึ่งถึงเที่ยงคืนครึ่งของวันนี้”
ก่อนงานวันเกิดจะจบลง เธอไม่เชื่อว่าตนจะมีเวลาอยู่คนเดียว
…
ขณะเดียวกัน ภายในบ้านเลขที่ 39 ถนนเบิร์คลุน
ด้วยสายตาเบื่อหน่าย เฮเซลยืนมองชุดราตรีที่ถูกเลือกเฟ้นมาให้เธอสวม พลางฟังคำแนะนำของมารดาด้านข้าง
เธอมีกำหนดการต้องพาพ่อและแม่เข้าร่วมงานวันเกิดของมิสออเดรย์·ฮอลล์ในค่ำคืนนี้
ท่ามกลางความคิดมากมาย เฮเซลหันไปเห็นหนูสีเทาตัวหนึ่งตรงประตู อีกฝ่ายกำลังโบกมือเล็กๆ อย่างหวาดระแวง
นี่มัน… เฮเซลอดทนฟังคำพูดมารดาจนจบ ก่อนจะขอตัวกลับไปยังห้องนอน
หลังจากหญิงสาวลงกลอนปิดประตูห้องมิดชิด หนูสีเทาตัวเดิมกระโดดออกมาจากสักแห่ง หยุดลงที่ปลายเท้าหญิงสาวด้วยท่าทางชวนให้ขบขัน
“ข้าพบความผิดปรกติแถวนี้!”
หนูตัวดังกล่าวพูดภาษาคนโดยการสั่นไหวอากาศ!
เฮเซลมิได้แปลกใจกับเรื่องนี้ เพียงย้อนถาม
“เกิดอะไรขึ้น?”
หนูสีเทายกอุ้งเท้าหน้าข้างขวาชี้ไปบนถนนนอกหน้าต่าง
“มีผู้วิเศษจากโบสถ์รัตติกาลจำนวนมากกำลังสืบสวนบางสิ่งในบล็อกนี้… น่าจะเป็นคดีที่สำคัญมาก”
“พวกเขากำลังตามหาอะไร?” เฮเซลขมวดคิ้ว
หนูสีเทาหายใจเชื่องช้าพลางกล่าว
“ข้าจะไปรู้ได้ยังไง? แต่มันต้องเป็นเรื่องใหญ่มากแน่… หากปล่อยไว้แบบนี้ พวกเขาจะพบความผิดปรกติเกี่ยวกับเจ้า”
เฮเซลถามด้วยน้ำเสียงกังวลเจือฉงน
“จะพบได้ยังไง? ไม่ใช่ว่าเบาะแสในท่อระบายน้ำถูกระเบิดทำลายไปหมดแล้วหรือ? จะบอกว่ายังมีบางส่วนหลงเหลือ?”
หนูสีเทาเงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบหลังจากครุ่นคิดเป็นเวลานาน
“ผู้วิเศษของทางการมีวิธีพิสดารมากมายในการสืบสวน และพวกเขามักทำสำเร็จ… สรุปโดยสั้น ข้าต้องจัดการกับความฝันของเจ้าก่อน นั่นคือวิธีเดียวที่จะรอด”
เฮเซลก้มมองหนูสีเทาบนพื้น ขมวดคิ้วเล็กน้อยและคลายออก
“ก็ได้…”
ไม่ต้องมาทำอิดออด! กว่าข้าจะฟื้นพลังคืนมาได้ กลับต้องถูกใช้ไปอย่างเปล่าประโยชน์อีกแล้ว! ถนนบล็อกนี้ถูกสาปหรือยังไง? ตอนแรกเป็นแม่มดที่เข้ามาหลบในสภาพปางตาย หลังจากนั้นก็เป็นจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด แล้วนี่ยังมีเหตุการณ์พิสดารที่ทำให้เหยี่ยวราตรีลงพื้นที่สืบสวนแบบปูพรมอีก! หนูสีเทารำพันด้วยความฉุนเฉียว
…
หนึ่งทุ่มครึ่ง เฮเซลพาบิดา ส.ส. มัคท์ และมารดา มาดามลีอานน่าไปยังเขตราชินี ก่อนจะเดินเข้าไปในคฤหาสน์ของเอิร์ลฮอลล์
เนื่องจากเป็นงานเลี้ยงวันเกิด เฮเซลจึงยังไม่ได้พบกับออเดรย์โดยตรง เพียงคอยฟังบทสนทนาระหว่างผู้ใหญ่อย่างเจียมตัว ปล่อยให้พ่อและแม่คุยกับเอิร์ลฮอลล์ คุณหญิงเคทลิน ลอร์ดฮิบเบิร์ต และคนอื่นๆ
ในสายตาเฮเซล ขุนนางและชนชั้นสูงเหล่านี้ไม่ต่างอะไรกับสามัญชน เธอจึงมิได้ทำตัวนอบน้อมจนเกินพอดี พฤติกรรมและการวางตัวยังคงองอาจ
หากไม่ใช่เพราะมารดาเอาแต่เน้นย้ำจนน่ารำคาญ เฮเซลคงนึกชื่นชมคุณค่าและความงามของฟลอร์เต้นรำ จิตรกรรมฝาผนัง และรูปปั้นแสนสง่างาม
หลังจากยิ้มทักทายคนที่รู้จักและไม่รู้จัก เฮเซลอดทนรอจนกระทั่งงานเลี้ยงเริ่มขึ้น จึงได้เห็นตัวเอกค่ำคืนนี้ มิสออเดรย์·ฮอลล์เดินจับมือเอิร์ลฮอลล์และคุณหญิงเคทลินเดินออกจากห้องบนชั้นสอง ตรงมายังราวบันไดที่หันหน้าเข้าฟลอร์เต้นรำ
เฮเซลชำเลืองสายตาพลางทำเป็นไม่สนใจรูปลักษณ์อีกฝ่าย สมาธิจดจ่ออยู่กับสไตล์การแต่งตัวและการจับคู่เครื่องประดับ
อย่างไรก็ตาม เฮเซลมิอาจละสายตาได้เลย เทียนไขปลาวาฬจากโคมระย้าด้านบนช่วยให้ออเดรย์ในวัยสิบแปดปีถูกฉาบด้วยแสงนวลชวนฝัน ดวงตาสีมรกตช่างโดดเด่นระยิบระยับ ใบหน้างดงามเกินพรรณนา เส้นผมสีทองยาวสลวยประหนึ่งถูกถักทอจากด้ายทองค้ำแท้ องค์ประกอบทั้งหมดทำให้ชุดราตรีและเครื่องประดับหมองลงถนัดตา
เฮเซลตกอยู่ในห้วงภวังค์ชั่วขณะ เหม่อลอยจนไม่ได้ยินสุนทรพจน์ของเอิร์ลฮอลล์ รอจนกระทั่งเพลงแรกถูกบรรเลงขึ้นพร้อมกับออเดรย์ที่เต้นรำเป็นคู่เปิดงานกับเอิร์ลฮอลล์ เฮเซลจึงค่อยได้สติกลับมา
ความหยิ่งทระนงของเฮเซลเริ่มถูกสั่นคลอน เธอเชื่อว่าแม้สตรีพราวเสน่ห์ตรงหน้าจะมิได้ครอบครองพลังพิเศษ แต่ก็ไม่มีส่วนใดเลยที่ตกเป็นรองตน
เฮเซลเม้มริมฝีปากพลางมองสำรวจไปรอบๆ พบว่าสายตาทุกคนกำลังจับจ้องไปยังจุดเดียวโดยไม่มีข้อแม้ สิ่งที่แตกต่างมีเพียงอารมณ์และความรู้สึกบนใบหน้าของแขกผู้ร่วมงาน
ฟู่ว… เฮเซลถอนหายใจ
ภายในงานเลี้ยงดังกล่าว เฮเซลเริ่มทำตัวหยิ่งผยอง ในใจมีเพียงความรู้สึกอยากกลับบ้านเพื่อไปศึกษาค้นความศาสตร์เร้นลับและเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเอง
จนกระทั่งงานเลี้ยงสิ้นสุดลง ครอบครัวเฮเซลกล่าวคำอำลากับเจ้าภาพและเดินไปที่ประตูคฤหาสน์
ก่อนจะกลับ เฮเซลอดมองย้อนเข้าไปในคฤหาสน์ไม่ได้ และพบกับมิสออเดรย์ที่กำลังยืนริมฟลอร์เต้นรำพลางทักทายแขกผู้มีเกียรติที่กำลังทยอยกลับ
จนกระทั่งงานเลี้ยงเลิก ออเดรย์ยังคงโดดเด่นที่สุดในงานเลี้ยง
…
เมื่องานเลี้ยงวันเกิดจบลง ออเดรย์ถอดเครื่องประดับทั้งหมด สวมชุดนอนและเดินเข้าห้องน้ำ
หลังจากมองไปยังกลุ่มก้อนไอน้ำสีขาวและเสื้อคลุมอาบน้ำที่วางอยู่ ออเดรย์ไม่รีบนำตัวเองลงไปแช่ แต่เลือกสวดวิงวอนถึงเดอะฟูลเพื่อแจ้งให้ทราบว่าเธอพร้อมแล้ว
ผ่านไปราวสิบวินาที หญิงสาวมองเห็นแสงสีแดงเข้มท่วมท้นร่างกาย
เหนือสายหมอกสีเทา ออเดรย์ปรากฏกายบนเก้าอี้ของโต๊ะทองแดงยาว
เธอมองไม่เห็นมิสเตอร์ฟูลที่ปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทา พบเพียง ‘ตู้สารภาพบาป’ ตัวเก่าวางอยู่ด้านข้าง – เป็นกล่องสีน้ำตาลสูงราวคนครึ่ง มีประตูสองฝั่งซ้ายขวา มีแผ่นไม้กระดานกั้นระหว่างสองห้อง
คิดว่ามิสเตอร์เวิร์ลจะขอให้มิสเตอร์ฟูลสร้างกำแพงกั้นแล้วคุยผ่านกำแพงเสียอีก… ถึงแม้จุดประสงค์จะเหมือนกัน แต่ภายในตู้สารภาพบาปทั้งคับแคบและมืดมิด ไม่คิดถึงความรู้สึกของฝ่ายหญิงเลยสักนิด! ไม่สิ… คงจะแปลกกว่าถ้ามิสเตอร์เวิร์ล ‘คิดถึงความรู้สึกของผู้หญิง’ … ออเดรย์ยิ้มมุมปาก เดินเข้าไปในตู้สารภาพบาปที่ประตูถูกเปิดแง้ม โน้มตัวลงและนั่งในท่าห้อยขาเฉียง
หลังจากปิดประตูไม้ ออเดรย์ที่กำลังจะได้รักษาผู้ป่วยอาการทางจิตตัวจริงเป็นเคสแรก เริ่มเกิดความตื่นเต้น
ท่ามกลางความมืด ท่ามกลางสภาพแวดล้อมและอารมณ์ที่ไม่ปรกติ ออเดรย์ผ่อนปรน ‘กฎ’ หลายข้อที่เคยเคร่งครัด ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามสบาย ยกมุมปากเล็กน้อยพร้อมกับงอนิ้วเคาะแผ่นไม้
“ฮัลโหล~ มิสเตอร์เวิร์ลอยู่ไหม?”
ไคลน์ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ในห้องติดกัน เริ่มเกิดความผ่อนคลายเล็กๆ หลังจากได้ยินน้ำเสียงอันร่าเริงของหญิงสาว
“มาเริ่มกันเลย”
ในเวลานี้ ชายหนุ่มมิได้เสกหมอกสีเทาขึ้นมาบดบังร่างกาย แต่กำลังอยู่ในโฉมหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์
เป็นอย่างที่คิด จิตใจของมิสเตอร์เวิร์ลอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยดีนัก เขาเครียดและกังวลเกินไป… เมื่อสัมผัสถึงความผิดปรกติทางอารมณ์ ออเดรย์ใช้พลัง ‘ปลอบโยน’ ของนักจิตบำบัด
กระแสความผันผวนที่มองไม่เห็นค่อยๆ แผ่ซ่านเข้ามาในร่างกาย ไคลน์รู้สึกราวกับตนได้ตื่นเช้าในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว กำลังยืนรับสายลมยามเช้าอันสดชื่นที่พัดผ่าน ความร้อนรุ่มและหงุดหงิดภายในใจถูกชะล้างหายไปเป็นปลิดทิ้ง
เมื่อพบว่าสภาพจิตใจของมิสเตอร์เวิร์ลฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ออเดรย์ถามด้วยความโล่งใจ
“พักนี้คุณฝันร้ายบ้างไหม?”
ราชันเร้นลับ 849 : ค่ารักษา
ฝันร้าย? ไคลน์ครุ่นคิดสองสามวินาทีก่อนจะตอบ
“มีบ้าง… ผมฝันถึงเมืองที่เต็มไปด้วยสายหมอก ดวงจันทร์สีแดงบนท้องฟ้าบ้างสว่างบ้างริบหรี่… ใจกลางเมืองมีวิหารสีดำ ภายในวิหารมีศพถูกแขวนกลางอากาศ ศพสวมเสื้อผ้าที่มาจากต่างยุคสมัย โยกเอนไปตามสายลมพร้อมกับส่งเสียงเพรียกพิสดาร… นอกจากนั้นยังมีหญิงงามที่ถูกแขวนกลางอากาศ ตามซอกฟันของเธอเต็มไปด้วยเลือดเนื้อมนุษย์… เห็ดยักษ์ที่ประกอบจากเห็ดขนาดเล็กจำนวนมาก”
เพื่อรักษาอาการทางจิต ไคลน์เล่าความฝันอย่างละเอียด แต่ไม่ได้บอกว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นบนโลกความจริง ไม่ได้บอกว่ารู้จักกับสตรีลึกลับที่ถูกแขวน ไม่ได้บอกว่ารู้จักต้นตอของเห็นพิสดาร นอกจากนั้นยังปกปิดตัวตนของหนอนแมลงโปร่งใสและเรื่องของซาราธ
ออเดรย์ฟังอย่างตั้งใจ อาศัยความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับและพลังพิเศษของตัวเองช่วยตีความ หลังจากครุ่นคิดสักพักจึงกล่าว
“มิสเตอร์เวิร์ล ดิฉันสัมผัสถึงความน่ากลัวและชั่วร้ายภายในความฝันข้างต้น รวมถึงความหวาดกลัวในจิตใจของคุณ”
เมื่อเห็นว่าบุรุษฝั่งตรงข้ามไม้กระดานมิได้โต้แย้ง ออเดรย์เริ่มมั่นใจว่าเป็นตามที่เธอกล่าว จึงใช้พลัง ‘ปลอบโยน’ อีกหนึ่งครั้งและเริ่มการ ‘ชี้นำ’
“ความกลัวที่เกิดขึ้นในความฝันส่วนมากมักเป็นผลจากห้วงอารมณ์ลึกๆ ในจิตใจ ตามปรกติแล้ว ต้นตอของความกลัวในจะมีอยู่สองประเภท หนึ่งคือความกลัวที่เกิดจากความไม่รู้ และอีกหนึ่งคือความกลัวที่เกิดจากการยอมสยบ… ภาพอันโหดร้ายที่คุณเห็นเป็นเพียงสัญลักษณ์แทน ไม่ใช่ความจริง ความกลัวที่แท้จริงของคุณจะซ่อนอยู่ในความหมายที่แฝงมากับสัญลักษณ์”
กล่าวจบ ออเดรย์ถามทันที
“สิ่งนั้นคืออะไร?”
ไคลน์ที่นั่งฟังเสียงอันไพเราะของจัสติสพลันเกิดความผ่อนคลายและเคลิบเคลิ้ม จนกระทั่งได้ยินคำถาม จึงตอบกลับไปตามจิตใต้สำนึก
“ตัวตนที่สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา”
มันเว้นวรรคสักพัก เสริมด้วยความลังเล
“นอกจากจะไม่รู้จัก ผมยังต้องยอมสยบต่ออีกฝ่าย”
ทันใดนั้น ไคลน์เข้าใจทันทีว่าทำไมตนถึงฝันร้าย รวมถึงเหตุผลที่เกิดอาการทางจิต
สัญชาตญาณของมันหวาดกลัวต่อบางสิ่ง จนเกิดอารมณ์ด้านลบโดยไม่รู้ตัว
ความหวาดกลัวเกิดจากทั้งกลุ่มก้อนหนอนแมลงสีใส พฤติกรรมอันน่ากลัวของซาราธ รวมถึงเจตนาที่ไม่ชัดเจนของเทวทูต ‘นักลบ’ และเหตุผลที่สามารถใช้ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดในการเปิดประตูหลบหนี ทุกสิ่งล้วงสร้างความสิ้นหวังที่ทำให้ไคลน์ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมจำนน ส่วนความไม่รู้เกิดจากการที่ตนไม่รู้ว่า ใครเป็นมิตร ใครเป็นศัตรู และใครกำลังวางแผนแบบใด
ใช่แล้ว… เรากลัวกลุ่มหนอนแมลงสีใสที่น่าจะเป็นลำดับ 1 ของเส้นทางนักทำนาย ‘บริวารเร้นลับ’ … เรากลัวเพราะไม่รู้ว่าซาราธได้อะไรจากการหลอกให้เราเปิดประตู… เรากลัวเทพธิดาที่มีเจตนาไม่ชัดเจน เฉกเช่นเทวทูตนักลบตนดังกล่าว… ไคลน์หายใจเข้าออกเชื่องช้า ก้นบึ้งหัวใจยอมรับความหวาดกลัวที่เกิดขึ้น
ออเดรย์ใช้พลังปลอบโยนอีกครั้ง พบว่าจิตของเดอะเวิร์ลคลายความกังวลลงหลายส่วน หญิงสาวที่เริ่มความยินดีตัดสินใจพูดเข้าประเด็น
“สาเหตุหลักของความกลัวคือความไม่มั่นใจในตัวเอง ลองนึกดูให้ดีว่าคุณเคยทำตัวประมาทเลินเล่อ หรือละเลยสิ่งใดจนดวงวิญญาณต้องคอยตักเตือน คอยบอกใบ้และนำทาง จนกระทั่งพัฒนากลายเป็นส่วนหนึ่งของฝันร้าย”
ทำตัวประมาทเลินเล่อ ก่อความผิดพลาดจนดวงวิญญาณต้องคอยตักเตือน… ไคลน์นึกทบทวนคำพูดมิสจัสติส พยายามวิเคราะห์อย่างละเอียด
เพียงไม่นาน สีหน้าของมันเริ่มดำมืดขณะพบปัญหา
เราสาบานกับดาบศักดิ์สิทธิ์โดยมีเทพธิดาเป็นสักขีพยาน… แม้ในตอนที่ทำการสาบาน เรายังไม่ได้ตัวตลก พลังของสายหมอกยังมิได้แทรกแซงโลกความจริง ช่วยให้เล็ดลอดจากสายตาของเทพบางตน ครึ่งเทพ และสัตว์วิญญาณ แต่ในความเป็นจริง เรามิอาจเปลี่ยนแปลงหรือปกปิด ‘โชคชะตา’ ดังกล่าวได้ และพลังของ ‘โชคชะตา’ อยู่ในขอบเขตเส้นทางสัตว์ประหลาด…
แต่ต้องไม่ลืมว่า เทพธิดารัตติกาลยังมีสมญานาม ‘จักรพรรดินีแห่งหายนะและความอับโชค’ มีอำนาจในขอบเขตของ ‘โชคร้าย’ เป็นส่วนหนึ่งของพลังในขอบเขต ‘โชคชะตา’ !
ทำให้เราถูก ‘พระองค์’ จับตามองในภายหลัง?
จิตไคลน์เริ่มสงบลง ความกลัวที่มีบ่อเกิดจากความไม่รู้เริ่มบรรเทาลงหลายส่วน
ชายหนุ่มไม่ชอบคำถามหรือปล่อยให้จัสติสพูด ชิงถามตัดหน้า
“ถ้าต้องเผชิญหน้ากับศัตรูหรือกลุ่มศัตรูที่ยากจะเอาชนะ เป็นคุณจะทำอย่างไร?”
ออเดรย์มิได้หงุดหงิดที่คนไข้ถาม กลับกัน เธอมองว่าเป็นสัญญาณที่ดี จึงมอบคำตอบหลังจากครุ่นคิด
“อันดับแรกก็ต้องซ่อนตัวให้มิดชิด พยายามพัฒนาตัวเอง”
“แล้วถ้าเวลาในการซ่อนตัวมีไม่มากพอจะพัฒนาฝีมือจนสามารถต่อกรกับอีกฝ่าย?” ไคลน์ถามจี้ “แล้วถ้าระยะห่างของทั้งสองฝ่ายมากเกินกว่าจะลดช่องว่าง?”
ออเดรย์ตอบกึ่งปลอบใจกึ่งสาระ
“มองหาตัวช่วย”
ตัวช่วย… หลากหลายชื่อผุดขึ้นในใจไคลน์ ช่วยให้จิตใจของมันเริ่มชุ่มชื่น ก่อนจะถามต่อ
“แล้วถ้าต่อให้มีผู้ช่วยมากมาย ศัตรูก็ไม่ใช่ระดับที่สามารถเอาชนะได้? แล้วถ้าผู้ช่วยบางคนมีเจตนาคลุมเครือ ยากจะคาดเดาว่ามีประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน?”
ออเดรย์ผงะเล็กน้อย ครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ
“สวดวิงวอนถึงเทพ”
เธอเกือบจะหลุดปากไปว่า มิสเตอร์เวิร์ล ทำไมถึงไม่ขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ฟูล!
คำถามเมื่อครู่ช่วยให้ออเดรย์มั่นใจในหนึ่งเรื่อง นั่นคืออาการทางจิตของมิสเตอร์เวิร์ลมีบ่อเกิดจากตัวตนลึกลับและทรงพลัง ขณะเดียวกันก็ยังไม่ทราบเจตนาและจุดประสงค์ของ ‘ผู้ช่วย’ ฝ่ายตนดีพอ
สวดวิงวอนถึงเทพ… ไคลน์ไม่กล้าถามออกไปว่า แล้วถ้าเทพช่วยอะไรไม่ได้ล่ะ? ความคิดของเทพ ยากที่มนุษย์จะหยักถึงแก่นแท้ อย่างไรก็ตาม มันพูดเช่นนั้นไม่ได้ เพราะที่นี่คือดินแดนของเดอะฟูล และตัวมันก็เป็นข้ารับใช้ของเดอะฟูล
ชายหนุ่มเรียบเรียงคำพูด
“เทพช่วยได้แค่บางเรื่องเท่านั้น ถ้านั่นยังไม่เพียงพอล่ะ?”
“…” ออเดรย์ต้องการตอบกลับไปว่า ความดีจะชนะความชั่วร้ายเสมอ แต่สุดท้ายเธอก็ปิดปากเงียบเนื่องจากนึกตัวอย่างที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมไม่ออก ทำได้เพียงเม้มปากตอบ
“ดิฉันเองก็ไม่ทราบ”
ภายในตู้สารภาพบาป ความมืดมิดและเงียบสงัดกำลังปกคลุมทุกอณู คนทั้งสองไม่กล่าวสิ่งใดเป็นเวลานาน ต่างฝ่ายต่างต่อสู้กับความขัดแย้งภายในใจ
ในที่สุด ออเดรย์ตัดสินใจทำลายความเงียบ จ้องไปยังแผ่นกระดาษที่กั้นคนทั้งสองและกล่าว
“อย่างไรก็ดี คุณต้องดิ้นรนทำอะไรสักอย่าง ห้ามถอดใจยอมแพ้โดยที่ยังไม่ลงมือเด็ดขาด”
นั่นสินะ… อย่างน้อยตัวเราก็ยังมีความลับอีกมาก ยังมีอีกหลายสิ่งให้พึ่งพา… ไคลน์หลับตาลงพลางเอนหลังพิงพนัก สตินึกทบทวนเหตุการณ์ล่าสุดโดยปราศจากความตึงเครียดและกังวล
ออเดรย์ที่สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลง รีบใช้พลังปลอบโยนซ้ำอีกครั้ง หลังจากลงมือเสร็จ สภาพจิตใจไคลน์ฟื้นฟูกลับสู่ภาวะปรกติโดยสมบูรณ์
“ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณสำหรับการรักษา… คุณคิดค่ารักษาเท่าไร?” ไคลน์ถามนำ
อันที่จริง ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณสำหรับโอกาสในการรักษาคนไข้ที่หาได้ยาก… ออเดรย์ผู้ไม่ต้องการเก็บค่ารักษา มองตรงไปยังแผ่นกระดานท่ามกลางความมืดสนิท อดไม่ได้ที่จะนึกทบทวนภาพจำเก่าๆ เกี่ยวกับเดอะเวิร์ล นึกทบทวนเรื่องที่ชายคนนี้เป็นนักฆ่ามากประสบการณ์และเลือดเย็น
หืม… อาการทางจิตของเขา บางส่วนอาจเป็นผลมาจากอุปนิสัยส่วนตัว… ออเดรย์ฉุกคิดบางสิ่งได้ ยกมุมปากเล็กๆ ก่อนจะตอบ
“ค่ารักษาที่ดิฉันต้องการนั้นมิได้มากมายอะไร… ใช่แล้ว… แค่อวยพรให้ดิฉันมีความสุขก็พอ!”
อะไรอีกล่ะนั่น… ไคลน์ตะลึงจนเกือบลืมสวมหน้ากากเกอร์มัน·สแปร์โรว์
คำขอแบบนี้ มันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยสักครั้ง!
ไคลน์ลังเลสักพัก แต่สุดท้ายก็ตอบกลับด้วยมาดเย็นชาของเกอร์มัน·สแปร์โรว์
“ในเมื่อเป็นสิ่งที่คุณต้องการ… ขอให้มีความสุขมากๆ”
ออเดรย์ฉีกยิ้มกว้างทันที
“ฉันก็ขอให้คุณมีความสุขเช่นกัน! มิสเตอร์เวิร์ล อย่าเก็บสิ่งต่างๆ ไว้ในใจมากเกินไป ยิ้มให้มาก มีความสุขให้มาก นั่นจะช่วยขจัดอันตรายที่ซ่อนอยู่ในใจได้หลายส่วน… เอาล่ะ อาการทางจิตของคุณได้รับการรักษาแล้ว แต่ต้องมีการตรวจซ้ำเพื่อติดตามผลในอีกสองสามวันข้างหน้า หรือไม่ก็สัปดาห์หน้า”
ไคลน์ตอบสนองไม่ถูกไปสักพัก ทำได้เพียงอืมในลำคอ
จากนั้น ชายหนุ่มได้ยินเสียงประตูอีกฝั่งของตู้สารภาพบาปถูกเปิดออก อาศัยมุมมองของเดอะฟูล มันเห็นหญิงสาวก้าวออกไปพร้อมกับเหยียดตัวยืนตรง
หลังจากส่งอีกฝ่ายกลับโลกความจริง ไคลน์ไม่กล้าแช่อยู่บนมิติเหนือสายหมอกนานนัก รีบส่งตัวเองกลับและทิ้งตัวนอนบนเตียง
ทันใดนั้น เมื่อจิตใจถูกฟื้นฟูให้กลับสู่ภาวะปรกติ เมื่อร่างกายและจิตใจผ่อนคลายโดยแท้จริง ชายหนุ่มพบว่าโอสถนักเชิดหุ่นถูกย่อยไปมากชนิดที่เหนือความคาดหมาย!
เป็นเพราะในหมู่บ้านสายหมอก เราใช้หุ่นเชิดตบตาครึ่งเทพพานาเทียสำเร็จ รวมถึงหลอกล่อมิสเตอร์ A อย่างสนิทใจจนแผนการใหญ่ลุล่วง? หมายความว่ากฎเหล็กของนักเชิดหุ่น นอกจาก ‘ร่างต้นต้องอยู่หลังจาก’ และ ‘หุ่นแต่ละตัวมีบุคลิกแตกต่างกัน’ แล้ว เราต้องเพิ่มกฎ ‘ใช้หุ่นเชิดคอยชักนำศัตรูเพื่อกำกับการแสดงและบรรลุเป้าหมาย’ เข้าไปด้วย… ไคลน์พึมพำกับตัวเอง เชื่อว่าโอสถนักเชิดหุ่นน่าจะถูกย่อยเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้
ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยอารมณ์ซับซ้อน หันหน้าไปด้านข้าง มองแสงจันทร์ที่ส่องลอดผ่านผ้าม่าน
คนงานที่เราสลับตัวด้วยคงถูกหาพบแล้ว… ร่วมถึงเบาะแสที่เราทิ้งไว้…
…
ภายในชั้นใต้ดินของวิหารนักบุญแซมมวล เลียวนาร์ด ซินดี้ บ๊อบ และคนที่เหลือหันไปมองหัวหน้าโซสต์ที่เพิ่งกลับจากการประชุม รอให้อีกฝ่ายเปิดเผยเบาะแสเพิ่มเติม
โซสต์ดื่มกาแฟหอมกรุ่นของมันพลางกล่าว
“พบคนงานที่หายตัวไปแล้ว… และภายในห้องที่เขาถูกทิ้งไว้ มีร่องรอยของเสื้อผ้ากับรองเท้าจำนวนหนึ่ง… ทางเรายืนยันแล้วว่าเป็นสัมภาระของนักผจญภัยเสียสติ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่กำลังโลดแล่นในท้องทะเลตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา”
ทำไมเรื่องนี้ถึงเกี่ยวข้องกับนักผจญภัยเสียสติ? เลียวนาร์ดที่กำลังฉงนตัดสินใจถาม
“เขาเข้ามาในเบ็คลันด์ตอนไหน?”
“ไม่มีใครทราบ… สิ่งเดียวที่รู้ในตอนนี้ก็คือ นักผจญภัยเสียสติรายดังกล่าวสังหารโจรสลัดไปมากมายในช่วงสองสามสัปดาห์ล่าสุด” โซสต์มอบคำตอบอย่างไม่รีบร้อน “โบสถ์วายุสลาตันมีข้อมูลมากกว่าเรา และดูเหมือน MI9 ก็จะมีข้อมูลไม่น้อยเช่นกัน เบื้องบนของเรากำลังส่งคนไปสอบถาม”
หลังจากโซสต์พูดจบ โทรเลขถูกส่งเข้ามาทันที
มาจากทีมเหยี่ยวราตรีในแคว้นเดซีย์ เนื้อหาที่ถอดรหัสมีใจความว่า
“ข้อมูลที่ดอน·ดันเตสแจ้งไว้เป็นของปลอม เขาอาศัยอยู่ในทวีปใต้กว่าสิบปีและอาศัยการผจญภัยเพื่อสั่งสมความมั่งคั่ง… ข้อมูลเพิ่มเติมคงต้องใช้เวลาสักพัก ทวีปใต้คือดินแดนแห่งความวุ่นวายและเต็มไปด้วยสงคราม แถมเขตการปกครองยังถูกเปลี่ยนมือบ่อยครั้ง”
ราชันเร้นลับ 850 : ในรายละเอียด
“ฟังดูเป็นเรื่องแต่ง… ตั้งแต่มีการค้นพบเส้นทางเดินเรือใหม่ ตำนานความร่ำรวยที่เกิดจากการเสี่ยงชีวิตก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” โซสต์แสดงความเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาโทรเลข ตามด้วยการหันไปทางถุงมือแดงคนหนึ่ง “ผมจำได้ว่าพวกเราเคยสอบปากคำดอน·ดันเตสในความฝันมาแล้ว”
“ใช่ครับ” ถุงมือแดงคนเดียวกันพยักหน้าและเสริม “ผมไม่ได้ถามเรื่องนี้โดยตรง แต่สามารถบอกได้ว่าดอน·ดันเตสคุ้นเคยกับทวีปใต้เป็นอย่างดี มีประสบการณ์มากมายที่นั่น”
หึหึ ดอน·ดันเตสคงจงใจทำให้นายคิดแบบนั้น… เลียวนาร์ดไม่เชื่อเนื้อหาของโทรเลขมากนัก สงสัยว่านี่คงเป็นตัวตนอีกหนึ่งชั้นของสัตว์ประหลาดที่รอดชีวิตมาจากยุคสมัยที่สี่
อย่างไรก็ตาม มันมิได้เสนอแนวคิดของตัวเอง เพราะไม่มีเหตุผลรองรับที่ดีพอ
โซสต์มิได้ใส่ใจมากนัก เพียงหันหน้าไปทางหนึ่งและกล่าว
“คุณมีเบาะแสเกี่ยวกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์บ้างไหม?”
“นักผจญภัยเสียสติรายนี้ปรากฏตัวบนท้องทะเลอย่างต่อเนื่องในช่วงสองสามสัปดาห์หลัง แล้วเขากลับมาที่เบ็คลันด์ตอนไหน?” ในฐานะ ‘ฝันร้าย’ ซินดี้ตอกย้ำความฉงนก่อนหน้า “ฉันไม่สนใจว่าเวลาที่แน่นอน แต่คาใจมากเรื่องที่เขาสามารถเดินทางมาถึงกรุงเบ็คลันด์ภายในเวลาสั้นๆ ด้วยระยะทางที่ไกลขนาดนั้น… พวกคุณก็รู้ เมืองหลวงของโลเอ็นอยู่ห่างจากทะเลค่อนข้างมาก”
โซสต์พยักหน้ารับแผ่วเบา
“ในการประชุมเมื่อครู่ อาวุโสคนหนึ่งในตั้งคำถามแบบเดียวกัน ตำแหน่งสุดท้ายที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์ปรากฏตัว เมื่อคำนวณจากเวลาและระยะทาง ไม่มีโอกาสที่เขาจะลอบแทรกซึมวิหารนักบุญแซมมวลเมื่อคืนได้เลย… แน่นอน ผมกำลังหมายถึงในสถานการณ์ปรกติ… คนงานที่หายไปบอกกับเราว่า ขณะกำลังทำความสะอาดจัตุรัสด้านนอก จู่ๆ ก็ควบคุมร่างกายไม่ได้ หมดสิทธิ์ร้องขอความช่วยเหลือโดยสิ้นเชิง จากนั้นก็เห็นสีสันทั้งหมดฉูดฉาดขึ้นราวกับภาพวาดสีน้ำมัน ร่างกายเบาหวิวและลอยขึ้น… หลังจากนั้นเขาก็หมดสติไป และเมื่อตื่นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องพักแห่งหนึ่งในเขตตะวันออก… พลังในช่วงแรกสอดคล้องกับ ‘การเข้าสิง’ ของวิญญาณอาฆาตที่ผู้คุมเคยอธิบายให้ฟัง ส่วนพลังอย่างหลังสอดคล้องกับ ‘เทเลพอร์ต’ ของนักท่องเที่ยว”
“ถ้าเป็น ‘เทเลพอร์ต’ จริง เกอร์มัน·สแปร์โรว์ก็สามารถปรากฏตัวในเบ็คลันด์ได้ตลอดเวลา”
ในฐานะหน่วยหัวกะทิของเหยี่ยวราตรี ถุงมือแดงมีข้อมูลในเชิงศาสตร์เร้นลับมักกว่าเพื่อนร่วมงานในระดับเดียวกัน จึงคุ้นเคยกับโอสถที่ชื่อวิญญาณอาฆาตและนักท่องเที่ยว
หลังจากฟังคำอธิบายของหัวหน้า ถุงมือแดงอีกหนึ่งคนเสริมอย่างรอบคอบ
“พลเรือเอกโลหิตซึ่งมีข่าวลือว่าถูกเกอร์มัน·สแปร์โรว์ล่าไปแล้ว… เป็นวิญญาณอาฆาต”
รายละเอียดสอดคล้องกัน!
และเหตุผลเรื่องที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์สามารถใช้พลังของวิญญาณอาฆาตได้อย่างไร คำอธิบายไม่ซับซ้อน ง่ายที่สุดคือการนำตะกอนพลังของเหยื่อไปให้ช่างฝีมือสร้างเป็นสมบัติวิเศษ
ซินดี้เล่าเสริม
“กล่าวกันว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์สามารถแปลงโฉมได้… ผู้คุมถูกแปลงโฉมสวมรอยเพื่อแทรกซึมเข้าไปในประตูยานิส”
อีกหนึ่งข้อมูลที่สอดคล้อง!
“สรุปได้เยี่ยม” โซสต์ยกมือขึ้นมาลูบหน้าผาก “พิจารณาจากข้อมูลเมื่อครู่ เราสามารถฟันธงได้ว่าคนร้ายคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ และถ้าอนุมานจากทฤษฎีดังกล่าว การคาดเดาและแนวทางการสืบสวนในตอนแรกของเรากำลังไปผิดทาง เกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่จำเป็นต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิด เขาสามารถแปลกโฉมเป็นใครก็ได้ ลอบเข้ามาในวิหารทุกวันด้วยใบหน้าที่แตกต่าง สำรวจโครงสร้างอาคารและเวรยามของผู้คุม วิธีนี้จะแนบเนียนยิ่งกว่าการมีผู้สมรู้ร่วมคิด”
ในฐานะวิหารของโบสถ์รัตติกาลที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเบ็คลันด์ มีสาวกจำนวนมหาศาลหลั่งไหลมาสวดวิงวอนที่วิหารนักบุญแซมมวลในทุกวัน ไม่มีทางที่บิชอปจะจดจำใบหน้าได้หมด
“นั่นหมายความว่า รายชื่อผู้ต้องสงสัยก่อนหน้าไม่มีความหมายแล้ว?” เลียวนาร์ดยกมือขึ้นถาม น้ำเสียงค่อนข้างมีอารมณ์ร่วม
“ถูกต้อง ตอนนี้พวกเราต้องทุ่มความสนใจไปยังเกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นหลัก สำหรับผู้ต้องสงสัยรายอื่นๆ เราจะไม่ทำมากไปกว่าการสอบสวนเบื้องต้น” กล่าวจบ โซสต์ปรบมือ “เอาล่ะ แยกย้ายไปทำตัวยุ่งกันได้แล้ว”
เลียวนาร์ดไม่โต้แย้ง เตรียมเดินทางไปหาจิตแห่งจักรกล ทูตพิพากษา และ MI9 เพื่อรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม
…
เช้าตรู่วันอังคาร ไคลน์ตื่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติหลังจากหลับยาว ภายในใจเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย สงบสุข และมีความสุขที่ยากจะบรรยาย
พลังพิเศษของนักจิตบำบัดมีประโยชน์มาก… แถมยังเหมาะสมมิสจัสติสที่ชอบมองโลกในแง่บวกประหนึ่งแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องลงมายังโลก… ไคลน์ลุกพรวดและเดินไปเปิดผ้าม่าน
ชายหนุ่มดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพของดวงอาทิตย์สีทองด้านนอก จิตใจที่ถูกกระตุ้นให้มีแรงฮึดอีกครั้ง เริ่มวางแผนระยะยาวในอีกสองสามเดือนถัดไป หรือแม้กระทั่งหนึ่งปี
อันดับแรก มองหาหุ่นเชิดตัวใหม่…
อันดับที่สอง อาศัยตัวตนดอน·ดันเตสและหุ่นเชิดใหม่และทำการ ‘กำกับการแสดง’ เพื่อย่อยโอสถ…
อันดับที่สาม ระหว่างนั้นก็คอยรวบรวมวัสดุสำหรับปรุงโอสถจอมเวทพิสดาร… จากบรรดาทั้งหมด เราสามารถถามเบาะแสของมารพิสดารได้จากเดอะซันน้อย ส่วนหัวขโมยโลกวิญญาณคงต้องปรึกษากับมิสเตอร์อะซิก เพราะโลกแห่งความตายเองก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกวิญญาณ…
อันดับที่สี่… สืบสวนหาเบื้องหลังโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์ รวมถึงสืบสวนอินซ์·แซงวีลล์และครึ่งเทพที่ฆ่าปิดปากกัปตันคลั่ง… ไม่มีใครเหมาะแก่การเป็นเหยื่อสังเวยในพิธีกรรมเลื่อนลำดับไปมากกว่าพวกมันอีกแล้ว… แต่ต้องคอยระวัง 0-08 ให้ดี คอยตรวจสอบว่ามีความบังเอิญเกิดขึ้นอย่างผิดปรกติหรือไม่… อา ระหว่างการสืบสวน งานหลักของเราคือการสนับสนุนจากวงนอก ส่วนงานอันตรายจะตกเป็นของแม่มดทริสซี่”
แนวทางของไคลน์ทวีความชัดเจน แม้ลึกๆ แล้วจะยังหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบกับสภาพจิตใจอีกต่อไป
ถอนสายตากลับจากระเบียง ไคลน์เดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนบุคคล
เพียงไม่นาน ชายหนุ่มเปิดประตูด้วยสีหน้าสดชื่นและพบกับบุรุษรับใช้ริชาร์ดสัน รวมถึงพ่อบ้านวอลเตอร์ที่กำลังยืนรอด้านนอก
สุภาพบุรุษรายหลังผู้สวมถุงมือสีขาว โค้งศีรษะคำนับอย่างนอบน้อม
“อรุณสวัสดิ์นายท่าน กำหนดการของวันนี้มีเพียงเรื่องเดียว บ่ายสามโมงตรง นายท่านต้องแวะไปเยือนสโมสรนายทหารผ่านศึกไบลัมตะวันออก เข้าร่วมกิจกรรมของส.ส. มัคท์… เขาเป็นสมาชิกของพรรคหัวก้าวหน้า การตอบรับคำเชิญในวันนี้จะเท่ากับเป็นการแสดงจุดยืนทางการเมืองเบื้องต้นของนายท่าน ตอนนี้ยังมีเวลาให้ตัดสินใจ”
ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ
“ไม่จำเป็นต้องลังเล นั่นคือตัวเลือกของผม”
มันเว้นวรรคเล็กน้อย ตามด้วยถามกึ่งหยั่งเชิง
“นี่คือครั้งแรกที่ผมจะได้เข้าไปในสโมสรนายทหารผ่านศึกไบลัมตะวันออก มีเรื่องใดที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษไหม?”
“ยกย่องคุณงามความดีที่พวกเขาเคยทำในไบลัมตะวันออก รวมถึงการบริจาคเงินในจำนวนที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป ตัวเลขที่ผมแนะนำคือห้าร้อยปอนด์” พ่อบ้านวอลเตอร์แสดงความเห็นส่วนตัว
ห้าร้อยปอนด์… ให้ตายสิ ไม่ว่าจะเข้าสู่แวดวงใดก็ต้องจ่ายหนักเสมอ… นั่นสินะ ดอน·ดันเตสมิได้มีชาติตระกูลหรือปูมหลังที่สูงส่ง จำต้องใช้เงินเป็นใบเบิกทาง… ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบา เห็นด้วยกับข้อเสนอของพ่อบ้าน
ขณะเดียวกัน มันคำนวณทรัพย์สินปัจจุบันภายในใจ
ช่างฝีมือยังผลิตสมบัติวิเศษของผู้ขับขานสมุทรไม่เสร็จ แต่เราได้รับเงินจากตะกอนพลังของผู้ชี้นำความสับสนและดรูอิดแล้ว รวมทั้งสิ้นหนึ่งหมื่นหกพันปอนด์…
เมื่อนำไปรวมกับเงินสดของเดิม หักออกไปหนึ่งหมื่นสามพันปอนด์จากหุ้นสามเปอร์เซ็นต์ของบริษัทโคอิม หักค่าบริจาคให้กับวิหารนักบุญแซมมวลและค่าใช้จ่ายปัจจุบันของเศรษฐี เราจะเหลือเงินสดติดตัว 23,985 ปอนด์กับอีกห้าเหรียญทอง…
นอกจากนั้น เรายังติดหนี้ของมิสผู้ส่งสารอีก 3,413 เหรียญทอง…
ห้าร้อยปอนด์จะเท่ากับทรัพย์สินของเราประมาณสองเปอร์เซ็นต์…
ไคลน์ไม่กล่าวคำใด เดินออกจากห้องนอนลงไปยังชั้นสอง เพลิดเพลินไปกับอาหารมื้อเช้า
…
ภายในชั้นใต้ดินของวิหารนักบุญแซมมวล เลียวนาร์ด·มิเชลกลับมายังห้องทำงานเร็วกว่าเพื่อนคนอื่นๆ
มันเพิ่งได้รับข้อมูลที่สำคัญอย่างมากมาชุดหนึ่ง
องค์ชายเอ็ดซัคที่เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์ ครั้งหนึ่งเคยจ้างนักสืบเอกชนมาสืบสวนการตายของครูสอนขี่ม้าส่วนตัว ทาลิม·ดูมงต์
และนักสืบเอกชนคนนั้นมีชื่อว่า
เชอร์ล็อก·โมเรียตี้!
เป็นอย่างที่คิด! ชายคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างห่างๆ กับโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน! เลียวนาร์ดเลื่อนมือขึ้นมาสางผมด้วยความดีใจเจือตื่นเต้น
ถัดมา มันใช้กำปั้นกดลงบนแผ่นเอกสารบนโต๊ะ พยายามมองหาเบาะแสเพิ่มเติม
แต่สุดท้ายกลับหยุดนิ่งนานเจ็ดแปดวินาที ก่อนจะหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบพลางพึมพำ
เมื่อครู่เราคิดจะทำอะไร? ดันลืมสนิทหลังจากชกกำปั้นลงไป…
หลังจากนั่งนึกอย่างถี่ถ้วน เลียวนาร์ดที่นึกออกรีบเปิดลิ้นชัก หยิบไพ่ทาโรต์ออกมาหนึ่งสำรับ
จากนั้นก็นำไพ่เดอะฟูลวางไว้บนแผ่นกระดาษสีขาว เขียนชื่อสามชื่อลงไป
“เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ ดอน·ดันเตส”
ลังเลสักพัก ก่อนที่เลียวนาร์ดจะลากเส้นจากทั้งสามชื่อไปหาเดอะฟูล สื่อว่าทั้งสามเป็นสมาชิกขององค์กรลับที่นับถือเดอะฟูล
จากบรรดาทั้งสาม มันไม่มั่นใจเกี่ยวกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์มากนัก จึงวาดเครื่องหมายคำถามไว้ด้านข้าง
ถัดมา เลียวนาร์ดนำไพ่ ‘จักรพรรดิ’ วางไว้ข้างชื่อเชอร์ล็อก·โมเรียตี้พร้อมกับเขียนกำกับ : สงสัยว่าจะเป็น
เกอร์มัน·สแปร์โรว์กับดอน·ดันเตสสอดคล้องกับไพ่อะไร? เลียวนาร์ดพึมพำสักพัก ตามด้วยหยิบเอกสารรายงานเกี่ยวกับนักผจญภัยเสียสติขึ้นมาอ่าน
ทันใดนั้น มันพบ ‘ช่วงเวลา’ ที่ตนคุ้นเคยอีกครั้ง
ต้นเดือนมกราคม!
เกอร์มัน·สแปร์โรว์ปรากฏตัวครั้งแรกในช่วงต้นเดือนมกราคม!
อย่าบอกนะว่า… เลียวนาร์ดสูดลมหายใจลึก รีบเปิดอ่านเอกสารถัดไปจนกระทั่งพบข้อความท้ายกระดาษ
“ในช่วงปลายเดือนมกราคม เชอร์ล็อก·โมเรียตี้เดินทางออกจากกรุงเบ็คลันด์เพื่อพักร้อนทางใต้ แต่จากนั้นก็ไม่กลับมาอีกเลย”
สิ้นเดือนธันวาคม… ต้นเดือนมกราคม… เบ็คลันด์… ท่าเรือพริสต์… เกอร์มัน·สแปร์โรว์สามารถแปลงโฉม… อย่าบอกนะว่า? เลียวนาร์ดกระซิบแผ่วเบา พลางขีดเครื่องหมาย ‘เท่ากับ’ ระหว่างชื่อของเกอร์มัน·สแปร์โรว์และเชอร์ล็อก·โมเรียตี้
นักสืบชื่อดังรายนี้คือกุญแจสำคัญ… เลียวนาร์ดนำภาพเหมือนของนักสืบเชอร์ล็อกที่วาดจากพิธีกรรมออกมาตรวจสอบอีกครั้ง เพ่งมองอย่างตั้งใจ
หลังจากพิจารณาในมุมมองที่ว่า ‘รูปลักษณ์สามารถเปลี่ยนแปลง’ มันพยายามสร้างภาพนักสืบขึ้นมาหลายแบบ
ทำอยู่ได้สักพัก ดวงตาเลียวนาร์ดค่อยๆ แข็งทื่อ คิ้วขมวดชนกันอย่างมิอาจควบคุม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น