Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 761-762
ราชันเร้นลับ 761 : คนดีและสิ่งดีๆ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เกิดอะไรขึ้น? ไคลน์เริ่มรู้สึกไม่ดี
ชายหนุ่มเคยเผชิญเหตุไม่คาดฝันมากมาย และทราบว่าเหตุการณ์เหนือธรรมชาติมักเกิดขึ้นรอบๆ ตนบ่อยครั้ง เมื่อเห็นเค้าลางของเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ความหวาดระแวงเริ่มก่อตัว คล้ายกับคนมีแผลใจในเรื่องนี้
หลังจากเฝ้ามองเฮเซล·มัคท์หายไปจากบันได ไคลน์พบว่าอีกฝ่ายเพียงแค่รีบร้อน แต่ไม่กระวนกระวาย
สถานการณ์อยู่ในความควบคุมสินะ… นอกจากนั้นโมวรี·มัคท์ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาสามัญ ชนชั้นสูงที่เป็นรองเพียงขุนนาง มีโอกาสค่อนข้างมากที่บอดี้การ์ดจะเป็นผู้วิเศษ… แถมที่นี่ยังมีบุตรชายคนโตของเอิร์ลฮอลล์ บอดี้การ์ดของเขาต้องเป็นผู้วิเศษแน่นอน… วิหารนักบุญแซมมวลอยู่ห่างจากถนนเบิร์คลุนเพียงสิบนาทีด้วยรถม้า ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น เหยี่ยวราตรีและนักบวชกับบิชอปสามารถมุ่งหน้ามาที่นี่ได้ทันที… เว้นเสียแต่จะมีใครสักคนพร้อมพลีชีพ ไม่อย่างนั้น คงเป็นการยากที่จะก่อโศกนาฏกรรมขึ้นในงานเลี้ยงเต้นรำ… ไคลน์เริ่มใจเย็นลง ผุดข้อสงสัยใหม่เกี่ยวกับความผิดปรกติของเฮเซล
หรือว่าเธอจะรีบร้อนขึ้นไปยังชั้นสามเพื่อขจัดผลข้างเคียงของสมบัติวิเศษ?
ไคลน์เคยถามอาโรเดสไปว่า ตนจะหาสมบัติวิเศษที่สามารถช่วงชิงพลังพิเศษของคนอื่นได้จากไหน และหนึ่งในคำตอบที่ ‘กระจกวิเศษ’ แสดงให้เห็นก็คือเฮเซล·มัคท์!
ไคลน์ย้อนความทรงจำกลับไปยังฉากการเต้นรำเมื่อครู่ รูปลักษณ์โดยละเอียดของเฮเซลผุดขึ้นในใจอย่างรวดเร็ว สมาธิจดจ่ออยู่กับเครื่องประดับบนร่างกาย
เครื่องประดับเส้นผม ต่างหู สร้อยคอ เข็มกลัด ถุงมือตาข่าย… จะเป็นชิ้นไหนกัน? ไคลน์ถอนสายตากลับ เริ่มหิวน้ำ จึงเดินไปหยิบแก้วน้ำเปล่า ดื่มอึกอึกรวดเดียวจนหมด
ขณะวางแก้ว ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นครูสอนมารยาท วาฮาน่า·เฮย์เซ่นในท่าถือจานอาหาร เดินตรงมาทางตน
สตรีผู้นี้สวมเดรสสีแดงสด แต่ไม่ฉูดฉาดจนเกินงาม ส่งยิ้มให้ดอน·ดันเตสและกล่าว
“ดิฉันสังเกตเห็นว่าคุณไม่ชอบดื่มแอลกอฮอล์”
“ผมเคยต้องเสียการใหญ่เพราะดื่มของมึนเมา” ไคลน์กุเรื่องขึ้นโดยอิงจากประสบการณ์และปูมหลังของดอน·ดันเตส
แน่นอน ชายหนุ่มรู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ได้ใช้พลังของ ‘ผู้ไร้หน้า’ เพื่อสร้างตำหนิขึ้นบนนิ้วมือ แสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงแค่ไหน
วาฮาน่าได้ยินเช่นนั้น เผยรอยยิ้มพลางครุ่นคิด
“อดีตของคุณเต็มไปด้วยปริศนา… ในหมู่สตรีวัยเยาว์ คุณน่าจะเป็นที่ชื่นชอบได้ไม่ยาก”
เธอไม่สานต่อบทสนทนาเดิม พูดเปลี่ยนเรื่อง
“ลืมบอกไปว่า ปัญหาของสามีฉันได้รับการแก้ไขแล้ว”
ไคลน์หยิบแก้วแชมเปญ ยื่นไปข้างหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถือเป็นข่าวดี… ขอแสดงความยินดีด้วยครับ”
ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่ตนแอบช่วยอย่างลับๆ
วาฮาน่าจ้องดอน·ดันเตส มือข้างหนึ่งยกแก้วไวน์ขึ้นและกล่าว
“เชียร์!”
กิ๊ง! หลังจากต่างคนต่างจิบ ไคลน์ขอตัวอย่างสุภาพ วางแก้วลง หันหลังและเดินไปทางห้องน้ำ
มันไม่ได้คิดจะเข้าไปในมิติเหนือสายหมอก แต่เกิดจากผลข้างเคียงของลูกโม่ ‘ลางมรณะ’ หลังจากดื่มน้ำเข้าไปมาก จำเป็นต้องปลดทุกข์
เมื่อออกจากห้องน้ำ ไคลน์เงยหน้าและชำเลืองไปทางบันไดระหว่างชั้นสองกับชั้นสาม พบเฮเซล·มัคท์กำลังเดินลงทีละขั้นอย่างไม่รีบร้อน สีหน้าสุขุมและไม่สั่นคลอน
เป็นอย่างที่คิด ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรง… น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากสมบัติวิเศษที่เธอพก… ผลข้างเคียงที่ว่าคืออะไรกัน… ไคลน์ถอนหายใจโล่งอก มองสุ่มๆ เข้าไปในฟลอร์เต้นรำ จนกระทั่งได้ยินดนตรีเปลี่ยนจังหวะ มันเดินไปหาสตรีผู้หนึ่ง ชักชวนอีกฝ่ายมาเต้นรำ
อาศัยรูปลักษณ์กับบุคลิกของดอน·ดันเตส ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธ
เต้น กิน คุย ทำเช่นนี้ซ้ำอีกหลายรอบ จนกระทั่งงานเลี้ยงใกล้เลิกรา แขกทยอยเดินทางกลับทีละคนสองคน
เช่นเดียวกันกับไคลน์ ผู้มีแผนจะแลกเปลี่ยนนามบัตร แต่ก็ไม่ใช่คนแรกหรือคนสุดท้ายที่กลับออกไป
โถงเต้นรำว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว มาดามลีอานน่าสั่งให้สาวใช้มาทำความสะอาด ขณะเดียวกันก็กวักมือเรียกบุตรสาว เฮเซล·มัคท์
“มิสเตอร์ดอน·ดันเตสน่าสนใจว่าที่คิด สุภาพสตรีหลายคนแอบมาถามถึงเขา” มาดามลีอานน่ากล่าวอ้อมค้อม “เฮเซล ลูกมีโอกาสได้เต้นและพูดคุยกับมิสเตอร์ดันเตส คิดว่าเขาเป็นคนยังไง? แม่เชื่อสายตาและการประเมินของลูก เพราะลูกเป็นผู้ใหญ่กว่าคนวัยเดียวกัน”
เธอรู้จักบุตรสาวของตัวเองดี จึงจงใจเสริมประโยคสุดท้ายเข้าไป ไม่อย่างนั้น เฮเซลคงไม่สนใจจะตอบอย่างละเอียด
เมื่อสนทนากับมารดา เฮเซลมิได้ทำตัวยโส ครุ่นคิดสักพักและตอบ
“เขาไม่ค่อยคุ้นเคยกับสังคมแบบเราเท่าไร มักเผลอชวนคุยในหัวข้อที่ทำให้คู่สนทนาขุ่นเคืองใจ แต่เขาเป็นคนที่มีความรู้กว้างขวาง”
“มีความรู้กว้างขวาง…” มาดามลีอานน่าทวนคำของบุตรสาวด้วยน้ำเสียงค่อนข้างประหลาดใจ
พิจารณาจากนิสัยของเฮเซล นี่คือคำชมที่ดีมาก
เธออดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล กลัวว่าบุตรสาวของตนจะเริ่มหลงรักดอน·ดันเตส
เฮเซลไม่ชอบหนุ่มโสดรอบๆ ตัวเธอ เพราะอีกฝ่ายเด็กเกินไป ตื้นเขินเกินไป และไม่เอาการเอางาน? ดอน·ดันเตสเป็นสุภาพบุรุษประเภทที่เด็กผู้หญิงแก่แดดชอบสินะ… ลีอานน่าเริ่มเสียใจที่ชวนสุภาพบุรุษทรงเสน่ห์มาร่วมงานเต้นรำ
เธอรู้จักนิสัยเฮเซลเป็นอย่างดี หากหลงรักใครสักคนที่ครอบครัวต่อต้าน เธอจะหนีออกจากบ้านไปอย่างง่ายดาย
คล้ายกับเฮเซลอ่านความคิดมารดาออก กล่าวเสียงขรึม
“หนูชอบผู้ชายที่แข็งแกร่ง”
ฟู่ว… ลีอานน่าแอบโล่งใจ เลิกกังวลปัญหาเมื่อครู่ เพราะเฮเซลคือเด็กที่จะไม่พูดโกหก
…
กลางดึกสงัด เฮเซลลุกจากเตียง อาศัยเนตรมองกลางคืน สวมเสื้อผ้าที่ง่ายต่อการเคลื่อนไหว
หญิงสาวปืนลงจากระเบียงห้องนอนตัวเอง หลบเลี่ยงสายตาบอดี้การ์ดภายในบ้านอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งพ้นเขตสวน เฮเซลเดินเท้าต่อมายังฝาท่อระบายน้ำที่ตั้งอยู่ตอนกลางของถนนเบิร์คลุน จากตรงนี้ มนุษย์สามารถลงไปข้างล่างได้ด้วยบันไดแนวตั้ง
เฮเซลเปิดฝาท่ออย่างชำนาญ ปืนลงไป และปิดฝาท่อจากด้านใน
ราวสี่สิบห้านาทีถัดมา หญิงสาวโผล่ออกจากฝาท่ออีกแห่งหนึ่ง เดินเข้าไปซ่อนตัวในเงามืดริมถนน
ทันใดนั้น เฮเซลเห็นเงาดำกำลังกระโดดเข้าไปในสวนของบ้านหลังที่ไม่ห่างออกไป
“บ้านเลขที่ 160…” หญิงสาวอ่านป้ายเลขที่บ้าน
บ้านของดอน·ดันเตส
บนชั้นสามคฤหาสน์ ไคลน์ตื่นขึ้นเนื่องจากสัมผัสวิญญาณถูกกระตุ้น ในใจนึกอยากจับผู้บุกรุกที่บังอาจรบกวนเวลานอน และป้อนเป็นอาหารของยุบพองหิวโหย
ในคราวนี้ ชายหนุ่มเปิดกล่องบุหรี่โลหะ ปลอดปล่อยหุ่นเชิดวิญญาณอาฆาต
เซนอล สวมแจ็คเก็ตสีแดงเข้ม ลอยเข้าไปในกระจกเงาเต็มบาน จากนั้นก็กระโดดไปยังมุขหน้าต่างของห้องบุรุษรับใช้
‘มัน’ จ้องไปทางริชาร์ดสัน เห็นบุรุษรับใช้กำลังนั่งริมขอบเตียง มองไปทางประตูห้องด้วยท่าทางหวาดกลัวและกระวนกระวาย
ประตูเปิดออกอย่างเชื่องช้า ร่างของบุคคลหนึ่งปรากฏขึ้น
ภายใต้แสงจันทร์สีแดง ผู้บุกรุกมีผิวสีน้ำตาลอมเหลือง ใบหน้าอ่อนโยน ผมสั้นสีดำหยักศก ทั้งหมดคือลักษณะเด่นของชาวไบลัมจากทวีปใต้
ผู้บุกรุกยืนตรงประตูด้วยบรรยากาศเย็นเยียบ จ้องริชาร์ดสัน กล่าวเสียงทุ้ม
“ตัดสินใจได้รึยัง? อย่าคิดว่าการหนีไปจากพวกเรา จะช่วยให้ได้รับอิสรภาพและชีวิตอันแสนสงบสุขตามที่นายต้องการ สายเลือดของบริวารแห่งมรณากำลังไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนาย ชะตากรรมเดียวคือการอุทิศทุกสิ่งเพื่อฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของพระองค์”
“คิดถึงมารดาที่ตายไป คิดถึงการถูกกลั่นแกล้งที่เคยได้รับ นายจะปล่อยให้ทายาทของตัวเองเติบโตมาถูกกลั่นแกล้งเหมือนเดิมอีกหรือ? อยากเป็นขี้ข้าของใครสักคนไปตลอดรึไง?”
“ล…แล้วจะให้ฉันทำยังไง?” ริชาร์ดสันก้มหน้าลง กล่าวตะกุกตะกัก
“มีงานรอนายอยู่” เสียงของผู้บุกรุกอ่อนโยนลงเล็กน้อย
ริชาร์ดสันไม่ตอบ คล้ายกับกำลังลังเล
ผู้บุกรุกมิได้แยแสความลังเลนั้น ถือว่าอีกฝ่ายตอบตกลงแล้ว เพียงหันหลังกลับ เดินออกจากห้อง กลับทางเดียวกับที่เข้ามา
“บริวารแห่งมรณา… นิกายวิญญาณ หรือคนจากองค์กรฟื้นฟูราชวงศ์ไบลัม?” ไคลน์ ผู้ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เอนหลังกลับลงไปบนเตียงนอน พึมพำเงียบงัน “งานที่จะให้ริชาร์ดสันทำคืออะไร? ขโมยเงินเรา รวบรวมเงินทุนสำหรับองค์กร? หรือก่อการร้ายในงานเลี้ยงชนชั้นสูง?”
ขณะเดียวกัน ผู้บุกรุกปืนลงจากระเบียง เดินผ่านสวน กระโดดออกจากรั้วเหล็กชั้นนอก กลับไปยังถนน
ทันใดนั้น มันเห็นร่างหนึ่งพุ่งมาจากฝั่งซ้ายมือ จึงรีบโยกตัวหลบ กำหมัดแน่นและชกกลับไป
วืด!
กำปั้นกระแทกร่างดังกล่าว แต่กลับทะลุผ่านไปด้านหลัง คล้ายกับเป็นเพียงเงาดำที่เกิดจากโคมไฟถนน
ทันใดนั้น มันถูกอัดเข้าที่ท้ายทอยอย่างจัง หลับกลางอากาศและล้มกระแทกพื้น
ร่างของเฮเซลปรากฏขึ้นด้านหลังผู้บุกรุก สีหน้าเผยความตื่นเต้นเล็กๆ ประหนึ่งกำลังยินดีที่ตบตาอีกฝ่ายสำเร็จ
หญิงสาวสงบสติอย่างรวดเร็ว กลับมาทำโอหังตามเดิม พลางหันไปมองรั้วเหล็กของบ้านเลขที่ 160 ด้านข้าง
เธอโน้มตัวลง คว้าแขนผู้บุกรุกและค่อยๆ ลากไปวางไว้หน้าประตูบ้านดอน·ดันเตส
ถัดมา เฮเซลปล่อยมือซ้าย จัดการลบร่องรอยทั้งหมด เชิดคางขึ้นเบาๆ และเดินสองก้าว สั่นกระดิ่งหน้าบ้าน
จากนั้น หญิงสาวรีบหนีทันที ตรงกลับบ้านโดยอาศัยเงามืดริมถนน
ณ โคมไฟถนนด้านนอกบ้านเลขที่ 160 ร่างของชายวัยกลางคนสวมแจ็คเก็ตสีแดงเข้มและหมวกสามมุมทรงโบราณ กำลังปรากฏบนผิวกระจก เฝ้ามองเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
…
เราควรทำยังไงต่อ… ไคลน์ในห้องนอนกำลังเค้นสมองคิดอย่างยากลำบาก
ชายหนุ่มทราบว่า เฮเซลมีจิตใจดีและอยากช่วยเพื่อนบ้านจัดการกับผู้บุกรุกโดยไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน แต่หากปล่อยเอาไว้ หลังจากพ่อบ้านเรียกตำรวจ สืบสวนเรื่องราวลึกลงไป คดีนี้จะถูกส่งต่อให้เหยี่ยวราตรีแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น คำถามสำคัญก็คือ ใครเป็นคนจัดการกับผู้บุกรุก?
หากไคลน์เป็นเพียงคนธรรมดา เรื่องนี้ไม่น่ากังวล ปล่อยให้เหยี่ยวราตรีสืบสวนได้ตามใจชอบ ทว่า ไม่เพียงมันจะเป็นผู้วิเศษลำดับ 5 แต่ยังวางแผนขโมยของจากด้านหลังประตูยานิส ย่อมไม่อยากให้เหตุไม่คาดฝันเล็กน้อยมารบกวนงานใหญ่ ในกรณีเลวร้าย อาจถึงขั้นต้องเสียเวลาเปลี่ยนหน้าและตัวตนใหม่
ด้วยความสัตย์จริง ความคิดแรกในหัวคือการหาข้ออ้างไล่ริชาร์ดสันออก
อย่างไรก็ตาม ความคิดดังกล่าวถูกสั่นคลอนจากบทสนทนาที่ตนได้ยิน
หากเราไล่ริชาร์ดสันออกตอนนี้ ตัวเขาที่ปรารถนาชีวิตอันสงบสุขก็จะถูกเราถีบลงนรก ชะตากรรมที่เหลืออยู่มีเพียงการทำตามคำสั่งชั่วๆ ของคนเหล่านั้น… น่าเสียดาย ตัวตนดอน·ดันเตสเองก็มี ‘ภารกิจสำคัญ’ ไม่อย่างนั้น การช่วยริชาร์ดสันคงไม่ใช่เรื่องยาก…
สิบวินาทีถัดมา ผู้บุกรุกที่นอนหมดสติเกิดตื่นขึ้นกะทันหัน ขยับคอเล็กน้อย เข้าไปหลบในเงามืดใกล้เคียง พร้อมกันกับที่พ่อบ้านวอลเตอร์ผู้ได้ยินเสียงกระดิ่งและเพิ่งสวมเสื้อผ้าเสร็จ เดินออกจากประตูของอาคารหลัก
ราชันเร้นลับ 762 : สมาคมฟื้นฟูชาติ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เดินมาถึงประตูรั้ว วอลเตอร์อาศัยแสงจากโคมไฟถนน มองผ่านช่องว่างรั้วเหล็ก พบว่าด้านนอกไม่มีใคร ถนนเงียบสงัดเป็นปรกติ
ผ่านไปสักพัก วอลเตอร์สงสัยว่าตนคงหูฝาด เมื่อสักครู่ไม่มีเสียงกริ่งดัง!
มันข่มสมาธิ เร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องคนรับใช้ด้านหลังอาคารหลัก ปลุกบางส่วนให้ตื่น สั่งให้ถือปืนลูกซองแฝด เดินวนไปมารอบบ้านหลัก ป้องกันไม่ให้หัวขโมยหรือโจรแอบเล็ดลอดเข้ามา
วอลเตอร์ไม่ได้โทรแจ้งตำรวจ เพราะยังไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น บางที เสียงกริ่งเมื่อครู่อาจเป็นเพียงความคึกคะนอง
ขณะเดียวกัน ในทางระบายน้ำที่ใกล้ที่สุด ผู้บุกรุกคนเมื่อครู่กำลังใช้สองมือจับแท่งโลหะ ค่อยๆ ปืนลงทีละขั้น จนถึงจุดที่อากาศค่อนข้างเย็น
มันหยุดการเคลื่อนไหว เอนหลังพิงกำแพงที่เต็มไปด้วยตะไคร่สีเขียว ค่อยๆ นั่งลงบนพื้นสกปรก
ดวงตาของมันปิดลงอีกครั้ง กลับไปหมดสติตามเดิม โดยตรงหน้า ชายวัยกลางคนสวมหมวกสามมุมทรงโบราณและแจ็คเก็ตสีแดงเข้มค่อยๆ ปรากฏกาย ไม่ใช่ใครนอกจากหุ่นเชิดของไคลน์ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอล
เซนอลโน้มตัวลง ค้นเจอเหรียญเจ็ดซูล สิบเอ็ดเพนนีจากกระเป๋าเสื้อด้านใน และถุงผ้าขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยผงชนิดต่างๆ
ไคลน์ในห้องนอนกำลังควบคุมหุ่นเชิดที่ห่างออกไปหลายสิบเมตร จำแนกผงลึกลับทีละผง พบว่าเป็นไปตามที่ตนคาด ทั้งหมดคือผงสมุนไพรในขอบเขตของเทพมรณา และมีบางส่วนที่ใช้สำหรับ ‘สื่อวิญญาณ’ !
ผู้วิเศษจากไบลัม… มีความเป็นไปสูงว่าจะอยู่บนเส้นทาง ‘ผู้เก็บซากศพ’ … แม้จะไม่ใช่ลำดับ 7 ‘ผู้สื่อวิญญาณ’ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะพกผงสมุนไพรกับน้ำมันสกัดที่เกี่ยวข้อง เพราะท้ายที่สุดแล้ว วัตถุดิบเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้ในพิธีกรรม ‘สื่อวิญญาณ’ เสมอไป
ถัดมา ไคลน์บังคับหุ่นเชิดเซนอล ประกอบพิธีกรรมเรียบง่าย สวดวิงวอนถึงเดอะฟูล
จากนั้น ชายหนุ่มส่งตัวเองเข้าสู่มิติเหนือสายหมอกเพื่อตอบสนอง ช่วยให้อีกฝั่งสามารถดำเนินขั้นตอนถัดไป
จัดการทั้งหมดเสร็จ มันกลับสู่โลกความจริง บังคับ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลให้ประกอบพิธีกรรม ‘สื่อวิญญาณ’
ลอยตัวผ่านพายุแสงระยิบระยับ ไคลน์มองเห็นวิญญาณของผู้บุกรุก อีกฝ่ายกำลังอยู่ในภวังค์สับสน ร่างกายพร่ามัวและไม่คมชัด
“ชื่ออะไร ทำงานให้ใคร” เซนอลถามเสียงต่ำ
ผู้บุกรุกตอบอย่างล่องลอย
“โกดอปุส คนของแก๊งโครงกระดูกดำ”
แก๊งโครงกระดูกดำ… เป็นแก๊งอันธพาลริมเขตตะวันออกและย่านสะพานเบ็คลันด์ ใกล้กับเขตท่าเรือ… ส่วนใหญ่เป็นชาวไบลัม แม้ว่าจะไม่ป่าเถื่อนเท่าแก๊งซีมังเกอร์ แต่ก็มักต่อสู้และฆ่าคนอย่างบ้าบิ่น ก้าวร้าว ถึกทน และไม่กลัวตาย… ไคลน์นึกทบทวนข้อมูลที่เคยรวบรวมมาได้ บังคับให้เซนอลถามต่อ
“เป้าหมายหลักคืออะไร? ทำไมถึงมาหาริชาร์ดสัน?”
โกดอปุสตอบคลุมเครือ
“พวกเรากำลังต่อสู้เพื่อพระองค์… เดิมที พวกเราคือสมาคมฟื้นฟูชาติไบลัมตะวันออก แก๊งโครงกระดูกดำถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลและเงินทุน นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งเป้าหมาย เป็นการรวบรวบรวมสมบัติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทพมรณา ส่งกลับไปยังทวีปใต้… ในครั้งนี้ พวกเราได้รับเบาะแสที่น่าเชื่อถือว่า ภายในกรุสมบัติของเอิร์ลวูล์ฟมีหน้ากากที่ถูกขโมยมาจากหลุมศพของตระกูลอายเกส ทายาทผู้สืบเชื้อสายเทพโดยตรง… เพื่อที่จะนำหน้ากากกลับคืน เราจำเป็นต้องส่งคนเข้าไปทำงานในบ้านของเอิร์ลวูล์ฟ หรือไม่ก็ปะปนเข้าไปในงานเลี้ยงที่เอิร์ลวูล์ฟจัดขึ้น ด้วยเหตุนี้ ริชาร์ดจึงเป็นตัวเลือกที่ดี เขาไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับองค์กรใด มีประสบการณ์มากมายในฐานะคนรับใช้”
คนรับใช้ในตระกูลขุนนางใหญ่มักสืบทอดกันแบบ ‘รุ่นสู่รุ่น’ ไม่มีทางที่จะแทรกซึมเข้าไปได้ง่ายดายขนาดนั้น… เว้นเสียแต่ เจ้าบ้านต้องการคนเพิ่มเป็นกรณีชั่วคราว ถึงจะหันมาจ้างคนรับใช้ระยะสั้น…
จะว่าไปก็มีเรื่องทำนองนี้อยู่… ในงานเลี้ยงเมื่อคืน ผู้หญิงคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ขุนนางจำนวนไม่น้อยที่ฐานะทางการเงินย่ำแย่ เริ่มทยอยขายที่ดินและคฤหาสน์หลายหลัง ไล่คนรับใช้ออกเกือบหมด เหลือไว้ไม่ถึงสิบคน ใช้ชีวิตอย่างมัธยัสถ์ แต่เมื่อมีต้องจัดงานเลี้ยงเต้นรำ พวกเขาจะใช้เงินจ้างคนรับใช้ชั่วคราวจากสำนักงานจัดหางานต่างๆ …
สรุปได้ว่า เอิร์ลวูล์ฟกำลังครอบครองหน้ากากของตระกูลทายาทเทพมรณา… เรายังจำได้ มิสเตอร์อะซิกมีนามสกุลว่าอายเกส… น่าเสียดาย เราไม่อยากให้แผนหลักถูกรบกวนจากเหตุไม่คาดฝัน ไม่อย่างนั้นคงหาทางช่วยมิสเตอร์อะซิกชิงหน้ากากกลับคืน… ไคลน์พึมพำเงียบ บังคับให้เซนอลถามต่อ
“รู้จักริชาร์ดสันได้ยังไง”
โกดอปุสตอบห้วน
“พวกเราเคยพบกันในคฤหาสน์ที่ไบลัมตะวันออก สมัยนั้น เราสองคนต่างมีสถานะเป็นทาส… ในหมู่ทาส ใครบางคนแอบเผยแพร่ความชื่อของเทพมรณาอย่างลับๆ เป็นเหตุให้ฉัน ริชาร์ดสัน และมารดาของเขา กลายเป็นผู้ศรัทธาในเทพมรณา แอบเข้าร่วมองค์กรที่มีอิทธิพลอย่างมากในหมู่ทาสด้วยกัน… ในภายหลัง แม่ของริชาร์ดสันล้มป่วยและเสียชีวิต ตัวเขาถูกพามายังเบ็คลันด์ ส่วนฉันต้องอยู่ในไบลัมตะวันออกต่อไป พยายามหาโอกาสหนีออกจากคฤหาสน์… ไม่กี่ปีถัดมา ฉันถูกส่งมาทำงานที่เบ็คลันด์โดยบังเอิญ ทำให้ได้พบกับริชาร์ดสันอีกครั้ง แต่ว่า… เขาหลงลืมความตายของมารดา หลงลืมความทุกข์ยากสมัยที่เคยถูกกลั่นแกล้ง หลงลืมความศรัทธาที่มีต่อพระองค์ ถูกกัดกร่อนด้วยวิถีชีวิตอันแสนสงบสุข! เพื่อหลบหน้าฉัน เขาจงใจก่อความผิดพลาด เปลี่ยนนายจ้างถึงสามคนติดต่อกัน ทว่า เขาคงไม่ทราบ… สหายที่เคยรวมทุกข์ในอดีตไม่ใช่คนธรรมดาอีกแล้ว!”
ทุกคนมีสิทธิ์เลือกทางเดินของตัวเอง ตราบใดที่ไม่ทำร้ายใคร… แต่ริชาร์ดสันกับเราแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง… ไคลน์ในห้องนอนหลับตาลง บังคับเซนอลถามเสียงทุ้ม
“ชื่อขององค์กรลับที่มีอิทธิพลในหมู่ทาสคืออะไร?”
โกดอปุสลังเลสักพัก
“สมาคมชีวิตนิรันดร์ กลุ่มคนที่ศรัทธาในความตาย หลังจากออกจากโลกแห่งความจริงที่เจ็บปวด เราทุกคนจะได้รับความเป็นอมตะในโลกแห่งความตาย”
สมาคมชีวิตนิรันดร์… เราเคยได้ยินชื่อ สาขาย่อยของนิกายวิญญาณ… ไคลน์ที่เคยเป็นเหยี่ยวราตรี ทราบข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรลับพอสมควร
ชายหนุ่มยังคงบังคับหุ่นเชิดเซนอลเพื่อตั้งคำถามต่อไป ได้รับข้อมูลมากมายที่เกี่ยวข้องกับสมาคมชีวิตนิรันดร์ สมาคมฟื้นฟูชาติไบลัมตะวันออก และแก๊งโครงกระดูกดำ ยืนยันว่าสองมือของโกดอปุสและพรรคพวก ชุ่มไปด้วยเลือดคนบริสุทธิ์
สิ้นสุดการสื่อวิญญาณ จัดการลบร่องรอย รอประมาณครึ่งชั่วโมง ไคลน์บังคับให้ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอล เข้าสิงร่างโกดอปุสอีกครั้ง พาตัวมันออกจากทางระบายน้ำ เข้าไปแอบในเงามืดริมถนน
ถึงตรงนี้ ภายในบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน คนรับใช้ที่ถือปืนลูกซองแฝงเริ่มลดความเข้มงวดในการลาดตระเวน เชื่อว่าอันตรายที่ซ่อนอยู่ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ไคลน์แสร้งตีมึน เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องนอนใหญ่ แอบประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเอง ตอบสนองเอง นำนกหวีดอะซิก กล่องบุหรี่โลหะ และยุบพองหิวโหยออกจากบ้านในร่างวิญญาณ
ไคลน์ลอยตามหลังโกดอปุส รักษาระยะห่างแปดสิบเมตรไว้เสมอ เพื่อจะจัดการกับ ‘ตัวประกัน’ ที่หุ่นเชิดเซนอลกำลังครอบครอง ชายหนุ่มบังคับให้โกดอปุสเลี้ยวไปยังบล็อกถนนเส้นอื่น ขึ้นรถม้าเช่าตรงสี่แยก
ราวหนึ่งชั่วโมงถัดมา ‘โกดอปุส’ กลับถึงฐานใหญ่ของแก๊งโครงกระดูกดำ เป็นบ้านหลังเล็กๆ ใกล้กับท่าเรือ
ในบ้านเต็มไปด้วยอาวุธ มีสมาชิกหลายคนที่ถูกส่งมาจากสมาคมฟื้นฟูชาติไบลัมตะวันออก พวกมันคือกลุ่มหัวกะทิของแก๊งโครงกระดูกดำ
‘โกดอปุส’ ส่งสัญญาณตามที่นัดแนะกับพวกพ้อง เคาะประตูบ้าน กล่าวกับสมาชิกที่เข้ามาใกล้
“ริชาร์ดสันยอมร่วมมือแล้ว”
“ทำได้ดี” สมาชิกคนดังกล่าวมองหน้าโกดอปุสโดยไม่ได้ใส่ใจนัก หลีกทางให้ ปล่อยให้ผ่านเข้าไป
‘โกดอปุส’ มองไปรอบตัว เห็นวัตถุระเบิดร้ายแรงและปืนไรเฟิลหลายกระบอกกองสุมตรงมุมบ้าน รวมถึงสมาชิกระดับสูงหลายคนของแก๊งโครงกระดูกดำที่กำลังประชุม ไม่ทราบแน่ชัดว่าคุยอะไรกัน
“โกดอปุส สักมวนไหม?” สมาชิกคนเดิมยื่นบุหรี่ให้
นี่คือเครื่องยาสูบของชาวทวีปใต้ เกิดจากการนำสมุนไพรจำนวนหนึ่งมาห่อรวมกับใบยาสูบแห้ง
โกดอปุสรับไว้ หยิบกล่องไม้ขีดบนโต๊ะ นำไม้ขีดออกมาสองสามก้าน ขูดกับขอบเพื่อจุดไฟ
จากนั้น มันโยนไม้ขีดไฟที่กำลังลุกไหม้ไปตรงมุมห้อง เป้าหมายคือวัตถุระเบิดร้ายแรงที่ติดไฟได้ง่าย
“…” ทุกคนในห้องมองไปทางโกดอปุสด้วยสีหน้าเหม่อลอย ยังตามสถานการณ์ไม่ทันไปชั่วขณะ
บึ้ม!
บนเก้าอี้ม้านั่งที่ห่างออกไปจากตัวบ้านไม่กี่สิบเมตร ร่างวิญญาณของไคลน์กำลังนั่งสบายใจ เฝ้ามองกองไฟและบ้านไม้ที่กำลังลอยขึ้นฟ้า
ไม่กี่วินาทีถัดมา เซนอลในเสื้อแจ็คเก็ตสีแดงเข้มปรากฏตัวด้านข้าง มีร่องรอยถูกไฟคลอกเล็กน้อย
‘วิญญาณอาฆาต’ ตนดังกล่าวทาบมือลงบนหน้าอก แสดงความเคารพนอบน้อม ก่อนจะกลับเข้าไปในพื้นผิวเหรียญทองในกล่องบุหรี่โลหะ
น่าเสียดาย… เราไม่สามารถหยิบตะกอนพลังติดมือกลับไปได้ ไม่อย่างนั้นจะดูไม่เหมือนอุบัติเหตุ… หากไม่มีผู้วิเศษอยู่เลยในหมู่สมาชิกระดับสูงของแก๊งโครงกระดูกดำ นั่นคงน่าสงสัยเกินไป… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ จัดการลบร่องรอย ตัดขาดการเชื่อมต่อ ส่งตัวเองกลับไปยังห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา
เช้าวันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มทำตัวตามปรกติ ลุกขึ้นมาอาบน้ำ รอบุรุษรับใช้ส่วนตัวเข้ามาช่วยสวมเสื้อผ้า
ริชาร์ดสันเดินเข้ามาด้วยฝีเท้าเงียบเชียบ จัดการงานของตนอย่างชำนาญ
จากนั้น มันก้าวถอยหลัง ก้มศีรษะลงและกล่าว
“นายท่าน หลังจากจบสัปดาห์นี้ ผมขอลาออก”
มันได้รับเงินค่าแรงประจำสัปดาห์มาจากแม่บ้านทาเนญ่าแล้ว
“เพราะอะไร?” ไคลน์ยืนมองตัวเองในกระจก ซักถามขณะใช้มือจัดระเบียบเสื้อกั๊ก
ในเวลากัน ชายหนุ่มคิดในใจอย่างผ่อนคลาย : ไม่เลว ชิงลาออกด้วยตัวเอง ไม่ทำให้นายจ้างเดือดร้อน…
ริชาร์ดสันคิดคำแก้ตัวไว้แล้ว
“ผมตระหนักถึงความบกพร่องของตัวเอง… ที่งานเลี้ยงเมื่อคืน ผมได้พูดคุยกับบุรุษรับใช้ของแขกท่านอื่น พบว่าตัวเองยังห่างไกลนัก”
ไคลน์ยิ้ม
“ทุกคนย่อมไม่มีประสบการณ์มาก่อน จึงค่อยเติบโตขึ้นในภายหลัง… ลองคิดดูใหม่ พรุ่งนี้ค่อยบอกคำตอบกับผม”
“ครับ นายท่าน” ริชาร์ดสันไม่กล่าวคำใด เป็นฝ่ายเดินออกจากห้อง ลงไปยังชั้นหนึ่งเพื่อหยิบหนังสือพิมพ์ให้เจ้านายในตอนเช้า
ระหว่างนี้ มันมักพลิกอ่านเนื้อหาอยู่เสมอ จะได้วางฉบับที่น่าสนใจที่สุดไว้ด้านบน
กวาดสายตาอ่าน ดวงตาของมันพลันแข็งทื่อ จดจ้องไปยังพาดหัวข่าวหนึ่ง :
“เกิดเหตุระเบิดรุนแรงในบ้านเลขที่ 79 ถนนเดียร์ฮามย่านสะพานเบ็คลันด์ ทางการเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับแก๊งโครงกระดูกดำ”
“จากรายงานของตำรวจ สมาชิกระดับสูงของแก๊งโครงกระดูกดำเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทั้งหมด ประกอบไปด้วยลิม่า โมเรย์ร่า โกดอปุส…”
“นี่มัน…” ริชาร์ดสันส่ายหน้า สงสัยว่าตนกำลังฝันไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น