Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 763-764
ราชันเร้นลับ 763 : มิสเตอร์ X
โดย
Ink Stone_Fantasy
บ้านที่เลข 160 ถนนเบิร์คลุน ภายในห้องรับประทานอาหารบนที่ชั้นสอง
ขณะไคลน์กัดขนมปังที่คนรับใช้เพิ่งทาเนย มันเห็นพ่อบ้านเดินเข้ามา
วอลเตอร์โค้งคำนับอย่างสุภาพ
“นายท่าน เมื่อคืนมีใครบางคนสั่นกริ่งหน้าบ้าน… เนื่องจากดึกแล้ว ผมจึงไม่ได้ปลุกนายท่าน เพียงสั่งให้คนรับใช้หยิบปืนลูกซองแฝด ผลัดกันเฝ้ายามทั้งคืน… หากนายท่านอนุญาต วันนี้ผมจะไปที่สถานีตำรวจในละแวกใกล้เคียง ขอให้พวกเขาช่วยลาดตระเวนละแวกนี้อย่างเข้มงวดในตอนกลางคืน”
พ่อบ้านที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ หากไม่นับเรื่องค่าจ้างที่แพง เรื่องอื่นๆ แทบไม่มีข้อบกพร่อง… ไคลน์พยักหน้ารับ กล่าวหลังจากจิบนมสดที่เพิ่งถูกนำมาวาง
“จัดการได้เลย”
…
บ้านเลขที่ 39 ถนนเบิร์คลุน คฤหาสน์ของส.ส. มัคท์
เฮเซลเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นบนชั้นสอง เห็นลีอานน่า มารดาของตน กำลังคุยกับแม่บ้าน
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?” หญิงสาวรวบปอยผมสีเขียวเข้มทัดหู
ลีอานน่าหัวเราะเล็กๆ
“มีคนกดกริ่งบ้านดันเตสเมื่อคืน”
“พวกก่อกวน?” เฮเซลหาที่นั่ง
“ยังไม่มีใครทราบ แต่นั่นทำให้พ่อบ้านของดันเตส เดินทางไปยังสถานีตำรวจด้วยตัวเองในช่วงเช้า” ลีอานน่าเล่าข่าวที่ได้ยินจากคนรับใช้
เฮเซลพยักหน้าเล็กน้อย
“ดีแล้วที่ให้ตำรวจช่วย”
“แต่คงไม่มีความคืบหน้ามากนัก เพราะไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนสั่นกริ่ง ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ไม่มีใครอยู่แถวนั้นแม้แต่คนเดียว” ลีอานน่าส่ายศีรษะพลางยิ้ม
เฮเซลผงะเล็กน้อย โพล่งถามออกไป
“ไม่มีใครเลย?”
“ใช่ พ่อบ้านของดันเตสจึงทำเพียงขอร้องให้ตำรวจเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนตอนกลางคืน นั่นถือเป็นข่าวดี” ในฐานะภรรยาของสมาชิกสภาสามัญ บุตรสาวของทนายความชื่อดัง ลีอานน่ามีเส้นสายในแวดวงตำรวจพอสมควร
“ไม่มีแม้แต่คนเดียว…” เฮเซลทวนคำเสียงต่ำ ปิดปากเงียบ
จากนั้นสักพัก เธอเดินออกจากห้องนั่งเล่น กลับไปยังชั้นสาม
ระหว่างทาง เฮเซลอดไม่ได้ที่จะกำหมัด ชกลมไปด้านหน้าสองสามครั้ง ทำทางทางคล้ายทดสอบบางสิ่ง เผยความฉงนอย่างชัดเจนระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง
…
ภายในห้องนอนใหญ่ ไคลน์จ้องเหรียญทองจำนวนมากที่วางกองอยู่ตรงหน้า ดวงตากำลังเปล่งประกาย
กองเหรียญทองมูลค่าสี่พันปอนด์!
หลังจากใช้เวลารวบรวมเงินราวหนึ่งสัปดาห์ ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียาพร้อมจ่ายเงินซื้อ ‘ตาชั่งโชคชะตา’ โดยนอกจากเหรียญทองมากมายเหล่านี้ ยังมีเงินสดอีกทั้งสิ้นหกพันห้าร้อยปอนด์
ด้วยความสัตย์จริง กองเหรียญทองขนาดมหึมาส่งผลทางจิตใจมากกว่าปึกธนบัตรในมูลค่าเท่ากัน… ไคลน์ถอนหายใจ พลางหยิบเหรียญทองโลเอ็นจำนวนสิบสามเหรียญจากกระเป๋าของ ‘พลเรือเอกโลหิต’ เซนอล โยนไปรวมกับเหรียญกองใหญ่
จัดการทั้งหมดเสร็จ ชายหนุ่มหยิบฮาร์โมนิก้านักผจญภัย นำมาจ่อริมฝีปาก เป่าลมเต็มปอด
โดยไม่มีสุ้มเสียงใดดังขึ้น ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ เจ้าของศีรษะที่มีผมสีทองและดวงตาสีแดงจำนวนสี่เศียร ปรากฏตัวจากความว่างเปล่า
“มาดาม นี่คืองวดแรก มูลค่ารวม 4,013 ปอนด์” ไคลน์ถอนสายตาจากกองเหรียญทอง มองไปยังสตรีผู้ส่งสาร
ไคลน์ค่อนข้างคาใจว่า มาดามผู้ส่งสารจะนำเหรียญทองกองโตติดตัวกลับไปด้วยวิธีใด เพราะจำได้ว่าอีกฝ่ายใช้เพียงฟันกัดมาตลอด
“ทำดีมาก…” “ยังเหลืออีก…” “ห้าพัน…” “เก้าร้อย…” แปดสิบ…” “เจ็ด…” แต่ละเศียรของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์กล่าวเรียงต่อกัน
ไม่เห็นจะต้องย้ำ… ไคลน์ฝืนยิ้มแห้ง
“ผมจะรีบชำระในส่วนที่เหลือโดยเร็ว”
ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ไม่กล่าวคำใด หนึ่งในสี่เศียรเริ่มอ้าปากกว้าง
ทันใดนั้น บรรยากาศรอบตัวหญิงสาวพลันสลัว แสงสว่างลดลงอย่างชัดเจน เหรียญทองเริ่มถูกดูดเข้าไปในวังวนราวกับสายน้ำเชี่ยว
ภายในไม่กี่วินาที กองเหรียญทองขนาดมหึมาอันตรธานหายไปราวกับเป็นเรื่องโกหก
ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ผงกศีรษะทั้งสี่พร้อมกัน กลับเข้าไปในโลกวิญญาณ
เรายังเหลือเงินสดอีก 8,156 ปอนด์และเหรียญทองอีกห้าเหรียญ… สามารถเรียกตัวเองว่าเศรษฐีได้อย่างเต็มปาก… ลงทุนเกี่ยวกับอะไรดี? เรามีเงินมากพอจะลงทุนจริงๆ แล้ว ไม่ใช่เอาแต่บอกคนอื่นว่ายอมแพ้เพราะสู้ราคาไม่ไหว… ด้วยหลักการดังกล่าว เราจะไม่ถูกสงสัยว่าเป็นนักต้มตุ๋นไปอีกสักพัก… หึหึ มองโลกในแง่ดี บางที การลงทุนในอนาคตอาจทำให้เรามีเงินพอจะจ่ายหนี้ทั้งหมด… เงินมักทำงานได้ไวกว่าเจ้าของเสมอ… ไคลน์ถอนหายใจออกแผ่วเบา มองออกไปนอกหน้าต่าง บังคับตัวเองให้ชื่นชมฉากของถนนที่ปกคลุมไปด้วยหมอกหนา
…
ยามค่ำคืนของเขตตะวันออก เนื่องจากโคมไฟถนนส่วนใหญ่ถูกทำลาย ความมืดจึงแผ่ปกคลุมหลายจุด มอบความรู้สึกราวกับภายในนั้นมีสัตว์ประหลาดดุร้ายซ่อนตัวอยู่
ซิล·เดียร์ชา ในสภาพสวมผ้าคลุมหัว เลี้ยวเข้าตรอกแคบ เดินมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่ภายนอกดูค่อนข้างทรุดโทรม
นี่คือชุมนุมใหม่ในเขตตะวันออกที่เธอเคยเล่าให้ฟอร์สฟัง!
ซิลไม่รีบร้อนเคาะประตูและส่งสัญญาณตามที่นัดแนะ ก้มมองเสื้อผ้าและการแต่งกายของตนก่อน
สิ่งที่แตกต่างจากปรกติก็คือ วันนี้เธอสวมรองเท้าบูต
รองเท้าบูตคู่นี้อาจดูธรรมดา แต่ซิลทราบดีว่า พื้นรองเท้าหนากว่าปรกติหลายเซนติเมตร ภายในนั้นซุกซ่อนไว้หลายสิ่ง และสามารถทำให้คนสูงขึ้นอย่างไร้เหตุผล
สิ่งนี้ช่วยปกปิดเอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของซิล!
เมื่อสัมผัสถึงการมีอยู่ของคมมีดสามด้าน ซิลดึงผ้าขึ้นมาคลุมศีรษะ เคาะประตูบ้านเป็นจังหวะ
เพียงไม่นาน เธอถูกนำทางให้เข้าไปในห้องนั่งเล่น เลือกที่นั่งตามใจชอบ
หลังจากผู้ร่วมชุมนุมมาถึงเกือบครบ เจ้าภาพเดินเข้ามาในห้อง
ส่วนสูงปานกลาง ราวๆ 1.75 เมตร สวมเสื้อคลุมสีดำทรงโบราณ สวมหมวกแม่มดโบราณปลายแหลม สวมหน้ากากทองเหลืองบนใบหน้า บรรยากาศรอบตัวเรียบง่ายแต่ลึกลับ
ผิวค่อนข้างเข้ม แต่ไม่ถึงกับสีน้ำตาล ดูคล้ายกับชาวเฟเนพ็อตหรืออ่าวเดซีย์… แต่ไม่ก็แน่ อาจจะแค่คล้ำแดด… ผมสีดำ หยักศกเล็กน้อย ตรงตามการคาดเดาเบื้องต้นของเรา… ซิลเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาของ ‘เจ้าพนักงาน’
ชายสวมหน้ากากทองเหลืองมองไปรอบห้อง ฉีกยิ้มกว้าง
“เรียกฉันว่ามิสเตอร์ X ก็แล้วกัน”
มิสเตอร์ X… มุมปากซิลพลันกระตุก
หลังจากกลายเป็นสายข่าวให้ MI9 เธอมีข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรลับมากขึ้น รวมถึงชุมนุมแสงเหนือ
ดังนั้นเธอจึงทราบดี ‘ผู้ส่งสาร’ ของชุมนุมแสงเหนือจะใช้ตัวอักษรเป็นรหัส และเรียกแทนตัวเองว่ามิสเตอร์หรือมาดาม
ตามความคิดของซิล การอ้างตัวเช่นนี้ต่อหน้าบุคคลภายนอก เป็นการจงใจเปิดเผยตัวบนและปูมหลังเพื่อหวังผลในเชิงรุก เพราะกลุ่มคนที่มาเข้าร่วมชุมนุมลับแบบนี้ ส่วนใหญ่มักเป็นผู้วิเศษที่มีข้อมูลกว้างขวาง!
ไม่เกรงกลัวว่าจะถูกรายงานให้ทางการเลยหรือ? เข้าใจแล้วว่าทำไม สุภาพบุรุษจาก MI9 ถึงชอบพูดว่า ชุมนุมแสงเหนือเต็มไปด้วยพวกวิปริต ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ด้วยสามัญสำนึกของคนปรกติ… นับตั้งแต่มิสเตอร์ A หายตัวไป เคยมีการสวมรอยเป็นหมอนั่นหลายครั้งเพื่อทำกำไรในชุมนุมลับรอบเบ็คลันด์ แต่ทางการก็ได้รับแจ้งอย่างรวดเร็วเช่นกัน เข้าปราบปรามอย่างโหดเหี้ยมจนเกลี้ยง… อา… มิสเตอร์ X คนนี้อาจไม่ได้มาจากชุมนุมแสงเหนือ แต่เป็นผู้สวมรอยเหมือนรายก่อนๆ … ซิลถอนสายตากลับ สำรวจชุมนุมลับอย่างเงียบงัน
เธอไม่ค่อยแจ้งข่าวทำนองนี้ให้เบื้องบนทราบมากนัก เพราะตัวเองเคยเป็นผู้วิเศษเถื่อนที่ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ยากจะหาใครมาเข้าใจ ดังนั้น ตราบใดที่ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น เธอจะไม่ส่งข้อมูลของคนเหล่านี้ให้ MI9
แต่ถ้ายืนยันได้ว่าอีกฝ่ายคือผู้ส่งสารจากชุมนุมแสงเหนือ เราคงต้องรายงานเบื้องบน พวกมันเป็นกลุ่มคนเสียสติ พร้อมนำพาอันตรายมาสู่เมืองทุกเมื่อ… ขณะซิลครุ่นคิด สายตาชำเลืองไปยังการค้าขายของสมาชิกคนอื่น
เธอไม่เอาตัวเข้าไปพัวพันมากนัก ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีสินค้าหรือข้อมูลที่น่าสนใจ อีกส่วนหนึ่งเพราะเธอเก็บเงินไว้สำหรับโอสถ ‘นักสอบสวน’
…
จบการชุมนุม กลับถึงบ้านในเขตเชอร์วู้ด ซิลเห็นฟอร์สสวม ‘มาสก์’ ซึ่งกล่าวกันว่าช่วยให้ใบหน้าชุ่มชื้น กำลังนอนอ่านหนังสืออย่างสบายใจ
“เป็นยังไงบ้าง? ชุมนุมลับใหม่” ฟอร์สถามผ่านๆ แสร้งทำเป็นไม่สนใจ
ซิลโยนเสื้อคลุมลงบนโซฟา
“สมาชิกเยอะมาก สินค้าก็หลากหลาย แต่ทั้งหมดมีลำดับต่ำ”
“เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก คงไม่มีใครกล้าเสนอขายของแพงๆ ให้เป็นจุดสนใจ” ฟอร์สวางหนังสือในมือลง
“นั่นก็จริง” ซิลพยักหน้า “เจ้าของชุมนุมเรียกตัวเองว่ามิสเตอร์ X… จะเกี่ยวข้องกับมิสเตอร์ A ไหม? ตอนนี้ยังไม่มีใครยืนยันได้”
มิสเตอร์ X… ผู้ส่งสารของชุมนุมแสงเหนือ? ลูอิส·เวย์น? ฟอร์สเริ่มตั้งใจฟัง เอนหลังอย่างผ่อนคลายและถาม
“หน้าตาเป็นยังไง?”
“เขาสวมหน้ากาก!” ซิลกลอกตามองบน “เธอคิดว่าฉันสามารถมองทะลุสิ่งกีดขวางได้รึไง?”
“ไม่ไม่ไม่! ฉันหมายถึง… โครงสร้างทางร่างกาย” ฟอร์สเคยเห็นภาพเหมือนเต็มตัวของลูอิส·เวย์นมาแล้วจากโดเรี่ยน·เกรย์ จึงพอจะจดจำลักษณะทางกายภาพได้
ในฐานะ ‘เจ้าพนักงาน’ ซิลฟื้นฟูความทรงจำเกี่ยวกับมิสเตอร์ X อย่างรวดเร็ว กล่าวด้วยเสียงเจือความสงสัย
“ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับมิสเตอร์ A หรือไม่ แต่ชื่อทำนองนี้ต้องถูกรายงานให้ทางการทราบอยู่แล้ว… เขาไม่กลัวเลยหรือ?”
ฟอร์สฟังคำอธิบายของซิลจบ รวมถึงได้เห็นภาพเหมือนที่ซิลวาดขึ้นด้วยพลังของ ‘เจ้าพนักงาน’ ความยินดีพลันผุดขึ้นในใจหญิงสาว เชื่อว่ามิสเตอร์ X น่าจะเป็นคนที่เคยทรยศตระกูลอับราฮัม : ลูอิส·เวย์น!
ไม่กลัวว่าจะถูกแจ้งจับเพราะตัวเองเป็น ‘นักท่องเที่ยว’ ? สามารถหลบหนีตอนไหนก็ได้อย่างปลอดภัย? นั่นสินะ หากหน่วยพิเศษของทางการใช้ยุทธวิธีแบบเดียวกับที่ล้อมจับมิสเตอร์ A พวกเขาคงทำอะไรมิสเตอร์ X ไม่ได้… ฟอร์สพึมพำเงียบงัน ไม่ได้สานต่อบทสนทนาเดิม เปลี่ยนไปสนทนาเรื่องอื่นเรื่อยเปื่อย
รอจนซิลไปอาบน้ำ ฟอร์สเริ่มใช้พลัง ‘โหราจารย์’ เพื่อดึงภาพจากความทรงจำตัวเอง นำภาพของลูอิส·เวย์นไปซ้อนทับกับมิสเตอร์ X จนได้คำตอบว่าเป็นคนเดียวกัน!
เป็นมันจริงๆ ด้วย! ฟอร์สลุกขึ้นยืน เดินไปมาอย่างตื่นเต้นภายในห้องนั่งเล่น
ความคิดแรกคือการรายงานให้โบสถ์หลักทราบ และเน้นย้ำว่าเป้าหมายมีพลัง ‘นักท่องเที่ยว’ จากนั้นก็ทบทวนงานจ้างวานฆ่าลูอิส·เวย์นที่เคยเกริ่นไว้กับมิสเตอร์เวิร์ล
ก่อนอื่น เราต้องถามให้แน่ใจว่ามิสเตอร์เวิร์ลว่างรับงานหรือไม่ อยากทำงานนี้ไหม… ไม่ควรรบเร้ามากเกินไป… เมื่อย้อนนึกถึงวีรกรรมมากมายที่มิสเตอร์เวิร์ลเคยก่อ ฟอร์สยืนสั่นระริกอย่างมิอาจหักห้าม
หลังจากตัดสินใจได้ เธอยืนยันจนแน่ใจว่าซิลยังอยู่ในห้องน้ำ และคงไม่ออกมาในเร็วๆ นี้ จึงเริ่มสวดวิงวอนถึงเดอะฟูล
“…ช่วยแจ้งกับมิสเตอร์เวิร์ลว่า ลูอิส·เวย์น ผู้ส่งสารแห่งชุมนุมแสงเหนือปรากฏตัวขึ้นแล้ว… มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็น ‘นักท่องเที่ยว’ … สมญานามคือมิสเตอร์ X”
ราชันเร้นลับ 764 : สอบปากคำครั้งแรก
โดย
Ink Stone_Fantasy
ขณะได้ยินเสียงวิงวอนมายา ไคลน์กำลังนั่งบนรถม้า อยู่ระหว่างทางกลับไปยังถนนเบิร์คลุนจากโบสถ์นักบุญแซมมวล
ผู้หญิง… ไม่เร่งด่วน… ฟังจบ ชายหนุ่มทำได้เพียงประเมินเบื้องต้น มิอาจตอบสนองได้ทันที
มองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นโคมไฟสลัวบนถนน ไคลน์ถอนสายตากลับ ยกถ้วยชากระเบื้องเคลือบเลี่ยมทองขึ้น จิบหนึ่งคำ
ริชาร์ดสันด้านข้างเห็นเช่นนั้น รวบรวมความกล้าและพูดออกมา
“นายท่าน ผมตัดสินใจได้แล้ว… นายท่านพูดถูก ทุกคนล้วนไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนทั้งนั้น จึงค่อยเติบโตขึ้นและสั่งสมประสบการณ์ในภายหลัง… ขอบคุณที่มอบโอกาสให้ผมได้เติบโต”
หลังจากยืนยันว่าโกดอปุสและแก๊งเสียชีวิต ในที่สุดมันก็เลิกกังวล หันมาคิดถึงเส้นทางอาชีพอย่างจริงจัง
สำหรับบุรุษรับใช้ การเปลี่ยนนายจ้างอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาสั้นๆ ถือเป็นมลทินติดตัว หากลาออกจากดอน·ดันเตส ริชาร์ดสันมองว่าคงไม่มีใครอยากจ้างตนไปเป็นบุรุษรับใช้อีก
สำหรับมัน นี่คือความเสียหายใหญ่หลวง!
เพราะนอกจากบุรุษรับใช้ส่วนตัวจะมีรายได้ขั้นต่ำยี่สิบห้าปอนด์ต่อปี ดีกว่าตำแหน่งอื่นทั้งหมดที่ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร เทียบเท่าได้กับสาวใช้ส่วนตัวของนายหญิง บุรุษรับใช้และสาวใช้ส่วนตัว ยังเป็นตำแหน่งที่มีโอกาสไต่เต้าไปเป็นพ่อบ้านแม่บ้านมากที่สุด!
การได้ติดตามรับใช้เจ้านายชายและหญิงอย่างใกล้ชิด จะช่วยพัฒนาทักษะให้พวกเขาในหลายด้าน ทั้งการเป็นปากเสียงแทนเจ้านาย คอยช่วยงานจิปาถะ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการเรียนรู้งานของพ่อบ้านทีละนิด และถ้ากลายเป็นคนที่นายจ้างไว้ใจเมื่อ ขอเพียงรอคอยโอกาสอย่างใจเย็น บุรุษรับใช้สามารถเลื่อนขึ้นไปเป็นผู้จัดการคฤหาสน์ ผู้ช่วยพ่อบ้าน และรองพ่อบ้านได้ไม่ยาก จนกระทั่งได้รับตำแหน่งพ่อบ้านในท้ายที่สุด
ริชาร์ดสันปรารถนาชีวิตอันสงบสุขก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นคนรับใช้ไปตลอด เฉกเช่นทุกคน เป้าหมายของริชาร์ดสันคือความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ถูกเลื่อนขั้นและเพิ่มค่าแรง ปลายทางสุดท้ายคือการได้เป็นพ่อบ้านของตระกูลที่ร่ำรวยสักแห่ง
“เข้าใจก็ดีแล้ว ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป” ไคลน์ตอบด้วยรอยยิ้ม เป็นนัยอนุญาตให้ริชาร์ดสันอยู่ต่อ
กลับถึงบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ชายหนุ่มบอกแม่บ้านทาเนญ่าให้สั่งพ่อครัวเตรียมของกินเล่นตอนห้าทุ่มครึ่ง จากนั้นก็เดินจากชั้นหนึ่งขึ้นไปยังชั้นสาม ถอดเสื้อคลุม เข้าห้องน้ำ
ปัจจุบัน แม่บ้านได้เตรียมน้ำอุ่นอุณหภูมิพอเหมาะไว้ในอ่างอาบน้ำล่วงหน้าห้านาที
ไคลน์ไม่รีบอาบ ส่งตัวเองเข้าสู่มิติหมอกเทาไปก่อน ระบุว่าใครเป็นคนสวดวิงวอน
มิสเตอร์ X… นักท่องเที่ยว… มิสเมจิกเชี่ยนทำได้ไม่เลว… เธอพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง… ไคลน์รำพันสองสามคำ
หลังจากครุ่นคิดสักพัก ชายหนุ่มเสก ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ บังคับให้หุ่นเชิดดังกล่าวแสร้งสวดวิงวอนในมิติสายหมอก
“…ผมต้องการข้อมูลด้านวันเวลา สถานที่ และรายละเอียดเพิ่มเติม ถึงตอนนั้นค่อยตัดสินใจเรื่องการลงมือ”
ความคิดไคลน์ไม่ซับซ้อน มันกำลังเล็งที่จะช่วงชิงพลัง ‘นักท่องเที่ยว’ มาเป็นของตน อย่างไรก็ตาม ดอน·ดันเตสไม่สามารถออกจากถนนเบิร์คลุนหรือหมกตัวอยู่ในห้องได้นานนัก หากมิสเมจิกเชี่ยนสามารถหาข้อมูลโดยละเอียดและน่าเชื่อถือ การลงมือลอบสังหารก็จะลุล่วงไปด้วยดี แต่ถ้าปล่อยให้เดอะเวิร์ลออกไปหาข้อมูลด้วยตัวเอง แผนการคงสำเร็จได้ยาก แถมยังกระทบกับเป้าหมายหลัก
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“…ฉันจะพยายามรวบรวมให้เร็วที่สุด”
เนื่องจากการชุมนุมของมิสเตอร์ X มิได้ระบุว่าจะจัดขึ้นเมื่อไรและที่ใดในครั้งถัดไป ดังนั้น เธอทำได้เพียงรอคอยอย่างอดทน
สะสางปัญหาเสร็จ ไคลน์กลับสู่โลกความจริง ถอดเสื้อผ้าออก นอนแช่ในอ่างน้ำ
เมื่อน้ำอุ่นโอบกอดร่างกาย ชายหนุ่มหลับตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลายสุดขีด พบว่าความเหนื่อยล้าทางร่างกายและใจได้ถูกชำระล้าง
ในช่วงหลายวันมานี้ มันแวะเวียนไปยังวิหารนักบุญแซมมวลอย่างต่อเนื่องเพื่อฟังสวดพระคัมภีร์ ‘วิวรณ์แห่งรัตติกาล’ จากบิชอปอีเล็คตร้า นอกจากนั้นยังจดจำรูปลักษณ์ของ ‘ผู้คุม’ ภายในได้เพิ่มอีกสองคน ทว่า เนื่องจากยังไม่พบคนซ้ำเดิม ไคลน์จึงไม่สามารถระบุตารางการเข้าเวรของผู้คุมแต่ละคนได้
ถ้าทำมากกว่านี้ เราเดือดร้อนแน่… ไคลน์ลืมตาขึ้น มองไปยังกลุ่มหมอกบนเพดานห้องน้ำ ถอนหายใจเงียบ
“การสอบปากคำครั้งแรกคงเกิดขึ้นเร็วๆ นี้”
บุคคลที่เข้าออกบริเวณส่วนในของวิหารนักบุญแซมมวลบ่อยครั้ง มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกเหยี่ยวราตรีสืบสวน และเมื่อต้นกำเนิดของดอน·ดันเตสไม่ชัดเจน คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกสอบปากคำ
หากไม่มีการสืบสวน สำหรับเหยี่ยวราตรี นี่จะถือเป็นความบกพร่องอย่างร้ายแรง… ไคลน์ค่อยๆ ถอนหายใจ
…
ในห้องใต้ดินของวิหารนักบุญแซมมวล เลียวนาร์ดเดินอย่างเชื่องช้าออกจากห้องที่เงียบสงัด
ดวงตาสีเขียวของมันดูคล้ายกับกำลังอัดแน่นไปด้วยของเหลวลึกลับสีดำ ภายในนั้นยังมีฟองอากาศมายาและระลอกคลื่นจำนวนมาก สลับกันปรากฏขึ้นและหายไป
“ไม่เลวนี่… คุณได้เป็น ‘นักปลอบวิญญาณ’ ค่อนข้างเร็วทีเดียว อีกไม่นานก็คงไล่ตามฉันทัน” ดาลีย์·ซิโมเน่ที่ยืนริมโถงทางเดิน กล่าวแสดงความยินดีด้วยถ้อยคำคล้ายกำลังจิกกัดตัวเอง
เธอยังคงสวมเสื้อคลุมสีดำทรงโบราณแบบมีผ้าคลุมหัว ขอบตาและแก้มทาด้วยสีฟ้า งดงามอย่างเป็นเอกลักษณ์
เมื่อเลียวนาร์ดหันไปเห็นสตรีที่ตนรู้จักดี มันพบว่าบรรยากาศรอบตัวอีกฝ่ายเยือกเย็นกว่าสมัยก่อนเล็กน้อย คล้ายกับมีเงาดำจำนวนนับไม่ถ้วนซุกซ่อนรอบตัว ชั้นแล้วชั้นเล่า ลุ่มลึกและเย็นเยียบ
“ไม่จริงเลยสักนิด ผมยังห่างจากคุณมาก พิจารณาจากสภาพปัจจุบัน คุณคงพร้อมจะเลื่อนลำดับเป็น ‘ผู้เฝ้าประตู’ แล้ว” ต่อหน้าดาลีย์ เลียวนาร์ดไม่ทำตัวเป็นกันเองเกินไปนัก กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ เพราะหากเผลอพูดติดตลก ฝ่ายที่ต้องอับอายจนหน้าแดงคงเป็นตน ไม่ใช่เธอ
‘ผู้เฝ้าประตู’ หมายถึงลำดับ 5 ของเส้นทาง ‘มรณา’
“พร้อมตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้ว” ดาลีย์เล่าโดยไม่ปิดบัง สีหน้าบิดเบี้ยวเล็กๆ
เลียวนาร์ดเริ่มเข้าใจสาเหตุ พยักหน้าเล็กน้อยและถาม
“ยังสะสมคะแนนผลงานไม่พอ?”
ทันใดนั้น ดาลีย์เม้มปากตอบ
“ใช่… มันเหมือนกับการนอนแก้ผ้าบนเตียง ทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่ดันพบว่าถุงยางอนามัยในบ้านหมดเกลี้ยง และยังเป็นเวลากลางดึกสงัด ร้านค้าในบริเวณใกล้เคียงปิดไปหมดแล้ว!”
อุปมาได้น่าทึ่งมาก… เลียวนาร์ดตอบสนองไม่ถูก ทำได้แค่ยิ้มและพูด
“คุณควรรับคดีมาทำบ้างนะ”
โดยไม่เปิดช่องให้ดาลีย์ มันชี้ไปยังอีกฝั่งของทางเดิน
“หัวหน้าโซสต์กำลังรอผมเข้าไปรายงานผลการเลื่อนลำดับ”
ดาลีย์ไม่กล่าวคำใด เฝ้ามองอีกฝ่ายเดินจากไป
รอจนแผ่นหลังของชายหนุ่มหายไปจากมุมเสา สีหน้าหญิงสาวพลันเหม่อลอย กระซิบกระซาบกับตัวเอง
“หัวหน้าโซสต์…”
ภายในห้องที่เลียวนาร์ดและหน่วยถุงมือแดงใช้เป็นห้องทำงานชั่วคราว เมื่อโซสต์ผู้เพิ่งเลื่อนลำดับเป็น ‘จอมอาคมวิญญาณ’ เห็นลูกน้องมาดเกียจคร้านเดินเข้ามา มันโยนแฟ้มเอกสารไปหาอีกฝ่าย
“เยี่ยม… คุณเลื่อนลำดับสำเร็จ เดี๋ยวผมจะแสดงความยินดีในภายหลัง ตอนนี้ไปตรวจสอบความฝันของเป้าหมายก่อน”
แม้จะเป็นเวลากลางดึก แต่สำหรับเหยี่ยวราตรีซึ่งมีแกนหลักเป็น ‘ผู้ไร้หลับ’ นั่นไม่ต่างอะไรกับกลางวัน ตรงกันข้าม พวกมันมีแต่จะยิ่งแข็งแกร่ง
“ไม่ใช่งานของเหยี่ยวราตรีท้องถิ่นรึไง?” เลียวนาร์ดรับแฟ้มเอกสาร ถามโดยไม่มองหน้า
“ช่วงนี้พวกเขากำลังงานยุ่ง คนไม่พอ ก็เลยขอความช่วยเหลือมาถึงเรา” โซสต์อธิบายกระชับ
เลียวนาร์ดไม่ถามอะไรอีก ลดศีรษะลง พลิกอ่านเอกสาร
สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของมันคือภาพถ่ายหนึ่ง ไม่ใช่ใครนอกจากสุภาพบุรุษคนที่มันเคยให้ความสนใจ!
ดอน·ดันเตส… รูม่านตาเลียวนาร์ดหดลงกะทันหัน
มันรู้จักชายคนนี้ ทราบว่าอีกฝ่ายคือสัตว์ประหลาดที่รอดชีวิตมาจากยุคสมัยที่สี่ อย่างน้อยก็ระดับนักบุญหรือมากกว่า!
เขารู้ความลับของเรา รู้จักตัวจริงของตาแก่… เลียวนาร์ดยกมือขึ้นตามสัญชาตญาณ บีบนวดขมับตัวเอง
“หัวหน้าโซสต์ ผมเพิ่งเลื่อนลำดับ พลังวิญญาณยังไม่ค่อยเสถียร”
“จริงด้วย…” โซสต์ตระหนักว่าตนทำพลาด จึงหันไปทางถุงมือแดงอีกคนด้านข้าง “อัลเบิร์ต คุณไปแทน”
ชายที่ชื่ออัลเบิร์ตมีอายุราวสามสิบ ผมสีเหลือง ผิวซีดเล็กน้อย ร่างกายดูคล้ายกับไม่แข็งแกร่ง
เลียวนาร์ดถอนหายใจโล่งอก ยื่นเอกสารในมือให้อีกฝ่าย
ทันใดนั้น หัวใจของมันเริ่มเต้นแรงพร้อมกับคำถาม : อัลเบิร์ตจะไม่เป็นอันตรายเอาหรือ หากเข้าไปสำรวจความฝันของสัตว์ประหลาดอายุยืนนั่น?
เลียวนาร์ดเริ่มนึกเสียใจ คิดว่าตนควรทำงานนี้ด้วยตัวเองมากกว่า เพราะอย่างน้อยก็ทราบถึงอันตราย และมีวิธีลงมืออย่างนุ่มนวลโดยไม่ให้อีกฝ่ายขุ่นเคือง
ไม่สิ… ดอน·ดันเตสคงไม่กล้าทำอะไรอัลเบิร์ต… หากเขาตอบสนองด้วยวิธีรุนแรงเกินไปจนเกิดความผิดปรกติขึ้นกับอัลเบิร์ต เมื่อถึงตอนนั้น ทุกคนจะทราบทันทีว่าเขาคือตัวปัญหา… ด้วยความแข็งแกร่งของโบสถ์และหน่วยพิเศษในกรุงเบ็คลันด์ เขาไม่สามารถรอดออกไปจากมหานครแห่งนี้อย่างมีชีวิต… เลียวนาร์ดสงบจิตใจ เชื่อว่าดอน·ดันเตสจะใช้วิธีที่นุ่มนวลเพื่อหลีกเลี่ยงการสอบปากคำในฝัน
มันดึงเก้าอี้ออก นั่งลงข้างๆ อัลเบิร์ต ท่าทางคล้ายกับกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อย่างไม่แยแส แต่ในความเป็นจริง มันกำลังจับตามองความผิดปรกติที่อาจเกิดขึ้นกับอัลเบิร์ตได้ทุกเมื่อ
…
บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ภายในห้องนอนใหญ่
ไคลน์ตื่นขึ้นในความฝัน ตระหนักว่ามี ‘คนนอก’ บุกรุกเข้ามา
สอบปากคำ? เหยี่ยวราตรี? ชายหนุ่มพึมพำ มองไปรอบตัว พบว่าตนกำลังอยู่ในห้องกึ่งเปิดโล่ง
ถัดมาหนึ่งอึดใจ ชายหนุ่มได้ยินเสียงเคาะประตู
“เข้ามา…” ไคลน์พยายามอย่างหนักเพื่อดัดเสียงให้ฟังดูเหมือนล่องลอย
ลูกบิดถูกหมุน บานประตูเปิดออก สุภาพบุรุษในเสื้อกันลมสีดำ ผมสีเหลือง หุ่นผอมบางเดินเข้ามาในห้อง ไม่ใช่ใครนอกจากถุงมือแดง อัลเบิร์ต
“ผมคือผู้กำกับการประจำกรมตำรวจเบ็คลันด์” อัลเบิร์ตแสดงหนังสือรับรอง นั่งลงฝั่งตรงข้ามไคลน์
“มีเรื่องอะไรหรือ คุณตำรวจ?” ไคลน์ตีเนียน
มันทราบว่า หากถูกบุกรุกความฝันด้วยพลังของฝันร้าย ตนต้องทำตัวให้ปรกติเข้าไว้
อัลเบิร์ตเสกกระดาษขึ้นมาปึกหนึ่ง กล่าวเสียงต่ำ
“ดอน·ดันเตส เพศชาย โสด มาจากแคว้นเดซีย์…”
มันอ่านข้อมูลที่รวบรวมมาได้อย่างคร่าวๆ ตามด้วยการตั้งคำถาม
“ทั้งหมดเป็นความจริงหรือไม่?”
“จริงบางส่วน เท็จบางส่วน” ไคลน์ในความฝันตอบอย่าง ‘ซื่อตรง’
ส่วนจริงมีแค่สองเรื่อง… ‘เพศชาย’ และ ‘โสด’ … มันหัวเราะในใจ
เมื่อพบความผิดปรกติอย่างรวดเร็ว อัลเบิร์ตผุดความสุขเล็กๆ พลางซักถามขณะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
“เรื่องใดที่เป็นเท็จ”
ไคลน์ที่เตรียมคำตอบไว้พร้อมแล้ว แสร้งทำเป็นนึกทบทวน
“ความร่ำรวยของผมมิได้มาจากเหมืองแร่ แต่เกิดจากการผจญภัยในทวีปใต้”
ชายหนุ่มนำคำบอกเล่าของแอนเดอร์สันเกี่ยวกับสถานการณ์ของไบลัมตะวันตก มาผสมผสานกับวิธีที่ชาวบ้านธรรมดาจะอาศัยอยู่ในเขตซึ่งมีการปะทะกันระหว่างกองทัพโลเอ็นและอินทิสอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเศรษฐีคนหนึ่งที่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ด้วยฝีปาก ประสบการณ์ และความชำนาญ
รายละเอียดมิได้ถูกเล่าอย่างลงลึก จุดประสงค์มีเพียงการโน้มน้าวให้เหยี่ยวราตรีทราบว่า ดอน·ดันเตสเป็นคนธรรมดาที่รักในการผจญภัยไม่ใช่ผู้วิเศษแต่อย่างใด เป็นคนประเภทที่พบเห็นได้ง่ายในโลเอ็น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น