Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 723-724

 ราชันเร้นลับ 723 : วันนี้ก็ได้ทำความดีอีกแล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

ผ่านไปสักพัก ไคลน์ลูบหน้าผากพลางข่มสติ ตระหนักว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับตน


ชายหนุ่มไม่มีแรงจูงใจให้เข้าไปพัวพัน กองทัพโลเอ็นจะพบตัวทูรานี่·ฟอน·เฮลโมซีนหรือไม่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร ตนไม่ได้รู้สึกผูกพันกับอาณาจักรโลเอ็นสักเท่าไร สิ่งที่เคยทำในอดีตมีจุดประสงค์เพียงเพื่อขับเคลื่อนวิถีชีวิตมนุษย์ให้ดีขึ้น ป้องกันไม่ให้พลเมืองตายไปอย่างไร้ค่า หากเป็นไปได้ก็อยากผลักดันสังคมให้เดินไปข้างหน้า ชนชั้นรากหญ้าจะได้มีชีวิตแบบคนปรกติเสียที


คิดไม่ถึงว่าเราจะกลายเป็นนักสิทธิมนุษยชนหลังจากเดินทางข้ามโลก… ไคลน์หัวเราะ เตรียมส่งตัวเองกลับโลกจริงเพื่อหลับพักผ่อน ปล่อยให้ความโกลาหลด้านนอกเป็นไปตามครรลอง


แต่ทันใดนั้น มุมสายตาชำเลืองไปเห็นวัตถุที่ใหญ่ที่สุดในกองขยะ – เครื่องรับโทรเลขไร้สาย


จริงสิ… ฝ่ายใดกำลังควบคุมตัวทูรานี่·ฟอน·เฮลโมซีนอยู่? ถ้าเป็น ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดตก็ไม่น่ากังวล เธอยึดถือหลักการ ‘ทำอะไรก็ได้แต่ไม่เดือดร้อนใคร’ อย่างเคร่งครัด คงไม่ทำในสิ่งเลวร้าย…


แต่ถ้าเป็นโรงเรียนกุหลาบที่อยู่เบื้องหลังพลเรือเอกโลหิต นั่นคงไม่ใช่เรื่องดี พวกมันพยายามกวาดล้างฝ่าย ‘ระงับความกระหาย’ ขององค์กรอย่างป่าเถื่อน แถมยังนับถือ ‘เทพผู้ถูกล่าม’ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ พวกนี้ชั่วช้าไม่ต่างจากชุมนุมแสงเหนือ หากได้ครอบครองเทคโนโลยีล้ำยุค เกรงว่าอาจจะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่… ไคลน์ยกเลิกการนำพลังวิญญาณมาห่อหุ้มร่างกาย ใช้ปลายนิ้วเคาะขอบโต๊ะทองแดงยาว


เพียงไม่นาน ชายหนุ่มผุดไอเดียใหม่ นั่นคือการนำเครื่องรับโทรเลขไร้สายกลับไปยังโลกความจริง ปรับไปยังย่านความถี่หนึ่ง ดักฟังโทรเลขจากเครือข่ายของพลเรือเอกโลหิต จากนั้นก็ใช้สมุดถอดรหัสแปลความหมาย


ชาวเมืองทุกคนถูกสอบปากคำแบบปูพรม ต้องเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและสำคัญมาก… หากพวกมันควบคุมตัวเฮลโมซีนอยู่จริง มีโอกาสสูงที่จะเกิดการส่งโทรเลข… ด้วยวิธีการติดต่อดังกล่าว ทั้งสภาเมือง กองทัพโลเอ็น หรือกระทั่งโบสถ์วายุสลาตัน ล้วนไม่มีใครครอบครองเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากพอ ถือเป็นช่องทางที่ปลอดภัย… ลำพังการตายของเฒ่าควินน์อาจไม่ถึงกับทำให้พวกมันเปลี่ยนย่านความถี่และรูปแบบการถอดรหัส… คุ้มค่าที่จะลองเสี่ยง… ตัดสินใจได้ ไคลน์ไม่รีรอ รีบกลับโลกความจริง เตรียมพิธีกรรมรับมอบ


หลังจากนำเครื่องรับโทรเลขมาไว้ในห้อง ชายหนุ่มไม่รีบร้อนเปิดใช้งาน เพียงนำกริชเงินสำหรับประกอบพิธีกรรมมาสร้างกำแพงวิญญาณ ผนึกห้องอย่างมิดชิด


ทำเช่นนี้ก็เพื่อขจัด ‘ออร่า’ ของหมอกสีเทา!


สำหรับชายหนุ่ม การระบุฝั่งที่กำลังควบคุมเฮลโมซีนไม่ใช่เรื่องยาก แค่ปล่อยให้เครื่องรับโทรเลขเจือกลิ่นอายของสายหมอก เชื่อมต่อกับ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสและถามในสิ่งที่อยากรู้ แต่ปัญหาคือ การถามตอบครั้งล่าสุดเพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน หากกลิ่นอายของหมอกสีเทาปรากฏบ่อยครั้ง เกรงว่าเทพมารอย่างพระผู้สร้างแท้จริงและแม่มดบรรพกาลจะสัมผัสถึง


ไคลน์ตัดสินใจไม่ประมาท พึ่งพาเฉพาะความสามารถของตัวเอง


ราวเจ็ดแปดนาทีถัดมา หลังจากสัมผัสได้ว่า ‘ออร่า’ เลือนหายไปจนหมด ชายหนุ่มปลดกำแพงวิญญาณ เปิดใช้งานเครื่องรับโทรเลขเพื่อดักฟัง


ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ คลื่นความถี่ที่ตั้งไว้เริ่มมีการตอบสนอง!


ไคลน์ข่มความยินดี รีบจำข้อความและเปิดคู่มือการถอดรหัสซึ่งสร้างจากเทคนิคทำนาย จากนั้นก็ถอดความหมาย


เพียงไม่นาน มันเขียนประโยคหนึ่งลงบนแผ่นกระดาษ


“อาคารหมายเลข 32 ถนนพริกไทยดำ เจ็ดโมงเช้า”


เป็นอย่างที่คิด… ฝ่ายพลเรือเอกโลหิตกำลังควบคุมเฮลโมซีน ในหมู่พวกมันน่าจะมีบุคคลทรงพลังของโรงเรียนกุหลาบอยู่เบื้องหลัง… ไคลน์สรุปสมมติฐาน


ข้อสรุปนี้ไม่ได้มาจากเนื้อหาโทรเลข แต่การ ‘ได้รับ’ โทรเลขต่างหากที่เป็นเครื่องยืนยัน


หากเฮลโมซีนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพลเรือเอกโลหิต คืนนี้ตนคงไม่บังเอิญได้รับโทรเลขที่เกี่ยวกับถนนเส้นหนึ่งในบายัม!


เนื้อหาของโทรเลขหมายถึง ให้ไปพบกันที่อาคารหมายเลข 32 ของถนนพริกไทยดำก่อนเจ็ดโมงเช้าวันพรุ่งนี้? หรือโอเดลและเฮลโมซีนกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น จึงแจ้งตำแหน่งตัวเองให้พลเรือเอกโลหิต? ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ตัดสินใจส่งตัวเองกลับมิติหมอก นำข้อมูลมาวิเคราะห์และเขียนประโยคทำนาย


“ตำแหน่งปัจจุบันของทูรานี่·ฟอน·เฮลโมซีน”


มือหนึ่งถือกระดาษ หลังเอนพิงพนัก ไคลน์พึมพำประโยคทำนายและส่งตัวเองเข้าสู่ความฝันด้วยการเข้าฌาน


ท่ามกลางโลกมายาสีเทา ชายหนุ่มเห็นโถงใต้ดินที่มีโคมตะเกียงผนังจำนวนมาก


ภายในโถงมีเครื่องจักรซับซ้อนขนาดใหญ่ ด้านในประกอบด้วยกระบอกทองแดง คันโยก คาน และเฟืองจำนวนมาก กินเนื้อที่ราวหนึ่งในสามของห้องโถง


ชายชราร่างกายผมบาง ผมสีขาวรุงรัง สวมชุดคลุมตัวหนา กำลังเดินวนเวียนไปมาด้านหน้าเครื่องจักร โยนลูกอมใส่ปากและเคี้ยวเสียงดัง


“ไม่ได้… มันไม่ควรถูกเรียกว่าเครื่องหาผลต่าง เด็กที่น่ารักคนนี้สามารถคำนวณและหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง… ใช่แล้ว ชื่อของมันต้องเป็น ‘เครื่องคำนวณ’ !” ชายชราพูดกับตัวเอง จนกระทั่ง ‘หน้าจอ’ ไคลน์เลื่อนขึ้นจากห้องใต้ดิน ฉายภาพรวมของตัวงอาคารด้านบน


อาคารสามชั้นขนาดเล็กแห่งนี้คือคฤหาสน์ที่มีสวนและสนามหญ้า ด้านนอกมีป้ายเลขที่บ้านเขียนไว้ว่า :


“32 ถนนพริกไทยดำ” !


เป็นที่นี่จริงๆ … ไคลน์ลืมตา ถอนหายใจแผ่ว


จากนั้น ชายหนุ่มเริ่มพบปัญหาในแผนการขั้นถัดไป


นักวิทยาศาสตร์ไม่มีประโยชน์กับเรา รังแต่จะสร้างปัญหา และเราก็ไม่สามารถเก็บเขาไว้ในมิติหมอก… ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือเอง… ทำยังไงดี… แจ้งข่าวให้กองทัพโลเอ็นหรือโบสถ์วายุ? การทำแบบนี้จะช่วยตัดกำลังโรงเรียนกุหลาบได้มาก แต่ต้องไม่ลืมว่า ในกองทัพมีคนที่อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์ การที่เฮลโมซีนตกไปอยู่ในมือพวกมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน… ทางด้านโบสถ์วายุสลาตันเองก็มีเชื่อเสียงในด้านไม่ดีนัก ปฏิการจู่โจมอาจทำให้เฮลโมซีนได้เข้าเฝ้าเทพที่เขาศรัทธา… ไคลน์ไตร่ตรองอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ผุดแนวคิดใหม่ที่บ้าบิ่น


ประกาศตำแหน่งของทูรานี่·ฟอน·เฮลโมซีนออกสู่สาธารณะ ทางกองทัพหรือโบสถ์จะได้ไม่กล้าแย่งชิงตัวไปเก็บไว้คนเดียว!


ความสมดุลคือกุญแจ… ไคลน์ยิ้มพลางพึมพำ เสกคทาเทพสมุทรด้วยการกวักมือ


ในอดีต หากไคลน์ต้องการกระจายข่าว วิธีเดียวคือการแอบติดใบปลิวทั่วเมือง แต่สำหรับปัจจุบัน มันมีวิธีที่สะดวกและได้ประสิทธิภาพมากกว่านั้น!


เลือกสาวกที่เพิ่งสวดวิงวอนมาคนหนึ่ง ไคลน์ซูมภาพออก มองเห็นทัศนียภาพรอบจุดดังกล่าวไกลถึงห้ากิโลเมตร


จากนั้น ชายหนุ่มใช้คทาเทพสมุทรควบคุมลมในละแวกใกล้เคียง!


เพ่งสมาธิสักพัก ไคลน์ถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปในฉาก ดัดเสียงให้ทุ้มต่ำและกล่าว


“เฮลโมซีนอยู่ที่อาคารหมายเลข 32 ถนนพริกไทยดำ!”


ฟ้าว!


ภายในบายัม สายลมกระโชกพัดผ่านทุกซอกมุม มาพร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่น่าเกรงขาม


“เฮลโมซีนอยู่ที่อาคารหมายเลข 32 ถนนพริกไทยดำ!”


“เฮลโมซีนอยู่ที่อาคารหมายเลข 32 ถนนพริกไทยดำ!”



เสียงดังกล่าวแพร่กระจายทั่วบายัมอย่างรวดเร็ว คล้ายกับการส่งเสียงตามสายไปรอบเมือง


ในเวลาเดียวกัน ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดลกำลังสวมเสื้อคลุมหัว แสร้งปลอมตัวเป็นเฮลโมซีน ซ่อนตัวอยู่ในย่านสลัมของชาวเลือดผสม โผล่ตัวออกมาเป็นครั้งคราว หลอกล่อให้คนของ MI9 และกรมตำรวจหลงทาง


แต่ทันใดนั้น สายลมกระโชกพัดผ่าน เสียงหนึ่งดังแว่ว


“เฮลโมซีนอยู่ที่อาคารหมายเลข 32 ถนนพริกไทยดำ!”


อะไรกัน…? ขณะเสียงกังวาน สีหน้าโอเดลพลันชะงัก เสียหลักตกหลังคาจนเกือบได้รับบาดเจ็บหนัก


ณ ด้านหลังมหาวิหารคลื่นสมุทร ภายในอาคารเล็กๆ ใกล้กับสภาเมือง แยนน์·ค็อตแมนและโรเบิร์ต·เดวีส์ได้ยินเสียงจากสายลมก่อนใคร


ท่าทีตอบสนองแรกคือการแหงนหน้ามองท้องฟ้า จากนั้นก็หันไปยังทิศทางของถนนพริกไทยดำ


หลังจาก ‘ส่งเสียงตามสาย’ เสร็จ ไคลน์โยนคทาเทพสมุทรเข้าไปในกองขยะอย่างอารมณ์ดี กลับมายังโลกความจริง


ชายหนุ่มไม่รีบร้อนที่จะนำเครื่องรับโทรเลขขึ้นมิติหมอก รอดักฟังการส่งข้อความครั้งถัดไป


ด้วยแผนการนี้ ต่อให้บุคคลทรงพลังของโรงเรียนกุหลาบกำลังซ่อนตัวอยู่ในเมืองบายัมจริง มันก็คงไม่กล้าโผล่หัว… หึหึ ไม่อย่างนั้น ชะตากรรมเดียวของมันคือการ ‘มอบตัว’ กับอาณาจักร! น่าเสียดายที่เราไม่ชอบเขียนไดอารีเหมือนจักรพรรดิ ไม่อย่างนั้นคงบันทึกลงไปว่า : วันนี้ก็ได้ทำความดีอีกแล้ว! ไคลน์ถอนหายใจ ถอดเสื้อโค้ทและกลับไปนอน ไม่สนใจว่าด้านนอกจะเกิดอะไรขึ้น เพราะไม่ใช่เรื่องของตนอยู่แล้ว


หลับไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ชายหนุ่มตื่นขึ้นกะทันหัน นั่งลงบนเตียงพร้อมกับได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง


ใครอีก? เคาะประตูในยามวิกาล… ตอนนี้เราคือจอห์น·ยอร์ด… ไคลน์สวมยุบพองหิวโหย หยิบลางมรณะจากใต้หมอนและเดินตรงมายังประตู


ภาพของผู้มาเยือนปรากฏในใจ เป็นชายผมสีเทารุงรัง สวมแจ็คเก็ตผ้าฝ่าย โค้ทขนสัตว์ กำลังโยนลูกอมสีน้ำตาลใส่ปาก


ทูรานี่·ฟอน·เฮลโมซีน!


เชี่ย! หมอนั่นมาหาเราทำไม? เราเป็นแค่คนธรรมดานามว่าจอห์น·ยอร์ด! นอกจากนั้น เขาหนีรอดจากการไล่ล่าของเหล่าครึ่งเทพได้ยังไง? ไคลน์อยากตอบกลับไปว่า คุณเคาะประตูผิดห้องแล้ว แต่สุดท้ายก็กลืนคำ เพียงถามกลับไป


“คุณกำลังมองหาใคร”


เฮลโมซีนหัวเราะแหบพร่า


“ข้าสังเกตเห็นเจ้าตั้งแต่ในผับสาหร่ายทะเลแล้ว แต่ตอนนั้นไม่มีโอกาสได้พูดคุย… ฮะฮะ! ชีวิตของข้าใกล้ถึงจุดจบแล้ว จึงมีหลายสิ่งให้ขบคิดก่อนตาย… ได้โปรดให้ข้าแนะนำตัวเอง… เจ้าสามารถเรียกข้าว่า ‘แสงส้ม’ ฮิลลาเรี่ยน”


‘แสงส้ม’ ฮิลลาเรี่ยน? ไคลน์ผงะในตอนแรก ก่อนจะถามกลับอย่างเคลือบแคลง


“แล้วคุณต้องการอะไร”


เฮลโมซีนหัวเราะ


“ข้ามาที่นี่เพื่อเตือนให้เจ้าระวังมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย!”


มันเว้นวรรค


“เอาล่ะ ข้าต้องไปแล้ว ถึงเวลาตายและกลับสู่โลกวิญญาณ…”


“…”


“เจ้ามีศัตรูแถวนี้ไหม”


“ถามทำไม?” ไคลน์ถามกลับอย่างสับสน


เฮลโมซีนกระแอม


“ข้าจะไปตายหน้าประตูห้องของเจ้านั่นให้ ไม่มีวิธีการแก้แค้นใดได้ผลกว่านี้แล้ว”


ราชันเร้นลับ 724 : ความนัยในคำเตือน

โดย

Ink Stone_Fantasy

ได้ยินคำตอบจากเฮลโมซีน มุมปากไคลน์กระตุกอย่างมิอาจควบคุม เกือบตอบสนองไม่ถูกไปพักใหญ่


ศัตรูของฉันไม่ได้อยู่ในบายัม… และถ้าให้นายไปตายหน้าห้องของเจ้าสมุทร นั่นคงไม่เกิดประโยชน์อะไรนัก… ชายหนุ่มสูดลมหายใจช้าๆ ไม่สนใจคำพูดเมื่อครู่ เปลี่ยนไปถามเรื่องใหม่


“เฮลโมซีน… ไม่สิ มิสเตอร์ฮิลลาเรี่ยน ทำไมคุณถึงรู้ว่าเป็นผม”


แถมยังแวะมาบอกก่อนจะตาย!


นี่คือสิ่งที่อยากถามกับ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสและผู้ส่งสารไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ยังไม่สบโอกาส


เฮลโมซีนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามประตู เงียบงันสองวินาที ตอบด้วยรอยยิ้ม


“เจ้ามีร่องรอยพิเศษอยู่กับตัว… สิ่งมีชีวิตระดับสูงของโลกวิญญาณจะมองเห็นได้ทันที ขอเพียงเข้าใกล้… เหนือสิ่งอื่นใด หมอกสีเทาคือสัญลักษณ์ของผู้ปกครองสูงสุดแห่งโลกวิญญาณ เป็นเจ้านายเหนือพวกเราทุกคน นอกจากนั้น เทพและผู้วิเศษบนเส้นทางแห่งโชคชะตาก็สามารถมองเห็นได้ระดับหนึ่ง แน่นอน ต้องเข้าใกล้เช่นกัน”


หมอกสีเทา… แม้คำอธิบายของ ‘แสงส้ม’ จะใกล้เคียงกับอาโรเดส แต่ก็เป็นคนแรกที่พูดถึงหมอกโดยตรง! มิติลึกลับนั่นคืออาณาจักรแห่งเทพที่ผู้ปกครองสูงสุดเหนือโลกวิญญาณเหลือทิ้งไว้? เป็นลำดับ 0 ของเส้นทางไหน? เทพสามารถมองเห็นหมอกสีเทารอบตัวเรา หนึ่งในนั้นคือมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย… และท่านกำลังเล็งเราอยู่? ขณะสมองกำลังคุกรุ่น ไคลน์เตรียมซักถาม


แต่เฮลโมซีนชิงเล่าต่อ


“จากคำทำนายของ ‘แสงเหลือง’ ผู้ปกครองสูงสุดเหนือโลกวิญญาณคือหนึ่งในตัวแปรสำคัญของวันแตกดับ แต่ข้าไม่มั่นใจว่าเจ้าจะเป็น ‘ท่านผู้นั้น’ หรือไม่ ยังมีความเป็นไปได้อีกหลายทางที่ทำให้เจ้าแสดงความพิเศษของท่านผู้นั้นออกมา ยกตัวอย่างเช่น เจ้าเป็นข้ารับใช้ของพระองค์ เป็นบุตรของพระองค์ หรือเป็นผู้ส่งสารที่พระองค์เลือก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ข้าเมินเจ้า… อะแฮ่ม เจ้ารู้จักตลาดหลักทรัพย์แห่งกรุงเบ็คลันด์ใช่ไหม? เจ้าเป็นเหมือนกับหุ้นรางรถไฟ มีอนาคตที่ดี หลายคนกำลังจับตามองและอยากลงทุน แต่ขณะเดียวกันก็ดึงดูดคนโลภเข้ามาด้วยเช่นกัน พวกมันหวังจะยึดครองและควบคุมบริษัทให้อยู่ในกำมือตัวเอง ฝ่ายแรกคือตัวข้า ส่วนฝ่ายหลังคือมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย สิ่งมีชีวิตวิญญาณที่ทรงพลังกว่ามาก”


นั่นสินะ… นอกจากเรา ยังมีผู้เดินทางข้ามโลกคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับมิติหมอก โรซายล์มหาราช… ถ้าไม่ใช่เพราะเราทำนายบนมิติหมอกถึงต้นกำเนิดของตัวเองและเห็นภาพโลกเก่า โดยความทรงจำทั้งหมดยังชัดเจน เราคงสงสัยว่าตัวเองเป็นร่างจุติของผู้ปกครองสูงสุดแห่งโลกวิญญาณ… พิจารณาจากประสบการณ์ จักรพรรดิโรซายล์และเราน่าจะถูกเลือกให้เป็นผู้ส่งสาร… หรือว่าผู้ปกครองสูงสุดแห่งโลกวิญญาณคือ ‘ราชันสวรรค์ไร้ขอบเขตประทานโชค’ ? ไคลน์อดคาดเดาไม่ได้ สมองกำลังปั่นป่วนราวกับโหลแยมที่ถูกแมวตบเล่น


ชายหนุ่มข่มจิตใจและกล่าว


“แล้วมีวิธีซ่อนร่องรอยไหม”


“กลายเป็นครึ่งเทพ” กล่าวจบ เฮลโมซีนไอแห้งสองครั้ง “ถ้าข้าตายหน้าประตู เจ้าจะถือไหม”


“…ถือ” ไคลน์ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของครึ่งเทพอย่าง ‘เจ้าสมุทร’ แยนน์·ค็อตแมนและพลเรือเอกโรเบิร์ต·เดวีส์


เฮลโมซีนกัดลูกอมและกล่าวต่อ


“เช่นนั้นก็ต้องขอตัว หากข้าไม่รีบไปอาจไม่ทันการ… ถ้าเจ้ากลายเป็นครึ่งเทพและมีพลังมากพอจะสำรวจส่วนลึกของโลกวิญญาณเมื่อไร พวกเราคงได้พบกันอีก”


ไคลน์เงียบงันหนึ่งวินาที


“ขอบคุณสำหรับคำเตือน มิสเตอร์ฮิลลาเรี่ยน”


เฮลโมซีนไม่ตอบสนอง เพียงเดินไปทางบันไดด้วยฝีเท้าหนัก


ได้ยินเสียงเท้าสัมผัสกับบันไดขั้นแรก ไคลน์ดึงความสนใจกลับ ลองคาดเดาสาเหตุที่จักรพรรดิโรซายล์พบค้นพบมิติหมอกแต่เข้ามาไม่ได้


ตอนที่จักรพรรดิจำลองถาดเงินสำหรับเดินทางข้ามโลกขึ้นมาใหม่ เขากลายเป็นผู้วิเศษแล้ว แต่ตอนที่เราประกอบพิธีกรรมเสริมดวงชะตา ตอนนั้นยังเป็นแค่คนธรรมดา… แล้วก็… จักรพรรดิโรซายล์เลือกเส้นทาง ‘นักปราชญ์’ แต่เราเลือกเส้นทาง ‘นักทำนาย’ … พลังของมิติลึกลับเหนือสายหมอกเอื้อประโยชน์แก่การทำนายมาก…


หมายความว่า เงื่อนไขในการเข้าสู่มิติสายหมอกคือต้องเป็นคนธรรมดา หรือไม่ก็ผู้วิเศษเส้นทางนักทำนาย ขณะเดียวกันก็ต้องทราบคาถา สัญลักษณ์ หรือไม่ก็พิธีกรรมสำหรับเข้ามาในมิติ? จักรพรรดิโรซายล์ทดลองช้าเกินไป แถมยังผิดเส้นทาง ทำให้ไม่สามารถเข้าได้…


หากมองในมุมดังกล่าว เส้นทางใกล้เคียงกับนักทำนายอย่าง ‘ผู้ฝึกหัด’ และ ‘นักจารกรรม’ ก็คงเข้าได้เช่นกัน หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่ทำให้จักรพรรดิเสียดายที่ไม่เลือกสามเส้นทางนี้? นอกจากจะไม่มีลำดับ 0 ไม่ถูกรบกวนจากเทพเบื้องบน ยังเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าสู่มิติหมอก?


ขณะความคิดแล่นผ่าน ไคลน์ตัดสินใจระงับความสงสัยที่มิอาจพิสูจน์ นำคำเตือนของ ‘แสงส้ม’ ฮิลลาเรี่ยนมาตีความ


จงระวังมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย?


จากสิ่งที่เกิดกับพลเรือเอกอมิรุส ไคลน์เริ่มหวาดระแวงมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย ถึงขั้นต้องเปลี่ยนตัวตน หลบซ่อนนานกว่าสองเดือน แต่นั่นก็เป็นโอกาสในการสวมบทบาทและย่อยโอสถ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มเริ่มไม่อยากเข้าไปพัวพันกับพลเรือเอกโลหิตและคนของโรงเรียนกุหลาบ ด้วยเกรงว่าจะติดกับดักเข้าสักวัน


เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่ มนุษย์ปรกติคงหาทางแก้ไข ไคลน์เองก็เช่นกัน แต่ติดตรงที่ตนไม่มีทางเลือก


มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายต้องสงสัยว่าจะเป็นเทพแท้จริงในลำดับ 0 อาศัยอยู่บนโลกดารา ถึงไคลน์จะขึ้นไปหา แต่ก็ไม่สามารถโจมตีได้ ไม่มีวันเอาชนะ แถมหล่อนยังมีกองกำลังในมือ – โรงเรียนกุหลาบคือองค์กรเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ยอมไม่ขาดแคลนเทวทูตและสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ไม่อย่างนั้นคงมิอาจรับมือศัตรูรอบทิศและโบสถ์หลักได้จวบจนปัจจุบัน ดังนั้น ถึงไคลน์จะขอร้องให้มิสเตอร์อะซิกและพวกพ้องคนอื่นๆ ช่วย แต่การถอนรากถอนโคนโรงเรียนกุหลาบก็ทำได้ยาก บางทีอาจได้ผลตรงกันข้าม


ด้วยเหตุผลข้างต้น ไคลน์ไม่มีทางเลือกนอกจากซ่อนตัว ภาวนาให้เลื่อนเป็นลำดับ 4 – ครึ่งเทพโดยเร็ว


เราคอยระวังตัวจากมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายมาสักพักแล้ว… ทำไมเขาถึงต้องเตือนซ้ำ? หรือว่า ‘แสงส้ม’ ฮิลลาเรี่ยนจะไม่ทราบเรื่องที่เราเคยตกหลุมพรางเทพมารตนนี้บนเกาะโอลาวี?


ไม่น่าจะใช่… หรือการจงใจมาหาเราในวันนี้และมอบคำเตือน เป็นเพราะอีกฝ่ายเตรียมลงมือครั้งใหญ่?


หืม… ก่อนหน้านี้เขาถูกควบคุมตัวโดยพลเรือเอกโลหิต และพลเรือเอกโลหิตก็เป็นสมาชิกของโรงเรียนกุหลาบ บางทีเฮลโมซีนอาจได้รู้อะไรเข้า!


ไคลน์เริ่มตื่นตัว เชื่อว่าลำพังการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของผู้ไร้หน้า ไม่มากพอที่จะช่วยให้หลบหนีการไล่ล่าของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย!


จากคำบอกเล่าของ ‘แสงส้ม’ ฮิลลาเรี่ยน อีกฝ่ายจะต้องเข้าใกล้เสียก่อน จึงจะพบความพิเศษในตัวเรา… แต่ถ้าอยู่ใกล้ แม้แต่พลังของผู้ไร้หน้าก็เปล่าประโยชน์! หลังจากที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมานาน คราวนี้มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายเตรียมให้สาวกลงมือโดยการใช้พิธีกรรมหรือสมบัติวิเศษบางอย่าง และแผนการดังกล่าวใกล้เสร็จแล้ว? ไคลน์บรรจงขมวดคิ้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งมองว่าสมเหตุสมผล


ข้อมูลข้างต้นทำให้ชายหนุ่มอยากรีบกลับเบ็คลันด์ทันที เพราะภายในเมืองใหญ่ดังกล่าว กระทั่งเทวทูตก็ยังลงมือบุ่มบ่ามไม่ได้ เฉกเช่นอสรพิษแห่งชะตา ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นสาวกของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายหรือยอดฝีมือของโรงเรียนกุหลาบ พวกมันก็ไม่สามารถทำตามอำเภอใจ ต้องรอคอยโอกาสอย่างใจเย็นเท่านั้น!


ฟู่ว… ไคลน์ถอนหายใจ ส่งตัวเองเข้ามิติหมอก ทำนายถึงอันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิต


คำตอบออกมาเป็น ‘ไม่’ – ไม่มีอันตรายถึงชีวิต


แต่ไคลน์ไม่ผ่อนคลาย ยังคงไม่ลืมว่ามารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายสามารถ ‘บิดเบือน’ ผลการทำนายจากมิติหมอกได้ระดับหนึ่ง!


และเมื่อนานมาแล้ว สัมผัสวิญญาณของชายหนุ่มเคยเตือนไม่ให้ทำนายถึงตะกอนพลังมนุษย์หมาป่า คงเพราะวัตถุดังกล่าวเกี่ยวพันกับ ‘เทพผู้ถูกล่าม’ และ ‘เทพผู้ถูกล่าม’ ต้องสงสัยว่าจะเป็นร่างอวตารของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย!


เป็นไปได้สองทาง หนึ่งคือ เราคิดมากไปเอง… และสองคือ เรากำลังจะฉิบหาย อีกฝ่ายลงทุนบิดเบือนคำทำนายของเราและใกล้ลงมือเต็มที… ไม่ว่ายังไงก็ต้องระวังตัว ต่อให้เป็นการตื่นตระหนกไปเอง ก็ยังดีกว่าถูกโรงเรียนกุหลาบจับตัวไป ไม่รู้ว่ามารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายจะทำอะไรกับเราบ้าง! ไคลน์รีบกลับโลกความจริง หยิบกระดาษและปากกา เขียนจดหมายไปหามิสเตอร์อะซิกโดยด่วน


เมื่อพิจารณาว่า ‘โลกแห่งความตาย’ เป็นส่วนหนึ่งของโลกวิญญาณ ถ้าอย่างนั้น ครึ่งเทพเส้นทาง ‘เทพมรณา’ ย่อมต้องเป็นสิ่งมีชีวิตวิญญาณระดับสูงด้วย หลังจากมิสเตอร์อะซิกฟื้นคืนความทรงจำกลับมา มีโอกาสมากที่จะมองเห็น ‘ร่องรอย’ พิเศษ ไคลน์จึงไม่จำเป็นต้องปิดบัง เขียนลงไปตรงๆ ถึงบทสนทนาระหว่างตนและ ‘แสงส้ม’ ฮิลลาเรี่ยนที่กำลังสวมบทบาทเป็นยอดนักวิทยาศาสตร์เฮลโมซีน เพียงแต่ไม่ได้เขียนถึงหมอกสีเทา และไม่ได้เขียนถึงผู้ปกครองสูงสุดเหนือโลกวิญญาณ


จากนั้น ไคลน์ลงท้ายว่า :


“คำเตือนของมิสเตอร์ฮิลลาเรี่ยน… หมายความว่าผมกำลังจะได้รับอันตรายจากโรงเรียนกุหลาบในเร็วๆ นี้ใช่ไหม?”


พับกระดาษเสร็จ หลังจากเป่านกหวีดอัญเชิญผู้ส่งสารมาหยิบจดหมาย ไคลน์มองว่าตนยังป้องกันตัวเองได้ไม่รัดกุมพอ จึงหยิบฮาร์โมนิก้านักผจญภัยขึ้นมาเป่า


อย่างไร้สุ้มเสียง ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ปรากฏกายเบื้องหน้า สี่หัวที่มีผมสีทองตาสีแดงหันมาจ้อง


“ไม่มี…” “จดหมาย…”


“ครั้งนี้ผมต้องการปรึกษาบางสิ่งกับคุณ” ไคลน์ยิ้ม มอบเหรียญทองที่ได้จากแอนเดอร์สัน “นี่เป็นค่าอัญเชิญ”


ไรเน็ต·ไทน์เคอร์ใช้ศีรษะข้างหนึ่งงับเหรียญทอง อีกสองหัวกล่าวเรียงกัน


“มี…” “อะไร…”


“ผมอาจจะตกอยู่ในอันตรายเร็วๆ นี้ คงอัญเชิญคุณออกมาช่วยได้… ใช่ไหม?” ไคลน์พยายามส่งสายตาจริงใจ


แปดดวงตาของไรเน็ตต์หันมาจ้องพร้อมกัน


“หนึ่ง…” “หมื่น…” “เหรียญ…” “ทอง…”


หนึ่งหมื่นเหรียญทอง เทียบเท่าหนึ่งหมื่นปอนด์! ไคลน์อ้าปากค้าง ตามด้วยฝืนยิ้ม


“ตอนนี้ผมไม่มีเงินมากขนาดนั้น”


หัวทั้งสี่ของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์กล่าวเรียงกัน


“อนุญาต…” “ให้…” “ผ่อน…” “จ่าย…”


ผ่อนจ่าย… ไคลน์คิดไม่ถึงว่ามิสผู้ส่งสารจะมีหัวสมัยใหม่ นิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะตอบ “ตกลง”


ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ไม่กล่าวคำใด สี่หัวพยักหน้าพร้อมกัน หายตัวไปต่อหน้าไคลน์ กลับเข้าสู่โลกวิญญาณ


……………………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)