Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 822-828
ราชันเร้นลับ 822 : อีกหนึ่ง
Ink Stone_Fantasy
เรารู้อยู่แล้วว่ามิสจัสติสจะไม่ปล่อยผ่านถ้าได้เห็นไพ่… แค่นี้ก็ไม่ต้องตอบคำถามยากๆ ไปอีกหนึ่ง… ไคลน์หัวเราะในลำคอ เปิดไพ่เย้ยเทพใบใหม่แสดงต่อหน้าจัสติส
“ทรราช”
เป็นอย่างที่คิด เกอร์มัน·สแปร์โรว์ส่งไพ่ให้ท่าน… นี่คือเป้าหมายของมิสเตอร์ฟูลแต่แรก? เป็นครั้งแรกที่ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ได้เห็นภาพของจักรพรรดิโรซายล์สวมมงกุฎสันตะปาปา ภายในใจรำพันสองสามคำ
ปัจจุบัน มันมีสูตรโอสถและพิธีกรรมของ ‘ผู้สังเวยภัยพิบัติ’ ในมือแล้ว อารมณ์จึงค่อนข้างสนใจ รู้สึกว่าแม้ข้างหน้าจะมีอุปสรรคมากมายรออยู่ แต่ก็ยังมีหนทางให้ฝ่าฟัน
ออเดรย์บันทึกรายละเอียดทั้งหมดของไพ่เย้ยเทพไว้ในความทรงจำ
ไพ่ทรราช… ดูเหมือนจะเป็นเส้นทางลูกเรือ… มิสเตอร์แฮงแมนโชคดีชะมัด… หือ? แล้วทำไมเขาถึงไม่ตกใจอะไรเลย ตามปรกติแล้ว เขาคือคนที่ต้องประหลาดใจยิ่งกว่าเรา! เหมือนกับ ทราบอยู่ก่อนแล้วว่าสิ่งนี้คือไพ่ทรราช…
ถ้าตัดความเป็นไปได้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป ก็ไม่มีคำตอบใดสามารถอธิบายได้ดีกว่านี้แล้ว… แต่เขาจะรู้ล่วงหน้าได้ยังไง?
ลำดับ 0 ทรราช… โอสถของเทพวายุสลาตันคือทรราช?
ไพ่ทรราชใบนี้น่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากไพ่เฮียโรแฟนต์ แต่ก็ยังมีความหมายบางส่วนที่แตกต่างกัน บางจุดตรงกันข้าม บางจุดถูกเพิ่มเข้ามา… สรุปโดยสั้น ไพ่ใบนี้แสดงถึงแนวคิดแบบหัวเก่า สร้างความเคารพด้วยความกลัวจากก้นบึ้ง บุคลิกสง่างามและแข็งกร้าว ใช้ความกลัวนำศรัทธา
ออเดรย์ที่ศึกษาศาสตร์เร้นลับมาตั้งแต่เด็ก สามารถตีความไพ่ทาโรต์ได้อย่างคลุมเครือ ขณะเดียวกันก็เกิดความพึงพอใจสุดขีด และคิดว่าไดอารีจำนวนสามหน้า น้อยเกินกว่าจะแลกเปลี่ยนกับความรู้นี้!
ไพ่เย้ยเทพ… หืม… ด้วยทักษะการตีความที่เก่งฉกาจไม่ต่างกัน ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาผู้รอบรู้สามารถวิเคราะห์ได้ว่าไพ่เย้ยเทพใบนี้เป็นของเส้นทางใด พร้อมกับเพิ่มข้อความ ‘ลำดับ 0 ทรราช’ ไว้ในชิ้นส่วนความทรงจำที่เคยว่างเปล่า
นอกจากนั้น เธอยังคิดถึงบางสิ่ง
เกอร์มัน·สแปร์โรว์เคยวางแผนล้มล้าง ‘เทพสมุทร’ คาเวทูว่า ส่งผลให้มิสเตอร์ฟูลได้รับคทาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางอำนาจของเทพสมุทร และสามารถตอบสนองต่อสาวกในนาม ‘เทพสมุทร’ ตัวจริง
หลังจากนั้น ท่านได้ครอบครองไพ่เย้ยเทพเส้นทางพายุ…
ต้องไม่ใช่เหตุบังเอิญแน่…
คิดถึงตรงนี้แคทลียาเริ่มตกตะลึงและสงสัยว่า มิสเตอร์ฟูลอาจกำลังแอบกัดกร่อนอำนาจของเทพวายุสลาตันอย่างเงียบงัน!
ศึกระหว่างทวยเทพ! แผนการใหญ่ที่รัดกุมและสร้างอิทธิพลเป็นวงกว้าง! นี่คือหนึ่งในเป้าหมายของมิสเตอร์ฟูล? ขณะความคิดมากมายแล่นผ่าน แคทลียารีบถอนสายตากลับ ไม่กล้าจ้องไพ่ทรราชต่อ
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สและ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินไม่มีข้อมูลของลำดับ 0 มากนัก แค่เคยได้ยินจากคำอธิบายสั้นๆ จากชุมนุมลับในคราวก่อน เมื่อเห็นไพ่เย้ยเทพจึงเกิดความประหลาดใจ เริ่มนำชื่อของ ‘ลำดับ 0 ทรราช’ ไปเชื่อมโยงกับเทพวายุสลาตัน รายแรกสั่นระริกเล็กน้อย รู้สึกราวกับกำลังดูหมิ่นเทพของศาสนาอื่น ส่วนรายหลังกำลังใคร่ครวญว่า ลำดับ 0 ของเส้นทางแวมไพร์จะมีชื่อว่าอะไร
ต้องเป็น ‘จันทรา’ แน่! หรือไม่ก็พระจันทร์แดง! ความคิดเอ็มลินหมุนวนเปลี่ยนผัน ถึงจะไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่ก็มั่นใจว่าใกล้เคียงความจริง
‘เดอร์ริค’ เดอะซันได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านศาสตร์เร้นลับจากเมืองเงินพิสุทธิ์ แนวคิดของลำดับ 0 จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ แถมเด็กหนุ่มยังวางเป้าหมายไว้ที่สิ่งนี้ตลอดเวลา เพื่อนำความอบอุ่น แสงสว่าง และอนาคตมาสู่เมืองเงินพิสุทธิ์
ไพ่ใบนี้น่าจะเป็นตัวแทนของราชาเอลฟ์ ซอนญาธริม… ทรราช… แต่ดูเหมือนว่า ‘อำนาจ’ ของท่านจะมากกว่าที่แสดงบนหน้าไพ่เล็กน้อย… เดอร์ริคครุ่นคิดอย่างมีส่วนร่วม เกิดเรื่องแบบนี้ไม่บ่อยครั้งนักในชุมนุมทาโรต์
สองวินาทีหลังจากเปิดไพ่เย้ยเทพ ‘เดอะฟูล’ ไคลน์คว่ำไพ่ทรราชและมองไปทางมาดามเฮอร์มิท
แคทลียารีบตอบ
“เรียนมิสเตอร์ฟูล วันนี้ไม่มีไดอารีจักรพรรดิโรซายล์หน้าใหม่”
อย่างที่คิด… ไคลน์พยักหน้ารับ ยิ้มและตอบ
“เชิญ”
กล่าวจบ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์มองไปทางแฮงแมน
“หลังจบชุมนุม ผมจะส่งตะกอนพลังของผู้ขับขานสมุทรให้คุณ รบกวนหาช่างฝีมือช่วยสร้างของวิเศษที่พกพาสะดวก”
ต…ตะกอนพลังผู้ขับขานสมุทรอีกแล้ว? ความคิดแบบเดียวกันปรากฏขึ้นในใจจัสติสและเดอะมูน
ตะกอนพลังของลำดับ 5 ไม่ใช่แคร์รอตที่หาซื้อได้ตามท้องถนนสักหน่อย!
ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา มิสเตอร์เวิร์ลฆ่าคนไปมากแค่ไหนกันแน่!
คราวนี้เหยื่อเป็นสมาชิกระดับสูงคนใดในโบสถ์วายุสลาตัน? แคทลียาที่เคยเดาว่าเดอะฟูลกำลังวางแผนกัดกร่อนอำนาจของเทพวายุสลาตัน เริ่มผุดแนวคิดที่สอดคล้องกัน
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สทวีความหวาดกลัวในตัวเกอร์มัน·สแปร์โรว์ รีบเตือนตัวเองว่า ห้ามใช้หน้าที่บันทึกพลังครึ่งเทพเด็ดขาด!
‘เดอะซัน’ เดอร์ริคอดไม่ได้ที่จะเทียบกับสถานการณ์ทางฝั่งตน ทีมสำรวจของเมืองเงินพิสุทธิ์ซึ่งต้องเผชิญอันตรายท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันมืดมิดและสิ้นหวัง แต่ละรอบจะพบตะกอนพลังของลำดับ 5 ไม่มากนัก และบางรอบก็ไม่มีแม้แต่ก้อนเดียว!
“ตกลง” ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ที่เคยรับปากอีกฝ่าย ตอบสนองอย่างใจเย็น ไม่พูดถึงค่าธรรมเนียมในการสร้าง
นั่นยิ่งทำให้จัสติส เฮอร์มิท และคนที่เหลือมองเห็นบางสิ่งอย่างคลุมเครือ ตั้งข้อสังเกตว่ามิสเตอร์เวิร์ลและแฮงแมนแอบร่วมงานกันเป็นการส่วนตัว มีข้อตกลงล่วงหน้า และสมมติฐานนี้ยังสอดคล้องกับข้อสงสัยของออเดรย์ในเรื่องที่ มิสเตอร์แฮงแมนทราบล่วงหน้าว่าไพ่ใบดังกล่าวคือไพ่ทรราช ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังเดาว่าไพ่ทรราชอาจเป็นส่วนหนึ่งของผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น
โดยไม่รอให้ใครเปิดการค้าขาย ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ถูกไคลน์ควบคุมให้มองไปรอบๆ
“…ผมยังมีตะกอนพลัง ‘ผู้ชี้นำความสับสน’ ลำดับ 5 แห่งเส้นทางจักรพรรดิมืด หากนำไปสร้างเป็นสมบัติวิเศษ พลังของมันคือการฉวยโอกาสจากช่องโหว่ของคำสั่ง บิดเบือนหรือขยาย นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มสมรรถภาพร่างกาย และมีพลังในการสร้างความโกลาหล”
มันจงใจเล่าลงลึกรายละเอียด เนื่องจากเป้าหมายการขายคือจัสติสและเฮอร์มิท คนทั้งสองมิอาจย้ายไปยังเส้นทางจักรพรรดิมืด ทางเดียวคือการนำไปสร้างตะกอนพลังพิเศษ แน่นอน ไคลน์ยังไม่ลืมว่ารายหลังเป็นเจ้าของกลุ่มโจรสลัด อาจมีลูกน้องสักคนบนเส้นทางนี้
ยังมีอีก… แถมยังเป็นลำดับ 5… สัปดาห์ที่ผ่านมา มิสเตอร์เวิร์ลทำอะไรลงไปกันแน่? ออเดรย์ตกตะลึงจนลืมสนใจรายละเอียดของตะกอนพลัง
เฮอร์มิท เดอะมูน และคนอื่นเหลือต่างมองหน้ากันด้วยความทึ่ง ครุ่นคิดว่าผู้วิเศษลำดับ 5 โชคร้ายคนใดที่ตกเป็นเหยื่อ
อีกหนึ่ง!
‘แฮงแมน’ อัลเจอร์กำลังสนใจในเรื่องที่ สิ่งนั้นคือตะกอนพลัง ‘ผู้ชี้นำความสับสน’ ลำดับ 5 แห่งเส้นทางจักรพรรดิมืด
ข้อมูลอย่างหลังคือสิ่งที่มันไม่เคยทราบมาก่อน
บรรยากาศเงียบลงราวสิบวินาที ออเดรย์เริ่มนึกทบทวนสิ่งที่เดอะเวิร์ลพูดไปเมื่อครู่
ฉวยโอกาสจากช่องโหว่ของคำสั่ง… สร้างความสับสน เพิ่มสมรรถภาพร่างกาย บิดเบือนเจตนาของเป้าหมาย… เธอมองว่าพลังดังกล่าวเหมาะสมกับเอิร์ลฮอลล์ที่รัก นอกจากนั้น ตัวเธอเองก็อยากครอบครองพลังนี้เช่นกัน เพราะลำพัง ‘คำลวง’ และพลังพิเศษของเส้นทางผู้ชมนั้นยังไม่พอ
ดีล่ะ… สอบถามราคาก่อน ค่อยหาโอกาสถามท่านพ่อ ดูว่าเขาสนใจจะซื้อสมบัติวิเศษให้บุตรสาวที่น่ารักหรือไม่…
ครุ่นคิดสองสามวินาที ออเดรย์ยกมือขึ้น
“มิสเตอร์เวิร์ล คุณต้องการแลกเปลี่ยนกับสิ่งใด หรือขายในราคากี่ทองปอนด์?”
ราคาที่เหมาะสมของสมบัติวิเศษในทำนองเดียวกันอย่าง ‘ลางมรณะ’ คือหนึ่งหมื่นถึงหนึ่งหมื่นสองพันปอนด์… ถ้าเป็นตะกอนพลังอย่างเดียวก็ควรถูกลง… ราวเจ็ดพันถึงแปดพันปอนด์… ไคลน์เคยคำนวณไว้แล้ว แต่ทบทวนดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะบังคับเดอะเวิร์ลตอบ
“แปดพันปอนด์”
มันทราบดี หากมิสจัสติสสนใจ จะไม่มีการต่อราคา
“ตกลง” ออเดรย์พยักหน้า หันไปมองฝั่งตรงข้าม “มิสเตอร์แฮงแมน ถ้าจะจ้างให้ช่างฝีมือสร้างสมบัติวิเศษจากตะกอนพลังระดับนี้ จำเป็นต้องใช้เงินเท่าไร?”
อัลเจอร์คำนวณอย่างหยาบและมอบคำตอบ
“หนึ่งพันห้าร้อยปอนด์เป็นอย่างน้อย อาจสูงกว่านี้”
“ตกลง” ออเดรย์หันไปมองเดอะเวิร์ล “ดิฉันขอเวลาคิดสองสามวัน จะมอบคำตอบภายในสัปดาห์นี้ ระหว่างนั้นคุณสามารถเจรจากับคนอื่นได้ตามปรกติ”
เดอะเวิร์ลพยักหน้ารับ กวาดสายตามองสมาชิกคนที่เหลือ พบว่ามาดามเฮอร์มิทออกท่าทางลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็มิได้กล่าวคำใดออกมา
ขณะ ‘จัสติส’ ออเดรย์เตรียมถามความคืบหน้าของผลของต้นกระดิ่งลมหลอนประสาท สมาชิกทุกคนได้ยิน ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์พึมพำอีกครั้ง
“…ผมยังมีตะกอนพลังของ ‘ดรูอิด’ ลำดับ 5 เส้นทางนักเพาะปลูก”
โดยทันทีทันใด พระราชวังที่ดูคล้ายถิ่นพำนักของคนยักษ์พลันตกอยู่ในความเงียบสงัด มีเพียงมิสเตอร์ฟูลที่กวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยท่าทีผ่อนคลาย รวมถึงแฮงแมนที่ยังคงสงบนิ่ง
ย…ยังมีอีก… ตะกอนพลังลำดับ 5 กลายเป็นของธรรมดาไปแล้ว? เขาทำอะไรมา? แคทลียาบังเกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ราวกับความพยายามอย่างหนักและการเสี่ยงชีวิตตลอดหลายปีที่ผ่านมา มอบผลลัพธ์ที่เทียบไม่ได้เลยกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์
น…น่ากลัวเกินไปแล้ว… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สเริ่มจินตนาการไปไกล
สุดยอด! ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคสรรเสริญเดอะเวิร์ลมากขึ้นเรื่อยๆ
จัสติสและเอ็มลินหมดคำจะกล่าวเป็นเวลานาน ตระหนักว่าคลังคำศัพท์ของตนบกพร่องเพียงใด
ผ่านไปเกือบสิบวินาที ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาเข้าใจความนัยที่แฝงมากับคำพูดของเกอร์มัน·สแปร์โรว์
เขาไม่ได้ระบุถึงการนำตะกอนพลัง ‘ดรูอิด’ ไปสร้างเป็นสมบัติวิเศษ… แปลว่ากำลังถามเรา? ให้ซื้อให้แฟรงค์?
ทันใดนั้น แคทลียาพบว่าเธอกำลังเผชิญการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิต
ราชันเร้นลับ 823 : ชุมนุมทาโรต์กำลังเติบโต
Ink Stone_Fantasy
ในฐานะกัปตันของอนาคตกาล แคทลียาตระหนักถึงภัยอันตรายจากแฟรงค์·ลีได้มากกว่าใคร เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่ารองกัปตันของเธอมีพัฒนาการที่น่ากลัวในบางครั้ง หากไม่เพราะว่า ‘ความคิดสร้างสรรค์’ ของเขาถูกจำกัดไว้ด้วยพลัง แคทลียาเชื่อว่าโลกคงมิได้สงบสุขเหมือนในปัจจุบัน
แน่นอน หากวันนั้นมาถึง เธอคือคนแรกที่จะเผชิญหน้ากับแฟรงค์·ลี จับอีกฝ่ายโยนลงทะเลเป็นอาหารปลา!
แต่ถ้ายังไม่มีพลังเทพ แนวคิดพิสดารของเขาอาจไม่ถึงกับสร้างหายนะ… ลำดับ 5 ยังไม่มีการพัฒนาในเชิงคุณภาพ และแฟรงค์ก็ทำตัวสงบเสงี่ยมมาสักพักแล้ว ทุ่มเทอยู่กับการวิจัยพืชที่สามารถเติบโตในความมืดและกินซากศพสัตว์ประหลาด… ท่ามกลางชุดความคิดที่วกวน ในที่สุดแคทลียาก็ได้ข้อสรุป
“ราคาเท่าไร”
เธอสัมผัสได้ ในระยะหลัง เกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังร้อนเงินอย่างผิดปรกติ
“แปดพันปอนด์ หากจ่ายด้วยเหรียญทอง ยิ่งหาได้มากเท่าไรก็ยิ่งถูกลง” ไคลน์ถอนหายใจขณะบังคับหุ่นเชิดตอบ
เมื่อพิจารณาว่าแฟรงค์·ลีจ่ายไหว และชายคนนั้นไม่มีทางปฏิเสธตะกอนพลังดรูอิด แคทลียาไตร่ตรองสักพักก่อนจะพูด
“ตกลง ขอเวลารวบรวมหนึ่งสัปดาห์”
“ไม่มีปัญหา” ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลถอนสายตากลับ
การเดินทางไปยังเกาะโบราณ หากไม่ติดเรื่องที่ตกเป็นเป้าสนใจของตัวตนลึกลับในส่วนลึกของวิหาร ไคลน์จะให้คะแนนเต็มกับตัวเอง เพราะภายในค่ำคืนเดียว มันสามารถเก็บเกี่ยวไพ่เย้ยเทพที่มิอาจประเมินค่า รวมถึงตะกอนพลังอีกไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นปอนด์ ซึ่งถ้าขายออกหมดจะได้เงินหนึ่งหมื่นหกพันปอนด์ แถมยังไม่ต้องจ่ายภาษี ทำเงินได้เร็วกว่าการปล้นธนาคารเสียอีก!
น่าเสียดายที่เกาะโบราณนั่นหายไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงแวะกลับไปหาเงินเรื่อยๆ … ขณะใคร่ครวญหลายสิ่ง ไคลน์เห็นมิสจัสติสกำลังมองหน้ามิสเตอร์แฮงแมน ซักถามอย่างคาดหวัง
“คุณได้ผลของต้นกระดิ่งลมหลอนประสาทมาหรือยัง?”
ออเดรย์ค่อนข้างคาดหวัง เนื่องจากเห็นมิสเตอร์เวิร์ลกอบโกยได้มากมายภายในหนึ่งสัปดาห์ มิสเตอร์แฮงแมนที่ต้องสงสัยว่าจะทำงานด้วยกัน ก็ควรมีติดไม้ติดมือมาบ้าง
เหนือสิ่งอื่นใด มิสเตอร์แฮงแมนกำลังเยือกเย็นและมั่นใจ… ‘จัสติส’ ออเดรย์เริ่มเชื่อมั่นในพลังพิเศษของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
‘แฮงแมน’ อัลเจอร์หัวเราะในลำคอ
“กำลังจะบอกอยู่พอดี… ผมได้มาแล้ว”
เยี่ยม! ออเดรย์สงวนกิริยา ไม่ทำตัวแตกตื่นเกินงาม
สำหรับปัจจุบัน เธอรวบรวมวัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถ ‘นักสะกดจิต’ ครบแล้ว เหลือแค่รอให้โอสถ ‘นักจิตบำบัด’ ย่อยอย่างสมบูรณ์ก็จะเลื่อนลำดับได้ทันที
และนั่นเหลือเวลาอีกไม่นาน! ออเดรย์ที่กลายเป็น ‘หมอหัวใจ’ ซึ่งคอยรับฟังและแก้ปัญหาให้ชนชั้นสูงในแคว้นเชสเตอร์ตะวันออกมาสักพัก ครุ่นคิดอย่างมั่นใจ
ด้วยความสัตย์จริง หากไม่จงใจชักนำบทสนทนา ออเดรย์ไม่อยากจะเชื่อว่า ขุนนางที่ยิ้มแย้มตลอดเวลาเหล่านั้นจะมีปัญหาทางจิตใจรุนแรง หลายคนเครียดกับกระแสของโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กังวลว่าตระกูลของตนอาจปรับตัวตามไม่ทันและล่มสลายไปตามกาลเวลา แน่นอน ส่วนใหญ่เป็นขุนนางที่มีบรรดาศักดิ์ต่ำ ความมั่งคั่งไม่มากพอจะช่วยให้ผ่านมรสุม
การวางตัวในลักษณะดังกล่าวช่วยให้ออเดรย์เข้าใจแนวคิดของ ‘หน้ากากทางสังคม’ โดยเมื่อเผชิญหน้ากับคู่สนทนาที่แตกต่างกัน พวกเขาจะสวมหน้ากากเป็นคนละคน
หลังจากได้ข้อสรุปดังกล่าว โอสถนักจิตบำบัดของเธอถูกย่อยอย่างรวดเร็ว มีความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัด
อาจจะสองสัปดาห์หรือน้อยกว่านั้น… สรุปโดยสั้น เราจะกลายเป็นนักสะกดจิตได้ก่อนกลับเบ็คลันด์… ‘จัสติส’ ออเดรย์มองแฮงแมนด้วยดวงตาสดใส
“ต้องการแลกเปลี่ยนกับสิ่งใด”
ในฐานะที่เพิ่งเลื่อนเป็นลำดับ 5 และมี ‘กุญแจ’ นำไปสู่ครึ่งเทพในมือ รวมถึงกำลังจะได้ครอบครองสมบัติวิเศษที่แข็งแกร่ง สิ่งที่อัลเจอร์กำลังขาดจึงเป็นเงินสด
“สองพันปอนด์”
“ตกลง” ออเดรย์ตอบเสียงเรียบ
เงินก้อนนี้ไม่จำเป็นต้องเบิก เธอสามารถจ่ายได้ทันที
หลังจากบรรลุข้อตกลง ออเดรย์ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย พบว่าตัวเองไม่ถูกทิ้งไว้ด้านหลังคนเดียว
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอได้เห็นฟอร์สกลายเป็นลำดับ 7 ได้เห็นแฮงแมนเข้าใกล้ความเป็นเทพ ได้เห็นเดอะเวิร์ลฆ่าผู้วิเศษลำดับ 5 รายแล้วรายเล่า นำตะกอนพลังมาขายจนร่ำรวย แต่ตัวเองกลับค้างเติ่งอยู่ที่ลำดับ 7 นักจิตบำบัดเป็นเวลานาน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความกดดันทางจิตใจ ร้อนรน กระสับกระส่าย โชคดีที่มีซูซี่คอยปลอบขวัญและกระตุ้นให้พัฒนาตัวเอง จึงสามารถหลีกเลี่ยงความผิดปรกติทางอารมณ์ จนกระทั่งปัจจุบัน ในที่สุดเธอก็ได้ก้าวไปอีกหนึ่งขั้น กำลังจะกลายเป็นลำดับ 6!
ออเดรย์ที่กำลังมีความสุข ได้ยินเฮอร์มิทกล่าวกับเดอะเวิร์ล
“ดิฉันเตรียมคำตอบเกี่ยวกับเลือดของสัตว์ในตำนานหนึ่งหยดไว้แล้ว”
“ต้องการสนทนาส่วนตัวไหม?” ‘เดอะฟูล’ ไคลน์บังคับเดอะเวิร์ลถาม
หากเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ เรามีแต่ได้กับได้! ชายหนุ่มคาดหวังในใจ
แคทลียามองไปรอบๆ ใคร่ครวญเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่จำเป็น… ดิฉันสามารถแลกเปลี่ยนได้สองรูปแบบ ตัวเลือกแรกคือการให้ดูไพ่ ‘กงล้อโชคชะตา’ หนึ่งครั้ง คุณน่าจะเข้าใจมูลค่าไพ่เย้ยเทพของจักรพรรดิโรซายล์ดี และตัวเลือกที่สอง ทางนี้จะบอกวิธีฟื้นฟูความแข็งแกร่งชั่วคราวขณะอยู่ในสภาพอ่อนแอ… รบกวนนำไปถามกับเทวทูตตนดังกล่าว ว่าท่านพึงพอใจกับตัวเลือกใด”
วิธีฟื้นฟูความแข็งแกร่งชั่วคราวในสภาพอ่อนแอ? ราชินีเงื่อนงำเดาว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอสรพิษปรอท? ไม่สมเหตุสมผล… ทำไมเธอถึงเดาว่าเป็นลำดับ 1 ไม่ใช่ลำดับ 2 อย่างเทพพยากรณ์? หรือว่า ‘เดอะฟูล’ ไม่มีสิทธิ์มีเทวทูตบนเส้นทางโชคชะตาคอยรับใช้?
เรายังไม่แน่ใจว่าวิล·อัสตินรู้วิธีเลื่อนเป็นลำดับ 0 หรือยัง ถ้ายัง การได้ดูไพ่ ‘กงล้อโชคชะตา’ หนึ่งครั้งถือเป็นรางวัลที่น่าดึงดูด… แต่อสรพิษปรอทตนนี้มีชีวิตอยู่มานาน เกิดใหม่ก็หลายครั้ง ถ้ายังไม่มีวิธีเลื่อนเป็นลำดับ 0 ก็ดูจะอ่อนหัดเกินไปหน่อย…
หึหึ ชักอยากรู้แล้ว บนหน้าไพ่กงล้อโชคชะตา โรซายล์จะทำหน้าตาแบบไหน… เป็นงูและสรรพสัตว์ที่สวมใบหน้าของเขาลงไป? ไคลน์ใช้ความคิดอย่างผ่อนคลาย บังคับให้เดอะเวิร์ลตอบ
“ตกลง… ถ้าการแลกเปลี่ยนบรรลุผล คุณต้องจ่ายค่านายหน้าให้ผม”
“ด้วยสิ่งใด?” แคทลียาถามหลังจากใคร่ครวญ
‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์กล่าวพลางยิ้ม
“ผมอยากพบราชินีเงื่อนงำ… ไม่ต้องกังวล นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่มีงานเล็กๆ ให้เธอช่วย”
แคทลียาเงียบงันสักพัก
“จะพยายามพูดให้ แต่ไม่รับประกัน”
ได้ยินบทสนทนาดังกล่าว ‘จัสติส’ ออเดรย์รู้สึกราวกับกำลังฝันไป
ชุมนุมทาโรต์เติบโตถึงระดับนี้แล้วหรือ?
หากไม่นับมิสเตอร์ฟูล จุดเริ่มต้นของชุมนุมทาโรต์คือการซื้อขายความรู้พื้นฐานและสูตรโอสถลำดับ 9… ค่อยๆ พัฒนาจนกระทั่งมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไพ่เย้ยเทพและเลือดของสัตว์ในตำนาน!
โดยที่อายุยังไม่ครบหนึ่งปี!
ยังกับฝันไป… เราโตขึ้นมาก… ขณะออเดรย์ถอนหายใจ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาหันไปมองเกอร์มัน·สแปร์โรว์
“ดิฉันมีความคืบหน้าเกี่ยวกับสมบัติวิเศษเส้นทางนักจารกรรม”
ขณะกล่าว หญิงสาวหันไปทางมิสเตอร์ฟูล ขออนุญาตอีกฝ่ายเสกวัตถุที่คล้ายแหนบ
‘แหนบ’ มีสีขาวนวล คล้ายกับสร้างจากกระดูกนิ้วสองชิ้น แต่นอกจากนี้ก็ไม่มีสิ่งใดพิเศษ
แคทลียาแนะนำ
“ชื่อของมันคือ ‘นิ้วขาด’ สามารถยกระดับความยืดหยุ่นของข้อมือและข้อต่อนิ้ว ช่วยให้ขโมยของในกระเป๋าเหยื่อได้ง่ายและแนบเนียนขึ้น ผลข้างเคียงก็คือ จะเกิดความอยากขโมยทุกครั้งที่พกพา… ราคาห้าร้อยปอนด์”
ลำดับ 9 นักจารกรรม? อา… เธอเพิ่มค่านายหน้าเล็กน้อย… ไคลน์หยุดคิดสักพัก
“ตกลง รีบส่งมาให้ผม”
ด้วยสิ่งนี้ มันสามารถสำรวจจุดที่เฮเซลพยายามขุดในท่อระบายน้ำ ขจัดภัยอันตรายซ่อนเร้น
รอจนกระทั่งบทสนทนาจบลง ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สที่ต้องการซื้อของเตรียมไว้ล่วงหน้า เอ่ยปากถามทุกคน
“ดิฉันอยากได้วัตถุต้องสาปจากวิญญาณอาฆาตโบราณที่ยังเหลือพลังวิญญาณ รบกวนช่วยมองหาให้ด้วย”
หลังจากสมาชิกทุกคนมอบคำตอบในเชิงบวก ‘เดอะมูน’ เอ็มลินเหลียวซ้ายแลขวา เอนหลังกล่าวกับเดอะซัน
“เมืองเงินพิสุทธิ์ของเจ้ามีตะกอนพลังลำดับ 5 แวมไพร์เทียมหรือไม่?”
มันไม่ต้องการเรียกสิ่งมีชีวิตที่ปกคลุมด้วยหนองเขียวตามคำอธิบายของเดอะซันว่า ‘ผีดูดเลือด’ จึงเปลี่ยนไปใช้คำอื่น
ตามความคิดของมัน แวมไพร์กลายพันธุ์เหล่านั้นคงมีมากมายในความมืดรอบๆ เมืองเงินพิสุทธิ์ ตะกอนพลังจึงน่าจะหาได้ง่าย
นอกจากนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่มีสูตรโอสถของเส้นทางแวมไพร์ แถมยังขาด ‘ช่างฝีมือ’ ทำได้เพียงพึ่งพาโชค รอให้ตะกอนพลังกัดกร่อนสภาพแวดล้อมจนกลายเป็นสมบัติปิดผนึก… ‘เดอะมูน’ เอ็มลินปลอบใจตัวเองว่าตนกำลังช่วยเมืองเงินพิสุทธิ์ แทนที่จะเป็นการขอความช่วยเหลือจาก ‘เดอะซัน’
เดอร์ริคสะดุ้ง ตอบอย่างตรงไปตรงมา
“มีครับ… แต่มิสเตอร์มูน คุณต้องการปกคลุมด้วยหนองพุพองหรือ?”
หา? เอ็มลินตอบสนองไม่ถูกไปชั่วขณะ ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายกำลังล้อเลียนหรือตักเตือน
เห็นดังนั้น ‘เดอะซัน’ เดอร์ริครีบเสริม
“ทุกก้อนล้วนปนเปื้อนจิตตกค้างรุนแรง และเนื่องจากพวกเราไม่มีสูตรผลิตโอสถ จึงไม่มีใครเสียเวลาขจัดมัน”
อย่างนี้นี่เอง… นั่นคงเป็นปัญหาแน่… เอ็มลินพยักหน้ารับ
“เข้าใจแล้ว”
มันมิได้สานต่อธุรกิจ เตรียมกลับไปปรึกษาเบื้องบนก่อน ดูว่าทางนั้นมีวิธีขจัดการปนเปื้อนทางจิตหรือไม่
ช่วงเวลาค้าขายจบลง สมาชิกชุมนุมทาโรต์เข้าสู่ช่วงเวลาสนทนาอิสระ
‘จัสติส’ ออเดรย์มองหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ กล่าวด้วยท่าทีลังเล
“ขอถามได้ไหมคะ… ตะกอนพลัง ‘ผู้ชี้นำความสับสน’ ของคุณได้มาจากไหน? ถ้าเป็นความลับ ไม่ต้องตอบก็ได้”
เธอคิดจะโน้มน้าวให้เอิร์ลฮอลล์ซื้อไว้ และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ออเดรย์ไม่อยากได้ตะกอนพลังของเส้นทางจักรพรรดิมืดที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์หรือกองทัพ
ไคลน์หัวเราะในลำคอ
“ได้จากลิงบาบูนขนหยิก”
ราชันเร้นลับ 824 : กระแทก
Ink Stone_Fantasy
ได้จากลิงบาบูนขนหยิก… ออเดรย์ไม่แน่ใจว่ามิสเตอร์เวิร์ลหมายถึงลิงบาบูนขนหยิกจริงๆ หรือเปรียบเปรยว่าเป็นคนโง่
ในอาณาจักรโลเอ็น ลิงบาบูนขนหยิกมักถูกใช้เพื่อล้อเลียนผู้อื่น เป็นมุกตลกเกี่ยวกับสติปัญญา
จากที่เห็น มิสเตอร์เวิร์ลมิได้อธิบายเพิ่มเติม ตีความได้ว่าเป็นลิงบาบูนขนหยิกตัวจริง… ออเดรย์ไม่ถามต่อ หันไปพูด
“ถ้าเดินทางไปยังสถานที่ซึ่งมีประเพณีบูชามังกร จะได้พบร่องรอยของมังกรจิตหรือไม่?”
“ไม่ใช่ว่าคุณเคยพบมังกรจิตในทะเลจิตใต้สำนึกรวมของชาวบ้านแล้วหรือ? จำได้ว่า ครั้งนั้นคุณตัดสินใจหนีกลับเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเอง” แคทลียาตอบ
“คุณย้อนกลับไป?” ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สคาดเดา
‘จัสติส’ ออเดรย์ส่ายหน้า
“เปล่า… ฉันอยู่ไกลจากที่นั่นมาก แต่เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งได้ยินข่าวลือ… ทีมนักโบราณคดีเข้าไปสำรวจหมู่บ้านแห่งหนึ่งในละแวกใกล้เคียง สมาชิกคนหนึ่งเกิดเสียสติในเวลากลางคืน และดูเหมือนอาการเช่นนี้จะเป็นโรคติดต่อ สมาชิกคนที่เหลือเริ่มเสียสติตามไป บ้างเข่นฆ่ากันเอง บ้างฆ่าตัวตาย สุดท้ายไม่มีใครรอดชีวิต”
ขณะแฮงแมนเตรียมตอบ เฮอร์มิทชิงพูดตัดหน้า
“สอดคล้องกับลักษณะของมังกรจิต”
“ดิฉันไม่สงสัยเรื่องนั้น แต่อยากทราบว่ามังกรจิตยังอยู่ในพื้นที่ละแวกดังกล่าวหรือไม่” ออเดรย์แสดงความเห็น
“ไม่” แฮงแมนและเฮอร์มิทตอบพร้อมกัน
ไคลน์ในนาม ‘เดอะฟูล’ ที่อยู่สุดขอบโต๊ะทองแดงยาว กำลังคิดอีกอย่าง
‘หลักยึดเหนี่ยว’ ของเทพ!
มันเชื่อว่าประเพณีบูชามังกรในแถบนั้น เครื่องยึดเหนี่ยวที่ช่วยให้สติของมังกรจิตอยู่ในสถานะมั่นคง!
ก่อนที่ประเพณีดังกล่าวจะสูญหายไปอย่างสมบูรณ์ มังกรจิตตัวนั้นก็ไม่ต้องกังวลกับ ‘หลักยึดเหนี่ยว’ ไปอีกพักใหญ่ สามารถออกจากหมู่บ้านไปและหลบซ่อนอยู่ในทะเลจิตใต้สำนึกรวมของเขตใหม่ ครอบงำผู้คนให้เกิดความศรัทธาเลื่อมใส ส่งผลให้โบสถ์หลักยากจะตามหาตัว เพราะท้ายที่สุด พวกเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตของจิตใจ และถึงแม้จะครอบครองสมบัติปิดผนึกที่สอดคล้องกัน อย่างมากก็ช่วยให้เข้าไปสำรวจในทะเลจิตใต้สำนึกรวมเพื่อต่อสู้หรือขับไล่มังกรจิตออกจากเขตดังกล่าว… แต่ในทางกลับกัน สมาคมแปรจิตมีข้อมูลมากกว่านั้น… ไคลน์ครุ่นคิดอย่างผ่อนคลาย บังคับให้เดอะเวิร์ลพูด
“ประเพณีบูชามังกรจะช่วยให้สติของมังกรจิตมั่นคงขึ้น… คุณสามารถบอกให้คนของตัวเองจดจำหลักการนี้ไว้ หากมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเป็นวงกว้างในพื้นที่ใหม่ ให้เดาไว้ก่อนว่ามังกรจิตพยายามสร้างอิทธิพลและเปลี่ยนความเชื่อของชาวบ้าน”
ใจจริง มันอยากจะเสริมว่ามังกรจิตตนดังกล่าวน่าจะเป็นเทวทูตลำดับ 2 ของเส้นทาง แต่หลังจากไตร่ตรอง ไคลน์พบว่าตนไม่มีหลักฐานยืนยัน
ในกรณีของมนุษย์ หลักยึดเหนี่ยวจะจำเป็นก็ต่อเมื่อก้าวไปถึงลำดับ 2 มีไว้รักษาสภาพจิตใจและหลีกเลี่ยงความบ้าคลั่ง แต่นี่เป็นมังกรตัวจริง สัตว์วิเศษโบราณที่เคยใช้ชีวิตด้วยสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว แม้จะถูกทำให้เจือจางลงจากรุ่นสู่รุ่น แต่โอกาสคลุ้มคลั่งก็ยังง่ายกว่ามนุษย์ ดังนั้น แค่ลำดับ 3 หรือ 4 ก็อาจต้องพึ่งพาหลักยึดเหนี่ยว
“ประเพณีเช่นนั้นช่วยให้สติของมังกรมั่นคงมากขึ้น?” ออเดรย์ถามด้วยความสับสน
“ถูกต้อง” เดอะเวิร์ลมิได้อธิบาย เพียงยืนยันคำตอบ
ออเดรย์หันหน้าไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวโดยไม่รู้ตัว ครุ่นคิดว่าควรถามมิสเตอร์ฟูลหรือไม่ แลกกับราคาที่จ่ายไหว
‘เดอะฟูล’ ไคลน์เห็นดังนั้นจึงมองไปรอบๆ พลางหัวเราะในลำคอ
“พวกเจ้าคิดว่า… เหตุใดเทพถึงต้องเผยแผ่ศาสนาและความเชื่อ?”
นี่มัน… ไม่ใช่เพราะว่าเทพรักมนุษย์หรอกหรือ? ‘จัสติส’ ออเดรย์ผุดคำตอบตามแบบฉบับสาวกเคร่งศาสนา
ถัดจากนั้น ทั้งเธอ แฮงแมน เฮอร์มิท และสมาชิกที่เหลือ ต่างผุดคำตอบที่สอง
ทำให้สติมั่นคง!
บ้าน่า… ถึงตรงนี้ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สรู้สึกว่าตนหัวไม่ไวพอ ไม่ว่าจะพยายามเชื่อมโยงสักเท่าไร ก็ไม่อาจหาข้อสรุปได้!
แบบนี้นี่เอง… ไม่สิ บางทีมิสเตอร์ฟูลอาจพูดถึง ‘หนึ่งใน’ หลายๆ สาเหตุของการเผยแผ่ความเชื่อ… ท่านกำลังแอบกัดกร่อนอำนาจของเทพวายุสลาตันอย่างลับๆ … นี่ก็เกี่ยวข้องกับบารมีของเทพ? ไว้เราค่อยกลับไปถามองค์ราชินี… ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาดันแว่นเลนส์หนาที่ดั้งพลางคาดเดา
‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ที่เคยเห็นภาพจิตรกรรมฝาผนัง เมื่อได้ยินเรื่องดังกล่าว มันไม่หวั่นไหวหรือหวาดกลัว แต่ครุ่นคิดหาเหตุผลที่ทำให้สัตว์วิเศษครึ่งเทพสามารถรักษา ‘สติ’ ได้ด้วยความเชื่อ
สมาชิกคนที่เหลืออย่าง ‘เดอะซัน’ เดอร์ริค ออกท่าทางหวาดกลัวเล็กน้อย คล้ายกับได้ยินบางสิ่งที่ลบหลู่เทพเข้า ไม่กล้าใคร่ครวญไปมากกว่านี้
เรื่องนี้มิได้หมายถึงเทพมารอย่าง ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ เพียงฝ่ายเดียว แต่รวมไปถึงเจ็ดเทพจารีตและพระผู้สร้างที่ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์นับถือ!
‘เดอะฟูล’ ไคลน์ไม่พูดต่อ เพียงทำท่าทางผ่อนคลายขณะทุกคนใบ้กิน
ผ่านไปรวมสิบวินาที ‘จัสติส’ ออเดรย์ยิ้มขื่นขมและกล่าว
“สิ่งที่ดิฉันจะเล่ามีแค่นี้”
ความนัยแฝงก็คือ ถึงตาของพวกคุณบ้างแล้ว!
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สและ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินไม่มีข้อมูลสำคัญจะเล่าให้สมาชิกคนอื่นฟัง จึงส่ายหน้าพร้อมกัน
แน่นอน ฝ่ายหลังต้องการอวดในเรื่องที่ ตนคือผู้ชนะในการแข่งล่าของตระกูล ได้รับแหวนจากบรรพบุรุษ แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจปิดปากเงียบ
‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ไตร่ตรองสักพัก มองหน้า ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์และพูด
“ภาพนั้น… แบ่งให้ทุกคนดูได้ไหม?”
มันเชื่อว่าภาพดังกล่าวเกี่ยวข้องโดยตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านยามบ่ายและวังราชาคนยักษ์ การแจ้งให้ ‘เดอะซัน’ ทราบล่วงหน้าก็เพื่อปรับสภาพจิตใจ ในอนาคตอาจต้องพบอะไรทำนองนี้อีกมาก และเตรียมรับมือกับอันตรายที่คาดไม่ถึง ดังนั้น การแบ่งปันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเก็บไว้ตามลำพัง
“ไม่ถือสา” ไคลน์เองก็คิดแบบเดียวกัน จึงบังคับให้เดอะเวิร์ลตอบ
ภาพอะไร… ดูเหมือนว่าจะสำคัญมาก… นี่คือผลพลอยได้จากความร่วมมือระหว่างมิสเตอร์แฮงแมนกับมิสเตอร์เวิร์ล? ระหว่างกำลังตามหาไพ่ทรราช พวกเขาบังเอิญไปเจอภาพหนึ่งเข้า? ‘จัสติส’ ออเดรย์รอยชมด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หันไปมองสักพัก ‘แฮงแมน’ ได้รับอนุญาตจากเดอะฟูล แสดงภาพที่เหล่าราชาเทวทูตกำลังแยกพระผู้สร้างของเมืองเงินพิสุทธิ์ออกเป็นหลายส่วน
ภาพอันนองเลือด ชั่วร้าย สยองขวัญ และมืดหม่น ส่งผลให้สมาชิกชุมนุมทาโรต์ต่างตกตะลึง แม้แต่คนที่เยือกเย็นและมีความรู้มากที่สุดอย่างเฮอร์มิทก็ยังสมองขาวโพลนชั่วคราว
พวกเขาเป็นใคร กำลังทำอะไร และวิธีการกินแบบนี้ไม่ป่าเถื่อนไปหน่อยหรือ? แม้แต่ตระกูลผีดูดเลือดก็ยังล้มเลิกพฤติกรรมเช่นนี้มาตั้งแต่ยุคสมัยที่สี่… เคารพทุกชีวิต ดื่มแค่เลือดสด… ‘เดอะมูน’ เอ็มลินดูสับสนกว่าใคร เนื่องจากไม่เคยเห็นเทวรูปหกเทพจารีตในซากปรักหักพังใต้กรุงเบ็คลันด์ ไม่ทราบว่าทั้งสามคนในรูปหมายถึงใคร
ย้อนกลับไปในตอนที่เดอะเวิร์ลฉายภาพเทวรูปให้ทุกคนรับชม มันยังไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกของชุมนุมทาโรต์
อย่างไรก็ตาม มันจำกางเขนที่หรูหราของเหยื่อซึ่งถูกกินในภาพได้ เดาว่าคงหมายถึงพระผู้สร้างที่ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์นับถืออย่างเทพสุริยันบรรพกาล เพราะในการชุมนุมครั้งก่อนๆ ‘เดอะซัน’ เคยอธิบายเกี่ยวกับตราศักดิ์สิทธิ์และสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง
น…นี่มัน เทพสุริยันเจิดจรัส วายุสลาตัน และเทพปัญญาความรู้ที่มิสเตอร์เวิร์ลให้ฉายให้ดูไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกเขาถึงกำลังกิน— ไม่สิ กำลังแบ่งปันเทพสุริยันบรรพกาล พระผู้สร้างที่ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์นับถือ! ออเดรย์ตกตะลึงเป็นอย่างมาก เชื่อโดยสัญชาตญาณว่ามีใครบางคนพยายามใส่ร้ายเหล่าเทพจารีต
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สสั่นเทาด้วยความกลัว แต่ก็มองว่าภาพที่เต็มไปด้วยความมืดหม่นและชั่วร้ายนี้ มีคุณค่าทางศิลปะสูงมาก
ภายในใจหญิงสาวตั้งชื่อภาพเสร็จสรรพทันที
พระกระยาหารค่ำมื้อสุดท้าย!
‘เฮอร์มิท’ แคทลียายังไม่เคยเห็นเทวรูปของหกเทพ รู้จักเพียงเทพสุริยันบรรพกาล จึงขมวดคิ้วและโพล่งขึ้นอย่างไม่ปิดบัง
“ราชาเทวทูต?”
“ถูกต้อง อย่างน้อยก็สามพระองค์” ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ยืนยัน แต่มันยังไม่แน่ใจว่าทารกผิดเข้มที่นั่งในท้องของพระผู้สร้างหมายถึงใคร
กล่าวจบ อัลเจอร์มองไปทาง ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคด้านข้าง พบว่าแววตาของเด็กหนุ่มหมองลงทันที ไม่มีใครทราบว่ากำลังคิดสิ่งใด
ณ ตอนนี้ เด็กหนุ่มหัวใจเด็กหนุ่มกำลังปั่นป่วนและสิ้นหวัง
มันเชื่อว่าผู้ที่ถูกกินคือพระผู้สร้างที่ชาวเงินพิสุทธิ์นับถือ และยังจำได้ บุคคลทั้งสามรอบๆ ประกอบด้วย ‘สุริยันเจิดจรัส’ ‘วายุสลาตัน’ และ ‘เทพปัญญาความรู้’ !
สิ่งนี้ทำให้มันเริ่มคาใจเกี่ยวกับวลี ‘ดินแดนเทพทอดทิ้ง’
จากบันทึกของเมืองเงินพิสุทธิ์ ทุกเอกสารระบุตรงกันว่า พระองค์ทอดทิ้งดินแดนแห่งนี้ด้วยเหตุผลบางประการ ปล่อยให้ประชาชนกลายเป็นพลเมืองแห่งความมืด ดังนั้น ทุกคนต้องสำนึกผิดจากก้นบึ้ง สวดวิงวอนของการประทานอภัย แล้วสักวัน พระองค์จะกลับมาอีกครั้ง เปรียบดังดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงไปทั่วโลก
ผิดแล้ว… ไม่ว่าจะสวดวิงวอนสักเท่าไร สำนึกผิดมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีวันนำพระผู้สร้างกลับมาได้… เดอร์ริคพึมพำกับตัวเอง
นั่นเพราะพระองค์ตายไปแล้ว ไม่มีวันหวนกลับมาอีก…
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความหวังของเมืองเงินพิสุทธิ์เป็นเพียงภาพลวงตาที่ไม่มีวันจับต้องได้
เงียบไปสักพัก ‘จัสติส’ ออเดรย์กล่าวอย่างมั่นใจ
“นี่คือการบิดเบือนจากตำนานที่ระบุว่า เทพทั้งสามเกิดจากดวงวิญญาณของพระผู้สร้าง?”
เทพทั้งสาม? ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาและ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินต่างสะดุ้งพร้อมกัน เริ่มเข้าใจว่าเหตุผลภาพนี้ถึงมีความสำคัญ และมันหมายความว่าอย่างไร
“ก็อาจจะใช่… แต่พวกเรายังไม่มีคำอธิบายสำหรับทารก” อัลเจอร์ตอบ
มันแอบชำเลืองไปทางมิสเตอร์ฟูล แต่ก็พบว่าตัวตนลึกลับที่ยิ่งใหญ่รายนี้ ไม่สนใจจะตอบคำถาม ทำเพียงเฝ้ามองเงียบงัน
‘จัสติส’ ออเดรย์พูดไม่ออก สมาชิกชุมนุมทาโรต์ที่เหลือก็เช่นกัน
จนกระทั่งความเงียบจบลงเมื่อ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์สลายภาพและหันไปพูดกับเดอะซันด้านข้าง
“คุณตรวจสอบเกี่ยวกับอนุสาวรีย์บรรจุศพของอดีตเจ้าเมืองหรือยัง?”
ราชันเร้นลับ 825 : จองตัว
Ink Stone_Fantasy
ได้ยินคำถามจากมิสเตอร์แฮงแมน เดอร์ริคตอบกระอักกระอ่วน
“ยังเลยครับ… ผมถูกมอบหมายให้ลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง จึงไม่ว่างไปสืบสวน”
อัลเจอร์ไม่ประหลาดใจ แต่สงสัยในบางประเด็น
“ทำไมถึงไม่ขอให้กลุ่มเพื่อนช่วย? คุณไม่จำเป็นต้องบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงหรือภาพรวม แต่แบ่งงานออกเป็นขอบเขตเล็กๆ ให้แต่ละคนแยกกันรวบรวมข้อมูล และด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะไม่ตกเป็นเป้าสงสัย”
‘เดอะซัน’ เดอร์ริคเงียบสักพัก
“…ผมไม่มีเพื่อน”
ก่อนที่พ่อแม่จะเสียชีวิต มันมีเพื่อนเพียงส่วนหนึ่งจากชั้นเรียนและสนามฝึก เพราะท้ายที่สุดแล้ว เพื่อนรุ่นเดียวกันในเมืองเงินพิสุทธิ์นั้นมีไม่มาก ส่วนใหญ่เคยเห็นหน้ากันหมด บ้างสนิทกัน บ้างทำงานร่วมกัน แต่หลังจากสูญเสียพ่อและแม่ เดอร์ริคก็กลายเป็นคนเก็บตัวทันที ผนวกกับการต้องกุมความลับของชุมนุมทาโรต์ จึงตีตัวออกหากจากเพื่อนฝูงโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นคนแปลกแยกและเก็บตัว แขกคนสุดท้ายที่มาเยี่ยมบ้านคือดาร์ก·รีเจนซ์ซึ่งถูกพระผู้สร้างแท้จริงกัดกร่อน
‘แฮงแมน’ อัลเจอร์พูดไม่ออกไปสักพัก ก่อนจะตอบหลังจากนึกทบทวนคำพูด
“แบบนี้ไม่ดี… คุณไม่สามารถช่วยเมืองเงินพิสุทธิ์ได้ด้วยตัวคนเดียว จำเป็นต้องพึ่งพาพวกพ้องในยามสำคัญ”
“ต…แต่ว่า พวกเขาอาจสงสัยในตัวผม” เดอะซันลังเล
อัลเจอร์ตอบเสียงขรึม
“ถูกสงสัยย่อมดีกว่าปล่อยให้ทุกสิ่งพังทลาย… เมืองเงินพิสุทธิ์กำลังเผชิญวิกฤติ สิ่งใดสำคัญกว่ากัน คุณต้องคิดให้รอบคอบ… หากหวังผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ ระหว่างทางต้องเกิดการเสียสละ หรือคุณอยากให้การเสียสละของพวกเขาสูญเปล่า?”
อัลเจอร์ไม่พูดต่อ ปล่อยให้เดอร์ริคต่อสู้กับความลังเลในใจ
มิสเตอร์แฮงแมนโน้มน้าวเก่งฉิบ… ไคลน์ถอนหายใจ บังคับให้เดอะเวิร์ลหันไปมองจัสติส
“ตอนนี้คุณรักษาอาการทางจิตที่ค่อนข้างรุนแรงได้ไหม?”
พลัง ‘นักจิตบำบัด’ ที่ไคลน์ทราบมีเพียง ‘ก่อโรคประสาท’ และ ‘มังกรข่มขวัญ’ ไม่ค่อยมีข้อมูลด้านอื่นมากนัก อาจเคยได้ยินจัสติสพูดถึงพลัง ‘ปลอบโยน’ และ ‘การชี้นำทางจิต’ อยู่บ้างอย่างคลุมเครือ แต่ก็ไม่มากพอจะตีกรอบความสามารถในการรักษา
‘จัสติส’ ออเดรย์สะดุ้งเล็กน้อย ตอบกลับอย่างกระตือรือร้น
“รักษาได้ ไม่มีปัญหา… มิสเตอร์เวิร์ล คุณมีเพื่อนที่ต้องการรักษาหรือ?”
เรากำลังขาดแคลนคนไข้พอดี! หญิงสาวตื่นเต้นเล็กน้อย
ทันใดนั้น เอ็มลินยกมือขวาขึ้นมาปิดปากและจมูกตัวเอง คล้ายกับรู้คำตอบอยู่แล้ว
ไคลน์ถอนหายใจแผ่ว บังคับให้เดอะเวิร์ลหัวเราะ
“เปล่า… คนไข้คือผมเอง”
ท่ามกลางพระราชวังอันงดงาม บรรยากาศการชุมนุมเงียบสงัดในพริบตา
‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาและ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สต่างก็ทราบว่ามิสเตอร์เวิร์ลเป็นนักผจญภัยเสียสติ แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีอาการทางจิตอย่างรุนแรงจนใกล้บ้า!
นี่คือราคาของความแข็งแกร่ง? ฟอร์สยิ่งทวีความกลัวที่มีต่อเกอร์มัน·สแปร์โรว์
กับนักผจญภัยเสียสติ พวกตนยังพอสื่อสารรู้เรื่อง แต่ไม่ใช่กับคนบ้า!
‘เทียนไขจิตฝันร้าย’ ไม่ช่วยให้อาการของเขาหายขาด? โรคลุกลามจนเข้าสู่ภาวะรุนแรงแล้ว? ‘เดอะมูน’ เอ็มลินตื่นตระหนกเมื่อพบว่า ‘เดอะเวิร์ล’ พร้อมเสียสติได้ทุกเมื่อ
‘เดอะซัน’ เดอร์ริคไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำได้แค่ห่วงใยมิสเตอร์เวิร์ลอยู่ห่างๆ จริงอยู่ มันอยากบอกว่าเมืองเงินพิสุทธิ์เองก็มีนักจิตบำบัดที่เชี่ยวชาญ แต่เมื่อลองพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เด็กหนุ่มพบว่าจะมีปัญหาตามมามากเกินไป จึงทำได้เพียงปิดปากเงียบ ภาวนาให้มิสจัสติสสามารถรักษา
‘จัสติส’ ออเดรย์ทั้งตกตะลึงและมึนงง ซักถามหลังจากไตร่ตรอง
“มิสเตอร์เวิร์ล จากการสังเกตของดิฉัน คุณไม่น่าจะมีอาการทางจิตรุนแรงถึงขั้นนั้น… ถ้าแค่กังวลหรือรู้สึกกดดัน ลำพังการควบคุมตัวเองและผ่อนคลายจิตใจอย่างสม่ำเสมอก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องรักษา”
‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์เผยรอยยิ้มอีกครั้ง
“ที่คุณไม่พบเพราะอาการทางจิตก่อนหน้าถูกรักษาจนหายขาดแล้ว… ผมแค่นัดแนะไว้ก่อน หากในอนาคตมีสัญญาณที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นอีก ผมจะได้ถูกรักษาอย่างทันท่วงที”
อย่างนี้นี่เอง… ‘จัสติส’ ออเดรย์พยักหน้าโล่งอก
เธอรู้สึกสงสารเดอะเวิร์ลขึ้นมาจับใจ อีกฝ่ายเป็นถึงผู้วิเศษที่สามารถ ‘ล่า’ ลำดับ 5 ได้หลายรายภายในหนึ่งสัปดาห์ เป็นข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล มีพลังแข็งแกร่งจนผู้คนต่างพากันหวาดผวา มีจิตใจดีเหมือนคนปรกติ แต่กลับต้องถูกอารมณ์เชิงลบมากมายกัดกร่อนจากภายใน ค่อยๆ ก้าวไปสู่ก้นบึ้งแห่งความเจ็บปวด
ครุ่นคิดสองสามวินาที ออเดรย์กล่าวอย่างจริงใจ
“ขึ้นอยู่กับจุดนัดพบ ถ้าดิฉันเอื้อมถึง นั่นไม่มีปัญหา”
หลังจากผ่านพ้นพิธีฉลองการบรรลุนิติภาวะ ออเดรย์ได้รับอิสระในระดับหนึ่ง สามารถไปพักร้อนในปราสาทที่ตระกูลครอบครอง หรือจะไปพักร้อนในเมืองสโตนซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นเชสเตอร์ตะวันออกก็ได้ ทว่า เสรีภาพยังคงถูกตีกรอบไว้เล็กน้อย เธอไม่สามารถไปได้ทุกหนแห่งตามใจต้องการ เว้นเสียแต่ในอนาคตจะเข้าร่วมกับองค์กรการกุศลของโบสถ์เทพธิดารัตติกาล
“ตกลง” ไคลน์ที่ครอบครองพลัง ‘นักท่องเที่ยว’ ในถุงมือ ถอนหายใจผ่อนคลาย บังคับให้เดอะเวิร์ลตอบ “ถึงตอนนั้น คุณเป็นฝ่ายกำหนดสถานที่และเตรียมวิธีนัดพบซึ่งจะไม่เปิดเผยตัวเอง”
‘จัสติส’ ออเดรย์ ‘อืม’ ในลำคอ ผุดฉากหนึ่งในใจ
เธอและมิสเตอร์เวิร์ลกำลังนั่งอยู่ในกล่องสองใบสักแห่ง สนทนากันระหว่างแผ่นไม้เพื่อรักษาอาการทางจิต
ในสถานการณ์ดังกล่าว มิสเตอร์เวิร์ลไม่มีทางรู้ตัวจริงของเรา… แต่เขาคงไม่สนใจ ขอเพียงได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพก็พอ… กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ว่าเราจะออกไปเองไม่ได้ ก็ยังสั่งให้ซูซี่ไปแทนได้! มิสเตอร์เวิร์ลต้องไม่เชื่อแน่ว่าเขาถูกรักษาด้วยหมา~ ไม่สิ… ซูซี่ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของชุมนุมทาโรต์ คงให้เธอช่วยรักษาแทนไม่ได้… ขณะครุ่นคิด ออเดรย์กำลังมีความสุขจากการกลั่นแกล้งที่ตนคิดขึ้น พยายามอย่างหนักในการยับยั้งมุมปาก
เมื่อได้ข้อสรุป ไคลน์นึกถึงคำถามอื่น บังคับให้เดอะเวิร์ลมองหน้า ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาและถาม
“คุณเตรียมลังระเบิดให้ผมได้ไหม?”
มันเชื่อว่าอีกฝ่ายที่เป็นพลเรือโจรสลัด ย่อมต้องมีช่องทางจัดเตรียมวัสดุประเภทนี้!
“ได้สิ… เอาเมื่อไร?” แคทลียามิได้ถามถึงเหตุผล
เกอร์มัน·สแปร์โรว์ฆ่าผู้วิเศษลำดับ 5 ไปมากมาย กับแค่ลังระเบิดถือเป็นเรื่องเล็กน้อย
“ส่งมาพร้อม ‘นิ้วขาด’ ได้เลย” ไคลน์บังคับให้หุ่นเชิดเดอะเวิร์ลถาม “เท่าไร?”
แคทลียาตอบเสียงเรียบ
“คิดว่าเป็นของแถมจาก ‘นิ้วขาด’ ก็แล้วกัน”
ลังระเบิดมีราคาไม่แพงในทะเล ค่อนข้างถูกด้วยซ้ำ
เยี่ยม… ไคลน์พึมพำเงียบ บังคับเดอะเวิร์ลผงกศีรษะและเตือนความจำทุกคน
“ภาพที่เห็นไปเมื่อครู่ อย่าพยายามนึกถึงบนโลกความจริง ไม่ต้องพูดถึงการวาดซ้ำ”
‘จัสติส’ ออเดรย์และคนที่เหลือ ชำเลืองสายตาไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวตามจิตใต้สำนึก เมื่อพบว่ามิสเตอร์ฟูลมิได้คัดค้าน บรรยากาศพลันตึงเครียดทันที ไม่มีใครกล้าเพิกเฉย
นั่นทำให้แคทลียาที่กำลังจะเขียนปรึกษาราชินีเงื่อนงำเกี่ยวกับภาพวาด ต้องหยุดความคิดเอาไว้ก่อน ค่อยหาวิธีที่มีผลกระทบต่ำในการติดต่อภายหลัง
ผ่านไปไม่นาน ช่วงเวลาแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระจบลง มิติเหนือสายหมอกสีเทากลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง
…
กลับถึงอนาคตกาล ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียายืนริมหน้าต่างห้องกัปตัน เห็นได้ชัดว่าเกิดความลังเลอยู่พักใหญ่
จนกระทั่งเธอสูดลมหายใจเข้าออก เปิดประตูห้องกัปตันพลางดันกรอบแว่นขึ้น เดินลงไปยังห้องแฟรงค์·ลี
เมื่อไม่นานมานี้ รองกัปตันอนาคตกาลได้รับการลงมติให้ถูก ‘อัปเปหิ’ ไปอาศัยด้านล่างสุดของเขตห้องโดยสาร เพื่อที่ผลผลิตในการทดลองจะได้ไม่แพร่กระจายเป็นวงกว้างในยามเกิดอุบัติเหตุ
แฟรงค์·ลีค่อนข้างพึงพอใจ เนื่องจากมีพื้นที่เพิ่มขึ้นมาก และสภาพแวดล้อมเข้าเงื่อนไข ‘มืดสนิท’
ก๊อก ก๊อก ก๊อก! แคทลียาเดินลงมาถึงชั้นล่าง ใช้นิ้วเคาะประตู
“เดี๋ยว!” แฟรงค์·ลีโพล่งเสียงดัง ไม่มีใครทราบว่ากำลังทำอะไร
ราวหนึ่งนาทีถัดมา มันเปิดประตูห้องในสภาพพับแขนเสื้อขึ้น ถามด้วยความสงสัย
“กัปตัน มีอะไรหรือ?”
แคทลียาไม่ตอบทันที อาศัยเนตรมองกลางคืนจ้องเข้าไปในความมืด พบปลาตัวใหญ่สีน้ำเงินนอนบนโต๊ะในสภาพดวงตาเบิกโพลง ถั่วงอกสีเขียวงอกตามช่องว่างเกล็ด บ้างเติบโตเป็นรวงข้าวสาลี
“สำเร็จแล้วหรือ?” แคทลียาถามพลางยับยั้งชั่งใจไม่ให้ถอยหลัง
แฟรงค์พยักหน้าอย่างมีความสุข ก่อนจะส่ายศีรษะแผ่วเบา
“ยัง… แต่ก็มีความคืบหน้ามากแล้ว! ผมผสมข้าวสาลีกับเซลล์ของนักบวชกุหลาบเข้าด้วยกันจนได้ผลผลิตขั้นต้น เมื่อนำสิ่งนี้ไปใส่ในท้องปลาซึ่งปลอดแสง พวกมันสามารถเจริญเติบโตได้ด้วยการกินเลือดเนื้อของปลา… แต่ปัญหาในปัจจุบันก็คือ ผมอยากให้พืชชนิดใหม่เติบโตด้วยการกินซากศพสัตว์ประหลาด จำเป็นต้องขจัดความบ้าคลั่งและสารพิษออกเสียก่อน… นอกจากนั้น การขยายพันธุ์ยังเป็นปัญหา ไม่มีทางที่นักบวชกุหลาบจำนวนมากจะอาสาช่วยผลิตพืช ดังนั้น นอกจากต้องดูดซับสารอาหารจากซากศพได้ดี ยังต้องมีความสามารถในการแบ่งตัว”
หลังจากฟังคำอธิบายจบ ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียาดันกรอบแว่นขึ้น
“ถ้ามนุษย์กินเข้าไป พืชชนิดนี้จะเติบโตด้วยการดูดซึมเลือดเนื้อไหม? รวมถึงการแบ่งตัว?”
แฟรงค์·ลีครุ่นคิดสักพัก
“ในทางทฤษฎีคงไม่ เพราะไม่มีใครกินพวกมันดิบๆ … อา ผมต้องทดลองในสภาพแวดล้อมอุณหภูมิสูงด้วยสินะ… ไม่สิ ตราบใดที่ยังแบ่งตัวไม่ได้ ทดลองไปก็เปล่าประโยชน์…”
ได้เห็นแฟรงค์·ลีสับสนในตัวเอง แคทลียาเกินความลังเลอีกครั้ง
ผ่านไปสักพัก หญิงสาวกล่าวอย่างเชื่องช้า
“ฉันสามารถซื้อตะกอนพลังของดรูอิดได้ คุณสนใจไหม?”
“แน่นอน!” แฟรงค์ออกท่าทางตื่นเต้น “ในหลายๆ ครั้ง แนวคิดของผมถูกตีกรอบไว้ด้วยความสามารถ!”
นี่มัน… ยังเปลี่ยนใจทันไหม… แคทลียาอดไม่ได้ที่จะคิดแบบนี้
ราชันเร้นลับ 826 : ความคิดที่ลืมเลือน
Ink Stone_Fantasy
คืนวันจันทร์ บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน
ไคลน์ประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเอง เตรียมสืบความลับที่ซ่อนอยู่ในท่อระบายน้ำ
เมื่อตอบสนองบนมิติเหนือสายหมอก ชายหนุ่มลังเลว่าจะพกไพ่เย้ยเทพหรือไพ่จักรพรรดิมืดดี คล้ายกับการเลือกเสื้อผ้าก่อนออกจากบ้าน
หลังจากพิจารณาว่ากรุงเบ็คลันด์คือเขตอิทธิพลของโบสถ์วายุสลาตัน ไคลน์ซึ่งกลัวกฎการดึงดูดในเส้นทางใกล้เคียง ตัดสินใจเลือกที่จะสวมไพ่จักรพรรดิมืด ร่างกายปรากฏมงกุฎบนศีรษะ ชุดเกราะสีดำ ด้านหลังมีเสื้อคลุม
นอกจากไพ่เย้ยเทพใบนี้ มันยังถือยุบพองหิวโหย นกหวีดทองแดงของอะซิก เหรียญทองเซนอล สมบัติวิเศษ ‘นิ้วขาด’ รวมถึงลังระเบิดทั่วไปที่แคทลียาส่งมาพร้อมสมบัติวิเศษเส้นทางนักจารกรรมเมื่อสามชั่วโมงก่อน
แน่นอน ไคลน์มิได้นำวัตถุระเบิดมาทั้งลัง เพราะหนักเกินกว่าร่างวิญญาณจะรับไหว หยิบใส่ร่างกาย ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลมาเพียงห้าอัน
สำหรับปืนลูกโม่ลางมรณะ มันเก็บไว้ในห้อง แสดงเจตนาชัดเจนว่าไม่ต้องการสู้ – เป้าหมายไม่ซับซ้อน หากพบปัญหาจะรีบหนีออกมาทันที พยายามหลีกเลี่ยงอันตราย การพกพาอาวุธที่ทรงพลังจะทำให้กล้ามากขึ้น สำรวจลึกเข้าไปอย่างบ้าบิ่นมากขึ้น และนั่นจะจบลงด้วยการรนหาอันตราย
ที่นี่คือเบ็คลันด์ หากเป็นไปได้ก็อย่าเคลื่อนไหวมากนัก… และสิ่งที่ซ่อนอยู่ในท่อระบายน้ำ เราคงมองไม่เห็น บอกได้แค่ว่าอันตรายหรือไม่… ไคลน์มองนาฬิกาแขวนในห้อง ยืนยันว่ายังมีเวลาอีกอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนที่เฮเซลจะลงมือตามปรกติ
ชายหนุ่มหายตัวไปกะทันหัน ผ่านกระจกระเบียง กระโดดไปที่ถนน เข้าไปในท่อระบายน้ำ
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่สกปรกและชื้น ไคลน์หยิบเหรียญทองโลเอ็นออกมา ปลดปล่อยวิญญาณอาฆาต ‘เซนอล’ ที่สวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มและหมวกสามมุมทรงโบราณ
จากนั้น ชายหนุ่มส่งแหนบที่ดูเหมือนกับถูกฝนจากกระดูกนิ้วสองนิ้วให้หุ่นเชิด
แค่ถือเพียงครู่เดียวก็ทำให้ไคลน์นึกอยากขโมยฝาท่อระบายน้ำทันที
เซนอลถือ ‘นิ้วขาด’ เดินไปข้างหน้า ไคลน์ที่ดูคล้ายกับ ‘จักรพรรดิมืด’ เข้าสู่สภาวะหายตัว แอบตามอยู่ด้านหลัง ทิ้งระยะห่างอย่างน้อยห้าสิบเมตรกับหุ่นเชิด
ด้วยสภาพแวดล้อมดังกล่าว ‘โรคอยากขโมยของ’ ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างต้นอีกต่อไป และเซนอลซึ่งอยู่ในสถานะคนตาย ก็คงไม่เกิดความรู้สึกอยากขโมยอะไร
ไม่มีความคิดอะไรเลยด้วยซ้ำ!
เลี้ยวเข้าสู่ทางแยกในคราวก่อน ผ่านประตูลับที่ซ่อนอยู่ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลปรากฏตัวในถ้ำกึ่งธรรมชาติและกึ่งฝีมือมนุษย์ด้วยแหนบสีขาวอ่อน
แตกต่างจากครั้งที่แล้ว ตำแหน่งของเครื่องใช้เช่นพลั่วห่อด้วยผ้าใบกันน้ำมีการเปลี่ยนแปลง ทางลับฝั่งเฉียงขวาลึกกว่าเดิมเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าเฮเซลกำลังเน้นทางไหน
ถัดจากนั้น ร่างต้นไคลน์ที่ยังไม่ได้เข้าไปในทางแยก ยืนพิงผนังท่อระบายน้ำ หันหน้าออกจากตำแหน่งเป้าหมาย จัดการบังคับหุ่นเชิดให้ลอยเข้าไปในทางลับด้านขวา
เพียงพริบตา ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลลอยมาจนสุดทาง
ในวินาทีถัดมา ไคลน์พลันรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กๆ จากแหนบสีขาวในมือหุ่นเชิด ราวกับกำลังถูกดึงดูดโดยบางสิ่งที่อยู่ไม่ห่างออกไป
สิ่งลึกลับดังกล่าวสงบนิ่งและลุ่มลึกราวกับทะเลสาบ เป็นเรื่องยากที่จะคาดเดา
ยังมีชีวิตอยู่… ใกล้เคียงกับวิญญาณ… หลังจากระบุได้อย่างคลุมเครือ ไคลน์บังคับเซนอลใช้ท่า ‘กระโดดกระจก’ ย้อนกลับมายังถ้ำกึ่งธรรมชาติกึ่งฝีมือมนุษย์ กลับมายังจุดที่มีพลั่ว ไม่ต้องการสำรวจลึกเข้าไปอีก
จากนั้น เซนอลสวมที่แจ็คเก็ตสีแดงเข้มปรากฏกายอีกครั้ง นำระเบิดห้าอันในร่างกายไปวางยังตำแหน่งต่างๆ
‘วิญญาณอาฆาต’ ทุกตนล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิดมาก่อน!
จัดการทั้งหมดเสร็จ ร่างของเซนอลหายไปและมาโผล่บนผิวเหรียญทองในมือไคลน์
ไคลน์ยัดเหรียญทองเข้าไปในร่างต้น ยกมือขวาขึ้นเตรียมดีดนิ้ว จุดชนวนระเบิดทั้งห้าทันที!
ความคิดชายหนุ่มไม่ซับซ้อน ทำลายความพยายามและร่องรอยของเฮเซลด้วยระเบิดในระดับพอเหมาะ กระตุ้นให้เหยี่ยวราตรีส่งคนมาตรวจสอบอันตราย
ด้วยวิธีดังกล่าว ไม่ว่าจะมีสิ่งใดซ่อนอยู่ในส่วนลึกของทางลับ มันจะไม่สร้างอันตรายแก่ตน!
ในกรุงเบ็คลันด์ การรู้วิธี ‘แจ้งตำรวจ’ อย่างชาญฉลาด จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าการโจมตีส่งเดช โดยเฉพาะกับไคลน์ที่ยังมิอาจยืนยันว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับครึ่งเทพหรือไม่!
เราช่างเป็นพลเมืองดี! ไคลน์หัวเราะกับตัวเอง เตรียมดีดนิ้วจุดชนวนระเบิด
ทันใดนั้น ศีรษะชายหนุ่มโยกเอนเล็กน้อย ลดแขนลงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไคลน์ที่ไม่ประมาท ยุติการอัญเชิญทันที ส่งตัวเองกลับไปยังมิติเหนือหมอกสีเทา กลับสู่ร่างต้นบนโลกแห่งความจริง
ขณะกำลังยุ่งอยู่กับการนำ ‘ยุบพองหิวโหย’ ‘เหรียญทองเซนอล’ และสิ่งอื่น ๆ ออกมาจากมิติลึกลับเหนือสายหมอก ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
หลังจากครุ่นคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับกระบวนการทั้งหมดในคืนนี้ ไคลน์ต้องตะลึงเมื่อพบว่าตนสูญเสียเศษเสี้ยว ‘ความทรงจำ’ ไปบางส่วน
มันจำไม่ได้ว่าตัวเองจุดชนวนระเบิดไปแล้วหรือยัง!
หลังจากกวาดตามองไปรอบๆ และยืนยันว่าถนนยังคงเงียบสงบ ไคลน์เริ่มเชื่อว่าตนยังไม่ได้ดีดนิ้ว
นี่คือพลังของนักชิงฝัน? ทรงพลังกว่าของโมเบธมาก… หากไม่ใช่เพราะมิติสายหมอกและความเคยชินในการทบทวนตัวเอง บางที เราคงฉุกคิดไม่ได้ว่าตัวเองสูญเสียความคิดไปบางส่วน… บางที อีกฝ่ายอาจปล่อยให้เราดีดนิ้ว แต่ลืมใช้พลังควบคุมไฟ ส่งผลให้ระเบิดไม่ถูกจุด… ไคลน์ครุ่นคิดเคร่งเครียด เตรียมลงมืออีกครั้ง
ชายหนุ่มยังคงทำเหมือนเดิมเพื่อไม่ให้ถูกแกะรอย ใช้เทคนิคการอัญเชิญตัวเองและตอบสนองเอง
หลังจากยัดไพ่ ‘จักรพรรดิมืด’ ใส่ร่างกาย ไคลน์ออกจากบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนจากอีกด้านหนึ่ง จงใจอ้อมถนนสองเส้นก่อนจะลงท่อระบายน้ำ
ปัจจุบัน ชายหนุ่มมิได้อยู่ใกล้กับทางแยกในท่อนระบายน้ำ อาศัยการควบคุมไฟด้วยระยะทางที่เพิ่งขึ้น จับสัมผัสถึงวัตถุระเบิดทั้งห้าอัน ยกมือขวาขึ้น
หลังจากยกแขนขึ้นลง ไคลน์รีบตัดการเชื่อมต่อ กลับไปยังมิติเหนือสายหมอกสีเทา หลีกเลี่ยงการถูกโจมตีจากตัวตนนิรนาม
โดยไม่รีบร้อนกลับสู่โลกความจริง ชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้ ‘เดอะฟูล’ และนึกทบทวนเหตุการณ์
เราลืมจุดชนวนระเบิดอีกแล้ว… ถ้าไม่บังคับตัวเองให้นึกทบทวน คงมองข้ามโดยสิ้นเชิง… น่าทึ่งมาก… บุคคลที่แนะนำให้เฮเซลขุดท่อระบายน้ำน่าจะเป็นครึ่งเทพ… ทำไมถึงไม่เข้าสิงร่างเฮเซลในฐานะ ‘ปรสิต’ โดยตรง? คงเพราะเหตุผลบางประการ บุคคลดังกล่าวถูกผนึกที่ใดสักแห่งในท่อระบายน้ำ แสดงพลังได้เพียงเล็กน้อย ไม่มากไปกว่าการโน้มน้าวเฮเซลในความฝัน? ตัวตนดังกล่าวทำให้ ‘นิ้วขาด’ เกิดปฏิกิริยาผิดปกติ เนื่องด้วยกฎการดึงดูดของพลังพิเศษ? อีกฝ่ายมิอาจควบคุมการดึงดูด? ไคลน์เคาะขอบโต๊ะที่มีร่องรอยโบราณพลางครุ่นคิด
หลังจากคาดเดาเบื้องต้น ชายหนุ่มพบว่าแผนการของตนคงยากจะลงมือให้สำเร็จ
เพราะทันทีที่เข้าสู่ระยะดีดนิ้วจุดชนวนระเบิด ความคิดจะถูกขโมยทันที แม้ว่าฉันจะจำได้ในภายหลัง แต่ก็เปล่าประโยชน์
เมื่อพิจารณาว่าเฮเซลคงได้รับอิทธิพลจากความฝันภายในบ้านตัวเอง ไคลน์เกิดความสงสัย ขอบเขตความสามารถของบุคคลดังกล่าวอาจขยายออกไปเกินกว่าปากทางเข้าท่อระบายน้ำ หากอีกฝ่ายพบว่าจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดเกี่ยวข้องกับดอน·ดันเตส แม้ว่าตัวจริงจะหลับอยู่ในห้องนอน ความคิดและความทรงจำที่เกี่ยวข้องก็อาจสูญหาย
ทว่า ทางนั้นไม่สามารถทะลุผ่ามิติสายหมอกและล็อกเป้าเราได้… หึหึ คิดการทำแค่นี้จะห้ามมิให้เรา ‘แจ้งตำรวจ’ ได้หรือ? ไคลน์ใช้ความคิดสักพัก กวักมือเรียกคนทำกระดาษด้วยความระมัดระวัง ใช้พลังเพียงเล็กน้อยในพื้นที่ลึกลับเหนือหมอกสีเทา ด้วยความช่วยเหลือของพิธีกรรมอย่างต่อเนื่อง การสำแดงของทูตสวรรค์ ถูกบังคับให้แทรกแซง
จัดการเสร็จ ชายหนุ่มยัดไพ่ ‘จักรพรรดิมืด’ ใส่ร่างกาย อาศัย ‘ประตูอัญเชิญ’ ส่งร่างเข้าไปในห้องนอน
แผนปัจจุบันของไคลน์คือ ไปยังถนนเส้นอื่น สุ่มหาบ้านสักหลัง ยืมกระดาษและปากกา เขียนลงไปว่า ‘สุดทางแยกที่หกจากซ้ายมือในท่อระบายน้ำบนถนนเบิร์คลุน ภายในช่องลับมีครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรมซ่อนตัวอยู่’ หรือสิ่งที่คล้ายคลึงกัน จากนั้น ในร่าง ‘จักรพรรดิมืด’ นำกระดาษไปแปะที่หน้าประตูวิหารนักบุญแซมมวล ป่าวประกาศอย่างโจ่งแจ้ง!
แน่นอน มันจะเคาะประตูอย่างสุภาพ แจ้งให้นักบวชในโบสถ์ทราบ หลีกเลี่ยงการถูกคนธรรมดาพบเห็น
ในบางครั้ง วิธีดั้งเดิมที่สุดจะมีประสิทธิภาพสูงสุด! ขณะไคลน์เตรียมออกจากบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนจากอีกฝั่งหนึ่งของคฤหาสน์ ทันใดนั้น มันรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนคล้ายแผ่นดินไหว เสียงดังกังวานทุ้มต่ำดังมาจากจุดห่างไกล
ระเบิด? ระเบิดถูกจุดชนวน? ใครเป็นคนทำ? ไคลน์ชะงักด้วยความประหลาดใจ
นี่มิใช่ฝีมือของมันแน่นอน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะหน่วงเวลานานขนาดนี้ นอกจากนั้นยังไม่มีใครอยู่ภายในท่อระบายน้ำ หรือต่อให้มี ความคิดที่จะจุดชนวนก็จะถูกขโมย
เว้นเสียแต่ว่า คนที่จุดชนวนจะเป็นครึ่งเทพที่บังเอิญผ่านมา… แต่จะบังเอิญขนาดนั้นได้ยังไง… ‘’
อีกหนึ่งความเป็นไปได้ก็คือ ครึ่งเทพเส้นทาง ‘นักจารกรรม’ เป็นคนทำเอง… อีกฝ่ายขโมยความคิดเราเรื่อยๆ เพื่อยื้อเวลาไม่ให้เราจุดชนวน จากนั้นค่อยจุดระเบิดทำลายหลักฐานหลังจากหลบหนีสำเร็จแล้ว?
สมเหตุสมผล… บุคคลดังกล่าวย่อมไม่ประมาท เชื่อว่าเราอาจจะฟื้นคืนความทรงจำและโร่ ‘แจ้งตำรวจ’ วิธีนี้ไม่มีทางยับยั้งได้ด้วยพลังปัจจุบัน ทางที่ดีจึงควรทำตัวเหมือนตุ๊กแก เอาตัวรอดโดยการตัดหาง
ทว่า ถ้าฝ่ายนั้นสามารถหลบหนี แล้วทำไมถึงยังแนะนำให้เฮเซลขุดทางลับ? หรือการฝืนหลบหนีจะสร้างภาระกับร่างกาย? ไคลน์นึกถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง แต่ก็มิอาจยืนยัน และมั่นใจว่าเสียงระเบิดจะต้องดึงดูดความสนใจ จึงรีบตัดการเชื่อมต่อกลับไปยังมิติหมอกพร้อมกับ ‘ยุบพองหิวโหย’ และวัตถุอื่นๆ
กลับถึงโลกความเป็นจริง ชายหนุ่มยกเลิกพิธีธรรม เก็บกวาดแท่นบูชา จัดการลบร่องรอย ทิ้งตัวนอนลงบนเตียง
…
บ้านเลขที่ 39 ถนนเบิร์คลุน บ้านของส.ส. มัคท์
เฮเซลซึ่งยังไม่นอน ตกใจกับแรงสั่นสะเทือนและเสียงคำรามจากพื้นดิน รีบเดินไปยังระเบียง เปิดผ้าม่าน จ้องไปยังฝาท่อระบายน้ำ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ
หลังจากเฝ้าสังเกตระยะหนึ่ง เธอตัดสินใจยกเลิกแผนในคืนนี้อย่างไม่ประมาท เข้านอนอย่างสบายใจ
ทันใดนั้น หญิงสาวก็ได้ยินเสียง ‘จี๊ดๆ’ จึงรีบหันไปมองที่มุมระเบียง
ณ จุดดังกล่าว เฮเซลได้พบกับหนูสีเทาตัวหนึ่งซึ่งมีขนสกปรกมอมแมม
ราชันเร้นลับ 827 : คนหนึ่งมาคนหนึ่งไป
ไคลน์ซึ่งนอนอยู่บนเตียง แสร้งนอนไม่หลับจนกระทั่งรุ่งสางเนื่องจากเชื่อว่า ตามปรกติของคนส่วนใหญ่ในถนน หากถูกปลุกด้วยเสียงระเบิดจากใต้ดิน การนอนหลับสนิทอาจทำให้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย
หลังจากลุกออกจากเตียง เดินไปที่ระเบียงและเปิดผ้าม่าน ขณะแสร้งทำเป็นมองหาที่มาของเสียงระเบิด พ่อบ้านวอลเตอร์เคาะประตูห้อง ส่งคนรับใช้สองคนพร้อมปืนลูกซองแฝดเข้ามาปกป้องนายจ้าง เตรียมพร้อมรับมือเหตุไม่คาดฝัน
จากนั้นไม่นาน ตำรวจมาถึงละแวกใกล้เคียง อาศัยคำบอกเล่าของชาวเมืองในบล็อก ระบุจุดเกิดเหตุเป็นท่อระบายน้ำ
หลังจากนั้น ไม่ว่าพวกมันจะพบอะไร ร้องขอความช่วยเหลือจาก ‘เหยี่ยวราตรี’ หรือไม่ มิสเตอร์ดอน·ดันเตสก็เป็นเพียงประชาชนธรรมดาที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว
หลังจากได้รับการยืนยันเบื้องต้นว่าเหตุการณ์สงบลงแล้ว ไคลน์สั่งให้พ่อบ้านและคนรับออกไป ทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง
รอจนกระทั่งตื่นขึ้นอีกครั้ง ถนนเบิร์คลุนกลับสู่สภาวะปรกติ ผู้คนเดินผ่านไปมาประปราย รถม้าแล่นผ่านเป็นครั้งคราว ต้นเมเปิ้ลอินทิสตามท้องถนนยังคงทำให้สถานที่แห่งนี้ดูลุ่มลึกและเงียบสงบ
“ผลการสืบสวนออกมาหรือยัง” ไคลน์มองตัวเองในกระจก ถามขณะบุรุษรับใช้ริชาร์ดสันช่วยแต่งตัว
ริชาร์ดสันได้สอบถามไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อได้ยินเจ้านายถาม จึงตอบได้ทันที
“ได้ยินว่าเป็นคนของแก๊งอันธพาลที่ลักลอบค้าขายในท่อระบายน้ำใกล้เคียง พวกมันทำพลาดจนเกิดระเบิด”
สมเหตุสมผลมาก… ไคลน์ไม่ถามต่อ ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าครึ่งเทพที่สามารถขโมยความคิดตน ถูกเหยี่ยวราตรีพบตัวหรือไม่
ประการแรก ชายหนุ่มพบว่าการที่อีกฝ่ายขโมยความคิดที่จะจุดระเบิดของตน หมายความว่าระเบิดห้าลูกสามารถสร้างความเสียหายรุนแรงแก่ครึ่งเทพตนดังกล่าวได้ – หากอีกฝ่ายแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเป็นภัยคุกคามกับตน ป่านนี้คงเลือกสิงร่างเฮเซลในฐานะปรสิตไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายชักนำความฝัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในอีกสองถึงสามสัปดาห์ข้างหน้า หรือกระทั่งสองถึงสามเดือน ไคลน์ไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร
ประการที่สอง หากพยายามสอบสวนเพิ่มเติม กดดันให้ครึ่งเทพตนนั้นจนตรอก ไคลน์เชื่อว่าฝ่ายที่เดือดร้อนจะเป็นตน เพราะเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจสิ่งรอบข้าง หายนะร้ายแรงจะเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง ต่อให้อีกฝ่ายไม่ทราบตัวจริงของไคลน์ แต่ครึ่งเทพตนดังกล่าวก็จะอาละวาดจนทุกคนในละแวกนี้เดือดร้อน
นอกจากสองเหตุผลข้างต้น ไคลน์ยังกังวลอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือ หากถนนเบิร์คลุนที่แสน ‘ธรรมดา’ เกิดความผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ย่อมต้องกระตุ้นความจากหน่วยพิเศษของทางการ และเมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากดอน·ดันเตสย้ายเข้ามา แม้ว่าไคลน์จะยืนกรานปฏิเสธ แต่ก็คงไม่มีทางลดความน่าสงสัยลง เมื่อเวลาผ่านไป มันไม่มีทางเลือกนอกจากล้มเลิกแผนการ พิจารณาไปใช้วิธีอื่นในการขโมย
เราไม่ควรลงไปที่ท่อระบายน้ำในระยะนี้ เพราะอาจมีกับดักของหน่วยพิเศษรออยู่… สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือ อา… คงต้องคอยจับตาดูเฮเซล ตรวจหาความผิดปรกติเกี่ยวกับเธอ ถ้าพบสัญญาณอันตราย เราจะกลายเป็น ‘จอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด’ ทันที นำใบประกาศเล็กๆ ไปปิดไว้หน้าประตูทางเข้าวิหารนักบุญแซมมวล… ไคลน์เดินลงไปชั้นล่างอย่างใจเย็นและรับประทานอาหารเช้า จากนั้นก็กลับห้องนอนใหญ่ สั่งให้บุรุษรับใช้ริชาร์ดสันเฝ้าประตู หยิบนกกระเรียนกระดาษที่กำลังจะขาดออกจากกระเป๋าสตางค์
ชายหนุ่มตั้งใจจะใช้มันเป็นครั้งสุดท้าย ส่งข้อมูลตัวเลือกที่ ‘พลเรือเอกดวงดาว’ เสนอไปยัง ‘อสรพิษแห่งชะตา’ และดูว่าวิล·อัสตินจะยอมรับเงื่อนไขหรือไม่
จริงอยู่ มันสามารถแวะไปหาอีกฝ่ายถึงบ้านโดยตรง แต่เนื่องจากยังไม่มีคำเชิญจากนายแพทย์อลัน หากปราศจากเหตุผลที่ดีพอ การไปเยี่ยมบ้านอีกฝ่ายไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก อาจทำให้ถูกสงสัย เพราะตนคงบอกไปไม่ได้ว่า ขอโทษทีนะคุณหมอ ผมไม่ได้มาหาคุณ แต่มาหาทารกในครรภ์ภรรยาคุณ
บรรจงคลี่นกกระเรียนกระดาษออกอย่างระมัดระวัง ไคลน์เหลือบมองดินสอที่เขียนทิ้งไว้คราวก่อน และเชื่อโดยสัญชาตญาณว่า หากใช้ยางลบถู กระดาษแผ่นนี้จะขาดอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มมิได้ลำบากใจ เพียงหยิบปากกาหมึกซึมและเขียนทับลงบนกระดาษไปเลย
“อีกฝ่ายยื่นข้อเสนอมาแล้ว”
หมึกมีสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ เมื่อเทียบกับรอยดินสอ สีของปากกาเข้มกว่าไม่รู้กี่เท่า ดังนั้นแม้ว่าตัวหนังสือจะซ้อนกัน แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการแปลความหมาย
โลกนี้มีทางออกมากกว่าปัญหาเสมอ… ไคลน์พยักหน้าพึงพอใจ พับกระดาษที่คลี่ออก กลับสู่รูปร่างนกกระเรียนกระดาษตามรอยเดิม
ถึงจุดนี้ ชายหนุ่มเชื่อว่าการคลี่ออกอีกครั้งแม้เพียงเล็กน้อย จะทำให้กระดาษเกิดฉีกขาด
…
เมืองเงินพิสุทธิ์ บ้านตระกูลเบเกอร์
นับตั้งแต่สิ้นสุดชุมนุมทาโรต์ เดอร์ริคตัวแข็งราวกับรูปปั้นหิน นั่งลงข้างเตียง ไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ มัน ‘ตื่น’ จากภวังค์ด้วยเสียงจากถนนด้านนอก อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกฝันร้ายยังคงหลอกหลอนจิตใจ เดินไปทางหน้าต่างด้วยฝีเท้าหนักแน่น
‘พระองค์อาจจะตายไปแล้ว’ และ ‘พระองค์อาจไม่กลับมาอีก’ ความคิดในทำนองเดียวกันดังกังวานในใจของเดอร์ริค ความสิ้นหวังและเจ็บปวดที่มิอาจยับยั้งกำลังก่อตัว
แม้กระทั่งในตอนที่มันลงมือฆ่าพ่อแม่ตัวเอง เดอร์ริคสงสัยมาตลอดว่าพระองค์จะกลับมาหรือไม่ จะดูแลพลเมืองแห่งความมืดที่ท่านทอดทิ้งไปหรือไม่ แม้ว่าในภายหลังจะหันมาพึ่งพามิสเตอร์ฟูล หวังเปลี่ยนตัวเองให้เป็น ‘สุริยัน’ ตัวจริง ช่วยชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ให้พ้นจากคำสาปแห่งโชคชะตา แต่การศึกษาสมัยเด็กและสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ได้สร้างผลกระทบทางจิตใจอย่างใหญ่หลวง เดอร์ริคอดไม่ได้ที่จะตั้งตารอการกลับมาของพระผู้สร้าง รอว่าเมื่อไร การเสียสละและคำสารภาพของชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ จะได้รับการตอบสนอง
แต่ในปัจจุบัน ความหวังเกือบทั้งหมดพังทลายลง เหลือเพียงแสงสุดท้ายอันริบหรี่ที่อาจถูกความมืดครอบกัดกินได้ทุกเมื่อ
หากเมืองเงินพิสุทธิ์ดำเนินต่อไปเช่นนี้เรื่อยๆ จุดจบคือการอย่างสมบูรณ์ในความมืด ไม่มีใครจดจำพวกเราที่เคยต่อสู้ดิ้นรน… เดอร์ริคมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นชาวเมืองจำนวนมากกำลังรวมตัว สวดวิงวอนถึงพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งกันตามปรกติ
นี่ไม่ใช่พิธีกรรมที่จัดโดย ‘หกสภาอาวุโส’ แต่เป็นประเพณีที่เกิดขึ้นในเมืองเงินพิสุทธิ์นานกว่าสองถึงสามพันปี สวดวิงวอนขอหลากหลายสิ่ง เช่นเรื่องดีๆ ในชีวิต ความมั่นคงทางอารมณ์ ชีวิตใหม่ สุขภาพที่ดีของครอบครัว
อสนีบาตผ่าผ่านท้องฟ้า เพิ่มความสว่างให้กับถนน เดอร์ริคยืนอยู่ในความมืดภายในบ้าน จ้องมองออกไปข้างนอก ไม่ขยับไปไหนเป็นเวลานาน แต่มือกำแน่นโดยไม่รู้ตัว
รอจนกระทั่งชาวเมืองแยกย้าย ในที่สุดมันก็ถอยสายตาด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
เอื้อมมือไปสัมผัส ‘เทพสายฟ้าคำราม’ ดวงตาของเดอร์ริคทวีความหนักแน่น เตรียมทำตามคำแนะนำของ ‘แฮงแมน’ มองหาเพื่อนมาช่วยทำงาน
เพียงไม่นาน มันกลับมากระอักกระอ่วนและเขินอายอีกครั้ง เพราะไม่ทราบว่าจะเข้าหาเพื่อนก่อนยังไง รวมถึงวิธีการทักทายผู้อื่นและชวนคุย
สิ่งนี้ฝืนธรรมชาติของเด็กหนุ่มมาก
ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน เดอร์ริคตัดสินใจไปที่ลานฝึกซ้อม ผูกมิตรกับคนรู้จักเก่าๆ ด้วยการต่อสู้ เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งจุดรวมตัวของชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ จึงมักได้พบผู้คนที่คุ้นเคย
…
ตกดึกอีกครั้ง ไคลน์มองเห็นทุ่งกว้างอันมืดมิดและรกร้างในความฝัน รวมถึงยอดหอคอยแหลมอันลึกลับและดำมืด
เดินผ่านด่านแล้วด่านเล่า ชายหนุ่มมาถึงจุดที่มีไพ่ทาโรต์กระจัดกระจาย รถเข็นเด็กสีดำกำลังรออยู่
วิล·อัสตินที่ร่างกายห่อด้วยไหมเงินถามเสียงใส
“มีอะไรมาต่อรอง”
เป็นฝ่ายถามเข้ามาเอง… สงวนกิริยาของลำดับ 1 หน่อยไหม? แต่แบบนี้ก็เหมาะกับเด็กแล้ว… สวมบทบาทได้ไม่เลว… ไคลน์หัวเราะในลำคอและเปิดปากพูด
“สองตัวเลือก… เลือกได้แค่หนึ่ง… อย่างแรกคือสิทธิ์ในการดูไพ่กงล้อโชคชะตาหนึ่งครั้ง อย่างที่สอง วิธีฟื้นฟูพลังชั่วคราวขณะอยู่ในสภาพอ่อนแอ”
วิล·อัสตินเงียบงันสักพัก หัวเราะเล็กๆ ก่อนจะกล่าว
“เป็นแบร์นาแดตนี่เอง… ลางสังหรณ์ของข้าถูกต้อง ครั้งนี้ข้าจะได้รับสิ่งดีๆ”
จากนั้น ทารกถามอย่างมีวาทศิลป์
“เจ้าคิดว่าข้าจะเลือกข้อไหน?”
จิตใต้สำนึกไคลน์คิดทันทีว่า เรามีโอกาสหยั่งเชิงแล้ว! ชายหนุ่มหัวเราะและตอบ
“ข้อสอง”
วิล·อัสตินพ่นลมหายใจ
“ข้าดูเหมือนสัตว์ในตำนานที่ขาดแคลนข้อมูลทำนองนี้นักหรือ? ข้าเคยเริ่มต้นใหม่นับครั้งไม่ถ้วน คิดว่าจะไม่เตรียมความพร้อมไว้เลยรึไง! ”
สมเหตุสมผล… ไคลน์และกล่าวต่อ
“หมายความว่า คุณต้องการดูไพ่กงล้อโชคชะตา หรือไม่ก็ให้พวกเขาเปลี่ยนข้อเสนอ?”
วิล·อัสตินดูดนิ้วขณะตอบ
“ข้าเลือกข้อสอง”
“…” ท่าทีดังกล่าวทำให้ใบหน้าไคลน์แข็งทื่อไปชั่วขณะ
วิล·อัสตินยิ้ม
“การเรียนรู้วิธีอื่นๆ เพิ่มเติมถือเป็นการสะสมไพ่ตาย เจ้าไม่คิดว่าเป็นสิ่งที่ควรทำหรือ?”
นี่ก็จริง… เขาพูดถูก… ไคลน์ตอบอย่างจนปัญญา
“ตกลง จะเริ่มแลกเปลี่ยนตอนไหน?”
วิล·อัสตินโบกแขนสั้นๆ ของมัน
“แน่นอนว่าในตอนที่ข้าเกิด แลกเปลี่ยนด้วยลวดจากสายสะดือ! ก็ประมาณต้นเดือนกรกฎาคม อาจก่อนหน้านั้นเล็กน้อย”
กล่าวจบ มันผ่อนคลายแขนขา หัวเราะในลำคอเล็กๆ
“แต่ถ้าพวกเขาอยากจะบอกข้อมูลล่วงหน้า ข้าก็ไม่รังเกียจ”
“พวกเขา…?” ไคลน์ถามตามจิตใต้สำนึก ไม่เข้าใจว่าทำไม ‘อสรพิษปรอท’ ถึงทราบว่าเป็นพวกเขา แทนที่จะเป็น ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดตคนเดียว
วิล·อัสตินดูดนิ้ว ตอบคลุมเครือ
“แบร์นาแดตผ่านขั้นตอนที่ใช้เลือดสัตว์ในตำนานหนึ่งหยดไปแล้ว… ในกรณีนี้ หล่อนน่าจะเตรียมให้ลูกน้องสักคน”
งั้นหรือ… คนที่ต้องใช้คือ ‘เฮอร์มิท’ ? ไคลน์ถามครุ่นคิด
“เลือดของสัตว์ในตำนานมีหน้าที่อะไร? วัตถุดิบหลักโอสถ?”
มันนึกถึงความจริงที่ หยดเลือดของ ‘สุริยันเจิดจรัส’ สามารถใช้เป็นวัตถุดิบหลักโอสถ ‘ผู้เจิดจรัส’ ได้
“ผิดแล้ว เจ้าไม่คิดบ้างหรือ การดื่มเลือดของสัตว์ในตำนานเส้นทางโชคชะตาเท่ากับการฆ่าตัวตาย…” วิล·อัสตินเย้ยหยัน “ข้าได้ยินมาว่า ลำดับ 5 ของเส้นทางผู้ส่องความลับ หากต้องการเลื่อนเป็นลำดับ 4 จะต้องตรวจสอบเลือดของสัตว์ในตำนานอย่างละเอียด ซึมซับความรู้อันซับซ้อนและมหาศาลที่ซ่อนอยู่ สิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม และเนื่องจากเลือดของสัตว์ในตำนานแต่ละตัวแตกต่างกัน เมื่อเลื่อนลำดับสำเร็จ แต่ละคนจะเชี่ยวชาญ ‘ความรู้’ ของโลกศาสตร์เร้นลับในแง่มุมต่างกัน”
ยังมีวิธีนี้ด้วยสินะ… แต่ละลำดับ แต่ละเส้นทาง ล้วนมีพิธีกรรมที่แตกต่างกันตามแบบฉบับตัวเอง… ไคลน์กล่าวกับอีกฝ่าย
“ขอบคุณสำหรับคำตอบ”
วิล·อัสตินโบกมือ
“อย่าพยายามรบกวนข้า การปล่อยให้ข้าได้คลอดเงียบๆ ถือเป็นการตอบแทนที่ดีที่สุด!”
โดยไม่รอการตอบสนองจากไคลน์ มันเพิ่มอีกหนึ่งประโยค
“แต่การบอกวิธีช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งชั่วคราวไม่นับ!”
กล่าวจบ รถเข็นเด็กสีดำขยับถอยหลัง หายเข้าไปในเงามืด
ไคลน์เห็นหอคอยโดยรอบพังทลาย ถอนหายใจอย่างเงียบงัน เตรียมออกจากความฝันและนอนหลับ
ทันใดนั้น ชายหนุ่มพลันประหลาดใจ เนื่องจากพบว่ามีใครบางคนบุกรุกเข้ามาในความฝัน
คนหนึ่งมา คนหนึ่งไป… คึกคักกว่าตอนกลางวันซะอีก! ไคลน์เปลี่ยนให้ความฝันตรงตามความคิด มองไปรอบ ๆ ขณะทำท่าสับสน
ราชันเร้นลับ 828 : ท่วงทำนองแห่งค่ำคืน
ดินแดนแห่งความฝันที่ไคลน์สร้าง มีพื้นฐานมาจากบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน เสกหญิงงามจำนวนมากรายล้อมดอน·ดันเตส สร้างภาพลักษณ์เศรษฐีที่มีความรู้และประสบการณ์ แต่ต้องอดทนอย่างหนักในโลกแห่งความเป็นจริงเพราะเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากข่าวลือ มีเพียงในความฝันเท่านั้นที่สามารถดื่มด่ำไปกับจินตนาการ
นั่งบนโซฟา รับไวน์แดงจากเด็กสาว ไคลน์ชิมอย่างไม่รีบร้อน พบว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบเปลี่ยนไปกะทันหัน เหล่าโคมไฟสว่างไสวที่ตกแต่งอย่างหรูหราพลันอันตรธานหาย กลายเป็นท่อระบายน้ำที่มืดมน เปียกชื้น และสกปรก
ถัดมา ชายหนุ่มเห็นระเบิดที่คุ้นเคยห้าอันในมือตัวเอง
นี่มันระเบิดที่เราวางไว้ไม่ใช่หรือ? ไคลน์สะดุ้งในตอนแรก แสร้งทำเป็นผงะ ทิ้งวัตถุระเบิดอย่างลนลาน มองไปรอบตัวอย่างระมัดระวัง
เมื่อไม่พบสิ่งผิดปรกติ ไคลน์บรรจงถอยหลังทีละก้าว ควานหาบันไดโลหะแนวตั้ง ปีนขึ้นอย่างชำนาญและรวดเร็ว ปิดฝาท่อระบายน้ำ
เมื่อกลับถึงถนนเบิร์คลุน ความฝันทั้งหมดแตกกระจัดกระจาย ปลุกให้ชายหนุ่มสะดุ้งตื่น
ไคลน์ลืมตา ในห้องที่เกือบทึบ มองไปบนเพดานสีทอง นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ฝีมือของครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรม? ‘’
อีกฝ่ายสามารถหลบหนีการติดตามของเหยี่ยวราตรี ซ่อนในละแวกใกล้เคียงเพราะกังวลว่า ‘จักรพรรดิมืด’ ที่เปิดโปงเบาะแสของตนจะปรากฏตัวอีกครั้ง จึงโน้มน้าวความฝันทีละคนเพื่อมองหาเป้าหมาย?
เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้อีกแล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะเรามีสติคมชัดในความฝันขณะถูกบุกรุก คงเผลอลงมือจุดระเบิดตามความเคยชิน… เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ความทรงจำดังกล่าวยังคงสดใหม่…
โชคดีที่เราสรุปได้ว่า หนึ่งในกฎของ ‘นักเชิดหุ่น’ คือการพยายามอย่าออกหน้าฉากด้วยตัวเอง… ไม่ว่าจะสำรวจท่อระบายน้ำหรือแอบไปพบทริสซี่ เราจะใช้งานหุ่นเชิดเสมอ ต่อให้ระยะทางไกลเกินกว่าจะควบคุม ก็ต้องส่งร่างวิญญาณไปเชิดจากระยะไกลโดยมีมิติสายหมอกคอยกีดขวางการเชื่อมต่อ นอกจากนั้นยังพกพาวัตถุที่ขัดขวางพลังสอดแนมและทำนายถึง ช่วยให้อีกฝ่ายไม่สามารถค้นหาได้ว่าใครคือผู้ชักใยตัวจริง ไม่อย่างนั้น เราคงถูกพบตัวนานแล้ว อาจไม่ถึงแก่ความตาย แต่ก็ต้องหลบหนีออกจากเบ็คลันด์อย่างหมดสภาพ…
คิดถึงตรงนี้ ไคลน์พบว่าตนค่อนข้างโชคดี เพราะในตอนที่ยังไม่รู้ว่ามีความลับใดซ่อนอยู่ในท่อระบายน้ำ ในตอนที่ยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันกับครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรม มันยังปฏิบัติตามกฎของ ‘นักเชิดหุ่น’ อย่างเคร่งครัด ช่วยให้รอดพ้นจากการถูกเปิดโปงตัวจริง
เบ็คลันด์เป็นเมืองที่อันตรายมาก… ความประมาทเพียงเล็กน้อยสามารถทำให้เกิดปัญหาบานปลาย… ไคลน์ถอนหายใจพลางสัมผัสได้ว่าโอสถ ‘นักเชิดหุ่น’ ถูกย่อยไปอีกเล็กน้อย
รอจนกระทั่งอารมณ์สงบลง ชายหนุ่มพูดในใจ
ดูเหมือนว่าครึ่งเทพรายนั้นยังอยู่ที่ถนนเบิร์คลุน… ซ่อนตัวอยู่ในบ้านเฮเซล และมีความเป็นไปได้สูงที่จะอยู่ใกล้เธอ…
หึหึ… ถ้าอีกฝ่ายบุกรุกความฝันของเราก่อนหน้านี้สักหนึ่งถึงสองนาที ทางนั้นจะได้เห็น ‘อสรพิษแห่งชะตา’ วิล·อัสติน… แม้ว่าเทวทูตลำดับ 1 รายนี้จะอยู่ในสภาพอ่อนแอ แต่ก็ยังเป็นเทวทูตในเครือเดียวกับโอโรเลอุส ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรับมือกับหัวขโมยอ่อนแอซึ่งมิอาจทำเรื่องง่ายๆ อย่างการสิงเฮเซลในฐานะปรสิต ไม่ต้องพูดถึงพลังพิเศษ ลำพังการเผยร่างสัตว์ในตำนานที่สมบูรณ์แบบ ก็มากพอจะทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส…
พนันได้เลยว่า วิล·อัสตินคงมองเห็นอนาคตตรงนี้ จึงเลือกเข้าฝันเราในช่วงเวลาดังกล่าว หลีกเลี่ยงการถูกโจมตีโดยครึ่งเทพนิรนาม
แต่น่าเสียดาย… ใจจริงเราก็อยากสั่งสอนให้พวก ‘หัวขโมย’ ตระหนักว่า การบุกรุกดินแดนความฝันของคนอื่นในกรุงเบ็คลันด์ส่งเดช มีอันตรายมากแค่ไหนรออยู่… เลียวนาร์ดคงรู้ซึ้งเป็นอย่างดีแล้ว…
ไคลน์หยุดความคิด แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น อาศัยความช่วยเหลือของการเข้าฌาน สะกดจิตตัวเองให้หลับสนิทอีกครั้ง
รอจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น ชายหนุ่มตื่นขึ้นตามธรรมชาติ แปลงโฉมกลายเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์พึมพำสวดวิงวอน
“ช่วยบอกมาดามเฮอร์มิทว่า ยอมรับเงื่อนไข ‘วิธีฟื้นฟูความแข็งแกร่งชั่วคราว’ และพร้อมจะส่งสินค้าในช่วงปลายเดือนมิถุนายนจนถึงต้นเดือนกรกฎาคม… คุณถามแบร์นาแดตได้เลยว่า พร้อมให้ผมไปพบเธอตอนไหน”
สวดวิงวอนจบ ไคลน์เปลี่ยนกลับไปเป็นดอน·ดันเตส ลุกขึ้นและเดินเข้าห้องน้ำ จัดการกับปัญหาส่วนตัว
แปรงฟัน ล้างหน้า หลังจากที่ได้รับชีวิตชีวากลับคืนมา ชายหนุ่มถอยหลังสี่ก้าว ส่งตัวเองเข้าไปในมิติเหนือหมอก เปลี่ยนคำสวดวิงวอนให้เป็นภาพ โยนเข้าไปในดาวแดงสัญลักษณ์ของ ‘เฮอร์มิท’
…
หลังจากนำอนาคตกาลเทียบท่า ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียายืนมองแฟรงค์·ลีเดินเข้าไปในเขตท่าเรือด้วยสีหน้าคาดหวัง มองหาร้านสำหรับขายของ รวบรวมเงินสดได้มากถึงแปดพันปอนด์ หวังซื้อตะกอนพลังของ ‘ดรูอิด’ ให้ได้ หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมากุมหน้าผาก เกิดความลังเลเล็กๆ ในใจ
แม้ว่าเธอจะมั่นใจในเรื่องที่ ตนสามารถสยบแฟรงค์·ลีที่กลายเป็นดรูอิดด้วยความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับและพลังพิเศษ แต่เมื่อจินตนาการถึงความคิดพิสดารของอีกฝ่าย รวมถึงพลังที่สามารถทำในสิ่งเหนือจินตนาการ แคทลียาพบว่าปัญหาอาจไม่ง่ายดายขนาดนั้น เธอไม่อยากมีแตงโมอยู่บนศีรษะ ร่างกายปกคลุมด้วยรวงข้าวขณะถูกดึงเข้าไปในมิติเหนือสายหมอกเพื่อร่วมชุมนุมทาโรต์
แต่เขายังไม่มีสูตรโอสถดรูอิด เรายังไม่ต้องกังวลว่าแฟรงค์จะกลายเป็นลำดับ 5 ในตอนนี้… แคทลียาดันกรอบแว่น พึมพำปลอบใจตัวเอง
ทันใดนั้น สายหมอกสีเทาปกคลุมการมองเห็น ถ้อยคำเกอร์มัน·สแปร์โรว์ดังกังวานในหัว
เทวทูตตอบตกลง? สีหน้าของ ‘พลเรือเอกดวงดาว’ บรรเทาความตึงเครียด เผยรอยยิ้มเล็กๆ อย่างมิอาจควบคุม
ในวินาทีที่ได้เลือดของสัตว์ในตำนาน เธอจะเข้าใกล้ความเป็นครึ่งเทพเข้าไปทุกขณะ!
ปัจจุบัน แคทลียามีสูตรโอสถ ‘ปราชญ์พิศวง’ อยู่ในมือ มีวัตถุดิบหลักที่ใช้คะแนนผลงานแลกจากนิกายมอสส์ และมีช่องทางหาวัตถุดิบรองอย่างครบถ้วน
เดือนกรกฎาคมสินะ… กรกฎาคม… แคทลียาเม้มริมฝีปาก กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องกัปตัน
…
เช้าวันพฤหัสบดี ไคลน์เพิ่งจบคาบเรียนวรรณคดีโบราณ ได้ยินเสียงสวดวิงวอนที่ดังซ้อนทับจนฟังไม่ออก
ส่งตัวเองเข้าไปในมิติหมอก ชายหนุ่มพบว่าผู้สวดคือ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียา
พลเรือเอกดวงดาวขอให้มิสเตอร์ฟูลแจ้งกับเดอะเวิร์ลว่า ราชินีเงื่อนงำตอบตกลงตามคำขอ หากยังอยู่ในกรุงเบ็คลันด์ จุดนัดพบคือตลิ่งฝั่งทิศใต้ของแม่น้ำทัสซอค ใกล้กับทางขึ้นสะพาน เวลาห้าทุ่มตรง
แบร์นาแดตยังคงอยู่ที่เบ็คลันด์… ไคลน์เสกเกอร์มัน·สแปร์โรว์ขึ้นมาตอบตกลง
เวลา 22 นาฬิกา 58 นาที ชายหนุ่มเข้าห้องน้ำ ดึงชายกระดาษออกจากกระเป๋า
เป๊าะ!
ไคลน์สะบัดข้อมือ เปลี่ยนเศษกระดาษให้กลายเป็นดอน·ดันเตส นั่งบนชักโครงในห้องน้ำ ถือหนังสือในสภาพเหม่อลอย
จากนั้น ส่วนสูงของชายหนุ่มลดลงสี่เซนติเมตร ใบหน้าซูบลม โครงหน้าชัดลึก กลายเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์โดยสมบูรณ์
ถัดมา ถุงมือข้างซ้ายเริ่มโปร่งใส ด้านในมีเงามายานับไม่ถ้วน
ไคลน์มองเห็นสีสันรอบตัวทวีความฉูดฉาด ซ้อนทับ ก่อนที่ร่างกายจะเลือนหายไปจากโลกความจริง
ชายหนุ่มพุ่งผ่านโลกวิญญาณด้วยความเร็วสูง ปรับทิศทางตามตำแหน่ง เพียงไม่กี่วินาทีก็มาถึงตลิ่งฝั่งทิศใต้ของแม่น้ำทัสซอค ใกล้กับสะพานเบ็คลันด์
ปัจจุบันไม่มีใครเดินผ่านไปผ่านมาบนสะพาน บรรยากาศเงียบเชียบ มีเพียงกลุ่มทหารที่ยืนเฝ้าสะพานอยู่ไม่ห่าง
ขณะไคลน์กำลังมองหา ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดต สายตาเหลือบไปเห็นเถาวัลย์ห้องลงมาจากฟ้า ถักสานกลายเป็นป่าทึบ
ไม่มีใครเห็นจุดยอดของ ‘ผืนป่า’ เนื่องจากเถาวัลย์ถักทอกลายเป็นหลายเส้นทาง บ้างตัดผ่านไปมา บ้างวงเป็นเกลียว ลอยสูงขึ้นไปสุดลูกหูลูกตา
ไคลน์ผงะไม่นาน เลือกเดินบนเส้นทางที่ถักจากเถาวัลย์กลางอากาศ ย่างกรายทีละก้าวอย่างใจเย็น
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ชายหนุ่มพบเถาวัลย์สานกันเป็นที่นั่งคล้ายเปลญวน แกว่งไปมาเบาๆ บนมุมสูงของเมือง
‘ราชินีเงื่อนงำ’ นั่งอยู่ที่นั่น สวมเสื้อเชิ้ตทรงอินทิสและแจ็คเก็ตสีดำเข้ม เอวห้อยดาบเรเพียร์เล่มบาง แต่งกายเกือบเต็มสูบในมาดกัปตันเรือยกเว้นเพียงการสวมหมวก
แตกต่างจากตอนที่เคยติดต่อกับเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ในกรุงเบ็คลันด์ เธอมิได้เผยเพียงรองเท้าบูตคู่เดียว แต่ยังรวมถึงเส้นผมยาวสลวยที่พาดลงมาอย่างเป็นธรรมชาติ ดวงตาสีฟ้าลุ่มลึก แบร์นาแดตเปล่งเสียงแผ่วเบาราบเรียบ
“ขอฝากคำขอบคุณไปถึงบุคคลที่อยู่เบื้องหลังคุณด้วย”
หืม… ยังยำเกรงมิสเตอร์ฟูลอยู่บ้างสินะ… บางที คำตอบก่อนๆ ของเราอาจช่วยขจัดความสับสนให้เธอ… เนื่องจากกำลังสวมหน้ากากเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ไคลน์ตอบสุภาพ
“ตกลง”
แววตาแบร์นาแดตยังไม่แปรเปลี่ยน ถามขณะจ้องหน้า
“คราวนี้ต้องการสิ่งใด?”
ไคลน์เงียบงันสักพัก กล่าวหลังจากเรียบเรียงคำพูด
“ผมอยากให้คุณจำลองสภาวะ ‘ถูกกัดกร่อน’ ที่เกิดจากแก่นผนึกของประตูยานิสแห่งโบสถ์รัตติกาล”
กล่าวจบ ไคลน์บังคับให้ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลปรากฏตัวข้างๆ
แบร์นาแดตจ้องพลเรือเอกโลหิตสักพัก ไม่ถามว่าทำไมเชอร์ล็อก·โมเรียตี้หรือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ถึงทราบว่าเธอทำได้
“สำหรับโบสถ์รัตติกาล แก่นผนึกของแต่ละวิหารจะแตกต่างกัน ลักษณะการสึกกร่อนย่อมไม่เหมือนกัน… ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นเส้นทางรัตติกาล มรณา หรืออื่นๆ … และยังต้องรู้ด้วยว่า เป็นวิหารหลักของมุขมณฑล หรือวิหารย่อยทั่วไปในเมือง”
แบร์นาแดตมิได้เอ่ยถึงสำนักงานใหญ่ของศาสนจักรรัตติกาล ‘มหาวิหารสุขสงบ’ เพราะที่นั่น แม้แต่เทวทูตก็ยังมิกล้าคิดจะลงมือทำสิ่งใด
ไคลน์เล่าตามจริง
“มหาวิหารหลักของมุขมณฑล เส้นทางรัตติกาล”
‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดตพยักหน้ารับ
“ฉันสามารถกัดกร่อนได้ แต่หากใช้วิธีนี้ หุ่นเชิดของนายจะต้องชำรุดอย่างมิอาจเลี่ยง ในตอนแรกอาจใช้งานได้ตามปรกติ จนกระทั่งเวลาล่วงเลย การกัดกร่อนทวีความรุนแรง เขาจะค่อยๆ หลับใหลและไม่ฟื้นขึ้นมาอีก”
“ยืดอายุขัยออกไปได้ไหม?” ไคลน์ถามอย่างไม่เต็มใจ
หุ่นเชิด ‘พลเรือเอกโลหิต’ คือทรัพย์สินที่มิอาจประเมินค่าได้!
แบร์นาแดตพูดเสียงเรียบ
“นานที่สุดสองเดือน”
ไคลน์ครุ่นคิดสองสามวินาที ตอบเสียงเรียบ
“ตกลง”
ชายหนุ่มทาบมือลงบนหน้าอก แสดงความเคารพ
“ขอบคุณที่ช่วย”
‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดตไม่กล่าวคำใด เพียงถอนสายตากลับ เหยียดมือขวาออก เกิดเป็นอักขระภาษาคนยักษ์ มังกร เอลฟ์ และเฮอร์มิสโบราณขึ้นกลางอากาศ
ภาษาเหล่านี้เจิดจ้าเหมือนดวงดาว ถักทอเป็นสัญลักษณ์แปลกตา คล้ายกับประตูลับที่เชื่อมต่อกับส่วนลึกของโลกวิญญาณ
ประตูลับดังกล่าวเปิดแง้ม สายลมกระโชกพัดผ่านออกมาพร้อมกับสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ร่างกายท่อนบนเป็นผู้ชายห่มผ้าขาว
“แตรนิทรา” แบร์นาแดตกล่าวเสียงนุ่มนวลแต่สง่างาม
ชายที่มีเพียงร่างกายท่อนบน ท่อนล่างเป็นสายลม ตอบสนองอย่างนอบน้อมพลางนำกะโหลกศีรษะมนุษย์ออกจากเศษผ้าขาว
เบ้าตาของกะโหลกจมลึกและมืดสนิท มองไม่เห็นก้นบึ้ง ส่วนที่เหลือของกะโหลกเต็มไปด้วยรอยร้าวและรูโหว่ เนื้อกระดูกขาวโพลนราวกับหยก
แบร์นาแดตหยิบ ‘แตรนิทรา’ จ้องหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์และพูด
“คุณถอยออกไปก่อน อย่างน้อยห้าสิบเมตร”
ไคลน์ไม่ถามถึงเหตุผล ปล่อยวิญญาณอาฆาตไว้ในตำแหน่งเดิม ส่วนตัวเองถอยหลังรวดเร็ว
จนกระทั่งไกลกว่าห้าสิบเมตร ชายหนุ่มได้ยินท่วงทำนองอันสงบสุขที่แฝงด้วยความเศร้าและหมองหม่น
ไคลน์เงยหน้าขึ้นตามสัญชาตญาณ มองไปยังจุดที่ถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์ แบร์นาแดตกำลังนั่งลงในสภาพหลังงอเล็กน้อย ยกกะโหลกมนุษย์ขึ้นมาจ่อปาก เป่าลมเข้าไปจนเสียงลอดผ่านช่องว่าง เกิดเป็นท่วงทำนองอันไพเราะในยามค่ำคืน
บรรยากาศเปี่ยมด้วยความสุขสงบเจือความเศร้า แต่ทหารยามด้านล่างผืนป่าเถาวัลย์กลับไม่พบความผิดปรกติ
ไคลน์ยังคงยืนอยู่ในจุดเดิม ตั้งใจฟังทำนองพร้อมกับเริ่มคิดถึงบ้าน
ความรู้สึกคล้ายกับออกเดินทางมาอย่างยาวนาน และกำลังหวนนึกถึงบ้านที่โหยหาที่สุดที่ไม่มีวันได้กลับไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น